ผู้อำนวยการสำนักวัฒนธรรมกีฬาและการท่องเที่ยว กทม. เผย พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ มีรับสั่งว่า อยากให้ประชาชนที่เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพ ได้เข้ากราบสักการะทุกคน ให้จัดระบบยืม - คืน ผ้าถุงดำทรงออกแบบ ด้านพสกนิกรปลาบปลื้มใจ ได้รับเข็มกลัดโบว์สีดำประดับเหรียญประทาน
วันนี้ (25 พ.ย.) เป็นวันที่ 28 ที่พระราชทานพระราชานุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ได้ตั้งแต่เวลา 08.00 - 21.00 น. (ยกเว้นช่วงมีพระราชพิธีบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท) โดยมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศสวมชุดไว้ทุกข์สุภาพเรียบร้อยเดินทางมาต่อคิวเพื่อเข้าสักการะพระบรมศพตั้งแต่เช้ามืด ซึ่งเจ้าหน้าที่เปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรีอย่างเป็นระเบียบ โดยในเวลา 05.00 น. เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี จากนั้นได้เปลี่ยนทางเข้าเป็นทางประตูมณีนพรัตน์ ถนนหน้าพระลาน ในเวลา 08.30 น. เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดารามเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี
ทั้งนี้ พสกนิกรที่มากราบสักการะพระบรมศพทุกคนยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ หลายคนกอดพระบรมฉายาลักษณ์ที่นำมาจากบ้านไว้แนบอกตลอดเวลา และเมื่อได้เข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพแล้ว สำนักพระราชวังแจกภาพพระบรมโกศพระบรมศพ พิมพ์ 4 สี ขนาด 5 คูณ 7 นิ้ว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พสกนิกรทุกคนเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย
ด้าน นางสาวปราณี สัตยประกอบ ผู้อำนวยการสำนักวัฒนธรรมกีฬาและการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า จากที่ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ประทานผ้าถุงดำทรงออกแบบให้แก่ประชาชนยืมใส่อย่างถูกต้องตามจารีต เข้ากราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ตั้งแต่เมื่อวันที่ 13 พ.ย. กระทั่งวันนี้นับเป็น 10 วันแล้ว มีประชาชนเข้ามายืมทั้งหมด 5,212 ผืน มีประชาชนที่ไม่ได้คืนผ้าถุงจำนวน 9 ผืน โดยมีคนกรุงเทพฯ ยืมมากที่สุด ตามด้วยประชาชนจากปริมณฑล อย่างนนทบุรี และสมุทรปราการ เป็นต้น ส่วนประชาชนที่มาจากต่างจังหวัดส่วนใหญ่ล้วนแต่งการเรียบร้อยดีมาก ต้องขอชื่นชม
“พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ มีรับสั่งว่า อยากให้ประชาชนที่เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพ ได้เข้ากราบสักการะทุกคน หากแต่งกายไม่เรียบร้อย กลัวเขาไม่ได้เข้า และอยากให้มีการจัดระบบยืม - คืน แต่ถ้าเขาไม่คืนก็ไม่เป็นไร เราจะนำมาเพิ่มอีก” นางสาวปราณี เปิดเผย
ขณะที่ นายธวัชชัย พุฒศรี อายุ 38 ปี อาชีพเกษตรกร จากหมู่บ้านสนามแย้ ตำบลสนามสนามแย้ อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี กล่าวถึงความรู้สึกหลังจากได้รับเข็มกลัดประทานจากพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ขณะนั่งรอเข้ากราบสักการะพระบรมศพ ว่า รู้สึกปลาบปลื้มใจมาก ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้ใกล้ชิด ไม่เคยรับเสด็จพระองค์ท่านมาก่อน วันนี้เดินทางพร้อมครอบครัวและเพื่อนบ้านรวม 30 คน เหมารถตู้มาจากบ้านตอน 00.00 น. มาถึงกรุงเทพฯ เวลา 02.00 น. ตั้งใจมากราบพระบรมศพในหลวง ครั้งหนึ่งในชีวิต ที่บ้านทำนาปลูกข้าว และทำไร่อ้อย โดยน้อมนำพระราชดำรัสของในหลวงเรื่องการทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต อดทน มีคุณธรรม มาใช้ในการทำงานและดำเนินชีวิต
นางมณีรัตน์ โอคุยาม่า อายุ 34 ปี เดินทางมาพร้อมกับน้องสาว น.ส.ดวงหทัย ภูมิภาค อายุ 27 ปี กล่าวด้วยน้ำตาคลอเบ้าด้วยความอาลัย ว่า ตนแต่งงานกับชาวญี่ปุ่น และเดินทางไปอยู่กับสามีที่ประเทศญี่ปุ่น และเนื่องจากอยากมากราบสักการะพระบรมศพสักครั้ง จึงได้เดินทางกลับประเทศไทย และเดินทางมากราบสักการะพระบรมศพ ตามที่ตั้งใจไว้
“เพราะรักพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ มาก จึงเดินทางกลับมากราบสักการะท่านสักครั้ง เพราะพระองค์ท่านรักประชาชน ที่ผ่านมา เห็นท่านทางทีวี เห็นภาพพระองค์ท่านมาตั้งแต่เด็กไม่เคยได้มีโอกาสรับเสด็จฯ ไม่เคยได้ใกล้ชิดเลย แต่ก็ผูกพันในฐานะคนไทยธรรมดาคนหนึ่ง พระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจมากมาย พระราชดำรัสในโอกาสต่างๆ ของพระองค์สามารถนำมาใช้ได้ ท่านทรงเป็นแบบอย่างในทุกๆ เรื่อง สำหรับตนนั้นได้ยึดหลักความพอเพียง อดทน และความกตัญญู ก็อยากให้คนไทยทุกคนดำเนินตามรอยในหลวงรัชกาลที่ ๙ และรักสามัคคีกัน อะไรที่ทำประโยชน์ให้บ้านเมือง แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ให้ช่วยกันคิดช่วยกันทำ” นางมณีรัตน์ กล่าว
ด้าน นางสาวสุจินดา ชัยทอง และ นางทัศวรรณ เชื่อเมือง อาจารย์โรงเรียนสวัสรัตนาภิมุข จังหวัดตรัง เดินทางมาพร้อมเพื่อนครูร่วม 40 คน โดยออกเดินทางจากจังหวัดตรัง ตั้งแต่ 04.00 น. ของวันที่ 24 พ.ย. และมาพักแรมค้างคืนที่กรุงเทพฯ ก่อนมาเข้าแถวรอประมาณ 03.00 น. เผยว่า เมื่อมาถึงบริเวณสนามหลวง มีคนมาเข้าแถวรอกันเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว แต่ก็ไม่รู้สึกเหนื่อย เพราะตั้งใจอย่างยิ่งที่จะได้มีโอกาสเข้ากราบสักการะพระบรมศพสักครั้งในชีวิต ซึ่งระหว่างต่อแถวอยู่เพื่อนเกิดเป็นลม มีเจ้าหน้าที่เข้ามาให้การดูแลและพาไปที่กองอำนวยการ เรียกว่า ให้การบริการประชาชนดีมาก มีการส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ที่ดูแลในแต่ละจุด แต่ก็ไม่ทอดทิ้งจากตั้งแต่ต่อแถวรอ จนส่งให้เราได้ขึ้นกราบสักการะเรียบร้อย รู้สึกประทับใจมาก เราเองก็ไม่เสียโอกาส เพราะด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงงานเพื่อประชาชนมาตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ท่าน และด้วยประกอบอาชีพครู เป็นข้าราชการเป็นข้าของแผ่นดิน สามารถตอบแทนพระองค์ด้วยการตั้งจิตที่จะทำหน้าที่ของความเป็นครูให้ดีที่สุด มีจรรยาบรรณ เวลาใส่ชุดข้าราชการนับเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง และไม่กล้าที่จะกระทำนอกลู่นอกทาง หรือใช้เวลาราชการในการทำธุระส่วนตัว เพราะเราตั้งใจที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ทุ่มเทเรื่องการเรียนการสอนเพื่อนักเรียนก่อนประโยชน์ของตน
ด้าน นายจตุพงษ์ - นางปารัตน์ญา ศิริรัตน์ ชาวอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เดินทางจากบ้านพร้อมด้วยลูกสาววัย 5 ขวบ ตั้งแต่ 00.00 น. กล่าวว่า มาถึงก็ต่อแถวทันทีช่วงก่อน 03.00 น. และได้เข้ากราบตอน 07.30 น. ถือว่าเป็นช่วงเวลารอไม่นานมาก แม้มีลูกน้อยมาด้วย ก็ไม่งอแงเลย อีกทั้งเราได้เตรียมตัวมาอย่างดีจากการฟังข่าวทั้งเรื่องของการแต่งกายและการปฏิบัติตัวตามกฎระเบียบเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เพราะตั้งใจอยากมากราบพระองค์เป็นครั้งสุดท้าย โดยพาลูกสาวมาด้วย ซึ่งแม้เขาจะไม่ทันเห็นช่วงที่พระองค์ทรงงานหนัก แต่เราก็ถ่ายทอดเรื่องราวของพระองค์ผ่านการบอกเล่า และดูอนิเมชันเรื่องพระมหาชนก พร้อมสอนเขาเรื่องความเพียรและความอดทนควบคู่ไปด้วย รวมถึงสอนให้เด็กรุ่นใหม่รู้รักสามัคคี รู้จักหน้าที่ของตัวเอง ประหยัดอดออม และมีธรรมะในใจสวดมนต์ก่อนนอนด้วย