xs
xsm
sm
md
lg

ไป “ปล้นคนจีน” กันเถอะ! : อรอุมา กุลนาค

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นับเป็นเวลาเกือบ 10 ปีที่ “มด-อรอุมา” ได้ท่องยุทธจักรธุรกิจแดนมังกร และกวาดต้อนเงินเข้ากระเป๋ามาแล้วด้วยสินค้าหลากรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าไอที, ขนส่ง มาจนถึง “ขนตาปลอม” ที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า และเวลานี้ เธอมีไอเดียเจ๋งๆ มาชวนคนไทยไป “ปล้นคนจีน” ด้วยกัน



อดีตลูกพ่อค้าแม่ขายแห่งเมืองราชบุรี ที่ค่อยๆ สร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาตามลำดับ กระทั่งได้รับการยอมรับในฐานะนักธุรกิจหญิงที่ประสบความสำเร็จอีกคนหนึ่ง และจากประสบการณ์ที่บ่มเพาะมาเป็นเวลายาวนานกว่าสิบปีบนเส้นทางสายนี้ “มด-อรอุมา กุลนาค” เอ่ยปากชักชวนคนไทยทุกคน ไปร่วมปฏิบัติการปล้นคนจีนด้วยกัน

ทำไมต้องไปปล้นคนจีน?
และเธอมีแนวคิดอะไรรองรับ และหนักแน่นเพียงไหน ถึงจะไปบุกแผ่นดินใหญ่อันเป็นตลาดใหญ่อันดับต้นๆ ของโลก?
บางที ฟังเธอแล้ว คุณอาจจะพบโอกาสครั้งสำคัญในชีวิตในเส้นทางธุรกิจ

• ก่อนจะมาถึงจุดที่ส่งเสียงชักชวนผู้คนไป “ปล้นคนจีน” ก่อนหน้านี้ คุณทำอะไรมาก่อนบ้าง

ตั้งแต่เรียนจบ มดไปทำงานอยู่บริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง ทำเกี่ยวกับจิวเวลรีแฟร์ ก่อนจะออกมาเป็นฟรีแลนซ์ ทำเรื่องจัดซื้อ คือก็เหมือนทายาทอสูรอ่ะ เพราะว่ามีรุ่นพี่คนหนึ่งซึ่งบ้านอยู่แถวสำเพ็ง เขาก็ซื้อของส่งกลับมาบ้านอยู่แล้วเวลากลับมาเมืองไทย และเขาให้เรารับช่วงต่อจากตรงนั้น ทำไปทำมา เริ่มรู้จักคนเยอะ ได้พันธมิตรเยอะขึ้น ก็เป็นข้อดีของการที่อยู่นั่นและทำงานจัดซื้อมาเรื่อยๆ จนเราเก็บประสบการณ์ได้ประมาณ 3-4 ปี เราก็ได้เจออาจารย์สอนธุรกิจชาวฮ่องกงท่านหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่ในแคนาดามานานแล้ว เขาสอนว่าทำธุรกิจต้องทำยังไง เหมือนหนังจีนเลย ที่คุณไปเจออาจารย์ เขาก็สอนเรา และชวนเราว่าทำสินค้าไอทีส่งกันมั้ย เพราะสินค้าไอทีเป็นของที่มีใช้ไม่พอ เราก็ซื้อและทำส่งไป ขณะเดียวกันก็ประดิษฐ์ของเล่นขายส่งที่อเมริกาด้วย

• ตรงนั้นจึงเหมือนจุดประกายให้คุณสนใจเรื่องธุรกิจขึ้นมาอย่างจริงจัง

อันที่จริง มดทำงานมาตั้งแต่เด็กแล้วล่ะ เพราะบ้านเราที่ราชบุรี ทำผลไม้ขายส่งอยู่ในตลาด แต่การได้ทำงานนั้น มันไม่เหมือนกับเราทำงานเพราะเราสนุกกับมัน และที่บ้านจะสอนให้เราไม่หยุดนิ่ง มันก็ฉุดเรามาตั้งแต่ตอนนั้น จนกลายเป็นนิสัยเราไปแล้ว เหมือนเล่นเกม ถ้าชนะ เราก็แฮปปี้และได้กำไรอะไรตามมา ดังนั้น ทุกการทำงาน ทุกโปรเจกต์ที่ทำเหมือนเล่นเกม เราจะเอนจอยกับมันตลอด

• อยากให้ช่วยเรียงลำดับกิจการที่คุณทำในเมืองจีนหน่อยครับ

เริ่มต้นอย่างแรกเลย คือบริษัทขนส่ง ทำตั้งแต่สมัยทำจัดซื้อ เราทำก่อนขนตาปลอมอีก เพราะเราต้องสั่งของให้ลูกค้า เพราะฉะนั้น เราก็ต้องทำบริษัทลูกค้าเองเลย แต่เหนื่อยมาก (เน้นเสียง) คือปัญหาเกิดขึ้นบ่อยทุกวัน ทำทุกอย่างที่ว่ามา ยังไม่มีปัญหาเท่าขนส่งนะ เราจะเจอปัญหาอย่างของหาย ของหาไม่เจอ เคลียร์ด่านไม่ได้ ช่วงตรุษจีนจ่ายด่านยังไง ช่วงสงกรานต์ด่านไทยจะเป็นยังไง มีปัญหาทุกวัน สมมติว่าส่งของมาปุ๊บ คนงานโยนกระแทกมา เตรียมตัวจ่ายเงินกล่องนี้แล้ว บางทีกล่องละเป็นหลักหมื่น ซึ่งปัจจุบันเราก็เฟดตัวออกมาเป็นที่ปรึกษา

ต่อมาก็เป็นอุปกรณ์ไอที เพราะต้องบอกก่อนว่าที่จีนมันไม่พอใช้ มันต้องนำเข้าเยอะมาก อย่างสินค้าบางตัว เช่น พรินเตอร์ คนส่วนใหญ่ใช้แล้วทิ้ง เพราะว่าถ้าเสียแล้วเขาจะไม่ซ่อม ทิ้งเลย ดังนั้น เขาก็เลยมีความรู้สึกว่า ถ้าเสียแล้วมันต้องซ่อม ฉันซื้อใหม่ดีกว่า มันเลยกลายเป็นของใช้แล้วทิ้ง ก็จะมีของหลายๆ อย่างที่อยู่ในลักษณะนี้ อย่างขนตาปลอมที่เราทำอยู่ ก็ใช้แล้วทิ้งเหมือนกัน คือจะใช้แค่วันหรือสองวันแล้วก็ทิ้ง เราก็จึงขายได้เรื่อยๆ

ส่วนธุรกิจเสริมความงาม ก็ขึ้นตลอด ไม่เคยมีลง ไม่เหมือนอสังหาริมทรัพย์ ที่มีวันขึ้นวันลง แต่ธุรกิจประเภทนี้มีวันโตตลอด และก็เป็นสินค้าแฟชั่น ถ้ามันโตมาถึงจุดหนึ่ง ก็จะดับสูญไปเลย เปรียบเทียบกับคอลลาเจนที่เคยบูม เดี๋ยวนี้ไม่มีคนกินแล้วนะ มันไปถึงจุดสูงสุดแล้วก็จะหายไป อย่างขนตาปลอมก็เหมือนกัน ถ้าเทรนด์การแต่งหน้าไม่มีการเปลี่ยนแปลง มันก็ยังคงเดิม เพราะเหมือนเป็นอุปกรณ์เสริมที่ช่างแต่งหน้าและคนแต่งหน้าต้องใช้ ดังนั้น มันยังไม่หักเหมาก

การเปิดรับวัฒนธรรมภายนอกก็มีส่วนนะ เพราะเทรนด์เมกอัพก็ต้องเน้นดวงตา ถามว่าคุณลองให้ผู้หญิงหลับตาสองข้าง ข้างหนึ่งมีขนตา อีกข้างหนึ่งไม่มี มันจะเหมือนคนละคนกันเลยนะ ขนตาปลอมจึงเป็นสินค้าชิ้นเดียวที่สามารถเปลี่ยนคุณได้ทันที ถึงแม้ว่าคุณจะลงลิปสติก อายแชโดว์ หรืออะไรแค่ไหน มันก็เปลี่ยนไม่ได้ แต่ถ้าติดขนตามันจะเปลี่ยนทันทีเลย ดังนั้น มันก็เลยกลายเป็นของที่ผู้หญิงชื่นชอบ เพราะแม้จะเจอปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ ส่วนใหญ่คนก็ยังใช้ขนตาปลอม

• มาถึงโปรเจกต์ “ปล้นคนจีน” เพราะอะไร ถึงต้องไปปล้นคนจีน

โครงการนี้เกิดจากไอเดียว่าทำยังไง ถึงจะให้เราได้เงินเยอะสุด เราต้องปล้น ถ้าเราไปแบบเรียบร้อย คนจีนไม่น่าจะให้นะ คือเราอยู่กับคนจีนมาเยอะ เราจะรู้ว่ามีอะไรก็พูดตรงๆ ไปเลย เขาก็จะจริงๆ กับเราเหมือนกัน เราก็เลยบอกว่าเดี๋ยวเราจะปล้นแล้ว ง่ายดี คือเราทำเป็น 3 ภาษา ภาษาไทย ภาษาอังกฤษคือ C-Commerce ภาษาจีนคือ 如何到中国快速赚钱 (หลู-เหอ-เต้า-จง-กั๋ว-ไขว่-ซู)

ส่วนตัวโครงการจะเป็นการนำผลิตภัณฑ์ไทยเข้าไปที่จีนพร้อมกับส่งออก เราจะเปิดระบบและจับมือกับพันธมิตรในประเทศจีนซึ่งเป็นคนดูแลทั้งหมดด้วย และยังได้ประเทศอื่นๆ เช่น ซาอุดีอาระเบีย ออสเตรเลีย และเกาหลีใต้ โดยเป็นการเอาสินค้าของคุณไปวางขาย และจะมีพาร์ตเนอร์ของฝั่งนี้เอาสินค้าคุณกลับไป ซึ่งอาจจะมีของที่ต้องไปทดลองตลาด คือต้องไปลงในระบบ ถ้าเป็นเมืองจีน เราจะเป็นคนลุยเอง คุณจะต้องส่งของเข้าไปเผยแพร่สัก 20-30 ชิ้น ระบบจะมีทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์ สำหรับแบบออฟไลน์ เราจะมีร้านค้าที่อยู่ในเครือ ให้คนที่ลงทะเบียนไปลองขาย แบ่งขายให้คนจีนว่าเป็นยังไง ถ้าเป็นออนไลน์ มดก็จะมีทีมงานที่ดูแล อาจจะมีค่าใช้จ่าย อันนี้คือให้มาช่วยกันทำงานเฉยๆ และเมื่อสินค้าของคุณมีแวว มีแนวโน้มที่จะขายได้ เราค่อยลุยเข้าไป

แต่อันดับแรก คุณต้องผ่านข้อที่หนึ่งให้ได้ และรายได้ของมด ไม่ว่าจะไปออกงานที่ไหน หรือไปเป็นวิทยากรที่ไหน รายได้ทั้งหมด 50 เปอร์เซ็นต์ หลังหักค่าใช้จ่าย มดจะเก็บเป็นกองทุน เป็นเหมือนวีซี (Venture Capital- VC ธุรกิจเงินร่วมลงทุน) ที่ให้กับคนไทย สำหรับการส่งออก แล้วเราจะมีวีซีตรงนี้ไว้คอยสนับสนุนคอนเนกชันในการส่งออกให้ได้ เพราะว่ามันมีสินค้าที่เราเคยเจอ หลายๆ กิจการสินค้าดีมาก แต่คุณต้องส่งออกเอง แถมไม่มีทุนทรัพย์ หรือถ้ากู้ธนาคารก็อาจจะช้า แต่เรามีวีซีที่จะช่วยคุณ เหมือนเราเริ่มต้นให้น่ะค่ะ ที่เวลาตอนนี้ จะมีคนมาลงทุนดังกล่าว แต่ของเราจะลงทุนในผลิตภัณฑ์และส่งออก

• คุณมองเรื่องการบริโภคสินค้าของคนจีนอย่างไร จึงเป็นหนึ่งในที่มาของโปรเจกต์นี้

การบริโภคของคนจีน ถ้าพูดง่ายๆ คือเขาสามารถใช้จ่ายกับเงินได้โดยไม่ต้องคิด คุณเคยไปกินแค่ข้าวที่มื้อหนึ่งเป็นหมื่นบาทมั้ยล่ะ อย่างเราหนึ่งหมื่นบาท คิดว่ามันแพงใช่มั้ยคะ แต่ถ้าเทียบกับคนจีน ก็ยังไม่เท่าไหร่ แล้วอีกอย่างพฤติกรรมเขาเป็นคนที่หน้าใหญ่ ถ้าทำแล้วมันดูดีขึ้น เขาก็จะยอมจ่ายด้วย ซึ่งในความเห็นของเรานะ คิดว่ามันเหมือนกับเปลี่ยนจากยุคระบอบคอมมิวนิสต์มาเป็นเสรีนิยม ดังนั้น คำนี้คือใครดีใครได้ มันก็เลยเป็นสิ่งที่ทำให้เขาคิดว่าฉันจะต้องทำให้ดีให้ได้ และให้ดีที่สุด

• ในเรื่องความพร้อม มีมากน้อยแค่ไหนอย่างไรในการลุย “ปล้นคนจีน”

เราพร้อมแล้ว พร้อมที่จะพาคนไทยไปที่ฝั่งนู้น เพราะจริงๆ ตลาดที่มีกำลังซื้อเยอะๆ จีนติด 1 ใน 3 อยู่แล้ว ดังนั้น โอกาสชนะมันก็มีเยอะ อีกอย่าง เรากับจีนก็อยู่ใกล้กัน ทั้งพฤติกรรม วัฒนธรรม การบริโภคก็คล้ายกัน แต่ถ้าเราไปโซนอื่น พฤติกรรมมันอาจจะต่างกันคนละขั้ว ดังนั้น เกมที่จะชนะได้ง่ายสุดคือประเทศจีน แล้วคนจีนก็ชื่นชอบสินค้าเราด้วย จีดีพีของเรา 10 เปอร์เซ็นต์ ภายใน 10 เปอร์เซ็นต์มาจากการท่องเที่ยว ซึ่งการท่องเที่ยวก็มาจากคนจีนเป็นส่วนมาก ดังนั้น เราต้องขอบคุณเขานะที่ทำให้เราได้เพิ่ม ซึ่งถ้าเขาไม่มา เราอาจจะไม่ได้อะไรแล้วก็ได้

• กติกาของผู้ที่จะเข้าร่วมในโปรเจกต์นี้ มีอย่างไรบ้าง

ก่อนที่คุณจะเข้ามา คุณต้องไปตรวจสอบว่าการนำเข้าของจีนเป็นยังไง การซื้อเป็นยังไง ราคาค้าขายโดยเฉลี่ยเป็นยังไง คุณต้องเอาสามตัวนี้มาตอบคำถามเราให้ได้ แล้วทางเราจะตอบคุณได้ว่า ไปหรือไม่ไป ดังนั้น คุณเอาข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงมานั่งคุยกัน มันจะง่ายกว่า ซึ่งเมื่อคุณได้ตัวนี้มา เราจะมาลองทดลอง แล้วเราจะได้รู้ว่า สรุปมันคืออะไร อย่างนี้ดีกว่า

• จะทำธุรกิจกับคนจีนหรือที่เมืองจีน ต้องคำนึงถึงสิ่งใดบ้าง

ข้อที่หนึ่ง เตรียมใจก่อน เพราะว่าคนจีนมีเยอะ และก็มีทั้งดีและไม่ดี สิ่งหนึ่งที่คุณจะต้องทำ คือดูภาพรวมให้ออกว่าเขาจะอย่างงี้อย่างงั้น บางทีเขาอาจจะพยายามต้อนให้เราจนมุม จนถึงจุดจุดหนึ่ง จนเขารู้สึกว่า สินค้าอาจจะไม่เต็มที่ เขาอาจจะไม่ออเดอร์เราก็ได้ แต่ถ้าเราแข็งตั้งแต่ตอนเริ่ม ได้-ไม่ได้ แค่นั้นพอ คนจีนเขาจะเชื่อมั่นว่า เฮ้ย โอเค แต่คุณอย่าไปอยู่ในเกมเขาเยอะ และการผลิตสินค้าเข้าเมืองจีนครั้งหนึ่ง ค่อนข้างเยอะ เขาไม่ได้สั่งแบบกะปริบกะปรอย ถ้าคุณเข้าได้ แตะหนึ่งเปอร์เซ็นต์ก็ร้อยล้านแล้ว การนำเข้าของเขาจะเยอะมาก ต้องเตรียมข้อนี้ไปเลย

เรื่อง : สรวัจน์ ศิลปโรจนพาณิช
ภาพ : พลภัทร วรรณดี

กำลังโหลดความคิดเห็น