ผลเอ็กซิตโพลชี้ พรรคฝ่ายค้านที่มีจุดยืน “ต้านอียู-ไม่ต้อนรับผู้อพยพ” คว้าชัยศึกเลือกตั้งโปแลนด์

รอยเตอร์ / เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ – ผลเอ็กซิตโพล ชี้ พรรคการเมืองสายอนุรักษนิยมซึ่งมีจุดยืนคลางแคลงใจต่อสหภาพยุโรป (อียู) เป็นฝ่ายคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปในโปแลนด์ และได้คะแนนเสียงมากพอที่จะ “ตั้งรัฐบาลพรรคเดียว”

ผลเอ็กซิตโพลที่มีการเผยแพร่ล่าสุดในวันอาทิตย์ (25 ต.ค.) ระบุ พรรคการเมืองฝ่ายค้านอย่าง พรรคลอว์ แอนด์ จัสทิซ ปาร์ตี (PiS) เป็นฝ่ายที่มีคะแนนนำมาเป็นอันดับที่ 1 ที่ระดับ 39.1 เปอร์เซ็นต์ของคะแนนโหวตทั้งหมด

ขณะที่พรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลอย่างซีวิค แพลตฟอร์ม ปาร์ตี (PO) ที่เป็นฝ่ายผูกขาดครองอำนาจบริหารประเทศต่อเนื่องตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ได้คะแนนเสียงเพียง 23.4 เปอร์เซ็นต์

หลังมีการเผยแพร่ผลเอ็กซิตโพลของสำนักสำรวจความคิดเห็นชื่อดังอย่าง “อิปซอส” ยาโรสลาฟ คาซินสกี ผู้นำพรรค PiS และเป็นฝาแฝดของอดีตประธานาธิบดี เลค คาซินสกี ผู้ล่วงลับได้ออกมาประกาศชัยชนะในการเลือกตั้ง เหนือพรรค PO ที่มีจุดยืน “โปร-อียู” ขณะที่นายกรัฐมนตรีเอวา โคปาซ แห่งพรรค PO ออกมาประกาศยอมรับความพ่ายแพ้

สถานการณ์ล่าสุดหมายความว่า พรรคการเมืองอย่าง PiS ซึ่งมีจุดยืนคลางแคลงใจต่อสหภาพยุโรปน่าจะได้ที่นั่งอย่างน้อย 242 ที่นั่ง จากทั้งหมด 460 ที่นั่งในสภาล่าง หรือสภาผู้แทนราษฎรของโปแลนด์ และสามารถตั้งรัฐบาลพรรคเดียวบริหารประเทศได้เพียงลำพัง

ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจของโปแลนด์ซึ่งได้ชื่อว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันออกได้ขยายตัวเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ แต่ทว่าการที่ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจกลับไม่ถูกแบ่งปันอย่างทั่วถึงในสังคมโปแลนด์ที่เป็นบ้านของประชากรราว 38 ล้านคน กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้ชาวโปแลนด์ไม่พอใจ และปรารถนาจะเห็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ท่ามกลางกระแสไม่ไว้วางใจต่ออียูและกลุ่มยูโรโซน ที่เพิ่มสูงขึ้นทุกขณะ

จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้พรรค PiS ที่มีจุดยืนไม่ไว้วางใจต่ออียู และคัดค้านการเข้าร่วมกลุ่มยูโรโซน ตลอดจน มีนโยบายส่งเสริมสวัสดิการแก่คนยากจนและต่อต้านการไหลบ่าเข้าประเทศของผู้อพยพจากตะวันออกกลาง สามารถคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งคราวนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก เนื่องจากมีนโยบายที่ “ตรงใจ” ประชาชนส่วนใหญ่ของโปแลนด์ในเวลานี้มากที่สุด