xs
xsm
sm
md
lg

ยืนยันแล้ว! พรรคการเมืองฝ่ายค้านคว้าชัยศึกเลือกตั้งโปแลนด์ จ่อตั้ง “รัฐบาลพรรคเดียว” บริหารประเทศ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยาโรสลาฟ คาซินสกี ผู้นำพรรค PiS
เอพี / เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ – คณะกรรมการการเลือกตั้งกลางของโปแลนด์ยืนยันในวันอังคาร ( 27 ต.ค.) ระบุ พรรคการเมืองฝ่ายค้านอย่าง พรรคลอว์ แอนด์ จัสทิซ ปาร์ตี (PiS) เป็นฝ่ายคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปที่จัดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ ( 25 ต.ค.) ที่ผ่านมา และเป็นการคว้าชัยชนะได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด สามารถตั้ง “รัฐบาลพรรคเดียว”บริหารประเทศได้

คำแถลงของคณะกรรมการการเลือกตั้งกลางของโปแลนด์ล่าสุดระบุว่า พรรคลอว์ แอนด์ จัสทิซ ปาร์ตี (PiS) สามารถคว้าที่นั่งในรัฐสภามาครองได้ถึง 235 ที่นั่งจากทั้งหมด 460 ที่นั่ง ซึ่งหมายความว่า พรรคการเมืองนี้ได้ครองจำนวนที่นั่งเกินครึ่งหนึ่ง ของที่นั่งในรัฐสภาโปแลนด์และสามารถตั้งรัฐบาลเพียงลำพังพรรคเดียวได้

ผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการระบุว่า พรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลอย่าง ซีวิค แพลตฟอร์ม ปาร์ตี (PO) ที่เป็นฝ่ายผูกขาดครองอำนาจบริหารประเทศต่อเนื่องตลอด 8 ปีที่ผ่านมา สามารถคว้าที่นั่งไปได้เพียง 138 ที่นั่งจากการเลือกตั้งคราวนี้ ซึ่งน้อยกว่าการเลือกตั้งครั้งก่อนในปี 2011 ที่พรรคคว้ามาได้ 197 ที่นั่ง

ขณะที่กลุ่มการเมืองน้องใหม่ที่ใช้ชื่อว่า “Kukiz'15”ที่ก่อตั้งโดยนักดนตรีแนวพังค์ชื่อดังอย่างพาเวล คูคิซ ได้ที่นั่งตามมาเป็นอันดับที่ 3 ด้วยจำนวนที่นั่ง 42 ที่นั่ง

ผลการเลือกตั้งที่ออกมาซึ่งปรากฏว่า พรรคลอว์ แอนด์ จัสทิซ ปาร์ตี (PiS) ได้จำนวนที่นั่งมากพอจะตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้นั้น ทำให้บรรดานักวิเคราะห์มองว่า น่าจะเป็นผลดีต่อการขับเคลื่อนนโยบายต่าง ๆ ให้เกิดผลงานที่เป็นรูปธรรมชัดเจน โดยไร้การขัดขวางจากรัฐสภา ไม่ว่าจะเป็นนโยบายเดินหน้าปรับขึ้นค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ การเพิ่มงบประมาณด้านสวัสดิการสังคมการเพิ่มอัตราการจ้างงาน และการเข้าควบคุมกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยภาครัฐในระดับที่เข้มข้นกว่าเดิม

ที่ผ่านมา โปแลนด์ถือเป็นประเทศสมาชิกเพียงแห่งเดียวของสหภาพยุโรป (อียู) ที่ไม่เพียงแต่รอดพ้นจากวิกฤตการเงิน แต่ยังมีอัตราการเติบโตเป็นอันดับต้น ๆ ของอียูอีกด้วย และคาดว่าในปี 2015 นี้ เศรษฐกิจของโปแลนด์จะมีอัตราการขยายตัวของจีดีพีที่ระดับ 3.5 เปอร์เซ็นต์ ส่วนในปี 2016 คาดว่าจีดีพีของโปแลนด์จะยายตัวได้ที่ 2.0 เปอร์เซ็นต์เป็นอย่างน้อย

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ระบุว่า รัฐบาลชุดใหม่ของโปแลนด์ ภายใต้การนำของพรรคลอว์ แอนด์ จัสทิซ ปาร์ตี ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายสำคัญในการแก้ปัญหาความยากจน หลังจากที่ผลสำรวจล่าสุดพบว่า ยังมีประชากรโปแลนด์ราว 10.6 เปอร์เซ็นต์ ที่ยังไม่หลุดพ้นจากเส้นความยากจน ส่งผลให้โปแลนด์ เป็นหนึ่งในประเทศ ที่มีสัดส่วนของคนยากจน “สูงที่สุด” ในสหภาพยุโรปเวลานี้

ก่อนหน้านี้เมื่อวันอาทิตย์ ( 25) มีการเผยแพร่ผลเอ็กซิทโพลล์ที่ระบุว่า พรรคลอว์ แอนด์ จัสทิซ ปาร์ตี (PiS) ซึ่งเป็นพรรคการเมืองสายอนุรักษนิยมซึ่งมีจุดยืนคลางแคลงใจต่อสหภาพยุโรป (อียู) เป็นฝ่ายคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปในโปแลนด์และได้คะแนนเสียงมากพอที่จะ “ตั้งรัฐบาลพรรคเดียว”


โดยผลเอ็กซิทโพลล์ดังกล่าว ระบุ พรรคการเมืองฝ่ายค้านอย่าง พรรคลอว์ แอนด์ จัสทิซ ปาร์ตี (PiS) เป็นฝ่ายที่มีคะแนนนำเป็นอันดับ 1 ที่ระดับ 39.1 เปอร์เซ็นต์ของคะแนนโหวตทั้งหมด


ขณะที่พรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลอย่างซีวิค แพลตฟอร์ม ปาร์ตี (PO) ที่เป็นฝ่ายผูกขาดครองอำนาจบริหารประเทศต่อเนื่องตลอด 8 ปีที่ผ่านมา จะได้คะแนนเสียงเพียง 23.4 เปอร์เซ็นต์


หลังมีการเผยแพร่ผลเอ็กซิทโพลล์ของสำนักสำรวจความคิดเห็นชื่อดังอย่าง “อิปซอส” ยาโรสลาฟ คาซินสกี ผู้นำพรรค PiS และเป็นฝาแฝดของอดีตประธานาธิบดี เลค คาซินสกี ผู้ล่วงลับได้ออกมาประกาศชัยชนะในการเลือกตั้งเหนือพรรค PO ที่มีจุดยืน “โปร-อียู” ขณะที่เอวา โคปาซ นายกรัฐมนตรีหญิงแห่งพรรค PO ออกมาประกาศยอมรับความพ่ายแพ้


ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจของโปแลนด์ซึ่งได้ชื่อว่า มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันออกได้ขยายตัวเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ แต่ทว่าการที่ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจกลับไม่ถูกแบ่งปันอย่างทั่วถึงในสังคมโปแลนด์ที่เป็นบ้านของประชากรราว 38 ล้านคน กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้ชาวโปแลนด์ไม่พอใจ และปรารถนาจะเห็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ท่ามกลางกระแสไม่ไว้วางใจต่ออียูและกลุ่มยูโรโซน ที่เพิ่มสูงขึ้นทุกขณะ


จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้พรรค PiS ที่มีจุดยืนไม่ไว้วางใจต่ออียู และคัดค้านการเข้าร่วมกลุ่มยูโรโซน ตลอดจน มีนโยบายส่งเสริมสวัสดิการแก่คนยากจน และต่อต้านการไหลบ่าเข้าประเทศของผู้อพยพจากตะวันออกกลาง สามารถคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งคราวนี้ ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก เนื่องจากมีนโยบายที่ “ตรงใจ” ประชาชนส่วนใหญ่ของโปแลนด์ในเวลานี้มากที่สุด