เอเอฟพี / รอยเตอร์ / เอเจนซีส์ / MGR Online - ว่าที่รัฐมนตรีกระทรวงกิจการยุโรปคนใหม่ของโปแลนด์ ยืนกรานในวันเสาร์ (14 พ.ย.) ระบุว่าประเทศของตนจะไม่เปิดประตูรับผู้อพยพเข้าประเทศ ตามแผนจัดสรรโควตาของสหภาพยุโรป (อียู) อ้างเหตุผลหวั่นเกิดเหตุก่อวินาศกรรมในโปแลนด์ ดังเช่นที่กรุงปารีส เมืองหลวงของฝรั่งเศสเพิ่งเผชิญ
คอนราด ซีมานสกี ว่าที่รัฐมนตรีกระทรวงกิจการยุโรปคนใหม่ของโปแลนด์ เผยผ่านเว็บไซต์ของพวกฝ่ายขวา-ชาตินิยม “wPolityce.pl” โดยระบุว่าไม่มีความเป็นไปได้ในทางการเมืองหลงเหลืออยู่อีกแล้ว ในการที่โปแลนด์จะปฏิบัติตามแผนจัดสรรผู้อพยพและผู้ลี้ภัยให้เข้าไปตั้งถิ่นฐานใหม่ในประเทศสมาชิกอียู และว่าความเป็นไปได้ในเรื่องนี้ถูกขจัดหมดสิ้นไปหลังเกิดโศกนาฏกรรมที่เป็นผลพวงมาจากการก่อวินาศกรรมที่กรุงปารีส
ซีมานสกีซึ่งกำลังจะเข้ารับหน้าที่รัฐมนตรีกระทรวงกิจการยุโรปคนใหม่ของโปแลนด์ ภายใต้รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีหัวอนุรักษนิยมอย่างเบอาตา ซีดโล ระบุว่า เหตุโจมตีในวันศุกร์ (13) ที่กรุงปารีสมีความเกี่ยวข้องโดยตรงแบบแยกกันไม่ออกกับทั้งวิกฤตผู้อพยพที่กำลังไหลบ่าเข้าสู่ยุโรปในเวลานี้ รวมถึงเป็นผลสืบเนื่องมาจากการเปิดฉากโจมตีทางอากาศของฝรั่งเศสต่อที่มั่นของกลุ่มนักรบรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในซีเรีย
ว่าที่รัฐมนตรีกระทรวงกิจการยุโรปคนใหม่ของโปแลนด์ย้ำว่า ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลโปแลนด์จะต้องหวนกลับไปควบคุมพรมแดนของตนอย่างสมบูรณ์ รวมถึงต้องเป็นผู้กำหนดนโยบายที่เกี่ยวกับผู้อพยพและการรับคนเข้าเมืองด้วยตัวเอง แทนการรอให้สหภาพยุโรปเป็นผู้ตัดสินใจและสั่งการอย่างช่วงเวลาที่ผ่านมา
นอกเหนือจากการแสดงจุดยืนล่าสุดของซีมานสกีแล้ว วิโตลด์ วาสซีคอฟสกี ว่าที่รัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่ของโปแลนด์ยังออกมาแสดงความกังวลต่อการรับผู้อพยพเข้าประเทศ และว่าถึงเวลาแล้วที่ยุโรปจำเป็นต้องรับมือกับทัศนคติที่แปลกแยกของชุมชนชาวมุสลิมในยุโรป ที่ส่วนใหญ่มีความเกลียดชังทวีปนี้และต้องการทำลายยุโรปให้พินาศ
การออกมาแสดงจุดยืนที่แสดงการคัดค้านและกังขาต่อนโยบายการรับผู้อพยพเข้าสู่ยุโรปของว่าที่รัฐมนตรีใหม่ทั้งสองรายในรัฐบาลโปแลนด์ ถือเป็นการส่งสัญญาณที่แข็งกร้าวไปยังอียู และเป็นการตอกย้ำนโยบายในการไม่ยอมรับผู้อพยพเข้าประเทศของรัฐบาลชุดใหม่ของโปแลนด์ภายใต้การนำของพรรคกฎหมายและความยุติธรรม (PiS) ที่เพิ่งคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ภายใต้แผนการของอียู ผู้อพยพซึ่งส่วนใหญ่มาจากซีเรีย อิรัก อัฟกานิสถาน และอีกหลายประเทศในตะวันออกกลางและแอฟริกาจำนวนมากกว่า 160,000 คนที่เดินทางมาถึง “ประเทศด่านหน้า” อย่างกรีซ และอิตาลี จะถูกจัดสรรให้เข้าไปตั้งถิ่นฐานใหม่ใน 28 ประเทศสมาชิกของอียู ซึ่งรวมถึงโปแลนด์ที่เป็นบ้านของประชากรราว 38 ล้านคน และอีกหลายประเทศในยุโรปตะวันออกที่ต่างมีจุดยืนคัดค้านแผนการนี้แบบหัวชนฝา
ที่ผ่านมารัฐบาลชุดก่อนของโปแลนด์ที่เพิ่งสิ้นอำนาจไป ได้ตัดสินใจรับผู้อพยพชาวซีเรียที่นับถือศาสนาคริสต์ราว 200 คนให้เข้ามาตั้งถิ่นฐานใหม่ในประเทศของตนภายใต้การสนับสนุนของมูลนิธิเอกชนแห่งหนึ่ง ในขณะที่ทางอียูจัดสรรโควตาให้โปแลนด์ต้องเปิดประตูรับผู้อพยพซึ่งส่วนใหญ่เป็น “ชาวมุสลิม” เข้าประเทศจำนวนทั้งสิ้น 9,287 คน
ล่าสุด โธมัส เด ไมซีเรอ รัฐมนตรีมหาดไทยของเยอรมนีออกโรงวิงวอนในวันเสาร์ (14 พ.ย.) ให้ประเทศต่างๆ ในยุโรปอย่าเชื่อมโยงเหตุก่อวินาศกรรมที่กรุงปารีสของฝรั่งเศส เข้ากับบรรดาผู้อพยพที่หลบหนีภัยสงครามและความยากลำบากมาจากตะวันออกกลางและแอฟริกา โดยระบุ บรรดาผู้มีอำนาจในรัฐบาลทั่วยุโรป ไม่ควรปล่อยให้โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นจากการก่อวินาศกรรมหลายจุดในเมืองหลวงของฝรั่งเศส มาสร้างอคติและความเกลียดชัง ต่อผู้อพยพที่กำลังไหลบ่าเข้าสู่ยุโรปด้วยความหวังในการได้ “เริ่มต้นชีวิตใหม่”