สะใภ้จ้าว ตอนที่ 16
ม.ร.ว. บดินทราชทรงพลในชุดหมีบริษัท นั่งร้านเสียโปกับสาลิน ตอนนี้ เธอลาออกจากห้องสมุดแล้ว
ชายเล็ก ในบท นายพลถามสาลิน
"คิดดีแล้วเหรอครับ เรื่องไปทำงานให้นายอัศนีย์ พรุ่งนี้เปิดตัวไนท์คลับเขานี่ครับ"
"ค่ะ โธ่ ฉันทำไม่นานหรอก หาเรื่องเกเรสักหน่อย เดี๋ยวเขาก็ไล่ออก นี่ ช่วงนี้คุณดูแลพี่ศรีให้ฉันด้วยนะ"
"ทำไมครับ"
"พี่ศรีกำลังเฮิร์ทคุณชายรองอย่างหนักเลยน่ะซี"
"คุณสาครับ คุณไม่เปลี่ยนใจแน่เหรอ"
"เปลี่ยนใจเรื่องอะไรคะ"
"ก็เรื่องรับผมเป็นแฟนไง น่า เราสองคนน่ะมีอะไรเหมือนกันตั้งหลายอย่าง น่าจะดึงดูดมาอยู่คู่กัน"
สาลินทำปากยื่น
"ใครบอกคุณล่ะ ตามหลักฟิสิกส์พื้นฐาน สิ่งที่เหมือนกันจะผลักกัน สิ่งที่ต่างกันต่างหากถึงจะดึงดูดกัน"
"ว้าว....เหมือนแม่เหล็กขั้วบวกขั้วลบใช่ไหมฮะ"
"ใช่ คุณน่ะร่าเริง ช่างพูด ทำตัวง่าย ๆ ไม่มีกฏเกณฑ์ เหมาะกับคนเงียบ ๆ อยู่ในกรอบ เจ้าระเบียบ เหมือนอย่างพี่ศรี"
ชายเล็กใจวาบ เห็นด้วย แล้วรีบแก้กลับ
"อือม์ ส่วนคุณน่ะร่าเริง ขี้เล่น ช่างเจรจา ไม่ถือตัว ก็ต้องเหมาะกับคนเย่อหยิ่ง เงียบขรึม ไว้ตัว และก็ขี้เก๊กนะซีฮะ"
สาลินใจวูบวาบยิ่งกว่าชายเล็ก พูดเสียงเบา หน้าแดงขึ้นมาทันที
สาลินเสียงอ่อย
"คุณหมายถึงใคร"
"ก็หมายถึง...คนขี้เก๊ก...ทั่วๆไปน่ะซีฮะ"
สาลินหลบตาชายเล็กที่มองอย่างรู้ทัน
"เออ....ฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ"
สาลินออกจากร้านไป ชายเล็กครุ่นคิดเรื่องศรีจิตรา จริงอย่างที่สาลินว่า เสียงทักจากเบื้องหลัง
"คุณชายเล็ก"
ม.ร.ว. บดินทราชทรงพลสะดุ้งโหยง ลุกขึ้น
"เออ....คุณจินนี่ หวัดดีครับ"
"มาทานกับใครคะ"
"มากับเจ้าพลครับ"
"แล้วคุณพล ไปไหนล่ะคะ"
"ไป....เข้าห้องน้ำมั้งครับ"
ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสงทานอะไรไม่ลง มือมองสร้อยข้อมือนิ่ง ชายรองทานอย่างเนือย ๆ เธอตัดสินใจพูด
"เอ้อ คุณรองคะ หญิงมาคิด ๆ ดูแล้ว หญิงคิดว่าหญิงควรจะเสียสละ หญิงทนไม่ได้ที่คุณรองจะต้องมาอุทิศชีวิตทั้งชีวิตเพื่อหญิง"
คุณชายรองยิ้มนิดๆ นึกถึงภาพที่สาลินกำลังผงะหนีไฟเข้าในอ้อมอกเขา
"ผมอุทิศชีวิต เพื่อคนที่ผมรักได้เสมอ"
เธอตาเขียวและยิ้มวิงวอน
"แต่หญิงคงทำขนาดนั้นไม่ได้"
"หญิงกำลังจะบอกอะไรผมเหรอครับ"
"หญิงจะปล่อยให้คุณเป็นอิสระไงคะ"
เขาตกใจ
"อะไรนะครับ นี่หมายความว่าหญิงจะเลิกกับผมงั้นเหรอ"
"ค่ะ"
"หญิงเคยบอกว่าหญิงรักผมยิ่งกว่าทุกสิ่งในโลกไง"
เธอโพล่งออกมา
"ถ้าเป็นอย่างงั้นจริง หญิงคงไม่ทิ้งคุณรองไปแต่งกะอัศนีย์หรอกค่ะ"
หญิงก้อยหลุดบทที่เตรียมมา แล้วยกมือปิดปากชะงักไป เขานิ่งอั้นมองดูมีอาการคล้ายตะลึงตกใจ แต่ที่จริงดีใจสุด
"หญิง หญิงพูดอะไรออกมา"
เธออึกอัก แล้วมีท่าทีเป็นอะไรเป็นกัน ลดมือลงจากปาก ยืนขึ้นช้า ๆ สายตาทวงท่ากลายเป็น
นางร้ายมหากาพย์ เขาลุกตาม
"หญิงพูดความจริงไงคะ"
"แล้วหญิงกลับมาหาผมทำไม"
"หญิงกลับมาหาคุณรอง ก็เพราะหญิงเวทนาความจงรักภักดีของคุณรองเท่านั้น"
เขาร้องเหมือนขมขื่นประชดประชัน
"โอ....หญิงเวทนาความจงรักภักดีของผม หญิงคิดกับผมแบบนี้หรือ"
"แต่ว่ากันตามจริ คุณรองก็ไม่ได้จงรักภักดีอะไรกับหญิงนักหนา เพราะคุณรองยังมีแม่บรรณารักษ์นั้นอยู่อีกคน"
"ตอนนี้ ผมมีคนคนเดียวเท่านั้นในหัวใจผม"
ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์หมายถึงสาลิน
ภาพที่เขาเป่านิ้วมือให้สาลิน และภาพ สาลินปรนนิบัติต่าง ๆ ที่บ้านเช่าเข้ามาในสมอง
หญิงก้อยยิ้มหยันเข้าใจว่า ชายรองหมายถึงตัวเธอ
"คำพูดพวกนี้เปลี่ยนใจหญิงไม่ได้หรอก"
เขาทำหน้าเศร้า ที่จริงสมเพช
สาลินเดินกลับเข้ามา ถือถุงใข่นกกระทามาด้วย พบว่าบดินทร์อันตรธานไปเสียแล้ว จิตริณีนั่งอยู่แทน
"อ้าว คุณจินนี่ แล้วคุณพลไปไหนล่ะคะ"
"ไม่ทราบค่ะ ฉันเห็นแต่คุณชายเล็ก"
"คุณชายเล็ก มาด้วยเหรอคะ"
"ค่ะ....แต่ตอนนี้กลับไปแล้ว ฝากบอกคุณว่าคุณพลก็กลับไปด้วย"
"แปลก น่าจะบอกลาฉันก่อน"
"แปลกจริง ๆ นะคะ เพราะฉันไม่เคยเห็นหน้าคุณพลเสียที เจอทีไรก็เจอแต่คุณชายเล็ก"
"ฉันก็ไม่เคยเจอคุณชายเสียที เจอแต่คุณพล"
"แล้ว...ลินซี่ นัดฉันกินข้าว มีเรื่องอะไรรึเปล่าคะ"
"ค่ะ....พรุ่งนี้ฉันต้องไปงานเปิดไนท์คลับของคุณอัศนีย์ ขอรบกวนคุณจินนี่เป็นแชปเปอร์โรนให้ฉันนะคะ อยู่กับฉันตลอด อย่าให้ฉันคลาดสายตา"
"ก็ได้ค่ะ แต่ถามเรื่องนึง"
"ว่ามาเลยค่ะ"
"คุณชายกิตติเขารู้เหตุผลที่คุณไปทำงานกับอาร์นี่แล้วหรือยัง เรื่องสัญญาระหว่างคุณกับอาร์นี่"
สาลินส่ายหน้า
"ฉันไม่กล้าบอกหรอกค่ะ"
จิตริณีพยักหน้าครุ่นคิดบางอย่าง แล้วยิ้มมีแผน
ชายรองทำหน้าเหมือนใจจะขาด แต่หญิงก้อยมองอย่างสมเพช
"ยอมรับความจริงเถอะค่ะคุณรอง เราสองคนน่ะ แทบจะไม่มีเยื่อใยต่อกันมานานแล้ว แต่เมื่อคุณรองขอโทษและงอนง้อหญิง หญิงถึงได้ให้โอกาสคุณรองอีกครั้งหนึ่งไงคะ"
"ผมทำยังไงหรือ"
หญิงก้อยชูข้อมือ
"ก็ดอกไม้กับสร้อยไข่มุกนี่ไงคะ ถ้าหญิงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า หญิงคงไม่รับไว้ คุณรองจะได้ไม่ต้องสิ้นเปลือง"
ชายรองแค่นหัวเราะออกมาเหมือนเจ็บปวด แต่ที่จริงเย้ยหยัน
"หญิงรู้ไหม ผมไม่รู้เรื่องดอกไม้กับสร้อยไข่มุกสร้อยเพชร อะไรนั่นซักนิด"
"อะไรนะ"
"ผมไม่เคยส่งอะไรไป เพราะผมแน่ใจว่าเราสองคนจบกันแล้ว แต่จู่ ๆ หญิงก็ติดต่อมา บอกให้เราเริ่มต้นใหม่ ผมก็เลยลองดู"
หญิงก้อยผงะ
"คุณ...คุณกล้าดียังไงมาฉวยโอกาส"
"ผมผิดเองหญิง ผมขอโทษ"
ชายรองพูดเรียบ ๆ ผู้คนรายรอบดูเป็นตาเดียว
"ฮึ"
"แต่รู้ไหมว่าตั้งแต่ผมคบหญิงมา หญิงไม่เคยสำนึกในความผิดของตัวเองสักครั้ง แม้กระทั่งหญิงละเมิดคำมั่น ไปแต่งกับคนอื่นแล้วซานกลับมา หญิงอาจจะเอ่ยปากขอโทษ แต่ผมรู้ว่าใจจริงหญิงไม่เคยคิดว่าตัวเองผิด"
"คุณรอง"
"ผมคิดว่า คงเป็นเพราะตั้งแต่เกิดมา หญิงไม่เคยคิดว่าหญิงทำผิดอะไรเลย ใช่ไหม"
"อย่าอวดดี มาว่าหญิง นังนั่นเสี้ยมสอนคุณมายังงั้นซี"
"สาลินสอนอะไรผมหลายอย่าง สอนเรื่องการขอโทษ การให้อภัย การให้ และการรับที่หญิงไม่รู้จัก"
เธอยืนนิ่ง ยกมืออุดหู
"พอ...เลิกพูดซะที"
สร้อยไข่มุกที่ข้อมือห้อยวาววับ เธอมองดูแล้วกระชาก มุกร่วงกราวกระจัดกระจายไปรอบทิศ ผู้คนร้องอุทาน
เ"ขอให้เราสองคนขาดจากกันเหมือนสร้อยจอมปลอมเส้นนี้"
ชายรองยิ้มก้มศีรษะกรายมือให้ ค้อมตัวอย่างต่ำ หญิงก้อยสะบัดออกไป บรรดาผู้คนมองตามซุบซิบกันแซ่ด ชายรองมองแล้วยิ้มให้ บรรดาเจทเซททั้งหลายหน้าม้านเมินไป
หญิงก้อยเดินออกมา สีหน้าเจ็บปวด น้ำตาค่อย ๆ ไหลพราก ทรุดลงนั่งร้องไห้ออกมา แล้วค่อย ๆ
ลุกขึ้น หน้าเชิดขึ้นอีกครั้ง เดินตรงไปอย่างทระนง สีหน้าเต็มไปด้วยความแค้น
ศุภรชนแก้วกับกิตติในร้านผ้าไหม
"ตกลง แผนลวงของแกก็ประสบความสำเร็จ ยายก้อยแสดงธาตุแท้ออกมาจนได้"
"ใช่"
"ถ้าอย่างนั้นละครโรงใหญ่ของแกน่าจะจบลงเสียที"
"แกอยากให้จบงั้นเหรอ"
"ใช่ซีวะ เพราะตั้งแต่ที่ฉันร่วมเล่นละครกับแกวันนั้น หญิงกลางตัดสัมพันธ์ฉันถาวรไปเลย ทุกวันนี้โทร.ไปก็ไม่ยอมรับสาย"
ย้อนกลับไปวันนั้น ขณะที่สองสาวเดินเข้ามาไกล ๆ ตรงมาที่ร้าน กิตติ ศุภร ชะเง้อมอง
"ตกลงตามนั้นเพื่อน มาแล้ว แกต้องเล่นให้สมบทบาทนะ"
"เออ...น่า ฝีมือระดับนี้แล้ว ว่าแต่หญิงกลางจะไม่เกลียดฉันนะ"
"ถึงเกลียด แกก็ไปสารภาพความจริงทีหลังก็ได้น่า"
สองสาวเดินเข้ามาในร้าน ต้องชะงักไปเพราะ ศุภรกำลังหัวเสียใส่กิตติ
"ไม่ได้ แกจะมาใช้รถของฉันไม่ได้ นั่นมันรถส่วนตัวของฉัน"
"โธ่..... ศุภร เห็นใจหน่อยเถอะว่ะ ฉันขับรถบุโรทั่งของแกไปกระทรวงทีไร ถ้ารถไม่ตาย ก็แล่นเป็นเต่าคลาน ฉันทำงานสายทุกที"
"ก็เรียกแท็กซี่ซีวะ"
สองสาวมองหน้ากัน
ศุภรตามมาจับมือ ม.ร.ว. ศศิรัชนีไว้ ชายรองกับสาลินตามมา
"ไม่มีอีกต่อไปแล้วค่ะ ฉันควรจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่ควรมาคบกับนักธุรกิจหน้าเลือดอย่างคุณ ลาก่อนค่ะ"
หญิงกลางสะบัดไปทันที สาลินตกใจ ชายรองหน้าสลด
"หญิงกลางครับ"
ศุภรหันขวับมามองชายรอง ทำหน้าขอความช่วยเหลือ ชายรองส่ายหน้า ให้เล่นต่อไป
"เพราะแก แกคนเดียวไอ้หม่อม สร้างแต่ปัญหา ถ้าหญิงกลางเลิกกับฉัน มันคือความผิดของแกทั้งหมด"
สาลินพาชายรองค่อย ๆ ลุกเดินออก ศุภรวิ่งออกมาดู
"เอาไงวะ หญิงกลางโกรธจริง ๆ ด้วย ไอ้หม่อมนะไอ้หม่อม ไม่น่าช่วยแกเล้ย"
ในร้านผ้าไหม ทั้งคู่ยังคุยต่อเนื่อง
"แกควรจะจบละครเรื่องนี้ได้แล้ว เพราะตั้งแต่แกรับบทคุณชายตกยาก คุณสาลิน เขาแสดงชัดเจนแล้วว่าเขาเป็นห่วงเป็นใยแกแค่ไหน"
"แต่ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมเขาจะต้องไปทำงานกับนายอัศนีย์ ทั้ง ๆ ที่เขาก็ไม่ได้ชอบนายนี่สักนิด"
พนักงานหญิงเดินเข้ามา
"คุณชายขา มีแขกมาขอพบค่ะ"
ชายรองมองไป จิตริณีเดินเข้ามา ทั้งคู่ลุกขึ้นคชต้อนรับ
กิต"สวัสดีครับคุณจิตริณี" ชายรองทัก
"ค่ะ "
"มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ"
"ไม่มีหรอกค่ะ มีแต่เรื่องของลินซี่ คุณชายคงรู้แล้วใช่ไหมคะ ว่าลินซี่ลาออกจากห้องสมุด ไปทำงานไนท์คลับของอัศนีย์แล้วค่ะ"
"ลาออกแล้วเหรอครับ"
"ใช่ค่ะ"
"คุณจะบอกผมแค่เรื่องนี้เองเหรอครับ"
"ไม่ใช่เท่านี้ค่ะ ฉันรู้เหตุผลที่ลินซี่ต้องไปทำงานให้อาร์นี่ เหตุผลที่เธอไม่กล้าบอกคุณ"
"ผมกำลังสงสัยอยู่นี่แหละครับ"
"สิ่งที่ชั้นจะเล่าต่อไปนี้ เพื่อยืนยันว่าทุกอย่างสาลินทำทุกอย่าง เธอทำเพื่อคุณ"
จิตริณียิ้มอย่างอ่อนหวาน
ท่านจันทร์กำลังทอดพระเนตรข่าวโทรทัศน์ หม่อมวาณีนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร รื่นกับโรยนั่งอยู่ที่พื้น
หญิงก้อยเดินเข้ามาหน้าบูดบึ้ง
"วันนี้ ฝนฟ้าตกใหญ่แน่ กลับมาก่อนเที่ยงคืน" ท่านจันทร์ว่า
วาณียิ้มพูดเบา ๆ กับลูกสาวคนโปรด
"หญิงจ๋า แม่กะว่าจะขายที่ที่ทรงวาดเอาเงินมาให้หญิง รวมกับเงินเก็บของแม่ คงจะพอปลูกบ้านกับซื้อรถใหม่ได้"
"ซื้อทำไมคะ"
"ก็เป็นของขวัญแต่งงานของหญิงกับชายรองน่ะซีลูก"
"หญิงไม่มีวันแต่งกับผู้ชายกระจอกงอกง่อยอย่างนั้นหรอกค่ะ"
หม่อมวาณีอ้าปากค้าง ท่านจันทร์หันมา ม.ร.ว. ศศิรัชนีถือโหลดอกคัทลียาในกลีเซอรีนเข้ามาพอดี
"เอาไว้ไหนดีจ๊ะหญิง"
"เอามานี่ค่ะ"
หญิงกลางก้าวมาส่งให้ หญิงก้อยมองอย่างเจ็บแค้นแล้วเงื้อโหลทุ่มลงกับพื้นแตกกระจาย รื่นโรย ผวาเข้ากอดกัน ท่านจันทร์กับวาณีผลุดลุก
"อะไรกันหญิง นี่ดอกไม้ชายรองนะ" วาณีว่า
"ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่ดอกไม้ของเขา แต่เป็นไอ้อีผู้หวังดีที่ไหนก็ไม่รู้"
หญิงกลางแค่นยิ้มอย่างรู้เบื้องหลัง หญิงก้อยมองหน้าพี่สาว
"ยิ้มอะไรคะพี่กลาง หรือพี่รู้ว่าดอกไม้นี่ไม่ใช่ของคุณรอง"
"จะใช่หรือไม่ใช่ เธอก็ไม่ควรทำลายข้าวของ เธอไม่ใช่เด็กสิบขวบนะ"
"หญิงจะทำลายให้มากกว่านี้อีกค่ะ หญิงจะทำให้ทุกคนไม่มีความสุขอีกเลยคอยดูนะ"
"ก่อนที่จะเผาผลาญคนอื่น ไฟพยาบาทจะเผาผลาญเธอก่อน" ท่านจันทร์บอก
"ดีเพคะ ให้มันมอดไหม้ไปให้หมดทุกคน จะได้สมพระทัยท่านพ่อไงเพคะ"
หญิงก้อยเตะโหลแตกขวางอยู่ให้พ้นเท้า เดินฉับ ๆ ชึ้นชั้นบนไป ท่านจันทร์เซซวน วาณีตกใจ
ประคองท่านจันทร์ให้นั่ง หญิงกลางเข้ามาคุกเข่าจับขาท่านพ่อไว้ หม่อมวาณีน้ำตาไหล
"ท่านเพคะ หม่อมฉันขอประทานโทษ ที่เลี้ยงลูกผิดจนกลายเป็นไม้แก่เกินดัดแบบนี้"
"ใครว่า เพราะลูกอีกคน เธอเลี้ยงได้ประเสริฐที่สุด เป็นความภูมิใจของรัชนีกุล"
ท่านจันทร์ยิ้มลูบผมลูกสาว วาณีอ้าแขนออก หญิงกลางเข้าไป แม่ลูกกอดกันกลม
รื่นกับโรยมองดูยิ้มทั้งน้ำตา
คืนวันรุ่งขึ้น ไนท์คลับหรู เดอะคาสเซิล
ตอนกลางคืน พนักงานสาวในชุดหนังเทียมสั้นจู๋ สีแดงเพลิงวาววับ สวมท็อปบูทแดง ผมแฮร์สเปรย์ฟูราวมาจากอวกาศ เดินต้อนรับแขกเหรื่อ อัศนีย์ใส่สูทขาวโบว์ไทสีแดง สาลินใส่ชุดราตรีเปิดไหล่สีขาว
"คืนนี้ผมมีความสุขจัง แต่จะมีความสุขกว่านี้ถ้าคุณไม่พา....จินนี่มาด้วย"
จิตริณีก้าวมาดูสดใสเข้มแข็ง มองดูรอบๆ
" ทุกอย่างดูดีนะคะอาร์นี่ เป็นเปลือกนอกที่งดงามจังเลย"
"คุณหมายความว่ายังไง"
"ก็สัจธรรมของโลกนี่ไงคะ สิ่งที่ตาเห็นอาจไม่ใช่ความจริงก็ได้ ข้างในเจ้าชายอาจมีอสูรร้าย และข้างในอสูรร้ายอาจมีเจ้าชาย"
อัศนีย์ยิ้มไม่แคร์หันมาหาสาลิน
"และมีโฉมงามอยู่เคียงข้างอสูรร้ายเสียด้วยซี"
"โฉมงามตัวจริงมาถึงแล้วค่ะ" สาลินบอก
หญิงก้อยในชุดราตรียาวสีแดงเพลิง ปักเลื่อมเป็นเส้นเปลวไฟระยิบระยับ เดินนำจิตตินและวิรงรอง
ที่ดูเผิน ๆ เหมือนเอาริบบิ้นมาคาดนมเฉย ๆ
"เดอะ แคสเซิล ขอถวายการต้อนรับครับ เจ้าหญิง อ้อ แล้วเจ้าชายของคุณล่ะ"
หญิงก้อยมองสาลินแล้วเมิน
"อ๋อ เรามีเรื่องขัดใจกันนิดหน่อย เรื่องเขาไปหาเศษหาเลย ก็เลยห่างกันชั่วคราว"
สาลินอึ้ง หญิงก้อยปรายตามา จิตริณีขมวดคิ้ว
"จริงเหรอคะ ไม่เห็นบอกเราก่อนเลย"
"ก็กะจะมาบอกพร้อม ๆ กันนี่ไง แล้วก็มีคำถามจะถามพวกเธอพร้อมหน้ากันนี่ด้วย"
"อะไรครับ ถามมาเลย" จิตตินว่า
"ไม่ใช่ตรงนี้และตอนนี้ค่ะ"
หญิงก้อยปรายตามอง สาลินไม่สนใจนัก แต่จิตริณีสนใจมาก
ท่านรัฐมนตรีกับลูกสาวท่าทางอ่อนหวานสวยเรียบ ๆ เดินมา อัศนีย์ก้าวไปต้อนรับ
"พณ.ท่าน “เดอะแคสเซิล” ยินดีต้อนรับครับ"
"ยินดีด้วยเช่นกันครับ นี่ลูกชายผม โสภณ อนาคตจะเป็นทายาททางการเมืองของผม นี่แหละครับ นี่ลูกสาวผม โสภาพรรณ เป็นครู รู้จักคุณอัศนีย์ซะซีลูก"
โสภาพรรณมองอัศนีย์แล้วอาย พูดอ่อนหวาน
"สวัสดีค่ะ"
"ยินดีครับ"
อัศนีย์จะแนะนำสาลิน แต่หญิงก้อยก้าวแทรกเข้ามา วิรงรอง จิตติน อ้าปากค้าง สาลินโดนชนเซมาทางจิตริณี
"อ้อ นี่คุณหญิงเทพีเพ็ญแสง รัชนีกุลครับ ท่านรัฐมนตรี"
"สวัสดีค่ะ"
"สวัสดีครับ"
หญิงก้อยไม่ไหว้ ท่านรัฐมนตรีอึ้งไปนิดก็ทำใจได้ โสภาพรรรณมอง พูดอ่อนหวาน
"ได้ยินเรื่องคุณหญิงมาตั้งนาน ไม่เคยเจอตัวซักที"
"เรื่องอะไรหรือคะ"
"ก็เรื่องคุณหญิงเลิกกะคุณอัศนีย์น่ะค่ะ"
หญิงก้อยชะงัก มองหน้า โสภาพรรณยิ้มอ่อนหวานจริงใจ วิรงรองสบตาจิตติน จิตริณีสบตาสาลิน 2 นางปิดปากแอบหัวเราะกัน
อัศนีย์เดินนำพาวิรงรอง หญิงก้อย จิตตินเข้ามาในห้องทำงาน
"นี่ครับห้องทำงานผม นี่โต๊ะผม ส่วนนั่นโต๊ะทำงานคุณสาลิน"
อัศนีย์เอามือเท้าโต๊ะทำงานใหญ่ มีเก้าอี้พนักสูงหรูหรา แล้วผายมือไปที่ โต๊ะขนาดกลางแต่หรูหราไม่แพ้กัน หญิงก้อยเบ้ปาก กรายมือไปที่เก้าอี้นอนตัวหนึ่ง
"ตาย.....คิดว่าตรงนี้ซะอีก"
จิตตินหัวเราะ วิรงรองกลับรู้สึกว่าแรงไป ขมวดคิ้ว
"เอาล่ะได้เวลาแล้ว อยู่กันพร้อมหน้า ฉันอยากจะถามเรื่องสร้อยเพชรประดับมุก"
อัศนีย์ วิรงรอง จิตตินมองหน้ากัน
"คุณรองบอกฉันว่าเขาไม่ใช่คนที่ส่งสร้อยมาให้ ถ้าอย่างนั้นมันต้องมีมือดีที่คิดจะแกล้งฉัน รู้ไหมว่าใคร พวกเธอทั้งสามรึเปล่า"
ทั้งสามมองหน้ากัน และราวกับนัดกันไว้ ปฏิเสธออกมาพร้อมกัน
"ไม่รู้เรื่องครับ / หญิงมาถามอะไรเราล่ะจ๊ะ / คนที่น่าจะรู้ก็คือไอ้คุณชายนั่นแหละ "
"หรือไม่ก็อาจจะคนที่คุณหญิงไม่ชอบหน้ามาก ๆ หรือไม่ชอบคุณหญิงมาก ๆ"
"เช่น คุณสาลินนั่นไง"
อัศนีย์มองจิตตินอย่างปราม ๆ
"สาลินคงไม่มีปัญญาส่งของราคาแพงขนาดนั้นหรอก"
จิตตินกลั้นหัวเราะ
"เออ จริง ของมันแพงมากเลยนะ"
"หรืออาจจะร่วมมือกันหลายคน"
"ถูกต้องเลย งานนี้คงทำกันเป็นทีม ฉันจะช่วยสืบให้นะหญิง"
"ขอบใจนะติ่ง"
จิตตินเดินไปที่ผนังยาวเหยียดด้านหนึ่ง ที่มีม่านยาวจรดพื้นทั้งผนัง แล้วจับสายรูดม่าน
"เอ๊ะ ด้านนี้อะไร หน้าต่างดูวิวเหรอ"
อัศนีย์โบกมือร้องห้าม
"เฮ้ย อย่า"
แต่ไม่ทัน... ม่านหนาหนักเปิดออกเผยให้เห็นผนังกระจกที่มองทะลุไปอีกด้าน เห็นห้องเล็กพิเศษ บรรดาแดนเซอร์หญิงกำลังแต่งตัววูบวับ ประดับขนนก นั่งเรียงรายแต่งหน้าอยู่ที่หน้ากระจก ทุกคนมองกันอย่างแปลกใจ อัศนีย์รีบกลบเกลื่อนทำปรกติ
วิรงรองถาม "นี่อะไรกันอาร์นี่"
มีนางแดนเซอร์นางหนึ่งลุกขึ้นหันมาบิดตัวมองซ้ายมองขวา ตาจ้องตรงมา แล้วเข้ามาเอามือกดขนตาปลอมให้แน่น ต่อหน้าทุกคน
หญิงก้อยถาม
"แปลว่าทางโน้นไม่เห็นเราหรือคะ"
"เขาเรียกว่าวันเวย์มิเร่อร์ มองได้จากด้านเรา แต่ทางโน้นจะเป็นกระจกเงา"
"คุณจะเป็นปีบปิ้งทอม แอบดูสาว ๆ เปลี่ยนเสื้อผ้าหรือ"วิรงรองว่า
อัศนีย์คิดคำแก้ตัว อึดใจหนึ่งรูดม่านออกเพิ่ม เห็นห้องอีกห้อง
"โธ่ อีกห้องนึงก็ห้องแต่งตัวผู้ชาย พวกคุณไม่เห็นหรือ"
อีกห้องมีแดนเซอร์ชาย เปลือยอกเห็นกล้ามฮึกเหิม 2-3 คนนั่งคุยกัน วิรงรองถลาไปเกาะกระจก เห็นเตียงนอนอยู่กลางห้อง
"ตกลงผนังกระจกนี่มีไว้เพื่อ"
"ก็เพื่อสอดส่องดูแลน่ะซีฮะ ผมก็เหมือนพระเจ้า สอดส่องดูแลทุกชีวิตที่ทำงานกับผม"
จิตตินเข้ามากระซิบอัศนีย์
"ห้องแต่งตัวชายนี่ยังไงวะ ทำไมมีเตียงนอนอยู่กลางห้องด้วย"
"แกอย่าถามให้มากเรื่องน่า"
หญิงก้อยครุ่นคิดบางอย่าง
บรรยากาศไนท์คลับดูหรูหราราคาแพง ในฟลอร์บรรดาแขกไฮโซไซตี้กำลังเต้นรำกัน ที่โต๊ะรอบ ๆ มี
แขกนั่งกันเต็ม ที่โต๊ะวีไอพีท่านรัฐมนตรีกับโสภาพรรณอยู่กับอัศนีย์ สาลิน จิตริณี พูดคุยต้อนรับแคล่วคล่อง จิตตินถ่ายรูปตามปรกติ
หญิงก้อยนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์ อยู่ในมุมปลอดคน มองอยู่ บริกรกำลังรอเสิร์ฟเครื่องดื่ม รับเครื่องดื่มมาสองแก้ว
"เดี๋ยวก่อน สองแก้วนี่เสิร์ฟใคร"
"คุณสาลินกับคุณจิตริณีครับ"
"แก้วไหนของสาลิน"
"น้ำส้มครับ เธอไม่ดื่มแอลกอฮอลล์"
"อย่าพูดไปนะ"
เธอหยิบยานอนหลับมา 2 แคปซูลดึงออก เทผงยาใส่แก้วใบหนึ่งพร้อมกับดึงดอกไม้โยนทิ้งไป
บริกรตกใจ
"เอ้อ นี่อะไรครับ"
เธอหยิบแบงค์ร้อยมาหลายใบ
"นี่คือเงินที่เธอจะได้ไง แค่ทำตามที่ฉันบอก"
บริกรนิ่งอึ้ง เธฮพับเงินเอาสอดอกเสื้อให้ บริกรรับคำแล้วเอาเครื่องดื่มตรงไปเสิร์ฟทันที เธอมองอยู่ เห็นสาลินรับแก้ว
น้ำส้มมา แล้วดื่ม เธอยิ้มสะใจ
ต่อมา สาลินเดินไปห้องน้ำ แล้วเกิดอาการเซ
ตาพร่าพรายไปหมด เห็นคนเดินผ่านไปมา พร่ามัว แว่บหนึ่ง สาลินเหมือนเห็นชายรองยืนมองจ้องมาท่ามกลางผู้คน
"คุณชาย มาด้วยเหรอคะ"
สาลินกะพริบตา มองไปอีกที ไม่เห็นใครแล้ว
"ตาฝาดเหรอ เอ ทำไมมันหนักหัวจัง คุณจินนี่ อยู่ไหน พาฉันไปห้องน้ำที"
สาลินเซไปนั่งที่เก้าอี้หน้าห้องน้ำ
อีกมุมของคลับจิตริณีและอัศนีย์เดินมาด้วยกัน จิตริณีพูดแดกดัน
"ดีใจด้วยนะ อาร์นี่ ทั้งงาน ทั้งความรัก"
"ถ้าไม่มีคำแนะนำของคุณก็ไม่มีคืนนี้"
"คำแนะนำเรื่องไนท์คลับน่ะหรือ"
"คำแนะนำเรื่องเพชร และช่อดอกไม้นั่นต่างหาก"
จิตริณีโกรธวูบขึ้น
"คุณหลอกถามฉัน ทำให้ฉันเข้าใจผิดว่าคุณกำลังคืนดีคุณหญิง ไม่นึกว่าคุณจะเล่นเกมสกปรกยิ่งกว่านั้น หลอกคุณหญิงกับคุณชายกิตติ เพื่อจะคว้าสาลินมาเป็นของคุณเอง
"ยังไงผมก็ต้องขอบคุณคุณอยู่ดี เพราะแผนนี้สำเร็จอย่างน่าประทับใจ สมปรารถนากันทุกฝ่าย"
"ยกเว้นฉัน คุณทรยศต่อความเป็นเพื่อนของเรา ต่อความหวังดีของฉัน"
"ไม่เอาน่าจินนี่ ผมไม่ได้ทรยศ ยังไงคุณก็เป็นเพื่อนแสนดีที่สุดของผม"
อัศนีย์พลันยกมือจิตริณีมาจุมพิศอ้อยอิ่ง จิตริณีหมดความวูบวาบใด ๆ อีกต่อไป มองอัศนีย์อย่างสมเพช
จังหวะนี้ร่างสูงใหญ่ของไนเจลเดินเข้ามามองอย่างหึงหวง หน้าแดงเพราะดื่มเข้าไปเยอะ ตรงเข้ามาทันที ดึงร่าง จิตริณีออกมา
"ว้าย....บอส คุณมาได้ยังไงกัน"
"ไม่ยากหรอก ผมมากับแขกวีไอพีของมิสเตอร์ ASS"
"ใคร ?"
"เดี๋ยวคุณก็รู้เอง เชิญทางนี้หน่อย จินนี่"
ไนเจลลากข้อมือจิตริณีไป อัศนีย์มองตามอย่างหัวเสีย หญิงก้อยเข้ามาสีหน้าร้อนรน
"อาร์นี่ เธอมาดูสาลินหน่อย ท่าทางจะไม่สบาย"
อัศนีย์ตามหญิงก้อยไป
อัศนีย์เข้ามาประคองร่างสาลินที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม หญิงก้อยตามมา
"ลินซี่ เป็นอะไรครับ"
"ไม่รู้ ฉันมึนหัว คุณจินนี่อยู่ที่ไหน"
"เอ....ไม่ทราบเหมือนกัน"
"โอย...พาฉันกลับบ้านที"
พูดได้เท่านั้น สาลินก็หมดสติ แน่นิ่งไป อัศนีย์กอดไว้
"เฮ้อ ไหนว่าเด็กดีไง ออกงานครั้งแรกก็เมาเสียแล้ว มา....ฉันช่วยไปนอนพัก"
อัศนีย์พยักหน้า เทพีช่วยประคอง สาลินไปด้วยกัน
กิตติเข้ามาทางด้านหลัง มองเหตุการณ์ทั้งหมด
อัศนีย์ประคองสาลินมาด้วยมาดพระเอกตรงไปที่เตียง หญิงก้อยเดินตามมา อัศนีย์วางสาลินลงบนเตียงแล้วร้องอุทานเซถอยหลังไปนั่งโครมบนเก้าอี้ หน้านิ่ว เอามือกดหลังไว้
"คุณเป็นอะไร"
"หลังผมน่ะซี กำเริบขึ้นมาอีกแล้ว"
"แหม....หมดความเป็นพระเอกกัน เดี๋ยวฉันจะไปตามเมดมาให้"
เธอออกไปปิดประตูลง ก่อนออกมองอย่างลุ้น
มุมหนึ่งของคลับ ไนเจลกรอกเหล้าเข้าปากรวดเดียวหมดแก้ว จิตริณีนิ่วหน้า บริกรเอาแก้วใหม่มาให้ ไนเจลกินรวดเดียวอีก
"จะต้องให้บอกอีกกี่ครั้ง ฉันมาเป็นกันชนให้ลินซี่"
"เป็นกันชน ม่ายเข้าจาย แปลว่าอาราย แปลว่า “บังหน้า” รึเปล่า ที่คุณพาลินซี่มาเพื่อบังหน้า ไม่ให้ใครสงสัยว่าคุณจะ Seduce มิสเตอร์ Ass เสียเอง"
"บอส คุณกำลังดูถูกฉันนะ"
"ใช่ ผมดูถูกคุณ เพราะคุณดูราคาถูกมาก ยิ่งตอนที่คุณให้เขาดม"
"หา ดมอะไร"
"ดมมือ"
"จูบค่ะ จูบมือ หรือเรียกให้เพราะว่าจุมพิต"
"น่านแหละเหมือนกัน ต่อไปคุณคงให้เขาดมทั้งตัว"
"หยาบคาย"
"ผมทำได้ดีกว่าดมซะอีก ผมจะไม่แค่ดมมือ แต่จะ..."
ขาดคำไนเจลก็ดึงจิตริณีเข้ากอด ก้มลงจูบแนบแน่น จิตริณีตะลึงนิ่งไป ไนเจลถอนริมฝีปากออก พบว่า จิตริณีหลับตานิ่ง แต่หน้ายังแหงนเงย
"จินนี่ ไม่ขัดขืนหรอกเหรอ"
จิตริณีเสียงระทวย
"ไม่ค่ะ อุ๊ย"
จิตริณีสะดุ้งเฮือก รู้สึกตัว อายที่เผลอตัวมากกว่าถูกจูบ
"คุณดมฉัน เอ๊ย....คุณจูบฉัน คุณล่วงเกินฉัน"
จิตริณีตบหน้าไนเจลเผี๊ยะ ไนเจลกุมแก้ม จิตริณีแกล้งทำโกรธตาวาว ไนเจลได้สติ
"ผมขอโทษ"
"ฉันไม่รับคำขอโทษจากคุณ"
จิตริณีสะบัดไป ไนเจลรีบตาม
สาลินนอนสลบไสลอยู่บนเตียง อัศนีย์นั่งอยู่ข้างเตียงมองมา
"ในที่สุดคุณก็เป็นของผมจนได้"
อัศนีย์จัดไรผมของสาลินให้เป็นระเบียบ ดวงหน้ายิ่งดูกระจ่างขึ้น
ในห้องทำงาน หญิงก้อยเข้ามาพร้อมจิตติน ถือกล้องเข้ามาด้วย ไฟในห้องดิมลง
"มีอะไรให้ผมช่วยครับคุณหญิง"
เธอไม่ตอบ ตรงไปกระชากม่านออก เห็นห้องสำราญ อัศนีย์กำลังนั่งอยู่ข้างเตียง มองสาลินอยู่
"เฮ้ย ไอ้อาร์นี่มันจะทำอะไรของมัน"
"รีบถ่ายไว้เถอะ"
"ไม่ดีมังครับคุณหญิง"
"ถ่ายไปเถอะน่า อาร์นี่คงต้องการรูปพวกนี้ไว้เป็นที่ระลึก"
จิตตินยอมถ่ายอย่างเสียไม่ได้
ในห้องสำราญ
"สวยจริง ๆ แต่....ผมไม่ควรฉวยโอกาสกับคุณ"
อัศนีย์ลุกพรวดขึ้น แล้วยืนนิ่งเพราะเจ็บแปลบที่สันหลัง
ห้องทำงานอัศนีย์ หญิงก้อยผิดคาด จิตตินชะงัก
ห้องสำราญ อัศนีย์ยืดกายตรงแล้วแหกปากร้อง เอามือกุมหลัง แล้วเซกลับไปข้างเตียง
ห้องทำงานอัศนีย์ หญิงก้อยขมวดคิ้ว
อัศนีย์เอนร่าง หน้าลงไปใกล้หน้าสาลิน หญิงก้อยยิ้มสาสมใจ จิตตินถ่ายรูปรัวชัตเตอร์
อัศนีย์เอนกาย โน้มตัวเหมือนจูบสาลิน ประตูเปิดออก ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์ก้าวพรวดไปถึงเตียง
หญิงก้อยชะงัก จิตตินหยุดถ่าย
"คุณรอง"
"เฮ้ย มาได้ยังไง"
หญิงก้อยเอาหน้าแนบไปที่กระจก ชายรองคว้าไหล่ อัศนีย์ยิ้ม
"คุณชาย มาพอดี ช่วยดึงผมขึ้นที"
ชายรองงงไปนิดหนึ่ง กระชากอัศนีย์ขึ้น เสียงกระดูกหลังดังกร๊อบ อัศนีย์ร้องโหยหวน
"อ๊าก"
ชายรองมองอย่างเอาเรื่อง กำหมัดแน่น อัศนีย์นึกออกโบกมือว่อน
"เฮ้ย! คุณชาย ไม่ใช่นะ"
"ไม่ใช่แล้วคืออะไร ไอ้ฉวยโอกาส"
สะใภ้จ้าว ตอนที่ 16 (ต่อ)
ชายรองต่อยโครมเข้าเต็มหน้า อัศนีย์หมุนคว้างเข้ามาหากระจก ปากบดเบียดกับกระจก คล้ายประกบบดปากหญิงก้อยอีกด้าน เธอผงะออก
อัศนีย์หมุนตัวกลับมาเซซัง ชายรองย่างสามขุมเข้ามา อัศนีย์ถอนใจ
"โอเค จัดมาให้จบ ๆ ไป"
ชายรองต่อยโครมเข้าปลายคาง อัศนีย์เซไปด้านหลัง บั้นเอวกระแทกโครมกับโต๊ะ อัศนีย์ร้องโหยหวน ทรุดลงนั่งแปะสิ้นสติวูบไป
ชายรองเข้าไปหาสาลิน นั่งลงหมิ่น ๆ มองดู สาลินยังคงหลับตา ปากแย้มยิ้ม
"คุณมาจริง ๆ ด้วย เอ หรือว่าฉันฝันไป"
เขายิ้มนิด ๆ ก้มลงตวัดอุ้มสาลินขึ้น พาออกจากห้อง อีกห้องหนึ อีกห้องหนึ่ง... จิตตินวิ่งออกจากห้องทันที หญิงก้อยขัดใจ
จิตตินวิ่งเข้ามาในห้องสำราญ ประคองร่าง อัศนีย์ขึ้น
"เฮ้ย เป็นยังไงบ้าง"
อัศนีย์ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น
"ไอ้จิต หายปวดหลังแล้วว่ะ"
"ไอ้คุณชายพาสาลินออกไปแล้ว ให้ยามจับตัวไว้ไหม"
"จับซีวะ แกประคองฉันออกไปก่อน"
จิตตินประคองเพื่อนออกจากห้อง
ฝ่ายไนเจลยังทะเลาะกับจิตริณีต่อเนื่อง วิรงรองยังนั่งอยู่กับท่านรัฐมนตรีและโสภาพรรณ
"มิสเตอร์ไนเจล คุณเมามาก เกรงใจแขกเหรื่อบ้าง"
"ไม่เกรงใจใครทั้งนั้น"
"งั้นฉันจะเลิกนับถือคุณในฐานะบอส"
"ได้ แต่ต้องนับถือผมในฐานะ “ผัว” คุณแทน"
จิตริณี วิรงรอง โสภา และแขกรอบ ๆ อุทานออกมาพร้อมกัน ทั้ง “ว้าย” และ “เฮ่ย”
จิตตินประคอง อัศนีย์ออกมา
"อ้าว อ้าว ฝรั่งเมาแล้วเอะอะ เรียกรปภ.มาลากมันออกไป"
"ไม่ต้องไล่ ฝรั่งไปอยู่แล้ว แต่ก่อนไป ขอชกหน้ามึงก่อน"
ไนเจลชกเข้าเต็มหน้าอัศนีย์ จิตริณีร้องว้าย อัศนีย์เซชนเสาไฟล้มโครม เทียนที่ปักอยู่กระเด็นลามไปที่ผ้าม่าน ข้างเวทีไฟลุกพรึ่บขึ้น
อัศนีย์ตาค้าง โสภาพรรณตวัดดึงอัศนีย์ถอยออกมา ดูเข้มแข็งบึกบึน ปกป้องทั้งอัศนีย์และพ่อรัฐมนตรี
วิรงรองร้องกรี๊ด แขกทั้งงานปั่นป่วน โกลาหลลุกพรวด ร้องวี๊ด ๆ ผลักไส เบียดเสียด
ไนเจลกอดจิตริณีไว้แนบอก แล้วดึงจิตริณีออกจากงาน
"ถังดับเพลิง เร็วซีวะ"
อัศนีย์พูดได้เท่านั้นก็ทรุดเพราะหลังเดาะ
"โอ๊ย....เจ็บหลังอีกแล้ว"
จิตตินมองดูหัวเราะก๊าก บริกรคว้าถังดับเพลิงมาฉีดฟูด ๆ เต็มหน้าจิตตินและวิรงรอง
"มาฉีดฉันทำไม ฉันไม่ใช่ไฟ ฉันเปียก เปียกอีกแล้ว โธ่ "
แม่น้ำยามค่ำ แสงจันทร์ทอระยิบในน้ำ ลมโชยพัดระลอกคลื่นงดงาม กลางคืน
ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยามีต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขา รถเก๋งเปิดประทุนหรูแล่นมาจอดริมน้ำ เขาลงจากรถ มามองร่างของสาลินที่ครึ่งนั่งครึ่งนอนระทวยอยู่เบาะหลัง ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์ขยับเข้าไปใกล้เอานิ้วกรีดผมออกจนเห็นหน้าเปล่งปลั่ง
สาลินลืมตาขึ้นช้า ๆ คลี่ยิ้มให้ ดวงตาหวาน เขางงงันไป สาลินพูดแผ่วเบา
"คุณอีกแล้วหรือ"
"ฉันเอง"
"นี่ฉันฝันอีกแล้วซีนะ"
กิตติกลั้นยิ้ม
"ใช่มั้ง"
"ไม่รู้ทำไม ฉันต้องฝันถึงคุณบ่อยๆนะ"
"จริงหรือ"
"จริงซี ช่วงหลังๆมานี่ ฉันฝันถึงคุณบ่อยมากเลย"
สาลินยังคงเคลิบเคลิ้ม กิตติมองดู
"ในความฝัน บางที่คุณก็เป็นเจ้าชาย บางทีคุณก็กลายเป็นอสูรร้าย"
"ส่วนเธอคือสาวงามซีนะ"
สาลินยิ้ม เชิด)
"ใช่ฉันคือ BEAUTY"
สาลินยกแขนข้างหนึ่งจับแก้มเขา ชายรองอึ้ง สาลินยิ้มแป้น
"ส่วนคุณคือ THE BEAST"
สาลินคลำหน้าเขา
"อื้อ ไรหนวดคุณตำมือฉัน ทำไมฝันถึงได้มีรายละเอียดนักล่ะ"
"เพราะมันไม่ใช่ฝันไง"
สาลินหุบยิ้ม หดมือพรวดมา กระแทกคอนโซลรถปัง
"โอ๊ย เจ็บ นี่ไม่ใช่ฝันจริง ๆ แหละ"
สาลินตาเบิกกว้าง หันมาดู จากนั้นก็กระถดถอย
"แล้วคุณ แล้วฉัน ฮือ ฉันมาอยู่นี่ได้ยังไง"
"เธอโดนวางยา แล้วนายอัศนีย์ก็ฉวยโอกาสลวนลามเธอ"
สาลินเอามือคลำอกตัวเอง
"ไม่จริงนะ"
กิตติทำตาปริบๆ
"จริงซี นายอัศนีย์กำลังจะปล้ำเธอตอนฉันโผล่เข้าไป"
"แล้วคุณทำยังไง"
"ฉันก็ต่อยหน้ามัน แล้วก็พาเธอมาที่นี่ให้ยามันหมดฤทธิ์ ก่อนจะพาเธอไปส่งบ้าน"
สาลินเลิกตกใจเปลี่ยนเป็นโกรธและอาย ยกมือปิดหน้า
"แย่จังเลย"
"ไม่แย่หรอก ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นซักหน่อย"
สาลินลงจากรถ แล้วเซ กิตติประคองไว้ แล้วพาเดินไปหน้ารถ มองไปยังแม่น้ำเบื้องหน้า
"แต่ก็ดีเหมือนกันที่เกิดเรื่องขึ้น"
"ถูกปล้ำนี่นะ"
"ไม่ได้ถูกปล้ำ แค่ถูกวางยา ฉันว่าดีตรงที่ฉันจะได้มีข้ออ้างไม่ต้องไปทำงานกับเขาไง"
"สัญญาแลกเปลี่ยนของเธอกับนายอัศนีย์น่ะจบได้แล้ว"
"คุณรู้ด้วยหรือคะ"
เขามองดุ
"ฉันรู้ซี ต่อไปนี้ก็เลิกคบกับมันเสียที"
"ถึงคุณไม่บอก ฉันก็ไม่คบกับเขาอีกแล้ว"
"ที่นี้นายอัศนีย์จะมาทวงสัญญาบ้า ๆ อะไรจากเธอไม่ได้อีก อ้อ แล้วก็เลิกคบกับเจ้าพลเสียด้วย"
สาลินมึน ๆ
"งั้นเสด็จจะทรงรับคุณกลับวังไหมคะ"
เขายิ่งอ่อนโยนมากขึ้น
"ก็มีคนไปกราบทูลจนเด็จป้าพระทัยอ่อนแล้วนี่"
"ฉันแค่ทำเพื่อคุณ แล้วก็เพื่อพี่ศรี"
"แล้วจะทำเพื่อฉันอีกอย่างได้ไหม สาลิน"
"คะ"
เขาประทับจูบเนิ่นนาน สาลินหมดแรง ซบหน้ากับไหล่กว้างของกิตติ ทั้งคู่ตระกองกอดริมน้ำ งดงาม
กลางคืนต่อมา รถแล่นมาจอดหน้ารั้วบ้าน สาลินนั่งนิ่งน้ำตาคลอ เขาลงเปิดประตูประคองสาลินลงจากรถ
"เดี๋ยวฉันไปส่งเธอในบ้าน"
สาลินสะบัดกิตติแล้วหันมองหน้าถาม
"คุณจูบฉันทำไม"
"ฉัน เออ"
"คุณรักกับคุณหญิงก้อย แล้วมาจูบฉันทำไม"
"ฉันเลิกกับหญิงก้อยเมื่อวานนี้เอง แต่ความจริง จะถือว่าเลิกมาปีนึงแล้วก็ได้"
"เขารักคุณจะตาย"
"หญิงก้อยไม่เคยรักใคร เธอไม่เคยได้ยินหรือ เมื่อความจนมาเคาะประตู ความรัก
ก็โบยบินออกนอกหน้าต่าง"
สาลินน้ำตาไหล ลงจากรถจะเข้าบ้าน เขารีบตามยึดร่างสาลินไว้
"ร้องไห้ทำไม สาลิน"
"ฉันทำผิด ถ้าคุณเลิกกับคุณหญิง คุณต้องกลับไปหาพี่ศรีนะ พี่ศรีรักคุณมาก"
ชายรองขุ่นใจขึ้นมาอีก
"นี่จะเสียสละไปถึงไหน เธอยอมทำเพื่อฉันมาแล้ว เธอยอมไปทำงานกับอัศนีย์เพื่อให้ฉันกลับไปคืนดีกลับหญิงก้อย"
"คุณจะแต่งงานกับพี่ศรีไหมคะ"
"ไหนว่าเธอไม่มีวันจะรับฉันเป็นพี่เขยไง"
สาลินร้องไห้ ชายรองโอบมาจูบหน้าผาก สองคนมองหน้ากัน กิตติกำลังจะจูบ ตาผลเรียก
"คุณสา..คุณสา"
ประตูรั้วมีเสียงถอดกลอนแกร้ก ตาผลแง้มประตูโผล่มา สาลินรีบผละ กิตติสบตา สาลินหมุนตัว
วิ่งเข้าประตู ตาผลไหว้ ชายรองรับไหว้
" สวัสดีครับคุณชาย จะเข้ามาก่อนไหมครับ"
"ดึกแล้ว ผมกลับล่ะครับ"
ตาผลรับคำแล้วปิดประตู เขายืนนิ่งอึ้งแล้วแหงนมองดวงจันทร์ สีหน้ายุ่งยากใจนิดหนึ่ง แล้วค่อย ๆยิ้มกับตัวเองเดินไปขึ้นรถ รถเปิดประทุนพุ่งปราดหายไป
นาฬิกาตีบอกเวลา 24.00 นาฬิกา คุณตามองดูนาฬิกา วิทยุครวญเพลง “ดึกแล้วคุณขา” คุณยาย ยายพิณนั่งทำกระทงใบตองสำหรับห่อหมกอยู่ สาลินวิ่งถกกระโปรงใส่รองเท้าขึ้นมาจากทางหน้าเรือน
"อ้อ เที่ยงคืนพอดี ราชรถกลายเป็นฟักทองหรือยังฮึ" ตาผลว่า
สาลินกัดริมฝีปาก นึกถึงราชรถและเจ้าชาย แล้วร้องฮือ
"ฮื้อ"
สาลินถกกระโปรงวิ่งขึ้นยกพื้นตรงไปยังห้อง รองเท้าข้างหนึ่ง หล่นปุลงหน้ายายพิณ
"ว้าย รองเท้าแก้วหลุด แกวิ่งหนีเจ้าชายมาหรือ"
สาลินถึงห้องพอดี หันมาร้องฮื้ออีกครั้ง
"ฮื้อ"
สาลินเข้าห้องดึงประตูปิดบัง คุณตา คุณยาย ยายพิณงงเป็นไก่ตาแตก ยายพิณส่งรองเท้าให้คุณยาย คุณยายส่งให้คุณตา คุณตาทำตาปริบ ๆ เป็นงง
สาลินโถมตัวลงที่นอนทั้งชุดราตรี ดึงหมอนมาปิดหัว ดวงใจสับสนอลหม่าน น้ำตาค่อยๆไหลรินออกมา เธอผลักหมอนไป ค่อย ๆ ลุกมานั่งร้องไห้ น้ำตาไหลพราก หน้าเบี้ยวเบะหันไปทางกระจกเงา
เงาสะท้อนสะท้อนภาพสาวงาม ปากนั้นระเรื่องาม ดวงตาสดใสวาววามด้วยความรัก แก้มแดง
ปลั่งด้วยความอาย สาลินค่อยๆยกมือแตะปาก สาลินหวั่นไหวใจรัญจวน
รุ่งขึ้น ขณะที่เจียมและน้อมเดินออกมาจากห้องทีวี ก็เห็น ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์ถือกุญแจรถก้าวเข้ามา ร้องอุทาน พลางสะกิดน้อม
"ว้าย....คุณชายรอง"
น้อมผวาร้องเสียงดัง
"คุณชายรอง คุณชายรอง คุณชายรอง"
ทุกคนกรูกันออกมาจากห้อง นมย้อยน้ำหูน้ำตาถลาไปจับแขนกิชายรอง ชายเล็ก หม่อมอำพัน ชายโต จรวยเป็นงงกันทุกคน
"คุณชายขา คุณชายของนม"
"ชายรอง" อำพันเรียก
"นายรอง มาได้ยังไงกันนี่ แล้วทางเสด็จ" ชายโตว่า
ม.ร.ว. ดิเรกราชวิทย์เข้ามาลูบหลังลูบไหล่ดีใจ จรวยเชิด
"ฮึ ถือวิสาสะกลับมาอย่างนี้ แล้วเสด็จจะทรงว่ายังไงนี่"
"เงียบเลยจรวย" ชายโตบอก
"เสด็จประทานพระอนุญาตผมกลับมาได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว"
ทุกคนมองหน้ากันอย่างงง ๆ ม.ร.ว. บดินทราชทรงพลยิ่งสงสัยหนัก
"ยังไงกันลูก ชายรอง"
"เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกันยาว ๆ ตอนนี้ผมขอตัวก่อนนะฮะ"
"จ๊ะ ๆ"
"เชิญเถอะค่ะ คุณชาย" นมย้อยว่า
ชายรองเดินขึ้นชั้นบนไป อำพันนึกขึ้นได้ ตาเบิกโพลง
"ชายรองกลับมา ก็ยังเป็นทายาทตัวจริงอยู่น่ะซี"
"ฮะ ตัวปลอมอย่างผมก็ตกกระป๋องไปตามระเบียบ" ชายเล็กว่า
"ใช่ย่ะ คงรู้ตัวแล้วสินะ"
อำพันค้อน บดินทร์ตามกิตติขึ้นชั้นบน
"ว้าย....ดีใจ สงสัยดวงฉันขึ้นแล้ว นังเจียมพรุ่งนี้เรียกขามาให้ครบ"
"เจ้าค่ะ พรุ่งนี้บ่อนเปิดเจ้าค่ะ" เจียมขายรับ
"พรุ่งนี้นมย้อยเตรียมสำรับคับค้อน 30 ที่"
อำพันเดินออก
"ชายรองกลับมาได้ไงนม" ชายโตถาม
"นมก็แปลกใจ"
ม.ร.ว. บดินทราชทรงพลตามเข้ามาในห้อง พี่ชายกำลังจะเปลี่ยนชุด
"มากวนฉันทำไม ฉันจะพักผ่อน พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน"
"ไม่ได้ครับ ขืนพี่ยังอมพะนำอยู่ ผมนอนไม่หลับแน่ ๆ ตกลงมันเรื่องอะไรกันครับ อยู่ดี ๆ พี่ก็กลับมาไม่มีปี่มีขลุ่ย แถมยังบอกด้วยว่าเสด็จประทานพระอนุญาตแล้ว"
"ที่ฉันเคยบอกนายไง ฉันกำลังเล่นละครโรงใหญ่ แล้วตอนนี้ละครก็ใกล้จบแล้ว"
"ละคร ? พี่เล่นละครตอนไหนไม่ทราบ"
"ก็ที่ฉันกลับไปรักกับหญิงก้อยใหม่นั่นไงล่ะ"
"นั่นไม่ใช่เรื่องจริง"
"ถูกต้อง"
"เดี๋ยว.....แล้วที่เด็จป้าทรงเนรเทศพี่ออกจากวัง"
"เด็จป้าทรงร่วมแสดงอยู่ด้วย"
ชายเล็กทรุดนั่งขอบเตียง อ้าปากค้าง
"มัน....มันเริ่มตั้งแต่ตอนไหนฮะพี่"
"จำวันที่เราเข้าเฝ้าเสด็จพร้อมกันวันนั้นได้ไหม ที่ห้องทรงพระอักษร"
วันนั้น เมื่อชายเล็กที่ถือยังถือดอกกุหลาบลุกขึ้นยืนโค้งให้เสด็จ แล้วออกจากห้องไป เหลือกิตติอยู่เพียงลำพังกับเสด็จ
"หลังจากที่แกออกจากห้องไปแล้ว ฉันได้กราบทูลขอคำปรึกษาจากเสด็จ เรื่องละครฉากใหญ่" ชายรองบอก ...
เรื่องราวหลังจากนั้น
"อะไรนะ เธอจะให้ป้าเล่นละครร่วมกับเธอ"
"พะยะค่ะ"
"ไหน บอกแผนของเธอทั้งหมดมาซิ"
"เริ่มต้นด้วยเกล้าจะกลับไปคบหญิงก้อยเพื่อลองใจอีกครั้ง"
"แสดงว่าเธอจะขัดใจป้าอย่างไม่เกรงกลัวใด ๆ"
"พะยะค่ะ จากนั้น เด็จป้าจะทรงลงโทษเกล้าขั้นเด็ดขาด ทรงเนรเทศเกล้าออกจากวัง"
"หา....ขนาดนั้นเชียว ฉันจะเล่นได้ไหมเนี่ย"
เสด็จตกพระทัย แต่แล้วเมื่อนึกก็สรวลออกมา
"แต่ก็น่าสนุกดีนะ"
กิตติยิ้มรับ
ชายเล็กอ้าปากหวอ
"ถ้าอย่างนั้นวันที่พี่พายายก้อยมาดูเรือนหอ นั่นก็เป็นความตั้งใจ เป็นอีกบทบาทหนึ่ง"
"ใช่....เฮ้อ แต่วันนั้นเกือบหลุดบทแล้วเหมือนกัน"
วันนั้น เสด็จเผชิญหน้ากับชายรองและหญิงก้อย
"เธอพาหญิงก้อยมาดูเรือนหอแบบนี้ หมายความว่า....เธอกำลังบอกฉันว่า นี่คือเรือนหอของเธอสองคนงั้นสิ"
ชายรองอึกอักพูดไม่ออก หญิงก้อยพูดแทน
"ก็ควรจะเป็นของเราสองคนซีเพคะ ในเมื่อคุณรองตัดสินใจแล้วว่าจะแต่งงานกับหญิง"
เสด็จมองเทพีหัวจรดเท้า เบือนหน้าหนี แล้วหลิ่วตากับกิตติอย่างขอความช่วยเหลือ
"กิตติ มาคุยกับฉันส่วนตัว"
เสด็จดำเนินแยกไปริมบึงบัว กิตติตามไป
เสด็จพระพักตร์เชิดอยู่ริมบึง กลุ่ม สอางค์ หญิงก้อย ชายเล็ก มาลา วรรณาอยู่เบื้องหลัง
กิตติเดินเข้ามาสมทบ เสด็จพระเนตรล่อกแล่กทันที
"เอายังไงดีชายรอง พอด้นสดแบบนี้ ป้าคิดคำพูดไม่ออก จะตอบโต้ยายก้อยยังไงดี"
"เด็จป้าทรงไล่กระหม่อมกลับไปก่อนพะยะค่ะ แล้วทรงยืนยันว่าเรือนหอทรงสร้างให้ผู้ที่เหมาะสมอยู่เท่านั้น"
เสด็จท่องบท "ไล่เธอกลับ แล้วยืนยันเรื่องผู้ที่เหมาะสมอยู่เรือนหอ ได้ ได้ จำได้แล้ว"
"อ้อ....มีอีกเรื่องพะยะค่ะ เด็จป้าทรงยื่นคำขาดให้เกล้าต้องกลับมากราบทูลว่าจะแต่งหรือไม่แต่งกับศรีจิตรา ภายในสามวัน"
"ภายในสามวันนะ"
"พะยะค่ะ"
"เอาล่ะ ฉันพร้อมแล้ว"
"เออ อย่าหาว่าเกล้าบังอาจ เลยนะพะยะค่ะ เด็จป้าน่าจะกริ้วกว่านี้ สุรเสียงดุกว่านี้อีกสักหน่อย จะทรงสมบทบาทมากพะยะค่ะ"
"อ้อ เมื่อกี้เบาไปใช่ไหม ได้ ได้"
เสด็จสูดลมหายใจลึก ๆ กิตติรีบคำนับแล้วกลับไปยังกลุ่ม ...
"กล้ามากนะหญิงที่ถามในสิ่งที่เธอไม่ควรถาม"
"หม่อมฉันต้องการความยุติธรรมเพคะ"
"ได้ ความยุติธรรมก็คือ เรือนหอนี้ฉันสร้างขึ้นเพื่อชายรองและศรีจิตรา ไม่ใช่ให้ใครมาอยู่ก็ได้ตามอำเภอใจ กิตติราชนรินทร์"
"พะยะค่ะ"
"ฉันให้เวลาเธอสามวัน ไตร่ตรองให้ถ้วนถี่ แล้วมาให้คำตอบฉันอีกครั้ง"
"แต่หม่อมฉันคิดว่า คำตอบของคุณรองคงเหมือนเดิมเพคะ"
ทุกคนตะลึงงัน
"หมดธุระเธอแล้ว กลับไปได้ ไป ไปให้พ้นหน้าฉันได้แล้ว ทุกคน "
"เพคะ ชายรองรีบกลับไปเลยนะ ทุกคนไป"
สอางค์รีบพยักหน้าให้ทุกคนออกไปโดยเร็ว ชายรองรีบพาหญิงก้อยออกไป ชายเล็กมองตามพี่ชายอย่างโกรธเต็มที เสด็จยังทอดเนตรไปยังบึงบัว ทอดถอนพระทัย
เสด็จสรวลออกมาเล็ก ๆ เมื่อทุกคนกลับกันออกไป
ม.ร.ว. บดินทราชทรงพลเป็นอึ้ง
"แล้วพี่ก็ถูกเนรเทศออกจากวัง แล้วทำไม....วันนี้พี่ถึงกลับมา"
"แผนสำเร็จไปขั้นนึงแล้วน่ะซี หญิงก้อยบอกเลิกฉันแล้วเมื่อวาน"
ชายเล็กยิ้มยินดี
"หา...บอกเลิกแล้ว แล้ว.... สาลินล่ะครับ"
"สาลิน....เออ....ฉันเพิ่งพาเขาออกจากไนท์คลับนายอัศนีย์เมื่อกี้ และเขาสัญญาว่าจะไม่กลับไปทำงานกับนายอัศนีย์อีกแล้ว"
"งั้นแผนของพี่ก็สำเร็จหมดแล้วนี่ครับ เอ.....แล้วคุณศรีล่ะ พี่จะกลับมาหมั้นหมายกับคุณศรีอีกรึเปล่า คุณศรีรักพี่มากนะครับ" ชายเล็กพูดหน้าสลด
"พรุ่งนี้ฉันจะเข้าเฝ้าเด็จป้า ทุกอย่างจะลงเอยตามที่มันควรจะเป็น"
"หมายความว่ายังไงครับ"
"พรุ่งนี้นายจะรู้เอง ไปนอนได้แล้ว ฉันง่วงเต็มที"
"พี่"
"อะไร"
ชายเล็กเดินเข้ามากอดพี่ชาย
"ผมดีใจที่พี่กลับมา"
"ขอบใจ"
ชายเล็กผละจาก
"แล้วดีใจที่สุดที่ทุกอย่างคือละคร พี่ยังเป็นพี่แสนฉลาดของผมคนเดิม ไม่ใช่ “ไอ้โง่ ไอ้ควาย” อย่างที่ผมเข้าใจแต่แรก"
"อยากโดนเตะใช่ไหม ไอ้เบื๊อก ไปได้แล้ว"
ชายรองผลักหลังน้องชายออกจากห้องไป แล้วเดินกลับมายิ้มที่ปลายเตียงครุ่นคิดเรื่องรสจูบสาลินเมื่อกี้
วันรุ่งขึ้น ที่วัดใต้ คุณตา คุณยาย ยายพิณนั่งช่วยจัดอาหารเตรียมถวายเพล บรรดาอุบาสก อุบาสิกา มากันเต็มศาลาแล้ว พุดซ้อนและชบาทิพย์ แต่งตัวโดดเด้งเด่นออกมาจากทุกคน พุดซ้อนตาวาวเข้ามาทักทาย ถือวิสาสะเปิดตะกร้าขนมทรงกลมเป็นไม้ไผ่สานถี่ยิบออกดู
"อู๊ย....ตะกร้าขนมสวยจริง ขนมอะไรคะ"
"ขนมของจีนน่ะ แม่ซ้อนรู้จักไหมล่ะ" ยายบอก
"อู๊ย รู้จักซีคะ แหมดิฉันเคยกินบ่อย ๆ เขาเรียกว่าขนมคอห่านใช่ไหมค่ะ"
คุณตา คุณยาย สะดุ้ง ชบาทิพย์สะกิด
"ว้าย ไม่ใช่แม่ เขาเรียกว่าขนมคอเป็ด"
"ถ้าคอห่านน่ะ มันเว็จแล้วจ๊ะ" พิณบอก
ผู้คนโดยรอบหัวเราะคิกคัก พุดซ้อนหน้าแตกพูดแก้เกี้ยว
"วุ้ย มันก็คล้ายๆกันแหละ นี่หนูสาไม่มาหรือคะ"
"ไม่มาหรอกค่ะ เขาทำงาน นานๆทีถึงจะมาได้"
ญ.1บอก "เห็นว่าไปทำงานกลางคืน เป็นพ๊าดซะเนอร์เบียร์ฮอลล์"
ญ.2 บอก "เลยนอนกลางวันแทนหรือยังไงคะ"
"ก็คงเพลียนะค่ะ ก็โถ ทำงานติดพันจนมาพัลวันเกกันริมถนน" พุดซ้อนบอก
คุณตา คุณยาย ยายพิณชะงัก
"เดี๋ยวมันยังไงกัน แม่ซ้อนพูดมาให้ชัดๆซิ" ตาบอก
พุดซ้อนตาวาว เริ่มเล่าเป็นภาพ
"คือว่า เมื่อคืนดิฉันกับลูกชบาไปดูหนังกลางแปลงรอบดึกแล้ว นึกสนุกอยากออกกำลัง ก็เลยชวนลูกชบาทิพย์เดินกลับบ้าน ผ่านวัดใต้"
ที่ริมน้ำ พุดซ้อน , ชบาทิพย์ แต่งตัวเต็มเช่นเคย สวมส้นสูงเดินเปลี้ยผ่านต้นไม้ริมแม่น้ำ
"ตั้งสามสี่กิโล ทำไม ไม่เรียกสามล้อนะ"
"ไม่เอาย่ะ เปลือง"
พุดซ้อนเล่าต่อเนื่อง
"มีรถเปิดประทุน แล่นมาจอด ผู้ชายน่ะใส่ชุดราตรี แม่ผู้หญิงแต่งตัว เปิดนั่น เว้านี่ เหมือนผู้หญิงหยำฉ่า"
คุณตาขบกราม กำทัพพีแน่น คุณยายตาวาว ยายพิณอ้าปากฟัง ผู้คนฟังตาเป๋ง
"มองไปมองมาคือหนูสานั่นเอง"
ชายรองยืนคุยกับสาลินข้างรถ สาลินก้าวลงรถเซอยู่ในอ้อมกอด ชบาทิพย์และพุดซ้อนซุ่มแอบดู
พุดซ้อนยิ้มขยะแขยง แต่ชบาทิพย์กลับเริ่มมีอาการเคลิบเคลิ้ม
"แล้วไม่ยักไปส่งที่บ้านนะคะ ยืนพร่ำพลอดกันอยู่ริมน้ำเป็นนานสองนาน ดิฉันก็เป็นห่วง
ยังไงหนูสาก็เหมือนลูกเหมือนหลาน"
ยายถาม "แล้วยังไงอีก"
"จะยังไง ฝ่ายชายก็กระชากเข้ามากอดรัดฟัดเหวี่ยง"
ชบาทิพย์รองวี๊ดเบา ๆ คล้ายถึงสวรรค์ชั้นเจ็ด
ชายรองก้มลงจูบสาลินแผ่วเบา แล้วหนักขึ้นดูงดงามราวเทพนิยาย พุดซ้อนดึงชบาทิพย์ที่ตาเชื่อมหายไปหลังพุ่มไม้
"แล้วก็จูบกันจนลิ้นปลิ้น ยังกะหนังโป๊ที่มาฉายในวัดวันนั้น"
"ใครว่าจ๊ะ เขาจูบกันแผ่วเบาแล้วค่อย ๆหน่วงหนัก สวยยังกะเจ้าหญิง เจ้าชาย"
"เอ๊ะ อี เอ้ย หนูชบา ยังไงก็ไม่ได้ลูก บัดสีบัดเถลิง อุจาดสกปรก ลามกจกปี้สัปดี้สัปดน ผิดขนบ แหวกจารีต ฝืนธรรมเนียม ฝ่าประเพณี ทุก ๆ ข้อ"
"มิน่า ถึงวิ่งหนีจนรองเท้าหลุด" พิณบอก
"มิน่า ปากถึงได้เจ่อเป็นครุฑ" ยายบอก
"ไอ้อัศนีย์ มึงตาย"
คุณตาตบพื้นศาลาปัง ชบาทิพย์ตื่นจากภวังค์รัก
"ว้าย คุณอัศนีย์ของหนูมาเกี่ยวอะไรด้วยคะ"
คุณตา คุณยายชะงักมองหน้ากัน ยายพิณยิ้ม ทุกคนเริ่มเดาได้
"อ้าว แล้วใครยะ" ยายถาม
"จะใครล่ะคะ ถ้าไม่ใช่ว่าที่พี่เขยคนเดิม คุณชายรองอะไรนั่น ทีนี้คุณน้าจะอมพระมาพูดว่าไม่มีอะไรกัน ก็คงเชื่อยากแล้วล่ะนะคะ"
คุณตา คุณยาย ยายพิณเชิดใส่ พุดซ้อนเชิดหน้าชนะศึก
โถงตำหนักเล็ก เจียม น้อม อำพัน เดินนำนางข้าหลวงวางของรับทานลงบนโต๊ะ นมย้อยรออยู่แล้ว ชายรอง ชายเล็กลงบันไดมาพร้อมกัน อำพันโผเข้าจะเข้ากอด ม.ร.ว. บดินทราชทรงพลอ้าแขนรับ อำพันผลักหัวจนเซมาร้องทุกข์กับนมย้อย
"ตารอง.....มาแล้วหรือลูก วันนี้แม่ลงครัวเอง ทำของโปรดให้เราตั้งสิบอย่าง กินเลยนะลูก"
"แล้วมีของโปรดของผมบ้างไหมฮะ" ชายเล็กถาม
"มีย่ะ มีกากหมูเต็มโถอยู่ก้นครัว ไว้ให้แกกินกับพริกดองน้ำปลา"
ชายเล็กกุมอกทำเซซัง อำพันค้อนขวับหันไปลูบหลังลูบไหล่ชายรองต่อ
"อ้อ แม่อยากชวนแม่ศรีโสดาเขามากินข้าวกับเราซักวัน จะได้คุ้นเคยกันไว้"
"ใครนะฮะ" ชายรองถาม
"วุ๊ย จะแต่งกันอยู่แล้ว ยังจะถามอีก"
"โธ่ เขาชื่อศรีจิตราต่างหากฮะ" ชายเล็กบอก
"อุ๊ย ก็นั่นแหละ คล้าย ๆ กัน"
"แหม หม่อมน่าจะชวนมาเล่นไพ่มากกว่า"
"ไม่เอา ช่วงนี้ฉันยิ่งเสียยุบเสียยับอยู่" อำพันบอก
"แหม คุณศรีอาจจะเป็นเทพีแห่งโชคก็ได้ฮะ พอเป็นสะใภ้ปั๊บ หม่อมก็กินเรียบหมดทั้งวง" ชายเล็กบอก
"ให้สมพรปากเถอะย่ะ ฉันจะเอาทองปิดทั้งตัวเลย"
จรวยอุ้มลูกโผล่มากับชายโต ทุกคนมอง อำพันค้อนขวับ
"คุณชายจะรับประทานเลยไหมคะ" ย้อยถาม
"ผมขอไปเฝ้าเด็จป้าก่อนครับ เดี๋ยวจะกลับมากินข้าวกับหม่อมแม่"
"อุ๊ยได้ลูก"
"นายเล็ก เดี๋ยวนายไปเข้าเฝ้าเสด็จกับฉันด้วย"
ม.ร.ว. บดินทราชทรงพลเป็นงงไป
ที่บ้านสวน มีเสียงขวับ ๆ และสาลินร้องครวญคราง พร้อมเสียงร่ำร้องในใจ
" ฮือ....คุณตา คุณยาย พอเถอะค่ะ ทรมานเหลือเกิน"
คุณตาถือตะพดคุมเชิงหน้าเคร่งดูโหดร้าย คุณยายเงื้อไม้หวายฟาดครั้งแล้วครั้งเล่า
" หนูทนไม่ไหวแล้ว พอแล้ว"
คุณตาร้องฮึ่ม คุณยายตีต่อ
"ขมยิ่งกว่ามะระอีก"
คุณยายเอาหวายตีที่นอนที่เอามาพาดลูกกรง คุณตาเช็ดตะพดอยู่ที่พื้น ยายพิณถือชามยาเขียวกรอกสาลิน เธอผลักออก ตาผลช่วยคุณตาทำความสะอาดตะพดของสะสม คุณยายหันมา
"อ้อ.....ขม แล้วที่ไปจูบกันริมแม่น้ำ ให้อีพวกปากหอยปากปูมันเห็นน่ะ มันคงหวานซาบซ่านถึงใจซีนะ"
สาลินหน้าซีดตกตะลึงจังงัง คุณยายเงื้อไม้ตีฟาดที่นอนอีกครั้งราวระบายอารมณ์แล้วทรุดนั่งลง
คุณตาส่งไม้เท้าให้ตาผลรวบไปเก็บแล้วลงนั่งด้วย ยายพิณก็วางชามยาเขียวลง
"คุณยาย .. หนู"
"ฮึ.....อับอายขายหน้าเขาไปเจ็ดคุ้งน้ำ ทีแรกคิดว่าไอ้เจ้าเศรษฐีนั่น ทำไมถึงกลายเป็นคุณชายไปได้"
คุณตา คุณยายกังวล แต่ยายพิณยิ้มร่า
"ก็นายอัศนีย์น่ะซีคะ มันปล้ำสา"
"โถ แม่คุณของพิณ แล้วเสร็จมันไหมคะ" พิณถาม
"ไม่เสร็จ สาไม่ได้เป็นอะไร เพราะคุณชายเขามาช่วยทัน แล้วเขาก็มาส่งสา แล้วยังไงก็ไม่รู้เขาก็ดึงสาเข้าไป....จูบ"
สาลินหน้าซีดกลายเป็นแดง ยกมือขึ้นแตะปาก
"เฮ้อ แล้วมันยังไงกันนี่ ทำไมเขามาจูบหนู ฮึ" ตาถาม
สาลินสะอึกอึ้ง
"ฮือ หนูไม่รู้ คุณตา คุณยายอย่าซ้ำเติมหนูซีคะ หนูอายเขาจะแย่แล้ว"
พิณตบพื้นผัวะ
"อิฉันว่าแล้วไม่ผิดว่าคุณชายเขาชอบคุณสา"
"ไม่จริงนะ ยายพิณ"
ยายบอก
"ตาย ๆ แล้วนี่ต่อไปจะทำยังไง ออกจากบ้านจากเรือนไม่ต้องเอาปี๊บคลุมหัวหรือ"
"เอ แล้วถ้ายายศรีรู้เข้าล่ะ"
"ฮือ...คุณตา นี่แหละที่หนูกลัวที่สุด"
สาลินปริวิตก
"แล้วจะยังไง๊ จะยังไงดี"
"นี่คุณ ตอนคุณไปเที่ยวกับฉันเป็นครั้งแรกน่ะก็ โดนฉันจูบไม่ใช่หรือ"
คุณยายอ้าปากค้างหยิกคุณตา ยายพิณหัวเราะผ้าแถบแทบหลุด สาลินทำตาปริบๆ
"ยายสาน่ะ ไปกับเขาตั้ง 10 หน ถึงจะโดนจูบ แล้วก็ไม่ได้สมยอมเหมือนคุณด้วย คุณน่ะไวไฟกว่าตั้งเยอะ"
ยายเอะอะ ตา และยายพิณหัวเราะร่า สาลินยังกลัวศรีจิตราอยู่
ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์เดินคุยกับศรีจิตรามาตามระเบียงทางเดิน เห็นชายเล็กยืนคุยกับสอางค์ มาลา วรรณา อยู่เบื้องหลัง
"ดิฉันดีใจที่คุณชายกลับมา ที่จริงเราดีใจกันทุกคน"
"เธอคงรู้เรื่องที่ฉันขอประทานอนุญาตเสด็จป้าทรงร่วมเล่นละครกับฉันแล้วซีนะ"
"ดิฉันพอจะสงสัยอยู่บ้าง"
"เธอรู้ได้ยังไง ฉันเห็นสายตาเธอวันนั้น คิดว่าเธอคงรู้อะไรอยู่บ้างแน่ ๆ"
สะใภ้จ้าว ตอนที่ 16 (ต่อ)
ศรีจิตรามองมาที่ชายรอง แล้วพยักหน้าให้ อย่างรู้ความนัย
"ค่ะ บังเอิญ สายตาของดิฉันเหลือบไปเห็นสายพระเนตรของเสด็จเข้าพอดี"
เสด็จทอดเนตรมาที่ชายรอง จังหวะที่ทุกคนกำลังร่ำไห้ พยักหน้าให้กิตตินิดหนึ่ง ศรีจิตรามองดูทั้งคู่ รู้ได้ในทันที เสด็จหันหลังให้ทุกคน ทรงหยิบโพยเล็ก ๆ ออกมาอ่าน ศรีจิตราเห็นทั้งหมด แล้วแอบยิ้ม
ชายรองยิ้มออกมา จังหวะนี้ชายเล็กเดินเข้ามาพอดี
"เธอมีสายตาที่แหลมคม จับสังเกตได้ดีจริง ๆ คงยากที่จะมีใครหลอกเธอได้"
"แต่ก็ยังมีบางคนที่ตั้งหน้าตั้งตาหลอกดิฉันอยู่"
ชายเล็กหน้าเจื่อนไป
"คุยถึงใครอยู่เหรอครับ"
"นั่นซีใครกันที่ตั้งหน้าตั้งตาหลอกเธอ"
"อาจจะไม่ใช่แค่ดิฉัน แต่อาจจะหลอกทุกคน"
ศรีจิตรายิ้มน้อย ๆ ชายเล็กกลืนน้ำลายเอื๊อก
สอางค์ มาลา วรรณา เดินเข้ามาพอดี หน้าระรื่น
"อุ๊ย คุยกันสนิทสนม นี่คุณรองขา ทำไมเซี้ยวจัง" สอางค์ว่า
"อะไรครับ"
"คุณเล็กเล่าหมดแล้วค่ะ เรื่องที่เสด็จทรงเตี๊ยมกับคุณรองเล่นละครหลอกพวกเราทั้งหมด"
"ลงทุนไปตกทุกข์ได้ยากอยู่นานสองนานนะคะ" มาลาบอก
"แต่ก็คุ้มนะคะ เพราะพิสูจน์น้ำใจคุณหญิงก้อยได้สาแก่ใจเหลือเกิน" วรรณาบอก
สอางค์ปรามสองสาว สองสาวทำสีหน้าขอโทษ
"ถ้าอย่างนั้นคุณชายก็พร้อมจะเริ่มต้นใหม่แล้วใช่ไหมคะ"
"ครับ คุณป้า เราคงต้องเริ่มต้นใหม่เสียที"
กิตติสบตากับศรีจิตราที่ดูเหมือนจะเข้าใจความนัย ชายเล็กงง ๆ คนอื่นๆ หัวเราะกันคิกคัก
ห้องทรงอักษร กิตตินั่งอยู่ตรงหน้าเสด็จ
"แสดงว่าป้ายังต้องเล่นบทคุณป้าจอมเผด็จการเหมือนเดิมซีนะ"
"พะยะค่ะ"
"เล่นไปก็กลัวจะหลุดบท อย่างตอนที่เนรเทศเธอออกจากวังและตอนที่สาลินมาขอให้อภัยเธอ"
เสด็จยิ้มน้อย ๆ
"ทำไมเหรอพะยะค่ะ"
"ขำแทบตายสิ"
กิตติและเสด็จมองผ่านหน้าต่าง เห็นบดินทร์และ ศรีจิตรานั่งอยู่ที่กาเซโบกลางสวน
"แล้วนี้ทำไมป้าต้องรับบทป้าเผด็จการต่อ"
"งานนี้เพื่อให้เจ้าเล็กรู้ใจตัวเองเสียทีว่ามันรักใคร และควรจะปฏิบัติต่อเขาอย่างไร"
กิตติยิ้มให้เสด็จ เสด็จแย้มพระสรวล
จรวยเดินหน้าบึ้งมาจากสวนมาที่สนามหน้าตำหนักเล็ก เห็นม.ร.ว. ดิเรกราชวิทย์กำลังนั่งอ่านหนังสืออ่านเล่นนั่งอยู่บนโซฟาหวาย
"อ้าว ไปไหนมา"
"ไปคุยกับพวกตำหนักใหญ่มาค่ะ"
"ไปสืบความเรื่องอะไรมาอีกล่ะ"
จรวยชะงักไปแล้วค้อนทีหนึ่ง ก่อนจะนั่งลง
"วุ๊ย....ไม่ได้ไปสืบความค่ะ แค่ไปดู ๆ ว่าทางโน้นพูดกันว่ายังไงบ้าง แต่แปลกนะคะ ไม่เห็นมีใครรู้เรื่องว่าเสด็จทรงรู้เห็นกับคุณชายรอง เล่นละครทำเป็นไล่คุณชายรองออกจากวังซักคน"
ชายโตเหลือบดูนิดหนึ่ง แล้วอ่านหนังสือต่อ
"อ้อ เรอะ"
"รวยว่าต้องไม่มีหรอกค่ะ เรื่องละเม็งละครอะไรน่ะ"
"อ้อ เรอะ"
"แต่เป็นคำแก้ตัว แก้เกี้ยวของคุณชายรองมากกว่า ตัวเองไปตกระกำลำบากก็เลยทนไม่ได้"
"อ้อ เรอะ"
"อีกอย่างก็คงเสียดายมรดก ก็เลยสลัดคุณหญิงทิ้ง แล้วกลับมาวังทำเหมือนไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น"
"อ้อ....เรอะ"
"น่าสงสารคุณหญิงนะคะ โถ....คิดว่ารักแท้ไม่มีวันเสื่อมคลาย ลงท้ายเพื่อยศถาบรรดาศักดิ์ เพื่อสมบัติพัสถาน ความรักก็ไม่มีความหมายอีกต่อไป"
"อ้อ เรอะ"
จรวยชะงัก
"เอ๊ะ.....คุณชาย นี่คุณชายฟังรวยบ้างหรือเปล่าคะ"
ดิเรกพลิกหน้าหนังสือมองดูจรวย
"เปล่า เพราะฉันไม่อยากฟัง"
"ว้าย คุณชาย"
"นายรองกลับมา เราสามคนพี่น้องอยู่กันพร้อมหน้าฉันก็ดีใจ จนฉันไม่อยากเอาเรื่องที่เธอพูดมารกสมอง"
จรวยอ้าปากค้าง
"ฉันเห็น ฉันได้ยินที่เธอโทรรายงาน ทำตัวเป็นขี้ข้าหญิงก้อย ถ้ายังอยากทำตัวเป็นบ่างอยู่ล่ะก็ ฉันจะเฉดหัวเธอออกจากวัง แล้วเธอไม่มีวันพบหน้านายตุ้มอีก"
ชายโตแยกขึ้นตึก จรวยหน้าเสียแต่แล้วก็เชิดหน้าขึ้น
"กล้าทำเหรอ ไม่กล้าหรอก"
ในห้องทรงงาน เสด็จประทับอยู่บนตั่งมองมาอย่างปรานี ชายรอง ชายเล็ก ศรีจิตรา สอางค์ มาลา วรรณา นั่งเฝ้าลดหลั่นกันไป นางข้าหลวงทั้งเก่าและใหม่ยิ้มปลื้มกันทุกคน
"ไง ชายรอง มีบทละครอะไรมาให้ป้าดูอีกหรือเปล่า"
ตรงหน้า สองพี่น้องที่กราบอยู่ยืดตัวขึ้น สอางค์ มาลา วรรณา หัวเราะกันคิกคัก
"ไม่มีแล้ว พะยะค่ะ"
ศรีจิตรายิ้มนิดนึงแล้วเมิน บดินทร์น้อยใจวูบขึ้น
"นี่.....ป้ากำลังคุยกับสอางค์เรื่องงานหมั้นงานแต่ง"
สอางค์ฉีกยิ้ม มาลา วรรณาคิกคัก นางข้าหลวงรอบๆห้องสะกิดสะเกาคิกคักกันหมด
ศรีจิตราก้มหน้า ม.ร.ว. บดินทราชทรงพลมองหายใจขัด
"เธอยังมีอะไรขัดข้องอีกไหม เรื่องแต่งงาน"
ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์นิ่งไปนิด ชายเล็กมอง
"พี่รอง ทูลตอบซีฮะ"
"เกล้ากระหม่อมไม่มีอะไรขัดข้องแล้วพะยะค่ะ"
สอางค์หัวเราะคิก เสด็จเบือนสายพระเนตรมา ชายรองสบสายพระเนตร เสด็จทรงผงกพระเศียรนิดหนึ่ง
"แปลว่าเธอยินดีแต่งกับศรีจิตรา"
ชายรองเม้มปาก สอางค์ยิ้ม
"ทูลเด็จป้าซีคะ"
ศรีจิตรามองอย่างใจจดใจจ่อ ชายเล็กมองจิตใจรวนเร กระซิบกับพี่ชาย
"พี่รอง ว่าไงฮะ"
"เกล้า แต่งกับศรีจิตราไม่ได้พะยะค่ะ"
เขาตอบอย่างหนักแน่น ชายเล็กอ้าปากค้าง สอางค์ มาลา วรรณาเลิ่กลั่ก นางข้าหลวงทั้งมวลร้องฮือ ศรีจิตราก้มหน้าลงซ่อนยิ้ม เสด็จกลั้นพระสรวล ทรงทำเย็นชา สุรเสียงเย็นชา แต่พระเนตรแพรวพราว
"ทำไม ตอบฉันมาซี กิตติราชนรินทร์"
"เพราะเกล้ารักคนอื่นอยู่แล้ว พะยะค่ะ"
ชายเล็กถอนใจมองพี่ชายอย่างชื่นชม แล้วใจหาย ศรีจิตรายังคงก้มหน้า
สอางค์จะร้องไห้ มาลา วรรณาจะร้องกรี๊ด นางข้าหลวงรายรอบร้องฮืออีก
"ใครกัน หญิงก้อยอย่างนั้นหรือ" เสด็จถาม
สอางค์ตาวาวหน้าเบี้ยว
"อี อีตัวมาร"
ชายรองบอก"มิใช่พะยะค่ะ เกล้าแต่งกับคุณศรีไม่ได้ เพราะเกล้ารักสาลินพะยะค่ะ"
ชายรองพูดหนักแน่น เสด็จกลั้นพระสรวล สอางค์ตากลับเป็นลม มาลา วรรณาร้อง
"คุณสา!"
สอางค์เอียงซบมา มาลา วรรณารับไว้ นางข้าหลวงร้องฮือ
ศรีจิตรากัดริมฝีปาก น้ำตาเอ่อ ยิ้มกับกิตติ กิตติยิ้มตอบ
"ยายสาของพี่"
ศรีจิตราหลับตาลง น้ำตาเลยหยดเป็นทาง บดินทร์มองแล้วคิดว่า ศรีจิตราหัวใจสลายกระเถิบไปใกล้
"คุณศรี อย่าโกรธพี่รอง อย่าโกรธคุณสาเลยนะฮะ"
ศรีจิตราเซ็งแล้วก้มหน้าลงซ่อนรอยยิ้ม
"กิตติราชนรินทร์ เธอช่างมีเรื่องมาเซอร์ไพรส์ฉันได้ไม่สิ้นสุดนะ"
"พะยะค่ะ"
"เธอตัดสินใจแล้ว งั้นเธอก็จงคอยรับผลที่ตามมาแล้วกัน"
ชายรองกราบลง เสด็จเชิดพระพักตร์
มาลา วรรณประคองสอางค์ไว้ มีอาการจะเป็นลมตาม นางข้าหลวงทั้งปวงอกสั่นขวัญหนี
ชายเล็กละล้าละลังแล้วกราบลงด้วย มองศรีจิตราอย่างเป็นห่วง ศรีจิตราสงบนิ่ง ชายรองเงยหน้าขึ้น เสด็จทรงเมินไปซ่อนรอยแย้มสรวล พระเนตรพราวคล้ายสาลินเวลาได้แกล้งคน
กลางคืนคืนนั้น ที่ห้องโถงตำหนักเล็ก หม่อมอำพันกำลังอัญเชิญจานเปลวางห้อยจ๊อมา มีนางข้าหลวงใหม่เชิญของกินตามมา นมย้อยกับเจียมเข้าไปบอกข่าว อำพันอ้าปากค้าง มือเอียงห้อยจ๊อเทลงพื้น แล้วเซ นมย้อย เจียม ประคอง
ห้องนอนชายโต นมย้อยเข้ามาบอกเรื่องทั้งหมดอย่างมึนซึม จรวยอยู่หน้ากระจก
"คุณโตรู้มั้ยคะ เขาลือกันทั่วตำหนักใหญ่ว่าคุณรองจะไม่แต่งงานกับคุณศรีจิตรา"
จรวยยิ้มสมใจ
ห้องนอน ศรีจิตราเลื่อนเข็มแผ่นเสียงให้จรดลงบนแผ่นไวนิล เสียงเพลงวอลทซ์รื่นเริงดัง ศรีจิตราเริ่มก้าวหมุนตัว มือยกขึ้นในท่าจับคู่ดวงหน้าแอร่ม ดวงตาเจิดจ้า ปากแย้มยิ้มสมใจ หัวเราะออกมาเบา ๆ แล้วหยุดร้องไห้สะอื้นด้วยความปิติ
โถงหน้าห้องศรีจิตรา มาลา วรรณา ชายเล็กยืนแอบฟังอยู่ ได้ยินทั้งเสียงเพลง เสียงหัวเราะ และเสียงสะอื้นเบา ๆ ทั้งหมดมองหน้ากันอย่างเป็นห่วง ชายเล็กหน้าถอดสี
รถจากวังวุฒิเวสม์แล่นพรวดมาจอดลงหน้าเทอเรซบ้านราชดำริ ยอดลงมาจากรถ เห็นไม่มีการเคลื่อนไหว รีบเข้าไปเปิดประตูด้านหลัง สอางค์ค่อย ๆ ยื่นมือมาเกาะเซซังออกมา กำไลวิ่งมาช่วย ทั้งสองหิ้วปีกสอางค์เข้าไปในตัวบ้าน
สร้อยนั่งชี้นิ้วอยู่บนตั่ง อุ่นเรือน พิศและสาวใช้อีก 2 นาง กำลังทำขนม กำไลเคาะขนมจากพิมพ์ อุ่นเรือนเอาทองคำเปลวชิ้นจิ๋วปิดหน้า พิศทำหน้าหวาดหวั่น
"อื๋อ กินได้จริงหรือคะ"
"กินได้ซียะ ทองคำน่ะมีสรรพคุณฟื้นฟูผิว ทำให้เปล่งปลั่งเป็นน้ำเป็นนวลดู ดูผิวฉันซี"
สร้อยเอานิ้วแตะแก้ม หันข้างอย่างภาคภูมิเหนียงใต้คอแกว่งไกว พิศมองความเหี่ยวแล้วมิอาจปลงใจเชื่อได้
"ถ้างั้น อิชั้นไม่กล้ากินหรอกค่ะ เดี๋ยวเหี่ยว"
อุ่นเรือนกลั้นหัวเราะทำตาดุใส่พิศ
กำไล ยอดประคองสอางค์มาถึงพอดี สร้อยหันมายิ้มรับ ยอดรีบออกไป
"ว้าย คุณพี่ มาเงียบ ๆ ไม่ให้สุ้มให้เสียง"
สอางค์ลงนั่งบนตั่ง พิศถอยไป สอางค์หน้าเผือด ดมยาดม
"นี่มาส่งข่าวดีคุณชายรองกับแม่ศรีใช่ไหมคะ"
"ย่ะ มีข่าวดี ข่าวดีมาก"
สร้อยยังยิ้มอยู่ อุ่นเรือน พิศ กำไล 2 สาวใช้เริ่มมองหน้ากัน
"ยังไงคะ คุณพี่" อุ่เนรือนถาม
"คุณชายรองเพิ่งประกาศเมื่อกี้นี้ว่าจะไม่แต่งงานกับแม่ศรีเด็ดขาด"
สร้อยตาเหลือก อุ่นเรือนยกมือทาบอก
"โธ่ ยายศรี ลูก"
"หล่อนไม่ต้องมาพุทโธ่ ฉันน่ะกะอยู่แล้วว่าลูกสาวหล่อนน่ะไม่มีวาสนาได้เป็นสะใภ้จ้าวแน่"
"ใครว่าล่ะยะ ว่าลูกสาวอุ่นเรือนไม่มีวาสนาเป็นสะใภ้จ้าว"
"อ้าว....ก็คุณพี่เพิ่งพูดอยู่แหม๊บๆ"
"ฟังฉันต่อซียะ"
อุ่นเรือนมองใจจดจ่อ สร้อยงงงัน
"คุณชายรองบอกว่า ยินดีแต่ง ถ้าเปลี่ยนจากแม่ศรีเป็นยายสา"
อุ่นเรือนตะลึงแล้วยิ้มนิดหนึ่ง พิศ กำไล สองสาวใช้ซุบซิบแซ่ด
"นังสา นังพ๊าดสะเนอร์น่ะหรือคะ ดู๊....มันกล้าแย่งกระทั่งคนรักของพี่สาว สมนี่มันคงยั่วยวนคุณชายรองจนหัวปักหัวปำ โธ่เอ๋ย....มัวแต่สอนให้แม่ศรีหวงเนื้อถนอมนวล เป็นเบญจกัลยาณี ลงท้ายกลับไปแพ้นังชะนีบ้านสวน"
สร้อยเดินมาชี้หน้าอุ่นเรือน
"อ้อ.....มันคงมายาสาไถยเหมือนแก ที่มายั่วยวนตาสาวิตรน้องชายฉันจนต้องถอนหมั้นคุณหญิงเหมรัศมีศรีจันทร์"
อุ่นเรือนลุกขึ้นช้า ๆ
"คุณพี่คะ ถึงดิฉันกับยายสาจะโตมาจากบ้านสวน แต่รับรองว่าไม่มีใครมาสอนให้ยั่วยวนจับผู้ชาย เหมือนที่คุณพี่เสี้ยมสอนให้แม่ศรีแต่งตัวเป็นดาวยั่ว แถมยังมาบังคับให้ยายสาจับคุณชายเล็กด้วย"
สร้อยตะลึ สอางค์รู้ตัวรำพึง
"เออ จริง"
"แก!"
อุ่นเรือนมองหน้าสร้อยตาแข็งกร้าว สร้อยถอยหลังกรูดไปชนตั่งจึงนั่งลง
"แกจะทำไม"
"ดิฉันจะไปบ้านสวนเดี๋ยวนี้ ไปถามยายสาว่าเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่"
สาลินนอนซมอยู่บนเสื่อ อากาศเย็นเลยเอาผ้าพันคอไหมพรมมาพันคอปิดขึ้นมาถึงปาก สาลินสะลึมสะลือ มีมือยื่นมาลูบไล้ผม สาลินปรือตาดู เห็นชายรองยื่นมือมา หน้าเฉยชา แต่ดวงตาพราว
"คุณ! คุณมาได้ยังไง"
ดวงหน้าเป็นท่านขชาย แต่เสียงเป็นอุ่นเรือน
"ยายสา แม่ก็มาหาหนูน่ะซี โธ่เอ๋ย พันหน้าพันตาเป็นไอ้โม่งเชียว"
สาลินตาเบิกโพลง ผวาลุก ตรงหน้าคืออุ่นเรือน
"แม่ แม่ขา"
สาลินโผเข้ากอดแม่น้ำตาเอ่อ คุณตา คุณยายขยับมาใกล้ ยายพิณยกชายผ้าแถบซับน้ำตา อุ่นเรือนดึงผ้าพันคอออก พิศดูลูกแล้วชะงัก เมื่อเห็นสาลินหน้าซีดแต่ปากเจ่อ
"เอ๊ะ ทำไมปากเจ่ออย่างงี้ล่ะลูก"
สาลินอุบอิบ
" ผึ้งมันต่อยค่ะ"
"ย่ะ ผึ้ง ผึ้งตัวผู้ มันคงเห็นว่าปากน่ะพูดเป็นต่อยหอย เถียงคำไม่ตกฟาก มันเลยต่อยเอา"
"มีอะไรหรืออุ่นเรือน ถึงมาเอาดึกดื่นป่านนี้"
"หนูก็มาเรื่องที่คุณชายรองไปก่อไว้น่ะซีคะ"
สาลินผวาเอามือแตะปาก
"ใคร ใครบอกแม่คะ เรื่องคุณชายรองเขาจูบหนู"
อุ่นเรือนชะงักลืมตาโพลง
"หา อะไรนะ คุณชายรองจูบหนู งั้นมันก็เป็นเรื่องจริงน่ะซี" อุ่นเรือนเผลอยิ้ม
"เดี๋ยวลูก คุณชายรองไปก่อเรื่องอะไร" ยายถาม
"เมื่อเย็นคุณชายรองไปเฝ้าเสด็จ ทูลว่าหัวเด็ดตีนขาดก็ไม่แต่งกับแม่ศรีค่ะ"
สาลิน คุณตา คุณยายตะลึง
"อะไรนะคะ"
"แล้วคุณชายรองก็ทูลเสด็จว่า ถ้าจะให้แต่ง เขาอยากแต่งกับเรามากกว่า"
สาลินตัวชาวาบ คุณยายถอนใจเฮือก คุณตาตบเข้าฉาด ยายพิณยิ้มแป้นตบอกผาง
"ฮือ.....ไม่นะคะ"
"เรื่องมันเป็นยังไงฮึ ยายหนู คุณชายรองมาชอบหนูตั้งแต่ตอนไหน" อุ่นเรือนถาม
สาลินอึ้ง ยายพิณยื่นหน้ามา
"อุ้ย....ตั้งปีมะโว้แล้วค่ะ อิฉันพูดไว้ ผิดซะที่ไหน"
สาลินพูดโดยไม่แน่ใจนัก
"ไม่จริงนะคะ เขาไม่ได้มาชอบหนู ที่เขามาเจอหนูบ่อย ๆ เพราะหนูกับเขามีเรื่องต้องตกลงกัน เรื่องหนูไม่อยากได้เขาเป็นพี่เขย"
"วุ๊ย....ก็สมใจแล้วไงจ๊ะ" ยายบอก
"คุณยายน่ะ หนูกับเขาก็เลยทะเลาะกันทุกครั้งที่เจอ"
ตาถอนใจ
" ทุกครั้งน่ะมันกี่ครั้งกัน"
สาลินยกนิ้วมานับจนครบ แล้วชะงักอีกอึกอักเอ้ออ้า
"ต๊าย...ต้องนับนิ้วเท้าด้วยไหมนี่" ยายว่า
"คง....คงซักยี่สิบครั้ง"
"เออ ดี ทะเลาะกันจนรักกัน"
สาลินผวา
"ไม่จริงนะคะ เขาไม่ได้รักหนู"
"ว่าแต่หนูรักเขาหรือเปล่า" อุ่นเรือนถาม
สาลินหน้าซีดเผือด
"ไม่ค่ะ หนูไม่ได้รักเขา พี่ศรีต่างหากที่รักเขา"
อุ่นเรือน คุณตา คุณยายอึ้งมองหน้ากันไปมา เว้นแต่ยายพิณที่ไม่กังวลเพราะไม่เชื่อ
"เฮ้อ....แล้วนี่แม่ศรีจะเป็นยังไงนี่"
สาลินคว้าแขนอุ่นเรือน
"นี่พี่ศรีรู้เรื่องแล้วใช่ไหมคะ โธ่...แล้วพี่ศรีจะว่ายังไง พี่ศรีจะคิดยังไง"
"พี่ศรีจะคิดยังไงน่ะ แม่ไม่รู้หรอกลูก แต่ที่แน่ๆตอนนี้คุณป้าใหญ่ คุณป้าสร้อย ออกโขนเต้นเร่า ๆ ให้แม่พาหนูไปพบเดี่ยวนี้"
คุณตาเอาผ้าขาวม้าที่พาดไหล่ฟาดพื้นปัง
"มาเรื่องอะไรจะมาพาลูกไปให้พี่ผัวเขาโขกสับ"
"ไม่ได้....ฉันเลี้ยงของฉันมา แม่คุณป้าชาววังอย่ามาแสล๋นแจ๋น" ยายบอก
"หนูกำลังบอกว่า ช่วงนี้ห้ามยายสาโผล่ไปบ้านนั้นเด็ดขาดต่างหากคะ มีอะไรหนูจะไปแก้แทนเอง"
"อุ่นเรือนเอ๊ย เมื่อไรจะเลิกไปเป็นทาสในเรือนเบี้ยเขาเสียที" ตาถาม
"ยังไง.....คุณพี่ก็มีบุญคุณกับหนูกับแม่ศรีมากนะคะคุณพ่อ"
"ย่ะ ก็เชิญสนองคุณเขาให้พอเถอะ"
"คุณยาย อย่าว่าแม่ซีคะ"
สาลินเข้ากอดแขนอุ่นเรือน ร้องห้าม คุณยายค้อนขวับ อุ่นเรือนยิ้มกอดลูกไว้ ยายพิณหน้าเคลิ้มฝัน
วันรุ่งขึ้น ณ ตำหนักเล็ก หม่อมอำพันนั่งอยู่บนโซฟากระพือพัดดับร้อน นมย้อยก็วิตกทุกข์ร้อนอยู่ใกล้ ๆ ชายเล็กนั่งพลิกหนังสืออยู่
จรวยนั่งคลี่ผ้า 4-5 ผืนเตรียมตัดชุดใหม่อยู่ เจียมคอยดูแล
"นางคนนี้มันคงร้ายกาจไม่เบาเชียวแหละ คู่หมั้นพี่สาวในไส้แท้ๆ มันยังแย่งได้ นังนี่มันชื่ออะไรนะ สาโทใช่ไหม"
"โธ่ หม่อม สาลินครับ สาโทน่ะมันเหล้า" ชายเล็กบอก
" ก็ใช่ซียะ มันน่ะเหมือนเหล้า พี่ชายรองถึงได้เมามัว มืดหน้าจนก่อเรื่องแบบนี้ โธ่เสด็จป้า เพิ่งประทานอภัยก็มาก่อเหตุอีกแล้ว ลูกอะไรอย่างนี้ก็ไม่รู้"
"โธ่ เธอคงรักของเธอน่ะค่ะ อีกอย่างหนูสา ดิฉันเคยเจออยู่หลายหนก็เป็นเด็กดีนะคะ" ย้อยว่า
อำพันนิ่งฟังคลายใจลง
"โถ คุณนมไม่รู้อะไร คนดีที่ไหนคะเขาจะไปทำงานเป็นนางพาสสะเน่อร์ แม่น้องสาวนี่น่ะ ยั่วยวนคุณชายรองมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว คุณหญิงก้อยเองก็รู้อยู่เต็มอก เธอถึงได้บอกเลิกไงคะ"
"อ๋อ....เหรอ"
"จริง ๆ นะคะหม่อม"
"หุบปากนะ นังขี้ข้าหญิงก้อย อย่ามาพูดดีนะยะ นังคุณหญิงมันเห็นชายรองตกอับต่างหาก ถึงได้วิ่งหนีตีนพลิก แกเองก็เหอะ ชายโตมีแต่ตัวเมื่อไรก็คงไม่แคล้ว"
จรวยอ้าปากค้าง นิ่งคิด
" เอ๊ะ หรือจะจริง"
ทุกคนเห็นจรวยนิ่งก็มองดู จรวยได้สติ
"ว้าย ไม่จริงนะคะ หม่อมขา"
"ย่ะ เออ แล้วนี่แม่ศรีสุดาเป็นยังไงบ้างนี่ คงอับอายขายหน้าแย่ โธ่เอ๋ย..น่าเวทนา"
ชายเล็กยิ่งกลุ้มเพราะเป็นห่วงศรีจิตรา จรวยเหลือบดู
"ขนาดฉันไม่ชอบหน้ายายสอางค์ แต่ฉันก็เห็นว่าเขาเรียบร้อยน่ารักดี โธ่....คิดว่าจะได้มาเป็นสะใภ้"
ชายเล็กลุกพรวดขึ้น
"หม่อมครับ คืนนี้ผมไม่อยู่นะครับ"
"ยังมีแก่ใจไปเที่ยวที่ไหนอีกเหรอ"
ชายเล็กไม่ตอบ เดินกลับชึ้นบน
คืนนั้น ในสวนตำหนักใหญ่ ศรีจิตราถือกรรไกรตัดกุหลาบขึ้นมา แล้วยิ้มดวงตาแพรวพราว มองเลยไปเห็นจรวยอยู่ในซุ้มดอกไม้ ที่เอาผ้าบางตวัดคลุมผมคล้ายนางจารชน ศรีจิตรารีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นหมองเศร้า จรวยยิ้มประโลมใจตรงมาที่ศาลา
"โธ่เอ๋ย คุณศรี ยังมีแก่ใจมาเก็บดอกไม้"
"คนเราถ้าอยู่เฉย ๆวัน ๆ ไม่ทำอะไร ก็จะคิดแต่เรื่องร้าย ๆฟุ้งซ่านค่ะ"
จรวยทำตาปริบ ๆ เสียงในใจว่า "เอ๊ะ เหมือนมันหลอกด่าเรา" ศรีจิตราทำหน้าซื่อ "ต๊าย หน้าซื่อ...คงไม่ใช่"
จรวยเข้ามาประคองพาศรีจิตราไปนั่งในซุ้ม จับมือไว้
"แหม....แต่เรื่องใหญ่ขนาดนี้คงไม่คิดไม่ได้หรอกค่ะ ผู้หญิงเราทุกข์อะไรจะเท่ากับต้องเป็นหม้ายขันหมาก ต้องถูกนินทาว่าร้าย ต้องอับอายไปทั่วทุกทิศ"
ศรีจิตราสะอึกทำท่าร้าวราน
"แต่เป็นหม้ายเหตุสุดวิสัยก็พอทำเนา แต่นี่เพราะ ถูกมือดีมาแย่งคนรัก แล้วมือดีก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นอกจากน้องสาวในไส้ของตัวเอง เป็นดิฉันล่ะก็คงทนไม่ได้หรอกค่ะ"
ศรีจิตรานิ่งงัน เสียงใจใจว่า "เอ....พูดเหมือนคุณหญิงก้อยเลย คงตกลงกันมาแล้วแน่ ๆ เดี๋ยวคงยุให้เราฆ่าตัวตาย" ศรีจิตราพูดกับจรวย
"ถ้าเป็นคุณ คุณจะทำยังไงคะ"
"ถ้าเป็นดิฉัน ดิฉันก็คงต้องหนีไปให้พ้นๆ"
"หนีหรือคะ หนีไปไหนกัน"
"ค่ะ หนีไปไหนก็คงหนีความอับอายไปไม่ได้ เว้นแต่"
"เว้นแต่อะไรคะ"
"จะตาย ๆ ให้มันพ้น ๆ ไปไงคะ"
จรวยพูดเอามัน ดวงตาสะใจ ศรีจิตราดวงตาพลันมีแวบขบขัน แต่พูดเลื่อนลอย
"ตาย ตายให้มันพ้นไป"
มีแสงรถจากไกลลิบ สาดวูบมาโดนตัว ศรีจิตรามองไปแล้วดวงตามีแววยิ้มลุกขึ้น ตะกร้าล้ม ดอกกุหลาบกระจายลงแทบเท้า
"ว้าย คุณศรี เป็นอะไรคะ"
ศรีจิตราเดินไปตรงไปยังถนน
จรวย ก้มลงเก็บตะกร้าดอกไม้ มองตาแล้วยิ้มเยาะ
ศรีจิตราเดินไกลออกไป ลมพัดผ้าพันคอปลิวสูงขึ้น ดูเป็นลาง จรวยชะงักตาเหลือก ลุกพรวดขึ้น
"จะไปไหน ว้าย....หรือว่า คุณศรี อย่านะคะ ดิฉันก็พูดไปอย่างงั้น"
จรวยออกวิ่งตามศรีจิตรา
รถชายเล็กแล่นมาค่อนข้างเร็ว
ภายในรถ เขาหงุดหงิดงุ่นง่าน หักพวงมาลัยเข้าโค้ง มีพุ่มไม้ขนาดใหญ่ ศรีจิตราก้าวมาจากพุ่มไม้ เขาร้อง "เฮ้ย" ตาเบิกกว้าง เธอก้าวออกมากลางถนน เขารีบหักรถหลบ
เฉี่ยวเธอไป ทั้งที่ความจริงแล้ว ห่างประมาณฟุตกว่า เธอหมุนคว้าง ผ้าพลิ้วไสว
จรวยชะงัก ร้องวี๊ดสุดเสียง มาลา วรรณาร้อง "คุณศรี"
ศรีจิตราล้มลงกับพื้นอย่างงดงาม ชายเล็กพรวดลงจากรถวิ่งมา เธอลืมตาอยู่ มีแววเจ้าเล่ห์แล้วหลับตาลง เขามาถึงตัว ประคองร่างขึ้น ตกใจสุดขีด ดวงหน้าเธอซีด ดวงตาปิดสนิท ผมรุ่ยร่ายพาดขวางปรกหน้า
ม.ร.ว. บดินทราชทรงพลร้องอุทานปวดร้าว
"คุณศรี คุณศรี"
เขากอดศรีจิตราไว้ เธอหรี่ตาดู มาลา วรรณาวิ่งมาถึง ศรีจิตรารีบหลับตา
"คุณศรี โธ่ คุณศรี"
จรวยโพล่ง "คุณศรี ตายแล้ว"
จรวจเกาะเสาไฟโยกไปมา รำพันต่าง ๆ มาลา วรรณาหันมาฟัง ชายเล็กตวัดอุ้มศรีจิตราขึ้น น้ำตาลูกผู้ชายเอ่อ ศรีจิตราหรี่ตาดู
เวลาต่อมาที่ห้องโถงชั้นบน เสด็จประทับบนโซฟา สอางค์นั่งบนโซฟาห่างออกมา ร้องไห้กระซิก จรวยมานั่งหน้าเผือดอยู่ที่พื้น ชายเล็กหน้าหมองคล้ำเดินไปมาเป็นชะมดติดจั่น หมอวัยกลางคนเดินมากับมาลา ชายเล็กกรากเข้าไป
"คุณศรีเป็นอย่างไรบ้างครับ"
"ตาเล็ก ใจเย็นๆก่อนสิ" เสด็จว่า
"คุณศรีจิตราไม่เป็นอะไรเลยพะยะค่ะ ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน"
ชายเล็กถอนใจนั่งลงช้า ๆ สอางค์กับจรวยร้องฮือออกมาพร้อมกัน
"ฮือ โล่งอก"
สอางค์ชะงักแล้วค้อนจรวย
"แล้วทำไมถึงสลบไปอย่างนั้นล่ะครับ"
"ที่หมดสติ ก็คงเพราะตกใจมากน่ะครับคุณชาย นี่ผมก็ให้ยาคลายเครียดกับยานอนหลับไป พรุ่งนี้ก็คงปรกติ"
"พ้นเคราะห์ไปที ขอบคุณนะคะหมอ"
"กระหม่อมทูลลาพะยะค่ะ"
จรวยร้องสะอื้น เสด็จทรงมอง
"ดีนะจรวย ที่แกเป็นห่วงเป็นใย"
"หม่อมฉันกลัวว่าคุณศรีจะจงใจให้รถชนเพคะ โธ่....ไม่รู้อะไรมาดลใจให้คิดสั้นแบบนั้น"
เสด็จทรงมองหน้าสอางค์ สอางค์ร้องไห้อีก จรวยมีพิรุธนิดหนึ่ง ชายเล็กขบกราม
ศรีจิตรานอนนิ่งบนเตียงในห้องนอน แสงโคมส่องให้เห็นนวลแต่ปากซีด กำลังเริ่มมึนด้วยฤทธิ์ยานอนหลับ
ชายเล็กนั่งลงบนเก้าอี้ ชิดหัวเตียง ศรีจิตราปรือตาขึ้นยิ้มนิด ๆ มาลา วรรณา พยักหน้าให้กัน ถอยออกไปจากห้องเงียบ ๆ บดินทร์จับมือศรีจิตรามากุมไว้
"คุณศรีฮะ ผมขอโทษที่ขับรถไม่ระวัง"
"ดิฉันต่างหากที่พราดพราดออกไป"
"คุณคงไม่ได้จงใจคิดจะ....เออ....ใช่ไหมฮะ"
ศรีจิตราหลุบตาลงเพราะอ่อนแรง บดินทร์คิดว่ายอมรับ
"นี่....นี่คุณศรีผิดหวัง จนถึงขนาดต้องทำร้ายตัวเองแบบนี้หรือฮะ"
ศรีจิตราง่วงมากขึ้น
"ความรัก...มักคือ...ความทุกข์ไงคะ"
ชายเล็กสูดลมหายใจ พูดอย่างหนักแน่น
"คุณศรีฮะ เหตุการณ์เมื่อกี้นี้ทำให้ผมรู้ว่า ความเป็นความตายอยู่ใกล้กันแค่ไหน ต่อไปนี้ผมจะไม่รีรออะไรต่อไปอีกแล้ว ผมจะไม่เก็บอะไรไว้ในใจอีกแล้ว เพื่อที่ผมจะไม่ต้องมาเสียใจไปตลอดชีวิต"
ศรีจิตราพยักหน้า
"ค่ะ"
"ผมจะบอกคุณศรีทุกอย่างจริง ๆ นะฮะ"
"ถ้าอย่างนั้น บอกดิฉันหน่อยซีคะว่าคุณพลเป็นใคร"
"ฮะ....นายพลคือผมเอง"
ศรีจิตรายิ้มนิดหนึ่ง ความง่วงงุ่นเพิ่มขึ้น
"ตอนที่ผมไปเรียนต่อ ผมเป็นเพียงเจ้าพล เด็กนักเรียนทุนจน ๆ ที่ต้องเสิร์ฟอาหาร ล้างจานหรือเล่นกีต้าร์เปิดหมวกอยู่ริมถนน ผมถือว่าชื่อพล เป็นชื่อจริง ๆ ของผม ยิ่งกว่าชื่อบดินทราชทรงพลซะอีก"
"แล้วคุณไปเจอยายสาได้ยังไงคะ"
"ผมได้ยินคุณป้าของคุณอยากจับคู่ให้ ผมก็เลยอยากไปเห็นตัวก่อน ผมทำเรื่องขอไปตรวจปั๊มเส้นเมืองนนท์ พอผมเจอคุณสาเข้า เขาก็ทำท่าแอนตี้ผู้ดี แอนตี้คุณชายจนผมไม่กล้าบอกว่าผมเป็นใคร ผมก็เลยเป็นนายพลของคุณสาตลอดมา"
ศรีจิตรายิ้ม ทั้งหวั่นไหวทั้งง่วง
"คุณชาย ชอบ...ยายสา...มากใช่มั้ยคะ"
"ฮะ ผมชอบคุณสามาก"
"ค่ะ"
ชายเล็กมองไปไกล
"ผมชอบคุณสามาก มากจนผมคิดว่ามันคือความรัก"
ศรีจิตราหลับตาลง น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงจากหางตา ตกลงบนหมอน หลับไปในวินาทีนั้น
"จนกระทั่งเวลาผ่านไป ยิ่งผมได้อยู่ใกล้คุณ ผมก็พบว่าผมชอบคุณสาแบบเพื่อน แต่ผมรักคุณฮะ คุณศรี รักจนหมดทั้งชีวิตจิตใจของผม"
เขายกมือศรีจติราขึ้นจูบ แล้วถึงรู้ว่าเธอหลับไปแล้ว
"ได้ยินไหมฮะ คุณศรี อ้าว คุณศรี ว้า หลับไปตั้งแต่ตอนไหน"
ชายเล็กผิดหวังมองดูหน้าศรีจิตรา แล้วก็ยิ้มจูบมือเบา ๆ อีกทีแล้ววางมือลงแผ่วเบา
ห้องโถงตำหนักเล็ก หม่อมอำพันนั่งเชิดบนโซฟาอยู่ข้าง ๆ ชายโต นมย้อยนั่งหน้าเคร่ง จรวยนั่งอยู่บนพื้นตรงหน้า เจียม น้อม ข้าหลวงเด็กนั่งชะเง้ออยู่ห่างออกมา ทุกคนมองจรวยอย่างกินเลือดกินเนื้อ
"แกไปพูดจายุยงส่งเสริมให้แม่ศรีดาราเขาฆ่าตัวตายอย่างงั้นหรือ"
"ทำไม ทำไมเธอถึงทำอย่างงั้นฮะ" ชายโตถาม
จรวยทำตาล่อกแล่ก
"ฮือ รวยไม่ได้ตั้งใจค่ะ รวยก็แค่พูดจาปลอบโยนคุณศรีเขา"
"ปลอบประสาอะไร เขาถึงได้เดินไปให้รถชน" อำพันถาม
"ฮือ....รวยก็แค่พูดเพราะเห็นใจน่ะค่ะ ว่าเป็นหม้ายขันหมากน่ะมันน่าอาย แถมคนที่มา
แย่งคู่หมั้นยังเป็นน้องในไส้ ถ้าเป็นรวยน่ะ รวยคงฆ่าตัวตายให้มันพ้น ๆไป ฮือ"
ชายโตหน้าเครียดยิ่งกว่าเดิม
"อ้อ สมใจหล่อนแล้วไหมล่ะ"
"เธอไปพูดอย่างงั้นได้ยังไง ฮะ แม่จรวย" ย้อยว่า
ชายโตหน้านิ่ง ตาเอาเรื่อง จรวยยกมือพนม
"ฮือ รวยก็แค่พูดเปรียบเปรย ไม่คิดว่าคุณศรีเธอจะคิดมาก ทำจริงๆ"
"ฉันว่าแกต้องตั้งใจมากกว่า"
เจียม น้อม กับนางข้าหลวงใหม่ขบเขี้ยวพยักเพยิดกัน
เจียมบอก "ใช่ค่ะ คุณจรวย จงเกลียดจงชังคุณศรีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว"
"เดี๋ยวก็มาแต่งเรื่องคุณศรีเป่าหูหม่อม เป่าหูคุณชายโต" น้อมว่า
จรวยตาเหลือก มองหน้า ชายโตขบกราม
"เดี๋ยวก็แต่งเรื่องคุณชายรองกับคุณหญิงก้อย ไปเป่าหูคุณศรี" เจียมบอก
"ทำแบบนี้มาเป็นปีเป็นชาติแล้วค่ะ"
"ว่ายังไง นังจรวย"
จรวยโผผวาเข้ากอดขาอำพัน
"ฮือ รวยผิดไปแล้วค่ะ ฮือ....ก็รวยรู้ตัวว่ารวยมันแค่เมียบ่าว จะไปสู้ลูกผู้ดี หลานพระน้ำพระยาได้ยังไง รวยก็กลัวว่าเขาจะต้องมารังคัดรังแครังแกรวย"
"อ้อ"
"แล้ว คุณศรีน่ะ เขาร้ายอย่างนั้นจริงไหม"
"ฮือ....คุณศรีน่ะดีแสนดีค่ะ รวยคอยเหน็บแนมค่อนว่าอะไรก็ไม่เคยถือโทษ แถมยังรักเอ็นดูตาตุ้ม"
"ใช่ คนดีน่ะ ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้" ย้อยบอก
"ค่ะ รถชนก็ไม่โดนค่ะ"
ทุกคนหันมามองจรวย
"แต่ไอ้คนที่คอยจองล้างจองผลาญเขาน่ะ จะแพ้ภัยตัวเอง" ย้อยว่า
"ฮือ....รวยรู้ซึ้งแล้วค่ะ"
จรวยเหลือบดูชายโต อำพันทำหน้าเหม็นเบื่อ
"เอ้า ชายโตว่ายังไง นังเมียแสนดีของแกมันก่อเรื่องมาขนาดนี้แล้ว"
"ฮือ คุณชาย"
"เอาไว้ผมจัดการเองครับ หม่อมแม่"
"ย่ะ ไป ไปจัดการกันที่ไหนก็ไปให้พ้น ๆหน้าฉัน"
ชายโตลุกพรวดขึ้น กระชากร่างเมียออกไป ทุกคนเงี่ยหูฟังทันที
"ตามฉันมา"
สะใภ้จ้าว ตอนที่ 16 (ต่อ)
ในห้องนอน ม.ร.ว. ดิเรกราชวิทย์นั่งบนเตียง หน้าเคร่งเย็นชา ดวงตาแข็งกระด้าง จรวยผวาเข้ากอดขา
"ฮือ คุณชายขา ยกโทษให้รวยนะคะ"
"ฉันเตือนเธอมาหลายครั้งแล้วนะ แต่เธอไม่เคยสำนึก เธอเคยรักฉัน รักตาตุ้มบ้างมั้ย"
"คุณชายพูดอะไร ที่รวยทำเพราะรักครอบครัว ไม่อยากให้สะใภ้เอกมาแย่งทุกอย่างจากเรา"
เขาไม่เชื่อส่ายหัวดิก
"นั้นไม่เรียกว่าความรัก มันคือความริษยาต่างหาก เสียแรงนะจรวยที่ฉันรักเธอ"
"คุณโต"
"ทีแรกมันอาจจะเป็นแค่ความปรารถนา แต่หลังจากมีตาตุ้ม ฉันรู้แล้วว่า ฉันต้องรับผิดชอบทั้งเธอและลูก และนั่นล่ะมันคือความรัก ความห่วงใย และเธอก็ทำลายมันไปจนหมดสิ้น"
"คุณชายไม่นะคะ รวยกราบล่ะ"
"ไม่ต้องมาบีบน้ำตา เก็บข้าวของแล้วลาลูกซะ ห้ามกลับมาที่นี่อีก แล้วก็ห้ามพบหน้าลูกอีกนับแต่นี้เป็นต้นไป"
จรวยทำท่าเหมือนจะเป็นลม รีบถลาไปอุ้มตาตุ้ม
"ไม่....อย่าพรากรวยจากลูกเลยนะคะ ตาตุ้มคือแก้วตาแก้วใจของรวย ถ้าพรากลูกไปรวยขอไปตายเสียดีกว่า"
"ส่งตาตุ้มมาให้ฉัน"
จรวยส่งลูกให้ ดิเรกดวงตาอ่อนแสงลงนิดหนึ่ง
"ฉันไม่เชื่อเธอหรอกนะ"
"คุณชาย"
"แต่ฉันจะให้โอกาสเธออีกครั้ง"
จรวยใจหาย รีบพนมมือ
"เธอเป็นเมียฉัน เป็นแม่ของตาตุ้ม และไม่ว่ายังไงก็เป็นวุฒิวงศ์อีกคนหนึ่ง"
จรวยสะท้านเยือก
"ขอให้เธอนึกถึงบุญคุณของวุฒิเวสม์ ร่มไม้ใบบุญของหม่อมแม่ อีกทั้งพระกรุณาของเด็จป้า และตรองดูให้ดี ๆ ว่าจะต้องทำอย่างไรให้สมกับเป็นสะใภ้ใหญ่ของวังนี้"
ชายโตอุ้มตาตุ้มเดินออกไปจากห้อง ปิดประตูลง จรวยมองตามแล้วออกไปยังเทอเรซข้าง
จรวยก้าวออกมา หันไปยังหน้าต่างทิศของตำหนักใหญ่ แล้วกราบลง แสงส่องมาเป็นลำ ดูคล้ายนางบาปกลับใจเป็นนางบุญในหนังมหากาพย์ศาสนา
สองวันต่อมา จรวยแต่งชุดขาวแต่คว้านนม อิ่มบุญ ถือขันเก็บดอกไม้ มาลา วรรณากำลังคุยกับนางข้าหลวงวัยรุ่น
"ที่คุณศรีจะฆ่าตัวตายน่ะ เพราะตรอมใจจากการเป็นหม้ายขันหมากจากคุณชายรอง" มาลาว่า
"น่าสงสารคุณศรีจัง" ข้าหลวงบอก
มาลา วรรณา แยกไป จรวยสำนึกในความผิด
จรวยนั่งเด่นอยู่ในศาลา นางข้าหลวงตำหนักใหญ่นั่งรายล้อม จรวยยิ้มอ่อนโยน
"ความจริงเรื่องนี้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเลย เพราะคุณศรีน่ะยังมีคุณชายเล็กอยู่ทั้งคน"
นางข้าหลวงสาวๆร้องฮือ จรวยยิ้มละมุนพูดเสียงอ่อน
ข้าหลวง1ถาม "จะเป็นไปได้หรือคะ"
ข้าหลวง2 บอก "เอ....แต่ก็จริงนะ คุณศรีสนิทกะคุณชายเล็กจะตาย"
"นั่นไง….คุณชายเล็กเองก็รักคุณศรีหมดใจ"
ข้าหลวง3 ถาม "แล้วคุณศรีล่ะคะ รักคุณชายเล็กหรือเปล่า"
"นั่นก็ต้องดูกันไป ทุกอย่างก็สุดแต่โชคชะตาว่าพัดพาอะไรมา ว่าจะเป็นกลีบดอกไม้ หรือเป็นก้อนหิน"
จรวยยิ้มละมุน ทันใดมีดอกไม้ปามาโดนหน้าจรวย นางข้าหลวงร้องวี๊ดว้าย
มาลา วรรณายืนอยู่บนศาลาแล้ว เท้าสะเอวตาเขียว
"วัน ๆ ไม่ทำอะไรมีแต่แต่งเรื่องใส่ไคล้พาที"
จรวยสีหน้าสงบ
"ไปนะยะ ไปให้หมด นังพวกนี้ นังข้าสองเจ้าบ่าวสองนาย" มาลาว่า
"มาฟังนังพวกปากหอย" วรรณาบอก
ข้าหลวงร้อง "ว้าย"
"ยังพูดไม่จบ ปากหอย ปากปู ปากตำแย ระวังติดเชื้อ"
"ติดแล้วจะคันไปหมด ทั้งปาก ทั้งหอย" มาลาว่า
"ว้าย"
"ยังพูดไม่จบ ทั้งหอย ทั้งปู ทั้งปลา" วรรณาว่า
จรวยลุกขึ้นช้า ๆ ไม่โกรธ ไม่ขึ้ง เดินผ่านมาลา วรรณา
"บุญรักษาจ้ะ"
มาลา วรรณาอ้าปากค้างมองตาม จรวยเดิน นางบุญลับพุ่มไม้ไป
"นี่จริงเหรอ คุณชายเล็กกะคุณศรี" มาลาว่า
วรรณาบอก "มิน่าเล่า แต่งชุดดาวยั่วทีไร เจาะจงแต่ไปเล่านิทานให้คุณชายเล็กฟังทุกที"
2 นางตาโต
ห้องนั่งเล่นตำหนักใหญ่ ศรีจิตราดวงหน้าสงบมีแววเศร้าจางๆนั่งอยู่บนพื้น สอางค์ซับน้ำตาอยู่ข้าง ๆ มาลา วรรณาอยู่ห่างออกมา ท่าทางยังงง ๆ เสด็จประทับบนตั่งมองศรีจิตราอย่างปราณี
"ว่ามาซิ ศรีจิตรา"
"หม่อมฉันถวายตัวเป็นข้าพระบาทเพื่อเตรียมตัวเป็นสะใภ้วุฒิเวสม์ แต่ว่าตอนนี้หมดภาระนี้แล้วเพคะ"
เสด็จแย้มสรวล
"เธอแน่ใจหรือ"
มาลา วรรณา พยักหน้ากัน เสด็จทรงพลิกดูของชำร่วยใบโพธิ์ในพระหัตถ์
"เพคะ"
"ไม่ว่ายังไง เธอก็เป็นเหมือนลูกสาวของฉัน"
"เป็นพระกรุณาล้นพ้นเกล้าเพคะ ที่หม่อมฉันทูลลาไม่ใช่เพราะเสียงครหา ไม่ใช่เพราะคำสมเพชเวทนา แต่เพราะ....หม่อมฉันอยากได้ดูแลแม่บ้างเพคะ"
"เธอกับสาลินนี่ เอาเข้าจริงก็ช่างเจรจา อ้างเหตุอ้างผลไม่ได้แพ้กันเลย"
"เป็นพระกรุณาที่ทรงโปรดยายสาเพคะ ยายสาจะเป็นศรีสะใภ้ที่ดี ดีกว่าหม่อมฉันอีกเพคะ"
เสด็จพระเนตรมีแววเล่นแวบหนึ่ง แล้วพระสุรเสียงเข้มขึ้น วางของชำร่วยลงบนโต๊ะสูงข้างตั่งอย่างแรง
"แต่ฉันต้องการเธอเป็นสะใภ้ของฉัน"
ทุกคนผวา
"แล้วใครก็จะมาขัดไม่ได้"
ทุกคนรวนเรก้มหน้า
"แต่เอาเถอะ อยากไปเยี่ยมแม่ก็ไป ฉันอนุญาต"
ศรีจิตราก้มกราบลง สอางค์ร้องไห้ฮือ มาลา วรรณจับมือกันร้อนรนใจ
รถ ม.ร.ว. บดินทราชทรงพลแล่นมาตามถนนในวัง
ในรถ เขาผิวปากครึกครื้น เคาะมือกับพวงมาลัยแล้วมองไปตรงหน้า มีรถจากตำหนักใหญ่แล่นสวนมา นายยอดเป็นคนขับ เขามองไป ตอนท้ายของรถตำหนักใหญ่ เห็นศรีจิตราและสอางค์นั่งอยู่ ศรีจิตรามองมายิ้มนิด ๆ แล้วก้มศีรษะให้ เขางงกับท่าทีนั้น ศรีจิตราพลันเมินไป เขาหยุดรถ เหลียวหลังไปมองตาม แล้วก็มองในกระจกส่องหลัง เห็นรถจากตำหนักใหญ่แล่นไกลไปทุกที เขารู้สึกสังหรณ์ประหลาด
ชายเล็กเข้ามาจากเทอเรซข้าง นมย้อย เจียม น้อมอยู่ที่โต๊ะกลางโถง เขาลงนั่ง ทุกคนดูซึมเศร้า
"คุณศรีไปไหนไม่รู้นม"
"ไม่ได้ไปไหนค่ะ แต่ว่าคุณสอางค์พาคุณศรีกลับบ้านราชดำริ"
เขาตกตะลึงอ้าปากค้าง เจียม น้อมหันมามอง ถอนใจ
สร้อยสะบัดหน้าพรืดอยู่บนตั่ง สอางค์นั่งข้าง ๆ ตรงหน้า ศรีจิตรานั่งชิดกับอุ่นเรือน พิศ กำไล กุมมือกันไว้ สาวใช้ 2 นางหวาดหวั่น ด้านหลังมีกระเป๋าเสื้อผ้าของศรีจิตรา 4-5 ใบ สร้อยแสยะลุกขึ้นช้าๆ
"คิดไว้ไม่ผิดว่าต้องซานกลับมาเกาะฉันกิน คนเราน่ะวาสนามันแค่นังบ้านสวนจะปลุกปั้นยอยกยังไก็ไม่มีวันได้ดี"
สอางค์ซับน้ำตา
"เหมือนนังแม่มัน ใฝ่สูงจนเกินศักดิ์ พอมาแต่งกับตาสาวิตร บุญไม่พอก็เลยทำให้น้องฉันอายุสั้น"
อุ่นเรือนหน้าเคร่งขึ้น ศรีจิตราจับแขนแม่อย่างปลอบ พิศกับกำไลสบตากันว่า “ไม่เกี่ยว”
"คุณพี่คะ"
"นี่เธอพูดอะไร หลานเพิ่งเจ็บช้ำน้ำใจมา โธ่เอ๋ย ต้องมาเป็นหม้ายขันหมากเหมือนป้า"
กำไลกระซิบกับพิศ พร้อมกับที่สอางค์พูด
กำไล/พิศว่า "โธ่ ไม่น่าพระชนม์สั้นเลย"
สอางค์ค้อนกำไล สร้อยหอบจนอกแบนกระเพื่อม
"พอ ๆ แม่สร้อย"
"ไม่พอค่ะ หนูจะพูด หนูเองน่ะเจ็บช้ำน้ำใจมานานแล้ว ตั้งแต่นังบ้านสวนเข้ามาบ้านภักดีนฤนาถก็มีแต่กาลกิณี ตั้งแต่ได้มันมาเป็นสะใภ้ เสด็จพระองค์ชายก็สิ้น"
อุ่นเรือนอ้าปากค้าง ศรีจิตราอึ้ง
"พี่ใหญ่ก็เป็นหม้ายขันหมาก ตาสาวิตรก็ตาย"
พิศ กำไล สองสาวใช้ฟังตาแป๋ว
"หนูเอง ก็ไม่มีผัว"
อุ่นเรือนร้องโธ่เบา ๆ พิศ กำไลก้มหน้าหัวเราะ 2 สาวใช้ ซ่อนหน้ากับเสาเรือน อุ่นเรือนลุกขึ้นช้าๆ
"คุณพี่ ฟังดิฉันก่อนนะคะ" อุ่นเรือนบอก
"ฉันไม่ฟัง"
"ถึงไม่ฟังดิฉันก็จะพูดค่ะ ตอนที่เสด็จพระองค์ชายสิ้นน่ะ ดิฉันยังเรียนชั้นประถมอยู่เลยนะคะ ส่วนคุณสาวิตรก็เสียด้วยโรคประจำตระกูลของคุณพี่"
สอางค์พยักหน้าเห็นด้วย สร้อยสะบัดหน้าพรืด
"ส่วนเรื่องคุณพี่หาผัว เอ๊ย สามีไม่ได้ ก็น่าจะเป็นเพราะผู้ชายน่ะ เขาทนความเพียบพร้อมของคุณพี่ไม่ได้มากกว่า"
สอางค์อ้าปากค้าง พิศ กำไลขยับไปหัวเราะหลังเสาเรือนด้วย สร้อยตาเบิกกว้างชี้นิ้วระริกระรัว
"ว้าย แก โอหังบังอาจยังไงมาว่าฉัน บุญคุณข้าวแดงแกงร้อนฉันที่รถหัวแกมายี่สิบ สามสิบปีน่ะ เคยสำนึกไหม"
"บุญคุณน่ะ ถ้าหมั่นทวง มันก็หมดได้เหมือนกันนะคะ"
สอางค์ยกมือทาบอก สร้อยตัวชาแล้วเต้นเร่าๆ
"อี...อี...ทรพา"
"ดิฉันกับแม่ศรีอยู่บ้านนี้ก็เพื่อสนองคุณคุณพี่ ที่อุตส่าห์ให้ที่พักพิง แต่เมื่อคุณพี่เห็นว่า ดิฉันกับแม่ศรีเป็นภาระ เป็นสิ่งรกหูรกตา เป็นที่อึดอัดขัดใจ ทางเดียวที่จะสนองคุณได้ ก็คือดิฉันกับลูกก็ขอกราบลา"
สร้อยตะลึง สอางค์อึ้ง กลุ่มพิศ กำไล สาวใช้หน้าซีดลง มองหน้ากัน
ศรีจิตราดึงชายผ้าซิ่นอุ่นเรือน เรียกคล้ายทักท้วงให้สติ
"แม่คะ"
สร้อยปรายตาดู
"ดู๊ ดู เห็นไหม ลูกสาวหล่อนฟังหล่อนพูดยังทนฟังไม่ได้ ใช่ไหมลูก แม่ศรี"
"ไม่ใช่ค่ะ"
สร้อยสะดุ้งอีก ศรีจิตราลุกขึ้นยืนเคียงข้างอุ่นเรือน
"หนูจะบอกแม่ว่า ที่แม่พูดน่ะพูดถูกแล้วค่ะ"
สร้อยถอยหลังกรูดไปนั่งบนตั่ง
"หนูกราบขอบพระคุณค่ะ ที่คุณป้าไล่แม่กับหนูออกจากบ้าน แม่คะ ไปเก็บของกัน
เถอะค่ะ"
อุ่นเรือนพยักหน้า สองแม่ลูกกลับเข้าตัวบ้าน บรรดาพิศ กำไล ขยับออกมาเลิ่กลั่ก
สร้อยตากลับเป็นลม ล้มมายังสอางค์ สอางค์ลุกแผล็บหนี สร้อยฝฟาดตั่งดังโป๊ก แล้วนิ่งไป
"สม"
คืนนั้น ที่นอกชานบ้านสวน คุณยายกอดศรีจิตราไว้ อุ่นเรือนนั่งยิ้ม คุณตามองอย่างสุขใจ เจ้าแกะ ตาผลมานั่งยิ้มแป้นอยู่ข้างหลัง แต่ยายพิณกลับหายไป กระเป๋าเดินทางหลายใบวางกองอยู่
"หมดเคราะห์ หมดโศกซะทีนะ อุ่นเรือน ยายศรี" ตาบอก
"ความจริงน่าจะกลับมาอยู่บ้านเราตั้งนานแล้ว ไม่ต้องรอให้ยายป้ามาเอ่ยปากไล่หรอก" ยายบอก
บันไดชั้นบน สาลินแอบดู มีความดีใจสุขใจอยู่ 2 ส่วน แต่อีก 8 ส่วน คือปริวิตก ที่พื้นยายพิณคุกเข่าอยู่ ยื่นนิ้วสะกิดขาสาลิน
"อะไร ยายพิณ"
"คุณศรีเธอจะแค้นไหมคะ ที่คุณสาไปแย่งคุณชายรองเธอมา"
"ฮือ ยายพิณอย่าพูดซี"
วงสนทนาที่นอกชาน ศรีจิตราพูดคุยกับคุณยาย แล้วก็ปรายตามาที่สาลิน สาลินหลบวูบขึ้นชั้นบนไป
"แม่ศรี แล้วหนูเป็นยังไงบ้างลูก ที่มาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น" ยายถาม
ศรีจิตรายิ้มสุขใจ
"หนูก็ดีใจกับยายสาน่ะซีคะ โธ่ คุณยายคะ คุณชายรองน่ะ รักยายสามาตั้งไหนแต่ไรแล้ว"
"หา.....หนูรู้อยู่ตลอดเลยเหรอ " ตาบอก
"ค่ะ คุณตา"
"แล้วที่ยายสาบอกว่าหนูรักคุณชายรองบ้างล่ะ"
ศรีจิตราอายนิดหนึ่ง
"ยายสาคิดไปเองค่ะ เพ้อเจ้อตามประสาคนช่างฝัน"
"นี่คุณ แสดงว่ายายพิณมันถูกของมันนะ" ตาว่า
"นั่นซี"
"แล้วยายสาเป็นยังไงบ้างคะ"
"ตั้งแต่เกิดเรื่อง ก็ป่วยกระเสาะกระแสะมาเรื่อย"
ศรีจิตราอมยิ้มรู้ทันน้องสาว
วันรุ่งขึ้น ที่ร้านผมเกศมณี
วิรงรอง หญิงก้อย อบผมกันอยู่ ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสงมีอาการเซ็งโลกอย่างที่เคย เห็นหญิงอีกนางนั่งอบผมหันหลังให้
"อาร์นี่หลังเดาะนอนโรงพยาบาลอยู่ แถมไนท์คลับไฟไหม้ ไม่เสียหายอะไรหรอก แต่เสียหน้าเลยปิดซ่อม แล้วจะเปิดใหม่ใหญ่กว่าเดิม ไปเยี่ยมหน่อยไหมคะหญิง"
"อย่าเลย เขามีแม่บรรณารักษ์คอยปลอบใจเขาอยู่แล้วนี่"
จรวยในชุดสีครีมอ่อนดูบริสุทธ์ เสื้อปิดถึงคอ แต่นมพุ่ง เปิดสะดือ และเปิดตรงเอวเล็ก ๆ สองข้าง ใบหน้าอ่อนจาง สงบนิ่ง เปิดที่อบผม ลุกมาคุย
"คุณสาลินไม่ได้กลับไปทำงานกับคุณอัศนีย์แล้วล่ะค่ะ "
สองสาวสะดุ้ง จรวยโผล่มาจากไหน จรวยไหว้ทั้งสอง
"สวัสดีค่ะคุณหญิง คุณวิรงรอง"
"ไปเอาข่าวโคมลอยมาจากไหน ฉันไม่เชื่อ อย่ามามดเท็จ"
"จรวยเลิกพูดโกหก ส่อเสียดเหยียดเย้ยใยไพแล้วนะคะ ตั้งแต่พูดดี คิดดี ตั้งมั่นอยู่ในความดี รวยก็สงบ ไม่ทุกข์ไม่ร้อนอีกเลย"
วิรงรองมองชุดอย่างทึ่ง
"แล้ว....ตอนนี้ในวังเป็นยังไงบ้างล่ะ"
จรวยยิ้มอ่อนโยน
"ตอนนี้คุณชายรองกลับมาวังแล้วค่ะ"
หญิงก้อยอึ้งไปนิดหนึ่ง
"ฮึ....ยอมแซคริไฟซ์อยู่ได้ไม่นาน ก็ทิ้งสภาพยาจกเพราะเห็นแก่ความสบาย เห็นแก่สมบัติ"
วิรงรองถาม "หญิงพูดถึงใครจ๊ะ คุณชายรองหรือตัวหญิงเอง"
"ยายติ่ง หุบปากเดี๋ยวนี้นะ" หญิงก้อยถามจรวย "นี่....คุณรองก็คงยอมเข้าพิธีกับแม่สะใภ้เอก
นั่นแล้วซี"
"เปล่าค่ะคุณหญิง คุณชายรองทูลเสด็จว่าขอไม่แต่งกับคุณศรี"
"อะไรนะ"
"จริงค่ะ แต่ขอเปลี่ยนมาแต่งกับคุณสาลินแทน เฮ้อ... ดีใจจัง"
หญิงก้อยอ้าปากค้าง วิรงรองปรบมือ 2-3 ที หญิงก้อยหันมามองตาเขียว วิรงรองหยุด
"ฉันตบมือเพราะตกใจจ๊ะ ไม่ใช่ดีใจ"
"แล้วเด็จป้าว่ายังไง"
"ยังไม่ทรงตอบออกมาตรง ๆ แต่คิดว่าไม่ทรงขัดหรอกค่ะ"
"ทรงอนุญาตให้แต่งกับนังพาร์ทเนอร์ นังผู้หญิงบาร์ นังผีเสื้อราตรีนั่นน่ะนะ"
"เขาทำงานเป็นประชาสัมพันธ์ไม่ใช่เหรอ"
"แค่หน้าฉาก แต่ที่แท้เป็นนางบำเรอให้อาร์นี่ต่างหาก"
จรวยตกใจเล็กน้อย วิรงรองเซ็ง หญิงก้อยหน้าบูดบึ้ง
"ถ้าเด็จป้าทรงรู้ ก็อาจจะตัดขาด ไล่คุณรองออกจากวังอีกหนก็เป็นได้"
"คงไม่หรอกค่ะ"
"ทำไม"
จรวยยิ้มแย้มพูดด้วยปรารถนาดี
"เพราะที่เสด็จทรงเนรเทศคุณชายรองคราวก่อน เป็นการเล่นละครน่ะซีคะ คุณชายวางแผนกับเสด็จ เพราะรู้ว่าถ้าคุณชายตกต่ำ คุณหญิงคงจะทิ้งคุณชายอีกหน เอ้อ.....รวยขอโทษนะคะ ที่ต้องพูดตามความจริง แต่รวยเลิกพูดปดถาวรแล้วค่ะ รวยขอตัวก่อนค่ะ"
จรวยแยกไป หญิงก้อยอ้าปากค้าง วิรงรองเผลอตบมืออีก 5-6 ที วิรงรองหันมาแก้ตัว
"ฉันตกใจน่ะหญิง"
จรวยเดินกลับเข้ามาเอาซองบุญมาบอกบุญ
หญิงก้อยตาวาวมองกระจกหอบด้วยโทสะ
"ยายติ่ง หล่อนต้องสร้างข่าวให้ฉันอีกแล้วล่ะ"
"ข่าวอะไรจ๊ะหญิง"
"ข่าวจ้าวย่ายุคจรวดน่ะสิ"
วิรงรองเหม็นเบื่อเต็มที
สาลินเด็ดใบแก้วจากกิ่งใส่ปากแล้วเคี้ยว พลางทำหน้าเหยเก สาลินนั่งอยู่บนที่นอน ยายพิณมองอย่างลุ้น
"มันได้ผลแน่หรือคะ ใบแก้วเนี่ย"
"สมัยก่อน พอจะหนีโรงเรียน เคี้ยวใบแก้วแล้วตัวจะร้อน หลอกคุณยายได้ทุกทีนี่"
มีเสียงที่หน้าประตู
"ตั้งแต่เกิดเรื่องก็สามวันดีสี่วันไข้ นี่ก็นอนซมอยู่ในห้อง"
สาลินตาเบิกโพลง ปากิ่งแก้วใบโกร๋นทิ้ง ยายพิณรับไว้ สาลินกระโจนโถมตัวลงนอนมือตวัดผ้าห่มคลุม ยายพิณดึงชายผ้าให้ ประตูเปิดออกพอดี
สาลินหลับตาลง เอียงหน้าน้อย ๆ ทำหายใจแผ่วเบา
ยาย อุ่นเรือนกับศรีจิตราเข้ามาดู ยายพิศยิ้มกระเรี่ยกระราดถอยมา
"ยายสา เป็นยังไงบ้างลูก"
สาลินหลับตาร้องอื้อเบา ๆ มีอาการไข้หนัก อุ่นเรือนนั่งบนที่นอนเอาหลังมือแกะหน้าผากแล้วสะดุ้ง
"ว้าย"
สาลินตากระตุก ยายพิณสะดุ้ง
"ตัวร้อนมากหรือคะ" ศรีจิตราถาม
"เปล่าลูก ตัวเย็นเป็นน้ำแข็ง"
สาลินตากระตุกอีก ยายพิณดูกิ่งแก้วโกร๋นในมืออย่างเซ็ง ๆ ศรีจิตรามองมา ยายพิณรีบปักกิ่งแก้วลงในแจกันเปล่า เห็นกิ่งคดเคี้ยวมีใบ 1 ใบ ดูงดงามเป็นอิเคบานะศิลปะจัดดอกไม้ของญี่ปุ่น
"ยายสา เป็นยังไงบ้าง"
"ไม่ค่อยดีค่ะ ตัวรุม ๆ"
"แม่พิณจ๋า ต้มน้ำเช็ดตัวให้ยายสาดีกว่านะ"
"ค่ะ"
เสียงเจ้ามอมเห่า
"เจ้ามอมมันเห่าใครกัน ใครมาล่ะนั่น แม่พิณไปดูสิใครมา"
ทั้งสามออกจากห้อง ยายพิณตามออกไปด้วย สาลินลุกมอง อยากจะร้องไห้
"ทำไมตัวเย็นเฉียบ ใบแก้วไม่ได้ผลเหรอเนี่ย"
ยายเดินนำ อุ่นเรือน ศรีจิตรา ยายพิณตาม
"ยายพิณ ไปดูซิ เจ้ามอมมันเห่าใคร" ยายว่า
"ค่ะ"
อุ่นเรือนบ่นกับศรี
"ตัวเย็นเฉียบขนาดนั้น เดี๋ยวถ้าเช็ดตัวแล้วไม่ดีขึ้น คงต้องให้กินยา"
"อย่าห่วงเลยค่ะ เดี๋ยวยายสาก็ตัวอุ่นเองล่ะค่ะ จะร้อนเกินไปด้วยซ้ำ"
"หือ ทำไมหรือลูก"
"ก็ยายสาเล่นกินใบแก้วเข้าไปทั้งกิ่งขนาดนั้น"
"หา....กินให้ตัวร้อน แบบเวลาจะหนีเรียนน่ะหรือ"
"ค่ะ"
"แล้วยายสาทำไปทำไม"
"ก็จะหลบหน้าหนูนะซีคะ โธ่เอ๋ย อุตส่าห์กินใบแก้วให้ตัวร้อน แต่เราเข้าไปเร็วใบแก้ว
ยังไม่ออกฤทธิ์ ก็ตกใจจนตัวเย็นเฉียบ"
"ยายสากลัวหนูทำไมกัน"
"ค่ะ คงเห็นหนูเป็นนางสุวรรณมาลี มเหสีขี้หึงประหนึ่งเสือ จะฉีกเนื้อน้องกินเป็นชิ้นหมู"
ศรีจิตราดวงตาพราวขบขัน อุ่นเรือนมองนิ่ง
"ยายศรี นี่หนูไม่ได้อกหักร้าวรานใจอะไรเลยหรือ"
ศรีจิตรายิ้มพรายเล็ก ๆ
"นิดหน่อยค่ะแม่ แต่หนูก็ยังไม่สิ้นหวังหรอกค่ะ"
อุ่นเรือนมองอย่างสงสัย แต่ไม่ถามต่อ เสียงพูดคุยดังมาจากชั้นล่าง
"เอ๊ะ ใครมาน่ะ "
ในห้องรับแขก
คุณตา คุณยาย อุ่นเรือนนั่งตรงหน้าชายรอง ยายพิณวางน้ำรับแขกลง แล้วถอยไปพนมมือแต้อยู่ข้าง ๆ
คุณตายิ้มแย้มรับแขก คุณยายมีท่าทีเชิดๆ ค้อนๆ อุ่นเรือนมองม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์อย่างพินิจ เขามีท่าทีสงบและสุภาพ
"ผมขอโทษที่ต้องมารบกวนครับ"
"ไม่เป็นไรหรอกครับคุณชาย อ้อ นี่ผมก็ทราบเรื่องทั้งหมดแล้ว"
"ค่ะ...อิฉันก็เห็นภาพเป็นช่อเป็นชั้นเลยค่ะ"
คุณยายประชด คุณตาหันมามองปราม
"คุณชายมีอะไรก็พูดมาเถอะค่ะ" อุ่นเรือนบอก
ที่บันได สาลินค่อย ๆ ย่องลงมา อ้าปากค้างเมื่อเห็นชายรอง
"คุณตา คุณยาย คุณ...แม่ครับ"
อุ่นเรือนอมยิ้ม
"ที่ผมทำลงไป ผมขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียว"
สาลินค้อนขวับ
อุ่นเรือน คุณตา คุณยายเกือบอมยิ้ม
"ผมขอประทานโทษ ที่ทำให้ต้องลำบากใจ แต่ว่า.....ผมแต่งงานกับคุณศรีไม่ได้จริงๆ"
สาลินร้าวราน
"โธ่เอ๋ย.... พี่ศรี"
อุ่นเรือนตัดสินใจถาม
"เพราะอะไรหรือคะ"
"เพราะ....ผม...รัก สาลิน"
มีเสียงเรือหางยาวแทรกมาดังแหลม สาลินไม่ได้ยิน เอียงหน้ามองอย่างขุ่นใจ
"อีเรือหางบ้า พูดว่าอะไรเลยไม่ได้ยินเลย"
คุณยายยิ้มละไมดวงตาฉ่ำ ไม่ค้อนควักอีกแล้ว คุณตาพยักเพยิดพอใจ อุ่นเรือนพยายามไม่ยิ้มมาก ยายพิณยังคงพนมมือ หยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา
"นี่ผมอยากขออนุญาตพบกับ.....คุณศรีหน่อยครับ"
สาลินเบิกตากว้าง
"โธ่....พี่ศรี"
ที่ศาลาท่าน้ำ ศรีจิตรายิ้มละไม ดวงหน้าเปล่งปลั่ง ดวงตายินดีจริงใจ ชายรองนั่งอยู่ตรงข้าม
"ผมขอโทษจริง ๆ ที่ทำให้คุณศรีต้องยุ่งยาก"
"คุณชายทำถูกแล้วค่ะ คนเราก็ควรแต่งกับคนที่เรารักไม่ใช่หรือคะ"
ชายรองยิ้มนิด ๆ
"คุณศรีเองก็เหมือนกัน ควรแต่งกับคนที่คุณศรีรัก"
ศรีจิตราตะลึงไปหน้าแดง
"คุณชาย"
"ผมขอโทษที่ละลาบละล้วง แต่ผมคิดว่าผมทราบว่าคุณศรีมีใจให้ใคร"
ศรีจิตราระงับท่าที กัดริมฝีปากแล้วพูด
"ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ เรื่องอะไรในใจดิฉันบอกเขาไปหมดแล้ว แต่เขาบอกดิฉัน
ว่าเขารักคนอื่น"
"ไม่น่าเชื่อ คุณศรีน่าจะเข้าใจผิดอะไรซักอย่าง"
"แต่เขาพูดอย่างนั้นจริง ๆ นะคะ"
"ถ้าอย่างนั้น ผมก็คงต้องถามนายเล็กให้รู้เรื่อง"
ศรีจิตราเบิกตากว้าง
"อย่านะคะคุณชาย ได้โปรดอย่านะคะ"
"เดี๋ยวผมขอตัวกลับขึ้นเรือนก่อนนะครับ"
กิตติเดินไป ศรีจิตราลุกขึ้นมองตาม แล้วน้ำตาเอ่อต้องเอานิ้วกรีดออก
อีกมุม ในบริเวณพุ่มไม้หนึ่ง สาลินชะเง้ออยู่กับยายพิณ
"ฮือ พี่ศรี สาจะทำยังไงดี สาจะทำยังไงดี ยายพิณ"
"โถ....คุณสา ของแบบนี้น่ะ ทางที่ดีที่สุดก็คือ"
"เราต้องเสียสละใช่ไหม ยายพิณ"
"ไม่ใช่ค่ะ อิฉันจะบอกว่า ของแบบนี้ใครดีใครได้ค่ะ"
สาลินชะงัก มองยายพิณตาเขียว ยายพิณไม่ยี่หระ
ที่ศาลาท่าน้ำ แสงสีส้มของยามอาทิตย์ใกล้ลับฟ้าสาดไปทั่ว ศรีจิตรานั่งเหม่ออยู่ที่ศาลาท่าน้ำ
ห่างออกมาสาลินยืนอยู่ที่ซุ้มไม้ หน้าซีด ลังเล แล้วสูดลมหายใจเข้าปอด เดินตรงไปหา ก้าวขึ้นศาลา
ศรีจิตราหันมา สาลินชะงักมองอย่างเว้าวอน
"พี่ศรี"
ศรีจิตราชี้ข้างตัว
"มานั่งนี่ซี"
สาลินเดินมานั่งตัวลีบ
"พี่ศรี สาไม่ได้ตั้งใจ"
"สาไม่ได้ตั้งใจ แต่คุณชายรองเขาตั้งใจนี่สา"
"โธ่ พี่ศรี"
"ที่จริง สาไม่น่าจะต้องเดือดร้อนอะไร"
"สาต้องเดือดร้อนซี ก็พี่ศรีรักเขา แล้วเรื่องกลับมาเป็นอย่างนี้ก็เพราะสา"
"ใครบอกสากัน ว่าพี่รักคุณชายรอง"
"ก็พี่ศรีบอกสาเอง สาได้ยินเต็มสองหู สาจำได้"
ศรีจิตราลุกขึ้น หน้าแดง ตาเป็นประกายวาววาม
"วันนั้นพี่พูดแค่ว่าพี่รักคุณชาย พี่ไม่ได้ระบุซักหน่อยว่าพี่รักคุณชายคนไหน"
สาลินตกตะลึงพรึงเพริด ลุกตาม
"แปลว่าพี่ศรีไม่ได้รักคุณชายรอง แล้วพี่ศรีรักคุณชาย คุณชายไหน ใช่แล้ว คุณชายเล็ก วันนึง ๆ พี่ศรีพูดถึงแต่คุณชายเล็ก"
"ก็เหมือนกับที่ วันนึง ๆ สาพูดถึงแต่คุณชายรองน่ะแหละ"
สาลินหน้าแดงกุมมือศรีจิตรา ยิ้มออกมาได้
"แล้ว แล้วพี่ศรีจะทำยังไงคะเรื่องคุณชายเล็ก เขารักพี่ศรีรึเปล่า"
"เปล่า เขารักผู้หญิงคนนึงอยู่"
"ตายจริง"
"พี่ไม่เป็นไรหรอกน่า แม้นแผ่นดินสิ้นชายที่พึงเชย อย่ามีคู่เสียเลยจะดีกว่า นี่...
มาพูดเรื่องสากับเรื่องการเตรียมตัวแต่งงานดีกว่า"
"ฮึ สาไม่ได้รักเขาซะหน่อย"
ศรีจิตราเซ็ง
"เขาเองก็ไม่ได้รักสา เขาไม่เคยบอกรักสาซักคำ"
"แต่เมื่อกี้พี่ได้ยินเต็มสองหูพี่ คุณชายรองบอกว่ารักสา คุณตา คุณยาย แม่ ยายพิณก็
ได้ยินทุกคน"
"เรือหางยาวเจ้ากรรม ... พี่ศรีได้ยินจริงหรือคะ"
"ได้ยินซี พี่แอบฟังอยู่ตรงหัวบันได"
"เหมือนสาเลย ฮึ....แต่ถ้าเขารักสา เขาก็ต้องมาบอกกับสาเองซี"
สาลินค้อนกอผักตบ ศรีจิตราอ่อนใจ
ม.ร.ว. บดินทราชทรงพลเดินหน้าหงอยเข้ามาในห้องชายรอง ชายเล็กยืนมองไปนอกหน้าต่าง
"พี่รอง คุณศรีกับคุณแม่ย้ายไปบ้านสวนแล้วหรือฮะ"
"ตอนนี้ก็หนทางสะดวกแล้ว เว้นแต่ว่าเวลานายแวะไปบ้านสวน รถไฟจะชนกัน"
"ปู้โธ่....พี่รอง จนป่านนี้แล้วยังจะมาหึงอะไรผมอีก ผมไม่ได้รักคุณสาฮะ"
"แต่ว่านายรักคุณศรี"
ชายเล็กเขินนิดหน่อย เกือบเอานิ้วมากัด
"นี่แล้วนายจะมามัวรออะไรอยู่ ไม่ต้องมาทำเขิน"
"รอให้เขาเลิกรักพี่รองน่ะซี เขาน่ะรักพี่รองจนถึงขั้นจะโดดให้รถผมชนเชียวนะฮะ"
"นายจะเป็นบ้าเหรอเขาจะมารักฉันได้ยังไง"
ชายเล็กถอนใจลุกขึ้น มาประจันหน้า
"พี่รองไม่รู้อะไร ผู้หญิงน่ะเหมือนกับไม้เลื้อย เมื่อทุกคนบอกว่าพี่รองคือหลัก เขาก็พร้อมจะผูกจะพัน แล้วรักพี่รองเต็มหัวใจ"
"นายนะซีไม่รู้อะไร ผู้หญิงน่ะเหมือนกับไม้เลื้อย ใครอยู่ใกล้เขาก็พร้อมจะเกี่ยวพันรักใคร่ แล้วนายน่ะใกล้คุณศรีมากกว่าฉันซักพันเท่า"
"พี่รองกำลังจะบอกว่า เธอรักผม"
"ใช่ เขาพยายามทำทุกอย่างให้นายรู้ว่าเขารักนาย"
ชายเล็กเกาหัวแกรกกราก
"คุณศรีรักผม "
"ใช่.....เขาพยายามทำทุกอย่าง เพื่อให้นายรู้ว่าเขารักนาย"
"แล้วทำไมพอมาผมเปิดใจว่ารักเขา เขาก็หอบผ้าหนีผมไปเลยล่ะฮะ"
"ฉันจะไปรู้เหรอว่านายไปทำผิดอะไรเข้าตรงไหน แต่ที่คุณศรีบอกกับฉันก็คือ เรื่องอะไรในใจเขา เขาบอกนายไปจนหมดสิ้นแล้ว"
ชายเล็กนิ่งอึ้ง
ชายเล็กเดินครุ่นคิดมาช้า ๆ สมองจวนเจียนจะระเบิด รำพึงเบาๆ
"คุณศรีบอกมาจนหมดสิ้นแล้ว บอกอะไรหว่า"
เขามาหยุดยั้งที่ประตูส่วนต่อกับเทอเรซข้าง เสียงนมย้อยแว่วมา
"เด็ดโกเมศกุสุมา ทำปริศนาแนะให้"
ชายเล็กขมวดคิ้วก้าวออกไป ตรงหน้านมย้อยนั่งอยู่บนเกาอี้หวาย น้อม เจียม 3 นางข้าหลวงใหม่นั่งกับพื้นตรงหน้า ในมือนมย้อยมีหนังสือเก่าเล่มไม่ใหญ่นัก บนโต๊ะมีดอกบัวราว 20 ดอก พร้อมแจกันเปล่า
"อุ๊ย ยังไงคะ"
นมย้อยพลันวางหนังสือ คว้าดอกบัวดอกหนึ่งแล้วพูดคำกาพย์พลางทำท่าไปด้วย
"เด็ดโกเมศกุสุมา ทำปริศนาแนะให้ แกว่งดอกไม้เหนือเศียร"
ชายเล็กเอียงคอฟัง ตาโต
"เวียนเจ็ดรอบเสร็จสรรพ์ เอาบุษบันบรรทับ กับอุระเชยชิด"
นมย้อยเอาดอกบัวมาแนบกับนมย้อย
"แล้วจุมพิตบุปผา ทัดกรรณาแห่งนาง"
นมย้อยเอาดอกบัวมาจูบ แล้วเอามาทัดหู เจียม น้อม 3 ข้าหลวงคิกคัก ดูนมย้อยปล่อยแก่
บดินทร์ก้าวพรวดออกไป นมย้อยชะงักค้างดูงดงามแบบเหี่ยว ๆ
"นมนี่เรื่องอะไรหรือฮะ"
ชายเล็กหยิบหนังสือมาดู นมย้อยดึงดอกบัวจากหู
"ลิลิตเพชรมงกุฎค่ะ"
เจียมบอก
"นางเอกเปรี๊ยว เปรี้ยวเลยค่ะ คุณชายเล็ก เอาดอกบัวมาทำท่าบอกรักพระเอกก่อน"
" มันคล้าย ๆ เรื่องนิทานเวตาลที่คุณศรีเล่าให้ผมฟังเลยฮะ แต่เรื่องนั้นพระเอกชื่ออะไรน้า"
"วัชรมุกุฏค่ะ" น้อมบอก
"ใช่ครับ วัชรมุกุฏ"
"มันเรื่องเดียวกันนั่นแหละค่ะ วัชรมุกุฏกับเพชรมงกุฎ วัชรก็แปลว่าเพชรไงคะ อ้อ
คุณศรีเคยเล่าให้คุณชายฟังหรือคะ"
"ฮะ คุณศรีเล่าให้ผมฟัง แล้วก็...เด็ดดอกบัวมาทำท่าให้ผมดู ทุกขั้นตอนแบบที่นมทำเมื่อกี้ แต่ดู....สวยกว่านิดหน่อย"
นมย้อยค้อน ทุกคนหัวเราะ
"อ้อ แล้วก็ยังนิทานเรื่องที่สิบ ที่พ่อลูกสลับคู่แต่งงานกันแม่ลูก"
นมย้อยตาสว่างวาบ สบตากับน้อม น้อมตบเข่าฉาด
"อุ๊ยตายจริง คุณนมขา นิทานเรื่องที่สิบ แปลว่า"
"อะไรเหรอ ยายน้อม" เจียมถาม
"แม่น้อม พาทุกคนไปดูอาหารเย็นก่อนไป"
"ค่ะ"
น้อมยิ้มแก้มปริ เจียมยิ่งสงสัย ทุกคนออกไป นมย้อยดึงบดินทร์ให้นั่งลง
"คุณชายไม่รู้เลยหรือคะ ว่าคุณศรีเล่านิทานทำไม"
"ผมชักรู้สึกตะหงิด ๆ แล้วฮะ ไหนนมลองทายปริศนาซีฮะ"
"นิทานเรื่องแรกคุณศรีเธอบอกว่าเธอรักเจ้าชายอยู่คนนึง แต่ไม่อาจบอกตรง ๆได้ และเรื่องที่สิบก็บอกว่าคู่ที่วางแผนไว้ อาจมีการสลับคู่กันได้น่ะซีคะ"
ชายเล็กตาสว่างวาบอีกครั้ง โผเข้ากอดนมย้อยแน่น นมย้อยร้องวุ๊ยว้าย
"นม นมฉลาดเหมือนพุทธิศริระ คนสนิทของเจ้าชายเลย"
"ค่ะ ส่วนคุณเล็กก็โง่เหมือนเจ้าชายวัชรมุกุฏไม่มีผิด"
ชายเล็กหอมแก้มนม ฟอดใหญ่ นมหัวเราะชอบใจ
จบตอนที่ 16