สะใภ้จ้าว ตอนที่ 13
ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสงนั่งหน้าบึ้งอยู่ที่หน้ากระจกเงาโต๊ะเครื่องแป้งในห้องแต่งตัว
ผมชื้นหมาดแล้ว สวมเสื้อคลุมอาบน้ำ ชุดราตรีขนนกแขวนอยู่ใกล้ ๆ เธอยกแก้วขึ้นดื่มรวด เริ่มเมา มีความเคลื่อนไหวทางด้านหลัง
"ฉันบอกแล้ว ว่าฉันอยากอยู่คนเดียว"
"รวยเองค่ะ"
หญิงก้อยเลิกคิ้วลุกขึ้นหมุนตัวขวับมา เห็นจรวยยืนยิ้มอย่างมีแผน
ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์แยกออกมาที่โถงด้านนอก มองหาใครบางคน แล้วตะลึงนิ่งงันไป เมื่อสาลินเดินออกมายืนที่โถงเหนือบันได สวมชุดเปิดไหล่และเนินอก รัดเอวคอด ตัวกระโปรงเป็นสุ่มกว้างเหมือนเจ้าหญิงในนิทาน ผ้าไหมทอประกายเลื่อมเหลือบงามระยิบระยับเป็นสีรุ้ง
ชายรองนิ่งอึ้งไป มือเกาะหัวบันไดมองขึ้นไป หน้าเฉยดวงตาระยิบระยับ สาลินมองลงมา ... เห็นชายรองที่ยืนนิ่งนั้นราวทหารเสือรอคุ้มกันเจ้าหญิงสูงศักดิ์ฉะนั้น
สาลินเชิดเล็กน้อย หน้ากึ่งยิ้มกึ่งบึ้งลงบันไดมาช้า ๆ ก้าวมาตรงหน้า
"นี่คุณมาทำอะไรตรงนี้คะ"
"ฉันเมา"
สาลินตาโต มองหัวจรดเท้า ชายรองยิ้มนิดๆ
"ฉันเมาคนในงาน ยิ่งเวลาที่ทุกคนอวดอ้างสรรพคุณตัวเองพร้อม ๆ กัน"
"ความจริงคุณน่าจะชินแล้วนะ เพราะงานของคุณต้องเจอคนแบบนี้อยู่ประจำไม่ใช่หรือ เอ๊ะเมื่อกี้เห็นใส่ชุดมหารเสืออยู่ไม่ใช่เหรอ ทำไมเปลี่ยนซะล่ะ"
"ชั้นขอแต่งเป็นตัวของฉันเองดีกว่า ชั้นเบื่อทำตัวเป็นคนอื่น"
เขาขยับหมวกขนนก สาลินยิ้ม
"ก็เลยกลับมาเป็นคุณชาย"
"ขี้เก๊กงั้นเหรอ"
"คุณพูดเองนะคะ ชั้นไม่ได้พูด"
"นี่ ฉันยังไม่ได้บอกเธอเลยว่า เธอแต่งอย่างนี้แล้วเหมือน"
"เหมือนเจ้าหญิง"
สาลินต่อคำอย่างมั่นใจ ชายรองอึ้ง
"นั่นเธอรอให้นายเล็กชมเธอเถอะ"
สาลินเชิด
"ฉันกำลังจะบอกว่า เธอเหมือนกับเสด็จป้าตอนสาวๆ"
"เดี๋ยวเหาขึ้นหัวฉัน จริงเหรอคะ"
"จริง...เธอแต่งแบบนี้ แล้ว.. สวยดี"
"เป็นเพราะผ้าผืนนี้หรอก นี่ฉันยังไม่ได้ขอบคุณคุณเลย ที่ให้ผ้าผืนนี้ฉัน"
"ฉันให้ประชด เธอไม่รู้เหรอ"
"รู้...แต่ก็ขอบคุณ"
"กลับเข้าไปข้างในเถอะ"
ชายรองยกแขนให้ สาลินลังเลนิดหนึ่งก็เกาะแขนชายรองเดินไป บดินทร์เข้ามาจากอีกทาง
"โธ่ พี่รอง ตัดหน้าเราไปเสียแล้ว"
ศรีจิตราก้าวบันไดลงมาบ้าง เสียงกระพรวนดังกรุ๋งกริ๋งทางด้านหลัง และเสียงแพรส่าย ร่างระหง
ในชุดแพรบางเบาก้าวมาทางด้านหลัง ชายเล็กหันไปแล้วตะลึง
ศรีจิตราในชุดเจ้าหญิงอาหรับ เสื้อตัวเล็กสั้นปักเลื่อมระยิบระยับ กางเกงฮาเร็มบางเบา มี ผ้าบางจากผมยาวลงไประพื้นและทิ้งชายไปเบื้องหลัง มีผ้าปิดหน้าบาง ๆ เห็นเพียงดวงตาที่แต่งจนเข้มจัด ดูงดงามลึกซึ้งระคนลึกลับ ดอกไม้ที่ออกพราวอยู่รอบตัวยิ่งทำให้บรรยากาศดูราวนิทานอาหรับราตรี
"คุณ !"
ศรีจิตราเลิกคิ้วกรายตัวมาใกล้ เสียงกระพรวนเท้าดังกรุ๋งกริ๋ง ยั่วยวน
"สวัสดีครับ"
ร่างนั้นมาหยุดตรงหน้าชายเล็ก
"คุณเป็นใครครับ"
"ฉันชื่อ เซเฮราซาดค่ะ"
ศรีจิตราดัดเสียงฟังดูเซ็กซี่ ชายเล็กยิ้มร่าทันที
"ใช่แล้ว เซเฮราซาด นางเอกในเรื่องอาหรับราตรี นักเล่านิทาน ผมจำได้ คุณศรี"
ศรีจิตราหลุบตาปลดผ้าคลุมหน้าออก แล้วเงยหน้าขึ้นยิ้มนิดๆ ดวงหน้านั้นงดงามสมบูรณ์แบบ
"คุณชาย รู้ได้ยังไงคะว่าเป็นดิฉัน"
"โธ่ มือชั้นนี้แล้ว โอ้โฮ คุณศรีสวยจัง"
ศรีจิตรายิ้มขอบคุณ
"เราไปในงานกันเถอะฮะ"
ชายเล็กยกแขนให้ ศรีจิตราเกาะแขนเดินไปด้วยกัน
ในห้องแต่งตัวจรวยยังสนทนากับ หญิงก้อยอย่างต่อเนื่อง
"จริง ๆ นะคะ คุณชายรองน่ะรักคุณหญิงหมดใจ"
"จะให้ฉันเชื่อเหรอ เมื่อกี้เขาก็เพิ่งตัดบทฉันไป เขาไม่เหลือเยื่อใยกับฉันแล้ว"
"โถ.... จำใจทำน่ะซีคะ เพราะขัดเสด็จไม่ได้ คนที่เขาตัดบทจริง ๆ น่ะ คือแม่สะใภ้เอกต่างหาก เธอไม่ดูดำดูดีตั้งแต่แม่นั่นเข้าวังแล้ว แม้แต่หน้าก็ไม่มองค่ะ"
หญิงก้อยเลิกคิ้วข้างหนึ่ง
"ทั้งที่จะหมั้นจะแต่งกันอยู่นี่นะหรือ"
"มันฝันไปฝ่ายเดียวน่ะซีคะ สองยายแก่มันหวังจะใช้หลานมาฮุบสมบัติเสด็จ แถมยังเอาแม่น้องสาวมายัดเยียดให้คุณชายเล็กอีกนะคะ"
หญิงก้อยยิ้มหยัน
"มิน่าเล่า นังน้องสาวน่ะกล้าเถียงฉันคำไม่ตกฟาก มันร้ายกว่าพี่สาวมันด้วยซ้ำ"
"ร้ายทั้งพี่ทั้งน้องค่ะ นังคนพี่ ขนาดยังไม่ได้ตกได้แต่ง งานการไม่เคยแตะ วัน ๆ คอยแต่แต่งตัวยั่วคุณชาย เปลี่ยนชุดวันละ 4-5 ชุด หม่อมอำพันน่ะชังมันมากนะคะ ตั้งแต่เข้ามาอยู่ในวัง หม่อมเสียไพ่ตลอด ก็เลยเรียกมันว่านังตัวขัดลาภ" จรวยสะอื้น
"เธอเป็นอะไรจรวย"
จรวยสะดุ้งอีก กรายมาเป่าหูอีกข้าง
ที่นอกห้อง ม.ร.ว. ดิเรกราชวิทย์เดินหา เห็นจรวยอยู่กับหญิงก็แอบฟัง
"จรวยจะรอให้ถึงวันที่เสด็จทรงรู้เช่นเห็นชาติ แล้วตะเพิดมันไปจากวัง"
"จะมีวันนั้นจริงเหรอ"
"มีซีคะ ก็วันที่คุณหญิงคืนดีกับคุณชายไงคะ ทุกอย่างก็จะลงเอย ไม่มีโอกาสไหนจะดีเท่าคืนนี้ คืนที่คุณชายรองกับคุณหญิงคือ ราชา ราชินีของงาน"
จรวยเป่าหูแทบหมดแรง หญิงก้อยมองกระจก ไหล่ยืดตรง หน้าเชิด ปากคลี่ยิ้มพริ้มพราย
ที่นอกห้อง ชายโตไม่พอใจมาก
"ขอบใจมากจรวย ถ้าเธอไม่บอกฉันคงไม่รู้ความจริงเรื่องนังสะใภ้เอกกับน้องสาวมัน มีอะไรที่ฉันจะตอบแทนเธอได้บ้างไหม"
"ไม่ต้องหรอกค่ะ จรวยขอแค่.....เออ เสื้อคลุมขนนกนี่ได้ไหมคะ"
"เอาไปซี ฉันยกให้"
"ขอบคุณค่ะ"
จรวยเอาเสื้อคลุมขนนกมาใส่ หมุนตัวไปมาหน้ากระจก ดิเรกมองส่ายหน้าแล้วแยกไป
กลางฟลอร์ มีหลายคู่เต้นวอลทซ์กันอยู่
เสด็จพระองค์หญิงทรงจับมือสองข้างของสาลิน พิศดูทั่วสรรพางค์ สาลินเขินได้แต่ยืนยิ้ม ชายรองอยู่ใกล้ ๆ ยิ้มน้อย ๆ แต่ดวงตาพราว เสด็จทอดเนตรสาลินแล้วทรงรำลึกถึงตัวเองสมัยเด็กสาว พระเนตรรื้น
"วันก่อนว่าสวยแล้ว แต่วันนี้สวยยิ่งกว่า เหมือนก้าวออกมาจากเทพนิยาย"
"ใต้ฝ่าพระบาทก็ทรงพระสิริโฉมเหลือเกินเพคะ"
"ฉันแต่งเป็นนางฟ้าแม่ทูนหัว เป็นตัวประกอบเท่านั้นแหละ"
"ไม่หรอกเพคะ ถ้าไม่มีนางฟ้าแม่ทูนหัว เรื่องบางเรื่องก็คงไม่เกิดขึ้น"
เสด็จทรงพระสรวล ยกคฑาเพชรวูบวับขึ้นโบก
"ฉันเองก็อยากโบกคฑาให้ทุกเรื่องจบอย่างมีความสุขเหมือนกัน" แล้วถามชายรอง "เอ...นี่เจ้า
เล็กอยู่ไหนล่ะนี่"
"เกล้าเห็นวน ๆ อยู่แถวนี้แหละพะยะค่ะ"
ม.ร.ว. บดินทรราชทรงพลพาศรีจิตราเข้ามาในโถง สอางค์ สร้อยเข้าถึงตัว
"คุณเล็ก มาหลบอยู่ตรงนี้กับยายศรีนี่เอง มาค่ะ มานี่เดี๋ยวนี้เลย"
"จะพาผมไปไหนครับ"
"ก็พาไปรู้จักยายสาไงคะ" สร้อยบอก
"หา คุณสา"
สองป้าลากชายเล็กตรงไปที่ประทับเสด็จ ชายเล็กรีบสวมหน้ากาก ศรีจิตราตามมา ชายรองหันมาเห็นพอดี
"มานั่นแล้วพะย่ะค่ะ"
ชายเล็กพยายามขืนตัวเพราะเห็นสาลินจ้องเขม็ง
"เข้าไปค่ะคุณเล็ก ไปเดี๋ยวนี้" สอางค์บอก
"มาได้แล้วนะเจ้าเล็ก"
สาลินมองบชายเล็กอย่างคุ้นตา
"ถ้าวันนี้เจ้ายังโยกโย้อีก ป้าจะโบกคฑาสาปเจ้าให้กลายเป็นคางคกเลย คอยดู"
ชายเล็กทำเสียงใหญ่ทุ้ม
"ไม่โยกโย้แล้วพะย่ะค่ะ"
"งั้นก็ทำความรู้จักกันเสียซี สาลินนี่คุณชายเล็ก หม่อมราชวงศ์บดินทราชทรงพล วุฒิวงศ์ ศรีจิตราช่วยแนะนำสาลินที"
"เพคะ คุณชายคะนี่ สาลิน ภักดีนฤนาถ น้องสาวดิฉันเองค่ะ"
"สวัสดีค่ะ คุณชาย"
สาลินไหว้ ชายเล็กรับไหว้ทำท่าโก้ จนชายรองเขม่น
"สวัสดีครับน้องสาลิน งามไม่แพ้กันเลยนะครับ คนนึงงามอาหรับราตรี อีกคน
งามเหมือนซินเดอเรลล่า"
"งั้นดิฉันต้องรีบออกจากงานก่อนเที่ยงคืนซีคะ ไม่งั้นจะกลายร่างเป็นนางขี้เถ้า"
ทั้งหมดหัวเราะ สร้อยหัวเราะเจื่อน หมั่นไส้สาลินที่ดูช่างจำนรรจาเกิน
สร้อยตัดบท
"ถ้าอย่างนั้น....คุณชายพาน้องสาลินออกไปแดนซ์เลยซีคะ"
"เป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ"
ชายเล็กโค้งให้สาลิน พาควงออกฟลอร์ไป ทุกคนมองตามโล่งอก ชายรองมองน้องชายอย่างสงสัยเล็ก ๆ เสด็จหันมาถาม
"เจ้าเล็กเป็นอะไร แปลกๆ"
"เกล้าก็ว่าอย่างนั้นพะยะค่ะ"
"เมื่อกี้ก็ยังดีดีอยู่นะเพคะ"
"คงตื่นเต้นกระมังคะ"
"ศรีจิตรา อาหรับราตรีเรื่องไหนกันล่ะ"
"หม่อมฉันเป็นนางผู้เล่านิทานเพคะ เซเฮราซาด"
"พันหนึ่งราตรีนั่นเอง เข้าใจแต่งนะ งามเหลือเกิน ชายรองพาน้องออกไปเต้นรำเถอะ"
"พ่ะย่ะค่ะ"
ชายรองโค้งพาศรีจิตราออกไป สอางค์ สร้อยมองตามอย่างโล่งอก เสด็จมองทั้งสองคู่อย่างประเมิน
"เฮ้อ.....ในที่สุดก็เข้าคู่กันได้เสียทีเพคะ งามสมกันจริง ๆ"
"คุณเล็กกับยายสา แรกพบประสบพักตร์ ก็ดูเหมือนจะตกหลุมรักกันและกันแล้ว" สร้อยว่า
"ประสบพักตร์ไหนล่ะแม่สร้อย สาลินยังไม่ได้เห็นหน้าจริงเจ้าเล็กสักหน่อย ดูซี เจ้าเล็กไม่ยอมถอดหน้ากากเสียที"
"จริงด้วยเพคะ" สอางค์ว่า
"คงอายน่ะเพคะ แหม.....เพิ่งพบหน้ากันครั้งแรก"
สอางค์เช็ดน้ำตา
"เห็นแล้ว อดนึกถึงเสด็จพระองค์ชายไม่ได้ โธ่....ไม่น่าพระชนม์สั้นเลย"
เสด็จ สร้อยมองสอางค์อย่างเบื่อ ๆ
3 คู่อยู่กลางฟลอร์ ชายรองกับศรีจิตรา
ชายเล็กกับสาลิน ศุภรกับหญิงกลาง ถัดไปเห็น เลื่อมประภัส กับฉัตรอาชาเต้นอยู่เช่นกัน เลื่อมประภัสอยู่ในชุดราตรีแส็คสั้น ส่วนฉัตรอาชาแต่งเป็นชุดทหารเลว มีสายสะพายสีม่วงพาดกลางลำตัว
ชายเล็กดัดสียงใหญ่
"เดบูตอง งานเต้นรำครั้งแรกของเธอใช่ไหม"
"ใช่ค่ะ"
"ก็นับว่าเธอเต้นรำได้ดีทีเดียว"
"ขอบคุณค่ะ เอ....เราเคยรู้จักกันมาก่อนรึเปล่าคะคุณชาย"
"ทำไมเหรอ"
"ทำไมดิฉันคุ้น ๆ เหมือนเราเคย"
"เคยทานข้าวเสียโป แล้วก็เคยไปนั่งกินเมี่ยงคำที่บ้านสวนของเธอออกบ่อย"
"คุณพล !"
ชายเล็กเปลี่ยนเสียงเป็นปรกติทันที
"ครับ ผมเอง"
ชายเล็กถอดหน้ากากทันที ชายรองกับศรีจิตรามองมา
"นี่หมายความว่ายังไง ที่แท้คุณคือคุณชายเล็กงั้นเหรอ"
"ไม่ใช่อย่างนั้นครับ ผมก็คือนายพลนั่นแหละ เพียงแต่คืนนี้ผมนัดกับเจ้าคุณชาย เราแต่งตัวเป็นคู่แฝดเเหมือนกันเป๊ะ"
"แล้วคุณหลอกทุกคนในงาน หลอกแม้กระทั่งเสด็จป้า"
ชายเล็กมองไปรอบ ๆ ห้อง
"อุ๊ย คุณเล็กเปิดหน้ากากแล้วเพคะ"
"ไม่แค่ประสบพักตร์แล้วเพคะ ประสานเนตรกันแล้วด้วย"
เสด็จยังมองอย่างไม่วางใจ แย้มโอษฐ์เล็ก ๆ ราวรู้ทัน สาลินมองหาใครบางคน
"นี่คุณมองหาใคร"
"หาอีตาคุณชายเล็กน่ะซี ทุกๆคนอยากให้ฉันรู้จักอีตาเพื่อนคุณ ฉันก็จะรู้จักให้สิ้นเรื่องไป อยู่ตรงไหนน่ะ"
"หลบ ๆ อยู่ครับ อย่าเพิ่งเจอมันเลย คุณก็บอกทุกคนไปว่าคุยกับผม เอ๊ย กะคุณชาย
เล็กแล้ว"
"แล้วถ้าใครไปถามคุณชายเล็กล่ะ"
"ผมก็จะเตี๊ยมกับมันให้บอกแบบคุณ มันเองก็เกลียดที่ใครมาคอยจับคู่เหมือนกัน"
ชายโตถือแก้วเหล้าเดินเซมา ชายเล็กสะดุ้งเฮือก
"นายเล็ก เห็นจรวยไหม"
"ไม่เห็นครับพี่"
"เมื่อกี้อยู่ห้องแต่งตัว แว่บเดียวหายไปไหนแล้ว"
ชายโตเดินเซไป สาลินมองเขม็ง
"ยังไงกันแน่คะ ทำไมคุณชายโตเรียกคุณว่านายเล็ก"
"ก็.....คุณชายโต...ยังจำผมผิดเลย"
"ทั้งที่คุณไม่ใส่หน้ากากนี่นะ"
"โธ่ พี่โตเมาง่อกแง่กขนาดนั้น ตาคงลายนะฮะ แล้วผมกับไอ้เจ้าคุณชาย หล่อละม้าย ๆ กันน่ะ ดูเผิน ๆ เราเหมือนคู่แฝดเลยนะฮะ"
ชายเล็กรีบใส่หน้ากาก สาลินคลายใจ มองไปทางชายรองและศรีจิตรา
"ดีเลย ฉันจะได้แนะนำให้คุณรู้จักพี่ศรี ฉันโฆษณาสรรพคุณคุณดีเกินจริงเอาไว้แล้วล่ะ"
ชายเล็กหุบยิ้ม
"จะแลกคู่กันเหรอครับ"
"ใช่แล้ว ฉันไม่อยากให้พี่ศรีต้องเต้นกับคุณชายรองนาน ๆ แบบนี้"
"ได้ครับ อย่าลืมนะครับ บอกไปว่าผมคือคุณชายเล็ก"
"ได้ค่ะ ฮิฮิ สนุกดี"
ม.ร.ว. บดินทราชทรงพลพาสาลินตรงมายังคู่ชายรองกับศรีจิตรา แล้วทำการแลกคู่ ชายเล็กเข้าเต้นกับศรีจิตรา สาลินเต้นกับชายรองต่อ
ชายรองมีสีหน้าดูสดชื่นอย่างเห็นได้ชัด
"ไง เธอเจอนายเล็กแล้วซี"
"ค่ะ"
"เห็นคุยกัน หัวเราะร่วนเป็นไข่เค็ม ทำเหมือนรู้จักสนิทสนมมาแรมปี"
"เพราะคุณชายเล็กนิสัยดีมั้ง"
"ไม่เหมือนฉันซีนะ"
"คุณรู้ตัวก็ดีแล้วนี่"
กิตติพาสาลินหมุนจนเซ สาลินตาวาว
"นี่คุณ !"
สาลินมองไปเห็นชายเล็กเต้นอยู่กับศรีจิตรา คุยกันอย่างสนิทสนม
"ดีจัง รู้จักกันแล้ว"
"ใครรู้จักใคร"
"นายพลกับพี่ศรี"
"หืมม์ นายพลมาในงานด้วยเหรอ"
"ปละ เปล่าค่ะ หมายถึงคุณชายเล็กกับพี่ศรี"
ด้านชายเล็กกับศรีจิตรา
"เป็นยังไงคะ รู้จักยายสาแล้ว"
"น่ารักดีครับ เออ....เป็นไงบ้างครับ เวลาที่เราได้ทำตัวเป็นคนอื่น"
"สนุกดีค่ะ เหมือนอยู่ในความฝัน"
ศรีจิตราดวงตาวาววาม
"แหม ผมไม่ใช่เจ้าชายในฝันอย่างพี่รองซะด้วย"
"คุณชายทราบได้ยังไงคะว่าไม่ใช่"
"โธ่ ใครเขาก็บอกว่าผมน่ะมัน คุณชายนอกคอก"
"ผู้หญิงคนนึง ก็มีความฝันแบบนึง ผู้หญิงแต่ละคนก็มีความฝันของตัวเอง"
ศรีจิตรามองหน้าชายเล็ก ดวงตาระยิบระยับเป็นประกายกล้า
"คุณชายต้องเป็นเจ้าชายในฝันของผู้หญิงบางคนแน่ค่ะ"
ชายเล็กสะดุดไปนิดหนึ่ง
ชายรองกับสาลินเต้นรำกันอยู่ ด้านหลังเห็นคู่ เลื่อมประภัส ฉัตรอาชา เต้นอยู่ไม่ห่าง
"เด็จป้าตรัสให้ฉันเต้นรำกับศรีจิตรานะ เธอมาขอแลกคู่ทำไม"
"ฉันไม่อยากให้คุณเต้นกับพี่ศรีนาน ๆ"
"ทำไม นี่เขาเป็นว่าที่คู่หมั้นของฉันนะ"
"บอกแล้วบอกอีก ฉันไม่อยากได้คุณเป็นพี่เขย คุณควรกลับไปคืนดีกับคุณหญิงก้อยได้แล้ว คืนนี้ได้ยิ่งดี"
เลื่อมประภัส ฉัตรอาชา อ้าปากค้าง อุทานออกมาเบา ๆ ชายรองและสาลินหันขวับมามอง ฉัตรอาชารีบทำไม่รู้ไม่ชี้ แล้วรีบแยกตัวไป
"คงยาก เมื่อกี้ฉันก็เพิ่งทะเลาะกับเขามา สาเหตุมาจากเธอ"
"ฉันทำไม"
"ก็เธอไปแกล้งเขาจนตกน้ำตกท่า"
"ที่เขาไปด่าฉันที่ห้องสมุด ฉันพอให้อภัยได้ แกล้งทำการแสดงของฉันเกือบล่มก็พอทนได้ แต่ที่เขามาว่าพี่ศรี ฉันไม่มีวันยอมเด็ดขาด ยังไงฉันก็ต้องเอาคืน"
ชายรองมองขัน ๆ
"นี่ คืนนี้ยังอีกยาวไกล คุณน่าจะมีโอกาสคืนดีกับคุณหญิงได้"
"ใครบอกว่าฉันจะคืนดี"
"ฮึ ก็คุณรักเขาจะเป็นจะตาย เขาเองก็รักคุณหวงคุณ ไม่งั้นคงจะไม่มาอาละวาดกับฉันขนาดนั้น"
ชายรองมองลึกลงในดวงตาสาลิน
"นี่ อย่ามาทำเป็นรู้ดีในจิตใจคนอื่นเลย เพราะบางครั้ง ฉันยังไม่รู้ใจตัวเองเลย"
สาลินหลบตา
"เธอห่วงแค่เรื่องพี่สาวตัวเองงั้นหรือ"
"ใช่....พี่สาวฉันใครเข้าใกล้ก็หลงรัก เดี๋ยวคุณมาหลงรักพี่สาวฉัน"
ชายรองทำหน้าเบื่อนิดหนึ่ง
"หรือไม่ พี่สาวฉันก็อาจมาหลงรักคุณ"
คราวนี้ชายรองทำหน้าครึ่งยิ้มครึ่งบึ้ง
"ทำไม หรือว่าพอใครเข้าใกล้ฉัน ก็มาหลงเสน่ห์ฉันหมด"
"ฮึ อย่าหลงตัวเองนักเลย เพราะพี่สาวฉันเขาถูกสั่งมาให้เตรียมพร้อมที่จะรักคุณอยู่แล้วต่างหาก"
เขายิ้มนิดๆ
"อีกอย่าง เขาก็ไม่ค่อยได้รู้จักผู้ชายที่ไหน"
ชายรองหุบยิ้ม
"อ้อ ไม่ได้เจนจัดเหมือนเธอซีนะ"
สาลินตาวาว ยิ้มเหี้ยม จงใจเหยียบเท้าชายรองจนร้องอุ๊บ
"ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ"
ชายรองกระชากสาลินหมุนไปตามจังหวะ สาลินเซมาเข้าอ้อมอก เขาแทบจะจูบผมเกล้า
"ขอโทษ ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจเหมือนกัน"
ชายรองเป็นประกายกล้าขึ้น สาลินรู้สึกวูบวาบจนต้องเมินไป
เสด็จทรงทอดพระเนตรในฟลอร์อย่างสุขพระทัย สร้อยและสอางค์อยู่ใกล้ ๆ มาลา วรรณาคลานเอาหูฉลามมาเสิร์ฟ
"ชายรองกับเจ้าเล็กนี่เท้าไฟทั้งคู่"
ชายรองพาสาลินเต้นรำคล่องแคล่ว ชายเล็กกับพาศรีจิตราฉวัดเฉวียน
สร้อย สอางค์สบตากัน
"ทำไมเป็นอย่างงี้ล่ะ" สอางค์ว่า
"นั่นซีคะ หนูก็งง" สร้อยบอก
"มันผิดฝาผิดตัว ยังไงชอบกลนะคะ" มาลาบอก
"นี่แหละค่ะชีวิต ไม่มีอะไรกะเกณฑ์ได้หรอก"วรรณาบอก
วรรณาพูด Theme เรื่อง สร้อย สอางค์ มาลามอง มีอาการอยากตบ
ชายเล็กพาศรีจิตรามาที่โต๊ะดินเนอร์ริมฟลอร์ บริกรถือถาดน้ำผ่านมา ชายเล็กคว้ามา ทั้งคู่นั่งลง เขาส่งน้ำให้
"คุณศรีเหนื่อยหรือเปล่านี่"
"ไม่ค่ะ"
"แต่ทำไมคุณศรีหน้าแดงจัง"
ศรีจิตราไม่ตอบ จิบน้ำแล้วมองไป
"คุณชายรองพายายสามาแล้วค่ะ"
กิตติพาสาลินเดินมาตรงมาที่โต๊ะ ชายเล็กตาเหลือกเหลียวซ้ายแลขวา เป็นจังหวะที่ ม.ร.ว. ศศิรัชนีเดินมาทางด้านนี้พอดี ศุภร ตามมาห่าง ๆ ชายเล็กก้าวพรวดมาขวางหน้า
"นายเล็ก"
"เร็ว เต้นรำกัน"
ศรีจิตรามองดูชายเล็กกับหญิงกลาง ใจวูบด้วยความหวง ชายรองกับสาลินมาถึงโต๊ะ จังหวะเดียวกับ ศุภรมาถึงพอดี
"สาเหนื่อยจังเลย พี่ศรี หิวด้วย"
ศรีจิตราดึงสาลินมานั่ง ส่งแก้วน้ำหวานของชายเล็กให้
"เอานี่ไปก่อนจ้ะ"
สาลินคว้ามาดื่มอั้กๆๆ ลืมความเป็นเจ้าหญิงไปชั่วขณะ แล้วนึกได้ ชายรองมองนิ่งอยู่ สาลินชะงักรีบทำจิบ
"ไอ้หม่อม สาว ๆ หิวน้ำแล้ว เดี๋ยวผมไปหาเครื่องดื่มกับของว่างให้นะครับ"
"ขอบคุณค่ะคุณศุภร"
กิตติกับศุภรแยกไปที่เคาน์เตอร์น้ำ สาลินเหลียวหาของกิน ศรีจิตราจับต้นแขน
"สา....คุณชายเล็กเป็นยังไงบ้าง"
"ไม่รู้ค่ะ สายังไม่เจอเลย"
ศรีจิตราโล่งอก ยิ้มออก
"แต่เมื่อกี้เค้าเต้นรำกับสานะ"
"ใครบอก สาเต้นรำกับคุณพลต่างหาก แล้วเมื่อกี้เค้าก็เต้นรำกับพี่ศรีด้วย"
"พี่เต้นรำกับคุณชายเล็กต่างหาก"
"แสดงว่าเค้าแต่ตัวคล้ายคุณพล"
ศรีจิตรากลับทุกข์ทน รีบมองไปยังฟลอร์ เห็นชายเล็กกับหญิงกลางเต้นคู่กัน กำลังหัวร่อต่อกระซิก
ศรีจิตราหน้าเครียดขึ้น กลางฟลอร์ ทั้งคู่คุยกัน
"ว่าที่พี่สะใภ้เธอสวยจังเลย"
"แล้วคนน้องล่ะ"
"น่ารักดี คนนี้น่ะเหรอที่เด็จป้าทรงอยากจับคู่ให้เธอ"
"ฮื่อ ความจริงฉันน่ะชอบเขามาตั้งนานแล้วล่ะ แต่เขายังเด็กเกินกว่าจะรักใคร"
หญิงกลางเหลือบดูสาลิน ศรีจิตรา
"ไม่เด็กแล้วล่ะ นี่น่ะสาวเต็มตัวแล้ว"
"แล้วเธอล่ะ เต้นกับเฮียศุภรไม่ยอมเลิกเลยนะ"
"เฮีย เอ๊ย คุณศุภรเขาไม่เลิกเองต่างหากล่ะยะ"
"เดี๋ยวถ้าเพลงจังหวะ รุมบ้า หรือมัมโบ้ เธอปล่อยลีลาให้สุดเหวี่ยงเลยนะ รับรอง เฮียศุภรต้องบอกผู้ใหญ่ไปสู่ขอเธอกับท่านพ่อ พรุ่งนี้ มะรืนนี้เลย"
"นายเล็ก ตาบ้า "
หญิงกลางทุบอกชายเล็กผลั่ก บดินทร์ร้องโอ๊ย เหมือนคู่รักสัพยอกหยอกเย้า ศรีจิตราหน้าซีดลง สาลินกำลังสาละวนกับอาหารแขก เอาโรตีจิ้มน้ำดาลเข้าปาก เคี้ยวกร้วม ๆ
"พี่ศรี คุณพลเป็นไงบ้าง"
"คุณพลเพื่อนสาน่ะหรือ เขามาด้วยเหรอสา"
"อ้าว.....มาซี ก็เขาเต้นรำอยู่กับพี่ศรีไง"
"พี่เต้นรำกับคุณชายเล็กต่างหากสา"
"ตายแล้ว แสดงว่าหน้าตาละม้ายกันจริง ๆ พอคุณพลใส่หน้ากาก ทุกคนเข้าใจผิดว่าเป็นคุณชายเล็กหมดเลย แม้แต่เสด็จ"
ศรีจิตรายิ่งงงและสงสัย
"สาว่าอะไรนะ"
สาลินยังไม่ทันอธิบาย เสียงหญิงกลางหัวเราะกับชายเล็กเต้นรำคลอเคลียดูใกล้ชิด ศรีจิตราทนดูไม่ได้
"สา พี่ออกไปสูดอากาศข้างนอกก่อนนะ"
ศรีจิตราลุกไปทันที สาลินมองหาคนแต่งชุดทหารเสืออื่น ๆ
"เอ.....แล้วอีตาคุณชายเล็กอยู่ไหนล่ะ"
วิรงรองอยู่ที่เทอเรซด้านนอก เลื่อมประภัส ฉัตรอาชาซุบซิบเรื่องที่ได้ยินมาจากสาลินพูดกับชายรองเมื่อครู่ ทั้งสามหันกลับไป พบม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสงอยู่ในชุดราตรียาว ส่วนผ้าคลุมขนนกนั้นกลับไปอยู่บนร่างของจรวย ทั้งสองนางยืนโพสอยู่
"ชุดขนหงส์เหมาะกับจรวยจริงๆ"
วิรงรองถาม "ทำไมหญิงไม่เข้าไปในฮอลล์เต้นรำล่ะจ๊ะ"
"เธอคิดว่าโชว์ที่เราจบด้วยการตกลงในบ่อน้ำพุ น่าขายหน้าขนาดนั้น จะทำให้ฉันกล้าสู้หน้าคนอีกงั้นเหรอ ไม่หรอก ฉันไปรอที่สนามหน้าตึกดีกว่า"
"หญิงจะมารอใคร หรืออะไรเหรอคะ"
"เดี๋ยวจะมีการยิงพลุกันที่สวนหน้าตำหนักค่ะ เราไปรอดูพลุที่นั่นกันดีกว่า"
"ขนห่านนั้นเหมาะกับเธอนะ"
จรวยพาหญิงก้อยแยกมา
"โถ.....แม่คุณหญิงหน้าบาง ทีอย่างนี้ละอาย แต่ไม่อายเมื่อลดตัวลงไปคบกับนังเมียบ่าว ใฝ่ต่ำ"
อีกมุมของสวน ทั้งคู่เดินมาด้วยกัน
"เดี๋ยวคุณชายก็ต้องออกมาชมพลุกับเสด็จ นี่ล่ะค่ะคือโอกาสของคุณหญิง"
"แล้วฉันจะจำได้ยังไงว่าคุณชายรองแต่งเป็นทหารเสือคนไหน แต่งกันเป็นสิบ ๆ คน เหมือน ๆ กันไปหมด"
"จำไว้เลยค่ะ คุณรองใส่สายสะพายสีเขียวค่ะ สีเขียวเท่านั้น"
"ได้ ได้ สีเขียวเท่านั้น"
เสียงห้าวของ ม.ร.ว. ดิเรกราชวิทย์ดังขึ้นเบื้องหลังสองสาว เมาจนเดินเซ
"จรวย มาทำอะไรแถวนี้ อ้อ....โทษครับคุณหญิงก้อย ขอคุยส่วนตัวกับเมีย เอ๊ย กับจรวยหน่อยครับ"
"ไม่เป็นไรมิได้ค่ะคุณชายโต ตามสบายค่ะ"
หญิงก้อยแยกไป จังหวะนี้กลุ่มวิรงรอง เลื่อมประภัส ฉัตรอาชาเดินกรายเข้ามาดูห่าง ๆ
"มีอะไรคะคุณชาย"
"จรวย ฉันได้ยินนะเธอไปพูดยุแยงอะไรคุณหญิงก้อย"
"ยุแยงอะไร จรวยเปล่านะ"
"ไม่ต้องมาเถียง เพราะเธอทำตัวแบบนี้นี่แหละ คนเขาถึงดูถูก แล้วพาลดูถูกมาถึงผัวอย่างฉันด้วย"
"ดูถูกไปถึงคุณชาย เรื่องอะไรกันคะ"
"ทุกเรื่องที่เธอทำ ที่เธอคิดนั่นแหละ หน้าที่การงานของฉันไม่เจริญก้าวหน้าก็เพราะได้เมียบ่าวอย่างเธอมาตบแต่ง"
จรวยกรี๊ดแล้วตบหน้าชายโตฉาดใหญ่ จรวยเข้าตะกุย กรี๊ดลั่น วิรงรอง เลื่อมประภัส ฉัตรอาชา รีบวิ่งเข้ามาห้ามทัพ สายสะพายสีแดงของชายโตหลุดลุ่ยกับพื้น เช่นเดียวกับเสื้อคลุมขนห่านของเทพีเพ็ญแสง ที่หลุดจากร่างจรวย ฉัตรและเลื่อมเข้าดึงร่างชายโตออก วิรงรองดึงร่างจรวยออกมา
"มีอะไรค่อยพูดค่อยจากันดีกว่านะคะ อย่าทะเลาะกันเหมือนไพร่....เอ๊ย...เหมือนชาวบ้านเลยค่ะ"
"ถ้ารวยเป็นตัวถ่วงทำให้คุณโตไม่เจริญก้าวหน้า ก็หย่าขาดกันไปเลยซีคะ รวยก็ไม่อยากเป็นสะใภ้จ้าวนอกคอกแบบนี้เหมือนกัน"
จรวยสะบัดวิ่งไปทางเดียวกับหญิงก้อย ชายโตนิ่งงัน เลื่อมประภัสเก็บสายสะพายขึ้นมา
"สายสะพายฉีกขาดหมดแล้วค่ะคุณชาย"
"ช่างมันเถอะครับ"
ฉัตรอาชาจับต้นแขนดิเรก รู้สึกถึงกล้ามแน่นปั๊ก
"อุ๊ย....งั้นใส่สายสะพายของฉัตรก็แล้วกัน"
ฉัตรอาชารีบถอดสายสะพายสีม่วงของตนออก แล้วทำการใส่ให้ดิเรกอย่างบรรจง และล่วงเกิน ลูบแผงอกบ้างอะไรบ้าง เลื่อมประภัสช่วยด้วย ลูบคลำด้วย
"หล่อเหมือนเดิมแล้วล่ะครับ"
"พวกคุณใจดีจัง เป็นคนอื่นแท้ ๆ แต่ใจดี แต่เมียผม ทำไมมันใจร้าย"
"ครับ จะใจดีกว่านี้นะครับ ถ้ายอมให้ฉัตรสนตะพาย เอ๊ย คล้องสายสะพายให้อีก"
"ขอบคุณครับ ผมไม่รบกวนแล้ว"
ชายโตเซไปอีกทาง
"แหม...นังฉัตรอาชา นังเลื่อมได้ทีเชียวนะ"
"เป็นโอกาสของฉัตรและเลื่อมแล้วครับ"
"ย่ะ โอกาสมาถึงเรา ตอนผู้ชายเมาค่ะ"
ทั้งสามหัวเราะลั่น วิรงรองมองไปที่เสื้อคลุมขนห่าน
"อุ๊ย เสื้อคลุมขนห่าน"
"เอาไปคืนคุณหญิงเถอะค่ะ ดีกว่าเอาไปให้นังสะใภ้ไพร่คนนั้นมันสวม"
ทั้งสามหัวเราะร่ากันอีกครั้ง
ศรีจิตราในชุดเซเฮราซาดนั่งอยู่ริมน้ำ มองดูเงาสะท้อนของตัว ดวงตาเศร้า
"คุณหญิงกลางคงเป็นคนรักของคุณใช่ไหมคะ คุณเล็ก"
น้ำตาหยดหนึ่งไหลรินจากตาหยดลงน้ำ เงาสะท้อนศรีจิตราพลันพร่าไหวเป็นระลอก เมื่อน้ำคืนสภาพสงบนิ่ง กลับมีร่างในชุดทหารเสือยืนอยู่ข้างหลัง
ศรีจิตราเบิกตากว้าง หันขวับมา บดินทร์พลันนั่งลง
"ทำไมมาแอบอยู่คนเดียวมืด ๆ ตรงนี้ล่ะฮะ"
"ฉันมึนศีรษะค่ะ"
"เป็นอะไรฮะ เมาคน เมาอาหาร หรือเมาแชมเปญ"
ศรีจิตราหัวเราะออก
"ถูกทุกข้อมังคะ แล้วคุณเล็กล่ะคะ เออ...ไม่เต้นรำกับคุณหญิงกลางต่อเหรอคะ"
"อ๋อ....หญิงกลางไม่ถนัดเต้นรำหรอกครับ เธอถนัดเรื่องเข้าครัวเสียมากกว่า กับข้าวคาวหวานที่หญิงทำ อร่อยทุกอย่างเลยนะครับ คุณศรีต้องทานเค้กสายรุ้งของเธอ อร่อยจนลืมไม่ลง"
ศรีจิตราอยากจะร้องไห้ออกมา
"ลืมไม่ลงเลยเหรอคะ"
"ครับ ลืมไม่ลงจริง ๆ"
ศรีจิตรายิ่งเศร้า บดินทร์มองดูแล้วงันไป เพราะยิ่งเศร้าก็ยิ่งสวยซึ้ง
ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์พาสาลินออกมาเดินเล่นในสวนสวยหน้าตำหนัก แขกในงานทะยอยออกมาบางคู่ สาลินมองดูกิตติ พูดในใจ
"มีรอยโกนหนวดเขียวๆด้วย"
สาลินเคลิ้ม เผลอยิ้มออกมา
"ตัวก็ฮ้อมหอม"
สาลินถอนใจ หน้าหม่นลง
" ถ้าปล่อยให้เข้าใกล้พี่ศรีมาก ๆ พี่ศรีต้องหลงรักแน่"
สาลินหน้าบึ้ง โกรธโลก
"นี่เธอเป็นอะไร"
สาลินสะดุ้ง
"ทำไม ฉันเป็นยังไง"
"ก็แค่วินาทีเดียว หน้าเธอเปลี่ยนไปตลอด เดี๋ยวยิ้ม เดี๋ยวกังวล เดี๋ยวก็บึ้ง"
สาลินใจวูบ รีบทำโกรธกลบเกลื่อน
"นี่ คุณว่าฉันคุ้มดีคุ้มร้ายเหรอ คุณต่างหากที่คุ้มดีคุ้มร้าย"
ชายรองเลิกคิ้ว
"ยังไง"
"ก็แต่ก่อนนี้ คุณเคยพูดดี ทำดีกับฉันที่ไหน เพิ่งจะมีวันนี้นี่แหละที่คุณไม่อาละวาด
จิกกัดฉัน ทำตัวเป็นเจ้าชายได้ตลอด"
"ปรกติฉันเป็น “อสูร” เดอะบีสต์น่ะซี"
"ใช่ คุณน่ะเป็นเจ้าชายที่ถูกสาปเป็นอสูรร้าย"
สาลินพูดเล่น
"เรื่องมันเป็นยังไงนะ วันหลังเธอเล่าให้ฉันฟังบ้างซี"
"ไม่เอา ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคุณไม่รู้จักเรื่องนี้"
"ทำไม"
"ก็คุณนะฉลาด แล้วก็รู้มากจะตาย"
"ความรู้มาก ไม่ใช่รู้มาก"
สาลินเชิดใส่
วิรงรองสวมเสื้อคลุมกลับคืนให้เทพีที่ยืนโงนเงน มือถือแก้วไวน์ ยกดื่มตลอด
"อากาศเย็นนะคะหญิง ใส่เสื้อคลุมเสีย"
"แล้วชายรองอยู่ไหนล่ะติ่ง
"อุ๊ย....ไม่ทราบหรอกค่ะ"
"ใส่หน้ากากให้ฉันหน่อย ฉันจะเซอร์ไพรส์คุณรอง เมื่อคุณรองออกมาดูพลุ"
วิรงรองใส่หน้ากากให้อย่างรำคาญ
"ค่ะ เดี๋ยวจะมีการยิงพลุหน้าตำหนักแล้ว คงได้รูปสวย ๆ เยอะเลย ติ่งขอตัวก่อนนะคะ"
วิรงรองแยกไป หญิงก้อยเดินเซมา กลางสวนที่มุมหนึ่ง ม.ร.ว. ดิเรกราชวิทย์ยืนทอดถอนใจอยู่ข้างเก้าอี้สนาม ใส่หน้ากากเช่นกัน เธอเห็นสายสะพายสีม่วง
"สายสะพายสีเขียว คุณรอง"
หญิงก้อยเดินเซเข้าไปหา
"คุณชายขา"
ชายโตหันมา เห็นเสื้อคลุมขนห่านเข้าใจว่าจรวย
"เธอ...รวย"
"ใส่ชุดนี้แล้วดูรวย เออ ดู Rich มากใช่ไหมคะ คุณชาย"
เธอเข้ากอดชายโตทันที ซบหน้ากับอกกว้าง
"คุณชาย ยกโทษให้หญิงนะคะ"
"ถ้าเธอสำนึกในความผิด ฉันพร้อมจะยกโทษให้เธอ"
"หญิงผิดไปแล้วค่ะ ผิดมาตลอด คุณชายเข้าใจเถอะนะคะ ครั้งนั้นที่หญิงจูบกับอาร์นี่ หญิงทำเพื่อประชดคุณชาย หญิงไม่ได้รักเขาแม้แต่นิดเดียว"
"หืมม์ เธอเคยจูบกับฝรั่งด้วยเหรอ ฉันก็พอจะรู้หรอกนะว่าเธอเคยมีผู้ชายมาก่อนหน้าฉัน แต่ไม่ยักรู้ว่าคือฝรั่ง"
เธอนิ่งไปนิดนึง งง ๆ
"แต่เมื่อเธอสารภาพ ฉันก็ให้อภัย และเชื่อว่าเธอพูดความจริง ดีใจที่เธอสำนึกได้ ทำตัวเป็นเมียที่ดีเถอะนะ เพื่อหน้าที่การงานของฉันด้วยไง"
"เป็นเมียที่ดี ... คุณชาย ตายแล้ว ภาษาคุณชายช่างเถื่อนอะไรอย่างนี้ แต่มันก็เร้าอารมณ์ ดีเหลือเกินค่ะ"
"เวลาเธอเรียกตัวเองว่าหญิง มันก็เร้าอารมณ์ฉันเหมือนกันนะ"
"ค่ะ หญิงพร้อมจะเป็นภริยาทูต เอ๊ย เมียทูตของคุณแล้วค่ะคุณชาย"
ดิเรกเป็นฝ่ายงง ๆ บ้าง แต่ไม่ติดใจ เธอกอดไว้แน่น
"เราคือเรา
ม.ร.ว.กิตติราชนรินทร์กับสาลินเดินมา วิรงรอง เลื่อมประภัส ฉัตรอาชาถ่ายรูปคู่ สาลินบอกขอใส่หน้ากากก่อน
มุมสวน กิตติและสาลินมองท้องฟ้า พลุสีต่าง ๆ พุ่งขึ้นแตกกระจายบนท้องฟ้าลูกแล้วลูกเล่า เกิดแสงสีพร่างพราย
"ดูท้องฟ้าซิ"
"งดงามเหลือเกิน"
มุมสระ บดินทร์ฉุดศรีจิตราให้ยืนขึ้น จับมือดูพลุ แหงนดูฟ้า
"มีความสุขจัง"
"ค่ะ มีความสุขจัง"
ชายรองมองสาลินที่อ้าปากค้างมองพลุ เขาเอามือไปแตะที่คาง สาลินรีบหุบปากทันที
ชายรองเกือบหัวเราะออกมา แต่ยังทำเก๊ก
"หุบปากค่อยน่ารักหน่อย"
สาลินค้อน
"วันนี้เมื่อสองปีก่อน ฉันเคยยืนอยู่ตรงนี้ ในงานประสูติของเด็จป้า แต่คนที่อยู่ข้าง ๆไม่ใช่เธอ สายลมแห่งโชคชะตาเปลี่ยนแปลงทุกอย่างไปหมด"
สาลินนึกแต่ว่าเขาอาลัยอาวรณ์ในตัวหญิงก้อย เกิดสงสารอย่างแรงกล้า
"คุณชายคะ ฉันผิดเองที่ก่อเรื่องให้คุณ ฉันขอโทษจริง ๆ นะคะ"
"เธอนี่ประหลาดจริง อารมณ์เธอยังกะพลุบนท้องฟ้า บางทีก็สวยระยิบระยับ บางทีก็ระเบิดตูม เผาทุกอย่างรอบตัว"
"อะไรที่ฉันผิด ฉันก็ขอโทษซี ไม่เหมือนคุณหรอกทำขี้โคลนเปื้อนฉันก็ไม่ขอโทษ"
"นี่เธอยังจดจำอยู่อีกหรือ"
"คุณชายคะ ฉันจะทำทุกอย่างให้คุณคืนดีกับคุณหญิงให้ได้"
"ช่างมันเถอะ ปล่อยให้ทุกอย่างจบไปก็ดีแล้ว"
พลุเริ่มทิ้งระยะห่าง ทุกคนเริ่มดึงหน้ากากออก ชายรองปลดหน้ากาก เหลือแต่สาลินที่ยังใส่หน้ากาก
จังหวะนี้เลื่อมและฉัตรวิ่งผ่านมา และถ่ายภาพไว้ สาลินหันมายิ้มเห็นฟันพอดี ทั้งคู่วิ่งเลยไป
ชายรองปลดหน้ากากสาลินออกอย่างนุ่มนวล
"คนที่รักชีวิตเคยกล่าวไว้ว่า มีทิฐิอะไรก็มีไป แต่อย่ามีทิฐิกับความรัก เพราะมันอาจทำให้ต้องเสียใจไปตลอดกาล"
"แก่แดดจริง ฉันก็รู้ว่าคนเราไม่ควรมีทิฐิกับความรัก"
ชายรองดวงตาวูบวับ
"แต่ที่ฉันรีรอ ก็เพราะ....อยากดูให้แน่ชัดว่าอะไรคือความรักจอมปลอม อะไร..คือความรักที่แท้จริง"
" ไม่รู้ล่ะ ฉันจะช่วยให้คุณกับคุณหญิงคืนดีกัน"
"ถ้าเธอทำไม่สำเร็จล่ะ เธอจะทำยังไง"
"ฉันจะไปรู้เหรอ"
"ก็ง่าย ๆ ถ้าเธอหวง ไม่ให้พี่สาวของเธอแต่งกับฉัน เธอก็ต้องหาคนรักคนใหม่ให้ฉัน คนที่ฉันจะรักได้อย่างแท้จริงไง"
ชายรองมีแววรื่นรมย์ใจ สาลินสบตายังไม่รู้เรื่อง
"แล้วฉันจะไปหาที่ไหน"
"มันอาจจะไม่หายากอย่างที่เธอคิดก็ได้"
ณ ริมสระ พลุเริ่มทิ้งระยะ บดินทร์มองศรีจิตรา
"ถอดหน้ากากได้แล้วฮะ"
ศรีจิตราพลันเอื้อมมือไปถอดหน้ากาก ชายเล็กอึ้ง แล้วปลดผ้าคลุมหน้าศรีจิตราออก ศรีจิตราหลบตาลง แล้วช้อนสายตามองเขาอย่างตะลึง
ทันใดพลุใหญ่ที่สุดระเบิด พร่างพรายเต็มท้องฟ้า
"ว้า ลูกสุดท้ายแล้ว"
"ความสุขอยู่กับเราสั้นเสมอค่ะ"
"ความสุขอยู่ที่ใจต่างหากครับ"
ศรีจิตราดวงตาวาววาม ชายเล็กข่มใจ เตือนตัวเองว่า
" คู่หมั้นพี่รอง คู่หมั้นพี่รอง"
เช่นเดียวกับศรีจิตราที่เตือนตัวเองว่า
"เขารักคุณหญิงกลาง เขารักคุณหญิงกลาง"
กลางลาน... ม.ร.ว. กิจจิราชนรินทร์จูงมือสาลินมาดู เธอตื่นเต้นจนไม่รู้สึกเรื่องถูกจูงมือ ม.ร.ว. บดินทราชทรงพลจูงมือศรีจิตราเดินมาสมทบอีกคู่ เสด็จทรงยืน แขกทั้งมวลยืนด้วย พลุไฟที่พื้นพุ่งขึ้น ทุกคนมองไปแล้วตกตะลึง ที่หน้ากังหันไฟ ลูกไฟกระจายเป็นรัศมี ม.ร.ว. ดิเรกราชวิทย์และ ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสง
จูบกันดูดดื่ม เขาโน้มตัวลงจูบ ฝ่ายหญิงเอน 45 องศาแบบท่าเต้นรำ ฝ่ายชายอยู่ในชุดทหารเสือ ฝ่ายหญิงมีขนนกโด่ชี้รอบทิศ จึงดูอัศจรรย์พันลึกยิ่งกว่าหน้าปกหนังสือโรแมนซ์เล่มไหนทั้งสิ้น
ชายรองกับสาลินตะลึง ชายเล็กอ้าปากค้าง ศรีจิตรายกมือปิดปาก เสด็จทำพระเนตรปริบๆ สร้อยตบอกผาง สอางค์ยืนระทวย หม่อมอำพันตาเบิกโพลง หม่อม วาณียกมือทาบอก
"ต๊าย นั่นใครมันหน้าด้าน" วาณีบอก
"แต่งตัวโป๊ดำเป็นอีกาขนาดนี้ หญิงก้อยของหม่อมสิคะ" อำพันว่า
"ว้าย นังหน้าด้านสะพานช้างโรงสี เอ๊ะ หม่อมว่าอะไรนะคะ หญิงก้อยของดิฉัน ว้ายตายแล้ว แล้วหญิงก้อยจูบกับใคร"
"ฮ่ะ ฮ่ะ ชายรอง ชายเล็กอยู่ตรงนี้ ไม่ใช่ลูกชายดิฉันแน่ ๆ" อำพันบอก
สอางค์บอก "ค่ะ ไม่ใช่ชายรอง"
สร้อยย้ำ "แต่เป็นลูกชายค่ะหม่อม"
ทั้งสี่โพล่ง "ชายโต !"
จรวยวิ่งมาสมทบกับนางทั้งสี่พอดี มองอ้าปากค้าง วิรงรอง เลื่อมประภัส ฉัตรอาชาถ่ายภาพจากสามมุมพร้อมกัน
"คุณชายโต"
"นี่แกเป็นใคร" หญิงก้อยว่า
ชายโตตัวชาถอนปากออก หญิงก้อยยิ้มพราย จับหน้ากากฝ่ายชายดึงออก หญิงก้อยยิ้มแล้ว
ชะงัก
"คุณโต"
"หญิงก้อย"
ชายโตปล่อยร่างหญิงก้อย เธอร่วงนอนหงายแผ่กับพื้น จรวยก้าวไป ชายโตหน้าซีด
"รวย ฉันเปล่า"
"นี่แน่ะ เปล่า"
จรวยตบหน้าฉาด ชายโตหน้าสะบัด อำพันผวามา
"แก กล้าดียังไงมาตบลูกฉัน"
อำพันตบจรวยฉาด จรวยผวาไปล้มลงข้างหญิงก้อย ช่วยกันประคองกันขึ้นมาท แล้วจรวยก็เข้าบีบคอ หญิงก้อยร้องวี๊ดสู้
"นังคุณหญิง แย่งผัวฉันทำไม"
สองหญิงกลิ้งกันไปมา ขนนกกระจายว่อนเหมือนหมาฟัดไก่
วิรงรอง เลื่อมประภัส ฉัตรอาชาตามถ่ายรูปเมามัน
หม่อมวาณี เข้าดึงลูกสาว สองคุณชายถลาไปดึงจรวยออก ชายโตรีบมาล็อคจรวยไว้จนนมแอ่น
หญิงก้อยยืนโงนเงน สบตากิตติแล้วเข่าอ่อนทรุดลง วาณีร้องวิ๊ด ชายรองเข้าตวัดอุ้ม
"หญิง"
"พาไปที่รถเลยชายรอง ชายเล็ก อาอยู่ต่อไม่ได้แล้ว พาไปขึ้นรถเถอะค่ะ น้าอาย"
สองคุณชายช่วยประคองออกไป วาณีตาม
"ชายโต กลับตำหนัก พานังเมียแกกลับไปด้วย เดี๋ยวนี้"
ชายโตพาจรวยแยกไปอีกทาง อำพันตามไป
เสด็จทรงทรุดลงนั่งบนพระเก้าอี้ สอางค์ สร้อยเข้านวดเฟ้น สาลินและศรีจิตราลงนั่งเฝ้ากับพื้นอย่างเป็นห่วงเสด็จ
"เด็จกลับที่โถง ทรงฟังดนตรีต่อดีกว่านะเพคะ" สร้อยบอก
"อย่าเพิ่งทรงหมดสนุกนะเพคะ" สอางค์บอก
"ใครบอกล่ะว่าฉันหมดสนุก ไม่ได้แม่ก้อย เจ้าโต นังจรวย งานคงกร่อยกว่านี้เยอะ ฮ่ะ ฮ่ะ"
ทุกคนอ้าปากค้าง เสด็จหัวเราะร่า
"โอย สนุกกว่าปีไหน ๆ ทั้งนั้น รวมทั้งพวกเจ้าด้วยนะ ยายสา ยายศรี"
"พวกเราด้วยเหรอเพคะ"
"ทุกคนจ๊ะ ผิดฝาผิดตัวกันสนุกที่สุด ฮ่ะฮ่ะ มันคือพรหมลิขิต พรหมลิขิตจริง ๆ ฮ่ะฮ่ะ"
เสด็จยังหัวเราะต่อ ท่ามกลางความงุนงงของทุกคน สาลินเป็นคนแรกที่หัวเราะตาม แล้วทุกคนก็หัวเราะร่า ณ ลานหน้าตำหนักนั้น ทั้ง ๆ ที่บางคนก็ไม่รู้ว่าขำอะไรก็ต่างหัวเราะขบขันตามกัน กับบันเทิง อันแสนสนุกสนานตามเสด็จ
เมฆขาวลอยเคลื่อน พระจันทร์เต็มดวงสุขสว่าง
ศรีจิตราใส่ชุดนอนแล้วทำตาปริบ ๆ อยู่ที่สตูลหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ส่วนสาลินสวมกางเกงขาสั้น เสื้อเชิ้ตเก่า นั่งหน้าหงิกอยู่บนเตียง
"ฮึ มาทำเป็นบอกว่า จบแล้ว ไม่คืนดีแล้ว แต่พอเอาเข้าจริงก็หน้าซีดรีบวิ่งเข้าไปอุ้ม สาแน่ใจว่าเขายังไม่หมดเยื่อใยกันหรอก"
ศรีจิตราลุกมานั่งข้างเตียง
"แล้วถ้าคุณชายรองคืนดีกับคุณหญิง แล้วพี่ล่ะสา พี่จะเป็นยังไง"
"พี่ศรีก็เป็นอิสระไง เขาก็คงกราบทูลเสด็จให้เลิกล้มงานแต่ง"
"คุณป้าใหญ่กับคุณป้าสร้อยคงจับคู่ให้พี่กับใครอีกแหละ"
"ก็คุณชายเล็กไงคะ"
สาลินโพล่งขึ้น ล้อเลียนไม่จริงจัง ศรีจิตรากลับอึ้งหน้าแดง
"บ้าน่ะสา คุณชายเล็กน่ะของสาต่างหาก"
"สาไม่เอาหรอก อีกอย่างคุณชายเล็กไม่ใช่ของใครทั้งนั้นละค่ะ เพราะตาพลบอกว่าเขา
มีแฟนแล้ว"
ศรีจิตราใจหาย
"มีแฟนแล้ว เป็นใครรู้ไหมสา"
"คุณพลบอกว่า คุณชายไปจีบเขาบ่อย ๆ ที่บ้าน แถมยังติดใจอาหารที่บ้านสาวคนนั้น
ด้วยนะคะ"
ศรีจิตราไม่รู้เลยว่า ชายเล็กหมายถึงตน กลับคิดไปว่าเป็น ม.ร.ว. ศศิรัชนี ภาพย้อนในงานเกิดขึ้น เมื่อทั้งคู่เต้นรำด้วยกัน ศรีจิตราหน้าเผือด ลุกไปเกาะหน้าต่างมองออกไป
ที่ตำหนักเล็ก ห้องชายเล็กปิดหน้าต่างอยู่ ศรีจิตราไหล่ลู่ลง สาลินสงสัย
"นั่น พี่ศรีเป็นอะไร"
ศรีจิตราตอบเสียงเครือ "เปล่า สา"
สาลินลุกพรวดมา ดึงศรีจิตราให้หันมา ศรีจิตราน้ำตาหยด
"พี่ศรี พี่ศรีร้องไห้"
สาลินมองไปบ้าง เห็นตึกเรือนหอ ที่เริ่มมีการตั้งเสาลงฐานราก สาลินอ้าปากค้าง
"อะไร พี่ศรี มามองเรือนหอแล้วร้องไห้"
ศรีจิตราอึ้งไป
"หรือว่า พี่ศรีเสียใจที่จะไม่ได้แต่งงาน นี่พี่ศรีหลงรักคุณชายรองเข้าแล้วหรือนี่"
ศรีจิตราชะงักเบิกตากว้าง
"ไม่ใช่นะสา"
"ถ้าไม่ใช่ แล้วพี่ศรีร้องไห้ทำไม"
"พี่ พี่"
"ฮึ พี่ศรีตอบไม่ได้ ฮึ นี่เขาเพิ่งพูดว่าใครเข้าใกล้เขาก็หลงรัก ฮึ พี่ศรี ไปเข้าใกล้เขาตอนไหน ถึงรักเขาได้รวดเร็วอย่างนี้ โธ่ แล้วจะทำยังไงนี่"
สาลินในใจสับสนอลหม่าน ศรีจิตราพูดไม่ออก
สะใภ้จ้าว ตอนที่ 13 (ต่อ)
ตำหนักใหญ่เมื่อเวลาใกล้รุ่ง แสงเงินแสงทองเริ่มจับท้องฟ้า
เสียงไก่ขันดังแว่วๆ บรรยากาศสงบ ทันใดมีเสียงร้องกรี๊ดดังขึ้น
ศรีจิตราเปิดไฟหัวเตียง ห้องสว่างขึ้น สาลินลุกนั่งหน้าตาตื่น
"สา อะไร"
"อี๊ย์ พี่ศรี"
ประตูเปิดออก สร้อยปะแป้งลายพร้อยชุดนอนโทรมเข้ามากับสอางค์ในชุดนอนกรุยกรายไม่แพ้กัน มาลา วรรณาโผล่มาด้วย
"อะไรกันยะ เสียงยังกะเปรตมาขอส่วนบุญพระเจ้าพิมพิสาร"
"ยายสาค่ะ"
"ฮือ สาฝันร้ายค่ะ"
"อ้อ ก็กินเข้าไปกี่ขนานล่ะยะ ธาตุก็กำเริบ เอ๊ะ หรือแกไม่ได้จุดธูปบอกเจ้าที่ เจ้าทาง โอ๊ย พี่สอางค์หยิกหนูทำไม" สร้อยว่า
สอางค์ค้อนน้องสาว เข้าจับแขนสาลิน มาลา วรรณาคุกเข่าลงข้างเตียง
"ขวัญเอ๊ย ขวัญมาลูก ฝันอะไรเล่ามา จะได้ไปแก้ฝันให้ถูก"
"สาฝันว่างูรัดค่ะ"
สอางค์ตาวาวสบตาสร้อย ศรีจิตรายิ้มนิด ๆ มาลา วรรณายิ้มปากเกือบถึงรูหู
สอางค์กับมาลาโพล่ง "งูรัด"
"งูรัด หน้าตามันเป็นยังไงคะ"
"ก็หน้าเป็นงูน่ะซีคะ มันแลบลิ้นแผล็บ ๆ ตัวใหญ่ ๆขาว ๆ เหมือนงูเผือก ฮือ ฝันร้ายจังเลย"
วรรณาบอก "ไม่ร้ายค่ะ อย่างนี้ฝันดี"
"ยิ่งฝันตอนใกล้รุ่ง ฝันจะกลายเป็นจริง" มาลาบอก
"ต๊าย พอรู้จักคุณชายเล็กปุ๊บก็ฝันปั๊บ ทูนหัวของป้า" สอางค์ว่า
"วุ้ย ฉันไม่อยากจะเชื่อ หล่อนน่ะหรือยะมีวาสนา บารมี" สร้อยบอก
สาลินทำตาปริบๆ เพิ่งได้คิด
"ไม่ใช่นะคะ ไม่ใช่คู่อะไรทั้งนั้น ฮือ มันน่ากลัวจะตาย สงสัยว่าจะตัวเดิมด้วย"
ศรีจิตราถาม "ตัวเดิมอะไรกันสา"
"สาเคยฝันเห็นมันมาก่อนตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว ตั้งแต่เพิ่งไปทำงานห้องสมุดแน่ะ"
สอางค์ไม่สนใจ
"อุ๊ย คุณชายเล็กแน่ ๆลูก ฝันดี ฝันดี ไม่ต้องแก้อะไรแล้ว"
สาลินยังคงขนลุกเกรียว ยกมือลูบแขน
"นอนต่อ นอนเลย เอาหัวไปชิดๆพี่เขาไว้" สร้อยว่า
"ทำไมเหรอคะ"
"ก็งูในฝันของแกจะได้เลื้อยเข้าไปในหัวพี่แกไง"
ชานเรือนบ้านสวน สาลินทำตาปริบ ๆ ต่อหน้าคุณตา คุณยาย ยายพิณเอาไม้ทับกดกล้วยให้แบน วางเรียงรายในกระด้งเพื่อทำกล้วยตาก
"วุ้ย ยังไงกัน ฝันแล้วฝันอีก" ยายบอก
"มันงูตัวเดียวกันหรือเปล่า" ตาถาม
"คงจะตัวเดียวกันค่ะ แต่แหม งูมันก็หน้าตาคล้ายๆกัน ถ้ามันคนละตัว แล้วมันจะยังไงหรือคะ"
ยายพิณทับกล้วยอย่างแรง
"คุณสาก็อาจจะมีคู่ 2 คนน่ะซีคะ"
ยายตีพื้นผาง
"แกจะบ้าเหรอ ยายพิณ หลานฉันไม่ใช่นางวันทองนะยะ"
"เอ หรือจะเป็นคุณชายเล็กที่คุณป้าเจ้ายศเขาหวังนักหวังหนา" ตาบอก
สาลินเริ่มหงิกค้อนคุณตา
"แหม ถ้าคุณเล็กนี่งามเหมือนคุณชายรองก็น่าเอา" พิณว่า ทุกคนสะดุ้งมองดู รีบเปลี่ยน
คำให้เบาลง "เอามา พิจารณาดูนะคะ"
สาลินเสียงแข็ง
"ไม่เอาค่ะ เลิกพูดได้แล้ว กะอีแค่ฝัน"
เจ้าแกะโผล่มา
"คุณสาคับ มีแขกมาหาคับ คุณพลคับ"
ทุกคนชะงักมองหน้ากัน
"เอ๊ะ หรือจะเป็นเจ้านี่" ยายว่า
ชายเล็กในบทบาท คุณพล อ้าปากค้าง
"อะไรนะฮะ"
"จริง ๆ พี่ศรีไปรักคุณชายรองเข้าเต็มหัวใจแล้วล่ะ คุณพล"
พลแต่งชุดหมีของบริษัทน้ำมัน นั่งทานของว่างกับ สาลินที่ศาลาท่าน้ำ
"จริงหรือฮะ"
"ฉันแค่ไปเล่าว่า คุณชายรองจะคืนดีกับคุณหญิงก้อยเท่านั้นแหละ พี่ศรีก็ร้องไห้น้ำตาเป็นเผาเต่า"
ชายเล็กเกิดความรู้สึกคล้ายผิดหวัง ผิดคาด แม้แต่เสียดาย
"พี่ศรีนะพี่ศรี เขาไม่เคยสนใจตัวซักนิด ก็ยังไปรักเขาอีก"
"พี่รองนี่ช่างทรงเสน่ห์จริง ๆ"
"รู้งี้ฉันปล่อยให้แต่งงานไปดีกว่า จะได้อกหักเสียให้เข็ด นั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่า"
"แล้วนี่ คุณจะทำยังไงต่อไป"
สาลินทำหน้ามีแผนการ
"ฉันก็ต้องรีบหาทางให้เรื่องมันจบ ๆไปน่ะซี เรื่องแรกคือให้พี่ศรีเลิกรักคุณชายรองให้เร็วที่สุด"
นายพลเกาหัว
"มันทำได้ง่าย ๆ หรือฮะ
"ก็ต้องให้พี่ศรีไปรักคนอื่นน่ะซี ฮึ ให้คุณช่วยคุณก็ไม่ยอมช่วย"
"ถ้าเทียบกับพี่รอง เอ๊ย....คุณชายรอง ผมจะมีอะไรไปสู้เขาได้"
ชายเล็กพูดแล้วก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจขึ้นมาจริงๆ
"เรื่องที่สอง ก็ต้องให้คุณชายรองคืนดีกับคุณหญิงห่านเทโพนั่นเร็วๆ"
สาลินสีหน้ามั่นใจ
สาลินเดินเลียบคลองมาส่งนาลพลที่ใต้ถุนเรือนไทย เห็นยายพิณ เจ้าแกะอยู่แถวนั้น มองมาอย่างไม่ไว้ใจ ตาผลรดน้ำต้นไม้อยู่ไม่ห่างมองมาเช่นกัน
"คุณแน่ใจหรือว่า คุณชายรองเขาอยากคืนดี"
"ตอนที่เขาเต้นรำกับฉัน เขาก็พร่ำเพ้อถึงวันชื่นคืนสุขที่เขาเคยดูพลุกับยายคุณหญิง เมื่องานฉลองวันประสูติเสด็จสองปีก่อน....หมั่นไส้"
นายพลเดินมาถึงใต้ถุนเรือน เห็นตาและยายกำลังช่วยกันทับกล้วยไว้ทำกล้วยตาก ท่าทางมีพิรุธเห็นชัด
"อ้าว คุณพล จะกลับแล้วเหรอ" ตาถาม
"ครับ ผมลาคุณตาคุณยายเลยนะครับ"
"ค่ะ กระโดดท้องร่วงสวนดี ๆ นะคะ อย่าให้ตกน้ำตกท่า"
นายพลไหว้ลา แยกมาถึงรั้วจะออกสวน
"เอ วันนี้ทุกคนดูจะมีกิจกรรมทำแถวนี้กันหมดทั้งบ้านเลยนะครับ"
"คุณตา คุณยายมาเฝ้า ไม่อยากให้ฉันลับหูลับตา"
"แต่ก่อนไม่คุมเข้มแบบนี้นี่ครับ"
"ก็ตอนนี้ ฉันกลายเป็นนางห้ามไปแล้วน่ะซี"
"ห้ามยังไงฮะ"
"นางห้ามสำหรับคนอื่น มีไว้ให้อีคุณชายเล็กคนเดียว"
สาลินหมั่นไส้ ชายเล็กสะดุ้ง
"ฮึ ทำไปทำมา คุณตา คุณยาย กลายเป็นแนวร่วมกับสองคุณป้าไปแล้ว"
"ถ้าอีตาคุณชายเล็กรู้เข้าคงปลื้มตาย"
โต๊ะอาหาร วังรัชนีกุล ม.ร.ว. ศศิรัชนีเทไซรับลงบนแพนเค้ก ดวงตาเหม่อฝัน นึกภาพ ที่เต้นรำอย่างมีความสุขกับศุภร จนไซรับไหลท่วมท้น รื่น โรยยกอาหารมาเพิ่มมองดู
"คุณหญิงขา" รื่นเรียก
"ไม่หวานไปหรือคะ" โรยถาม
"หวานซี หวานที่สุดเลย"
รื่น โรยงง หญิงกลางตื่นจากภวังค์ หม่อมวาณีลดหนังสือพิมพ์ หน้าสตรีลง ตรงหน้ามีหนังสือพิมพ์อีก 6-7 ฉบับ
"เฮ้อ โล่งอกไป ไม่มีรูปไม่งามของหญิงก้อย เออหญิงกลาง ช่วยแม่เช็คหน่อยซีลูก"
วาณีเลื่อนหนังสือพิมพ์มา หญิงก้อยคว้าฉบับหนึ่งเปิดดูหน้ากลาง แต่ไม่ดูหน้าหนึ่ง
"ไม่มีรูปหญิงก้อยค่ะ มีแต่รูปคุณรอง"
รูปในหน้ากลางนั้นลงรูปงานวันประสูติ ขนาดเท่า ๆ กันราว 8 ภาพ รูปหนึ่งคือรูป ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์และสาลินสวมหน้ากากเป็นมิเดียมช็อทค่อนข้างใกล้ ดูราวเจ้าชายเจ้าหญิง จังหวะนั้น หญิงก้อยเดินกรายเข้ามา
"ดูอะไรกันอยู่คะ"
ทุกคนหันมาเห็น ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสงยืนอยู่ในชุดอยู่บ้านกรุยกราย แต่ลากผ้าคลุมไหล่ระพื้นยาวราว 3 เมตรมาผืนหนึ่งอย่างไร้สาเหตุ ชะโงกดูภาพ
"อ้อ รูปคุณรองกับ....นังสาลิน"
หญิงกลางจงใจพูด
"ดูเขาสนิทสนมกันจังนะ หญิง"
"ก็แน่ล่ะซีคะ นังคนนี้ไงคะ ที่คุณรองไปรับไปส่งพะเน้าพะนอกันบ่อย ๆ"
หม่อมวาณีรับหนังสือมากางแผ่บนโต๊ะ หญิงก้อยกรายตัวตวัดชายผ้าขวับมาเท้าโต๊ะค้ำหัวแม่
"ว้าย นี่มันยังไงกัน หมั้นพี่แต่ไปจีบน้องเหรอ"
หญิงก้อยยิ้มเหยียดแต่สวย
"ถ้าไม่ใช่มันคิดแย่งคู่หมั้นพี่สาว" แล้วก็ตวัดผ้า 1 ที "ก็อาจเป็นซื้อหนึ่งได้ถึงสองค่ะ"
หม่อมวาณีอ้าปากค้าง ศศิรัชนีเปิดดูข่าวไปอีกหน้า เป็นข่าวสังคม แล้วยิ้มเย็น
"ว้าย น่าเกลียดสิ้นดี"
"ค่ะ น่าเกลียดสิ้นดี"
หญิงก้อยหันขวับมาหาพี่สาว
"ตาย ทำไมมาเข้าข้างหญิงล่ะคะ เมื่อคืนพี่หญิงยังเข้าข้างนังสองคนพี่น้องนั้นอยู่แหม็บๆ"
" วันนี้พี่ก็ยังเข้าข้างสองคนนั้นอยู่จ้ะ" หญิงก้อยกับหม่อมวาณีงง "ที่พี่ว่าน่าเกลียดสิ้นดีน่ะ พี่หมายถึงหญิงต่างหาก"
"พี่หญิง พี่หญิงกล้าดียังไง"
"หญิงกลาง ทำไมมาว่าน้องขนาดนี้"
"หญิงไม่ได้ว่าค่ะ หญิงแค่วิพากษ์ภาพข่าวหน้าสังคม"
วาณีงง หญิงกลางพับหนังสือพิมพ์ส่งให้ หญิงก้อยขยับมาดู รื่น โรยชะเง้ออยู่ที่พื้น
ภาพข่าวหน้าหนึ่งเป็นภาพขาวดำแก่คมชัด เป็นภาพชายหญิงจูบกันอยู่หน้ากังหันไฟ อาการแหงนเงย ปากที่ประกบแนบแน่น ชุด ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสงที่ตกไหล่ ยิ่งทำให้ดูโป๊สุดขีด
มีคำบรรยายว่า
“สุดยอดการแสดง งานวันประสูติเสด็จพระองค์หญิงมีการแสดงหลายชุด แต่ชุดใดก็ไม่เท่าการแสดงชิวหาพาเพลิน ของคุณชายดิเรกราชวิทย์ กับคุณหญิงเทพีเพ็ญแสง”
หม่อมวาณีร้องวี๊ดเบา ๆ หญิงก้อยเซแซ่ด ๆ ไปเกาะเสา ดวงตาเบิกกว้างหอบจนตัวโยน
"สุดยอดการแสดง ชิวหาพาเพลิน"
"หม่อมแม่จะอ่านทำไมคะ นี่แน่ะ"
หญิงก้อยเข้ามาจับหนังสือเหวี่ยงไป ปัดหนังสือที่เหลือตกพื้น มาตรงหน้ารื่น โรยที่ผงะถอย แต่ดวงตากลับสมน้ำหน้า
"นี่...มันฝีมือใคร ฝีมือใคร"
ในห้องทำงาน วิรงรองยืน กำลังพูดโทรศัพท์
"ไม่ใช่ฉันนะหญิง ฉันน่ะคุมแค่หน้าข่าวสตรี แต่ไม่รู้ว่าไอ้คนไหนในกองบอกอมาขอรูป แล้วนังเลื่อมประภัส"
เลื่อมประภัสพิมพ์งานอยู่ที่โต๊ะเงยหน้าขึ้นยิ้มรับ
"หรือไม่ก็นังฉัตรอาชา โง่ให้ไป"
ฉัตรอาชายิ้มละไม ถือถาดขนม ผลไม้ กาแฟเข้ามา
ที่ห้องนอน ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสงยืนโทรศัพท์ มือหนึ่งถือหูมือหนึ่งถือตัวโทรศัพท์ ยืนระทวยอยู่กลางห้อง
"แต่ยังไงต้นตอข่าวมันก็มาจากเธอ ยายติ่ง"
"จ๊ะ ขอโทษจริง ๆ จ๊ะหญิง"
"เธอต้องไปเล่นงานมันทั้งสองคน"
จิตตินกำลังดูข่าวหน้าหนึ่งอยู่ใกล้ ๆ วิรงรองเอามือปิดปากกระบอกโทรศัพท์ กระซิบ
"นังหญิงก้อย" แล้วพูดโทรศัพท์ต่อ "จ้ะ ๆ เดี๋ยวฉันจะไปเล่นงานมันเอง จ้ะ... แค่นี้ก่อนนะหญิง มีนัดกินข้าวที่สปอร์ตคลับน่ะ"
"นัดกับใคร"
"กับจิตติน แล้วก็คงมีคนอื่น ๆ มาแจมด้วย มาซิหญิง"
"ไม่รู้ซี ฉันเบื่อ อยากอยู่คนเดียว"
"น่า มาเถอะหญิง จะรอนะ เดี๋ยวเจอกัน ซียู บาย"
วิรงรองวางหู ทำหน้าเหม็นเบื่อ
"เชอะ นี่คงรีบแจ้นไปแต่งตัว ฉันเบื่อจริง ๆ แม่คนนี้ทำอะไรมีแต่ฟอร์ม"
ฉัตรอาชารินกาแฟแจกจ่าย จินตินรับกาแฟมา เลื่อมประภัสมาที่โต๊ะกลาง วิรงรองนอนแหงนเงย มือหนึ่งชูห้อยพวงองุ่น แลบลิ้นเลียปลิดเข้าปากทีละเม็ด
จิตตินมองแล้วสะดุ้ง
"แล้วเธอไม่รู้จริง ๆ เหรอว่า ใครเอารูปมิดไนท์คิสไปลง"
"จะใครละจ๊ะ ถ้าไม่ใช่ฉัน ฉันเอารูปไปให้ข่าวสังคมเขาลงเอง"
"ฉัตรและเลื่อมถ่ายเองกับมือครับ" ฉัตรอาชาบอก
"ล้างอัดเองอีกต่างหากนะคะ เราทำเพื่อประจานโดยเฉพาะ"
ทั้งสามหัวเราะรื่น
"ตกลงคบกันยังไง ต่อหน้าทำรักใคร่ ลับหลังแทงจนพรุน"
"หมั่นไส้จะตาย ให้ฉันไปงาน เดี๋ยวให้ฉันแต่งตัว เดี๋ยวให้แต่งหน้า เดี๋ยวให้หาชุด"
ฉัตรอาชาต่อ "เดี๋ยวให้หาของกิน นู่นไม่ถูกปาก นี่ไม่อร่อย"
"แถมยังโดนเจ้าหล่อนเหน็บแนมว่าพวกเราเป็นแค่ไพร่ หล่อนคือเจ้า" เลื่อมประภัสบอกวิรงรองคับแค้น
"ฉันน่ะคอลัมนิสต์ดังนะยะ ไม่ใช่ไพร่ หรือทาสในเรือนเบี้ยของใคร"
จิตตินอมยิ้ม มองดูเห็นเลื่อมประภัสแทะแตงโม ฉัตรอาชากำลังกัดกล้วยหอม วิรงรองหย่อนพวงองุ่นเข้าปาก จิตตินมองทั้งสามอย่างสยองใจ แล้วหยิบส้มมาปลิดกลีบกินบ้าง
ที่โต๊ะอาหารริมสระน้ำในสปอร์ตคลับ อัศนีย์กางหนังสือพิมพ์หน้ากลาง จิตตินและวิรงรองอยู่ข้าง ๆ บนโต๊ะมีน้ำชา กาแฟ พั้นช์ ทั้งสามกำลังหัวเราะขำภาพข่าวหญิงก้อย
อัศนีย์บอก
"ฮ่ะฮ่ะ จูบผิดคน โธ่ คุณหญิงของฉัน ขายหน้าวันละห้าเบี้ยจริง ๆ"
"ท่านจันทร์กับหม่อมวาณีคงอายแทบย้ายวังหนีเลยนะ"จิตตินบอก
"ฉันล่ะสะใจเป็นที่สุด"
ทั้งสามหัวเราะกัน
อัศนีย์ดูรูปสาลินกับชายรอง เกิดอาการเครียดเล็ก ๆ
"ลินซี่ดูจะมีความสุขกับนายคุณชายมากเลย"
วิรงรองถาม "ลินซี่ ใครคือลินซี่"
"ก็สาลินไง"
"เฮ้ย ยูไปรู้จักแม่นี่ได้ยังไง รู้แม้แต่ชื่อเล่น"
"นั่นซี" จิตตินว่า
"โธ่ ไอ้จิต ก็แม่สาวห้องสมุดที่ฉันเคยเล่าให้นายฟังไง"
"อ้าว คนนี้เองน่ะเหรอ"
"ยังไง ๆ ฉันตกข่าว เล่ามาเดี๋ยวนี้"
"นายสายฟ้าเขากำลังไปติดพันแม่สาวบรรณารักษ์อยู่คนหนึ่ง คือยายสาลิน นี่แหละ แล้วก็พบว่าเจ้าหม่อมกิตติก็มาเทียวรับเทียวส่งอยู่เหมือนกัน"
วิรงรองอ้าปากค้าง
"แล้วยายหญิงก้อยรู้ว่าเธอจีบยายสาลินรึเปล่า"
"ไม่จำเป็นต้องบอก ตอนนี้ที่ฉันสนมีอยู่เรื่องเดียว ทำยังไงก็ได้ให้ลินซี่เลิกสนใจเจ้าคุณชาย แล้วหันมาหาฉัน"
"เธอไม่ต้องพยายามหรอกนะ อาร์นี่"
"ทำไม"
"ยายสาลินคงไม่ได้เครซี่คุณรองสักเท่าไหร่หรอก"
อัศนีย์ขยับตัวทันที
"อธิบายซิ"
"นังเลื่อม นังฉัตรมันได้ยินเต็มสองหู เจ้าหล่อนบอกกับคุณชายเอง ว่าอยากให้
คุณรองกลับไปคืนดียายหญิงก้อย ไม่อยากให้แต่งกับพี่สาวหล่อน"
"หา....จริงนะ"
"นังเลื่อม นังฉัตร คงไม่โกหกฉันหรอก"
อัศนีย์ยิ้มย่ามใจ ลุกพรวดทันที
"อ้าว จะไปไหน ไม่กินข้าวฟังเพลงคืนนี้ด้วยกันเหรอวะ"
"ไม่ล่ะ ฉันจะไปดินเนอร์แถวสุรวงศ์ดีกว่า เฮ้ย ช่วยจองโต๊ะให้หน่อยที่ฮอลลีเดย์"
"โอ้โฮ ไม่ยอมให้เสียเวลาเลยนะไอ้อัศ"
อัศนีย์เดินไป วิรงรองควักสมุดโน๊ตมาจดยิกๆ แล้วครุ่นคิดเอาดินสอมากัด ปากเผยอ จิตตินทำตาปริบ ๆ
ที่ห้องสมุด จิตริณี ลลิตา บราลี หนุ่มแว่น สุมหัวกันดูข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ หน้าปกเป็นรูป ชายโตกำลังจุมพิต ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสง
"ว้าย มิดไนท์คิส แต่ทำไมมาจูบกับคุณชายดิเรก" ลลิตาโพล่ง
"ยายคุณหญิงคนนี้จูบไปทั่วนะครับ เดี๋ยวผัวเก่า เดี๋ยวคนรักเก่า นี่ไปจูบกับพี่ชายคนรักเก่าอีกแล้ว หรือว่าคนนี้เป็นผัวใหม่" แว่นว่า
บราลีบอก
"ปาร์ตี้มั่วเซ็กส์ไง ค่านิยมเหลวเป๋วของสังคมตะวันตก ที่พวกเรารับมาอย่างหน้าชื่นตาบาน อ้างว่าเป็นความศิวิไลซ์ ที่แท้คือความเสื่อม"
บราลีกำมือ หอบเครียด ที่เหลือมองอย่างกลัว ๆ
สาลินเดินมาจากด้านใน ชะงัก แล้วเดินมารวมกลุ่ม จิตริณีพลิกดูภาพข่าวหน้าสังคมสตรีพอดี เป็นภาพ มท.ร.ว. กิตติราชนรินทร์กับสาลิน ถูกแอบถ่าย สาลินใส่หน้ากาก แต่กิคุณชายเปิดหน้า ทำท่าสวีทหวาน สาลินเห็นแล้วสะดุ้ง
จิตริณีบอก "โอ ดูซิคะ ยังกะพริ้นซ์ชาร์มมิ่งกับซินเดอเรลล่า"
"คุณชายกิตติกับสาวนิรนาม"ลลิตาบอก
บราลีหันมา
"เธอรู้ไหมว่าใคร งานนี้เธอก็ไปไม่ใช่หรือ"
"ไม่รู้ ฉันแค่ไปรำถวายพระพร แต่สวยขนาดนี้คงเป็นพวกเจ็ทเซ็ท ไฮโซไซตี้น่ะแหละ"
สาลินตอบหน้าตาเฉย จิตริณียิ้มรู้ทัน
"ค่ะ ดูจากรูปนี้ สาวคนนี้เธอคงเป็นคู่แข่งคนสำคัญของคุณหญิงก้อย"
"ทำไมคะ"
"เพราะภาษาท่าทางของคุณชายกิตติต่อเธอผู้นี้น่ะซีคะ แสดงว่าคุณชายแคร์และอินโวล์ฟกับเธอมาก"
สาลินเป็นอึ้งไป
"ผมดีใจจังครับที่คุณสาลินไปโชว์ความเป็นไทยในงาน ไม่ไปมัวแต่งฝรั่งอย่างยายผู้หญิงในรูป ยายนี่คงฟอนเฟะพอ ๆ กับยายคุณหญิงเทโพ" แว่นบอก
ทั้งสาลินและจิตริณีมองหน้ากันตาปริบ ๆ เสียงกระแอมมาจากเบื้องหลัง ทั้งหมดกันไปมอง อัศนีย์ยืนยิ้มหล่ออยู่
"แต่ผมว่าผู้หญิงในรูปนั่นละม้ายคุณลินซี่มากนะครับ"
ทุกคนอึ้ง บราลี ลลิตา แว่น รีบหันกลับมามองรูปอีกครั้ง เห็นความละม้ายจริง ๆ ด้วย
จิตริณีถาม "มารับฉันรึเปล่าอาร์นี่ จะเลิกงานแล้วอยากให้ใครไปส่งบ้านเหมือนกันนะ"
"โทษนะจินนี่ ....วันนี้ผมมาพูดธุรกิจกับลินซี่โดยเฉพาะ ว่างไหมครับลินซี่ อยากชวนคุณไปดินเนอร์"
"ไม่ว่างค่ะ"
"เชิญทางนี้หน่อยซีครับ"
อัศนีย์และสาลินแยกออกมาจากกลุ่ม บราลี ลลิตา แว่นกระจายไปทั้งกลุ่ม เหลือจิตริณีที่ยังยืนมองอยู่อย่างเป็นห่วงสาลิน
อัศนีย์กระซิบ
"ผมมีข้อเสนอดี ๆ ให้คุณหลายเรื่อง"
"ฉันไม่สนสักเรื่อง"
"แต่เรื่องดี ๆ เรื่องนึงที่คุณคงสน คือเรื่องคุณชายกิตติกับหญิงก้อย"
"ยังไงไม่ทราบ"
"ผมรู้มาว่า ที่หญิงก้อยมิดไนท์คิสกับคุณชายดิเรกน่ะ เพราะเธอเข้าใจว่าคือคุณชายกิตติ แสดงว่าหญิงยังอาลัยอาวรณ์คุณชายรองอยู่ไม่น้อยเลยล่ะ"
สาลินสีหน้าสนใจทันทีขึ้นมาทันที อัศนีย์ยิ้มกริ่ม จิตริณีเข้ามาแทรก
"ขอโทษนะคะที่ต้องเสียมารยาท ลินซี่เดี๋ยวคืนนี้เรานัดกันจะไปทานข้าวเสียโป
กัน ไปด้วยกันนะ"
"เออ....วันนี้ขอตัวนะคะ ฉันจะไปกับคุณอัศนีย์"
อัศนีย์ยิ้มร่า จิตริณีฝืนยิ้มรับ
"บอกได้ไหมไปทานกันที่ไหน"
"ฮอลลิเดย์น่ะครับ ผมจองโต๊ะไว้แล้ว"
จิตริณียิ้มมีแผน
"ฝากดูแลลินซี่ด้วยนะอาร์นี่"
"Your Wish is My Will "
จิตริณียิ้มมีแผน
ไนเจลหัวเสียใส่ลลิตา บราลี
"เจ้า AssNie มาหาจินนี่อีกแล้วเหรอครับ"
"ค่ะ" บราลีบอก
จิตริณีเดินอย่างเร็วเข้ามา
"บอสคะ ฉันจะไปทานมื้อค่ำที่ฮอลลิเดย์"
"ไม่ต้องบอกผมหรอก ไปกับนาย Assnie ตามสบาย ไม่ต้องเป็นห่วงผูกผม"
จิตริณี ลลิตา บราลีมองหน้ากัน
"ไม่ต้องเป็นห่วงผม เฉย ๆ ค่ะ" ลลิตาบอก
"ใช่ ไม่ต้องห่วงผม ผมกินตัวเดียวอันเดียวได้"
ทุกคนตกใจมากกว่าเดิม
"ผมกินตัวคนเดียวได้ค่ะ"
"Oh...ใช่ ภาษาไทยง่ายนิดเดียว แต่ยากฉิบหาย"
จิตริณีบอก "ใครบอกว่าฉันจะไปกับอาร์นีย์ ฉันจะไปกับคุณต่างหาก"
"กับผม"
จิตริณียิ้มหวาน "ค่ะ"
ไนเจลยิ้มออกทันที บราลี ลลิตามองหน้ากันงง ๆ
ที่สปอร์ตคลับม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสงลุกพรวดจากเก้าอี้ ไปเกาะเถาไม้เลื้อย วิรงรองมองเซ็ง ๆ จิตตินอ้าปากค้าง แม้จะคบกันมานานก็ยังตกใจกับท่วงท่า
"อัศนีย์ก็ไปเกาะแกะกับนังสาลินอีกคนงั้นเหรอ มันมีดีอะไร ผู้ชายทุกคนต้องไปรุมจีบมัน"
"แล้วแปลกนะหญิง ผู้ชายที่ว่าก็เคยเป็นของหญิงมาก่อนเสียด้วย"
"มันคงตั้งใจแย่งผู้ชายของฉันแน่ ๆ"
"ไอ้อัศมันไม่ได้บอกคุณหญิงเรื่องนี้เลยเหรอครับ"
"ไม่เคยบอก บอกแต่ว่าเขารู้ข่าวว่าคุณรองไปตามจีบนังสาลิน จากนัง...." เธอชะงักไป มองหน้า จิตตินและวิรงรองเกรงใจเล็ก ๆ เพื่อนเธอ ยายจิตริณี"
"อ้อ จินนี่"
"มิน่าเล่า ถึงได้รู้ความเคลื่อนไหวของคุณรองกับแม่นั่นดีนัก"
"ใช่ฮะ ตอนนี้เขาก็กำลังไปสืบความเคลื่อนไหวของแม่สาวน้อยนั่นอยู่"
หญิงก้อยหันขวับมา
"กำลังเหรอ เขาไปที่ไหน"
"ที่ห้องสมุดไงครับ แต่เห็นว่าจะไปดินเนอร์กันต่อที่ฮอลลิเดย์ด้วยนะ ให้ผมจองโต๊ะไว้แล้วด้วย"
"ดินเนอร์เหรอ"
หญิงก้อยครุ่นคิดทันที วางแผนทำลายล้าง วิรงรองและ จิตตินมองหน้ากัน อมยิ้ม แยงสำเร็จ
คืนนั้น คนเดินหน้าผับผับฮอลีเดย์ ขวักไขว่ อัศนีย์นั่งกับสาลินโต๊ะกลางห้อง สาลินค่อนข้างอึดอัด ด้านหลังไนเจล จิตริณีเพิ่งเข้าร้านมา ไนเจลหน้าไม่สู้ดีนัก
"เราตามมาแอบดูเขาทำไม"
"ฉันเป็นห่วงลินซี่น่ะค่ะ"
จิตริณีแยกไปนั่ง ไนเจลรำพึง
"ห่วงลินซี่หรืออาร์นี่กันแน่"
ไนเจลตามไปนั่งอย่างไม่สบอารมณ์นัก
ฝ่ายอัศนีย์และสาลิน คุยกัน
"อีกไม่กี่เดือนไนท์คลับของผมก็จะเปิดแล้ว ผมอยากชวนคุณมาทำงานกับผม"
"อะไรนะ"
"ผมขอเสนอแซลารี่สิบเท่าจากที่คุณได้ในตอนนี้"
สาลินเบิกตาโพลง จินตนาการไกลถึงไนท์คลับในทันที
ไนท์คลับหรูหราวิจิตรตระการตา ด้วยแชนเดอเลียร์ ผ้าม่านแดงลายทองระยิบระยับ เวทีเป็นแคทวอล์คยื่นไปในหมู่คนดู อันเต็มไปด้วยชายหื่น แต่งสูทราตรีหรูหรา ตากลัดมัน ท่าทางกระเหี้ยนกระหือรือ มีร่างหนึ่งแต่งตัวเปิดเปลือยโชว์ช่วงขา เสื้อคอกว้าง ตัวสั้นเปิดหน้าท้อง วิ่งออกมาเด้งหน้าเด้งหลัง แต่หน้าไร้ความรู้สึก คือสาลินนั่นเอง ผมเกล้ามีเครื่องประดับผมอลังการ คิ้วเขียนเฉียงไปถึงขมับคล้ายเวอร์จิเนีย เมโย ทาตากระหน่ำหนัก ปากตัดขอบคมสีสดจ้า มีกากเพชรวูบวับที่ชีกโบนไปจนถึงคลีฟเวจ เธอร้องเพลงยวนยั่ว บรรดาแขกยิ่งเฮ ตาเฒ่านายหนี่งขึ้นมากอดรัด เธอกระชากวิกออก แล้วผลักตาเฒ่าล้มไป สาลิน หน้ายังไร้อารมณ์เหมือนเดิม
สาลินสะดุ้งตื่นจากภวังค์ จ้องหน้าอัศนีย์อย่างเอาเรื่อง
"คุณจะบ้าเหรอ ให้ฉันไปเต้นจ้ำบ๊ะหรือยังไง"
อัศนีย์โบกมือว่อน
"โธ่ ไม่ใช่จ้ำบ๊ะ ไนท์คลับผมไม่ใช่บาร์กุ๊ยๆนะครับ มีวงดนตรีบิ๊กแบนด์ มีฟลอร์โชว์สั่งตรงจากเมืองนอก คนมาเที่ยวก็ต้องใส่สูท แต่งชุดราตรีด้วย"
"แล้วคุณจะให้ฉันไปทำอะไร ไปเป็นนางเสิร์ฟเหรอ"
"ผมจะให้คุณเป็นหัวหน้าแผนกประชาสัมพันธ์ต่างหาก"
"แต่ฉันไม่มีความรู้ทางด้านนี้เลย"
"โธ่ ของทุกอย่างมันเรียนรู้กันได้นี่ฮะ"
"ไม่ได้หรอกค่ะ ฉันไม่เคยนอนดึก ฉันชอบนอนแต่หัวค่ำ"
"โอ มายกู๊ดเนส นี่คุณไม่คิดถึงรายได้ที่เพิ่มขึ้นสิบเท่าเลยหรือ"
"ถ้าเป็นสิบเท่าจากงานที่ฉันทำไม่เป็น ฉันก็คงเอาเปรียบคุณไม่ลง"
จิตริณีชะเง้อดู ไนเจลตักอาหารให้ เมื่อเห็นอัศนีย์หน้าสลดลง สาลินตักอาหารใส่ปาก อัศนีย์มองแล้วนึกวิธีออกจึงยิ้ม
"คุณไม่อยากไปทำงานที่ผมเสนอ หรือว่า คุณไม่กล้าไปเพราะกลัวว่าใครคนหนึ่งจะไม่พอใจ"
สาลินนึกออกแล้วเม้มปาก หลบตามองโต๊ะ อัศนีย์ยิ้มอย่างเหนือกว่า
"แต่ก็จริง คุณชายกิตติคงไม่อยากให้คุณมาเกี่ยวข้องอะไรกับผม"
สาลินมองอัศนีย์ พูดเสียงเบาหวิว ตะกุกตะกัก
"แต่ แต่ ฉันกับเขาไม่ได้มีอะไรกันซักหน่อย"
"ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีซีฮะ เพราะถ้าวันไหนเขากลับไปคืนดีกับคุณหญิงก้อย คุณจะได้ไม่เสียใจ"
สาลินทำซึม เอานิ้วเขี่ยแก้วเครื่องดื่ม
"ถ้าเขาคืนดีกันได้จริง ฉันก็โล่งใจ"
"ถ้าผมทำให้เขาคืนดีกันได้ล่ะ คุณต้องไปทำงานกับผมนะ"
สาลินคิดในใจ"กะอยู่แล้วเชียว อีตามิลเลียนแนร์ เอายังไงดี ตกปากรับคำไปก่อนก็แล้วกัน"
สาลินพยักหน้าช้าๆ เศร้าสร้อย
"ค่ะ ตกลง"
"บราโว โอเค ตามนี้นะฮะ"
อัศนีย์ดีใจหน้าบาน กุมมือสาลิน จิตริณีมองดูเดาได้ว่าสาลินตกลงบางอย่าง หน้าเคร่งขึ้น
"ไม่นะ"
ไนเจลพูดประชด
"เราย้ายไปร่วมโต๊ะกับเขาดีไหมครับ"
"นี่ ไนเจล มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด อาร์นี่เป็นเสือผู้หญิง ฉันไม่อยากให้ลินซี่ ต้องตกเป็นเหยื่อของเขา"
ไนเจลไม่เชื่อ มีอาการหมางเมินเย็นชา
สาลินเมินหน้าทำเศร้า
" ฉันต้องลงทุนขนาดนี้ ก็เพื่อพี่สาวฉัน...ไม่ใช่เพื่อคุณหรอก ฮึ"
บริกรวางจานอาหารจานแรก สาลินกินอย่างอร่อย อัศนีย์มองปลื้ม จานแรกหายไปเกือบหมด บริกรยกจานใหม่มาเสิร์ฟ สาลินกินไปยิ้มไป อัศนีย์ทึ่ง จานที่สาม สาลินยังกินหมดจาน อัศนีย์ชักกลัว ๆ จานที่สี่เป็นเค้ก สาลินกินหมด อัศนีย์ยิ้มละเหี่ยใจ
เวลาต่อมา อัศนีย์เดินประคองสาลินออกจากร้าน มีเสียงชัตเตอร์ดังกริ๊ก อัศนีย์แตะข้อศอกพาสาลินข้ามถนน มีเสียงชัตเตอร์อีก อัศนีย์เดินเคียงกับสาลินมาที่รถสปอร์ต เปิดให้สาลินเข้า มีเสียงชัตเตอร์อีก
ภายในรถ ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสงนั่งเชิด วิรงรองนั่งข้าง ที่เบาะหลัง วิรงรองและ จิตตินนั่งอยู่ จิตตินถือกล้องติดเลนส์ซูมยาว กำลังเบนกล้องตามอัศนีย์ สาลิน วิรงรองหันมาพยักเพยิดกับเทพีเพ็ญแสง
ไนเจลกับจิตริณีเดินมา มองตรงมาที่รถเห็นหญิงก้อย
"คุณหญิงก้อย มาทำอะไรแถวนี้"
คืนนั้น ห้องโถงตำหนักเล็ก ในจอโทรทัศน์กำลังมีละคร นางเอกในชุดชาวป่า แต่หน้าผมจัดเต็ม เขียนตาเซกกั้นไลน์ ขนตาปลอมบนล่าง ผมเกล้าขึ้นไป ทิ้งชายลงเคลียไหล่ มีจอนผมที่แปะกาวขนตาปลอมติดแก้ม กำลังยืนเศร้าอยู่ที่ต้นไม้โฟมแกะ มีกล้วยไม้ผ้าเกาะต้นไม้อยู่ มีเสียงบอกบทดังถนัดชัดแจ้ง
เสียงโมโนโทนกระซิบบอกบท
"โธ่....คุณชายภัทรดนัยจะทอดทิ้งดอกเอื้องแล้วหรือคะ"
นางเอกพลันพูดบท ปากสั่นระริก
"โธ่... คุณชาย ... ภัทร ...ดนัย...จะทอดทิ้ง....ดอกเอื้อง แล้วหรือคะ"
หน้าจอโทรทัศน์จรวย นมย้อย น้อม 3 ข้าหลวง นั่งจ้องจอหอบอินกับการแสดง หม่อมอำพันนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารเบื้องหลัง
เสียงบอกบท "มองดวงจันทร์"
"มองดวงจันทร์"
"เฮ้ย ไม่ใช่"
นางเอกชะงักไปนิด มีพิรุธหน่อย ๆ แล้วแหงนมองดวงจันทร์กระดาษที่แขวนห้อยอยู่
"จันทร์เจ้าขา...เขาจะมองจันทร์อยู่ที่บางกอกบ้างไหม"
นางเอกทำกลบเกลื่อน
"มองดวงจันทร์ก็ยิ่งใจหาย....จันทร์เจ้าขา เขาจะมองจันทร์อยู่ที่บางกอกบ้างไหม"
เสียงสั่ง "น้ำตา"
นางเอกพลันกะพริบตาถี่น้ำตาสั่งได้หลั่งริน
จรวย เจียม นมย้อย น้อม 3 ข้าหลวง น้ำตาเอ่อ ทันใดก็มีเสียงรำพึงจากหม่อมอำพันบนโซฟา
"น่าจะทิ้ง ก็ไม่ทิ้ง"
"ทิ้งกันไม่ลงหรอกค่ะ" จรวยบอก
"ต้องทิ้งซียะ ยิ่งอมไว้ก็ยิ่งเสีย"
"โธ่....ก็คนรักกันขนาดนั้น ก็ต้องหวานอมขมกลืนล่ะค่ะ"
อำพันงง ย้อยสะกิดจรวย
"คุณจรวย หม่อมไม่ได้พูดเรื่องละครหรอกค่ะ"
"หม่อมพูดเรื่องเสียไพ่ดัมมี่ เมื่อกลางวันค่ะ" น้อมว่า
ขาดคำโทรศัพท์ก็แผดดัง ยายน้อมอยู่ใกล้ผวาสุดตัว เจียมลุกไปรับ
"แหก ๆ ๆ ๆ"
"ว้ายใครมันโทรมาดึกดื่นคืนค่ำ คงเป็นเพื่อนจิ๊กโก๋ของไอ้เจ้าเล็ก คนอะไร้
ไม่มีมารยาท"
เจียมหันมางงนิดหน่อย หันไปทางจรวย
"ขอเรียนสาย.....คุณจรวยค่ะ"
จรวยเบิกตากว้าง ลุกไปที่โทรศัพท์รับสายขึ้นมาอย่างภาคภูมิ วางท่า
"ว้าย แม่คุณนาย เดี๋ยวนี้มีธุรกิจรัดตัวขนาดนี้เชียวหรือยะ"
"ฮัน...โหล" พอรู้ว่า ฝ่ายตรงข้ามเป็นใคร ก็ชะงักลดเสียงลง "คุณหญิงหรือคะ อุ๊ย....ถือหูก่อนนะคะ รวยวางสายก่อน ขอไปรับเครื่องพ่วงในห้องนอนค่ะ ตรงนี้บ่าวไพร่มันเยอะ หนวกหู"
จรวยวางหู มองกลับไปทางกลุ่ม
"ขอตัวนะคะ"
"วันๆไม่ทำอะไรเอาแต่แต่งตัวสวยดูละคร คุยโทรศัพท์กับเพื่อน"
นมย้อย น้อม เจียม รีบหันไปดูทีวีต่อ อำพันยังนั่งนับไพ่ไม่ได้สนใจ จรวยนวยนาดออกจากห้อง
จรวยยกหูโทรศัพท์ในห้องนอนขึ้นมา ทำหน้าเชิด เสียงเย็นชา
"มีธุระอะไรกับจรวยไม่ทราบคะคุณหญิง"
ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสงในโถงรับแขก นอนระทวยอยู่บนเตียง คุยโทรศัพท์กับจรวย
"ฉันมีเรื่องจะไหว้วานเธอหน่อย"
"จะมาไหว้วานอะไรรวยล่ะคะ คุณหญิงเพิ่งจูบประกบปากกับผัวจรวยไปหยก ๆ เมื่อคืน"
"หยุดเพ้อเจ้อ หล่อนก็รู้อยู่ว่ามันคือความเข้าใจผิด ทั้งฉันทั้งผัว...เอ๊ย...ทั้งคุณชายโต เราเมาทั้งคู่ เขาคิดว่าฉันคือเธอ แล้วฉันก็คิดว่าเขาคือคุณชายกิตติ"
"จะพยายามเชื่อก็ได้ เพราะลีลาการจูบดูดดื่มแบบนั้นน่ะ เขาทำกับจรวยคนเดียวเท่านั้น"
หญิงก้อยอยากจะอาเจียน
"ตกลงมีอะไรจะไหว้วานรวยคะ"
"ทำตามที่ฉันบอกนะ พรุ่งนี้ตื่นแต่เช้ามืดเลย"
จรวยฟังแล้วรับคำ แล้วเห็นดีเห็นงามไปด้วย
"อุ๊ย....เรื่องยุแยงให้ผัวเมียแตกกัน จรวยไม่ถนัดค่ะ แต่ถ้าคุณหญิงขอร้องขนาดนี้ก็จะทำให้ค่ะ"
"ดี รายงานฉันด้วย เท่านี้"
"เดี๋ยวค่ะ ยังไงรวยก็ขอโทษคุณหญิงที่บีบคอคุณหญิงไป ยังระบมอยู่ไหมคะ"
หญิงก้อยวางสายทันที
"โถ นังเมียบ่าว"
จรวยหัวเราะคิก วางสาย ชายโตออกมาจากห้องน้ำ เปลือยท่อนบน ใส่ผ้าขนหนูเคียนเอว หยดน้ำพราวร่าง
"คุยสายกับใครน่ะรวย"
จรวยมองหุ่นทางกระจกแล้วใจคอไม่ดีนัก
"เพื่อนน่ะค่ะ คุณชาย คืนนี้ไม่ต้องมานอนบนเตียงนะ นอนที่พื้นกับตาตุ้มอย่างเมื่อคืนนั่นแหละ"
"รวย นี่ยังไม่หายโกรธฉันอีกเหรอ บอกแล้วว่าเมา เห็นหญิงก้อยกลายเป็นเธอ"
"ไม่อยากเชื่อ แล้วทำไมต้องจูบกันขนาดนั้น"
ชายโตเข้ามากอดด้านหลัง จรวยหอบหายใจ
"ก็เพราะคิดว่าเป็นรวยไง ถึงได้จูบดูดดื่มขนาดนั้น"
จรวยหัวเราะคิก
"เชื่อก็ได้"
ชายโตปล้ำจรวย
เช้ามืดวันรุ่งขึ้น แขกยามนั่งถือไม้เท้าอยู่บนแคร่ มีจักรยานแขกโพกผ้าอีกคนขับมา ท้ายจักรยานมีตะกร้าห้อย 2ข้าง หนังสือพิมพ์เต็มล้น แขกทักทายกัน ส่งรับหนังสือพิมพ์มา 3-4 ฉบับแขกส่งหนังสือขับรถไป
แขกยามหันมาเห็นจรวยในชุดนอนบาง ดูโตงเตงโตงเว้า ก็สะดุ้ง
"โอ แม่ยอดขมองอิ่ม อิ่มไปทั้งตัวเลยจ๊ะเธอจ๋า"
"อิ่มบ้าอิ่มบออะไร เอาหนังสือพิมพ์มา"
จรวยกระชากหนังสือพิมพ์ไป แล้วรีบพลิกอ่าน สีหน้าสะใจเป็นที่ยิ่ง
เช้าต่อเนื่อง นมน้อยกับเจียมจัดอาหารเช้าที่โต๊ะสนาม ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์ใส่ชุดนักกีฬาพร้อมจะออกไปตีเทนนิส
"รับประทานอะไรดีคะ มีขนมปังไส้กรอกเบคอน ไข่ดาว กับโจ๊กสาคูค่ะ"
"ขอโจ๊กอย่างเดียวดีกว่าครับ"
เจียมเลื่อนถ้วยกาแฟให้
"กาแฟค่ะ"
"หนังสือพิมพ์ล่ะ"
จรวยแต่งตัวอยู่บ้านหรูหรา ถือหนังสือพิมพ์พับหน้าสังคมไว้ เดินมาวางให้
"นี่ค่ะ คุณชาย"
"ขอบใจ"
กิตติหยิบขึ้นมาแล้วชะงัก จรวยถอยไปสังเกตการณ์
หน้าข่าวสังคมลงรูปอัศนีย์ประคองสาลินข้ามถนน แต่ครอปภาพใกล้จนเหมือนตระกองกอด
คำบรรยายเขียนว่า “ใครกันเอ่ยตุ๊กตาหน้ารถคนใหม่ของอัศนีย์ เถลิงการ” ภาพถัดมาเป็นภาพ สาลิน นั่งรถของ อัศนีย์ หน้าตาระรื่น
ชายรองวางหนังสือพิมพ์ลง หน้านิ่งแต่ดวงตาแข็งกระด้าง จรวยยิ้มสะใจ กิตติพับหนังสือพิมพ์กลับเอาหน้าหนึ่งออกแล้ววางลง
ม.ร.ว. บดินทราชทรงพลเดินเข้ามา
"มีอะไรทานบ้างนมย้อย"
"หลายอย่างค่ะ มี... "
"ทานโจ๊กเหมือนพี่รองก็แล้วกันครับ"
ชายเล็กหยิบหนังสือพิมพ์มาอ่าน แล้วสะดุดกับข่าวสาลินและอัศนีย์ทันที มองหน้าพี่ชายฃที่หน้าเครียด พูดไม่ออก จรวยยิ้มสะใจ
เวลาต่อมาที่สปอร์ตคลับ ชายรองหวดลูกอย่างแรง ศุภรรับลูกพลาด รู้สึกถึงความพลุ่งพล่านเดือดดาล
"เฮ้ย เลิกเล่นก่อนเถอะว่ะ แกเล่นอย่างนี้เดี๋ยวได้พังทั้งไม้ ทั้งลูก ทั้งเน็ท แล้วก็กบาลฉันด้วย"
ชายรองเดินกลับมาที่โต๊ะสนาม เช็ดเหงื่ออย่างหัวเสีย ศุภรหยิบหนังสือพิมพ์มาอ่านดู
"แกคิดยังไงวะ"
"ไม่คิดอะไรเลย ก็ภาพแค่นี้ เขาไม่ได้ทำเสียหายอะไรนี่หว่า"
"แต่ก็ไม่ควรไปนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถของเจ้าเพลย์บอยนั่น แล้วแกเห็นไหมข้างหลังทั้งคู่น่ะ มันผับบาร์ย่านโลกีย์ทั้งนั้น"
"อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้เลย เอาอย่างนี้ เดี๋ยวฉันจะลองไปสืบจากคุณจินนี่ ทรามวัยกายสิทธิ์ให้ เธอคงรู้อะไรดี ๆ และถูกต้องกว่าที่แกคิดแน่ ๆ"
ชายรองยังไม่คลายใจ
อัศนีย์และจิตตินในชุดกีฬาเดินเท่ห์มาด้วยกัน ถือไม้เทนนิสมาด้วย จิตตินมองเพื่อนอย่างขำ ๆ
"หมู่นี้รู้สึกหางตากระตุกบ้างไหมวะ หรือไม่ก็จามไม่มีสาเหตุ"
"แกกำลังจะบอกอะไรฉันวะ มีคนเล่นของใส่ฉันรึไง"
"เปล่า แค่ทักดู เห็นว่าไนท์คลับจะเปิดแล้ว ลองให้พระอาจารย์ดูดวง ดูฤกษ์ยามดูบ้าง ศัตรูคู่แข่งจะได้ลดน้องถอยลง"
อัศนีย์ชะงักเมื่อเห็นชายรองและศุภรอยู่ในคอร์ท
"ไม่ทันไรก็เจอคู่แข่งเข้าแล้วว่ะ"
"ไม่ต้องเข้าไปทักก็หมดเรื่อง"
"ตามมารยาท ต้องเข้าไปทักทายเสียหน่อย"
อัศนีย์และ จิตตินตรงเข้าคอร์ท
ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์อึ้งเมื่อเห็น อัศนีย์ จิตตินเดินเข้ามา ศุภรเตรียมไม้ตั้งท่าเหมือนจะตีเบสบอล
"มาได้จังหวะดีจริง ๆ ถามเจ้าตัวมันตรง ๆ เลยไอ้หม่อม"
"สวัสดียามเช้าครับ คุณชาย บังเอิญเจอกันอีกแล้วนะครับ"
"เป็นเรื่องบังเอิญหรือความตั้งใจของคุณกันแน่"
"คุณชายพูดอะไรครับ"
"คุณตั้งใจมาเจอผม เพราะข่าวที่คุณเอาไปลงนี่ใช่ไหม"
ชายรองโยนหนังสือพิมพ์ลงตรงหน้าอัศนีย์ จิตตินเบือนหน้าไปทางอื่น
"ข่าวอะไร"
"แหม....คุณอาร์นี่ ทำเป็นไม่รู้เรื่อง แนบเนียนดีจังนะครับ" ศุภรว่า
อัศนีย์หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นอ่านและดูภาพ หันขวับมามอง จิตติน
"แกเหรอวะไอ้จิต"
"เปล่า ไม่รู้เรื่อง นี่มันคอลัมน์ยายติ่ง อยากรู้ไปถามยายติ่งเอาเอง"
อัศนีย์หันมามองแล้วยิ้ม
"เอ.....ก็แค่รูป ก็คำบรรยายแค่นี้ ทำไมต้องซีเรียสล่ะครับ"
"คุณเอารูปสาลินไปลงแบบนี้ มันเสียหายถึงตัวเธอ ครอบครัวของเธอ แถมคำบรรยายว่าตุ๊กตาหน้ารถ มันเหมาะสมแล้วเหรอสำหรับผู้หญิงดี ๆ สักคน คุณควรเอาไปใช้กับผู้หญิงเสเพลระดับเดียวกับคุณมากกว่า"
"เฮ้....โอเว่อร์รีแอ็คไปรึเปล่าคุณชาย ลินซี่ไปกับผมด้วยความสมัครใจ ไม่ได้บังคับอะไรเธอสักนิด"
"แล้วต้องพาไปในย่านผับ บาร์แบบนั้นด้วยรึไง"
"แหม.....แด้ดดี้ ทำตัวเป็นผู้ปกครองดีจัง จะบอกให้เอาบุญนะ ต่อไปเธอจะลาออกจากห้องสมุดแล้วมาทำงานกับผม"
"งานอะไร"
"งานไนท์คลับแห่งใหม่ของผมไงครับ ที่ผมพาเธอไปคุยก็เรื่องงานนี้นี่แหละ ผมจะให้เธอเป็นฝ่ายต้อนรับ เงินดือนมากกว่าเดิมสิบเท่า"
"สาลินไม่ทำงานต่ำ ๆ ของนายหรอก"
"อย่าอึงไปคุณพ่อ ท่าทางเธอสนใจเสียด้วยซี ไม่ต้องห่วงนะครับ ถ้าลินซี่มาทำงานกับผม ผมจะเป็นคุณพ่อคนใหม่ของเธอแทน จะดูแลเธออย่างดีทีเดียว"
ชายรองทำท่าจะถลาเข้าหา แต่ศุภรรั้งไว้ อัศนีย์หยิบไม้พร้อมฟาด จิตตินเช่นเดียวกัน
"เฮ้ย อย่าวู่วามว่ะ"
"เฮ้ย ถ้าอยากจะฟาดปากกันละก็ ไปหวดลูกสักหลาดกันดีกว่า แมนกว่าเยอะ ไปว่ะ ไอ้อัศ"
จิตตินพาอัศนีย์ที่หัวเราะขำแยกไปฝั่งตรงข้าม
"ใจเย็นโว้ย เดี๋ยวกลับไปร้านแล้วค่อยว่ากัน"
ชายรองยังฮึดฮัดขัดใจ คิดแต่เรื่องของสาลิน
ในห้องสมุด แว่นอ่านข่าวภาพอัศนีย์ สาลินในข่าวสังคมอยู่ มือสั่น
"ใครกันเอ่ยตุ๊กตาหน้ารถคนใหม่ของอัศนีย์ เถลิงการ"
สาลิน ลลิตา บราลี อยู่ที่เคาน์เตอร์ ทำงานวุ่นจนหน้าหงิกทั้งสามนาง
"วันนี้บอสเป็นอะไร เดี๋ยวประชุม เดี๋ยวให้เช็คสต๊อก เดี๋ยวให้เตรียมงาน เหนื่อยจนสายตัวแทบขาดแล้ว"
"จะอะไร ก็งอนคุณจินนี่น่ะซี แล้วมาลงกับเรา ว้าย" ลลิตาว่า
นักศึกษาแว่นมาเกาะเคาน์เตอร์ ลลิตาสะดุ้ง บราลี สาลินมองอย่างสงสัย
"มีอะไรคะ"
"แค่ไปทานมื้อค่ำครั้งเดียว เขาก็เอาคุณไปลงข่าวว่าคุณเป็นตุ๊กตาหน้ารถของเขาแล้ว"
"อะไรนะ"
"เขาว่ารูป ๆ เดียวแทนคำพูดได้พันคำ นี่ครับ ดูข่าวซะ"
สามสาวเข้ามาดูข่าว จิตริณีเพิ่งเดินมาจากห้องด้านใน เข้ามาดูด้วย
ในหนังสือพิมพ์ ภาพอัศนีย์แตะแขนประคองสาลินข้ามถนน และภาพ สาลินนั่งรถกับอัศนีย์
สาลินอ้าปากค้าง ลดหนังสือพิมพ์ลง บราลีมองเซ็ง ๆ ลลิตาหอบนมกระเพื่อมชื่นชมแกมริษยา
"กล้าดียังไงนะ"
"ตอนนี้เธอเป็นบรรณารักษ์ไฮโซไซตี้ไปแล้ว" ลลิตาว่า
บราลีถาม "แล้วเขาลงรูปเธอได้ยัง"
จิตริณียืนเกาะเคาน์เตอร์ครุ่นคิด เห็น ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสง วิรงรอง และจิตติน ในรถ
ลลิตาบอก
"ถ้าให้ฉันอนุมาน คงจะมีนักข่าวหัวเห็ดผ่านมาพอดี เห็นเธอควงแขนกับคนดัง
ก็เลยถ่ายรูป ฉับ ๆ"
"ควงเคิงอะไร เขาแค่แตะแขนฉันตอนข้ามถนน" สาลินบอก
มีมือฟาดเคาน์เตอร์ปัง ลลิตา บราลี จิตริณี ร้องกรี๊ดอีกหน แว่นร้องตามเป็นเสียงสุดท้าย
"หยุด..."
ไนเจลยืนทะมึนหน้าหงิก
"เวลาทำงาน ไม่ใช่เวลาอ่านหนังสือพิมพ์ หรือสุมหางก็อซซิป"
"สุมหัวมั้งบอส" แว่นบอก
"ไอ้แว่นไม่เกี่ยว"
ลลิตาบอก "ขออ่านแป๊บเดียวไม่ได้เหรอคะ"
"ไม่ได้.... ต่อไปนี้ ในเวลาทำงาน ผมจะใช้พวกคุณเหมือนทาสในเรือนเอี้ย"
ทั้งหมดสะดุ้ง ไนเจลมองมาที่จิตริณีอย่างเจ็บช้ำ
"เรือนเบี้ยค่ะบอส พูดให้ถูก ๆ ซีคะ"
"ไม่สนใจแล้ว พูดถูกพูดผิด ก็มีค่าเท่ากัน ไม่มีใครเอา"
ไนเจลมองจิตริณีอย่างน้อยใจ ผลุนผลันกลับไปห้องทำงาน จิตริณีได้แต่ถอนใจ
"ขอไปดูใจบอสก่อนนะคะ"
จิตริณีแยกไป แว่นยืนซึม
"แว่น เป็นอะไร" บราลีถาม
"เจ็บครับ ไม่มีใครเอาเหมือนกัน"
สาลินถอนใจเฮือก
สะใภ้จ้าว ตอนที่ 13 (ต่อ)
ณ บริเวณเรือนหอขึ้นโครงเป็นไม้ประกบหล่อเสาปูนมากมาย
คนงานราว 10 คน ทำงานกัน ศรีจิตราอยู่ในศาลาเล็กริมสระบัว ชายเล็กสั่งงานหัวหน้าคนงานแล้วเดินมาหาศรีจิตรา ๆ ฝืนยิ้มให้
"คุณศรีดูไม่สบายใจเลย เพราะข่าวคุณสาหรือฮะ"
"ค่ะ เกิดเรื่องใหญ่ เห็นว่าเสด็จจะทรงเรียกคุณป้าสร้อยมาเข้าเฝ้าเพื่อเจรจากันวันพรุ่งนี้ค่ะ คงเจรจากันเรื่องยายสากับ....เออ...คุณชาย"
ชายเล็กทำท่ากลัว ๆ
"นี่ผมคงไม่โดนประกาศิตจากเด็จป้านะฮะ"
"แล้วถ้าเสด็จทรงมีพระดำริมาล่ะคะ คุณชายจะทำยังไง"
"ก็ต้องตามขั้นตอนซีฮะ ทำความรู้จักกันก่อนว่าจะคบกันได้ไหม ไปด้วยกัน
ได้ไหม ชอบกันหรือยัง แล้วที่สำคัญที่สุดก็คือ...."
ศรีจิตรามองนิ่ง ชายเล็กสบตาพูดต่อ
"ผมรักเขาหรือปล่า แล้วเขารักผมตอบไหม"
"แล้วถ้ามันเป็นความรักข้างเดียวล่ะคะ"
"รักเขาข้างเดียว ผมก็จะทำทุกอย่างเพื่อชนะใจเขาฮะ ถึงไม่สำเร็จถึงจะเจ็บปวด
ก็ไม่เป็นไร"
ศรีจิตราก้าวไปเกาะเสาศาลา มองดูบัวแรกแย้ม พูดเสียงเบา
"ค่ะ รักเขาข้างเดียว นี่มันเจ็บปวดเหลือเกิน"
ชายเล็กคิด "โธ่เอ๋ย คุณศรี ทำไมพี่รองถึงไม่รักคุณศรีตอบนะ"
ชายเล็กรู้สึกขัด ๆในอก จึงก้าวไปหาศรีจิตรา ศรีจิตราหันมา ชายเล็กยื่นมือไปกุมมือ
"คุณศรีฮะ ผมว่าทุกอย่างจะคลี่คลายไปด้วยดี"
"หรือไม่ ก็เลวร้ายไปกว่านี้"
จรวยเดินชมสวน ใส่ชุดเว้าหน้าเว้าหลัง เห็นเข้าก็ตาโต ถลาไปหลังพุ่มไม้โผล่มาดู
ชายเล็กบีบมือศรีจิตรา
"ว้า....คุณศรีคนเดิมหายไปไหนฮะ สาวสวย ช่างฝัน เซเฮราซาดนักเล่านิทานหายไปไหน"
"เซฮาราซาดเล่านิทาน...เพื่อช่วยชีวิตตัวเองจากทัณฑ์ของสุลต่านต่างหากคะ"
"นั่นแหละฮะ คุณศรีต้องเข้มแข็งเหมือนกัน อย่าลืมซีฮะ คุณศรีคือเซเฮราซาดของผม"
ชายเล็กถ่ายทอดกำลังใจ ศรีจิตรายิ้มออกแล้วค่อยๆดึงมือออก
"ยายสาบอกว่าจะแนะนำดิฉันให้รู้จักกับคุณพล คุณพลนี่เป็นยังไงบ้างคะ"
"ก็หล่อ นิสัยดี น่ารักพอๆกับผมแหละฮะ แต่คุณศรีไม่ต้องไปรู้จักมันหรอกคุณศรีมีผมคนเดียวก็พอแล้ว"
"ค่ะ คนเดียวก็เกินพอแล้ว"
ศรีจิตราพูดคล้ายรำพึง คล้ายประชด แต่ดวงตากลับวาววับ อย่างที่เขาไม่เข้าใจ
จรวยตาเบิกกว้าง หอบนมกระเพื่อม
"อะไรหว่า “โซซัดโซเซ” ของผม ฮึ...วังวุฒิเวสม์ จะมีเรื่องมัวหมองให้แปดเปื้อนแน่แล้ว"
จรวยหลบไป
"ไม่ต้องห่วงเรื่องคุณสานะฮะ ผมจะไปตรวจปั๊มกับเจ้าพลแถวเมืองนนท์บ่ายนี้ ผมจะลองคุยกับคุณสาดู"
"ค่ะ"
หน้าห้องสมุด ตอนเย็น สาลิน ลลิตา บราลี จิตริณี เดินหน้าเป็นมัน ฟันเป็นยาง ผมกระเซิงเดินมาจากตึกห้องสมุด แว่นตามมาด้วย ผมกระเซิงเหมือนกัน
"รีบกลับเหอะ ฉันจะกลับไปนอน" บราลีบอก
"ใช่รีบกลับ ฉันจะกลับไปกิน ฮือ....วันนี้เหนื่อยมาก" ลลิตาบอก
"ครับ เหนื่อยมาก ช่วยงานพวกคุณเหนื่อยกว่าสอบเอนทรานซ์อีก"
ไม่ทันขาดคำ มีรถคันยาวพุ่งพรวดมาจอดเอี๊ยดข้างลลิตา เบรกดังสนั่น สาลิน ลลิตา บราลี จิตริณี แว่น แหกปากร้องพร้อมกัน
"แหก"
ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์ก้าวลงจากรถหน้าเครียด สาลินมองงง ๆ
"ขึ้นมาบนรถ ฉันมีธุระจะคุยกับเธอ"
สาลินกลัวสายตาดุดันของชายรอง โบกมือลาทั้งสาม เดินไปขึ้นรถ ชายรองขึ้นตาม รถพุ่งพรวดหายไป
"ว๊า ทะเลาะกันอีกแล้ว"
แว่นบอก "ต้องแวะชมสวนกันอีกแน่ ๆ เลยครับ ตามไหมครับ"
จิตริณีบอก "ไม่ ฉันมีนัดแล้ว"
"ไม่ ฉันเหนื่อย" บราลีว่า
"ไม่ ฉันหิว เบื่อด้วย" ลลิตาว่า
รถชายรองพุ่งปราดมาตามถนนเดโช ออกสู่ถนพระราม 4 ในรถ ชายรองหน้าเครียดมองตรงไป สาลินหลือบดูแล้วรู้สึกคุ้นเคยกับท่าทางนี้เลยยิ้มนิด ๆ
"นี่ต้องเข้าไปพูดกันริมสระ ในสวนอีกหรือเปล่าคะ"
"ทำไม หรือว่าตอนนี้เธอรู้จักที่คุยที่ดีกว่านี้ เพลิดเพลินกว่านี้ "
"คุณชายคะ ถ้าอยากหาคนทะเลาะด้วยก็ไว้วันอื่นนะคะ วันนั้นฉันเหนื่อยมาก"
"ฉันจะพาเธอไปส่งบ้าน แล้วจะอธิบายเรื่องทั้งหมดให้คุณตาคุณยายฟัง"
สาลินเป็นงง แต่ไม่กล้าพูดอะไร
ถนนคุณชายรองแล่นเข้ามาในสวนเมืองนนท์ สองข้างทาคือสวนเขียวชอุ่ม ใกล้จะถึงบ้านสวนเต็มที
ในรถ สาลินเหลือบมองแล้วตัดสินใจพูดขึ้น
"คุณไม่ใช่ผู้ปกครองฉันเสียหน่อย ทำไมจะต้องไปคุยกับคุณตาคุณยายฉันด้วย"
"คงกลัวโดนดุล่ะซี ป่านนี้คุณตาคุณยายคงอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นไปแล้ว"
"ที่บ้านไม่ได้รับหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นค่ะ นี่คุณ....ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ ฉันแค่ไปคุยธุระกับเขา"
"อ้อ เธอคิดว่าการที่เธอพบปะสมาคมกับนายอัศนีย์น่ะ มันถูกต้องแล้วซีนะ"
"ก็ไม่เห็นแปลกนี่คะ คนเราก็ต้องพบปะกันบ้างซี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อฉันกำลังจะไปทำงานกับเขา"
ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์ขบกรามแน่น จอดรถข้างทางทันที
"เธอรู้จักเขาดีแล้วหรือ"
สาลินแกล้งพูด
"เขาก็ดูดีออก ใจคอก็กว้างขวาง"
"คนดี ใจคอกว้างขวางนี่เขาวัดกันตรงไหนหรือ หรือว่าวัดตรงป็นลูกชายมหาเศรษฐีมีกิจการระดับประเทศ หรือว่าวัดตรงเป็นหนุ่มสังคมมีข่าวลงหน้าก็อซซิปได้ไม่เว้นแต่ละวัน"
"นี่คุณอย่ามาพูดเหมือนคุณเป็นยาจกเลย คุณไม่ชอบเขา คุณโกรธเขาก็เพราะว่าเขาเป็นสามีเก่าคุณหญิงก้อยมากกว่า ก็เลยมาพาลพาโลฉัน"
ชายรองถอนใจในความมโนไปเองของสาลิน
"ฉันจะทำยังไงดีน้าให้เธอเข้าใจอะไรได้มากกว่านี้"
สาลินมองชายรองอย่างงงงัน เขาสตาร์ทรถพุ่งอีกครั้ง สาลินกระแทกไปกับพนักเก้าอี้ ร้องวี๊ดออกมาเบา ๆ
ที่ปั๊ม สองแม่ลูก พุดซ้อน ชบาทิพย์ ยืนอยู่ข้างรถยุโรปที่เปิดฝากระโปรงอ้าอยู่ ม.ร.ว. บดินทราชทรงพล ในบทบาท "นายพล" และตาผลกำลังตรวจสภาพเครื่องอยู่
พุดซ้อนบอก "เฮ้อ....เครื่องเสียบ่อย ๆ แบบนี้ขายขี้หน้าเขา"
"ขายขี้หน้าเขาทำไมหรือคะ คุณแม่" ชบาทิพย์ถาม
"อ้าว รถเราราคาแพง แต่มาเสียแบบนี้ ขายขี้หน้าเขาไหมล่ะอีชะ...ลูกชบา"
ชบาเข้าไปคลอเคลียบชายเล็ก
"รถเราก็รถยุโรป ใหม่ก็ใหม่ แต่ทำไมมันเสียบ่อยนักล่ะคะ พี่พล"
"มันยุโรปแต่โครงน่ะซีครับ เครื่องไม่ใช่ รถมันโดยย้อมแมวน่ะครับ"
ผลกระซิบ
"ฮ่ะฮ่ะ พอ ๆ กับเจ้าของ"
"ไม่จริงหรอก อย่ามาสู่รู้เลย แกน่ะแค่เด็กปั๊ม จะมารู้เรื่องเครื่องยนต์กลไกรถฝรั่งได้ยังไง ปอเจ็ดจบไหมเนี่ย" พุดซ้อนบอก
"แม่ ไปว่าพี่พลทำไม"
"คุณพลเขาทำงานปั๊มฝรั่งนะยายซ้อน เมืองนอกเมืองนาเขาก็ไปมาแล้ว" ผลบอก
"เหรอจ๊ะ ไปได้ยังไงล่ะ"
"นายฝรั่งเขาส่งผมไปดูงานน่ะ"
"อุ๊ย....ฉันไม่เชื่อน้ำยาหรอก นี่....ซ่อมได้ไหมเนี่ย หรือว่าขี้เกียจซ่อมแล้ว จะได้แล่นไปหาแม่สาวสาลินนั่น"
"เออนั่นซี ลุงผล คุณสากลับมารึยังครับ"
"ยังไม่กลับเลยครับ เดี๋ยวคุณพลไปรอที่บ้านก่อนก็แล้วกัน"
พุดซ้อนมองอย่างหมั่นไส้
"ลูกชบาขา ถ้าหนูอยากนั่งรถยุโรปแท้ ๆ ก็หาผัวจ้าวบ้างซีคะลูก"
ชบากอดแขนชายเล็กแน่น
"หาผัวจ้าวยังไงล่ะคะแม่ ผัวจับกังยังหาไม่ได้เลย"
"โธ่ นัง...ลูกชบาขา ก็ต้องเอาเยี่ยงอย่างลูกสาวบ้านโน้นเขา จะได้ผัวจ้าวกันทั้งพี่ทั้งน้อง"
ผลบอก"อ้าว อ้าว ยายซ้อนพูดให้มันดี ๆ นะ นี่แกกำลังว่าคุณศรี คุณสาของฉันรึเปล่า"
"ฉันไม่ได้ว่าใครสักหน่อย อย่ามาร้อนตัวนักเลย"
ไม่ทันขาดคำ รถของชายรองก็แล่นผ่านมา 2 แม่ลูกตาโตหยุดทุกกิจกรรม ชายเล็กมองตามรถ ครุ่นคิดบางอย่าง... เมื่อเห็นทั้งพี่ชายและ สาลิน
"อุ๊ย....แม่ พี่สาลินมากับรถจ้าวจริง ๆ ด้วย"
"ตายแล้ว นี่เจ้าพล วันนี้เจ้าเขามาส่งแม่สาลินนะ แกอย่าได้เผยอหน้าไปเทียบเจ้า เทียบนายเขาเลย เขาจะเหม็นสาปเด็กปั๊ม อย่างแกเสียเปล่า ๆ"
"ครับ จนแล้วต้องเจียมตัวนะครับ คุณนายแม่"
พุดซ้อนสะดุ้งนิดหนึ่ง แต่ก็ภูมิใจ
"รู้ตัวก็ดีแล้ว ซ่อมรถฉันต่อนะ เดี๋ยวฉันมา ว้าย อีชบา ไปกอดแขนมันทำไม มานี่มากับแม่"
"จะไปไหนแม่"
พุดซ้อนกระซิบ
"ไปแอบดูน่ะซี มันจะพลอดรักกลางดงกล้วยกันอีกรึเปล่า ถ้ามันทำอีกนะ กล้วยแตกหน่อแน่แกเอ๋ย"
พุดซ้อนดึงชบาทิพย์เข้าสวนไป
"ตกลงจะเข้าบ้านไปพบคุณสาไหมครับ" ผลถาม
"คงไม่เข้าแล้วล่ะครับ ผมมันคนจนต้องเจียมตัว"
หน้าประตูบ้านสวน รถของชายรองจอดลง กิตติหันมา
"นี่ คุณตา คุณยาย เธอรู้หรือยัง เรื่องเธอจะไปทำงานกับนายอัศนีย์"
"ยังหรอกค่ะ งานนั่นกว่าจะเริ่มก็อีกตั้ง 3-4 เดือน อ้อ หรือคุณจะเข้าไปฟ้องคุณตาคุณยายฉันตอนนี้"
กิตติขำ ๆ
"ขึ้นอยู่กับว่าเธอจะชวนฉันกินข้าวไหม"
"ไม่"
"ทำไม"
"ฉันไม่อยากให้คุณตา คุณยายเข้าใจเลยเถิดไปอีก"
"เข้าใจเลยเถิดยังไง"
สาลินเริ่มอึกอัก
"ก็..... เข้าใจว่า คุณมาจีบฉันแทนพี่ศรีน่ะซี"
ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์ทำหน้าเฉย แววตากริ่ม
"แล้วมันประหลาดนักหรือ"
"ประหลาดซี น่าเกลียด ชาวบ้านจะได้นินทาตาย"
"เธอน่ะ รู้จักระวังตัวกลัวคนนินทาด้วยหรือ"
"กลัวซี ชาวบ้านแถวนี้น่ะ ตัวนินทาเลย"
พุ่มไม้ในสวนข้าง ๆ พุดซ้อนและชบาใส่ใบไม้เต็มหัว โผล่หน้าขึ้นมาแอบมอง
ชายรองลงจากรถ มาเปิดประตูให้ สาลินลงมา สองแม่ลูกผลุบลงนั่งใหม่
"ตกลงฉันไม่ขึ้นเรือน ส่งเธอตรงนี้"
ชายรองจับมือของเธอไว้ สาลินอึ้ง
"แล้วเจอกัน"
"แล้วมาจับมือฉันทำไม"
"อ้าว ก็เธอไม่ชอบไหว้ฉัน ฉันก็จับมือลาแบบฝรั่งไง"
สาลินทำตาปริบ ๆ ก้มดูมือคุณชายรอง
ในพงหญ้า พุดซ้อนตาเบิกโพลง ส่วนชบาทิพย์ยิ้มเคลิ้ม
สาลินมองตา ดวงตาคุณชายกิตติราชนรินทร์เป็นประกาย สาลินดึงมือออกแล้วไหว้ลา หลบตาพูดอุบอิบกว่าปรกติ
"สวัสดีค่ะ"
"สวัสดี"
สาลินเดินไปยังประตูบ้าน คุณชายเดินกลับไปที่รถแล้วหยุดมอง ประสานสายตากัน สาลินรีบเปิดประตูเข้าไป ชายรองอมยิ้มแล้วขึ้นรถขับออกไป สาลินแอบมองตามช่องประตู แล้วหมุนตัวเดินเข้าบ้าน ประหลาดใจกับท่าทีทุกอย่างของเขาในวันนี้
พุดซ้อน ชบาทิพย์ ผุดพรวดขึ้นมา ทั้งสองนางหอบเครียด พุดซ้อนหอบด้วยคิดถึงแต่เรื่องอื้อฉาวคาวปลา แต่ชบาทิพย์หอบเพราะฟินกับฉากรัก
"จับมือถือแขน ต๊ายอีกนิดเดียวก็คงได้เสีย เอ๊ย คงได้เปรียบเสียเปรียบกันแล้ว"
"อยากจัง"
"อยากอะไรนังชบา"
"อยากให้มีผู้ชายมาจับมือแบบนี้บ้าง"
"กลับปั๊มเลย ใจแตกใหญ่แล้ว ลูกผู้ดีเขาไม่คิดแบบนี้หรอก"
พุดซ้อนหยิกชบาทิพย์ พากลับสวน
ในคอฟฟี่ช็อปหรู เวลาเย็น อัศนีย์ยิ้มเก๋ จิตริณีอยู่ตรงข้าม
"ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฝีมือใคร เพียงแต่ว่าข่าวแบบนี้ไม่มีผลเสียอะไรกับผมนี่"
"แต่มีผลเสียกับลินซี่นะคะ เพราะตอนนี้คุณชายรองกับลินซี่ ทะเลาะกันไปเรียบร้อยแล้ว"
"รีลลี่! ว้าวอย่างนี้ต้องขอบคุณคนปั้นข่าวแล้วล่ะ ใครกันนะ"
"จะใครล่ะคะ ที่อยากให้คุณชายรอง แตกกับลินซี่ พอๆกับคุณ"
อัศนีย์นั่งคิด แล้วเบิกตากว้าง
"โอว์.....หญิงก้อยงั้นเหรอ"
"ค่ะ แล้วคุณก็กลายเป็นหมากตัวหนึ่งในเกมของเธอ"
"จะเป็นไรไป เพราะเธอก็เป็นหมากตัวหนึ่งในเกมของผมเหมือนกัน"
"เกมอะไรกันคะ"
"ก็เกมที่จะให้ข่าวก็อสซิปนี้ กลายเป็นเรื่องจริงน่ะซี"
ต่อมา อัศนีย์และจิตริณีเดินออกมาจากร้านอาหารด้วยกัน
"จินนี่ ผมขอปรึกษาอะไรหน่อยซี"
"ถ้าเป็นเรื่องแม่สื่อแม่ชักให้ลินซี่ล่ะก็ ฉันไม่ช่วยหรอกนะ"
"โธ่.....ผมแค่จะถามว่าทำยังไงดี ถึงจะทำให้แฟนเก่าที่ผิดใจกันมาก ๆ คืนดีกันได้"
"มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเขามีเยื่อใยกันแค่ไหน"
อัศนีย์เกาคาง
"เยื่อใยน่ะยังมีเต็มเปี่ยม แต่ศักดิ์ศรีมันค้ำคออยู่"
จิตริณีเข้าใจผิด ใจหายวูบ
"อย่าบอกนะ ว่าคุณจะกลับไปคืนดีหญิงก้อย"
"ก็...คล้าย ๆ อย่างนั้นแหละ"
จิตริณีนิ่งอั้น แล้วระงับท่าที
"แล้วทำไมต้องมาปรึกษาฉัน"
"ใครจะรู้เรื่องลี้ลับในใจผู้หญิงได้เท่าผู้หญิงด้วยกัน แล้วอีกอย่างคุณก็คือเพื่อนที่แสนดีกับผมมาตลอด"
"เพื่อนที่แสนดี น่าปลื้มใจจริง"
"แล้วคุณก็ฉลาดที่สุดด้วย"
จิตริณียิ้มน้อยๆดวงตาเจ็บปวด
"ไม่หรอก บางทันก็โง่งมงายอย่างทุเรศเชียวหละ"
"ฮือ....ไม่จริงหรอก"
"ถ้าคุณอยากจะง้อคุณหญิง แล้วคุณหญิงก็อยากจะคืนดีอยู่แล้วก็ไม่เห็นยาก"
"อ้าว"
"เพชรไงคะ เพชรเลอค่าหรือสร้อยไข่มุกสักเส้น กับดอกไม้สวย ๆ อีกสักช่อ"
อัศนีย์เลิกคิ้ว จิตริณีเมินไปซ่อนความขมขื่นในดวงตาก่อนจะแยกไป
คืนนั้น ที่วังรัชนีกุล ม.ร.ว. ศศิรัชนีนั่งอยู่ที่โซฟาลดหนังสือพิมพ์ ที่มีภาพข่าวอัศนีย์ประคองสาลิน
ลง หญิงก้อยยิ้มเดินกรายมาพอดี
"นี่ฝีมือใครกัน"
"ก็ต้องยายติ่งซีคะ"
หญิงกลางมองทำนองว่านั่นฉันรู้อยู่แล้ว
"ข่าวนี้ คงทำให้คุณรองอยู่ไม่เป็นสุข และก็คงทำให้อัศนีย์อยู่ไม่เป็นสุขเหมือนกัน คนนึงอยู่ไม่เป็นสุขเพราะกลัวสูญเสีย อีกคนไม่เป็นสุขเพราะยิ่งอยากไขว่คว้าให้ได้มา"
ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสงยิ้มเยาะ
"แล้วหญิงล่ะจ๊ะ ข่าวนี้ทำให้หญิงได้อะไร"
"หญิงก็ได้ความสะใจไงคะ"
"ความสะใจ บางทีก็นำมาซึ่งความทุกข์ใจแสนสาหัสนะหญิง"
ม.ร.ว. ศศิรัชนีพูดยิ้มแย้ม น้องสาวยักไหล่ไม่แคร์
เวลากลางคืน รถชายรองแล่นมาจอดที่เทอเรซหน้าตำหนักเล็ก ลงจากรถ มีแววรื่นรมย์ สับสนแต่แน่ใจแล้ว
ที่โต๊ะกลางในห้องโถง หนังสือพิมพ์เจ้าปัญหาวางอยู่ตรงหน้าม.ร.ว. บดินทราชทรงพล ชายรองเดินหน้าสดเข้ามา เมื่อเห็นน้องชายก็เปลี่ยนเป็นนิ่ง ชายเล็กหันมายิ้มร่า ส่วนจรวยลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่ที่ห้องด้านใน
"ไง พี่รอง ไปส่งคุณสาที่บ้านสวนมาหรือ ผมเห็นเมื่อเย็นนี้ที่ปั๊มยายพุดซ้อน"
ชายรองนั่งลง
"อ้อ นี่ฉันไปตัดหน้านายซีนะ ไง ตั้งแต่รู้จักกันงานวันประสูติ แกก็ตามไปเฝ้าเขา เช้าถึงเย็นถึงเลยหรือ"
"คนที่เช้าถึงเย็นถึงน่าจะเป็นพี่รองกับนายอัศนีย์มากกว่า ผมก็แค่จะไปถามเขาเรื่องข่าวนี่ แต่เห็นพี่ไปส่งเขาคงถามกันเรียบร้อย"
ชายเล็กชี้ไปที่หนังสือพิมพ์บนโต๊ะ
"ตกลง นายอัศนีย์มาจีบคุณสาหรือไงฮะ"
"สาลินบอกว่าเขามาชวนไปทำงานด้วย"
ชายเล็กตบเข่าฉาด
"งั้นก็ใช่เลย คนพวกนี้ชอบอ้างเอางาน เอาธุระมาบังหน้า เพื่อจะได้ไปรับไปส่งกัน"
ชายรองสะดุ้ง เพราะตัวเองก็ทำอยู่ พลางนึก
" เจ้าเล็กคงว่านายอัศนีย์ ไม่ได้ว่าเราหรอก"
"ฉันสงสัยอยู่แต่ว่า ใครกันที่เอาข่าวไปลง"
"ยายติ่ง วิรงรองคุมคอลัมน์นี้อยู่ไม่ใช่หรือฮะ ก็ต้องแม่นี่แหละ"
จรวยที่อยู่ห้องด้านในบอก "อุ๊ย....ไปหายายสาลินกันทั้งพี่ทั้งน้อง ทั้งอื้อฉาว ทั้งแปดเปื้อน"
ในห้องทีวี หม่อมอำพัน นมย้อย น้อม เจียม กำลังนั่งดูละครทีวีเมามัน จรวยยืนหอบมองไปที่โถงกลาง
หม่อมอำพันบอก
"ใช่ นังสะใภ้คนนี้ทั้งแปดเปื้อน ทั้งอื้อฉาว"
จรวยสะดุ้งเดินกลับมานั่งกับกลุ่ม โล่งอกพบว่าอำพันไม่ได้ว่าตน แต่กำลังวิพากย์บทบาทในละคร
น้อมบอก "แหม....นังสะใภ้ไพร่ มันหน้าด้านสะพานเหล็กจริง ๆ นะคะ หม่อม"
"จะว่ามันก็ไม่ได้ ก็อีแม่ผัวเจ้ายศนั่นร้ายกะมันก่อน ทั้งที่เดิมตัวเองก็ลูกชาวบ้าน ไม่มีสกุลรุนชาติ เชอะ"
ทุกคนหันมามองจรวย
"อุ๊ย....จริงด้วยค่ะหม่อม นังแม่ผัวเจ้ายศนั่นแหละตัวร้ายที่สุด แหม....ประกวดนางงามตามหัวเมือง พอได้หม่อมเจ้าเป็นผัวเข้าหน่อย ก็ทำตัวเป็นผู้ดีแปดสาแหรก ลืมกำพืดตัวเอง กดหัวสะใภ้แทบโงไม่ขึ้น"
ทุกคนละสายตาจากทีวีมามอง จรวยยังค้อนควักลืมตัว
"เนื้อหามันคุ้น ๆ นะคะ คุณนม" เจียมว่า
"แม่จรวยสวยกราก ที่หล่อนพูดน่ะหมายถึงใครยะ" นมย้อยว่า
"นั่นซี หมายถึงในละคร หรือหมายถึงฉัน"
"หมายถึงหม่อม...อุ๊ย...หมายถึงหม่อมฤดีในละครซีคะ"
สาลินหยิบสมุดตั้งหนึ่งจากลิ้นชักมาเปิดดูบนเตียง ที่สมุดปกอ่อน มีลายมือสวยแต่เป็นลายมือเด็ก เขียนชื่อเรื่องด้วยดินสอ “ ดอกฟ้ากับหมาอัลเซเซียน” เธอพลิกดู เห็นเนื้อในเป็นนิยาย เด็กเขียนแถมมีภาพประกอบ เธออมยิ้ม หยิบอีกเล่มมา เป็นสมุดปกอ่อนเล่มที่สอง มีลายมือสาลิน ที่โตขึ้น เขียนชื่อเรื่องด้วยปากกา “ลำนำรักของมาลาตี” เธอพลิกดูสมุดปกอ่อนแล้วยิ้ม ข้างในสมุดเป็นนิยายเขียนด้วยปากกา แถมมีรูปประกอบที่คล้ายนิตยสารในแนวสกุลไทย ไม่ดูเป็นการ์ตูนเหมือนนิยายเล่มแรก
สาลินปิดสมุดลง แล้วหยิบสมุดเล่มใหม่ออกมาเปิดออก เห็นสมุดบรรทัดว่างเปล่า สาลินหยิบกระเป๋าถือมา เปิดหยิบดินสอ ปากกา ยางลบออกมาแล้วชะงัก หยิบของสิ่งหนึ่งก้นกระเป๋าขึ้นมา
เป็นผ้าเช็ดหน้าที่ คุณชายรองให้ไว้เช็ดพริกไทยออกจากผม ลมแรงพัดผ่านม่านฉลุบังตา ลมแรงพากลิ่นดอกราตรีหอมฟุ้งมาถึงตัวจนผมสาลินปลิวไสว
สาลินวางดอกไม้ลงแล้วหยิบดินสอ จรดดินสอลงเขียนชื่อเรื่อง “สายลมแห่งความรัก”
สาลินก้มหน้านิด ๆ เริ่มเขียนบรรทัดแรก เนื้อหาหลั่งไหลพรั่งพรูออกมา
ภาพในมโน... สาลินยืนริมสระบัว ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์ก้าวตามมา ลมพัดมารอบกาย ต่ำลงมาน้ำในสระกว้างดูสงบนิ่ง ทันใดลมแรงพัดมาจนน้ำในสระนั้นพลันไหวเป็นระลอก สาลินยืนเผชิญหน้าเขา ลมแรงพากลีบดอกไม้โปรยปรายมาติดผมเธอ เขาปลดดอกไม้จากผม เอามาพิศดูแล้วยื่นให้ เธอหยิบดอกไม้มาพิศดูแล้วกัดริมฝีปากหน้าแดงวูบขึ้น
คืนนั้น ม.ร.ว.กิตติราชนรินทร์เขียนไดอารี่บันทึกประจำวัน ในมือมีดอกไม้แห้งที่สียังสดเจิดจ้า นึกมโนบ้าง
เขาดึงร่างสาลินมากอดแนบแน่น ลมพัดกรูเกรียว ใบไม้ ดอกไม้ปลิวไสว สระน้ำไหวระลอก งดงามราวสรวงสวรรค์
สาลินหยิบผ้าเช็ดหน้ามา แล้วโถมกายลงบนที่นอน ซ่อนหน้าซุกแน่นกับหมอนราวปฏิเสธภาพที่ผุดมาตลอด แต่ผ้าเช็ดหน้านั้นก็ยังคงอยู่ในมือ
ฝ่ายชายรองทอดถอนใจ เอนตัวลงกับพนักเตียง มองบันทึก และดอกปีบที่ยังเก็บอยู่ในสมุด หลับตาลงยิ้มอย่างมีความสุข
วันรุ่งขึ้น ณ เทอเรซข้างวังรัชนีกุล ม.ร.ว. บดินทราชทรงพลเดินตามรื่นและโรยมานั่งกับหม่อมวาณี
"หวัดดีครับหม่อม"
"แหม....ชายเล็ก ยายกลางกำลังทำเค้กอยู่พอดี นั่นไงมาแล้ว"
วาณีลุกไปหาลูกสาวที่ถือเค้กมาจากข้างใน
"นี่ หญิง ชายเล็กมาบ่อย ๆ เขามาจีบหนูเหรอ"
"เพื่อนกันค่ะแม่"
"แล้วไป"
วาณีแยกไป หญิงกลางนั่งลงตรงข้ามชายเล็ก หม่อมวาณีแอบฟังอยู่มุมหนึ่ง
"ทำไมไปนั่งห่างขนาดนั้น มานั่งนี่เถอะ"
"ไม่ย่ะ"
"เฮอะ ฉันนี่ท่าทางจะไม่มีเสน่ห์อะไรเลยนะเมื่อเทียบกับพี่รอง"
"ก็ใช่นะซียะ ถ้าเธอลดความเจ้าเล่ห์เพทุบายให้น้อย ๆ ลงหน่อย ก็คงมีใครมาติดบ่วงบ้างหรอก"
"แล้วเธอล่ะ เคยเห็นฉันน่ารักบ้างไหม"
"ไม่ย่ะ"
"เธอคงเห็นเฮียศุภรน่ารักอยู่คนเดียวละซี"
หม่อมวาณีสงสัย
"เฮียศุภรไหน"
วาณีแยกไป
ม.ร.ว. ศศิรัชนีอึ้ง ... นึกถึงคืนนั้นที่ศุภรในชุดทหารเสือเต้นรำกับเธอ
"ช่างฉันเถอะ เออ นี่เธอมาทำไม"
"ฉันมีเรื่องอยากจะถามเธอ เรื่องนายอัศนีย์อดีตน้องเขยเธอ เขาเป็นยังไงน่ะ"
"ฉันไม่เคยกระทั่งพูดจากัน เขาเจอ เขาแต่ง เขาหย่า กันเสร็จสรรพมาตั้งแต่อเมริกา อ้อ นี่เธอมาเรื่องข่าวคุณสาลินน่ะซี"
"โอโฮ เธอนี่หัวไวจริง ๆ เออ...แล้วหญิงก้อยรู้ข่าวนี้หรือเปล่า"
"ยิ่งกว่ารู้เสียอีก เพราะหญิงก้อยนั่นแหละเป็นคนปั้นข่าวนี้เองกับยายติ่ง"
"ฉันกะอยู่แล้วเชียว แล้วทำไมหญิงถึงทำอย่างนั้น"
"ก็หญิงก้อยถือว่าคุณสาเป็นศัตรูหัวใจ ยิ่งกว่าคุณศรีซะอีกนะ เออนี่...หญิงก้อยว่า คุณรองติดพันคุณสามานานแล้วหรือ"
ชายเล็กตาโต
"โอโฮ มีอะไรบ้างไหมที่เธอไม่รู้ ใช่แล้ว"
"แล้วเธอเองก็ชอบ ๆ เขาอยู่เหมือนกัน"
"ก็ใช่อีก"
"แล้วยังไง ใครดีใครได้ อย่างนั้นหรือ"
"ไม่ใช่ มันอยู่ที่เขารักใคร และใครรักเขาสุดหัวใจต่างหาก"
ชายเล็กพูดยิ้มๆ มีแววฝันบางอย่าง
ในห้องนอน ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสงหันขวับมา เลิกคิ้ว มีแววดีใจ
"คุณเล็กมาเป็นทูตสานสัมพันธ์หรือคะ"
หญิงก้อยใส่ชุดอยู่บ้านยาวกรุยกรายเช่นเคย รองเท้าแตะส้นสูงปักพลอยวูบวับ หญิงกลางคิดในใจ
" โถ แม่คุณ ยังจะหวังอยู่อีก"
หญิงกลางยิ้ม "คงอย่างงั้นมั้งจ๊ะ"
หญิงก้อยหมุนตัวขวับมาหาพี่สาว ดีใจออกนอกหน้าแล้วนึกได้ จึงระงับท่าทีเป็นยิ้มน้อย ๆ
"อีกอย่าง นายเล็กเขาไปเจอข่าวนั้นเข้า ก็เลยมาสืบว่านายอัศนีย์เป็นยังไง"
หญิงก้อยยิ้มเยาะ แล้วกรายตัว
"หญิงนึกออกแล้ว ท่าทางคุณเล็กก็ชอบแม่คนนี้อยู่เหมือนกัน ดูเหมือนว่ายายแก่ นักจองสมบัติ อยากเอาแม่นี่ยัดเยียดให้คุณเล็ก กะว่าไม่ให้สมบัติเด็จป้ากระเด็นไปไหนซักสตางค์เดียว"
"คงไม่ต้องยัดเยียดหรอกจ้ะ นายเล็กก็ดูเต็มอกเต็มใจอยู่"
"ฮึ เจ้าเสน่ห์เหลือเกินนะ ผู้ชายไปรุมหลงรักกันเป็นทิวแถว คนพี่ก็ไปคอยรับคอยส่ง คนน้องก็เจ็บร้อนจนวิ่งแร่มาที่นี่ ส่วนอัศนีย์ก็คงหลงหัวปักหัวปำ"
หญิงก้อยเลิกดีใจ หน้าซีดลง ดวงตาวาววับด้วยความแค้น แต่ก็ยิ่งงามพิลาส
"ป่านนี้นังนั่นคงตัวลอยที่แย่งคนของหญิงไปได้ เฮอะ ที่แท้ก็ของเหลือเดนไปจากหญิงทั้งนั้น"
"แน่ใจหรือหญิง"
หญิงก้อยหันขวับมอง พี่สาวยิ้มเย็น
"เพราะหญิงเอง ก็ยังอาลัยอาวรณ์ของเหลือเดนนั่นอยู่ไม่น้อยนะ"
"พี่หญิง"
"แปลกนะ ความจริงหญิงน่าจะเจ็บแค้นคู่หมายคุณรองมากกว่า"
ม.ร.ว.เทพีเพ็ญแสงยืดกาย เชิดหน้า
"นังนั่นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหญิงหรอกค่ะ เพราะวัน ๆ ก็ถูกเก็บตัวโง่งมอยู่แต่ในกะลา พอหญิงเตือนมันว่าน้องสาวกำลังแย่งคุณรองไปจากมัน ก็ได้แต่ร้องไห้กระซิก ไม่มีปัญญาทำอะไร คอยดูเถอะ ถ้าวันไหนคุณรองคว้านังสาลินเข้าจริง ๆ หญิงจะหัวเราะเยาะเด็จป้าให้สาแก่ใจเชียว"
หญิงกลางอ้าปากค้าง
"หญิงไม่มีวันยอมแพ้คนอย่างนังสาลินหรอกค่ะ หญิงจะต้องชนะ หญิงจะเป็นผู้ชนะในที่สุด"
หญิงก้อยหน้าเชิด รื่น โรย เข้ามา พร้อมกระเป๋าถือ และรองเท้าพร้อมออกข้างนอก
"คุณหญิงกลางขา กระเป๋า รองเท้าพร้อมแล้วค่ะ" รื่นบอก
"พี่หญิงจะไปไหน"
"นายเล็กเขารออยู่ พี่จะเอาเค้กไปแจกที่วังวุฒิเวสม์เสียหน่อย จะเอาไปถวายทั้งเด็จป้า ทั้งคุณป้านักจองสมบัติด้วย ไปนะจ๊ะ"
ม.ร.ว. ศศิรัชนีออกไปพร้อมรื่นกับโรย
หญิงก้อยหน้าเชิดแล้วพบว่าตนเองยืนโดดเดี่ยวอยู่ในห้องงาม แสงจากช่องกระจกยาวทอดมาเป็นลำ คล้ายนางละครในฉากพ่ายแพ้มากกว่าที่มั่นใจไว้
วันธรรมสวนะ ที่วัดใต้ บรรดาอุบาสก อุบาสิกา หนุ่มสาวมาทำบุญที่วัด บ้างสวมชุดขาว แต่ส่วนใหญ่แต่งตัวหลากสีมาประชันกัน
ศาลาการเปรียญดูคึกคัก บรรดาญาติธรรมชายและมรรคนายกนั่งคุยกันอยู่ด้านหนึ่ง อีกด้าน
บรรดาญาติธรรมหญิงช่วยกันทำงานดอกไม้ ร้อยมาลัยจัดพานพุ่ม คุณยายกับยายพิณนั่งประดิดประดอย
ทำพาน ตานั่งขัดเครื่องทองเหลืองของวัด ชบาทิพย์กับพุดซ้อนเดินซับเหงื่อมานั่งด้วย
"อุ๊ย ปลื้มใจค่ะ ได้บริจาคสร้างซุ้มประตูตั้งเก้าร้อยบาท เห็นหลวงพ่อว่าจะสลักชื่อไว้บนซุ้มเลย"
"เอ๊ะ ไม่ใช่ล่ะมั้งแม่พุดซ้อน" ยายว่า
"พุทธชาติค่ะ"
"ที่หลวงพ่อท่านบอกบุญน่ะไม่ใช่ซุ้มประตูนะ แต่ว่าเป็นเมรุเผาผี"
พุดซ้อนสะดุ้งเฮือก มองชบาทิพย์เลิ่กลั่ก
"อุ๊ย อย่าสลักเลย แม่ยังไม่ตาย"
"งั้นไม่ต้องสลักชื่อก็ได้มั้งคะ"
หญิง1บอก "แหม แต่ยังไงก็ขออนุโมทนาด้วยนะจ๊ะ ใจบุญสุนทานอย่างนี้ แม่พุทธชาติถึงได้
ร่ำรวย อยู่บ้านตึก ขับรถฝรั่งคันยาวเป็นวา"
"เอ....แล้วทำไมวันนี้ไม่ขี่รถหรูมาล่ะ ทำไมเดินมาซะเหงื่อตก" พิณว่า
"หรูอะไรจ๊ะ รถมันย้อมแมว" ชบาทิพย์บอก
พุดซ้อนสะดุ้งเข้าปิดปากลูก ชบาทิพย์ตาเหลือก พุดซ้อนถลึงตาให้เงียบ ทุกคนงง
"วุ๊ย เอารถมาก็เหมือนมาอวดร่ำอวดรวย ที่ฉันเดินมานี่ก็กำหนด ขวาย่างพุท ซ้าย..
ย่างโท จิตสงบ ไม่ร้อนไม่รุ่มอะไรเลย"
พุดซ้อนยิ้มตอแหลก็เหงื่อแตกซิกดันแป้งหลุด เมื่อซับก็หน้าด่าง จึงเสหยิบเข็มยาวมาร้อยมาลัย
"ลูกชบาลูก มาช่วยกันร้อยมาลัยเร็วลูกขา แหม แต่พวกเราร้อยยังไงก็ฝีมือชาวบ้าน ถ้าได้ฝีมือชาววังอย่างหลานสาวคุณน้าละก็ คงงามบอกไม่ถูก"
ยายสบตากับนางพิณและตา
"แม่ศรีน่ะหรือ นาน ๆ เขาถึงมาเยี่ยมที" ยายบอก
"อ้าว แต่แปลกนะคะ คุณชายหลานเขยคุณน้า กลับมาเยี่ยมอยู่ทุกบ่อย"
คุณยายขมวดคิ้ว คุณตาหันมาฟัง ยายพิณทำตาปริบ ๆ หญิงทั้งมวลมอง พุดซ้อนยิ้มวางท่า
"บ่อยอะไร คุณชายเพิ่งมาส่งแม่สา 2 ครั้งเอง"
"คุณยายน่ะเห็นแค่ 2 ครั้งน่ะซีคะ แต่เดี๊ยนน่ะเห็นไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง นับนิ้วก็แทบไม่ถ้วน"
ชบาทิพย์มองหน้าแม่
"เอ๊ะ ก็เพิ่งเห็นแค่ 3"
พุดซ้อนอุดปากชบาทิพย์ถลึงตาแล้วหันมายิ้มกับทุกคน
"อีชบา เอ้ย หนูชบาอย่าสอดลูก ผู้ใหญ่เขาคุยกัน อย่างเมื่อวานก็มาส่งกันหน้าบ้าน
แปลกนะคะ ไม่ยอมเข้าไปข้างใน ไม่รู้กลัวอะไร"
คุณตา คุณยายสบตากัน คล้ายคุยด้วยพลังจิตโต้ตอบ
" ทำไม ยายสาไม่บอก" ตาว่า
" ฉันจะไปรู้หรอ"
พุดซ้อนยิ้มมีชัย
"แล้วก็ยังรี ๆ รอ ๆ คุยอ้อยอิ่งกันหน้ารั้วอยู่อีกตั้งนานสองนานนะคะ"
"ก็คงมีธุระปะปังกันนั่นแหละ"
"ก็ไม่รู้ว่าธุระอะไรนะคะ พอลงท้ายคุณชายก็คว้ามือหนูสาไปกุมแน่น"
พุดซ้อนคว้ามือชบาทิพย์ไว้
"หนูสาก็ช้อนตาขึ้นมอง"
ชบาทิพย์มีอาการอินกับเมื่อคืน ช้อนตาขึ้น
"คุณชายก็มองตอบ ตางี้หวานเยิ้ม สบตากันอยู่เนิ่นนาน"
ยายพิณเผลอยิ้ม
คุณตา คุณยายสบตากัน พูดกันด้วยพลังจิตอีก
"ฉันกะอยู่แล้วเชียว" ตาว่า
" จะเกาะจะกุมก็ทำไมไม่มาทำในบ้าน" ยายว่า
ยายพิณส่งพลังจิตบ้าง "อู๊ย คู่กันแล้วไม่แคล้วกัน"
สองตา - ยายชะงักมองหน้า ยายพิณชะงักยิ้มเรี่ยราด
"ไม่เคยเห็นพี่เขยน้องเมียที่ไหน เขาสนิทกันขนาดนี้เลยนะคะ" พุดซ้อนบอก
"ใครว่าเป็นพี่เขย ทางวังก็แค่มาเปรย ๆ หมั้นก็ยังไม่หมั้น" ยายบอก
"อ้าว ก็คุณน้าเคยบอกว่าเป็นพี่เขย"
"เปล๊า ฉันไม่เคยบอกซักหน่อย"
"แต่ยังไงก็เป็นว่าที่พี่เขย มาทำอย่างนี้มันไม่งามนะคะ"
"ฉันว่าแม่ซ้อนเข้าใจผิดมากกว่า"
คุณตาบุ้ยใบ้ คุณยายด้นกลอนสดต่อ
"ใช่ คนที่มาส่งน่ะ คงเป็นคุณชายเล็ก เพราะกำลังมีการทาบทามให้แม่สาอยู่พอดี"
"วุ้ย....ไม่ใช่ค่ะ คุณชายคนเดิมแหละค่ะ"
"แหม.....คุณชายวังนี้หน้าตาเขาคล้าย ๆ กัน ขับรถก็แบบเดียวกัน แม่ซ้อนแอบดูอยู่ห่างๆ ก็เลยจำผิด" ยายบอก
"ไม่ห่างค่ะ แอบดูอยู่ในพงใกล้ ๆ เลย แค่เม็ด (เมตร)เดียว"
"เกือบเอื้อมมือไปแตะตัวเลยล่ะค่ะ" ชบาทิพย์บอก
ทุกคนมองหน้า พุดซ้อนรู้ตัวรีบสะกิดให้ชบาทิพย์เลิกพูด แล้วยิ้มเรี่ยราดหยิบดอกบัวมาพับเป็นจักรผัน ทุกคนเซ็ง เว้นแต่คุณยายที่กำเข็มเล่มยาวแน่น ตาฮึดฮัด ยายพิณยิ้มสมหวัง
ในห้องทรงพระสำราญเสด็จประทับบนพระที่ สร้อยและสอางค์อยู่ที่พื้นสุมหัวดูหนังสือพิมพ์ที่กางอยู่ ศรีจิตราอยู่ที่เบื้องพระบาท เสด็จมีท่าทางอึดอัด มาลา วรรณาก็ปริวิตก นั่งกระพือพัดเงี่ยหูฟัง
"ไปจับมือถือแขนกับใครล่ะเนี่ย นายอัศนีย์ เถลิงการ" สร้อยว่า
"ฮือ ทำไมต้องเป็นไอ้เจ้านี่" สอางค์บอก
"ใครกันคะ พี่สอางค์"
สอางค์มัวแต่สั่งน้ำมูก เสด็จจึงทรงตอบ
"จะใครซะอีกล่ะ ก็ผัวเก่าแม่ก้อยไง"
"ว้าย ตายแล้ว อกแตก" สร้อยบอก
มาลา วรรณา นั่งนับนิ้ว ยิ่งวิตก
สอางค์บอก "ฮือ...ยายสานะยายสา อุตส่าห์หมายมั่นให้คุณชายเล็ก ไปใจเร็วด่วนได้กับมันได้ยังไง"
"คุณป้าคะ ข่าวพวกนี้ฟังไม่ได้หรอกค่ะ" ศรีจิตราบอก
"แต่รูปก็ยืนยันอยู่ทนโท่นะยะ"
"ยายสามีอะไรไม่เคยปิดหนูค่ะ หนูไม่เคยได้ยินยายสาพูดถึงนายคนนี้ซักคำ"
"อู๊ย....เราน่ะดี เลยคิดว่าคนอื่นดีไปหมด ฮึ ฉันจะต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุด"
"นี่แม่สร้อย"
"เพคะ"
"มีอะไรก็ค่อยพูดค่อยจา อย่างเพิ่งตีโพยตีพายไป"
สร้อยเสียงดังลืมตัว "เพคะ"
สอางค์ตีสร้อยให้รู้สึกตัว
"ไม่ตีโพยตีพายเพคะ" สร้อยบอก
ระเบียงหลังบ้านราชดำริ ขันน้ำพานรองถูกทุ่มโครมมา กลิ้งขลุก ๆ ไปใกล้อุ่นเรือน พิศกับกำไล สาวใช้เด็ก ๆ ร้องวี๊ด
"ว้าย แม่มึง" พิศร้อง
สร้อยหน้าหงิก ในมือมีหนังสือพิมพ์ที่พับหน้าในไว้
"อะไรกันคะ คุณพี่" อุ่นเรือนถาม
สร้อยทุ่มหนังสือพิมพ์ลงหน้าอุ่นเรือน
"จะอะไรล่ะยะ ก็งามหน้าขึ้นมาแล้วน่ะซี ฉันกะอยู่แล้วว่าเลือดมันต่ำ มันต้องทำอะไรต่ำ ๆ ให้อับอายขายขี้หน้า"
อุ่นเรือนมองหนังสือพิมพ์แล้วหน้าซีด พิศ กำไลชะเง้อแล้วซุบซิบกัน
"ยายสาไม่ใช่คนแบบนั้นนะคะ"
"นี่หล่อนกล้ารับรองหรือ นี่ล่ะน้า ไม่ได้อบได้รมให้เป็นกุลสตรี วัน ๆ ก็ห้อยโหนอยู่ในสวนเป็นนางชะนีป่า นี่ก็คงถึงเวลา...ร้องหาผัว"
อุ่นเรือนตาเข้มขึ้น เสียงแข็ง
"คุณพี่คะ อย่าพูดถึงลูกดิฉันแบบนั้นนะคะ"
"ว้าย นี่หล่อนกล้าเสียงแข็งกับฉันหรือ"
"สาลินไม่เคยทำตัวเลวเกวอย่างที่คุณพี่ว่า"
"นี่หล่อน หล่อนลืมบุญคุณข้าวแดงแกงร้อนที่รดหัวหล่อนกับลูกแล้วรึไง ต๊าย.... นี่แหละโบราณท่านว่า สัญชาติคางคก เอ๊ะ...ไม่ใช่ ท่านว่ามีลูกผู้หญิงเหมือนมีเว็จอยู่หน้าบ้าน จะเน่าหนอนชอนไชให้เหม็นโฉ่ขึ้นมาเมื่อไรก็ไม่รู้"
สร้อยกระแทกของปึงปังเดินกระทืบตีนออกไป อุ่นเรือนน้ำตาร่วง พิศกับกำไลเข้าปลอบโยน
"คุณอุ่น อย่าไปฟังเลยนะคะ " กำไลว่า
"ต้องฟังซีกำไล บอกนายสมเอารถออก ฉันจะไปฟังความจากแม่สาลินเดี๋ยวนี้ล่ะ"
ณ เทอเรซวังวุฒิเวสม์ ม.ร.ว. ศศิรัชนี กับชายเล็กนั่งอยู่กับสอางค์และศรีจิตรา
กล่องเค้กวางอยู่ตรงหน้า มาลา วรรณาช่วยเสิร์ฟของว่าง
"แหม....เสียดาย ป้าสร้อยกลับไปเสียแล้ว ส่วนเสด็จทอดเนตรข่าวหนังสือพิมพ์ฉบับเมื่อวานแล้วทรงหนักพระทัย เลยเด็จขึ้นแล้วจ๊ะ"
"เสียดายจัง" หญิงกลางบอก
"แล้วหญิงกลางพอจะรู้ไหม ว่านายอัศนีย์เขาเอาข่าวแบบนี้ไปลงทำไม"
"เออ คือ ..."
"หญิงกลางไม่รู้เรื่องหรอกครับคุณป้า นายอัศนีย์แทบไม่เคยมาที่วังเลยด้วยซ้ำ เอ....หญิง เราต้องรีบไปแล้วนี่" ชายเล็กบอก
"ค่ะ งั้นหญิงลาก่อนนะคะ ขอให้ทานขนมให้อร่อย ช่วยชิมด้วยนะคะคุณศรี"
ศรีจิตรายิ้มเจื่อน "ได้ค่ะ"
"อย่าหาว่ายุ่งเลยนะ จะรีบไปไหนกันเหรอจ๊ะ" สอางค์บอก
"อ๋อ หญิงกลางจะไปซื้อของฝากที่ร้านพี่รองน่ะครับ ผมเลยอาสาพาไป"
ศรีจิตรายิ่งเจื่อน
"หญิงลานะคะ"
ม.ร.ว. ศศิรัชนีไหว้ลาสอางค์ แล้วออกไปกับชายเล็ก
"เลยไม่รู้เรื่องกันเลยนะคะ ว่านายอัศนีย์มาจีบคุณสารึเปล่า" มาลาบอก
"ถ้าจีบจริง คุณชายเล็กน่าจะเป็นเดือดเป็นแค้นบ้างนะคะ ทำไมเธอดูเช้ย เฉย"
"เธออาจจะไม่ได้สนใจยายสาก็ได้ เธออาจจะมีคนอื่นอยู่แล้ว" ศรีจิตราบอก
สอางค์บอก "แม่ศรี พูดอะไรอย่างนั้น ชายเล็กจะไปมีใครที่ไหนอีก"
"ก็อย่างคุณหญิงกลางไงคะ เป็นไปได้ไหมคะ ว่ามีอะไรพิเศษกว่าความเป็นเพื่อน"
สอางค์ยิ้ม มาลา วรรณา ตบอกผาง วิตก สอางค์เพิ่งนึกออก ตาโตเท่าไข่นกกระจอกเทศ
"ว้าย.....เป็นไปไม่ได้ เขาเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก....เอ๊ะ หรือเป็นไปได้"
มาลาบอก "น่าสงสัยนะคะ เพราะคืนวันงาน เต้นรำกันตั้งนานสองนาน"
"นานกว่าคุณศรีอีกมั้ง แล้วเต้นกับคุณสาแป๊บเดียวเอง"วรรณาบอก
"ว้าย ป้าต้องไปสืบดูแล้ว ดีนะ ที่แม่ศรีรอบคอบ เป็นห่วงน้องใช่ไหมลูก"
ศรีจิตราอึกอัก "เออ....ชะ ใช่ค่ะ"
"ไม่งั้นฉันปลูกเรือนคร่อมตอแน่ ๆ ยายสาจะเจอประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเข้าเปล่า ๆ"
สอางค์รีบเข้าตึกไป มาลา วรรณามองตามตาปริบ ๆ ศรีจิตราถอนใจ
สาลินนั่งแท็กซี่ตาผล แล่นมาจอดด้านหลังบ้าน คุณตาโบกมือให้ตาผลจอดรถ คุณยาย ยายพิณนั่งหน้าเครียดรออยู่นอกเรือนอยู่แล้ว
"มีอะไรกันคะ เหมือนมารอรับสากันทั้งบ้านเลย"
"ใช่....มารอเรานั่นแหละ" ตาบอก
"แสดงว่าวันนี้คุณยายทำของพิเศษให้สาทานใช่ไหมคะ อะไรเอ่ย"
"มีลูกมะผางจะกินไหม"
"คะ ?"
ขาดคำ รถของบ้านราชดำริแล่นมาจอดอย่างเร็ว ทุกคนมองตาม
"เอ๊ะ...นั่นรถแม่อุ่นเรือนนั่งมานี้"
อุ่นเรือนหน้าเคร่งเข้ามาไหว้คุณตา คุณยาย มือถือหนังสือพิมพ์ฉบับเมื่อวานมาด้วย
"แม่มาได้ยังไงกันคะ"
"แม่ต้องมาลูก แม่จะมาถามเรื่องข่าวในหนังสือพิมพ์"
ยายบอก "เดี๋ยว เดี๋ยว ให้ฉันถามก่อนแม่อุ่น นี่...บอกมานะ ทำไมหนูไปจับมือถือแขนกับ
คุณชายรอง"
สาลินอ้าปากค้าง
"ว่าไงนะคะคุณแม่" อุ่นเรือนตกใจ
"ยายสาไปจับมือถือแขนคุณชายรอง อยู่หน้ารั้วบ้านนั่นแหละ ชาวบ้านแถวนี้มันถ่างตาเห็น ตอนนี้ลือไปเจ็ดคุ้งน้ำแล้ว"
"จริงเหรอยายสา"
"คือว่า"
"แล้วแม่อุ่นจะถามอะไร"ตาถาม
"หนูก็จะถามยายสาว่า หนูไปจับมือถือแขนกับนายอัศนีย์ทำไม หนังสือพิมพ์เขาลงข่าว คนเห็นไปทั้งเมืองแล้ว"
ทั้งหมดร้อง "หา !"
คุณตา คุณยาย ยายพิณ ตาผลอ้าปากค้าง
อุ่นเรือนส่งหนังสือพิมพ์หน้าเจ้ากรรมต่อหน้าคุณตา คุณยาย ยายพิณ ตาผลเข้ามาดู สาลินหลับตาปี๋ คุณยายตบอกผาง
"ว้าย ตายแล้วยายสาไอ้เจ้านี่มันเป็นใคร"
"เป็นมหาเศรษฐีค่ะ สามีเก่าคุณหญิงก้อย" อุ่นเรือนบอก
"แล้วคุณหญิงก้อยนี่มันใคร" ตาถาม
"ก็คนรักเก่าคุณชายรองค่ะคุณพ่อ"
ทุกคนร้อง "หา!"
คุณตาพยักหน้ารับรู้ คุณยายรวบรวมข้อมูลในสมองวุ่น อุ่นเรือนหันมาหาสาลิน
"เอ้า ตอบแม่ได้รึยัง หนูไปจับมือถือแขนกับนายอัศนีย์ได้ยังไง"
"ใช่ แล้วก็ตอบฉันมาซิว่าแกไปจับมือถือแขนกับคุณชายรองทำไม" ยายบอก
สาลินถอนใจดังป๊าด
"จะให้หนูตอบเรื่องไหนก่อนล่ะคะ"
"เรื่องคุณชายรองซีคะ ตกลงคุณชายรองมาชอบคุณสาจริงแล้วใช่ไหมคะ วุ้ย....ดีใจจริง ๆ"
คุณยาย คุณตา อุ่นเรือน ตาผล หันขวับมามองยายพิณตาเขียว ยายพิณทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
"จะมองยังไง อิชั้นก็ดีใจอยู่ดีแหละค่ะ"
สองวันต่อมา ศรีจิตราและสาลินเดินอยู่ในมุมสวนวังรัชนีกุล
"ผู้ใหญ่ทางนี้ว่ายังไงบ้างคะ" สาลินถาม
"พอสาแก้ตัวให้แม่ฟัง แม่ก็ไปบอกป้าสร้อย ป้าสร้อยก็ไปบอกคุณป้าใหญ่ คุณป้าใหญ่ก็ไปกราบทูลเสด็จ เสด็จก็เลยทรงเบาพระทัย จะทรงทาบทามสาให้คุณชายเล็กต่อไป"
ศรีจิตราพูดยิ้ม ๆ สาลินทำจมูกย่นคล้ายได้กลิ่นเหม็น
"ทำไมพี่ศรีถึงชอบพูดถึงแต่คุณชายเล็กนี่นะ สาได้ยินพี่ศรีพูดเรื่องอีตาคุณชายเล็กนี่เป็นร้อยหนแล้ว"
"แต่พี่ได้ยินสาพูดถึงคุณชายรอง ร้อยเอ็ดหนแล้วเหมือนกัน"
ศรีจิตราพูดเรียบ ๆ สาลินอึกอัก
"ไม่จริงซะหน่อย"
ศรีจิตรายิ้ม
"เออนี่....แล้วสาไปรู้จักกับนายอัศนีย์ได้ยังไง"
"เขาเป็นเพื่อนนักเรียนนอกกะคุณบรรณารักษ์ที่ห้องสมุดค่ะ แล้วอยู่ดี ๆ เขาก็มาชวนสาไปทำงานกับเขา สาแค่ไปคุยธุระกับเขาหนเดียว ก็ดันมีนักข่าวตาผีเอาไปทำข่าวได้ เจ้าพระคู๊ณ ขอให้มันตาบอด"
วิรงรองนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน กำลังเขียนอาย์ไลเนอร์ เลื่อมประภัส ฉัตรอาชา ถือรูปและแฟ้มเข้ามา
"คุณติ่งขา"
"แหก.....ว้าย"
ปลายพู่กันอายไลเนอร์จิ้มเข้าตา วิรงรองร้องกรี๊ดทิ้งพู่กันขวดอายไลเนอร์กระจาย ลุกขึ้นเต้นเร่า ๆ
เลื่อมประภัส ฉัตรอาชาตกใจ ทิ้งรูปทิ้งแฟ้มไปยืนกอดกันคล้ายนางกำนัลในหนังสือมหากาพย์
โถงกลางตำหนักเล็ก หม่อมวาณีนั่งตรงข้ามอำพัน นมย้อย เจียม น้อม เตรียมของว่างให้ แล้วรอดูรับใช้ห่าง ๆ
"แหม.....เป็นเกียรติเหลือเกินค่ะ ที่หม่อมมาร่วมวงสโมสรของดิฉัน"
"เห็นหม่อมบอกว่าขาดขา ดิฉันก็เลยมาให้ไงคะ"
"ก็ตั้งแต่ที่ท่านผู้กำกับเข้าใจผิด บุกเข้ามาเพราะนึกว่ามีโจรมาปล้นวัง คุณนายผู้กำกับเลยไม่ค่อยได้แวะมาร่วมสโมสรสักเท่าไหร่ค่ะ "
"แต่วันนี้คงไม่ขาดแล้วมังคะ อาจจะได้สมาชิกเพิ่มด้วย"
"อุ๊ย....สมาชิกเพิ่ม ใครคะ"
"อ้าว....ก็คุณสอางค์กับคุณสร้อยไงคะ เห็นว่าจะแวะมาหาดิฉันที่นี่ด้วย" หม่อมวาณีบอก
"หา....จะมาทั้งพี่ทั้งน้อง กล้าดี....เอ๊ย....จะมาจริงเหรอคะ"
นมย้อม น้อม เจียมอ้าปากค้าง เมื่อมองไปเห็นสอางค์ สร้อย เดินถือกระเช้าของคาวหวานเข้ามาในโถงหน้าชื่นตาบาน
"มาพอดี สวัสดีค่ะ คุณสอางค์ คุณสร้อย" หม่อมวาณีว่า
น้อม เจียมรีบเข้าไปรับของ
"สวัสดีค่ะหม่อมวาณี สวัสดีค่ะหม่อม...อำพัน นี่ค่ะของฝาก"
สอางค์ยิ้มละไม หม่อมอำพันทำหน้าไม่ถูก
"อุ๊ย.....มีของฝากมาด้วยเหรอคะ"
"ค่ะ มีของมาฝากหม่อม" สอางค์บอก
"ขอบใจ"
"เปล่าค่ะ ฝากหม่อมวาณีคนเดียว"
หม่อมอำพันสะดุ้งเฮือก
"วันก่อนคุณหญิงกลางเอาขนมนมเนยมาฝากทั้งตำหนัก ดิฉันเลยถือโอกาสที่หม่อมมาเยี่ยมวัง เอาของคาวหวานมาตอบแทนค่ะ"
"ขอบคุณค่ะ"
"หมดธุระรึยังคะ ถ้าหมดแล้วเราจะได้ไปร่วมวงเสียที ขารออยู่ค่ะ"
สอางค์ สร้อยมองหน้ากันไม่รู้จะแก้สถานการณ์ยังไง สร้อยนึกขึ้นได้
"เออ นมย้อยจ๊ะ คุณหญิงเสนามาด้วยใช่ไหม เห็นรถท่านจอดอยู่หน้าตำหนัก"
"ค่ะ ตั้งสำรับเปิดวงกันเองไปหลายรอบแล้วค่ะ"
"ดีเลย ถ้าอย่างนั้นขอไปกราบท่านก่อนนะคะ" สร้อยว่า
"แหม....ก็อยู่ร่วมวงด้วยกันเลยซีคะ อย่าเพิ่งกลับ"
สร้อย/ สอางค์ บอก "ก็ดีนะคะ / ได้ค่ะ"
"ไปค่ะ " วาณีบอก
วาณี สร้อยเข้าไปในห้องทีวี สอางค์จะตามไป
"อ้าว คุณข้าหลวงใหญ่ขา ไหนว่าอบายมุข เล่นแล้วมีแต่เสื่อม มีแต่ล่มจมไงคะ มาพลิกลิ้นเสียแล้ว"
สอางค์บอก
"ไม่ได้พลิกลิ้น ยังถือคติเดิมอยู่ค่ะ แต่ถ้าเล่นเพื่อสังคม เพื่อบันเทิงชั่วครู่ชั่วยามดิฉันไม่ถือว่าเสื่อม แต่ไอ้ที่เล่นเป็นอาชีพ เล่นทั้งวันทั้งคืนกินบ้านกินเมืองนั่นละค่ะเสื่อมของแท้"
สอางค์หน้าเชิดเข้าห้องเล็กไป นมย้อย น้อม เจียมแอบขำ
"หน้าด้านทั้งพี่ทั้งน้อง นมย้อย"
"คะหม่อม"
"วันนี้ทำของถูกปากหน่อยนะ วันนี้ต้องอารมณ์เสียแน่ ๆ"
"ทำไมคะ"
"ก็วันนี้มีตัวขัดลาภมาเล่นด้วย ฉันต้องเสียยุบเสียยับ เฮ้อ ไม่อยากเล่นเลยจริง ๆ"
อำพันเข้าห้องทีวีไป นม น้อม เจียมมองหน้ากันตาปริบ ๆ
สะใภ้จ้าว ตอนที่ 13 (ต่อ)
ศรีจิตรามองสาลินเพ่งพิศ
"แล้วพอมีข่าว คุณชายเธอว่ายังไงบ้าง"
สาลินพลันปั้นปึ่ง แต่ดวงตามีแววฉ่ำบางอย่าง
"เขาก็มาลากสาไปด่าน่ะซีคะ ห้ามสาไม่ให้คุยกับนายอัศนีย์ เชอะ มีสิทธิ์อะไรเขา
ไม่ใช่เจ้าหัวใจสาซักหน่อย"
ศรีจิตรามองดูทุกอิริยาบทของน้องสาว
"นั่นซี ใครกันน้า ที่จะมาเป็นเจ้าหัวใจสา"
สาลินไม่ได้ฟัง ยังอินเรื่องชายรอง
"ที่เขามาอาละวาดกับสาน่ะ เพราะอะไรรู้ไหมคะ เขายังโกรธนายอัศนีย์ที่มาแย่งคุณหญิงก้อย คนรักเขาไป เขาหึงยายคุณหญิงจนหน้ามืดแล้วมาพาลกับสา"
"อาจไม่ใช่ก็ได้นะ"
"ทำไมจะไม่ใช่"
สาลินค้อนไปทางตำหนักเล็กอีกหน ศรีจิตราหยิบหนังสือนิทานของชายเล็กมา แล้วจัดเรียงไว้เป็นระเบียบ สาลินมองดู
"พี่ศรี พี่ศรีทำใจได้หรือยัง เรื่องคุณชายรอง"
"พี่ไม่ต้องทำใจหรอกจ้ะ แค่เตรียมใจต่างหาก รอดูว่าคุณชายจะเลือกใคร"
"โธ่เอ๋ย เขาต้องเลือกคนอื่นแน่เลยพี่ศรี"
"จ๊ะ พี่ก็แน่ใจอย่างนั้น ว่าเขาต้องเลือก...อีกคนนึง"
"โธ่....แล้วพี่ศรียังจะรักคุณชายอยู่อีกหรือ"
ศรีจิตราลุกขึ้นเดินไปมองทางตำหนักเล็ก พูดถึงอีกคุณชาย
"จ้ะ พี่ตัดสินใจแล้ว"
"รักเขาข้างเดียวน่ะหรือ"
"ต่อให้รักเขาข้างเดียว พี่ก็จะทำทุกอย่างเพื่อชนะใจเขา ต่อให้ไม่สำเร็จ ต่อให้ต้องเจ็บปวด แต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย"
สาลินมองศรีจิตรา จิตใจสับสนอลหม่าน ลุกพรวดขึ้น
"ทำไมพี่ศรีถึงได้...ฮึ...เขาน่ารักอะไรนักหนา เห็นมีแต่วางอำนาจ ขี้เก๊กก็เท่านั้น ปากก็ยังกะตะไกร แล้วที่สำคัญคือเขารักคนอื่นอยู่ ฮึ"
สาลินหน้าบึ้งค้อน ศรีจิตรามองดู
"ใช่ซี สาไม่เคยรักใครนี่ สาก็เลยไม่รู้"
ศรีวิตรายิ้ม
" ไม่แน่หรอก สาอาจจะรักเขาเข้าแล้ว แต่สาไม่รู้ตัวก็ได้"
"พี่ศรีพูดอะไร มีด้วยหรือคะ รักเข้าแล้วโดยไม่รู้ตัว"
ศรีจิตราขยับมา ยื่น 2 มือ กุมมือน้องสาว
"มีซีสา มันเหมือนน้ำที่หยดลงทีละหยด สั่งสมมากขึ้นจนท่วมท้น จนถึงวันหนึ่ง มันก็จะถั่งโถมเข้าหาสา เข้าท่วมท้นหัวใจ เอิบอาบไปทุกอณูของชีวิตสา"
สาลินตกตะลึง
"แล้วสาจะพบว่ามันคือความรัก ความรักอันลึกซึ้ง ไม่มีวันที่จะไถ่ถอนเปลี่ยนแปรได้"
ลมแรงพลันพัดมาในห้อง ผมและชุดของ 2 สาวสะบัดไหว แต่ไม่เท่าใจทั้งสองดวง
สาลินคราง
"พี่ศรี นี่ความรักทำให้พี่ศรีเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ"
สร้อยอุทานออกมาเมื่อทุกคนเปิดไพ่แ อำพันทำหน้างุนงงเหมือนผีหลอก
"ว้าย ดิฉันรับทานค่ะ ต๊าย สี่ตารวดเลย" สร้อยบอก
"อุ๊ย....ได้กินสี่ตารวดเหมือนกันค่ะแไม่อยากเชื่อ เสียมาเป็นเดือนเพิ่งได้กินวันนี้แหละ" อำพันบอก
"ดิฉันเสียค่ะ ขอพักก่อนละกันนะคะ" วาณบอก
"วางมือก่อนเหมือนกันค่ะ" สอางค์บอก
สอางค์และวาณีออกไประเบียงด้านนอก
"เออ ตานี้ใครแจกไพ่ล่ะคะ" เสนาถาม
อำพันยิ้มหวาน
"ก็ต้องคุณสร้อยล่ะคะแ แจกมาสี่ตา ไพ่ขึ้นทุกตา เชิญค่ะ"
"ยินดีค่ะ ไม่รู้ตัวเลยนะคะว่าเป็นคนมีโชคทางนี้"
อำพัน สร้อยหัวเราะกันระรื่นเหมือนไม่เคยบาดหมางกันมาก่อน
สอางค์ออกมานั่งจิบชากับวาณีที่ระเบียงข้าง สอางค์ถามลองใจ
"วันนั้นชายเล็กพาหญิงกลางมาที่วังน่ะค่ะ แหม คู่นี้เขาสนิทสนมกันดีจริง ๆ นะคะ"
"ก็เพื่อนกันนี่คะ"
"เห็นวันงานก็จับคู่เต้นรำกันอยู่นานสองนาน ไม่ทราบว่า....เออ เขาเป็นเพื่อนสนิท
กันขั้นไหนคะหม่อม"
"อุ๊ย....นี่คุณสอางค์คิดว่าเขาเป็นแฟนกันเหรอคะ ไม่ใช่ค่ะ" วาณีหัวเราะคิก
สอางค์หัวเราะตาม
"หม่อมแน่ใจนะคะ"
"แน่ใจร้อยเปอร์เซนต์ค่ะ เพราะตอนนี้ยายกลางน่ะเขาไปชอบพอกับนักธุรกิจคนนึงอยู่"
"อุ๊ย...เหรอคะ พอจะแย้ม ๆ ให้ฟังหน่อยได้ไหมคะ"
"ดิฉันก็ยังไม่รู้จักค่ะ เห็นชายเล็กกับยายกลางเรียกเขาว่า เฮียศุภร"
สอางค์โล่งอก
"โถ....คุณศุภร คนกันเองแท้ ๆ"
"อุ๊ย....ใครคะ"
"เพื่อนสนิทคุณรองค่ะ ทำร้านผ้าไหมด้วยกัน งั้นซี....คืนวันงานเต้นรำกับหญิงแทบทั้งคืน"
"ดูเหมือนยายกลางพามาสวัสดีเหมือนกัน แต่ดิฉันไม่ทันสังเกตเพราะแต่งทหารเสือเหมือนกันไปหมด อีกอย่าง มัวแต่กลุ้มใจแม่หญิงก้อยทำขายขี้หน้า ก็เลยเมาน่ะค่ะ"
วาณีชะงักไปที่หลุดปาก รีบยิ้มกลบเกลื่อน
"มันขายหน้าแขกในงานน่ะค่ะ เลยดริงค์ให้หน้ามันตึงขึ้นมาเสียหน่อย"
"เข้าใจค่ะ แอลกอฮอลล์ช่วยให้ผิวหน้าตึง และกระชับหนังกำพร้าให้หนาขึ้นมาอีกนิดค่ะ"
สองหญิงหัวเราะให้กัน เป็นที่สำรวล
ในห้องนอน ศรีจิตรายิ้มน้อย ๆ หน้าแทบเปล่งแสงได้ ดวงตาสดใสราวน้ำค้าง มองตัวเองในกระจก
สร้อย สอางค์กำลังทาบผ้าสวยลงกับร่างของศรีจิตรา มาลา วรรณาคอยช่วย
"ตกลง.....คุณหญิงกลางเธอชอบพอกับคุณ ศุภรเหรอคะ"
"จ้ะ หม่อมวาณีบอกเมื่อบ่ายนี่เอง ชายเล็กน่ะเขาเป็นพ่อสื่อพ่อชักให้ "
"งั้นซีคะ วันนั้นก็พาไปซื้อของขวัญร้านคุณศุภร" มาลาบอก
ศรีโล่งอก ยิ้มมากขึ้น สร้อยสังเกต
"วุ้ย ยายศรี พอรู้ว่าคุณชายเล็กยังไม่มีพันธะหัวใจ หน้าเห่อราวขึ้นปราสาทเหมเลยนะจ๊ะ"
มาลา วรรณา มองอย่างสงสัย ศรีจิตราหลบตาทุกคนอย่างมีพิรุธ
"แสดงว่า โล่งใจแทนน้องใช่ไหม" สอางค์ว่า
"ชะ ใช่ค่ะ "
"ทีนี้ยายสา ทางสะดวกแล้ว"
แต่ศรีจิตราหมายถึงตัวเอง "ค่ะ ทางสะดวกแล้ว"
"นี่ เลิกห่วงน้องแล้วมาห่วงแต่ตัวเราเถอะ คุณชายรองกะหนูน่ะไม่เห็นคืบหน้าซะที"
"ก็มัวแต่เสงี่ยมหงิมอยู่น่ะซี" สร้อยว่า
สร้อยลืมตัวดุ สอางค์เอื้อมมือข้ามศรีจิตรามาหยิก
"มารยาร้อยเล่มเกวียน ขุดมาใช้ซักเกวียนเถอะลูก สมัยป้ากับเสด็จพระองค์ชายน่ะ ฮึ.....ทรงหลงป้าเศียรปักเศียรปำ.....โธ่"
มาลา/วรรณาต่อให้ "ไม่น่าพระชนม์สั้นเลย"
สอางค์ชะงักค้อน 2 พระพี่เลี้ยง สร้อยลูบหลังลูบไหล่ศรีจิตรา
"มารยาหญิงน่ะใช้ไปเถอะ ผู้ชายน่ะปลาตายน้ำตื้นกันทุกคน" สร้อยบอก
ศรีจิตราหน้าแดง
"แล้วหนูต้องทำยังไงล่ะคะ"
"ก็หัดแต่งตัวให้มันสวยขึ้น ไปขัดผิว ขัดหน้า อบตัว นี่....แล้วชุดที่ใส่น่ะ เปิดเผยเนื้อหนังมั่ง"
มาลา /วรรณาร้อง "ว้าย จะดีเหรอคะ"
"ดีซียะ เวลาอยู่ใกล้ก็ถึงเนื้อถึงตัวเขาแบบแนบเนียน บางครั้งแกล้งทำอ่อนแอให้เขาประคับประคองมั่ง อู๊ย ง่ายจะตาย"
ศรีจิตราตาสว่าง คล้ายจะทำมานานแล้วแต่เพิ่งได้ใบไลเซนส์อนุญาต
"ว้าย คุณสร้อย พูดเหมือนเคยนะคะ" มาลาว่า
"ปลาตายน้ำตื้นมากี่ตัวแล้วคะ" วรรณาถาม
สร้อยตาเขียว
"ไม่มีปลาตายย่ะ มีแต่ปลาเป็นว่ายหนีไปหมด เหมือนหล่อน 2 คนนั่นแหละ"
มาลา วรรณาอึ้งแล้วสลดไป
"นี่ พูดถึงชุด เดี๋ยวป้าจะออกแบบชุดให้นะ ถ้าช่วงอก ต้องเอาแบบ อกเขาพระวิหาร"
มาลาบอก "อุ๊ย ปรียาเลยเหรอคะ"
"สะโพกก็ต้องเน้นให้สุดเสียงสังข์"
"อุ๊ย....มาริลีน มอนโรเลยค่ะ" วรรณาว่า
ศรีจิตรามองดูเงาตัวเองในกระจก เงาที่มองตอบมาดูลึกลับเร่าร้อนกว่าตัวจริง
วันรุ่งขึ้น ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสงมองดูเงาตัวเองในกระจกโต๊ะเครื่องแป้ง ลูบไล้ครีมและเครื่องหอมไปตามเรือนร่าง มีเสียงเคาะประตู เธอตวาด
"อะไรอีกล่ะ"
ที่หน้าประตู แม่กับพี่สาวหอบกล่องยาวในมือ มีสีหน้าเอือมระอา
"พี่เองจ้ะ หญิง"
"เชิญค่ะ"
ม.ร.ว. ศศิรัชนีเข้ามาพร้อมกล่อง วาณีตามมา
"มีคนเอาดอกไม้มาให้แน่ะ หญิง"
"ใครอีกล่ะ วุ่นวายจริง ๆ"
เธอลุกขึ้น หมุนตัวขวับให้ชายเสื้อคลุมตวัด แล้วเดินชายเสื้อระพื้นมา หญิงกลางส่งกล่องให้
เธอดึงริบบิ้นออก เปิดกล่อง หยิบช่อดอกไม้อันเป็นดอกคัทลียาราวหนึ่งโหล แล้วทิ้งกล่องลงพื้น
แล้วชะงักเมื่อมีแสงพร่าพรายส่องเข้าหน้า เธอเบือนหน้าแล้วกลับมองใหม่ ที่ส่วนโคนรัดก้านดอก
มีสร้อยข้อมือไข่มุกแต่มีโบว์เพชรแพรวพราวคั่นเป็นระยะรัดแทนโบว์อยู่
"พี่หญิง"
เธอหยิบนามบัตรขึ้นดู ดวงหน้าเปล่งปลั่ง หญิงกลางดีใจด้วยนิดหน่อย
"ดอกไม้อะไรสวยจริง ว้าย....สร้อยข้อมือเพชร ใคร ของใครลูก"
เธอส่งนามบัตรให้พี่สาว
"อ่านซีคะ พี่หญิง"
"ด้วยรัก....กิตติราชนรินทร์"
หม่อมวาณีร้องอุทาน ดีใจยิ่งกว่าลูก เธอส่งช่อดอกไม้ให้ไม่ใยดี พิศดูสร้อยไข่มุก
"คุณชายรองยอมง้อหญิง ตายจริง ไข่มุกประดับเพชรปราคาอาจถึงแสนนะ" วาณีบอก
"ไม่น่าเชื่อเลย"
ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสงใส่แพนกับข้อมือ เลิกคิ้วข้างหนึ่ง
"ไม่น่าเชื่อยังไงคะพี่กลาง ตรงที่เขาอยากคืนดีกับหญิงน่ะหรือ"
"ที่พี่บอกไม่น่าเชื่อ คือวิธีง้อต่างหากจ้ะ คุณรองไม่น่าทำอะไรที่...เอ้อ...สวีท หวานจนเอียนขนาดนี้"
"นั่นแปลว่า เขาเป็นคนผิด แล้วหญิงเป็นคนถูกต่างหาก เขาถึงต้องยอมง้อหญิง"
หญิงกลางอึ้ง วาณีถลามาเกาะแขนลูกสาวคนเล็ก
"ลูกหญิงจ๋า ถ้าหญิงเจอชายรอง อย่าพูดเรื่องใครผิดใครถูก ใครง้อใครก่อนนะลูก หญิงจำแค่ว่าชายรองรักหญิงมากจนยอมหญิงหมดทุกอย่างดีกว่า"
หญิงก้อยเชิดหน้า ผยอง ยังไม่รับคำ แต่ก็มีแววเห็นควรด้วย
"งั้นหญิงก็นัดเดทเขาได้แล้วใช่ไหมคะ"
หม่อมวาณียิ้มแก้มปริ ม.ร.ว. ศศิรัชนียังงุนงงสงสัยกับของขวัญชิ้นนี้
ห้องทำงานวิรงรอง หญิงก้อยชูสร้อยมุกล้อมเพชรให้ทุกคนในห้องดู วิรงรอง จิตติน เลื่อมประภัส ฉัตรอาชา มองอย่างตื่นตะลึง
"ในที่สุดคุณชายก็ยอมง้อฉัน ขอโทษฉัน ศิโรราบฉันด้วยสร้อยมุกล้อมเพชรเส้นนี้"
"งาม งามพิลาศล้ำเหลือเกินค่ะ" เลื่อมประภัสบอก
ฉัตรอาชาบอก"คงเป็นหมื่นนะครับ"
หญิงก้อยมองอย่างดูแคลน
"ตายจริง หยาบคาย เป็นแสนต่างหากล่ะจ๊ะ"
เลื่อมประภัส ฉัตรอาชา คิดพร้อมกัน เป็นเสียงออกมา “สามหมื่นเท่านั้นแหละ” !
"แล้วคุณรองก็ยังเขียนการ์ดมาด้วย"
"ว่ายังไงเหรอหญิง" วิรงรองถาม
"ก็...เขียนว่า “ยกโทษให้ผมด้วย ที่ผ่านมาผมเป็นคนผิด หญิงเป็นคนถูกในทุกเรื่อง ด้วยรัก....กิตติราชนรินทร์"
ทุกคน"อุ้ย!" พร้อมกัน
วิรงรอง คิดเป็นเสียงออกมา “โธ่ เขียนแค่ด้วยรัก แล้วก็ลงชื่อเท่านั้นเอง นังเพ้อ” ทั้งสี่มองหน้ากัน กลั้นยิ้ม ม.ร.ว. เทพีเพ็ญชูสร้อยให้ล้อกับแสงไฟ
"คุณรองคงรู้ว่าเพชรเป็นเพื่อนแท้ของผู้หญิง"
วิรงรองบอก "เราทุกคนก็เป็นเพื่อนแท้ของหญิงจ้ะ"
อัศนีย์เดินเข้ามาในห้องพอดี
"เฮลโลว์ สวัสดีครับหญิง"
"สวัสดีค่ะอาร์นี่ ขอตัวก่อนนะคะ"
"แหม....พอผมมาถึง คุณหญิงก็รีบกลับเชียวนะครับ ไม่อยู่คุยกันสักหน่อย"
"เสียใจ วันนี้หญิงมีนัดค่ะ ดินเนอร์สองต่อสองกับคุณชายกิตติราชนรินทร์"
อัศนีย์แกล้งทำหน้าสลด
" อย่าบอกนะว่าหญิงกลับไปคืนดีกับนายคุณชาย"
"ใช่ค่ะ"
เทพีชูแขนโชว์สร้อยให้ดูอย่างตั้งใจ อัศนีย์ทำหน้างุนงง หญิงก้อยออกจากห้องไป
"สำเร็จนะ"
"ร้อยเปอร์เซนต์"
"ตามไปง้องอนสักหน่อยซีครับ จะได้แนบเนียนยิ่งขึ้น" ฉัตรอาชาบอก
อัศนีย์รีบตาม
อัศนีย์ตามมายึดแขนของหญิงก้อยไว้ สีหน้าง้องอน
"เดี๋ยวซีหญิง....แน่ใจเหรอว่าเจ้านั่นอยากกลับมาถ่านไฟเก่ากับหญิงจริง ๆ"
"นี่ไงคะข้อพิสูจน์"
หญิงก้อยชูสร้อยมุกให้ดู
"คุณชายไถ่ถอนโทษด้วยสร้อยเส้นนี้ สวยกว่า หรูกว่า และแพงกว่านาฬิกาข้อมือที่คุณให้ฉันตั้งเยอะ"
"ผมเป็นห่วงนะ แต่ที่จริงก็ดีใจที่คุณกับนายคุณชายเข้าใจกันได้เสียที มีอะไรให้ผมช่วยก็บอก"
"อืมม์ คุณช่วยฉันได้นะ ทุกวันพุธคุณรองจะแวะมาร้านนายศุภร แล้วมักจะไปทานกลางวันที่ร้านลักซอร์ ทำไมไม่ลองนัดยายบรรณารักษ์ไปที่ร้านนั่นล่ะ"
"อ้อ คุณจะให้คุณชายตัดใจจากสาลินให้เร็วขึ้น"
"ใช่ คุณชายตัดใจจากแม่นั่นเร็วเท่าไหร่ คุณก็ได้แม่นั่นไปครองเร็วเท่านั้น เราได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย"
"ไม่เลวครับ ตกลงตามนั้น"
"ขอบใจ ลาค่ะ ชาว"
หญิงก้อยแยกไป อัศนีย์ยิ้มกริ่มทุกอย่างเข้าทาง
"ขอบใจนะจินนี่ แค่เพชรกับดอกไม้เท่านั้นจริง ๆ" อัศนีย์ว่า
เลื่อมประภัสบอก "สร้อย 2 หมื่น"
"มุกหมื่นนึง" ฉัตรอาชาว่า
วิรงรองบอก "ดอกไม้สองพันต่อเหลือ 500"
จิตติณถาม "แกเขียนข้อความอย่างที่ยัยคุณหญิงพูดจริงเหรอ"
"เปล่า ชั้นเขียนแค่ ด้วยรัก กิตติราชนรินทร์"
ทุกคนหัวเราะสะใจ แล้วทั้งกลุ่มก็ดื่มชมเปญ
จิตตินบอก "อย่างนี้ ต้องดื่มฉลองกันหน่อย"
วันนี้ไม่มีการก่อสร้าง ศรีจิตราเอาหนังสือมาอ่านที่ศาลาเล็ก ท่าทางปลอดโปร่งโล่งใจกว่าทุกวัน จรวยอุ้มตาตุ้มเดินขึ้นมา
"อ้าว คุณ"
"แหม คุณศรี คิดว่าฉันเป็นใครหรือคะ"
"เปล่าค่ะ แค่แปลกใจที่คุณจรวยเดินมาถึงนี่"
"ก็ตาตุ้มน่ะซีคะ ร้องโยเยเลยต้องพาเดินดูอะไรให้คลายใจ"
ตาตุ้มมองศรีจิตรายิ้มแป้นชูมือหา ศรีจิตรายิ้มขออุ้ม จรวยส่งให้ ศรีจิตราจูบจอมถนอมเกล้า
"ตัวหนักขึ้นตั้งเยอะ"
"อุ๊ย ค่ะ อุ้มทีเอวแทบหัก"
ศรีจิตราเอามาอุ้มชูเชยชม จรวยมองใจอ่อนลงอีก คิดในใจ
" ต๊าย รักลูกเรา จิตใจดีจริง ๆ เอ๊ะ หรือมันแกล้งทำ ตีสองหน้าเหมือนเรา แต่ไม่หรอก ท่าจะเป็นคนดีจริงๆ"
จรวยคิดอยู่เนิ่นนาน หน้าเปลี่ยนเป็นระยะ ศรีจิตรามองอย่างแปลกใจ
" ว้ายไม่ได้ ต้องมายุแยงตะแคงแส่มัน ต้องไม่ใจอ่อน" จรวยคิดแล้วเผลอหลุดปาก "ต้องไม่ใจอ่อน!"
"ไม่ใจอ่อน คุณจรวยพูดอะไรคะ"
จรวยหน้าเหรอ ทำตาล่อกแล่ก แล้วฉีกยิ้ม
"ต้องไม่ใจอ่อนตามใจตาตุ้มน่ะซีคะ อย่างคุณศรีนี่ถ้ามีลูกเองคงจะตามใจลูกแย่ไปเลย"
ศรีจิตราอึ้งด้วยเป็นเรื่องที่ไม่ควรพูด จรวยปล่อยหมัดเด็ด
"วันนี้คนงานหยุดหรือคะ เลยไม่เห็นคุณชายเล็กมาคุมงาน แปลกจังนะคะ คุณชาย
เล็กมาคุมงานทุกขั้น ยังกะเรือนหอคุณชายเล็กเองก็ไม่ปาน"
"คุณชายรองเธอบอกว่าคุณชายเล็กมีหัวทางนี้มากกว่าค่ะ"
"ฮึ.....แต่รวยว่าคุณชายรองไม่ดูดำดูดีเรือนหอนี้เลยต่างหาก"
"เพราะคุณชายรองรักคุณหญิงก้อยสุดหัวใจใช่ไหมคะ"
ศรีจิตราดักคอ จรวยอึ้ง
"ต๊าย....นี่คุณศรีไม่ทุกข์ไม่ร้อนเลยหรือคะ เอ....หรือว่าคุณศรีมีคุณชายเล็กคอยปลอบใจอยู่"
ศรีจิตรายิ้มเย็น
"ค่ะ คุณชายเล็กเธอคอยเตือนดิฉันอยู่ทุก ๆ เรื่องเลยค่ะ"
"เรื่องอะไรบ้างคะ"
"ก็เรื่องที่ทุกสิ่งทุกอย่างอาจไม่เป็นอย่างที่เห็น คนที่ดูไม่ชอบเรา อาจจะหวังดีกับเรา ส่วนคนที่ดูจริงใจ อาจจะมุ่งร้ายกับเราก็ได้"
จรวยชะงัก คิดในใจ
" ต๊ายมันด่าเราหรือเปล่า ฮึ ไม่หรอก มันดูซื่อ ๆ" แล้วฉีกยิ้ม "แหม คุณชายเล็ก นี่เธอสนิทกับคุณศรีจริงนะคะ"
"ค่ะ ก็เธออยากมาสมัครเป็นน้องเขยดิฉันนี่คะ"
จรวยอ้าปากค้าง ถึงจะรู้เรื่องจับคู่แต่ก็ไม่เคยรู้แน่เรื่อง ม.ร.ว. บดินทราชทรงพลกับสาลิน
"ว้าย.....หรือคะ"
"ค่ะ" แล้วในใจก็ว่า "เอ นี่เราชักโกหกเก่งขึ้นเรื่อยๆนะ"
ศรีจิตรายิ้มเย็นๆสงบเสงี่ยม ตาตุ้มแหงนมองราวรู้ทัน ศรีจิตราหลิ่วตาให้
ในห้องอาหารหรู ตอนกลางคืน โต๊ะด้านใน ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสงแต่งตัวเต็มที่นั่งหันหลังให้ พนักงานผายมือเชื้อเชิญคุณชายกิตติราชนรินทร์
หญิงก้อยงดงามน่าตื่นตะลึงเหมือนเคย ทว่าคุณชายรองกลับรู้สึกเฉยๆ
"สวัสดีหญิง"
เธอไม่พอใจ
"ทำไม มาช้านักคะ หญิงมารอตั้งนาน"
หญิงก้อยหน้าบึ้งนิดหนึ่ง แล้วชะงัก เมื่อนึกถึงคำแม่
"ลูกหญิงจ๋า เวลาเจอชายรอง อย่าพูดเรื่องใครผิดใครถูก ใครง้อใครก่อนนะลูก"
ชายรองดูนาฬิกาข้อมือ
"ผมก็มาตรงเวลานี่ หญิง"
เธอปรับสีหน้าเป็นยิ้มแย้มลุกขึ้น ยื่นมือ 2 ข้างมาจับมือกิตติ
"งั้นหญิงเองที่มาก่อนเวลา เวลาแห่งการรอคอย แค่ไม่กี่นาทีก็นเหมือนร้อยปีสำหรับหญิง"
"ครับ"
หญิงก้อยเริ่มเพ้อถ้อยคำสวยหรู เขาตัดบทดึงให้ไปนั่งลงที่เดิม เลื่อนเก้าอี้ให้ แล้วมานั่งตรงข้าม
"หญิงสั่งกาแฟมารอคุณรองค่ะ"
พนักงานเข้ามารินกาแฟให้ชายรอง
"เราไม่ควรโกรธกันเนิ่นนานขนาดนี้เลย แต่เมื่อคุณรองยังเห็นคุณค่าหญิงอยู่ เรามาลืมเรื่องบาดหมางทั้งหมดเถอะนะคะ"
"ผมลืมมันไปหมดแล้วล่ะหญิง"
เขาพูดแฝงนัย เธอคิดเข้าข้างตัวเอง
"ค่ะ"
บริกรส่งเมนูให้ทั้งคู่
"คุณรองส่งให้หญิงเถอะค่ะ คุณรองคงจำได้ว่าหญิงชอบอะไร"
"ขอโทษเถอะหญิง หญิงเปลี่ยนใจไปมาอยู่บ่อยๆ ตอนนี้ผมไม่แน่ใจแล้วว่าหญิงชอบอะไร"
เธอชะงัก เขายิ้มนิดๆไม่มีแววจิกกัด
เสียงหม่อมวาณีตัวเข้มแว่วมาในความคิด ..
"หญิงจำแต่ว่าชายรองรักหญิงมาก จนยอมหญิงหมดทุกอย่างดีกว่า"
เธอยิ้มพราย หัวเราะเบาๆ ค้อนนิดหนึ่งอย่างจริต แล้วกางเมนูดู
หลังมื้ออาหาร ทั้งคู่เดินจากโต๊ะจะออกร้าน
"คืนนี้เราจะไปไหนดีคะ"
"ผมไปไม่ได้หรอกหญิง"
เทพีเพ็ญแสงชะงักปล่อยแขน มองกิตติตาเขียว
เสียงหม่อมวาณีย้ำเตือนแว่วมา
"จำไว้แต่ว่าชายรองรักหญิงมาก"
เธอชะงักแล้วคลี่ยิ้มอย่างลำบาก
"ทำไมคะ"
"พรุ่งนี้ก็มีประชุมเช้าที่กระทรวง"
"โอเคค่ะ งั้นรอไว้ให้คุณรองว่างก่อน"
ผู้จัดการร้านเดินเข้ามา
"โทษครับคุณหญิง ผมขอถ่ายรูปเป็นเกียรติกับทางร้านหน่อยนะครับ"
"ได้ค่ะ"
ผู้จัดการถ่ายรูป ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสงซบกับคุณชายรอง
"ขอบคุณมากครับ" แล้วผ็จัดการเดินแยกไป
"ผมไปล่ะหญิง"
คุณชายรองเดินจากไป หญิงก้อยยกมือลาค้าง ค่อยๆลดมือลง มองตามแล้วเชิดตามสไตล์ ผู้จัดการเดินกลับมา
"เออ....รูปที่ถ่าย ล้างอัดแล้วช่วยส่งให้ที่วังรัชนีกุลด้วยนะคะ"
"ได้ครับ"
เธอยิ้มกับตนเอง
ตอนกลางคืนกำลังพูดสายกับ ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสงที่สวมชุดนอนแล้ว อยู่ในห้องนอน หญิงกลางเดินเข้ามาได้ยินพอดี ในมือถือช่อคัทลียาที่หญิงก้อยได้รับมาด้วย
"ค่ะ คุณหญิง วันพุธมันจะไปร้านทำผมร้านเกศมณี แถวสุรวงศ์ ตอนบ่ายโมง คุณหญิง ไปดักรอมันที่ร้านได้เลย จะตบกันไหมคะ"
หญิงก้อยยิ้มหยัน
"แหม....นั่นมันพฤติกรรมต่ำ ๆ ของพวกชนชั้นล่างจ้ะ "
จรวยแสยะปาก
"แล้วต่อไปนี้เธอจะต้องยุแยงให้ทุกคนเกลียดชังนังว่าที่สะใภ้ ให้คุณรองถึงขั้นรังเกียจมัน ไม่อยากเห็นหน้ามันอีกเลย"
"ไม่ยากเลยค่ะ เพราะคุณรองก็ไม่มีเยื่อใยกับมันอยู่แล้ว ขอให้วันมะรืนประสบความสำเร็จในการจัดการนังสะใภ้เอกนะคะ ตามวิถีชนชั้นสูงของคุณหญิง"
จรวยวางสาย ยิ้มเยาะ
หญิงก้อยยิ้มย่ามใจ สะดุ้งเมื่อเห็นพี่สาวเข้ามามองอยู่ เธอลุกขึ้นเชิด
"นี่เธอถึงขั้นวางไส้ศึกไว้ในเมืองศัตรูเชียวหรือ"
"พวกไพร่ ขี้ประจบน่ะคะ หญิงแค่หลอกไว้ใช้เป็นเครื่องมือที่จะทำให้แม่สะใภ้เอกต้องกระเด็นจากวังวุฒิเวสม์"
หญิงกลางตกใจ
ขณะเดียวกัน ฝ่ายจรวยก็พูดประสานางร้าย
"อย่าคิดว่าคุณหญิงจะใช้รวยได้ฝ่ายเดียว เพราะรวยก็กำลังใช้คุณหญิงเป็นเครื่องมือเหมือนกัน คุณชายรองต้องกระเด็นจากวังนี้ในอีกไม่นาน"
ต่างฝ่ายต่างหัวเราะและประสานเสียงหัวเราะแบบนางร้ายทั้งคู่
สองวันต่อมา ศรีจิตรากำลังอบผมในร้านเกศมณี อ่านหนังสือนิตยสารไปด้วย มวยมณีในชุดมินิสเกิร์ตเป็นช่างผมในร้าน เธอเปิดเครื่องอบผมออก ผมศรีจิตราสลวยสวยเก๋ มวยมณีแต่งทรงให้อีกเล็กน้อย
"เรียบร้อยค่ะคุณน้อง แหม....สวยรับใบหน้าคุณจริง ๆ นะคะ"
"ขอบคุณค่ะ"
ศรีจิตราลุกขึ้น ม.ร.ว. เทพัเพ็ญแสงเข้ามาในร้านพอดี ศรีจิตราชะงัก พยายามไม่แสดงออกว่าตระหนก เธอใส่สร้อยข้อมือมาด้วย
"สวัสดีค่าคุณหญิงก้อย สระก่อนใช่ไหมคะ"
"เหมือนเดิมค่ะคุณมวย"
"จะเกล้ามวยสูงแค่ไหนคะ เอาให้เหมือนหอไอเฟ่ลเลยดีไหม แล้วทำตะกร้อสามลูกเลยไหม"
เธอสวนขึ้น
"ขอเวลาส่วนตัวสักครู่นะคะ"
"เชิญค่ะ"
มวยมณีแยกไป
"ไม่นึกนะว่าคนอย่างเธอจะมาทำผมร้านระดับนี้ด้วย"
"คนอย่างดิฉันทำไมเหรอคะ"
"ก็เด็กบ้านสวนบ้านนา ที่โดนคุณป้าตัวดีครอบให้หาสามีทางลัด บังคับแต่งกับคุณชาย
วังวุฒิเวสม์ หวังจะได้เป็นสะใภ้จ้าว"
"ดิฉันทำตามพระประสงค์เสด็จป้าค่ะ"
"แหม....ยังโง่เขลาเบาปัญญาเหมือนเคย ยายป้าสองคนของเธอนั่นแหละที่ยัดเยียดความคิดนี้ให้เด็จป้า เอาล่ะ เพื่อให้เธอได้รู้ตัวไว้ นี่..." หญิงก้อยชูข้อมือ"ของขวัญของคุณรองที่ให้ฉันไว้เป็นการขอโทษ และขอคืนดี นี่จ้ะรูปถ่ายของเรา"
หญิงก้อยหยิบรูปถ่ายจากที่ร้านอาหารหรูชูให้ดู ศรีจิตราดูรูปด้วยความเป็นห่วงสาลิน
"ขอคืนดี"
"หน้าซีดเลยล่ะซี ใช่ คุณชายขอคืนดีฉัน เราไปดินเนอร์ปรับความเข้าใจกันแล้ว แนะนำด้วยความหวังดีนะ ให้รีบเก็บข้าวของแล้วออกจากวังไปเสียแต่เนิ่น ๆ เก็บตัวอยู่แต่ในเล้าเป็ดเล้าไก่ของเธอเสีย เป็นหม้ายขันหมากสะใภ้จ้าวน่ะ มันน่าอายไม่น้อยเลยนะ"
"ขอบคุณค่ะที่แนะนำ แต่ขอให้ดิฉันได้ยินจากปากคำของคุณชายเองดีกว่านะคะ ดิฉันถึงจะเชื่อ ขอตัวค่ะ"
ศรีจิตราจะออกจากร้าน หญิงก้อยยึดแขนศรีจิตราไว้อย่างแรง คนในร้านหันมามองเป็นตาเดียว
"ปล่อยค่ะคุณหญิง"
"ไม่ต้องรอให้ได้ยินจากคุณรองหรอก ไม่กี่วันหนังสือพิมพ์จะลงข่าวของฉันกับคุณรองให้เป็นที่เอิกเกริกไปทั่วฟ้าเมืองไทยแล้ว ถ้าหน้าเธอยังมียางอยู่บ้าง ก็ควรจะหลีกทางไปเสีย"
"ปล่อย"
"ฉันยังพูดไม่จบ ฝากบอกไปถีงนังน้องสาวของเธอด้วย ให้หลีกทางไปเหมือนกัน เพราะแม่คนนี้ดูจะไร้ยางอายมากกว่าเธอเสียอีก แม้แต่คู่หมั้นพี่ยังคิดจะแย่งได้ จิตใจเธอสองคนทำด้วยอะไรกันนะ"
"อย่างน้อยทั้งดิฉันและน้องสาวก็ยังมียางอายพอที่จะไม่เที่ยวโผไปหาผู้ชายคนนั้นที คนนี้ที เดี๋ยวคนรักเก่า เดี๋ยวสามีเก่า หรือจูบกับพี่ชายคนรักจนเป็นที่เอิกเกริกไปทั่วฟ้าเมืองไทยอย่างที่เป็นข่าวหรอกค่ะ"
"แก....นัง"
"อย่าใช้คำต่ำ ๆ ซีคะ คนมองมาทั้งร้านแล้ว คุณหญิงควรจะมียางอายบ้าง"
หญิงก้อยเงื้อมือจะตบ ศรีจิตราเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่เกรงกลัว มือแข็งแรงเข้ามายึดมือของหญิงก้อยไว้ทันท่วงที
"อย่าแม้แต่คิดเชียวนะหญิง"
ม.ร.ว.บดินทราชทรงพลดึงเทพีห่างออกมาจากศรีจิตรา
"นายเล็ก"
"ถ้าทำร้ายคุณศรีมากไปกว่านี้ ผมไม่อยู่เฉยแน่"
"ปล่อยฉัน"
หญิงก้อยสะบัดหลุด มองทั้งคู่อย่างประเมิน
"แหม....ปกป้องกันดีเหลือเกิน อย่าบอกนะว่า คุณชายเล็กก็ร่วมวงสโมสรสลับพี่สลับน้องกันด้วย เป็นรักสี่เส้างั้นซี"
ศรีจิตราหน้าแดง
"หญิงก้อย ถ้าท่านพ่อทรงทราบว่าหญิงทำตัวเป็นหญิงแพศยาได้ขนาดนี้ ท่านคงเสียพระทัยแทนตระกูลรัชนีกุลไม่น้อยเลยล่ะ"
"นายเล็ก"
"เชิญครับคุณศรี อย่ามาเสียเวลาอยู่ตรงนี้เลย"
ชายเล็กพาศรีจิตราออกจากร้าน เทพีหน้าเชิด มวยมณีเข้ามา
"สระเลยไหมคะคุณหญิง น้ำร้อนกำลังอุ่นเลยค่ะ"
"ใจฉันก็ร้อนเหมือนกัน อย่าเพิ่งมาถาม หญิงเบื่อ"
"ได้ค่ะ"
มวยมณีรีบแยกไป
ภายในห้างสรรพสินค้า ชายเล็กและศรีจิตราเดินมาด้วยกัน ศรีจิตรายังใจเต้นไม่เป็นส่ำ
"คุณชายมาได้ยังไงคะ"
"ผมตามคุณศรีมาน่ะครับ"
ก่อนหน้านี้ ชายเล็กพูดสายอยู่กับ ม.ร.ว.ศศิรัชนี
"หา....หญิงก้อยจะตามไปราวีคุณศรีที่ร้านทำผมวันมะรืน"
"ใช่....เธอช่วยหน่อยก็แล้วกัน"
ศรีจิตราแปลกใจ
"มีหนอนบ่อนไว้ในวังด้วยเหรอคะ"
"คงเดาไม่ยากหรอกครับว่าเป็นใคร"
"ยังไงก็ต้องขอบคุณคุณชายนะคะที่มาช่วยดิฉันไว้ ไม่อย่างนั้นดิฉันคงถูกคุณหญิงทำร้ายไปแล้ว"
"อย่าไปใส่ใจในสิ่งที่หญิงพูดนะครับ ไร้สาระ"
ศรีจิตราเห็นด้วย แต่แล้วก็นึกถึงจริตมายาที่ป้าทั้งสองอบรมมา
"ต้องทำตัวอ่อนแอให้เขาประคับประคองบ้าง" ป้าสร้อยบอก
ศรีจิตราเลยเปลี่ยนสีหน้าทันที
"แต่มันอดคิดไม่ได้หรอกค่ะ" ว่าแล้วก็เบือนหน้าไปอีกทางเหมือนซ่อนน้ำตา
"คุณศรี"
ศรีจิตราทำคล้ายสะอื้นแล้วเซ บดินทร์รีบเข้าประคองลงนั่ง
"พักก่อนครับ"
"ดิฉันไม่เป็นไรหรอกค่ะ"
"ไม่ได้แล้วล่ะ ต่อไปนี้คุณศรีจะออกมาจากวังลำพังแบบนี้ไม่ได้แล้ว"
"นายยอดมารับมาส่งดิฉันอยู่แล้วนี่คะ"
"นายยอดปกป้องคุณศรีไม่ได้หรอกครับ"
"แล้วใครล่ะคะที่จะปกป้องดิฉันได้"
ศรีจิตรามองด้วยสายตาหวานเยิ้ม ชายเล็กมองตอบอย่างครุ่นคิด
"มาลา วรรณาครับ ต้องให้ทั้งสองคนมาดูแลคุณศรีอย่างใกล้ชิดเลย"
ศรีจิตราเบือนหน้า พ่นลมหายใจพรืด เซ็งจิต
ในค็อฟฟี่ชอปหรู อัศนีย์ สาลินนั่งอยู่ที่โต๊ะ
"นี่ผมมาบอกข่าวดี ไนท์คลับผมสร้างเสร็จแล้ว เหลือแค่งานเดคคอเรซิ่น อีกเดือนนึง คุณก็เตรียมตัวลาออกไปทำงานกับผมได้แล้ว"
"เรามีข้อตกลงกันอยู่ ที่คุณสัญญาว่าจะทำให้คุณชายกับคุณหญิง เทพีคืนดีกันได้ไงคะ"
อัศนีย์ยิ้มชอบใจ
"งั้นผมก็ขอประกาศข่าวดีเลย คุณชายกับหญิงก้อยกลับมาคืนดีกันแล้ว"
"คุณไปเอาข่าวมาจากไหน"
"ผมก็มีส่วนช่วยให้เขาคืนดีกันน่ะซีครับ เดี๋ยวไม่กี่วันข่าวนี้ก็ลงหราในหน้าสังคม"
สาลินใจหาย "ฉันไม่เชื่อ"
อัศนีย์มองเลยไปเห็นคุณชายรองกับศุภรเดินเข้าร้านมา อัศนีย์ยิ้ม รีบคว้ามือสาลินไปกุมเบา ๆ เธอกำลังนั่งคิดไม่รู้ตัว ชายรองเห็นเข้าเต็มตาชะงักกึก หน้าเย็นชา ตาวาว ฝ่ายอัศนีย์ทำหน้าซื่อเงยหน้าขึ้น ทำเป็นเพิ่งเห็น
"อ้าว คุณชายรอง"
สาลินตาเบิกโพลงค่อย ๆ เอี้ยวหน้าแหงนดู กิชายรองสบตาแล้วเมิน สาลินกระชากมือออก อัศนีย์ยิ้ม ลุกขึ้นยื่นมือให้อีกฝ่าย
"ไฮ....เจอกันอีกแล้ว"
ชายรองจับมือเขย่าอย่างเหินห่าง
"แต่มือผมคงไม่อบอุ่นมีชีวิตชีวาเท่าไร"
สาลินเม้มปาก มองตรงไป คอแข็ง อัศนีย์ยิ้มจริงใจ แต่อีกฝ่ายยิ้มเย็นชา ศุภรมองทั้ง 3 คน
"ยินดีฮะ ที่ได้เจอ"
"แต่ดูเหมือนมีบางคนไม่ยินดีเลยที่ได้เจอผม"
สาลินเชิดหน้า
"กำลังคุยธุรกิจกันอยู่หรือครับ"
"เรากำลังคุยกันเรื่อง ... ข้อแลกเปลี่ยนทางธุรกิจนิดหน่อย"
ชายรองหมั่นไส้
"หวังว่าคงตกลงกันได้ดี และสมประโยชน์กันทุกฝ่ายนะครับ"
สาลินแหงนมองกิตติแล้วลุกขึ้น
"ค่ะ ฉันคิดว่าข้อตกลงครั้งนี้ น่าจะสร้างประโยชน์ให้ทุกฝ่าย"
"แน่ใจหรือว่าจะไม่มีใครขาดทุน"
"คงมีค่ะ แต่ฉันก็ยอมเสี่ยง ถึงจะมีใครต้องเสียใจบ้าง แต่มีคนสองคนได้ประโยชน์เต็มที่ฉันก็พอใจแล้ว"
ชายรองตาเขียว อัศนีย์ยิ้มในหน้า สาลินเมิน ศุภรดูเพลิน กัปตันร้านเข้ามา
"คุณชายครับ วันนี้โต๊ะเต็มหมด ขอเชิญที่โซน VIP ดีกว่านะครับ"
"งั้นเชิญร่วมโต๊ะกับเราดีกว่า"
"อย่าเลยครับ อย่าให้ผมขัด...ความเจริญอาหารของคุณเลย"
"ไม่อยากรอว่ะ ไปร้านอื่นเถอะ" ศุภรบอก
"ผมขอตัว ลาก่อน"
ชายรองปรายตามองสาลินแล้วเดินไปทันที ศุภรรีบตามไป สาลินใจหายทานอะไรไม่ลง
ในร้านผ้าไหม จิตริณีกำลังเลือกเนคไทอยู่มุมหนึ่ง อีกมุม ม.ร.ว. ศศิรัชนีถือช่อดอกคัทลียาในกล่องกำลังคุยกับพนักงานร้าน และเหลือบเห็นจิตริณี จึงเดินถือช่อดอกไม้ตรงมาหา
"สวัสดีค่ะคุณจิตริณี มาทำอะไรคะ"
"สวัสดีค่ะคุณหญิงกลาง มาดูเนคไทผ้าไหมให้บอสน่ะค่ะ แล้วคุณหญิงกลางล่ะคะ"
"มาปรึกษาเรื่องดองดอกไม้ค่ะ"
จิตริณีสีหน้าแปลกใจ
"หา....ดองดอกไม้"
"นี่ค่ะ ดอกคัทลียา หญิงอยากจะเก็บไว้ให้อยู่นาน ๆ เห็นเขาใช้กลีเซอร์รีนน่ะค่ะ เลยจะมาปรึกษาคุณศุภรดู"
จังหวะนั้น ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์เดินหัวเสียกำลังจะเข้ามาในร้าน ศุภรเดินตาม
"ไอ้หม่อม ใจเย็น หึงแล้วอย่าพาลซีวะ"
"หึงบ้าอะไร"
"ก็หึงนายอัศนีย์น่ะซี"
ชายรองหยุดเดิน
"ยังไง หึงที่มันเป็นผัวเก่าหญิงก้อย หรือว่าหึงที่มันยุ่งกับว่าที่น้องเมีย"
"หุบปากนะ ไอ้บ้า"
"ไม่หุบปากโว้ย เมื่อกี้แกทำท่าเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อมัน นี่แปลว่าอะไรวะ
เรื่องนายกับคุณสาน่ะ รักน้องเมียแล้วใช่ไหม"
"ไม่พูดกับแกแล้ว"
ชายรองเดินนำไปที่ร้าน ศุภรรีบตาม
ชายรองเดินเข้ามา ชะงักเพราะจิตริณีและหญิงกลางกำลังคุยกันอยู่ ศุภรยิ้มร่าเมื่อเห็นสองสาว ชายรองรีบเปลี่ยนสีหน้า
"มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ หญิงกลาง คุณจิตริณี"
"ฉันแค่มาดูเนคไทผ้าไหมน่ะค่ะ"
"ส่วนฉันมาปรึกษาเรื่องจะเก็บคัทลียาช่อนี้ไว้เป็นปี ๆ ค่ะ ตามคำขอของหญิงก้อย"
"ทำไมต้องเก็บเป็นปี ๆ ล่ะครับ"
"นั่นซีครับ มีอะไรสำคัญเหรอ"
"อ้าว....มันต้องสำคัญซีคะคุณรอง เพราะยายก้อยอยากเก็บดอกคัทลียาของคุณรองไว้
เป็นที่ระลึกให้นานที่สุด"
ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์เป็นงง
"หญิงกลางว่ายังไงนะครับ ดอกคัทลียาของผม"
"ค่ะ ดอกคัทลียาของคุณรองที่ส่งให้ยายก้อย เมื่อสองวันก่อน"
"ไม่ใช่ครับ ผมไม่เคยส่งดอกไม้ให้หญิงก้อย"
"แล้วสร้อยข้อมือเพชรประดับมุกล่ะคะ ที่ส่งมาพร้อมดอกไม้"
คุณชายยิ่งงงไปใหญ่ ศุภรและจิตริณีพลอยงงไปด้วย
"คงมีการเข้าใจผิดแล้วล่ะครับ"
"เฮ้ย.....มีใคร แพรคติคั่ล โจ๊ก กับแกรึเปล่า"
"งั้นดูนี่ นี่ลายมือของคุณชายรึเปล่าคะ"
หญิงกลางชี้ให้ดูการ์ดที่ยังคล้องอยู่กับช่อดอกไม้ ชายรองกับศุภรดู การ์ดเขียนว่า “ด้วยรัก....กิตติราชนรินทร์”
"นี่ไม่ใช่ลายมือไอ้หม่อมครับ" ศุภรยืนยัน
จิตริณีดูลายมือนิ่งไป
"ใครมันแกล้งแกวะ"
"ฉันพอจะนึกออกค่ะ เพราะฉันจำลายมือนี้ได้" จิตริณีบอก
ทุกคนหันมา จิตริณียิ้มเพลีย ๆ
ชายเล็กเอะอะต่อหน้าชายเมื่อฟังความจบ
"นายอัศนีย์เป็นคนส่ง เพื่ออะไรครับ"
"ให้ฉันคืนดีกับหญิงก้อยไง แล้ววันนี้นายอัศนีย์ก็จัดฉากให้ฉันไปเจอเขากำลังทานกลางวันกับสาลินเสียด้วย"
"เพื่ออะไรอีกล่ะครับ"
กิตติอึกอัก ไม่กล้าสารภาพ
"ก็คงอยากจะเย้ยฉันมั้งว่าเขาต้องการคบสาลิน แล้วเขาก็กล่อมสาลินไปทำงานกับเขาได้ด้วย"
"ไม่ได้การแล้วพี่ เพราะวันนี้ยายก้อยก็จัดฉากเหมือนกัน"
"จัดฉากอะไร"
"ก็วันนี้เจ้าหล่อนตามไปราวีคุณศรีไปที่ร้านทำผม พูดขู่คุณศรีต่าง ๆ แถมทำท่าจะทำร้ายคุณศรีด้วย ดีนะที่ผมตามไปช่วยไว้ทัน"
"หา....แล้วแกตามไปได้ยังไง"
"แหม....หญิงกลางบอกผมก่อนน่ะซีครับ เธอได้ยินยายก้อยโทร.นัดแนะกับหนอนบ่อนไส้ในตำหนักเรา"
"หนอนบ่อนไส้งั้นเหรอ"
ชายรองพอจะรู้ว่าใคร เสียงเอะอะของหม่อมอำพัน ดังมาจากโถงล่าง ทั้งสองรีบออกมาดู
หม่อมอำพันกำลังแหวลั่นโถงตำหนักเล็ก สองพี่น้องออกมาดูที่ระเบียงบน
"มันพูดอย่างนั้นจริง ๆ เหรอนังจรวย"
"ค่ะ เขาพูดเลยว่าเรือนหอเขาต้องมีสิบห้อง" จรวยบอก
"เรือนหอ หรือเรือนแรมกันแน่ยะ"
"เอ๊ะ วันก่อนคุณเล็กว่าอยากมีแค่ห้าห้องเองนะคะ" นมย้อยว่า
จรวยล่อกแล่กนิดหน่อย
"ต๊าย นั่นเห็นไหมคะ มามุสาเพื่ออวดร่ำอวดรวย อวดบุญวาสนาเธอ"
ม.ร.ว. ดิเรกราชวิทย์ฟังแล้วก็เม้มปากหน้าตึง อำพันคล้อยตาม
"เอ๊ะ....คุณศรีไม่ใช่คนแบบนั้นนะคะ" นมย้อยบอก
"โธ่....คุณนมไม่รู้อะไร วัน ๆ เห็นเดินสำรวจทรัพย์สินเสด็จท่าน อีกหน่อยก็คงเข้ามาประเมินราคาตำหนักนี้"
หม่อมอำพันตาเบิกโพลง ชายโตยิ่งเซ็งกว่า
"ว้าย ขนาดยังไม่หมั้นไม่แต่งยังขนาดนี้ ถ้าเข้าหอไปแล้ว ไม่รี่มาถอนหงอกฉันหรือ"
"วุ้ย.....คุณศรีเธอไม่ทำอย่างนั้นหรอกค่ะ"
"ค่ะ....ถ้าเสด็จทรงยังอยู่ก็คงไม่กล้าหรอกค่ะ แต่ถ้าวันไหนสิ้นพระบารมี คุณชายรอง
กับเมียก็เป็นเจ้าของวังนี้ ตอนนั้นแหละจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้"
"ก็ลองซิยะ นังไหนมันกล้าดี ฉันจะฉีกอกให้"
ชายโตหวั่นไหว
"แต่ตำหนักเล็กก็เป็นของเด็จป้านะฮะ จะทรงเรียกคืนเมื่อไหรก็ได้"
"ฮึ....ท่านพ่อแกเมื่อคราวเปลี่ยนการปกครองก็ไม่เหลืออะไรเลย ยังดีที่เด็จป้าทรงพระเมตตาประทานตำหนักให้ ทรงดูแลจนกระทั่งสิ้น แล้วก็ทรงปรานีพวกแกทุกคน แต่ถ้ากริ้วล่ะก็ ทรงเรียกคืนเมื่อไหร่ก็ได้นะยะ"
ชายรองฟังความ คิดอะไรได้บางอย่าง ชายเล็กได้แต่ส่ายหน้าระอาใจ
"หม่อมคะ คุณศรีน่ะเธอเป็นคนอ่อนจะตายไป"
"ค่ะ....อ่อนเพราะถูกน้องสาวคุณสอางค์เลี้ยงกดหัวมาตั้งแต่เล็ก พอมีอำนาจเข้าน่ะ จะเห่อเหิมเจิมทะยานขนาดไหน"
"จริงของแก โตขึ้นมาเหมือนบ่าว พอมีอำนาจวาสนาก็คงวางก้ามทำท่าคุณนายทั้งวัน เหมือนอย่าง...."
จรวยยิ้มรับ
"อย่างใครคะ"
"เหมือนอย่างแกไง"
จรวยสะดุ้ง เข้าเกาะแขนสามี
"เฮ้อ....ถ้านายรองแต่งกับหญิงก้อยยังจะดีกว่า หญิงก้อยน่ะลูกชาติลูกตระกูล คงไม่มาแผลงฤทธิ์กับเรานะครับ"
"จริงค่ะ คุณหญิงก้อย เธอทั้งสวยทั้งดี" จรวยบอก
"ฮึ จริงด้วย ก๊กวังรัชนีน่ะรวยพอตัว คงไม่มาเบียดบังตำหนักเล็กกระจิ๋วหลิวอย่างนี้" อำพันบอก
จรวยยิ้มในหน้า สามีคล้อยตาม ย้อย เจียม น้อม สบตากันอย่างร้อนใจ อำพันพยักหน้า
ช้า ๆ ตรึกตรอง
"ไม่ซี....เสด็จทรงชังน้ำหน้าหญิงก้อยยังกะอะไรดี ขืนชายรองไปแต่งเข้ามีหวังถูกตัดขาดไล่ระเห็จไปจากวัง ดีไม่ดี จะกริ้วแหวมาถึงฉัน แต่งกับศรีจิตราน่ะดีแล้ว"
สองผัวเมียผิดคาด อำพันมองหน้า จรวยเริ่มมีพิรุธ
ชายรองกับชายเล็กมองหน้ากัน
"ฉันว่าที่แกพูดมาทั้งหมดค่ะ แกใส่ความศรีจิตราเขา จะให้ฉันรังคัดรังแคศรีจิตรา ใช่ไหม นังจรวย"
จรวยแทบผงะ ย้อย เจียม น้อม สะใจ
"เอ๊ะ....ยังไงกันแน่ จรวย" ชายโตถาม
"ฮือ ไม่จริงค่ะ"
"ย่ะ ที่หล่อนพูดมาน่ะมันไม่จริง ฉันน่ะเซียนโป๊กเกอร์ อ่านหน้าคนออก หล่อนไม่ต้องมาใส่ไคล้พาที ฉันไม่เชื่อแก นังจรวยสวยกราก"
จรวยหน้าซีดเหลือสองนิ้ว ชายโตแคลงใจ
"ว้าย เล่นไพ่ก็มีประโยชน์เหมือนกันนะคะ"
ย้อยพูดเบา ๆ เจียม น้อม หัวเราะพรืด จรวยมองชายโตอย่างประจบม.ร.ว. ดิเรกราชวิทย์มองตอบอย่างระแวงแคลงใจ
บนระเบียง สองพี่น้องกลับเข้าห้องไป
คุณชายโตมายืนสงบสติอารมณ์อยู่หน้าตำหนัก
น้ำพุสวยอยู่เบื้องหลัง จรวยตามมา กลัว ๆ กล้า ๆ จะเข้าหา แต่แล้วก็ตัดสินใจเข้ามา
"คุณชายขา เชื่อรวยเถอะ รวยไม่ได้ใส่ความแม่สะใภ้เอกนั่นจริง ๆ"
"เอาเถอะ ฉันยอมเชื่อเธอก็ได้"
จรวยเข้ากอดทางด้านหลัง เขาปลดมือหันมา
"แต่ถ้าวันไหนฉันจับได้ว่าเธอมาเที่ยวยุแยง สนตะพายจูงจมูกให้ฉันเป็นควายล่ะก็"
จรวยตาเหลือก ชายโต กำข้อมือจรวยอย่างแรง
"ว๊าย"
"เธอก็จะได้เห็นฤทธิ์ฉันเหมือนกัน"
ชายโตเข้าห้องน้ำ จรวยทำตาละห้อย แล้วหันมาทำหน้านางร้ายต่อ
ภายในห้อง ชายรองจดบันทึกบางอย่าง ชายเล็กออกมาจากห้องน้ำ แล้วมานั่งที่เตียง
"เอาไงดีครับพี่รอง ศัตรูเราบุกประชิดเมืองแล้วนะครับ แถมมีหนอนบ่อนไส้อีกต่างหาก"
"ก็คงได้เวลาปราบศัตรูให้แตกพ่ายไปเสียที"
"คิดแผนอะไรได้ บอกผมนะครับ แล้วนี่พี่เขียนอะไรฮะ ยังมีแก่ใจจดไดอะรี่จ๋าอีกเหรอครับ"
"ฉันเขียนบทละครน่ะ บทละครโรงใหญ่"
ชายเล็กมองอย่างงง ๆ แล้วหาว
"บทละครจะทำศัตรูพ่ายได้ยังไงล่ะฮะ งั้น....ผมขอตัวก่อน"
ชายเล็กออกจากห้อง ชายรองครุ่นคิดแล้วตัดสินใจว่าต้องทำการใหญ่เสียแล้ว ลุกไปโทรศัพท์
"วังรัชนีกุลใช่ไหม ขอสายหญิงก้อยหน่อยครับ บอกว่ากิตติโทร.มา"
ชายรองรอสายครู่หนึ่ง ปรับเสียงให้อ่อนหวานเมื่อปลายสายรับสาย
"หญิงเหรอครับ ผมเอง คิดถึงน่ะ เลยโทร.มาหา หญิงทำอะไรอยู่ครับ...พรุ่งนี้เราไปเดทกันมั้ย"
หลายวันต่อมา วังวุฒิเวสม์ กลางวัน ศรีจิตรากำลังคว้านผลไม้ สาลินนั่งอ่านนิยาย แล้วหยิบผลไม้ที่สลักแล้วเข้าปากหมับ ๆ
ห้องนั่งเล่นด้านนอก กลุ่มนางข้าหลวงนั่งทำงานอยู่ที่พื้น
"พอแล้วสา เดี๋ยวไม่เหลือให้ห้องเครื่อง"
"ก็มันอร่อยนี่คะ ยิ่งสลักเสลาแบบนี้ยิ่งอร่อยใหญ่"
ศรีจิตราถามลองใจ
"สาเจอคุณชายรองบ้างไหมหมู่นี้"
"เมื่ออาทิตย์ก่อนเจอหนนึง เขาเจอสาคุยธุระกับนายอัศนีย์ เท่านั้นแหละ เขาแขวะสาใหญ่เลย เขาหึงนายอัศนีย์"
ศรีจิตราสว่างวาบ ซ่อนยิ้ม
"ที่มาคุยกับสาเหรอจ๊ะ"
"ไม่ใช่ เขาหึงแม่คุณหญิงนางพญาหงส์เหิรนั่นต่างหาก สาว่าอีกไม่นานเขาต้องคืนดีกันแน่ ๆ"
"แต่ถ้า......เขาเลิกกันเด็ดขาดล่ะสา"
"ถ้าเขาเลิกกัน แล้วเขา....เขาหันมาหาพี่ศรี"
สาลินอึดอัดสีหน้าสลดลงเหมือนเสียดาย ศรีจิตราอ่านท่าที
"สาก็จะพยายามทน"
"ทนอะไร"
"ทนที่ต้องมีเขาเป็นพี่เขยน่ะซี"
"คิดว่าสาต้องทนเรื่องอื่นซะอีก"
สาลินงง มาลา วรรณายกขนมมาเพิ่ม
"คุณนมตำหนักเล็ก ส่งขนมมาพอดีค่ะ"
สาลินหยิบขนมมากิน
"อร่อยจัง แปลกจังนะพี่ศรี ขนมที่คุณพลเอามาฝาก รสชาติเหมือนของคุณนมเปี๊ยบ
เลย สงสัยว่าเป็นสูตรจากวังเดียวกัน"
ศรีจิตราแปลกใจ
"อุ๊ย....ยังมีคนทำขนมสูตรชาววังคุณนมย้อยด้วยเหรอคะ" วรรณาว่า
"ไม่มีใครทำอร่อยสู้แล้วล่ะค่ะ เป็นใครกันคะ" มาลาบอก
"เป็นคุณนมของคุณพลเหมือนกันค่ะ"
มาลา/วรรณาโพล่ง "เป็นคุณนมเหมือนกันด้วย"
จังหวะนี้ศรีจิตราครุ่นคิด เผลอทำมีดจิ้มเข้าปลายนิ้ว
"อุ๊ย"
"ว้าย คุณศรี เลือดออก"
"โธ่ นิดเดียวไม่เป็นไรหรอกค่ะ"
"เดี๋ยวคัดเลือดออกก่อนค่ะ" วรรณาบอก
"ไปหยิบยาใส่แผลนะคะ"
มาลาออกไป สาลินยังหยิบขนมทานหมุบหมับ ศรีจิตราสงสัยเรื่องบดินทร์กับนายพลมากขึ้นทุกที
วันต่อมา ศรีจิตราตัดกุหลาบที่แย้มออก แต่ยังไม่บานเต็มที่ ลงใส่ตะกร้าที่คล้องแขน ม.ร.ว. บดินทราชทรงพลถือหนังสือยิ้มร่ามา
"ไปไหนมาคะ"
"มาหาคุณศรีนะซีฮะ วันนี้ผมเอานิทานมาอ่าน อ่านได้แป๊ปเดียวก็งง เลยเอามาให้คุณศรีเล่าให้ฟังดีกว่า"
"อ๋อ....นิทานเวตาล เรื่องนี้สนุกมากค่ะ"
"ฮะ แต่พอเรื่องมันเล่าซ้อนไปซ้อนมา ผมก็เวียนหัว"
"เขาเรียกนิทานซ้อนนิทานค่ะ เปรียบเหมือนตุ๊กตาที่ซ้อนในตุ๊กตาหลาย ๆชั้น เป็นการ
รวมนิทานหลายเรื่องเข้าไว้ในเรื่องเดียว แล้วก็เป็นวิธีทำให้คนอ่านต้องมีสมาธิมากๆด้วย"
"แหะ นั่นไง ผมมันคนไม่ค่อยมีสติ มีสมาธิอะไรซะด้วย ให้คุณศรีเล่าให้ฟังน่ะดีแล้ว"
"แหม ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ"
ศรีจิตราตัดกุหลาบดอกต่อไป
มือศรีจิตราโดนหนามตำเลือดซิบ ร้องอุทาน
"อุ๊ย"
"คุณศรี"
ชายเล็กเข้าคว้าดูมือศรีจิตรา อีกมือดึงตะกร้าไปวางลง
"คุณศรี เจ็บมากไหมฮะ"
ศรีจิตราดวงตาแปลกประหลาดพยักหน้าแล้วคิดบางอย่างก่อนจะทำเซซวน บดินทร์ร้องอุทานประคองไว้แล้วอุ้มพาไปที่ศาลา
ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์ก้าวเข้ามาในห้องสมุดมองดูรอบ ๆ ใบหน้าเฉยชาเหมือนเคย เขาถือหนังสือบันเทิงทศวารและจันดารามาวางบนโต๊ะ
กิตติยิ้มมากขึ้น สายตามองเลยไปนอกหน้าต่าง แล้วชะงัก เห็นชายเล็กนั่งอยู่กับศรีจิตราที่ศาลากลางสวน
ศรีจิตราระทดระทวยพิงไหล่ ชายเล็กจับมือศรีจิตรา
"คุณศรี ทนเจ็บนิดนะฮะ"
ชายเล็กบีบนิ้วศรีจิตราคัดเลือกออก เอาผ้าเช็ดหน้าซับแผ่วเบาทะนุถนอม ศรีจิตรามองดูผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือดวงใหญ่
"เลือด"
ศรีจิตราร้องเสียงเบาหวิว แล้วมีอาการหน้ามืด ซบลงกับไหล่ บดินทร์อุทาน
"คุณศรี"
ชายเล็กจูบผมศรีจิตราเบา ๆ ศรีจิตราคล้ายเอียงตกจากไหล่ เขาเอามือประคองแผ่นหลังไว้
ศรีจิตราดวงตาปิดสนิท แหงนเงย เห็นขนตาเรียงเส้น จมูกเล็กเป็นสัน พวงแก้มเปล่งปลั่ง ปากเผยอยวนยั่ว
ชายเล็กตกตะลึงพรึงเพริด
ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์เกาะกรอบหน้าต่างมองออกไป มีอาการแน่ใจ
ชายเล็กมองดู ดวงใจสับสนอลหม่าน ลมพัดมาอีก ศรีจิตรากระพริบตา เขาขยับออกนิดหนึ่ง ศรีจิตราลืมตาขึ้น ขยับตัวตรง เขาลดมือที่ประคองหลังลง
"ดิฉันหน้ามืดไป"
"เมาเลือดล่ะซีฮะ เลือดหยุดไหลแล้ว"
"ค่ะ"
"ทำไมกุหลาบแสนสวยถึงทำร้ายคุณศรีได้ลงคอนะ เขาเปรียบผู้หญิงเหมือนกุหลาบไม่ใช่หรือ"
ศรีจิตราสบตาชายเล็กอย่างล้ำลึก
"เขาเปรียบกุหลาบกับความรักต่างหากล่ะคะ งดงาม หอมหวน แต่ถ้าไม่ระวังก็ต้องถูกหนามของมันทำให้เจ็บปวดทรมาน เหมือนกับนางมัทนา"
บดินทร์อึ้ง คิดในใจ
" โธ่เอ๋ย พี่รอง ทำร้ายคุณศรีถึงขนาดนี้"
ชายเล็กขยับห่างจากศรีจิตรา
"เรื่องอะไรนะฮะ มัทนาพาธาใช่ไหม"
"นางมัทนาไม่ยอมรับรักจอมเทพจนถูกสาบเป็นดอกกุหลาบ วันใดมีความรักจึงจะกลับเป็นคนได้ตลอดไป นางรักกับท้าวชัยเสน แต่พระองค์มีมเหสีแล้ว ลงท้ายนางก็ถูกมเหสีใส่ร้าย ท้าวชัยเสนหลงเชื่อ ขับไล่นาง นางกลับมาแต่ก็ไม่ยอมรับรักจอมเทพอีก จึงถูกสาปให้เป็นดอกกุหลาบตลอดกาล"
"ว้า.....จบเศร้าอีกแล้ว"
"ค่ะ นิทาน ไม่ได้จบสุขไปหมดทุกเรื่องหรอกค่ะ"
"เหมือนชีวิตตคนใช่ไหมฮะ"
"ค่ะ ชีวิตคนต้องเจอมรสุมเสมอ"
"แต่อย่าลืมซีฮะ หลังพายุร้าย ก็จะมีรุ้งหลากสีบนท้องฟ้า"
ศรีจิตราสบตา ยิ้มขอบคุณ แต่กลับดูลึกซึ้งผูกพัน ชายเล็กตะลึงไป
ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์มองดูทั้งคู่ ดวงตากระจ่างแจ้ง ยิ้มอย่างโล่งใจบางอย่าง เสด็จทรงก้าวมา
"ดูอะไรอยู่ฮึ ชายรอง"
ชายรองหันมา
"ดูสวนเด็จป้าน่ะพะยะค่ะ สวยเหมือนฉากละครมีพระเอกนางเอกครบ"
เสด็จพระองค์หญิงทรงทอดพระเนตรไปนอกช่องหน้าต่าง พระพักตร์ปรกติคล้ายจะแย้มสรวลนิดหนึ่ง แล้วทรงรูดพระวิสูตรปิดลง แล้วหันมา
"แล้วเราเองเล่า เมื่อไรจะเป็นพระเอกบ้าง ไปดูเรือนหอบ้างหรือเปล่า"
"ดูดีมาก พะยะค่ะ"
"ก็แน่ล่ะซีจ๊ะ นี่อีกเดือน 2 เดือนก็จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว"
"เด็จป้าจะทรงย้ำกับเกล้าเรื่องวันหมั้นวันแต่งหรือพะยะค่ะ"
คุณชายรองพูดเรียบ ๆ แต่หนักใจ เสด็จทรงดูท่าที แย้มสรวลในพระพักตร์
"รู้เหมือนกันนี่"
"รอไปก่อนไม่ได้หรือพะยะค่ะ เกล้าอยากอยู่เป็นโสดซักปีนึง"
"อยากเป็นโสด หรือยังอาลัยอาวรณ์ใครอยู่"
"ตัดบัวยังเหลือใยนะพะยะค่ะ"
"เธอหมายถึงหญิงก้อย หรือผู้หญิงคนอื่น"
"ถ้าหมายถึงหญิงก้อย ก็หมายถึงยังเป็นญาติกันอยู่พะย่ะค่ะ"
เสด็จทรงค้อน
"อ้อเดี๋ยวนี้มาทำเล่นลิ้นกับป้า ไปลับฝีปากกับใครมาจากไหน"
ชายรองสะอึกแล้วยิ้ม
"เกล้าเป็นนักการทูต ก็ต้องมีวาทศิลป์อยู่บ้างซี พะยะค่ะ"
"หรือว่าตอนนี้เธอไปชอบใครอื่นอีก"
กิตติสะอึกอีก
"โธ่ ถ้าเกล้าไปชอบใคร ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะมาชอบเกล้าตอบนะ พะยะค่ะ"
"เธอน่ะเจ้าเสน่ห์จะตายไป ทำไมเขาจะไม่ชอบเธอตอบ เอ๊ะ นี่ตกลงมีใครอื่นอีกจริงหรือ"
"เกล้า ทูลว่า ถ้า.....น่ะ พะยะค่ะ"
เสด็จทรงมองหน้าแล้วแย้มสรวล
"ถ้าจริงก็น่าเสียดายศรีจิตรา บ้านนี้เขาเลี้ยงหลานสาวดี"
"พะยะค่ะ หลานสาวบ้านนี้น่ารักดี"
เสด็จทรงแย้มสรวลกับคำตอบนั้น
"ถ้าคุณศรีไปรักคนอื่นแล้วล่ะ พะยะค่ะ"
เสด็จทรงชะงักเลิกพระขนง กิตติมองตอบเสด็จ สีหน้าเหมือนจะทูลอะไรบางอย่าง
มาลา วรรณาถือตะกร้า ขันดอกไม้ และหนังสือนิทานเวตาลกับช่อกุหลาบที่ศรีจิตราทำตกอยู่ที่กอกุหลาบเมื่อกี้ วิ่งเข้ามา
"ว้าย คุณศรี เป็นอะไรไปคะ"
มาลา วรรณาเข้าดูอาการ
"คุณศรีโดนหนามตำฮะ เมาเลือดเลยหน้ามืด"
วรรณาบอก "งั้นซี เห็นตะกร้ากุหลาบกับหนังสือตกเกลื่อน เราเลยตกใจว่าคุณศรีเป็นอะไร"
"เจ็บไหมคะ รีบไปใส่ยาเถอะค่ะ" มาลาบอก
"ดีครับ จะได้ไม่ติดเชื้อ งั้น.....เดี๋ยวผมไปเฝ้าเด็จป้าก่อนนะฮะ"
"เดี๋ยวค่ะ"
ชายเล็กเลิกคิ้ว ศรีจิตราส่งดอกกุหลาบให้ดอกหนึ่ง
"นี่ค่ะ"
"ขอบคุณฮะ"
ชายเล็กรีบมาเอามา ดม ศรีจิตราเมินไป คุณชายเดินเข้าตัวตำหนักไป มาลา วรรณามองอย่างฉงน
"คุณศรีเห็นเลือดแล้วหน้ามืดหรือคะ"
"เอ๊ะ แต่วันก่อนเห็นคุณศรีโดนมีดปอกผลไม้ เลือดออกเหมือนกัน ไม่ยักกะเป็นอะไรนี่คะ" วรรณาบอก
ศรีจิตราทำเฉย ๆ
"ศรีไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะ คุณชายเล็กเธอตกอกตกใจไปเอง"
มาลา/วรรณาบอก "อ้อ"
ศรีจิตรามองไปที่หนังสือนิทานเวตาล ครุ่นคิดบางอย่าง
ชายเล็กถือดอกกุหลาบเข้าไปในห้องสมุด เสด็จทรงตรวจดูบัญชีกับชายรองอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือ
"อ้อ เจ้าเล็ก ไปเอากุหลาบมาจากไหน"
"คุณศรีให้มาพะยะค่ะ"
"แกนี่ขยันคุยกับศรีจิตราจริง เอาเรื่องโลดโผนโจนทะยานมาเล่าหรือเปล่า"
"โธ่....เปล่าพะยะค่ะ เกล้าน่ะเป็นสุภาพบุรุษทุกกระเบียดนิ้ว"
"ฉันเชื่อ" ชายรองบอก
เสด็จทรงแย้มสรวล
"แกน่ะตีสนิทกับศรีจิตรา" ชายเล็กสะดุ้ง กิตติยิ้มนิดๆ "เพื่อจะปูทางไปเป็นน้องเขยเขาหรือเปล่า"
คราวนี้ชายรองเกือบสะดุ้ง ชายเล็กอมยิ้มแทน
"เอาไว้ป้าจะนัดสาลินให้เจอแกอีกดีไหม"
"ว่าไงดีพี่รอง"
"เรื่องของนาย มาเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ"
"นี่ เจ้าเล็ก ฉันถามแกน่ะ"
"ขอประทานอภัยโทษพะยะค่ะ เรื่องคุณสา เกล้ากับคุณสารู้จักกันแล้วตั้งแต่วันงานฉลอง เกล้าคงไม่รบกวนเด็จป้าหรอกพะยะค่ะ"
ชายเล็กหยุดระรื่น ขมขื่นนิดๆ
"อีกอย่าง คุณศรีก็ดูเต็มใจอยากได้เกล้าเป็นน้องเขยอยู่"
ชายรองนิ่ง ชายเล็กพิศดูกุหลาบในมือ
"เขาถึงให้กุหลาบแดงแจ้งรักกับแกหรือ"
เสด็จและชายรองมีแววรู้บางอย่าง แต่ชายเล็กไม่รู้
"เขาอาจจะฝากผมมาให้พี่รองก็ไม่รู้ เอาไหมพี่รอง"
"เขาให้นาย ก็ต้องเป็นของนายซี"
ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์มีแวววางแผนบางอย่าง
คืนนั้น ที่ไนท์คลับหรู บนฟลอร์มีคนสโลว์ซบสองสามคู่กันที่โต๊ะตำแหน่งเด่นสุด ชายรองผูกไทเอาเสื้อนอกพาดพนักเก้าอี้ ส่วนหญิงก้อยสวมชุดราตรีสั้นปักเลื่อมระยิบระยับ ยิ้มพยักโบกมือกับด้านนั้นทีด้านนี้ทีอย่างกำหนดท่วงท่ามาแล้ว พลางจิบแชมเปญไปด้วย
"อุ๊ย...คุณฟรีดา กลับมาจากสวิสแล้วหรือคะ ค่ะ เป็นไงบ้างคะ สบายดี ค่า"
ชายรองยิ้มระรื่นมองตามไป
"สวัสดีคร๊าบ น้องตุ๊ดตู่ คุณฟรีดา"
หญิงก้อยมองชายรองอย่างแปลกใจ
"คุณรองคะ วันนี้อารมณ์ดีจัง เมารึเปล่าคะเนี่ย"
"ไม่เมาครับ ผมมีความสุขต่างหาก ความสุขมันแทบล้นอกออกมา เพราะหญิงรับรักผมอีกครั้ง และให้อภัยผมทุกเรื่องที่ผ่านมา"
เขากุมมือเธอไว้ แล้วจุมพิตเบา ๆ เทพียิ้มอย่างทระนง
"พอเถอะค่ะคุณรอง ใคร ๆ มองมากันใหญ่แล้ว"
อัศนีย์เข้ามาพร้อมวิรงรอง เลื่อมประภัส ฉัตรอาชา ทั้งหมดมองทั้งสองตะลึง อัศนีย์ยิ้มย่ามใจ
"ฉันตาฝาดไปรึเปล่า"
อัศนีย์เดินเข้าไปหา ทั้งสามยังมองอยู่ห่าง ๆ
"มาขัดจังหวะรึเปล่าครับ"
"อาร์นี่"
กิตติลุกขึ้นทันที ยิ้มร่า
"สวัสดีครับคุณชาย"
"ไฮ อาร์นี่"
อัศนีย์ยื่นมาจะเชคแฮน แต่ชายรองกลับกางแขนแล้วเข้าสวมกอดอัศนีย์แน่น อัศนีย์ตะลึง วิรงรอง เลื่อมประภัส ฉัตรอาชาอ้าปากค้าง
จบตอนที่ 13