xs
xsm
sm
md
lg

สะใภ้จ้าว ตอนที่ 12

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


สะใภ้จ้าว ตอนที่ 12

ห้องนั่งเล่นเสด็จพระองค์หญิง ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์เปิดเครื่องเล่นแผ่นเสียง
 
เสด็จประทับนั่งที่โซฟา ฟังเพลง พระพักตร์แย้มยิ้ม สาลิน ศรีจิตรา ชายรองสงบฟังอย่างอารมณ์สุนทรีย์ ที่พื้น
มาลา วรรณา เคลิ้มคล้อยไปด้วย สาลินพยายามจะหยิบเม็ดถั่วจากผมสอางค์แต่ไม่ได้
"อ้อ ชายรอง ศรีจิตรา มะรืนนี้ คุณสถาปนิก เขาจะเอาแบบบ้านมาให้ดูนะ"
"พะยะค่ะ"
สาลินตาเบิกโพลง สบตา เสด็จทรงหันมา สาลินรีบทำเป็นเจ้าหญิงใหม่
"ไงสาลิน เธอชอบอ่านหนังสือมากหรือ"
"อ่านได้ทั้งวันทั้งคืนเพคะ"
"พวกเดียวกับชายรอง อ้อ เธอเคยเห็นหนังสือในห้องสมุดที่นี่หรือยัง"
"เห็นแล้วเพคะ แต่ยังไม่ได้สำรวจว่ามีอะไรบ้างเพคะ"
"เดี๋ยวให้ศรีจิตราพาไปดูซี"
ศรีจิตรากำลังจะตอบ แต่ชายรองพูดแซง
"เดี๋ยวเกล้าพาไปดูเอง พะยะค่ะ"
ชายรองสบตา ศรีจิตราสังเกตดู เช่นเดียวกับเสด็จ เสด็จเห็นเม็ดถั่วบนผมสอางค์ สอางค์หยิบออกมา
"มะเขือพวงเพคะ"
"ชั้นว่าถั่วลันเตามากกว่า"

สาลินก้าวเข้าในห้องสมุด แล้วอ้าปากค้าง ตรงหน้าคือห้องสมุดมหึมา มีตู้หนังสือรูปทรงงดงามอยู่เต็มห้อง หนังสือในตู้ล้วนเป็นวรรณกรรมสูงค่า ทั้งภาษาไทยและต่างประเทศ
สาลินเดินไปดูตามตู้นั้นตู้นี้อย่างตื่นตาตื่นใจ ขณะนี้เริ่มดึกอากาศเย็น สาลินมีผ้าคลุมไหล่
ชายรองเอามือไพล่หลังเดินตามไปห่าง ๆ สาลินมาหยุดที่ตู้หนึ่งมองดูแล้วตาโต
หนังสือเล่มใหญ่หนาพอสมควร หน้าปกชื่อ “บันเทิงทศวาร” ข้าง ๆ กันนั้นคือหนังสือ
“จันดารา”
สาลินอยากได้ จะหยิบหนังสือ ชายรองกระแอมทันที
"อะแฮ่ม"
สาลินทำเสไปหยิบหนังสือเล่มถัดไป แล้วรีบหันมา
"นี่ ถ้าแปลนบ้านเสร็จ ก็ลงมือสร้างได้แล้วซีคะ แล้วคุณจะยังไม่ทำอะไรอีกหรือ"
"เธอจะให้ฉันทำอะไรล่ะ"
"ทำอะไรก็ได้ เพื่อไม่ให้มีการสร้างเรือนหอน่ะซี"
สาลินค้อน ชายรองมองตอบ สายตามีแววประหลาดลึกล้ำเหมือนจะบอกนัยบางอย่าง
"ถ้าเธอไม่อยากให้ฉันแต่งงานกับพี่สาวเธอ เธอก็หาคนใหม่ให้ฉันซี หาคนที่ผู้ใหญ่จะเห็นชอบด้วยน่ะ"
สาลินไม่เข้าใจความนัยนั้น อารมณ์เสียเมื่อได้ยินคำว่าคนใหม่
"ทำไมฉันต้องหาคนใหม่ให้คุณ ที่คุณมีอยู่ยังไม่พอรึไง"
"ไหน อธิบายมาซิ เรื่องผู้หญิงคนใหม่ที่เธอว่า แถมเป็นหญิงเสเพลด้วยใช่ไหม"
"ใช่....ผู้หญิง เอ้อ....เสเพล ที่เขามีคนรักอยู่แล้ว เป็นพวกเด็กปั๊มต่ำ ๆ"
ชายรองเอะใจ
"หา...เด็กปั๊มต่ำ ๆ"
"เขาบอกว่า คุณน่ะ ไปรับไปส่ง ไปทะเลาะหึงหวงให้คนเห็น แล้วก็ไปกินข้าวที่บ้านแม่คนนั้นอยู่บ่อย ๆ"
ชายรองคิดปราดไป แล้วนึกออก ดวงตาพราวขึ้น หัวเราะออกมาเบา ๆ สาลินยิ่งโกรธ
"หัวเราะอย่างนี้ คุณยอมรับแล้วใช่ไหม"
"ฉันแค่พอจะนึกออกแล้วว่าหญิงเสเพลคนนั้นเป็นใคร"
"คุณยอมบอกแล้วซีนะ"
ชายรองจับต้นแขน 2 ข้างของสาลิน ไม่หนักไม่เบา ไม่มีท่าทีลวนลาม
"เจ้าหล่อนยืนอยู่ข้างหลังนั่นไง"
สาลินอ้าปากค้าง ตาโพลง ชายรองพลันจับให้สาลินหันหลัง สาลินยังงง หันไปแล้วชะงักตาเบิกกว้าง
ภาพในกระจกเงาสะท้อนสาลินยืนจ้องงงงันออกมา กิตติยังคงจับไหล่ไว้เบา ๆ
"คุณหมายความว่าอะไร"
"ก็หมายความว่าในช่วง 2-3 เดือนมานี่ ผู้หญิงคนเดียวที่ฉันเคยไปรับส่ง เคยทะเลาะ เคยไปกินข้าวบ้านด้วย ....ก็คือเธอ"
สาลินหมุนตัวกลับมา อ้าปากค้างมอง ชายรองปล่อยมือ
"ตายจริง คือฉัน แล้วยังเอาเรื่องของฉันไปลือว่าฉันเป็นหญิงเสเพล มีแฟนเป็นเด็กปั๊มต่ำ ๆ"
"เอาล่ะ ทีนี้บอกฉันได้รึยังว่าใครกันที่เอาเรื่องของเราไปลือ"
"คุณอย่ารู้เลยค่ะ"
คุณชายยิ้มอบอุ่นจนสาลินต้องหลบตา รีบแยกไปเกาะที่ตู้หนังสือ ชายรองมองตามมาใกล้
"แต่ฉันพอจะรู้นะว่า คนคนนั้นเขาตามไปหึงหวงเธอที่ห้องสมุดด้วย"
สาลินสะดุ้ง
"คุณรู้เหรอคะ"
"รู้ซี ที่เธอกลัวคน หึงหวง ไม่อยากให้ฉันเข้าใกล้ คือหญิงก้อยนี่เอง"
"รู้ก็ดีแล้ว เขาไปอาละวาดฉันที่ห้องสมุด ให้ฉันตกเป็นขี้ปากชาวบ้านอยู่ตั้งเป็นอาทิตย์"
"ฉันขอโทษจริง ๆ ที่มีเรื่องแบบนี้ ขอโทษด้วย"
"คุณไม่เห็นต้องมาขอโทษเลย แค่กลับไปคืนดีกับคุณหญิงซะก็สิ้นเรื่อง"
ชายรองเมินมองไปแล้วสั่นศีรษะ
"ฉันกับหญิงก้อยคงไม่มีอะไรกันแล้ว"
"ฉันไม่เชื่อหรอก คุณกับคุณหญิงรักกันจี๋จ๋าจะเป็นจะตาย จะมาเลิกกันง่าย ๆ
ได้ยังไง"
ชายรองหันมามองนิ่ง สายตามีความนัยอีกแล้ว
"คนเรา มันเปลี่ยนใจกันได้เสมอ.....เธอไม่รู้หรือ"
กิตติดวงตาเป็นประกายประหลาด สาลินมองอย่างสงสัยในขณะเดียวกันก็ขัดเขินเพิ่มขึ้น

ศรีจิตราเดินข้ามโถงมาที่ห้องสมุด แง้มประตูมองเข้าไป มองดูทั้งคู่
"แล้วถ้าฉันหมดรักในหญิงก้อย เธอจะหาผู้หญิงคนใหม่ให้ฉันได้ไหม"
คุณชายมองสาลินอย่างลึกล้ำ เธฮเบือนหน้าไม่กล้าสบตา สายตาไปเห็นศรีจิตราเข้าเลยรีบแยกเข้ามาคว้าแขนศรีจิตราทันที กิตตินิ่งไป สาลินดึงศรีจิตราไปตู้ใบเดิม ดึงหนังสือ “บันเทิงทศวาร” และ “จันดารา”ออกมา
"ดูซิ พี่ศรี มีเรื่อง ดีคาเมรอน กับ จันดารา ด้วย"
"บันเทิงทศวารน่ะหรือ เอ้อ สาอย่าอ่านเลย"
"ทำไมคะ โธ่....หายากจะตาย"
"มันไม่เหมาะน่ะสา"
"แล้วจันดาราล่ะ"
"ยิ่งไม่เหมาะใหญ่"
"เธอน่ะเชื่อพี่สาวเถอะ มันไม่เหมาะกับเด็ก" ชายรองบอก
"ฉันไม่ใช่เด็กซักหน่อย"
"นั่นแหละ มันไม่เหมาะกับสาว ๆ ด้วย"
"ตอนนี้ของว่างมาเสิร์ฟแล้ว เชิญกลับห้องโน้นเถอะค่ะ" ศรีจิตราบอก
"อะไร กินอีกแล้วหรือคะ"
"ไปเถอะ" ชายรองบอก

สาลินเดินออกชายรองทักขอหนังสือ 2 เล่มคืน สาลินมองหนังสือในมืออย่างเสียดาย ชายรองเอาหนังสือเก็บใส่ตู้

กองถ่านในเรือนครัว ชายเล็กหน้ามอม เสื้อขาวเปื้อนถ่าน
 
นั่งกระจ๋องหง่องอยู่ ข้างๆ คือหม่อมอำพัน ชุดงามบัดนี้ขมุกขมอมเป็นนางหงส์ในสลัม นั่งหลับพิงไหล่บลูกชาย ชายเล็กเอาผ้าคาดเอวปัดไล่ยุงให้
หม่อมอำพันละเมอ
"เจ็ดนกอินทรี ผ่องค่ะ"
ชายเล็กทำตาปริบ ๆ ชายโตกลับมา
"หม่อม หม่อมครับ"
หม่อมอำพัน ลุกขึ้นเลิ่กลั่ก
"ตำรวจจะจับแม่เหรอชายโต"
ชายเล็กกลั้นหัวเราะ
"ตำรวจกลับกันหมดแล้วครับหม่อมแม่"
ม.ร.ว. ดิเรกราชวิทย์มองน้องชายย่างหมั่นไส้เต็มที สองพี่น้องช่วยประคองอำพันลุกขึ้นมา หัวกระเซิง เนื้อตัวมีรอยเขม่าและถ่าน จรวย นมย้อย น้อม เจียม ยืนดูกันอย่างอึ้ง ๆ จรวยแอบขำ
"ตำรวจรู้ได้ยังไงว่าตำหนักเราเปิดบ่อน"
จรวยบอก "แหม ก็เล่นเปิดวงกันเปิดเผย รถราจอดเลื้อยเฟื้อยออกไปถึงนอกวัง ก็น่าจะ
โดนหรอกค่ะ"
"อ้อ นี่หล่อนแช่งฉันหรือยะ นังจรวย"
จรวยเข้าแอบหลังชายโต
นมย้อยเข้ามาหยิบผงถ่าน หยากไย่ออกจากหัวหม่อมอำพัน
"แล้วตำรวจจับใครไปบ้างไหมฮะ" ชายเล็กถาม
"ไม่ได้จับใครซักคนค่ะ แค่ตักเตือน เพราะเห็นว่าคราวแม่คราวยายกันทั้งนั้น" นมย้อยบอก
"ที่จริงตำรวจไม่ได้มาจับไพ่หรอกค่ะ ตำรวจมาจับคนร้าย" น้อมว่า
"เพราะมีคนโทรศัพท์ไปแจ้งความว่า มีโจรปล้นตำหนัก จับขา เอ๊ย แขกเป็นตัวประกัน" เจียมบอก
ชายเล็กทำไม่รู้ไม่ชี้ อำพันเต้นผาง
"ไอ้อีคนไหนมันอุตริ พิสดาร วิตถารมนุษย์"
ชายเล็กสะดุ้ง ม.ร.ว. ดิเรกราชวิทย์มอน้องชายย่างรู้ทัน
"ใคร ใครมันอยากให้ฉันฉิบหาย โธ่ เพิ่งมือขึ้นครั้งที่ 2 ในรอบ 2 ปี เงินก็ยังไม่ทันได้รวบมา ใคร"
หม่อมอำพันกวาดตามองแล้วมาหยุดที่ลูกสะใภ้ จรวยตาเหลือกดูยิ่งมีพิรุธ
"ดิฉันไม่เกี่ยวนะคะ"
"อ้อ นังตุ๊กแกกินปูน ร้องออกมาแล้ว"
"คุณชายขา ช่วยรวยด้วย หม่อมท่านปรักปรำรวย"
จรวยเข้ากอดแขนชายโตระล่ำระลัก อำพันค้อนตาคว่ำ เดินนำขึ้นตึกไป นมย้อย เจียม น้อมตาม จรวยตามไปด้วย ชายเล็กผิวปากจะเดินออกไป พี่ชายคว้าไว้
"เดี๋ยว เจ้าเล็ก ฉันรู้นะว่าเป็นแกที่โทรไปเรียกตำรวจ แกแกล้งหม่อมแม่ทำไมวะ"
"ก็...อยากให้หม่อมเลิก ๆ บ้างนะครับ ยิ่งติดพนันก็ยิ่งล่มจมนะพี่โต"
บดินทร์ยิ้มกริ้มแล้วแยกไป ดิเรกส่ายหน้า

รถของตำหนักใหญ่แล่นมาจอดหน้าเทอเรซ คุณชายรอง ศรีจิตรามาส่งสาลินขึ้นรถ สาลินถือผ้าคลุมไหล่ขยุ้มมาเซนิด ๆ ตาเยิ้ม มีอาการเมา
"ส่งสาแค่นี้ก็พอค่ะ"
"ยายสาไม่น่าดื่มไวน์เข้าไปเยอะเลย คุณชายคะ ดิฉันขอตัวเข้าไปดูความเรียบร้อยข้างในก่อนนะคะ" ศรีจิตราบอก
"เชิญ เดี๋ยวฉันก็จะกลับตำหนักเล็กเลยเหมือนกัน"
ศรีจิตราไหว้ลา ชายรองรับไหว้ ศรีจิตราเดินไป สาลินลังเลแล้วยกมือไหว้คุณชาย
"อ้อ ทีนี้ล่ะไหว้ได้"
"ฉันกลับล่ะ"
"เดี๋ยว"สาลินเลิกคิ้ว "ขอหนังสือคืนด้วย"
"หนังสืออะไร"
สาลินมีพิรุธ ชายรองคว้าผ้าคลุมไหล่คลี่ หยิบหนังสือบันเทิงทศวารออกมา สาลินอายทำโกรธกลบเกลื่อน
"อีกเล่ม"
สาลินยิ้มเจื่อน หยิบจันดาราออกมาส่งให้
"เสด็จทรงประทานอนุญาตแล้วนะคะ"
"ถ้าทรงรู้ว่าเป็นเล่มนี้ล่ะก็ไม่มีทางอนุญาตหรอก นี่เธอไม่รู้เลยหรือว่ามันเป็นเรื่องยังไง"
"ทำไมฉันจะไม่รู้ มันเป็นเรื่อง เอ้อ วับ ๆ แวม ๆ"
"ไม่ใช่แค่วับ ๆ แวม ๆ มันโป๊กว่านั้น"
"แล้วทำไมคุณถึงอ่านได้"
"ก็ฉันเป็นผู้ชาย แล้วก็ไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วด้วย"
"ฮึ ไหนว่าคุณบอกว่า คุณนับถือความเสมอภาคทางเพศไง"
ชายรองมองสาลินมีแววแน่ใจบางอย่าง
"เอาเถอะ แล้ววันหลังฉันจะให้เธออ่าน"
"จริงเหรอ แล้ว...วันไหนล่ะ"
"วันที่เธอแต่งงาน มีสามีแล้วน่ะซี"
สาลินหน้าแดง ค้อนแล้วเซ ชายรองจับไว้
"คุณ"
"แค่นี้ก็หน้าแดงแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเพราะอายหรือเพราะเหล้า ยังไงเธอก็ยังอ่านไม่ได้ใหญ่ กลับบ้านไปนอนได้แล้ว"
สาลินค้อนขวับขึ้นรถ รถแล่นออกไป ชายรองมองตาม รถแล่นห่างออกไป
ในรถสาลินหน้าเชิดแล้วหันไปมอง เห็นชายรองยืนอยู่ที่เทอเรซห่างออกไปทุกที เขายืนมองจนรถเลี้ยวลับแนวต้นไม้ไป
เขายังคงยืนบนเทอเรซ แล้วมองดูหนังสือในมือ แล้วเดินลงจากเทอเรซ เพื่อเดินอ้อมไปยังตำหนักเล็ก
ที่หลังประตูกระจก ศรีจิตราก้าวมามองตาม มีแววแน่ใจ พอใจ ดีใจในบางอย่าง ความกังวลลดลง

เสด็จทอดเนตรมองหนุ่มสาวทั้งสาม พระพักตร์แย้มสรวลนิด ๆ ดวงเนตรเข้าพระทัยในทุกเรื่อง สอางค์เดินเข้ามาบอกเสด็จ
"ทำไมต้องประจวบเหมาะมาจับไพ่เอาวันนี้ก็ไม่รู้นะเพคะ"
"ฉันคิดว่า ไอ้เจ้าเล็กหลบหน้าสาลินมากกว่า"
สอางค์ตกใจหันมามอง

"อะไรกันเพคะ คุณชายเล็กจะทำอย่างนั้นทำไม"

เสด็จทรงพระดำเนินมาประทับนั่งที่โซฟายาว
 
"ฉันจะไปรู้ได้ยังไง ไอ้เจ้าหลานคนนี้มันเจ้าเล่ห์แสนกล ไม่รู้ว่ามันมีแผนอะไรของมัน"
สอางค์ยิ้มย่อง
"ก็อย่างงี้แหละเพคะ หม่อมฉันถึงอยากให้จับคู่กับยายสา นิสัยใจคอเหมือนกันไม่มีผิด"
"แล้วเธอก็เห็นว่าศรีจิตราไว้ตัว เงียบขรึมเหมือนชายรองซีนะ"
"เพคะ ผัวเมีย เอ๊ย สามีภรรยา ต้องนิสัยใจคอเหมือนกันถึงจะไปกันได้"
เสด็จทรงแย้มสรวล พระเนตรหยั่งรู้บางอย่าง
"มันก็น่าจะเป็นอย่างนั้นนะ"
"วันนี้ถึงจะผิดแผนเรื่องคุณชายเล็ก แต่ก็ไปดีเรื่องคุณชายรอง ท่าทางเธอโอนอ่อนผ่อนตามมากแล้วนะเพคะ พูดคุยแย้มยิ้มสนิทสนมกับแม่ศรี ดี๊ดี หม่อมฉันปลื๊มปลื้มเพคะ"
สอางค์คิดเองเออเอง เสด็จทรงอึ้ง
"แต่ฉันว่าชายรองสนิทสนมกับสาลินมากกว่านะ"
"วุ้ย ก็เหมือนกันแหละเพคะ อีกหน่อยก็จะดองกันสองชั้น สนิทสนมกันอย่างนี้แหละดี"
เสด็จทรงแย้มสรวล พยักพักตร์น้อยๆ

วันใหม่ ที่ศาลากลางสวน เสด็จพระองค์หญิงประทับอยู่กับสอางค์ ศรีจิตรา ตรงหน้าคือชายเล็กกับกิชายรอง บนโต๊ะมีน้ำชา อาหารว่างชุดใหญ่ มาลา วรรณานั่งอยู่ห่าง ๆ คอยรับใช้ ชายเล็กกำลังพลิกดูพิมพ์เขียวแปลนบ้านอย่างใจจดใจจ่อ
"เป็นยังไงศรีจิตรา แปลนบ้านที่สถาปนิกเขาเขียนมา เหมือนที่ตั้งใจไว้ไหม"
"พอใจเพคะ แต่ไม่ทราบว่าคุณชายว่ายังไงเพคะ"
"ว่ายังไงชายรอง"
"เกล้าว่า ศรีจิตราหมายถึงนายเล็กมากกว่าพะยะค่ะ ว่าไง นายเล็ก"
"ผมโอเคนะฮะ แต่ว่าอยากให้เพิ่มมุมเทอเรซให้กว้างอีกหน่อย"
"นายก็ปรึกษากับศรีจิตราก็แล้วกัน"
เสด็จขมวดพระขนง ตรัสเสียงแข็งขึ้น แต่ดวงเนตรขบขัน
"พิลึกจริงชายรอง นี่เราเป็นคนอยู่ หรือว่าจะยกให้น้องกันแน่"
ศรีจิตราตกใจนิดหน่อย สอางค์ตาโต
"ก็นายเล็กมีหัวทางนี้นี่พะยะค่ะ อีกอย่างเกล้าถือคติ คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก ถ้าใจสบาย อยู่ที่ไหนก็เป็นสุขพะยะค่ะ" ชายรองว่า
"วุ้ย คุณชาย เข้าใจพูดค่ะ" สอางค์บอก
"พี่รองพูดเหมือนใจผม"
"นี่ เจ้าเล็ก"
เสด็จทรงเสียงเขียว ชายเล็กคอหด
"พะยะค่ะ"
"ฉันยังไม่ได้ชำระความแก แกจงใจหลบหน้าสาลินใช่ไหม"
ศรีจิตรามองบดินทร์นิ่ง บดินทร์เข้านวดพระบาทเสด็จ
"โธ่ เด็จป้าหาความเกล้า เกล้าแต่งตัวจะมาอยู่แล้ว แล้วเกิดตำรวจบุก เกล้าต้องพาหม่อมหนีไปหลบในกองถ่าน โธ่ อีกหน่อยก็ได้เจอพะยะค่ะ"
"อีกหน่อยน่ะ เมื่อไร"
"อุ๊ย ก็จวนจะวันประสูติอยู่แล้วเพคะ วันนั้นทุกคนต้องมาอยู่แล้ว" สอางค์ว่า
บดินทร์คอหดรำพึงเบาๆ
"อีกแล้วหรือ"
ชายรองขมวดคิ้วมองหน้า ชายเล็กยิ้มแห้งๆ สอางค์เริ่มร่ายรำอีก
"วันประสูติคราวนี้ หม่อมฉันเตรียมงานไว้แล้วเพคะ ตอนกลางวันก็ทำเหมือนทุกปี แต่งานกลางคืน หม่อมฉันอยากให้มีอาหารจากหลายๆชาติกว่าทุกปี"
"ดีฮะ จะได้กินกันให้พุงกางเลย" ชายเล็กบอก
เสด็จทรงค้อนภาติยะคนเล็ก สอางค์ยังคงเพ้อ เดินมากลางลาน แล้วโยกย้ายร่ายรำ
"แล้วก็มีการแสดงของข้าหลวง พระสหาย และพระญาติเพคะ"
"หม่อมฉันกับมาลาก็แสดงเพคะ" วรรณาบอก
"แล้วศรีจิตราล่ะ จะแสดงอะไร"
"แสดงเพคะ แต่ต้องปิดเป็นความลับก่อนเพคะ"
ชายเล็กครุ่นคิด แล้วหาทางออกได้เรื่องปิดบังหน้าไม่ให้สาลินจำได้ รีบโพล่งออกมา
"ถ้าจะให้พิเศษจริง ๆ ต้องจัดแบบนี้พะยะค่ะ จัดเป็นงานแฟนซีสวมหน้ากาก"
ชายรองมองน้องชายอย่างสงสัยเล็กน้อย สอางค์อ้าปากค้าง มาลา วรรณาตาโต
"วุ้ย ทำไมหม่อมฉันไม่ทันคิด แฟนซีสวมหน้ากาก ต้องสนุกแน่เลยเพคะ"
ชายเล็กเข้าประคองร่างสอางค์เต้นรำไปมา
"มีการถอดหน้ากากตอนเที่ยงคืนด้วยนะครับคุณสอางค์"
มาลา วรรณาหัวเราะคิกคัก
"ว่าไงชายรอง"
"ก็น่าสนุกดีพะย่ะค่ะ"
"เอ้า เอาตามนี้ก็ดี ได้ปล่อยแก่กันลืมตายล่ะ"
ทุกคนหัวเราะ
เสด็จปรายตามอง ชายรองอย่างมีนัยบางอย่าง
"แต่อย่าลืมนะงานนี้วงศ์วานว่านเครือมากันพร้อมหน้า แม้แต่วังรัชนีกุล"
ทุกคนเจื่อนไปทันที ชายรองพยายามทำสีหน้าปรกติ ศรีจิตรามองนิ่ง เขายิ้มรับราว
ไม่รู้สึกรู้สมอะไร เสด็จทรงแย้มสรวลในที

วันนี้ไม่ค่อยมีผู้ใช้บริการห้องสมุด ที่เคาน์เตอร์ สาลิน บราลี ลลิตา แว่น สุมหัวกันเช่นเคย ลลิตาอ่านหน้าข่าวสังคม
"ดาราสาวดาวยั่ว ชื่อเป็นดอก...ไม้ ไปฉีดพาราฟีนเพิ่มขนาด จาก 36-22-36 ตอนนี้กลายเป็น 40-20-38 แล้ว"
สาลินกับบราลีอึ้ง บราลีลูบอกอันแล้งน้ำแห่งตน
"นั่นคนหรือ"
"เขาเดินได้ยังไงน่ะครับ กลัวเดิน ๆ ไปแล้วตัวหัก หัวทิ่มไปข้างหน้า" แว่นว่า
แว่นทำท่าเดินให้ดู สาว ๆ ขำ
"วุ้ย วันนี้ไม่มีข่าวไฮโซไซตี้เลย มีแต่พวกดาวโป๊"
"ดาวโป๊ก็คนนะยะ ทำงานแลกเงินเหมือนเรา" บราลีบอก
ลลิตาพับหนังสือพิมพ์เชิดใส่ มองดูสาลิน
"นี่เธอไม่มีข่าวอะไรบ้างเหรอ"
"มาถามอะไรฉัน"
"จะว่าได้หรือยะ เผื่อเธอไปหว่านเสน่ห์กับคุณชายที่ไหนอีก จนยายคุณหญิงเจ้าของเขาต้องบุกมาทวงคืนเธอถึงห้องสมุด"
สาลินส่ายหน้า แล้วแยกไปมุมหนึ่ง
ประตูเปิดออก มีร่างในชุดสูทหรูเรียบก้าวมา ดูเป็นสูทชาแนลคล้ายแจ็กกี้ เคเนดี้
ลลิตา บราลี แว่น สาลิน อ้าปากค้าง
"ว้าย มาจริง ๆ ด้วย" ลลิตาว่า
บราลี ลลิตา แว่นรีบตรงไปหาทันที
"มาอ่าน มายืม หรือจะมาทุ่มหนังสือใส่ใครคะ"
ศรีจิตราอึ้ง

"เออ ดิฉันมาพบสาลินค่ะ"

แว่นบอก
 
"แน่เลยครับ คุณหญิงเทโพใช้คุณมาใช่ไหม เขาให้คุณมารังแกคุณสาลินของผมใช่ไหม"
"ผอมแห้งอย่างนี้ แค่ฉันหายใจรด คุณก็ล้มตึงแล้วล่ะค่ะ"
สาลินเดินเข้ามา เห็นศรีจิตราก็ร้องกรี๊ด
"ไม่ต้องกลัวลินซี่ ฉันมีทั้งค้อนและเคียว พร้อมจะปะทะพวกแบ่งชนชั้นอยู่แล้ว" บราลีบอก
สาลินวิ่งเข้าไปกอดศรีจิตรา ทุกคนหน้าเหรอ
"พี่ศรี ทุกคนคะนี่พี่สาวฉันเอง พี่ศรีจิตราค่ะ"
ศรีจิตราไหว้ทุกคน
"อ้าว โทษค่ะ" ลลิตาบอก
"เชิญค่ะ ห้องสมุดเรายินดีต้อนรับค่ะ" บราลีบอก
สาลินพาศรีเข้าด้านใน แว่นตาเคลิ้ม
"โอย....ใจจะขาด สวยหยาดฟ้ามาดินทั้งพี่ทั้งน้อง เลือกไม่ถูกเลยครับ" แว่นบอก

มุมหนึ่งในคอฟฟี่ช็อปหรู ศรีจิตรานั่งอยู่กับสาลิน
"จะให้สารำละคร รำอะไรคะ ม้าย่อง หรือเขมรไล่ควาย"
ศรีจิตราทำเถรตรง
"รำม้าย่องคงไม่เหมาะ ส่วนเขมรไล่ควายมันไม่มีท่ารำ มีแต่ร้อง ฮึย ฮึย ฮึย ฮึย"
สาลินค้อน ศรีจิตราทำหน้าเฉย
"แล้วยังมีแฟนซีสวมหน้ากาก มีเต้นรำ ตายยังกะนิยายประโลมโลกย์"
"สนุกดีออกสา"
"นี่ความคิดใครคะนี่"
"คุณชายเล็ก"
"อื๊อ อีตานี่อีกแล้ว"
"คราวนี้แหละ สาจะได้เจอคุณชายเล็กเสียที"
"ฮึ เชียร์กันจังเลย"
"เขาเป็นคนดีจริง ๆ นะสา พี่เองก็อยากมี..."
ศรีจิตราอึ้งไปนิด สาลินมอง
"น้องเขย ดี ๆ เหมือนกันนี่"
"อี้ย์ น่าเกลียดตายเลย พี่แต่งกับพี่ น้องแต่งกับน้อง ชาวบ้านต้องนินทาว่าเราเข้าไปนั่งจองสมบัติเสด็จ ไม่ให้กระเด็นไปไหน"
"เสียดาย"
"เสียดายอะไรคะ"
"เสียดายที่เราไม่มีพี่สาวใหญ่อีกซักคนไงสา"
ศรีจิตราพูดเรียบๆ หน้าตาเฉย สาลินตาเบิกกว้าง ศรีจิตรายิ้ม
"หา !"
"พี่พูดเล่นน่ะ"
"ตายแล้วพี่ศรีมีพูดเล่นด้วย ไปติดมาจากใครเนี่ย"
ศรีจิตราตาเป็นประกาย สาลินมอง

คุณชายกำลังนั่งตรวจบัญชีอยู่ที่โต๊ะทำงานในร้านผ้าไหม พลางเซ็นเช็คอยู่ ศุภรเดินเข้ามาเคาะโต๊ะราวเคาะประตู
"ไอ้หม่อม"
"อะไร"
"คุณสามาว่ะ มากับสาวสวยอีกคน"
คุณชายแปลกใจ
"คุณสาแนะนำว่าพี่สาว ชื่อศรีจิตรา ใช่พระคู่หมั้นแกรึเปล่าวะ"
ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์เป็นอึ้ง

คุณชายและศุภรออกมา มองไปที่ราวผ้า สาลินดึงผ้าไหมมาลูบคลำ เป็นผ้าที่เคยลูบตอนกินไข่นกกระทาทอด ผ้านั้นเหลือบสีต่าง ๆ วูบวับ ศรีจิตรายืนดู
"สวยจังเลย"
"เอาซีสา พี่ซื้อให้"
"ไม่เอาค่ะ แพงจะตาย หลาตั้งสองร้อย เวลาอีตา เอ๊ย เวลาคุณชายไม่อยู่ร้าน"
สาลินดึงผ้ามาราว 2 เมตร
"สาชอบเข้ามาคลำผ้าผืนนี้บ่อย ๆ"
ชายรองสะดุ้งเล็กน้อย สาลินกรีดนิ้วเหยียดแขนหนึ่งดึงผ้าไปสุดแขนข้างตัว อีกมือจับผ้าไว้ตรงไหล่ด้านนั้น บิดสะโพกพ้อยท์เท้า ผ้าทาบทรวดทรง ไม่แพ้นางในหนังมหากาพย์ ศุภร ชายรองมองเพลิน
"สาจะลูบ ๆ คลำ ๆ ไปจนบ่ายเลย"
ศรีจิตราไม่ตอบ มองเลยไปเห็นทั้งชายรองและศุภร เลยรีบสะกิด สาลินสังหรณ์ใจหมุนตัวขวับมาดู ตรงหน้าชายรองยืนกอดอกดูอยู่ แล้วรีบทำหน้าเฉยชา ดวงตามีประกายวิบวับ ศรีจิตรายืนอึ้ง สาลินลดผ้าลง ทำเชิดกลบเกลื่อน
"เป็นยังไง มาดูผ้ากันหรือ ได้อะไรบ้างแล้วหรือยัง"
"กำลังดูอยู่ค่ะ" ศรีจิตราบอก
"งั้นเชิญตามสบายนะ อ้อ อย่าลูบคลำมาก เดี๋ยวผ้ามันจะเปื้อนเสียหมด โดยเฉพาะมือเลอะ ๆ ที่เปื้อนของทอดน้ำมันน่ะ "
ชายรองยิ้มสะใจนิด ๆ หมุนตัวเดินไป สาลินมองตามอย่างหมั่นไส้ พูดจงใจให้ได้ยิน
"ความจริงเราไม่น่ามาดูผ้าที่นี่เลยพี่ศรี"
เขาได้ยินเต็มสองหู ศุภรชักสนุกตาม
"ที่นี่เขาทำมารับฝรั่ง ก็เลยมีแต่ราคาฝรั่ง อุ๊ย"
ศรีจิตราตาเขียวหยิกสาลิน เขาหันกลับมาช้าๆ สาลินคลึงตรงที่โดนหยิกอยู่
"ผ้าที่นี่ตั้งราคาตามคุณภาพของผ้า แล้วผ้าแต่ละผืนนี่ เราแบ่งเปอร์เซนต์ให้คนทอ"
สาลินเชิด
"ไม่ได้เหมามาโก่งราคาอย่างที่...ใครบางคน...ชอบกล่าวหาคนอื่นอย่างสนุกปาก"
สาลินตาเบิกกว้าง ในใจสนุกสนาน ศรีจิตราตกใจนิดหน่อย ศุภรยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
"ผ้าบางผืน คนทอ ทอนานเป็นเดือน บางลายก็มีแค่ผืนเดียวในโลก มันก็เลยต้องแพงกว่าผืนอื่น"
"ก็แล้วไปซี"
"ศุภร ช่วยพาคุณศรีกับน้องสาวไปดูผ้าล็อตใหม่ที" คุณชายหันมาหาศรีจิตรา "ฉันเตรียมไว้จะถวายเด็จป้า แต่ยังไม่รู้ว่าผืนไหนถึงจะเหมาะ เธอช่วยเลือกให้ทีเถอะ"
"ได้ค่ะ คุณชาย สาไปช่วยพี่เลือกด้วย"
"เชิญครับ"
ศุภรผายมือเดินนำไป ศรีจิตรายิ้มแต่ตาเขียวแล้วเอานิ้วคีบ สาลินร้องโอดโอย ศรีจิตราไม่ปล่อย ดึงให้ตามไป
"สานะ พูดจา"
"โอ๊ย พี่ศรีง่ะ"

คุณชายมองตามตาขุ่น แล้วหยิบผ้าชิ้นแพงที่สาลินหมายปองมาดู อมยิ้มนิด ๆ

สะใภ้จ้าว ตอนที่ 12 (ต่อ)

ณ ห้องนั่งเล่นวังรัชนีกุล หม่อมวาณีนั่งจิบชา
 
ท่านจันทร์มีหนังสือบนเพลา ประทับบนโซฟาเดี่ยวข้างกัน หญิงกลางนั่งอยู่ไม่ห่าง หญิงก้อยยืนมองไปนอกสวนสวย
"คุณสอางค์เพิ่งโทร.มาบอกเรื่องงานเมื่อสายนี่เอง แปลว่าไม่ทรงกริ้วแล้วนะเพคะ ถึงได้เชิญเรา"
"เสด็จพี่น่ะทรงยุติธรรมและมีพระเมตตา ต่อให้ทรงกริ้วก็ไม่ตัดญาติขาดมิตรหรอก" ท่านจันทร์บอก
ท่านจันทร์ตวัดสายพระเนตรไปที่หญิงก้อย แต่ลูกสาวเป็นทุกข์เรื่องอื่น
"มีเวลาไม่ถึง 10 วัน จะไปตัดชุดอะไรทัน"
ท่านจันทร์ชะงัก หม่อมวาณีมองหญิงกลาง แล้วถามเหมือนเป็นนางข้าหลวงไม่ใช่แม่
"เอ้อ ลูกหญิงจะไปด้วยหรือจ๊ะ"
ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสงหันขวับมา
"ทำไมหรือคะ หรือว่าหญิงเป็นบุคคลต้องห้าม สำหรับวังวุฒิเวสม์"
"นั่นซีนะ เธอเป็นหรือเปล่าล่ะ บุคคลต้องห้าม"
ท่านจันทร์กระแทกเสียง หญิงก้อยตาวาว ม.ร.ว. ศศิรัชนีพูดขัด
"ท่านพ่อคะ คุณสอางค์บอกว่าเด็จป้าโปรดให้หลาน ๆ ไปกันให้ครบ แล้วนายเล็กก็ขอให้ส่งการแสดงบนเวทีด้วย"
"นั่นไงคะ หญิงอาสาเป็นคนแสดงบนเวทีถวายเด็จป้าเอง เพราะพี่หญิงคงไม่ถนัดใช่ไหมคะ เพราะถ้าให้แสดงจริง ก็คงแสดงเป็นนางก้นครัว เป็นนางขี้เถ้า อย่างนางซินเดอเรลล่า"
วาณีหัวเราะ
"ลูกหญิง ปากคอเราะร้ายใหญ่แล้ว ไปว่าพี่เขา"
ม.ร.ว.เทพีเพ็ญแสงหัวเราะตามแม่ หญิงกลางยิ้มหวานตอบ
"จ้ะ พี่ไม่ถนัดหรอก เพราะเรื่องต้องไปแสดง...จริตมายา...อะไรต่อหน้าคนนี่ หญิงคงถนัดกว่าพี่"
หญิงก้อยหน้าเชิด แต่ทำไม่รู้เท่า
"ค่ะ หญิงจะรับอาสาเอง เด็จป้าจะได้ทรงทราบว่า หญิงมีความสามารถแค่ไหน"
"เมื่อเปรียบกับสะใภ้ที่เด็จป้าทรงหาไว้อย่างนั้นซี" ท่านจันทร์ว่า
"ท่านคะ" หม่อมวาณีทำท่าจะท้วง
"มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้นไม่ใช่หรือเพคะ"
ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสงสะบัดเดินออกไป หม่อมวาณีจะเป็นลมลุกขึ้นละล้าละลัง ท่านจันทร์กริ้วจนกลายเป็นสังเวช
"ลูกหญิงจ๋า แม่ว่า"
"เอาเถอะวาณี ตามใจมัน มันอยากไปแสดงอิทธิฤทธิ์อิทธิเดชอะไรก็ตามใจมัน"
"แต่ว่า เอ้อ"
"ความจริงเธอก็น่าจะชินแล้วนะ"
"ชินอะไรเพคะ ท่าน"
"ชินที่ลูกเราทำอะไรให้ขายหน้าอยู่ทุกวี่ทุกวันน่ะซี"
ม.ร.ว. ศศิรัชนีหัวเราะออกมา หม่อมวาณีค้อนตาเขียว ท่านจันทร์ยิ้มให้ลูกสาว

เวลาต่อมา ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์นั่งตรวจบัญชีต่อ ศุภรเดินทำหน้ากรุ้มกริ่มเข้ามา
"กลับไปแล้วหรือ"
"ฮื่อ ฉันเพิ่งไปส่งขึ้นแท็กซี่เดี๋ยวนี้เอง"
ศุภรมีทีท่ารื่นเริงเกินควร กิตติมองในใจเริ่มขุ่น ศุภรรู้ทัน แกล้งปลื้มกว่าปรกติ
"สองศรีพี่น้องนี่กินกันไม่ลงจริงๆ น้องสาวน่ารักแสนซน พี่สาวสวยหวานเรียบร้อยเยือกเย็น เลือกไม่ถูกเลย"
"ถ้าเป็นนายจะเลือกใคร"
ศุภรมองดวงตาชายรองจับท่าทีได้
"คนพี่ ทั้งสวยทั้งเรียบร้อย อย่างนี้อยู่กันไปชีวิตคงสงบราบรื่น"
เขานิ่งฟัง ไม่รู้ว่าศุภรคอยดูท่าที
"แล้วคนน้อง"
"เฮ้อ ไม่ไหว ซนเกินไป อย่างนี้อยู่กันสงสัยชีวิตคงร้อนเป็นไฟ คงทะเลาะกันทุกวัน"
"งั้นแกเลือกคนพี่"
"เปล่า เลือกคนน้อง"
ชายรองมีแววประหลาดวูบผ่านไปในดวงตา ศุภรจับได้ก็ยิ้มกริ่ม
"ก็ไหนว่าทะเลาะกันทุกวัน"
"ทะเลาะซียิ่งดี วัน ๆ ชีวิตเงียบจะตายอยู่แล้ว ก็ต้องหาอะไรที่มันโลดโผนมีสีสัน แสบ ๆ คัน ๆ บ้าง มีพูดกระทบกระเทียบเปรียบเปรย เสียดสี เย้ยหยัน หยอกเย้า เพลิน"
ชายรองนิ่ง เพราะเห็นจริงตามที่ศุภรว่า ศุภรยิ่งแยง
"เฮ้ย....แต่คุณศรีน่ะ เหมาะกับแกแล้วนะ เสด็จทรงมีพระเนตรแหลมคม"
"ยังไง"
"แกมันเผด็จการ ต้องได้เมียหวาน ๆ นิ่ง ๆ ตามใจผัวแบบนี้แหละ"
ชายรองพูดไม่ออก
" คุณสาน่ะ ฉันว่าเหมาะกับฉันว่ะ"
"อย่ามาพล่าม แล้วหญิงกลางแกไม่สานต่อเหรอวะ"
"ก็ไม่มีโอกาสนี่หว่า นะ....ถ้าฉันพลาดจากหญิงกลาง แกช่วยแนะนำสาลินให้ฉันหน่อย"
ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์ลืมตัว
"ไม่ได้.....ฉันไม่ให้"
"ฉันไม่ให้... อะไรวะ"
"คือ....สาลินมีแฟนอยู่แล้ว แล้วแกอย่ามาทำให้หญิงกลางเสียใจ งานประสูติเด็จป้า แกจะได้เจอหญิงกลางอีกแน่ ๆ อย่ามาคิดเพ้อเจ้อ"
ชายรองแยกไป ศุภรขำและกลายเป็นเครียดเพราะเป็นห่วงขึ้นมา

"ไอ้หม่อมเอ๊ย.....หลอกเข้าหน่อยก็แบไต๋ เอาไงวะ หมั้นคนพี่แต่กลับรักคนน้อง"

ม.ร.ว. บดินทราชทรงพลเดินผิวปากมา
 
แล้วเห็นที่สนามกว้าง ริมบึงน้ำ ศรีจิตรากำลังอ่านหนังสือ “เงือกน้อย” อยู่ ข้างตัวมีพานดอกไม้เหมือนเพิ่งทำเสร็จ ห่างไปมีดอกบัวราว 20 ดอก หล่อน้ำไว้ในอ่างแก้วเหมือนเพิ่งหักมา ศรีจิตรา ดูงดงามโดดเด่น ชายเล็กมองอย่างอึ้งและชื่นชม ศรีจิตราเงยหน้าขึ้น ตกใจนิดหน่อย ชายเล็กยิ้มเดินเข้าไป
"คุณชาย เชิญนั่งซีคะ"
"ครับผม" ชายเล็กนั่งลงตรงข้าม "แหะ แล้วคุณศรีจะไม่ชวนผมกินอะไรหรือฮะ"
ศรีจิตราเกือบค้อน
"ก็กำลังจะชวนอยู่นี่ไงคะ"
ศรีจิตราจัดโน่นเลื่อนนี่ให้ ชายเล็กกินหมับๆ
"วันงานประสูติ คุณศรีจะแต่งแฟนซีอะไรครับ"
"ดิฉันกับพี่ ๆ ที่ตำหนักจะรำถวายพรให้เสด็จท่าน ก็คงแต่งชุดที่รำน่ะค่ะ"
"โธ่ แล้วมันจะสนุกอะไรล่ะฮะ คุณศรีไม่ลองแต่งอะไรแปลก ๆ ดูบ้างล่ะครับ สนุกจะตายเวลาที่เราได้แกล้งเป็นอะไรอย่างอื่นที่ไม่ใช่ตัวเรา"
"เช่นแกล้งเป็นนายยอด โจรขโมยนาฬิกาน่ะหรือคะ"
ชายเล็กคอหดยิ้มประจบ ศรีจิตราค้อนนิดๆ
"คุณศรี น่าจะเป็นนางเซเฮราซาด ในเรื่องอาหรับราตรี มานั่งเล่านิทานไงฮะ"
"คะ"
"พี่รอง จะได้ฟังนิทานเพลินไปเลย"
ศรีจิตราหน้าหม่นลงนิดหนึ่ง บดินทร์มองเพลิน
"ค่ะ คุณชายมองอะไรคะ"
บดินทร์รีบแก้ตัว
"เอ้อ อ้า คุณศรีอ่านอะไรอยู่ฮะ"
"นิทานของคุณชายไงคะ เงือกน้อย"
"Little Mermaid ดีจัง งั้นเล่าให้ผมฟังบ้างซีฮะ"
"แน่ใจหรือคะ"
"ร้อยเปอร์เซนต์เลยครับ"
ศรีจิตรารวบรวมคำพูดแล้วเริ่มเล่า ลมแรงพัดมารอบตัว ต้นไม้สะบัดไหว ใบไม้กลีบดอกไม้โปรยปรายลง
ศรีจิตราเล่าออกท่าทาง ชายเล็กมองตาค้าง ยิ้มไปด้วย เดี๋ยวก็ทำหน้าเศร้าเคลิ้มคล้อยไปกับการเล่าของศรีจิตรา ใบไม้ยังคงพัดกรูเกรียว ศรีจิตราแล้วภาพในฝันก็บรรเจิด

ภาพในจินตนาการ ศรีจิตราในคราบของเงือกน้อย ผมยาวสลวยปิดท่อนบน ว่ายอยู่ในทะเลลึก หมุนคว้างตามแรงหมุนของน้ำ
เงือกน้อยโผล่ขึ้นเหนือน้ำ หมุนคว้าง แล้วร่างสลายกลายเป็นฟองอากาศกระจายเต็มพื้นทะเล

ฟองอากาศผุดขึ้นเหนือน้ำไปทั่วบริเวณ แล้วค่อย ๆ จางหายไป ชายรองหลับตานิ่ง ศรีจิตรานั่งอยู่ข้าง ๆ
"แล้วเงือกน้อยก็กลายเป็นฟองอากาศ อยู่คู่กับผืนน้ำทุกหนแห่งมานับแต่นั้น เป็นสัญลักษณ์ของรักแท้"
ลมแรงพัดมา ศรีจิตราหันมา เห็นชายเล็กพิงเสา ดวงตาปิดสนิท หายใจแผ่วเบา ศรีจิตราอึ้งแล้วยิ้ม ก่อนกล่าวประโยคสุดท้ายของนิทาน
".....ที่ไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน"
ศรีจิตรายิ้มเศร้าเต็มที

สองวันต่อมา ที่เทอเรซข้างตำหนักใหญ่ ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์นั่งอยู่บนเก้าอี้หวายตรงหน้า มีน้ำชาและของว่างที่จัดมาอย่างงดงาม
มาลา วรรณา และนางข้าหลวง 2-3 นางมาเมียงมองพลางหัวเราะคิกคัก
ศรีจิตราก้าวมาฝืนทำท่าทีให้ปรกติ เดินเข้าไปยกมือไหว้ ชายรองลุกขึ้นรับไหว้แล้วผายมือให้นั่งลงด้วยกัน
"ฉันเอาผ้าที่เธอช่วยเลือกวันนั้น มาถวายเสด็จป้ากับคุณสอางค์ ขอบใจที่อุตส่าห์ช่วยเลือกให้"
"ดิฉันเต็มใจค่ะ"
ชายรองหยิบถุงผ้าข้างตัวขึ้นมาวางบนโต๊ะ วางหน้าไม่สนิทนัก แต่ด้วยความขรึมทำให้จับท่าทีได้ยาก
"แล้วฉันก็มีผ้ามาฝากเธอกับ...น้องสาวด้วย เผื่อจะได้ใช้ในงานประสูติเสด็จป้า"
ศรีจิตรางง แล้วรีบไหว้ขอบคุณ
"ขอบพระคุณค่ะ"
นางที่แอบดูทั้งหลาย ตาโต ซุบซิบคิกคักกัน
"แค่นี้ล่ะ ฉันทำงานค้างอยู่ ต้องขอตัวก่อน"
ชายรองลุกขึ้นเดินออกไป ศรีจิตรานั่งงงอยู่ กลุ่มนางในกรูกันออกมา รุมล้อมคลี่ผ้าของศรีจิตราดู แต่ของสาลินมีเทปใสปิดถุงไว้จึงไม่ถูกละเมิด
"ว้าย เดี๋ยวนี้เช้าถึงเย็นถึง" มาลาบอก
"แถมมีของกำนัลไม่ขาดสาย" วรรณาว่า
ศรีจิตรายิ้มอ่อนๆ ดวงตาอึดอัดนิดหน่อย

ห้องทรงพระสำราญ สอางค์เบิกตากว้าง
"ว้าย เหรอ ทำไมไม่มาตามฉัน"
สอางค์ลืมตัวพูดเสียงดัง มาลา วรรณายื่นหน้าซุบซิบบอกความอยู่
เสด็จพระองค์หญิงประทับบนตั่ง ทรงจัดบายศรีอยู่กับศรีจิตรา เสด็จทรงเบือนพระพักตร์มา
"คิกคักอะไรกัน"
"แหม ก็มันดีใจนี่เพคะ คุณชายรองมารับประทานของว่างกับแม่ศรีอยู่ตั้งนานสองนาน"
ศรีจิตราทำตาปริบๆ คิดในใจ
" โธ่ มาพูดแค่นาทีเดียวเอง"
"แถมเอาผ้าที่ร้านมาฝาก ไม่รู้กี่ผืนกี่กุรุตเพคะ" สอางค์ว่าไปเรื่อย
" โธ่ แค่สองผืนเอง"
"อย่างนั้นหรือ ศรีจิตรา" เสด็จถาม
"เอ้อ ความจริงก็เดี๋ยวเดียวเท่านั้นเพคะ"
วรรณาบอก "แหม เวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเพคะ"
"อะไรกัน ศรีจิตรา ดู๊ หน้าตื่นเชียว"
"อย่าอายเลยจ้ะ แม่ศรีของป้า เห็นไหมเพคะ พอรู้จักมักคุ้นเข้า ก็ไปไหนไม่รอด" สอางค์บอก
"เพคะ นี่เอาผ้ามาให้สำหรับงานวันประสูติ" มาลาบอก
"คราวหน้าต้องเอาผ้ามาให้สำหรับงานหมั้น งานแต่งแน่เพคะ" วรรณษบอก
ศรีจิตราอึดอัด อึกอัก เสด็จทอดพระเนตรแล้วยิ่งครุ่นคิด
"เอ้า พอย่ะ พอ นังบาหยัน ประเสหรัน พูดมากจนศรีจิตราอึดอัดแย่แล้ว"

สาลินถือกระเป๋าเดินอ่อนเปลี้ยเพลียแรงมาแล้วตาโต ตรงชานเรือนบ้านสวน ศรีจิตรานั่งอยู่กับคุณตา คุณยาย
"นั่นไง เดินหิวซ่กเป็นนางสิบสองมาแล้ว"
สาลินค้อน หายเหนื่อย ถลาไปนั่งปุบชิดศรีจิตรา
"อะไรกันนี่ พี่ศรีมานี่ได้ยังไงคะ"
"ก็นั่งรถที่วังมาน่ะซี"
"อะไร เดี๋ยวนี้พี่ศรีกล้าไปไหนมาไหนเองคนเดียวได้แล้วหรือ"
ศรีจิตรายิ้ม ในใจสะทกสะท้อนบางอย่าง
"พี่ไม่ได้ง่อยเปลี้ยเสียขานี่จ๊ะ ไปไหนถึงต้องมีคนคอยประคอง แต่ก่อนสมัยเรียนพี่ก็ไปคนเดียว"
"แหม ก็โรงเรียนยายชีนั่น ห่างบ้านราชดำริจิ๊ดเดียวเอง"
ตาบอก"เอ้า พี่น้อง คุยไปก่อนนะ ตากับยายจะไปดูเขาขึ้นมะพร้าวหน่อย"
ยาย ตาออกไป สวนกับยายพิณที่เอาน้ำมะตูมมาวาง สาลินคว้ามาดื่ม
ยายพิณนั่งพับเพียบเท้าแขนแอ่นหยัด ผ้าแถบหย่อนหมิ่นเหม่อยู่
"พี่มีอะไรมาฝากแน่ะสา"
ศรีจิตราส่งถุงกระดาษให้ สาลินรับถุงมา ดึงผ้าออกดู พบว่าคือผ้าผืนงามราคาแพงลิบ สาลินคลี่สะบัดผ้า มันแผ่ไปยาวเหยียด ทอประกายเหลือบเรืองรอง

"ตายแล้ว ผ้าในฝันของสา ตั้ง 6-7 หลา ไม่เป็นพันเป็นหมื่นหรือ โธ่ พี่ศรีไปอุดหนุนอีตาคุณชายหน้าเลือดนั่นมาทำไม"

ศรีจิตราค้อน
 
"เมื่อเช้าคุณชายหน้าเลือดเอาผ้ามาถวายเสด็จ ให้คุณป้าใหญ่ ให้พี่ แล้วผืนนี้เธอเจาะจงให้ฝากให้สาย่ะ"
สาลินอ้าปากค้าง รู้สึกผิดนิดนึง ยายพิณจับชายผ้าชื่นชมโสมนัส สาลินยักไหล่
"เขาซื้อให้สาเหรอคะ "
"ใช่จ้ะ"
"เขาเอามาให้สาทำไมน่ะ พี่ศรี"
ศรีจิตราอมยิ้ม
"พี่จะไปรู้ได้ยังไงล่ะสา"
"หรือว่าสาไปว่าเขาหน้าโลหิต เขาก็เลยให้มาเป็นการประชด รู้ยังงี้จะว่าเขาให้หนักขึ้น เผื่อเขาจะประชดให้ลูกไม้เบลเยี่ยมมาอีกผืน ฮิ ฮิ"
ศรีจิตราส่ายหน้า
"งามยังกะผ้าทิพย์ ยิ่งกว่าสไบนางสีดาเสียอีก" พิณว่า
"หา ยายพิณไปเห็นมาจากไหน สไบนางสีดาน่ะ"
"ก็โขนสดไงคะ มาเล่นที่วัดใต้วันก่อน"
สาลินลองเดรฟผ้าเอาทาบตัวยายพิณ ยายพิณหัวเราะนมกระเพื่อม
"วุ้ย ผ้าดี ๆ เอามาห่มให้อิฉัน เดี๋ยวจะหมองเสื่อมราศีเปล่าๆ แหม คุณชายเธอก็รู้ใจคุณสานะคะ เธอคงรักคุณสามาก"
สาลินเลิกระรื่น ศรีจิตราอึ้ง ดวงตามีแววแน่ใจมากขึ้น สาลินดุยายพิณ
"ยายพิณ พูดอะไร คุณชายเป็นคู่หมั้นพี่ศรีนะ ไม่ใช่คู่หมั้นสา"
"อ้าว หรือคะ วุ้ย อิฉันเผลอไปอีกแล้ว"

วันรุ่งขึ้น วังรัชนีกุล ในห้องนอน มีผ้าผ่อนแพรพรรณมากมายพาดบนเตียง เก้าอี้สตูล เก้าอี้นอน ฉากบังตาเต็มไปหมด ที่กลางห้อง ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสงยืนอยู่ ตรงคอมีขนนกดำยาวชี้ขึ้น ดูเหมือนสวมชุดราตรีประดับขนนกทั้งตัว รวมทั้งมีชายกระโปรงขนนกแผ่ไป
วิรงรองอยู่ในชุดไมโครสเกิร์ต หลังเปลือย อกแหวกยืนมองอย่างทึ่งแกมริษยา
เลื่อมประภัส ฉัตรอาชานั่งคุกเข่ามองดูห้องนอนอย่างตะลึง
หญิงก้อยขยับตัวเห็นว่า สวมชุดอยู่บ้านกรุยกราย สลิปเปอร์ส้นสูงปักพลอยเทียม ที่แท้เธอยืนอยู่ข้างหลังหุ่นเสื้อที่ไม่มีหัวที่สวมชุดขนนกไว้
"เป็นอย่างไรครับ ชุดสำหรับออกงาน คุณฉัตรยืมมาจากห้องเสื้อ ระพีพัตน์ เลยนะครับ"
"ราชินีหงส์" หญิงก้อยบอก
"โซ แดสเซลลิ่ง " เลื่อมประภัสบอก
"แกลเมอร์รัส" ฉัตรอาชาว่า
"สตูเพนดัส"
"ก้อ...เชียส"
วิรงรองบอก "ต๊าย ต้องฆ่าเป็ดฆ่าไก่ไปกี่ร้อยตัวนี่"
"ต่อให้เป็นพันตัวก็คุ้ม ถ้าสวยขนาดนี้"
วิรงรองแอบแสยะ เพราะสงสารเป็ด
"เรียบร้อยไปเรื่องนึง ยังเหลืออีกเรื่อง"
วิรงรองถาม "เรื่องอะไรคะ"
"การซ้อมไงจ๊ะ"
"อ้อ บทเพลงแห่งความรักและความตาย เปิดเพลงเลยจ้ะ"
เลื่อมประภัส ฉัตรอาชาเข้าเปิดเพลงจากแผ่น มหาอุปรากรกระหึ่ม ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสง เริ่มกรีดกรายเต้นท่าหงส์เหิร เลื่อมประภัส ฉัตรอาชา เต้นตาม เข้าสอนท่าให้ วิรงรองมองอย่างเซ็งเต็มที

ณ เทอเรซข้างตำหนักใหญ่ ศรีจิตรา สาลิน มาลา วรรณา และนางข้าหลวงสาวๆอีก
สองนาง นุ่งผ้าโจงหัดรำ ด้านหนึ่งมีคุณข้าหลวงชราตีฉิ่งให้จังหวะ คุณสร้อยถือไม้เรียวเดินจับผิดอยู่
"เอาทำพร้อมกันซียะ ช้า ๆ อย่ามาทำผล็อบแผล็บเป็นลิงล้วงก้น"
สร้อยเดินมาหาวรรณาที่ขำตัวเองหัวเราะคิก
"อ้าว แม่เลื่อมลายวรรณ รำเทพบันเทิงนะยะ ไม่ใช่หล่อนบันเทิงเอง"
สร้อยเดินมาถึงมาลาที่ตั้งใจรำ สร้อยมองสูงและต่ำ
"ว้าย แม่วิมาลา รำไทยนะยะ อย่ามาส่ายสะโพกเป็นระบำนายหรั่ง"
สร้อยเดินวนมาถึงสาลิน
"ว้าย ตายแล้ว แม่คุณ แม่ทูนหัว ทำไมแขนแมนหล่อนถึงได้แข็งทื่อเป็นหุ่นไล่กา รำหน้าที่นั่งนะยะ ไม่ใช่ระบำลิงควักกะปิ"
"งั้นก็ต้องรำไปเกาไปซีคะ"
ขาดคำสาลินก็ยกมือไว้ข้างคอ ส่ายมือถี่ ๆ แบบลิงในโขนเก่า
"ยายสา" ศรีจิตราปราม
"ว้าย ตายแล้ว ว่าก็ยังไม่มีสลด ไหน ดูซิ ทำไมมันกระโดกกระเดกเหมือนหุ่นกระบอกงานวัด"
สร้อยเข้าช่วยดัดนิ้วสาลิน เมื่อปล่อยนิ้วก็แข็งโด่ขึ้นมาเหมือนเดิม

สาลินนั่งอยู่กับพื้น ศรีจิตราอยู่ใกล้ๆ สร้อยจับแขนจับมือสาลิน นวดดัดอย่างเอาเป็นเอาตาย
สาลินร้องโอดโอย มาลา วรรณาหน้าซีด ยกอ่างดินควันโฉ่มา
"มาแล้วค่ะ" มาลาบอก
"น้ำข้าวที่คุณสร้อยสั่งค่ะ เพิ่งเช็ดน้ำมาเมื่อกี้เอง" วรรณาบอก
"ถ้ากินแล้วแขนมันจะอ่อนหรือคะ"
"ว้าย ใครให้หล่อนกิน เอามานวดแขนนวดนิ้วหล่อนย่ะ โบราณน่ะเขาทำกันอย่างนี้"
สาลินตาเหลือก สร้อยเอาจอกเล็กตักน้ำข้าวมา มาลา วรรณา ศรีจิตราอกสั่นขวัญหาย
"คุณป้าขา มันต้องน้ำข้าวอุ่นไม่ใช่หรือคะ นี่มันน้ำข้าวเพิ่งเดือด" ศรีจิตราบอก
"เอาเถอะย่ะ เดี๋ยวมันก็อุ่นเองแหละ"
สร้อยเอาน้ำข้าวราดแขน ร้อนประมาณพอทนได้ แต่สาลินร้องกรี๊ดด้วยมารยา สร้อยเข้านวดขยำขยี้ ดัดแขน ดัดนิ้ว
"ดูซียะ แขนแมน อ่อนขึ้นเป็นกองสองกอง"
"คุณป้าขา เขาต้องทำทุกวันตั้งแต่เด็กไม่ใช่หรือคะ นี่อีกหกวันต้องรำแล้ว" ศรีจิตราบอก
"ใช่ค่ะ ไม่ได้ผลหรอกค่ะ"
"ยังไงก็ต้องลองดู โบราณท่านว่า ง่า"
"ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยากค่ะ ไม่สำเร็จแน่ค่ะ"
สร้อยค้อนตาคว่ำ ยังดัดแขนต่อ สาลินโอดโอย
"ไม่ต้องมาโอดกาเหว่าเลย"
เสด็จ สอางค์ยืนมองอยู่มุมหนึ่ง ยิ้มขำ
"อย่าเพิ่งทอดพระเนตรเลยเพคะเอาไว้วันจริงดีกว่า"

"ฉันก็อยากดูแม่สาลิน"

ดนตรีจากแผ่นเสียงดังไพเราะพอควร
 
เสียงแหลมมีพร่าเป็นระยะ บรรดานางรำเริ่มเข้าที่เข้าทาง สร้อยนั่งบนตั่งตีฉิ่งหน้าเคร่ง แต่ดวงตาพอใจ ยิ้มพยักกับข้าหลวงชรา
เพลง..... เหล่าข้าพระบาท ขอวโรกาสเทวฤทธิ์อดิสร.....
สาลินและศรีจิตรารำเป็นคู่หน้า ท่วงท่าใช้ได้ การตั้งวงจีบนิ้วดูเข้าที
"ทำดีก็ทำได้ แต่ไม่ยอมทำกัน ดีๆ แม่ศรีเอียงหัวอีกนิด นี่ยายสายกขาดีๆ เราน่ะเป็นเทวดานะยะ ไม่ใช่หนุมานเหาะข้ามลงกา"
สาลินตั้งอกตั้งใจรำ สร้อยยิ้มออก สาลินยิ้ม
จากนั้นก็มาถึงช่วงเทวดา นางฟ้า เข้าเรียงแถวเดินถี่ๆตามกันเป็นวงกลม อันเป็นท่าตอนใกล้จบ
"วุ้ย ดี ดี ดี"
สาลินยิ้ม ทันใดหางกระเบนสาลินก็หลุด ศรีจิตราเหยียบหาง ผ้านุ่งสาลินหลุด สาลินตาเหลือกตะครุบไว้แต่ไม่ทัน ผ้าลงไปกอง
"ว้าย ตาเถร"
ศรีจิตราเซแซ่ดๆชนมาลา วรรณา 2 นางเซล้มคว้านางอื่น ปั่นป่วนรวนเรไปหมด สร้อยตกใจตีฉิ่งถี่ยิบ คล้ายตุ๊กตาลิง
"หยุดๆๆๆๆๆๆ ว้าย ทำดีอยู่หยกๆ โอย ฉันจะเป็นลม"
บรรดานางรำยืนนิ่ง ศรีจิตรา มาลา วรรณากอดกัน สาลินยืนรำค้างเหลือกางเกงขาสั้นตัวเดียว สร้อยลมใส่เอนซบ ข้าหลวงชรารับไว้
ภาพทั้งหมด อยู่ในกล้องสองตา

ม.ร.ว.กิตติราชนรินทร์ยืนอยู่บนเทอเรซ ลดกล้องส่องทางไกลลง แล้วหัวเราะลั่น นมย้อย น้อมและเจียมเดินมา ชายรองกลั้นหัวเราะ ดวงตาพราว
"ดูนกอีกหรือคะ คุณชาย" นมย้อยว่า
"จ้ะนม นกมันเต้นซนจนตกกิ่งไม้ลงไปเลย"
"ชุดงานแฟนซีคุณชาย ช่างเขาเอามาให้ลองแล้วนะคะ" เขียมบอก
"อ้อ ขอบใจ แล้วนี่นมจะแต่งชุดอะไรล่ะครับ"
"วุ้ย ให้หนุ่มๆสาว ๆ เขาสนุกกันเถอะค่ะ นมแก่แล้ว แต่งไปก็ไม่แคล้วเป็นยายเฒ่าทัศประสาท"
"ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ เด็จป้ายังทรงแต่งเลย"
"แหม ก็ยังทรงพระสิริโฉมขนาดนั้น ทรงอะไรก็งามค่ะ"
"ผมไปลองชุดก่อนนะครับ"
ชายรองเดินไป ย้อยกับเจียมชะเง้อดู เจียมแอบหยิบกล้องมาส่องบ้าง
"วุ้ย ดูนกอะไรกันคะ แอบดูคุณศรีรำละครต่างหาก"
"เฮ้อ นี่แหละที่เขาบอกว่า ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง" นมย้อยว่า
"จริงค่ะ เอ้อ คุณนมคะ วันงานหนูแต่งเป็นอะไรดีคะ"
นมย้อยมองดู
"เลือกเอาก็แล้วกัน จะแต่งเป็นนางกุลา หรือนางวาลี"
เจียมค้อนนมย้อย แล้วครุ่นคำนึง
"นางวาลีรูปชั่วแต่ได้ผัวเป็นพระอภัย"
"ย่ะ แต่ลงท้ายถูกผีอุศเรนทับจนตาย" น้อมว่า
เจียมค้อน
"งั้นเป็นนังกุลาดีกว่า แปลงเป็นโสนน้อยได้กับเจ้าชายเหมือนกัน"
"ย่ะ ลงท้ายก็ถูกจับได้ โดนประหาร" น้อมบอก
"ว้าย งั้นไม่เอาค่ะ"
"ยังมีอีกคนนะ เป็นนางเอกเดี่ยว ๆ เลย ไม่ใช่นางรองหรือนางอิจฉา" นมย้อยว่า
"อุ้ย เอาค่ะ คุณนม ใครคะ"
"ก็นางประแดะไงจ๊ะ นางประแดะหูกลวงดวงสมร"
เจียมหน้างอ แล้วเชิดไม่ยอมแพ้พ่าย
"แต่มีผัวตั้งสองคนนะคะ"
"ย่ะ คนนึงแขกเลี้ยงวัว อีกคนขอทาน"
"แต่ก็ดีกว่าไม่มีนะคะ"

นมย้อยและน้อมสะดุ้งหยุดต่อปาก มีอาการอึ้งไป เพราะไม่มีผัวทั้งคู่

สะใภ้จ้าว ตอนที่ 12 (ต่อ)

วันรุ่งขึ้น บนถนนสุริวงศ์ สาลินที่ยืนจ้องอยู่ตาเป็นมัน
 
มองกระทะทอดไข่นกกระทาเหลืองอร่าม น้ำมันเดือดพล่าน มีกระชอนทองเหลืองช้อนขึ้น ที่รถเข็น แม่ค้าเทไข่ลงกระจาดไม้ไผ่สาน แล้วหยิบใส่ถุงกระดาษให้สาลิน
สาลินหยิบขนม อ้าปาก แล้วชะงัก คิดถึงคุณชายรอง
สาลินเอาขนมร้อนจี๋ใส่ปาก แล้วหันมาเจอ
"กินเป็นซี อย่างน้อยฉันก็รู้ว่า ควรกินตอนที่มันเย็นแล้ว"
สาลินชะงักแล้วเป่าลมใส่ เป่าแล้วเป่าอีกจนเย็น แล้วเอาใส่ปากเคี้ยวแบบเจ้าหญิงสูงศักดิ์ มีร่างสูงไหล่กว้าง มีผู้ก้าวมาเบื้องหลัง สาลินรับรู้ได้ จิตใจระทึกยินดีบางอย่าง แล้วหันมาเตรียมพบ
"ฮัลโหล"
ชายเล็ก ในบทบาท "นายพล" แต่งตัวธรรมดา มีแจ็กเก็ตทับ ยืนยิ้มเผล่อยู่ตรงหน้า สาลินผิดหวัง แต่ข่มไว้มองหน้า
"อร่อยไหมฮะ"
สาลินส่งถุงให้ พลรับมากินหมับๆ
"นี่คุณหายไปไหนมา ตั้งเดือนมั้ง"
"โธ่ ก็ผมคนทำงานหาเช้ากินค่ำนี่ครับ แล้วอีกอย่างผมไม่ได้หายไปซักหน่อย ผมก็ไปตรวจปั๊มยายซ้อนประจำ วันนึงผมแวะไปที่บ้านสวน ไม่เจอคุณ เจอแต่คุณผู้หญิงสวย ๆ ท่าทางนุ่มนวลเหมือนชาววัง"
พลทำพูดเรื่อยเจื้อย
"หือม์ ก็แปลว่าคุณเจอพี่ศรีเข้าน่ะซี"
"อ๋อ นึกว่าใคร นั่นคือพี่ศรีพี่สาวคุณ"
"เป็นไง พี่สาวฉันสวยไหม"
"สวยฮะ สวยพอ ๆกับคุณ"
"คุณอย่ามาโกหกเลย พี่ศรีสวยกว่าฉันตั้งเยอะ เอ ทำไมพี่ศรีไม่ยักเล่าว่าเจอคุณ คุยอะไรกันบ้าง"
"อ๋อ ไม่ได้คุยหรอกครับ เพราะผมได้แต่แอบดูอยู่ที่ท้องร่องสวน"
"อ้าว แล้วทำไมคุณไม่เข้าไปทำความรู้จัก"
"ไม่เอาฮะ ผมอาย"
พลเอานิ้วใส่ปากกัดตามเคย
"คุณอายเป็นด้วยเหรอคะ"
" พูดเหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้องเลยแฮะ" ชายเล็กคิด
"แล้วเมื่อไร คุณจะไปบ้านสวนอีกล่ะ ฉันจะได้หลอกพี่ศรีมาเจอคุณ"
"โธ่ นี่ยังไม่เลิกคิดเรื่องจับคู่ คุณศรีกับผมอีกหรือ"
"แหม แต่ตอนนี้ฉันไม่ค่อยได้อยู่บ้านสวนเสียด้วย ช่วงนี้ฉันเทพจรลงเท้า"
"ผมหิวจัง คุณกินอะไรมาหรือยัง"
"กินแล้ว อิ่มจะแย่ กินอีกไม่ไหวหรอก ฉันไปนั่งเป็นเพื่อนดูคุณกินก็ได้"

เวลาต่อมา ที่ร้านเสียโป สาลินสูดเส้นบะหมี่คำสุดท้ายเข้าปากดังผล็อบ บะหมี่ชามใหญ่ถูกวางลง พลนั่งตรงข้าม ตรงหน้ามีข้าวหน้าเป็ด มองตาค้าง สาลินคีบลูกชิ้นจากชามใหม่มากิน
"ไหนบอกว่าจะมานั่งเป็นเพื่อนเฉยๆไงฮะ"
" ตอนนี้ฉันต้องใช้พลังงานแยะ ขืนกินน้อยเย็นนี้ฉันต้องไปเป็นลมแน่"
"คุณไปหาบน้ำฟันดินที่ไหนหรือฮะ"
"ฮึ หาบน้ำฟันดินน่ะยังง่ายกว่า นี่ฉันต้องไปซ้อมรำทุกวันเลยที่วังวุฒิเวสม์"
ชายเล็กไม่รู้มาก่อนว่าสาลินมารำด้วย
"อ๋อ งานวันประสูติเด็จป้า" สาลินมอง "เอ๊ย....เสด็จพระองค์หญิงใช่ไหมฮะ"
"นี่ฉันต้องโดนคุณป้าสร้อยเอาน้ำข้าวร้อนๆ มานวดแขน นวดมือ ถูกจับหักนิ้วทุกวัน ท่ารำบางท่าก็ต้อง ยืนตีนเดียวเหนี่ยวกินลมเป็นนางสวาหะ"
สาลินโอดกาเหว่า พลหัวเราะก๊าก
"แถมยังต้องแต่งแฟนซีอีก นี่ชุดฉันยังไม่ได้ตัดเลย"
"วันอาทิตย์หน้านี่แล้ว เดี๋ยวไม่ทันนะฮะ"
"คุณรู้ได้ยังไง"
"อ้าว ผมก็วงในเหมือนกันนี่ฮะ"
"ฮึ ที่ฉันต้องมาเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าแสนสาหัสนี่ ก็เพราะอีตาคุณชายเล็กตัวดีนั่นทีเดียว"
นายพลลูกชิ้นติดคอ สำลัก
"น่า คุณก็คิดซะว่าเป็นนางซินไปงานบอลล์ของเจ้าชายก็แล้วกัน"
"เจ้าชายองค์ไหน"
"ที่ยังว่างก็เหลืออยู่องค์นึงไงฮะ"
พลยืดตัว ดวงตาพราวกรุ้มกริ่ม
"อีตาคุณชายเล็กนะหรือ ไม่เห็นจะอยากเจอเลย นี่เขาเป็นเพื่อนคุณใช่ไหม หน้าตาเป็นยังไง"
"หล่อ เท่ ไม่แพ้ผมเท่าไรหรอกฮะ แต่ไม่ถึงกับเป็นปริ้นซ์ชาร์มมิ่งอย่างพี่...เอ้อ คุณชายรอง"
"พี่ศรีน่ะ เชียร์ฉันกะอีตาคุณชายเล็กนี่เหลือเกิน บอกว่าดียังงั้นดียังงี้ ดีไปหมด"
"หรือฮะ ดีจัง"
"ฮึ ถ้าดีนักก็ให้พี่ศรีแต่งกับอีตานี่เองจะดีกว่า"
พลสำลักลูกชิ้นติดคอ กุมคอหน้าเขียว อาซิ้มร้องโวยวาย สาลินเข้าทุบหลังก็ไม่หาย ร่างสูงใหญ่ก้าวมาเข้าข้างหลังพล เอามือรัดรอบอก ยกขึ้นเขย่า พลพ่นลูกชิ้นออกมา พลหมดแรงหันไปขอบใจ
มวยมณีอยู่ตรงหน้า ดูกำยำล่ำสัน หน้าวูบ ผมมวยเป็นช่อชั้น
"ง่า ขอบคุณครับ"
"ยินดีฮ่ะ"

สาลินยืนบนม้านั่งเตี้ยที่บ้านสวน ผ้าผืนงามที่ชายรองให้ถูกจับเดรปคร่าวๆ เป็นราตรียาวพันรอบตัว คุณยายกับอุ่นเรือนปากคาบเข็มหมุดนับสิบเล่ม ดึงเข็มหมุดออกปักตรึงเป็นจักรผัน สาลินยืนสะดุ้งเฮือกๆ ยุกยิกไปมา
"หนูอยู่นิ่งๆซีลูก แม่ขอคุณป้ามาได้วันเดียวเองนะ" อุ่นเรือนบอก
"อย่ายุกยิกซียะ ต๊าย ยังกะหัวละมานกลับชาติมาเกิด" ยายบอก
"ก็เข็มหมุดมันทิ่มก้นหนูนี่คะ"
"ว้าย ยายสา พูดอะไรน่าเกลียดจริง เป็นสาวเป็นนาง" อุ่นเรือนว่า
"ถ้าเป็นนาง ก็ต้องเสียสาวแล้วซีคะ โอ๊ย"
อุ่นเรือนหยิก สาลินร้องโอดโอย ยายพิณผลักประตูเข้ามา
"อุ๊ย แม่คุณ งามยังกะเจ้าหญิง"
"แกไปเคยเห็นเจ้าหญิงที่ไหนมา" ยายถาม
"ก็ลิเกวัดใต้เมื่อคืนไงคะ เจ้าหญิงฟ้าลั่นลิ้นดำนางเอกน่ะ ใส่มงกุฎนางงามจักรวาลเหมือนอาภัสราเลยนะคะ" พิณบอก
"หนูชอบจีรนันท์มากกว่า"
"จีรนันท์น่ะเขางามเหมือนตัวพระ อาภัสราน่ะสวยเหมือนตัวนาง" อุ่นเรือนบอก
"ใช่ลูก เหมือนเรากับพี่ศรีน่ะแหละ"
"เออ วันงานพี่ศรีเขาแต่งแฟนซีเป็นอะไรลูก"
"เขาไม่ยอมบอกค่ะ บอกว่าเป็นความลับ" สาลินครุ่นคิดตามศาสตร์แห่งการอนุมาน "เดี๋ยวนี้พี่ศรีเขาพิลึกๆนะคะ"
อุ่นเรือน คุณยายมอง
"มีลับลมคมใน มีพูดเล่น มีล้อเล่น สดชื่นกว่าแต่เก่าเยอะ"
"ฮึ ใครพ้นคุณป้าสร้อยของแกมาได้ ก็สดชื่นทั้งนั้นแหละ"
คุณยายค้อนอุ่นเรือน อุ่นเรือนทำหน้าขอร้องแม่ตัวเอง
"แม่ว่า เพราะเดี๋ยวนี้คุณชายรองมาสนิทชิดเชื้อด้วยมากกว่า คุณพี่สอางค์บอกว่า หมดเยื่อใยกับทางโน้นแล้ว พี่ศรีคงเข้าพิธีอย่างโล่งใจล่ะ"
สาลินชะงักหน้าหงิก เท้าสะเอวขวับ คล้ายนางแบบโว้กยุคปัจจุบัน
"กะไว้แล้วไม่มีผิด พอหมดหนทางก็หันมาหาพี่ศรี อีตาบ้า"
สาลินก้าวลงจากแท่นมานั่งโครมบนเตียง อุ่นเรือน คุณยายยังจับผ้าอยู่
"เอ๊ะ หนูนี่ แล้วมันไม่ดีตรงไหน มา มายืนต่อ"
"ไม่เอาค่ะ ว้าย"
สาลินคลำก้น

"เข็มทิ่มก้นหนูอีกแล้ว"

เวลาล่วงเลยไปจนค่ำคืน ประตูห้องแง้มออก คุณตาปะแป้งตุ๊กแกที่คอแขน เยี่ยมหน้ามาดู
 
ที่กลางห้อง ร่างระหงยังยืนบนม้าเตี้ยหันหลังให้ ยายพิณกับอุ่นเรือนคุกเข่าตรึงชายกระโปรง เห็นว่าชุดเป็นสุ่มกว้างงามงด ขาดแต่การตกแต่ง
"เออแน่ะ สวยยังกะนางฟ้า"
สาลินถือจานขนมมาข้างคุณตา เคี้ยวหมับ ๆ คุณตาสะดุ้งโหยง
"จริงด้วยค่ะ"
"อ้าว ยายสา แล้วนั่นใคร"
ร่างระหงในชุดสุ่มหันหน้ามา เห็นไหล่ลาด เนินอกนวลขาว คออันเริ่มเหี่ยว ใบหน้าอันเคยงามบาดจิตในยุค'20s
"เหมือนนางฟ้าจริงเหรอจ๊ะ" ยายว่า
"จ้ะ เหมือนนางฟ้าตกสวรรค์"
ทุกคนหัวเราะยกเว้นคุณยาย คุณยายค้อนขวับหันไปยืนเป็นหุ่นต่อ คุณตากับสาลินมานั่งบนเตียง
"อ้อ วันก่อนนายพลมาหาหนู แต่หนูไม่อยู่" ตาบอก
"เจอกันแล้วค่ะ เมื่อวานเขาไปดักเจอหนูแถวห้องสมุด"
อุ่นเรือนวิตก เพราะกำลังจะให้ สาลินรักชายเล็ก g]pกลัดเข็มแรง คุณยายร้องอุทาน
"ว้าย แม่อุ่น เข็มทิ่มก้นแม่"
อุ่นเรือนยกมือไหว้
"โทษค่ะแม่" แล้วถามกับสาลิน "นี่เขามาชอบหนูแน่แล้วหรือลูก"
"ก็ต้องชอบซีคะ หนูออกจะน่ารัก"
คุณตา คุณยาย อุ่นเรือนเซ็ง ยายพิณหัวเราะผ้าแถบหย่อน
"แต่เขายังไม่ได้มาอินเลิฟหรอกค่ะ"
"ยังไงหนูก็อย่าเพิ่งรีบร้อนนะลูก"
"เอาไว้รอเจอคุณชายเล็กก่อน"
"นี่คุณยายก็เป็นไปกับเขาด้วยหรือคะ"
คุณยายทำไม่รู้ไม่ชี้ สาลินอารมณ์เสีย กินขนมทั้งก้อนดับพิโรธ
"แต่อิฉันว่า คุณชายรองเธองามกว่านะคะ"
ทุกคนชะงัก
"ดูซี ผ้าไหมนี่ก็ของเธอ เหมาะกับผิวคุณสาอย่างกะอะไรดี รู้ใจกันขนาดนี้อิฉัน
ว่าไม่แคล้วกันหรอกค่ะ"
ตาบอก "ยายพิณ คุณชายรองเขาของแม่ศรีนะ"
"อุ๊ย....ทำไมอิชั้นเป๋ออีกแล้ว โทษค่ะ เจ้ากรมเป๋อจริง ๆ"
ทุกคนรีบเมิน ไม่กล้าวิพากษ์ต่อ สาลินตาปริบ ๆ

คืนต่อมา ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสงยืนอยู่หน้ากระจก วิรงรอง ฉัตรอาชากำลังช่วยกันแต่งหน้า ทำผม และตกแต่งชุดแฟนซีที่แขวนอยู่ ทั้งวิรงรองและฉัตรอาชาก็อยู่ในชุดออกงานด้วยเช่นกัน
วิรงรองบอก
"งามมากค่ะหญิง"
"รับรองครับ ในงานคืนนี้ไม่มีใครเจิดจรัสเท่าคุณหญิงเทพีเพ็ญแสงไปได้"
"ขอบใจจ้ะ เพราะงานนี้หญิงต้องเจอคู่ปรับอย่างนังสองพี่น้องหน้าด้านนั่น หญิงต้องเหนือกว่ามันทุกอย่าง"
วิรงรองขยิบตาให้ ฉัตรอาชารีบหยิบเครื่องบันทึกเสียงขนาดพกพาออกอกเสื้อ กดบันทึกเสียงทันที
วิรงรองทำเป็นไม่รู้เรื่อง ทั้ง ๆ ที่รู้จากอัศนีย์มาหมดแล้ว
"นังหน้าด้านไหนคะ"
"อ๋อ.....ก็นังคนพี่ที่เป็นคู่หมั้นคู่หมายกับคุณรอง กับนังน้องสาวที่คิดจะแย่งคุณรองไปจากพี่ของมัน"
"ต๊าย....เรื่องเหมือนนิยายสิบสตางค์ ดูราคาถูก แต่น่าฟังมาก ช่วยเล่ารายละเอียดหน่อยซีคะ"
หญิงก้อยจะเล่า แต่พี่สาวเข้ามาเสียก่อน แต่งชุดออกงานเหมือนกัน ถือถาดของว่างเข้ามาด้วย ฉัตรอาชารีบเก็บเครื่องบันทึกเสียง
"ของว่างมาแล้วค่ะ"
"อุ๊ย ขอบคุณค่ะพี่หญิงกลาง งั้นติ่งขอทานเลยนะคะ"
"เชิญค่ะ"
วิรงรอง ฉัตรอาชาเข้ารุม ซุบซิบกัน ม.ร.ว.ศศิรัชนีเข้ามาหาน้องสาว
"หญิงสวยมากจ้ะ"
"ขอบคุณค่ะ"
"หญิงก้อย หวังว่างานนี้เธอคงไปด้วยเจตนาดีนะ ไม่มีอะไรแอบแฝง"
หญิงก้อยกึ่งตวาด
"พี่กลางหมายถึงอะไรคะ"
ม.ร.ว. ศศิรัชนีเหลือบมอง วิรงรองและฉัตร
"ไม่มีอะไรหรอก คืนนี้ท่านพ่อทรงติดธุระ ทรงฝากเตือนไว้น่ะว่าเธออย่าทำเรื่องวุ่นวายอีก ท่านพ่อขายหน้ามามากพอแล้ว"
หญิงกลางออกจากห้องไป หญิงก้อยหน้าหงิกงอ มองไปที่วิรงรองและฉัตรอาชาอย่างรังเกียจ วิรงรองแทะน่องไก่ ฉัตรอาชากำลังบริโภคไส้กรอก
"หญิงขา ทานอะไรรองท้องก่อนไหมคะ อร่อยมากเลย น่องไก่กระเทียมพริกไทย"
"ไส้กรอกเยอรมันกับ “ซาวเออร์เคราท์” นี่ก็เต็มปากเต็มคำมากนะครับ"
"เอ๊ะ เดี๋ยวก็ต้องแสดงแล้ว จะให้พุงฉันยื่นหรือไง ...มาแต่งฉันต่อ"
ทั้งคู่เซ็ง รีบเช็ดมือแล้วมาบรรเลงความงามต่อ
"เออ คุณหญิงครับ ไม่เล่าต่อล่ะครับ"
"เล่าเรื่องอะไร"
"ก็นังหน้าด้านสองพี่น้องไงครับ"
ฉัตรอาชากดเครื่องบันทึกเสียงอีกครั้ง

ห้องโถงตำหนักเล็ก ดาบถูกชูขึ้นประสาน
"All for one , and one for all"
3 คุณชายพูดพร้อมกัน แล้วลดดาบลงหัวเราะรื่นเริง ทั้งสามอยู่ในชุด 3 ทหารเสือยุคพระเจ้าหลุยส์ที่
13 จากนิยาย The Three Musketeers ของอเล็กซอง ดูมาส์ ใส่กางเกงรัดรูป เสื้อตัวใน ตัวนอกพร้อมสาย
สะพาย ปักลวดลายระยิบระยับ มีหมวกปักขนนกเต็มรูปแบบ ทั้งสามเสียบดาบขวับเข้าฝัก
นมย้อย เจียม ยายน้อม ยืนดูอย่างปลาบปลื้ม ทั้งสามใส่ชุดออกงานธรรมดา
"อู๊ย พ่อคุณของนม ไม่ได้เห็นพร้อมหน้ากันอย่างนี้นานแล้ว"
"เหมือนสมัยเล่นละครโรงเรียนเลย นม" ชายโตบอก
"ที่จริงเราน่าจะไปได้แล้วนะครับ พี่โต นายเล็ก"
"ยังไปไม่ได้ครับ หม่อมบอกให้รอไปพร้อมกัน" ชายเล็กบอก
เสียงหม่อมอำพันดังมาจากเบื้องหลัง
"แม่พร้อมแล้วจ้ะ"
เหนือบันได หม่อมอำพันยืนอยู่ในชุดกระโปรงสุ่มมิเลดี้ ผมอลังการปักเข็มกลัดเพชร
 
ริบบิ้นขนนก ถือพัดด้ามจิ๋วคลี่กระพือ มีผ้าคลุมไหล่ปิดอกไว้มิดชิด เยื้องกายลงบันไดมาอย่างภาคภูมิ

ทุกคนมองตามตาค้าง หม่อมอำพันก้าวมาใกล้ ใบหน้าแต้มไฝปลอมข้างแก้ม มาหมุนตัวต่อหน้าหนุ่ม ๆ
 
"ไง แม่เป็นไงบ้างลูก"
"ง่า เอ้อ อ้า สวยมากครับ"
"โอ้โฮ ยังกะควีนน่ะหม่อม" ชายเล็กบอก
กิตติยิ้มปลื้ม
"แหม นานๆได้ปล่อยแก่เสียที ถ้าสวยแม่ก็พร้อมขึ้นตำหนักใหญ่แล้วลูก"
"อุ๊ย ยังไปไม่ได้ค่ะหม่อม ยังเหลืออีกคน"นมย้อยบอก
"ใคร"
ม.ร.ว. ดิเรกราชวิทย์เสียงอ่อย
" จรวยไงครับ"
"อ้อ คงแต่งตัวเทียบเจ้าเทียบนายอยู่ นี่คงไม่แต่งเลียนแบบฉันหรอกนะยะ"
"เรียบร้อยแล้วค่า"
จรวยก้าวออกมา แต่งละม้ายอำพัน แม้แต่ใฝข้างแก้ม ที่ต่างคือคว้านคอเสื้อลึกกว่า
"ว้าย อกอีแป้นแตก นังจรวย"
เจียมบอก "อุ๊ยตาย นึกว่าฝาแฝดกับหม่อม"
"บังเอิญน่ะค่ะ รวยไม่ได้ตั้งใจ รีบไปเถอะค่ะ รวยอยากไปช่วยงานเต็มทีแล้ว"
"ไปช่วยหรือไปโชว์ยะ"
"ไปช่วยซีคะ ยกน้ำ เสิร์ฟน้ำแขกผู้มีเกียรติทั้งวัง"
"ถ้าเสิร์ฟแต่น้ำก็แล้วไป แต่ถ้าไปยกเครื่องชากาแฟ ก็อย่าไปทำนมหกเข้าก็แล้วกัน เพราะนี่ก็หกจนจะไม่เหลือไปเลี้ยงลูกแล้ว"
"คุณชายขา หม่อมว่ารวย"
"ผมว่าเราควรจะไปกันได้แล้วล่ะครับ" ชายรองว่า
"เดี๋ยว ยังไปไม่ได้" หม่อมอำพันว่า
"มีอะไรอีกล่ะครับ" ชายเล็กถาม
หม่อมอำพันปลดผ้าพันคอออก ดึงพรึ่ด พบว่าคอเสื้อคว้านลึกไม่แพ้จรวย ที่คอมีโชกเกอร์เพชรทิ้งอุบะตุ้งติ้งลงมาเหนือเนินอก ถัดจากตุ้งติ้งคืออกมหึมาที่ถูกคอร์เซ็ทดันทะลักล้น เหมือนจรวยราวฝาแฝด แต่ใหญ่กว่าคัพหนึ่ง ทุกคนตะลึง จรวยอึ้ง
"หม่อมขา อากาศคืนนี้เย็นยะเยือก ห่มผ้าคลุมไปซักหน่อยไม่ดีกว่าเหรอคะ" นมย้อยว่า
"ค่ะ กัน กันเป็นปอดบวมค่ะ" น้อมบอก
"ไม่เอา เดี๋ยวคนไม่เห็น" หม่อมอำพันบอก
"หา" ชายเล็กร้อง
"แหม นานทีปีหน ฉันถึงจะควักออกมาโชว์ซักที"
ทุกคนยิ่งแน่ใจ
"เอ้อ อะไรนะครับ" ชายรองว่า
"หม่อม หม่อมควักอะไรออกมาโชว์คะ" น้อมว่า
อำพันค้อนตาคว่ำ
"จะอะไร ก็สร้อยนี่ซียะ ท่านพ่อแกประทานให้ตั้งแต่วันแต่งฉัน นานน้านถึงจะใส่
เสียที ไป ไป"
ทุกคนเคลื่อนขบวน จรวยเกาะแขนซ้ายชายโต อำพันเกาะขวา คล้ายดิเรกควงฝาแฝด
"เมื่อกี้นายว่าหม่อมแม่เหมือนควีน ควีนอะไร" ชายรองถาม
"ไม่ควีนโพดำก็ ควีนดอกจิก โธ่ หม่อมเล่นซะหน้าเหมือน"
ทั้งหมดหัวเราะกันลั่น ชายรองกลั้นยิ้ม ทั้งสองเดินไป นมย้อย น้อม เจียมมองตาม
"นี่ใช่ไหมคะ ที่เขาว่า ว่าแต่เขา อิเหนาโชว์เอง"

โถงกลางตำหนักใหญ่ เวลากลางคืนต่อเนื่องมา แขกเหรื่อแต่งแฟนซี ถือหน้ากาก ทักทายกันทั้งงาน
ด้านหนึ่งของห้อง เป็นเวทีใหญ่สร้างเป็นปะรำ จัดเก้าอี้ที่ประทับและที่นั่งไว้เป็นทิวแถว สลับกับโต๊ะเล็กสำหรับวางจานอาหารและแก้วเครื่องดื่ม
แถวหน้าเป็นที่ประทับของเสด็จพระองค์หญิง, สร้อย, สอางค์ นั่งร่วมกับหม่อมวาณีอยู่ข้าง ๆ เสด็จทรงชุดราชินีเทพธิดาถือคฑา
สร้อยลองใ
"เอ....หม่อมคะ เห็นหญิงก้อยมางานด้วย"
หม่อมวาณีบอก
"ค่ะ วันนี้หญิงก้อยเตรียมโชว์ชุดพิเศษ ซักซ้อมอยู่เป็นอาทิตย์เลยค่ะ"
"แล้วก็เห็นแม่ติ่ง นักข่าวเพื่อนสนิทก็มาด้วยนะคะ" สอางค์บอก
หม่อมวาณีเจื่อนไป
"แม่วิรงรอง มาช่วยแต่งตัวให้หญิงน่ะค่ะ"
"ที่จริงฉันไม่อยากอนุญาตให้เข้ามาร่วมงานหรอก กลัวว่าจะมาแอบเจาะข่าว เอาไปลงหนังสือพิมพ์ให้เสียเรื่อง"
"อย่าทรงห่วงเลยเพคะ หม่อมฉันกำชับไว้ดิบดีแล้ว"
สอางค์ สร้อยไม่อยากเชื่อนัก มองเลยไป
"ว้าย อกแตก" สร้อยว่า
"ไม่ใช่อกแตก แต่มันอกล้นมากกว่า" สอางค์บอก
เสด็จทรงหันไปและอึ้ง วาณีอ้าปากค้าง
ม.ร.ว. ดิเรกราชวิทย์ยืนกลาง ขนาบข้างด้วยจรวยและอำพัน น้องชายทั้งสองอยู่ด้านหลัง ทั้งหมดตรงมา ฝ่ายชายคำนับ ฝ่ายหญิงถอนสายบัว
"งามมากจ้ะ หม่อม แม่จรวย"
ทั้งสองยิ้มรับ
อำพัน/จรวย "เพคะ"
"งามเหลือเกินค่ะหม่อม"
อำพันมองสองพี่น้องยิ้มเชิด
"แทบแยกไม่ออกค่ะ ว่าคนไหนหม่อม คนไหนสะใภ้" สอางค์บอก
อำพันหุบยิ้ม ทั้งสองฝ่ายหน้าเชิดใส่กันทันที
สามพี่น้องยืนเรียงหน้ากัน เสด็จปลื้มหลานทั้งสาม สอางค์ สร้อยพลอยปลื้มไปด้วย
"แต่งเป็นอะไรกันเนี่ย เจ้าสามหนุ่มของข้า"
สามหนุ่มยกดาบ แล้วประกาศพร้อมกัน
"All for one , and one for all พะย่ะค่ะ"
"อ้อ สามทหารเสือนั่นเอง"

ห้องหลังเวทีอันกว้างใหญ่ดูแคบไปถนัดใจ ด้วยบรรดานักแสดง คนช่วยแต่งตัว คนให้กำลังใจ ครูสอนการแสดง ครูสอนเต้น ครูสอนร้อง พี่เลี้ยง นางนม เข้ามาแออัดยัดทะทาน
มุมหนึ่ง ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสงอยู่ในชุดโอเปร่าอลังการยืนอยู่ วิรงรอง เลื่อมประภัส ฉัตรอาชากำลังช่วยตกแต่ง หญิงก้อยแต่งเป็นเจ้าหญิงอีโซเด แต่มีเครื่องประดับอลังการงานสร้าง
กลุ่มของศรีจิตรา สาลินแต่งกายครบ แต่ตัดสินใจถอดชฎา มงกุฎออกก่อน ศรีจิตราวางชฎาไว้ที่โต๊ะก่อนถึงโต๊ะแต่งตัว สาลินมองดูทุกอย่างในห้องอย่างตื่นตาตื่นใจ มาลา วรรณาพาสาลินลงนั่งที่โต๊ะแต่งตัวที่ว่างอยู่
หญิงก้อยมองอยู่อย่างจงชัง ศรีจิตรายังยืนตรวจมงกุฎอยู่ ยกขึ้นดูแล้วลดลง หญิงก้อยในชุดอลังการอยู่ตรงหน้า ศรีจิตราชะงัก รู้ขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณ วิรงรอง เลื่อมประภัส ฉัตรอาชาก้าวตามมา
"นี่เธอเองซีนะ ตัวโปรดของเสด็จป้า"
ศรีจิตรายิ้ม
"เสด็จทรงมีพระเมตตากับทุกคนเสมอหน้ากันมากกว่าค่ะ"
ศรีจิตราข่มความกลัวแต่หน้าก็เผือด หญิงก้อยยิ้มดวงตาดูแคลน กรายมา สุ่มมหึมายิ่งข่มศรีจิตราให้เล็กกระจ้อยร่อย
สาลินประจงทาปาก ตามองกระจกเห็น ก็ตาเหลือก ลุกพรวดขึ้น หญิงก้อยขยับเข้าหาศรีจิตราอย่างคุกคาม
"คงรู้ซีนะ ว่าฉันเป็นใคร"
ศรีจิตราไม่ถอย
"ไม่ว่าคุณหญิงจะเป็นใคร ก็จะได้รับการต้อนรับที่ดีที่สุดค่ะ"
สาลินก้าวมาถึง ลืมตัวว่าตนต้องเชียร์ชายรองกับหญิงก้อย
"ไม่ใช่หรอกค่ะ พี่ศรี"
หญิงก้อยชะงัก วิรงรอง เลื่อมประภัส ฉัตรอาชามองดู
"คุณหญิงแค่เคยเป็นใครเท่านั้น สำหรับวังวุฒิเวสม์"
ศรีจิตราตกใจ หญิงก้อยตาวาว สาลินยิ้มพราย
มาลา วรรณาก้าวมาเป็นแบ็คให้สาลิน วิรงรอง เลื่อมประภัส ฉัตรอาชาสะใจ
"นี่เธอมาด้วยซีนะ"
"แต่ดิฉันไม่คิดว่าคุณหญิงจะมา"
"ทำไม"
"เพราะคุณหญิงเคยร้องกรี๊ดๆๆ ว่าจะไม่มาเหยียบวังนี่อีกไงคะ"
วิรงรองสะใจ พยักเพยิดกับ 2 บริวาร หญิงก้อยเหลือบมา วิรงรอง เลื่อมประภัส ฉัตรอาชา เปลี่ยนสีหน้าทันที รีบเข้าข้างอย่างพร้อมเพรียง
"คุณหญิงเป็นพระญาติใกล้ชิดทำไมจะมาไม่ได้คะ"
"เพราะพวกปลายอ้อ ปลายแขม ยังมากันเต็มวังไปหมด"
วิรงรองพยักเพยิด เลื่อมประภัส ฉัตรอาชา ทำหน้ายียวนชวนโดนตบ
"พวกเรามาแสดงความจงรักภักดีค่ะ ไม่ใช่มาแสดงความอิจฉาริษยา" สาลินบอก
"อย่างนั้นหรือ ฉันคิดว่าเธอมาแสดงสินค้าให้คนจับจองซะอีก"
สาลินชะงัก ศรีจิตราหน้าเผือด
" เพราะตั้งแต่ฉันมาถึง ก็ได้ยินคุณป้าทั้งสองของเธอโฆษณาหลานสาวสองคนไม่ขาดปาก"
กลุ่มมาลา วรรรณารู้สึกเพลี่ยงพล้ำ สาลินนึกปราดหาจุดอ่อนศัตรู
"แหม คุณหญิงคงเข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะ เพราะดิฉันกับพี่สาวคงไม่ต้องโฆษณามาก ไม่เหมือนบางคนที่ต้องโฆษณาชวนเชื่อมากหน่อย เพราะเป็นของมีตำหนิ"
ศรีจิตรากุมมือสาลิน ปรามว่าพอ

"สา !"

วิรงรอง เลื่อมประภัส ฉัตรอาชา หลุดบทสะใจอีก
 
หญิงก้อยหันมาราวขอกำลังใจ 3 นางรีบถลึงตาขยับเสริมแรง หญิงก้อยชี้หน้าสาลิน
"แก"
"คุณหญิงขา ผู้ดีน่ะ ไม่พึงขึ้นเสียงชี้หน้าชี้ตาข้ามหัวผู้อื่นนะคะ"
มาลา วรรณาหัวเราะเยาะเย้ยนำ 2 กลุ่มทำท่าจะตบกัน เสียงปรบมือการแสดงชุดแรกแว่วเข้ามา
"รีบเตรียมตัวเถอะค่ะ การแสดงของเราใกล้ถึงแล้ว" ศรีจิตราบอก
มาลาบอก "มาเถอะค่ะคุณสา"
"มาค่ะ คุณศรี" วรรณบอก
สองนางดึงสองสาวกลับไปที่โต๊ะแต่งตัว
วิรงรองถาม
"นี่ใช่ไหมคะ นังสองพี่น้องหน้าด้านที่ว่า"
"นังสองคนนี่แหละ นังปากเก่งนั่นนังคนน้องที่จะแย่งคุณรองจากนังคนพี่"
ทั้งคู่สะบัดกลับไป
"ถึงจะหน้าด้านยังไง คุณเลื่อมว่าเธอสวยนะคุณฉัตร คนพี่สวยเจ้าหญิงเหมือนสุทิศา" เลื่อมประภัสบอก
"แต่คุณฉัตรชอบคนน้องมากกว่าครับ สวยซนเหมือนคมขำ โสภา"

ม.ร.ว. ดิเรกราชวิทย์แยกมาที่โต๊ะเครื่องดื่ม จรวยกรีดกรายอยู่ด้านหนึ่ง กำลังคุยกับบรรดาผู้ใหญ่ สาวใหญ่สามนางที่คุยอยู่ด้วย แยกมา ทำหน้ารังเกียจ ไม่ทันเห็นชายโตที่หลบมุมอยู่
หญิง 1บอก "นี่น่ะเหรอคะคุณพี่ แม่จรวย เมียเอกของวังวุฒิเวสม์ เมียคุณชายโต"
หญิง 2บอก "นี่ล่ะค่ะ เห็นไหมล่ะคะว่าเจ้าหล่อนอวดร่ำอวดรวยแค่ไหน แล้วดูแต่งตัวซี ชะเวิกชะวากหน้าเกลียด"
หญิง 3บอก "ก็กำพืดน่ะ.....เป็นแค่บ่าวก้นครัว คุณชายโตก็กระไรเลย เสด็จทรงประทานคู่หมาย
ที่เหมาะสมทั้งชาติตระกูลให้แล้ว แต่กลับใฝ่ต่ำไปคว้าเมียบ่าว เขานินทาไปทั้งกระทรวง"
หญิง 1บอก "เพราะอย่างนี้ใช่ไหมคะถึงไม่ได้เลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่งกับเขาเสียที "
หญิง 2บอก "นี่ล่ะค่ะที่เขาเรียกว่ามีเมียผิดคิดจนตัวตายล่ะ"
ทั้งสามหัวเราะแล้วแยกไป ม.ร.ว. ดิเรกราชวิทย์นิ่งงัน เสียงจรวยหัวเราะระริกดังมา ชายโตมองแล้วยิ่งอับอายหดหู่ ยกแก้วขึ้นดื่มรวด บริกรถือทั้งแก้วและขวดเครื่องดื่มมาในถาด ดิเรกคว้าขวดเหล้าไปทันที ก่อนแยกไปอีกทาง

สอางค์ สร้อยกำลังดูแลสี่สาวอยู่ในห้องแต่งตัวหลังเวที สาลิน ศรีจิตรา มาลา วรรณา
สร้อยบอก
"จำท่าให้แม่น ๆ ล่ะ อย่างที่สอน แขนแมนก็ให้มันอ่อนช้อย อย่ามาแข็งทื่อเป็นรำควักกะปิเชียวนะ"
"แหม ยายสร้อย นึกถึงสมัยเราอยู่คอนแวนต์นะ เราก็รำตัวพระตัวนางแบบนี้แหละ"
สอางค์เหลือบไปเห็นหญิงก้อยที่เดินกลับมาที่โต๊ะ แต่งตัวด้วยชุดอลังการ วิรงรอง เลื่อมประภัส ฉัตรอาชาเดินตามเป็นพรวน
"อุ๊ย...คุณหญิงก้อย งามมากค่ะ" สอางค์บอก
"ขอบคุณค่ะคุณป้า หลานของคุณป้าก็งามทั้งคู่เลยนะคะ ยิ่งทรงเครื่องโบร่ำ โบราณเก่าเก็บแบบนี้ ยิ่งงามสมชุดไปใหญ่"
สาลินและศรีจิตรามองหน้ากัน เพราะน้ำเสียงกัดตรง ๆ
"แล้วคุณหญิงแสดงโชว์อะไรคะ ชุดถึงยิ่งใหญ่โอฬารขนาดนี้" ศร้อยถาม
"โมเดิร์นแดนซ์ที่ดัดแปลงจากมหาอุปรากร แต่พูดไปก็คงไม่รู้จัก เพราะคงรู้จักแต่ของเก่า ๆ พื้นบ้าน เดี๋ยวดูที่หญิงโชว์เลยดีกว่านะคะ แต่ไม่ทราบจะฟังรู้เรื่องรึเปล่า"
สอางค์และสร้อยสบตากัน
"แหม....ถ้าอุปรากรเป็น “อิแท้เลี่ยน” พอจะฟังออกอยู่นะคะ เพราะร่ำเรียนมา" สอางค์ว่า
สร้อยบอก "สมัยก่อน พอวาเคชั่นทุกปี เราก็ไปดูมหาอุปรากรกันที่ ลา สกาล่า กันบ่อย ๆ นะคะ
คุณพี่ ทั้งทอสก้า ทูแรนโด้"
"ลา โบแอม หรือ ทริสแทน แอนด์ อิโซเด้"
เทพีหน้าเชิด สอางค์ สร้อยสะใจ เช่นเดียวกับกลุ่มสาลิน
"งั้น....เด็ก ๆ ป้าออกไปเฝ้าเสด็จก่อนนะ ดูแลกันดี ๆ"
สอางค์และสร้อยออกไป ฮัมโอเปร่าไปด้วย
เลื่อมประภัสบอก "แหม....ไปดูงิ้วฝรั่งที่โรงหนังสกาล่า สยามแสควร์ ก็เอามาอวดอ้างนะคะ"
"คุณเลื่อม ลา สกาลา คือโรงอุปกากรอยู่ที่อิตาลี มิลานครับ ไม่ใช่สยามแสควร์" ฉัตรอาชาบอก
"อ้าว"
กลุ่ม สาลินหัวเราะคิกคัก
"ติ่ง ห้องนี้น่าจะแยกเป็นสัดส่วนนะ ว่าตรงไหนสำหรับเจ้า ตรงไหนสำหรับไพร่"
สาลิน ศรีจิตรา มาลา วรรณา ชะงัก สาลินรู้สึกเข้าล็อค ยิ้มละไม พูดกันในกลุ่มให้ลอยลมไป
"ตาย งั้นคุณหญิงก็ต้องมานั่งกับเราน่ะซีคะ ใช่ไหมพี่มาลา วรรณา"
มาลา วรรณาพยักเพยิด
หญิงก้อยเบิกตากว้าง วิรงรองคุยกับเลื่อมประภัส ฉัตรอาชาลอยลมกลับ
วิรงรองบอก "นี่เธอ รู้ประสาบ้างนะ หญิงเป็นหม่อมราชวงศ์หญิง จะไปนั่งกับพวกไพร่ได้ยังไง"
เลื่อมประภัส ฉัตรอาชาทำตาปริบๆ เพราะรู้ชัดว่าตัวเองเป็นไพร่
สาลินยิ้มละไม
"พี่มาลา พี่วรรณาขา คนเราน่ะแบ่งเป็นเจ้ากับไพร่ใช่ไหมคะ เจ้าก็คือพระบรมวงศานุวงศ์ ไพร่ก็คือสามัญชนทั่วไป"
หญิงก้อยพูดกับวิรงรอง
"ท่านพ่อฉันเป็นใครเธอก็รู้ใช่ไหม ติ่ง เลื่อม ฉัตร"
"รู้ซีคะ หม่อมเจ้าจันทร์ รัชนีกุล" เลื่อมประภัสบอก
"พระญาติสนิทของเสด็จพระองค์หญิงแห่งวังวุฒิเวสม์" ฉัตรอาชาว่า
วิรงรองบอก
"และธิดาสุดท้องของท่าน คือหญิงก้อยคือ หม่อมราชวงศ์หญิงเทพีเพ็ญแสง รัชนีกุล"
สาลินพูดกับมาลา วรรณา
"พี่ ๆ รู้ใช่ไหมคะ ว่าถ้าแบ่งง่าย ๆ เจ้าก็คือผู้ที่เราต้องใช้ราชาศัพท์ด้วยนับตั้งแต่หม่อมเจ้าขึ้นไป"
"ถ้าอย่างงั้น หม่อมราชวงศ์ก็เป็น" มาลาบอก
"ไพร่ค่ะ...ไพร่"
สาลินพูดอ่อนหวานแต่เสียงดัง หญิงก้อยตาเบิกกว้าง ลุกพรวดหมุนตัวไปหาสาลิน เก้าอี้ล้มกระเด็น ท่วงท่าเป็นหนังมหากาพย์เช่นเคย
"เธอกล้าดียังไง"
"กล้าค่ะ เพราะมีพระราชาธิบายไว้"
หญิงก้อยไม่เชื่อ ยังเต้นเร่า
"หล่อน"
"ใช่หญิง พี่ก็เคยอ่าน"
ทุกคนหันไปเห็น ม.ร.ว. ศศิรัชนีก้าวมา ใบหน้ายิ้ม ดวงตาปรามน้องสาว มือถือถาดของว่างมาด้วย
"พี่หญิง"
"ล้นเกล้ารัชกาลที่ 4 ทรงอธิบายไว้อย่างนั้นทุกคำ"
หญิงก้อยเซ วิรงรองประคองไว้
"พี่หญิง"
ม.ร.ว. ศศิรัชนีไม่สนใจหันมายิ้มกับสาลิน ศรีจิตรา มาลา วรรณายิ้มรับ ไหว้พร้อมกัน
"สวัสดีค่ะ ดิฉันศศิรัชนีค่ะ"
"สวัสดีค่ะ ดิฉันสาลิน นี่พี่ศรี พี่ศรีจิตราค่ะ" สาลินบอก
"ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ นายเล็ก เออ...คุณชายเล็ก เคยเล่าเรื่องคุณศรีให้ดิฉันฟังบ่อยๆ"
"ค่ะ คุณชายเล็กก็เคยเล่าเรื่องคุณหญิงกลางเหมือนกันค่ะ"
ม.ร.ว. ศศิรัชนียิ้มแย้มจริงใจ 2 พี่น้องยิ้มรับ แต่ศรีจิตรากลับรู้สึกขัด ๆ ระแวงระไว เพราะกลัวว่าเป็นคนรักของ ม.ร.ว. บดินทราชทรงพล
หญิงก้อยหอบ แต่อ้าปากจะกรีดร้อง วิรงรองปิดปากไว้ทัน
"อย่ากรี๊ดค่ะหญิง เดี๋ยวไม่งาม"
หญิงก้อยชะงัก เห็นด้วยแล้วสะบัดพรืด มองพี่สาวอย่างแค้นใจ ศรีจิตรายิ้มกับหญิงกลาง แต่ใจนั้นหวั่นไหว

ศรีจิตราเดินออกมาสงบสติอารมณ์ที่เทอเรซด้านนอก ติดกับสวน ถอนใจเฮือกใหญ่ ไม่ทันรู้ว่าร่างของ ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสงเดินกรายเข้ามา
"ว่ายังไง ตัวโปรดเสด็จ"
"คุณหญิงคะ กรุณาอย่ามองดิฉันอคติแบบนั้น ถ้าคุณหญิงคิดว่าดิฉันมาแย่งคนรักของคุณหญิงไป คุณหญิงก็คิดผิดทั้งหมด"
"แหม....ร้อนตัวจริงนะ ฉันไม่ได้มาพูดกับเธอเรื่องแย่งคนรักอะไรของฉัน แต่กำลังจะพูดถึงน้องสาวเธอที่กำลังแย่งคู่หมั้นจากพี่สาวตัวเองต่างหาก เธอรู้ตัวบ้างไหม"
ศรีจิตราอึ้งไป หน้าเผือดลง
"อ้อ....คงไม่รู้ซีนะ เพราะมัวแต่อยู่ในตำหนักเหมือนกบอยู่ใน..."
ศรีจิตราหันหลังให้หญิงก้อยทันที สีหน้ายิ้มตื้นตัน ดีใจกับสาลินและชายรอง เป็นอย่างที่สงสัยจริง ๆ อีกฝ่ายมองดูจากด้านหลัง เห็นหลังของศรีจิตราไหวน้อย ๆ เข้าใจว่าสะเทือนใจร้องไห้
"ฮ่ะฮ่ะ ถึงขั้นร้องไห้เชียว สม"
หญิงก้อยกรายมาด้านหน้า ศรีจิตรารีบหุบยิ้ม ทำสีหน้าเรียบเฉย
"ฉันมาพูดเพราะหวังดี ไม่อยากให้ชื่อเสียงของเธอสองคนมัวหมองไปมากกว่านี้ เพราะแม่น้องสาวปากดีของเธอ กำลังถูกจับคู่กับคุณเล็ก ถ้าข่าวออกมาว่าไปมั่วกับคุณรอง มันจะอื้อฉาวกันไปใหญ่ พี่สาวถูกคุณชายวุฒิวงศ์ปฏิเสธถึงสองครั้ง สองคน แต่แม่น้องสาวกะจะรวบหัวรวบหางทั้งพี่ชายรองและน้องชายเล็ก"
"หยุดความหวังดีของคุณหญิงไว้เท่านี้เถอะค่ะ เอาเป็นว่าข่าวของดิฉันกับสาลินคงไม่อื้อฉาวได้เท่ากับชีวิตแต่งงานแค่เจ็ดเดือนของคุณหญิงไปได้แน่ ๆ"
"นี่ แก"
"อย่าหยาบคายซีคะ ผู้ดีแท้น่ะ เขาไม่ใช้ผรุวาจาแบบนี้หรอกค่ะ ไม่มีธุระแล้ว ดิฉันขอตัว"
ศรีจิตราแยกกลับเข้าตึก ใบหน้ายังยิ้มกริ่มดีใจกับสาลิน หญิงก้อยหน้าเชิด ผิดคาดนึกว่า ศรีจิตราไม่มีฤทธิ์เดช

"เลวทั้งพี่ทั้งน้อง"

สะใภ้จ้าว ตอนที่ 12 (ต่อ)

ที่ปะรำ ไฟหรี่ลง เสด็จพระองค์หญิงทอดเนตรบนเวที สร้อย สอางค์ยิ้มแป้น
 
สามคุณชาย หม่อมวาณี หม่อมอำพัน จรวย นั่งเรียงกัน
เพลงเทพบันเทิงขึ้น ม.ร.ว. บดินทราชทรงพลหยิบหน้ากากขึ้นมาสวมอย่างเนียน ๆ สร้อย สอางค์กระดี๊กระด๊า อำพันสะบัดพรืดใส่สร้อย สอางค์ จรวยขยับคอเสื้อให้ลึกขึ้น ชายโตเห็นอย่างรำคาญใจ กระดกเหล้าหมดแก้ว ทุกคนมองดูการแสดงบนเวที

ไฟบนเวทีสว่างขึ้นช้าๆ บรรดานางรำคือ ศรีจิตรา สาลิน มาลา วรรณา แต่งกายเป็นชุดเทพบุตร เทพธิดา ภูษาพัสตราภรณ์งามระยิบระยับ กำลังกราบกับพื้น แล้วเงยหน้าขึ้น
นักร้องร้อง - ... เหล่าข้าพระบาท ขอวโรกาสเทวฤทธิ์อดิสร...
สาลิน ศรีจิตรา นางรำทั้งหมด เริ่มด้วยการถวายบังคม
ลืบข้างเวที ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสง วิรงรอง เลื่อมประภัส ฉัตรอาชามาดู สุ่มเบียดกันจนหลืบเกือบแตก
สาลิน ศรีจิตรา มาลา วรรณาลุกขึ้น เริ่มร่ายรำอย่างงดงาม
... ขอฟ้อนกรายรำร่ายถวายกร บำเรอปิ่นอมรปะตาระกาหลา...
สาลิน ศรีจิตราลงจากฟลอร์มายังหน้าที่ประทับ สองพี่น้องในชุดเทพบุตร นางฟ้า งามมลังเมลือง
ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์มองดูแล้วเคลิบเคลิ้ม ชายเล็กมองพี่ชาย ชายรองรีบทำหน้าปรกติ
"ไง วันนี้นายยังจะหลบหน้าสาลินอีกไหม"
"ไม่แล้วฮะ คืนนี้ผมจะจองตัวคุณสาไว้ทั้งคืนเลย"
คำตอบนั้นทำให้ชายรองอึ้ง มองสาลินนิ่ง
สาลินมองมาพอดี เห็นชายรองมองมา ตาสบกันนิ่ง สาลินชะงัก กิตติดวงตาเป็นประกายกล้าแต่หน้าเฉย สาลินหน้าแดงวูบ ศรีจิตรามองแล้วเป็นช่วงเข้าคู่พอดี ศรีจิตรากระซิบ
"สมาธิ สา"
สาลินยิ้มพยัก เข้ารำแคล่วคล่อง ศรีจิตราทอดสายตามา ชายเล็กยิ้มกว้างยกนิ้วให้ ศรีจิตรารำชม้าย
ชายตามา ชายเล็กอึ้ง
สาลิน ศรีจิตรารำงดงาม ทอดสายตาสองคุณชายมองอย่างตราตรึงใจ
ข้างเวที หญิงก้อยมองดูแล้วตาวาว หมุนตัวกลับเข้าหลืบ วิรงรอง เลื่อมประภัส ฉัตรอาชามา
"ติ่ง ฉันมีอะไรให้พวกเธอทำ"

กลุ่มของหญิงก้อยตรงมาที่เครื่องคุมเสียง แสง สี ซึ่งมีเจ้าหน้าที่คุมอยู่สองนาย หญิงก้อยพยักหน้าให้วิรงรองและเลื่อมประภัส รีบเข้าไปทำพูดคุยให้ท่ากับสองหนุ่มทันที ฉัตรอาชาตรงไปหยิบแก้วน้ำแล้วราดลงไปบนเครื่องไฟฟ้า เสียงช็อตสนั่น ไฟดับพรึ่บทั้งงาน

บนฟลอร์ กลุ่มสาลิน ศรีจิตรายังคงร่ายรำอยู่อย่างพร้อมเพรียง ทันทีที่ไฟดับพรึ่บทั้งงาน นักร้องหยุดร้องเพลงทันที
"สา เอายังไงดี"
"ไม่รู้เหมือนกันค่ะ"
บริเวณที่นั่งเสด็จ มองหน้ากันเลิ่กลั่ก สอางค์ สร้อย หน้าเสีย หมาดเล็กวิ่งกันแทบชนกันไปมา เสียงเอะอะเริ่มดังขึ้นทุกที แล้วทันใดไฟจากแสงเทียนเล่มใหญ่ก็สว่างขึ้น ทุกคนมองมาเป็นตาเดียว ชายรองกับชายเล็กยังสวมหน้ากาก ถือเทียนคนละเล่ม สว่างไสว มหาดเล็กเข้ามาพร้อมเทียนและเชิงเทียนอีกหลายเล่ม ทั้งสองรีบจุดเทียนต่อ ๆ ไป ชายโตลุกมาช่วยด้วย ห้องโถงเริ่มสว่างไสวขึ้นมาอีกครั้ง
สามพี่น้องเดินมาที่หน้าเวที และวางเชิงเทียนใหญ่ไว้หน้าเวทีคนละมุม
เสด็จพระองค์หญิงยิ้มร่า ปรบมือนำ สอางค์ สร้อย วาณี อำพัน จรวย และแขกปรบมือตาม
สามหนุ่มทหารเสือราชินีโค้งให้ทุกคน
สาลินและ ศรีจิตรายิ้มออกมาได้ สาลินมองมาที่ชายรองอย่างขอบคุณ ศรีจิตรามองบชายเล็กอย่างขอบคุณเช่นกัน
"คุณครูครับ ร้องต่อได้เลยครับ" ชายรองบอก
"ค่ะ ค่ะ ... สุรศักดิ์ประสิทธิ์ สุรฤทธิ์กำจาย"
สี่สาวรำกันต่อ ท่ามกลางแสงเทียนวับแวม สวยมลังเมลืองไปอีกแบบ
กลุ่มของหญิงก้อยมามองดูข้างเวที
"ต๊าย หน้าด้านที่สุด มันยังรำกันต่อได้ หน้าไม่อาย"
"นั่นซีคะ หน้าด้านสะพานเหล็กจริง ๆ"
ทั้งกลุ่มสะบัดพรืดกลับไป
ถึงช่วงจบ สาลิน ศรีจิตรา มาลา วรรณาเข้ามารวมกัน ทำคอมโพสจบ แล้วทรุดลงกราบเนิ่นนาน
เสด็จทรงปลื้มพระทัยลุกขึ้น ทรงปรบมือนำ ทุกคนปรบมือตาม เนิ่นนาน
จู่ๆไฟก็ติดสว่างเหนือฟลอร์และเวที สาลิน ศรีจิตรายิ้มให้กัน มาลา วรรณาพยักเพยิด ชื่นมื่นกับความสำเร็จและเสียงปรบมือไปทั้งโถง

ส่วนซุ้มอาหารจัดอยู่อีกโถงหนึ่ง ทำเป็นโต๊ะยาว ม.ร.ว. ศศิรัชนีกำลังวางเค้กที่อาหารว่างที่จัดเตรียมมาจากวังวางมุมหนึ่งของโต๊ะ ร่างของทหารเสือหนุ่มเดินเข้ามา ใส่หน้ากาก
"ขอเค้กชิ้นนั้นให้ทหารเสือราชินีหน่อยได้ไหมครับ กระผมชื่อดาตาญัง"
"คุณศุภร"
ศุภรถอดหน้ากากออก
"ทำไมจำได้ล่ะครับ คืนนี้มีคนแต่งสามทหารเสืออยู่ตั้งหลายคนนะครับ"
"แหม....เสียงแบบนี้ ท่าทางแบบนี้ไม่มีใครเหมือนหรอกค่ะ นี่ค่ะ เค้กสำหรับทหารเสือ"
หญิงก้อยส่งเค้กให้ ศุภรรับมาทานแล้วส่งตาหวาน หญิงกลางในชุดเดรสยาว ผมยาวถึงก้น
"ฉันมีอะไรผิดปรกติเหรอคะ"
"เปล่าครับ ผมมองเพราะคุณกลางสวยเป็นพิเศษน่ะ แต่งเป็นอะไรครับคืนนี้"
"ทายซีคะ ผมยาวขนาดนี้ต้องเป็นใครเอ่ย"
"เลดี้โกไดวา"
"อุ๊ย นั่นมันหญิงแก้ผ้าขี่ม้าไปทั่วเมืองนะคะ"
"ทะ...โทษครับ งั้น....เงือกน้อยครับ"
"นั่นท่อนล่างเป็นปลา ท่อนบนเปลือยอกค่ะ"
"จนปัญญาแล้วครับ ขอไม่ทายแล้วครับ ทายทีไร เป็นหญิงเปลือยทุกที"
"ฉันเป็น ราพันเซล สาวน้อยบนหอคอย ที่หย่อนเส้นผมให้เจ้าชายปีนขึ้นไปหาไงคะ"
"แล้วผมมีสิทธิ์ปีนขึ้นไปบนยอดหอคอยของคุณกลางได้บ้างไหมครับ"
"ถ้าคุณไม่กลัวคำสาปของแม่มดใจร้าย ฉันก็ยินดีค่ะ"

ศุภรปลื้มเผลอยัดเค้กเข้าปากทั้งชิ้น จนสำลัก หญิงกลางต้องรีบหาน้ำให้กิน

บนเวที สระน้ำจำลอง มีน้ำพุเล็ก ๆ เลื่อนมาตั้ง เสด็จทรงทอดพระเนตร สร้อย สอางค์มองดูบ้าง อำพันกระพือพัด
 
"เป็นไง หม่อม ว่าที่สะใภ้รำ"
"ก็งามเพคะ" สร้อย,สอางค์ยิ้มพยัก "แต่รำไทยเห็นทุกบ่อย ๆ โทรภาพก็ออกอยู่เกือบทุกวัน …น่าเบื่อเพคะ"
สร้อย สอางค์หุบยิ้ม หม่อมอำพันยิ้มสะใจ เสด็จทรงเซ็ง หม่อมวาณียื่นหน้ามา
"ถ้าเบื่อรำไทย ก็ต้องดูหญิงก้อยแสดงซีคะ"
หม่อมอำพันยิ้มอย่างเสียไม่ได้
บรรดาแขกในปะรำปรบมือ หม่อมวาณีปรบแบบมือแทบหักกับจรวย สร้อย สอางค์ อำพันปรบอย่างเสียไม่ได้ เสด็จทรงแย้มสรวล
หม่อมวาณียิ้มพยักกับทุกคนและพระองค์
"โมเดิร์นแดนซ์ดัดแปลงจากโอเปร่าค่ะ"
แสงไฟฟอลโลว์สว่างกลางเวที พร้อมกับเสียงร้องโซปราโน่ดังแหลมก้องกัมปนาท แสงจับเต็มที่ที่ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสงในชุดนางพญาอลังการ เสื้อคลุมลากไป 7 เมตร หน้าแหงนเงย มือกรีดกราย ทำท่าโหยหวนลิปซิงค์เจ็บช้ำกับรักต้องห้าม ที่ต้องพรากจากชายคนรักไปแต่งกับชายที่ตนไม่รัก หญิงก้อยมองมาที่ชายรองแล้วมือกรายตรงมา ชายรองอึ้ง ตกใจนิดหน่อย
เสด็จทอดพระเนตรแย้มสรวลนิดๆ เพราะถ้าไม่คำนึงถึงความเว่อร์ก็จัดว่าเพราะ อำพันมีอาการปลื้มพยักเพยิดกับคนนั้นคนนี้เหมือนฟังรู้เรื่อง สอางค์ สร้อยทำหน้ารังเกียจ
"ออกจะชั้นสูงซักหน่อย รู้เรื่องนะคะ" หม่อมวาณีบอก
"รู้เรื่องค่ะ สร้อยกระซิบกับสอางค์ "แต่เสียงแหลมคล้ายเปรต"
"ท่าก็เหมือนกำลังขอส่วนบุญ"
เสด็จได้ยินทั้งหมดกลั้นพระสรวล ชายเล็กหัวเราะพรืด ชายรองอึ้ง
หม่อมอำพันบอกกับชายโตและจรวย
"เต้นรำอย่างกับอีแร้งอีกา แถมเสื้อคว้านคอซะลึกเห็นไปถึงฟักแฟงแตงโม"
"นั่นซีคะหม่อม คว้านอกลึกไม่อายชาวบ้านเขาเลยรึไง"
ความจริง ทั้งสองนางคว้านเสื้อลึกกว่าหญิงก้อยเสียอีก
บนเวที ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสงยกมือ มือกรายวิงวอน ปากร่ำร้อง

ที่หลืบเวที สาลิน ศรีจิตรา วรรณา มาลาชะโงกดู
ศรีจิตราบอก"คุณหญิงคงใช้เพลงสื่อความอะไรบางอย่าง"
"ค่ะ สาเองก็อยากสื่อความอะไรบางอย่างให้คุณหญิงเหมือนกัน"
เพลงถึงช่วงพีค หญิงก้อยยืดตัวชุดคลุมหล่นกอง เหลือแต่ชุดที่ดูคล้ายชุดชั้นใน กลุ่มเสด็จ มองตาค้าง สะดุ้งเฮือกพร้อมกัน เธอร้องลิปซิงค์มาถึงท่อนพีค ยิ่งกรายมือร้องขอ ชายรองมองดูนิ่ง
เลื่อมประภัส ฉัตรอาชา วิรงรอง หมุนตัวออกไปเป็นหางเครื่อง
ฝ่ายเตรียมเอฟเฟกค์ ชายคนหนึ่งกดเปิดพัดลมยักษ์ ด้านหลังของหญิงก้อยเป็นผ้าบางปลิวไสว สูงขึ้นไป 7-8 เมตร ยิ่งดูป่วนปั่น แสดงถึงความเจ็บปวดหวั่นไหวของอิโซเด สามนางเข้าจับชายผ้าให้สะบัดกระพือปลิวไหว
หลังเวที สาลินยิ้มพยักกับมาลา วรรณา สองสาวกระซิบกับเจ้าหน้าที่โปรยผงทองว่าตนจะช่วยเอง
เจ้าหน้าที่ตกลง
"ตรงนี้แหละค่ะ"
สาลินยิ้มเหี้ยมเกรียม
ดนตรีทำพีคสูงสุด หญิงก้อยอ้าปากกว้าง แผดร้องสุดเสียง สามนางคอรัส วิรงรอง เลื่อมประภัส ฉัตรอาชา วิรงรอง ร่วมแหกปาก
แขกในปะรำสะดุ้งเฮือก เสด็จทรงนิ่วพระพักตร์ สอางค์ สร้อยผงะ วาณียิ้ม ชายรองอึ้ง ชายเล็กอุดหู จรวย อำพันยกมือทาบอก ชายโตเริ่มขยักขย่อน
ที่หลืบ สาลิน มาลา วรรณาโผล่มา มาลาเทผงทอง ผงทองโปรยลงสู่เทหญิงก้อย เวทีนั้นดูระยิบระยับเปี่ยมจินตนาการ คนดูตื่นตะลึง สาลิน มาลา วรรณา เทผงพริกไทยลงหมด 4 ขวด
ผงพริกไทยปนผงทองเข้าปาก จมูก หัว ร่องอกหญิงก้อย เอิบอาบเคลือบร่างวิรงรอง เลื่อมประภัส ฉัตรอาชา
บนปะรำ หม่อมวาณีพยักเพยิดกับทุกคน
"ว้าย ลูกจ๋า ยังกะนางฟ้าบนสรวงสวรรค์"
หญิงก้อยพลันสำลักพรวด น้ำตา น้ำมูก น้ำลายพร่างพรูพราวพรายออกมาพร้อมกัน คนดูผงะ วาณีเริ่มเจื่อน วิรงรอง เลื่อมประภัส ฉัตรมีอาการฮึบเข้าไป แล้วจามพรวดจนตัวก้มแล้วเงยขึ้น จามพร้อมกันทั้งสี่นาง
แขกทั้งงานชี้ชวนกันดู หัวเราะกันลั่น
หญิงก้อยสะอึก แล้วจามอีกที แล้วเซแซ่ดๆกระเด็นตกลงในอ่างน้ำพุ
สาลิน มาลา วรรณาร้องกรี๊ด ลิงโลด
วิรงรองวิ่งถลามาช่วยฉุดหญิงก้อยที่ร้องกรี๊ดๆ เลื่อมประภัส ฉัตรอาชา แต่ทุกคนลื่นแพร่ด
ตกอ่างน้ำพุ แสงแฟลชสว่างวาบจากช่างภาพ
ที่หลังเวที สาลินกับมาลา วรรณา ศรีจิตรายืนกอดอกรอ สาลินยิ้มร่า ศรีจิตราหยิก สาลินร้องโอดโอย

ศรีจิตราเดินไป สาลินค้อนไล่หลังพี่สาว หัวเราะคิกแล้วหันมา มองทางเวที

บนเวทีคุณชายสามคนขึ้นไปบนเวทีพร้อมกันช่วยประคองทั้งสี่นาง
 
ชายรองประคองร่างหญิงก้อยขึ้นจากสระ เธอแสร้งทำเป็นลมในอ้อมแขนของฝ่ายชายทันที ชายรองประคองเข้าหลังเวทีไป ผ่านหน้า มองสาลินอย่างตำหนิ สาลินสลดไป ชายโตประคองวิรงรองและเลื่อมที่ทำท่าเป็นลมเช่นกันผ่านไปอีกคน ตามมาด้วยชายเล็กที่ใส่หน้ากาก มีฉัตรอาชาซบไหล่อยู่ ทำท่าเหมือนจะสิ้นใจ ชายเล็กก้มหน้างุดไม่กล้ามองสาลิน สาลินก็ไม่ทันสนใจ เพราะสลดอยู่กับสายตาตำหนิขอชายรองเมื่อกี้
"อุ๊ย....คุณสาคะ เมื่อกี้คุณชายเล็กไงคะ " มาลาบอก
"หืมม์ คนไหนเหรอคะ"
"อ้าว ก็เดินผ่านหน้าไปเมื่อกี้ไง"
"ไม่ทันมองค่ะ"
หม่อมวาณีเป็นลม สอางค์ สร้อย อำพัน จรวยต้องช่วยกันพัดวี เสด็จกลั้นหัวเราะ เบือนพักตร์ไปทางอื่น ไม่อยากให้ใครเห็น

ชายรองประคองร่างหญิงก้อยลงกับโซฟายาวในห้องส่วนตัวหลังเวที พลางเช็ดผมและใบหน้าให้
"หญิง"
หญิงก้อยปรือตาขึ้น
"เป็นยังไงบ้างหญิงก้อย"
"คุณรอง พาหญิงออกไปจากที่นี่ทีเถอะค่ะ หญิงทนอยู่ในงานอีกไม่ได้แล้ว หญิงอับอายแทบแทรกแผ่นดินหนี"
"ไม่เป็นไรหรอกน่า อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ แล้วการแสดงของหญิงก็น่าสนใจไม่น้อย ใคร ๆ ก็ชื่นชมWหญิงก้อยขยับร่างขึ้น
"คุณรองชอบเหรอคะ"
"ชอบซีครับ อย่างน้อย “การแสดง” ของหญิงเมื่อกี้ มันบอกเล่าความจริงบางอย่าง"
"ความเจ็บปวดที่ต้องพรากจากคนที่รัก"
"ถ้าเป็น “การแสดง” ก็ใช่ครับ"
หญิงก้อยไม่ทันคิดว่าโดนกัด
" นั่นล่ะค่ะความรู้สึกแท้จริงของหญิง คุณรองขา หญิงเสียใจที่ทำร้ายจิตใจคุณ ให้อภัยหญิงเถิดนะคะ แล้วเรามาเริ่มต้นกันใหม่ "
"อีกครั้งงั้นเหรอ แล้วครั้งนี้ต้องเจ็บกันอีกรึเปล่า"
"ไม่ค่ะ หญิงสัญญา"
เธอขยับร่างเข้ามาใกล้ ใบหน้าใกล้จนแทบจะสัมผัสริมฝีปากกัน
"งั้นสัญญาผมสักเรื่อง"
"ว่ามาซีคะ"
"อย่าไประรานสาลินที่ห้องสมุดอีก มันไม่งามสำหรับสำหรับความเป็นหม่อมราชวงศ์ของหญิง"
หญิงก้อยผละออกทันที ชายรองลุกขึ้นยืน สีหน้าเรียบเฉยเย็นชา เธอลุกพรวดขึ้น
"สารภาพแล้วใช่ไหมคะว่าคุณหลงเสน่ห์นังนั่น ทั้ง ๆ ที่เราเคยรักกันหมดหัวใจ"
"เทพีเพ็ญแสง นี่แหละความจริงที่ผมพูดถึง ผมไม่แน่เสียแล้วว่าคุณเคยรัก “ผม” หรือ “ใคร” บ้างไหม เพราะความจริงที่ผมสัมผัสตอนนี้ คุณมีแต่ความรักตัวเอง"
"คุณรอง"
"อ้อ ขอชมบทบาทของหญิงเมื่อกี้ มันจริงกว่าที่หญิง “เล่น” อยู่ในชีวิตประจำวันมากเชียวล่ะ"
ชายรองออกจากห้อง หญิงก้อยกรี๊ดออกมาลั่น วิรงรอง เลื่อมประภัส ฉัตรอาชา วิ่งเข้ามาทั้ง ๆ ตัวเปียก มีผ้าขนหนูกันทั้งสามนาง
"ว้าย หญิงเป็นอะไรไปคะ ผีสิงเหรอ"
"ฉันอยากกลับวัง ไม่อยากอยู่แล้ว ฉันอายผู้คน"
"ติ่งก็อายค่ะ เวรกรรมอะไรก็ไม่รู้ ทุกงานวันเกิดฉันต้องตกน้ำ กลับกันเถอะ"
เลื่อมประภัสบอก "อย่าเพิ่งกลับค่ะ เดี๋ยวจะมีงานเต้นรำแล้ว เราควรด้านได้อายอดอยู่ต่อนะคะ
ชุดเราก็เตรียมมาตั้งเยอะ"
"ใช่ครับ เราจะได้หาทางเอาคืนนังคนที่มันโปรยพริกไทยมาใส่เรา "
"จริงด้วย งานเต้นรำสวมหน้า มาสเคอเรด แกล้งใครก็ไม่มีใครจำหน้าเราได้"
หญิงก้อยนิ่งไป นึกหาทางแก้แค้น
"ดี....งั้นเปลี่ยนชุดให้ฉัน ติ่ง เลื่อม ฉัตร ใช้ความเป็นนักข่าวของเธอ ถ่ายประจานศัตรูของเราให้หมดทั้งงานเลย"
"หญิงไม่ผิดหวังแน่ค่ะ"
ทั้งสี่คนทำหน้านางร้ายพร้อมกัน
"เอ๊ะ กลิ่นอะไรฉุน ๆ อุ๊ย พริกไทย"
ขาดคำทั้งสี่ก็จามออกมาพร้อมกัน สนั่นห้อง เจ้ากับไพร่จามได้เท่ากัน

สาลินแอบอยู่ในมุมแต่งตัว ถอดเครื่องทรงออกแล้ว เหลือเสื้อคลุม กำลังล้างหน้าออก ชายรองเข้ามามองดู
"อุ๊ย.....นี่ห้องแต่งตัวผู้หญิงนะคะ คุณไม่มีสิทธิ์เข้ามา"
"แต่ในฐานะผู้ดูแลงานวันนี้ ฉันถือว่าฉันมีสิทธิ์ที่จะต้องเข้ามาอบรมความประพฤติของเธอ "
สาลินหน้าตื่น มีพิรุธล้นพ้นตัว

"เรื่องคุณหญิงก้อย ฉันไม่รู้เรื่องนะ ฉันไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย"

"ไม่ได้ทำหน่อย แต่ทำเยอะใช่ไหม"

สาลินเผยอยิ้มแล้วเชิด
 
"เธอคงคิดว่าเรื่องเมื่อกี้ไม่มีหลักฐาน จับมือใครดมไม่ได้ล่ะซี"
"ใช่"
ชายรองพลันคว้ามือสาลินมา สาลินอึ้ง
"คุณ ! คุณจะทำไมฉัน"
ชายรองพลันก้มลงคล้ายจุมพิตมือ
"คุณทำอะไร"
"ก็จับมือเธอดมไง นี่....กลิ่นพริกไทยยังคลุ้งอยู่เลย"
สาลินรีบชักมือกลับ
"ไม่จริง คุณหาความฉัน"
สาลินเอามือตัวเองมาดมแล้วจามแฟ่ด ชายรองอึ้ง สาลินเอาหลังมือป้ายขี้มูกไปถึงแก้ม เขาส่งผ้าเช็ดหน้าให้ สาลินทำปั้นปึ่งรับมาเช็ด
"คราวนี้ เธอไม่ต้องเอามาคืนก็แล้วกัน"
สาลินเชิด ชายรองแอบยิ้ม ดวงตาพราว แล้วเดินออกไป สาลินมองผ้าเช็ดหน้าที่มีกลิ่นโคโลญจ์ประจำตัวเขา สาลินยิ้มอาย ๆ อยู่ลำพัง

บรรยากาศในงานยามดึกคึกคักกว่าตอนหัวค่ำ แขกในงานแต่งแฟนซีกันนานาชนิด สวมหน้ากากหลากหลายแบบเดินกันขวักไขว่ ในฟลอร์ยังไม่มีคนเต้น มุมหนึ่งชายรองและชายเล็กที่ถอดหน้ากากแล้ว เดินไปหาศุภรที่ยืนคุยกับหญิงกลางไม่ยอมห่างจากกัน
"ไง ศุภร ใครบอกให้นายแต่งชุดทหารเสือมาประชันกับพวกฉันสามคนพี่น้อง" ชายรองถาม
"ช่วยไม่ได้ ชุดนี้ไม่มีลิขสิทธิ์โว้ย อีกอย่างทหารเสือจริงๆ ต้องมีสี่ต่างหาก"
"คุณศุภรเป็นดาตาญังค่ะ"
"พระเอกอีกแล้วนะเฮีย หญิงกลางไม่เข้าไปดูแลหญิงก้อยหน่อยเหรอครับ ตกน้ำตกท่า"
"ไม่ล่ะค่ะ เตือนแล้วว่าอย่าทำขายหน้า ก็ทำจนได้ หญิงไม่อยากยุ่งด้วยแล้ว"
"เดี๋ยวจะได้เวลาเต้นรำแล้วล่ะครับ ผมขอจองคุณกลางไว้ตลอดงานเลย"
"อ๊ะ เฮีย....ไม่ได้นะ ผมก็จองหญิงกลางไว้เหมือนกัน" ชายเล็กบอก
"งั้นนายต้องประดาบกับฉันหน่อยล่ะ ไอ้เจ้าเล็ก"
ศุภรชักดาบปลอมออกมา ชายเล็กชักดาบออกมาบ้าง ทำท่าฟันแบบกำมะลอ ชายรองกับหญิงกลางหัวเราะ
"พอก่อนค่ะ ฉันรับภาระคุณสองคนไม่ไหวแน่ ๆ แบ่ง ๆ กันดีกว่านะคะ คนละครึ่งคืนก็แล้วกัน"
สามหนุ่มหันมามอง หญิงกลางพร้อมกัน
"หญิงครับ กะจะเต้นทั้งคืนเลยเหรอครับ" ชายรองถาม
"ค่ะ ทำไมคะ"

ม.ร.ว. ศศิรัชนีตาแบ๊ว ยิ้มหวานซ่อนเปรี้ยว กระดกเหล้าลงคอพรวด

จบตอนที่ 12
กำลังโหลดความคิดเห็น