สะใภ้จ้าว ตอนที่ 10
สองสามวันต่อมา ในโถงชั้นบนตำหนักเล็ก อำพันหน้าดำคร่ำเครียดเป็นนางบ่อนอยู่ที่วงไพ่ตองวงหนึ่ง
อีกวงก็กำลังวิกฤตเช่นกัน ห้องโถงนั้นเต็มไปด้วยบรรดาคุณหญิง คุณนาย ท่านผู้หญิง หม่อมขาไพ่ทั้งหลาย น้อม เจียม ข้าหลวงใหม่ทั้ง 3 คอยดูแลของกิน ของดื่ม อำพันได้ไพ่ขานเสียงก้อง
"เจ็ดนกอินทรี"
บนโต๊ะศาลากลางสวน ตำหนักใหญ่ จรวยวางถาดวางชามโคม มีฝาปิดลง ศรีจิตรา นมย้อย และจรวยนั่งลงพร้อมกัน
"กรูหม่าไก่ค่ะ หนูศรี" นมย้อยบอก
"วันนี้เห็นคุณนมไม่มีคนช่วยก็เลยช่วยถือมาค่ะ" จรวยบอก
"ค่ะ แต่ก่อนร่อนชะไรก็ไม่เคยช่วย"
นมย้อยเปรย จรวยเกือบสะดุ้ง
"เอ้ย ไม่เคยต้องช่วย แต่วันนี้ เอ้อ"
จรวยต่อให้
"วันนี้บ่อนเปิด ใครต่อใครก็เลยไปอยู่ที่วงหมด"
ศรีจิตรายิ้มน้อยๆ
"ค่ะ"
"เฮ้อ คุณศรีทราบไหมคะ ว่าเมื่อคืนคุณชายรองเป็นยังไง"
ย้อยถาม
"ยังไงหรือ เมื่อวานฉันกินข้าวหมาก เลยต้องนอนตั้งแต่หัวค่ำ"
นมย้อยพูดอายๆ จรวยพูดชัด
"ค่ะ ตอนที่คุณนมเมาน้ำหมาก คุณชายก็เมาเหล้ากลับมา เมาแอ๋เชียวค่ะ ถึงขั้นร้องเพลงโหวกเหวกตามประสาคนเมานะค่ะ"
ศรีจิตราเบิกตากว้าง จรวยเชิดหน้า
จรวยเล่า... เมื่อคืน ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์เดินเซเข้ามาในตำหนัก เชิ้ตรุ่ยร่ายตามประสาคนเมา หนีบขวดเหล้ากลมใต้แขนเข้ามาด้วย แหกปากร้องเพลงลั่น
"ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมารัก สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน"
ชายรองร้องแล้วเซแซ่ดหัวคะมำ คุณชายโตวิ่งเข้ามาประคอง
"นายรอง เมามายอะไรกันขนาดนี้" ม.ร.ว. ดิเรกราชวิทย์บอก
"ผม....ผมเจ็บครับพี่โต เจ็บตรงนี้" ชายรองชี้ที่กลางอก
ชายรองเซอีกจนพี่ชายต้องประคองไว้
"อ้าว....นี่หมายความว่านายเลิกกับหญิงก้อยแล้วเหรอ"
"ก็ต้องเลิก เขากลับไปหาผัวเก่าเขาแล้วนี่"
"นายก็ต้องตัดใจให้ได้ละ"
"ครับ ผมต้องตัดใจให้ได้ ด้วยเหล้านี่ล่ะครับ ผมไปนอนกอดเหล้าดีกว่า อย่างน้อยมันก็ไม่ทรยศผม กูดไนท์ พี่โต"
ชายรองแยกไปที่บันได ยังแหกปากร้องเพลงอยู่
"ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป แต่เมาใจนี้ประจำทุกค่ำคืน"
ม.ร.ว.ดิเรกราชวิทย์ถอนใจ กิตติเซขึ้นบันได จรวยเดินออกมา
"น่าสงสารคุณรอง อกหัก ดื่มเหล้าเมามายเลยค่ะ"
เมื่อคืน ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์เดินเข้ามาในตำหนัก ขณะนั้นนาฬิกาบอกเวลาราว 23 นาฬิกา ชายรองมีท่าทางสบายใจ ฮัมเพลงมาตลอด ขณะนั้น คุณชายโตเดินออกมาจากห้องนั่งเล่น อุ้มตาตุ้มมาด้วย
"ยังไม่นอนเหรอครับพี่"
"ตาตุ้มฉี่น่ะ เลยเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ แล้วเลยงอแงไม่ยอมนอน"
ชายรองเล่นกับหลาน จรวยจะเดินออกมา ชะงักไป
"ไงครับ ตาตุ้ม หลานอา งอแงเหรอครับ หล่อวันหล่อคืนนะเรา" ชายรองร้องเพลงกล่อมหลาน
ม.ร.ว. ดิเรกราชวิทย์มองขำ ๆ
"เป็นอะไรน่ะนายรอง วันนี้อารมณ์ดีเป็นพิเศษ"
"ครับ ช่วงนี้รู้สึกปลอดโปร่ง"
"ตัดสินใจบางเรื่องได้แล้วงั้นเหรอ"
"ใช่ครับ"
"ยินดีด้วย"
"ขอบคุณครับพี่โต กู้ดไนท์ครับ"
กิตติฮัมเพลง แล้วขึ้นบันไดไป จรวยออกมา
"อะไรกันคะ คุณโต เลิกกับคุณหญิงก้อยแล้วอารมณ์ดีงั้นเหรอ"
"คงอย่างนั้นมั้ง"
ดิเรกอุ้มตาตุ้มกลับเข้าห้องนั่งเล่น จรวยคิดแผนร้ายต่อ
ณ ศาลากลางสวนตำหนักใหญ่ จรวยส่ายหน้า
"คุณชายไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน โธ่เอ๋ย....น่าเวทนาจริง"
ศรีจิตราก้มหน้าดวงตาหลุบต่ำ จรวยยิ้มสะใจ นมย้อยทุกข์ใจ มองศรีจิตรา
"เอ แต่ฉันเห็นุคณชายสบายอกสบายใจมาเป็นอาทิตย์แล้วนะ" นมย้อยว่า
"แกล้งหลอกให้คนอื่นเชื่อนะซีคะ โธ่เอ๋ย ตัดไม่ตายขายไม่ขาด"
"ค่ะ คงแกล้งหลอกให้คนอื่นเชื่อมาหลายครั้งแล้ว"
ศรีจิตรามองจรวย พูดพลางยิ้มเศร้า จรวยไม่รู้ว่า ศรีจิตราหมายถึงตัว ยิ้มพยัก
"หนูขอตัวก่อนนะคะ คุณนม คุณจรวย"
ศรีจิตราเชิญถาดไป จรวยช่วยส่งให้แล้วมองตามยิ้มสะใจ นมย้อยหยิกต้นขาจรวยสุดแรงเกิด
"นี่แน่ะ....จะเอามาเล่าทำไมนะ"
"โอ้ย คุณนม เจ็บค่ะ"
วังวุฒิเวสม์กว้างใหญ่ไพศาล รถแท็กซี่ของตาผลแล่นมา ตรงไปยังตำหนักใหญ่ที่งดงามราวปราสาทยุโรป ในรถ...ตาผล รู้สึกตัวลีบ สาลินแต่งตัวสวยเรียบร้อย แต่ดูหรูแพงกว่าปกติ เพราะคุณสร้อยกำชับมา สาลินไม่ตื่นเต้นแล้ว ลงจากรถ จะขึ้นตำหนัก ตาผลตามลงมา
ที่หน้าต่างวังชั้นบน สอางค์มองอยู่ เห็นสาลินก็ยิ้มดีใจแล้วรีบกลับเข้าไป
"ลุงผล"
"ครับคุณหนู"
"สวนสวยเหลือเกิน สาเข้าไปชมสวนก่อนนะ ตาผลอย่าบอกใคร"
"อ้าว ไม่ขึ้นไปกราบเสด็จก่อนล่ะครับ"
"ขึ้นไปก่อน เดี๋ยวท่านไม่ทรงอนุญาตให้ชมสวนน่ะซี สาดูสวนแป๊บเดียวล่ะ"
"งั้นผมไปดูต้นทางให้ครับ"
สาลินและผลเดินแยกไปทางสวน ม.ร.ว. บดินทราชทรงพลเดินมาหน้าตึกพอดี ไม่ทันเห็นกัน
"แท็กซี่มาส่งใครหว่า เอ๊ะ รถคุ้น ๆ"
ชายเล็กไม่ใส่ใจนัก ขึ้นตึกไป
ภายในห้องสมุดตำหนักใหญ่ ชั้นบน เสด็จพระองค์หญิงประทับอยู่ที่โต๊ะหนังสือ
กำลังจดโน๊ตจากหนังสือเล่มต่างๆลงสมุดส่วนพระองค์ นางข้าหลวงสองสามนางทำงานกันอยู่ สอางค์อยู่ใกล้ประตู มีเสียงเคาะประตู สอางค์หันมายิ้ม เสด็จพยักพักตร์
"มาแล้วทั้งคู่เพคะ"
สอางค์หันไปเปิดประตู คุณชายเล็กเข้ามา
"หวัดดีฮะ คุณสอางค์"
สอางค์ยิ้มคิกคัก พาชายเล็กไปหาเสด็จ
"ค่ะ คุณชายเล็กมาแล้วเพคะ"
"นั่งซี"
ชายเล็กนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้าม
"เด็จป้าให้เกล้ามาเฝ้า ทรงมีอะไรให้เกล้าทำพะยะค่ะ"
เสด็จสบตาสอางค์
"หมู่นี้แกหายไปก็เลยอยากเห็นหน้า"
"โธ่ หมู่นี้ เกล้าไม่ได้ไปเที่ยวไหนซักหน่อย"
สอางค์มากระซิบข้างพระกรรณ
"มาแล้วเพคะ"
เสด็จพยักพระพักตร์ ชายเล็กยังตาแป๋วไม่รู้เรื่อง
สาลินเดินลึกเข้าไปในสวนสวย นายผลรออยู่ที่ทางเข้า เธอตะลึงงันกับความงาม เดินลึกไปจนถึงศาลากลางสวน เห็นมีข้าวของวางอยู่ สมุดบันทึกเปิดอยู่ ดอกปีบวางคั่นหน้า สมุดวาดภาพเล่มเล็ก ๆ ปากกาด้ามหรู หนังสือภาษาอังกฤษสองสามเล่ม ซองใส่กล้องส่องนก ชุดกาแฟ กาแฟในถ้วยยังควันกรุ่น
สาลินเดินขึ้นมาบนศาลา มองดูในสมุดภาพ เห็นวาดภาพนกน่ารัก พร้อมรายละเอียด เขียนสายพันธุ์ตระกูลนก
"ของใครนะ วาดภาพสวยเสียด้วย"
สาลินมองไปที่สมุดบันทึก เห็นเขียนอะไรบางอย่าง แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ ดอกปีบสองดอกที่กลายเป็นดอกไม้แห้งไปแล้ว วางคั่นหน้าอยู่
บริเวณพุ่มไม้ไม่ห่างจากสาลินนัก ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์กำลังใช้กล้องส่องนก ... ภาพจากกล้อง เห็นท้องฟ้า ต้นไม้ ไล่มาถึงศาลา เห็นสาลินยืนอยู่ ชายรองสะดุ้ง ลดกล้องทันที
สาลินในศาลามองดูดอกปีบอย่างสนใจ รู้สึกคุ้น ๆ ชายรองรีบตรงมาทันที
"แอบดูอีกแล้วนะ ไม่เลิกนะนิสัยถ้ำมองเนี่ย"
สาลินตกใจ มองชายรองแล้วมองข้าวของบนโต๊ะ
"ฉันเปล่านะ ฉันเดินเล่น เห็นของวางอยู่ก็เข้ามาดู นี่ของของคุณเหรอ"
"ใช่....และเธอไม่มีสิทธิ์มายุ่งย่าม"
"ฉันก็แค่ดู ทำไมเหรอคะ มีอะไรซุกซ่อนอยู่เหรอ"
ม.ร.ว.กิตติราชนรินทร์หน้ามึนไป เพราะดอกปีบสองดอกนั้นวางทนโท่อยู่ เขารีบปิดสมุดบันทึก สาลินมองสังเกต ชายรองทำหน้าเฉยอย่างที่สุด
"มีธุระอะไรถึงมาที่นี่ มารบกวนความสงบของฉัน อ้อ หรือตั้งใจมาหาฉัน"
"ตั้งใจมาหาคุณเรื่องอะไรไม่ทราบ"
"อ้อ มาพูดซ้ำ ๆ ซาก ๆ เรื่องไม่ให้ฉันแต่งงานกับพี่สาวเธอไง"
สาลินค้อน
"ถ้าพูดเรื่องนั้นฉันไม่ต้องมาถึงที่นี่หรอก เสด็จรับสั่งให้ฉันเข้าเฝ้าวันนี้ต่างหาก ฉันจะพาพี่ศรีไปช้อปปิ้ง ตามที่คุณแนะนำไง"
"แล้วมาเดินเที่ยวอยู่อย่างนี้ทำไม ทำไมไม่รีบไปเข้าเฝ้า"
"ก็สวนที่นี่สวยอย่างกับสวนสวรรค์ ฉันก็เลยมาเดินชมเสียหน่อย ถ้ารู้ว่ามารบกวนความสงบของคุณ ฉันก็คงไม่เข้ามา ...งั้น...ดิฉันไปนะคะ คุณชาย"
สาลินทำท่าถอนสายบัวอย่างเสแสร้ง แล้วเดินระเหิดลงจากศาลา
"อ้อ ลืมบอกไป ถ้ารูปวาดนกนั่นเป็นฝีมือของคุณชายจริง ก็นับว่ามีฝีมือเข้าทีทีเดียว ส่วนดอกปีบอัดแห้งนั่น ก็น่ารักดีนะเจ้าคะ"
ชายรองสะดุ้ง สาลินเดินลอยหน้าทำระเหิดระหงจากไป คุณชายยิ้มนิด ๆ
ม.ร.ว.บดินทราชทรงพลลงบันไดมา มาลารออยู่แล้ว
"คุณชายขา เชิญที่เทอร์เรซข้างค่ะ"
"มีอะไรเหรอมาลา"
"อาหารเช้ารออยู่ค่ะ"
" เอ....วันนี้มีอะไรแปลก ๆ นะ"
มาลาพาชายเล็กออกเทอร์เรซข้าง จังหวะเดียวกับสอางค์พาสาลินเข้ามาพอดี เฉียดกันนิดเดียว
"ป้าก็นึกว่าหนูหายไปไหน "
"เดินชมสวนค่ะคุณป้า สวนสวยจังเลย"
"สวนยุโรปเชียวนะลูก ไว้ป้าจะพาชม"
สอางค์พา สาลินขึ้นชั้นบน
เทอเรซข้างจัดอาหารเช้าไว้ที่เครื่องเรือนหวาย ศรีจิตราเลื่อนนั่นเลื่อนนี่บนโต๊ะให้สมบูรณ์แบบ ดอกไม้ในสวนเบื้องหลังออกดอกชูช่องดงาม ถัดไปน้ำพุพุ่งเป็นสาย ละอองน้ำเป็นสายรุ้ง
มาลาบอก
"มาแล้วค่ะ งั้นเดี๋ยวพี่ไปตามคุณสอางค์กับคุณสานะคะ"
ศรีจิตราผวารีบนั่งลง เฉือนไส้กรอกเข้าปาก ตาเหลือบดู วรรณาพาชายเล็กเดินเกาหัวเข้ามา เห็นศรีจิตราก็ยิ้มร่าเดินมา ศรีจิตรายิ้มตอบวางหน้าไม่สนิทนัก ชายล็กมานั่งปุบลง มาลา วรรณาทำทีตัดดอกไม้อยู่ห่าง ๆ
"หวัดดีฮะ"
"สวัสดีค่ะ เข้าเฝ้าแล้วหรือคะ"
"ฮะ แปลกจัง ทรงเรียกให้มาเฝ้าแต่เช้า ไม่เห็นทรงใช้อะไรเลย ทรงถามสารทุกข์สุกดิบ
ได้ 2-3 คำ ก็ไล่ผมลงมา"
ศรีจิตรามีพิรุธ
"หรือคะ คุณชายรับประทานอาหารเช้าหรือยังคะ"
"ยังเลยฮะ วันนี้วันอาทิตย์กะจะตื่นซักเที่ยง แต่นมย้อยมาเรียกตอนเก้าโมง ว่าโปรดให้มาเฝ้า เลยไม่ได้กินอะไรเลย โอ้โฮ"
คุณชายเล็กกวาดตาดู เห็นอาหารเช้าแบบอเมริกันเบรกฟาสท์ชนิดเต็มเปี่ยม มากมายหลากหลายจนผิดปกติ แต่คุณชายมัวตะกละจนไม่สังเกตเห็นจานที่วางเผื่อไว้อีก 1 ที่
"งั้นเชิญซีคะ"
ศรีจิตราเลื่อนจานให้ แล้วรินกาแฟดำ เติมน้ำตาล 2 ก้อน ชายเล็กมอง งงๆ
"คุณศรี รู้ได้ยังไงฮะ ว่าผมกินกาแฟแบบนี้"
ศรีจิตราอึ้งไปนิดนึงแล้วยิ้มอ่อนๆ
"เผอิญดิฉันเดาถูกน่ะคะ"
ชายเล็กเชื่อ เริ่มตักไส้กรอก ไข่ดาว เบคอนมา มาลา วรรณาสบตากัน ถือกรรไกรตัดดอกไม้ค้าง
วรรณาบอก "ดีนะ ที่ไม่ตอบไปว่าสืบมาจากคุณนม คุณศรีนี่ โกหกไม่เก่งเลย ไม่เหมือนเราสองคน"
ชายเล็กนั่งกินหมับๆ ศรีจิตรามองอย่างเอ็นดู
ในห้องทรงงานสาลินกราบลงอย่างงดงาม
เสด็จพระองค์หญิงประทับบนตั่ง มองอย่างพอพระทัย สาลินเงยหน้าขึ้น สอางค์ขยับมาลูบหลัง ลูบไหล่ รักใคร่ใยดี
"มาเร็วเหมือนกันนะ"
"ออกจากนนท์ตั้งแต่รุ่งเพคะ แล้วต้องไปแวะให้คุณป้าสร้อยอบรมที่บ้านราชดำริก่อนเพคะ"
เสด็จสบตาสอางค์
"ออกจากบ้านสวนแต่เช้ามืดอย่างนี้ คงยังไม่ได้กินอาหารเช้าซีนะ"
"เพคะ"
นางข้าหลวง 2-3 นางที่กำลังทำงานดอกไม้คิกคักกัน สาลินเหลือบดู
คุณชายบดินทราชทรงพลกินอาหารเช้าไปไม่น้อย ศรีจิตราจิ้ม ๆ เขี่ย ๆ เพราะรอเวลา
"อ้อ ผมลืมเล่าไป 2-3 วันก่อน พี่รองเผอิญไปเจอคุณสา"
"ยายสาน่ะหรือคะ"
"ฮะ"
ศรีจิตราครึ่งหนึ่งมีพิรุธ อีกครึ่งก็แปลกใจมาก มาลา วรรณางง
"พี่รองเลยพาไปส่งถึงบ้านสวน"
ศรีจิตรากังวลเพราะรู้ฤทธิ์สาลินดี
"ตายจริง ไม่รู้ว่ายายสาไปก่อเรื่องอะไรกับคุณชายรองหรือเปล่า"
"คงไม่ล่ะฮะ เพราะพี่รองเห็นอารมณ์ดีกลับมา แถมยังร้องเพลงหงุงหงิงๆด้วยนะฮะ"
ศรีจิตรานึกได้ " อ้อ คืนนั้นเอง ที่แม่จรวยเอามาแปลงสาร"
"น้องสาวคุณศรี อาจมีสาลิกาลิ้นทองนะฮะ" คุณชายว่า
กล้องส่องนก เห็น ชายเล็กกำลังกินอาหารเช้ากับศรีจิตรา คุยกันกระหนุงกระหนิง
ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์ลดกล้อง สงสัยบางอย่าง...ทำไม ชายเล็กต้องกินอาหารเช้าที่ตำหนักใหญ่ ทำไม สาลินต้องมาเฝ้าเสด็จวันนี้ ฯล
ยอดและเจียมเอาถาดเครื่องดื่มและของว่างมาวางที่ศาลา ยอดเดินมาหลังคุณชายรอง
"วันนี้ดูนกอะไรครับ คุณชาย" ยอดถาม
ชายรองสะดุ้ง
"นกกระจอกข่าวไง นกพวกนี้ชอบสอดรู้สอดเห็น"
"งั้นไม่ยุ่งแล้วครับ"
ยอดรีบกลับไปศาลาต่อ ช่วยเจียมจัดของ คุณชายรองส่องดูต่อ
คุณชายบดินทราชทรงพลกินไปได้ครึ่งท้อง แล้วรู้สึกว่ากินเยอะไปต้องมีมารยาทเลยหยุด
"ผมเคยบอกจะหานิทานมาให้คุณศรีอ่าน"
"รบกวนคุณชายเปล่า ๆ"
"โธ่ ไม่รบกวนหรอกครับ เพราะคุณศรีต้องตอบแทนผม"
ชายเล็กหูตาพราว พูดจาลดเลี้ยวตามวิสัย ศรีจิตราชะงักเย็นชานิดๆ
"ตอบแทนยังไงคะ"
"คุณศรีต้องเล่าให้ผมฟังไงฮะ ผมชอบฟังนิทานแต่ไม่ชอบอ่านเอง"
"ดิฉันคงเล่าไม่เก่งเหมือนคุณนม"
"แต่คงน่าฟังกว่าหลายเท่าจริง ๆ นะฮะ"
"คงไม่หรอกค่ะ นี่ถ้าคุณนมมาได้ยินเข้าคงเสียใจแย่"
ศรีจิตราหน้าเรียบ ดวงตามีแววตำหนินิดๆ
" ว้า พูดแค่นี้ มองเหมือนเราเป็นโจรขโมยนาฬิกาวันนั้นเลย" ชายเล็กคิด
" แหม แค่ปรามแค่นี้ ก็หน้าเสียซะแล้ว" ศรีจิตราคิดเหมือนกัน
"เอ้อ งั้นผมขอตัวก่อนก็แล้วกัน"
ชายเล็กลุกขึ้น ศรีจิตราตกใจ มาลา วรรณาร้องว้ายเบาๆ มีอาการหอบดอกไม้ละล้าละลัง
ศรีจิตราลืมตัวกลัวแผนล้ม คว้ามือชายเล็กไว้ ศรีจิตราเริ่มลังเลหน้าแดงนิดๆ
"อย่าเพิ่งไปเลยค่ะ ช่วยรับประทานเป็นเพื่อนดิฉันก่อน"
มาลา วรรณาก็มองดู ชายเล็กนั่งลงใหม่ ศรีจิตราค่อย ๆ ปล่อยมือ หน้าแดงแล้วพยายามทำเฉยๆ
"ไม่ต้องขอร้องหรอกฮะ ความจริงผมเพิ่งกินไปครึ่งท้องเอง"
ศรีจิตรายิ้มนิดๆ
วรรณาบอก
"ว้าย มันผิดฝาผิดตัวยังไงไม่รู้ คุณสอางค์มัวแต่ทำอะไรอยู่นะ "
สองสาวเข้าตึกไป
ชายเล็กกินหมับ ๆ ต่อเนื่อง ปลื้มที่ศรีจิตราจับมือตนเมื่อกี้ ศรีจริตรากินช้าๆ มองดูท่าที
ศรีจิตราคิด " กินเหมือนยายสาไม่มีผิด อาจเป็นเนื้อคู่กันจริงก็ได้"
นึกไปเท่านั้นในใจก็เกิดรู้สึกประหลาด คล้ายละอายที่มาช่วยเป็นแม่สื่อแม่ชัก แต่อีกใจกลับเป็นความเสียดาย ทั้งคู่สบตากัน ทางด้านหลังลมพัดผ้าสะบัดหวิวไหว
ศรีจิตราดูงดงามกว่าปกติ คุณชายอึ้ง
" อุ๊ย คุณชาย มากินข้าวกับแม่ศรีอยู่นี่เอง"
ชายเล็กลุกขึ้นต้อนรับ เลื่อนเก้าอี้ให้สอางค์ ในใจเสียดาย ศรีจิตราระบายลมหายใจ
"กินอะไรด้วยกันซีครับ"
ชายเล็กเห็นตรงหน้าสอางค์มีจานวางอยู่พร้อมถ้วยชา
"แหม รับประทานไม่ลงหรอกค่ะ มันอิ่มอกอิ่มใจ"
"อิ่มอะไรกันครับ"
"อิ่มใจไงคะ คุณชายก็อยู่นี่ หลานสาวทั้งสองคนมากันพร้อมหน้า"
ชายเล็กกดขนมปังค้าง มองดูตรงที่ว่างอีก 1 ที่ จานเปล่าและถ้วยกาแฟแก้วน้ำวางอยู่ คุณชายตาเบิกกว้าง มีเสียงคิกคักจาก มาลา และวรรณาดังมา ชายเล็กมองด้วยหางตา เห็นมาลา วรรณาเดินนำสาลินมาจากตัวตำหนักระยะห่างเพียง 15 เมตร
"วุ้ย นั่นไงมาแล้ว"
สอางค์ยิ้มแก้มปริ ศรีจิตรายิ้มในใจยังหวิวไหว
"คราวนี้แหละ จะได้เจอตัวซะที"
"เจอไม่ได้ครับ"
สอางค์ร้องหา ชายเล็กลุกขึ้นทำขาหนีบแน่น สาลินเดินใกล้เข้ามา
"ถ้าเจอต้องเกิดเรื่องแน่ครับ"
"เรื่องอะไรคะ"
"เรื่องขายหน้าครับ ที่กินเข้าไปมันหลายขนาน แถมยังมีกาแฟไปกระทุ้ง นั่นไง มาแล้ว อุ๊บ"
ชายเล็กใช้มุขเก่า ทำท่าหนีบขา ตัวก้มคล้ายว่าถ้ายืนตรงจะมีของที่ถูกระทุ้งเดินทางออกมา
"ว้าย"
"ด่านหน้าจะแตกแล้วครับ"
"ก็รีบไปซีค่ะ!"
สอางค์ร้องเกือบตะคอก ไม่รู้ว่ากลัวต้องทำความสะอาดเทอเรซหรือเสียดายที่ผิดแผน
"ไปล่ะฮะ คุณศรี"
ชายเล็กวิ่งปรู๊ดไปยังสวน
ภาพจากวิวไฟน์เดอร์ เห็นคุณชายเล็กวิ่งตื๋อออกมา สาลินออกมาจากตึกพร้อมมาลา วรรณา สาลินมองตามเห็นแต่หลังไว ๆ
คุณชายรองลดกล้องเป็นงง เห็นยอด เจียม ยังจัดอาหารอยู่
"มันเรื่องอะไรกัน"
ศรีจิตรามองตามมีอาการสงสัย สอางค์หน้าบึ้ง
มาลา วรรณาอ้าปากค้าง ผิดหวังกว่าสอางค์ 1 เท่า ทั้ง 3 ขึ้นบนศาลา
"อ้าว ไปไหนแล้วคะ" มาลาถาม
สอางค์เกือบตวาด
"แม่ศรี เธอเอาอะไรให้คุณชายกิน ทำไมถึงกินปุ๊บออกปั๊บ"
"ก็กินเหมือนกับที่หนูกินนี่คะ"
"พี่ศรี กินอะไรอยู่คะ น่ากินจัง" สาลินถาม
"ไม่ต้องมาเลียบเคียงถามหรอก นั่งเลย พี่เตรียมจานให้แล้ว"
สาลินนั่งลง มองดูจานชายเล็ก
"แล้วเมื่อกี้ใครวิ่งปรู๊ดไปคะ"
สอางค์บอก "ก็คุณชายเล็กน่ะซี เกิดมีธุระหนัก เอ๊ย ธุระด่วน เลยไม่ได้เจอกัน"
สาลินเริ่มแน่ใจว่าอาจมีรายการนัดบอด ศรีจิตราทำเป็นตักอาหารให้
"ดีแล้วค่ะ"
"ดียังไงจ๊ะ" สอางค์ถาม
"ดีตรงหนูได้กินได้ เต็มคราบไงคะ"
สาลินเริ่มกินหมับ ๆ สอางค์ค้อนแล้วทำหน้ายุ่งเมื่อเห็นสาลินกิน ศรีจิตราอมยิ้ม เอ็นดูน้อง มาลา วรรณาคิกคัก
"กินก็เหมือนกันเลยนะคะ" มาลาบอก
"หรือว่าเป็นคู่สร้างคู่สม" วรรณาว่า
"คู่กินนะซียะ ยายสากินช้า ๆ ลูก ว้ายตายแล้ว"
สาลินบรรจุไข่ดาวทั้งลูกเข้าปาก เป็นการประชด มองศรีจิตราอย่างเอาเรื่อง ศรีจิตราเมิน
ภาพสาลินกลายเป็นภาพในกล้องสองตา
ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์ยืนส่องกล้องอยู่ต่อเนื่อง
"กินเข้าไปได้ยังไงน่ะ"
ชายเล็กเดินมายืนข้าง ๆ ยอดและเจียมยังอยู่ที่ศาลา มองตาม
"พี่รอง !"
ชายรองสะดุ้งสุดตัว ลดกล้องลงหันขวับมา
"พี่รอง ส่องนกหรือส่องสาว ไหน ให้ผมดูบ้าง"
ชายรองมีพิรุธแล้วทำปรกติด้วยเทคนิคของนักการฑูต ชายเล็กดึงกล้องไปจากมือส่องไปยังเทอเรซ
เห็นกลุ่มสาลิน ศรีจิตรายังกินข้าวเช้ากัน ศรีจิตรากินช้าๆ สาลินพูดไปกินไป สอางค์คอยตีไม่ให้พูด
"แน่ะ ดูสาวจริง ๆ ด้วย"
ยอดและเจียมอมยิ้มให้กัน
"นายวิ่งออกมาทำไม ทำไมไม่อยู่ทำความรู้จักกับแม่สาลิน"
ชายเล็กลดกล้องหันมา ทำหน้ายุ่งยากใจ
"ไม่เอาครับ ผมไม่อยากถูกจับคู่ เสด็จทรงวางแผนให้ผมนัดบอดคุณสาน่ะครับ"
"นายคงกลัวจะเสียคุณธรรมน้ำมิตรกับเพื่อนนายมากกว่าล่ะมั้ง"
"หา เพื่อนผม"
"ก็เพื่อนนายที่จีบแม่สาลินไง"
"อ๋อ เจ้าพลรูปหล่อน่ะหรือครับ"
ชายรองชะงักรู้สึกหมั่นไส้นายพลขึ้นมาตงิดๆ
"นายพลนี่มันหล่อมากหรือ"
"พอ ๆ กับผม นั่นแหละครับ"
"งั้นก็ไม่เท่าไร นายไม่น่าขัดพระทัยเสด็จ ไปเจอตัวไหมล่ะ ฉันจะไปเป็นเพื่อนให้"
ชายรองพูดเรื่อยๆ แต่ในใจมีฮิดเด้น อเจนด้า ชายเล็กเอานิ้วใส่ปากกัด
"ไม่ล่ะฮะ ผมเขิน"
"อย่างนายนี่นะ เขิน ฉันเห็นนายผ่านมาเจ็ดชาติสิบสองภาษา จะมาเขินอะไรตอนนี้"
"พี่รองว่าผมหน้าด้านเหรอ"
"อย่าให้ฉันตอบเลย"
ชายเล็กยกกล้องส่องใหม่ เห็นศรีจิตราป้อนขนมส่งถึงปากสาลิน ศรีจิตราที่พูดคุยสดใสกว่าปรกติหลายเท่า ม.ร.ว. บดินทราชทรงพลอมยิ้ม ลดกล้องลงส่งให้พี่ชาย
"ผมไปล่ะฮะ ถ้าใครถาม บอกผมท้องเดินไม่หยุด แอดมิทไปแล้ว"
ชายเล็กเดินไป ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์รอนิดหนึ่งก็ยกกล้องส่องดูใหม่
ยอดกับเจียมซุบซิบ
"คุณชายรองแอบดูคุณศรีอยู่แน่ ๆ เลย ยังกะอิเหนาแอบดูบุษบา" ยอดบอก
"แล้วคุณหญิงจินตหรา ตกกระป๋องไปแล้วซีนะ พี่ยอด" เจียมว่า
"เดี๋ยวลองไปถามดูอีกที"
ชายรองส่องกล้องดูเห็นสาลิน กำลังแสดงปาฏิหาริย์ใส่ขนมกระทงใหญ่เข้าปากในคำเดียว
คุณชายหลับตาปี๋ ยอดเข้ามาข้างหลังอีกหน มองตามไปที่ตำหนักใหญ่ เห็นทั้งศรีจิตราและสาลิน
"คุณรองครับ ตกลงดูนกอะไรกันแน่ครับ"
ชายรองหันมามองยอดอย่างรำคาญ
"ดูนกกินปลาน่ะ ปากมันกว้างเท่ากระโถน กลับไปได้แล้ว"
ยอดกลับมาหาเจียม
"ตกลง แอบดูทั้งคุณศรีจิตรา ทั้งคุณสาลิน"
"เอ๊ะ แอบดูทั้งพี่ทั้งน้องแบบนี้ ก็ไม่ใช่อิเหนาแล้วซี ต้องเป็นพระลอมากกว่า"
"เออ จริง พระเพื่อนพระแพงน่ะเหรอ"
ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์เดินมาช้า ๆ บนเทอเรซข้าง สาลินนั่งหันหลังอยู่คนเดียว ดูซุ้มดอกไม้ กระถางดอกไม้ อาหารเช้าถูกเก็บไปหมด เหลือแต่จานของว่างและชุดน้ำชา ละอองน้ำพุกระทบแดดเป็นรุ้งโค้ง ทำให้สาลินดูงดงามเหมือนภาพวาด
คุณชายรองก้าวขึ้นบนเทอเรซช้า ๆ ตามองดู จากด้านหลังสาลินที่นั่งอยู่เหมือนเหม่อใจลอย ไม่รู้ตัว
เขาก้าวไปใกล้แล้วกระแอม สาลินยังคงไม่หันมา เขากระแอมดังขึ้น สาลินยังไม่หันมาอีก กิตติสงสัยเดินอ้อมมาดู ชะงักคล้ายตะลึงในความงาม แต่เปล่า สิ่งที่เห็นคือ สาลินนั่งหลับ ในมือยังถือกล้วยที่ปอกเปลือกห้อยอยู่ สารรูปดูคล้ายนางชะนีที่นั่งพักเอาแรงบนยอดไม้
ชายรองทำหน้าพิกล นั่งลงตรงข้ามมองดูภาพตรงหน้า โคลงหัวอย่างอ่อนใจ
ลมแรงพัดมา ดอกไม้ปลิวพร่างพรูมาถึงเทอเรซ ผ้าปักบางก็ไหวสะบัดบรรยากาศรัญจวนใจ
ทันใดลมก็เป่าผมสาลินเข้าปากเข้าจมูก สาลินจามพรวด กิตติแทบผงะ
สาลินลืมตาขึ้นแล้วเบิกตากว้างเหมือนเห็นผี
"คุณ !"
ชายรองสงบนิ่ง "ไง"
"คุณมาทำอะไรตรงนี้ คุณมาตั้งแต่เมื่อไร แล้วมารบกวนความสงบของฉันทำไม"
"ฉันจะมาเฝ้าเด็จป้า แล้วก็ไม่รู้ว่าความสงบของเธอ คือเธอนั่งหลับอยู่"
สาลินตะแบงด้วยเหตุผลเดิม
"ใครบอกว่าฉันนั่งหลับ ฉัน ฉันแค่หลับตาเฉย ๆ"
ชายรองมองอย่างรู้ทัน สาลินเม้มปาก
"แล้วมันก็มีเคลิ้มไปบ้าง... ก็ลมมันเย็น"
สาลินแก้ตัว คล้ายโฆษณายารักษาริดสีดวงตราปลามังกร
"ไม่ใช่หรอก แต่เพราะเธอกินไปไม่รู้กี่ขนาน แล้วพอหนังท้องตึง หนังตาก็หย่อนต่างหาก นั่นไง กล้วยในมือเธอยังคาอยู่เลย"
สะใภ้จ้าว ตอนที่ 10 (ต่อ)
สาลินอับอายขายหน้า แต่ทำไม่รู้ไม่ชี้ กล้วยอยู่ในมือเลยคว้ามากินต่อ ชายรองมองตาปริบๆ
"นี่คนอื่นไปไหนหมด"
"พี่ศรี พี่มาลา พี่วรรณาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไงคะ"
"จะไปช็อปปิ้งที่ไหนล่ะ"
"ไปดูผ้าที่พาหุรัดกัน แล้วก็จะไปกินข้าวแถว ๆ ละแวกนั้นด้วย"
"เธอยังจะกินลงอีกหรือ"
"ที่ฉันกินเยอะไม่ใช่อะไรหรอก เพราะคุณป้าใหญ่บังคับให้ฉันกินรอ ให้น้องชายชื่อยาวกว่าของคุณกลับมากินข้าวด้วยได้ เห็นวิ่งปรู๊ดหายไปไหนก็ไม่รู้"
"อ้อ"
"ฉันแค่จะมารับพี่สาวไปซื้อของ ไม่ยักรู้ว่าทุกคนจะจัดไบลด์ เดท ให้ฉัน นี่คุณมาก็ดีแล้ว"
"ทำไม"
สาลินหยิบกระเป๋าถือมา มีอาการเชิดนิดหน่อย แล้วเปิดกระเป๋าหยิบผ้าเช็ดหน้าที่ซักรีดลงแป้งเรียบร้อยส่งให้
"ฉันเอาผ้านี่มาคืนคุณ"
"ผ้าเช็ดหน้าฉัน ไปอยู่กับเธอได้ยังไง อ๋อ ไข่นกกระทา"
กิตตินึกออก สาลินเชิดใส่ กิตติรับผ้าไป
"หวังว่าเจอกันคราวหน้า คงไม่มีชิ้นส่วนอะไรของฉันไปตกค้างอยู่กับเธออีกนะ"
สาลินทำหน้าบึ้งแล้วปอกกล้วยใบที่สอง กินอย่างนวยนาด กิตติอึ้ง
ชายรองคิด " ใครได้ไปเป็นลูกเป็นเมีย สงสัยต้องทำสวนกล้วยไว้รอ"
ณ ระเบียงชั้นบนตำหนักใหญ่อันสามารถมองลงมาเบื้องล่างเห็นเทอเรซข้าง เสด็จทรงยืนอยู่ทอดพระเนตรลงมาข้างล่างอย่างพิศวง เห็นชายรองถือผ้าเช็ดหน้าคุยกับสาลินอยู่ มีความสนิทสนมอ่อนโยนบางอย่าง สาลินเองก็คุยตอบ ยิ้มแย้มบ้าง จิกกัดตอบบ้าง
เสด็จพระองค์หญิงเอนองค์พิงกำแพง ทรงแหงนมองเบื้องบน ท้องฟ้าเบื้องบนมีเมฆมหึมาเคลื่อนผ่าน แปรรูปไปช้าๆ เหมือนมีพลังอำนาจเหนือทุกชีวิตที่อยู่ภายใต้
เวลาต่อมา ร้านแขก ขายผ้าพาหุรัด
แขกชายให้ดูผ้า ทำมือทำไม้ ยักคอไปมา ศรีจิตรา มาลา วรรณาสนใจเนื้อผ้า
สาลินยืนอยู่เบื้องหลัง ทำท่าเลียนแบบยักคอไปมา ศรีจิตราเบือนหน้าหนีแอบหัวเราะ มาลา วรรณาเบือนหน้าไปอีกทาง แขกหันมา สาลินทำหน้าเฉย
ถนนช้อปปิ้ง สี่สาวหอบถุงของพะรุงพะรัง เดินดูของตามร้านค้า พูดคุยสนุกสนาน ศรีจิตราดูสดชื่นกว่าที่เคย
ร้านไอกรีมเจ้าเก่าแก่ โต๊ะเก้าอี้เป็นไม้กลึง ดูบอบบางงดงาม สาลิน ศรีจิตรานั่งอยู่ที่โต๊ะ
มาลา วรรณามองดูรอบตัวอย่างตื่นตาตื่นใจ ที่เก้าอี้ 2 ตัวมีถุงกระดาษราว 7-8 ใบ แถมด้วยกล่องรองเท้า 3-4 กล่อง
แขกอื่นๆในร้านดูเป็นคนชั้นกลาง หลายสาขาอาชีพ มีทุกเพศทุกวัย นั่งกันแน่นร้าน บริกรมารอรับคำสั่งโดยไม่ต้องจด
"เอาไอศกรีมน้อยหน่าค่ะ" ศรีจิตราบอก
มาลาบอก "พี่สองคนเอาเหมือนคุณศรีค่ะ"
"สาเอาไอติมไข่แข็ง"
มาลา วรรณาร้องกรี๊ดเบาๆ บริกรสะดุ้งเฮือก สาลินโบกมือให้ไป
"ว้าย คุณสา กินอะไรคะ"
"อร่อยนะคะ ไข่แดงก็ฮ้อมหอม ทำยังไงไม่รู้ ไม่มีคาวเลย เดี๋ยวสาจะให้ชิม"
มาลาบอก "ว้าย ไม่เอาคะ"
"มันบัดสีปาก" วรรณาบอก
"แหม ชื่อมันพิลึกนะสา"
"อ๋อ สารู้แล้ว" สาลินหัวเราะคิก "วันหลังสาซื้อไปฝากคุณป้าสร้อยดีกว่า ฮิฮิฮิ"
มาลา วรรณา ทำท่าทุกข์ทน กระซิบบอกสาลิน สาลินทวนคำ
"อ๋อ ส้วมหรือคะ"
สองนางข้าหลวงสะดุ้งเฮือก อุปาทานคิดว่าคนทั้งร้านมองดู
"อยู่ข้างหลังค่ะ"
"สาพูดเบาๆซี"
มาลา วรรณาเดินก้มหน้างุดไปหลังร้าน ไอศกรีมมาเสิร์ฟ ศรีจิตรากินอย่างมีความสุข
"อร่อยจังอาทิตย์หน้าสามาอีกนะ"
"ขา ที่ขนซื้อมานี่ยังไม่พอหรือคะ"
"ใครว่าล่ะ พี่จะให้สามากินข้าวด้วยต่างหาก"
สาลินรู้ทัน
"แค่กินข้าว หรือจะวางแผนให้สาเจอใครอีกคะ"
ศรีจิตราชะงักแล้วยิ้มถอนใจน้อยๆ
"พี่กะแล้วว่า สาต้องเดาได้"
"ฮึ อีตาคุณาเล็กอะไรนี่ ทำไมต้องเจอด้วย พี่ศรีเลยมาทำตัวเป็นแม่สื่อแม่ชักกับคุณป้าใหญ่"
"พี่ก็ไม่อยากทำหรอก แต่เสด็จทรงเห็นพ้องด้วย"
"ทำไมทุกคนต้องมาคอยจับคู่ให้คนอื่นด้วยนะ"
"ไม่ใช่จับคู่แค่อยากให้รู้จักกันไว้ คุณชายเล็กเป็นคนดีนะสา ฉลาด รื่นเริง ช่างพูด ช่างคุย ตลก เวลาเห็นพี่อยู่คนเดียวก็มาคอยดูแล"
"งั้นก็ดีกว่าว่าที่พี่เขยสาซีนะ"
ศรีจิตราทำตาดุ
"ก็ได้ค่ะ สาจะยอมรู้จัก ถ้าพี่ศรีจะยอมไปรู้จักเพื่อนสา"
"เพื่อนที่ไหนกัน"
"เพื่อนสา ชื่อพลค่ะ"
ศรีจิตราขมวดคิ้ว
"ผู้ชายหรือสา"
"สมัยนี้แล้ว ผู้ชายกับผู้หญิงเป็นเพื่อนกันได้มีถมไป คุณพลเป็นคนดีนะพี่ศรี ฉลาด
รื่นเริง ช่างพูด ช่างคุย ตลก เวลาเห็นสาอยู่คนเดียวก็มาคอยดูแล ดีไปหมด เอ๊ะ
ทำไมคุณสมบัติดี เหมือนคุณชายเล็กของพี่ศรีเลย"
ศรีจิตราหน้าแดง
"ใครบอกของพี่ สานี่ พูดจาเซี้ยวจริง"
ศรีจิตราแหนบแขนสาลินอีก สาลินโอดโอย มาลา วรรณเซซังกลับมา 2 พี่น้องสงสัย
"กลับวังด่วนค่ะ" มาลาบอก
"ไม่งั้นขายหน้าแน่ค่ะ" วรรณาว่า
"ว้า สาอยากดูหนังสืออีกนิด"
"อ้าว พี่สองคนไม่ได้เข้าห้องน้ำหรือคะ" ศรีจิตราถาม
"เข้าแล้วค่ะ ฮือ ไปร้านโน้นเจอกลิ่นแขก" มาลาบอก
"มาร้านนี้ก็เจอแขกอีก" วรรณาว่า
"แขกอะไรคะ" สาลินถาม
"แขกตี้ค่ะ" วรรณาบอก
มาลาบอก "ใครก็ไม่รู้ ทิ้งบอมบ์ไม่ตรงเป้าค่ะ ฮือ"
ศรีจิตรา สาลิน ถือช้อนไอศกรีมค้าง
คืนนั้น ในห้องนอน ศรีจิตรามองดูผ้าที่วางเรียงรายบนเตียง สีหน้าไม่สบาย
เพราะมันคือผ้าที่จะใช้ในงานหมั้นและอาจมีไปถึงงานแต่งงาน เธอคลี่ผ้าลูกไม้ผืนหนึ่งออก ทาบตัวหน้ากระจกเต็มตัวแล้วถอนใจ เอาผ้าพาดพนักเก้าอี้ไว้ เดินไปที่หน้าต่างมองออกไปอย่างสับสนเศร้าสร้อย
" ฮึบ"
ศรีจิตราชะงักมองไป ที่มุมหนึ่งของเทอเรซข้างตำหนักเล็ก มีชุดออกกำลังวางไว้ มีไม้นอน ดัมเบลล์ คุณชายเล็กนุ่งกางเกงวอร์มตัวเดียว นอนหงายยกน้ำหนัก มีนายยอดที่ใส่เสื้อกางเกงวอร์มครบ เป็นคู่พาร์ทเนอร์คอยช่วย
ศรีจิตราเลิกเศร้า หน้าแดงซ่านรีบเมินหน้าหนี
" ฮึบ"
ศรีจิตราอดไม่ได้แอบมองอีก ชายเล็กยกน้ำหนัก กล้ามขึ้นเป็นลูก หน้าแดงเกร็ง เหงื่อท่วมตัว
เธอค่อยหายหน้าแดง มองอย่างชื่นชม ออกกลังกายจนครบเซ็ท นายยอดช่วยยกเวทวางบนที่วาง ชายเล็กลุกมาซับเหงื่อหอบแฮ่กๆ
ศรีจิตรารูดม่านปิดเดินไปนั่งที่กระจก เอาผ้าลูกไม้มาทาบตัวใหม่ นั่งลงดวงตามีแววฝัน
นึกถึงสาลินที่เอาแต่โปรโมท พล
"ดีไปหมด เอ๊ะ ทำไมคุณสมบัติดี เหมือนคุณชายเล็กของพี่ศรีเลย"
ศรีจิตราบอก
"ฮึ นายพลของสา จะมาดีเท่าคุณชายเล็กได้ยังไง"
ศรีจิตราแอบมองต่อ
คืนต่อ ๆ มา ณ สถานฑูตต่างประเทศแห่งหนึ่ง ตอนกลางคืน มีการประดับไฟ แสดงว่ามีงานราตรีสโมสร ภายในห้องโถงใหญ่ของสถานทูตตกแต่งหรูเรียบ มีบรรดาแขก พวกทูต ภริยา บรรดาไฮโซไซตี้
และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่จากกระทรวงต่างประเทศ และกระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น
บรรดาแขกในงานแต่งแบลกไทและราตรียาวหรูหรา ขนเพชร มาประกวดแข่งกัน บ้างถือแก้วเหล้ากรีดกรายไปมา
ทางหนึ่งอัศนีย์แต่งสูทหรู ยืนอยู่กับคอลัมน์นิสต์วิรงรองที่สวมชุดราตรีแหวกเห็นใจน้อง จิตตินในชุดสูทไม่เป็นทางการนัก ถือกล้องติดแฟลช ดวงไฟใหญ่ยักษ์เป็นผู้ติดตาม
"แปลกจริง งานขนาดนี้ หญิงก้อยไม่ยักมา" อัศนีย์บอก
วิรงรองบอก "พอรู้ว่าคุณมา พริ้นเซสก็เลยขอบาย"
"มาโกรธอะไรฉัน ฉันควรจะโกรธเธอมากกว่า เธอใช้ฉันเป็นเครื่องมือโดยที่ฉันไม่รู้ตัวนะ จูบนั่นน่ะฉันไม่รู้เรื่องด้วย"
จิตตินบอก "หญิงก้อยเป็นคนก่อเรื่องทั้งหมด แล้วจะมาโกรธนายทำไมวะ"
"คนกำลังหึงหน้ามืดตามัว เลยพาลไปหมด"
"หญิงก้อยหึงใคร หึงคุณ หรือคุณชายรอง" วิรงรองถาม
อัศนีย์เลิกคิ้ว ยิ้มนิด ๆ นึกถึงตอนที่พาม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสงไปร้านผ้าไหมของคุณชายรอง ภาพกิตติกับสาลินนัวเนียกัน
"อย่ารู้เลย"
"อ้อ นี่เธอ รู้อะไรดีๆแล้วอุบไว้ใช่ไหม"
"ใช่ ไม่งั้นเธอก็เอาไปเขียนข่าวหมด"
จิตตินมองไปทางหนึ่งแล้วสะดุ้ง
"ให้ตายชัก โน่น.... ข่าวใหญ่ของเธอกำลังมาแล้ว"
อัศนีย์ วิรงรองมองตามแล้วตาโต
ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์และศุภร กำลังเดินทักทายแขกในงาน
"หลบก่อนไหม อาร์นี่"
"ทำไมฉันต้องหลบ"
"งั้นก็อย่าเข้าไปยุ่งกับคุณชายเลยนะ ฉันขอ"
วิรงรองแยกตัวไปหาคุณชายรอง จิตตินตามไปถ่ายรูป อัศนีย์มองตาม
อีกมุมของงานวิรงรองเข้ามาหาคุณชายรองและศุภร จิตตินตามมา ศุภรเห็นจิตตินก็ตั้งท่าทันที
"เฮ้ย ไอ้หม่อม ไอ้กุ๊ยตากล้อง อย่าเข้ามานะโว้ย ได้ชกกันกลางงานแน่"
"วันนี้ผมมาถ่ายรูปครับ ไม่คิดจะมาชกกับใคร แล้วคิดจะชกกลางงานทรงเกียรติแบบนี้ ใครกันแน่ครับที่เป็นไอ้กุ๊ย"
"ไอ้จิต เอ๊ย จิตตินคะ พอเถอะค่ะ ถ่ายรูปไป สวัสดีค่ะ คุณชาย คุณศุภร"
"สวัสดีครับ คุณติ่ง"
"ดิฉันขอโทษด้วยนะคะ ที่เกิดเรื่องน่าอับอายขึ้นในงานวันนั้น ว็อท อะ เชม"
"คนที่น่าอับอายน่าจะเป็นคนอื่นมากกว่านะครับ"
ชายรองไม่ระบุว่าคนอื่นหมายถึง ตน หรือม.ร.ว.เทพีเพ็ญแสง อัศนีย์เข้ามาสมทบ
"ผมก็คิดว่าอย่างนั้นเหมือนกัน"
ทั้งคู่หันมามองอัศนีย์ที่อ้อมมาด้านหลัง
อัศนีย์ก้าวมาประจันหน้า สองชายมองตากัน วิรงรองอกสั่นขวัญหนี จิตตินยิ้มชอบใจ
ชายรองมีแววเย็นชา อัศนีย์ยิ้มมุมปาก ดูยียวนกวนเท้า ชายรองก้าวไปอีกก้าว อัศนีย์ก็ก้าวเข้าไปอีกก้าว
"สวัสดีครับ คุณชาย"
"สวัสดีคุณอัศนีย์"
กิตติหันมาหาวิรงรอง
"คุณติ่ง ช่วยแนะนำเราหน่อยซิครับ"
วิรงรองเลิ่กลั่ก ถอนมือออก จิตตินเพิ่งรู้ตัวว่าเสื้อเปิด
"ง่า จะดีหรือคะ"
"ดีซีครับ อย่างน้อยเราจะได้รู้จักกันอย่างเป็นทางการซะที ไม่ใช่เจอหน้ากันแล้ว แลกหมัดกันอย่างเดียว" อัศนีย์บอก
วิรงรองยังมึนแต่ก็ก้าวมา แนะนำกิตติกับอัศนีย์ กรายมือไปด้วย
"คุณชายคะ นี่คุณอัศนีย์ เถลิงการ อาร์นี่คะ นี่คุณชายกิตติ หม่อมราชวงศ์กิตติราชนรินทร์ วุฒิวงศ์"
"ยังไงก็ต้องขอโทษด้วยที่วันนั้นชกคุณอย่างไม่ให้คุณตั้งตัว"
อัศนีย์ยิ้ม
"ไม่เป็นไรครับ เพราะผมก็ชกตอบไม่ให้คุณชายตั้งตัวเหมือนกันW
"เฮียมีอะไรจะขอโทษผมบ้างไหม" จิตตินว่า
ศุภรบอก
"ไม่มีว่ะ"
จิตตินหัวเราะหึ ๆ
"อ้อ ก็ต้องขอโทษคุณชายด้วย ที่ประทับจูบหญิงก้อยต่อหน้าคุณชายแบบนั้น โดยที่ผมเองก็ไม่ทันรู้ตัว"
ชายรองมองอัศนีย์อย่างประเมินว่า พูดจริงหรือเท็จ ศุภรไม่อยากเชื่อ ชายรองคิดว่าอัศนีย์พูดจริง ที่อคติอยู่ก็หายไปกว่าครึ่ง
"ขอบคุณที่บอก"
ชายรองกับอัศนีย์ยื่นจับมือเขย่า ดวงตาสบกัน มีแววสงบศึกในสายตาของทั้งคู่
"ยินดีที่ได้รู้จัก คุณอัศนีย์"
"ยินดีเช่นเดียวกันครับ คุณชาย"
แสงแฟลชสว่างแวบ ทั้งคู่หันไปมองแสงแฟลช สว่างอีกแวบ จิตตินถ่ายรูปขมักเขม้น
ภาพสองหนุ่มจับมือกัน กลายเป็นภาพนิ่งในหน้าสังคมของหนังสือพิมพ์
วันรุ่งขึ้น ณ วังรัชนีกุล กลางวัน คุณหญิงศศิรัชนีอ้าปากค้างเงยหน้าจากหนังสือพิมพ์
หม่อมวาณีอยู่ตรงข้ามบนโต๊ะอาหารที่จัดอาหารเช้าไว้เต็มที่ วาณีบิบันเอาเนยทาแล้วใส่ปาก
"อะไรหรือลูก"
"หม่อมแม่ดูนี่ซีคะ"
คุณหญิงศศิรัชนีส่งหนังสือพิมพ์ให้ หม่อมวาณีเหยียดแขนดูหนังสือพิมพ์สุดหล้าเพราะกลัวแก่เลยไม่ยอมใส่แว่น แล้วยิ้มละไม
"นึกว่าอะไร แหมชายรองใส่สูทราตรีอย่างนี้โก้เหลือเกิน รูปก็งาม ยศถาพร้อมพรักอัครฐาน เฮ้อ หญิงนะหญิง"
"หม่อมแม่คะ หญิงให้ดูคนข้างๆต่างหาก"
"ต๊าย คนข้าง ๆ นี่ก็ดูดี ทอลล์ ดาร์ก แอนด์ แฮนซั่ม แหมยังกะดาราลูกเต้าเหล่าใคร รู้ไหมลูก"
หญิงกลางเซ็งสุด
"รู้ค่ะ"
"ใครจ๊ะ"
"ลูกนายอรรถ เถลิงการ"
"ชื่อคุ้น ๆ อรรถ เถลิงการ เหมือนเคยเจอกันหนหนึ่ง"
หญิงกลางเซ็งเพิ่มเป็น 3 เท่า
"ค่ะ สงสัยว่าจะเจอในงานแต่งหญิงก้อยที่นิวยอร์ก"
หม่อมวาณีนึกทบทวน
"นิวยอร์ก งานแต่งหญิงก้อย เถลิงการ อัศนีย์ เถลิงการ ว้าย"
ม.ร..ว. เทพีเพ็ญแสงสวมชุดอยู่บ้านย่างกรุยกรายสลิปเปอร์ปักพลอยก้าวมาชะงัก รื่นกับโรยตกใจ
"อะไรกันคะ หม่อมแม่ร้องซะหญิงตกใจ"
"อุ๊ย แม่ขอโทษค่ะ ลูก"
"ไม่เป็นไรค่ะ" หญิงก้อยมานั่งลง "มีอะไรหรือคะ"
หม่อมวาณีลังเล สบตาหญิงกลางแล้วสั่นหัวบุ๊ยใบ้ไม่ให้บอก พับหนังสือพิมพ์ส่งให้
"อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ"
คุณหญิงศศิรัชนีรับหนังสือพิมพ์มา หม่อม วาณีถอนใจโล่งอก
หญิงกลางพลันพับหนังสือ เอาหน้าข่าวสังคมมาไว้หน้า พับครึ่งให้ไม่ต้องมองหา ส่งให้น้องสาว
"ว้าย ลูกหญิง"
หม่อมวาณีทำท่าเหมือนอยากกระชากไป หญิงก้อยก้มดูภาพตรงหน้า ตกใจลุกขึ้นช้าๆ ปล่อยให้หนังสือพิมพ์กระจายตกจากตักไปเกลื่อนพื้น
รื่นโรยคว้าไว้ดูแล้วยกมือปิดปาก
หม่อมวาณีลุกขึ้นคว้าแขนลูกสาวคนโปรดปลอบโยน หญิงกลางทำไม่รู้ไม่ชี้ แอบยิ้มสะใจ
ในห้องอาหารหรู ของโรงแรม วิรงรองนั่งอยู่ที่โต๊ะ พยายามอธิบายให้คุณหญิงเทพีเพ็ญแสงฟัง อัศนีย์นั่งเอนตัวสบายอารมณ์
หญิงก้อยสวมชุดม่วงขลิบดำปกเสื้อสูง ผมเกล้ามวยสูง
"ฉันแค่ลงภาพข่าวเท่านั้นน่ะหญิง คำบรรยายอะไรก็ไม่มี"
"ผมแค่ถ่ายรูปตามคำสั่งนะครับ จะมาว่าผมไม่ได้"
อัศนีย์บอก "แต่ภาพ ภาพเดียว มันตีความเป็นคำพูดเห็นร้อยเป็นพันนะครับ"
คุณหญิงก้อยเชิด ปรายตาดูอัศนีย์ พูดเยาะ
"และคำคำหนึ่งที่รูปนั้นพูดออกมาก็คือ ที่นั่น ไม่ใช่ที่ของคุณ เพราะที่นั่นเป็นที่ของผู้
มีเกียรติ ไม่ใช่แค่ผู้มีเงินอย่างคุณ"
"แต่สมัยนี้ เกียรติไม่ได้วัดกันที่สายเลือด แต่วัดกันที่สายป่านของธุรกิจต่างหากการที่สถานทูตเขาเชิญผมไปร่วมงาน ก็เลยเป็นเรื่องธรรมดาสามัญที่สุด"
"แต่มันไม่ธรรมดาสามัญก็ตรงที่ คุณกับเขาไปจับมือกันสนิทแนบแน่นขนาดนั้น"
อัศนีย์ยิ้ม พูดยั่วบ้าง
"ท่าทางคุณหวังให้ผมกับคุณชายฟาดปากกันทุกครั้งที่เจอหรือไง"
"ใช่ นั่นยังเมกเซนส์กว่า"
"ไม่หรอก แต่มันแปลว่า เขาหึงหวงคุณหญิงน้อยกว่าที่คุณหญิงวาดหวังไว้ต่างหาก"
คราวนี้ได้ผล หญิงก้อยโกรธตาวาวลุกขึ้น อัศนีย์ลุกอย่างเกียจคร้านตาม ยั่วต่อ
"โธ่เอ๋ย อุตส่าห์จูบผมต่อหน้าคุณชายสุดที่รัก แต่เขากลับไม่สะดุ้งสะเทือน"
"นี่อย่ามาทำเป็นรู้ดีนักเลย"
"โธ่ มีอะไรบ้างเกี่ยวกับคุณหญิงที่ผมไม่รู้ อย่าลืมว่าผมรู้จักคุณหญิงดีกว่าใครในโลกนี้
ทุกคน"
"อัศนีย์ !"
"รู้ดี ทุกสัดส่วน ทุกตารางนิ้วบนเรือนกายคุณหญิงเชียวหละ"
ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสงตบฉาด อัศนีย์หน้าสะบัด
จิตติน/ วิรงรอง ร้อง "เฮ้ย ! / ว้าย"
"หุบปากหยาบคายของคุณเดี๋ยวนี้นะ"
อัศนีย์ยิ้ม
"เฮ้อ อุตส่าห์ลงทุนถึงขนาดนี้ เขายังไม่วิ่งมาหา แปลว่าอะไรรู้ไหม"
หญิงก้อยหน้าเชิด
"แปลว่าคุณผู้หญิงแพ้เด็กผู้หญิงคนนั้นเสียแล้ว"
วิรงรองและ จิตตินหูผึ่ง หันมามองหน้ากันอย่างอยากรู้
"เมื่อไม่กี่วันมานี่ เขาก็ยังมารับมาส่งกันอีก ทั้ง ๆ ที่เพิ่งมีเรื่องกับคุณหญิงไปหยก ๆ
เห็นว่าไปสวีทกันในสวนสาธารณะเลยนะ"
หญิงก้อยโกรธตัวสั่น เกือบจะร้องกรี๊ด วิรงรอง จิตติน ฟังอย่างรวบรวมเรื่อง อัศนีย์ยิ้มกริ่ม
หญิงก้อยเหลือบดู วิรงรองและ จิตตินฟังอย่างใจจดใจจ่อ รีบระงับท่าที เชิดหน้าน้อยๆ
"ผู้หวังดีคนเดิมรายงานมาอีกแล้วซี"
"เยส แมม"
"ขอบใจ ขอบใจที่อุตส่าห์สนใจเรื่องของฉันขนาดนั้น ขอบใจในความสาระแนของเธอต้วยยายติ่ง นายจิตติน และฝากขอบใจนังผู้หวังดีจอมแส่นั่นด้วย"
จิตริณีกรีดนิ้วหยิบกระดาษจะพิมพ์งาน
"อุ๊ย"
ไนเจลเงยหน้าจากโต๊ะทำงานตัวเอง
"อะไรครับ"
"กระดาษบาดนิ้วน่ะค่ะ"
ไนเจลลุกถลามา คว้ามือจิตริณีไปดู จิตริณีทำตาปริบ ๆ
"ไม่ต้องห่วงนะ ไปเข้าส้วมกับผมเดี๋ยวนี้เลย"
"อุ๊ย....เข้าไปทำไมคะ"
"ล้างแผลไงครับ ที่อ่างล้างมือในส้วมไง"
"อ๋อ ค่ะ"
วิรงรองวิ่งตามคุณหญิงก้อยออกมาจากห้องอาหาร ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสงตวัดสายตามองอย่างเอาเรื่อง
"งั้นเหรอ แต่เรื่องมันบานปลายเพราะข่าวของเธอทุกครั้ง"
เทพีเพ็ญแสงสะบัดไป อัศนีย์ จิตตินตามมา
"มันดีว่ะ แต่แกปั่นหัวหญิงไปทำไมวะ"
"สนุก ๆ จัสท์ ฟอร์ ฟัน ทายซิ ว่าคุณหญิงจะไปไหนต่อ"
วิรงรอง จิตตินมองหน้ากัน นึกไม่ออก
สาลินอยู่ที่เคาน์เตอร์ นักศึกษาแว่นมาช่วยทำอะไรกระจุกกระจิกเช่นเคย ลลิตา บราลี ซ่อมหนังสืออยู่ทางหนึ่ง อีกมุมหนึ่งไนเจลกำลังพันพลาสเตอร์ให้ที่นิ้วจิตริณีอย่างทะนุถนอม
แว่นถาม
"เมื่อไหร่นิยายเรื่อง “รักแรกพบ” จะคืนเสียทีล่ะครับ ผมอยากอ่านจะแย่แล้ว"
"งั้นคุณต้องลงชื่อจองไว้ค่ะ" สาลินบอก
"แล้วถ้าไม่ใช่หนังสือล่ะครับ ผมจองได้ไหม"
"จะจองอะไรดีล่ะคะ"
ลลิตาบอก "เตียงคนไข้"
"หรือศาลาสวดศพ" บราลีว่า
แว่นสะดุ้ง ลลิตา บราลีช่วยกันทากาวกดสันหนังสือเล่มหนา
"นี่เรื่องอะไรยะหนาตั้งคืบนึง"
"พระอภัยมณี ที่มีเธอเป็นนางเอกไง" บราลีบอก
"ใคร นางละเวงหรือ" ลลิตาว่า
"ไม่ใช่ นางผีเสื้อสมุทร"
"ก็ยังดีกว่าหล่อน นางวาลี"
สองนางสะบัดพรืดใส่กัน
ทันใดมีเสียงรองเท้าสูงย่ำพื้นหินอ่อนมา ดังเป็นจังหวะ ในความเงียบของห้องสมุด
เสียงนั้นเลยกลายเป็นเสียงกึกก้องกัมปนาท คนในห้องสมุด เงยหน้าหาต้นเสียง
นักศึกษาแว่นหันมามอง ตะลึงไปกับความงามของ ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสง
บราลี ลลิตา หันขวับมา ตะลึงไปเช่นกัน กาวสันหนังสือหลุดเผยอ
ไนเจล จิตริณีหันขวับมาดู ไนเจลยังกุมมืออยู่อย่างนั้น
คนในห้องสมุดค่อย ๆ ทะยอยลุก เสียงก๊อกๆๆๆดังต่อเนื่อง ทุกคนมองไปที่ประตู
สาลินมองไปเป็นคนสุดท้าย
ใกล้ทางเข้ามีสแกนหนังสือใหม่ มีรูปขนาดใหญ่ของเมลลิฟิเซนท์จาก Sleeping Beauty ปี 59 ติดอยู่ ตรงทางเข้า คุณหญิงเทพีเพ็ญแสงในชุดดำม่วง มีคอเสื้อสูง ผมเกล้า ตระหว่านยืนอยู่
สาลินตาเบิกกว้าง
คนทั้งห้องสมุดทุกกลุ่ม รู้สึกร่วมกัน คือ พิศวง อัศจรรรย์ใจ คนทั่วไปอัศจรรย์ในความงาม
ลลิตาอัศจรรย์ที่สาวในข่าวมาถึงนี่ บราลี อัศจรรย์ในความอลังการของฝ่ายขวา
จิตริณีอัศจรรย์ใจว่าเ คุณหญิงก้อยลดตัวมายังที่นี่ ไนเจลอัศจรรย์ที่มีหญิงสาวที่งามพิลาสกว่าจิตริณี แต่กลับน่ากลัวจนไม่น่ารัก
คุณหญิงก้อยเชิดหน้าที่แต่งมาเพิ่มจนเข้มข้น มีเครื่องประดับวูบวับราวรังสีเหนือมนุษย์
เธอก้าวมาหยุดตรงหน้าสาลิน จ้องนิ่งราวจะกินเลือดกินเนื้อ
ในห้องสมุด ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสงก้าวมาหยุดตรงหน้าสาลิน จ้องนิ่งราวจะกินเลือดกินเนื้อ
ลลิตา บราลี ถลาพรวดมาหลังตู้บัตรเพื่อเงี่ยหูฟังทุกคำ
จิตริณีขยับก้าวมา มีอาการจะช่วยสาลิน ไนเจลรีบตาม
นักศึกษาแว่นก้าวมาด้วย ไม่รู้เรื่อง แต่รู้สึกว่า สาลินถูกคุกคามเลยจะมาปกป้อง
สาลินฉีกยิ้มต้อนรับ
"สวัสดีค่ะ คุณหญิงเทพีเพ็ญแสง มีอะไรให้รับใช้คะ"
หญิงก้อยเลิกคิ้วข้างหนึ่ง ปากแย้มยิ้มเยาะ
"ขอบใจ แต่ฉันไม่ต้องการการช่วยเหลือจากเธอ"
เธอพูดพลางกรายตัว สาลินมองเพลิน แล้วหันขวับมาพูดต่อ สาลินเกือบสะดุ้ง
"ฉันแค่มาดูหน้าเธอ ว่าเธอทำหน้าที่บรรณารักษ์ ให้ยืมหนังสือเป็นรายอาทิตย์ หรือให้ยืม “ตัว” เป็นรายวันหรือรายชั่วโมงกันแน่"
สาลินเป็นอึ้ง ทุกคนอ้าปากค้าง ไนเจลจะเข้าไปห้าม จิตริณีรั้งไว้ แว่นฮึดฮัด
"คุณพูดอะไร"
บราลี ลลิตา หอบเครียด
"พูดไว้ไม่มีผิด" ลลิตาบอก
"จะมีตบกันแบบนิยายคนชั้นกลางไหม" บราลีว่า
"จะทำหน้าซื่ออีกนานไหม ทำหน้าไร้เดียงสาแบบนี้ใช่ไหม คุณชายเขาถึงติดใจนัก"
แว่นบอก
"เฮ้ คุณ พูดอะไรให้เกียรติกันหน่อยนะครับ"
สาลินควบคุมสติ รู้ความต้องการของ ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสงแล้ว ตั้งรับเต็มที่
"อ้อ คุณหมายถึงคุณชายกิตติน่ะเอง คุณชายเคยมาหาฉันที่นี่ หรือแถวๆนี้ สามสี่หน เอ๊ะ หรือห้า หก หน"
สาลินพยายามนึกทั้งที่รับขึ้นรถกับที่เจอกันตามบาทวิถี หญิงก้อยเกือบเต้นเร่า แต่ยิ่งเชิด ดวงตาคล้ายจะพ่นไฟได้
"นี่คงภูมิใจมากซีนะ ที่จับคุณชายรองไว้ได้อยู่มือน่ะ"
"จับ...อยู่มือ"
"แต่ฉันสงสัยว่าเธอจะจับเอาไว้ให้พี่สาว หรือจับเอาไว้ให้ตัวเองกันแน่"
สาลินตาโต ยิ่งงุนงง
"แย่งได้แม้แต่พี่สาวตัวเองงั้นเหรอ"
สาลินตาวาวโรจน์ขึ้นทันที
"ที่นี่เป็นห้องสมุดนะคะต้องการความสงบ ไม่ใช่ที่ที่คุณหญิงจะมาพูดเรื่องอะไรที่ต่ำ
หยาบ และทุเรศขนาดนี้"
ลลิตา บราลี ตาโตมองหน้ากัน จิตริณีกำหมัดคล้ายเชียร์มวยนักศึกษา แว่นร้อง
"จริงครับ !"
คุณหญิงก้อยโกรธจนตัวสั่น
"คนที่มาที่นี่เขามาอ่านหนังสือนะคะ ไม่ได้มาดูละครตอนหึงหวงแย่งผู้ชาย ตบกันตกบันได"
สาลินถอนใจ โทสะจางลงตามประสา
"เพราะที่จริงแล้ว ฉันอยากจะช่วยให้คุณกับคุณชายคืนดีกันต่างหาก"
"ไม่ต้องมาพูดเอาดีเข้าตัว ฉันรู้จักกำพืดผู้หญิงอย่างหล่อนดี พวกหญิงบ้านสวน อยากใต่เต้ามาเป็นสะใภ้ผู้ดี สะใภ้จ้าว จำไว้ให้ขึ้นใจ คุณชายต้องซานกลับมาหาฉันแน่ ๆ"
คุณหญิงก้อยมองสาลินตั้งแต่หัวจรดเอว ไม่ถึงเท้าเพราะเคาน์เตอร์บังอยู่
"เพราะคนอย่างเธอ ไม่มีอะไรเทียบเคียงฉันได้"
สาลินอึ้งไป คนอื่นๆมองดู นักศึกษาแว่นก้าวมา
"ไม่จริงครับ ! "
ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสงชูคอขึ้นคืบหนึ่ง มองแว่นตั้งแต่หัวจรดเท้า
"นายรู้จักฉันรึเปล่า ฉันคือใคร ฉันคือหม่อมราชวงศ์หญิง เท.. "
"จะเทพี เทพิน หรือเทโพ ถ้านิสัยไพร่ มันก็ไพร่อยู่วันยังค่ำล่ะค่ะ " บราลีต่อ
ลลิตาบอก "ยศฐาบรรดาศักดิ์ คงไม่เกี่ยวกับนิสัยล่ะมังคะ คุณหญิง"
เทพีมองบราลี ลลิตา เหมือนจะจำได้ว่าเคยเจอมาแล้วครั้งหนึ่ง
ไนเจลและจิตริณีก้าวมาสมทบ
"ถ้าไม่ได้มาอ่านหนังสือ แต่มาหาเรื่องพนักงานของผม เชิญคุณออกไปได้ ที่นี่ ไม่ต้อนรับ Get out of here เชิญ"
จิตริณีบอก "แล้วตอนออกไป ช่วยเดินเบา ๆ ด้วยนะคะ เพราะห้องสมุดห้ามใช้เสียง"
"อ้อ หล่อนเองซีนะ นัง...อี...กาคาบข่าว"
"ฉันเป็นแค่เพื่อนผู้หวังดีเท่านั้นนะคะ ไม่ใช่ทั้งนัง และอี...กา"
"ฉันหวังว่า ความดีที่เธออ้างจะตอบสนองเธอเข้าซักวัน"
ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสงยิ้มเยาะ ปรายตามองเหยียดทุกคน แล้วสะบัดเดินเยื้องกายออกไป
ไนเจลมองสาลิน
"โอ มายก็อด ห้องสมุดผมกลายเป็นเวทีละครเมโลดราม่าไปแล้ว"
บรรดาสมาชิกวิจารณ์กันแซ่ด สาลินน้ำตารื้น บราลี ลลิตาเข้ามาปลอบ
"ร้องไห้ทำไม อย่าร้องนะ ดูซิขนาดฉันปลื้มเจ้า ฉันยังทนนังคุณหญิงไพร่นี่ไม่ได้เลย" ลลิตาว่"เออจริง เพิ่งเห็นเธอด่ายายคุณหญิงวันนี้แหละ" บราลีบอก
"ไม่ใช่ความผิดของเธอนะสาลิน เธอพยายามช่วยเขาต่างหาก" จิตริณีบอก
"อย่าร้องนะครับ เข้มแข็งไว้นะ"
สาลินปล่อยโฮ
"ฉันไม่ได้ร้องเพราะโดนคุณหญิงด่า"
"อ้าว....แล้วร้องทำไมครับ" ไนเจลถาม
"ฉันปลื้มใจ"
ทุกคนสงสัย "ปลื้มใจ !"
"ก็ทุกคนช่วยปกป้องฉันจากยายคุณหญิงน่ะซีคะ ขอบคุณค่ะ ขอบคุณทุกคนเลย"
สาลินเข้ากอดทุกคน ทีละคน ทุกคนหัวเราะขำ แว่นขอกอดซ้ำอีกครั้ง
สะใภ้จ้าว ตอนที่ 10 (ต่อ)
เย็นต่อเนื่อง ในร้านเสียโป สาลินกับชายเล็ก ที่เธอรู้จักในนามของ พล
เขาและเธอนั่งอยู่โต๊ะตัวหนึ่ง ตรงหน้ามีน้ำอัดลม 2 ขวด สาลินยังครุ่นคิด พลเอาหลอดจิ้มเกลือคนขวด สาลินให้เอกนั่งหันหน้าเข้าร้าน แต่สาลินนั่งหันหน้าออกถนน
"คุณรู้ใช่ไหม เรื่องที่ฉันพยายามทำให้คุณชายรองกับคุณหญิงก้อยคืนดีกัน"
"ฮะ คุณชายรองเลยถึงมาหาคุณที่นี่บ่อยๆ"
"ใช่"
พลอมยิ้ม
"แล้วยังไงต่อไป"
"พอวันนี้ คุณหญิงก้อยก็เดินปึงๆ มาหาฉันที่ห้องสมุด"
พลตาโต
"ฮ้า"
"แล้วเขาก็ว่า ว่า ว่า"
"เขาว่าอะไรคุณ"
"เขาว่า ว่าฉันกำลังจะจับคุณชายรองเอาไว้เพื่อตัวเอง แย่งได้แม้แต่พี่สาวตัวเอง"
สาลินโพล่งออกมา พลผิวปากวิ้ว
"แล้วคุณหญิงก้อยรู้ได้ยังไงว่าคุณสนิทสนมกับคุณชายรอง"
"ฉันไม่ได้สนิทสนม ฉันไปกับเขาเพื่อทะเลาะกัน"
พลรำพึง
"ทะเลาะกันนี่แหละตัวดี"
"อะไรนะ"
"เปล่าฮะ"
บริเวณทางเท้าหน้าร้านเสียโปม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์5nvกุญแจรถเดินมากับศุภร
"ทำไมหมู่นี้มาร้านบ่อยนักวะ ไอ้หม่อม"
"อ้าว แล้วใครกันบ่นอยู่ทุกวันว่าไม่มีคนช่วยดูแลร้าน"
"ก็แต่ก่อนบ่นจนปากฉีก ก็ไม่เห็นนายมานี่หว่า แน่ใจนะ ว่าไม่มีอะไรดี ๆ แถวนี้"
คุณชายรองนิ่งไปนิดหนึ่ง
"เลิกถามได้แล้ว ฉันจะมากินข้าว ไม่ใช่ให้นายมาถามเพ้อเจ้อ"
"เอาร้านนี้ไหม ที่นายเคยชอบไง"
ทั้งคู่มองเข้าไปในร้าน
สาลินนั่งเซ็งอยู่กลางร้าน กำลังคุยกับนายพล หรือชายเล็กที่ใส่ชุดหมี หมวกแก๊ปบริษัท นั่งหันหลังให้ เห็นตราบริษัทที่หลังเสื้อ
"เฮ้ย นั่นคุณสา"
"เรียกซะสนิทสนมเชียวนะ"
ศุภรเห็นท่าทา เลยทำเป็นชอบสาลิน ชายรองทำไม่มอง
"อ้าว ก็รู้จักกันแล้ว ก็น่าจะสานต่อ แนะนำหน่อยซีวะ"
ศุภรแกล้งเพื่อดูท่าทีของชายรอง
"คงยาก ต้องฝ่าอีกหลายด่าน"
"ด่านอะไรวะ"
"อ้าว ก็เขามีทั้งนายฝรั่ง ทั้งลูกเศรษฐีมาชอบ"
ชายรองตัดสินใจไม่บอกว่า ลูกเศรษฐีนั่นคือใคร ศุภรดูสาลินอีก
"แต่คราวนี้เขามากินข้าวกับไอ้หนุ่มบริษัทน้ำมันว่ะ"
ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์หลุดปาก "นายพล"
สาลินเอากระดาษทิชชู่ที่เสียบแก้วไว้เช็ดแก้มให้พล
"หา...อะไรนะ"
"ไปกินร้านอื่นเถอะ ร้านนี้ไม่อยากกิน น้ำราดมันหวานจนเลี่ยน"
"เฮ้ย กินร้านนี่แหละ ฉันยิ่งชอบว่ะ มีคู่แข่งแบบนี้ท้าทายดี"
"ไหน แกบ่นถึงหญิงกลางอยู่บ่อย ๆ ไง ตั้งแต่งานวันเกิดคุณติ่ง มาเปลี่ยนใจแล้วทีนี้"
"ใครบอกว่าเปลี่ยนใจ ยังอยากทานเค้กของคุณหญิงอยู่เลย หาโอกาสนัดทานข้าวให้ฉันหน่อยซีวะ"
"เฮ้อ.... แกนี่มันกะล่อนทองจริง ๆ"
ชายรองดึงศุภรไป พลหันมาดู เห็นหลังทั้งสองไว ๆแต่จำไม่ได้
สาลินเช็ดแก้มช้าๆ พลหลับตาพริ้ม สาลินถอนมือมาเอาทิชชู่มาพิศดู
"ฉันรู้แล้วว่าอะไร"
"ครับ"
"ขี้นก ขี้นกพิราบ อี๊ย์"
พลหมดมู๊ด สาลินร้องขยะแขยง เอาทิชชู่เช็ดมือซ้ำทิ้งลงกระโถนใต้โต๊ะ
"กลับมาเข้าเรื่องต่อ แปลว่ามีคนเห็นคุณตอนนั่งรถไปกับพี่ เออ ..คุณชายรองน่ะ
แล้วคนนั้นก็เอาไปบอกคุณหญิงก้อย"
"บราลีเกลียดพวกเจ็ทเซ็ทตัดออกไปได้ ส่วนยายลลิตาถึงจะบ้าคนดัง แต่ก็แค่ชะเง้อคอ
อยู่วงนอก"
"แล้วใครล่ะ อยู่วงใน"
"ใช่แล้ว คุณเลขาจินนี่"
"ใช่แล้ว เธอเป็นเพื่อนนายอัศนีย์และรู้จักคุณหญิงก้อยด้วย"
"เป็นไปได้เพราะคุณหญิงเรียกคุณจินนี่ว่า อีกาคาบข่าว แต่เธอจะบอกคุณหญิงไปทำไม ในเมื่อเธอก็ไม่ค่อยชอบหน้าหญิงก้อย แถมยังช่วยฉันต่อกรยายคุณหญิงด้วย"
"เรื่องชักยุ่งเป็นยุงตีกันแล้วซี"
"ฉันอยากให้คุณชายรองคืนดีกับยายคุณหญิงนี่เร็วๆ เรื่องมันจะได้หายยุ่ง"
"แต่ผมชักสงสัยว่า...นายคุณชายรองน่ะ อยากกลับไปคืนดีกับคุณหญิงหรือเปล่าน่ะซี"
สาลินไม่รู้ตัวเลย พลมองดวงตาใสแจ๋ว หน้าแอร่มนั้นยิ้มๆ
"ทำไมเขาถึงจะไม่อยากล่ะ"
"ใครจะรู้ฮะ สันดาน เอ้ย นิสัยผู้ชายก็เหมือนผึ้ง ไม่หยุดอยู่แค่ดอกไม้เพียงดอกเดียวหรอก"
สาลินทำตาปริบๆ
คืนนั้น ในห้องนั่งเล่นตำหนักเล็ก ม.ร.ว. กิตตินั่งอยู่บนโซฟาดูข่าวโทรทัศน์ จึงไม่มีนางข้าหลวงใดมาเสนอหน้าดูด้วย คุณชายเล็กเอาชุดหมีพาดแขนเดินหล่อเข้ามา แล้วโยนชุดหมีลงบนโซฟาข้างตัวพี่ชาย ชายรองมองดูเห็นตราบริษัทแล้วอารมณ์เสีย
"อ้าว ไม่ได้นัดสาวที่ไหนไว้หรือ"
"แค่จะไปส่งบ้านเขายังไม่ยอมเลย ยอมให้ไปส่งแค่ป้ายรถเมล์เอง"
เจียมมาคุกเข่า เสิร์ฟน้ำเย็นแล้วเอาชุดหมีไป ชายเล็กนั่งลงจิบน้ำ
"พี่รอง พี่รองอยากคืนดีกับหญิงก้อยหรือเปล่า"
"มันเรื่องอะไรที่นายต้องมาถามฉันอย่างนี้"
ม.ร.ว. บดินทราชทรงพลถอนใจ
"เรื่องมีอยู่ว่า มีคนเขาเห็นพี่รองไปรับน้องเมียในอนาคตจากที่ทำงานหลายครั้ง"
ชายรองชะงัก
"เขาก็เลยสงสัยว่าพี่รองอาจจะตัดสินใจเลิกทั้ง 2 ทาง แล้วหันไปหาทางสายที่ 3 แทน"
"หมายความว่ายังไง"
"ก็หมายความว่า มีคนเขาสงสัยว่าพี่รองเกิดไปติดใจน้องเมียในอนาตคเข้าให้น่ะซี"
"บ้า!"
คุณชายรองลุกพรวดขึ้น จรวยโผล่แอบมอง ชายเล็กลุกตาม
"อย่าเตะผมเลยนะ พี่รอง"
"ฉันจะเตะนายทำบ้าอะไร แต่ฉันอยากรู้ว่าไอ้บ้าคนไหนคิดอะไรเพ้อเจอแบบนี้ ใช่..
ฉันไปรับเขาบ่อยๆ แต่ทุกครั้งที่เจอกันก็มีเรื่องต้องเจรจา ไม่มีเรื่องพิศวาสอะไร แม้แต่ซักนิด"
คุณชายรองพูดในใจคิดตามนั้น แต่มีเสี้ยวหนึ่งของใจรู้สึกตงิดๆขึ้นมา ชายเล็กมองอย่างจับท่าที
"หรือฮะ"
"แต่ไอ้คนที่ไปหาเขาบ่อยๆ น่าจะเป็นเพื่อนแกมากกว่า"
คุณชายเล็กยิ้มวางมาด
"ไอ้พลรูปหล่อน่ะหรือครับ"
"ใช่ อย่างวันนี้ ฉันก็เห็นไอ้เพื่อนรูปหล่อของแกไปกินข้าวอยู่กับแม่นั่น"
ชายเล็กหุบยิ้ม หน้าซีด
"ตอนไหนฮะ"
"ก็ตอนเย็นไง แต่ว่าไอ้เจ้านั่นมันนั่งหันหลังให้ เลยไม่รู้ว่ามันหล่อเหลาขนาดไหน"
ชายเล็กโล่งใจทะเล้นขึ้นมาใหม่
"ก็บอกแล้วไง ว่าหล่อพอๆ กับผม"
ชายรองทำหน้ายิ้มหยัน
"ฉันน่ะไม่สนิทสนมกับแม่คนนั้นเท่าเพื่อนแกหรอก อย่างน้อยฉันก็ไม่เคยไปกินข้าว
กับเขาสองต่อสองเหมือนไอ้เจ้าพลนั่น นี่....ฉันรู้แล้ว ไอ้เพื่อนแกน่ะซีที่ใช้ให้แกมาถามฉัน"
ชายเล็กทำปากจู๋
"มันก็แค่สงสัย"
"มันหึงล่ะซี"
ชายเล็กเล่นลิ้น
"หวงมากกว่า"
คุณชายบดินทราชทรงพลรู้สึกครึกครื้นในใจใหม่ พี่ชายเมินไป แล้วหันมามองหน้า
"แล้วถ้าฉันเกิดชอบผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาจริงๆ แล้วจะว่ายังไง"
ชายเล็กตาเบิกโพลง
จรวยตาเบิกโพลง แทบจะทิ้งลูก
"แล้ว แล้ว แล้วแล้ว พี่รองจะเอาคุณหญิงกะคุณศรีไปไว้ที่ไหนฮะ"
"ก็ช่างปะไร"
จรวยยืนหอบ
"ใคร...มีนังมือที่สามที่ไหนโผล่มาอีก"
สองพี่น้องหันไปมอง เห็นเงาจรวยอุ้มลูกวิ่งจู๊ดไป
วันต่อมา ในตำหนักใหญ่ ณ ห้องทรงพระสำราญ
เสด็จประทับกับพื้น สอางค์ ศรีจิตรานั่งถัดมา กิตตินั่งพับเพียบตรงข้ามเสด็จ ทั้งสี่ล้อมดูภาพแบบบ้านในแมกกาซีนต่างประเทศ เป็นแบบบ้านขนาดกลางจนถึงใหญ่ ทันสมัยของยุค 60 เสด็จพระองค์หญิงทรงพลิกไปทีละหน้า คุณชายรองดูอย่างสงบนิ่ง ศรีจิตราอึดอัดเล็กน้อย สอางค์พยักเพยิด มาลา วรรณา คิกคักอยู่เบื้องหลัง
"แบบบ้านนี่ ก็คงแค่เอามาดูเป็นตัวอย่างนะชายรอง"
"พะยะค่ะ เกล้าว่านี่มันแบบบ้านเมืองหนาวทั้งนั้น คงต้องมาปรับอีกเยอะ"
"เธอมีความรู้ทางนี้บ้างก็ดีแล้ว จะได้บอกสถาปนิกเขาถูก"
เสด็จตรัสยิ้มๆ ดวงเนตรจับท่าทีของชายรองที่ซ่อนความลำบากใจไว้สุดความสามารถ
"ศรีจิตรา เธอชอบแบบไหนบ้างล่ะ"
"เอ้อ หม่อมฉันไม่มีความรู้เรื่องนี้เลยเพคะ"
"ต่อไปเราต้องเป็นคนอยู่ รีบๆ หาความรู้เอาไว้นะจ๊ะ"
สอางค์บอก
"รีบ ๆ เรียนจากคุณชายไว้ก็แล้วกัน ... ดิฉันฝากด้วยนะคะคุณชาย"
เสด็จสบตาสอางค์
"ป้ามีธุระ ชายรองกับแม่ศรีดูแบบบ้านไปก่อนก็แล้ว ไปสอางค์"
เสด็จทรงลุกขึ้นพร้อมกับสอางค์ แค่มาลา วรรณายังหมอบกระแตอยู่
"อ้าว แม่เมียตะเข้ หล่อนสองคนก็ออกไปด้วยย่ะ"
มาลา วรรณา คิกคัก เสด็จทรงเดินนำ 3 คนออกไป มาลา วรรณา เยี่ยมหน้ามามองชายรองและศรีจิตราอีกครั้ง พลางกิ๊กกั๊ก ก่อนปิดประตูลง
ชายรองมองดูศรีจิตราที่นั่งพับเพียบก้มหน้าดูแบบบ้านนิ่งอยู่
ภาพของสาลินพูดจ๋อยๆ พลางกินกล้วยไปด้วย เล่นเอาคุณชายอมยิ้มเกือบหัวเราะออกมา
"ไม่เหมือนกันเลยซักนิดเดียว"
"อะไรนะคะ"
ศรีจิตราเงยหน้าขึ้นชายรองยิ้มนิดๆกลบเกลื่อน
"หมายถึงแบบบ้านพวกนี้น่ะ มันไม่เหมือนกันซักแบบนึง นี่...น้องสาวมาเยี่ยมอีกหรือเปล่า"
"มาเมื่อวันอาทิตย์ค่ะ"
"แล้วไปไหนกัน"
"ก็ไปซื้อพวกผ้าน่ะค่ะ แต่ช่วงบ่าย ยายสา เข้าร้านหนังสือแล้วไม่ยอมออก"
ชายรองยิ้มนิดๆ ศรีจิตราพูดคล่องขึ้น
"ยายสาชอบอ่านหนังสือค่ะ อ่านได้ตลอดวันตลอดคืน วันนั้นก็ขนซื้อมาหลายเล่ม"
"มิน่า ถึงได้ทำงานเป็นบรรณารักษ์"
"ยายสาบอกว่า เป็นบรรณารักษ์จะได้อ่านหนังสือฟรีค่ะ"
"คนชอบอ่านหนังสือน่ะหูตากว้างไกล มีความคิดความอ่าน เธอน่าจะพาเขามาดูห้องสมุดของเด็จป้าบ้าง"
"ค่ะ"
ชายรองหยิบหนังสือข้างตัวศรีจิตรามาดู เห็นหน้าปก Beauty and the Beast
"นี่หนังสือห้องสมุดที่...น้องสาวทำงานหรือ"
"ค่ะ ยายสาชอบขนนิทานมาให้ดิฉัน"
"นายเล็กก็ชอบฟัง นิทานนมย้อยน่ะ รู้เรื่องนิทานเป็นพันๆ เรื่อง นายเล็กนอนหนุนตัก ฟังนมย้อยเล่านิทาน จนหลับคาตักทุกวัน"
ศรีอมยิ้ม
"สมัยเด็กดิฉันก็ทำอย่างนั้น"
"ไม่ใช่แค่สมัยเด็ก เมื่อวันก่อนเปิดประตูเข้าไป ก็เห็นนายเล็กหนุนตักนมย้อยฟังนิทานอยู่"
ศรีจิตรายิ้มมากขึ้น
"หรือคะ ตายจริง คุณชายเล็กบางครั้งก็ทำตัวเป็นเด็กเหมือนยายสาไม่มีผิดเลยค่ะ"
ศรีจิตรายิ้มดวงตาพราว แต่ก็อยู่ในกรอบที่ฝึกไว้ ชายรองมองดูความเย็นตาเย็นใจนั้น
ทั้งสองคลายใจลง แต่ไม่ได้สังเกตว่า เรื่องที่สนทนากลับเป็นเรื่องน้องสาว น้องชายของอีกฝ่าย
มาลา วรรณาแอบฟังอยู่ด้านนอกโถง สอางค์เดินเข้ามา
"นี่ แม่เมียตะเข้ มายืนแอบฟังอีกแล้วนะ"
"แหม คุณแม่บ้านขา น่ารักกระหนุงกระหนิงออกอย่างนี้ มาลาอดใจไม่ไหวหรอกค่ะ"
"แล้วเขาคุยอะไรกัน"
"คุณเรื่องคุณชายเล็กกับคุณสาน่ะค่ะ น่ารักจริง ๆ"
"เอ๊ะ ทำไมไปคุยเรื่องน้องของทั้งคู่ล่ะ ทำไมไม่คุยเรื่องของเขากันเอง อย่าง....แบบบ้านเรือนหอ หรือไม่ก็....เรื่องงานวิวาห์ เรื่องฮันนีมูน เทือกนี้"
"นั่นซีคะ จริงด้วย" วรรณาบอก
มาลา วรรณามองหน้ากันงง ๆ สอางค์ยิ่งงงกว่า ชายรองและศรีจิตราหัวเราะกัน ทั้งสามนางเลยฟังกันต่อ
"ใช่ครับ นายเล็กทะลึ่งเสียจนหม่อมแม่ต้องกำราบ กลับมาจากเมืองนอกวันแรกก็แกล้งหม่อมแม่จนวงไพ่แตก"
"ทราบมาเหมือนกันค่ะ"
"แล้ว....เออ...สาลินล่ะครับ ชอบแกล้งเหมือนนายเล็กไหม"
"ขานั้น ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ แถมคนที่ถูกแกล้งยังเป็นคนที่ดุที่สุดในบ้านด้วย"
"คุณป้าสร้อยเหรอครับ"
"ใช่ค่ะ สาเคยแกล้งคุณป้าจนทำกับข้าวผิดสูตร เสียรสไปเลย คุณป้าโกรธถึงขั้นห้ามยายสามาบ้านราชดำริเป็นอาทิตย์ "
ชายรองหัวเราะดัง ๆ ออกมา ศรีจิตราหัวเราะตาม
สอางค์ มาลา วรรณามองหน้ากันงง ๆ
คืนนั้น ในห้องนั่งเล่นตำหนักเล็ก หม่อมอำพัน คุณชายกลางและคุณชายโตนั่งอยู่บนโซฟา ที่พื้นจรวยดูแลตาตุ้มอยู่กับเจียม ป้าน้อมยืนนวดหลังอำพันอยู่ อำพันนั่งถอดไพ่ไปด้วย นมย้อยอยู่อีกโซฟาหนึ่งมองอย่างอ่อนใจ สองพี่น้องกำลังดูหนังสือแบบบ้านอยู่ด้วยกัน
"อุ๊ย อาทิตย์ก่อนไม่รู้ยังไง ไพ่ดีทุกตา" หม่อมอำพันบอก
น้อมบอก "มีพญาหงส์ทองบินมาจับตำหนักมั้งคะ หม่อม"
"ท่าจะจริง" แล้วเหลือบดูจรวย "แต่ตั้งแต่ต้นปีก่อนจนถึงปีนี้ อีกาดำตัวซวยมันพาเคราะห์มาให้"
จรวยคอแข็ง ม.ร.ว. ดิเรกราชวิทย์ไม่ได้สนใจคุยกับน้องชาย
"ฉันเสียยุบเสียยิบเสียยับมาจะสองปีเต็มๆ แล้ว"
"ค่ะ เป็นคนอื่นเขาคงถอดใจเลิกเล่นไปนานแล้วนะคะ หม่อม" ย้อยว่า
นมย้อยประชด อำพันยิ้มชื่น
"ดีนะ ที่ฉันไม่เลิก โชคคงเปลี่ยนมาเข้าข้างฉันแล้วล่ะ ว้าย"
ชายเล็กลงมาจากชั้นบน เข้ามาทั้งตัวนั่งใกล้อำพัน อำพันตกใจไพ่กระจาย
"ว้าย.....เบา ๆ ซียะ ลูกทะโมนอะไรอย่างนี้ ไพ่ฉันกระจายบวนหมด"
"หม่อมทำอะไร ทำเครื่องหมายหลังไพ่หรือฮะ"
"แกว่าฉันโกงไพ่หรือ ถ้าโกงจริงก็คงไม่ซวยมาสองปีหรอก"
ชายรองเอาหนังสือแบบบ้านกองใหญ่ส่งให้บน้องชาย
"นายเล็ก"
"ครับ"
"เด็จป้าทรงให้ฉันเลือกแบบเรือนหอ แต่ฉันไม่มีเวลา นายช่วยฉันทีซี"
ดิเรกหันมามอง จรวยหันมามอง อำพันรวบไพ่ขวับ
"อ้าว ไหงงั้นล่ะฮะ เรือนหอของพี่รอง มาให้ผมเลือกได้ยังไง"
"ฉันอยู่ง่าย อยู่ยังไงก็อยู่ได้"
"ความจริงถ้าพี่รองไม่มีเวลา ทำไมไม่ให้คุณศรีเลือก"
"ฉันจะให้นายเลือกกับคุณศรีต่างหาก เพราะนายสนิทกับเขามากกว่าฉัน"
"ใครว่าผมสนิท"
"ก็ฉันว่าอยู่นี่ไง เขาคุยกับฉันน่ะ ทุกคำมีแต่เรื่องนาย"
ชายเล็กอึ้งทำตาปริบๆ นมย้อยมองสองพี่น้อง รู้สึกผิดฝาผิดตัว หม่อมอำพันดึงแมกกาซีนมา
"เกี่ยงกันนัก ฉันดูให้เอง"
หม่อมอำพันพลิกแมกกาซีน ชายโตพลิกดูหนังสือที่หน้าตักตัวเอง จรวยชูคอดูอยู่ข้าง ๆ
"สวย ๆ ทั้งนั้นเลยนะครับหม่อม"
"ตาโต ตารอง แม่ชอบแบบนี้"
"หา....นี่มันวังมหาราชาแล้วนะครับหม่อมแม่"
"จะแต่งทั้งทีมันก็ต้องใหญ่เป็นวัง มันถึงจะสมฐานะ ตารอง ชอบไหมวังแบบนี้"
"ใหญ่เกินไปฮะ ผมอยากได้ตึกขนาดสี่ห้องนอนก็พอ"
"อุ๊ย ชายรองเธอพูดอะไร เด็จป้าทรงออกเงินให้ทั้งที เราก็ตองสนองพระประสงค์ มามัวเขียม กัดก้อนเกลือกินอยู่ก็เหมือนไม่เกรงพระทัยท่าน"
ตรรกะของอำพันฟังแล้วพิลึก ทั้งชายรองและชายเล็กทำตาปริบ ๆ
"จริงครับหม่อมแม่" ชายโตขานรับ
"ทรงโปรดเธอขนาดนี้ เราก็ต้องถลุง เอ๊ย ถนอมน้ำพระทัยเด็จป้าลูก"
ชายรองและชายเล็กสบตากันทำนองว่าซวยแล้ว จรวยมองชายโตค้อนวงใหญ่
ม.ร.ว.ดิเรกราชวิทย์นั่งอยู่บนเตียงกำลังดึงเชือกไกวเปลลูก
ตาตุ้มนอนยิ้มเผล่ อีกมือจับหนังสืออ่าน จรวยนั่งหน้าบึ้งอยู่หน้ากระจกเงา แล้วหันมาเห็นชายโตท่าทางสบายใจกับความเป็นอยู่ก็ยิ่งเบื่อ จรวยลุกขึ้นเดินมา
"คงกลัวใครเขาไม่รู้ว่าเป็นตัวโปรด ถึงกับต้องเอาแบบบ้านมาอวด"
ดิเรกเงยหน้ามองงง ๆ
"คุณชายก็ไม่รู้อะไรเลย ยังมีหน้าไปช่วยเขาเลือกแบบบ้านอีก"
"จะเป็นไรไป ก็เรือนหอน้องฉัน"
จรวยเชิดหน้าเดินมาใกล้อีก
"ฮึ จะสร้างเรือนหอใหม่ ความจริงจะให้ย้ายไปอยู่ตำหนักใหญ่ก็ได้ ห้องนอนเก่า คุณชายรองก็อยู่ที่นั่น ห้องนอนแม่ศรีสะใภ้ก็อยู่ที่นั่น ต้องมาสร้างมหาลดาปราสาทอะไรกันอีก"
ความจริงของชิ้นนั้นชื่อ “มหาลดาปสาสน์” เป็นเครื่องประดับ แต่จรวยอ่านหนังสือปีละน้อยกว่าเจ็ดบรรทัด
"อ้าว... พอนายรองแต่งงานก็ควรจะแยกบ้านไปซี"
คำของชายโตเข้าล็อกจรวย ยิ้มเยาะ
"ค่ะ เขาเป็นชาวฟ้า ชาวสวรรค์ อยู่ร่วมกับมนุษย์เดินดินไม่ได้ต้องแยกบ้าน"
ดิเรกพยักหน้า
"ผิดกับคุณชายกับรวย ต้องมาคุดอุดอู้อยู่ในห้องใต้ถุน"
ม.ร.ว. ดิเรกราชวิทย์ชะงัก ไหวหวั่นพอควร
"นี่เธอก็พูดเกินไป นี่มันแค่ห้องนอนชั้นล่าง"
ชายโตเริ่มของขึ้น ไกวเปลตาตุ้มแรงขึ้น เปลตาตุ้มพุ่งหวือไปเกือบชนผนังอีกด้าน
"ค่า เขาเดินขี้ตีนร่วงกราว ๆ พรั่งพรูใส่หัวก็ยังไม่สะดุ้งสะเทือนอีกหรือคะ"
"นี่ฉันไม่ชอบฟังเธอพูดแบบนี้นะ"
ชายโตลุกพรวดขึ้น จรวยรีบเข้าไปกอดเอาอกถูแขนผัว
"ฮึ รวยพูดก็เพราะรักคุณชาย รวยไม่อยากให้พี่ชายคนโตต้องมาเหมือนลูกเมียน้อย แล้วยังตาตุ้มอีก จะให้ตาตุ้มโตขึ้นมาเป็นลูกขี้ครอกในวังหรือคะ"
ตาตุ้มลุกเกาะเปล ยิ้มเผล่มีความสุข เปลเริ่มลดความเร็วลง
ชาโตไหวหวั่นมากขึ้นเพราะจรวยมาตรงหน้าเสื้อ แขนตกจากไหล่ไปเมื่อไรไม่รู้ได้ จรวยแหงนเงยยั่ว เผยอปาก จนไฟปรารถนาของ ม.ร.ว. ดิเรกราชวิทย์ลุกโชน
ทันใดก็มีฝุ่นผงราวแป้งครึ่งกระป๋อง ร่วงกราวมาเต็มหน้าจรวย และหัวของชายโต ตกใจ ปล่อยจรวย
"อ้าย... ขี้ตีน!"
สองสามวันต่อมา ศรีจิตรายืนอยู่ข้างศาลากลางสวน กำลังเก็บดอกไม้ข้าง ๆ บดินทร์หอบหนังสือตั้งหนึ่งมา เอาคางกดไว้มาหยุดดู ลมพัดผมปลิว ผมนั้นดำวาววับ ผ้าคลุมไหล่บาง พลิ้วไหวดูราวหมอกลอยอยู่รอบตัว ม.ร..ว. บดินทราชทรงพลยิ้ม หนังสือทั้งตั้งเอน
"เฮ้ย เฮ้ย เฮ้ย"
ชายเล็กพยายามบาลานซ์ตั้งหนังสือ ศรีจิตราหันมาถลาเข้ามาประคองหนังสือที่เอนถูกจับดันได้ทัน ร่างทั้งสองเบียดกัน ชายเล็กคว้าเอวของศรีจิตราประคองไว้ จนคล้ายกอดกัน ศรีจิตราหน้าแดง ชายเล็กรีบคลายออก
"โทษครับ อุบัติเหตุอีกแล้ว"
ศรีจิตรายิ้มอาย ๆ
"แบ่งมาครึ่งนึงเถอะค่ะ มา ดิฉันช่วย"
ศรีจิตรารับหนังสือมาครึ่งตั้ง ชายเล็กถอนใจเฮือก ทั้งคู่เอาหนังสือมาวางบนศาลา
"คุณชายจะขนหนังสือไปไหนคะ"
"เอามาให้คุณศรีตามสัญญาไงครับ"
ศรีจิตรามองดูเห็นเป็นนิทานทุกเรื่อง ทั้งไทย ทั้งฝรั่ง ทั้งเรื่องเก่า เรื่องใหม่ เรื่องแปล ทั้งร้องแก้ว ร้อยกรองคละกัน ก็ยิ้ม
"ขอบคุณมากค่ะ คุณชายเล็ก"
"แต่ไม่รู้ว่า ซ้ำกับที่คุณศรีเคยอ่านหรือยัง"
ศรีจิตราหยิบมาทีละเล่มมาเรียงเป็นตั้งใหม่ เป็นหนังสือประเภท เทพนิยายกริมส์ นิทานแอนเดอร์สัน เจ้าหญิงนิทรา อาหรับราตรี
" อุ๊ย อ่านแล้วทุกเล่มเลย" ความจริงเป็นอย่างนี้
ชายเล็กมองตาแป๋ว ศรีจิตราโกหกตาใส
"อ๋อ ไม่เคยอ่านซักเล่มเลยค่ะ"
"ดีจัง"
"ยายสายังไม่เคยยืมมาให้ค่ะ"
"เหรอคับ กลัวจะเอามะพร้าวมาขายสวน"
"เอาแป้งนวลมาขายชาววัง"
ศรีจิตรากล้าพูดเล่นมากขึ้น ชายเล็กหัวเราะ
"หรือไม่ก็ต้องใช้สำนวนว่า สอนหนังสือพระสังฆราช"
"หรือ สอนตะเข้ให้ว่ายน้ำ ใช่ไหมคะ"
"ใช่ครับ"
คุณชายเล็กพยักหน้าทำท่าจระเข้ว่ายน้ำป๋อมแป๋ม ศรีจิตราหัวเราะกิ๊กอย่างลืมตัว แล้วรีบปิดปาก ทำสำรวมใหม่ ชายเล็กมองเพลิน ยิ้มค้าง นึกไปถึงสาลินที่หัวเราะเต็มเสียง ปากกว้าง ยังดีไม่เห็นไปถึงลิ้นไก่ ไม่ปิดปากสักนิด
"ไม่เหมือนกันเลยซักนิดนึง"
"คะ ?"
"อ๋อ เอ้อ นิทานที่เอามาน่ะครับ เรื่องไม่ซ้ำกันเลย"
ศรีจิตรายิ้มนิดๆ เอามือกรีดผมที่โดนลมตีไปทัดหู แล้วเริ่มพิจารณาทีละเล่ม
ศรีจิตราลืมตัว
"ใช่ค่ะ ไม่ซ้ำเลย แต่...เล่มนี้เล่มเดียวที่ยังไม่ได้อ่าน"
"อ้าว ไหนว่ายังไม่เคยอ่านสักเล่มไงครับ"
ศรีจิตราอึ้ง
"เออ...ค่ะ ยังไม่ได้อ่านสำนวนแปลของนักเขียนพวกนี้ไงคะ เคยอ่านแต่สำนวนคนอื่น"
"อ้อ ครับ"
ชายเล็กมองเพลิน ศรีจิตราไม่ติดใจอะไร มีหนังสือแบบบ้านปนมากับกองหนังสือนิทานด้วย
"มีหนังสือแบบบ้านด้วยนะคะ"
"ใช่ครับ พี่รองวานให้ผมช่วยดูให้ ผมเลยมาปรึกษาคุณศรีน่ะครับ"
ศรีจิตราเจื่อนไปนิดนึง รู้สึกว่า ชายรองไม่อยากปรึกษาตนหรืออย่างไร
แต่ก็ยิ้มให้บชายเล็ก เพราะคิดว่า ปรึกษาบดินทร์ก็ดีเหมือนกัน
สะใภ้จ้าว ตอนที่ 10 (ต่อ)
ในห้องทรงงาน สอางค์กับศรีจิตราช่วยกันจัดพานบายศรีเป็นบายศรีใหญ่
ห่างออกมาบรรดานางข้าหลวงทั้งวังก็จัดพานบายศรีอยู่ แปลว่าจะต้องส่งไปร่วมงานราชพิธีใหญ่
สอางค์ยื่นหน้ามากระซิบกระซาบ
"นี่ตอนที่หนูคุยกับคุณชายเล็กน่ะ คุยอะไรกันบ้าง"
"ก็คุยทั่วๆไป น่ะคะ เรื่องแบบบ้าน เรื่องนิทาน"
"อุ๊ย !"
สอางค์ร้องเสียงสูง ศรีจิตราเกือบสะดุ้ง บรรดาข้าหลวงอื่นหันมามอง สอางค์ตาเขียวแต่เป็นแบบสวยไม่เอาเป็นเอาตายแบบสร้อย สอางค์กระซิบต่อ
"นิทง นิทานไปคุยทำไม แม่ศรีสาสะ ทำไมไม่คุยเรื่องยายสาล่ะจ๊ะ"
"หนูไม่รู้จะพูดเรื่องอะไรดีนี่คะ"
"มันจะยากอะไร ก็คุยเรื่องคุณงามความดีของยายสา เรื่องใจบุญ รักเด็กอะไรก็ได้ แต่ไอ้เรื่องแก่นกระโหลกโลดโผนโจนทะยานก็ตัด ๆ ซะนะจ๊ะ อย่าไปเล่า เดี๋ยวราคาจะตก ขายไม่ออกเสียเปล่าๆ"
ศรีจิตราทำตาปริบๆ
"ค่ะ แล้วแต่คุณป้าค่ะ"
"หนูศรี แล้วเวลาคุยกับชายรองน่ะ ก็ไม่ต้องไปคุยเรื่องชายเล็กกับยายสาหรอกนะ"
"ทำไมคะ"
"มีเรื่องคุยของเรากับคุณรองที่สำคัญกว่าตั้งเยอะ"
"อย่างเช่นอะไรคะ"
"ก็อย่างเรื่องเรือนหอ เรื่องงานวิวาห์ เรื่องเป็นภริยาทูตในอนาคตไง ชายรองชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ทำนองนี้ล่ะ"
ศรีจิตราหน้าแดงขึ้นทันที
"ค่ะ คุณป้าช่วยแนะนำด้วยก็แล้วกันค่ะ"
วันต่อมา ในร้านกาแฟ หนุ่มแว่นทำท่าชกลมไปมา อยู่ตรงหน้า สาลิน บราลี ลลิตา
"ไม่นึกเลยในชีวิตต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ทำไมคุณหญิงก้อยเขาต้องทำอย่างนี้ด้วยนะ"
บราลีบอก "จะทำไม ก็แรงเงาแรงหึงน่ะซี"
"เจ้าหล่อนไม่ได้หึงแค่คนเดียว" ลลิตาบอก
"หมายความว่ายังไงครับ"
"นอกจากเจ้าหล่อนจะหึงคุณชายรองคิตตี้ ที่ปัจจุบันกลายเป็นอดีตของหล่อนไปแล้ว แต่...."
บราลีต่อ "หล่อนยังหึงนายอาร์นี่ อดีตที่อาจหวนคืนมาเป็นปัจจุบันของหล่อนอีกครั้ง"
"ผมจะชกทั้งไอ้คุณชายคิตตี้ ทั้งไอ้เศรษฐีอาร์นี่ ชกให้คว่ำเลย อ้อ...แล้วถ้าเจอหน้า
ไอ้พอลลี่ เด็กปั๊ม ผมจะแลกหมัดกับมันอีกคน คอยดูจังหวะฮุกของผม แว่น กิ่งเพชร"
สาลิน บราลี ลลิตามองแว่นอย่างเบื่อ ๆ
จิตริณีเดินผ่านร้าน สาลินรีบออกไปหาทันที
นอกร้านกาแฟ สาลินเข้าประชิดจิตริณี
"ได้เรื่องอะไรเพิ่มเติมบ้างไหมคะคุณจินนี่"
"ค่ะ อาร์นี่เป็นคนบอกหญิงก้อยเรื่องคุณกับคุณชายรองไปด้วยกันค่ะ"
"แล้วคุณเป็นคนบอกอาร์นี่อีกทีใช่ไหม คุณหญิงถึงเรียกคุณว่า อีกาคาบข่าว"
"ฉันก็ต้องขอโทษด้วย ฉันหลุดปากเรื่องที่คุณไปร้านผ้าไหมของคุณชายวันนั้น อาร์นี่เลยพาคุณหญิงไปแอบดูคุณอยู่กับคุณชายรอง"
"เป็นอย่างนี้นี่เอง คุณอัศนีย์ทำไปทำไมคะ"
"ฉันกำลังหาคำตอบอยู่นี่แหละ"
สาลินถอนใจ
ที่โต๊ะบนเทอเรซข้างตำหนักใหญ่ ร่มรื่น บนโต๊ะมีแบบบ้าน เป็นภาพเพอร์สเปคทีฟ ฝีมือชายเล็ก เป็นแค่ลายเส้นคร่าว ๆ
ศรีจิตรา ดูอยู่ และมีภาพแปลนบ้านอยู่ข้าง ๆ ชายเล็กเอามือชี้
"ผมลองวาดมาให้ดูแล้วครับ ตรงนี้ทำเป็นสวนญี่ปุ่นดีไหมครับ"
"ไม่เอาค่ะ มันดูแห้งแล้วจะตาย"
"โธ่ เขาออกจะมีปรัชญาลึกซึ้งนะครับ"
"ช่างเขาเถอะค่ะ ดิฉันอยากได้สวนที่มีดอกไม้เยอะๆมากกว่า"
ชายเล็กมองดูศรีจิตรา เห็นท่าทางมั่นใจมากขึ้น
"ดีจัง"
"คะ?"
"นี่เป็นครั้งแรกที่คุณศรีออกความเห็นจริงๆจังๆนะซีฮะ ไม่งั้นก็" ชายเล็กทำท่า, ทำเสียงศรีจิตรา เสียงนั้นแหลมปรี๊ดยิ่งกว่ากะเทยรุ่นแรก
"อะไรก็ได้ ตามใจคุณชายเถอะค่ะ แล้วแต่คุณป้าค่ะ แล้วแต่จะทรงโปรดเพคะ"
ศรีจิตราเกือบหัวเราะ แล้วทำหน้าครึ่งยิ้มครึ่งบึ้ง
"นี่ดิฉันพูดอยู่แค่นี้จริง ๆ หรือคะ"
"ฮะ หัดทำอะไรตามใจตัวบ้างซีครับ"
"ค่ะ"
"นั่นไง คุณศรีรับคำตามใจผมอีกแล้ว"
ศรีจิตราค้อนนิดๆ ชายเล็กใจกระตุก เห็นว่าสวยจับใจ ศรีจิตราคิด
สอางค์ประกาศิต
"แม่ศรีสาสะ ทำไม ไม่คุยเรื่องยายสา"
ศรีจิตรายิ้มน้อยๆ
"คุณชายเล็กทำท่าเมื่อกี้ เหมือนยายสาไม่มีผิด ยายสาชอบทำท่าล้อดิฉันบ่อยๆ"
ชายเล็กอมยิ้ม
"ผมก็เลียนแบบเขามาอีกที"
"เลียนแบบยายสาเหรอคะ"
"เออ ไม่ใช่ครับ เลียนแบบคนที่เขาชอบเลียนแบบนั่นแหละ"
"ถ้ายายสามาอยู่ช่วยออกความเห็นเรื่องแบบบ้านก็จะดีหรอก"
"ก็พิลึกตายซีฮะ ผมเป็นตัวแทนพี่รอง คุณสาเป็นตัวแทนคุณศรี ทั้งๆที่บ้านเนี่ยคนอยู่
คือพี่รองกะคุณศรีนะฮะ"
"ยายสามีความคิดแปลก ๆ ดีน่ะค่ะ"
ชายเล็กถอนใจมองหน้าศรีจิตรา
"นี่คุณป้าใหญ่ใช้คุณศรีมาเป็นกรมโฆษณาการ โฆษณาคุณสาอีกแล้วใช่ไหมฮะ"
ศรีพยักหน้า เจื่อนไป
"ค่ะ แต่ดิฉันไม่ได้อยากทำเลยนะคะ"
"ดีออกฮะ คอยจับคู่ให้คนโน้นคนนี้สนุกจะตายไป"
ศรีจิตรายิ้มนิดๆ ชายเล็กมองเพลินแล้วรีบบอกตัวเอง
" เฮ่ย เฮ่ย ชอบคนน้อง ไม่ใช่พี่"
มีลมพัดกรูเกรียวมา บดินทร์ร้องเฮ้ยลุกขึ้นกดแบบแปลนที่จะปลิวไปไว้ ศรีจิตราช่วยสองคนหัวเราะกัน
ที่ระเบียงเสด็จพระองค์หญิงประทับยืนมองลงมายังท้งคู่ ลมแรงนั้นพัดภูษาทรงปลิวไสว เมฆมหึมาเคลื่อนไหวอยู่เหนือตำหนัก เสด็จทรงครุ่นคิดแล้วแย้มสรวลนิด ๆ
รถสปอร์ตของอัศนีย์มาจอดอีก อัศนีย์ก้าวลงมา หยุดยืนพิงรถก่อน ผู้คนแถวนั้นชะงัก วันนี้อัศนีย์แต่งตัวออกแนวลำลอง เสื้อคอเต่าสีเข้ม ทับด้วยสูทลำลองขาว กางเกงขาว รองเท้าสีดำ หมวกแบเร่ต์
ขาว ผู้คนทั้งละแวกประทับใจ มวยมณีแหวกคนมา หอบอกฟองน้ำสะท้อนสะท้าน
"หล่อ วันนี้หล่อลำลอง โอย ต้องไปวิ่งสวนลุมอีกแล้วเรา"
นาฬิกาบอกเวลาเที่ยง สาลินนั่งครุ่นคิดอยู่ ทางด้านหลัง ลลิตา บราลี เก็บของคว้ากระเป๋าเตรียมไปกินข้าว ลลิตาคว้าลิปสติกมาเติมปากให้เยิ้มฉ่ำ บราลีมองอย่างดูแคลนมีเงามาบังแสง สาลินเงยหน้าขึ้นดู เห็นอัศนีย์อยู่ตรงหน้า วางท่านายแบบอยู่
สาลินสะดุ้ง
"เอ๊บ"
"ฮัลโหล สวัสดีครับ"
"ค่ะ"
"ทำไมต้องสะดุ้งเมื่อเห็นผมด้วย"
สาลินยิ้มหวาน
"ฉันอาจจะกำลังคิดถึงคุณอยู่ก็ได้"
อัศนีย์เลิกคิ้วยิ้ม ดวงตาเจ้าชู้พราวแสงออกมา สาลินยังคงยิ้มพริ้มพราย
"ผมถือว่าเป็นเกียรตินะฮะ"
"แต่ว่าฉันอาจจะคิดถึงคุณในแง่ไม่ดี โดยเฉพาะเรื่องที่คุณเอาเรื่องของฉันไปโพนทะนาให้ใครต่อใครเข้าใจผิด"
อัศนีย์ยิ้มอย่างรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว
"ขอโทษจริง ๆ ครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ แต่ยังไง ผมก็ดีใจที่คุณมีผมอยู่ในใจ ถึงจะแง่ไม่ดีก็เถอะ"
สาลินคลื่นไส้หน้าบึ้งขึ้นมานิดหนึ่ง
ลลิตาสวัสดี อัศนีย์โบกมือให้ ลลิตาหัวเราะระริก บราลีทำท่ารังเกียจนายทุน แว่นมองอย่างชังน้ำหน้า
"คุณแสดงความยินดีกับผมหน่อยซีครับ แปลนตึกของผมเสร็จเรียบร้อยแล้ว"
"ขา แปลนตึกอะไรคะ"
"ก็แปลนไนท์คลับที่หรูที่สุดในประเทศไทยไง ข่าวสังคมวันนี้ก็ลง"
สาลินยิ้มเย็นชา
"ข่าวแบบนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับชีวิตฉัน เอ้า ฉันขอให้คุณเจริญก้าวหน้ายิ่ง ๆขึ้นไปก็แล้วกัน"
"โอ ขอบคุณล้านครั้ง แธงค์สมิลเลี่ยน"
จิตริณีเดินกรายมายิ้มแย้มแจ่มใส ไนเจลเดินตามมีอาการว่าจะไปกินข้าวด้วยกัน เห็นอัศนีย์เข้าก็ชะงักกึก
"มิสเตอร์แอสนี่อีกแล้ว"
"ฮัลโหล อาร์นี่ มาหาลินซี่หรือคะ"
"อ๋อ เปล่าค่ะ ฉันคิดว่าคุณอาร์นี่น่าจะมารับคุณจินนี่ไปกินข้าว"
ไนเจลหันมองจิตริณีทำหน้างงๆ
อัศนีย์ทำเนียน
"จริงซี แล้วก็ขอเชิญคุณลินซี่ด้วยนะครับ ไปกันทั้งสองคนแหละดี"
"ต้องขอตัวค่ะ เที่ยงนี้ฉันมีนัดแล้ว"
อัศนีย์ระแวงระวัง
"กับใครหรือครับ"
"กับเพื่อนค่ะ"
"เพื่อนคนนี้มีฐานันดรหรือเปล่าครับ"
"อ๋อ มีค่ะ"
อัศนีย์ชะงัก สาลินยิ้ม
"เป็นฐานันดรที่ 4 กิตติมศักดิ์ค่ะ เพราะเป็นนักข่าวสมัครเล่น สนใจแต่ข่าวสังคมชั้นสูงโดยเฉพาะ" สาลินผายมือไป " โลลิต้ากับแบลลี่ และนายแว่น"
ลลิตาไม่สนว่าโดนกัดถลามา บราลีหน้าบึ้ง แว่นตามมาด้วย ทำท่ากำหมัด
"งั้นผมขอเชิญคุณโลลิต้ากับแบลลี่ด้วย อ้อ นายแว่นไม่ต้อง"
ลลิตาถลามายืนข้างยืดนมยิ้มกับอัศนีย์
"ค่ะยินดีค่ะ...ว้าย"
"แต่แถวนี้ดูเหมือนจะมีผู้สื่อข่าวและกาคาบข่าวเต็มไปหมด เลยไปไม่ได้จริง ๆค่ะ"
สาลินยิ้มดวงตาวาว อัศนีย์ จิตริณีรู้ว่าโดนกัด ทำหน้าเจื่อนไปนิด แล้วยิ้มกลบเกลื่อน
ไนเจลก้าวมามองจิตริณีอย่างร้าวราน จิตริณีสงสารทำหน้าไม่ถูก อัศนีย์ยิ้มหรูก้มหัวให้แต่ไม่ทัก
"ลินซี่ โลลิต้า แบลลี่ ต้องไปกินผม ไอ้แว่นไม่ต้อง"
ไนเจลพูดเย็นชา สาลินสะดุ้ง ลลิตามองพลางแลบลิ้นเลียริมฝีปาก บราลีเซ็งนายจ้าง
"กินกับผมค่ะ"
"ใช่ ๆ กินกับผม ห้ามกินคนอื่น"
"งั้นผมขอยืมตัวจินนี่ไปก่อนนะ"
"คุณไม่จำเป็นต้องขออนุญาต จินนี่ไม่ใช่ไอ้นั่นของผม"
ทุกคนสะดุ้ง
อัศนีย์ไอ้นั่น น่ะมันอะไรครับ
"สมบัติ เธอไม่ใช่สมบัติของผม"
ไนเจลพยักหน้าให้สาลิน ลลิตา บราลี แล้วเดินนำไป 3 สาวถลาตาม
"Enjoy Your Meal"
"Your Meal"
แว่นเดินมาจ้องหน้า อัศนีย์
"วันพระไม่ได้มีวันเดียว คอยดู"
แว่นตามไปด้วยอย่างหน้าไม่อาย จิตริณีมองตามไนเจลสงสาร อัศนีย์อมยิ้ม
อัศนีย์ยักไหล่ยกแขน จิตริณีควงแขนเดินไป
ณ โต๊ะที่ดีที่สุด ของคอฟฟี่ช็อปหรู อัศนีย์นั่งอยู่กับจิตริณี ตรงหน้ามีเหล้าค๊อกเทลสีสวย อัศนีย์แม้พลาดจากสาลินก็ยังแสนดีกับจิตริณี
"เรื่องใบอนุญาตก็เรียบร้อยแล้วหรือคะ"
"ฮะ พ่อผมโทรกริ้งเดียวทุกอย่างก็เรียบร้อย"
"เรื่องหุ้นส่วนล่ะคะ"
"ครบแล้วฮะ แล้วคุณก็เป็นสมาชิกวีไอพีคนแรก ๆ"
"คุณน่ารักจังอาร์นี่"
จิตริณีมองยิ้ม ๆอย่างคุมไว้ แต่ดวงตาซ่อนความหวานไว้ไม่มิด อัศนีย์พอใจ
"ช่วงนี้ผมวุ่นจังเลย ถ้ามีผู้ช่วยซักคนก็ดี"
"ช่วงนี้ฉันกำลังเบื่องานอยู่เลย จ้างฉันเป็นเลขาไหมล่ะ"
"ไม่ได้หรอก อย่างคุณนะต้องเก็บไว้เป็นที่ปรึกษา ถ้าจะเลือกคนที่เด็กกว่าผม จะได้เอ็ด หรือ ดุด่าว่ากล่าวได้"
จิตริณียิ้มรู้ทัน
"นอกจากนั้นก็ยังต้องสวย คล่องแคล่ว และปราดเปรียวด้วยใช่ไหม"
"นั่นไง คุณช่างเป็นที่ปรึกษาที่รู้ใจผมจริงๆ"
"เด็กสาวคนนั้น ฉันก็พอเห็นอยู่ แต่ก็คงยาก เพราะคุณทำให้เด็กตกใจเสียแล้ว"
"เรื่องหญิงก้อยมาอาละวาดที่นี่ใช่ไหม"
"ใช่.....มันเป็นแผนของคุณทั้งหมดใช่ไหม"
อัศนีย์ยิ้มมีเลศนัย
"ถามจริง ๆ เถอะ ทำไปทำไม"
"คุณคิดว่าเด็กสาวอย่างสาลิน ถูกด่าทอว่าแย่งผู้ชายจากหญิงอื่น แถมหญิงคนนั้นเป็นพี่สาวตัวเองเสียด้วย เธอจะทำยังไงต่อไป"
"ก็คง.... ต้องถอยห่างจากผู้ชายคนนั้นให้ไกลที่สุด อ้อ นี่คุณจะทำให้คุณชายรองแตกกับสาลิน"
อัศนีย์ชูแก้วขึ้นชวนดื่ม จิตริณีอ่อนใจ
"ด้วยการหลอกใช้หญิงก้อย คุณนี่ร้ายกาจที่สุด"
"ช่วยไม่ได้ครับ หญิงก้อยก็หลอกใช้ผมไปจูบต่อหน้าคุณชายเหมือนกัน ผมก็ต้องขอคืนบ้าง"
สาลินเดินมานั่งครุ่นคิดอยู่ที่สนามของห้องสมุด รถม.ร.ว. กิจจิราชนรินทร์แล่นมาจอด ลงมาหา สาลินที่ยังไม่รู้สึกตัว เพราะนั่งก้มหน้านิด ๆ มีอาการกังวลวุ่นวายอย่างมาก
คุณชายรองมีแววประหลาดในดวงตา เรียกดังพอควร
"สาลิน"
สาลินสะดุ้ง ลุกพรวด
"คุณเองหรือ"
"ก็ฉันน่ะซี ทำไม เธออยากให้เป็นใคร"
"เปล่า นี่คุณมีธุระอะไร"
"เปล่า ฉันก็...ผ่านมาแถวนี้ เห็นเธอนั่งอยู่ เลยคิดว่าจะพาเธอไปส่งบ้าน"
"ขอบคุณค่ะ แต่ฉันกลับเองได้"
สาลินสะบัดจะเดินหนี กิตติคว้าข้อมือไว้
"นี่เธอเป็นอะไร ฉันคิดว่าฉันพูดกับเธอรู้เรื่องแล้ว นี่เธอมาเล่นแง่อะไรอีก ฮะ!"
"ฉันไม่มีแง่อะไรจะมาเล่น แต่ฉันไม่อยากให้ใครเข้าใจผิด"
"เข้าใจผิด"
สาลินเชิดมากขึ้น
"ฉันกลัวเรื่องหึงหวง"
ชายรองคิดปราดไป ตาขุ่น จังหวะนี้ จิตริณีออกมาจากตึกพอดี แอบฟังอยู่
"หึงหวง อ้อ เธอคงกลัวนายเด็กปั๊มนั่นหึงซีนะ"
"เด็กปั๊ม เด็กปั๊มไหน นี่รู้ไว้ซะ เขาเป็นผู้ตรวจระดับสูงของบริษัทน้ำมัน ไม่ใช่เด็กล้างรถ"
"อ้อ ขอโทษ ที่ไปลดชั้นคนของเธอ"
"นี่ อย่ามาพูดบ้า ๆ นะ ต่อไปนี้คุณเลิกมาที่นี่ มารับมาส่ง หรือพาฉันไปไหนต่อไหนอีกแล้ว"
"เจ้าพลรูปหล่อนั่นมันคงสั่งมาซีนะ ได้ ต่อไปฉันจะไม่มาให้นายคนนั้นของเธอเข้าใจผิดอีก"
"นี่คุณ คนที่เข้าใจผิดน่ะ ไม่ใช่คุณพล แต่คือ...."
"อ้อ แสดงว่ายังมีผู้ชายคนอื่นอีก นายอัศนีย์ หรือบอสของเธอล่ะ"
"เอ๊ะ พูดจาให้เกียรติกันหน่อยนะ"
"ขอโทษที่ไปหลู่เกียรติผู้ชายของเธอ ลาก่อน"
ชายรองขึ้นรถ ปิดประตูบัง สาลินสะดุ้งนิดหนึ่งเชิดต่อ อีกฝ่ายขับรถพุ่งปราดผ่านสาลินไป
ที่มุมหนึ่งจิตริณีแอบดูอยู่ คิดหนัก
เวลาต่อเนื่องมา ชายเล็กจอดรถไว้หน้าตำหนักจะเดินข้ามถนนเข้าตัวตำหนัก
รถชายรองพุ่งปราดมา ชายเล็กกระโจนหลบล้มไปบนสนามหญ้า
"เอ้ย โว้ย"
จรวยอุ้มตาตุ้มอยู่ที่เทอเรซ ร้องว้าย ตาโตเท่าไข่ห่าน
ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์เบรกรถเอี๊ยดก้าวลง ปิดประตูปัง เดินตรงมาหาน้องชาย
คุณชายบดินทราชทรงพลยังนั่งแบะขาถ่างอยู่บนหญ้า งุนงง แปลกใจ ชายรองเข้ามายืนค้ำแล้วกระชากคอเสื้อหิ้วน้องชายขึ้นมา
"นี่ ไปบอกเพื่อนนายได้แล้ว"
"ใครฮะ"
"ก็ไอ้เจ้าพลนั่นว่ามันไม่ต้องมาหึงฉัน ฉันกับแม่คนนั้นไม่มีอะไรกัน"
ชายรองปล่อยมือ ชายเล็กงง ชายรองเดินพรวดเข้าตำหนัก น้องชายรีบตาม
หลังรูปปั้นประดับเทอเรซ จรวยอุ้มลูกยืนนิ่ง ค้างราวรูปสลัก
ม.ร.ว. กิตติเดินปัง ๆ เข้ามาห้องนั่งเล่นตำหนักเล็ก ชายเล็กตามมาทัน
"นี่พี่รองไปเจอ แม่คนนั้นมาอีกแล้วซี"
"ฉันผ่าน เจอเข้าโดยบังเอิญ ก็แวะทัก แต่เขากลับบอกว่าไม่อยากเจอหน้าฉันอีกแล้ว เพราะกลัวไอ้เจ้าพลรูปหล่อมันหึง"
ชายเล็กงงเป็นไก่ชนตาแตก
"หา....เขาพูดแบบนั้นเชียวหรือฮะ"
"ทำนองนั้น"
"ผมว่าพี่รองต้องเข้าใจผิดอะไรซักอย่างแหงๆ"
"ก็เขาบอกฉันเองว่า เขากลัวเรื่องหึงหวง ไม่อยากให้ใครเข้าใจผิด"
"เวร….เฮ้อ"
ม.ร.ว. บดินทราชทรงพลนั่งลงบนโซฟา มองพี่ชายที่ยังยืนโกรธงุ่นง่าน
"ถ้าเขาไม่กลัวไอ้เจ้าเด็กปั๊มนั่นหึง แล้วจะหมายถึงใคร"
"นี่....เจ้าพลรูปหล่อน่ะ มันทำงานตำแหน่งเดียวกับผม ไม่ใช่เด็กเติมน้ำมันนะครับ"
"นั่นไง เขาก็ออกรับแทนเจ้าพลเหมือนแกไม่มีผิด"
"รู้ไหมฮะที่พี่รองพูดและทำมาทั้งหมดน่ะ มันไม่เหมือนว่าเจ้าพลหึงพี่รองหรอกนะฮะ"
ชายรองชะงัก
"แล้วทำไม"
"แต่มันเหมือนพี่รอง หึงเจ้าพลมากกว่า"
ชายรองรู้สึกแปล๊บ
"นี่นายอย่ามาพูดบ้า ๆนะ ไม่มีวัน"
สองชายมองตากัน จู่ ๆมีเสียงตาตุ้มร้องจ้า
จรวยแอบฟังอยู่หลังไซด์บอดร์ตกใจนมกระเพื่อม รีบพาลูกหลบไปทันที
บริเวณซุ้มดอกไม้มีไม้ดอกออกพราว เวลาต่อเนื่องมา ศรีจิตรานั่งอ่านนิทานอยู่อย่างเพลิดเพลิน ดอกไม้บานอยู่รอบตัวราวนางศกุนตลาในภาพของเหม เวชกร จรวยผลุนผลันเข้ามา แล้วทำทีเดินเก็บดอกไม้มาใกล้ ศรีจิตรายิ้มให้ จรวยมานั่งปุบโดยไม่มีใครเชิญ ศรีจิตรามองงงๆ
"อ่านอะไรอยู่คะ คุณศรี"
"นิทานที่คุณชายเล็กให้ค่ะ"
"มิน่า หมู่นี้เห็นคุณชายเล็กมาสังสรรค์กับคุณศรีทุกวัน"
"ไม่ได้สังสรรค์อะไรหรอกค่ะ แต่มาคุยกันเรื่องแบบบ้านที่จะสร้าง"
จรวยยิ้มน่าเกลียด
"แปล๊ก แปลกนะคะ เรื่องเรือนหอนี่มันเรื่องของคุณชายรองแท้ ๆ แต่กลับให้คนอื่นไปจัดการแทน"
"เห็นว่าคุณชายเธอไม่ค่อยว่างนี่คะ"
"ค่ะ คุณชายเธอไม่ค่อยว่าง เพราะอะไร ทราบไหมคะ"
"ดิฉันคงไม่ทราบดีทุกเรื่อง เหมือนคุณจรวยหรอกค่ะ"
ศรีจิตราเหน็บ จรวยยิ้มแป้นราวได้คำชม
"อุ้ย เรื่องลี้ลับซับซ้อนในวัง ไม่มีอะไรรอดหูรอดตารวยหรอกค่ะ คือยังงี้ค่ะ"
จรวยกระเถิบชิดอีก พูดกระซิบกระซาบ
"ตอนนี้ คุณชายรอง เธอไปติดพันผู้หญิงคนใหม่ค่ะ"
ศรีจิตราเจื่อนไป
จบตอนที่ 10