xs
xsm
sm
md
lg

สะใภ้จ้าว ตอนที่ 9

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


สะใภ้จ้าว ตอนที่ 9

สาลินทำหน้างอน ๆ ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์ถอยห่างออกไป
 
สาลินไม่กล้าสบตา เขาแอบยิ้มนิดหนึ่ง ที่นอกร้าน คุณหญิงเทพีเพ็ญแสงสะบัดแยกไป อัศนีย์ตาม

คุณหญิงแยกออกมาตามทางเดิน เหมือนจะหายใจไม่ออก อัศนีย์ตามมา เธอเซเหมือนจะเป็นลม
"คุณหญิง เป็นอะไรรึเปล่าครับ"
"ไม่เป็นไรค่ะ แค่มึนหัว"
"นั่งก่อนดีกว่า"
อัศนีย์ประคองคุณหญิงก้อยลงนั่ง
"ยายเด็กนั่นคือยายเด็กชาวสวน น้องสาวว่าที่คู่หมั้นคุณชายรองใช่ไหมคะ"
"เอ....ผมไม่ยักรู้ นายคุณชายรองมีว่าที่คู่หมั้นแล้วเหรอครับ"
"ค่ะ เป็นพระประสงค์เสด็จป้า ก็เหตุนี้แหละที่ฉันเลิกคุยกับเขา"
"อ้อ.... อย่างนี้นี่เอง"
"แล้วทำไมคุณรองถึงมาพาแม่นี่มาที่นี่"
"เด็กนั่นเป็นบรรณารักษ์อยู่ที่ห้องสมุดฝรั่งที่สุรวงศ์น่ะครับ เห็นว่านายคุณชายไปมาหาสู่ประจำ แถมยังยืมหนังสือ คืนหนังสือกัน แล้วยังพาไปไหนต่อไหนตามลำพังบ่อย ๆ เสียด้วย"
คุณหญิงก้อยมีสีหน้าเจ็บช้ำและแค้น ลุกขึ้นจะตรงไปที่ร้าน อัศนีย์ยึดไว้
"จะทำอะไรคุณหญิง"
"ไปฉีกหน้าทั้งคู่น่ะซีคะ ให้คาหนังคาเขาไปเลย"
"ไม่งามสำหรับคุณหญิงหรอกครับ ในร้านมีลูกค้าอยู่ อีกอย่างถ้าเป็นแบบนี้ แสดงว่านายคุณชายจะทำตัวเป็นพระยาเทครัว รวบทั้งพี่สาวน้องสาว คนมักมากแบบนี้คุณหญิงจะไปสนใจทำไม"
คุณหญิงก้อยยิ่งแค้น เห็นด้วยตามที่อัศนีย์พูด จังหวะนี้ศุภรเดินผ่านมาพอดี อัศนีย์ดึงหญิงก้อยหลบมุม
"หลบก่อนครับ นั่นเพื่อนนายคุณชายมักมาก"
อัศนีย์ดึงม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสงมาโอบไว้ ทั้งคู่หันหลังให้ศุภร ฝ่ายศุภรมองแล้วส่ายหน้า
"เฮ้อ คนสมัยนี้"
ศุภรผ่านไปมา เธอยังอยู่ในอ้อมแขนของอัศนีย์ ช้อนตาขึ้นมองแล้วยิ้มพราย
"อาร์นี่"
"ครับคุณหญิง"
"งานวันเกิดยายติ่ง ฉันขอเชิญคุณไปร่วมงานด้วยนะ"
"เชิญผม แต่ยายติ่งไม่ได้เชิญผมเลยนะ"
"ฉันเชิญเอง ไปงานกับฉัน"
"ในฐานะ"
"สามีเก่าไงคะ"
"สามีเก่าต้องไปเผชิญหน้ากับคนรักเก่า มันจะดีเหรอครับคุณหญิง"
"จะห่วงไปทำไมล่ะคะ ของเก่าด้วยกันทั้งคู่"
คุณหญิงก้อยยิ้มมาดร้าย อัศนีย์ไม่พอใจเล็กน้อย แต่แล้วกลับยิ้มตามอย่างนึกสนุก

สาลินแยกมาดูข้าวของ สีหน้ายังเขิน ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์แอบยิ้ม
"เธอคิดว่าฉันจะซื้ออะไรให้หญิงก้อยดี"
"คุณจะง้อผู้หญิง ก็คงไม่มีอะไรดีเท่าดอกไม้ เอาดอกอะไรก็ได้ที่สวยๆ แล้วก็แพงๆ"
"ทำไมเธอต้องเน้นว่าแพงๆด้วยนะ เธอคิดว่าคนในแวดวงฉัน มีแต่คนหน้าเงินหรือ"
"เปล่า ฉันเห็นว่าคุณเป็นคนมีเงินต่างหาก ควรจะกระจายรายได้ของคุณไปทั่วๆ"
สาลินหยิบช่อดอกไม้สวยที่สุดชิ้นหนึ่งส่งให้คุณชายรอง
"เซ็กส์ซี่เหมาะกับคุณหญิงเทโพที่สุด อุ๊ย"
"อะไรนะ"
"คุณหญิงเทพีเพ็ญแสงค่ะ พูดผิด"
ม.ร.ว.กิตติราชนรินทร์เกือบหัวเราะออกมา แต่รีบทำหน้าขรึม
ศุภรเข้ามาในร้านพอดี จำสาลินได้ มองอย่างสนใจ ก้าวมาใกล้ สาลินยิ้มให้
"นี่ นายจะแนะนำไหมนี่"
"นี่ นายศุภร หุ้นส่วนและผู้จัดการร้านฉัน นี่คุณสาลิน"
สาลินยกมือไหว้เรียบร้อย มารยาทดีขึ้นกว่าอยู่กับคุณชายรองสองคนเท่าหนึ่ง ศุภรรับไหว้
"สวัสดีค่ะ"
"สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ"
"ยินดีเช่นกันค่ะ"
คุณชายรองมองดูความคล่องแคล่ว ไม่มากไม่น้อยเกินอย่างพอใจนิดๆ
"เจออะไรถูกใจ บ้างหรือยังครับ" ศุภรถาม
"ของถูกใจน่ะมีเยอะเลยค่ะ แต่ว่า มันไม่ถูกกับกระเป๋าสตางค์ดิฉัน"
ศุภรหัวเราะ
"ราคานี่ตั้งไว้สำหรับฝรั่งน่ะครับ แต่คนไทยเราลดให้ยี่สิบเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว"
"ขอบคุณค่ะ ก็ยังแพงเกินไปสำหรับฉันอยู่ดี อุ๊ย"
สาลินมองเลยไปด้านหลังศุภร เห็นนาฬิกาบอกเวลา 13.30 น. สาลินตาเหลือก ยกนาฬิกาข้อมือมาดู
นาฬิกาเรือนเดิมของสาลิน หยุดนิ่งที่ 12.00 น. เข็มวินาทีนิ่งสนิท
"ว้าย ฉันต้องกลับแล้ว สวัสดีค่ะ"
สาลินยกมือไหว้ศุภรแผล็บ แล้ววิ่งแน่บออกจากร้านไป 2 พนักงานชะเง้อคิดว่า โจรวิ่งราวแล้วก็คลายใจ คุณชายรองยกมือห้ามร้อง
"เดี๋ยวฉันไปส่ง"
สาลินหายวับไปแล้ว กิตติทำตาปริบๆ
"วิ่งปรู๊ดไปยังกะนกปรอด ฉันรับไหว้ยังไม่ทันเลย" ศุภรบอก
"เขาไหว้นาย แต่ไม่ไหว้ฉัน"
"อ้าว ก็นายสนิทกับเจ้าหล่อนแค่ไหนล่ะ นี่แม่สาวที่ควงกับฝรั่งวันนั้นใช่ไหม"
"นั่นเจ้านายเขา"
"แล้วทำไมเขามาควงกับนาย ไอ้หม่อม"
"เขาไม่ได้มาควงกับฉัน เขาแค่มาช่วยเลือกของขวัญให้ฉัน"
ศุภรมองตามไปยิ้มนิดๆ ชายรองหมั่นไส้
"น่ารักดีว่ะ"
"ทำไมหมู่นี้ถึงได้ยินคนชมโฉมแม่นี่บ่อยเหลือเกิน"
"อ้าว แล้วนายไม่เห็นว่าเขาน่ารักเหรอ"

ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์ทำหน้าเหม็นเบื่อ

ประตูใหญ่เปิดแง้มออก สาลินโผล่หน้าเข้ามา กวาดตามองดูทั่วห้องสมุด
 
ที่เคาน์เตอร์ ลลิตา บราลีนั่งทำงานอยู่ ที่โต๊ะอ่านหนังสือมีผู้ใช้บริการค่อนข้างน้อย ที่ผนังนาฬิกาบอกเวลา 13.45 น. ที่บันไดสู่ห้องไนเจลว่างเปล่า
ลลิตานั่งทำงานไป กินของกินเล่นทั้ง 6 ถุงไป บราลีสะกิดลลิตาดู
สาลินย่องกริบเข้ามาในเคาน์เตอร์ แล้วนั่งลงถอนใจเฮือก จิตริณีตามมาสมทบพร้อมบราลี และลลิตา
"ต๊าย เหมือนตัวย่องตอด" บราลีบอก
"ถ้าบอสรู้ล่ะตายเลย"
"ไม่ต้องห่วงย่ะ ไปกินข้าวเที่ยงยังไม่กลับเลย" ลลิตาบอก
"อุ๊ยตาย กลายเป็นคนไทยไปแล้ว"
สาลินคว้างานมาทำ ปั๊มวันที่ลงในวันคืนเป็นจักรผัน ลลิตา บราลีหมั่นไส้
"ไม่ต้องมาทำขันแข็งตอนนี้ บอกมาซิเธอแว่บไปไหนกะคุณชายนั่น"
"ไปช่วยเขาเลือกของขวัญ"
"คุณอัศนีย์มาหาจ้ะ พอไม่เจอเธอก็กลับไป เอ๊ะ หรือเขาตามไปหาเธอที่ร้านผ้าไหมคุณชาย" จิตริณีบอก
"เปล่านี่คะ"
"นี่ เธอก็รู้ว่าคุณชายกิตติเป็นแฟนคุณหญิงเทพี เทโพ"
"แล้วก็รู้นี่ว่าคุณอัศนีย์เป็นสามีเก่าของคุณหญิงเทโพเหมือนกัน" ลลิตาบอก
"รู้ค่ะ"
จิตริณี ลลิตา บราลีหันมาสบตากัน
"ต๊าย ช่างกล้า" ลลิตาบอก
บราลีบอก "นี่ รู้ทั้งๆรู้ เธอยังจะไปยุ่งกะเขาอีกหรือ"
"อีกหน่อยเถอะ มีหวังคุณหญิงก้อย คงตามมาฉีกอกเธอถึงที่นี่" ลลิตาบอก
บราลีบอก "ตอนนั้นแหละ เธอมีหวังเป็นข่าวแน่"
"แต่ไม่ใช่ข่าวสังคม เป็นข่าวอาชญากรรม พาดหัว 3 นิ้ว"ลลิตาบอก
สาลินทำตาปริบๆ
"จะบ้าเหรอ ฉันไปยุ่งอะไรกับใคร ฉันกำลังช่วยให้คุณชายนั่น คืนดีกับคุณหญิงเทพีเพ็ญแสงต่างหาก"
จิตริณีถาม "ยังไงคะ"
สาลินดึงจิตริณีแยกมาคุยส่วนตัว บราลีมองอย่างหมั่นไส้ ลลิตาคอยืดคอยาวอยากฟัง
"ตามมั้ย" ลลิตาถาม
บราลีบอก "ไม่ตาม มันเป็นเรื่องของปัจเจก"
"แต่ชั้นสนเรื่องของปัจเจก"
สาลินบอก
"เมื่อกี้ที่อีตาคุณชายให้ฉันไปที่ร้านผ้าไหมของเขา เธอให้ฉันให้เลือกของขวัญ จะเอาไปให้คุณหญิงก้อยน่ะค่ะ"
"เขาจะคืนดีกันเหรอคะ" จิตริณีถาม
"คุณชายบอกอย่างนั้น ที่ฉันสงสัยก็คือ ตกลงคุณหญิงก้อยเขาคืนดีกับคุณอัศนีย์ตามข่าวรึเปล่าคะ"
"ข่าวโคมลอยค่ะ อาร์นี่บอกฉันแล้วว่าไม่ใช่เรื่องจริง"
"โล่งอก ถ้าอย่างนั้นงานนี้ คุณชายกิตติคืนดีคุณหญิงก้อยแน่ ๆ พี่สาวฉันก็จะได้พ้นถูกจับแต่งกับอีตาคุณชายเสียที"
"พี่สาวคุณ ถูกจับแต่งกับคุณชาย"
"อุ๊ย" สาลินปิดปากตัวเอง
"เอาล่ะ ฉันพอจะปะติดปะต่อเรื่องได้แล้วว่าทำไมคุณถึงต้องไปยุ่งกับคุณชายกิตติขนาดนั้น"
"ขอร้องนะคะ อย่าเล่าให้ใครฟัง"
"ค่ะ แต่คุณต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฉันฟังก่อน"
"ได้ค่ะ มาทางนี้ดีกว่า มุมสงบดี"
สาลินพาจิตริณีแยกไป บราลีและลลิตาคอยาวมองตาม

วันต่อมา สระว่ายน้ำและบริเวณรอบๆถูกจัดเป็นงานปาร์ตี้วันเกิดแบบค็อกเทล มีลูกโป่งหลากสีประดับตรงนั้น ตรงนี้ รวมทั้งลอยฟ่องอยู่ในสระ มีมุมเครื่องดื่ม มุมอาหาร มุมของหวาน มุมผลไม้ มีร่มหลากสี กระจายทั่วงาน
จิตตินเดินถ่ายรูปทั่วงานโดยเฉพาะกับวิรงรองและจิตริณี วิรงรองแต่งตัวโป๊ แถมยังเป็นเลื่อมสลับสีวูบวับ หม่อมวาณีและศศิรัชนีกำลังจัดเตรียมเค้กอยู่ที่โต๊ะของหวาน เลื่อมประภัส ฉัตรอาชาคอยช่วยอยู่
จิตริณีมองไปทางหม่อมวาณีและคุณหญิงศศิรัชนี
"ติ่ง สองคนนั่นใครน่ะ"
"ก็นี่แหละ หม่อมวาณี หม่อมแม่ยายก้อยกับหญิงกลาง พี่สาว มา จะพาไปรู้จักเจ้ารู้จักนาย"
วิรงรองพาจิตตินและจิตริณีไปหาหม่อมวาณีและศศิรัชนี เลื่อมประภัส ฉัตรอาชาตามมาด้วย
"หม่อมแม่ พี่หญิงกางขา"
"กลางค่ะ" ม.ร.ว. ศศิรัชนีบอก
"ค่ะ กลางค่ะ นี่เพื่อนติ่ง จิตตินช่างภาพกิติมศักดิ์ และนี่จิตริณี เพื่อนชาวนิวยอร์คเกอร์ด้วยกันทั้งหมด"
จิตตินและจิตริณีไหว้หม่อมและหญิงกลาง
"นั่นซี ดูเริ่ดสะแมนแตนกันทุกคนเลย" หม่อมวาณีมองจิตตินอย่างรังเกียจนิดหนึ่ง " เออ...หนูติ่ง"
หม่อมวาณีดึงวิรงรองแยกออกมา
"หวังว่านายนิวยอร์เกอร์อีกคนคงไม่มาร่วมงานด้วยนะ"
"อาร์นี่น่ะเหรอคะ ไม่มาแน่นอนค่ะ ติ่งจะไปเชิญทำไมคะ"
ทางกลุ่มจิตติน...
จิตริณีบอก "ขนมคุณหญิงกลางอร่อยจังเลยค่ะ"
"ขอบคุณค่ะ "
จิตตินหยิบคัพเค้กขึ้นมากัดพร้อมส่งสายตาเจ้าชู้
"แค่ผมได้ชิมคัพเค้กเข้าไปชิ้นเดียว ก็รู้แล้วล่ะครับว่าคนทำต้องสวยมาก แล้วก็สวยเหมือนนางฟ้าจริง ๆ"
จิตตินพูดพลางดึงขวดตันโจติ๊ก มาลูบผมชะโงกของตนเอง คุณหญิงศศิรัชนี จิตริณี เลื่อมประภัส ฉัตรอาชา ต่างหัวเราะกันคิกคัก
"โทษนะคะ ดิฉันไม่ได้ทำคัพเค้กค่ะ"
จิตตินแทบคายทิ้ง
"อ้าว แล้วใครทำล่ะครับ"
"เลื่อมประภัสกับฉัตรอาชาทำค่ะ เราบรรเลงสุดฝีมือเลย" เลื่อมประภัสบอก
"ขอบคุณนะคะคุณจิตตินที่ชมว่าเราสวย"

จิตตินเกือบถุยคัพเค้กออกมา

ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์ถือของขวัญกับช่อดอกไม้ มาพร้อมศุภร และชายเล็ก หล่อกันทั้งสามคน
 
ต่างถือกล่องของขวัญมาคนละกล่อง วิรงรองถลาเข้ามาหา จิตตินตามมาถ่ายรูป จิตริณีและเลื่อมประภัส ฉัตรอาชา เข้ามาช่วยรับของขวัญจากหนุ่ม ๆแล้วแยกไป
"ใครน่ะลูก" หม่อมวาณีถาม
"ไม่ทราบค่ะ" หญิงกลางบอก
จิตตินมองเหล่ ๆ หนุ่มทั้งสาม คุณชายรองไม่ได้ให้ช่อดอกไม้กับวิรงรอง ยังถืออยู่
"คุณชายรอง คุณชายเล็ก สวัสดีค่ะ"
"แฮ็บปี้เบิร์ธเดย์ครับ คุณติ่ง" ชายรองบอก
"Thankyou so much เออ แล้วนี่...คุณ"
"นี่ศุภร เพื่อนผมครับ"
ศุภรยื่นนามบัตรให้
"ผมกับไอ้หม่อมเปิดร้านผ้าไหมอยู่ที่สีลม เชิญอุดหนุนหรือไปทำข่าวได้เลยนะครับ"
"ได้ค่ะ โอว์ ติ่งรู้สึกอบอุ่นจัง"
"อบอุ่นอะไรครับ" ม.ร.ว. บดินทราชทรงพลถาม
"ก็มีสามทหารเสือมาคุ้มครองติ่งไงวันนี้ไงคะ"
สามหนุ่มหัวเราะ จิตตินยิ่งหมั่นไส้
"ยายติ่ง ฉันไปถ่ายรูปหมาจูยายคุณนายสายวรุณดีกว่า ถ่ายคนแถวนี้มันเปลืองฟิลม์ว่ะ"
คุณชายเล็กมองจิตตินอย่างเอาเรื่อง
"คุณติ่งพูดถึงสามทหารเสือ เหมือนจะเกิดสงครามในวันนี้อย่างนั้นล่ะครับ"
"ก็ไม่แน่นะครับ สงครามเจ้ากับไพร่มันมีมาทุกยุคทุกสมัย ตั้งแต่ยุคเทวดากรีกแล้ว"
"เอ....ยุคนี้ไม่มีเจ้า ไม่มีไพร่แล้วละมัง มีแต่นายทุนกับนายทุน...สู้กันด้วยเงิน อวดบารมีว่าใครจะรวยกว่ากัน"
"หรือส่งลูกไปผลาญเงินเมืองนอกได้มากกว่ากันด้วย" คุณชายเล็กว่า
จิตตินทำท่าจะเหวี่ยงกล้องทิ้ง จิตริณีรีบห้าม
"ไปถ่ายรูปฉันดีกว่า จิตติน อย่ามาขวางโลกอยู่แถวนี้เลย"
จิตริณีดึงจิตตินแยกไป
"เชิญร่วมงานดีกว่าค่ะ แล้วก็อย่าพูดเรื่องสงครามเลยนะคะ มันจะเป็นลางไม่ดี สำหรับงานวันเกิดติ่งเสียเปล่า ๆ"

เวลาผ่านไป มุมสงบมุมหนึ่ง คุณชายรองนั่งคุยกับหม่อมวาณี ช่อดอกไม้ยังวางอยู่ที่โต๊ะ
อีกมุมหนึ่ง ดังอึกทึก บรรดาขาแดนซ์กำลังวาดลวดลายกันอยู่ริมสระน้ำ วิรงรองเริงระบำกับกลุ่มจิตติน
จิตริณี เลื่อมประภัส ฉัตรอาชา และเพื่อน ๆ
ชายเล็ก หญิงกลาง ศุภรอยู่ด้วยกัน ศุภรทานเค้กของคุณหญิงกลางอย่างเอร็ดอร่อย ฝ่าย ม.ร.ว. ศศิรัชนีมองอย่างปลื้ม
"ไม่นึกเลยนะครับว่าต้องมาร่วมงานกับคนที่เราไม่ชอบขี้หน้า"
"พูดถึงใครคะ" หญิงกลางถาม
"ก็เจ้าของงานกับเพื่อนฝูงเขาน่ะซีครับ นี่ถ้าพี่รองไม่ชวนมา ผมก็คงไม่มาให้เสียเวลาหรอก"
"นายเล็กพูดตรงใจ ฉันเองก็ไม่อยากมาเหมือนกัน แต่ขัดนายรองไม่ได้"
"คุณเล็ก คุณเองก็จบสเตทมา ศิษย์เก่าอเมริกันเหมือนพวกเขานะคะ"
"ไม่เหมือนครับ พวกผมถูกสอนให้รักในจรรยาบรรณอาชีพของตัวเอง แต่ยายวิรงรองไม่มีจรรยาบรรณในงานข่าวของหล่อน"
"ถูกต้อง เอาข่าวเสีย ๆ หาย ๆ ของคนมาลงหากิน บางทีก็จริง บางทีก็เท็จ ใครจะเสียหายยังไงก็ช่าง เฮ้อ...ไร้จรรยาบรรณแม้แต่เค้กก้อนนี้"
"ทำไมคะ"
"เค็มปี๋น่ะซีครับ สงสัยยายติ่งจะใช้น้ำปลาแทนเกลือ"
หญิงกลางสะดุ้ง
"เออ พี่ศุภรครับ คือ"
"คงไม่อยากให้แขกกินเยอะล่ะมั้ง ยายนี่นอกจากมีอาชีพแส่เรื่องชาวบ้านแล้ว นิสัยส่วนตัวยังเค็มกว่าทะเลเดดซีเสียอีก"
"เค็มไปเหรอคะ" หญิงกลางถาม
"ครับ เค็มมาก ใครเป็นโรคไตทานเข้าไปคงถึงขั้น เด้ด สะมอเร่"
"ตายจริง งั้นคงต้องลดเกลือแล้วล่ะค่ะ อ้อ ใช้เกลือนะคะ ไม่ใช่น้ำปลา"
"เออ หญิงกลาง หมายความว่า"
"ค่ะ ดิฉันทำเองค่ะ"
"กำลังจะบอกว่าผมแกล้งพูดประนามยายติ่งไปอย่างนั้นแหละครับ จริง ๆ เค้กอร่อยมาก"
"เชื่อค่ะ"
"ทำไมล่ะครับ"
"เห็นบ่นว่าเค็ม แต่ทานไปสามชิ้นแล้วนะคะ"
ศุภรหัวเราะแหะ ชายเล็กมองเลยไป ทุกคนในงานมองตาม คนคุมแผ่นเสียงเอาเข็มออกทันที
ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสงก้าวเข้ามาในงาน สวยน่าตื่นตะลึงเหมือนนางพญา วิรงรองตรงไปต้อนรับ จิตตินตามไปถ่ายรูป คุณชายรองและหม่อมวาณีลุกขึ้นทันทีตามไป

วิรงรองจูบแก้มซ้ายขวาหญิงก้อย จิตตินถ่ายรูปตลอดเวลา
"วันนี้เธอสวยบาดจิตบาดใจเหลือเกิน หญิง"
"ขอบใจ สุขสันต์วันเกิดนะติ่ง"
วิรงรองรับของขวัญมา หญิงก้อยตรงมาหากิม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์ที่ยืนรออยู่กับหม่อมวาณี
"ชายรองรออยู่นานแล้วนะลูก ทำไมสายขนาดนี้"
"ลูกแต่งตัวอยู่น่ะซีคะ ให้สวยสมกับที่ต้องมาเจอคุณรอง อย่างที่ฝรั่งเขาว่า เดรส ทู คิล สวยประหาร"
คุณหญิงก้อยส่งสายตาดุจ้องมาที่ชายรอง เขายิ้มรับไม่ได้เอะใจอะไร
"จริงครับ หญิงสวยประหาร จนผมแทบขาดใจ จริง ๆ"
กิตติจับมือหญิงก้อยจุมพิตเบา ๆ วาณี วิรงรองอมยิ้มแล้วรีบแยกไป จิตตินตาม
"ผมรอเวลานี้มานานแล้วนะหญิง"
"รออะไรคะ"
"รอที่จะได้ปรับความเข้าใจกับหญิงน่ะซี"
กิชายรองควงหญิงก้อยเข้าไปในงาน เธอยิ้มหยัน

เขาพาเธอหลบมาห้องส่วนตัว แต่ยังมองเห็นกิจกรรมด้านนอกของสระน้ำ
"หญิงยังไม่ได้ทักทายเพื่อน ๆ เลยนะคะ"
"อยู่กับผมก่อนเถอะ คิดถึงหญิงเหลือเกิน"
ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสงเลิกคิ้ว
"เหรอคะ คิดถึงหญิง หรือคิดถึงหญิงอื่นกันแน่"
"พูดอะไรน่ะหญิงก้อย"
"หญิงแค่รู้สึกว่าช่วงเวลาที่เราห่างกันไป คุณชายอาจจะหันไปหาแม่หญิงชาวสวนคนนั้นไปเสียแล้ว"
"หญิงชาวสวน อ้อ ศรีจิตราน่ะเหรอ ผมถึงต้องพบหญิงวันนี้ไงครับ เพื่อยืนยันว่าผมจะแต่งงานกับหญิงเท่านั้น"
"จะขัดพระประสงค์เด็จป้าเหรอคะ"
"ครับ ผมจะกลับไปทูลเด็จป้าว่าผมตัดสินใจแล้ว ผมจะแต่งงานกับหญิงที่ผมรัก คือหญิงก้อยคนเดียวเท่านั้น"
ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสงเบือนหน้าหนี ซ่อนความรู้สึกเจ็บปวด คุณชายรองเชยคางแล้วจะจุมพิต
เพลงร็อคละตินแว่วมา คุณหญิงก้อยลุกพรวดทันที
"นั่นเพลงโปรดของหญิงนี่ ขอตัวไปสนุกกับเพื่อน ๆ ก่อนนะคะ"

เธอออกไปทันที ชายรองชักสงสัยในท่าทีของหญิงก้อย ตามออกมา

ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์ตามออกมา พบว่า หญิงก้อยกำลังไปรวมกลุ่มเพื่อน
 
จิตติน วิรงรอง จิตริณี เลื่อมประภัส ฉัตรอาชา และชายหล่อล่ำอีกสองนาย จับกลุ่มกันแดนซ์อย่างเมามัน
คุณหญิงกลางเข้ามาหาชายรอง
"ทำไมคืนดีกันเร็วจัง"
"หญิงกลาง หญิงก้อยยังโกรธผมอยู่ใช่ไหม"
"ไม่นะคะ หญิงก้อยดีใจมากที่จะมาพบคุณรองวันนี้ต่างหาก มีอะไรรึเปล่าคะ"
"เปล่าครับ"
บริกรถือถาดเครื่องดื่มผ่านมา คุณชายรองคว้าแก้วมาดื่มรวด หญิงกลางมองอย่างเป็นห่วง

มุมหนึ่ง ศุภรและคุณชายเล็กกำลังคุยกับจิตริณี
"หา....คุณจิตริณีทำงานที่เดียวกับคุณสาลิน"
"ใช่ค่ะ ห้องสมุดสุรวงศ์ คุณชายเล็กรู้จักสาลินด้วยเหรอคะ"
"คือ ไม่รู้ส่วนตัวหรอกครับ ผมฟังจากที่คุณศรีจิตราเล่าให้ฟังน่ะ สวยไหมครับ"
"สวยมาก"
"พี่ศุภรเคยเห็นด้วย"
"ไอ้หม่อมเคยพามาที่ร้าน สวยจนอยากเห็นพี่สาวว่าสวยเท่ากันไหม"
"คนละแบบครับ คนนึงสวยซน คนนึงสวยหวาน"
จิตริณี ศุภรมองหน้ากัน
"ไหนว่าไม่เคยเห็นหน้าสาลินไงคะ"
"อ๋อ....นึกขึ้นได้ว่าคุณศรีจิตราเอารูปถ่ายมาให้ดูครั้งนึง สวยซน ๆ นี่ล่ะครับ"
คุณหญิงศศิรัชนีเข้ามาสมทบ ศุภรยิ้มร่า
"เชิญครับคุณหญิงกลาง เมื่อกี้อย่าถือสาความปากพล่อยของผมเลยนะครับ ที่ติขนมเค้กคุณหญิง"
"ไม่เป็นไรค่ะ เห็นคุณไม่เป็นไตวาย เด้ด สะมอเร่ไปต่อหน้า ฉันก็ดีใจแล้วค่ะ"
ศุภรสะอึก ยิ้มเจื่อน
"ยังโกรธผมอยู่เหรอครับ ถึงสีหน้าไม่สู้ดีอย่างนั้น"
"เปล่าค่ะ ฉันกำลังห่วงคุณรองกับยายก้อยต่างหาก คุยกันแป๊บเดียว ยายก้อยออกมาแดนซ์กับเพื่อน ๆ เสียแล้ว"
ทั้งหมดมองไปยังริมสระ ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสงกำลังเต้นโอบรอบคอจิตติน แล้วโผไปกอดฮาวดี้ หนุ่มหล่อล่ำที่เต้นอยู่ข้างๆ หัวเราะระรื่น หม่อมวาณีวาดลวดลายอยู่กับไบเลย์ หนุ่มหล่ออีกคนในกลุ่มด้วย คุณชายเล็กเข้ามายืนข้างหญิงกลาง
"เอ....มันชักแปลก ๆ นะหญิงกลาง พี่รองว่ายังไง"
"ดูเครียด ๆ ค่ะ"
ทั้งคู่มองไปทางคุณชายรองที่ยังดื่มต่อเนื่อง สีหน้าเอาเรื่อง เลื่อมประภัสวิ่งเข้ามายังกลุ่มชายเล็ก หัวหูกระเซิง
"มานั่งกันอยู่ทำไมคะ มาร่วมเต้นกับพวกเราดีกว่า คุณติ่งเชิญค่ะ"
"ฉันไม่ถนัดค่ะ" ม.ร.ว. ศศิรัชนีบอก
"นั่งเฉยๆกันอยู่ทำไม หนุ่มๆ ไปๆ ไปกันดีกว่า"
ทั้งสองดึงทั้งกลุ่มเข้าร่วมฟลอร์ คุณชายรองมองหญิงก้อยอย่างไม่พอใจขึ้นทุกที เพราะเต้นกับ
หนุ่มล่ำแล้วหันมาทางม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์เหมือนจะยั่ว

รถหรูของอัศนีย์แบบเปิดประทุนมาจอดหน้าตึก อัศนีย์ก้าวลงมาพร้อมช่อดอกไม้และกล่องของขวัญ พนักงานรีบวิ่งเข้ามาดูแล อัศนีย์มองเข้าไปในตัวบ้าน

คุณหญิงก้อยกำลังเต้นอย่างมามันกับจิตติน ชายเล็กเต้นกับหญิงกลาง ศุภรกับจิตริณี วาณีวาดลวดลายกับสองหนุ่มล่ำแบบลืมตาย
จิตตินเต้นไปกระแทกชายเล็กอย่างตั้งใจ จนอีกฝ่ายเซ ต่างมองหน้ากันอย่างเอาเรื่อง จิตตินยิ้มกวนบาทา ศุภรตบไหล่ชายเล็กเชิงปรามว่าอย่ามีเรื่อง ชายเล็กเต้นกับม.ร.ว. ศศิรัชนีต่อ ศุภรโดนสองหนุ่มล่ำกระแทกเข้าบ้าง
"เฮ้ย อะไรกันวะ"
ศุภรผลักอกสองหนุ่มล่ำ ฮาวดี้กับไบเลย์ทำท่าจะรุม ชายเล็กเข้าช่วยศุภรทันที จิตตินเข้ากลุ่มสองหนุ่มล่ำ ทำท่าจะวางมวย
วิรงรองบอก
"พอก่อน พอก่อน ไอ้ฮาวดี้ ไอ้ไบร์เลย์ แยก ๆ นังเลื่อม นังฉัตรจัดการ"
เลื่อมประภัส ฉัตรอาชาดึงสองหนุ่มแยกมาเต้นกับตน สองหนุ่มหยิบขวดตันโจติ๊กมาลูบผม
หญิงก้อยหัวเราะระรื่นชอบใจ ดึงจิตตินมาเต้นด้วยใหม่
วิรงรองบอก "คุณชายเล็ก คุณศุภรเต้นต่อนะคะ สนุกเต็มที่ค่ะ"
"ไม่มีอารมณ์แล้วครับ"
ชายเล็กกับศุภรแยกออกมาอย่างหัวเสีย จิตริณีและหญิงกลางเลยตามมา หม่อมวาณีดึงศศิรัชนีแยกมาคุย
"ยายกลาง ทำไมหญิงก้อยเต้นกับไอ้จิกโกโล่นั่น ทำไมไม่เต้นกับคุณรอง"
"หม่อมแม่เพิ่งสังเกตเหรอคะ"
"ก็แหม....แม่กำลังโชว์เสต็ปกับเจ้าสองหนุ่มนั่น แหม...มันเท้าไฟดีจัง"
"นั่นก็ดูจิกโกโล่ไม่แพ้คุณจิตตินนะคะ"
หม่อมวาณีค้อนลูกสาว แล้วต้องตะลึงเพราะม.ร.ว.กิตติราชนรินทร์เดินตรงมาดึงหญิงก้อยออกมาจากกลุ่ม
"หญิงก้อย หยุดเต้นเถอะ เราต้องคุยกัน"
"คุยตรงนี้ก็ได้นี่คะ"
"ผมอยากคุยตามลำพัง"
"ไม่ค่ะ หญิงกำลังสนุกกับเพื่อน"
"อย่าลืมซี ผมมาวันนี้เพื่อจะเคลียร์กับหญิง ผมจะแต่งงานกับหญิง ลืมแล้วเหรอครับ"
"ไม่ลืมหรอกค่ะ แต่คนที่ลืมน่าจะเป็นคุณรองมากกว่า"
"หญิงพูดอะไร ผมลืมอะไร"
"รู้อยู่กับตัว อย่าให้หญิงต้องลำเลิก ปล่อยค่ะ ที่จริงเราไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้วด้วยซ้ำ"
คุณหญิงก้อยสะบัดมือของกิชายรองออก แล้วหันไปเต้นกับจิตตินต่อ คุณชายรองหัวเสียอย่างแรง แต่แล้วทุกอย่างก็ชะงักงัน เพราะร่างของ อัศนีย์ก้าวเข้ามาในงานด้วยมาดเท่ห์ ชายรองมองอัศนีย์อย่างงุนงง แล้วหันกลับมามองคุณหญิงก้อย
วิรงรองอุทาน "ฉิบหาย"
เลื่อมประภัสบอก "ตายห่ะ"
ฉัตรอาชาโพล่ง"แม่มึง"
ทุกคนตกตะลึง เช่นเดียวกัน
วิรงรองเข้ามาหาอัศนีย์ เลื่อมประภัส ฉัตรอาชารีบตาม จิตตินรีบคว้ากล้องตามไปถ่ายทันที

อัศนีย์ยื่นดอกไม้และของขวัญให้วิรงรอง เลื่อมประภัส ฉัตรอาชารับของไว้แล้วรีบมาวางที่โต๊ะของขวัญ จิตตินถ่ายรูปทุกอิริยาบท
"สุขสันต์วันเกิดครับคุณติ่ง"
"อาร์นี่ มาทำไม ฉันไม่ได้เชิญเธอนะ"
"คุณหญิงเชิญฉัน"

วิรงรองปราม "อย่าทำอะไรเกินกว่าเหตุนะ โดยเฉพาะกับคุณชายรอง"

สะใภ้จ้าว ตอนที่ 9 (ต่อ)

อัศนีย์มองไปที่คุณชายรองและหญิงก้อย พยักเพยิดกับจิตติน วิรงรองดึงอัศนีย์เข้างานทำยิ้มแย้ม
 
"โทษนะคะ เรามีแขกไม่ได้ เอ๊ย รับเชิญมาอีกคน อาร์นี่ของพวกเราค่ะ"
จิตติน ฮาวดี้ ไบร์เลย์ เฮลั่น เข้ามาจับมือเช็คแฮนด์ด้วยความสะใจ อัศนีย์เดินมาไหว้หม่อมวาณี
"สวัสดีครับหม่อม"
"ไม่ยักรู้ว่าเธอมา ติ่งไม่ได้เชิญไม่ใช่เหรอ"
"วันเกิดเพื่อนยังไงก็ต้องมาครับ อีกอย่างจะได้มาพบอดีตภรรยาของผมด้วยไง"
หม่อมวาณีหน้าเชิ่ด อัศนีย์มองไปยังกลุ่มคุณชาย
"คุณชาย เจอกันอีกครั้งนะครับ รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก"
คุณชายรองมองอัศนีย์เขม็ง ชายเล็ก ศุภรเข้ายืนเป็นแผงพร้อมปกป้อง
"คุณหญิง มายเลดี้ของผม"
อัศนีย์ตรงไปหาคุณหญิงเทพีเพ็ญแสง จับมือมาจุมพิต จิตตินถ่ายรูปรัว ทุกคนตะลึง
"อาร์นี่ พวกเรากำลังสนุกกันเลย มาเถอะ"
คุณหญิงก้อยดึงอัศนีย์ไปเข้ากลุ่ม แล้วแดนซ์ต่ออย่างไม่สนใจความรู้สึกของคุณชายรอง
"นี่มันอะไรกันครับพี่รอง"
ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์หน้าแดงด้วยความโกรธ

อัศนีย์แดนซ์กับหญิงก้อย แล้วหยุดพูด
"ผมทำตามที่คุณหญิงต้องการแล้วนะครับ หมดหน้าที่ผมจะกลับล่ะ"
"ยังไม่หมดหน้าที่ค่ะ"
"จะให้ผมทำอะไรอีก เท่าที่ก็ทำร้ายจิตใจใครบางคนมากพอแล้ว"
"เขาควรถูกทำร้ายเหมือนที่เขาทำกับหญิงก่อน"
คุณหญิงก้อยโอบรอบคออัศนีย์ แล้วแดนซ์กันใหม่ วิรงรองแทบร้องกรี๊ดออกมา จิตตินดูอย่างมันในอารมณ์
ด้านหม่อมวาณี คุณหญิงศศิรัชนี คุณชายรองยืนอยู่ไม่ห่าง
"ยายกลาง ไปห้ามยายก้อยเดี๋ยวนี้ ดูซีคุณรองกำหมัดแน่นแล้ว"
ทางด้าน ม.ร.ว. บดินทราชทรงพล ศุภร จิตริณี
"เอาไงดีวะชายเล็ก พาไอ้หม่อมออกไปก่อนดีไหม"
"ไม่ทันแล้วค่ะ"
คุณชายรองเดินตรงไปหาหญิงก้อยดึงออกมาอย่างแรง
"ไปคุยกันข้างนอก"
"ปล่อยนะ คุณชาย หญิงกำลังสนุกอยู่กับคนรักเก่าของหญิง"
"คนรักเก่างั้นเหรอ"
"อ้อ ยังไม่เข้าใจใช่ไหมคะ ใช้คำให้ตรงก็ได้ สามีเก่าก็แล้วกัน"
"หญิงกำลังจะบอกว่า หญิงกลับไปคืนดีกับสามีเก่างั้นเหรอ"
"นี่คือคำตอบค่ะ"
อัศนีย์ยังงง แล้วอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด หญิงก้อยรั้งหน้าอัศนีย์มาจูบประกบปากดูดดื่ม คุณชายรองอึ้ง ทางด้านวิรงรอง เลื่อมประภัส ฉัตรอาชา ตะลึงตาค้าง
วิรงรองโพล่ง "ฉิบหาย"
เลื่อมประภัสบอก "ตายห่ะ"
ฉัตรอาชาเสียงแมนมาก "สัตว์เข็ญใจเอ๋ย"
จิตตินรีบกดชัตเตอร์
หม่อมวาณีเป็นลม ชายเล็กกับหญิงกลางรีบเข้าประคอง ศุภร จิตริณี อ้าปากค้าง
คุณหญิงก้อยคลายจูบ อัศนีย์มองเธออย่างไม่ชอบใจ
"ทำไมทำแบบนี้" ชายรองถาม
"มันคือการเอาคืนค่ะ"
"ถ้าอย่างนั้นนี่ก็คือการเอาคืนเหมือนกัน"
คุณชายรองโผนเข้าหาอัศนีย์ แล้วชกโครมเข้าเต็มหน้า อัศนีย์ล้มเซไปที่โต๊ะ สาว ๆ กรี๊ดพร้อมกัน
จิตตินโพล่ง "เฮ้ย"
อัศนีย์ยันร่างขึ้นได้ ชายรองจะเข้าซ้ำ อัศนีย์สวนหมัดเข้าเต็มหน้า คุณชายเซไปเกือบตกสระ ชายเล็ก ศุภรเข้าช่วยประคอง ฮาวดี้ ไบร์เลย์ จิตติน ถลาเข้ามารุมทันที ศุภรและชายเล็กตั้งการ์ดรับ ทั้งสองฝ่ายเข้าชกตะลุมบอน สาว ๆ ร้องกรี๊ดด ศุภร ชายเล็กถีบฮาวดี้ ไบร์เลย์ กระเด็นไปที่โต๊ะวางเค้ก ล้มระเนระนาด
ม.ร.ว.ศศิรัชนีอุทาน "เค้กฉัน"
เธอคว้าเค้กมาได้ก้อนนึง ฮาวดี้ ไบร์เลย์ทะยานเข้าฟัด จนชายเล็กและศุภร ล้มกลิ้งไปกับพื้น
"ขอร้องเถอะค่ะ ทุกคนหยุด"
วิรงรองพยายามเข้าห้ามบรรดาหนุ่ม ๆ แล้วโดนกระแทกเซออกมาเสียเอง แล้วถลาลงไปในสระ
"แอร๊ย"
วิรงรองตกน้ำตู้ม ทุกคนหยุดกิจกรรมหันมามอง
"ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย"
ทั้งหมดหันมาตะลุมบอนกันต่อ ชายรองได้จังหวะ ชกอัศนีย์เซตกสระไปอีกคน จังหวะเดียวกับที่ จิตตินถูกชายเล็กถีบโครม เซตกสระไปด้วย
เลื่อมประภัส ฉัตรอาชารีบถลามาขอบสระ พยายามจะช่วยวิรงรอง
ฮาวดี้ ไบร์เลย์ ถูกชายรองและศุภรชกพร้อมกัน เซมาถูกสองนาง ตกสระไปทั้งสี่
สามหนุ่ม หน้าช้ำ ศุภรปากแตกเล็ก ๆ มองดูผลงานของบรรดาที่อยู่ในสระ
"ถึงเวลากลับได้แล้ว" ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์บอก
"ครับพี่รอง"
คุณชายรองผ่านหญิงก้อยอย่างไม่ใยดี ตรงไปที่โต๊ะที่วางช่อดอกไม้ แล้วเดินกลับมาที่
ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสงที่ยืนอยู่ข้างพี่สาว หม่อมวาณีนั่งผะอืดผะอมอยู่ที่โต๊ะข้าง ๆ หญิงก้อยหน้าเชิ่ดเหมือนรู้ว่า ยังไง คุณชายรองก็ต้องง้อ แต่ผิดคาด ชายรองส่งช่อดอกไม้ให้หญิงกลาง คุณหญิงก้อยอ้าปากค้าง
"คุณรอง"
"ผมมอบช่อดอกไม้นี้ให้หญิง โปรดรับไว้นะครับ"
"ค่ะ"
"หม่อมครับ ผมขอตัว"
ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์เดินออกทันที โดยไม่ร่ำลาหญิงก้อย เธอโกรธจนตัวสั่น ส่วนชายเล็กและศุภรตามไป
ในสระ จิตริณีและแขกที่เหลือช่วยกันดึงบรรดาคนที่ตกสระขึ้นมา วิรงรองหมดสภาพ เลื่อมประภัส ฉัตรอาชาจะร้องไห้ จิตติน อัศนีย์ ฮาวดี้ ไบร์เลย์ หน้าตามีรอยฟกช้ำกันทุกคน ทะยอยกันขึ้นจากสระ อัศนีย์เดินตรงมาหาคุณหญิงก้อยอย่างเอาเรื่อง กระชากแขน หม่อมวาณีตกใจ
"สมใจคุณหญิงแล้วใช่ไหม แต่บอกตามตรงนะ คุณหญิงทำแบบนี้มันโง่สิ้นดี"
"นี่นายอัศนีย์ นายไม่มีสิทธิ์มาพูดจาเลว ๆ กับลูกสาวฉันแบบนี้"
อัศนีย์ตวาด
"เงียบไปเลยครับหม่อม"
หม่อมวาณีสะดุ้งเฮือก

"อย่าใช้ผมทำเรื่องบัดซบแบบนี้อีก"

อัศนีย์สะบัดแขนของคุณหญิงก้อยทิ้ง ออกจากงานทันที
 
เตะเก้าอี้ที่ล้มขวางอยู่โครมใหญ่ ม.ร.ว.เทพีเพ็ญแสงกรี๊ดออกมาสั้น ๆ แล้วสะบัดเข้าห้องด้านใน
"หญิงก้อย"
หม่อมวาณีรีบตามไป ศศิรัชนีถอนใจ จิตริณีเข้ามาดูช่อดอกไม้
"เป็นไงบ้างคะ"
"ช่อดอกไม้สวยจัง และนี่ค่ะ ยังเหลือเค้กอีกก้อนค่ะ" หญิงกลางบอก
"อุ๊ย ขอทานบ้าง"
วิรงรองร้องโอดครวญลั่น เลื่อมประภัส ฉัตรอาชา ร้องตาม จิตตินคว้ากล้องที่วางอยู่บนโต๊ะมาถ่ายต่อ
"นี่งานวันเกิดฉันนะ ทำไมเป็นแบบนี้"
เลื่อมประภัสบอก "ผ้ายืดหดหมดเลยค่ะ"
"ผ้ามองตากูร์ของฉัน กลายเป็นผ้ามองตามึงไปแล้วค่ะ" ฉัตรอาชาว่า
วิรงรองหลุดไพร่ทันที
" ไอ้ตีน แกจะถ่ายไปทำไมอีก เลิกถ่ายโว้ย"
บรรยากาศยังวุ่นวาย เละเลอะเทอะไปทั้งงาน

คุณชายสองพี่น้องเดินกอดคอกันเข้ามาในโถง หัวเราะกันลั่น หน้าตายังมีรอยฟกช้ำ และเมาไม่ใช่น้อย เสื้อสูทยังเปื้อนคราบเค้กและของกินเป็นด่างๆ ดวง ๆ
คุณชายรองเสียงอ้อแอ้เล็กน้อย
"ฉันไม่น่าเสียรู้หญิงก้อยเลย ตลอดเวลาที่เขาไม่ให้ฉันเจอหน้า ที่แท้ก็กลับไปคืนดีกับผัวเก่า วันนี้เขาเลยมาประกาศเพื่อฉีกหน้าฉันต่อหน้าธารกำนัล"
"หญิงก้อยทำไปทำไมครับ"
"แก้แค้นมั้ง"
"แก้แค้นอะไรครับ"
"ฉันก็ไม่แน่ใจ หญิงพูดจาคลุมเครือ หาว่าฉันลืมเสียเอง รู้อยู่กับตัว เฮ้อ ลืม อะไรฉันไม่รู้เรื่อง"
"หรือว่าเรื่องเก่านั่นแหละครับ ยังโกรธพี่รองที่ไม่บอกความจริงเรื่องคู่หมาย"
"ก็คงอย่างนั้นมั้ง"
"พี่จะทำยังไงต่อ"
"ฉันจะทำอะไรได้นอกจากทำใจ เขาไปคืนดีกับผัวเก่าแล้วแบบนั้น"
"ก็ต้องกลับมาหาคุณศรีจิตรา"
"ฉันไม่แน่ใจเหมือนกัน" คุณชายรองลุกขึ้น "ขึ้นนอนล่ะ ฉันขอบใจแกมากนะที่ช่วยฉันฟาดปากไอ้พวกเศรษฐีนั่น"
"ยินดีช่วยเต็มที่ครับ ยังสะใจไม่หายที่ผมได้ถีบไอ้ตากล้องนั่นตกสระ กวนบาทาตั้งแต่เข้างานแล้ว"
"ฉันก็ชกไอ้น้ำส้มสองตัวนั่นตกสระเหมือนกัน"
"ฮ่ะฮ่ะ ไอ้น้ำส้ม"
สองพี่น้องหัวเราะกันลั่นตึก ม.ร.ว. ดิเรกราชวิทย์เข้ามา จรวยหลบอยู่ในห้องนั่งเล่นฟังความ
"อ้าว อ้าว นายรอง นายเล็กอะไรกัน หัวเราะลั่นบ้านเชียว อ้าว แล้วทำไมหน้าตาเปิดเปิงขนาดนั้น"
"เราเพิ่งไปบู๊กันมาน่ะครับ" ชายเล็กบอก
"กับใคร"
"ผัวเก่าหญิงก้อยครับพี่โต" ชายรองบอก
"หา....นายอัศนีย์น่ะเหรอ"
"ชกตกสระ เป็นลูกหมาตกน้ำเลยครับ"
ชายรองมองหน้าน้องชายแล้วหัวเราะก๊ากอีกครั้ง
"โอย....ไม่ไหวแล้ว ขึ้นก่อนล่ะครับ กูดไนท์พี่โต"
ชายรองตบไหล่พี่ชาย ขึ้นชั้นบนไป
"ยังไงกันนายเล็ก นายรองไปชกผัวเก่าหญิงก้อยจริงเหรอ"
"จริงครับ ต่อหน้ายายก้อยเลย"
"เกิดอะไรขึ้น"
"ก็ยายก้อยจูบผัวเก่าต่อหน้าพี่รอง เย้ยพี่รองน่ะซีครับ"
"เฮ่ย.... ถ้าอย่างนั้นนายรองกับหญิงก้อยก็แตกหักกันเลยล่ะซี"
"ถูกต้องครับ โดนยายก้อยหลอกแบบนี้ ยังไงก็ต้องเลิก ผมขึ้นเหล่าเต๊งล่ะพี่ ทั้งง่วง ทั้งเมา"
"เดี๋ยว นายรองเลิกหญิงก้อย ทำไมดูไม่ทุกข์ร้อนอะไร ยังหัวเราะอยู่ได้"
"พี่รองรู้แล้วล่ะมังครับว่ารักได้ ก็เลิกรักได้เหมือนกัน"
จรวยแอบฟังความทั้งหมด ขัดใจกับเรื่องที่ได้ยิน

ในห้องนั่งเล่นวังรัชนีกุล กลางคืนต่อเนื่อง ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสงนั่งวางท่าบนโซฟาเดียว พนักสูง หม่อมวาณียังผมเผ้าหลุดลุ่ย นั่งมองเป็นห่วงลูก หญิงกลางยืนอยู่ที่โต๊ะเล็กที่วางช่อดอกไม้ของชายรอง ระงับท่าทีไว้
"นี่มันอะไรกัน ทำไมเธอถึงทำบ้าๆอย่างนั้น"
"มันบ้าตรงไหนหรือคะ" หญิงก้อยว่า
"ตรงที่เธอไปยืนจูบอดีตสามี ต่อหน้าคุณชายรอง" หญิงกลางว่า
หม่อมวาณีร้องฮือ หญิงก้อยยักไหล่
"หญิงแค่ขอบคุณที่เขามาส่งเท่านั้นเอง"
"ขอบคุณด้วยปากก็น่าจะพอ ทำไมต้องขอบคุณด้วยริมฝีปากขนาดนั้น"
หญิงก้อยยิ้มหยัน
"โธ่ แล้วนี่ชายรองจะคิดยังไง หญิงเองนัดเขามาเพื่อคืนดี ผู้คนก็รู้กันทั่ว แต่แล้วหญิงกลับพาเจ้าอัศนีย์มาฉีกหน้าเขา"
ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสงลุกขึ้นตาวาว หม่อมวาณีผงะหงาย
"หญิงน่ะหรือคะฉีกหน้าเขา เขาต่างหากที่ฉีกหน้าหญิง"
หม่อมวาณีงง หญิงกลางขมวดคิ้ว หญิงก้อยกรายตัว
"หม่อมแม่กับพี่หญิงเลิกคิดเสียทีว่าเขาเป็นคนดีวิเศษ รักเดียวใจเดียว"
ม.ร.ว. ศศิรัชนีนั่งลงบนโซฟา
"อ้อ แล้วที่จริงคุณรองเป็นยังไงหรือ"
"ตลอดเวลาที่เขาหายหน้าไป เขาไปไหนทราบไหมคะ เขาไปตามรับตามส่งงอนง้อกระซิกกระซี้กับแม่ผู้หญิงคนหนึ่ง มีคนเห็นไม่เว้นแต่ละวัน"
"แต่ที่เขามาขอคืนดีกับหญิงล่ะ" หม่อมว่า
"ค่ะ เขานัดคืนดีกับหญิงวันนี้ แต่เมื่อวานนี้เขายังพานังนั่นไปทานกลางวัน แล้วยังพามาช็อปปิ้งที่ร้านผ้าไหมเขาอีก หญิงเห็นกับตาตัวเอง"
หม่อมวาณีเริ่มโกรธกิชายรอง หญิงกลางมองดูแม่
"ตายจริง ชายรองนะชายรอง ทำกับหญิงได้"
หม่อมวาณีรำพัน หญิงกลางเซ็งทั้งแม่ ทั้งน้อง
"แล้วที่หญิงทำกับเขาล่ะคะ"

"นั่นมันยังน้อยไปค่ะ เขาจะได้รู้ว่าคนอย่างหญิงไม่ใช่คนที่เขาจะมากลับกลอก โผไปทางนั้นที โผมาทางนี้ทีได้"

ม.ร.ว. ศศิรัชนี ลุกขึ้นช้าๆ ยิ้ม
 
"นั่นหญิงพูดถึงชายรองหรือพูดถึงตัวเองกันแน่จ๊ะ"
"พี่หญิง!"
ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสงตาวาวจ้องหน้าพี่สาว ฝ่ายหญิงกลางก็จ้องตอบ แววตาเย็นชา เลิกเห็นใจ เกรงใจ หม่อมวาณีลุกถลามาขวาง
"หญิงกลาง! พูดอะไร"
คุณหญิงก้อยยิ้มอย่างชนะ ที่แม่เข้าข้าง
"อ้อ แล้วช่วยเอาช่อดอกไม้ช่อนั้นไปทิ้งให้พ้นหูพ้นตาหญิงด้วยนะคะ หญิงไม่อยากเห็น"
"ทิ้งได้จ้ะ ถ้าดอกไม้นี้เป็นของหญิง"
คุณหญิงเทพีเพ็ญแสงชะงัก ดูพี่สาวทะนุถนอมดอกไม้ช่อนี้เหลือเกิน
"แต่ดอกไม้นี้คุณรองให้พี่มากับมือ หญิงจึงไม่มีสิทธิ์ทิ้งขว้าง เหมือนที่หญิงชอบทำบ่อยๆ"
หญิงก้อยร้องกรี๊ด ตรงเข้ามายื้อแย่งช่อดอกไม้ หม่อมวาณีตกใจตาเหลือก รื่น โรยก้าวมาอ้าปากค้าง
"เอามานี่นะ"
"ฉันไม่ใช่คนที่เธอจะมาออกคำสั่ง"

ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสงเบิกตากว้าง หม่อมวาณีตกใจ หญิงกลางนั้นตัวใหญ่ไม่บอบบาง เพราะทำงานบ้าน สะบัดสุดแรงจนน้องสาวหมุนคว้างเหมือนนางละครไปล้มลงหน้าประตูห้องสมุด ทรุดนั่งล้มตะแคงมีท่วงท่าอยู่ตรงนั้น
หม่อมวาณีร้องกรี๊ด รื่นโรย แอบสะใจ
วาณีถลาไปประคองลูกสาวคนโปรดมองหญิงกลางอย่างโกรธจัด
"หญิงกลาง หยุดเดี๋ยวนี้นะ อย่ามาแตะต้องหญิงก้อย"
ม.ร.ว.ศศิรัชนีโกรธน้อยใจ
"ได้ค่ะ ต่อไปหญิงจะไม่แตะต้องอะไรหญิงอีกเลย"
หญิงก้อยร้องจิ๊ดๆๆๆ
"หม่อมแม่ หญิงไม่ยอมๆ"
ประตูห้องสมุดเปิดออก ท่านจันทร์ก้าวออกมา
"อะไรกันอีก อะไรกัน วัน ๆ กรีดร้องโหยหวนเหมือนเปรตขอส่วนบุญ"
หญิงก้อยนิ่งงัน
"หญิงกลาง"
"เพคะ"
"ทำอะไรอยู่ก็วางมือก่อนลูก มาช่วยพ่อหาหนังสือหน่อย"
"ได้เพคะ"
คุณหญิงศศิรัชนีถือช่อดอกไม้เดินไปหาพ่อ ท่านจันทร์ผายมือให้เข้าไปก่อน แล้วหันมามองหม่อมวาณี เนตรคมดุดัน
"ฉันจะเขียนหนังสือต้องการความสงบ อย่าให้มีตัวอะไรมาส่งเสียงรบกวนให้ฉันเสียสมาธิเป็นอันขาด แล้วถ้าอยากจะกรีดร้อง โน่นในสวนหลังวัง ไปอยู่กับลิงค่างบ่างชะนี ร้องหาผัวแข่งกับมันโน่น"
ท่านจันทร์ไม่มองลูกสาวคนเล็กเลย ปิดประตูลง หญิงก้อยจะกรี๊ด แต่หม่อมวาณีปิดปากลูกไว้
"ไม่ร้องนะคะ ไม่ร้องค่ะ"
คุณหญิงก้อยร้องไห้กระซิกในอ้อมกอดของแม่ เหมือนเด็กไม่รู้จักโต

วันรุ่งขึ้น ในห้องสมุดมีผู้มาใช้บริการบางตา ที่เคาน์เตอร์ สาลินนั่งใส่บัตรลงในหนังสืออย่างรื่นรมย์ หนุ่มแว่นช่วยจัดบัตรอยู่ข้าง ๆ
"ผมรู้นะคุณสายิ้มอะไร"
"อะไรล่ะคะ"
"ยิ้มเพราะผมมาอยู่ใกล้ ๆ คุณสาไงครับ"
"ค่ะ ฉันมีความสุขมาก"
แว่นยิ้มแก้มปริ
"ขอบคุณครับที่ผมทำให้คุณสามีความสุข ผมเองก็มีความสุขมากเลยครับ"
"ไม่ใช่คุณค่ะ ที่ฉันมีความสุขเพราะฉันช่วยให้คนรักที่เขาโกรธกัน ให้มารักกันใหม่ต่างหาก"
"ผมไม่มีความหมาย ไม่มีตัวตน ไม่มีค่า ไม่มีราคาในสายตาคุณสาเลยเหรอครับ"
"มีค่ะ เดี๋ยวช่วยซื้อก๋วยเตี๋ยวเป็ดให้หน่อย"
"ได้ครับ ก็ยังดี"
บราลีถือหนังสือพิมพ์พร้อมก้านแขวนมา ลลิตาตามมา
"เออ วันนี้มีข่าวซุบซิบอะไรบ้าง"
"มี ลงข่าวคุณชายกิตติกับยายคุณหญิงเทพี" บราลีบอก
"เขากลับมารักกันแล้วใช่ไหม"
"อ่านดูเองก็แล้วกัน"
สาลินรีบเปิดหนังสือพิมพ์อ่าน ภาพข่าวเป็นภาพขาวดำแต่ชัด เป็นรูปอัศนีย์และม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสงยืนจูบกัน เป็นรูปใหญ่มาก
ลลิตา บราลี ดูใหม่แล้วก้มหน้าลงดูรูปเล็กที่มุมขวา เห็น ม.ร.ว.กิตติราชนรินทร์ในกรอบเล็กยืนหน้านิ่ง
สาลินอุทาน "ตายแล้ว"
สาลินดึงไปอ่านบ้าง
"ณ งานวันเกิดคอลัมน์นิสต์ วิรงรองจ๊ะจ๋า รถไฟสองขบวนชนกันอย่างจัง คุณหญิงเทพีเพ็ญแสง นายสถานี ก็เลยจุมพิต อัศนีย์ เถลิงการ สามีเก่าต่อหน้า คุณชายกิตติราชนรินทร์คนรักเก่า"
"เฮ้อ รถไฟสมัยนี้ใช้ถ่านไฟเก่าเป็นเชื้อเพลิง แทนดีเซลนั่นเอง ว้าย!ไฮโซ" ลลิตาว่า
"เฮ้อ ไร้สติสุดๆ" บราลีบอก
สาลินหมดเรี่ยวแรง งงเป็นไก่ตาแตก
"ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้"

สาลินก้มลงดูคุณชายรองในรูปเล็ก อุปาทานเหมือนเห็นชายรองก้มหน้าเศร้าสร้อย สาลินสะท้อนใจ สงสารวูบขึ้นมา

จิตริณีลดหนังสือพิมพ์ลง สาลินนั่งอยู่ตรงข้าม
 
"เป็นเรื่องจริงเหรอคะคุณจิตริณี"
"จริงค่ะ เพราะฉันก็อยู่ในงานนั้นด้วย นี่ดีนะที่ยายติ่งไม่ลงข่าวคุณชายกับอาร์นีย์ชกแลกหมัดกันจนตกน้ำตกท่ากันทั้งงาน"
"คุณชายชกกับคุณอัศนีย์ แล้วคุณชายเลิกกับหญิงเทโพจริง ๆ เหรอคะ"
"ฉีกหน้าเธอขนาดนั้น คงตัดตายขายขาดกันไปแล้วล่ะค่ะ"
"โอย....แล้วพี่สาวฉันจะทำยังไงดี"
ไนเจลเดินเข้ามา ยิ้มแย้ม
"คุยอะรายกันอยู่ครับ"
"อ่านข่าวไฮโซน่ะค่ะ" จิตริณีบอก
"ฉันขอตัวก่อนนะคะ"
สาลินออกไป ไนเจลอ่านข่าว ยิ้มออก
"Good News ข่าวดีจริง ๆ จินนี่ นาย แอสสะหนี่คนนี้ เขากลับไปคืนดีกับเมีย
เก่าเขาแล้ว"
"แล้วเป็นข่าวดียังไงล่ะคะ"
"เขาจะได้เลิกจีบคุณไง จินนี่"
"บอสคะ อาร์นี่ไม่เคยจีบฉันหรอกค่ะ เราเป็นแค่.... เพื่อนกัน"
"จริงนะครับ"
"ค่ะ"
"โอว์ ผมดีใจมาก จนมันพองโต คับติ้วไปหมดแล้ว"
"อุ๊ย....บอสคะ อะไรพองโตจนคับติ้วไปหมดคะ"
"หัวใจน่ะซีครับ พองโตคับเสื้อเลยครับ"
"โล่งอก"
"จินนี่ วันนี้ผมไม่อยากทานคุณแค่กลางวัน แต่อยากทานคุณตอนกลางคืนด้วย"
"หมายถึงทานอาหารกับฉันใช่ไหม"
"ใช่ครับ ผมขอเดทคุณคืนนี้นะครับ"
จิตริณียิ้มหวาน เริ่มเอ็นดูไนเจล

ในห้องโถงตำหนักใหญ่นางข้าหลวง สอางค์ลดหนังสือพิมพ์ลง หน้าเผือด ส่วนมาลา วรรณาที่ชะเง้ออ่านด้วย คนหนึ่งส่งยาดม อีกคนกระพือพัดให้
"จะทำไม ก็ใจแตก หลงตัวเอง ทำอะไรไม่เคยคิดถึงจิตใจใครเลยไง"
มาลา/วรรณาพร้อมกัน "จริงค่ะ คุณแม่บ้าน"
สอางค์ปัดยาดม ปัดพัดไปมองซ้ายมองขวา
"เอ๊ะ นี่เสด็จทรงอ่านแล้วหรือยัง"
"ยังไม่เสด็จลงเลย คงยังมั้งคะ" มาลาบอก
"งั้นอย่าให้ทรงเห็น"
"จะพรมน้ำแล้วทูลว่าเปียกฝนเหมือนเดิมไหมค่ะ" วรรณาบอก
" ไม่ดี เพราะตอนนี้มันหมดฝนไปจะเดือนแล้ว"
สอางค์ มาลา วรรณาชะงัก ทั้งสามไหลรูดลงจากโซฟา พนมมือบังคมเสด็จ พลางทำตาปริบๆ
เสด็จประทับนั่งลง
"โธ่ หม่อมฉันก็ไม่อยากให้ระคายพระทัยน่ะเพค่ะ"
"ช้าไปแล้วละย่ะ ฉันระคายไปเรียบร้อยแล้ว" เสด็จพระองค์หญิงตบโซฟาข้างองค์ " ขึ้นมานั่งนี่สอางค์"
สอางค์ลุกขึ้นมานั่งข้างเสด็จ
"สงสารคุณชายรองนะเพคะ"
มาลาทูล "ถูกฉีกหน้าท่ามกลางมวลมหาประชาคมแบบนี้"
"แล้วยังเป็นข่าวทั่วประเทศด้วยนะเพคะ" วรรณาบอก
เสด็จฯถอนพระทัย
"ก็ดี เผื่อจะตัดใจได้จริงๆซักที เฮ้อ น่าสังเวชยายก้อย สวยแต่รูปจูบไม่หอม เอาแต่ใจตัวเป็นที่หนึ่ง ขืนตามใจชายรองให้แต่งกันไป ชายรองนั่นแหละจะเสียคน"
สอางค์จากหน้าเศร้าค่อยๆเปลี่ยนเป็นยิ้ม
มาลา/วรรณาบอก "จริงเพคะ"
"สอางค์ ต่อไปก็จัดการให้ตารองสนิทสนมกับศรีจิตราให้มากขึ้น"
"แหม เรื่องถนัดเพคะ"
ศรีจิตราเข้ามากราบเสด็จพระองค์หญิง สอางค์เลื่อนตัวพรวดมาประคองยิ้มเชยคาง รักหลาน
"วันนี้อย่าอ่านหนังสือพิมพ์เลยนะลูก มีแต่ข่าวเสียวไส้ เดี๋ยวลงครัวพร้อมป้าทำขนมไปให้นมย้อยกัน"
"จะดีหรือคะ เหมือนเอามะพร้าวไปขายสวน"
"ดีซี มิตรจิต มิตรใจ นมย้อยทำมาฝากเราตั้งกี่ครั้งแล้ว ทำให้ดีๆให้ถึงเครื่องถึงเครา ขี้คร้านคุณชาย เอ๊ย นมย้อยจะติดใจ"
เสด็จส่ายพระพักตร์ มาลาวรรณาซุบซิบกันว่า “ไม่เนียน” ศรีจิตราถอนใจ

ศรีจิตราก้าวเข้ามาในห้อง แล้วลงกลอน เดินไปที่เตียงดึงหนังสือพิมพ์เจ้าปัญหาออกมา แล้วนั่งลงบนเตียง คลี่ดู
ภาพข่าวม.ร.ว.เทพีเพ็ญแสงจูบอัศนีย์ กับม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์ยืนหน้านิ่ง

ศรีจิตราถอนใจ

สะใภ้จ้าว ตอนที่ 9 (ต่อ)

สามสี่วันต่อมา ในสวนตำหนักใหญ่ จรวยยืนอุ้มลูก อยู่หลังซุ้มดอกไม้ ยื่นหน้าไปเห็นศรีจิตราเดินเก็บดอกมะลิใส่ขันเงินมาเรื่อยๆ ก็ก้าวออกไป
 
"อุ้ย คุณศรี สวัสดีค่ะ"
ศรีจิตราหันไป
"สวัสดีค่ะ"
"ตาตุ้ม ธุ คุณน้าศรี เอ๊ะ หรือคุณอาศรี"
"ยังไงก็ได้ค่ะ"
ตาตุ้มมองศรีจิตราแล้วยิ้มเผล่ ศรีจิตราจับแก้มอย่างรักใคร่ จรวยยิ้ม อารมณ์ดีตาม
"น่ารักเหลือเกิน"
จรวยลังเลแล้วส่งลูกให้ ศรีจิตรารับมาอย่างทะนุถนอม
"จมูกจะปาก อะไรน่ารักไปหมด"
ตาตุ้มหัวเราะชอบใจ ศรีจิตรายิ่งรัก จรวยใจอ่อน เมื่อเห็นความอ่อนโยนนั้น
จรวยคิดในใจ "ไม่ได้แกล้งนี่ รักเด็กจริงๆ"
ทันใดจรวยก็ชะงัก ใจสั่ง
" เอ๊ะ ไม่ได้ อย่าใจอ่อน ต้องมาเสี้ยมมัน"
จรวยทำสีหน้านางร้ายมีเลศนัยใหม่ แล้วหันมาหาศรีจิตรา มองซ้ายมองขวา
"เอ่ เอ๊"
"คุณศรีทราบข่าวคุณชายรองไหมคะ"
ศรีจิตรารู้แล้ว แต่ทำหน้าซื่อโกหก
"ข่าวอะไรหรือคะ"
"ก็ข่าวคุณชายรองกับคุณหญิงก้อย คือยังงี้"
จรวยดึงศรีจิตรามานั่งในซุ้มดอกไม้
"ต้นเหตุก็มาจากคุณศรีน่ะคะ พอคุณหญิงรู้เรื่องคุณศรีก็โกรธตัดขาดคุณชายรอง คุณชายรองตามงอนง้ออยู่เป็นเดือน ๆ พอจะคืนดีกัน สามีเก่าคุณหญิงเกิดกลับมาง้อแข่ง คุณชายรองก็เลยหึง เลยงอนกันใหม่"
จรวยตัดเรื่องทุเรศของหญิงก้อยออก ศรีจิตราหน้าหมอง
ศรีจิตราแปลกใจ... " แปลก ไม่ยักกะเล่าเรื่องคุณหญิงจูบสามีเก่าเย้ยคุณชาย"
จรวยมองดูยิ้มสมใจ
"สมน้ำหน้า เล่าแค่นี้ก็หน้าเสียแล้ว" ในใจจรวยบอก
ศรีจิตราเศร้า
"เขารักกันมากใช่ไหมค่ะ"
"รักกันมาเป็นสิบปีเชียวนะคะ ถึงต้องพรากกันยังไงก็หวนมาหากันอีก ตอนนี้คุณชายรองหน้าดำคร่ำเครียด ไม่กินไม่นอน ไม่เป็นอันทำงาน ได้แต่ดื่มเหล้าเมามายทุกวัน บางวันถึงกับสิ้นสติคาขวดเชียวนะคะ สงซ้าน สงสาร"
"หรือคะ" ศรีจิตราคิด "เมื่อเช้ายังเห็นขับรถหน้านวลไปทำงานอยู่เลย"
"แต่ที่น่าสงสารที่สุดก็คือคุณศรี ที่ต้องมาอยู่ในวังวนรักสามเส้านี้ไปด้วย เพราะอีกไม่นาน คุณชายรองกับคุณหญิงก้อยก็คงกลับมาคืนดีกันใหม่ ตัดไม่ตายขายไม่ขาดหรอกค่ะ"
ศรีจิตราคิด "เด็กน่ารัก ไม่น่ามีแม่นิสัยแบบนี้เลย"
ศรีจิตรานั่งซึมกอดตาตุ้มไว้ จรวยมองรู้สึกประสบความสำเร็จ
"โธ่ แล้วตอนนั้นคุณศรีจะเป็นยังไงคะ"
มาลาเรียก " คุณศรีขา คุณศรี"
จรวยสะดุ้งเฮือก ขอตาตุ้มคืน ศรีจิตราส่งให้ จรวยอุ้มลูกลุกขึ้น ศรีจิตราลุกตาม มาลากับวรรณามาถึงพอดี ดึงศรีจิตราห่างออกมา
"ว้าย ออกมาค่ะ คุณศรี ตรงนั้นน่ะ มันมีพิษค่ะ" มาลาบอก
วรรณาเสริม "แค่เข้าใกล้ก็แสบอกร้อนใจไปหมด"
จรวยอุ้มลูกหน้าหงิก
"ดีไม่ดี โดนหนามมันตำ"มาลาบอก
"ทิ่มแทง ให้เจ็บใจด้วยค่ะ"
ศรีจิตราดูเถาไม้ เห็นงดงามดี ก็พูดซื่อๆ
"ไม่เห็นมีเสี้ยนหนามอะไรนี่คะ"
จรวยยิ้ม
"ค่ะ ไม่มีหรอกเสี้ยน"
"แต่มีเสี้ยมค่ะ มีพวกเสี้ยมยุแยงตะแคงแส่" วรรณาบอก
จรวยหุบยิ้ม
มาลาสำทับ "อย่าไปฟังเชียวนะคะคุณศรี"
จรวยหน้าหงิก ตาตุ้มแหกปากร้อง แล้วฉี่ราดออกมารดจรวย
"ว้าย อีเด็กบ้า"
จรวยรีบอุ้มตาตุ้มลนลานกลับไป มาลา วรรณาเท้าสะเอวมองตาม ศรีจิตราขำอมยิ้ม
มาลา วรรณามองมา ศรีจิตราทำสงบใหม่
"โธ่ หน้าหมองเชียว นี่มันคงเอาเรื่องอะไรมาพูดให้คุณศรีไม่สบายใจใช่ไหมคะ" วรรณาว่า
ศรีจิตราหลบตา

คืนนั้น ศรีจิตราอยู่ในชุดนอน นั่งอ่านนิทานหนูน้อยไม้ขีดไฟอยู่ น้ำตาเอ่อ แล้วปิดหนังสือลงน้ำตาไหลพราก
"จบเศร้าจังเลย"
สอางค์เคาะประตู ศรีจิตราวางหนังสือลง
"ยายศรี ลูก ป้าเอง"
สอางค์ถือวิสาสะเข้ามาเห็นศรีจิตราเช็ดน้ำตาก็ถลามานั่งเคียงบนเตียง
"กะแล้วเชียว นี่นังเมียตะเข้สองคน มันเล่าว่านังสะใภ้ก้นครัวมันมาพูดกับหนู นี่มันคงเล่าเรื่องเท็จให้หนูฟังน่ะซี"
ศรีจิตราหยิบหนังสือมาพยายามจะอธิบาย
"เอ้อ คือ..."
"ไม่ต้องเล่าก็ได้ลูก มันคงมาเล่าเรื่องคุณชายรองกะคุณหญิงก้อย อย่าไปฟังมันนะลูก คู่นี้ยังไง ยังไงก็ต้องเลิกกัน หนูจะต้องได้แต่งกับคุณชายแน่แลูกไม่เป็นหม้ายขันหมากอย่างป้าหรอก ฮือ"
ขาดคำสอางค์ก็สะอื้นไห้ ศรีจิตรารีบปลอบจับมือกุมไว้
"โธ่เอ่ย เสด็จพระองค์ชาย ไม่น่าพระชนม์สั้นเลย"

ศรีจิตราคว้าผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาสอางค์

สองสามวันต่อมา ม.ร.ว. บดินทราชทรงพล สวมบท นายพลในชุดหมี สวมหมวกแก็ป
 
นั่งทานข้าวกับสาลินในร้านเสียโป เห็นมวยมณีนั่งอยู่มุมร้านเช่นเดิม ชำเลืองมองคุณชายเล็กอยู่ตลอด สาลินหน้าหงิกหน้างอ
"เป็นอะไรไปครับ หน้านิ่วคิ้วขมวดแบบนี้ คุณมีเรื่องอะไรเหรอ"
"จะเรื่องอะไร ก็เรื่องที่คุณไม่ยอมช่วย"
คุณชายเล็กคิด
"เรื่องที่ผมไม่ช่วย อ้อ....เรื่องที่คุณขอให้ผมมารักพี่สาวแสนดีของคุณน่ะเหรอ"
"ก็ใช่นะซี ตอนนี้อีตาคุณชายชื่อยาวนั่นโกรธกะคุณหญิงแสนสวยนั่นอีกแล้ว เห็นว่าชกตะลุมบอนกับสามีเก่าคุณหญิงเสียด้วย งานนี้คงแตกหัก"
"เขาชกกันเลยเหรอครับ"
"ค่ะ เฮ้อ....ฉันอยากเจออีตาคุณชายนี่อีกจัง"
"อ้าว แล้วทำไมไม่ไปหาเขาที่วังล่ะ"
"ไม่ได้หรอก สองอาทิตย์ก่อนฉันก็เพิ่งไป อีกอย่างเขาอยู่อีกตำหนักนึง ขืนฉันไปเพ่นพ่านบ่อย ๆคงไม่ดี"
"ใช่ฮะ ถ้าคุณไปเพ่นพ่านอยู่บ่อยๆคงเกิดเรื่องแน่"
สาลินไม่ทันสังเกต บราลี ลลิตา แว่นเข้ามาในร้านพอดี แว่นฮึดฮัด
"นั่นใครอีกล่ะครับ"
บราลีบอก "อุ๊ย วันนี้นายพล เด็กปั๊ม"
"นี่น่ะเหรอครับ นายเด็กปั๊มที่ว่า ขี้เหร่จริง ๆ"
"ฉันเชียร์คนนี้ ชนชั้นกรรมาชีพ" บราลีบอก
"ขอฉันพิสูจน์หน่อยนะว่ายังตัวหอมอยู่รึเปล่า"
ว่าแล้ว ลลิตาก็พุ่งตรงมา
"สวัสดีค่ะคุณพล อุ๊ย"
ลลิตาทำเซ พลลุกประคองทันที
"ระวังครับ"
"ขอบคุณค่ะคุณพล วันนี้ประคองลลิตา ไม่ปวดหลังแล้วเหรอคะ"
"นั่นซีครับ ทำไมไม่ปวด แล้วมือใครจับก้นผม"
มวยมณีประคองพลอยู่อีกที มือข้างหนึ่งหายไปแถวก้น
"มือมวยเองค่ะ "
"เฮ้ย!"
พลผงะถอยออก ลลิตาเซ แว่นเข้าประคองแทน
"เรารู้จักกันเหรอ"
"แหม วันนั้นยังมาหลบหลังมวยอยู่เลย เห็นทำท่าเซ ๆ มวยเลยช่วยประคอง"
"ขอบคุณครับที่ช่วย แต่...เชิญกลับไปที่โต๊ะเถอะครับ"
มวยมณีค้อนแล้วสะบัดไป
สาลินถาม "มาทานที่นี่เหรอ ตามฉันมาใช่ไหม"
"ใช่ครับ แล้วก็ไม่นึกเลยว่าจะเห็นภาพบาดตา คุณสาลินกับเด็กปั๊ม"
พลมองแว่นงง ๆ แว่นฮึดฮัดเหมือนจะเอาเรื่อง
"นี่....ที่จริงพวกเราไม่ได้ตามมาหรอกนะ คุณจิตริณีเขาอยากมาทานร้านนี้ก็เลยนัดกันมา"
"เดี๋ยวคุณจิตริณีจะมาเหรอ"
บราลีบอก "ใช่"
พลสะดุ้ง
"งั้น...ผมขอตัวก่อนนะครับ"
พลรีบผลุนผลันออกจากร้าน
"อุ๊ย....ยังไม่ได้จ่ายเงินเลย" สาลินบอก
"แสดงว่าเจ้านี่มันหลอกให้คุณสาเลี้ยงมัน อย่าหลงเชื่อมันอีกนะครับ" แว่นว่า
"ยายโลลิต้า เป็นอะไรน่ะ ดมมือทำไม" บราลีถาม
"ตัวหอมจริง ๆ ด้วย ดมซี" ลลิตาบอก

พลรีบออกมาจากร้าน แล้วเจอจิตริณีพอดี
"อ้าว คุณชายเล็ก"
"เออ.....คุณ จิตริณี"
"มาทานข้าวเสียโปเหรอคะ ฉันกำลังจะเข้าไปทานเหมือนกัน"
"ปละ เปล่าครับ ผมกินร้านข้าง ๆ น่ะ"
พลมองเข้าไปในร้าน สาลินกำลังลุกขึ้นจากโต๊ะ เดินตรงมา
"ผมขอตัวกลับออฟฟิศก่อนนะ"
พลรีบวิ่งไป
"ก็ออกมาจากร้านนี้นี่นา แล้วทำไมบอกว่ากินร้านข้าง ๆ"
สาลินออกมา
"คุณจินนี่ เห็นผู้ชายใส่ชุดหมีผ่านตรงนี้ไปไหมคะ"
"เห็นค่ะ วิ่งหายไปนู่นแล้ว"
"ว๊า ยังคุยไม่จบเรื่องเลย"
"เอ คุณรู้จักคุณชายเล็กด้วยเหรอคะ"
"คุณชายเล็กไหนคะ"
"อ้าว คุณชายเล็ก น้องคุณชายกิตติไงคะ คนที่ใส่ชุดหมีวิ่งไปเมื่อกี้ไง"
"เอ๊ะ....นั่นมันนายพล คนทำงานบริษัทน้ำมันฝรั่งนี่คะ"
"เอ....ยังไงไม่ทราบแล้วค่ะ"
"เข้าใจแล้วล่ะ นายพลกับคุณชายเล็กเป็นเพื่อนกัน ทำงานที่เดียวกัน คงแต่งตัวเหมือน ๆ กันน่ะค่ะ แล้วมาหาอะไรกินแถวนี้ พวกเราเลยสับสน"
"อ้อ ค่ะ"
"หล่อไหมคะ คุณชายเล็ก" สาลินถาม
"หล่อมากเชียวล่ะค่ะ"
"ขี้เก๊ก เหมือนพี่ชายเขาไหม"
"ไม่นะคะ เธอกันเองมาก ๆ เลย"
สาลินอมยิ้ม สองสาวเดินเข้าร้าน
"ผู้หญิงไม่ดีทั้งคู่ เมื่อกี้ก็มาจีบกัน ร้านอั้วซวยกันพอดี"

คืนนั้น ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน รูปคุณหญิงก้อยยังตั้งอยู่ แต่เขานั่งทำงานอย่างปรกติ เมื่อเห็นรูปก็เหลือความยอกแสยงใจนิดหนึ่ง ไม่ได้เจ็บปวด ขมขื่นจนต้องเก็บหรือคว่ำรูปทิ้ง รวมทั้งก็ไม่ได้นั่งมองทอดอาลัยใด ๆด้วย
มีเสียงเคาะประตู คุณชายรองไม่หันไป พอถึงก๊อกที่ 3 ม.ร.ว. บดินทราชทรงพลก็เปิดเข้ามาเลยตามเคย พูดตั้งแต่เข้ามาว่า
"พี่รอง มีคนอยากเจอแน่ะ"
"ใคร"
"น้องสาวของภรรยาในอนาคตของพี่รอง"
ชายรองวางปากกามองดูคุณชายเล็กที่ยังแต่งชุดหมีมานั่งหมิ่นๆขอบโต๊ะ ชายรองถึงขั้นต้องนึกนิดหนึ่ง
"น้องสาว...ศรีจิตรา แล้วนายไปรู้มาจากไหนว่าเขาอยากพบฉัน"
คุณชายเล็กนึกคำพูด ไม่อยากผิดศีลข้อมุสาวาท
"เอ้อ คือว่าเพื่อนคุณสาคนหนึ่งทำงานที่บริษัทน้ำมัน คุณสามาบ่นกับเขาว่า อยากพบพี่รอง"
กิตติงงไปนิดหน่อย
"เขาเลยมาบอกให้นายฟัง"
"ผมก็เลยเป็นเมสเซนเจอร์มาบอกพี่รอง ว่าแต่พี่รองอยากเจอว่าที่น้องสาวภรรยาหรือเปล่า"
"นายอยากเรียกชื่อเขาก็เรียกไป ทำไมต้องใช้คำแทนชื่อบ้าๆด้วย"
"บ้าตรงไหน ก็คุณสาเขาไม่ใช่ น้องสาวว่าที่ภรรยาของพี่รองหรือฮะ"
คุณชายรองอยากลุกขึ้นเตะน้องชายสักที
"เอาให้แน่ ว่าที่น้องสาวภรรยาหรือน้องสาวว่าที่ภรรยา"
ชายเล็กเกาหัว รู้ตัวเหมือนกันว่าตัวเอง กวนบาทา
"ก็เหมือนกันแหละ เขาไม่ใช่น้องเมียในอนาคตของพี่รองหรือ"
"ใครจะไปกะเกณฑ์อนาคตได้ ไปได้แล้ว"

ชายรองทำงานต่อไม่สนใจทำงานไม่หยุด ชายเล็กออกไป

ท้องฟ้าเปื้อน ปนสีสดกระจ่างใส มีเมฆสีขาวกลุ่มใหญ่เคลื่อนไหวพยัพโพยม บนถนนสุริวงศ์
 
ที่ริมทางเท้า สาลิน จิตริณี บราลี ลลิตา แว่นกำลังเดินกลับบ้านมาทางเดียวกันก่อนจะแยกย้าย
จิตริณีพูดกับสาลิน
"หมู่นี้ อาร์นี่หายไปเลยนะคะ"
"ใครคะ" จิตริณีทำตาปริบๆ สาลินต่อ "อ๋อ คุณอัศนีย์ อ้าวแล้วคุณจินนี่เองไม่เจอบ้างหรือคะ"
"ไม่เจออีกเลยตั้งแต่งานวันเกิดยายวิรงรอง"
"ไม่ใช่แค่อาร์นี่นะคะ คุณชายคิตตี้ก็หายไป"
คราวนี้สาลินงงเป็นไก่ตาแตก
"ใครนะคะ"
"คิตตี้ ก็กิตติไง" ลลิตาบอก
"จำไม่ได้เหรอคะ ที่บอสเรียกคุณชายว่าคิตตี้"
แว่นและสาลินหัวเราะพรืดออกมา
"ฮ่ะฮ่ะ คุณชายแมวเหมียว" แว่นว่า
"ดีออก คุณชายแมวเหมียว" สาลินบอก
"เป็นข่าวขนาดนั้น คุณชายคิตตี้คงไม่อยากออกมาเดินโชว์หรอก" บราลีบอก
"หรือไม่ก็เฮิร์ท"
รถคันยาวของ ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์พุ่งพรวดมาจอดเอี๊ยด !
จิตริณี ลลิตา บราลี สาลิน ร้อนวี๊ดพร้อมกัน หนุ่มแว่นร้องเฮ้ย
คุณชายรองก้าวลงจากรถหน้าเรียบตรงมาหาสาลิน
ทั้งกลุ่มโพล่ง "คุณชายคิตตี้ !"
ชายรองนิ่งงง
"อะไรนะครับ"
บราลีบอก "เปล่าค่ะ เราหาเจ้าเหมียวหลงทางอยู่แถวนี้น่ะค่ะ"
แว่นตอบอย่างกวน ๆ "เราเรียกมันว่าเจ้าชายเหมียวเหมียวน่ะ"
ชายรองรู้ว่าโดนกัด แต่ไม่แสดงอาการ
"สวัสดีครับทุกคน"
สามสาวบอก"สวัสดีค่ะ"
"มีคนบอกว่าเธออยากเจอฉัน"
"ใคร ใครบอกคุณ"
"ขึ้นรถซี ฉันไม่ชอบจอดรถพูดกับใครข้างถนน"
จิตริณี ลลิตา บราลี แว่นถอยมารวมกัน มองทั้งคู่ตาไม่กระพริบ สาลินหันมา
"ไปก่อนนะ"
คุณชายรองมองสามสาวหนึ่งหนุ่มแล้วรู้สึกว่าอาจเสียมารมาทเลยค้อมศีรษะนิดๆ ให้
"ผมขอตัวนะครับ"
จิตริณีบอก "เชิญค่ะ คุณชาย"
กิตติเปิดประตูให้สาลินขึ้น
จิตริณียิ้มนิดหนึ่ง ลลิตาเอามือทาบอกหอบนมกระเพื่อม บราลีเกิดอาการไม่รังเกียจไฮโซขึ้นมาทันที
"ว้าย ยิ้มให้ฉัน" ลลิตาว่า
บราลีบอก "อุ้ย ไม่ถือชนชั้น"
"เมื่อวานนายพลเด็กปั๊ม พอเย็นวันนี้คุณชายแมวเหมียว ผมอยากกลั้นใจตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด" แว่นบอก
"อย่าเพิ่งตายนายแว่น ตามไปดูก่อนดีกว่า คราวที่แล้วก็พลาดไปแล้วหนนึง"
"ฉันไม่ตาม มันเรื่องของปัจเจก ไม่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในสังคม" บราลีบอก
"ใช่ ผมก็ไม่ตาม มันเป็นความฟอนเฟะของสังคมศักดินาโดยแท้" แว่นบอก
"แท็กซี่มาแล้ว ตามไหมคะ" จิตริณีบอก
บราลี/แว่น"ตามค่ะ/ ตามครับ"
จิตริณีโบกมือเรียกแท็กซี่ บราลี ลิตา แว่นกรูขึ้นแท็กซี่ทันทีอย่างไม่มีอาการลังเล

ม.ร.ว.กิตติราชนรินทร์ขับรถตรงไป สาลินเอียงหน้าดู เห็นโครงหน้าด้านข้างของคุณชายรอง ผิวขาวแต่ไม่ซีดกลับนวลมลังเมลือง ไรหนวดที่โกนเรียบเขียวจางๆ กรามแข็งแรง ปากดูเป็นสีชมพู ผมดำขลับหวีเรียบ ก็ทำตาปริบๆ เขาเหลือบมา สาลินรีบเชิด
"เลี้ยวเข้ามาในสวนอีกทำไม"
"มันเหมาะที่จะคุยกันแบบส่วนตัว"
"เมื่อกี้คุณบอกว่าใครนะคะที่ไปบอกคุณ"
"น้องชายฉันบอก"
"น้องชายคุณ"
"น้องฉันทำงานที่บริษัทน้ำมัน เขาบอกว่าเพื่อนเขาเป็นเพื่อนเธออีกที"
คุณชายรองเชื่อตามนั้น สาลินทำตาโต
"อ๋อ คุณพล"
"ใครกันคุณพลที่เธอว่าน่ะ"
ชายรองรู้สึกขุ่นใจ ไร้สาเหตุ
"เพื่อนของฉันเองค่ะ ฉันบ่นกับเขาว่าอยากพบคุณ"
"แล้วทำไมต้องบ่นผ่านคนอื่น เธอไม่รู้หรือว่าฉันอยู่ไหน"
"รู้ แต่จู่ๆจะให้ฉันเดินไปหาคุณที่ตำหนักได้ยังไง"
"ก็เธอทำมาหลายหนแล้วไม่ใช่หรือ"
"นี่คุณอย่ามานอกเรื่อง คุณพลเป็นเพื่อนที่แสนดี มีอะไรฉันก็เล่าให้เขาฟัง"
"อ้อ สนิทชิดชอบกันมากซีนะ"
"มากซี..มีอะไร ฉันพูดกับเขาได้ทุกเรื่องแหละ"
สาลินบอกอย่างธรรมดา กิตติหมั่นไส้ขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล หักพวงมาลัยรถขวับ เลี้ยวเข้าไปในประตูทางเข้าสวนสวย ล้อบดถนนดังเอี้ยด
สาลินถลาข้ามเบาะมาเบียดชายรองชนิดแทบจะนั่งตัก สาลินร้องวี๊ด มองคุณชายอย่างโกรธๆแล้วรีบขยับกลับค้อนขวับ ชายรองสะใจแต่ทำหน้าเฉย

สระน้ำกว้างใหญ่น้ำกระเพื่อมไหวเป็นระลอกตามแรงลมยามเย็น มีดอกไม้ร่วงสีสดดารดาษบนสนามเขียว รถจอดลงริมทางเดิน ลงมาจากรถมาเปิดประตูรถให้ สาลินก้าวลงมา ลมเย็นพัดพร่างพรูมา สาลินและ
ชายรองก้าวเดิน ดอกไม้โปรยลงมารอบตัว อารมณ์ดีขึ้นอย่างประหลาด ทั้งคู่ก้าวมาริมน้ำ
ณ ตรงนั้นสระน้ำสะท้อนเมฆเบื้องบนที่กำลังเคลื่อนผ่านฟ้าไป

ที่พุ่มไม้หนึ่ง จิตริณี ลลิตา บราลี แว่นโผล่หัวขึ้นมา ทำท่าเป็นพยัคฆ์สาวนักสืบ
ลลิตาบอก "บรรยากาศแสนหวาน"
"คราวก่อนก็ตรงนี้" บราลีบอก
"โอ โซโรแมนติก" จิตริณีบอก
"ชกเจ้าผิดไหมครับ"
สามสาวเขม่นแว่น

สาลินก้าวไปยืนริมน้ำ กิคุณชายรองตามมายืนเคียงแต่ห่างออกมา พลางแหงนดูต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งยื่นมา
"คราวก่อนเรามาคุยกันใต้ต้นไม้ต้นนี้" ชายรองบอก
"คุณจะจำเอาไว้ทำไม"
"ฉันไม่ได้ตั้งใจจำ แต่ว่ามันจำได้เอง เราเคยมาคุยกันตรงนี้แหละ"
"ใครว่า"
"อ้อ หรือว่าเธอความจำดีกว่าฉัน"
"ไม่ใช่ เรามาอยู่ใต้ต้นไม้ต้นนี้จริง แต่เราไม่ได้มาคุย เรามาทะเลาะกันต่างหาก"
ชายรองมองหน้าสาลิน รู้แล้วว่านิสัยเป็นอย่างนี้
"เอาล่ะ เธออยากพบฉันเรื่องอะไร"
"ฉันเห็นข่าวว่าคุณโกรธกับคุณหญิงอีกแล้ว"
"ใครว่า"
"อ้าว ไม่จริงเหรอ ก็เป็นข่าวโคมลอยน่ะซี"
คุณชายรองแก้แค้น
"ไม่ใช่ ข่าวน่ะจริง แต่ว่าฉันกับหญิงก้อยไม่ได้โกรธกันอีกแล้ว เขากับฉันยังไม่เคยคืนดีกันต่างหาก"
"ฉันว่าคุณหญิงคงแค่ประชดคุณแค่นั้นแหละ อีกหน่อยก็คืนดีกันได้"
สาลินไม่สนใจ พูดคล้ายปลอบจนชายรองขำ
"นี่ธุระของเธอ คือการมาอวยพรฉันอย่างนั้นหรือ"
"เปล่า!"
"แล้วเธออยากบอกฉันว่ายังไง"
"ฉันอยากบอกคุณว่า ตอนนี้ถึงคุณจะอกหักจากคุณหญิง แต่คุณห้ามหันมาหาพี่สาวฉันเด็ดขาด"
ชายรองแกล้งยั่ว
"แม้แต่ให้เขาปลอบประโลมใจฉันบ้าง ไม่ได้เชียวหรือ"
"อย่านะ พี่ศรียิ่งสงสารคนง่ายอยู่ด้วย"

คุณชายรองพยายามกลั้นหัวเราะ แต่กลั้นไม่ไหว หัวเราะพรืดออกมา

จิตริณี ลลิตา บราลี ยิ้นหันมาพยักเพยิดกัน แว่นฮึดฮัด
 
ลลิตาบอก
"หัวร่อต่อกระซิก"
"ไหนบอกว่าอกหัก หัวใจเจียนสลาย" บราลีบอก
"โอ โซ โรแมนติก"
"คุณจิตริณีพูดคำอื่นบ้างก็ได้" บราลีว่า
"โซสวีทแอนด์เซนติเมนทอล"
"ผมอยากชกมัน" แว่นบอก
สามสาวเบื่อ

บริเวณสระน้ำ ในสวนสวย สาลินทำตาปริบๆ
"นี่คุณหัวเราะอะไร มีอะไรตลกนักหนา"
"ฉันเข้าใจดีว่าเธอไม่อยากให้พี่สาวของเธอแต่งงานกับฉัน"
ชายรองหน้าเฉย พูดเรื่อยๆมีเพียงดวงตาขบขัน
"เพราะว่าฉันเป็นคนไม่ดี ขี้โมโห อวดดี เย่อหยิ่ง เห็นแก่ตัว แล้วก็เป็นคนขี้ขลาดพาลพาโลชอบหาเรื่อง"
" อุ๊ย จำได้หมดทุกคำเลย"
สาลินเชิดหน้า
"ใครว่า แต่เพราะคุณชายรักอยู่กับหญิงก้อยต่างหาก"
"แล้ว...ถ้าฉันจะเลิกกับคุณหญิงก้อยให้เด็ดขาดล่ะ เธอจะว่ายังไง"
"หา อะไรนะ"
"เธอจะยอมให้พี่สาวของเธอแต่งงานกับฉันไหม ถ้าฉันจะเลิกกับคุณหญิง"
สาลินตาเบิกกว้าง เซถอยไปนิดหนึ่ง
"ก็มันเรื่องอะไรที่คุณต้องเลิกล่ะ มันไม่ทำให้อะไรดีขึ้นหรอก"
"ใช่มันคงไม่ทำให้อะไรดีขึ้น"
"แหม....คุณพูดยังกะเลิกจริงๆ"
"ฉันคิดอย่างนั้นจริงๆ"
สาลินขยับก้าวมา จับต้นแขนคุณชายอย่างลืมตัว ชายรองเหลือบมองมือแล้วเงยดูหน้า เห็นสายตาใสแจ๋วพูดปลอบพยายามเปลี่ยนใจสุดความสามารถ
"ฉันรู้ว่าคุณกำลังโกรธ กำลังแค้น กำลังอยากประชดใคร แต่ว่ามันไม่มีประโยชน์"
กิตติข่มความขบขันไว้ทำหน้าเฉย
"ทำไมจะไม่มีประโยชน์ ก็ฉันจะได้ตามพระทัยเด็จป้าไง"
สาลินเม้มปาก ปล่อยแขนกิตติ เชิดหน้าถอยมา
"อ้อ คุณตามพระทัยเสด็จป้า แต่พี่สาวฉันต้องมารับบาปแทนคุณ"
"รับบาปอะไรกัน"
"คุณแต่งงานโดยปราศจากความรัก พี่สาวฉันไม่อกหักตายหรือ"
"อ้าว แล้วฉันไม่อกหักเหมือนกันหรือ"
สาลินรีบคิดเหตุผล
"ถึงคุณจะอกหัก แต่พอเสด็จทรงยกสมบัติล้นฟ้าให้คุณ คุณจะไปสำเริงสำราญที่ไหนก็ได้"
มร.ว. กิตติราชนรินทร์เริ่มโกรธ
"อ้าว ถ้าฉันได้สมบัติ พี่สาวเธอก็ต้องได้เหมือนกัน"
"ยังไงผู้หญิงก็เสียเปรียบผู้ชาย คุณจะให้พี่สาวฉันไปหาความสุขนอกบ้านได้ยังไง"
ชายรองก้าวมาเผชิญหน้า
"นี่เธออคติกับฉันเหลือเกินนะ โกรธกันตั้งแต่วันแรก แล้วยังเกลียดมาจนวันนี้"
"ใครว่าฉันเกลียด"
"ไม่เกลียดแล้วทำไมตั้งแง่กับฉันขนาดนี้ หืมม์"
ชายรองจับต้นแขนสองข้างสาลิน จ้องหน้า สาลินไม่หลบตา

สามพยัคฆ์สาวอ้าปากค้าง
ลลิตาบอก "จับมือถือแขน"
บราลีย้ำ "จับไหล่กันด้วยนะ"
"โซ โรแมนติก"
แว่นชกกับต้นไม้ข้าง ๆ
"ฉวยโอกาสแตะเนื้อต้องตัวผู้หญิง"
"เอ ยายสาลินจับคุณชายก่อนนะแว่น" ลลิตาบอก

สาลินมองชายรอง
"นี่ปล่อยฉันนะ คุณกำลังถูกเนื้อต้องตัวฉัน"
"แล้วที่เมื่อกี้เธอถูกเนื้อต้องตัวฉันล่ะ"
"นั่นไม่นับ เพราะฉันเป็นผู้หญิง คุณไม่เสียหาย"
"เห็นไหม บางทีเป็นผู้ชายก็เสียเปรียบเหมือนกัน"
ชายรองปล่อยมือเมินไป สาลินขยับมาอ่อนลง
"ฉันไม่ได้เกลียดคุณ แค่ฉัน....ไม่อยากได้คุณเป็นพี่เขย"
"ฉันจำได้จนขึ้นใจแล้ว"
"ฉันขอโทษที่ฉันเคยว่าคุณแรงๆ เพราะตอนนั้นฉันคิดว่าคุณเป็น....เป็น"
"พวกเซ็กซ์จัด หรือ พวกชอบโชว์"
"ฉันจะพูดว่า ฉันคิดว่า คุณเป็นเสือผู้หญิงต่างหาก"
ชายรองมองหน้าสาลิน ทำตาปริบๆ
"งั้นตอนนี้ เธอรู้แล้วว่าฉันไม่ได้เป็นคนอย่างนั้น"
สาลินนิ่งไป
"พูดมาซิ ฉันไม่ใช่คนอย่างนั้นใช่ไหม"
"ค่ะ คุณไม่ใช่คนอย่างนั้น"
"แล้วยังจะเกลียดฉันอีกเหรอ"
"ก็ทุกครั้งที่เจอกัน คุณชอบชวนฉันทะเลาะ"
"ฉันน่ะเหรอชวน"
"เอาล่ะ บางครั้งฉันก็เป็นคนชวนคุณทะเลาะ แต่พอบ่อยๆเข้า มันก็เลยติดเป็นนิสัย ขอย้ำว่า ฉันไม่ได้เกลียดคุณ ถึงฉันจะชอบทะเลาะกับคุณก็ตามที"
ชายรองฟัง ในใจรื่นรมย์ขึ้นเรื่อย ๆ แอบหันไปยิ้ม
"เออ เธอนี่พิลึกคนจริงๆ"
"ฉันจะถือว่าเป็นคำชม"
"หิวไหม ฉันเป็นหนี้ข้าวที่บ้านเธอมื้อหนึ่ง จะให้ฉันเลี้ยงตอบแทนไหม"
"ไม่ได้"
" ทำไม"
"เพราะคุณเป็นหนี้ข้าวคุณตา คุณยายฉันต่างหาก อีกอย่างนึงนี่ก็เย็นมากแล้ว"
ชายรองยิ้มออก
"แล้วถ้าฉันจะไปเป็นหนี้ข้าวคุณตา คุณยายเธออีกหนล่ะ เธอคิดว่าท่านจะเต็มใจไหม"
"คุณก็ไปถาม คุณตา คุณยาย ดูเองซี"

ชายรองยิ้มน้อยๆเดินไปเปิดประตูรถผายมือ ค้อมตัว สาลินเดินไปขึ้นรถ ชายรองเดินไปขึ้นรถรถค่อย ๆ เคลื่อนออกไป

สะใภ้จ้าว ตอนที่ 9 (ต่อ)

สามสาวก้าวออกจากพุ่มพฤกษ์ ลลิตาค้อนไล่หลังรถ
 
บราลีเอามือทาบอกบอกไม่ถูก จิตริณีเคลิบเคลิ้มอยู่ในภวังค์ฝัน แว่นชกลมไปมา
"เดี๋ยวโกรธกัน เดี๋ยวดีกัน" ลลิตาบอก
"ไปทะเลาะกันต่อที่ไหนก็ไม่รู้" บราลีบอก
"โอ โซ...โรแมนติค"
"ผมอยากอัดมันจริง ๆ"
เสียงห้าวดังมาจากเบื้องหลัง
"อัดใครเหรอฮะ ไอ้เกลอ" มวยมณีบอก
แว่นสะดุ้ง หันมามอง สามสาวมองตามสะดุ้งเฮือก เพราะมวยมณีใส่ชุดสีแสบ มวยสูงเหมือนเสาไฟฟ้า
"นาย เอ๊ย คุณมาทำอะไรแถวนี้" แว่นว่า
"มาหาลำไพ่ เอ๊ย มาวิ่งออกกำลังค่ะ แต่พอค่ำ ๆ อาจเล่นซ่อนหาต่อ"
"ละ...เล่นซ่อนหา กับใครครับ" แว่นถาม
"ก็นักกีฬาที่มาวิ่งแถวนี้แหละไอ้เกลอเอ๋ย ไม่ใช่แค่ซ่อนหานะ อาจจะเล่นแปะโป้งด้วยก็ได้ ชี ๆ แปะ ๆ ชอบว่ะสหาย"
มวยมณีคว้าไหล่แว่นหมับ แว่นหันไปมองสามสาว
"เผ่นครับ"
สามสาววิ่งกระเจิง แว่นวิ่งตาม กลุ่มนักกีฬาวิ่งผ่านมา มวยมณีทัก
"ไปไหนล่ะไอ้เกลอ เฮ้ย...เป่า ยิ้ง ฉุบ กันก่อนไหมวะเพื่อน ใครแพ้โดนเป่า"

เย็นต่อเนื่องมา สองแม่ลูก พุดซ้อนพาชบาทิพย์เดินตรวจปั๊มที่ใกล้ปิด เด็กปั๊ม 2 คนไปนุ่งผ้าขาวม้าอาบน้ำอยู่สุดปั๊มเตรียมกลับ ชบาทิพย์เหล่ตามอง
"จำไว้นะคะลูกขา เกิดเป็นหญิงต้องรักนวลสงวนตัว จะไปตื่นเต้นตาโตกับผู้ชายไม่ได้เป็นอันขาด"
"จ๊ะ เอ๊ย ค่ะ"
รถยุโรปคันยาวเลี้ยวมา สองแม่ลูกตาโตลืมคำเก่าท่านเล่าไว้
"วุ้ย คุณชายรถยาว"
"คุณชายรูปหล่อ"
สองแม่ลูกออกวิ่งมาจนถึงหัวจ่ายน้ำมัน เด็กปั๊มคนนึงก้าวมาถูก พุดซ้อนผลักกระเด็นไป
"ไปไป๊ ฉันดูแลเอง"
รถจอด ชายรองลงมาจากรถ พุดซ้อนกับชบาทิพย์พนมมือไหว้อย่างต่ำ คล้ายทำปัจจุคมนาการ
"พุทธชาติกราบสวัสดีค่ะ คุณชาย"
"เต็มถังใช่ไหมเพคะ" ชบาทิพย์ถาม
ชายรองงงๆ พยักหน้า ชบาทิพย์ไปเติมน้ำมัน พุดซ้อนมายืนประสานมือค้อมไหล่ต้อนรับขับสู้
"คุณชายเสด็จมาถึงนี่ นับเป็นศรีแก่เมืองนนท์เพคะ"
ชายรองอึ้ง สาลินลงจากรถ ชบาทิพย์ยิ้มรับ สาลินเดินมายืนข้างคุณชาย ไหว้ พุดซ้อนรับไหว้ แต่รีบใส่ไฟ
"อุ๊ยหนูสาจ๋า นายพลเขายังมาหาหนูอีกรึเปล่า น้าไม่ค่อยเห็น หรือคราวนี้ไม่แอบย่องเข้าทางหลังสวนแล้ว เข้าหน้าบ้านเปิดเผยไปเลย"
"รู้จักคุณตาคุณยายแล้วนี่คะ เปิดเผยไปเลยก็ดี"
ชายรองมองสาลิน เริ่มขุ่นมัวไร้สาเหตุนิดๆ
พุดซ้อนเหลือบดูคุณชาย
"นายพลนี่ พอล้างหน้าล้างตาแล้ว ก็หล่อเหลือนดาราเหมือนกันนะ ดูละม้ายเหมือน
คุณประจวบ ฤกษ์ยาม..."
สาลินสวนขึ้น
"หนูเห็นกี่ทีก็มอมเหมือนแมวคราว"
"ไม่จริงจ๊ะ พี่สา หนูเห็นสูงหล่อยังกะฝรั่ง"
ชายรองหมั่นไส้
"นี่ ขึ้นรถเถอะ"
คุณชายรองจ่ายเงิน พุดซ้อนยกมือไหว้ สาลินไปขึ้นรถ พุดซ้อนพนมมือค้าง พร่ำพูดขอบคุณคล้ายพูดกับพระสงฆ์ ชบาทิพย์มองคุณชายแล้วอายบิดชายเสื้อแทบขาด
รถเคลื่อนออกไป
"หล่อคนละแบบกับคุณพลนะแม่"
"อุ๊ย...อีนี่ เอ๊ย ลูกขา เอาไปเปรียบกันได้ยังไง เหมือนเอาทองไปลู่กระเบื้อง"
"เป็นพี่เขย พี่สา ดีจังเลย"
"พี่เขยอะไรถึงมารับมาส่งกันบ่อยๆ ฮึ ต้องมีอะไรแน่"
"อะไรยังไงจ๊ะ"
"คะ"
"อะไรยังไงคะ"
"ลูกก็กรองดูซีคะลูกขา เรื่องแบบนี้มันมีบ่อยๆไม่ว่าผู้ดีหรือยาจก"
"เรื่องอะไรวะ"
ชบาทิพย์ครุ่นคิดเกาหัว พุดซ้อนถลึงตา
"อุ๊ย อีนี่ อย่าพูดหยาบค่ะลูกขา จะอะไรก็เรื่องพี่เขยน้องเมียน่ะซี"

พุดซ้อนลอยหน้าพูด ชบาทิพย์ตกตะลึง

ในรถ ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์หน้าเรียบเฉย
 
"แม่ค้าน้ำมันนี่รู้ด้วยหรือว่าฉันเป็นใคร"
"ไม่มีอะไรในละแวกนี้ที่ยายพุดซ้อนไม่รู้"
"แล้วนายพลอะไรนี่คงมาหาเธอบ่อยซีนะ ขนาดแม่ค้าปั๊มน้ำมันยังรู้"
"ใครว่าล่ะ เขาแค่มาหาฉันตอนเวลามีเวรมาตรวจปั๊ม"
"อ๋อ ทำงานหน้าที่เดียวกับน้องชายฉัน"
"น้องชายคุณชื่ออะไรนะ"
"หม่อมราชวงศ์บดินทราชทรงพล"
"อุ๊ยตาย ชื่อยาวกว่าคุณอีก"
ชายรองทำตาคล้ายจะค้อน
"สู้ชื่อพลสั้นๆไม่ได้อย่างนั้นซี"
"ฉันฝากขอบใจน้องชายชื่อยาวกว่าของคุณด้วยก็แล้วกัน ที่อุตส่าห์เป็นธุระให้"
"นายคนนี้ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน"
สาลินยิ้ม
"คล้ายๆกับเธอนั่นแหละ" ชายรองต่อ
"นี่คุณว่าฉันเป็นจอมแส่ซีนะ"
สาลินหุบยิ้ม ตาเขียว
"ฉันไม่ได้ว่า เธอว่าตัวเธอเองต่างหาก"
สาลินตาวาว

เวลาต่อมา ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์ สาลิน คุณตา คุณยาย นั่งอยู่โต๊ะอาหาร จานชามเป็นจานกระเบื้องเนื้อดีที่เก็บไว้ในโอกาสพิเศษ มีกับข้าวราวหกเจ็ดสิ่ง มีอ่างกระเบื้องเคลือบสำหรับล้างมือ ลอยกลีบกุหลาบ ยายพิณมาข้าง ๆคุณชาย ถือโถข้าวกระเบื้องเคลือบ มองอย่างชื่นชมบารมี กิ
"แหม ถ้ารู้ก่อนซักนิดก็จะทำอะไรเพิ่มซักสองสามอย่างนะคะ"
"นี่มันตั้งหกอย่างแล้วนะคะ" สาลินบอก
"ทีหลังคุณชายจะมา ก็บอกล่วงหน้าซีครับ" ตาบอก
"ค่ะ จะได้เตรียมอาหารพิเศษให้ แหมวันนี้มีแต่อาหารพื้นๆ" ยายว่า
"แต่นี้ก็ดูน่ากินทั้งนั้น"
คุณตา คุณยายเอาใจ ชายรองยิ้มน้อยๆขอบคุณ สาลินหมั่นไส้จึงยิ้มเชือดเฉือน
"แหม จะพิเศษยังไงก็ของชาวบ้าน ชาวสวน จะไปสู้กับข้าวชาววังได้ยังไงคะ"
"ใครว่า กับข้าวที่วังน่ะทำอะไรก็ติดจะออกหวาน ฉันก็เลยไม่ค่อยชอบเท่าไร"
"จริงด้วย เดือนก่อนคุณป้าหนูส่งกุ้งเชื่อมกับไข่แมงดาเชื่อมมาให้ กินแล้วพิก๊ล" ตาบอก
"แหม อร่อยออกค่ะ"
"นั่นซี แปลว่าเรื่องกินนี่ เธอเป็นชาววังมากกว่าฉัน"
สาลินเชิดใส่ แล้วทำเป็นนึกได้
"ที่นี่เราไม่ทำออกหวานหรอกค่ะ รสชาติเรากลาง ๆ"
"ผมถึงติดใจไงครับ"
ทั้งหมดหัวเราะยกเว้นสาลิน
"เป็นพระกรุณาหม่อมฉันเหลือเกินเพคะ งั้นขอรับประทานเหวยเลยนะเพคะ" ยายบอก
ยายพิณยกโถตักข้าวแจกรอบวง เริ่มจากชายรองก่อน ยายพิณตักให้ 2 ทัพพีพูน สาลินมองดู แล้วเริ่มสงครามรอบสอง
"ตายแล้ว ยายพิณ"
"ขา อะไรคะคุณสา"
"ตักข้าวอะไรล้นพ้นจานอย่างนั้น คุณชายท่านเป็นผู้ดี กระเพาะท่านเล็ก รับประทานไม่หมดหรอก"
ยายพิณตกใจ ละล้าละลังหน้าเสีย กิตติแอบตาเขียวใส่
"แล้วจะทำยังไงล่ะ เพคะ"
ชายรองยิ้มน้อยๆกับยายพิณ
"เอาเถอะ ข้าวแค่นี้ กระเพาะฉันคงไม่ถึงกับแตกหรอก"
ชายรองมองสาลินอย่างฝากไว้ก่อน
"อู๊ย เป็นพระคุณล้นเกล้าเพคะ แล้วคุณสาแค่ไหนดี"
"เท่าเดิมแหละ"
"ห้า"
สาลินหันมองอึ้ง ทุกคนขำ
"เอ้ายายพิณตักข้าวเถอะ น้ำลายกระเด็นเต็มโถแล้ว"
ยายพิณตักให้คุณตาต่อ สาลินยิ่งโมโห

บริเวณชานเรือนบ้านสวน อาหารถูกเลื่อนลง ของหวานและผลไม้ที่ปอกฟานมาเรียบร้อยถูกนำมาแทน ตาผล เจ้าแกะ ขนสำรับลงไป
ยายพิณส่งถ้วยขนมให้คุณชาย ทำมือหัตถบาศเหมือนประเคนพระ ชายรองเหนื่อยใจ
"บัวลอยเผือก เพคะ"
จากนั้น ยายพิณวางถ้วยให้ คุณตา คุณยาย เว้นสาลิน
"อ้าว ยายสาไม่กินหรือลูก"
"หนูไม่ไหวแล้วค่ะ เมื่อกี้ก็กินข้าวเกือบไม่หมด หนูกลัวต้องแบกไปทิ้งน้ำ"
"หมายความว่าอะไรฮะ" คุณชายถาม
ยายอธิบาย
"อ๋อ...คนโบราณอบรมเด็กน่ะคะ ถ้าเด็กกินข้าวเหลือ ก็จะโดนทำโทษให้แบกข้าวที่เหลือทีละเม็ด ไปทิ้งน้ำจนกว่าจะหมด"
ตาบอก"ต้องทำท่าแบกกันหลายเที่ยวเลยนะครับ"
สาลินยิ้ม

"พอทิ้งน้ำ ก็ทำเสียงดังตูมด้วยนะคะ"

ชายรองยิ้มมองดูความรักความผูกพัน
 
การเลี้ยงดู ของตา ยาย ต่อสาลินในใจซึมซับเข้าไว้ สาลินมองมาเห็นสายตาก็หุบยิ้ม ชายรองวางหลุมดัก
"เธอไม่กินขนมหน่อยหรือ"
"ไม่ล่ะคะ ไม่ไหวแล้ว"
"งั้นก็แปลว่าเธอเป็นผู้ดี กระเพาะเล็กกว่าฉัน"
สาลินตาเขียว รู้ว่าหลงกล คุณตา คุณยายไม่รู้ว่ามีสงครามเกิดขึ้น
"ไม่ใช่แล้วล่ะครับ คุณชาย แม่คนนี้บทจะกินขึ้นมาละก็ ส้มสุกลูกไม้หมดเป็นเข่งๆ" ตาบอก
"เป็นชูชกหญิงเชียวล่ะคะ วันนั้นนะคะทุเรียน"
สาลินเบรก
"คุณตา คุณยาย เอามาเล่าทำไมคะ"
คุณชายทำหน้าเฉยชา ดวงตาระยิบระยับกลั้นหัวเราะและสะใจ สาลินอ่านออก ตาเขียว
คุณตา คุณยายสบตากัน เริ่มรู้สึกอะไรยังไง คุณยายจึงถาม
"อ้อ หนูศรีเป็นยังไงบ้างคะ"
"ก็สบายดีครับ"
"คุณรู้ได้ยังไงว่าพี่ศรีสบายดี" สาลินถาม
"ก็น้องชายฉัน เขาหมั่นไปดูแลถามทุกข์สุขอยู่บ่อยๆ"
"คนที่ทำงานบริษัทน้ำมัน ที่ชื่อยาวไม่แพ้คุณน่ะหรือ"
"ใช่ ไม่สั้นเหมือนชื่อพลหรอก"
อะไรบางอย่างทำให้ชายรองพูดถึงชื่อนั้นอย่างหมั่นไส้อีก สาลินแปลกใจ แต่คุณตา คุณยายแปลกใจกว่ามองดูทั้งคู่ คุณยายนิ่งนิดหนึ่งแล้วคุยต่อ
"ดิฉันกับคุณตา ไม่เห็นแม่ศรีมาซักสองปีแล้วเห็นจะได้"
ชายรองอึ้งไปนิด "หรือ" แล้วบอกกับสาลิน "ความจริงเด็จป้าขอให้เธอช่วยพาศรีจิตราไปไหนต่อไหนไม่ใช่หรือ"
"ก็นัดกันไว้ว่า วันอาทิตย์หน้าจะไปดูผ้ากันค่ะ"
"งั้นอาทิตย์ไหน ซักอาทิตย์นึง เธอก็พาพี่สาวมาที่นี่บ้าง"
สาลินตาโตมองดูชายรอง ตำแหน่งที่เขานั่งตรงกับโป๊ะไฟ เหมือนมีรังสีเทพแห่งความเมตตาแผ่เรืองรองจากหัว สาลินยิ้มออก หันไปมองคุณตา คุณยาย
"ดีไหมคะ คุณตา คุณยาย"
คุณตา คุณยายดีใจพยักเพยิด สาลินหันมายิ้มหวานให้ ชายรองทำหน้าพิกล

กลางคืน สาลินอาบน้ำแล้ว หน้าตาสดใสเตรียมตัวนอน แล้วเปิดอับกระเบื้องเคลือบ หยิบแป้งเม็ดหน้ากระจกมาบี้ให้ละเอียด ประตามคอ แขน และหน้าลายพร้อยคล้ายตุ๊กแกหันมา เห็นคุณยายยืนลายพร้อยอยู่ใกล้ๆ สาลินทำตาปริบๆ
"มีอะไรหรือคะ"
"วันนี้หนูไปหาพี่เขาอีกหรือ คุณชายถึงได้มาส่ง"
"เปล่าค่ะ เขาไปเจอหนูแถวห้องสมุด หนูกับเขามีธุระคุยกันนิดหน่อย"
คุณยายนั่งลงบนที่นอน
"คุยกันเรื่องอะไร"
"เรื่องที่เขาจะแต่งกับพี่ศรีน่ะคะ"
คุณยายครุ่นคิด
"แล้วนี่พี่ศรีเขารู้หรือเปล่า เรื่องที่คุณชายมาสนิทสนมกลมเกลียวกับหนู"
สาลินตาเบิกโพลง
"ใครบอกคะว่าเขามาสนิทสนมกลมเกลียว วันนี้น่ะเป็นครั้งแรกเชียวนะคะที่เขาพูดดี ๆ กับหนู....และหนู...ไม่จิกกัดเขา"
ยายตบอกผาง
"นี่แม่คุณ พูดจาให้มันสมกับเป็นลูกผู้หญิงหน่อยได้ไหม"
"แต่ลงท้ายก็อดไม่ได้ค่ะ ก็เลยแขวะกันอีก หนูคงชอบทะเลาะกับเขา"
"เออ ดีจริง แม่ เดี๋ยวก็...."
"เดี๋ยวก็อะไรคะ"
สาลินไม่รู้จริงๆ ว่าคุณยายกังวลเรื่องอะไร คุณยายตัดสินใจไม่พูด
"ไม่มีอะไร สวดมนต์ แล้วนอนเถอะลูก"
คุณยายลูบหัว สาลินจูบแขนเหี่ยวลายพร้อยอย่างรักใคร่ คุณยายออกไป
สาลินหันมาดูกระจกเงา แรื้อค้นหยิบลิปสติก 1 แท่ง ลิปมัน 1 แท่ง ออกมา แล้วชะงัก
ก้นกระเป๋าอันรกเรื้อ มีผ้าอะไรอย่างหนึ่งซุกอยู่ สาลินดึงมันออกมาคลี่ดู พบว่าเป็นผ้าเช็ดหน้าผู้ชายผืนใหญ่ มีรอยด่างของน้ำมันจางๆ
สาลินอ้าปากค้าง

ในร้านผ้าไหมกิ คุณชายรองส่งผ้าเช็ดหน้าให้ สาลินรับมาเช็ดมืออย่างประชดประชัน
"ว้าย ซุกอยู่ในนี้ชาตินึงแล้ว"
สาลินเอามาดมดู
"ยังมีกลิ่นไข่นกกระทาอยู่เลย อี๊"

ยายพิณวางขดยากันยุงลงใกล้ๆ คุณตานั่งพิงหมอนขวานฟังวิทยุอยู่ คุณยายเดินลายพร้อยมานั่งลง คุณตามองดู
"ฉันว่ามันแปลกๆ นะคุณ"
"อย่าเพิ่งคิดอะไรให้มันมากความเลย ไม่มีอะไรหรอก"
สองยายตาคลายใจ ยายพิณยื่นหน้ามา ลายพร้อยกว่าคุณยายและสาลิน
"งามสมกันนะคะ งามเหมือนสุริยันจันทรา"
"เฮ้ย ยายพิณ แกจะบ้าเหรอ"
"พี่เขยกับน้องเมีย แกจะมาจับคู่อะไร" ยายบอก
"อุ๊ย แหมอิฉันลืมไปเลยค่ะ"

ยายพิณตบอกผาง ผ้าแถบหย่อนจนต้องขยับเหน็บใหม่ สองตายายพลันกังวลขึ้นมาอีก

หน้าห้องนอนมีเสียงฮัมเพลงดังมา ม.ร.ว.บดินทราชทรงพลเดินผ่านชะงัก ค่อยๆ แง้มประตูห้องพี่ชายดู
 
คุณชายรองอยู่ที่เครื่องเล่นแผ่นเสียงเปิดเพลงเบาๆ แล้วฮัมคลอตาม ชายเล็กโผล่เข้ามา
"แต่ก่อนเคาะสามทีแล้วเข้ามาเลย เดี๋ยวนี้ถึงขั้นไม่เคาะเลยหรือ"
"โธ่ ผมได้ยินเสียงฮัมเพลงดังแว่วมา คิดว่าผีหลอก เลยเข้ามาดู"
ชายรองทำตาปริบๆ
"เสียงฉันฮัมเพลง ไม่ใช่เสียงผี"
"ก็ร้อยวันพันปี พี่รองเคยฮัมเพลงที่ไหน เพิ่งเคยได้ยินนี่แหละ นี่เพิ่งกลับหรือครับ"
"ฮื่อ"
"ไปไหนมาฮะ"
"ไปเมืองนนท์"
ชายรองเดินไปนั่งเก้าอี้ที่โต๊ะเขียนหนังสือ ชายเล็กอ้าปากค้างนิดๆ เดินตาม
"นี่พี่รองไปพบคุณสา เอ้อ สาลินมาแล้วหรือครับ"
"ทำไม ไม่เรียกว่าว่าที่น้องสาวภรรยาในอนาคตอีกล่ะ"
ม.ร.ว.บดินทราชทรงพลอ้อมมาข้างโต๊ะ มองหน้า
"คุณสา..ลินมีธุระอะไรกับพี่รองหรือฮะ"
"ไม่มีอะไร นอกจากพูดเป็นแผ่นเสียงตกร่องว่า ไม่อยากให้ฉันเป็นพี่เขยในอนาคตของเขา"
บนโต๊ะมีบิสกิตกับนม ชายเล็กคว้ามาแทะกินหมับๆ
"แล้วพี่รองว่ายังไง"
"ก็บอกว่าฉันจะคิดดูให้ดีก่อนซี เออ นี่เพื่อนนายเขาไปติดพันแม่คนนี้อยู่เหรอ"
ชายเล็กจิบนม
"เพื่อนผม ใครกันฮะ"
"ก็เพื่อนนายที่ชื่อพลไง"
คุณชายเล็กสำลักนมพรวด เกือบโดนพี่ชาย นิ่วหน้า
"พี่รองไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน"
"จากแม่ค้าปั๊มน้ำมันน่ะซี"
"โอ๊ยโย่ นี่พี่รองเจอยายพุดซ้อนแล้วหรือ"
"ยังไง เพื่อนนายไปติดพันเขาอยู่ใช่ไหม"
"ง่า ไม่รู้ ไม่ทราบ ไม่มีข้อมูลครับ"
"เอ๊ะ แล้วทำไมนายรู้จักคุณนายพุดซ้อน"
"ผมก็เคยไปตรวจปั๊มแถวนั้นเหมือนกันแหละ" ชายเล็กหาว "ผมไปนอนแล้ว"
ม.ร.ว. บดินทราชทรงพลเดินพรวดพราดออกไป กิตตินิ่งแล้วเปิดไดอารี่ออก
ดอกปีปสองดอกนั้น กลายเป็นที่คั่นไดอารี่ไปแล้ว
กิตติลงมือเขียนไดอารี่ เหมือนดอกไม้แห้งเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน บนโต๊ะที่เคยวางกรอบรูปขแง ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสง บัดนี้ ถูกคว่ำหน้าลงกับโต๊ะเสียแล้ว

ศรีจิตรานั่งอ่านนิทาน Beauty and the Beast อยู่บนเตียง ใบหน้ายิ้มน้อยๆ แล้วปิดลงวางไว้ที่โต๊ะหัวเตียง ลุกมาที่หน้าต่าง มองไปยังห้องนอนคุณชายรอง เห็นม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์เดินว่อนแว่บไป
ศรีจิตราขยับเข้าแอบหลังม่านเมินหน้าไป กลัวเห็นสิ่งที่ไม่ควร
ไฟที่ห้องคุณชายดับวูบลง เหลือแต่ที่ระเบียงบน ที่ตรงกับห้องของศรีจิตราพอดี
ศรีจิตราขยับม่านมองดูท้องฟ้า ยิ้ม มีแววสุขใจ ลดสายตาลง
ที่ระเบียงห้องชายเล็ก ม.ร.ว. บดินทราชทรงพลยืนอยู่มองตรงมา เห็นศรีจิตรายืนอยู่ที่หน้าต่าง เขายิ้มแป้น โบกไม้โบกมือให้
ศรีจิตรายิ้มแหยๆ เพราะยังไงก็ไม่ควร แล้วยกมือโบกตอบนิดหนึ่ง ชายเล็กยิ้มร่า ศรีจิตรายิ้มน้อยๆ โบกมืออีกเป็นทำนองลา แล้วปิดม่านลง
ชายเล็กยิ้มชมดาวเดือนต่อ

ศรีจิตรากลับมาที่หน้ากระจกเงา มองดูเงาสะท้อนของตนเอง แล้วถอนใจนิดๆ

จบตอนที่ 9
กำลังโหลดความคิดเห็น