สะใภ้จ้าว ตอนที่ 5
“คุณถูกเลี้ยงในวังเหรอ”
สาลินถามโพล่งขึ้นมา บดินทรราชทรงพลหน้าเหรอ
“ใครบอก เปล่า ผมกำลังบอกว่าแม่ย้อยชอบไปวังบูรพา พาผมไปดูหนังไทยที่แกรนด์ ดูหนังฝรั่งที่คิงส์ ดูหนังแขกที่ควีนส์”
ทุกคนมองหน้ากันงง ๆ สาลินนิ่งคิดแล้วหัวเราะพรืดออกมา ชายเล็กมองอย่างสงสัย
“คุณขำอะไรหรือฮะ”
“ฉันคิดถึงคุณป้าสร้อยนะซี นี่ สมมติว่าคุณรู้จักคุณป้าสร้อยนะ”
อีกฝ่ายวางหน้าไม่สนิท “ฮะ คุณป้าที่บ้านราชดำริของคุณ”
“นี่ฉันเคยบอกด้วยหรือว่า บ้านคุณป้าอยู่ราชดำริ”
“โธ่ ก็ต้องเคยบอกซีครับ ไม่อย่างงั้นผมจะรู้ได้ยังไง”
สาลินพยักหน้ารับ ก่อนจะพูดต่อ “นี่ สมมติว่าคุณเอาขนมไปให้คุณป้าสร้อยนะ คุณป้าจะบอกว่า”
พูดพลางทำหน้าเคร่ง มือเท้าหมอนขวาน มองอีกฝ่ายด้วยหางตา แล้วทำเสียงเลียนคุณสร้อย
“ขอบใจย่ะ เอามาทำไม ของที่นี่ทำอยู่ทุกบ่อย อย่างขนมค้างคาวนี่ ตำรับเจ้าครอกวัดโพธิ์เชียวนะยะ ส่วนขนมทองเอกนี่ก็ตำรับท้าวทองกีบม้า สืบทอดมาแต่แผ่นดินพระนารายณ์”
ทั้ง 3 คนหัวเราะก๊าก สาลินพูดต่อ
“แล้วภายใน 3 วัน คุณก็จะได้ของฝากตอบแทน”
“ก็ดีนี่ครับ มิตรจิต มิตรใจ”
“ใครว่าล่ะคะ คุณจะได้ของทุกอย่างเหมือนกับที่คุณให้ แต่ต้องวิเศษกว่า วิจิตรกว่า วิลิศมาหรากว่าสิบเท่า เพื่อบอกว่า นี่ต่างหากคือของแท้”
ยายรีบพูดปราม “ยายสา พอ เลิกนินทาคุณป้าได้แล้ว”
“แล้วนี่คุณทำอะไร ติดสินบนคนบ้านฉันทั้งบ้านหรือ”
“โธ่ คุณ ที่ผมทำนี่แหละ มิตรจิต มิตรใจ
ยายชะเง้อมองไปทางหน้าบ้าน “แล้วนั่นเสียงเจ้าแกะมันคุยกับใคร”
สาลินมองตาม “แม่กับพี่ศรีมาแน่เลย”
ชายเล็กเลิ่กลั่กขึ้นมาทันที ขณะที่สาลินลุกพรวดขึ้น
สาลินวิ่งมาถึงหน้าบ้าน ก็เจออุ่นเรือนที่เดินข้ามสนามมาพอดี เจ้าแกะถือกระเป๋าเดินทางใบเล็กตามหลัง เธอรีบกราบที่อก ก่อนที่แม่จะโอบกอดไว้ พอตา ยายออกมาจากบ้านตามมา อุ่นเรือนก็ตรงเข้ามากราบทั้งคู่ ยายโอบ
ลูกสาวไว้ ขณะที่ตายิ้มรับ
“ไหว้พระเถิดลูก”
ยายถามต่อ “ไม่ได้มานานเท่าไร ครึ่งปีได้ไหม”
ชายเล็กตามออกมามองดูเพลิน ตาผล กับยายพิณตามมาด้วย สาลินเหลียวซ้ายแลขวา
“แล้วพี่ศรีล่ะคะ ทำไมไม่มาด้วย”
“พี่ศรีเข้าวังไปหลายวันแล้วลูก”
สาลินทำตาโตแล้วยกมือไหว้ท่วมหัว “พี่ศรีเข้าวังไปแล้ว ไปสู่ที่ชอบที่ชอบเถอะพี่ศรี”
ขาดคำ ยายก็ตบพื้นป๊าบ “ยายสา นั่นปากหรือนั่น”
ชายเล็กหัวเราะขัน สาลินหันมาถลึงตามอง
“คุณหัวเราะอะไร”
“แหม ก็คุณทำเหมือนพี่สาวของคุณไปสวรรค์”
อุ่นเรือนเหลือบมองไปทางยาย เป็นเชิงถาม
“อ้อ พ่อพล นี่แม่ยายสาเขาไง”
“สวัสดีครับ”
อุ่นเรือนรับไหว้อย่างพินิจพิจารณา ก่อนที่ยายจะหันมาถามต่อ
“นี่แม่ศรีต้องอยู่วังนานแค่ไหน”
“จะกลับออกมาก่อน แล้ววันแต่งค่อยกลับเข้าวังใหม่ หรือจะอยู่จนถึงวันแต่ง” ตาถามบ้าง
“เอ้อ ไม่ทราบค่ะ ต้องแล้วแต่คุณพี่”
“แล้วจะหมั้นหมายกันก่อนนานๆ หรือว่าหมั้นแล้วแต่งเลย”
อุ่นเรือนส่ายหน้า “ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ คุณพี่ยังไม่บอก”
ตาตบพื้นโครม ยายหน้าเคร่ง
“นี่ อุ่นเรือน ลูกในไส้ตัวเองแท้ๆ นะ นี่อะไรทุกอย่างต้องสุดแต่พี่ผัวหมด”
ตาพูดต่อ “ยังไงก็ลูกเรา เราต้องมีสิทธิ์มีเสียงออกความเห็นบ้าง”
อุ่นเรือนยิ้มแหย สาลินกอดแขนแม่ไว้
“แหม ก็คุณป้าเลี้ยงพี่ศรีมาแหละค่ะ แม่ก็เลยไม่อยากขัดใจ”
ยายส่ายหัว “ก็มัวแต่อ่อนอยู่ล่ะซี”
ตาถอนหายใจ “เขาจะต้มยำทำแกงยังไงก็สุดแต่เขา”
“อย่าว่าแม่เลยค่ะ ถ้าจะให้ดีให้คุณตาคุณยายไปต่อว่าป้าสร้อยที่บ้านราชดำริเลยดีกว่า สาจะเสมอนอกให้เลย”
ตา ยายโคลงหัวแล้วหัวเราะออกมา ชายเล็กหัวเราะตาม สาลินหันไปทำตาเขียว
“นี่คุณ กลับได้แล้ว ฉันจะเดินไปส่ง”
สาลินกับชายเล็กไต่สะพานต้นหมากข้ามท้องร่อง ก่อนที่ฝ่ายแรกจะพูดขึ้นมา
“ยังไง คุณก็เป็นคนนอก ฉันไม่อยากให้คุณมารู้เรื่องในบ้านฉันมากไปกว่านี้”
“โธ่ ผมไมรู้เรื่องอะไรซักหน่อย แค่รู้ว่า พี่สาวคุณโดนคุณป้าจอมเผด็จการส่งเข้าวังเสด็จพระองค์หญิง เพื่อไปแต่งงานกับคุณชายชื่อยาวแค่นั้นเอง”
สาลินชะงักฝีเท้า อ้าปากค้างหันไปมอง อีกฝ่ายทำหน้าเฉย
“นี่คุณปะติดปะต่อเรื่องได้ขนาดนี้เชียวหรือ”
“ผมมีความสามารถพิเศษ”
สาลินหน้าเศร้า “โธ่ สงสารพี่ศรี ทำไมต้องมาถูกคลุมถุงชนแบบนี้”
“นี่ผมเพิ่งได้ยินคนบ่นเรื่องนี้เหมือนคุณเปี๊ยบเลย”
ชายเล็กหมายถึงพี่ชายคนรอง สาลินมัวแต่พิลาปร่ำเลยไม่ซักไซ้
“พี่สาวฉันเขาสวยมากนะ”
อีกฝ่ายอมยิ้ม “ผมรู้”
“คุณรู้ได้ยังไง” สาลินย้อนถาม
“ก็คุณสวยขนาดนี้ คุณแม่คุณก็สวย พี่สาวคุณก็ต้องสวยซีฮะ”
พุดซ้อนกับชบาทิพย์โผล่หัวขึ้นมาจากหลังพุ่มไม้ แอบมองตาเป๋ง
“นี่ คุณยายฉันก็สวยนะ”
อีกฝ่ายพยักหน้ารับ “ฮะ เขาถึงว่าดูนางให้ดูแม่ ดูให้แน่ต้องดูถึงยาย”
“พี่ศรีน่ะ เขาสวยกว่าฉันตั้งเยอะ แล้วก็ดี๊ดี ไม่เหมือนฉันหรอก”
“เอาเป็นว่า ผมเชื่อคุณครึ่งนึงก็แล้วกัน”
ทั้งคู่เดินมาถึงสุดเขตสวน เห็นเขตสวนของพุดซ้อนอยู่ตรงหน้า
“คุณไปได้แล้ว ฉันส่งคุณแค่นี้ล่ะ สวัสดี”
“สวัสดีครับ”
ชายเล็กเดินออกจากรั้วไป สาลินเห็นพุ่มไม้ไหวๆ
ชายเล็กเดินเข้าสวนของพุดซ้อน เหลือบเห็นพุ่มไม้ไหวเช่นกัน 2 แม่ลูกรีบก้มตัวหลบ แล้วค่อยๆ ย่องเดินตามไป ก่อนที่ชบาทิพย์จะเสียหลักเซออกมาชนฝ่ายแรกโครมใหญ่
“เฮ้ย”
พุดซ้อนตกใจ อุทานเสียงดัง “แม่มึงหก”
ชบาทิพย์อุทานต่อ “แหก”
3 เสียงดังประสานกัน สาลินวิ่งเข้ามาดู เห็นชบาทิพย์นั่งขากางกว้าง พุดซ้อนมีตะกร้าครอบหัว
ชายเล็กที่นั่งแผ่หรา รีบลุกขึ้นมาดึงตะกร้าออกให้
“นี่คุณ เป็นยังไง”
สาลินถามอย่างเป็นห่วง ชายเล็กรีบลุกขึ้นมาปัดตามเนื้อตัว
“ผมไม่เป็นไร”
สาลินมองไปยัง 2 แม่ลูก “อ้าว คุณน้า หนูชบา มาทำอะไรตรงนี้คะ”
พุดซ้อนหน้าเหวอ พอเหลือบเห็นเถากระทกรกบนพุ่มไม้ก็กระชากขวับมา
“มาเก็บบอน เอาไปแกงบอน ไม่เคยกินหรือไง”
ชบาทิพย์ได้สติ กระชากอีกเถามา สาลินทำตาปริบๆ บดินทราชทรงพลมอง 2 แม่ลูกอย่างรู้ทัน พุดซ้อนเชิดใส่ รีบหันเดินหนีไป
สาลินหยิบขนมวางบนฝ่ามือ แล้วไปนั่งเบียดอุ่นเรือน พลางกินขนมอย่างเอร็ดอร่อย
“แม่คะ”
อุ่นเรือนเลิกคิ้ว “อะไรหรือลูก”
“พี่ศรีจะมีความสุขไหมคะ”
“ชีวิต ใครจะรู้ล่วงหน้า ใครจะกะเกณฑ์ได้ลูก”
อุ่นเรือนพูดเข้าประเด็น “ดูอย่างแม่ โตขึ้นมาในสวนแท้ๆ แต่กลับเจอลูกพระยานักเรียนนอกจากอังกฤษ อย่างพ่อได้”
“พ่อกับแม่เจอกันรักกันเอง ไม่มีใครมากะเกณฑ์ แต่กับพี่ศรี หนูสงสัยว่าคุณชายชื่อยาวนั่นจะรักพี่ศรีไหม แล้วยังครอบครัวเขาอีก ว่าที่แม่สามีจะรังคัดรังแคพี่ศรีหรือเปล่า”
“มันก็คงไม่เลวร้ายไปหมดหรอกลูก ดูอย่างแม่ ถ้าทุกอย่างมันแย่ไปหมด แม่ก็คงทนอยู่บ้านคุณพ่อไม่ได้จนป่านนี้”
สาลินขยับตัวลงนอนคว่ำพังพาบ พลางหยิบขนมใส่ปาก พออุ่นเรือนตีเบาๆ แปะหนึ่ง ก็รีบลุกนั่ง
“ลุกเดี๋ยวนี้ นอนกินนี่ ชาติหน้าหนูต้องเกิดเป็นงูเหลือม”
“นั่นพวกนอนฟังเทศน์ต่างหากคะ อื๋อ ขนมของอีตาพลนี่อร่อยจริงๆ แฮะ”
“เขามาชอบหนูหรือลูก”
“ไม่รู้ซีคะ แต่เขาชอบมาคุยกับหนู”
อุ่นเรือนถามต่อ “แล้วหนูชอบเขาหรือเปล่า”
“ชอบซีคะ”
อุ่นเรือนตาโต สาลินยิ้ม แล้วหยิบขนมกลีบลำดวนเข้าปาก ก่อนจะพูดหน้าตาเฉย
“หนูชอบขนมของตานี่ ม้าก มาก”
อุ่นเรือนมองค้อน สาลินยิ้มชอบใจที่หลอกแม่ได้
ชายเล็กโผล่หน้าเข้ามาในห้องนอนของพี่ชายคนรอง เห็นยังคงรื้อดูตามกล่องกระดาษที่เหมือนยกมาจากห้องเก็บของ
“ยังหาไดอารี่อยู่หรือฮะ”
“อืมม์ ในห้องเก็บของก็ไม่มี ไม่รู้ว่าหายไปไหน”
“ผมคิดว่าพี่รองออกไปเที่ยวกับหญิงก้อยซะอีก”
ชายรองส่ายหน้า “หญิงก้อยยังโกรธฉันอยู่”
“เลยไม่ยอมออกไปไหนหรือฮะ”
“ใครบอกล่ะ คืนนี้เขาไปดูหนังกินข้าว เต้นรำกับเพื่อนกลุ่มที่รู้จัก”
น้องคนเล็กยักไหล่ แล้วหยิบนั่นหยิบโน่นบนโต๊ะมาดูตามประสามืออยู่ไม่สุข ก่อนจะหยิบกล่องนามบัตรของพี่ชายมาดู แล้วหัวเราะขำ
“นายหัวเราะบ้าอะไร”
“มีใครเคยบอกไหมฮะว่า ชื่อพี่รองยาวตั้งวา”
ฝ่ายพี่ชายทำหน้างง “ชื่อกิตติราชนรินทร์น่ะหรือ ไม่มีนี่ ใครเขาก็เรียกกันแค่กิตติ ทำไม”
“ไม่ทำไมหรอกฮะ มีเพื่อนผมคนนึงบอกว่า ชื่อพี่รองน่ะ เอาไปตั้งชื่อคนอื่นได้ตั้งสี่ห้าคน”
“แล้วชื่อนายสั้นนักหรือ นายบดินทรราชทรงพล”
พี่ชายย้อนถาม น้องชายทำคอย่นแล้วหัวเราะ
“เออ ผมเกือบลืมไปแล้วว่าผมชื่ออะไร”
“เพื่อนช่างวิจารณ์ของแกคนนี้เป็นใคร ฉันรู้จักไหม”
“คงไม่หรอกฮะ”
อีกฝ่ายถามคาดคั้นต่อ “ผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“ถ้าเป็นผู้ชายแล้วพี่รองจะทำไมหรือฮะ”
“ฉันก็อาจจะต่อยปากสั่งสอน ที่บังอาจมาวิจารณ์ชื่อที่เสด็จป้าประทานให้น่ะซี”
น้องชายทำคอหด “แล้วถ้าเป็นผู้หญิงล่ะฮะ”
“ฉันก็จะบอกเจ้าหล่อนว่าอย่าปากคอเราะร้ายนัก ไม่รู้เป็นยังไง ผู้หญิงสมัยนี้ปากคอร้ายกาจ เถียงฉอดๆๆ คำไม่ตกฟาก ยิ่งยายเด็กบ้าคนนั้น”
“ฮะ เด็กบ้าที่ไหนกันฮะ”
“ช่างเถอะ แกไม่รู้จักหรอก แล้วฉันก็คงจะไม่เจอะเจอเจ้าหล่อนอีกแล้วในชีวิตนี้”
ชายรองพูดพลางทำหน้าบึ้ง
ศรีจิตราถือหนังสือนิทานเดินลงมาจากชั้นบน เมื่อเห็นบดินทราชทรงพลก้าวเข้ามาเงียบๆ พลางเหลียวซ้ายแลขวา ก็รีบก้าวไปแอบหลังรูปปั้นเชิงบันได
ชายเล็กก้าวไปที่ตู้เตี้ยวางนาฬิกาเก่าแก่งดงาม แล้วหยิบขึ้นมาดู
“เรือนนี้แหงเลย”
พูดพลางถือนาฬิกาหมุนตัวจะกลับไปตำหนักเล็ก ศรีจิตราตกใจก้าวออกมา
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ นายยอด”
อีกฝ่ายชะงักหันมา เห็นศรีจิตรายืนหน้าเคร่ง แต่งดงามราวหุ่นนางละคร ก็ยิ้มเผล่ แต่ฝ่ายหลังคิดว่ายิ้มกลบเกลื่อนความผิด
“อะไรนะครับ คุณ”
“ฉันบอกให้เธอหยุดเดี๋ยวนี้ นายยอด”
“นายยอด?”
ชายเล็กรำพึงเบาๆ พลางสมองคิดปราดไปก็เดาเรื่องได้ พลันดวงตาก็เป็นประกายพราว ก้าวเข้าไปพร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์มุมปาก ศรีจิตราก้าวมาประจันหน้า
“มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ คุณผู้หญิง”
“ฉันไม่มีอะไรให้เธอรับใช้ แต่เธอทำอะไรลงไปก็น่าจะรู้ตัว”
“โธ่ คุณก็รู้ว่าผมไม่ได้เจตนา” ฝ่ายแรกแกล้งพูดบ่ายเบี่ยง
“ถ้าเธอไม่ได้เจตนา เธอก็คงไม่ทำอะไรแย่ๆ อย่างนั้น”
“โอ้โฮ มันแย่ขนาดนั้นเชียว”
“สิ่งที่เธอทำ ผิดทั้งศีลธรรม ผิดทั้งกฎหมาย”
ชายเล็กทำตาโต “หา กฎหมายอะไรกันครับ กฎหมายพระเจ้าฮัมมูราบีหรือ”
ศรีจิตราแอบคิด “ตาย รู้จักพระเจ้าฮัมมูราบีด้วย” ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเข้ม “โปรดอย่ามาตีฝีปากกับฉัน”
“ผมไม่ได้ตีฝีปาก แต่ว่ามันผิดถึงขนาดนั้นเชียวหรือครับ กะอีแค่ผมจับมือคุณโดยบังเอิญนี่”
ศรีจิตราหน้าแดงซ่าน “นี่ เธออย่ามาพูดเฉไฉ ออกนอกเรื่องนะ”
“อ้าว นี่ไม่ใช่เรื่องที่คุณพูดหรือครับ ให้ตาย ผมขอยืนยันว่าที่ผมจับมือคุณเป็นเรื่องบังเอิญ”
“หยุดพูดนะ ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น ฉันหมายถึงเรื่องที่เธอขโมยของ”
ชายเล็ก พยักหน้าหงึก “ขโมยของ อ๋อ นึกออกแล้ว”
“สำนึกได้ก็ดีแล้ว”
“เรื่องขันดอกไม้น่ะ ผมฝากให้คนเอามาคืนคุณแล้ว นี่คุณยังไม่ได้อีกหรือฮะ โธ่ ผมจะขโมยขันคุณไปทำไม”
ศรีจิตราเกือบเต้น “ฉันไม่ได้หมายถึงขันใบนั้น แต่หมายถึงนาฬิกาในมือเธอ”
ชายเล็กก้มดูนาฬิกาในมือ แล้วนึกออก เอาอีกมือตบหน้าผากตัวเองดังป๊าบ
“เธอเอามันมาคืนเดี๋ยวนี้”
อีกฝ่ายแกล้งทำกลัว ตัวสั่นงันงก
“คุณ คุณผู้หญิง โธ่ ผม ผม ผิดไปแล้ว”
“รู้ตัวแล้วก็เอาคืนมา
“ครับ คุณผู้หญิง แต่คุณ คุณได้โปรดอย่าบอกใครนะครับ”
ศรีจิตราถอนใจ “ก็ได้ ฉันจะไม่บอกใคร”
“คุณช่างมีเมตตาเหลือเกินนะครับ”
ชายเล็กพูดพลางยื่นนาฬิกาให้ ศรีจิตรารับไม่ถนัด พอฝ่ายแรกปล่อยมือ นาฬิกาก็ร่วงหล่น
ทั้งคู่ร้องตกใจ รีบก้มลงเก็บ มือศรีจิตรากุมนาฬิกาอยู่ มือชายเล็ก กุมมือเธออีกที ทั้งคู่นิ่งไป มองหน้ากัน
“คราวนี้ก็เป็นอุบัติเหตุนะครับ”
พูดจบก็ดึงมือออกช้าๆ ศรีจิตราเชิดหน้าขยับถอย
“เธอไปได้แล้ว”
ชายเล็กค้อมตัว พลางผายมือร่ำลา แล้วหมุนตัวเดินจากไป ศรีจิตรามองตามยิ่งแปลกใจ
หม่อมวาณี ศศิรัชนี และเทพีเพ็ญแสงนั่งดูโทรทัศน์ด้วยกัน พอเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น รื่นก็รีบพุ่งจะไปรับสาย หญิงก้อยรีบห้าม
“ไม่ต้องรับ”
หม่อมวาณีทำหน้างง “ ทำไมล่ะลูก”
“มีคนคนเดียวเท่านั้นละค่ะที่โทร. มา คุณชายรอง”
หม่อมวาณีพูดแย้ง “อาจจะไม่ใช่ก็ได้นะ”
ศศิรัชนีรีบย้อนถาม “แล้วถ้าใช่ เธอไม่คิดจะปรับความเข้าใจกับเขาหน่อยเหรอ”
“ไม่จำเป็นค่ะ สำหรับตอนนี้”
“งั้น ก็ลองฟังท่าทีเขาหน่อยเป็นไร พี่รับสายเอง”
หญิงก้อยลังเลไปครู่หนึ่ง
“ขอสายหญิงก้อยครับ นั่นหญิงกลางรึเปล่า”
ชายรองคุยสายอยู่ในห้องนอน
“หญิงเองค่ะ”
“ผมขอสายหญิงก้อยหน่อย”
“ยายก้อยบ่นปวดหัวตั้งแต่เย็น หลับไปตอนหัวค่ำแล้วค่ะ”
“เหรอครับ ไม่เป็นไร ฝากบอกด้วยว่า พรุ่งนี้ช่วงบ่ายผมจะแวะไปหา”
ศศิรัชนียิ้มรับ “ได้ค่ะ สวัสดี”
พูดเสร็จก็รีบวางสาย ก่อนจะหันมาหาน้องสาว พอเห็นหญิงก้อยยังหน้าเชิด ก็เลยทำเฉยไม่พูดอะไร จนอีกฝ่ายทนไม่ได้
“พี่กลาง พูดมาซีคะ คุณรองว่ายังไง”
ศศิรัชนีและหม่อมวาณีหันมายิ้มให้กัน
หญิงก้อยนอนเอนอยู่บนโซฟาตัวโปรด สวมชุดอยู่บ้านกรุยกรายระมาถึงพื้น ในมือมีชุดราตรีปักเลื่อมระยิบระยับ รื่นกับโรยคุกเข่าอยู่ที่พื้นมองตาเป๋ง
พักหนึ่งฝ่ายแรกที่ยิ้มสดใส ก็ค่อยๆ หุบยิ้มกลายเป็นบึ้งตึง เหลือบตามอง รื่นกับโรยคอหด แทบจะทรุดราบไปกับพื้น
“ฉันให้เธอเอาไปแปลงเป็นราตรีสั้น ไม่ใช่ให้แปลงเป็นผ้าขี้ริ้ว”
“เดี๋ยวรื่นกับโรยจะแก้ให้ใหม่ค่ะ คุณหญิง”
ขาดคำเทพีเพ็ญแสงก็ปาชุดใส่หน้า หม่อมวาณีกับศศิรัชนีอยู่ที่โต๊ะกินข้าวหันมองมา
“ไม่ต้องแก้แล้ว ไปให้พ้นหน้าฉัน จะเอาไปฉีกทิ้ง หรือเผาทิ้งก็ได้”
“เจ้าค่ะ เดี๋ยวจะเผาเจ้าค่ะ”
โรยพาซื่อรับคำ เทพีเพ็ญแสงชะงัก ยิ่งโกรธหนัก ลุกพรวดขึ้น
“ฉันประชด โง่อะไรอย่างนี้ก็ไม่รู้”
หม่อมวาณีลุกพรวดเข้ามา “ไป ไป พวกแกออกไปให้หมด”
2 สาวใช้รีบย่อตัวออกไป หม่อมวาณีแตะมือลูกชายเป็นเชิงปราม
“หญิงอุตส่าห์จะช่วยหม่อมแม่ประหยัด เอาชุดเก่ามาดัดแปลง ดูซิคะ ไม่ได้เรื่อง ต้องไปตัดใหม่อีก”
“จ้ะ ต้องประหยัดทำไมจ๊ะ ตัดใหม่ดีกว่าลูก”
“ค่ะ เดี๋ยวหม่อมแม่เซ็นเช็คให้หญิงซักห้าพันนะคะ”
สะใภ้จ้าว ตอนที่ 5 (ต่อ)
วาณียืนอึ้งไปครู่หนึ่ง “ห้าพัน ว้าย ผ้ามันทอด้วยไหมทองเหรอ”
ศศิรัชนีหันมาบอกแม่ “จ่ายไปเถอะค่ะ เผื่อหญิงจะอารมณ์ดีขึ้น”
หม่อมวาณีถอนใจเฮือก “เฮ้อ ชายรองนะชายรอง จะง้อหญิงหน่อยก็ไม่ได้ ดูซิปั่นป่วนไปหมดแล้ว”
“หม่อมแม่คะ คุณรองน่ะง้อจนไม่รู้จะง้ออย่างไรนะคะ ทางเรานี้แหละเล่นองค์ ไม่ยอมคุยด้วยซักที”
“แหม ง้ออีกซักนิด หญิงก็คงใจอ่อน นี่ใจคอหญิงกลางจะไม่ช่วยน้องเลยหรือ”
ศศิรัชนีเปิดให้ดูรูปเค้ก ที่มีสีสลับเป็นสายรุ้ง “นี่ไงคะ หญิงกำลังช่วยอยู่ เค้กสายรุ้ง”
“จะทำขนม ทำให้มันได้อะไรขึ้นมา น้องกำลังไม่สบายใจ มามัวเสียเวลาทำอะไรก็ไม่รู้”
“วันก่อนนายเล็กเอาขนมนมย้อยมาให้ตั้งหลายอย่าง หญิงก็เลยจะทำเค้กไปตอบแทน”
หม่อมวาณีส่ายหน้า “เอาไว้ก่อนก็ได้”
“พอหญิงอบขนมเสร็จ หม่อมแม่ก็จะเป็นคนเอาไปเยี่ยมหม่อมอำพันไงคะ แล้ววันนั้น ก็บังเอิญมีหญิงก้อยติดรถไปวังวุฒิเวสม์ด้วย”
หม่อมวาณีตาโตเข้าจับแขนศศิรัชนีเขย่า “ว้าย ลูกหญิง ฉลาดจังเลยลูก”
“ค่ะ คงไม่เสียเวลา มามัวทำอะไรก็ไม่รู้แล้วนะคะ”
ศศิรัชนีพูดแขวะแม่ หม่อมวาณีชะงักแล้วยิ้มประจบลูกสาว
ศรีจิตราเดินมาในสวนเข้าเขตตำหนักเล็ก เห็นรถชายเล็กจอดอยู่ พร้อมกับมีร่างชายคนหนึ่งเปลือยท่อนบนหันหลังให้ เธอชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะเหลือบมองดู พลันชายคนนั้นที่เอาสายยางฉีดรดรถเป็นสาย ก็
หันมา ที่แท้ก็คือนายยอดนั่นเอง
ศรีจิตรารีบเดินเลี่ยงมา ก่อนจะเห็นผู้หญิงอุ้มเด็กยืนอยู่ตรงหน้า
“คุณใช่ไหมคะ คุณศรีจิตราที่เสด็จจะให้แต่งกับคุณชายรอง” จรวยถามโพล่งขึ้นมา “รู้ไหมคะ ใครต่อใคร เขาโจษกันเรื่องคุณทั้งวัน อ้อ ฉันชื่อจรวย เป็นภริยาคุณชายโตค่ะ”
ศรีจิตรายิ้มน้อยๆ “คะ”
“นี่ไงคะ ลูกของฉันกะคุณชายโต”
จรวยอุ้มตาตุ้มให้ดู ศรีจิตราแตะแก้มยุ้ย หนูน้อยหัวเราะเอิ๊กอ๊าก
“น่ารักจัง”
“คุณไม่ยักเหมือนคุณสอางค์นะคะ รู้ไหม เสด็จทรงโปรดคุณสอางค์มาก ถึงได้บังคับให้คุณชายรองแต่งงานกับคุณ”
ศรีจิตรารำพึงเบาๆ “บังคับ”
“แล้วนี่เมื่อไรจะแต่งกันคะ”
“ยังไม่ทราบค่ะ”
จรวยยิ้มในหน้าแล้วแกล้งเปรย “เฮ้อ แล้วนี่คุณหญิงก้อยจะทำยังไงดีนี่ โธ่เอ๋ย นึกๆ ก็เห็นใจเธอนะคะ”
ศรีจิตราคิดปราดไปแล้วก็เดาเรื่องได้
“คุณหญิงก้อยเป็นคนรักของคุณชายรองใช่ไหมคะ”
จรวยทำเป็นแสร้งตกใจ “ว้ายตายจริง คุณก็ทราบหรือ ฉันคิดว่าเขาปิดบังงำความไม่ให้คุณรู้ซะอีก”
ศรีจิตราทำหน้าเฉยๆ ไม่รับ ไม่ปฏิเสธ จรวยรู้สึกผิดแผนนิดหน่อย จึงรีบใส่ไฟต่อ
“คุณชายรองกับคุณหญิงก้อยรักกันสุดสวาทขาดใจเชียวค่ะ เธอพามาพลอดรักกันที่ตำหนักนี้บ่อยๆ”
“อ๋อ ค่ะ”
พอเห็นอีกฝ่ายยังเฉย จรวยก็นึกแปลกใจ จังหวะนั้นมาลากับวรรณาก็โผล่มา
“ต๊าย คุณศรีมาอยู่นี่เอง”
“ค่ะ”
จรวยขยับถอยมา มาลาจับแขนศรีจิตรา แล้วลอยหน้าพูด
“กลับเถอะค่ะ ตรงนี้มีแต่เสี้ยนแต่หนาม เดี๋ยวจะตำเข้า”
วรรณาแขวะต่อ “เลยไปอีกหน่อยก็มีเถาคัน อย่าไปใกล้นะคะ เดี๋ยวจะแพ้ วันก่อนวรรณาโดนเข้า อุ๊ย คันคะเยอไปทั้งคืนเลยค่ะ”
จรวยสะบัดพรืดเดินไป ทั้งคู่รีบพาศรีจิตรากลับไป
หญิงก้อยขับรถฉวัดเฉวียนมาตามทาง หม่อมวาณีที่นั่งอยู่ๆ ข้างมีกล่องเค้กบนตักหลายกล่อง
“เฮ้อ เราต้องไปส่งเค้กอีกกี่บ้านคะ หญิงขับรถจนเหนื่อยแล้วนะ”
“แหม ก็วันนี้คนรถไปขับให้ท่านพ่อ แม่ก็ต้องวานหญิง เหลืออีกบ้านเดียวแหละจ๊ะ”
“ที่ไหนคะ”
หม่อมวาณีรีบบอก “วังวุฒิเวสม์ลูก”
หญิงก้อยชะงัก หันมามองแม่ “หม่อมแม่ นี่อะไรกันคะ หม่อมแม่ก็ทราบว่าหญิงไม่อยากเจอใคร
บางคนที่นั่น”
“ใครจ๊ะ อ๋อ ชายรองน่ะหรือ วันนี้วันหยุด คงไปไหนต่อไหนแล้วล่ะจ้ะ”
หญิงก้อยเม้มปาก รถที่มาติดข้างหลังเริ่มบีบแตรไล่
คุณสร้อยนั่งบนตั่ง คอยชี้นิ้วบัญชาการ ยายพิศเอาตะแกรงลวดเขย่า ให้เกสรดอกไม้ตกลงในชามอ่าง สาวใช้ 2 นางกำลังละลายแป้งหิน ส่วนอุ่นเรือนเอาผ้าขาวบางมากาง
สาลิน ตาผล กำไลถือชะลอมเข้ามา ฝ่ายแรกยกมือไหว้แม่และคุณสร้อย
“ย่ะ สวัสดี ขนอะไรมามากมาย”
“ผลไม้ที่สวนน่ะค่ะ ออกมารุ่นแรกก็เลยเอามาฝากคุณป้าก่อน”
“อุ๊ย ขอบใจเถอะย่ะ”
สาลินกับอุ่นเรือนหันมองกันอย่างมีแผน
“สาเอาผลไม้มาอีกสี่ชะลอมอยู่ในรถ เกือบสุกแล้วทั้งนั้น จะกินหมดทันก่อนงอมไหมคะแม่”
พูดพลางขยิบตากับแม่ เพราะเตี้ยมกันมาแล้ว
“คงกินไม่ทันหรอกลูก”
“ทำยังไงดีล่ะคะ เดี๋ยวเสียของเปล่าๆ”
อุ่นเรือนทำนึกได้ “เอาไปฝากแม่ศรีที่วังดีกว่า จะได้ถวายเสด็จท่าน”
สาลินรับลูกต่อ “ต๊าย ทำไมหนูนึกไม่ถึง ไปกันเลยนะคะ”
คุณสร้อยตาวาว “ว้าย จะเข้าวังเหรอ ฉันต้องไปด้วย ขืนไม่ไปเดี๋ยวแกไปแสดงฤทธิ์อิทธิเดช
อวดชาววัง นี่ฉันเตือนหล่อนไว้ จะเดินจะเหิรจะลุกจะนั่ง ก็ต้องระวังมากๆ อย่าให้ใครเขามาว่าได้ว่า หลานคุณสอางค์ คุณสร้อย มารยาทยังกะนางสำเพ็ง”
“มารยาทนางสำเพ็งเป็นยังไงหรือคะ” สาลินย้อนถาม
คุณสร้อยขยับปากจะขยายความต่อ “นางสำเพ็งก็พวกหญิงช็อก....”
สาลิน อุ่นเรือน กำไล ยายพิศ และ 2 สาวใช้มองตาเป๋ง
คุณสร้อยชะงักเพราะไม่ใช่สิ่งที่หญิงพรหมจาริณีพึงพูดถึง
“อุ๊ย ฉันไม่พูดดีกว่า กระดากปากฉัน ฉันจะไปแต่งตัว”
พูดจบสะบัดพรืดไป สาลินกลั้นหัวเราะ ก่อนจะหันมาทางยายพิศ กับกำไล
“ป้าพิศ พี่กำไลคะ หญิงช็อกคืออะไรคะ เกี่ยวอะไรกับสำเพ็ง”
2 คนส่ายหน้ายิก อุ่นเรือนรีบปราม
“คำไม่ดีไม่งาม อย่าไปรู้เลยลูก”
ชายเล็กยืนคุยโทรศัพท์อยู่ที่ระเบียงตำหนักเล็ก ขณะที่นมย้อย ยายน้อม เจียม กำลังช่วยกันจัดขนมใส่ตะกร้า
“ครับ หญิงกลาง จะพยายามให้เจอกันให้ได้”
ปลายสายคือศศิรัชนี “ค่ะ ช่วยหน่อยนะคะคุณเล็ก”
“ที่จริง ผมช่วยอะไรไม่ได้หรอกครับ เพราะผมจะออกไปข้างนอกอยู่เดี๋ยวนี้”
“อ้าว แล้วจะให้เขาเจอกันยังไงล่ะค่ะ”
อีกฝ่ายรีบบอก “ไม่เป็นไรครับ ผมให้นมย้อยช่วย เท่านี้นะครับหญิง”
“ค่ะ”
ชายเล็กวางสาย พลางออกมายืนชะเง้อชะแง้ พอเห็นรถของเทพีเพ็ญแสงแล่นเข้ามาจอดใกล้ๆ กับรถขาไพ่ที่จอดอยู่แล้วรถ 4-5 คัน ก็รีบคว้าตะกร้าขนมจากนมย้อยทันที
“โอเค หมดหน้าที่ผมแล้ว นมรับช่วงทีนะครับ”
นมย้อยทำหน้างง “รับช่วง รับช่วงอะไรคะ”
“ก็ไปตามพี่รองมาไงครับ นี่ผมหลอกให้เขียนจดหมายให้ผมอยู่ในห้องสมุด กะให้เจอกันพอดีนะนม”
“เจอใครคะ”
อีกด้านหนึ่ง เทพีเพ็ญแสงก้าวลงจากรถ ทำหน้าเชิด หม่อมวาณีถือกล่องเค้กลงตามมา
เจียมหันมองไป “อุ๊ย นั่นคุณหญิงเทพีเพ็ญแสงกับหม่อมวาณีค่ะ”
“นั่นแหละครับ ให้หญิงก้อยเจอกับพี่รองไงครับ ผมไปล่ะ”
ชายเล็กพูดพลางถือตะกร้ารีบเดินเร่งมา ยกมือทั้งตะกร้าไหว้แผล็บ
“สวัสดีครับ หม่อมอา สวัสดีหญิง ลานะครับ”
ไหว้เสร็จก็รีบวิ่งแผล็บไปขึ้นรถที่จอดอยู่ใกล้ๆ ทันที
รถของชายเล็กพุ่งปราดมาตามถนน ในเวลาเดียวกับที่รถจากบ้านราชดำริสวนมา
“อ้าว คุณสร้อยมาแฮะ”
คุณสร้อยที่นั่งอยู่ข้างคนขับรถมองไป
“อุ๊ย คุณชายเล็ก”
สาลินที่นั่งตอนหลังรถ พร้อมกับอุ่นเรือนที่ประคับประคองชะลอมผลไม้ ไม่ถูกจริตกับผู้ดี จึงเมินไปอีกทาง
รถทั้งสองแล่นสวนกัน ชายเล็กยกมือไหว้แผล็บ คุณสร้อยรับไหว้ครึ่งยิ้มครึ่งบึ้ง อุ่นเรือนชะเง้อมอง
ฝ่ายแรกถึงกับใจหายวาบ กางมือปิดหน้า คุณสร้อยส่ายหน้าขำๆ
“คุณชายเล็กนี่พิลึก”
อุ่นเรือนขมวดคิ้ว “เอ ดิฉันเหมือนเคยเห็นหน้าที่ไหน”
“แหม ไปไหนก็ไม่รู้ ว่าจะแนะนำให้รู้จักกับยายสาอยู่เชียว”
สาลินสะดุ้งมองหน้าอุ่นเรือน แล้วทำหน้าหงิก
ชายเล็กขับเลยมาพอควร ก่อนจะเหลือบมองกระจกหลัง เห็นรถคุณสร้อยเข้าจอดเทียบหน้าวัง
“ตายล่ะวา คุณแม่คุณสามาทำไมนี่”
หม่อมอำพันคลี่ยิ้มอย่างรักใคร่ให้กับหม่อมวาณีที่นั่งอยู่โซฟาเดียวกัน
ส่วนหญิงก้อยนั่งเชิดอยู่ที่โซฟาเดี่ยว บนโต๊ะมีกล่องขนมเค้ก 2 กล่อง
หญิงก้อยเหลือบมองหาชายรอง จนเผลอไปสบตากับหม่อมอำพัน
หม่อมวาณีรีบบอกจุดประสงค์ “ หญิงกลางอยากตอบแทนคุณชายเล็กน่ะค่ะ วันก่อนเอาขนมนมย้อยไปให้ที่วังตั้งหลายอย่าง”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ เสียดายนะคะ ตาเล็กเพิ่งออกไปข้างนอกเมื่อกี้เอง”
จังหวะนั้นนมย้อยก็เดินนำกิตติราชนรินทร์ มาจากชั้นบน
“ผมยังไม่หิวเลยนม อ้าว”
หม่อมวาณียิ้มทัก “ชายรอง สวัสดีจ้ะ”
“สวัสดีครับ หม่อมอา”
ไหว้พลางเข้าไปนั่งลง ก่อนจะมองเทพีเพ็ญแสงอย่างรักหมดใจ แต่อีกฝายกลับทำปั้นปึ่ง ทั้งที่ในใจอ่อนยวบไปมากแล้ว
“หญิง ผมคิดถึงหญิงเหลือเกิน”
“ขอบคุณค่ะ”
หม่อมอำพันมองอย่างหมั่นไส้ แต่รีบหันไปยิ้มกับหม่อมวาณี
“ดีใจจริงๆ ที่หม่อมมา นับเป็นโชคจริงๆ”
“อะไรกันคะ กะแค่เค้ก 2 ก้อนเอง”
“ไม่ใช่ค่ะ วันนี้คุณหญิงเสนาเธอไม่มา ข้างบนเลยขาขาดพอดี หม่อมมาก็เลยขาครบพอดีค่ะ”
หม่อมวาณีอึกอัก “ แหม ดิฉันก็ไม่ใคร่สันทัด”
หม่อมวาณีหน้าดำคร่ำเครียด ขานไพ่เสียงแจ๋ว
“สี่พญานก”
หม่อมอำพันมองค้อน “ไหนบอกว่าไม่สันทัด”
“ดิฉันบอกว่าไม่สันทัดแต่ถนัดค่ะ”
หม่อมอำพันที่เสียไพ่หนัก เริ่มหน้าหงิก
ทางด้านคุณสร้อยก็เข้ามานั่งวางท่าบนโซฟา อุ่นเรือนกับสาลินนั่งบนโซฟายาว มาลากับวรรณายืนมองสาลินอย่างสนใจ
มาลารีบรายงาน “เสด็จ เสด็จไปงานแซยิดคุณหญิงเสนาค่ะ”
วรรณาพูดต่อ “คุณแม่บ้านก็ไปด้วยค่ะ”
คุณสร้อยหันมาบอกสาลิน “ดีไหมล่ะยะ ผู้หลักผู้ใหญ่ไม่อยู่ จะได้คุยให้สบาย แต่อย่าไปออกลิงออกค่างนะยะ”
ไม่ทันขาดคำ สาลินก็ชี้มือร้องเอะอะ วิ่งถลาไป
“พี่ศรี”
ศรีจิตราก้าวมากอดน้องสาวแน่น คุณสร้อยตบอกผาง
“ว้าย ฉันพูดยังไม่ทันขาดคำ พวกลูกนางสวาหะ”
ศรีจิตราเข้ามาคุกเข่ากราบคุณสร้อย แล้วกราบแม่ต่อ อุ่นเรือนดึงตัวมากอด
“แม่มาได้ยังไงคะนี่”
“เอาผลไม้มาถวายเสด็จ แล้วก็ฝากหนูกับคุณข้าหลวงค่ะ”
มาลา วรรณาหัวเราะคิกคัก สาลินมานั่งเบียดศรีจิตรา คุณสร้อยรีบตัดบท
“เชิญคุยให้สบายนะยะ ฉันขอไปเอนก่อน ไม่ต้องไปส่งฉันหรอกแม่วิมาลา แม่เลื่อมลายวรรณ”
พูดจบก็รีบเดินไป เพื่อไปงีบในห้องคุณสอางค์ สาลินมองมาลากับวรรณา
“พี่ 2 คน ชื่อเป็นเมียชาละวันจริงๆ หรือคะ”
มาลารีบบอก “พี่ชื่อมาลากับวรรณาเฉยๆ ค่ะ ต๊าย นี่เธอใครงามกว่ากัน”
วรรณาหันมาตอบ “งามเหมือนพระเพื่อนพระแพงไม่มีผิด”
ศรีจิตราเดินนำอุ่นเรือนกับสาลินเข้ามาในห้อง ฝ่ายหลังกระโจนโถมตัวลงนอนคว่ำแผ่บนเตียง จนแม่ต้องหันมาดุ
“ยายสา ไม่เอาลูก อยู่นี่สบายดีหรือแม่ศรี”
“เสด็จทรงพระกรุณามากค่ะ อยู่นี่สบายเหมือนกับบ้านเรา”
สาลินยันกายขึ้นนั่ง มองหน้าพี่สาวเขม็ง
“จริงนะ”
อุ่นเรือนหันมาถาม “อะไรฮึยายสา จ้องหน้าจ้องตาพี่เขาทำไม”
“สาว่าพี่ศรีต้องมีอะไรในใจค่ะ หน้าพี่ศรีเหมือนคนคิดมาก เก็บอะไรไว้ในใจ”
ศรีจิตรารีบยิ้มกลบเกลื่อน “เปล่านี่”
“เอ้า เปล่าก็เปล่า นี่พี่ศรีพบกับญาติโกโญติกาของฝ่ายสามีครบหรือยัง”
“พบแล้วแต่ยังไม่หมด”
สาลินถามต่ออีก “แล้วตัวพระเอกของพี่ศรีล่ะ”
แววตาของศรีจิตราหม่นลงวูบหนึ่ง “พบแล้ว เขาก็...โอภาปราศรัยดี”
“เอามะม่วงเราเอามา 3 ชะลอม 2 ชะลอมถวายเสด็จ อีกชะลอมเอาไปตำหนักโน้นดีไหมคะ”
อุ่นเรือนทำหน้าสงสัย “เอาไปทำไมลูก”
“ก็เอาไปซูฮกแม่สามีของพี่ศรีน่ะซีคะ”
“ยายสาอะไรกันลูก น่าเกลียดตาย”
“เอ แต่เอาของฝากมาเยอะแยะ แล้วไม่ให้เขาเลยไม่น่าเกลียดกว่าหรือคะ”
อุ่นเรือนส่ายหน้า “แต่มันเหมือนเราอยากรู้จักเขาจนออกนอกหน้า”
“ไม่ใช่แม่ให้นี่คะ แต่เป็นสาเองเอาของมาไหว้เขา ไม่น่าเกลียดหรอกค่ะ”
“แต่ลองเรียนคุณป้าก่อนไม่ดีหรือ”
สาลินทำหน้าตูม “ว้าเอาอีกแล้ว รายงานคุณป้าก่อนอีกแล้ว อีกหน่อยสามีจะหอมแก้ม ถ้าคุณป้า
ไม่อนุญาตก็ไม่ได้ซีคะ”
อุ่นเรือนร้องอุทานตกใจ ศรีจิตราหันมาหยิกน้องสาว
คุณสร้อยนอนตะแคงครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่บนเตียงของคุณสอางค์ ขณะที่สาลินคุกเข่าอยู่ที่พื้น
“จะเอาผลไม้จากสวนไปฝากหม่อมอำพันค่ะ”
“จะเอาของไปฝากหม่อม เอ้า อยากประจบเขาก็ตามใจซิคะ ให้ใครในวังเอาไปให้ก็แล้วกัน”
“ค่ะ ให้คนที่อยู่ในวังตอนนี้เอาไปให้” สมองสาลินแล่นปราด พลางเอามือลูบผมเปียตัวเอง
“ค่ะ คุณป้า”
สาลินผูกเปีย 2 ข้าง มือข้างหนึ่งหิ้วชะลอมผลไม้เดินตัวเอียงไปตามถนน เมื่อเลี้ยวโค้งก็เห็นตำหนัก
เล็กอยู่เบื้องหน้า
ที่มุมนั่งเล่นใกล้หน้าต่างซึ่งลับตาคนพอควร เทพีเพ็ญแสงเอนตัวระทวยบนโซฟานอน ชายรอง ยืนมองอย่างสุดรัก
“วันนี้คุณรองไม่ไปไหนหรือคะ”
“ถ้าไปก็ไม่เจอหญิงน่ะซีครับ”
“พี่หญิงกลางทำขนมมาฝากคุณรองค่ะ”
อีกฝ่ายยิ้มกรุ้มกริ่ม “แล้วหญิงมีอะไรมาฝากผมบ้างหรือเปล่า แต่แค่หญิงมาก็เป็นของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับผมแล้ว”
พูดพลางขยับตัวมานั่งเบียดเทพีเพ็ญแสง สบตากันหวานฉ่ำ
จรวยโผล่หัวขึ้นมาจากหลังตู้เตี้ย สายตาสอดส่อง
สาลินหิ้วชะลอมหยุดรออยู่หน้าตำหนัก พลางมองซ้ายมองขวา เมื่อไม่เห็นมีใครก็ถือวิสาสะเดินขึ้น
บันไดไป
“สวัสดีค่ะ มีใครอยู่ไหมคะ”
ชายรอง นั่งอิงแอบเทพีเพ็ญแสง หน้าเอียงคลอเคลียกัน
“ยกโทษให้ผมแล้วใช่ไหม”
หญิงก้อยยังตั้งแง่ “ ไม่ทราบค่ะ ไม่รู้ว่าคุณรองจะต้องตามพระทัยเด็จป้าอีกแค่ไหน”
“ไม่เอาน่าคนดีของผม”
พูดพลางมองอีกฝ่ายที่แหงนเงยเผยอปาก ดวงตายวนยั่วหยาดเยิ้มอย่างหลงใหล ก่อนจะก้มลงจุมพิตที่ริมฝีปากงาม ฝ่ายหลังสนองตอบด้วยการยกสองมือโอบรอบคอ
จรวยตาโตเอามือปิดปาก พร้อมกับที่สาลินหิ้วชะลอมไม่รู้อิโหน่อิเหน่เข้ามา จากฉากกั้นห้อง
“สวัส....”
พูดยังไม่จบคำ ก็ทำตาเบิกกว้างเมื่อเห็นภาพตรงหน้า
สะใภ้จ้าว ตอนที่ 5 (ต่อ)
กิตติราชนรินทร์และเทพีเพ็ญแสงยังจมอยู่ในห้วงรักเหวลึก สาลินอ้าปาก
ตาโตจากไข่เป็ดเป็นไข่ช้าง ชายรองถอดริมฝีปาก หญิงก้อยซบแก้มแนบแก้ม ดวงตาปรือของเธอมองข้ามไหล่ของชายรอง
ชายรองเห็นสาลินยืนเป็นภาพเบลอและย้อนแสง หญิงก้อยเบิกตากว้าง สาลินยืนตะลึง คล้ายพจมานในบ้านทรายทอง หญิงก้อยร้องอุทานแล้วผลักชายรองออกก่อนจะขยับถอย ชายรองหันมา ด้วยความงง เขาเห็นสาลินก็ลุกขึ้นดึงเทพีเพ็ญแสงขึ้นยืนตาม สาลินเพิ่งเห็นหน้าชายรองและหญิงก้อยชัดๆ
“คุณ”
ชายรองขมวดคิ้วจำได้แต่ก็ไม่สามารถนึกสาเหตุได้ในสามโลกว่าทำไมยายเด็กปากจัดจึงมายืนอยู่ตรงนั้น สาลินปลอยชะลอมหลุดมือหล่นแปะลงบนพื้น ชายรองขมวดคิ้ว เขาเพิ่งแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาด สาลินก็เพิ่งจำหน้ากิตติได้เช่นกัน
“นี่เธอ ยายเด็กถ้ำมอง”
“คุณชายขี้เก๊ก” สาลินว่า
“นี่มาถ้ำมองฉันอีกแล้วเหรอ”
สาลินสมองคิดอึงอล
ชายรอง หญิงก้อย มองตรงหน้าสาลินเหมือนหยุดนิ่ง เธอเห็นเหมือนลูกศรชี้ไปที่หญิงก้อยพร้อมคำบรรยาย “คุณหญิงเทโพ”
“สามีคุณหญิงก้อย เป็นอภิมหาเศรษฐี ชื่อ อัศนีย์ เถลิงการ”
สาลินทำหน้าอี๋
ส่วนที่ชายรองมีลูกศรชี้ ตัวอักษร “ขี้เก๊ก” “บ้ากาม” “เป็นชู้กับเมียชาวบ้าน”
สาลินทำหน้าอี๋มากกว่าเดิมสิบเท่า ชายรองผละจากหญิงก้อยก้าวมา หญิงก้อยนั่งลงไขว่ห้างวางท่าสง่า เธอไม่ได้อายแต่แค่แปลกใจ จรวยแหวกดอกไม้ที่แจกันใหญ่มองอย่างงงๆ
“คุณมาทำอะไรที่นี่”
“มาทำอะไรที่นี่ ถามได้ นี่บ้านฉัน” ชายรองว่า
“นี่บ้านคุณ หมายความว่าคุณคือ”
“แล้วเธอล่ะมาทำอะไร”
“มาหาหม่อมอำพัน”
“มาหาหม่อมแม่”
สาลินทำตาปริบๆ
สาลินทำท่าเหมือนจะหายใจไม่ออก “มะ หม่อมแม่”
ภาพในหัวของสาลินเห็นว่าที่ชายรองมีลูกศรชี้ “ลูกชายหม่อมอำพัน” เธอคิดต่อว่า “ คงไม่ใช่คนนี้นะ”
หญิงก้อยปรายตาดูชะลอมผลไม้แล้วยิ้ม
“หม่อมแม่คุณรองมีญาติเป็นชาวบ้านนอกด้วยหรือคะ”
สาลินทำตาปริบๆ
“บ้านนอก”
สาลินมองดูชุดที่ใส่ก็เห็นว่ารวยหรูแล้วเห็นชะลอมที่กลิ้งอยู่ก็รู้ว่าไอ้นี่เอง แล้วเธอก็หยิบมา
“หม่อมแม่ผม ไม่มีญาติแบบนี้หรอก มีธุระอะไร”
“ไม่มีธุระอะไร แค่เอาผลไม้มาให้” สาลินบอก
“โถ อุตส่าห์มีน้ำใจ รับไว้แทนหน่อยซีคะ” เทพีเพ็ญแสงทำสมเพช
“เธอจะให้เรียนหม่อมแม่ว่าอะไร” กิตติถาม
“บอกว่าเป็นของฝากจากเมืองนนท์ น้องสาวคุณศรีจิตราว่าที่ลูกสะใภ้หม่อมฝากมาให้”
ชายรองชะงักแล้วก็สีหน้าเผือดลง สาลินเชิดหน้า หญิงก้อยลุกขึ้น
“น้องสาวศรีจิตรา”
“ศรีจิตรา สะใภ้ สะใภ้ที่ไหนกัน”
ชายรองหันมาหา “หญิง”
“ไหนบอกมาซี ว่าใครจะมาแต่งกับใคร”
สาลินเชิดหน้า
“ก็คุณศรีจิตรา ภักดีนฤนาถ พี่สาวของฉัน กำลังจะแต่งงานกับหม่อมราชวงศ์กิตติราชนรินทร์ วุฒิวงศ์”
ชายรองตัวชาวาบ หญิงก้อยยกหลังมือข้างหนึ่งปิดปาก ดวงตาเบิกกว้างแล้วส่ายหน้าปฏิเสธ แล้วจึงถอยหลังกรูดไปเกาะเสาด้วยท่วงท่างดงามราวนางเอกฮอลลีวูดยุค 50 สาลินมองด้วยอาการทึ่งจัด
หญิงก้อยสะบัดหน้าหันมามองกิตติ
“ไม่จริง ฉันไม่เชื่อ ว่ายังไงคะ แม่คนนี้พูดความจริงใช่ไหม”
“หญิงอย่าเพิ่งโกรธ” ชายรองพูดกับสาลิน “นี่ เธอ หยุดพูดบ้าๆอย่างนี้”
“ฉันไม่ได้พูดบ้าๆ ฉันพูดความจริงทุกคำ พี่สาวฉันกำลังจะแต่งงานกับคุณชายกิตติราชนรินทร์”
“จริงใช่ไหมคะ จริงใช่ไหม”
ชายรองก้าวไป หญิงก้อยจับปกเสื้อนอกแหงนเงยถาม ชายรองกุมมือแล้วก้มดูวิงวอน
“หญิง ฟังผมก่อน”
สาลินมองดูท่วงท่าฮอลลีวูดอย่างทึ่งจัด
“มันเป็นความจริงใช่ไหมคะ”
“มันเป็นความจริงหญิง”
“คุณรองกำลังจะแต่งงานกับพี่สาวแม่คนนี้”
ชายรองกับหญิงก้อยหันหน้ามามองสาลิน สาลินอ้าปากค้าง ภาพในหัวสาลินมีลูกศรชี้ที่ชายรอง ว่า “ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์ วุฒิวงศ์” “คุณชายรอง”
หญิงก้อยปลดมือชายรองแล้วก้าวถอยมา 2 ก้าวก่อนจะเซแซ่ดๆไปเกาะรูปปั้นหนึ่ง เธอก้มหน้าแล้วค่อยๆเงยดวงตาเริ่มแค้นขัดสหัสสา แล้วหันหน้าขวับมามองชายรอง ชายรองใจหายวาบ
“คุณรองหลอกลวง ทุกคนโกหกหญิง ร้ายกาจที่สุด”
สาลินเพลินเหมือนได้ดูละครเวทีมหากาพย์
หญิงก้อยกำสองมือแน่นแล้วยกขึ้น 2 ข้างตัวก่อนจะกรีดร้องสุดเสียง
“กรี๊ด”
สาลินยกมืออุดหู หญิงก้อยร้องกรี๊ดระดับดีว่าโอเปร่าก่อนจะยกแจกันทุ่มลงพื้นแล้ววิ่งออก ชายรองวิ่งตาม จรวยวิ่งเข้ามาดู สาลินเอาชะลอมผลไม้ฝากจรวยแล้ววิ่งตามออกมา
วาณีที่อยู่ในวงไพ่คลี่ไพ่ชำนิชำนาญกำลังมือขึ้น อำพันหน้าหงิกเพราะรอมานานก็เรียกไม่มา คุณหญิงคุณนายคนอื่นๆ ลุ้น ยายน้อมเอาชามของกินเล่นมาวางข้างอำพัน เสียงกรี๊ดดังมาพร้อมเสียงของแตก อำพันลืมตาโพลงแล้วถามยายน้อม
“อะไร ตำรวจหรือเปล่า”
ยายน้อมนิ่งเล็กน้อยคล้ายรอให้เครื่องร้อนแล้วจึงร้องสุดเสียง
“ตำรวจ ตำรวจ ตำรวจ”
ทุกคนวิ่งวุ่นด้วยความโกลาหล
“หยุด ตำรวจเหรอน้อม”
“หม่อมบอกตำรวจ อิชั้นก็บ้าจี้ตามสิเจ้าคะ”
“แล้วเสียงกรี๊ดอะไร”
“ตำรวจมังคะ” น้อมบอก
ทันใดประวัติศาสตร์ก็ซ้ำรอย วงไพ่เกิดความโกลาหลอลหม่าน วาณียัดเงินใส่อกเสื้อลุกพรวด อำพันปาไพ่จนกระจาย คุณหญิงคุณนายอื่นๆ วิ่งวน อำพันร้องห้ามทุกคน
หญิงก้อยยังคงกรีดร้อง สาลินอุดหู กิตติเข้าไปจับแขน เทพีเพ็ญแสงสะบัดวิ่งถลาออกไป ชายรองวิ่งตาม จรวยก้าวออกจากหลังแจกัน สาลินส่งชะลอมให้ จรวยรับมาอย่างงง ๆ
ชายโตที่กำลังหลับอยู่ข้างเปลตาตุ้มผวาลุกพรวด ตาตุ้มเองก็ตื่นขึ้นมาแผดเสียงร้องจ้า
“เฮ้ย ผีที่ไหนร้อง”
นมย้อยกับเจียมถือถาดอาหารกลางวันขึ้นเทอเรซมา หญิงก้อยยังร้องกรี๊ดวิ่งฝ่ากลาง นมย้อยกับเจียมหมุนคว้างจนพอจะตั้งหลักได้ กิตติวิ่งฝ่ากลางมาอีกคน นมย้อยกับเจียมต้องบาลานซ์ถาดสุดความสามารถ
“เกิดอะไรขึ้นคะคุณชาย”
“ไว้ผมจะอธิบายให้ฟังครับนม”
สาลินกับจรวยเดินตาม
สร้อยกำลังนิทราทิพย์แต่ขมวดคิ้ว ส่วนปากละเมอเสียงหวาน
“ไอ้กรรมกร เอากล้ามแกออกไป ไม่งั้นฉันจะร้อง”
สร้อยร้องกรี๊ดเบาๆ ก่อนจะผวาลุกเอามือทาบอก แล้วเธอก็งงเพราะยังมีเสียงกรี๊ดดังต่อเนื่อง
หญิงก้อยร้องกรี๊ดไม่ขาดสาย เธอวิ่งเข้ารถที่จอดอยู่ ชายรองวิ่งตามมาถึง หญิงก้อยขึ้นรถตระบึงหนีไป กิตติยืนอึ้งมองตามโดยยังมีเสียงกรี๊ดดังอยู่
ศรีจิตรานั่งอยู่บนเก้าอี้ ในมือของเธอมีหนังสือ มาลากับวรรณาปอกมะม่วงที่สาลินเอามาให้
“เปรียบไปคุณหญิงก้อยก็เหมือนนางวันทอง สูญหายกลับกลายไปตามเพศ” มาลาบอก
“เป็นเปรตสูงเยี่ยมเทียมสวรรค์” วรรณาว่า
เสียงกรี๊ดดังแว่วมา ศรีจิตราชะงัก มาลากับวรรณาตกใจเลิ่กลั่ก
“ว้าย อะไร”
“เสียงเปรตวันทอง”
“ตำหนักเล็กนี่” ศรีจิตรารำพึง
ชายรองยังคงยืนมองตามรถหญิงก้อย สาลินก้าวมาเหนือเทอเรซแล้วทำหน้าแหยะใส่หลังชายรอง
ก่อนจะเดินทำไม่รู้ไม่ชี้กลับตำหนักใหญ่ ชายรองเหลือบไปเห็นก็โทสะพุ่งขึ้นแล้วก้าวพรวดตามไป
สวนตำหนักใหญ่งดงามที่มีรูปปั้นกรีกเป็นระยะ ถัดไปเป็นซุ้มไม้เลื้อย ใกล้น้ำพุที่พุ่งเป็นสายงดงาม สาลินเดินฉับๆมา ชายรองตามมาทันคว้าข้อมือไว้แล้วกระชากจนสาลินหันมาประจันหน้า
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ แม่ตัวดี” ชายรองพูด
“คุณน่ะซี นายตัวร้าย” สาลินว่า
สาลินสะบัดมือ ชายรองยังคงจับไว้เดี๋ยวหนึ่งแล้วปล่อย สาลินถอยไปนวดข้อมือป้อยๆ
“มันกงการอะไรของเธอที่ต้องมาแส่เรื่องฉัน แม่นักถ้ำมอง”
“ฉันไม่ได้ถ้ำมอง คุณต่างหากพวกชอบโชว์”
“นี่มันบ้านของฉัน แล้วก็มุมลับตา”
“ถ้าลับตาจริง ฉันก็คงโผล่เข้าไปไม่ได้”
ชายรองขบกราม
“นี่เธอก่อเรื่องอะไรไว้รู้ไหม”
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง ว่าคนที่เล้าโลมผู้หญิงกลางวันแสก ๆ อยู่บ่อย ๆ เป็นคนที่ขับรถสาดโคลนใส่ฉันสองหน เป็นคนปากจัดด่าฉันเสีย ๆ หาย ๆ เป็นคน” สาลินเน้น “ที่พี่สาวฉันต้องแต่งด้วย”
“ฉันก็ไม่คิดเหมือนกัน ว่าแม่นักถ้ำมองเป็นกิจวัตร ราดน้ำรดกางเกงฉันถึงสองครั้ง แถมยังเถียงคำไม่ตกฟาก จะเป็น” ชายรองเน้น “น้องสาวคนที่ฉันต้องแต่งด้วย”
สาลินทำหน้าแสยะ
“อ้อ รู้ตัวเหมือนกันหรือ ว่าคุณต้องแต่งงาน”
“งั้นก็รู้ไว้ว่าฉันไม่ได้อยากแต่งกับพี่สาวเธอเลย”
“ฉันก็ไม่อยากได้คุณมาเป็นพี่เขยเหมือนกัน”
“อ้อ ไม่อยากได้ฉันเป็นพี่เขย แต่วิ่งวุ่นเอาของกำนัลมาให้จนถึงที่”
สาลินเกือบเต้นแล้วคิดตอบโต้
“นั่นเขาเรียกว่าน้ำใจ เพราะแถวบ้านฉัน ทุกคนมีน้ำใจไมตรีต่อกัน โอเค ฉันผิดเอง”
“รู้ตัวก็ดี”
“ฉันผิดเอง ที่อยู่แต่ที่ที่มีแต่คนดี เลยคิดว่าโลกนี้มีแต่คนดีไปหมด”
ชายรองแทบเต้นบ้าง เขาขยับมาใกล้
“เธอ ขอโทษฉันเดี๋ยวนี้นะ”
“ฉันขอโทษ”
“ดี”
“ขอโทษที่คิดว่าคุณเป็นคนดี เหมือนคนอื่นแถวบ้านฉัน”
ชายรองตัวสั่น สาลินลอยหน้า
“พูดจาก้าวร้าวอวดดีนักนะ ต่อไปอย่าได้เหยียบเข้ามาในวังนี้อีกเป็นอันขาด”
“เสียใจ เสด็จโปรดให้ฉันมาเยี่ยมพี่สาวได้ทุกเมื่อที่ต้องการ”
“ฉันจะทูลเด็จป้าว่าเธอก้าวร้าวเล่นลิ้นยังไงบ้าง”
“ฉันก็จะทูลเสด็จว่า คุณเล่นลิ้นแลกลิ้นกับผู้หญิงอื่นอย่างไงบ้าง”
ชายรองจับไหล่สาลินแล้วมองตาเขียว
“ฉันไม่เคยเห็นใคร พูดจาส่อนัยในทางเพศได้เท่าเธอ”
“ฉันก็ไม่เคยเห็นใคร แสดงพฤติกรรมส่อนัยในทางเพศได้ทุกที่ทุกเวลาอย่างคุณ”
ชายรองสะอึกและอึ้งไป
“อย่าคิดนะว่าพี่สาวฉันอยากเป็นสะใภ้จ้าวจนตัวสั่น ทั้งหมดเป็นเพราะผู้ใหญ่จัดการ”
ชายรองอ่อนลงนิดหนึ่งก่อนจะปล่อยไหล่สาลิน
“คุณรักคนอื่นอยู่ ทำไมคุณไม่คัดค้านผู้ใหญ่” สาลินถาม
“ฉัน” ชายรองอึกอัก
“คุณไม่กล้าขัดใจผู้ใหญ่ซีนะ ก็เลยเอาใจผู้ใหญ่โดยให้ผู้หญิงคนหนึ่งมารับเคราะห์ ทูลเสด็จไปซีว่าคุณไม่แต่งงาน เพราะคุณรักคนอื่นอยู่แล้ว”
ชายรองนิ่งอั้น สาลินก้าวมาอีกจนชิด เธอมีสีหน้าเจ็บช้ำแทนพี่สาว
“พี่สาวของฉันจะได้ไม่ต้องมารับเคราะห์ ได้เจอคนที่รักเขาจริงๆ คุณเองก็จะได้รักคนที่รักคุณจริงๆเหมือนกัน”
ชายรองแทบจะหายโกรธเป็นปลิดทิ้ง แต่ต้องไว้ท่าอยู่
“เอาล่ะ เธอไปได้แล้ว”
สาลินเดินฉับๆไปหน้าเชิด ชายรองมองตาม
รูปปั้นแตกเกลื่อนอยู่ที่พื้น ที่บันไดอันทอดสู่ชั้นบน หัวอำพันโผล่ขึ้นจากชั้นล่างสุด ตามด้วยหัวของวาณี หัวของคุณหญิง และของคุณนายอื่นๆ ที่ทยอยโผล่ตามจนสุดราวบันไดที่ชั้นบน หัวยายน้อมตัวการปิดท้าย ย้อยกับเจียมถือถาดของกินจากข้างนอกเข้ามา คณะคุณหญิงจึงคลายใจทยอยลงมา อำพันเห็นรูปปั้น
“ว้าย อะไรยะ ข้าวของแตกหัก โธ่ รูปนี่ตั้งแต่สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ 2”
“ต๊าย น่าเสียดายนะคะ ฝีมือนางคนไหนกัน”
จรวยก้าวมายืนดู
“แล้วยังเสียงกรีดร้องอีก”
“นั่นซีคะ เสียงยังกะเปรต เสียงใครรู้ไหม”
จรวยยิ้ม
“เสียงคุณหญิงก้อยค่ะ”
วาณีหน้าแตกเสียงดังเพล้ง
“รูปปั้นที่แตกนั่น ก็ฝีมือคุณหญิงก้อยค่ะ”
วาณีหน้าแตกซ้ำสอง เสียงเพล้งดังกว่าเดิม อำพันมองวาณีแล้วหันไปหาจรวย
“มีเรื่องอะไรกัน” อำพันถาม
“แหม ดิฉันก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นะคะ เหมือนคุณหญิงก้อยทะเลาะกับคุณชายรองค่ะ”
“ทะเลาะอะไรกัน” วาณีถาม
“แหม อิฉันก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นะคะ รู้สึกคุณหญิงก้อยจะรู้เรื่องคุณศรีหมั้นคุณชายรองแล้วค่ะ” จรวยบอก
อำพันอ้อ วาณีตกใจแต่ไม่กล้าถาม
“แล้วหญิงก้อยไปไหน”
“แหม ยังไงก็ไม่ทราบค่ะ เหมือนพอกรีดร้องก้องตึกแล้วก็วิ่งหนีไปขึ้นรถขับออกไปค่ะ”
“แล้วนี่ชะลอมอะไรของใคร” ย้อยถาม
“น้องสาวคุณศรีจิตรา เอามาฝากหม่อมหรือไงนี่คะ อิฉันไม่”
น้อมอดรนทนไม่ไหวจึงพูดพร้อมกับเจียมทุกคำ
“อิฉันไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ใช่ไหมยะ”
จรวยชะงักมองน้อมตาเขียวหยุดพูดไป อำพันมองจรวยตาขวาง
“อ้อ ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่รู้แจ้งแทงตลอดทุกรายละเอียด ไม่ได้อยู่ด้วย แต่แอบดูอยู่ตามรู ตามเรี้ยวใช่ไหมยะ”
จรวยทำไม่รู้ไม่ชี้
สร้อย ศรีจิตรา อุ่นเรือนนั่งกินของว่าง น้ำชากันอยู่ที่ศาลา
มาลากับวรรณาที่นั่งห่างออกไปมาคุยด้วย สาลินเดินหน้าหงิกมาหยุดยืนมองดูศรีจิตรานิ่ง สีหน้าของสาลินเปลี่ยนเป็นสงสาร กังวล ทุกข์ใจแทน ศรีจิตราแหงนมองดูสาลิน พอเห็นสีหน้านั้นศรีจิตราก็แปลกใจ สาลินรีบทำสีหน้าปรกติ
“อ้อ มาแล้วหรือยะ แม่คุณ ไปมัวปลูกลูกมะพูดอยู่ที่ไหน มา มานี่ มากินของว่าง” สร้อยชวน
“สาลองโสร่งนี่ซีจ๊ะ”
สาลินกิน “อร่อยจัง พี่ศรีหรือต้นเครื่องที่นี่ทำคะ”
“ไม่ใช่หรอกจ้ะ ของคุณนมจากตำหนักเล็ก คุณนมทำเครื่องว่างส่งเข้ามาบ่อยๆ”
สร้อยยิ้มแป้นก่อนจะด้นกลอนสด อุ่นเรือนยิ้ม
“อู๊ยจะอะไร ก็คงคุณชายรองนั่นแหละ สั่งให้คุณนมทำขนมมาสานไมตรีกับแม่ศรี”
สาลินหน้าหงิกงอ มาลากับวรรณาสอด
“ท่าจะจริงค่ะ / แต่ก่อนร่อนชะไรก็ไม่เคยบ่อยอย่างนี้”
“แต่สาไม่คิดว่าคนตำหนักนั้นจะมีน้ำใจอะไรถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ” สาลินว่า
ทันใดนั้นก็คล้ายระเบิดลง สร้อยชะงักกึกตาเขียว อุ่นเรือนใจหายวาบ ศรีจิตราตกใจ มาลา วรรณาเลิ่กลั่ก
“ยายสา พูดอะไรลูก” อุ่นเรือนถาม
“นั่นซียะ หล่อนพูดอะไร หรือหล่อนไปรู้ ไปเห็นอะไรมา”
“รู้ซีคะ ก็สาเพิ่งไปตำหนักนั้นมา”
ทุกคนมองอ้าปากค้าง
“เขาพูดเองว่า เขาไม่ได้อยากได้ใคร่ดีอะไรกับ” สาลินชะงัก “ของฝากของเรา”
สาลินไม่กล้าพูด ศรีจิตราจับนัยได้ก็สลดลง อุ่นเรือนรู้สึกแต่สร้อยพูดออกมา
“หา แกไปตำหนักโน้น ใครใช้ให้แกไป แล้วแกเอาไปให้ใคร เขาถึงตอกหน้ามายังงั้น”
สาลินรู้ว่าไม่ควรเล่าว่าคือชายรองจึงยังอ้ำๆอึ้งๆ
“ใครก็ไม่รู้ค่ะ สาวๆ คมๆ หน้าอกใหญ่ๆ”
สาลินเลี่ยงไป มาลากับวรรณาตบเข่าฉาด
“ต้องเป็นนังจรวย สะใภ้ใหญ่แน่เชียวค่ะ” มาลาว่า
“ต๊าย มันคงโกรธมาตั้งแต่คราว คุณชายโต อย่าฟังมันนะคะ”
สาลินทำตาปริบๆ ก่อนจะรีบหาวกลบเกลื่อน
“สาเพลียจังค่ะ อยากนอนพักจัง”
“ต๊าย แม่คุณ ต้องธรณีสารหรือยังไงยะ กินปุ๊บง่วงปั๊บ เออ แต่ระวังให้ดีนะยะ มานอนที่นี่ บอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางเสียก่อน” สร้อยว่า
สร้อยมองซ้ายมองขวาแล้วก็ขนลุกเกรียว
“ที่นี่น่ะ เจ้าที่แรงทีเดียว”
“ว้าย มีด้วยหรือคะ” มาลาถาม
“อยู่มาตั้งนาน ไม่เห็นเจอ”
“ก็เมื่อกี้ฉันไปเอนห้องพี่สอางค์ อุ๊ย ฝันร้าย มีผีนักกล้ามมาอำฉัน”
ทุกคนอ้าปากค้าง
“แล้วมันก็กลายเป็นเปรตกรีดร้องโหยหวน ฉันตื่นขึ้นมายังได้ยินเสียงอยู่ลิบๆ อู๊ย พูดแล้วขนลุก”
มาลา วรรณาพูดพร้อมกัน “ว้าย พวกหนูกับคุณศรีก็ได้ยินค่ะ”
“ฮึ สาเองก็ได้ยินค่ะ เสียงร้องมันยังก้องอยู่ในหูเลย”
สาลินเชิดหน้าตาวาว
สาลินกับศรีจิตรานั่งบนเตียง อุ่นเรือนนั่งที่โต๊ะเครื่องแป้งห่างออกมา สาลินมองศรีจิตราด้วยความเป็นห่วง
“คุณจรวยเขาพูดเหรอ ไม่อยากได้ใคร่ดีของฝากของเรา”
“แม่จรวยนั่นสาไม่สนใจหรอกค่ะ สาสนใจพี่เขยของสามากกว่า”
อุ่นเรือนกับศรีจิตรางุนงง
“หนูไปเจอคุณชายรองมาหรือลูก”
“ค่ะ” สาลินพูดกับศรีจิตรา “พี่ศรี พี่ศรีรู้ไหมว่าเขาอยากแต่งงานกับพี่ศรีหรือเปล่า”
“พี่ไม่รู้สา”
“แม่ศรี ลงไปดูข้าหลวงในครัวดีกว่านะลูก”
ศรีจิตรารีบลุกขึ้นซ่อนสีหน้าแล้วออกไปจากห้อง อุ่นเรือนลุกพรวดมานั่งแทน อุ่นเรือนจับแขนสาลิน
“นี่มันเกิดอะไรกันแน่ลูก”
“สาไปเจอพี่เขยของสากำลังกอดจูบโอ้โลมปฏิโลมกับยายคุณหญิงเทโพค่ะ”
“คุณพระช่วย”
“แล้วคนที่ว่าใส่หน้าหนูว่าเขาไม่ได้อยากได้ใคร่ดีกับของของเรา ไม่ใช่แม่จรวยหรอกค่ะ แต่เป็นนายคุณชายรองนี่ต่างหาก”
“อะไรนะ”
“แล้วเขาก็ไม่ได้พูดถึงมะม่วงนะคะ แต่เขาพูดออกมาตรงๆว่า เขาไม่ได้อยากแต่งงานกับพี่ศรีเลยแม้แต่นิดเดียว”
อุ่นเรือนยกมือทาบอก
“คุณพระ คุณเจ้า นี่อย่าให้พี่ศรีรู้นะลูก”
“สาเองก็ไม่กล้าบอกหรอกค่ะ สาสงสารพี่ศรี”
“โธ่ แล้วนี่จะทำยังไงดี”
สาลินลุกขึ้นช้าๆ เกาะกรอบหน้าต่างแล้วมองไปยังตำหนักเล็ก
“สายังไม่รู้เลยค่ะ แต่สาขอปฏิญาณ”
สาลินหันขวับมา
“ว่าสาจะทำทุกอย่าง เพื่อไม่ให้อีตาคุณชายรองนี่มาเป็นพี่เขยของสา”
อุ่นเรือนร้องอุทาน สาลินทำท่ามุ่งมั่นคล้ายจะออกไปกอบกู้เอกราช
โถงบนเก็บกวาดวงไพ่เรียบร้อยแล้ว จรวยบ่นต่อหน้าดิเรกที่กำลังป้อนนมให้ตาตุ้ม
“ฮึ ขัดใจจริง ๆ เลยค่ะคุณชาย ยายน้องสาวคุณศรีจิตราอยู่ดี ๆ ก็มาทำความแตก มาบอกคุณหญิงก้อยให้รู้เรื่องคุณศรีจิตราเป็นคู่หมายของคุณชายรอง” จรวยบอก
“แล้วเธอขัดใจไปทำไม”
“โธ่ คุณโตขา พอคุณหญิงก้อยเธอรู้ความจริงเธอต้องเลิกกับคุณรองแน่ ๆ”
“ฉันก็ยังงง มันเกี่ยวอะไรกับเธอ”
“ถ้าคุณรองเลิกคุณหญิงก้อย ก็ต้องมาแต่งกับคุณศรี แต่งกันเมื่อไหร่ คุณรองจะมีอำนาจปกครองตำหนักนี้คนเดียว คุณโตกับจรวยกับตาตุ้ม จะเป็นแค่คนอาศัย จะถูกเขาเฉดหัวไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้”
“น้องชายฉันไม่ใช่คนอย่างนั้น แล้วเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องของเธอเลย อย่ายุ่งดีกว่า”
“ยังไงก็ยุ่งไปแล้วล่ะค่ะ เพราะจรวยบอกเรื่องยายคุณหญิงก้อยรักกับคุณรองให้ยายศรีสนิมสร้อยฟังไปแล้ว”
“จรวย อย่ายุ่งเรื่องนี้อีก ถ้าไม่เลิกยุ่ง ฉันนี่แหละจะเฉดหัวเธอออกไปจากบ้าน เอาตาตุ้มไปอาบน้ำ”
ชายโตส่งตาตุ้มให้จรวย ส่วนตุ้มแหกปากร้องลั่น
“รักแม่มากเลยนะ พอแม่อุ้มล่ะร้องเชียวมึง”
พุดซ้อนและชบาทิพย์ที่นุ่งกางเกงยืดรัดเท้าสีแปร๋น เสื้อดอกดวง รองเท้าส้นสูง ออกมาดูเด็กปั๊มเติมน้ำมัน รถเมล์แล่นมาจอดลงหน้าปั๊ม สาลินหน้าหงิกกระปลกกระเปลี้ยลงมา
“ไปไหนมาหรือคะ นายพลเขามารอหนูตั้งแต่หัววัน” พุดซ้อนถาม
“นายพล นายพลไหนคะ” สาลินถามกลับ
“ก็พี่พลไงคะ รถพี่พลจอดอยู่โน่นไง” ชบาบอก
ชบาทิพย์ชี้มือ สาลินมองตามก็เห็นรถบดินทร์จอดอยู่หลังปั๊ม
“อ๋อ คุณพลน่ะหรือ โธ่ คิดว่านายพลทหารราบที่ไหน”
“อู๊ย นี่เขาเอาขะนมขะต้มมาฝากเยอะเลย”
“เขายังเอามาเผื่อหนูเลย ขนมอร้อย อร่อยล่ะพี่สา”
“งั้นหนูขอตัวก่อนนะคะน้าซ้อน เอ๊ย น้าพุทธชาติ น้องชบาทิพย์”
สาลินเดินไปทางหลังปั๊ม พุดซ้อนทำหน้าแสยะมองตาม
“พอรู้ว่าผู้ชายมารอ ละรีบแจ้นหน้าเริดไปเลย ดูไว้นะคะลูกขา อย่าเอาเยี่ยงอย่าง”
ชบาทิพย์ทำตาปริบๆ
“ยังไงคะ”
“เราน่ะเป็นคฤหาสน์ปัตตานี จะมาลดตัวไปคบหากับพวกช่างฟิตน่ะไม่บังควร ให้หลานพระยาใฝ่ต่ำน่ะคบไปคนเดียว นะคะลูกชบาทิพย์ เอ๊ะ หายไปไหน” พุดซ้อนถาม
พุดซ้อนมัวแต่สาธยาย เมื่อหันมาเห็นว่าชบาทิพย์หายไปแล้วจึงหันมองก็เห็นมอเตอร์ไซด์ที่มีคนขับผมชะโงก หุ่นจิ้งเหลน สวมแจ็กเก็ตหนังมาเติมน้ำมัน ชบาทิพย์เติมน้ำมันระริกระรี้ เด็กปั๊มยืนมอง พุดซ้อนแทบร้องกรี๊ด
พุดซ้อนฉุน “อีชบา”
สะใภ้จ้าว ตอนที่ 5 (ต่อ)
เรือกาแฟมาจอดเทียบที่ศาลาท่าน้ำ ยายพิณกับเจ้าแกะจัดการซื้ออยู่ตีนบันได
ตาผลช่วยรับของจากเรือส่งให้บนศาลา บนศาลาปูเสื่อลาดผ้าขาววางของว่างพวกโสร่ง ขนมจีบ กระหรี่ปั๊บ คุณตา คุณยายนั่งอยู่กับบชายเล็ก สาลินหน้างอเข้าไปไหว้แล้วนั่งลง
“พ่อพลเขามารอตั้งแต่บ่าย” ตาบอก
ยายพิณเอาชาร้อนมาส่งให้ชายเล็ก ชายเล็กคนชาและจิบ
“ไปไหนมาหรือฮะ” ชายเล็กถาม
“ไปวังวุฒิเวสม์ กะคุณป้าสร้อย” สาลินว่า
ชายเล็กสำลัก “หา” ชายเล็กรำพึง “แล้วเห็นหรือเปล่าว้า”
“คุณพูดอะไรงึมงำ เห็นอะไร”
“เอ้อ ก็เห็น เห็น คุณชายชื่อยาวว่าที่พี่เขยคุณไง”
สาลินหน้าตึงอีกครั้ง คุณยายรับชามาวางให้คุณตาแล้วหันมาหาสาลิน
“หนูเอาชาไหมลูก”
“ตอนนี้หนูกินชาไม่ลงค่ะ ถ้าจะกินต้องเป็นโอยั๊วะมากกว่า” สาลินว่า
ยายพิณหันไปสั่ง
“โอยั๊วะ หนึ่ง”
“อู๊ยแม่คุณ แม่ไปยัวะใครเขามาอีกล่ะจ๊ะ” ยายว่า
“ก็ยัวะ นายคุณชายชื่อยาวน่ะซีคะ” สาลินตอบ
ชายเล็กมองตาเป๋ง
“ยังไง เรื่องมันยังไง” ตาถาม
“จุดไต้ตำตอจริง ๆ ค่ะ จำนายคุณชายขี้เก๊ก ที่หนูเล่าว่าขับรถสาดโคลนใส่หนูได้ไหมคะ”
“จำได้ซี แล้วหนูก็ทำน้ำราดกางเกงเขาด้วย”
“นั่นล่ะค่ะ ตกลงเขาคือคนเดียวกับคุณชายชื่อยาวนั่นแหละ”
ตากับยายตกใจ “หา”
“หา คนเดียวกับคุณชายชื่อยาว” ชายเล็กทวนคำ
“ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์ วุฒิวงศ์ หนูไปเจอนายคุณชายนี่พลอดรักอยู่กับแฟนเขาพอดี ยายคุณหญิงเทพิน เทโพ อะไรเนี่ย” สาลินบอก
คุณตา คุณยาย ยายพิณตกใจ แต่ก็ยังไม่เท่าบดินทร์ ทุกคนอุทานต่อเนื่องกัน
“ตายล่ะ”
“คุณพระช่วย”
“อกอีแป้นแตก”
“ฉิบหายแล้ว” ชายเล็กตะครุบปากตัวเอง “เอ้อ ขอโทษครับ”
“แล้วนี่พี่ศรีเขารู้ไหมลูก” ยายถาม
“คงไม่ทราบหรอกค่ะ สาไม่กล้าบอก”
“เฮ้อ ถ้าเขามีคู่รัก คู่ใคร่อยู่แล้ว ขืนแต่งงานกันไปก็มีหวังกินน้ำตาต่างข้าวเท่านั้นเอง”
“สาถึงอยากให้พี่ศรีแข็งข้อกับคุณป้าไงคะ”
“ก็ลองไปยุพี่ศรีดูซีลูก”
“ไม่มีทางหรอกค่ะ พี่ศรีกลัวคุณป้ายิ่งกว่าหนูกลัวแมวซะอีก ดีไม่ดีคุณป้าอาจบอกว่า”
สาลินคว้าหมอนขวานมาเป็นพร็อบอีก เธอเอามือเท้าฉับ ย่อขาเข้ามาเป็นนั่งพับเพียบ หน้าเชิด เผอิญมีพัดด้ามจิ๋วอยู่แถวนั้นอีกอันก็คว้ามาคลี่กระพือพัดเนิบนาบด้วยท่วงท่าเหมือนคุณสร้อยไม่มีผิดเพี้ยน
สาลินทำเสียงสร้อย “อู๊ย ช่างปะไร พอเขาแต่งกับเรา เขาก็เป็นของเรา แล้วเขาก็หันมารักเราเองน่ะแหละ เสน่ห์ของผู้หญิงน่ะมันอยู่ที่การปรนนิบัติจ้ะแม่คุณ”
ชายเล็กสำลักชา คุณตาหัวร่องอหาย คุณยายขำแต่ทำหน้าอมๆกลั้นไว้ ยายพิณ เจ้าแกะหัวเราะหมด
“พอๆ ล้อเลียนผู้ใหญ่ บาปกรรมลูก” คุณยายตีเข่าคุณตา “นี่ก็อีกคน หัวเราะให้ท้ายอยู่ได้”
“เหมือนป้าสร้อยจริง ๆ แฮะ”
“เดี๋ยว คุณเคยเห็นคุณป้าสร้อยมาก่อนหรือ ถึงบอกว่าเหมือน”
“อ๋อ ผมหมายความว่าเหมือนคุณหญิงเจ้ายศเจ้าอย่าง ต่างหากครับ”
“นั่นแหละ คุณป้าฉันล่ะ”
สาลินหันมาหาคุณตา คุณยาย
“สาเห็นว่ามีทางเดียวเท่านั้นแหละค่ะ ที่จะทำให้พี่ศรีกล้าดื้อแพ่งกับคุณป้า”
“ยังไง”
“ก็ให้พี่ศรี รักกับคนอื่นบ้างซีคะ”
“อกจะแตก คิดอะไรโลดโผนขนาดนั้น”
“จริงนะคะ ทีเขายังรักคนอื่นได้ เราก็หาคนรักของเราบ้างซี”
ชายเล็กถอนใจก่อนจะเลื่อนจานของว่างให้
“ใจเย็นๆฮะ ลองโสร่งหมูฝีมือแม่ย้อยของผมดีกว่า”
สาลินพยักหน้าแล้วหยิบมากิน
“เป็นไงฮะ” ชายเล็กถาม
“แปลกจัง รสชาติเหมือนโสร่งที่ฉันกินที่วังวุฒิเวสม์เปี๊ยบเลย”
ชายเล็กคอหด สาลินมองหน้าบดินทร์
“หรือว่า”
ชายเล็กงง “ว่ายังไงครับ”
“ฉันว่า แม่ย้อยของคุณ กับคุณนมตำหนักเล็ก ต้องเป็น”
ชายเล็กที่หน้าซีดเผือดคราง
“เป็นยังไงครับ”
“เป็นชาววังที่เคยอบรมมาจากวังเดียวกันแน่เลย” สาลินว่า
ชายเล็กยิ้มแห้ง สาลินคว้าโสร่งมากินอีก
สาลินเดินมาส่งชายเล็กตามเคย ชายเล็กถือตะกร้าของว่างกลับไปปั๊ม
“คุณบอกว่าพี่สาวคุณ ทั้งสวยทั้งน่ารัก ใครเข้าใกล้เป็นต้องรักไง พี่ชาย เอ๊ยว่าที่พี่เขยคุณ หากได้ใกล้ชิด เขาอาจเปลี่ยนใจมารักพี่สาวคุณก็ได้”
“ฉันว่ายาก” สาลินบอก
ชายเล็กถาม “ทำไม”
“ก็แม่คุณหญิงคนรักของว่าที่พี่เขยฉัน ทั้งสวย ทั้งหรู จริตจก้านแพรวพราย คงยากที่ว่าที่พี่เขยฉันจะหมดรักง่ายๆ”
“ว้า ทำไมจะยอมยกธงขาวง่ายๆอย่างนั้น”
“ก็เพราะคนอย่างเขา ไม่น่าจะได้พี่สาวที่แสนดีของฉันไปเป็น คู่ชีวตน่ะซี”
“แหม เขาก็ไม่น่าจะเลวเกวขนาดนั้น”
ชายเล็กพูดอ่อยๆ สาลินตาวาววับพร้อมกับทำหน้าขยะแขยง
“ฮึ คุณจะไปรู้อะไร อีตาคุณชายเนี่ย วันๆหมกมุ่นอยู่แต่เรื่องกามารมณ์”
บดินทร์อ้าปากค้าง
“ฮ้า ขนาดนั้นเชียว”
“แถมยังไม่เป็นสุภาพบุรุษ ไม่ให้เกียรติผู้หญิง” สาลินว่า
“ฮะ ผมคิดว่าเขาเป็นคุณชายนักการทูตซะอีก”
“เฮอะ เป็นอันธพาลจอมปากจัดต่างหาก”
บดินทร์ส่ายหัวดิกๆ
“ไม่น่าเล้ย คุณชายชื่อยาวของผม”
สาลินมองดูหน้าคมสันของบดินทร์อย่างพินิจพิเคราะห์ บดินทร์เห็นสายตาก็เอ่ยถาม
“แน่ะ ทำไมมองผมอย่างนั้น”
“นี่ คุณก็หล่อไมใช่เล่นนะ”
ชายเล็กสะอึก
พุดซ้อนและชบาทิพย์มีตะกร้าคนละใบใส่ยอดตำลึงมาบังหน้าพรักพร้อม ทั้งสองนั่งยองๆ จ้องเป๋งลอดพุ่มไม้ออกไป
“ว้าย แม่สาเต๊าะเจ้าช่างฟิตแล้ว” พุดซ้อนว่า
“ฮือ แม่น่ะ” ชบาบ่น
ชายเล็กทำหน้าเขินจนเกินงาม
“แน่ะ คุณจะจีบผมเหรอ”
“ก็ใช่น่ะซี ฉันจีบคุณ” สาลินบอก
ชายเล็กเหวออีกรอบ
พุดซ้อนกุมอกและตาโตเท่าไข่ช้าง
“อกแตก เสียแรงเป็นลูกชาติลูกตระกูล”
“แหม ยุคนี้ชายหญิงเท่าเทียมต่างหากแม่” ชบาว่า
พุดซ้อนตาเขียว
ชายเล็กถอยไปหนึ่งก้าว สาลินก้าวตามติด
“จีบผม”
“ใช่ ฉันอยากได้คุณ”
พุดซ้อนเรอดังเอิ๊ก ชบาทิพย์ลุ้น
ชายเล็กยิ้มแหย
“ได้ผม”
“ใช่ ฉันอยากได้คุณมาเป็นพี่เขยฉัน แทนอีตาคุณชายบ้ากามนั่น”
ชายเล็กถอนใจเฮือก
“เฮ้อ โล่งอกไป นึกว่า”
“ทำไม คุณนึกว่าอะไร” สาลินถาม
“ช่างมันเถอะฮะ แต่ผมว่าอย่าเอาเรื่องผมไปเกี่ยวกับเรื่องหาคู่ของพี่สาวคุณเลยครับ”
ชายเล็กมองไปที่พุ่มไม้ที่พุดซ้อนอยู่
“คุณทายซิ ว่าวันนี้สองแม่ลูกนั่นจะมาเก็บอะไรอีก”
สาลินงงเล็กๆ แต่พอมองไปแล้วก็นึกออก
สาลินตะโกน “นั่นใครคะ น้าพุทธชาติ หนูชบาทิพย์ อยู่หรือเปล่าคะ”
ชายเล็กและสาลินก้าวไปหาพุ่มไม้ที่สั่นไหว แล้วพุดซ้อนกับชบาทิพย์ก็โผล่ออกมาตีหน้ากลบเกลื่อน
“ขา อะไรคะ”
“วันนี้ คุณน้ามาเก็บกระทกรกอีกหรือคะ”
“อุ๊ยเปล่า วันนี้มาเก็บตำลึงค่ะ อ้อ นายพล ขอบใจนะที่เอาขนมชาววังมาฝาก แต่ก็เคยกินอยู่บ่อยๆ” พุดซ้อนบอก
“อ่อครับ”
ชบาทิพย์ทำหน้าเซ็งที่แม่ตอแหล
“ปาเต๊ะนี่อร่อยพอใช้ได้” พุดซ้อนบอก
“หา ปาเต๊ะอะไรกันครับ” บดินทร์ถาม
“ก็ขนมที่เธอเอามาฝากไง”
“ว้าย ตายแล้วแม่ เขาเรียกโสร่ง ไม่ใช่ปาเต๊ะ โสร่ง ปาเต๊ะ มันคือผ้านุ่ง”
พุดซ้อนหน้าแตกดังเพล้ง จริตผู้ดีใหม่แตกกระจาย
“เออ นั่นแหละ มันคล้ายๆกัน ไป อีชบา เอ๊ย ลูกชบา”
พุดซ้อนเดินเชิดไป ชบาทิพย์ไม่อยากกลับจึงเดินรีรอตามไป สาลินกลั้นหัวเราะ ส่วนชายเล็กหัวเราะก๊าก
ศศิรัชนีนั่งดูโทรทัศน์ หม่อมวาณีเดินเข้ามา รื่นเอากระเป๋าถือมาวางที่โต๊ะเตี้ย โรยเอาน้ำเย็นมาให้
วาณีนั่งลงอย่างเหนื่อยอ่อน แต่หน้ายิ้มละไมเล็ก ๆ รื่นกับโรยถอยไป
“ยังไงกันคะ หม่อมแม่” ศศิรัชนีถาม
“กรรมเวรจริงๆลูก แม่น่ะเห็นว่าคืนดีกันแล้วก็เอ้อ ไป ไปทำธุระ แผล็บเดียวเท่านั้น ยายก้อยก็กรีดร้องก้องวัง ดังตำหนักแทบแตก” วาณีบอก
“อีกแล้วหรือคะ”
“แล้วก็ขับรถหนีแม่กลับบ้าน ดูซิ แม่ต้องนั่งแท็กซี่กลับมาเอง”
“มิน่า ยายก้อยกลับมาก็เข้าห้องเงียบตั้งแต่บ่าย เอ๊ะ แล้วทำไมหม่อมแม่ถึงเพิ่งกลับล่ะคะ”
นาฬิกาข้างฝาตีบอกเวลา 19.00 น. หม่อมวาณีทำหน้าละเหี่ย
“ถ้าแม่กลับขาก็ขาดซีลูก เดี๋ยวพวกญาติมิตรจะว่าเอาได้ แหม ไอ้ที่แม่ยอมเล่นก็เพื่อยายก้อย เพื่อเอาใจหม่อมอำพันเท่านั้นแหละ แม่ชอบซะที่ไหนล่ะ เรื่องแบบนี้”
“ค่ะ แล้ว ได้หรือเสียคะ”
หม่อมวาณียิ้มออก เธอเปิดกระเป๋าถือล้วงเงินขวับออกมาคลี่ราวพัดทำให้เห็นแบงก์ยี่สิบใบใหญ่เต็มมือ
“อู๊ยได้จ้ะ ตั้งสองร้อยแน่ะหญิง มีแต่ได้ไม่มีเสียเลย” วาณีบอก
“แล้วใครเสียคะ” ศศิรัชนีถาม
“หม่อมอำพันน่ะซีลูก เสียไปสามสี่ร้อยได้ ตอนเลิกน่ะ หน้าดำไม่พูดกับใครเลย”
“แล้วหญิงก้อยโกรธชายรองเรื่องอะไรอีกคะ”
ฤทธิ์ปีศาจพนันเริ่มจาง วาณีทบทวนเหตุการณ์ใหม่
“ดูเหมือนว่าเสด็จจะทรงเตรียมคู่หมั้นไว้ให้ชายรองลูก”
“จริงหรือคะ เรื่องใหญ่ขนาดนี้ คงอาละวาดไปอีกนานเลยค่ะ”
วาณีลุกขึ้น
“แหม ตั้งครึ่งค่อนวันมาแล้ว อาจจะเย็นลงบ้างแล้ว เดี๋ยวแม่ไปดูเอง”
ทันใดมีแจกันแก้วปลิวคว้างมาที่ระเบียงบน รื่นกับโรยย่อตัวหลบ แจกันเลยไปแตกที่พนักข้างหลังดังเพล้ง วาณีทำตาปริบๆ นั่งลงใหม่
“เอาเป็นพรุ่งนี้เช้าคงดีกว่า”
ศศิรัชนีไม่สนใจยังคงดูโทรทัศน์ต่อ
ชายรองเดินงุ่นง่านอยู่ในห้อง เสียงเคาะประตูดังขึ้น ชายรองระงับอารมณ์
“เชิญ”
หม่อมอำพันเข้ามา ชายรองระงับท่าที เขาเลื่อนเก้าอี้ให้อำพันนั่งลงแล้วนั่งห่างออกมา
“นี่ชายรอง เมื่อกลางวันเกิดอะไรขึ้น หญิงก้อยถึงได้กรีดร้องเหมือนเปรต เอ๊ย กรีดร้องก้องตึกอย่างงั้น” อำพันบอก
“หญิงก้อยเกิดอารมณ์เสียนิดหน่อยน่ะครับ”
“แค่นิดหน่อย ต๊าย นี่ขนาดนิดหน่อย ถ้าโกรธมากคงไม่จุดไฟเผาวังเลยหรือจ๊ะ”
ชายรองอึ้ง
“อีกอย่างแม่ไม่สบายใจมานานแล้วที่เธอพาหญิงก้อยมาพร่ำพรอดกันที่นี่”
“อ้าวแล้วทำไม เมื่อกลางวันหม่อมแม่ต้อนรับขับสู้หม่อมวาณีกับหญิงก้อยดีนักล่ะครับ”
“ก็ขามันขาด อีกอย่างหม่อมก็อุตส่าห์เอาขนมมาฝาก นี่หญิงก้อยรู้เรื่องศรีจิตราแล้วใช่ไหม”
ชายรองถอนใจ
“ฮะ เธอถึงได้ตกใจขนาดนั้น”
“ย่ะ แต่ตกใจเฉยๆก็ได้ หญิงก้อยรู้เรื่องแล้ว เธอก็น่าจะตัดใจพูดกันให้จบไปเลย”
“โธ่ หม่อมแม่ ผมทำไม่ลงหรอกฮะ”
“แต่เธอก็ขัดเสด็จป้าไม่ได้เหมือนกัน เรื่องวันนี้คงไม่ถึงพระเนตรพระกัณฑ์เด็จป้าใช่มั้ย ก็ให้ระวังตัวไว้ บ่าวไพร่น่ะไว้ใจได้แค่ไหนก็ไม่รู้ กำแพงมีหูประตูมีช่อง ว้าย”
เสียงเคาะประตู อำพันสะดุ้งสุดตัว
“เข้ามา” ชายรองบอก
เจียมโผล่เข้ามา เขาถือจานข้าวเหนียวมะม่วงที่ฝานและหั่นมาอย่างงดงาม ข้าวเหนียวก็โรยถั่วทอง กับน้ำเย็นมาวางให้ที่โต๊ะเล็ก
“คุณนมให้เอามาให้คุณชายค่ะ” น้อมบอก
ชายรองพูดอย่างเย็นชา “ขอบใจ แต่ฉันไม่อยากกิน”
เจียมคอหดแล้วรีบออกไป
“นี่มะม่วงที่ตำหนักโน้นเอามาให้น่ะซี ญาติคุณสอางค์เขามีสวนที่เมืองนนท์ใหญ่โต”
ชายรองเยาะ “อ้อ เชื้อสายแม่ค้าชาวสวนนี่เอง ถึงได้เก่งกล้าสามารถนัก”
“นี่ อย่ามาพาลแม่ศรีจิตรานะ เขามาทำอะไรให้”
ชายรองรู้ตัวจึงอ่อนลงเล็กน้อย
“ผมไม่ได้หมายถึงศรีจิตรา”
“ถึงเขาจะเป็นชาวสวนก็ไม่ได้กระจอกงอกง่อย ตาเขาก็เป็นคหบดี ยายเป็นลูกสาวเจ้าสัว ปู่ก็เป็นพระยา ย่าเป็นหม่อมเจ้า” อำพันว่า
อำพันสาธยายคล่องแสดงว่าสืบมาแล้วอย่างดี ชายรองนิ่ง อำพันยิ้มนิดหนึ่งแล้วพูดต่อ
“และที่สำคัญคือ เขาเป็นสาวบริสุทธิ์ ไม่ได้มีผะ เอ๊ย ผ่านมือชายมาแล้วอย่างหญิงก้อย”
ชายรองนิ่งอั้นกว่าเดิม อำพันสะใจ แต่พอเห็นท่าทีลูกก็อ่อนลง
“คิดอ่านดูให้ดีเถอะนะลูก ชายรอง อย่าลืม กำแพงมีหูประตูมีตา ว้าย”
ประตูเปิดผางออก ชายเล็กโผล่มายิ้มเผล่ อำพันเอามือทาบอก
“ว้าย ลูกอะไรอย่างงี้ พรวดพราดเข้ามายังกะพวกกุ๊ย” อำพันเดินออกไป “แต่งตัวยังกะพวกจิ๊กกะโล่ พูดจาก็”
ชายเล็กรีบปิดประตูลงแล้วเข้ามายืนจิ้มมะม่วงกิน
“นี่ใช่ไหมฮะ ของฝากจากเมืองนนท์ โอ้โฮ อร่อยแฮะ”
“ฮึ เกลียดขี้หน้าจริงๆ ผู้หญิงอะไร”
“โอ๊ยโย่ ใครครับ”
“จะใคร ก็แม่น้องสาวของคู่หมั้นฉันน่ะซี พรวดพราดเข้ามาแฉจนหญิงก้อยช็อก แล้วยังต่อปากต่อคำไม่มีตกฟาก น่าเกลียดที่สุด”
“น่ารักต่างหาก” ชายเล็กว่า
ชายรองมองหน้า
“นี่แกเคยเห็นหรือ”
“อ้าว พี่สาวเขาสวยขนาดนั้น น้องสาวก็สวยซีฮะ”
“เออ งั้นฉันยกให้นาย ทั้งพี่ทั้งน้องเลยก็แล้วกัน”
“โธ่ ผมไม่ใช่พระยาเทครัวนะครับ ไปล่ะ ไปขอข้าวเด็จป้ากินดีกว่า”
ชายเล็กพรวดพราดออกไป ชายรองนั่งลงอย่างอารมณ์เสียแล้วเผลอจิ้มข้าวเหนียวมะม่วงกินอย่างกระแทกกระทั้น
“ฮึ เด็กบ้า”
ชายรองกินไม่หยุดปาก รสชาติของอาหารกล่อมให้อารมณ์ของเขาดีขึ้น หน้าเคร่งเครียดของเขาคลายลง ชายรองกินไปเรื่อยๆ แล้วเอาส้อมจิ้มโดนชามดังกริ๊ก เมื่อมองดูพบว่าจานว่างเปล่า แล้วเหมือนเพิ่งนึกได้ว่ากินของศัตรูเข้าไป
“ฮึ ของน่ะดีหรอก แต่คนน่ะแย่”
ชายเล็กกำลังเดินดูของมีค่าที่วางประดับบนไซด์บอร์ด ศรีจิตราเดินมาชะงักกึก ชายเล็กเห็นด้วยหางตา ศรีจิตราเข้าแอบหลังไซด์บอร์ดดู ชายเล็กยิ้มในหน้าหยิบรูปปั้นเล็กขึ้นมา
“โอ้โฮ นี่คงราคาเป็นพัน” บดินทร์บอก
ชายเล็กเอาซุกอกเสื้อ ศรีจิตราเบิกตากว้าง ชายเล็กคว้าอีกตัวมาดู
“ว้า ตุ๊กตาแก้ผ้า แขนก็ขาด สงสัยขายได้หลายพัน”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ นายยอด”
ศรีจิตราก้าวออกมาทำหน้าเคร่ง บดินทร์ยิ้มเผล่
“แน่ะ คุณอีกแล้ว”
“เธอวางรูปปั้นวีนัสลงเดี๋ยวนี้นะ”
“หา นี่น่ะเหรอรูปปั้นวีนัส ไม่น่าเชื่อเลย”
“ทำไม”
“โธ่ เป็นเทพธิดาของความรักทั้งที ก็น่าจะสวยหน่อยซีครับ นี่เอวก็หนา อ้วนก็อ้วน อกก็ห่าง”
ศรีจิตราขยับผ้าคล้องคอมาป้องอกแล้วเชิดหน้า
“ถ้าสวยอย่างคุณ ค่อยสมกับเป็นเทพธิดาแห่งความรักหน่อย”
ศรีจิตราอึ้งไปเล็กน้อยแล้วทำเย็นชากว่าเดิม
“นี่นายยอด เธอไม่ต้องทำมาเป็นพูดเฉไฉ เธอวางรูปวีนัสลง แล้วก็ที่เธอซุกไว้ในอกเสื้อด้วย”
ชายเล็กถอนใจเฮือก
“ก็ได้ครับ”
ชายเล็กเอารูปวีนัสวางรวมทั้งรูปปั้นรูปแรกด้วย
“แล้วเธอก็ออกไปได้แล้ว จำไว้นะว่านี่เป็นครั้งที่สอง ถ้ามีครั้งที่สามอีก ก็ถือว่าเธออาการหนัก ยากจะเกินแกงแล้ว”
ชายเล็กยืนเคร่งแล้วก็ทำหน้าเหี้ยมขึ้น
“แล้วคุณจะทำยังไง”
“ฉันก็จะกราบทูลเสด็จตามความเป็นจริง ให้ไล่เธอออกไปจากวัง”
“แต่ไม่ว่ายังไง วันนี้ ผมต้องได้นาฬิกานี้ไป”
ชายเล็กก้าวพรวดมาคว้านาฬิกาเรือนที่เสียขึ้น ศรีจิตราผงะถอยตกใจ
“นี่ก็คงถือว่าเป็นครั้งที่ 3 แล้ว”
“นี่ นี่เธอมันสันดานโจร ไม่สำนึกจริงๆ นี่แน่ะ”
ศรีจิตราพลันคว้าแจกัน ชายเล็กตาเหลือกกระโจนถอยหลัง ศรีจิตราจะทุ่มลง ชายเล็กเอานาฬิการับ พอเห็นเป็นนาฬิกาศรีจิตราก็ชะงักเพราะไม่กล้า
ชายเล็กทำท่ายียวน “เอาจริง คุณก็ไม่กล้า”
เสียงคนอื่นเดินมา ศรีจิตราตาสว่างวาบแล้วก็ตะโกน
“ช่วยด้วยค่ะ ขโมย”
ทันใด มาลา วรรณา และนางข้าหลวงรุ่นเฮฟวี่เวทก็กรูเข้ามา บดินทร์คอหด
“ไหนคะไหน / ใครคะ”
“นายยอดค่ะ”
“ว้าย ไอ้ยอด รูปชั่วตัวดำแล้วยังเนรคุณ ไป”
ทุกนางวิ่งกรูเข้าไป ศรีจิตราหวาดเสียว ทุกนางกรูผ่านบดินทร์ออกประตูตำหนักหายไป ศรีจิตรา
ดูชายเล็กอย่างงงๆ
“นายยอด แล้วทำไมทุกคน”
ชายเล็กยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วเดินเข้ามาอีก ศรีจิตราชี้ดาบ
“อย่าเข้ามานะ”
“คุณอยู่คนเดียวแล้ว ใครจะมาช่วยคุณได้”
ศรีจิตรากลัวแต่แข็งใจชูดาบไว้ตรงหน้า สร้อยกับสอางค์พรวดมาพร้อมกับนางข้าหลวงเฮฟวี่เวทอีก 2 นาง ศรีจิตราลดดาบเข้าไปเกาะแขนสอางค์
“ไหน เอะอะอะไรกัน” สอางค์ถาม
มาลากับวรรณากลับมาพอดี ศรีจิตราชี้มือ ชายเล็กยืนเด่น
“ก็นายคนนี้”
“อ้าว คุณชาย”
ชายเล็กยกมือไหว้สร้อยกับสอางค์ สร้อยกับสอางค์รีบรับไหว้ แต่ย่อตัวต่ำมาก ศรีจิตรางงเป็นไก่ตาแตกเพราะเริ่มรู้แล้ว ชายเล็กทำขรึมแต่ดวงตาระยิบระยับ
“สวัสดีค่ะ คุณชายเล็ก” สร้อยทัก
ศรีจิตราเบิกตากว้าง ชายเล็กมองมาอย่างเย็นชาแล้วแอบหลิ่วตาให้ ศรีจิตราเม้มปากตาวาว แล้วทำยิ้มเย็นตามปรกติ
เสด็จประทับนั่งหัวโต๊ะ ชายเล็กนั่งทางซ้ายกับสร้อยตรงข้ามศรีจิตรากับสอางค์ บนโต๊ะเต็มไปด้วยเครื่องเสวยเข้าชุดกัน ทั้งเครื่องแกล้ม เครื่องแนม เครื่องเคียง ของทุกอย่างงดงามมีสีสัน แต่ก็เป็นอาหารธรรมดาไม่ได้สลักเสลา
มาลากับวรรณาคิกคักก่อนจะตักข้าวให้ชายเล็ก ชายเล็กทำตาหวานให้ ศรีจิตรามองดูอย่างเขม่นนิดๆ สอางค์ค้อน เสด็จทรงอ่อนพระทัย สร้อยมองชายเล็กอย่างปลาบปลื้ม
“นี้แม่สร้อยเอาของมาฝากจากสวนเหรอ” เสด็จถาม
สร้อยตอบ “เพคะ”
“ฉันคิดว่าเธอหายสาบสูญไปแล้ว”
“โธ่ ยังอยู่พะยะค่ะ วันนี้เกล้าฯมาขอรับประทานข้าวซักมื้อ”
“ฝนฟ้าจะตกใหญ่มั้งคะ วันนี้”
“วันนี้นึกยังไงขึ้นมา ถึงมากินข้าวกับป้าได้”
“เกล้าคิดถึงเด็จป้าน่ะซี พะยะค่ะ”
เสด็จชะงัก
“ปากหวานยังงี้ จะมาขอเงินฉันซีนะ”
สอางค์กับสร้อยหัวเราะคิกคัก บดินทร์คอหด ศรีจิตรามอง มาลากับวรรณายิ่งคิกคักใหญ่
“โธ่ เด็จป้า ฝรั่งมันเลี้ยงเกล้าดีอยู่ เกล้าไม่รบกวนเด็จป้าหรอก แค่สมัยอยู่เมืองนอก ขัดสนขึ้นมา จนแทบจะเลิกเรียนกลางคัน เด็จป้าก็ไม่รู้ทรงทราบได้ยังไง ส่งเงินมาช่วยชีวิตเกล้าไว้ได้ทุกที”
ชายเล็กซาบซึ้งมาก เสด็จแย้มสรวล สอางค์เบะบ่อน้ำตาตื้น สร้อยทำหน้าซึ้ง
ชายเล็กพูดต่อ “เกล้าเลยตั้งใจว่าจะไม่รบกวนเงินทองเด็จป้าอีกเลย พะยะค่ะ”
เสด็จค้อน “ให้มันจริงเถอะ”
“โถ คุณชายเล็ก”
ชายเล็กซาบซึ้ง ศรีจิตรามอง สอางค์สูดน้ำมูก ศรีจิตรารีบส่งผ้าเช็ดหน้าให้
“เธอสอบชิงทุนไปเอง เงินทุนน่ะมันจำกัดจำเขี่ยจะตาย แล้วเธอก็ยังหยิ่งอีก”
“ก็เดี๋ยวหม่อมจะว่าเกล้าอีกว่าหาเรื่องไปเอง”
“ที่ป้ารู้ก็เพราะพี่ชายรองของเธอน่ะแหละ ชายรองน่ะรอบคอบถี่ถ้วน พอเธอเดือดร้อนเขาก็จัดการให้ทุกที”
ชายเล็กทำตาโต
“โอ้โฮ ปิดทองหลังพระจริงๆพี่ชายเรา”
ศรีจิตราฟังอย่างเก็บข้อมูล
“นี่หม่อมเขามาบ่นกับป้า ว่าเธอเที่ยวหัวหกก้นขวิดทุกคืน”
“โธ่ ที่เที่ยวจริงๆน่ะไม่กี่ครั้งหรอกพะยะค่ะ เด็จป้า ส่วนใหญ่คือพาแขกไปเอ็นเตอร์เทนต่างหาก”
“ฉันคิดว่าแกไปติดผู้หญิงที่ไหนซะอีก”
ชายเล็กยิ้มแล้วมองศรีจิตรา
“ก็มีเพิ่งไปทำความรู้จักอยู่คนพะยะค่ะ”
“มิน่า ถึงหายไปเป็นเดือน”
“โธ่ เกล้าโผล่มาบ่อยๆ ไม่ทรงเชื่อ ก็ถามคุณคนนี้ดูซีพะยะค่ะ”
ศรีจิตราตาวาว
“คุณคนนี้ อะไร เขาชื่อศรีจิตรา”
ชายเล็กรีบบอก “รูปก็งาม นามก็เพราะพะยะค่ะ”
ศรีจิตราไม่พอใจ
“ขอบพระคุณค่ะ”
“เอ๊ะ นาฬิกามันเสียอยู่เรือนนึง บอกให้เธอเอาไปแก้ตั้งแต่อาทิตย์ก่อนแล้ว นี่ลืมแล้วล่ะซี”
ศรีจิตรากัดริมฝีปาก ชายเล็กเหลือบดู
“โธ่ ไม่ลืมพะยะค่ะ เกล้ามาเอาตั้งหลายหนแล้ว ไม่ทรงเชื่อก็ถามคุณคนนี้ดูก็ได้”
“เพคะ”
“แต่ว่ามีเหตุขัดข้องทุกครั้ง เกล้าก็เลยเอาไปไม่ได้ซักที ไม่ทรงเชื่อก็ถามคุณคนนี้ดูก็ได้”
ศรีจิตรารู้ว่าชายเล็กแกล้งล้อจึงทำตาวาว
“คุณคนนี้อะไรของแก มันขัดข้องยังไง”
“คือว่า”
ชายเล็กเหลือบดูศรีจิตรา ศรีจิตราใจหายวาบ
“คือว่า นาฬิกาตรงนั้นมันมีหลายเรือนพะยะค่ะ เกล้าก็เลยไม่ทราบว่าเรือนไหน”
“แต่ดิฉันทราบค่ะว่าเรือนไหน เดี๋ยวดิฉันจะหยิบให้คุณชายเอง”
ศรีจิตราพูดเรียบๆ แต่ชายเล็กจับหางเสียงประชดประชันของเธอได้
จบตอนที่ 5