xs
xsm
sm
md
lg

ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 14

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 14
ศรีกำลังจะดับตะเกียงในห้องสร้อยทอง ส่วนสร้อยทองก็กำลังจะล้มตัวลงนอน จู่ๆ เสียงกรี๊ดของลำเจียก ทำเอาทั้งสองสะดุ้งเฮือก มองหน้ากันอย่างตกใจ

เสียงกรีดร้องดังลั่นไปถึงห้องปั่นไฟ ที่คนงานกำลังช่วยจับบันได เทพไทปีนลงมา ทุกคนหน้าตาตื่น
"เสียงคุณน้าลำเจียก !"

หลวงปกรณ์กับสารภีที่กำลังนัวเนียกันอยู่ก็ผงะด้วยเสียงกรี๊ด สารภีได้สติ ก้มลงมองผู้ชายที่ตัวเองคร่อมตัวอยู่ เพิ่งเห็นว่าไม่ใช่เทพไท แต่เป็นหลวงปกรณ์ !
ยังไม่ทัน สารภีจะมีปฏิกริยาอะไร ลำเจียกก็ปราดถึงตัวกระชากสารภีเหวี่ยงโครม
"อีนังแพศยา ! แกกล้าทำอย่างนี้ได้ยังไง แกกับคุณหลวงทำได้ยังไง"
ลำเจียกตามไปตบสารภีฉาดๆๆๆ สารภียังช็อกอยู่ไม่ทันตอบโต้ โดนตบหน้าหันไปมา
หลวงปกรณ์มองเห็นลำเจียกคร่อมตบสารภี แต่ยังมึนด้วยฤทธิ์ยา ก็ทำอะไรไม่ถูก
สารภีโดนตบไม่ยั้งจนเริ่มได้สติ เจ็บปวด พยายามปัดป้อง กรีดร้อง
"โอ๊ย เจ็บนะ ปล่อยฉัน"
สร้อยทองและศรีวิ่งเอะอะเข้ามาพร้อมกับเทพไท พอเข้ามาในห้องก็เห็นหลวงปกรณ์นอนคอพับคออ่อน เสื้อผ้าหลุดลุ่ย บางส่วนกองอยู่ตามพื้น แล้วเห็นลำเจียกคร่อมสารภีอยู่ในสภาพกึ่งเปลือย
ก็ตกใจ
"คุณพระช่วย !" สร้อยทองโพล่ง
"แอร๊ย... ช่วยด้วย"
"ฉันจะฆ่าแกให้ตายคามือฉัน นังสารภี ! แกต้องตาย"
ลำเจียกแค้นจัดจนเหมือนคนคุ้มคลั่ง คว้าคอสารภี บีบแน่น เทพไทหายจากการตกตะลึงก่อนใครได้สติรีบวิ่งไปช่วยกันจับลำเจียก
"คุณน้าลำเจียก ปล่อยครับ"
ลำเจียกไม่สนใจ ตาวาว กระหน่ำบีบคอสารภี ที่ดิ้นพราดๆ สารภีพยายามจะแกะมือลำเจียก แต่สู้แรงไม่ได้ ลำเจียกพูดซ้ำๆ เหมือนคนบ้า
"แกต้องตายๆ"
"คุณน้าลำเจียก อย่าครับ"
สร้อยทองกับศรีเห็นเทพไทแยกไม่สำเร็จก็เข้าไปช่วยกันแกะ ลำเจียกสะบัดไม่ยอม
"ปล่อย ! ฉันจะฆ่ามัน ฉันจะฆ่ามัน"
สร้อยทองกับศรีพยายามจับตัวลำเจียกที่ดิ้นรนไม่ยอมเอาไว้ เทพไทเข้าไปประคองสารภีที่หมดเรี่ยวแรง แล้วเอาผ้ามาคลุมให้ สารภีตัวสั่นเทา ร้องไห้โฮๆ ทั้งกลัว ทั้งตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น

พิศวิ่งหน้าตาตื่นกลับมาที่เรือน ร้องตะโกนลั่น
"คุณเจ้าขา ! คุณเจ้าขา"
โกสุมกับเพิ่มพูนเปิดประตูออกมา
"อะไรนังพิศ"
"ไปช่วยคุณสารภีเถอะเจ้าค่ะ คุณสารภีแย่แล้วเจ้าค่ะ"
พิศหน้าเสีย ปากคอสั่น เพิ่มพูน โกสุมร้อนใจ รู้ว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่

ทุกคนมารวมกันอยู่ในห้องทำงานของคุณหลวง สารภีสวมเสื้อผ้าเรียบร้อย นั่งกอดร้องไห้อยู่ข้างๆ แม่ เพิ่มพูนเอะอะโวยวาย
"มันเกิดเรื่องแบบนี้กับลูกสาวผมได้ยังไงคุณหลวง"
หลวงปกรณ์นั่งอยู่ข้างๆ สร้อยทองกับเทพไท ต่างมีสีหน้าสับสน
"ฉัน...ฉันก็ไม่รู้"
"พูดได้ยังไงว่าไม่รู้ นี่จะหาว่าลูกสาวฉันไปล่วงเกินคุณหลวงเอง หรือยังไงกัน"
"ก็ใช่น่ะสิ ลูกสาวแกมันร่านอยากจับคนบ้านนี้จนตัวสั่นอยู่แล้ว พอไม่ได้ตาเทพ ก็เปลี่ยนจับคุณพี่"
เทพไทรู้สึกสะกิดใจกับคำพูดของลำเจียก
"หุบปากนะนังลำเจียก" โกสุมว่า
"แกน่ะสิหุบปาก อย่าคิดว่าฉันไม่รู้เท่าทันพวกแกนะ หวังสบายกันทั้งโคตร เผลอๆ ก็ร่วมวางแผนกันทั้งหัวหงอกหัวดำนั่นแหละ แต่อย่าคิดนะว่าฉันจะยอมให้พวกแกเสวยสุขอยู่" ลำเจียกบอกกับสร้อยทอง "คุณพี่ต้องเฉดหัวพวกมันออกไป"
"อยู่ดีๆ จะมาไล่กันได้ยังไง สืบสวนทวนความซะก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้น ลูกสาวฉันไม่ยอมเสียตัวฟรีแน่ !"
สารภีกรีดร้องไห้โฮ เมื่อโกสุมย้ำว่าเสียตัวฟรี
"วิ่งแร่มาถวายผัวฉันเองแล้วจะเรียกร้องอะไร" ลำเจียกหันไปตวาดหลวงปกรณ์ "คุณพี่ก็เหลือเกิน ตัณหากลับจนเกลือกกลั้วได้แม้กระทั่งอาจม"
"อีลำเจียก !"
โกสุมสุดทน พุ่งปราดเข้าตบหน้าลำเจียกดังฉาด ลำเจียกปรี๊ด
"กล้าทำฉันเหรอ อีพวกกาฝาก"
ลำเจียกลุกขึ้นตบโกสุมกลับ แล้วตรงรี่เข้าไปหาสารภี
"แกจะเรียกร้องค่าตัวใช่ไหม นี่ไงคือสิ่งที่คนกินบนเรือนขี้รดหลังคาอย่างแกจะได้"
ลำเจียกตรงเข้าไปตบตีสารภีอีก โกสุมกับพิศพยายามจะเข้ามาห้าม ลำเจียกหันไปตบทั้งคู่จนกระเด็นไป
บรรยากาศโกลาหล อลเวง จนเทพไทกับสร้อยทองต้องเข้าไปช่วย
"หยุด ! พอกันเสียที ถ้าเอาแต่อารมณ์กันแบบนี้ก็คุยกันไม่รู้เรื่อง แม่ลำเจียก ออกไปก่อน"
ลำเจียกโมโห
"คุณพี่จะเข้าข้างพวกมันเหรอคะ"
"ฉันไม่ได้เข้าข้างใครทั้งนั้น แต่ถ้าอยู่กันทั้งหมดนี่แล้วพูดกันไม่ได้ศัพท์ ก็ออกไปสงบสติอารมณ์ข้างนอก"
เทพไทกับสร้อยทองมาช่วยกันประคองลำเจียก ลำเจียกปรี๊ดเพราะยังอยากฉะสองแม่ลูกอยู่
"น้องรู้ว่าคุณพี่จะยอมพวกมัน ! คุณพี่จะยกอะไรให้มันก็ได้ แต่น้องไม่ยกสามีของน้องให้มันเป็นอันขาด เข้าใจไหมคะ น้องไม่ให้ "
ลำเจียกเกรี้ยวกราดขณะที่เทพไทกับดอกแก้วกับศรีช่วยกันพาลำเจียกออกไป
สร้อยทองถอนใจอย่างปวดหัว แล้วหันไปมองหลวงปกรณ์ที่ยังเหมือนมึนๆ ด้วยฤทธิ์ยา

เทพไทประคองลำเจียกที่กระฟัดกระเฟียดเข้ามาในห้อง
"คุณเทพไทไปดูคุณพ่อคุณแม่เถอะค่ะ เดี๋ยวแก้วอยู่เป็นเพื่อนคุณลำเจียกเอง"
"ไม่ต้อง ฉันไม่ต้องการเพื่อน เธอไม่ทุกข์ไม่ร้อนเลยหรือไง อีเด็กหน้าด้านมันกำลังแย่งผัวตัวเองอยู่แท้ๆ"
เทพไทเหลือบมอง เห็นดอกแก้วก้มหน้านิ่ง ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรจริงๆ แต่ไม่อยากพูด
"คุณพี่ไม่ให้ฉันยุ่ง ก็เป็นหน้าที่เธอต้องไปขัดขวาง ไม่ใช่มาทำสนิมสร้อย หรือเธอเองก็ไม่ได้รักคุณพี่ ที่ยอมเป็นเมียก็เพราะรักเงินของคุณพี่เท่านั้น ใช่ไหม"
ดอกแก้วก้มหน้านิ่งไม่อยากตอบโต้ ลำเจียกจิ้มหัวแรง
"ตอบฉันมาสิ ใช่ใช่ไหม ! นึกแล้วไม่มีผิด อีพวกกาฝาก ไปให้พ้นหน้าฉันเลยนะ ไป๊ "
ลำเจียกเริ่มอาละวาดอีก คว้าอะไรข้างตัวปาใส่ดอกแก้วเป็นการใหญ่ เทพไทกับศรีพยายามห้าม แต่ลำเจียกยังอาละวาดไม่หยุด

เทพไทประคองดอกแก้วออกมานอกห้อง แล้วหันไปมองเนื้อตัวดอกแก้วอย่างเป็นห่วง
"เจ็บตรงไหนหรือเปล่าคุณดอกแก้ว"
"ไม่ค่ะ แก้วเป็นห่วงคุณลำเจียก เธออยู่คนเดียวคงจะไม่ดีแน่"
"คุณกลับเข้าไปก็คงโดนไม่ใช่น้อย เดี๋ยวผมจะให้คนไปตามอึ่งมาอยู่เป็นเพื่อนคุณน้า ว่าแต่แน่ใจนะว่าคุณไม่ได้เป็นอะไร"
เทพไทเผลอหยิบแขนดอกแก้วขึ้นมาตรวจดูร่องรอย เพราะห่วงใย
"แก้วไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ"
เทพไทเหมือนรู้สึกตัว รีบปล่อยมือจากดอกแก้ว ท่าทางเก้อเขิน เธอก้มหน้างุด แล้วรีบเดินไปทางห้องทำงานหลวงปกรณ์

ภายในห้อง สารภีกอดซบโกสุม สะอึกสะอื้นเล่าเหตุการณ์
"สารภีรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงกรี๊ด แล้วคุณน้าลำเจียกก็เข้ามาตบตีสารภีค่ะ"
สารภีพูดได้แค่นั้นก็ร้องไห้ออกมาด้วยความอดสู ไม่กล้าแม้จะมองไปทางคุณหลวง
"พอแล้วสารภี ไม่ต้องพูดแล้วลูก อย่าให้ลูกสาวผมต้องพูดอะไรที่ซ้ำเติมความรู้สึกแกอีกเลยคุณสร้อย ถามคุณหลวงบ้างเถอะ ว่าทำอย่างนี้เข้าไปได้ยังไง"
สร้อยทองหันไปทางหลวงปกรณ์ที่ยังมีสีหน้าสับสน
"ฉันก็ยังยืนยันว่าฉันไม่รู้ตัว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า...หนูสารภีอยู่ในห้องนี้"

เทพไทกับดอกแก้วเดินกลับเข้ามาในห้อง เห็นหลวงปกรณ์กำลังพยายามทบทวนความทรงจำ
"ฉันขึ้นมาบนห้อง เพราจะมาอ่านจดหมายแปลของตาเทพ พออ่านไปได้ซักพักก็ไฟดับ แล้วก็ไม่รู้ตัวอีกเลยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ฉันยืนยันได้ว่าไม่เห็นใครอยู่ในห้องนี้แม้แต่ตาเทพ"
"ผมลงไปซ่อมไฟที่ชั้นล่างครับ"
"นั่นสิ ก็ไฟบนตึกดับไปพักนึง แล้วหนูสารภีเข้ามาในห้องนี้ได้ยังไง"
ทุกคนจ้องมองสารภีรอคำตอบ โดยเฉพาะเทพไทที่นึกสงสัย
สารภีชะงักหน้าเสีย ร้อนตัวกลัวโดนจับผิด โกสุมเริ่มรู้สึกทะแม่งๆ ว่าต้องมีอะไรซ่อนเร้น รีบตัดบท
"จะสอบสวนทวนความกันทางไหน ลูกสาวฉันก็เสียหายอยู่ดี จะซ่อกแซ่กให้มันได้อะไรขึ้นมาคะ"
สร้อยทองเริ่มไม่พอใจ
"ที่ฉันต้องซ่อกแซ่กก็เพราะฉันอยากรู้ความจริงว่ามันเกิดอะไรขึ้น"
"ความจริงก็คือคุณหลวงล่วงเกินลูกสาวฉัน ! มันจะเป็นอย่างอื่นไปได้ยังไง หรือคุณสร้อยซักให้สารภีมันยอมรับให้ได้ว่าเป็นคนปลุกปล้ำคุณ"
สารภีร้องไห้โฮ สอดรับกับคำโวยวายของโกสุมพอดี เหมือนพยายามตัดบทไม่อยากให้โดนซักต่อ
สร้อยทองเอือมระอา ที่โกสุมกันท่าไม่ยอมให้สอบสวน

สร้อยทองเข้ามาคุยกับหลวงปกรณ์ในห้อง โดยมีเทพไทกับดอกแก้ว หลวงปกรณ์เองก็ละอายใจ
"แม่สร้อยจะด่าว่าเหน็บแนมฉันยังไงก็ตามแต่ ฉันก็ยังจะยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจ ถึงแม้ฉันอาจจะไม่ใช่ผัวที่ดี แต่ก็คงไม่ผัวเลวขนาดได้เมียน้อยในวันที่เพิ่งยกย่องดอกแก้วออกหน้าออกตา"
หลวงปกรณ์ทอดสายตาไปหาดอกแก้วอย่างรู้สึกผิด
"ที่ฉันทำลงไปก็ไม่รู้ตัวจริงๆ แม่สร้อยก็รู้ว่าตอนค่ำฉันยังพูดกับหล่อนอยู่ดีๆ และยังบอกให้ตาเทพขึ้นมาทำงานบนห้อง ถ้าฉันคิดมิดีมิร้ายกับสารภี ฉันจะให้ตาเทพขึ้นมาทำไม"
เทพไทฟังแล้วขบคิดตาม รู้สึกสงสัยกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆ
"พอจับได้คาหนังคาเขาเป็นเรื่องใหญ่ คุณพี่ก็พูดว่าไม่ตั้งใจทุกที จะบอกว่าโดนยาเหมือนคราวนังมะลิหรือยังไงคะ"
หลวงปกรณ์นิ่งไปทันทีเพราะเอะใจ เริ่มทบทวนเหตุการณ์
"จริงสิ ฉันว่าฉันเบลอไปตอนที่ไฟดับ ตอนนั้นฉันกำลังอ่านจดหมายอยู่ แล้วก็จิบน้ำขิงที่แม่สร้อย
ให้คนเอามาให้"
เทพไทชะงัก สร้อยทองได้ยินแล้วโมโห คิดว่าหลวงปกรณ์โกหกหน้าด้านๆ
"คุณพี่ ! นี่ยังจะกล้าอ้าง ใครมันจะไปทำยาอะไรใส่คุณพี่ นังศรี มันมีส่วนได้ส่วนเสียอะไรที่ไหน"
เทพไทนิ่งงัน นึกถึงเหตุการณ์ย้อนหลัง เมื่อสารภีเข้ามาในห้อง
เทพไทนั่งเครียด แปลเอกสารอยู่ในห้องทำงาน เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนสารภีจะถือแก้วน้ำขิงเข้ามา
"ขึ้นมาทำไมสารภี"
สารภีทำหน้ารู้สึกผิด ขยับเข้ามาใกล้
"เห็นบ่าวมันบอกว่าจะเอาน้ำขิงมาให้พี่เทพ สารภีก็เลยอาสาค่ะ อยากคุยกับพี่เทพ"
เทพไทเริ่มแน่ใจว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะสารภี แต่ยังไม่พูดไปเพราะไม่อยากให้เสียหาย
"ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุนี้ ฉันก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าอยู่ๆ ฉันจะหน้ามืดตามัวขนาดนั้นได้อย่างไร"
"น้องไม่จับนังศรี มาเฆี่ยนตีเพราะคุณพี่โยนบาปความผิดให้มันแน่ เรื่องนี้คุณพี่ทำเองก็ต้องรับผิดชอบเอง"
"หล่อนจะเอายังไงก็ว่ามาเถอะ"
สร้อยทองนึก หน้าเครียด เจ็บใจ
"คนเค็มอย่างคุณโกสุมเสียเปรียบขนาดนี้ ต่อให้เอาเงินหมื่นเงินแสนไปฟาดหัวก็คงไม่ยอมเลิกรา มันก็มีทางเดียว คือคุณพี่ต้องเลี้ยงดูแม่สารภี"
หลวงปกรณ์ เทพไท ดอกแก้วตกใจ
"อะไรนะ"
"ถ้าขืนไม่ทำเช่นนี้ คุณโกสุมกับคุณเพิ่มพูนเขาเอาไปฟ้องผู้ใหญ่ คุณหลวงก็จะมีแต่เสียชื่อ เผลอๆ หน้าที่การงานก็ป่นปี้ไปเท่านั้นเอง"
หลวงปกรณ์เครียด กังวลขึ้นมาทันที
"ใจเย็นๆ ก่อนดีไหมครับคุณแม่ ผมว่าเรื่องมันไม่ชอบมาพากลอยู่นะครับ"
"คุณพ่อของเราย่ำยีลูกสาวเขาไปแล้ว ข้อนี้มันเปลี่ยนแปลงไม่ได้หรอก ไม่ว่าสาเหตุจะมาจากทางไหน เขาก็ต้องให้รับผิดชอบ แม่ยอมให้คนพวกนี้มาเกาะเราเป็นปลิงต่อไป ดีกว่าปล่อยให้มันออกไปโจมตีทำลายชื่อเสียงพวกนพรัตน์จนไม่มีชิ้นดี"
สร้อยทองหน้าเคร่งเครียด เทพไทเหลือบมองดอกแก้วอย่างเป็นห่วงความรู้สึก

สารภีโดนตบกลิ้งมาทางโกสุมกับพิศ
"พอได้แล้วคุณ ทำไมต้องลงไม้ลงมือกันขนาดนี้ด้วย แค่นี้ลูกมันยังเจ็บไม่พออีกหรือไง"
"เธอก็ได้ยินมันสารภาพว่าทำอะไรลงไป แล้วจะให้ฉันกราบไหว้บูชาหรือยังไง" เพิ่มพูนชี้หน้าสารภีที่สะอึกสะอื้น "ถ้าคนอื่นรู้เข้าฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ลูกสาววางยาหวังจับผู้ชาย"
"ก็ใครมันจะมารู้ ถ้าพวกเราไม่พูดออกไป"
โกสุมหันไปกอดสารภีที่ยังร้องไห้อยู่
"แค่นี้ลูกมันก็เสียใจมากพออยู่แล้ว เลิกซ้ำเติมมันซักทีเถอะ"
"นี่แหละเวรกรรมของมัน คิดไม่ซื่อ แล้วเป็นยังไง สุดท้ายก็ต้องเสียเนื้อเสียตัวให้คนที่ไม่อยากเสีย !"
สารภีปล่อยโฮอย่างเจ็บใจ
"ที่หนูทำลงไปก็เพื่อพ่อกับแม่นั่นแหละ ถ้าหนูไม่คิดจับพี่เทพ เราจะลืมตาอ้าปากกันได้ไหม ! ใครเขาจะให้มาเกาะเป็นปลิง อย่างนี้ไปทั้งปีทั้งชาติ"
"นี่แกอย่ามาโทษฉันนะสารภี แกทำของแกเอง นังลูกไม่รักดี"
เพิ่มพูนจะเข้าลงไม้ลงมือสารภี สารภีโมโห หันไปทุบแจกันบนโต๊ะแตกเพล้ง แล้วคว้าคอแจกัน
ที่แตกเป็นปากฉลามจะแทงตัวตาย
"ก็ได้ หนูผิดเอง ! ถ้าทำให้พ่อกับแม่อับอายนัก หนูก็จะฆ่าตัวตาย คิดว่าหนูอยากจะมีชีวิตอยู่แบบนี้หรือไง หนูก็อยากตายเหมือนกัน"
สารภีจะเอาเศษแจกันแทงตัวเอง โกสุมกับพิศช่วยกันห้าม
"อย่านะลูก ! ... เห็นไหมคุณ เพราะคุณคนเดียว คุณมันไม่รักลูก รักแต่หน้าตาตัวเอง เป็นพ่อประสาอะไร"
โกสุมตีโพยตีพาย เป็นน้ำหูน้ำตา เพิ่มพูนอึดอัดขัดใจ รำคาญลูกเมีย เลยเดินปึงๆ ออกไป
สารภีทรุดลงร้องไห้ เพราะยังเสียใจไม่หายที่ตกเป็นเมียหลวงปกรณ์
"สารภีอยากตาย ! ปล่อยให้สารภีตายๆ ไปซะ"
สารภีจะแทงตัวเองอีก แต่พิศรีบปลิดเศษแจกันแล้วปาทิ้งไป
"ไม่นะสารภี อยู่กับแม่นะลูก ใครไม่รักแกแต่แม่ก็รัก"
"แต่หนูไม่อยากอยู่ในสภาพนี้ หนูไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน" สารภีร้องไห้คร่ำครวญ
"ก็เชิดไว้บนบ่าเรานี้แหละ เราเป็นคนเสีย ยังไงหลังจากนี้เราก็ต้องได้สิลูก"
โกสุมพยายามปลอบสารภีที่ยังไม่อยากรับฟังอะไร
"มันมาถึงขั้นนี้แล้ว ตายหนีอายก็ไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้น แต่ถ้าแกอยู่แกจะได้ทุกอย่าง เป็นเมียหลวงปกรณ์ก็ใช่ว่าจะแย่ ดูอย่างนังดอกแก้วซิ มันมาจากบ้านนอกคอกนาแท้ๆ แต่ก็มีอำนาจวาสนาขึ้นมาเพราะเป็นเมียคุณหลวง ไม่เห็นจะมีใครรังเกียจเดียดฉันท์ แล้วแกจะยอมน้อยหน้ามันหรือ"
สารภียังคงสะอื้น แต่อาการตีโพยตีพายน้อยลง เริ่มมีสติคิดมากขึ้น แต่ยังช้ำใจอยู่

ลำเจียกโวยวายอาละวาด โดยมีอี่งกับเข็มช่วยกันจับ
"นึกแล้วไม่มีผิดว่ามันต้องเป็นแบบนี้ ! คุณพี่ใจต้องใจอ่อนกับพวกมัน"
"คุณสร้อยทองก็ไม่ได้เต็มใจหรอกค่ะ แต่เราไม่มีทางเลือก ถ้าอยากปกป้องศักดิ์ศรีของคุณหลวง"
"ศักดิ์ศรีบ้าบออะไรกัน ! ฉันไม่ยอม ฉันจะไปพูดกับคุณพี่ ปล่อยฉันนังอึ่ง นังเข็ม !"
ลำเจียกพยายามสะบัดจะลุกขึ้น เทพไทรีบห้าม
"คุณน้าอย่าเพิ่งไปเลยนะครับ"
"ไม่ ! ปล่อยฉัน ฉันจะไป ปล่อย !"
ลำเจียกดิ้นโผนไปมา ดอกแก้วเข้ามาห้ามอีกคน พยายามช่วยยื้อยุดแขน ลำเจียกสะบัดไปมาฟาดผัวะเข้าที่ดอกแก้วจนล้มไป
เทพไทตกใจ ขณะที่ลำเจียกยังอาละวาดไม่เลิก อึ่ง เข็มช่วยกันปลอบก็ไม่สำเร็จ
เทพไทลนลานร้อนใจ ตัดสินใจเปิดกระเป๋ายาที่หยิบติดมาด้วย ใช้เข็มดูดยาตัวหนึ่งลงไป
"คุณน้า ผมขอโทษนะครับ"
ลำเจียกยังกรีดร้องโวยวายสติแตก เทพไทพยายามจับแขนแล้วฉีดยาให้ ลำเจียกยังดิ้นๆๆๆ แต่ก็เริ่มอ่อนแรงลง เหลือแต่น้ำตาที่ไหล ยังไม่หมดสติ แต่เนือยลง
"คุณลำเจียกเจ้าขา" อึ่งเรียก
อึ่งเห็นสภาพลำเจียกก็อดเวทนาไม่ได้ ได้แต่ลูบแขนไปมา
ลำเจียกสงบลงแล้ว เหลือแต่อาการสะอึกสะอื้น ร้องไห้
"คุณน้าลำเจียกนอนพักก่อนนะครับ อย่าเพิ่งคิดอะไรมาก"
ลำเจียกเหลือบตามองเทพไท เห็นน้ำตาไหลพรากๆ แต่หมดแรงขัดขืน
"คืนนี้เธอสองคนช่วยกันเฝ้า ถ้ามีอะไรก็ไปเรียกฉัน แต่ถ้าคุณน้าหลับได้ก็ปล่อยให้หลับ แล้วพรุ่งนี้เช้าฉันจะมาดูอีกที"
อึ่งกับเข็มรับคำ เทพไทกับดอกแก้วออกไป
อ่านต่อหน้าที่ 2


ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 14 (ต่อ)
ภายในห้องนอน สร้อยทองนั่งนิ่ง หน้าเครียด ในห้องคิดทบทวนเรื่องเหตุการณ์ที่คุณหลวงได้เสียกับสารภี ศรีเข้ามา สร้อยทองพอรู้ว่าศรีเข้ามาจึงถามสอบถาม

"คุณพี่เล่าให้ฟังว่าพอจิบน้ำขิงแล้วหลังจากนั้นก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ นังศรี"
ศรีงง
"น้ำขิง น้ำขิงไหนเจ้าคะ"
"ก็ที่ฉันสั่งให้แกทำขึ้นไปให้ตาเทพกับคุณพี่ยังไงเล่า"
ศรีขมวดคิ้ว
"เอ๊ะ คุณหลวงจะทานได้ยังไงกันคะ ก็นังเข็มมันยกขึ้นไปแล้ว ดันทำหกซะก่อน ศรีก็เห็นว่าไฟมันดับก็เลยยังไม่ได้ทำขึ้นไปให้ใหม่"
สร้อยทองมองหน้าศรี นิ่งงันไป แต่ศรีทำหน้าจริงจัง
"ถ้าอย่างนั้นศรีจะไปตามนังเข็มมาถามให้รู้ว่ามันเป็นยังไงกันแน่เจ้าคะ"
สร้อยทองตัดบท
"ไม่ต้อง ! ถ้าเป็นอย่างที่แกพูด ก็แสดงว่าคุณพี่เอาเรื่องน้ำขิงมาเป็นข้ออ้างเพื่อเอาตัวรอด ที่แท้ก็หน้ามืดตามัวกับนังเด็กสารภีนั่นจริงๆ"
สร้อยทองทรุดลงนั่งบนเตียง ถอนใจ หันหลังให้ศรี
"แกมีอะไรก็ไปทำเถอะ"
ศรีเป็นห่วง
"คุณสร้อย"
"ฉันบอกให้ออกไป"
ศรีมองสร้อยทองอย่างห่วงๆ แต่ก็ถอยไป "เจ้าค่ะ"
ศรีออกจากห้องไปอย่างกังวล
สร้อยทองถอนใจยาว มองดูรูปแต่งงานของตัวเองกับคุณหลวงด้วยสายตาเจ็บช้ำ ซักพักก็น้ำตาเอ่อ
เจ็บใจจนหยิบรูปมา เหมือนจะทุ่มลงพื้นระบายความเสียใจ แต่ก็ชะงักทำใจไม่ได้ สุดท้ายก็ลดมือลง กอดรูปไว้ ระเบิดน้ำตาร้องไห้อย่างอัดอั้นคนเดียว

เทพไทเดินมากับดอกแก้วจนถึงหน้าเรือน
"ขอบคุณที่มาส่งนะคะคุณเทพไท ฉันฝากคุณลำเจียกด้วย"
"แล้วตัวเองคุณเองล่ะ ทำใจได้แล้วหรือ"
ดอกแก้วตอบไม่ถูก เพราะจริงๆ ก็ไม่แคร์ที่หลวงปกรณ์มีเมียใหม่
เทพไทเห็นดอกแก้วเงียบก็คิดว่าดอกแก้วคงจะเศร้าเหมือนกัน เสียงอ่อนลง
"อย่าเสียใจไปเลย ยังไงคุณพ่อก็คงจะเอาตัวรอดได้เหมือนเคย แต่จะเป็นทางออกที่สมหวังกันทุกคนหรือเปล่าก็อีกเรื่องนึง"
"คุณไม่ควรพูดถึงคุณพ่อคุณเองแบบนั้น"
เทพไทโมโห ตรงเข้าจับไหล่ดอกแก้ว
"คุณยังจะปกป้องคุณพ่อท่านอีกเหรอ ! ทั้งที่ท่านเหยียบย่ำหัวจิตหัวใจคุณกับเมียคนอื่นขนาดนี้"
ดอกแก้วตกใจที่เทพไทมีท่าทีโกรธ พยายามอธิบาย
"ฉันแค่ไม่อยากให้คุณพูดจาว่าร้ายท่าน ยังไงท่านก็เป็นพ่อของคุณ มันบาปนะคะ"
เทพไทได้สติ ปล่อยมือ เห็นสายตากังวลเป็นห่วงดอกแก้วแล้วใจอ่อน
"อย่าห่วงผมเลย ผมมันบาปหนาเสียแล้ว บาปตั้งแต่..."
ใจเทพไทนึกถึงเรื่องรักเมียพ่อ แต่ไม่กล้าพูดออกมา ได้แต่มองหน้าดอกแก้วแบบละไว้ในฐานที่เข้าใจ ดอกแก้วเห็นสายตาก็รู้ว่าเทพไทจะพูดอะไร น้ำตารื้นสะเทือนใจเหมือนกัน เมื่อนึกถึง
ชะตากรรมแบบนี้
" เอาเถอะ อย่าห่วงผมเลย ห่วงตัวคุณเองดีกว่า การจะอยู่ในฐานะเมียุณหลวงในบ้านนี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย ดูแม่ผมกับคุณน้าลำเจียกเป็นตัวอย่างก็แล้วกัน"
เทพไทเดินจากไป ทิ้งให้ดอกแก้วมองตาม ด้วยความรู้สึกเห็นใจและเข้าใจดี

เทพไทเดินกลับมาที่ห้อง แล้วชะงักเมื่อเห็นสารภีสีหน้าเศร้าสร้อยยืนดักอยู่
"พี่เทพ"
"เธอมาทำอะไรที่นี่"
สารภีเข้ามาจับแขนเทพไท
"สารภีก็มารอพี่เทพน่ะสิคะ เรายังไม่พูดกันเลยหลังจากเกิดเรื่องขึ้น สารภีอยากอธิบายก่อนที่พี่เทพจะเข้าใจสารภีผิดๆ"
เทพไทแกะมือสารภีออก พูดเสียงเย็นชา
"ไม่จำเป็น พี่เข้าใจทุกอย่างดีหมดแล้ว ยินดีด้วยที่แผนการของเธอสำเร็จ"
สารภีตกใจ
"ทำไมพี่เทพถึงพูดอย่างนี้คะ"
"พี่รู้หมดแล้วว่าเธอเข้าไปหาพี่ในห้องทำงานเพราะเจตนาอะไร แต่เผอิญว่าพี่ไม่ได้เป็นคนดื่มน้ำที่เธอเอาไปให้ คนที่กลายเป็นเหยื่อก็เลยเป็นคุณพ่อ"
สารภีชะงัก หน้าเสีย
"แต่ไม่ว่าเหยื่อจะเป็นใคร เธอก็ทำสำเร็จแล้วที่จะได้กลายเป็นคนบ้านนพรัตน์อย่างเต็มภาคภูมิ"
สารภีหน้าซีดที่เทพไทรู้ทันทุกอย่าง
"ม...ไม่จริง "
"มีตรงไหนที่ไม่จริง อย่าลืมว่าพี่เป็นหมอ ถ้าจะเอาน้ำในแก้วที่เธอยกมาให้ไปตรวจก็ไม่ยาก"
สารภีพูดไม่ออก ได้แต่หลบสายตา เทพไทแค่นยิ้ม รู้ว่าสารภีจนมุมแล้ว
"แต่พี่จะไม่ทำ เพราะยังไงเรื่องนี้เธอก็เป็นฝ่ายเสียหายมากที่สุด แต่ขอให้มันเป็นบทเรียนที่เธอต้องจำไว้ตลอดชีวิต"
เทพไทเดินหนีไป สารภีมองตามอย่างอัดอั้นกดดัน สิ่งที่หวังไว้พังทลายหมดแล้ว รู้ว่าเทพไทไม่มีทางกลับมายอมรับได้อีก
สารภีตะโกนอัดอั้น
"ถ้าอย่างนั้นพี่เทพก็ต้องจำไว้เหมือนกัน ว่าที่มันเป็นแบบนี้ก็เพราะพี่เทพ"
เทพไทหยุดเดิน หันมา สารภีร้องไห้ออกมา ด้วยความเจ็บใจจริงๆ
"ถ้าพี่เทพเห็นแก่ความรักความจริงใจของสารภีซักนิด สารภีก็คงไม่ต้องทำแบบนี้ ทั้งหมดมันเป็นเพราะพี่เทพ"
"เธอไม่ได้มีความรักให้ใครจริงๆ หรอกสารภี นอกจากตัวของเธอเอง หัดโทษตัวเองเสียก่อนที่จะโทษคนอื่น"
เทพไทหันหลังกลับแล้วเดินออกไป
สารภียืนสะอื้นไห้ ด้วยความเจ็บปวด พ่ายแพ้ แต่แล้วอารมณ์ก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเจ็บใจ
"ในเมื่อหัวใจของสารภีสลายลงแล้วในวันนี้ พี่เทพจะได้รู้ว่าคนที่หัวใจสลายมันทำอะไรได้บ้าง"
สารภีคำรามผ่านม่านน้ำตา สีหน้าเจ็บแค้น

เวลากลางคืน ดอกแก้วออกมาเดินเล่นรับกลิ่นดอกซ่อนกลิ่นอยู่ที่แปลงดอกไม้ ลมโชยกลิ่นหอมหวน ทำให้ดอกแก้วรู้สึกผ่อนคลายจากเรื่องเครียดๆ ที่เพิ่งไปประสบพบเจอเมื่อตอนหัวค่ำ
"ฉันนึกแล้วว่าเธอต้องอยู่ที่นี่"
ดอกแก้วสะดุ้งหันไปมอง เห็นหลวงปกรณ์ยืนอยู่
"คุณหลวง"
หลวงปกรณ์สีหน้าเศร้าสร้อย
"ฉันอยากจะมาคุยกับเธอ"
"เรื่องอะไรหรือคะ"
"เรื่องสารภี"
"คุณหลวงไม่ต้องอธิบายให้แก้วฟังหรอกค่ะ แก้วเข้าใจ"
"เธอก็คงเข้าใจฉันเหมือนกับที่แม่สร้อยกับแม่ลำเจียกคิดว่าฉันเป็นผู้ชายมักมากล่ะสิ ฉันขอยืนยันว่าฉันไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไปจริงๆ ฉันไม่ได้รักใคร่แม่สารภีเลยแม้แต่นิดเดียว"
ดอกแก้วอ้ำอึ้งไป หลวงปกรณ์สีหน้ารู้สึกผิด
"แล้วฉันก็ไม่ได้อยากยกย่องใครอีก นอกเหนือจากแม่สร้อยทอง แม่ลำเจียก แล้วก็..เธอ ดอกแก้ว"
หลวงปกรณ์จับมือดอกแก้ว
"ฉันอยากให้เธอเข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ เป็นสิ่งที่ฉันต้องทำในฐานะสุภาพบุรุษที่ต้องรับผิดชอบในตัวผู้หญิงอีกคน"
"แก้วเข้าใจค่ะ ความรับผิดชอบเป็นสิ่งที่แก้วนับถือในตัวคุณหลวงมาตลอด เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ไม่มีผลใดๆ กับความรู้สึกของแก้วแน่นอนค่ะ"
ดอกแก้วยิ้มให้ หลวงปกรณ์ค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ
"ขอบใจนะดอกแก้ว พรุ่งนี้ฉันจะทำหน้าที่ของฉันให้ดีที่สุด"
หลวงปกรณ์ดึงตัวดอกแก้วมากอดอย่างซาบซึ้ง ดอกแก้วขืนตัวเล็กน้อย แต่ก็ยอมปล่อยให้หลวงปกรณ์กอด เพราะอยากให้กำลังใจหลวงปกรณ์

เช้าวันใหม่ ภายในห้องรับแขกของบ้าน ทุกคนมานั่งกันพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งนายและบ่าว
สารภีนั่งเชิดอยู่ข้างๆพ่อกับแม่ ถัดจากที่หลวงปกรณ์กับสร้อยทองนั่ง ดอกแก้วนั่งถัดออกไปอีกฝั่ง ใกล้กับเทพไท
ลำเจียกเดินเข้ามาพร้อมกับอึ่งเป็นกลุ่มสุดท้าย พอเห็นสารภีก็ชะงัก
"แม่ลำเจียก นั่งสิ"
ลำเจียกนั่งลงตรงที่ประจำ สีหน้ายังตึงอยู่
"ที่ฉันเรียกทุกคนมาพร้อมหน้ากันในวันนี้ ก็เพราะมีเรื่องจะแจ้งให้ทราบว่าต่อไปนี้...ฉันจะรับสารภีเข้ามาเป็นภรรยาอีกคนหนึ่ง"
ลำเจียกตวัดสายตามอง สารภีทำเชิดไม่สนใจใคร
เทพไทเหลือบมองดอกแก้วที่ยังนิ่งเฉย แอบสงสารเพราะคิดว่าดอกแก้วคงเสียใจ
"ขอให้ทุกคนรับรู้ไว้พร้อมกัน และปฏิบัติต่อสารภีให้เท่าเทียมกับแม่สร้อยทอง แม่ลำเจียก และแม่ดอกแก้ว"
โกสุมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พอใจ พยักเพยิดให้สารภีเอาพานดอกไม้ธูปเทียนไปกราบสร้อยทอง สารภีค่อยๆ ทรุดลงนั่งคุกเข่า ถือพานคลานไปไหว้สร้อยทอง พูดเสียงเรียบร้อย
ไสารภีขอกราบฝากเนื้อฝากตัวกับคุณน้าด้วยนะคะ กายกรรมและวจีกรรมใดๆ ที่สารภีเคยล่วงเกินคุณน้า ขอให้คุณน้าสร้อยโปรดให้อภัยและเมตตาสารภีด้วย"
สารภีก้มลงกราบ สร้อยทองรับไหว้ไปตามมารยาท แต่สีหน้าเฉย
สารภีหันไปมาทางลำเจียก แล้วเอาพานอีกชุดมาไว้ แต่ยังไม่ทันพูดอะไร ลำเจียกก็เตะพาน
กระเด็น
"ไม่ต้องมากราบไหว้ฉัน ยังไงฉันก็ไม่ยอมรับแกเข้ามาในครอบครัวนี้"
"แม่ลำเจียก เป็นบ้าไปแล้วหรือไง" หลวงปกรณ์ว่า
"คุณพี่น่ะสิบ้า ! บ้าตัณหา ! ถึงขนาดเอาผู้หญิงที่มันเคยไล่จับลูกชายมาเป็นเมียตัวเอง เรื่องอัปรีย์แบบนี้มันไม่ควรจะเกิดขึ้นในบ้านเรา"
"นี่หล่อนด่าฉันหรือ ! หล่อนก็รู้ว่าฉันจำเป็นต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ฉันไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ ฉันอยากให้มันเป็นแบบนี้รึแม่ลำเจียก"
หลวงปกรณ์ลุกพรวดทั้งโกรธทั้งเสียใจ ตาถลึงจ้องหน้าลำเจียก เทพไทกับสร้อยทองรีบลุกขึ้น
"ไม่ ! น้องไม่ยอม น้องเกลียดมัน น้องไม่มีวันรับอีนังผู้หญิงแพศยาที่มันสร้างเรื่องมาจับคุณพี่แน่"
"แม่ลำเจียก พอที ! ไปกับฉัน"
สร้อยทองฉุดแขนลำเจียกออกไป ศรีรีบตามติด
ทุกคนนิ่งงันไปกับเรื่องที่เกิดขึ้น สารภีรีบตีหน้าเศร้าแล้วปล่อยโฮออกมา
"โถ สารภีไม่ต้องกลัวนะลูก คนมันบ้า คุณหลวงต้องดูแลสารภีให้ดีนะคะ อย่าให้นัง...เอ้อ คุณลำเจียกมารังแกลูกดิฉัน ไม่งั้นดิฉันไม่ยอม" โกสุมว่า
สารภีบีบน้ำตาสะอึกสะอื้น มีโกสุมกับเพิ่มพูนปลอบ
หลวงปกรณ์มองอย่างอัดอั้นปวดหัว แล้วเดินหนีออกไป

สร้อยทองประคองลำเจียกให้นั่งลง ลำเจียกยังสะบัดสะบิ้งเจ็บใจ
"ดื่มยาซะหน่อยนะแม่ลำเจียก หล่อนเครียดมากไป เดี๋ยวเส้นเลือดในสมองจะแตก"
สร้อยทองพยักหน้าให้ศรีรินยาในถ้วยให้ แต่พอส่งให้ลำเจียก ลำเจียกก็ปัดกระเด็น
"น้องไม่ดื่ม ! น้องชักไม่แน่ใจแล้วว่าคุณพี่ห่วงน้องจริงหรือไม่"
สร้อยทองกับศรีผงะ ตกใจ คิดว่าลำเจียกรู้แล้วว่าตัวเองหน้าเนื้อใจเสือ
" ทำไมแม่ลำเจียกถึงพูดแบบนี้"
ลำเจียกแผดเสียงด้วยอาการประสาทเหมือนยั้งสติไม่อยู่ อารมณ์พลุ่งพล่าน ไม่ไตร่ตรองอะไรทั้งนั้น
"ก็คุณพี่ทำตัวเป็นม้าอารี ชักนำแต่พวกงูพิษเข้ามาในบ้าน มันแว้งกัดคุณพี่ก็จริง แต่คุณพี่ด้านชาเสียแล้วก็เลยไม่เจ็บไม่ปวด คนที่เจ็บมันก็มีแต่น้องคนเดียว"
"คุณลำเจียก ทำไมถึงพูดอย่างนี้" ศรีถาม
"นังสารภี นังเด็กเมื่อวานซืนคนนี้ คุณพี่ก็รู้อยู่เต็มอกว่ามันจะจับตาเทพ พอมันพลาดหวังถึงรี่มาจับคุณหลวง แทนที่จะขัดขวางป้องกัน ก็ดันยอมให้มันมาร่วมผัวเสียนี่ ! คุณพี่อาจจะทนได้ที่ใครๆ พากันเหยียบหัวคุณพี่ขึ้นไป แต่น้องทนไม่ได้"
สร้อยทองสุดทน เงื้อมือตบหน้าลำเจียกดังฉาด
สร้อยทองพูดเสียงต่ำ เจ็บแค้น เจ็บปวด
"อย่าได้บังอาจคิดว่าเข้าใจความรู้สึกของฉัน ที่ฉันไม่แสดงออก ไม่ใช่เพราะฉันด้านชาไม่เจ็บไม่ปวด แต่เพราะฉันทำอะไรไม่ได้"
ทั้งห้องเงียบกริบ ลำเจียกช็อก ศรีก็อึ้งไปด้วย
"ถ้าเกิดฉันมีสิทธิ์ที่จะทำซักนิด ฉันคงไม่ยอมให้หล่อนเข้ามาลอยหน้าอยู่ในบ้านนี้ตั้งแต่แรกหรอก แม่ลำเจียก"
สร้อยทองพูดจบน้ำตาร่วง หลังจากเผยความอัดอั้นตันใจลึกๆ ออกมา แต่ยังนิ่ง ไม่ได้ร้องไห้
ลำเจียกเห็นน้ำตาสร้อยทองก็ได้สติ อารมณ์เข้าสู่ภาวะปกติ แต่ก็ยังเจ็บปวดที่ถูกตบอยู่ เลยลุกพรวดเดินน้ำตานองออกไป
สร้อยทองยังโศกสลดกับความทุกข์ของตัวเอง ศรีขยับเข้ามาลูบขานายอย่างเห็นใจ

หลวงปกรณ์นั่งหน้าเครียดยังคิดถึงเรื่องวุ่นวายเมื่อสักครู่ เทพไทเข้ามายื่นเอกสารที่แปลเสร็จแล้วให้หลวงปกรณ์
"ผมแปลกโทรเลขทั้งหมดแล้ว สรุปว่าเป็นการแจ้งเตือนเรื่องการทิ้งบอมบ์ฐานทัพญี่ปุ่นในพระนครครับ"
"แสดงว่าสงครามมันกำลังจะมาถึงตัวเราแล้วน่ะสิ"
หลวงปกรณ์ถอนใจเครียด แล้วพับเอกสารใส่ซอง
"เช้านี้แกมีธุระอะไรหรือเปล่า ถ้าว่างอยู่จะวานให้เอาจดหมายไปส่งที่จวนคุณพระนิวัติหน่อย ฉันมีอะไรต้องทำอีกหลายอย่าง"
"ได้ครับ"
เทพไทรับซองจดหมายมา สารภีเปิดประตูพรวดเข้ามาพอดี
"คุณหลวง... กำลังคุยธุระกับพี่เทพอยู่หรือคะ ถ้าอย่างนั้น สารภีจะกลับมาใหม่"
เทพไทลุกขึ้นทันที ไหว้หลวงปกรณ์
"งั้นผมขอตัวเลยดีกว่าครับ จะได้รีบนำจดหมายไปส่ง"
เทพไท หยุดชะงักตรงหน้า เพราะสารภียืนขวางประตูอยู่
สารภีพยายามยิ้มให้ แต่เทพไทมองเมินแล้วเบี่ยงตัวหนีเหมือนรังเกียจ สารภีหน้าเจื่อน เสียใจ
"มีอะไรหรือแม่สารภี"
สารภีเม้มปากข่มความน้อยอกน้อยใจ แล้วเดินเข้ามาหาหลวงปกรณ์
"คุณหลวงไม่เห็นหรือคะ ท่าทีของพี่เทพ ทำเหมือนสารภีเป็นไส้เดือนกิ้งกือที่น่ารังเกียจ"
"อย่าไปถือสามันเลย"
"แต่พี่เทพเคยดีกับสารภีนี่คะ"
สารภีปาดน้ำตาน้อยใจ
"ก็เหมือนกับคนอื่นในบ้านนี้ ทุกคนเคยมีเมตตากับสารภี แต่มาวันนี้ท่าทีใครๆ ก็เปลี่ยนไป มันยิ่งทำให้สารภีรู้สึกว่าตัวเองโสมมเหลือเกิน"
สารภีก้มหน้าสะอึกสะอื้น หลวงปกรณ์มองอย่างเห็นใจ
"อย่าคิดอย่างนั้นเลยแม่สารภี ยิ่งเธอพูดแบบนี้ ฉันก็ยิ่งละอายใจที่มีส่วนทำให้เธอต้องแปดเปื้อน"
"แต่สารภีไม่อยากอยู่ในสภาพนี้ค่ะ"
สารภีโผเข้าซบหลวงปกรณ์ ร้องไห้สะอื้น
"สารภีอยากจะพาพ่อกับแม่ไปอยู่ที่อื่น ให้พ้นจากสายตาชิงชังรังเกียจของคนที่นี่"
"จะทำอย่างนั้นได้ยังไง ก็ฉันบอกแล้วว่าฉันจะรับผิดชอบเธอ"
"คุณหลวงก็แค่รับผิดชอบสารภีเพราะความรู้สึกผิดเท่านั้นเองนี่คะ"
"แล้วเธอจะให้ฉันทำยังไง"
สารภีกอดซบหลวงปกรณ์แน่นขึ้นอีก ทำท่าอ้อน
"ถ้าสารภีต้องอยู่ที่นี่ในฐานะภรรยา คุณหลวงจะรับปากได้ไหมคะ ว่าจะรักและเมตตาสารภีให้เทียบเท่ากับคุณๆ คนอื่น ไม่ให้ใครมาพูดได้ว่าสารภีเข้ามาฉวยโอกาสจากเรื่องน่าละอายที่เกิดขึ้น"
สารภีเงยหน้ารอคำตอบ ทำน่าสงสาร หลวงปกรณ์ยิ่งใจอ่อน
"ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ฉันก็ตั้งใจไว้แบบนั้นอยู่แล้ว เมียคนอื่นของฉันมีศักดิ์และสิทธิ์แค่ไหน เธอก็ไม่น้อยหน้าคนอื่นหรอก อย่ากังวลไปเลยนะ"
สารภียิ้มทั้งน้ำตาอย่างดีใจ แล้วโผเข้ากอดซบหลวงปกรณ์แน่น แต่แอบทำหน้ารังเกียจ เพราะทุกอย่างเป็นการแสดงล้วนๆ

สร้อยทองนั่งคุยกับดอกแก้วอยู่ในห้อง
"ฉันมากวนเธอหรือเปล่าดอกแก้ว"
"ไม่หรอกค่ะ แก้วกำลังจะไปช่วยงานที่ครัว เห็นเอี้ยงบอกว่า คุณลำเจียกไม่ได้ลงไปตั้งแต่เช้ามืด"
"เดี๋ยวฉันให้แม่ศรีจัดการเอง เธออยู่บนตึกเถอะ"
"คุณสร้อยมีอะไรจะใช้แก้วหรือคะ"
สร้อยทองทำหน้าลำบากใจ
"ก็เรื่องแม่ลำเจียกนี่แหละ ปิดห้องเงียบไม่หือไม่อือกับใครเลย ฉันอยากให้เธอไปช่วยดูหน่อย"
ดอกแก้วหน้าเสีย
"แต่...คุณลำเจียกไม่ชอบแก้ว เธอจะไม่ยิ่งโมโหหรือคะ"
"เวลานี้แม่ลำเจียกต้องการเพื่อน แล้วใครจะรู้ใจเท่าคนที่ตกที่นั่งเดียวกัน แต่ฉันก็เผลอตบหน้าแม่ลำเจียกเรียกสติไปทีนึง ป่านนี้คงจะเคืองฉันอยู่"
"ตายจริง"
"ฉันถึงต้องให้เธอช่วย" สร้อยทองเอายาสมุนไพรยัดใส่มือ "นี่เป็นยาคลายกังวล พยายามให้แม่ลำเจียกกินซะ จิตใจจะได้สงบลงบ้าง เดี๋ยวลุกขึ้นมาอาละวาด คุณพี่จะยิ่งโกรธหนักเข้าไปอีก"
ดอกแก้วพยักหน้า นึกสงสารและเป็นห่วงลำเจียกขึ้นมาทันที
อ่านต่อหน้าที่ 3


ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 14 (ต่อ)
ภายในเรือนรับรอง โกสุมจับแก้มสารภีอย่างเอ็นดู ยิ้มร่า

"ทำได้ดีมากลูก มันต้องอย่างนี้ แค่ทำออดอ้อนออเซาะเข้าหน่อย ขี้คร้านจะขอโลกทั้งใบก็ยังได้"
"สารภีตัดสินใจแล้วค่ะ ในเมื่อเสียไปแล้วก็ต้องกอบโกยเอาทุกอย่างจากไอ้แก่นี่ให้มากที่สุด ถึงจะคุ้มกัน"
"แล้วอย่างนี้แกต้องย้ายไปอยู่บนตึกเลยนะ จะได้ประกาศศักดิ์ศรีของตัวเองให้เต็มที่ จะมานอนอยู่ในเรือนไม้เหมือนนังดอกแก้วไม่ได้ เสียศักดิ์ศรีหมด"
"สารภีก็ตั้งใจไว้อย่างนั้นแหละค่ะ อะไรที่มันได้ สารภีจะต้องได้ดีกว่ามัน"
"ดีๆ ถ้าอย่างนั้นมันมีงานเลี้ยงเปิดตัว เราก็ต้องมีเหมือนกันดีไหมลูก"
โกสุมยิ้มมีแผน

สร้อยทองมองหน้ากับหลวงปกรณ์อย่างอึดอัดใจ หลังจากโกสุมมารบเร้า
"บ้านเราเพิ่งมีงานไปหยกๆ คุณโกสุมจะให้จัดเลี้ยงรับหนูสารภีอีกเหรอ"
"ก็มันควรไม่ใช่หรือคะ ทีแม่ดอกแก้วยังได้ออกงานมีหน้ามีตา ลูกสาวดิฉันก็ไม่ใช่คนต่ำต้อย"
"คนเขาจะถามกันน่ะสิว่าเป็นยังไงมายังไง หนูสารภีถึงได้ ... มาเป็นแม่เลี้ยงตาเทพได้ คุณโกสุมจะมีคำตอบให้เขาหรือ"
โกสุมพูดไม่ออก ไม่ทันคิดเรื่องนี้ ได้แต่ปะหลับปะเหลือก
"เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ถ้าคุณโกสุมกลัวว่าฉันจะรับหนูสารภีเงียบๆ ฉันจะจัดงานทำบุญรับขวัญให้ แล้วก็เชิญแขกแค่เท่าที่สนิท ยังไม่ต้องกระโตกกระตากมาก ให้ผ่านช่วงสงครามไปก่อน จะฉลองอะไรก็ว่ากันอีกที"
โกสุมไม่เต็มใจนัก เพราะอยากได้งานใหญ่ แต่ก็ไม่อยากเรื่องมาก
โกสุมพยักหน้าแกนๆ
"ก็สุดแท้แต่คุณหลวงเถอะค่ะ"

หมอนดูรายการอาหารที่ต้องเตรียมทำ แล้วนั่งแปะลงกับพื้นอย่างเพลียๆ พวกคนงานอื่นๆ ล้อมวงกินข้าวกันอยู่
"หม้อเพิ่งจะล้างตากยังไม่ทันแห้ง ก็ต้องมาเตรียมงานใหม่อีกแล้ว กูจะบ้าตาย"
เอี้ยงบอก
"หนนี้คุณลำเจียกก็คงไม่ทำใช่ไหมพี่อึ่ง"
"ก็แน่ล่ะสิ คราวงานที่แล้วนั่นคุณลำเจียกเธอเห็นแก่แขกผู้ใหญ่ แต่งานนี้ไม่เห็นแก่หมาที่ไหนทั้งนั้นแหละโว้ย"
"งั้นข้าก็ไม่ทำ ไม่มีใครคุมครัวเดี๋ยวก็เละเทะเสียชื่อกันพอดี" หมอนบอก
"ฉันจะคุมเอง"
พิศเดินเชิดเข้ามาในโรงครัว
"ยังไงคุณโกสุมก็ไม่ไว้ใจคนอื่นอยู่แล้ว เดี๋ยวมันเป็นบ้าวางยาลงในไปอาหารเลี้ยงพระขึ้นมา คุณสารภีจะเดือดร้อน"
"หนอย ถ้างั้นมึงก็ทำเองเลย เพราะพวกกูรับใช้แต่เจ้านาย ไม่ได้รับใช้ขี้ข้าด้วยกัน" หมอนบอก
"ก็เอาซี้ ฉันก็จะไปฟ้องว่าคนครัวมันไม่ให้ความร่วมมือ ลองดูซิว่าทีนี้จะเกิดอะไรขึ้น"
หมอนพูดไม่ออก พวกในครัวมองหน้ากันเริ่มกลัวๆ
"คุณหลวงท่านตามใจคุณสารภีจะตาย ถ้าคุณสารภีไม่พอใจแล้วสั่งไล่พวกแกออก เปลี่ยนคนครัวใหม่ทั้งชุดก็คงจะไม่ยาก"
พวกแม่ครัวเริ่มสีหน้าไม่ดี อึ่งชิงบอกก่อน
"ฉันช่วยก็ได้ จะให้ทำอะไรก็ว่ามา"
"อีอึ่ง !" หมอนว่า
แม่ครัว1บอก "ฉันก็ช่วยจ้ะ"
แม่ครัว2 บอก"ฉันด้วย"
พวกบ่าวคนอื่นๆ เริ่มขยับยกมือเสนอตัวอย่างอ่อยๆ หมอนชักสีหน้า
"มันต้องอย่างนี้สิ รู้จักรับใช้ให้ถูกคน คุณสารภีกำลังจะเป็นคนสำคัญในบ้านนี้ ส่วนอีพวกแก่ๆ ไม่นานมันก็ตกกระป๋อง "
พิศหัวเราะสะใจใส่หมอน เชตนิ่งคิดตาม

เชตเดินตามเซ้าซี้ถามพิศ
"คุณสารภีเธอคิดยังไงน่ะ เห็นทีแรกทำเหมือนจะรักกับคุณเทพไท แต่ทำไมถึงไปลงเอยกับคุณหลวงล่ะ เสียดาย"
พิศชะงัก อายแทนนายอยู่เหมือนกัน
"เธอจะคิดยังไงก็ไม่ใช่เรื่องของเอ็ง"
"ก็แหม ฉันเสียดายนี่นา ยังสาวยังสวยแท้ๆ ไม่น่าคิดมีผัวแก่ มันเสียของ"
"เอ๊ะไอ้นี่ ใช่เรื่องขี้ข้าต้องเป็นห่วงนายหรือ คุณสารภีเธอสบายไปแล้ว เป็นคุณนายคนที่สี่มีศักดิ์ศรีสูงกว่าเป็นเมียคุณเทพไทเสียอีก เอ็งก็ก้มหน้าก้มตารับใช้เธอให้ดีเถอะ ถ้าเธอเอ็นดูเอ็งก็จะสบายไปด้วย"
"เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกน่า ฉันพร้อมจะมอบกายถวายชีวิตรับใช้คุณสารภีอยู่แล้ว"
เชตยิ้มกริ่ม พิศค้อนหมั่นไส้แล้วเดินจากไป
เชตเปลี่ยนเป็นหน้าทะเยอทะยาน
"ผัวแก่อย่างคุณหลวงจะไปให้ความสุขอะไรคุณสารภีได้วะ รอให้ถึงโอกาสกูบ้างเถอะ"

เวลากลางคืน ลำเจียกชะงักจากการกินยา หันมามองอึ่ง
"แกว่าอะไรนะ คุณพี่จะทำบุญเลี้ยงพระรับขวัญนังสารภีเหรอ"
"ใช่เจ้าค่ะ ตอนนี้ในครัวกำลังเตรียมอาหารกันวุ่นวายเชียวเจ้าค่ะ"
ลำเจียกหันขวับมาหาดอกแก้ว
"เธอรู้เรื่องนี้หรือเปล่า"
ดอกแก้วหลบสายตา
"คุณสร้อยทองเพิ่งเรียกแก้วไปสั่งงานเมื่อบ่ายนี้ค่ะ"
"ฮึ แต่ก็ไม่คิดจะบอกฉัน ใช่สิ ตอนนี้ฉันมันไม่ต่างจากหัวหลักหัวตอ ฉันมันกลายเป็นคนสร้างปัญหา ไร้ประโยชน์ไปแล้ว"
"ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ แต่ทุกคนเห็นว่าคุณลำเจียกไม่สบาย ก็เลยไม่อยากรบกวน"
"ไม่อยากรบกวน หรือกลัวว่าฉันจะลุกมาอาละวาดพังงานกันแน่ ...ที่เอายามาให้เนี่ย ก็เพราะกล่อมประสาทฉันให้นอนเป็นท่อนไม้ จะได้ไม่ต้องไปวุ่นวายใช่ไหม"
ดอกแก้วตกใจ
"ไม่ใช่นะคะ"
ลำเจียกปาแก้วยาทิ้งอย่างโมโห
"ฉันไม่กินแล้ว ! ฝากเธอไปบอกคุณพี่ด้วยนะว่า อย่ามาห้ามซะให้ยาก ยังไงพรุ่งนี้ฉันก็จะไปร่วมงาน"
ดอกแก้วกลัวๆ ไม่รู้ว่าลำเจียกจะป่วนอะไรอีก

เช้าวันใหม่ บรรยากาศในบ้านนพรัตน์คึกคักอีกครั้ง แขกเหรื่อจำนวนหนึ่ง มาร่วมฟังพระอยู่กับหลวงปกรณ์และครอบครัว สารภีชูคอนั่งอยู่แถวหน้า
เทพไทเดินนำพระ 7-8 รูปที่รับนิมนต์มานั่งที่บริษัทอาสนะซึ่งจัดเอาไว้ ทุกคนรีบพนมมือไหว้
โกสุมกระซิบ
"เดี๋ยวแกเข้าไปจุดธูปเทียนกับคุณหลวงนะ อย่าให้เมียคนอื่นทำ นี่มันงานของแก"
สารภีพยักหน้ารับรู้ ยิ้มพอใจที่จะได้แสดงตัว
อีกด้านหนึ่ง เทพไททรุดลงนั่งข้างๆ ดอกแก้ว เห็นดอกแก้วชะเง้อมอง
"หาใครหรือคุณดอกแก้ว"
"คุณลำเจียกน่ะค่ะ เมื่อคืนเธอบอกว่าจะออกมาทำบุญด้วยกัน แต่ยังไม่มา ไม่รู้ว่าป่วยหรือเปล่า"
"ไม่ต้องมาน่ะดีแล้ว เดี๋ยวก็มาโวยวาย" หลวงปกรณ์ว่า
หลวงปกรณ์ขยับจะไปจุดธูปเทียนที่โต๊ะหมู่บูชา โกสุมรีบผลักสารภีเข้าไปช่วย
"น้องบอกจะมาก็ต้องมาสิคะ"
ทุกคนหันไปมองตามเสียงลำเจียก แล้วชะงักงัน เมื่อลำเจียกแต่งชุดดำสนิทด้วยชุดไทยซึ่งสวมในพิธีการงานศพคือ ซิ่นยาว เสื้อแขนกระบอกยาว เข้ามากลางบ้าน
สร้อยทองโพล่ง"แม่ลำเจียก"
"ขออภัยที่มาช้านะคะคุณพี่ น้องมัวแต่เลือกชุดให้เหมาะสมกับงานที่สุด"
หลวงปกรณ์พูดไม่ออก แต่หันไปมองรอบๆ เห็นแขกเหรื่อซุบซิบกันเพราะบรรยากาศไม่ชอบมาพากล คุณหลวงทนไม่ได้ ลุกขึ้นกระชากแขนลำเจียก
"หล่อนมานี่"
"คุณพี่ น้องจะฟังพระ จะลากน้องไปไหน"
หลวงปกรณ์ไม่ฟัง กระชากแขนลำเจียกให้ออกมาจากงานด้วยความอับอาย ลำเจียกโวยวายดังลั่น

หลวงปกรณ์กระชากลำเจียกเข้ามาในห้อง แล้วเหวี่ยงโครมไปที่เตียง อึ่งรีบเข้ามาประคอง
"หล่อนห้ามออกไปจากห้องนี้ จนกว่าจะงานเลิก แกเฝ้าไว้ให้ดีนังอึ่ง"
"คุณพี่มีสิทธิ์อะไรมาห้ามน้อง หรือว่าน้องไม่ใช่คนบ้านนี้อีกต่อไปแล้ว ถึงเข้าไปร่วมงานไม่ได้"
"ก็ดูสารรูปเธอแต่งตัวสิ เธอจงใจฉีกหน้าฉัน"
ลำเจียกแค่นยิ้ม
"คุณพี่อายเหรอที่น้องทำแบบนี้ ทีทำเรื่องเสื่อมเสีย แล้วยังจัดงานป่าวประกาศให้คนอื่นรู้ ทำไมไม่รู้จักอาย"
"แม่ลำเจียก !"
หลวงปกรณ์สุดทน ตบหน้าลำเจียกฉาดใหญ่ ลำเจียกตะลึงหันกลับมาอย่างไม่เชื่อสายตา
"คุณพี่ ! คุณพี่ทำร้ายน้อง"
"ก็หล่อนมันอยากลองดีกับฉัน"
ลำเจียกน้ำตาร่วงพรู เจ็บใจ หลวงปกรณ์ชี้หน้า
"อย่าออกไปวุ่นวายข้างนอกนั่นอีก ไม่งั้นฉันจะใช้วิธีเด็ดขาดกับเธอ"
ลำเจียกยังช็อกไม่หาย พอเห็นหลวงปกรณ์จะหันหลังก็ร้องกรี๊ดออกมาดังลั่น

ทุกคนที่อยู่ในงานได้ยินเสียงกรี๊ดของลำเจียกก็ตกตะลึง ดอกแก้วกับเทพไทมองหน้ากันอย่างร้อนใจ ตัดสินใจลุกไปดู เทพไทรีบตามไป
ลำเจียกร้องกรี๊ดๆๆๆ เรียกร้องความสนใจ อึ่งรีบเข้าไปกอดไว้
"คุณพี่ตบหน้าน้องเพราะมัน คุณพี่เกลียดน้อง !"
"หุบปากนะแม่ลำเจียก"
"น้องไม่หยุด เพราะมันคนเดียว นังสารภี นังตัวอัปรีย์จัญไร น้องจะฆ่ามัน"
ลำเจียกจะโผนออกนอกห้อง หลวงปกรณ์กับอึ่งรีบจับไว้ แต่ลำเจียกยังดิ้นกรี๊ดไปด้วย
ดอกแก้วกับเทพไทเข้ามาในห้อง เห็นอาการลำเจียกก็ตกใจ สร้อยทองกับศรีตามเข้ามา
"ตายแล้ว เป็นอะไรไปแม่ลำเจียก"
ลำเจียกทั้งดิ้น ทั้งกรี๊ด สายตาขวาง ด้วยอารมณ์คุ้มคลั่ง แล้วจู่ๆ ก็กระตุกช็อกแน่นิ่งไป
"ว้าย คุณลำเจียก"
ทุกคนตกใจรีบเข้าไปประคองลำเจียกที่เป็นลมล้มฟุบไปต่อหน้าต่อตา

ลำเจียกนอนหลับอยู่บนเตียงด้วยอาการสงบ มีเทพไทตรวจอาการอยู่ หลวงปกรณ์ สร้อยทอง สารภีนั่งทำหน้าเคร่งเครียด ซักพักดอกแก้วก็เปิดประตูตามเข้ามาสมทบ
"แขกกลับไปหมดแล้วค่ะ"
สารภีบอก
"เวรกรรมแท้ ทำไมต้องมาเกิดเรื่องในวันมงคลของสารภีด้วยนะคะ"
สร้อยทองตวัดสายตามองเหมือนจะด่าเพราะตัวเองเป็นต้นเหตุ หลวงปกรณ์ไม่สนใจ ยังเป็นห่วงลำเจียกอยู่
"ตกลงแม่ลำเจียกเป็นอะไรตาเทพ ทำไมถึงได้อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เหมือนคนเป็นโรคประสาทแบบนี้"
เทพไทนิ่งขรึม จับดูชีพจรลำเจียกแล้วสรุป
"เป็นเรื่องปกติของผู้หญิงที่เข้าสู่ภาวะของการเป็นแม่ครับ"
ทุกคนตกตะลึง หน้าเผือด
"อ...อะไรนะตาเทพ"
"คุณน้าลำเจียกกำลังตั้งครรภ์ครับ อายุครรภ์น่าจะประมาณสองเดือนแล้ว แต่ถ้าจะให้แน่ใจก็ควรไปตรวจที่โรงพยาบาลอีกที"
หลวงปกรณ์ตกใจ
"แม่ลำเจียกท้อง"
"ใช่ครับ ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับคุณพ่อ"
หลวงปกรณ์จะดีใจก็ไม่เต็มปาก แต่ก็ต้องเข้าไปดูลำเจียก สารภีหน้าเสียแต่สร้อยทองนิ่งเครียดไป

สร้อยทองนั่งเครียดขึงอยู่ในห้อง นึกถึงคำพูดของเทพไทเมื่อครู่ ศรีลอบมองหน้าเครียดของสร้อยทองแล้วสงสาร
"คุณสร้อยอย่ากังวลไปเลยเจ้าค่ะ ถึงคุณหลวงจะมีลูกกับเมียอื่นอีกสิบคน แต่ก็ไม่มีทางขึ้นมาเทียบความสำคัญคุณสร้อยกับคุณเทพไทได้"
"ฉันไม่ได้กังวลหรอก" สร้อยทองโกหก "แค่คิดว่าในบ้านมันคงจะยุ่งขึ้นอีกโข แม่ลำเจียกนี่ดวงดี พอคุณหลวงกำลังจะเมินก็มีท้องขึ้นมาทันที"
"นั่นสิเจ้าคะ อะไรจะประจวบเหมาะขนาดนั้น"
ศรีรำพึงแบบไม่คิดอะไร แต่สร้อยทองฉุกใจคิด สีหน้าระแวงว่าหรือลำเจียกจะไม่ได้ท้องกับคุณหลวง
"ทีนี้บ้านเราคงจะลุกเป็นไฟกว่าเดิมแน่ เพราะคุณสารภีเธอก็ไม่ใช่ย่อย เรื่องจะให้คุณหลวงกลับไปเห่อเมียเก่ามากกว่าเธอ เห็นจะไม่ง่ายหรอกค่ะ"
สร้อยทองคิดๆ เริ่มเห็นการยืมมือสารภีจัดการลำเจียก

วันใหม่ สารภีเดินเข้ามาในห้องรับแขก สร้อยทองกำลังนั่งเปิดแคตตาล็อกรถยนต์โบราณอยู่
สร้อยทองเห็นสารภี แกล้งเงยหน้าทัก
"มาแล้วเหรอแม่สารภี นั่งตรงนี้ก่อนสิ"
"คุณน้าให้คนไปเรียกสารภีมาทำไมเหรอคะ"
"ก็จะชวนมาช่วยเลือกรถคันใหม่ให้หน่อย"
สร้อยทองผลักแคตตาล็อกรถยนต์ให้ดู
"คุณพี่จะซื้อรถใหม่...ให้แม่ลำเจียก"
สารภีชะงัก มองหน้าสร้อยทองทันที ศรีรีบพูดต่อ
"คุณลำเจียกเธอกำลังท้องน่ะค่ะ คุณหลวงเลยอยากให้มีรถยนต์ไว้นั่งสบายๆ เวลาไปไหนมาไหน ไม่ต้องไปแย่งกับใคร"
สารภีฟังแล้วหมดอารมณ์ เพราะอิจฉา ผลักหนี
"สารภีเลือกไม่เป็นหรอกค่ะ ไม่รู้ว่าแบบไหนจะถูกใจคุณน้าลำเจียก ทำไมไม่ให้เธอเลือกเองล่ะคะ"
"ก็เจ้าตัวเขาไม่อยู่นี่ยังไงล่ะ ออกไปวัดอีกแล้ว เฮ้อ ก็เพราะอย่างนี้แหละ คุณพี่ถึงจะออกรถ ไม่งั้นก็อาศัยรถเจ๊กลากไปลากมา มันจะกระเทือนเด็กในท้องเอา"
สารภียิ่งฟังยิ่งหมั่นไส้ นั่งตีหน้าเชิด ศรีเหลือบมองแล้วทำเป็นปรารภ
"อันที่จริงคุณสร้อยก็น่าจะเตือนคุณลำเจียกบ้างนะคะว่า ตอนนี้ควรจะหยุดเรื่องทำบุญไหว้พระซักพัก กำลังท้องกำลังไส้ ตระเวนไปไหนมาไหนกับคนลากรถ เดี๋ยวใครจะนินทาเอา รอให้มีรถใหม่เสียก่อนดีกว่า"
สร้อยทองทำเป็นถอนใจกลุ้ม
"ฉันจะไปห้ามปรามอะไรได้ แกก็รู้ว่าแม่ลำเจียกกับนายไหลเขาสนิทสนมกันมาตั้งแต่ยังไม่ออกเรือนมาอยู่กับคุณพี่ ขนาดคุณพี่เองก็ไม่ชอบใจให้มันเข้ามายุ่มย่าม แม่ลำเจียกยังไม่เชื่อเลย"
สร้อยทองผลักแคตตาล็อกไปเซ้าซี้สารภีอีก
"เอาเถอะแม่สารภี ช่วยตัดสินใจหน่อยจะได้รีบซื้อ คุณพี่ก็จะได้เลิกระแวงเรื่องนายไหลกับแม่ลำเจียกเสียที"
สารภีไม่สบอารมณ์ แต่สมองเก็บข้อมูลเรื่องที่หลวงปกรณ์ไม่พอใจลำเจียกกับเจ๊กลากรถ

พิศละมือจากงาน หันมาคุยกับสารภี
"นายไหล อ๋อ ไอ้เจ๊กลากรถนั่นหรือคะ"
"แกรู้จักมันหรือ"
"ก็ไม่เคยพูดกัน แต่เห็นพวกในครัวเรียกว่าไอ้ไหลๆ เหมือนมันจะคุ้นเคยกับนังหมอนดี เพราะเรียกไปตลาดบ่อยๆ"
"แต่ฉันได้ยินว่าคุณหลวงไม่ชอบให้มันเข้าบ้านไม่ใช่หรือ"
"โอ๊ย ถ้ามารับมาส่งพวกขี้ข้าก็คงไม่เป็นไรมั้งคะ ... นังเข็มเคยเล่าว่า คุณหลวงเธอแค่ไม่ชอบให้มันมาเกาะแกะกับคุณลำเจียก แต่ไอ้ไหลมันข้าเก่าเต่าเลี้ยงของคุณลำเจียก ก็เลยยังแอบมารับใช้นายมัน"
"มิน่า คุณหลวงถึงได้ระแวงไม่เลิก ถึงกับจะซื้อรถให้นังลำเจียกนั่ง จะได้ตัดขาดจากไอ้เจ๊กนี่ได้ซักที"
"ต๊าย จริงเหรอคะ แค่ท้องโครมเดียวก็ขึ้นหม้อขนาดนี้เชียว"
"ขึ้นได้มันก็ลงได้ เรื่องอะไรฉันจะปล่อยให้นังลำเจียกมาสำคัญเหนือฉัน ฉันอยากรู้เรื่องของมันสองคนมากกว่านี้ แกไปสืบมาทีว่ามันมีท่าทีมากกว่าเป็นบ่าวกับนายหรือเปล่า"
"วุ้ย พิศจะไปสืบได้ยังไง ที่รู้ๆ มาก็แอบฟังทั้งนั้น ขี้ข้าบ้านนี้มันระวังตัว ไม่หลุดพูดให้คนนอกอย่างพิศฟังหรอกค่ะ" พิศนิ่ง แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ "นอกจากต้องเอาเงินจ้าง"
สารภีรอฟัง พิศยิ้มกำกวม

อึ่งเดินนับเงินมาตามถนนหน้าบ้าน ท่าทางหงุดหงิด กำลังจะเปิดรั้วก็ได้ยินเสียงพิศดังขึ้น
"เสียถั่วโปมาอีกแล้วสินังอึ่ง"
อึ่งสะดุ้ง หันไป เห็นพิศเดินตามมาทางด้านหลัง
"นังพิศ !"
"เห็นเดินจ้ำแบบนี้ออกมาจากในบ่อน ไม่น่าจะเป็นอย่างอื่นไปได้หรอก จริงไหม"
"นี่เอ็งตามไปดูข้าหรือ"
อ่านต่อหน้าที่ 4


ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 14 (ต่อ)
พิศยิ้มเยาะ

"พวกที่ตลาดมันพูดกันว่ามีคนบ้านนี้เป็นขาประจำที่บ่อน ข้าเลยตามไปดูหน้าว่าเป็นใคร ไม่นึกว่าจะเป็นเอ็งนี่เอง"
อึ่งหน้าเสีย ตวาดใส่
"อย่ามายุ่งกับกู !"
อึ่งรีบเปิดประตูรั้วเข้าบ้าน แต่แล้วก็ต้องชะงัก เพราะเห็นสารภียืนอยู่
"คุณสารภี"
"ได้ข่าวว่าคุณหลวงเกลียดพวกเล่นการพนันนักหนา ขนาดแม่นังดอกแก้วยังโดนตะเพิดออกจากบ้าน แกไม่กลัวหรือนังอึ่ง"
อึ่งหน้าซีดเผือด กลัวโดนไล่ออกเหมือนกัน ยกมือไหว้ปะหลกๆ
"อย่านะคะคุณสารภี อย่าไปบอกคุณหลวงนะคะ เห็นใจอึ่งด้วยเถอะ"
สารภียิ้มเป็นต่อ
"ฉันก็ยังไม่ได้พูดว่าจะเอาไปฟ้องนี่นา แค่ถามดูเฉยๆ อยากจะสมทบทุนให้แกเอาไปต่อเงินด้วยซ้ำ"
สารภีควักเงินที่พกไว้ออกมา แกล้งทำกรีดให้ดูเบาๆ
"อยากได้ไหมล่ะ ฉันให้หมดเลยนะ"
อึ่งตาวาว เกิดความโลภ แต่ยังเอะใจอยู่
"คุณ...คุณสารภีจะมาให้อึ่งทำไมคะ"
"ฉันอยากถามอะไรนิดหน่อย ถ้าแกตอบได้ มันก็จะเป็นรางวัลของแก"
สารภีโบกปึกเงินในมือ อึ่งกลืนน้ำลาย อยากได้มาก

สารภีเดินออกมาทางหลังบ้านตามหานายเชต เห็นรถยนต์จอดอยู่สภาพเปียกๆ เหมือนมีคนล้าง
"นายเชต"
สารภีมองหาไม่เจอ เดินไปดูรอบๆ คันรถ แต่ก็ไม่เจอ พอหันมาอีกทีก็ตกใจแทบสิ้นสติ เพราะเชตยืนอยู่เกือบประชิดตัวในสภาพเปลือยท่อนบน เนื้อตัวเปียก
"ว้าย ไอ้บ้า"
"คุณสารภีนี่ขวัญอ่อนจริงๆ นะครับ"
เชตยิ้มเจ้าชู้ใส่ ทำเป็นลูบเนื้อลูบตัวอวดเรือนร่าง อ่อยสารภี
"มาเรียกหาผม จะให้รับใช้อะไรหรือเปล่าครับ"
สารภีเผลอมองเชต เคลิ้มๆ แล้วรู้สึกตัว รีบเมินหนีวางท่า
"แกไปใส่เสื้อผ้าเสียก่อน แล้วตามไปคุยกับฉันตรงโน้น"
"ทำไมล่ะครับ หรือคุยกับผมในสภาพนี้แล้วคุณสารภีไม่มีสมาธิสั่งงาน"
"แกนี่มันลามปามจริงๆ"
เชตหัวเราะ ยักไหล่แบบไม่ถือสา รู้ว่าสารภีก็ชอบให้อ้อล้อ
"ที่ให้แกไปแต่งตัว เพราะฉันจะให้แกออกไปข้างนอก"
"คุณสารภีจะไปไหนหรือครับ"
"ฉันไม่ได้ไป แต่แกต้องไป"
เชตทำหน้าแปลกใจ

เช้าต่อเนื่องมา นายไหลลากรถที่มีลำเจียกนั่งออกไปตามถนน เชตซุ่มอยู่บนรถสามล้อใต้ต้นไม้ สวมหมวกปิดๆ หน้า แต่งตัวดูดีหน่อย ไม่ให้ลำเจียกกับนายไหลจำได้ มองตามรถไป
"ตามรถลากคันนั้นไป"
คนถีบสามล้อออกรถพาเชตไปห่างๆ

นายไหลลากรถพาลำเจียกมาจอดอยู่ที่นอกรั้วบ้านเก่าของลำเจียกเอง ลำเจียกค่อยๆ ลงจากรถ ไปเกาะรั้วมอง แต่ไม่เห็นมีคนอยู่
"ฉันอยากกลับบ้านเหลือเกิน ฉันคิดถึงที่นี่ คิดถึงวันเก่าๆ"
ลำเจียกน้ำตาไหลร่วงพรู นายไหลมองอย่างสงสาร
"ฉันอยู่ที่บ้านนพรัตน์ต่อไปก็เหมือนเป็นส่วนเกิน"
"นี่คุณลำเจียกมีปัญหากับคุณหลวงท่านใช่ไหมครับ"
ลำเจียกน้ำตาไหล
"คุณหลวงท่านไม่รักฉันแล้ว"
"ไม่จริงหรอกครับ ผมเชื่ิอว่า คุณหลวงท่านยังรักคุณลำเจียกมาก ถึงจะมีภรรยากี่คนก็คงไม่มีใครแทนที่คุณได้"
"คนรักกันเขาจะทำร้ายกันเหรอนายไหล"
ลำเจียกลูบแก้มตัวเองที่มีรอยแดงๆ จางๆ

เชตนั่งรถเข้ามาใกล้ๆ ลอบมองทั้งสอง
"มันคุยอะไรกันวะ"
เชตอยากเข้าไปดู ใกล้ๆ เลยรีบจ่ายเงินให้คนขับสามล้อ ลงจากรถ เดินลัดเลาะๆ เข้าไปแอบฟังใกล้ๆ

นายไหลเห็นลำเจียกร้องไห้ ก็ตัดสินใจหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองออกมา ยื่นให้ลำเจียกซับ
"นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นครับ ทำไมต้องถึงขนาดลงไม้ลงมือกัน ผมว่าคุณหลวงท่านต้องไม่ได้ตั้งใจแน่ๆครับ"
"จะตั้งใจหรือไม่ แต่คุณพี่ก็ทำมันลงไปแล้ว"
ลำเจียกซับน้ำตา แล้วลูบท้องตัวเอง
"ลำพังตัวฉันคนเดียวไม่เท่าไรหรอก แต่นี่ฉันกำลังจะมีลูก ฉันไม่อยากให้ลูกต้องเกิดมาในสภาพที่พ่อไม่ดูดำดูดี"
นายไหลพอรู้ว่าลำเจียกมีลูกก็ตกใจ
"แล้วนี่คุณหลวงท่านรู้ไหมครับว่าคุณลำเจียกท้อง"
ลำเจียกพยักหน้าแล้วลูบท้องไป น้ำตาก็ไหลไปเรื่อย นายไหลพลอยเศร้าไปด้วย
"คุณลำเจียกอย่าเพิ่งคิดมากเลยครับ ผมว่ายิ่งคุณหลวงรู้ว่า คุณลำเจียกมีลูกให้ท่าน ท่านต้องกลับมารักและใส่ใจคุณลำเจียกและลูกแน่นอนครับ"
เชตค่อยๆ ขยับเข้ามาที่ต้นไม้ใกล้ๆ ทั้งสอง พยายามแอบฟัง
"ไม่หรอก คุณพี่เปลี่ยนไปมากรู้ไหมนายไหล เธอไม่เหมือนกับวันที่มาขอหมั้นฉันด้วยแหวนไพฑูรย์ แล้วรับปากกับคุณแม่ของฉันว่าจะดูแลฉันอย่างดี คำสัญญาพวกนั้นมันเลือนหายไปหมดแล้ว"
ลำเจียกร้องไห้ต่อไปเงียบๆ ข้างๆ นายไหล เชตพยายามชะเง้อแอบฟัง

เวลาต่อมา สารภีนั่งอยู่กับพิศ มีเชตพับเพียบรายงานอยู่ตรงหน้า
"ผมพยายามเพ่งมองทั้งสองคนว่าถึงเนื้อถึงตัวกันหรือเปล่า แต่ก็ไม่เห็นครับ ไอ้ไหลมันยืนห่างเป็นวา เหมือนไม่กล้าจะแตะต้องคุณลำเจียกด้วยซ้ำ"
"ตอนกลางวันแสกๆ มันคงไม่กอดจูบลูบคลำให้เห็นหรอกย่ะ" พิศบอก
"แต่อย่างน้อยเรื่องที่มันเป็นชู้ทางใจกันก็พอเข้าเค้าใช่ไหม"
"ใช่ครับ ผมได้ยินตอนคุณลำเจียกปรับทุกข์ให้ไอ้ไหลฟัง สีหน้าท่าทาง ไอ้ไหลดูเป็นห่วงคุณลำเจียกมากเกินจะเป็นแค่บ่าวแน่นอนครับ ส่วนคุณลำเจียก ถ้าคิดกับไอ้ไหลแค่บ่าว ก็ไม่น่าจะเล่าอะไรให้ฟังมากมายขนาดนั้น"
"แล้วนังคุณลำเจียกมันเล่าอะไรให้ไอ้ไหลฟังบ้าง แกว่ามาสิ"
เชตนิ่งคิด
"ส่วนใหญ่ก็ตัดพ้อเรื่องคุณหลวง อ้อ แต่มีพูดเรื่องแหวนไพฑูรย์ที่คุณหลวงให้ด้วยครับ"
"แหวนไพฑูรย์เหรอ"
"เห็นว่าเป็นแหวนที่คุณหลวงให้คุณลำเจียกวันที่ไปขอมาเป็นเมีย"
"ต๊าย มีด้วยเหรอ ทำไมไม่เห็นคุณสารภีได้ซักวง" พิศบอก
สารภีหน้าคว่ำไม่พอใจ พิศรีบเอาใจ
"คุณสารภีต้องเอ่ยปากแล้วมั้งคะ เดี๋ยวจะเสียหน้า เอาเป็นแหวนเพชรเลยได้ยิ่งดี ไว้ข่มมัน"
"ฉันขอแน่ แต่ก่อนที่จะได้อะไรจากคุณหลวง นังลำเจียกมันต้องสูญเสียทุกอย่างเสียก่อน"
สารภีตาวาวเหี้ยม มีแผนการ

อึ่งจัดห้องเก็บที่นอนให้ลำเจียก จู่ๆ พิศก็เปิดประตูเข้ามาทำลับๆ ล่อๆ
"ทำอะไรนังอึ่ง"
อึ่งตกใจ หันรีหันขวาง
"แกเข้ามาทำไม เดี๋ยวคุณลำเจียกเห็นเข้า"
"นายแกออกไปข้างนอกไม่ใช่หรือไง"
อึ่งชะงัก เพิ่งนึกได้ พิศยิ้มเจ้าเล่ห์
"คุณสารภีให้มาตาม บอกว่ามีเรื่องจะพูดด้วย"
"อีกแล้วเหรอ ฉันไม่มีอะไรจะพูดแล้ว"
"แน่ใจเหรอ... คุณสารภีเธออุตส่าห์ขอเงินคุณหลวงมาตั้งหลายพัน คงจะแบ่งให้แกบ้างกระมัง"
อึ่งชะงัก ตาวาว พิศทำเป็นลอยหน้า

"แต่ถ้าแกไม่อยากไปพบก็ไม่เป็นไร ฉันจะไปเรียนเธอให้"
พิศทำท่าจะออกจากห้อง อึ่งรีๆ รอๆ
"คุณสารภีจะคุยนานไหม เดี๋ยวฉันเก็บห้องไม่เสร็จ"
"ก็รีบไปรีบมาสิ เดี๋ยวฉันทำแทนให้"
อึ่งอึกอัก แต่สุดท้ายก็เห็นแก่เงิน ก็รีบผละออกไป พิศเบ้ปากมองตาม จนเห็นอึ้งพ้นไป
ก็รีบปิดประตูห้อง แล้วตรงรี่เข้าค้นลิ้นชักต่างๆแล้วนึก... ถึงคำพูดของสารภีก่อนหน้านั้น

สารภีเปิดกล่องเครื่องประดับ หยิบแหวนไพฑูรย์ออกมาให้พิศดู
"พลอยไพฑูรย์มันจะออกสีเขียวๆ เหมือนตาแมวแบบนี้ แกไปค้นหามาให้เจอ ถ้าไอ้เชตบอกว่านังลำเจียกไม่ได้สวมติดนิ้ว ก็แสดงว่ามันต้องอยู่ในห้องนั้น"

พิศค้นยุบยิบตามลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้งด้วยความร้อนใจ จนเจอกล่องเครื่องประดับที่ซุกอยู่ เลยรีบหยิบออกมาเปิดหา ในที่สุดก็เจอแหวนไพฑูรย์ วางปนอยู่กับแหวนวงอื่นๆ อีกหลายวง
พิศหยิบแหวนขึ้นมา ยิ้มร้ายกาจ

นายไหลจอดรถส่งลำเจียกที่หลังบ้าน
"คุณลำเจียกอย่าเพิ่งคิดในแง่ลบเลยนะครับ ทำใจให้สบายเพื่อคุณหนูในท้อง ถ้าคุณลำเจียกเป็นทุกข์มาก คุณหนูอาจจะได้รับผลกระทบ"
"จริงสินะ ฉันลืมนึกถึงลูกไปเลย คิดถึงแต่ตัวเอง ขอบใจนะนายไหล ฉันไปล่ะ"
ลำเจียกยิ้มให้นายไหล แล้วลงจากรถเดินเข้าหลังบ้านไป
นายไหลมองตามลำเจียกสุดสายตาด้วยความเป็นห่วงเป็นใย แล้วเตรียมจะหันรถกลับ ก่อนจะชะงักเพราะเห็นพิศยืนอยู่
"จะกลับแล้วหรือพ่อ"
นายไหลงงๆ ไม่รู้จักพิศ
"เอ่อ จ้ะ"
"ดีเลย ฉันกำลังจะเรียกรถไปตลาดพอดี ยังไม่มีใครเรียกพ่อไปไหนใช่ไหม"
"ยังจ้ะ ช...เชิญเลยจ้ะ"
พิศยิ้มพอใจ แล้วรีบขึ้นรถไหลทันที แล้วรอจนไหลหันหลังเตรียมลากรถไป พิศก็หยิบแหวนออกมา
จากกระเป๋าเสื้อ แล้วแกล้งหย่อนลงไปบนพื้นรถ
"อุ๊ยตายแล้ว แหวนใครตกอยู่ตรงนี้เนี่ย สวยจริง ไพฑูรย์เม็ดง้ามงาม"
ไหลที่กำลังลากรถชะงัก รีบหยุด หันมามอง พิศหยิบขึ้นมาให้ดู
"ของพ่อหรือเปล่า"
"ม...ไม่ใช่จ้ะ แต่..."
นายไหลหยิบแหวนจากพิศมาพลิกดู นึกถึงคำพูดของลำเจียก
"คุณพี่เปลี่ยนไปมากรู้ไหมนายไหล เธอไม่เหมือนกับวันที่มาขอหมั้นฉันด้วยแหวนไพฑูรย์ แล้วรับปากกับคุณแม่ของฉันว่าจะดูแลฉันอย่างดี คำสัญญาพวกนั้นมันเลือนหายไปหมดแล้ว"
นายไหลครุ่นคิด รำพึงออกมา
"หรือว่าจะเป็นของคุณลำเจียก"
พิศลอบมองนายไหล ยิ้มพอใจที่นายไหลตกหลุมพราง

หลวงปกรณ์กำลังจิบยาที่สร้อยทองเอามาให้ หันขวับมาอย่างรวดเร็ว
"หล่อนว่ายังไงนะสารภี"
สารภีลอยหน้า
"เมื่อซักครู่สารภีเห็นเจ๊กลากรถอยู่ที่ห้องรับแขก ไล่เท่าไรมันก็ไม่ยอมไป บอกว่าจะมารอพบคุณบนตึกนี้ ไม่ทราบว่าคุณหลวงหรือคุณพี่คนไหนเชิญมันมาหรือเปล่าคะ"
สร้อยทองเห็นหน้าสารภีก็รู้ว่าอีกฝ่ายแกล้งตีหน้าซื่อ ยั่วโมโห เลยแกล้งแหย่เนียนๆ เข้าไปอีก
"เจ๊กลากรถที่ไหน นายไหลหรือ"
"สารภีไม่ทราบชื่อหรอกค่ะ แต่จำได้ว่าเป็นคนที่เข้านอกออกในบ้านเราบ่อยๆ"
หลวงปกรณ์เดือดดาล
"งั้นก็ไอ้ไหลน่ะสิ ไม่มีใครอีกหรอก ! มันกล้าดียังไงถึงเข้ามาเหยียบในบ้านฉัน"
สร้อยทองแอบพอใจที่หลวงปกรณ์ยัวะ แกล้งทำเป็นปราม
"ใจเย็นๆ ค่ะคุณพี่ แม่ลำเจียกคงจะเรียกมันมาใช้งานกระมัง"
"เห็นจะเย็นไม่ได้หรอก ! ไปลักลอบใช้งานกันลับหูลับตาฉันก็เหลือจะทนแล้ว นี่ยังลากมันเข้ามาในบ้าน นับว่าแม่ลำเจียกเหยียบหน้าฉันเกินไป"
หลวงปกรณ์ลุกพรวดออกจากห้องไป
สารภีหันมายิ้มสาสมใจกับสร้อยทองแบบรู้กันแล้วรีบลุกตามออกไป

ลำเจียกลงมาที่ห้องรับแขก เห็นนายไหลยืนรออยู่ด้วยความร้อนใจ
"คุณลำเจียก"
"ฉันกำลังจะเอนหลังอยู่เชียว นายไหลมีอะไรหรือ หรือเมื่อครู่ฉันให้เงินค่าจ้างไม่ครบ"
"มิได้ขอรับ ผมแค่จะเอาแหวนมาคืน"
"แหวน"
"วงนี้ใช่แหวนของคุณลำเจียกหรือไม่ขอรับ"
ลำเจียกรับแหวนมาดู สีหน้าแปลกใจ งงที่ไปอยู่ที่นายไหลได้ยังไง
"ผมได้ยินคุณลำเจียกพูดถึงแหวนไพฑูรย์ พอดีเจอมันตกอยู่ในรถ ก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นวงนี้"
"ตกอยู่ในรถเหรอ มันจะไปตกที่นั่นได้ยังไง ในเมื่อฉัน..."
ลำเจียกกำลังจะบอกว่าไม่ได้พกติดตัวไปข้างนอก แต่เสียงหลวงปกรณ์ดังขึ้น
"ไอ้ไหล ! แกกล้าดียังไงขึ้นมาเหยียบถึงบนตึกนี่"
ลำเจียกกับนายไหลชะงักหันมา เห็นหลวงปกรณ์เข้ามา สีหน้าบึ้งตึง สร้อยทองกับสารภีแอบตามมาห่างๆ
นายไหลตกใจ
"เอ้อ กระผม"
หลวงปกรณ์เห็นอะไรแวววาวในมือลำเจียก
" หล่อนเอาแหวนของฉันมาให้มันทำไม"
ลำเจียกกับนายไหลตกใจ
"ไม่ใช่นะคะคุณพี่"
ปกรณ์ไม่ฟังแล้ว โมโหหน้ามืด
"นี่เรียกมันเข้ามาในบ้าน เพื่อจะลักลอบเอาของกำนัลมาให้กันนี่เองหรือ ค่าแรงลากรถมันคงจะแพงมากล่ะสิ ไอ้ชายชู้ "
หลวงปกรณ์พูดจบก็ชกนายไหลโครม ทุกคนตื่นตะลึงตกใจ
"คุณพี่ !"
นายไหลนอนกองกับพื้นยังตกใจอยู่ หลวงปกรณ์ตามไปกระทืบ
"แกกล้ามากนะที่เข้ามาหมิ่นฉันถึงที่นี่ ถ้าฉันเอาแกไว้ ฉันก็ควายดีๆ นี่เอง"
หลวงปกรณ์เข้าไปกระทืบนายไหล นายไหลโดนเตะคว่ำไปอีก เลือดไหลออกปาก
สร้อยทองกับสารภียืนมองดูหลวงปกรณ์เล่นงานนายไหลอย่างหวาดเสียว แต่ไม่กล้าเข้าไปยุ่ง
อีกด้านพวกคนใช้โผล่มาแอบมอง สีหน้าตื่นตระหนก แต่มีลำเจียกคนเดียวที่พยายามห้าม
"คุณพี่ อย่านะคะ"
หลวงปกรณ์ไม่ฟังเข้าไปซ้ำ นายไหลตั้งหลักได้ รีบยกมือไหว้หลวงปกรณ์
"คุณหลวงกำลังเข้าใจผิดนะขอรับ"
"แกจะแก้ตัวยังไง ฉันก็ไม่ฟังทั้งนั้น วันนี้ฉันจะเอาเลือดชู้อย่างแกมาล้างตีน ไอ้ไหล"
หลวงปกรณ์เตะหน้านายไหล ลำเจียกร้องกรี๊ด วิ่งเข้าไปรั้งแขนหลวงปกรณ์
"คุณพี่ อย่าคะ ! พอแล้ว"
"นี่หล่อนปกป้องมันหรือแม่ลำเจียก ! รักไอ้ชู้นี้มากนักใช่ไหม รักมันนักใช่ไหม"
หลวงปกรณ์เข้าไปเตะซ้ำๆ ใส่นายไหลที่ตัวงอ ลำเจียกร้องไห้สงสารนายไหล พยายามดึงหลวงปกรณ์ออกมา แต่คุณหลวงกำลังคลั่ง ไม่สนใจ พอลำเจียกยื้อยุดมากเข้าก็สะบัดแขนออก ลำเจียกเซถลาล้มไปอีกทางที่พวกบ่าวไพร่ยืนแอบดูอยู่ ทุกคนรีบถลารับ
อ่านต่อตอนที่ 15

กำลังโหลดความคิดเห็น