ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 12
สร้อยทองเหลือบเห็นไฟในห้องทำงานคุณหลวงเปิดอยู่จึงแอบเปิดประตูแง้มดู เห็นหลวงปกรณ์นั่งคิดอะไรอยู่ ท่าทางเครียดๆ หยิบจดหมายฉบับหนึ่งมาอ่าน
สร้อยทองเห็นหลวงปกรณ์อยู่ในห้องไม่ได้ไปนอนกับเมียคนไหน ก็แอบยิ้มดีใจลึกๆ เธอเห็นว่าหลวงปกรณ์ท่าทางเครียดๆจึงรีบเข้าไปถาม
"ดึกป่านนี้แล้วยังไม่นอน มีเรื่องอะไรรึเปล่าคะ"
หลวงปกรณ์วางจดหมายลง
"แม่สร้อยจะว่าอย่างไร หากเราจะจัดงานเลี้ยงคณะท่านฑูตที่บ้านนี่"
สร้อยทองแปลกใจ
"งานเลี้ยงแขกระดับสูงแบบนี้ทำไมคุณพี่ต้องมาจัดที่บ้านด้วยล่ะคะ น้องเกรงว่าจะไม่สะดวกเอานะคะ"
"ทำไงได้ล่ะ ที่ต้องจัดที่นี่ก็เพราะมีเรื่องการเมืองมาเกี่ยวด้วย พวกตะวันตกเข้าใจว่าคนไทยช่วยเหลือญี่ปุ่นอยู่ เพราะฉะนั้นเราเลยต้องสร้างความเชื่อมั่นให้คนตะวันตกเห็นว่า เรามิได้เข้าข้างใคร ครั้นจะจัดงานที่กระทรวงก็เกรงญี่ปุ่นจะไม่เข้าใจ ทางกระทรวงเลยขอความร่วมมือให้เราจัดเลี้ยงรับรองที่บ้านเพื่อให้สัมพันธไมตรีนี้ต่อเนื่องไปได้"
สร้อยทองรีบออกตัว
"แต่ว่าน้องไม่ถนัดเรื่องรับรองแขกฝรั่งคุณพี่ก็ทราบดี"
"งั้นจะให้แม่ลำเจียกทำเหรอ เธอก็รู้ว่า"
สร้อยทองรีบพูดเสริม
"รู้ว่า เมื่องานเลี้ยงของกระทรวงหนก่อน แม่ลำเจียกทำคุณพี่ขายหน้าต่อหน้าแขกฝรั่งจนแทบแทรกแผ่นดินหนี น้องเชื่อว่าแม่ลำเจียกเองก็ยังอายอยู่ไม่ใช่น้อยเหมือนกันคะ"
"แล้วแม่สร้อยคิดว่าใครกันที่จะเหมาะสมล่ะ"
สร้อยทองคิดๆ
"งั้นก็ให้แม่ดอกแก้วออกงานกับคุณพี่ก็แล้วกันค่ะ"
หลวงปกรณ์ยิ้มทันที ที่สร้อยทองพูดถึงดอกแก้ว
"แม่สร้อยเห็นว่าควรเป็นแม่ดอกแก้วใช่ไหม ฉันก็เห็นตรงกับแม่สร้อยเหมือนกัน ดี..แม่ดอกแก้วยังไม่เคยเจอใครๆ งานนี้จะได้รู้จักคนอื่นๆสักที"
หลวงปกรณ์ยิ้มดีใจ สร้อยทองแอบเสียใจลึกๆเพราะจริงๆแล้วคนที่หลวงปกรณ์อยากให้ออกงาน
แต่แรกก็คือดอกแก้วนั่นเอง
สารภีนั่งอยู่มุมหนึ่งในเรือนรับรอง โกสุมเดินเข้ามาหา
"มานั่งอยู่ทำไมตรงนี้ทำไมไม่ไปนอน"
"สารภีนอนไม่หลับ"
"พรุ่งนี้ต้องไปทำงานไม่ใช่รึ"
"ก็ใช่น่ะสิคะ สารภีถึงได้นอนไม่หลับไงคะ พี่เทพก็หลบหน้าหลบตา และไหนจะต้องไปเจอหน้าเพื่อนพี่เทพอีก โอย....กลุ้ม"
เพิ่มพูนเดินออกมาได้ยินพอดี
"ก็ขยันก่อเรื่องนักนี่ เค้าจะเกลียดเอาหมดทั้งบ้านแล้วเรื่องพ่อเทพยังไม่ทันจะข้ามวันดันไปยั่วโมโหคุณลำเจียกเค้าให้อีก พอกันทั้งลูกทั้งแม่ หัดอยู่เฉยๆเป็นบ้างไหม"
"อยู่เฉยก็ไม่ก่อประโยชน์อะไร มีเรื่องแบบนี้สิดี"
"มันดียังไง"
"เอ๊า....ก็ได้เห็นได้รู้อะไรเพิ่มขึ้นน่ะสิ อย่างน้อยก็ได้รู้ว่า นังลำเจียกมันคุ้มดีคุ้มร้าย แหย่นิด แหย่หน่อยก็เป็นเรื่องได้"
"ระวังจะแกว่งปากหาเสี้ยนเข้าให้หรอก"
เพิ่มพูนรำคาญเดินหนีออกไป
"เช๊อะ !!ไม่มีทาง พูดแล้วอดขำไม่ได้จริงไม๊ลูก"
สารภีนิ่งๆ โกสุมพูดต่อ
"นี่อย่าไปกลุ้มนักเลย บางทีพ่อเทพเค้าอาจลืมๆไปแล้วก็ได้ลูก"
"ถ้ามันเป็นแบบนั้นก็ดีน่ะสิ"
สารภีคิดหนัก
สร้อยทองนั่งดูเข็มกลัด อยู่ที่หน้าโต๊ะกระจก ศรียกตระกร้าผ้าจากด้านในจะออกไป สร้อยทองเรียก
"แม่ศรี"
"คะคุณ"
"คุณหลวงจะจัดงานเลี้ยงที่เรือนอีกครั้ง"
"งาน งานอะไรคะคุณ ก็เพิ่งจัดไปแม่บๆนี่เองนี่ค่ะ"
"งานเลี้ยงรับรองท่านฑูตน่ะ คุณหลวงจะจัดงานที่บ้านจะได้แนะนำให้ แขกในงานได้รู้จักแม่ดอกแก้วในฐานะเมียอีกคน"
ศรีเห็นสีหน้าสร้อยทองดูออกว่าน้อยใจ ศรีสงสารบ่นพึมพำ
"โถ..คุณของศรี"
"เรียกทุกคนมาให้ทีฉันจะแบ่งหน้าที่ให้ทุกคนช่วยกันจัดการรวมทั้งแม่ลำเจียก กับแม่ดอกแก้วด้วย"
ยามเช้าที่โรงพยาบาล สารภีเดินมองหาเทพไท เห็นพยาบาลจับกลุ่มซุบซิบกัน สารภีเดินเข้าไปถาม
"เห็นคุณเทพไทไม๊"
พยาบาลที่กำลังจับกลุ่มอยู่สั่นหัว พอสารภีเดินผ่านไปก็เมาท์กันต่อ ชี้มือที่สารภี สารภีหันมองทุกคนแยกย้ายไป
สารภีเดินไปอีกหน่อยก็เจอกับโชคชัย ทศที่คุยกันกับจ้าหน้าที่อีก 2-3 คน สารภีปั้นหน้ายิ้มทักทาย
"สวัสดีค่ะคุณโชคคุณทศ พี่เทพอยู่ห้องตรวจใช่ไม๊คะ"
สารภีจะเดินเข้าไปหาเทพไทในที่ห้องตรวจ แต่โชคกับทศก้าวมาขวางไว้
"มีอะไรเหรอคะ"
"คือ..ไอ้เทพกำลังทำงานอยู่ สั่งไว้ว่าห้ามใครรบกวนน่ะครับ" โชคชัยบอก
"แต่นี่สารภีนะคะ"
"โดยเฉพาะคุณ ดูเหมือนว่าไอ้เทพมันไม่มีอะไรจะพูดคุยกับคุณนะครับ" ทศบอก
"กลับไปเถอะครับ"
โชคชัยกับทศยืนกันสารภีไว้ไม่ให้เดิน สารภีมองเจ็บใจ
"สารภีต้องคุยกับพี่เทพให้รู้เรื่องค่ะ"
สารภีเดินผ่านทั้งสองคนออกไปที่หน้าห้องตรวจ
"เฮ้ย.."
สองคนโพล่ง มองหน้ากันสารภีที่เดินตรงไปที่หน้าห้องตรวจ
สารภีหน้าเครียด พยายามบอกกับตัวเอง
"เอาน่าสารภี ทำๆไปเถอะ ยังไงก็ต้องทำเพื่อทุกคนอยู่แล้วนี่"
สารภีหลับตาสูดหายใจลึกๆ พอลืมตา เทพไทก็ออกจากห้องตรวจมา เจอสารภีรอดักอยู่
เทพไทไม่มองหน้าเดินหนีไปเลย
"พี่เทพ! อย่าทำแบบนี้กับน้องได้ไหมคะ"
เทพไทชะงักแต่จะเดินไปต่อ สารภีคว้าเสื้อกาวน์ไว้
"พี่เทพ!"
เทพไทสะบัดตัวตัวใส่ หันหน้าเผชิญหน้ากับสารภี
"ต้องการอะไร"
"สารภีทำผิด สารภีก็สำนึก ขอโทษไปแล้ว ใจคอพี่เทพจะไม่ให้อภัยสารภีเลยเหรอคะ" "พี่ให้อภัย แต่ขอให้ต่างคนต่างอยู่ ต่อไปนี้ถ้าไม่ใช่เรื่องงาน เราไม่ต้องเกี่ยวข้องกัน"
เทพไทหันหลังให้เดินไป
"เพราะมันใช่ไหม! เพราะนังดอกแก้วใช่ไหม"
เทพไทชะงัก สารภีเดินไปขวางหน้าไว้
"พี่เทพมีใจให้มัน ทั้งๆ ที่มันเป็นแม่เลี้ยง สารภีเข้าใจถูกใช่ไหมคะ"
"เธอจะเข้าใจยังไง มันก็เป็นเรื่องของเธอ ไม่ใช่เรื่องที่พี่ต้องเข้าไปยุ่ง"
"ไม่ใช่แค่สารภีคนเดียวหรอกนะที่เข้าใจแบบนี้! ใครๆ เขาก็ดูออกกันทั้งนั้นว่า พี่เทพคิดยังไงกับนังนั่น"
"พี่ทำอะไร คิดอะไร ก็เป็นเรื่องของพี่ ส่วนขึ้นอื่นจะเข้าใจยังไงเรื่องนั้น พี่ไม่สนใจ"
"แต่สารภีสนใจ สารภีอยากให้พี่เทพมองสารภีเหมือนที่มองมันบ้าง"
"อย่าขอในสิ่งที่พี่ให้ไม่ได้...และจะไม่มีวันให้"
เทพไทจ้องตาสารภีนิ่งก่อนที่จะหันหลังเดินออกสารภีเหลืออดโพล่งออกไป
"สารภีดีกว่ามันเหนือกว่ามันทุกอย่าง สารภีมีอะไรที่สู้นังนั่นไม่ได้คะ ทำไม่พี่เทพถึงรักสารภีไม่ได้"
เทพไทหยุดกึกหันมาจ้องหน้าสารภี
"ความดีไงล่ะที่เธอขาด ฉันไม่สามารถทำใจให้รักเธอได้หรอกนะ สารภี"
เทพไทเดินไป...สารภีนิ่งอึ้งตัวแข็ง
"ไม่รักสารภี แต่รักนังดอกแก้วนักใช่ไหม"
สารภีมองตาม ช้ำใจ เจ็บใจ น้ำตาไหล
สร้อยทองบอกทุกคนที่โถงรับแขก
"งานนี้ฉันอยากให้ทุกคนช่วยกันดูแลอย่างดีเพราะแขกที่มางานส่วนใหญ่ เป็นแขกบ้านแขกเมืองทั้งนั้น แยกย้ายกันไปทำงานได้แล้ว"
คนงานทยอยออกไป สร้อยทองถามอึ่ง
"ฉันบอกให้เธอไปตามแม่ลำเจียกมา ทำไมถึงยังไม่เห็นหน้าแม่ลำเจียกเลย"
"เดี๋ยวอึ่งจะไปตามคุณลำเจียกอีกทีละกันนะคะ"
อึ่งรีบออกไป เหลือดอกแก้วกับศรี สร้อยทองหันมาสั่งดอกแก้ว
"แม่ดอกแก้ว คุณพี่ต้องการให้ งานนี้เธอเดินรับแขกเคียงข้างคุณพี่เธอจะว่ายังไง"
ดอกแก้วตกใจ
"แก้วต้องออกงานกับคุณหลวงเหรอคะ เออ..ไม่ดีมังคะ แก้วไม่เคยร่วมงานแบบนี้มาก่อนเกรงจะขายหน้าคุณหลวงซะเปล่าๆ นะคะ"
"ขายหน้าตรงไหน ก็แค่ฝึกมารยาทการเข้าสังคมอีกสักนิด ฝึกเต้นรำสักหน่อยมันก็ไม่น่ายากอะไรนี่"
ดอกแก้วอ้ำอึ้ง
"ถ้าเธอติดเพราะเรื่องเต้นรำ ประเดี๋ยวฉันจะให้ มรว.รัศมีดารากับพ่อเทพช่วยสอนเต้นรำให้"
สร้อยทองย้ำ
"เธอเป็นเมียคุณหลวงอีกคน เธอก็ต้องทำหน้าที่เมียที่ดีให้ได้ เป็นอันว่าตามนี้นะ งั้นก็จะไปทำอะไรก็ไปเถอะ"
ดอกแก้วอึ้งๆครุ่นคิดออกไปจากห้อง ศรีเข้ามาคุยกับสร้อยทอง
"แล้วนี่ถ้าคุณลำเจียกรู้ว่างานที่คุณหลวงจะจัดขึ้นครั้งนี้ เธอไม่ได้ออกหน้าเหมือนเมื่อคราวก่อน แต่กลับเป็นคุณดอกแก้วแทน เธอจะไม่อาละวาดเหรอคะ"
ลำเจียกเข้ามาได้ยินพอดี
"มันคืออะไรคะคุณพี่ น้องคิดว่าคุณพี่ให้นังอึ่งไปตามน้องเรื่องงานเลี้ยง เพราะคุณพี่จะให้น้องทำหน้าที่รับแขกกับคุณหลวง แต่ที่น้องได้ยินนังศรีพูดเมื่อกี้ มันคืออะไรกันแน่คะ ทำไมต้องเป็นนังดอกแก้วด้วย"
"แต่ครั้งนี้แขกที่มาร่วมงานเป็นพวกตะวันตก"
"แล้วไงคะ"
"อ้าว..!! เธอลืมไปหรืออย่างไรเมื่อคราวก่อนที่มีงานที่กระทรวง เธอเองมิใช่รึที่แอบหนีไปร้องไห้หลังจากที่ทำคุณพี่ขายหน้าแขกฝรั่งในงานน่ะ"
ลำเจียกนึกเหตุการณ์ที่สร้อยพูดถึงกับหน้าถอดสี ตื่นตกใจ ลำเจียกนิ่งงันไป สร้อยทองปลอบ
"ฉันไม่ได้ตั้งใจจะว่าเธอหรอกนะ ฉันแค่เตือนความจำเธอเท่านั้น คุณพี่ก็คงไม่อยากให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอีกคุณพี่เลยเลือกแม่ดอกแก้วน่ะ"
ลำเจียกสลดไปนิดก่อนจะพูดขึ้น
"แต่เป็นคุณพี่สร้อยก็ได้นี่คะ ทำไมต้องเป็นนังดอกแก้วด้วยล่ะคะ"
"ฉันเองก็ไม่ถนัดกับพวกฝรั่งสักเท่าไหร่หรอกนะ เข้าใกล้ทีไรพาลจะเวียนหัว ให้แม่ดอกแก้วทำแทนน่ะดีแล้วล่ะ"
"อะไรๆก็ดอกแก้ว ก็แล้วแต่คุณพี่จัดการเถอะค่ะ น้องทนไม่ไหวแล้ว น้องขอตัว"
ลำเจียกท่าทางไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่ ออกไป สร้อยทองมองตาม
ลำเจียกไม่พอใจ กลับมาที่เรือน สั่งอึ่ง
"พรุ่งนี้ไปตามนายไหลมาให้ฉันที"
"แต่คุณท่านสั่งห้ามไม่ให้นายไหลเข้ามานะคะคุณ ถ้านายไหลมาหน้าบ้าน คุณท่านต้องเห็นแน่ค่ะ"
ลำเจียกโมโห
"ก็ให้นายไหลมารับฉันที่ประตูด้านหลังสวนสิ อย่าโง่ไปหน่อยเลย"
"ค่ะ ไม่โง่แล้วค่ะ"
อึ่งรับคำออกไป นึกขึ้นได้ แบมือขอเงินลำเจียก
"เอ่อ..คุณคะขอเงินด้วยค่ะ คราวที่แล้วอิฉันก็ต้องแอบๆออกไปเรียกนายไหลกว่าจะตามตัวเจอเล่นเอาเดินจนขาลากเลยเชียวค่ะ คราวนี้ก็ยังไม่รู้จะต้องเดินหาเหมือนครั้งก่อนรึเปล่าค่ะ"
ลำเจียกหันไปหยิบถุงเงิน ที่ปักลายสัญลักษณ์ของบ้านนพรัตน์ส่งให้
"เอาไป"
อึ่งรับเงินตาโต ยิ้มล่าก่อนออกไป
"เจ้าค่ะ"
ลำเจียกหงุดหงิดกับเรื่องของตัวเอง
อ่านต่อหน้าที่ 2
ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 12
บริเวณหน้าโรงพยาบาล เมื่อเวลาเลิกงาน เชตจอดรถรอรับ สารภีเดินออกมาเจอเชต มองหาเทพไท
"คุณเทพยังไม่ออกมาอีกรึ"
"คุณเทพกลับไปแล้วครับ สั่งให้ผมรอรับคุณกลับ" เชตบอก
สารภีแปลกใจ
"กลับไปแล้ว กลับไปได้ยังไงกัน"
"คุณเทพกลับกับเพื่อนๆน่ะครับ"
สารภีเจ็บใจที่เทพไทไม่ใยดีกับตัวเองเลยเชตเปิดประตูรถให้สารภี
"เชิญครับ"
สารภีอารมณ์เสียก่อนจะเข้ารถไป เชตปิดประตูแล้วขับรถออกไป
ภายในรถ เชตแอบมองสารภีทางกระจกมองหลัง เห็นสารภีท่าทางหงุดหงิด มองเชตในกระจกอย่างอารมณ์เสีย
"มองอะไร"
เชตยิ้มๆ
"คุณเป็นคนสวยนะครับ"
" ใครใช้ให้แกพูด"
"ผมแค่อยากบอกให้คุณรู้ว่า บางครั้งอะไรที่ได้มาง่ายๆ มันก็ไม่ท้าทายสำหรับ ผู้ชายบางคนนะครับ"
"แกพูดเรื่องอะไร"
เชตยิ้มๆ
"เรื่องวันก่อนที่โรงแรมนั่น มันเป็นแผนการของคุณใช่ไหมครับ"
สารภีร้อนตัว
"แผนการบ้าบออะไรกัน"
เชตยิ้มๆแบบเจ้าเล่ห์
"แผนแบบนั้นใช้ได้กับคนไม่มีสติเท่านั้นแหล่ะครับ ผู้ชายร้อยทั้งร้อย หากไม่มีใจต่อให้มีโอกาสแค่ไหนเค้าก็ไม่ทำหรอกครับ เหนื่อยหน่อยนะครับยิ่งคุณตามเท่าไหร่ คุณเทพก็จะยิ่งหนีคุณเพราะไม่ไว้ใจ"
"หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ"
เชตอมยิ้มขับรถต่อ
"แกมีหน้าที่ขับรถก็แค่ขับรถ อย่าได้สะเออะมาสอนคนอย่างฉันเข้าใจไหม แกฉลาด แกน่าจะรู้ดีว่าอะไรควรพูดอะไรที่ไม่ควรพูด"
เขตขับรถต่อแต่ก็ยังแอบมอง สารภีหงุดหงิดเจ็บใจ
ในเรือนรับรอง โกสุมนั่งนับเศษเหรียญอยู่ในบ้าน พิศยกสำรับอาหารเข้ามาวางที่โต๊ะ ก่อนจะเดินเข้ามาโกสุม
"คุณคะ"
โกสุมยังนั่งนับเหรียญอยู่
"อืม จัดสำรับไปเลยสิ รออะไร"
พิศยื่นหน้าเข้ามา
"มีข่าวจะบอกค่ะ"
"ข่าวอะไร"
"คุณสร้อยทองประกาศว่าจะจัดงานเลี้ยงใหญ่ที่บ้าน เป็นงานของคุณหลวง จะเชิญแขกเหรื่อมากมาย ทั้งท่านทูตเอย ท่านปลัดกระทรวงต่างๆ"
โกสุมยังไม่สนใจเท่าไหร่
"แล้วไง จัดก็จัดไปสิบ้านเค้านี่"
"มันไม่เท่านั้นสิคะ ได้ข่าวว่าคุณหลวงท่านจะเปิดตัวแม่ดอกแก้วด้วยค่ะ"
โกสุมตาโต
"เปิดตัวเชียวรึ"
"ใช่ค่ะ ใจคอคุณหลวงกะจะประกาศให้ทุกคนรับรู้ว่าแม่ดอกแก้วเป็นเมียออกนอกหน้านอกตาแหง๋ๆเลยค่ะ มีหวังงานนี้คนได้รู้จักแม่ดอกแก้วกันทั้งพระนครแน่เชียวค่ะ"
โกสุมนิ่งคิดไปสักพักแล้วคิดได้
"รู้กันทั่วพระนครงั้นรึ ถ้าในวันนั้นเป็นวันเปิดตัวแม่สารภีกับเทพไทก็ดีสินะ จริงๆข่าวคงแพร่สะพัดไปไกลแน่ๆ"
พิศพูดลอยๆ
"เค้าไม่รักไม่หลงมันก็ต้องทำให้เค้ารักเค้าหลงก่อนไม๊คะ"
โกสุมหยุดกึก
"เอ๊ะนังนี่นี่ ฉันแค่คิดเฉยๆ"
"พิศก็พูดเฉยๆเหมือนกันค่ะ ว่าก็ว่าไปนะคะ เวลานี้จะมัวมารอให้รักให้หลงมันช้าไปแล้วค่ะเดี๋ยวนี้เค้าต้องทำเสน่ห์กันแล้วค่ะเร็วดี"
"ว๊าย..นังบ้าคิดออกมาได้ไปเลยไปจัดสำรับเลย"
พิศขำๆเดินออกไป โกสุมนิ่งคิดที่พิศพูดเมื่อครู่
เย็นต่อเนื่องมา ศรีเดินถือกระเป๋าเดินนำคุณหลวงที่เพิ่งกลับจากงานเข้ามาที่โถงรับแขกน้อย
สร้อยทองรอรับ
"ดื่มน้ำมะตูมเย็นๆสักหน่อยนะคะจะได้ชื่นใจ"
"ขอบใจมาก"
หลวงปกรณ์ ยิ้มๆรับมาดื่ม นั่งพิงเก้าอี้
"น้องจัดแจงหน้าที่ให้คนงานในเรือนหมดแล้วนะคะ ส่วนแม่ลำเจียกก็คงช่วยดูแลเรื่องอาหาร ตอนนี้ก็ช่วยกันเตรียมงานแต่เนิ่นๆ วันงานจะได้ไม่ขายหน้าแขกเหรื่อที่มางาน"
"เอ่อแล้วดอกแก้วล่ะ"
"แม่ดอกแก้วยังไม่เคยเข้างานสังคมแบบนี้ยังต้องฝึกอีกหลายๆอย่างรวมถึง เต้นรำด้วย น้องเลยวานให้พ่อเทพช่วยสอนเต้นรำให้ดอกแก้ว"
หลวงปกรณ์อึ้ง!!
"ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะคุณพี่ น้องชวนหนูรัศมีดารามาช่วยด้วยอีกแรง รายนั้นเค้าเก่งทุกด้าน จะได้ช่วยฝึกแม่ดอกแก้วอีกแรง แล้วอีกอย่างพ่อเทพกับหนูรัศมีก็จะได้ใกล้ชิดกันด้วยคะ"
คุณหลวงฟังสร้อยทองแอบโล่งอกเบาๆ สร้อยทองแอบสังเกต
"ก็ตามแต่แม่สร้อยจะจัดการเถอะนะ ฉันเชื่อมือแม่สร้อยอยู่แล้ว"
คุณหลวงยิ้มให้ สร้อยทองยิ้มรับแต่ในใจครุ่นคิดกังวล
สารภีกลับจากที่ทำงาน หงุดหงิด เข้าบ้านมาก็โยนกระเป๋าไปทาง สะบัดรองเท้าไปทาง
"พิศ พิศ นังพิศขอน้ำหน่อย"
"คร่า"
โกสุมเดินออกจากครัวมาหาลูก
"หงุดหงิดอะไรมาอีกล่ะ คราวนี้เสียงดังเชียวนะ"
"อย่าเพิ่งถามอะไรได้ไม๊คะ สารภีไม่อยากตอบอะไรทั้งนั้น"
โกสุมเห็นสารภีหงุดหงิด พิศยกน้ำมาเสิร์ฟ
"น้ำเย็นๆชื่นใจมาแล้วค่ะ"
สารภีดื่มน้ำ โกสุมหันไปทางพิศพยักหน้าให้ออกไปก่อน พิศรับคำเดินออกไป โกสุมหาจังหวะคุย
"นี่ลูก แม่ไม่ถามก็ได้ ลูกฟังแม่เฉยๆก็พอ"
สารภีนั่งหน้างอๆ
"คุณหลวงจะจัดงานเลี้ยงท่านทูตที่บ้านนี้และก็จะเปิดตัวแม่ดอกแก้วให้แขกเหรื่อได้รู้จัก แม่ว่าถ้าลูกรวบรัดตัดตอนพ่อเทพให้ได้ในวันนี้จะดีมาก คราวนี้พ่อเทพไม่มีทางดิ้นหลุดแน่ แล้วแม่ก็มีแผนการแล้วด้วย"
สารภีหันมาตวาดแม่
"พอสักทีเถอะคะแม่ ตอนนี้พี่เทพเกลียดสารภียิ่งกว่ากิ้งกือใส้เดือนซะอีก หมดความอดทนที่จะต้องบากหน้าให้ใครต่อใครมาดูถูกแล้ว เราไปจากที่นี่ไม่ได้รึยังไงแม่ สารภีไม่อยากอยู่ ไม่อยากอยู่แม่ได้ยินไม๊ สารภีเกลียดๆๆๆ"
โกสุมเห็นลูกสาวอาละวาดพยายามห้ามให้หยุด ด้วยความเหลืออดเลยตบหน้าสารภีฉาดใหญ่
"แกต้องอยู่ที่นี่"
โกสุมเสียงแข็ง
"ไม่ใช่เพราะแกหรอกเหรอที่ทำให้เราทุกคนต้องมาอาศัยเค้าอยู่แบบนี้ แกต้องรับผิดชอบ ไหนแกว่าแกจะทำที่นี่ให้เป็นของแกให้ได้ยังไงล่ะ" โกสุมเอามือจิ้มที่หัวลูกสาว "คิดสิคิด..แค่จับพ่อเทพให้อยู่แค่นี้ทำไม่ได้รึยังไง ฉันล่ะเหลืออดกับแกเต็มทีแล้ว"
โกสุมเดินออกไป สารภีนิ่งเงียบคิดสิ่งที่แม่พูดอื้ออึงในหัวอันสับสน
เทพไทเพิ่งกลับเข้าบ้านมาในตอนกลางคืน เดินเข้าห้องตัวเองแบบเหนื่อยๆ สร้อยทองเข้ามาหาเทพไท
"วันนี้ทำไมกลับมาค่ำล่ะลูก"
"ผมแวะทานอะไรกับเพื่อนๆนิดหน่อยน่ะครับ คุณแม่มีธุระอะไรกับผมรึเปล่าครับ"
"คุณพ่อจะจัดงานเลี้ยงคณะท่านฑูตที่บ้านเรา"
เทพไทประหลาดใจ
"ทำไมล่ะครับ"
"คุณพ่อมีเหตุผลทางบ้านเมืองน่ะลูก"
เทพไทสังเกตหน้าแม่ดูกังวล
"แล้วคุณแม่เป็นกังวลเรื่องอะไรเหรอครับ"
"คุณพ่อจะให้แม่แก้วออกงานเคียงคู่กับท่านน่ะ"
เทพไทอึ้งไปนิด
"แต่แม่แก้วยังไม่เคยได้ออกงานใหญ่ๆแบบนี้เลย แม่เกรงว่าจะตระเตรียมตัวไม่ทัน ที่แม่มาหาลูกก็เพราะมีเรื่องอยากจะรบกวนลูกหน่อย"
"เรื่องอะไรเหรอครับ"
"แม่จะรบกวนหนูดารารัศมีมาช่วยสอนมารยาทตะวันตกให้ดอกแก้ว รวมทั้งอยากให้เธอช่วยสอนเต้นรำให้กับแม่ดอกแก้วด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแม่ก็อยากให้ลูกช่วยเป็นเพื่อนคอยดูแลหนูรัศมีให้แม่ที
วันสองวันนี้แม่คงยุ่งมากไม่มีเวลาดูแลเธอหรอก"
เทพไทนิ่งไปนิดก่อนรับปากแม่
"เอ่อ ได้ครับแม่"
"ขอบใจนะจ้ะ พรุ่งนี้แม่จะให้นายเชิดไปรับหนูรัศมีมาที่นี่ แม่ฝากดูแลน้องด้วยนะพ่อเทพ"
"ครับ"
สร้อยทองออกไป เทพไทแอบคิดหมั่นไส้ดอกแก้วเดินไปมองรูปภาพวาดดอกแก้ว
เป็นสาวชาวบ้าน
"คุณดอกแก้ว เธอคงรอวันนี้มานานแล้วสินะ"
เช้าวันใหม่ ลำเจียกแต่งตัวไปวัดเสร็จ หันมองที่ประตูยังไม่มีวี่แววอึ่ง ลำเจียกหงุดหงิดผุดลุกผุดนั่ง จนอึ่งวิ่งหน้าแป้นเข้ามาบอก
"คุณคะ นายไหลมารอรับแล้วค่ะ"
"ทำไมมาช้ากว่าที่นัด แกนัดผิดเวลาใช่ไหม"
"เปล๊า เปล่านะคะ คุณให้นัดเวลาไหนอิฉันก็นัดเวลานั้น แต่นายไหลมาช้าเองนะคะ"
ลำเจียกไม่อยากต่อความ
"แล้วไหนของถวายเพลล่ะ"
"อิฉันเตรียมไว้แล้วค่ะ"
อึ่งยิ้มเอาหน้า ลำเจียกเดินออกไปสีหน้าหงุดหงิดฉุนเฉียวเช่นเดิม อึ่งเกาหัว
อ่านต่อหน้าที่ 3
ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 12 (ต่อ)
ลำเจียกเดินผ่านมุมตึกแบบรีบร้อน สร้อยทองที่ดูแลบ่าวปัดกวาดเช็ดถูอยู่ มองเห็นลำเจียก
ผ่านไป สร้อยทองมองตาม ลำเจียกเดินมาถึงที่รถสามล้อที่จอดรอหลังบ้าน
ลำเจียกมีท่าทีเซ็งๆ ยืนรออึ่งอยู่ นายไหลสังเกตเห็นท่าทีที่หดหู่นั้น สร้อยทองเดินตามมาหยุดมองอยู่ไกลๆ
"คุณไม่สบายใจเหรอครับ"
ลำเจียกพยักหน้า
"หน้าฉันมันฟ้องอย่างนั้นเลยรึนายไหล"
"เวลาที่ใจของคุณไม่มีความสุขสีหน้าของคุณมันก็เป็นแบบนั้นแหล่ะครับ"
ลำเจียกยิ้มนิดๆ
"คงมีแต่เธอที่สนใจสีหน้าของฉัน... แต่บางคนแม้แต่หน้าฉัน เค้ายังไม่เคยมองด้วยซ้ำไป"
ไหลรีบเปลี่ยนเรื่อง
"เอ่อ..เราไปวัดเดิมใช่ไหมครับ" ลำเจียกพยักหน้า "งั้นขึ้นรถเถ่อะครับแม่อึ่งมาโน่นแล้ว"
อึ่งถือตระกร้าถวายเพลพระเข้าตามมา นายไหลยืนช่วงท่อนแขนเป็นหลักให้ลำเจียกเกาะ
ขึ้นนั่งบนรถสามล้อ สร้อยทองมองนิ่ง อึ่งส่งตระกร้าให้ลำเจียกถือ
"ของถวายพระค่ะ"
ลำเจียกรับมาถือวางบนตักบอกไหล
"ไปนายไหล"
ไหลขึ้นรถถีบ ทั้งคู่ออกไป อึ่งยิ้มๆมองตามก่อนออกไป สร้อยทองมองที่อึ่ง
อึ่งเดินกลับจากส่งลำเจียกที่หลังบ้าน เดินลัดเลาะมาตามสวนดอกไม้ อึ่งได้กลิ่นเหม็นเน่าโชยมา
"กลิ่นอะไรเหม็นๆ"
อึ่งสูดดมไปตามกลิ่นเดินเข้าไปจนเข้าไปใกล้แปลงดอกไม้ของดอกแก้วเหม็นจะอ้วก
"แหว่ะ ...กลิ่นอย่างกับซากศพ"
อึ่งเพ่งมองเห็น เห็นกระดูกท่อนข้อมือโผล่มาพ้นดินที่โดนหมาคุ้ยขึ้นมา อึ่งหาไม้เขี่ยๆดูเห็นเป็นท่อนมือมีลักษณะคล้ายนิ้วมืออึ่งร้องกรี๊ด
"อ๊าย !!! ศพผีๆๆ"
อึ่งวิ่งโวยวายออกมา สร้อยทองมองตามที่อึ่งวิ่งหน้าตั้งออกมา
เสียงอึ่งดังนำมาก่อน
"อ๊ายๆ ผี ช่วยด้วย ผีโผล่ ผีๆ"
อึ่งหน้าตาตื่นวิ่งมาที่ครัว ทุกคนเห็นท่าทีอึ่งหันมอง
"อ้าวๆพี่อึ่งวิ่งหนีอะไรมาล่ะ" เข็มถาม
"ผผผผผ ผี ศพผี"
ทุกคนตกใจ อึ่งหอบเหนื่อย
"เดี๋ยวๆพี่อึ่งจะศพหรือจะผีกันแน่ แล้วผีที่ไหนกันนี่มันกลางวันแสกๆนะ" เอี้ยงว่า
"ศพผี ศพผี จริงๆ ข้าเห็นกับตา"
ทุกคนมองอึ่งไม่อยากเชื่อ คงที่นั่งกินข้าวอยู่ห่างๆได้ยิน
"ไหนไอ้ผีที่พี่ว่านะมันอยู่ที่ไหน" เข็มถาม
"มันอยู่ที่สวนดอกไม้ท้ายบ้านน่ะสิ"
ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ท่าทางไม่ค่อยอยากจะเชื่อ คงได้ฟังวางจานลง รีบถอยออกไปจากเรือน อึ่งละล่ำละลักบอกทุกคน
"ข้าเห็นกับตาจริงๆนะ มันเป็นศพคนแน่ๆ มือเป็นมือเชียวล่ะเน่าเหม็นไปทั่วเลย"
ทุกคนมองหน้ากันไม่อยากเชื่อ
"ใครจะมาเป็นศพที่นี่พี่อึ่ง นี่มันบ้านคุณหลวงท่านนะ" เอี้ยงว่า
"นั่นสิ / จะเป็นไปได้ยังไง"
"บ๊ะ.!! ก็ข้าเจอมาจริงๆถ้า พวกเอ็งไม่เชื่อไปดูกับตาเลยข้าจะพาไป"
เข็มบอก
"เอา...ถ้างั้นก็ไปดูกันให้หมดนี่แหล่ะ ไปๆ"
"ตามฉันมา"
อึ่งรีบเดินนำทุกคนออกไปยังสวนดอกไม้
อึ่งพาทุกคนมาที่เกิดเหตุ
"นี่แหล่ะ ที่นี่แหล่ะกลิ่นงี้โชยมาแต่ไกล"
ทุกคนพากันสูดดมตามที่อึ่งว่า
"กลิ่นอะไรทำไมไม่เห็นได้กลิ่นเลยล่ะ" เข็มว่า
ทุกคนบอก "เออ..นั่นสิ/ ข้าก็ไม่ได้กลิ่น / ข้าก็ด้วย"
อึ่งสูดดมแล้วก็งงงวยว่า สิ่งที่เห็นก่อนหน้านี้อยู่ตรงนี้ แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว
"หายไปไหนวะ เมื่อกี้ยังอยู่ตรงนี้อยู่เลย" อึ่งเดินหาอยู่แถวๆนั้น
เอี้ยงถาม "พี่อึ่งตกลงพี่พาพวกเรามาดูอะไรเนี่ย"
"ก็ดูซากศพไงวะ"
"ไหนล่ะ ไม่เห็นจะมีอะไรเลยเสียเวลาฉันเสียจริงๆ"
"นั่นสิ / ไม่เห็นมีอะไรเลย"
ไม่ไกลกันนักนายคงทำทีไล่หมาออกไป ทุกคนหันมอง
เอี้ยงถาม "นั่นลุงคงทำอะไรน่ะ"
"นั่นไง...ซากศพมันต้องอยู่ตรงไอ้คงแน่ๆ มันถึงทำท่าทำทางรังเกียจที่หมามาคาบ แบบนั้นน่ะพวกเรา"
อึ่งนำทุกคนเดินกรูไปที่นายคง
"อยู่นั่นแน่ๆ"
ทุกคนเดินมารุมดูเห็นกระดูกไก่ที่หมาแทะเห็นเป็นตีนไก่ที่มีลักษณะเหมือนมือคน
ทุกคนที่มาดูหัวเราะเยาะอึ่ง
ชาย 1 บอก "ฮ่าๆๆ ศพที่ว่านี่ไงวะ" ชาย1 หยิบตีนไก่ขึ้นมา "ตีนไก่ว่ะ ฮ่าๆๆ"
"เฮ้ย...ไม่ใช่ ข้าเห็นมือผีจริงๆนะ เชื่อข้าสิ" อึ่งยังคงมองพื้นรอบๆแต่ก็แค่กองตีนไก่เท่านั้น
ทุกคนหัวเราะเยาะอึ่ง
"เนี่ยเหรอมือศพ เฮ้ยดูสิๆ ฮ่าๆๆ / น่ากลัวจริงๆด้วย น่ากลัวๆ ฮ่าๆ"
นายคงแอบมองดูอึ่งที่ดูเหมือนจะพยายามมองหาซากศพให้เจอ คนอื่นๆพากันล้อเลียน
"ไปทำงานเห่อะพวกเรา ประเดี๋ยวงานจะไม่เสร็จเอา ไป ๆๆ" เข็มบอก
ทุกคนเดินแยกย้ายไป อึ่งมอง สงสัยไปยังที่ที่เคยมีศพ
"มันหายไปได้ยังไงวะ"
อึ่งสะดุ้งสุดตัว เมื่อมีมือเอื้อมมาแตะ
"อ๊ากก..!! ผ...ผ....ผี"
เมื่อหันมาเห็นว่าเป็นสร้อยทอง
"มาทำอะไรที่นี่รึ นังอึ่ง"
อึ่งถอนใจโล่งอก
"โหย...คุณสร้อยคะ คือ อิฉันเห็นศพค่ะ"
สร้อยทองแปลกใจ
"ศพอะไร"
"ศพคนนี่แหล่ะค่ะ อิฉันผ่านมาได้กลิ่นเหม็นหมือนศพ เลยเดินมาดูแล้วก็เห็นจริงๆ นะคะ เป็นแขนเป็นมือคนเลยล่ะค่ะ"
"ไหนล่ะ อยู่ไหน ทำไมฉันไม่ยักจะได้กลิ่นเลย"
"เอ่อ...ตอนนี้ไม่เห็นแล้วค่ะ"
นายคงเดินหน้าเหี้ยมไล่หมาออกไป
"นี่แม่อึ่ง จะพูดจะจาอะไรดูให้มันดีๆก่อนนะ ทำให้คนแตกตื่นแบบนี้มันไม่ดี อีกอย่างที่นี่กำลังจะมีงานมงคล"
อึ่งจ๋อยๆแต่ยังยืนยันว่าเห็นจริงๆ
"แต่อิฉันเห็นจริงๆนะคะ"
สร้อยทองนิ่วหน้าใส่
สร้อยทองเดินออกไป มองคงที่โค้งรับตอบ อึ่งยืนงงๆสุดท้ายเหลือคนเดียว จึงรีบเผ่นออกจากที่นั่น
รถนายเชิดขับเข้ามาจอด นายเชิดรีบลงจากรถมาปิดประตูให้ หม่อมราชวงศ์ดุจเดือนกับหม่อมหลวงรัศมีดาราลงจากรถ สร้อยทองเดินเข้ามารับกับเทพไท
"สวัสดีค่ะคุณป้า พี่เทพ"
"ไหว้พระเถอะจ้ะ"
"สวัสดีครับคุณน้า"
เทพไทโค้งให้รัศมีดารานิดๆตามมารยาท
"จะจัดงานใหญ่ทั้งที ทำไมจัดกระทันหันนักล่ะคะคุณสร้อย"
"ทำไงได้ล่ะคะ คุณหลวงได้รับคำสั่งจากผู้ใหญ่มาอีกที ตอนนี้ก็เลยรีบตระเตรียมกันยกใหญ่เลยต้องไหว้วานหนูรัศมีมาช่วยนี่แหล่ะค่ะ"
"รัศมียินดีค่ะคุณป้า อยู่บ้านเหงาๆไม่มีอะไรให้ทำอยู่แล้วค่ะ มาที่นี่ดีออกค่ะได้เจอคุณดอกแก้วกับพี่เทพค่อยคลายเหงาได้บ้าง"
"งั้นวันนี้หนูรัศมีคงไม่ทันเหงาแล้วล่ะจ้ะ เพราะต้องสอนมารยาทสังคมตะวันตกให้กับดอกแก้วรวมถึงเต้นรำด้วยจ้ะ"
"สบายมากค่ะคุณป้า เรื่องแบบนี้รัศมีถนัดค่ะ"
สร้อยยิ้มเอ็นดูรัศมี หันไปบอกศรี
"แม่ศรีไปตามแม่ดอกแก้วมาที่เรือนที บอกว่าหนูรัศมีมารอสอนแล้ว"
"ค่ะคุณ" ศรีจะเดินไปรัศมีดาราห้ามไว้
"ไม่ต้องไปตามหรอกค่ะ เดี๋ยวรัศมีไปหาคุณแก้วเองดีกว่าค่ะ"
"งั้นก็ตามใจ พ่อเทพไปกับน้องทีนะลูก"
"ครับคุณแม่"
เทพไทเชิญรัศมีดาราเดินนำหน้าไป เทพไทเดินตาม สร้อยทองกับดุจเดือนมองยิ้มพอใจ
ดอกแก้วเพิ่งทานยาแก้อักเสบเสร็จ เอี้ยงเดินถือผ้าที่ซักเสร็จแล้วเข้ามาในเรือนดอกแก้ว
"ไปช่วยงานในครัวอยู่เหรอจ๊ะเอี้ยง"
"เปล่าหรอกค่ะ ที่เอี้ยงหายไปนานๆก็เพราะพี่อึ่งน่ะสิคะ เที่ยวพาทุกคนแห่มาดูศพที่แปลงดอกไม้ของคุณ"
ดอกแก้วตกใจ
"ศพอะไร"
"ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ที่แท้ก็แค่กระดูกไก่ที่หมามันลากมาแทะทำเอาทุก คนตื่นตระหนกไปหมดเลย"
"แล้วทำไมพี่อึ่งถึงคิดว่าเป็นศพล่ะจ๊ะ"
"พี่อึ่งบอกกลิ่นเหม็นเน่าคลุ้งเชียวค่ะ จะว่าไปบางทีเอี้ยงก็ได้กลิ่นเหม็น โชยมาเหมือนกันเวลาที่เข้าไปที่สวนดอกไม้"
"อาจจะเป็นกลิ่นของซ่อนกลิ่นก็ได้นะบางครั้งใครไม่ชอบอาจจะเหม็นจนเวียนหัวได้นะจ๊ะ"
เทพไทพารัศมีดารามาที่เรือนดอกแก้ว ดอกแก้วหันมาเห็น
"คุณเทพ"
"คุณรัศมีอยากจะมาหาเธอน่ะ"
รัศมีดาราโผล่พ้นประตูเข้ามา ดอกแก้วแปลกใจ
"สวัสดีค่ะคุณแก้ว"
ดอกแก้วยิ้มรับ
"คุณแม่วานน้องรัศมีให้มาช่วยสอนการพูดคุยกับแขกฝรั่ง การเข้าสังคมแล้วก็การเต้นรำแบบตะวันตกที่เธอต้อง รู้ไว้ในวันงาน"
ดอกแก้วมองอึ้งๆ
อ่านต่อหน้าที่ 4
ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 12 (ต่อ)
ศรีวางน้ำดื่มลงที่โต๊ะเห็นว่าสร้อยทองกับดุจเดือนนั่งคุยกันอยู่
"ทำไมถึงปุบปับจัดงานเลี้ยงขึ้นมาล่ะคะ"
"เหตุผลทางการเมืองน่ะค่ะ ดิฉันก็ไม่ค่อยจะทราบเหมือนกัน รู้แต่ว่าในงานมีแต่ผู้หลักผู้ใหญ่"
"อ้าว แล้วทำไมคุณหลวงถึงให้แม่แก้วออกงานแทนคุณสร้อยล่ะคะ"
"ดิฉันบอกคุณหลวงเองแหล่ะค่ะเพราะดิฉันไม่ถนัดทำเนียมแบบฝรั่ง"
"แล้วแบบนี้แม่ลำเจียกไม่ว่าเอาเหรอคะ"
"ไม่หรอกค่ะ รายนั้นกลัวฝรั่งมังค่ายิ่งกว่าดิฉันเสียอีก"
"จริงเหรอคะ"
"จริงสิคะ รายนั้นไม่ค่อยชอบงานสังคมสักเท่าไหร่ชอบเก็บตัวเงียบๆ"
ดุจเดือนคิดถึงวันที่เจอลำเจียกที่วัด
"แต่ เอ...วันก่อนดิฉันเจอแม่ลำเจียกที่วัดด้วยนะคะ เห็นไปกับผู้ชายคนนึง ท่าทางสนิทสนมกันมากเลยนะคะ นี่ถ้าไม่รู้จักว่าเป็นคุณลำเจียกแห่งบ้านนพรัตน์ล่ะก็ คงจะนึกไปถึงคู่รักที่มาพรอดรักกันแน่ๆเชียว"
สร้อยทองแกล้งพูดเลี่ยงๆให้ดุจเดือนคิดต่อ
"ก็คงเป็นแค่คนรู้จักกันมั๊งคะ"
"งั้นเหรอคะ"
ดุจเดือนยังสงสัย สร้อยทองตาวาว
ฝ่ายลำเจียกถือตะกร้าเปล่าออกจากศาลา นายไหลเดินเข้ามารับตระกร้า ไปถือให้
"คุณลำเจียกจะกลับเลยไหมครับ"
"ฉันยังไม่อยากกลับ"
"ครับ"
นายไหลเดินเอาตระกร้าไปวางที่รถ ลำเจียกเดินไปนั่งมุมสงบๆริมน้ำ
นายไหลเดินเข้าไปนั่งห่างๆ
"นายไหลเคยมีความสุขบางไหม"
ลำเจียกเศร้าๆ
"เคยมีสิครับ ใครๆก็ต้องเคยมี ความสุขกันทุกคนแหล่ะครับ อยู่ที่จะมากจะน้อยต่างกันไป"
"เราจะรู้ได้ยังไงว่านั่นมันคือความสุขแล้ว"
นายไหลยิ้มๆ
"แค่เราสบายใจ มันก็เป็นความสุขได้แล้วล่ะครับ"
ลำเจียกคิดตาม
"งั้นที่ฉันออกมานอกบ้านกับเธอแล้วรู้สึกสบายใจ มันก็คือความสุขสินะ ใช่ไหมนายไหล"
ลำเจียกสบตานายไหลมองลำเจียกอยู่ทุกขณะ สายตานั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ลำเจียกรับรู้ถึงความรู้สึกที่นายไหลส่งผ่าน ลำเจียกละสายตารีบเปลี่ยนเรื่อง
"ขอบใจนะนายไหลที่คอยอยู่เป็นเพื่อนฉันตลอดเวลา ถ้าไม่มีนายไหลสักคนฉันคงไม่รู้ว่าจะไปบ่นเรื่องแบบนี้ให้ใครฟัง"
"งั้นผมก็จะคอยอยู่เป็นเพื่อนคุณในทุกๆที่คุณจะได้ไม่รู้สึกว่า อยู่ตัวคนเดียวแบบนี้ดีไหมครับ"
ลำเจียกขำๆในความคิดซื่อของนายไหลที่ตั้งใจพูดเพื่อให้ลำเจียกสบายใจ แต่จริงๆแล้วมันคือความในใจของนายไหลที่ปรารถนาอยากให้เป็นเช่นนั้นจริงๆ
รัศมีดาราสอนแก้วเรื่องมารยาทต่างๆ ตลอดจนคำทักทายเป็นภาษาอังกฤษขั้นพื้นฐาน สอนการจับมือกับฝรั่ง โดยมีเทพไทเป็นผู้ช่วย ดอกแก้วยืนมือจับทักทาย สองคนสบตากันรู้สึกตัวแล้วดึงมือออก
รัศมีดาราสั่งทำใหม่ สองคนจับมือกันไปมา เอี้ยงเอาของว่างกับน้ำมาเสิร์ฟให้ทุกคนรีแลกซ์กัน
หลังจากกินอาหารเสร็จ รัศมีดาราสอนเต้นรำให้กับดอกแก้ว
" ต่อไปเป็นการสอนเต้นรำค่ะ"
"ไม่เต้นก็ได้ค่ะเพราะแก้วไม่ชอบ"
"ไม่ได้หรอกค่ะมันจัดเป็นธรรมเนียมเค้าเหมือนกันค่ะ เราต้องให้เกียรติคู่เต้นรำที่มาขอเต้นรำกับเราค่ะ งั้นเรามาเริ่มกับจังหวะบีกินดีกว่านะคะจังหวะนี้เป็นจังหวะพื้นฐานง่ายๆค่ะ รัศมีต้องรบกวนพี่เทพเป็นคู่ซ้อมให้คุณดอกแก้วทีนะนะคะ"
เทพไทอึ้งๆ
"พี่เหรอ! น้องรัศมีดีกว่าไหม"
"ฝึกกับรัศมีมันจะเหมือนจริงได้ยังไงคะ คุณดอกแก้วต้องฝึกกับพี่เทพถูกต้องแล้วคะ เร็วสิคะพี่เทพ"
"เอ่อ ก็ได้ครับ"
เทพไทจำต้องลุกขึ้นยืน รัศมีดาราจัดที่จัดทางให้ยืนคู่กับดอกแก้ว แล้วเริ่มสอนตั้งแต่ฝ่ายชาย
มาโค้งขอเต้นรำ ฝ่ายหญิงย่อตัวรับจนเข้าสู่การสอนเต้น รัศมีบรรยายไปสองคนทำตาม
"เริ่มจากการยืน ยืนหันหน้าเข้าหาคู่เต้นรำ ผู้ชาย ยืนหันหน้าตามแนวเต้นรำ ผู้หญิงยืนหันหน้าย้อนแนวเต้นรำ การก้าวเท้าใช้การก้าวเท้าไปข้างหน้าและการถอยเท้าไปข้างหลัง ฝ่าเท้าถึงพื้นก่อนวางราบลงเต็มเท้า เท้าที่รับน้ำหนักตัว เข่าจะเหยียดตึง เท้าที่กำลังก้าวเข่าจะงอสลับกันไปมา สะโพกบิดอย่างเป็นธรรมชาติ และสวยงามจากการถ่ายน้ำหนักลงที่เท้า ศีรษะตรง ลำตัวนิ่ง"
รัศมีบอกทษฎีและให้เริ่มลงมือปฏิบัติ ดอกแก้วเต้นผิดเต้นถูกเหยียบเท้าเทพไทบ้าง สะดุดบ้าง
เทพไทและดอกแก้วได้เต้นรำด้วยกัน บางขณะทั้งสองคนแอบหัวใจพองโตจนลืมว่ามีรัศมีดารา
อยู่ด้วย ทั้งสองคนเผลอมองตากันจนกระทั่งดอกแก้วสะดุดล้ม รัศมีดาราเลยให้แก้วพักก่อน
"คุณแก้วเป็นอะไรหรือเปล่าคะ"
"ไม่เป็นไรค่ะ แต่แก้วขอพักสักครู่นะคะ"
รัศมีดาราลังเลกลัวจะสอนดอกแก้วไม่ทัน
"งั้นเอาแบบนี้นะคะระหว่างนั่งพักรัศมี กับพี่เทพจะเต้นให้คุณดอกแก้วดูละกันค่ะ"
รัศมีเต้นคู่กับเทพไทเป็นตัวอย่างให้แก้วดู เห็นความเหมาะสมของคนทั้งคู่ แอบสะกิดในหัวใจ แก้วมองทั้งคู่ด้วยความเศร้าลึกๆที่ไม่อาจบอกใครได้
เวลาต่อมา หม่อมดุจเดือนยืนรออยู่กับสร้อยทอง เชิดรอขับรถไปส่ง เทพไทพารัศมีดาราเดินกลับมาที่เรือนใหญ่ ดอกแก้วเดินมาส่งด้วย รัศมีดาราเดินเข้าไปหาดุแม่
"เป็นไงเหนื่อยไหมจ๊ะหนูรัศมี" สร้อยทองถาม
"ไม่เหนื่อยเลยค่ะ เพราะนักเรียนของรัศมีน่ารักแล้วก็สอนง่ายด้วยค่ะ จริงไหมคะพี่เทพ"
"เอ่อ ครับ"
ดอกแก้วยิ้มนิดๆตามมารยาท
"แล้วก็อย่าให้ขายหน้าคนสอนเค้าล่ะแม่แก้ว"
ดอกแก้วก้มหน้านิ่งไม่มั่นใจ รัศมีดาราเข้าทาบมือดอกแก้ว
"คุณแก้วเก่งออกต้องทำได้สิคะ พี่เทพอุตส่าห์มาช่วยสอนเต้นรำให้ทั้งที งานนี้คุณแก้วไม่ขายแน่นอนรัศมีรับประกันค่ะ"
รัศมีดารายิ้มแย้มสดใส ดอกแก้วพลอยคลายสีหน้าลงบ้าง
"เอาล่ะงั้นเรากลับกันก่อนดีไหมลูก"
"ค่ะคุณแม่ ไปก่อนนะคะคุณแก้ว สวัสดีค่ะพี่เทพ สวัสดีค่ะคุณ ป้า"
สร้อยทองรับไหว้
"ลานะคะ คุณสร้อย"
สร้อยทองยิ้มรับ เทพไท ดอกแก้วไหว้ดุจเดือน ดุจเดือนเดินไปที่รถ
"พ่อเทพส่งน้องขึ้นรถสิจ๊ะ"
เทพไทเดินไปส่ง แก้วแอบเศร้า สร้อยทองมองตามด้วยหางตา
เย็นต่อเนื่องมา อึ่งกับเข็มกำลังช่วยกันเช็ดถูอยู่แถวหน้าห้องปกรณ์ อึ่งเอาผ้าเช็ดโต๊ะมาฝากเข็ม
"ฉันฝากเดี๋ยวนะ"
"จะอู้งานไปไหนอีกล่ะ"
สารภีเดินเข้ามาในเรือนได้ยินอึ่งกำลังคุยกับเข็ม
"อู้เอ้ออะไรล่ะ" อึ่งกระซิบ "ฉันจะไปรอรับคุณลำเจียกน่ะสิป่านนี้ ยังไม่กลับเข้ามาเลย"
"ตายล่ะเดี๋ยวก็เป็นเรื่องหรอก"
"ก็นั่นน่ะสิ ถ้าคุณหลวงเห็นว่าออกไปกับสามล้อนายไหลล่ะ ก็มีหวังคุณลำเจียกตายแน่ ฉันไปรอคุณเค้าที่ประตูหลังบ้านก่อนนะ"
"เอ่อๆ ไปเหอะ"
อึ่งเผ่นออกไป สารภีหลบมองคิดๆก่อนจะเดินออกมาหยุด เคาะประตูที่หน้าห้องปกรณ์
"เข้ามา"
สารภีเดินเข้ามาหา คุณหลวงแปลกใจ
"มีอะไรรึแม่สารภี"
"ได้ข่าวว่าคุณหลวงจะจัดงานเลี้ยงท่านทูตที่บ้าน สารภีรู้ว่า ครอบครัวสารภีเป็นคนนอก แต่ถ้าคุณหลวงจะให้สารภีรับใช้อะไรก็บอกมาได้เลยนะคะ สารภียินดีคะ"
" ขอบใจนะ เธอคิดมีน้ำใจให้ฉัน ฉันก็ดีใจ เอาเป็นว่า ฉันไม่ใช้งานเธอหนักๆหรอก ฉันจะให้เธออยู่ช่วยพ่อเทพต้อนรับแขกก็แล้วกัน ดีไหม"
สารภียิ้มดีใจ แต่นึกได้รีบหุบยิ้มตีหน้าเศร้า
"เอ่อ..คือ สารภีไม่กล้าออกงานหรอกคะ"
"ทำไมล่ะ"
"สารภีไม่มีชุดที่จะใส่ไปร่วมงานนะสิค่ะ"
หลวงปกรณ์สงสาร หยิบถุงเงินส่งให้กับสารภี
"ฉันเข้าใจสาวๆนะ ฉันให้เอาไปซื้อเสื้อผ้าใส่วันงาน เธอให้นายเชตพาไปก็ได้นะ"
สารภีดีใจรับถุงเงินมา
"ขอบคุณคุณหลวงมากค่ะที่เอ็นดูสารภี แต่สารภีใช้รถจะไม่เป็นไรเหรอคะ แหม..ขนาดคุณลำเจียกไปข้างนอกยังไม่ใช้รถเลย"
"เอ่อ...ที่เธอว่าแม่ลำเจียกไปข้างนอกน่ะไปไหนรึ"
"สารภีไม่ทราบค่ะ ทราบแค่ว่าให้สามล้อมาส่งที่หลังบ้านน่ะค่ะ สารภีขอตัวนะคะ"
สารภีแอบยิ้มร้ายแล้วออกไป คุณหลวงกำมือแน่น
นายไหลถีบสามล้อมาส่งลำเจียกที่หลังบ้าน นายไหลยื่นตระกร้าให้ เป็นจังหวะที่หลวงปกรณ์ราชกิจโผล่มาพอดีเห็นเหมือนสองคนจับมือกัน หลวงปกรณ์เลือดขึ้นหน้า
"แม่ลำเจียก"
หลวงปกรณ์เข้าไปกระชากตัวลำเจียกออกมาข้าวของตกลงพื้น ลำเจียกกับนายไหลตกใจ
"ว๊าย !! อะไรกันคะคุณพี่"
หลวงปกรณ์ผลักนายไหลล้มลงชี้หน้าบอก
"ฉันเตือนแกแล้วว่าอย่าเข้ามาที่นี่อีก"
ลำเจียกรีบห้าม
"อย่าค่ะคุณพี่ นายไหลมาเพื่อพาน้องไปทำบุญที่วัด มันผิดอะไรที่ไหนกันคะ"
หลวงปกรณ์ตวาด
"ผิดสิ หรือหล่อนอยากให้ใครต่อใครเค้านินทาว่าหล่อนสวมเขาให้ฉันรึยังไงกัน"
นายไหลพนมมือขึ้นไหว้คุณหลวง
"กระผมไม่เคยคิดแบบนั้นด้วยความสัตย์จริงนะครับ ผมมาที่เรือนนี้เพื่อรับจ้างพาคุณลำเจียกไปไหว้พระเท่านั้นเอง"
ลำเจียกเห็นหลวงปกรณ์ดูหึงหวงจึงแกล้งยั่วต่อ
"คุณพี่จะสนใจปากนกปากกาไปทำไมกัน ในเมื่ออีกไม่กี่วันคุณพี่ ก็จะจัดงานเปิดตัวเมียคนที่ 3 อยู่ร่อมร่อ เรื่องของน้องมันเรื่องเล็กน้อย อย่าสนใจเลยค่ะ เอาเวลาไปคอยเฝ้าเมียคนใหม่ดีกว่าก่อนที่คนอื่นจะคว้าไปซะ... นายไหลกลับไปได้แล้ว"
นายไหลรีบไหว้ลาขณะที่คุณหลวงยืนอึ้งๆ ลำจียกเดินหนีจากที่นั่น สารภีแอบเห็นผัวเมียทะเลาะตั้งแต่ต้นแอบยิ้มสมน้ำหน้า
สารภีเดินกลับผ่านห้องปรุงยาของสร้อยทอง สารภีเดินเข้าไปดูเห็นว่าสร้อยทองกับศรีกำลังปรุงยา มีศรีคอยช่วย สารภีหยุดที่หน้าประตูแอบมอง
"ยาแม่ลำเจียกที่ฉันปรุงให้เมื่อเช้า แม่ลำเจียกได้กินหรือยัง"
"เห็นนังอึ่งมันว่ากินแล้วนะคะ แล้วนี่ของคุณหลวงจะให้ ศรียกไปให้เลยไหมคะ"
"ไม่เป็นไร ประเดี๋ยวฉันยกไปเอง"
สารภีบ่นพึมพำ
"ปรุงยางั้นเหรอ"
สร้องทองแอบเห็น มองสารภีสายตาดุ พยายามเอาสมุนไพรหลบๆ ก่อนจะเดินมาหาสารภี
"ถ้าจะเข้ามาก็ควรเคาะประตูก่อน ไม่ควรเสียมารยาทแบบนี้นะ"
"ค่ะสารภีทราบค่ะ....พอดีสารภีแค่ผ่านมาเห็นว่าคุณสร้อยกำลังปรุงยาก็เลยอยากเห็นน่ะค่ะ"
"ไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องรู้"
"คุณสร้อยเป็นคนปรุงยาในบ้านนี้รึคะ"
"เธอเจ็บป่วยไหมล่ะ ฉันจะทำให้"
"ไม่เป็นไรค่ะ งั้นสารภีขอตัวนะคะ"
สารภีอออกไปสร้อยทองปิดประตูปัง สารภีมองสงสัย
หลวงปกรณ์ราชกิจนั่งสงบสติอารมณ์อยู่ในห้อง สร้อยทองถือแก้วยาสมุนไพรเข้ามาให้
"ดื่มยาบำรุงสักหน่อยนะคะจะได้ผ่อนคลาย"
หลวงปกรณ์หน้านิ่งๆหยิบถ้วยยาดื่มแก้วยาสมุนไพร สร้อยทองมองดูยิ้มๆ
"วันนี้หม่อมดุจเดือนมาเล่าให้น้องฟังว่าเจอแม่ลำเจียกที่วัดด้วยล่ะค่ะ แม่ลำเจียกนี่ขยันไปวัดได้ทุกวี่ทุกวันเลยนะคะ"
"ไปกับไอ้ไหลนั่นใช่ไหม"
"คุณพี่รู้หรือคะ"
"ทำไมฉันจะไม่รู้ฉันเห็นมันเมื่อกี้ ฉันบอกให้แม่สร้อยห้ามไอ้หมอนี่เข้ามา แล้วทำไมยังเข้ามาได้อีก"
" เอ่อ..คือ"
หลวงปกรณ์ดื่มยาจนหมด แต่ฝังใจเรื่องลำเจียกจึงลุกขึ้น
"คุณพี่จะไปไหนคะ"
"ฉันจะไปหาแม่ลำเจียกคุยให้รู้เรื่องซะที"
หลวงปกรณ์ออกไปจากห้อง คุณหลวงไปหาลำเจียกแทน สร้อยทองมองนิ่งงัน
สารภีออกจากห้องด้วยความสงสัยอยากรู้ถ้วยยาที่สร้อยทองนำมาให้หลวงปกรณ์ พอผ่านห้องยาของสร้อยทองเห็นประตูแง้มๆอยู่ มองซ้ายขวาไม่มีใครจึงแอบเข้าไป
ในห้องยาของสร้อยทอง สารภีเข้ามาในห้องเห็นตัวยาที่เหลือวางอยู่
"ก็แค่สมุนไพร ทำไมถึงต้องทำมีลับลมคมในด้วย"
สารภีมองสมุนไพรตรงหน้ามีอยู่ด้วยกันหลายชนิด สารภีคิดได้ภาพที่เห็นตอนยืนแอบดู
เห็นสร้อยทอง หยิบยาแต่ละชนิดใส่หม้อต้ม
สารภีหันไปหยิบกระดาษแถวๆนั้นมาหยิบตัวยาอย่างละนิดตามที่เห็นสร้อยทองหยิบเอามาใส่
กระดาษแล้วห่อ
" ชักอยากรู้ซะแล้วสิว่ามันเป็นยาอะไรกันแน่"
สารภียิ้มร้ายก่อนที่จะรีบออกจากห้องไป
ที่ตลาด เชตไปส่งสารภีที่ตลาดผ่านร้านเจ๊กหลี
พิศกระซิบบอก
"ร้านนี้แหล่ะค่ะที่ขายยาสมุนไพร"
สารภียิ้ม เชตจะเดินตาม
"นี่นายเชตเดี๋ยวนั่งรอฉันที่ร้านกาแฟตรงโน้นแล้วกัน ฉันจะไปซื้อของใช้ ผู้หญิงสักหน่อย"
เชตยิ้มเจ้าเล่ห์
"ของใช้ผู้หญิง อะไรรึครับ ให้ผมช่วยไหม"
"อย่าสู่รู้ ฉันบอกให้ไปรอที่ไหนก็ไปที่นั่น"
"คร้าบ"
สารภีควักตังค์จากถุงเงินส่งให้
"เอาเงินไป แล้วก็ไปได้แล้ว"
เชตยิ้มแล้วรับเงินเดินออกไป
สารภีมองป้ายร้านยิ้มร้ายก่อนจะเดินหายเข้าไปในร้าน
อ่านต่อตอนที่ 13