xs
xsm
sm
md
lg

ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 8

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 8 
เปลวไฟจากการโหมไหม้ ควันโขมง เสียงชาวบ้านต่างร้องตะโกน "ไฟไหม้ๆ" กันจ้าละหวั่น ไฟลุกโหมสูง เห็นได้ชัดเจนเมื่อมองจากบ้านหลวงปกรณ์ราชกิจ ทุกคนในบ้านแห่กันออกมาดูตรงหน้าตึก ศรีกับเข็มยืนมองดูกับบ่าวที่เรือน

หลวงปกรณ์ สร้อยทอง ลำเจียก เทพไท ลงมาจากตึกเพื่อมองดูเหตุการณ์
ดอกแก้วได้ยินเสียงโหวกเหวกและแสงไฟก็เดินออกมาดูตรงหน้าตึกเช่นกัน
"ลมโหมแรงแบบนี้ท่าจะดับยากเอาการ" หลวงปกรณ์ว่า
หลวงปกรณ์หันไปเห็นดอกแก้วที่ยืนมองอยู่ทั้งที่ตัวเองยังไม่หายไข้ดีก็รีบเข้าไปหา
"แม่ดอกแก้วออกมาทำไม ยังไม่หายไข้ไม่ใช่รึ"
สองเมียมองที่ดอกแก้ว
"ไฟลุกโชนน่ากลัวจังนะคะ ชาวบ้านที่นั่นจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้นะคะ"
หลวงปกรณ์มองดอกแก้วอย่างเอ็นดู ลำเจียกแอบปึ่ง พูดลอยๆ
"ใครเค้าจะมานั่งรอให้ไฟไหม้ถึงตัวล่ะ เค้าก็หนีเอาตัวรอดกันทั้งนั้นล่ะ"
"ถ้าไม่มีจิตที่จะเอื้อเฟื้อใครก็อยู่เฉยๆจะดีกว่า"
หลวงปกรณ์มองปรามลำเจียก สร้อยทองเก็บอาการ เทพไทเป็นห่วงอาการไข้แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกบาดใจที่เห็นพ่ออยู่ใกล้กับดอกแก้ว จึงหาเรื่องออกไปจากตรงนี้ สร้อยทองเห็นเทพไทจะออกไป
"พ่อเทพจะไปไหนล่ะ"
"ผมจะไปดูที่ไฟไหม้น่ะครับ เผื่อมีใครต้องการความช่วยเหลือ"
"อันตรายไปไหมลูก ถ้ามีใครต้องการความช่วยเหลือเดี๋ยวเค้าก็มาตามเองแหล่ะ"
พอดีนางอึ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
" ตายแล้ว ตายแล้ว" ทุกคนหันมองอึ่งที่วิ่งเข้ามา "บ้านที่ไฟไหม้คือโรงพิมพ์ยินดีสาร ตอนนี้ไหม้ลามไปยังตัวบ้านหมดแล้ว...ตายๆๆๆ"
เทพไทและทุกคนตกใจ
สร้อยทองตกใจ
"คุณพระ..! โรงพิมพ์คุณโกสุมหรอกรึเนี่ย...โธ่ถัง"
"งั้นผมขอไปช่วยเค้านะครับคุณแม่"
"จ้ะๆ"
เทพไทออกไป ดอกแก้วมองเทพไทที่รีบร้อนออกไปเมื่อรู้ว่าเป็นบ้านสารภี ทั้งเป็นห่วงทั้งจุกในอก เพราะคิดว่าเขาไปช่วยสารภี
"พ่อเทพเอารถไปเลย เดี๋ยวพ่อจะให้นายชิตพาคนงานชายไปช่วยด้วย"
"ขอบคุณครับพ่อ"
ดอกแก้วสังเกตว่า เทพไทออกไปตัวเปล่าไม่ได้พกผ้าไปด้วย ดอกแก้วออกไปจากที่ตรงนั้นเงียบๆ ไม่มีใครใส่ใจ

ดอกแก้วกลับมาที่เรือน เปิดตู้เสื้อผ้าออก หยิบกล่องใส่ผ้าขึ้นมา เปิดออกหยิบผ้าผืนใหญ่
ออกมา ดอกแก้วมองผ้าในมือนึกถึงเทพไท
"คุณเทพ"
ดอกแก้วรีบผลุนผันวิ่งออกไปพร้อมผ้าในมือ
ระหว่างที่บ่าวไพร่กำลังเปิดประตูรั้ว เทพไทขับรถรอจะออกประตู ดอกแก้ววิ่งมาเกาะประตูรถ
"คุณเทพไทคะ"
เทพไทหันมองเห็นดอกแก้วแล้วแสร้งทำไม่สนใจ
"ไฟไหม้อาจจะมีควันมากนะคะ" ดอกแก้วหยิบผ้าเช็ดหน้ายื่นส่งให้เทพไท "คุณยังไม่มีผ้าปิดจมูก ฉันเอามาให้ค่ะ"
เทพไทเมินไม่สนใจสิ่งที่ดอกแก้วยื่นมา
"ฉันเป็นหมอฉันรู้วิธีเอาตัวรอดจากควันได้ ฉันคงไม่จำเป็นต้องใช้หรอก"
ดอกแก้วยัดผ้าใส่มือของเทพไท เขามองผ้ามือก่อนที่จะมองหน้าดอกแก้ว
"หากไม่จำเป็นสำหรับคุณ ถ้าเยี่ยงนั้นคุณก็ควรจะเตรียมผ้าเผื่อไปให้คุณสารภี คนที่คุณแสนห่วงใยก็น่าจะดีนะคะ"
ดอกแก้วละมือที่ส่งผ้าให้เทพไท เทพไทอึ้งๆ ก่อนรีบร้อนขับรถออกไปสี แต่แอบดีใจที่ดอกแก้วเป็นห่วง
ดอกแก้วได้แต่มองตามด้วยความเป็นห่วง

ทุกคนออกจากไนท์คลับแล้ว นั่งรถมาในย่านถนนท่องเที่ยว
"เลี้ยวแล้วจอดเลย" สารภีบอก
ละออหักมุมจอดรถแบบขวางถนน
"แต่ฉันว่ารถเราขวางคนอื่นเค้าอยู่นะ"
"จอดๆไปเถอะน่า ชั้นหิว ลงไปกินข้าวต้มแค่นี้เอง รถเธอไม่ขวางทางใครตายหรอกน่า ไปเหอะ"
สารภีเปิดรถลงมา ลากละออเดินไปกินข้าวต้มในซอย
มีรถดับเพลิงวิ่งมา แต่ไปไม่ได้เพราะรถละออจอดขวางถนนอยู่
คนขับรถดับเพลิงบีบแตร ปรี๊น...! แต่ไม่มีทีท่าว่าใครจะออกมาแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของรถ
พนักงานดับเพลิงโพล่งถาม
"เฮ้ย รถใครวะ"
ในซอย ละออหันรีหันขวาง ได้ยินคนตะโกนหาเจ้าของรถ จึงสะกิดสารภี
"ฉันว่าฉันไปหาที่จอดใหม่ดีกว่านะ"
"โอย ช่างหัวมันเหอะ จะรีบร้อนไปไหนรอนิดรอหน่อยไม่ได้ ไฟไหม้บ้านหรือไงก็ไม่รู้ รอไปก่อนแล้วกัน ชิส์..!"
สารภีเชิดใส่ ละออเออออตามเพื่อนว่า
บริเวณถนน มีเสียงก่นด่า จากพนักงานดับเพลิง
"ใครกันวะมันช่างจิตใจดำขนาดนี้ คนอื่นเค้าเดือนร้อนไปทั่ว ถ้าโดนกับตัวมึงจะรู้สึก"
รถดับเพลิงถอยกรูด แล้วเลี้ยวออกไปอีกซอย

พนักงานดับเพลิงเพิ่งมาถึงที่โรงพิมพ์ยินดีสาร ก็ช่วยกันลากสายยางฉีดน้ำอย่างโกลาหล
โกสุมยืนโวยวาย มีพิศคอยประคองอยู่ เพิ่มพูนช่วยคนงานดับไฟ ขนของเท่าที่จะทำได้
"มัวทำอะไรกันอยู่ เห็นไหมมันไหม้จะหมดแล้ว เร็วๆสิช่วยกันดับไฟหน่อยเร็ว ฮือๆ" 
"ใจเย็นๆค่ะคุณโกสุมเดี๋ยวเป็นลมเป็นแร้งไปค่ะ" พิศบอก
"ใครจะไปใจเย็นไหว บ้านทั้งหลัง แกไปเลยนังพิศไปช่วยเค้าดับไฟเลยไป๋"
"อ๊าย...ไฟลุกโชนขนาดนี้ พิศเข้าไปไม่ไหวหรอกค่ะ คุณเข้าไปเองเถอะค่ะ"
"อีนังพิศ... ฮือๆๆ ฉันจะทำไงล่ะทีนี้ หมด หมดกัน"
พนักงานดับเพลิงเข้ามาพอดี พิศชี้ให้โกสุมดู
"มาแล้วค่ะ มีคนมาช่วยแล้วค่ะ"
"ทำไมมาเอาป่านนี้ บ้านชั้นวอดวายหมดแล้วเห็นไหม ดู ดูสิ" โกสุมร้องไห้ ฮื่อๆ
พนักงานดับเพลิงบอก "ผมรีบที่สุดแล้วครับแต่มันดันมีรถจอดขวางถนนมาไม่ได้เลยต้องอ้อมมาไกลน่ะครับ"
เสียงพนักงานดับเพลิงวิ่งกรูกันเข้าไปด้านใน
เทพไทขับรถมาถึงที่โรงพิมพ์ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าโรงพิมพ์โดนไฟไหม้อย่างรุนแรง เขารีบลงจากรถและไม่ลืมที่จะหยิบผ้าเช็ดหน้าของดอกแก้วออกไปด้วย
โกสุมดมยาดม พิศบีบนวดให้ โกสุมนึกขึ้นได้ว่าเพิ่มพูนยังไม่ออกมา
"คุณเพิ่ม นังพิศคุณผู้ชายล่ะ อยู่ไหน"
พิศคิดๆแล้วบอก
"ตอนวิ่งออกมา พิศเห็นว่าคุณผู้ชายวิ่งกลับเข้าไปนะคะ"
"กลับเข้าไปรึ" โกสุมใจเสีย "แต่นี่มันนานแล้วนะ คุณเพิ่มยังไม่ออกมาอีกรึ หรือว่า..."
โกสุมเป็นห่วงเพิ่มพูนจะเข้าไป พิศดึงโกสุมไว้
"อย่าเข้าไปค่ะคุณมันอันตราย อย่าค่ะ"
"คุณเพิ่มอยู่ในนั้น ฉันจะเข้าไป คุณเพิ่ม คุณเพิ่ม"
เทพไทวิ่งเข้ามาเจอโกสุมกับพิศ เทพไทรีบเข้าไปหาโกสุม
"คุณน้าครับ"
"พ่อเทพ คุณเพิ่มอยู่ในนั้น ช่วยน้าด้วยพ่อเทพ"
"ครับๆ"
เทพไทมองไปที่กองเพลิง หยิบผ้าเช็ดหน้าของดอกแก้วจากกระเป๋าชุบน้ำตรงถังน้ำข้างๆทางแล้วเอามาพันปิดจมูกรีบวิ่งฝ่าผู้คนที่กำลังขนของออกมา สวนทางเข้าไป
เทพไทมองหาทางเข้าไป พลันได้ยินเสียงตะโกนของเพิ่มพูน
"ช่วยด้วยๆ"
เทพไทมองหาที่มาของสียง เพิ่มพูนถูกล้อมด้วยไฟ เทพไทวิ่งฝ่าละอองน้ำที่ดับเพลิงฉีดเลี้ยงเข้าไปช่วยเพิ่มพูน

เทพไทโพกหน้าเข้าไปถึงตัวเพิ่มพูน
"คุณน้าครับ"
เพิ่มพูนหันมาเห็นเทพไท
"พ่อเทพ ช่วยน้าหน่อยนะ ของ ของอยู่ข้างใน"
เพิ่มพูนจะเดินเข้าไปด้านใน
"ในนี้อันตรายเกินไปออกไปก่อนเถอะครับคุณน้า"
เพิ่มพูนหันกลับมา
"ไม่ เงินฉัน สมบัติของฉัน อยู่ในนั้นฉันจะต้องเข้าไป"
เทพไท อย่าครับคุณน้า
เทพไทเข้ารั้งตัวเพิ่มพูนไว้ เพิ่มพูนดิ้นจะเข้าไปจะเข้าข้างในให้ได้ เพิ่มพูนแรงเยอะดิ้นจนหลุดจากมือ เทพไทรีบวิ่งตามเข้าไป
"คุณน้า"
เทพไทวิ่งตามไปเห็นคานที่อยู่ข้างบนติดไฟกำลังจะหล่นลงมา เทพไทตะโกน
"คุณน้าระวัง"
เทพไทพุ่งเข้าไปคว้าตัวเพิ่มพูนหลบคานที่ร่วงลงมาได้อย่างเฉียดฉิว ทั้งคู่กลิ้งไปอีกทาง หงายหลัง
"คุณน้าไม่เป็นไรใช่ไหมครับ"
เพิ่มพูนกลัวลนลาน
"เราออกจากที่นี่ก่อนเถอะนะครับ"
เทพไทช่วยพยุงเพิ่มพูนออกมา พนักงานดับเพลิงกรูมาฉีดน้ำช่วยอีกแรง

ผ่านเวลา ... ไฟไหม้โรงพิมพ์เหลือแต่ตอ มีควันกรุ่นเป็นระยะ รถดับเพลิงค่อยๆถอยออกไป
เพิ่มพูนนั่งฟุบหน้าลงกับเข่าของตัวเอง ก้มหน้ามองดูเถ้าถ่านโรงพิมพ์ที่อยู่ตรงหน้า...น้ำตาไหล
"โรงพิมพ์ที่ฉันสร้างมากับมือ ทำไมต้องเป็นแบบนี้...ทำไม"
โกสุมหมดสภาพ คร่ำครวญ ร้องฮื่อๆๆ
"บ้านของฉัน ไหม้หมด ไม่มีอะไรเหลือแล้วฉันอยากตาย ฮื่อๆ"
โกสุมตีอกชกตัว ฟูมฟายร่ำไห้ พิศคอยจับมือไม้ของโกสุมไม่ให้ทำร้ายตัวเอง
"อย่าค่ะคุณ อย่าเพิ่งตายค่ะ"
เทพไทช่วยคนงานยกของออกมา มองหา ไม่เห็นสารภี เลยเดินเข้าไปถามพิศ
"เอ่อคุณสารภีไปไหนล่ะครับ ผมยังไม่เห็นเลย"
"คุณหนูออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆตั้งแต่หัวค่ำแล้วล่ะค่ะ"
"คงยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบ้านไฟไหม้หมดไม่เหลือหรออะไรแล้ว ...ฮื่อๆ" โกสุมบอก
เทพไทเข้าปลอบโกสุม
"ใจเย็นๆนะครับคุณน้า อย่างน้อยสารภีก็ปลอดภัยนะครับ"
ตำรวจกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา ในมือถือของบางสิ่งออกมาด้วย แต่ยังไม่ทันพูดอะไร
เพิ่มพูนหันไปเห็นตำรวจรีบปรี่เข้ามาขอแจ้งความ
"คุณตำรวจมันมีคนวางเพลิงโรงพิมพ์ใช่ไหม ลากคอมันมาให้ได้นะครับ ผมจะเรียกเก็บเงินกับมัน มันทำให้ผมชิบหายหมดตัวจนไม่เหลืออะไร"
"เราสำรวจจนทั่วบริเวณที่เกิดเหตุ แต่ไม่พบหลักฐานใดที่จะบ่งบอกว่ามีการลอบวางเพลิง ผมคาดว่า น่าจะมาจะเหตุประมาทเลินเล่อเรื่องเครื่องใช้ไฟฟ้ามากกว่าครับ"
เพิ่มพูนค้านไม่เชื่อ
"จะเป็นไปได้ยังไงกันเพราะก่อนผมปิดโรงพิมพ์ผมตรวจแล้วตรวจอีก ไม่มีทาง"
"นี่เป็นหลักฐานที่เก็บได้จากห้องต้นเพลิงครับ"
ตำรวจมองหน้ากันก่อนจะยกที่หนีบผมขึ้นมา ตำรวจวางที่หนีบผมที่บิดเบี้ยวให้ดู เพิ่มพูนกับโกสุมขยับเข้ามาดูหลักฐานที่ทางตำรวจเก็บได้ เพิ่มพูนมองด้วยความสงสัย
"น่าจะเสียบปลั๊กทิ้งไว้แล้ววางบนกระดาษ มันเลยลามไปทั่ว"
พิศเห็นตาโตนึกออก
"คุณพระ...นั่นมัน..มัน ของคุณสารภีนี่คะ"
พิศตาโตเล่าต่อ
"คุณหนูเข้าไปทำผมในห้องทำงาน แล้วคงจะ.....เอ่อ..ลืม"
โกสุมเอาแต่กรีดร้องเสียงดัง
เป็นเวลาเดียวกับที่สารภีเดินลั้นลาเข้ามาเห็นสภาพบ้านตรงหน้า ช็อกกับภาพที่เห็น ยืนนิ่งงัน
พิศหันไปเห็นสารภี
"คุณหนู"
ทุกคนหันไปมองที่สารภีเป็นตาเดียวกัน สารภีละสายตาจากภาพกองเถ้าถ่านมามองที่ พ่อ แม่ พิศและเทพไท ทุกคนมอมแมมด้วยเถ้าถ่าน หน้าตาโศกเศร้าเสียใจ
"นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะ"
ทุกคนมองสารภีนิ่ง โกสุมปราดเข้าไปตบเข้าให้ฉาดใหญ่
"นังสารภี นังลูกชั่ว"
สารภีเซล้มกองลงกับพื้นด้วยความตกใจ
"แม่...แม่ตบฉันทำไม"
"ตบนี่ยังน้อยไปนะ เพราะแกคนเดียว เพราะแกที่ทำให้บ้านต้องวอดวายแบบนี้ เพราะแก แกทำไฟไหม้บ้านฉันจะฆ่าแก นังลูกทรพี"
โกสุมพูดไป ตามเข้าไปตบตีสารภีเพราะความเสียใจ
"แม่ หยุดนะแม่"
สารภีปัดป้อง เทพไทเข้าห้าม สารภีถอยหลังหนีไปอยู่ข้างที่หนีบผม พลางหยิบที่หนีบผมขึ้นมามองดู เธอนึกถึงตอนที่แม่เข้ามาหา เธอโมโหที่ไฟดับ เลยเดินหนีแม่ไปใช้ไฟที่โรงพิมพ์
สารภีเข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เธอมองพ่อแม่ที่ร้องห่มร้องไห้ คนงานที่ขนข้าวของกัน เสื้อผ้าเปียกปอน รอบกายมีแต่เถ้าถ่านควันไฟ สารภีน้ำตาไหล ช็อกรับไม่ได้ที่เป็นสาเหตุของเพลิงไหม้ในครั้งนี้
"ไม่...ไม่จริง...ไม่.. ม่าย"
สารภีกรีดเสียงสุดท้ายแล้วล้มฟุบลงไป เทพไทรีบเข้าไปประคอง โกสุม เพิ่มพูนหันมองลูกสาวที่ฟุบลงไป
ทุกคนเศร้าโศกเสียใจ ควันไฟเบาๆยังลอยล่องขึ้นสู่ท้องฟ้าสีดำ

กลางคืนต่อมา หลวงปกรณ์ราชกิตเดินเข้าห้องมา เทพไท สร้อยทอง ลำเจียก ตามเข้ามา คุณหลวงเดินตรงเข้าไปหาเพิ่มพูนที่นั่งคอตก หมดอาลัยตายอยาก หลวงปกรณ์เข้าไปตบบ่าเบาๆเพื่อปลอบใจ
"มันเป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีใครอยากให้มันเกิดหรอกนะคุณเพิ่มพูน ในเมื่อมันเกิดขึ้นไปแล้ว จะแก้จะไขอะไรมันคงทำไม่ได้ ผมอยากให้คุณทำใจยอมรับให้ได้ หากเสาหลักยังหนักแน่นมั่นคงที่จะยืนหยัดสู้ ไม่นานเราก็ตั้งต้นได้ใหม่นะ คุณเพิ่ม"
"นั่นสิคะ ถือซะว่าฟาดเคราะห์ไป ดีเท่าไหร่แล้วที่ไม่มีใครเป็นอะไร สิ่งของภายนอก หาเอาใหม่ก็ยังไม่สายนะคะ"
ดอกแก้วมีผ้าคลุมไหล่มาด้วย กำลังช่วยศรีกับอึ่งยกน้ำชาร้อนๆมาเสิร์ฟให้กับทุกคน
โกสุมสะอึกสะอื้น
"หมดสิ้นเนื้อประดาตัวกันก็คราวนี้ เวรกรรมอะไรก็ไม่รู้จู่ๆ พระเพลิงก็มาเผาผลาญจนวอดวายไปหมด"
"ไม่ใช่เวรใช่กรรมหรอก ถ้าจะโทษก็ต้องโทษที่ลูกสาวเธอโน่น"
สารภีที่นั่งก้มหน้านิ่งเงยหน้ามองพ่อไม่ยอมรับ
"มันเป็นอุบัติเหตุนะคุณพ่อ ใครจะไปคิดล่ะคะ จริงๆถ้านังพิศมันไม่ทิ้งงานล่ะก็ มันไม่เกิดเหตุการณ์นี้หรอกค่ะ"
"อ้าว....ก็คุณหนูไล่ตะเพิดพิศออกมาเองนะคะ"
สารภีถลึงตาใส่
"ยังจะมาเถียงฉันอีก"
"พิศไม่รู้ไม่เห็นอะไรด้วยสักหน่อย ความจริงคุณผู้หญิงก็อยู่ด้วยนี่คะ ถ้าจะผิดก็ต้องคุณหนูกับคุณผู้หญิงนั่นแหล่ะค่ะ"
"ฉันไปเกี่ยวอะไรด้วย แค่นี้ฉันก็ใจจะขาดอยู่แล้ว คืนนี้จะซุกหัวนอนที่ไหนยังไม่รู้ เลย...ฮื่อๆ" โกสุมยังสะอึกสะอื้น
ลำเจียกนั่งฟังอยู่นานเริ่มจะรำคาญ
"พอเถ่อะค่ะ เถียงกันไปมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอกค่ะ"
ครอบครัวสารภีหันมองหน้าลำเจียก หลวงปกรณ์ตัดรำคาญ
"เอาล่ะ เรื่องที่หลับที่นอนไม่ต้องกังวลไปหรอก คืนนี้ก็นอนซะที่นี่ก็แล้วกัน" หลวงปกรณ์บอก
ลำเจียกไม่พอใจขึ้นมาทันที
"ที่นี่ไม่ใช่สถานสงเคราะห์ที่ใครๆจะพากันอพยพมาอยู่ก็ได้นะคะ"
หลวงปกรณ์นิ่งขรึม พูดเสียงเรียบ
"ฉันเป็นเจ้าบ้านฉันตัดสินใจเอง" แล้วหันบอกสร้อยทอง "แม่สร้อยช่วยดูห้องหับให้ครอบครัวคุณเพิ่มพูนทีนะ"
ลำเจียกไม่พอใจปั้นปึ่งออกไป อึ่งรีบตามนายไป หลวงปกรณ์มองเมียรองที่เสียมารยาทออกไป สารภีแอบเบะหน้าใส่
สร้อยทองเก็บความรู้สึก จำใจกับสถานการณ์นี้
"ได้ค่ะ...เดี๋ยวฉันจะจัดห้องอีกเรือนนึงให้นะคะ"
สารภีโพล่งขึ้นมาแบบลืมตัว
"อ้าว ! ทำไมต้องแยกไปอีกเรือนล่ะคะ บนตึกนี้ก็มีห้องหับตั้งหลายห้องไม่ใช่เหรอคะ"
โกสุมกับเพิ่มพูนมองสารภีที่ออกฤทธิ์อีกแล้ว แต่ก็ทำได้แค่ส่งสายตาปรามลูก แต่สารภีไม่สนใจ

อ่านต่อหน้าที่ 2


ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 8 (ต่อ)
สร้อยทองเห็นฤทธิ์เดชจึงพูดยิ้มข่ม

"ห้องที่เห็นบนตึกกำลังซ่อมแซมอยู่ เกรงว่าหนูสารภีคงไม่สะดวกเป็นแน่เพราะมีแต่ ฝุ่น ขี้เลื่อย น่ะจ้ะ ฉันว่าไปอยู่ที่เรือนด้านหลังจะดีกว่านะ" สร้อยทองหันไปบอกศรีกับดอกแก้ว
สารภีคิดๆแล้วพูดลอยๆมองไปทางดอกแก้ว
"คงไม่ได้ไปอยู่รวมกับเรือนคนใช้หรอกนะคะ"
สร้อยทองหมั่นไส้ในความมากเรื่องของสารภีเลยเหน็บแนม
"ไม่หรอกค่ะ ที่นี่แยกกันอยู่เป็นส่วนๆอยู่แล้ว นายก็อยู่ส่วนนาย บ่าวก็อยู่ส่วนบ่าว"
สร้อยทองพูดเสร็จหันไปบอกศรี
"แม่ศรีให้เด็กๆไปจัดเรือนนอนให้คุณๆทีนะ"
"เจ้าค่ะ"
ศรีเดินออกไปสั่งบ่าวที่นั่งอยู่หน้าห้องแล้วกลับเข้ามาใหม่
"เอาล่ะมากันเหนื่อยๆไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ พรุ่งนี้จะเอายังไงค่อยว่ากันนะ คุณเพิ่ม"
เพิ่มพูนยกมือไหว้ขอบคุณ
"ขอบคุณในความกรุณาของคุณหลวงมากครับ ผมเองก็ไม่รู้จะไปพึ่งพิงใครที่ไหนได้อีก ญาติพี่น้องรึก็อยู่เมืองจีนซะหมด ขอบพระคุณมากนะครับ"
หลวงปกรณ์ราชกิจตบบ่าให้กำลังใจ
"เราก็แยกย้ายไปนอนกันได้แล้ว"
"เชิญค่ะเดี๋ยวศรีจะพาไปที่เรือนค่ะ"
โกสุม เพิ่มพูน พิศ สารภีลุกขึ้น เทพไทเดินมาตรงดอกแก้ว ดอกแก้วเห็นผ้าที่คอเทพไท แอบดีใจที่เขาใช้ผ้าของตัวเอง
เทพไทยื่นแก้วชาคืนให้ดอกแก้ว
"ขอบใจ"
สารภีหันเห็นเทพไทส่งสายตาให้ดอกแก้วก่อนออกไปจากห้อง สารภีเอากะเป๋าถือของตัวเองฝากพิศไป
"นังพิศฝากด้วยเดี๋ยวฉันตามไป"
สารภีรีบเดินตามเทพไท ดอกแก้วเก็บแก้วเรียงใส่ถาดแอบยิ้มดีใจ

อีกมุมหนึ่ง เทพกำลังจะกลับห้อง สารภีตามมาเกาะแขน
"พี่เทพจะกลับห้องเหรอคะ สารภีไปด้วยค่ะ"
"แต่ห้องที่คุณแม่เตรียมให้สารภีอยู่ทางด้านโน้นนะครับ"
"ทราบค่ะ แต่สารภีอยากคุยกับพี่เทพก่อนนี่คะ ห้องนั้นเป็นไงก็ไม่รู้ ให้คุณพ่อ คุณแม่เข้าไปสำรวจก่อนดีกว่าค่ะ ความจริงสารภีอยู่ห้องเดียวกับพี่เทพก็ได้นะคะ ห้องออกจะกว้างใหญ่ สารภีไม่ถือหรอกค่ะ"
สร้อยทองเดินตามมาได้ยิน นึกรังเกียจหญิงที่คิดจะจับลูกชาย หันไปเห็นดอกแก้วที่เดินตามออกมาจึงว่า กระทบดอกแก้วให้สารภีได้ยิน
"นี่แม่ดอกแก้ว กลับไปเรือนหล่อนได้แล้ว เป็นผู้หญิงอย่าเที่ยวเร่ตามชายให้มันมากเกินงามนัก ประเดี๋ยวจะไร้ค่าเสียเปล่าๆ"
ดอกแก้วก้มหน้าไม่กล้าพูด คิดว่าสร้อยทองต่อว่าตัวเองจริงๆ สารภีมองดอกแก้วเหยียดๆหมั่นไส้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่สร้อยทองพูดนั้น ตั้งใจกระทบถึงตัวเอง
สารภียิ้มดูถูก
" หึ...พวกกิ่งก่าได้ทองก็เป็นแบบนี้แหล่ะค่ะคุณน้า อย่าไปถือสาเลยนะคะ"
ดอกแก้วหลบสายตา สร้อยทองเจ็บใจที่สารภีไม่รู้สึกรู้สาใดๆ ดอกแก้วกำลังจะเดิน
ผ่านไป
"ไปกันเถ่อะค่ะพี่เทพ"
สารภีจะเข้าไปคล้องแขนเทพ สร้อยทองเห็นรีบเดินเข้ามาขวางทำทีเข้าไปจับดูผ้าพันคอเทพไท
"พ่อเทพ ผ้าคล้องคอนี่เอามาจากไหนรึ"
เทพไทอึ้ง มองตาดอกแก้วก่อนจะตอบแม่ไป
"เอ่อ...ผมเก็บได้ครับ แต่ตอนนี้ผ้าสกปรกแล้วเดี๋ยวผมจะทิ้งไปครับ"
"ทิ้งๆไปเถอะ ผ้าพันคอผ้าเช็ดหน้าไหมดีๆมีถมเถไป หาผ้าพื้นๆมาใช้ทำไม ไม่คู่ควรสักนิด"
สร้อยทองกะเหน็บสารภีอีก แต่ดอกแก้วโดนเข้ากับตัวอย่างจัง ถึงกับยืนอึ้ง
"แม่ว่าลูกไปอาบน้ำอาบท่าก่อนจะดีกว่านะ เนื้อตัวมอมแมมหมดแล้ว"
หลวงปกรณ์ออกมา เห็นดอกแก้วยืนหน้าเจื่อนๆรีบเข้าไปหา
"ดอกแก้ว...เป็น
"เอ่อ..เปล่า..เปล่าค่ะ"
ดอกแก้วขยับห่างหลวงปกรณ์เพราะเกรงสายตาคนอื่นมอง
"อ้าว..สารภียังไม่ไปพักผ่อนอีกเหรอ แม่สร้อยจัดการเรื่องห้องหับให้แล้วมิใช่รึ" หลวงปกรณ์ว่า
สร้อยทองตอบแทน
"หนูสารภีกำลังจะไปพอดีค่ะ"
สารภีไม่พอใจเท่าไหร่นัก หลวงปกรณ์ราชกิจพยักหน้า
"อืม แม่ดอกแก้วจะกลับเรือนใช่ไหม ประเดี๋ยวฉัน จะลงไปส่ง"
หลวงปกรณ์ประคองพาดอกแก้วออกไป สร้อยทองเก็บอาการเคืองสามี เทพแอบมองตามดอกแก้ว สารภีจับตาเห็นท่าทีห่วงใยที่เทพไทมีต่อดอกแก้ว

หลวงปกรณ์พาดอกแก้วเดินออกมาจากทุกคน ท่าทางดอกแก้วดูซึมๆจนเจ้าคุณเป็นห่วง เดินมาดักหน้าดอกแก้ว
"เป็นอะไรหรือเปล่าแม่ดอกแก้ว"
"มิได้เป็นอะไรหรอกค่ะ"
ดอกแก้วเบือนหน้าหลบ เจ้าคุณช้อนคางขึ้นมา
"แต่ฉันว่าหน้าเธอดูซีดๆนะ อากาศเย็นๆแบบนี้น้ำค้างจะทำให้เธอไม่สบายได้นะ"
หลวงปกรณ์เอื้อมมือขยับผ้าคลุมไหล่ของดอกแก้วให้มาคลุมศีรษะ เธอซึ้งใจที่คุณหลวงอ่อนโยนต่อเธอ

ฝ่ายลำเจียกมองเห็นหลวงปกรณ์ที่กำลังคลุมผ้าให้ดอกแก้ว ก็ยิ่งช้ำใจยืนมองนิ่งงันไป แล่มจะเดินมาตามดอกแก้วเห็นลำเจียกยืนมองค้างอยู่จึงมองตามแล้วเห็นว่า คุณหลวงอยู่กับลูกสาวตน
จึงยิ้มออกมา เดินปรี่เข้าไปใกล้ลำเจียก
"อุ๊ยตายจริง ไอ้เรารึก็ตามหาลูกสาวจนทั่วเลยทีแท้ก็แอบมากระหนุงกระหนิงกับคุณท่านอยู่นี่เอง... ข้าวใหม่ปลามันก็อย่างนี้แหล่ะนะคะ หุๆๆ"
แล่มยิ้มให้ลำเจียก แต่ในใจจ้องทับถม
"แหม...จะว่าไปหลวงปกรณ์นี่ขยันมาเอาอกเอาใจดอกแก้วเสียจริง อีกไม่นานคงมีลูกกับแม่ดอกแก้วเป็นแน่"
ลำเจียกของขึ้น เลยหันไปว่ากระทบกับอึ่ง
"นังอึ่ง ไปดูทีสิว่าหมามันเห่าอยู่ตรงไหน ฉันรำคาญมันเต็มทนแล้ว ถ้าเจอตัวล่ะก็ ฟาดปากมันสักทีสองทีเผื่อมันจะหยุดเห่า"
อึ่งหันหาเสียงหมาตามที่เจ้านายว่าแต่ก็ไม่ได้ยิน หันมาหยุดที่หน้าแล่ม
"มองอะไร"
อึ่งกวนๆ
"มองหาหมา"
แล่มกวนกลับ
"ที่แกหาฉันเห็นแล้วล่ะ ฉันเห็นหมาหัวเน่ายืนอยู่ตรงนี้ตัวนึง อี๊..ไปดีกว่าเหม็นเน่า"
แล่มแสร้งทำสะอิดสะเอียนล้อเลียน อึ่งหันมาทางลำเจียก
"คุณคะ มันว่าคุณค่ะ"
"ฉันได้ยิน"
ลำเจียกยืนนิ่งกำมือแน่นด้วยแรงโกรธที่ถูกแล่มด่ากลับหน้าหงาย
แล่มหัวเราะขำก่อนจะเดินผ่านไป ลำเจียกยื่นขาไปขัด จนแล่มล้มหน้าขมำไป
"ว๊าย"
ลำเจียกทำไม่รู้ไม่ชี้ อึ่งหัวเราะเยาะขำ
"อ้าวไหง ลงไปคลุกขี้ดินอย่างนั้นเล่า หรือว่าลงไปมองหาอาจม ฮ่าๆๆ"
แล่มมองอึ่งด้วยความโมโห
"หนอย มึงแกล้งกูเหรออีขี้ข้า มึงได้เจอฤทธิ์กูแน่"
แล่มลุกขึ้นได้ตรงเข้าถีบอึ่งที่กำลังหัวเราะเยาะอยู่จนหน้าหงายร่วงลงพื้นไป
"โอ๊ย"
แล่มตามไปคร่อมทับจิกหัวอึ่งขึ้นมาตบฉาดใหญ่
"เห่าดีนักใช่ไหมอีขี้ข้า คนอย่างกูไม่ยอมใครง่ายๆหรอกโว้ย เลือดไม่ออก ยางไม่ตก มึงอย่าหวังว่ากูจะปล่อยมึงเลย"
แล่มตบอึ่งอีกฉาด อึ่งปัดป้องร้องเรียกลำเจียกช่วย
"คุณลำเจียกช่วยบ่าวด้วยค่ะ คุณคะอีหมาบ้ามันจะฆ่าบ่าว"
ลำเจียกลังเลก่อนที่จะเข้าช่วยอึ่ง ผลักแล่มจนเซออกไป
"หยุดนะ"
"โอ๊ย..! อ้อ...อยากจะลองดีอีกคนใช่ไหม ได้..อีแล่มจะช่วยสงเคราะห์ให้"
แล่มรีบลุกขึ้นมาตรงเข้าหา ลำเจียกตกใจร้องลั่น
"อ๊าย"

ดอกแก้วและหลวงปกรณ์ได้ยินเสียงลำเจียกหันไปทางที่มาของเสียง
"เสียงแม่ลำเจียกนี่"
"นั่นน่ะสิคะ คุณหลวงไปดูคุณลำเจียกเถอะค่ะ"
"คงไม่เป็นอะไรหรอก ฉันไปส่งเธอที่เรือนก่อนดีกว่า"
"เรือนอยู่ใกล้แค่นี้เองดอกแก้วเดินกลับเองได้ค่ะ เชิญคุณหลวงเถอะค่ะ"
หลวงปกรณ์ถอนใจ
"แม่ลำเจียกถ้าจะเคยตัวใหญ่แล้ว แบบนี้เห็นทีต้องลงโทษให้จำกันบ้างแล้ว เรื่องเมื่อเย็นก็ยังไม่ได้ชำระความ"
คุณหลวงทำท่าจะเดินออกไป ดอกแก้วเรียกคุณหลวงไว้
"คุณหลวงคะ"
"มีอะไรรึดอกแก้ว"
"คุณหลวงอย่าลงโทษคุณลำเจียกเลยนะคะ คุณลำเจียกน่าสงสารออกค่ะ เธอคงจะเหงาเพราะวันๆนึงคุณลำเจียกก็ลงครัว ดูแลข้าวปลาอาหารให้คนทั้งเรือน หากบางอย่างที่เธอทำแล้วสบายใจไม่นักหนาอะไร แก้วขอให้คุณหลวงเข้าใจเธอเถอะนะคะ"
หลวงปกรณ์ยิ่งเอ็นดูแก้วที่มองคนในแง่ดีไปเสียหมดและเข้าใจคนอื่น คุณหลวงจับมือแก้วอย่างเอ็นดู ยิ้มให้
"จ้ะ"
ดอกแก้วยิ้มให้ปรณ์ก่อนรีบไปดูลำเจียก ดอกแก้วมองตาม

แล่มดันลำเจียกไปติดต้นไม้บีบคอจนตาเหลือก เธอพยายามเรียกอึ่ง
"คิดจะรุมกูเหรอ มันไม่ง่ายหรอกโว๊ย"
อึ่งมองเห็นเจ้านายถูกกระทำ
"คุณลำเจียก.....ปล่อยคุณลำเจียกเดี๋ยวนี้นะ ปล่อย"
อึ่งรีบลุกขึ้นมา รัดคอแล่มลากออกจากตัวนาย ลำเจียกไอแค่กๆเพราะขาดอากาศ
"อีหมาบ้า"
อึ่งเหวี่ยงแล่มลงพื้น แล้วตามไปฟัดกันนัวเนียที่พื้น ในขณะที่อึ่งพลาดท่าถูกแล่มตบอยู่
หลวงปกรณ์โผล่มาเห็นตกใจ
"หยุดนะ...ฉันบอกให้หยุด"
ทุกคนชะงักค้าง แล่มไหวตัวเร็วกว่ารีบปรี่เข้าหาหลวงปกรณ์
"คุณหลวง ช่วยด้วยค่ะ นังขี้ข้ามันรังแกฉัน"
ลำเจียกนิ่ง
"จริงรึแม่ลำเจียก"
"คุณหลวงก็เห็นอยู่ว่าใครกันที่โดนรังแก"
"ไม่จริงค่ะ ก่อนหน้านี้ฉันถูกนัง เอ้ย แม่สองคนนี่รุมฟัดนะคะ คุณหลวงต้องจัดการให้ฉันนะ"
"ไม่จริงค่ะนัง..คุณแล่มนี่มันเริ่มก่อนค่ะ" อึ่งบอก
"แกนั่นแหล่ะ"
"แกนั่นแหล่ะ"
สองคนเถียงไปมาหลวงปกรณ์รำคาญและโมโห
"หยุด.. หยุดทั้งสองคนเลยถ้าไม่หยุดเสียตรงนี้ฉันจะลงโทษทั้งสองคนนั่นแหล่ะ"
สองคนเงียบปริบ จ๋อย
"แยกย้ายกันไปได้แล้ว แล้วอย่าให้ฉันเห็นว่ามีปากเสียงกันอีกเข้าใจไหม"
"แต่ว่า..." แล่มจะบอกว่า มันเริ่มก่อนแต่ไม่ทันพูดอะไร
"ฉันบอกให้ไปยังไงล่ะ"
"ค่ะ"
สีหน้าหลวงปกรณ์ดุดัน แล่มจ๋อยค่อยๆแยกตัวไป อึ่งเองก็กลัวแยกไปอีกทาง ลำเจียกจะเดินหนี หลวงปกรณ์เรียกไว้
"เดี๋ยว.. จะไปไหนรึ"
ลำเจียกหยุดอยู่กับที่
"ก็ไปให้พ้นๆหน้าคุณหลวงไงคะ เดี๋ยวจะพาลโมโหเมื่อเห็นหน้าน้องอีก"
หลวงปกรณ์รู้ว่า ลำเจียกพูดเพราะน้อยใจ
"ถ้าฉันไม่อยากเห็นหน้าหล่อนฉันคงไม่มาหาหล่อนหรอก"
ลำเจียกนิ่ง หลวงปกรณ์เดินเข้ามาหาทางด้านหลัง
"หากฉันทำอะไรให้หล่อนต้องเศร้าเสียใจ ฉันต้องขอโทษด้วยนะ"
ลำเจียกอึ้ง ไม่คิดว่าจะได้ยินคุณหลวงพูดแบบนี้กับตัว คุณหลวงเห็นท่าทีลำเจียกนิ่งงันจึงเข้ามาใกล้แล้วสวมกอดจากด้านหลัง ลำเจียกดีใจจับมือหลวงปกรณ์กระชับกอดตอบ

สารภีอาบน้ำเสร็จแล้วเดินมานั่งที่หน้ากระจก โกสุมกำลังจัดหมอนจะนอน สารภีมองรอบห้อง พ่อแม่ลูกนอนห้องรวมกัน
"นี่เราต้องมารวมกันอยู่ในห้องแบบนี้จริงๆเหรอคะคุณแม่"
"ก็จะทำไงได้ล่ะ มาขออาศัยเค้าอยู่นี่"
"โอ้ย..!!! จะอยู่กันเข้าไปได้ยังไงห้องเล็กอย่างกับรูหนูแบบนี้"
"เค้าบอกว่าเค้าซ่อมบ้านอยู่แกไม่ได้ยินรึยังไงกัน"
สารภีหงุดหงิด
"จะต้องมาซ่อมห้องหับอะไรตอนนี้ก็ไม่รู้ ดูสิต้องมาเบียดกันอุดอู้ ร้อนก็ร้อน พ่อกับแม่รีบหาบ้านใหม่ไวๆได้ไหม คราวนี้ซื้อให้มันใหญ่กว่าเดิมเลยนะ"
เพิ่มพูนฟังอยู่นานเริ่มอารมณ์เสีย
"ไม่มีเงินเหลือสักแดงจะเอาที่ไหนซื้อข้าวกินยังไม่รู้เลย"
โกสุมวี๊ด
"อะไรกันคุณ"
"นั่นสิคะคุณแม่ คุณพ่อพูดแบบนี้มันแช่งตัวเองชัดๆ"
"แช่งหรือไม่แช่งไฟมันก็ไหม้จนเหลือแต่ตอไปแล้ว เงินที่มีเหลือยังไม่พอจะใช้หนี้เลย คนหาเงินหาคนเดียวคนใช้เงินรุมกันใช้แบบนี้จะเหลืออะไรใช้ล้างผลาญทั้งแม่ทั้งลูก"
เพิ่มพูนพูดสีหน้าจริงจัง โกสุมจ๋อยหันไปใส่อารมณ์กับลูกสาว
"ไงล่ะแม่บอกแกแล้วใช่ไหมว่าให้ช่วยงานคุณพ่อบ้าง เอาแต่เที่ยวสนุกไปวันๆ"
"แม่คะ สารภีต้องมีสังคมนะคะ"
"ไอ้สังคมอะไรของแกเนี่ย มันมาช่วยเหลืออะไรเราได้ไหมล่ะ"
สารภีหงุดหงิด
"โธ่แม่"
เพิ่มพูนรำคาญ
"โอ้ย...ปวดหัวโว้ย พอได้แล้ว พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่"
เพิ่มพูนนอนหันหลังให้ทุกคน โกสุมมองสามีอย่างสงสารก่อนจะหันมาค้อนลูกสาว "เพราะแกคนเดียว"
โกสุมลงนอนหันหลังให้สารภีอีกคน
สารภีมองพ่อกับแม่ สำนึกรู้ว่าเป็นเพราะตัวเองที่ทำให้เกิดไฟไหม้ สารภีมองกระจกพร้อมๆกับคิดอะไรขึ้นได้
"พี่เทพ"
สารภีมีแผน...

ภายในห้อง เทพไทอาบน้ำแล้ว หยิบผ้าพันคอที่วางอยู่บนหมอนขึ้นมามองคิดถึงดอกแก้ว ภาพที่พ่อประคองดอกแก้วเดินออกไปเมื่อครู่ยังติดตา
เทพไทเขวี้ยงผ้าของดอกแก้วลงถังขยะ ล้มตัวลงนอน คิดสับสนแล้วหันไปมองที่ถังขยะอีกครั้ง
ก่อนลุกขึ้นไปหยิบผ้าเช็ดหน้านั้นออกจากถังขยะ ปัดฝุ่นออก ส่ายหน้ากับตัวเอง
"ทำไมเราถึงตัดความรู้สึกแบบนี้จากเธอไม่ได้สักที"
เทพไทมองผ้าในมือ คิดถึงดอกแก้ว

สารภีออกจากห้องตัวเอง มองหาห้องเทพไท จำได้ว่าอยู่ตรงนั้น แล้วเดินไปเคาะที่ห้องเทพไท
"พี่เทพขา...เปิดให้สารภีหน่อยสิคะ พี่เทพขา"
ภายในห้อง เทพไทมองผ้าของดอกแก้ว ได้ยินเสียงสารภี แต่ไม่อยากไปเปิด
สารภีเคาะประตูห้อง แต่ไม่มีเสียงตอบ
"มัวทำอะไรอยู่นะ"
สารภีจะเคาะห้องต่อ สร้อยทองมาจากไหนไม่รู้ แต่โผล่มายิ้มหวาน
"นอนไม่หลับหรือจ๊ะแม่สารภี"
สารภีสะดุ้งแก้ตัว
"เอ่อ..คือ สารภีรู้สึกไม่ค่อยสบายเลยจะมาขอยาพี่เทพน่ะค่ะ"
สร้อยทองแกล้งตกใจ
"ตายจริงเป็นอะไรล่ะ อากาศมันร้อนใช่ไหม ดูสิคงร้อนรุ่มร้อนเร่าน่าดูเลย พ่อเทพคงจะนอนหลับไปแล้วกระมัง"
สารภีไม่อยากเชื่อ จะเคาะห้องต่อ สร้อยทองเข้ามาจับมือสารภีไว้แล้วพูด
"โอ้..ตัวรุมๆเหมือนจะมีไข้จริงๆซะด้วย งั้นไปที่ห้องปรุงยาฉันดีกว่า ฉันมียาขับแก้อาการรุ่มร้อนได้ชะงักนัก"
สารภีสะบัดมือออก
"ไม่ดีกว่าค่ะสารภีไม่ชอบยาสมุนไพร ทานยาก"
"งั้นเอาเป็นน้ำมะตูมร้อนๆสักถ้วยดีไหม มันจะช่วยดับกำหนัด เอ้อ กระหายคลายร้อนได้ดี เดี๋ยวฉันจะได้ให้นังพิศต้มให้"

อ่านต่อหน้าที่ 3


ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 8 (ต่อ)
สารภีรู้ว่าสร้อยทองกันท่าตนจึงแกล้งสวนกลับ

"คุณสร้อยทองรู้เรื่องสรรพคุณยาดีจังเลยนะคะ วันๆคงคลุกอยู่กับสมุนไพรทั้งวัน แบบนี้เนื้อตัวคงมีแต่กลิ่นใบไม้ใบหญ้าแห้งๆเป็นแน่ กลิ่นสมุนไพรมันไม่หอมหวานเหมือนกลิ่นของดอกไม้หรอกนะคะ"
สารภียิ้มยั่วสร้อยทองก่อนหันหลังกลับเดินไปที่เรือนตัวเองด้วยอารมณ์เซ็งที่สร้อยทองขัดขวาง
สร้อยทองมองตาม แอบดมๆเนื้อตัวของตัวเองว่ามีกลิ่นอย่างที่สารภีพูดหรือเปล่า สร้อยทองเจ็บใจข่มอารมณ์ไว้

กลางคืนต่อเนื่องมา ดอกแก้วนั่งซึมอยู่หน้าบ้าน มองไปที่ตึกใหญ่ แล่มออกมาจากในบ้าน เห็นดอกแก้วยังนั่งเหม่อมองที่ตึกใหญ่อยู่ก็เดินเข้ามาหา
"มัวมานั่งมองให้มันได้อะไรขึ้นมาวะนังแก้ว"
ดอกแก้วสะดุ้ง
"ควงหลวงท่านออกมาได้ ทำไมไม่รู้จักรั้งไว้ยันเช้า แหม..เป็นข้าหน่อยไม่ได้"
"แม่อย่าพูดเรื่องแบบนี้เลย"
"ทำไมวะ ไม่พูดเรื่องนี้จะให้พูดเรื่องไหน ทำไมเอ็งมันไม่ได้เชื้อข้าไปสักนิดวะ มารยามีก็ใช้ไปสิวะ" แล่มเข้าไปกระซิบใกล้ๆ "ให้คุณหลวงท่านมานอนที่นี่เลย ข้าไปนอนที่อื่นก็ได้ เอ็งจะได้ปรนนิบัติพัดวีให้หลวงท่านได้สะดวกๆ"
แก้วระคายหูกับเรื่องที่แม่พูด พิจารณาแม่ดีๆเลยเห็นว่า แม่มีกลิ่นเหล้า
"นี่แม่แอบไปกินเหล้ามาอีกแล้วเหรอ"
แล่มอุปส์
"เปล่า...ข้าเปล่านะ"
"ก็ฉันได้กลิ่นเหล้า เหล้าอยู่ไหนแม่"
แล่มพูดปด
"ไม่มี"
แก้วไม่ชอบใจ หาขวดเหล้า แต่เจอไห
ดอกแก้วชูไหขึ้นมา
"แม่เอามาจากไหน"
แล่มเฉไฉไปมา
"ก็....เอ่อ...ก็ข้ากลุ้มใจนี่นา"
"กลุ้มใจอะไรก็บอกฉันสิ ทำไมต้องหันพึ่งเหล้าแบบนี้"
แล่มอึกอัก แสร้งดราม่าเข้าใส่ คว้าไหเหล้าเดินเข้าไปในบ้านลงนั่งที่มุมหนึ่ง ดกไหเหล้าอักๆ ดอกแก้วตามเข้าไป
"แม่ ทำไมแม่ต้องทำแบบนี้ล่ะจ๊ะ บอกฉันสิแม่กลุ้มใจเรื่องอะไร"
แล่มดกเหล้าอีกกึ๊บ
"ก็กลุ้มใจเรื่องเอ็งนั่นแหล่ะนังดอกแก้ว"
ดอกแก้วแปลกใจ
"เรื่องฉัน แม่จะต้องกลุ้มทำไมกัน ฉันก็ทำตามที่แม่ต้องการแล้วทุกอย่างนี่จ๊ะ"
แล่มมองลูกสาวก่อนจะยกไหขึ้นกึ๊บ
"ยัง...เอ็งยังทำไม่ทุกอย่าง"
ดอกแก้วมองแล่ม แล่มเมาๆ พูดกรอกหูดอกแก้ว
"มัดใจหลวงปกรณ์ให้ได้สักทีสิลูกเอ๋ย เอ็งจะมัวพะวงอะไร รีบทำลูกเพื่อเป็นโซ่ทอง คล้องใจท่านให้ได้เร็วๆ"
ดอกแก้วอึ้งกับสิ่งที่แล่มต้องการให้ตัวเองทำ
แล่มเริ่มเมาและเลอ
"ตอนนี้มีหลวงปกรณ์คนเดียวเท่านั้น ที่จะช่วยให้เราสองแม่ลูกหมดหนี้หมดสิน เราจะได้สบายเสียที"
แล่มพูดจบ ยกไหดกแต่เหล้าในไหหมด แล่มโมโห
"อะไรว๊า...หมดซะแล้ว"
แล่มเขย่าไห ดอกแก้วมองดูแม่อย่างเศร้าใจ แล่มเมาคอพับหลับไป แก้วจับแม่นอนดีๆเอาหมอนผ้าห่มมาห่มให้แม่ ดอกแก้วมองดูแม่ที่หลับ รำพึง
"โซ่ที่คล้องใจฉันให้อยู่ที่นี่คือเค้าต่างหากล่ะ"
แก้วมองไปทางเรือนใหญ่คิดถึงเทพไท

เทพไทนอนมองไปที่หน้าต่าง ผ้าพันคอที่ถูกซักแล้วตากไว้ที่ราวม่าน มีไม้หนีบหนีบไว้
ผ้าพันคอสะบัดเบาๆตามลม เทพไทรำพึง
"เมื่อไหร่จะตัดใจจากเธอได้เสียทีดอกแก้ว เธอทำดีกับฉันเพื่ออะไร"
ผ้าพันคอที่หนีบไม้หนีบไว้แบบไม่ค่อยดีนัก ลมพัดแรง
เทพไทผล็อยหลับไป

ผ่านเวลาเป็นเช้า ที่ราวม่านเหลือแต่ไม้หนีบ ผ้าหลุดหายไปแล้ว เทพไทงัวเงียลืมตา ไม่เห็นผ้า
"ผ้า...หายไปไหน"
เทพไทลุกพรวด ไปดูที่หน้าต่าง สงสัยลมพัดปลิวไปชะโงกมองแต่ไม่เห็นมี เทพไทหน้าเศร้า

ดอกแก้วเดินถือตะกร้าผ้าที่ตากเสร็จแล้วมาตามทาง เจอผ้าตกอยู่กับพื้น เธอหยิบขึ้นมา นึกถึงคำพูดของเทพไท
"นั่นผ้าคล้องคอเอามาจากไหนรึพ่อเทพ" สร้อยทองถาม
เทพไทอึ้ง มองตาดอกแก้วก่อนจะตอบแม่ไป
"ผมเก็บได้ครับ แต่ตอนนี้ผ้าสกปรกแล้วเดี๋ยวผมจะทิ้งไปครับ"
"ทิ้งๆไปเถอะ ผ้าพันคอผ้าเช็ดหน้าไหมดีๆมีถมเถไป หาผ้าพื้นๆมาใช้ทำไม ไม่คู่ควรสักนิด"

ดอกแก้วน้ำตาปริ่มมองผ้าในมือ
"ผ้าผืนนี้ มันคงไม่มีค่าอะไรกับคุณสินะ"
ดอกแก้วหยิบผ้าขึ้นมาแนบตรงอก เศร้าใจว่าเทพไทคงทิ้งอย่างที่พูดจริงๆ

แก้วมามองดอกซ่อนชู้ น้ำตาเอ่อหยดลงบนผ้า หลวงปกรณ์ควงลำเจียกเดินผ่านสวน ลำเจียกหายตะบึงตะบอนเดินเกาะแขนหลวงปกรณ์ยิ้มแย้มแจ่มใส
"น้องอยากให้คุณพี่อยู่กับน้องแบบนี้ทุกวันจะได้ไหมคะ"
หลวงปกรณ์ยิ้มๆ
"ทำไมจะไม่ได้ล่ะ"
"จริงรึคะ คุณพี่จะอยู่กับน้องทุกวันจริงๆนะคะ"
"ถ้าเธอไม่ไปไหนมาไหนกับคนอื่น"
ลำเจียกนิ่งไป
"แบบนี้แสดงว่าคุณพี่ไม่เชื่อใจน้องงั้นรึคะ"
"ไม่ใช่ไม่เชื่อใจ แต่ฉันไม่ชอบให้ใครๆเที่ยวไปพูดกันสนุกปากว่าเมียของฉันไปไหน มาไหนกับผู้ชายแปลกหน้าต่างหาก"
ลำเจียกงอนปล่อยแขนที่ควงหลวงปกรณ์ออก เดินไปอีกมุม
"น้องรู้ดีว่าอะไรควรอะไรไม่ควร ไม่ต้องห่วงว่าน้องจะนำเรื่องเสื่อมเสียมาสู่นพรัตน์หรอกค่ะ"
หลวงปกรณ์ฟังที่ลำเจียกพูด ถอนใจหันหน้าไปทางอื่นบังเอิญเห็นดอกแก้วนั่งอยู่ที่แปลงดอกไม้ คุณหลวงยิ้มแล้วเดินผละจากลำเจียกไป
ไม่มีเสียงตอบ ลำเจียกหันมาเห็นคุณหลวงเดินมุ่งหน้าไปที่แปลงดอกซ่อนกลิ่น
"คุณพี่ รอน้องด้วยสิคะ"
ลำเจียกรีบตามไป
คุณหลวงเดินมาที่แปลงดอกซ่อนกลิ่น พร้อมกับเรียก
"ดอกแก้ว"
ดอกแก้วเมื่อเห็นคุณหลวง และมีลำเจียกเดินตามมา เธอลุกขึ้นยืนเก็บผ้าไว้
แล้วยิ้มรับ
หลวงปกรณ์มองดูแปลงดอกซ่อนกลิ่นที่ออกดอกแล้วยิ้ม
"ดอกไม้นี้งามจังเลยนะ แม่ดอกแก้ว"
"ค่ะ คงเป็นเพราะที่นี่ดินดีน่ะค่ะ"
ลำเจียกมองเซ็งๆไม่พอใจ
"ตกลงคุณพี่พาน้องมาเดินสวนเพื่อจะมาดูแปลงดอกไม้อัปมงคลของแม่ดอกแก้วหรือคะ"
หลวงปกรณ์จุ๊ปากดุเล็กน้อย
หลวงปกรณ์กระซิบได้ยินกันองคน
"เมื่อคืนถ้าไม่ใช่เพราะแม่ดอกแก้วแนะให้ฉันเข้าใจในตัวเธอ ฉันคงไม่มาเดินชมสวนกับเธอในตอนเช้านี้หรอกนะ"
หลวงปกรณ์หันมายิ้มให้ ดอกแก้วพาซื่อ
"ดอกแก้วเห็นคุณลำเจียกกับคุณหลวงมีความสุขดอกแก้วก็ดีใจด้วยเจ้าค่ะ"
ลำเจียกหน้าตึงๆไม่เชื่อว่าดอกแก้วจะหวังดีจริงๆ แต่มองด้วยสายตาประเมิน พลางเหน็บไปเรื่องดอกซ่อนกลิ่น
"ดอกซ่อนกลิ่นเต็มไปหมดเลย ดอกไม้พรรณนี้ใครเค้าให้ปลูกในบ้านกัน ใคร อนุญาติให้หล่อนปลูกมิทราบ"
"ฉันเอง" คุณหลวงบอก
ลำเจียกอธิบายความไม่มงคลของดอกซ่อนกลิ่น
"คุณพี่ ดอกไม้นี้เค้าเอาไว้ใช้ในงานศพนะคะ ชื่อแต่ละชื่อของดอกไม้นี้ฟังได้ซะที่ไหนกันคะ ไม่ว่าจะชื่อดอกซ่อนกลิ่นหรือดอกซ่อนชู้ต่างก็ไม่เป็นมงคลทั้งนั้นแหล่ะค่ะ อย่างว่าแหละนะ หลบๆซ่อนๆคงไม่ต่างอะไรจากคนที่ปลูกกระมัง"
หลวงปกรณ์ราชกิจเริ่มรำคาญ เลยดุ
"ดอกไม้ก็ส่วนดอกไม้ มิได้เกี่ยวอะไรกับคนแล้วอีกอย่างดอกแก้วก็ปลูกดอกไม้นี่อย่างเปิดเผยมิได้ลักลอบปลูกแต่อย่างใด ที่หล่อนว่าหลบๆซ่อนๆน่ะฉันว่าน่าจะใช้กับหล่อนมากกว่านะ"
หลวงปกรณ์เดินออกไป ลำเจียกไม่พอใจกับคำพูดที่ปคุณหลวงพูดกับเธอ จึงเดินไปรั้งให้หยุด
"อะไรกันคะคุณพี่ คุณพี่หมายความว่ายังไงกันคะ"
"หล่อน มีเรื่องอะไรที่ต้องหลบซ่อนฉันหรือไม่ล่ะ"
หลวงปกรณ์ตอบด้วยอารมณ์ไม่พอใจหน้าตาจริงจังเดินออกไป ลำเจียกอารมณ์ขึ้นมองตาม ก่อนจะหันไปมองที่ดอกแก้ว

หลวงปกรณ์ฉุนเฉียวลงมานั่งที่ซุ้มนั่งเล่น ข่มใจระงับอารมณ์ อึ่งเดินถือถาดกาแฟมาเสิร์ฟที่ศาลา ยิ้ม ตัวพองได้ใจที่นายได้ขึ้นห้องกับคุณหลวงแล้ว
"กาแฟฝรั่งมาแล้วเจ้าค่ะ"
อึ่งเข้ามารินกาแฟให้
"คุณท่านกับคุณลำเจียกออกมาเดินชมนกชมไม้แต่เช้าตรู่แบบนี้...เอ่อ... ไม่เพลียแย่หรือเจ้าคะ ดูสิ คุณลำเจียกท่าจะอ่อนแรง เลยเดินไม่ทันคุณท่าน"
คุณหลวงหน้านิ่งหันมา อึ่งหุบปากทันที ไม่แซวต่อ
"ถ้าฉันไม่ได้ถามก็ไม่ต้องพูดเข้าใจไหม ฉันไม่อยากฟัง"
เอี้ยงที่กำลังขัดเครื่องเงินอยู่ริมน้ำใกล้ๆแอบขำที่อึ่งโดนดุ
"ไปดูเจ้านายของหล่อนที่แปลงดอกไม้เถอะ ป่านนี้คงโกรธจนตัวสั่นไปหมดแล้ว จัดการพาไปสงบสติอารมณ์ซะด้วย อย่าให้ฉันเห็นเชียว"
" เอ่อ..ค่ะ"
อึ่งทำหน้างงๆมองไปทางแปลงดอกไม้ เอี้ยงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วนึกขึ้นได้
"ตายล่ะ คุณดอกแก้วอยู่ที่แปลงดอกไม้"
เอี้ยงวิ่งนำไปก่อนอึ่งจะตามทัน

ดอกแก้วกำลังเด็ดใบไม้ที่แห้งๆออกก็ต้องชะงัก เมื่อเงยหน้ามาแล้วพบว่าลำเจียกมาอยู่ตรงหน้า
ดอกแก้วตกใจ
"คุณลำเจียกมีอะไรให้แก้วรับใช้หรือคะ"
"หล่อนรู้เรื่องอะไรของฉันถึงได้ไปพูดให้คุณพี่มาหาฉัน"
"เอ่อ...แก้วไม่รู้เรื่องอะไรหรอกค่ะ แก้วแค่อยากเห็นคุณลำเจียกมีความสุข คุณหลวงเองก็เป็นห่วงคุณลำเจียกนะคะ"
"แกรู้ได้ยังไงว่าเป็นห่วง คุณพี่มาอยู่กับฉันเพราะจ้องจะจับผิดฉันเรื่องอื่นไม่ว่า คุณพี่ไม่เชื่อใจฉัน แค่ฉันไปข้างนอกกับนายไหลคนรถของฉันก็ยังเก็บมาพูดจามาถากถางฉัน หรือเพราะแกคอยเสี้ยมคุณพี่ให้คิด"
"ไม่นะคะ แก้วไม่เคยทำแบบนั้น ที่คุณหลวงคิดเพราะเกรงว่าจะไม่งามมากกว่านะคะ"
ลำเจียกได้ยินที่แก้วพูดปรี๊ดแตก
"อ๊าย... แกพูดแบบนี้แกหาว่าฉันคบชู้รึยังไงนังดอกแก้ว ฉันไม่ได้ใฝ่ต่ำเหมือนดอกไม้ต่ำๆที่แกปลูกหรอกนะ"
ลำเจียกกระชากต้นซ่อนกลิ่นขึ้นมา ดอกแก้วตกใจ
"และฉันเองก็ไม่เชื่อว่าคนอย่างแกจะหวังดีกับฉันจริงๆ"
ลำเจียกขว้างต้นซ่อนกลิ่นที่ถอนลงต่อหน้า ดอกแก้วก้มลงหยิบเสียใจที่ดอกไม้ถูกถอนขึ้นมาลำเจียกยิ้มเยาะ
"ฮึๆๆ เวลาที่ถูกแย่งของรักไปมันก็มักจะเสียใจเป็นธรรมดา แกว่าจริง ไหม ฮ่าๆๆ"
ลำเจียกหันไปคว้ากิ่งซ่อนชู้ข้างๆจะดึง ดอกแก้วรีบเข้าห้าม
"อย่านะคะแก้วขอล่ะค่ะ" ดอกแก้วยกมือไหว้ขอ
"แกขอ แต่ฉันไม่ให้"
ลำเจียกถอนรากถอนโคนหลายต้นอย่างเกรี้ยวกราด ดอกแก้วตรงเข้าขวาง ห้ามไม่ให้ลำเจียกดึง
"อย่าค่ะคุณลำเจียก"
ลำเจียกไม่สนใจดึงต้นแล้วต้นเล่า ดอกแก้วเสียใจที่เห็นดอกไม้ถูกทำลาย ตรงเข้าไปจับมือลำเจียกเหวี่ยงออกจนเซถลาหงายหลัง
"แกนังแก้ว แกผลักฉันเหรอ"
"แก้วขอคุณดีๆคุณไม่ยอมหยุดนี่คะ อย่าทำดอกไม้พวกนี้เลยนะคะ ถ้าคุณไม่พอใจอะไรแก้วมาลงที่แก้วดีกว่าค่ะ แก้วยอมค่ะ"
ลำเจียกยิ้มเยาะ
"ฉันจะทำที่ของรักของแก"
แล้วลำเจียกก็ลุกขึ้นมาจะถอนต้นไม้อีก ดอกแก้วรีบเข้าไปกอดขาลำเจียกไว้
"หยุดเถอะค่ะคุณลำเจียก แก้วไม่มีเจตนาร้ายกับคุณลำเจียกเลย อย่าทำแบบนี้เลยนะคะ"
ลำเจียกพยายามสะบัดให้หลุดจากแก้ว
"ปล่อย ปล่อยฉันนะปล่อย"
ระหว่างที่วุ่นวายกัน ที่ผืนดินที่ต้นซ่อนกลิ่นถูกถอนขึ้น ดินซุยๆ เห็นปลายนิ้วมือของใครบางคนโผล่ขึ้นมา
เอี้ยง อึ่ง วิ่งเข้ามาเห็นเหตุการณ์ชุลมุนตรงหน้า ต่างหน้าตาตื่นรีบช่วยนายของตน ไม่มีใครสังเกตปลายนิ้วที่โผล่พ้นดิน
"ไปดึงนายพี่ออกสิพี่อึ่ง" เอี้ยงบอก
"เอ่อๆ"
อึ่งกับเอี้ยงรีบจับนายแต่ละคนออกจากกัน
"คุณคะพอเถ่อะค่ะ อย่าค่ะ คุณท่านให้มาพาคุณออกไปค่ะ ไปเถอะค่ะ"
อึ่งจับลำเจียกไว้ ส่วนเอี้ยงประคองดอกแก้วอยู่ตรงพื้น
ลำเจียกชี้หน้าดอกแก้ว
"คราวหลังอย่ามายุ่งเรื่องของฉันอีกจำไว้ ไม่งั้นฉันจะเผาไม่ให้เหลือซากเลยคอยดูสิ"
อึ่งรีบพาลำเจียกออกไป
เอี้ยงปัดเนื้อตัวแก้ว แก้วเสียใจที่ดอกซ่อนกลิ่นถูกรื้อถอนหลายต้น แก้วจะเข้ามาดูต้นที่กำลังโอนจะล้ม
นายคงรีบร้อนเข้ามา แล้วเอาเท้าเหยียบทับนิ้วไว้แล้วจับต้นไม้ให้ตั้งขึ้น แก้วชะงักไปนิด เอี้ยงบอก
"นั่นนายคงคนสวนค่ะคุณแก้ว เอ้านายคงมาก็ดีแล้ว คุณลำเจียกถอนต้นดอกไม้ของคุณแก้ว แหลกลานไปหมดแล้ว"
นายคง พยักหน้าตอบ อื่อๆๆ
ดอกแก้วมองที่พื้นที่ดอกไม้ถูกถอนขึ้นมา ดอกแก้วลงนั่งหยิบต้นดอกไม้ขึ้นมา นายคงรีบส่งสัญญาณให้เอี้ยงพาแก้วออกไป พลางชี้ไม้ชี้มือว่าอาสาทำสวนให้
"ตาคงจะทำเองงั้นเหรอ"
นายคงพยักหน้าอีกครั้ง
ดอกแก้วเก็บดอกซ่อนกลิ่นที่พื้นขึ้นมา เสียใจที่เห็นดอกไม้ช้ำๆ เอี้ยงลงมานั่งข้างๆ
"คุณแก้วคะ นายคงบอกให้ออกไป เดี๋ยวนายคงจัดการให้เองค่ะ ออกไปก่อนเถอะค่ะ"
เอี้ยงพยุงดอกแก้วขึ้นพาเดินออกไป ดอกแก้วมองดูดอกไม้อย่างเสียใจ
คงรอจนเอี้ยงพาแก้วออกไป จึงยกเท้าขึ้น มองที่พื้นดินสีหน้าดุดัน นายคงยกจอบขึ้นขุดลงตรงแปลงดอกไม้ฟึ่บ !

โกสุมกับสารภีได้ยินเสียงเอะอ่ะก่อนหน้านี้ จึงเดินมาที่สวนเห็นพิศคุยกับบ่าวคนหนึ่งอยู่ บ่าวเดินออกไป โกสุมเข้าไปหาพิศ
"เสียงเอะอะอะไรรึนังพิศ"
"เห็นในครัวว่าเมียคุณหลวงทะเลาะกันนะคะ"
โกสุมต่อมเผือกทำงานทันที
"ใครรึ"
"เห็นว่าเป็นเมียรองกับเมียสุดท้องนะคะ ถ้าคุณอยากรู้เดี๋ยวพิศไปถามให้ไหมคะ"๒
โกสุมถลึงตาใส่
"แกจะว่าฉันสาระแนรึไง นังนี่นี่เดี๋ยวจะโดน"
ระหว่างนั้น อึ่งพาลำเจียกเดินผ่านไป โกสุมเห็นรีบสะกิดสารภีมอง
"อุ่ย..ดูโน่นสิลูกหิ้วปีกกันไปเลย"
สร้อยทองกับศรีเดินผ่านมา หยุดมองดูอึ่งประคองลำเจียกผ่านไป โกสุมมองขำๆชี้ให้สารภีมองสร้อยทอง
"ดูดู๊...เมียใหญ่มานั่นแล้ว เข้าไปทักทายสักหน่อยดีกว่า"
โกสุมเดินปรี่เข้าไปหาสร้อยทอง
"แหม มีเรื่องกันแต่เช้าเลยนะคะ"
สร้อยทองไม่อยากต่อความจะเดินหนี สารภีนึกสนุกตรงเข้าไปเหน็บแนมสร้อยทองอีกคน
"สารภีนับถือคุณสร้อยทองจังเลยค่ะ นิ่งทนได้ราวกับพระอิฐพระปูน"
โกสุมได้ยินที่ลูกสาวพูด ถึงกับสะดุ้งพยายามเบรกสารภีเกรงสร้อยทองจะโกรธ
"เอ่อ.. ลูกสารภีชมคุณสร้อยทองนะคะ"
สร้อยทองนิ่งไม่พูดอะไร โกสุมรีบเข้าประจบสอพลอ
"แม่สารภีไปอยู่ปีนังซะหลายปีเลยพูดจาเข้าใจยากไปนิดน่ะ แม่สร้อยคงไม่ถือ หรอกนะ"
สร้อยทองพูดนิ่งๆ
"อยู่เมืองฝรั่งมังค่ามากริยาก็เลยกระเดียดไปทางนั้น ฉันเข้าใจดี"
สารภีอึ้งๆกับคำจิกของสร้อยทอง โกสุมรีบปรับอารมณ์อ่อนน้อม
"โล่งอกไปทีที่แม่สร้อยเข้าใจ"
สร้อยทองมองเหยียดๆก่อนเดินออกไป โกสุมแอบหมั่นไส้เดินกลับไปทางบ้านตัวเอง
สารภีมองตามหงุดหงิดใจที่เป็นรองต้องยอมบ้านนี้ตลอด

อ่านต่อหน้าที่ 4


ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 8 (ต่อ)
เพิ่มพูนนั่งที่เรือนรับรองแขกมองดูสมุดธนาคารกับเงินสดที่เบิกมาอยู่ โกสุมเดินเข้าไปหาเพิ่มพูนรีบเก็บเงินสดกับสมุด

"คุณไปเบิกเงินมาแล้วเหรอคะ งั้นฉันขอแบ่งมาใช้จ่ายสักนิดเถอะนะ ฉันไม่ชอบอยู่แบบอัตคัด อย่างนี้เลย"
เพิ่มพูนยังไม่พูดอะไร ศรีตะโกนเรียกเพิ่มพูน
"คุณผู้ชายคะมีญาติมาหาค่ะ"
ทั้งเพิ่มพูนและโกสุมประหลาดใจที่ศรีบอกมีญาติมาหา
ศรีเชิญเจ้าหนี้กับลูกน้องที่อ้างตัวว่าเป็นญาติกับเพิ่มพูนเข้ามา
"คุณเพิ่มพูนอยู่หลังนี้แหล่ะค่ะ เชิญค่ะ เดี๋ยวศรีไปหาน้ำหาท่ามาให้นะคะ"
เจ้าหนี้กับลูกน้องก้าวเข้ามาที่บ้าน ที่หน้าตึก เพิ่มพูนโผล่ออกมาจากประตูเมื่อเห็นเป็นเจ้าหนี้ก็ตกใจ
"เสี่ยย้ง..!"
เพิ่มพูนรีบปิดประตูทันทีแต่ไม่ทัน เสี่ยย้งและลูกน้องจับประตูไว้ โกสุมตกใจกับอาการกลัวของเพิ่มพูน ลูกน้องถีบประตูผลัวะเข้าไป เพิ่มพูนกระเด็นลงนั่งกับพื้น
"ไงไอ้เพิ่ม อย่าคิดว่าหลวงปกรณ์ให้ที่ซุกหัวนอนแล้วจะหนีพ้นนะ ไฟไหม้ก็ส่วนไฟไหม้ หนี้ก็ส่วนหนี้"
โกสุมงง
"หนี้อะไรกัน"
เพิ่มพูนไม่เคยบอกเรื่องนี้กับเมียมาก่อนอึกอัก เสี่ยย้งหัวเราะเยาะ
"นี่ลื้อไม่เคยบอกเมียเลยรึว่าเป็นหนี้อั๊วอยู่เท่าไหร่" เสี่ยย้งมองเห็นเงินกับบัญชีธนาคารที่ถืออยู่ก็เข้าไปดึงมาดู "เออยังมีเงินเก็บเหลืออยู่นิดหน่อย ก็ยังดี แต่แค่นี้มันไม่พอใช้หนี้อั๊วหรอกนะ เงินนี่อั๊วจะถือว่าเป็นดอกเบี้ย"
เพิ่มพูนยกมือไหว้
"ฉันไหว้ล่ะ นี่มันเงินก้อนสุดท้ายของฉัน ไฟไหม้บ้านไหม้ร้านไปจนหมด ฉันไม่เหลืออะไรแล้วฉันขอล่ะเงินนั่นมันเป็นทุนทำมาหากินของครอบครัวฉัน"
"อั๊วไม่สงสารหรอกนะนี่มันยังไม่พอดอกเบี้ยด้วยซ้ำ อั๊วจะให้เวลาลื้อหาเงินที่เหลือมาคืนถึงเวลาอั๊วจะกลับมาเอา"
โกสุมตกใจที่รู้ว่ามีหนี้ หันไปคาดคั้นกับเพิ่มพูน
เสี่ยย้งกับลูกน้องเดินออกไป สารภีเดินมาทันเห็นเสี่ยย้งกับลูกน้องเดินไปก็แปลกใจจะเข้าไปถามพ่อกับแม่ว่าใครกัน ทันทีที่สารภีโผล่เข้าไปก็เห็นว่าแม่กำลังคาดคั้นกับเพิ่มพูน
"นี่คุณแอบไปกู้เงินตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำไมฉันไม่รู้เรื่อง ทำไมคุณถึงทำอย่างนี้คุณ เอาเงินไปทำอะไรนักหนาห๊ะคุณเพิ่มบอกฉันมาสิ" โกสุมไม่ซักเปล่า มือไม้ก็ตีเพิ่มพูนไปเรื่อยด้วยความโกรธเกรี้ยว เพิ่มพูนได้แค่ปัดป้อง "คุณเอาเงินไปไหน เอาไปเลี้ยงดูใครบอกฉันมานะ บอกมานะ"
เพิ่มพูนโมโหทนไม่ไหวหันมาจับมือโกสุมที่ทุบตี
"โว้ย... พอสักที เงินที่กู้มาก็เอามาเพื่อหมุนกิจการโรงพิมพ์เพื่อให้เธอกับลูกมีหน้ามีตาในสังคมยังไงล่ะ ไอ้ที่เห็นโรงพิมพ์ใหญ่โตมโหฬารก็เพราะเงินกู้เค้ามาทั้งนั้นแหล่ะ มันยังไม่ทันคืนกำไรก็มาถูกอีนังลูกตัวดีทำไฟไหม้จนวินาศสันตโรไปหมด พอใจรึยัง"
โกสุมอึ้งเมื่อเห็นเพิ่มพูนระเบิดความในใจออกมา สารภีนิ่งงันไม่เคยเห็นพ่อเป็นแบบนี้มาก่อน
เพิ่มพูนจับตัวโกสุมเขย่าด้วยความโมโห
" ทีนี้จะทำ ยังไงช่วยอะไรฉันได้บ้างไหม จะหาเงินจากไหน คิดสิคิด..."
โกสุมตกใจตัวสั่น น้ำตาไหลเพราะไม่เคยเห็นสามีเครียดเป็นบ้าเป็นหลังแบบนี้มาก่อน สารภีได้ยินทุกอย่าง น้ำตาเอ่อน้อยใจในโชคชะตาครอบครัวตัวเอง แล้วเดินไป

สารภีเดินมาหยุดที่ศาลาท่าน้ำเสียใจที่ครอบครัวตัวเองตกต่ำถึงเพียงนี้ ขณะที่เธอมองบ้านนพรัตน์อันใหญ่โต ก็เหลือบไปเห็นเทพไทที่เดินอยู่ที่สนาม มองหาผ้าของดอกแก้วที่หายไปจากหน้าต่างที่ตากไว้ สารภีมองเทพไทด้วยสายตามีความหวัง
"ฉันจะไม่ยอมตกต่ำเป็นแน่"
สารภีปาดน้ำตา สายตามุ่งมั่นมีความหวัง เดินเข้าไปหาเทพไทแต่ต้องชะงักเพราะเสียงสร้อยทองดังแว่วมา
"พ่อเทพ"
เทพไทหันมองสร้อยทองเดินมาหา
"มาอยู่นี่เองแม่ตามหาตั้งนาน"
"มีอะไรเหรอครับ"
"ท่านอาพจน์มาหาแน่ะลูก เห็นบอกมีเอกสารฝรั่งจะให้ลูกช่วยแปลให้ เอ ที่โรงพยาบาลไม่มีเจ้าหน้าที่ที่คอยแปลภาษาฝรั่งหรอกรึลูก"
"ยังไม่มีหรอกครับ ทางโรงพยาบาลเพิ่งจะติดต่อกับฝรั่งไม่นานนี่เอง ลูกเองก็ไม่ได้เก่งอะไร แต่ก็พอแปลได้อยู่บ้างน่ะครับ ท่านอาเลยให้ช่วยๆไปก่อน"
"ลูกแม่นี่เก่งนะเนี่ย"
"ไม่เก่งหรอกครับ ต้องใช้เวลาเหมือนกัน"
"งั้นรีบไปเถอะจ้ะ ท่านอารออยู่ห้องรับแขกแน่ะ"
เทพไทเดินตามสร้อยทองออกไป
สารภีเดินเข้ามามองตามคิดตามที่ได้ยิน
"แปลเอกสารงั้นเหรอ"
สารภียิ้มมีแผน

หลวงปกรณ์ราชกิจลงนั่งที่โต๊ะรับแขกต้อนรับท่านชายพจน์ซึ่งมีศักดิ์เป็นท่านอา
"สวัสดีครับคุณอา"
"สวัสดี ต้องขอโทษทีที่มารบกวน"
"ไม่หรอกครับ ผมว่าจะหาโอกาสไปเยี่ยมท่านอาที่โรงพยาบาลอยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังไม่มีโอกาสสักทีเลยครับ"
สร้อยทองเดินเข้ามาพร้อมด้วยเทพไท
"ว่าแต่พ่อเทพลูกชายผมคงไม่ได้ไปทำอะไรเดือดร้อนจนท่านอาต้องมาหาผมถึงนี่นะครับ"
ท่านอาพจน์หัวเราะ
"ไม่หรอก"
เทพไทเข้ามา
"สวัสดีครับ"
"พ่อเทพอามีงานด่วนอยากจะให้พ่อเทพช่วยหน่อยน่ะ"
"ได้ครับ"
ท่านชายพจน์หยิบเอกสารในกระเป๋าเอกสารออกมาส่งให้เทพไท
"ช่วยแปลและตอบเอกสารกลับบริษัทฝรั่งที่ติดต่อเรื่องการแพทย์กับโรงพยาบาลเราให้ที งานด่วนหน่อยนะ"
เทพไทดูเอกสารในมือที่เป็นภาษาอังกฤษ
"ผมขอใช้เวลาทำสักนิดนะครับเพราะเอกสารวิชาการควรต้องถูกต้องครบถ้วนทุกกระบวนความและอีกอย่างผมเองก็ยังไม่เก่งเรื่องภาษามากนัก"
สารภีทำทีแกล้งเดินเข้ามาทำเหมือนไม่เห็นใคร ตั้งใจเข้ามาหาเทพไท
"Hi พี่เทพอยู่นี่เอง สารภีตามหาตั้งนาน"
ทุกคนจ้องมอง สารภีแกล้งทำทีเป็นเพิ่งเห็นว่าทุกคนคุยกันอยู่
"อุ้ย.. sorry ค่ะ สารภีไม่ทันมองว่ามีคนอื่นๆอยู่ด้วย ขอประธานโทษค่ะ"
สารภีเข้าไปกราบท่านชายพจน์และหลวงปกรณ์เสมือนว่าสำนึกผิด สร้อยทองไม่พอใจ
"คราวหลังอย่าเสียมารยาทแบบนี้อีกนะแม่สารภี ท่านอากำลังคุยธุระสำคัญกับพ่อเทพอยู่"
สารภีมองดูเอกสารในมือเทพไท
"อ๋อ...เอกสารสั่งเครื่องมือแพทย์พร้อมรายละเอียด นั่นเอง wow!! น่าสนใจนะคะ"
ท่านชายพจน์มองดูสารภีที่อ่านภาษาอังกฤษออกด้วย
"นี่แม่หนูอ่านภาษาฝรั่งออกด้วยเหรอ"
สารภียิ้มจริต
อ่านออกค่ะ สารภีเรียนอยู่ปีนังมาหลายปี นี่ก็เพิ่งจบกลับมาค่ะ มีอะไรให้สารภีช่วยไหมคะ
สารภียินดีค่ะ"
ท่านชายพจน์ยิ้ม
"งั้นก็ช่วยพ่อเทพแปลเอกสารฝรั่งเลยแล้วกันจะได้เสร็จเร็วขึ้น ดีไหมพ่อเทพ"
เทพไทยิ้มรับท่านอาแบบเสียไม่ได้
"งั้นมาค่ะเดี๋ยวสารภีช่วยพี่เทพเอง งั้นเราไปแปลตรงด้านโน้นดีไหมคะทางนี้ผู้ใหญ่จะได้คุยกัน ไปค่ะพี่เทพ"
สารภีจัดแจงช่วยเถือเอกสาร ดึงเทพไทออกจากห้องรับแขก สร้อยทองมองตามไม่ชอบใจสักเท่าไหร่
"แม่เด็กนี่ลูกเต้าเหล่าใครกันกันรึคุณหลวง"
"แม่สารภีเป็นลูกคุณเพิ่มพูนคุณโกสุมเจ้าของโรงพิมพ์ยินดีสารน่ะครับ"
"ที่ถูกไฟไหม้เมื่อคืนน่ะรึ"
"ครับ ตอนนี้มาอาศัยอยู่ที่บ้านผมชั่วคราว คนรู้จักมักคุ้นกันก็เลยช่วยๆกันนะครับ"
"แม่หนูนี่เก่งภาษาซะด้วยแบบนี้ไปช่วยงานที่โรงพยาบาลคงแบ่งเบางานพ่อเทพได้มากทีเดียว"
ท่านพจน์กับหลวงปกรณ์คุยกันสนุกสนาน สร้อยทองเป็นกังวลไม่อยากให้สารภีใกล้ชิดลูกชาย

สารภีกอดแขนเทพไทมานั่งที่มุมหนึ่งเพื่อแปลเอกสาร ระหว่างนั้นดอกแก้วเดินผ่านมาเห็นสารภีนั่งอ่านเอกสารดูใกล้ชิด ดอกแก้วอึ้งจะรีบเดินผ่าน สารภีเงยหน้ามาเห็น จึงเรียกใช้
"นี่...เธอ ฉันหิวน้ำ ไปเอาน้ำมาให้ฉันกับพี่เทพทีสิ"
เทพไทปกป้องดอกแก้วเพราะไม่อยากให้ดอกแก้วทำตามที่สารภีสั่ง
"คุณดอกแก้วไม่ใช่คนรับใช้นะครับสารภี"
สารภีย้อน
"ไม่ใช่คนใช้แล้วเป็นอะไรคะ อ่อเป็นเมียน้อยพ่อของพี่เทพงั้นสินะ ...เมียพ่อ พี่เทพก็เลยใช้ไม่ได้ใช่ไหมคะ"
"โดยศักดิ์แล้วผมคือลูก คงมิอาจไปสั่งเมียคุณพ่อได้อยู่แล้ว"
ดอกแก้วนิ่งไม่อยากต่อความ
"ถ้าคุณต้องการ ดิฉันจะไปเอามาให้ค่ะ"
"ไม่ใช่หน้าที่ของคุณหรอกคุณแม่เลี้ยง"
"ในฐานะที่คุณเทพเป็นลูกเลี้ยงของดิฉันฉันก็ยินดีที่จะทำให้ค่ะ"
เทพไทเสียงแข็ง
"ผมบอกว่าไม่ใช่หน้าที่ของคุณและผมก็ไม่ต้องการให้คุณทำอะไรให้ ผมด้วย เข้าใจไหมครับคุณแก้ว"
ดอกแก้วอึ้งไม่คิดว่าเทพไทจะตวาดเธอเสียงดังแบบนี้
เทพไทจ้องหน้าดอกแก้วนิ่ง ความจริงๆแล้ว เขาต้องการปกป้องดอกแก้วไม่ให้ถูกใช้ เขาจึงต้องปฎิเสธการทำดีของแก้ว
"คุณแม่เลี้ยงจะไปไหนก็ไปเถอะครับ ผมจะทำงาน"
เทพไทหันหน้าหนีไม่มองดอกแก้ว เพราะไม่อยากเห็นแววตาของดอกแก้วที่เสียใจเพราะคำพูดของเขาต่างหาก สารภีแอบมองกริยาของทั้งสองคน
เทพไทถอนใจละสายตามองดูดอกแก้วแววตาห่วงใย
"สารภีไปเอาน้ำเองก็ได้ค่ะ"
เทพไทก้มหน้าลงอ่านเอกสารต่อไม่สนใจที่สารภีพูด สารภีเจ็บใจเก็บความหมั่นไส้ดอกแก้วไว้ภายใน สะบัดหน้าเดินออกจากเทพไทด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด
เทพไทหวั่นใจมองเห็นสารภีเดินไปทางเดียวกันกับที่ดอกแก้วเดินไป

ดอกแก้วมาเศร้าอยู่มุมหนึ่ง สารภีตามมาหาเรื่อง
"เธอจงใจปั่นหัวพี่เทพใช่ไหม"
ดอกแก้วตกใจ งงกับคำถามของสารภี
"คุณสารภีพูดเรื่องอะไร แก้วไม่เข้าใจ"
" ฉันจะพูดให้เธอเข้าใจงายขึ้นก็ได้ ฉันถามว่า เธอตั้งใจให้ท่าพี่เทพใช่ไหม"
"ฉันไม่เคยทำและไม่คิดที่จะทำด้วย"
ดอกแก้วหันหน้าหนีไม่อยากพูดด้วย
"ไม่จริง" สารภีเดินวนรอบตัวดอกแก้ว "เพราะฉันเจอเธอทีไร พี่เทพจะปกป้องเธอทุกครั้ง คนอย่างเธอคิดอะไรทำไมฉันจะไม่รู้"
ดอกแก้วมองหน้าสารภี
"ฉันคิดอะไร"
สารภียิ้มเหยียด
"ก็คิดจะรวบหัวรวบหางหรือพูดง่ายๆให้คนอย่างเธอเข้าใจก็คือ เธอคิดจะหว่านทั้งพ่อทั้งลูกล่ะสิ ฉันพูดถูกไหม"
ดอกแก้วมองสารภีที่พูดออกมาอย่างใจเย็น ไม่มีอารมณ์โกรธใดๆให้สารภีเห็น
"คุณสารภีอย่ามาเสียเวลาคิดแทนฉันเลยค่ะ " ดอกแก้วพยายามตัดบท "ที่คุณตามมาที่นี่เพราะจะให้ฉันเอาน้ำให้ใช่ไหมคะ ฉันจะไปเอาให้ค่ะ"
เทพไทเดินมองหาสารภี ดอกแก้วจะเดินไป
"หยุดนะ ฉันยังพูดไม่จบ"
สารภีไม่พอใจกระชากแขนดอกแก้วอย่างแรงให้หันมา มือดอกแก้วสะบัดเฉี่ยวหน้าสารภี
"โอ๊ย..!" สารภีกุมแก้ม "นี่แกตบฉันเหรอ"
ดอกแก้วตกใจส่ายหน้า
"แก้วไม่ได้ตบคุณสารภีนะคะ คุณกระชากแขนแก้วเลยพลาดไปโดนคุณเข้า แก้ว ขอโทษนะคะ"
เทพไทมองเห็นสารภีคุยกับดอกแก้ว สารภีเจ็บใจไม่ฟังที่ดอกแก้วพูดตรงเข้าตบฉาดใหญ่เต็มหน้า เทพไทตกใจจะรีบวิ่งเข้าไป
"อย่ามาคิดลองดีกับคนอย่างฉัน แกกับฉันมันคนละชนชั้นกัน คนอย่างแกไม่มีอะไรมาเทียบคนอย่างฉันได้ เพราะฉะนั้นอย่าเข้ามายุ่งกับพี่เทพของฉันอีก"
ดอกแก้วจับแก้มที่โดนตบ
"ในเมื่อฉันกับคุณอยู่คนละชนชั้นกัน คุณก็อย่าลดตัวลงมายุ่งกับฉันอีกเลยค่ะ"
ดอกแก้วเดินออกไปทิ้งให้สารภีมองตามอย่างแค้นใจที่เห็นดอกแก้วนิ่งไม่ตอบโต้ใดๆ สารภีเหลือบไปเห็นว่าเทพไทเดินตามดอกแก้วไปอีกยิ่งแค้นใจทวีคูณ
"นังดอกแก้ว"
สารภีมองตามแค้นใจ

ดอกแก้วมีรอยช้ำที่แก้มกลับเข้ามานั่งในเรือน ตรงโต๊ะเครื่องแป้ง เอี้ยงที่กำลังกวาดเรือนอยู่หันมาเห็นดอกแก้วจับที่แก้มไปมา จึงเดินเข้ามาดูเห็นรอยช้ำ
"คุณแก้ว คุณไปโดนอะไรมาคะแก้มช้ำเป็นปื้นเลย"
เอี้ยงเข้ามาดูแก้มดอกแก้วใกล้ๆ
"เอ่อ..ฉันเดินชนกิ่งไม้น่ะเอี้ยง"
เอี้ยงมองรอยนั้น ไม่น่าเชื่อว่าเดินชนต้นไม้ แต่ไม่อยากเซ้าซี้ดอกแก้ว
"ค่ะ ชนต้นไม้ก็ต้นไม้ งั้นเดี๋ยวเอี้ยงไปเอาลูกประคบมาประคบให้นะคะ"
ดอกแก้วพยักหน้า เอี้ยงรีบออกไป
เอี้ยงไปแล้ว ดอกแก้วมองดูตัวเองในกระจกนั่งเศร้าอดไม่ได้ เปิดลิ้นชักหยิบผ้าขึ้นมาลูบไล้น้ำตาไหล
"ก็แค่ผ้าผืนนึงจะไปมีค่ากับใครได้"
ดอกแก้วนึกเสียใจ น้อยใจ ฟุบหน้าร้องไห้ตรงหน้ากระจกเอาผ้าแนบที่แก้มอย่างอัดอั้นในใจเหลือเกิน เทพไทเข้ามามองเห็นดอกแก้วร้องไห้ที่หน้ากระจก
"ดอกแก้ว"
ดอกแก้วเช็ดน้ำตารีบเก็บผ้าในมือ แต่ไม่ทัน เทพไทคว้ามือได้ ดอกแก้วกำผ้าในมือไว้แน่น เทพไทเห็นผ้าก็จำได้
"นั่นมันผ้า"
"ก็แค่ผ้าที่คุณทิ้งแล้ว"
"ผมไม่ได้ทิ้ง"
"ช่างเถอะค่ะ ฉันไม่ได้สนใจหรอกนี่มันก็แค่ผ้าเก่าๆผืนนึงเท่านั้น"
เทพไทอยากอธิบายแต่ไม่รู้จะบอกยังไง
"แต่..."
"อย่าใส่ใจเลยค่ะ"
ดอกแก้วหันจะเดินหนี พอดีเทพไทเห็นรอยช้ำที่แก้มดอกแก้วและมีเลือดกำเดาซึมๆออกมาข้างจมูก
"คุณมีเลือดไหล ขอผมดูหน่อย"
ดอกแก้วบ่ายเบี่ยงพยายามจะเอามือเช็ดเลือดที่ไหล เทพไทจับมือดอกแก้วไว้ แล้วจับให้ดอกแก้วนั่งอยู่กับที่
"เลือดกำเดาคุณไหล เงยหน้าขึ้นไว้อยู่เฉยๆอย่าขยับนะครับ"
น้ำเสียงเทพไทดูจริงจัง ดอกแก้วเชื่อฟังเพราะกลัว เทพไทหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองขึ้นมาซับเลือดกำเดาให้กับดอกแก้ว
"ฉันทำเองได้" ดอกแก้วจะหยิบผ้ามาทำเอง
เทพไทจับมือดอกแก้วไว้
"ผมน่ารังเกียจมากใช่ไหม"
ดอกแก้วมองเทพไท ในใจดอกแก้วไม่เคยรู้สึกรังเกียจเทพไทเลย ดอกแก้วอ่อนลงเทพไทค่อยๆเอาผ้าซับเลือดกำเดาให้กับดอกแก้ว หน้าทั้งคู่ใกล้ชิดกัน เสียงหัวใจของทั้งสองคนเต้นตึกตักๆ
สารภีโผล่เข้ามาเห็นภาพตรงหน้าเหมือนสองคนกำลังจะจูบกันจึงร้องกรี๊ด
เทพไทกับดอกแก้วตกใจผละออกจากกัน
สารภีชี้หน้าดอกแก้ว
"แก...กับพี่เทพ...สวมเขาให้คุณหลวง"
ดอกแก้วกับเทพไทอึ้งกับคำพูดสารภี

อ่านต่อตอนที่ 9

กำลังโหลดความคิดเห็น