ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 3
หลวงปกรณ์ราชกิจ นั่งเป็นประธานอยู่ในห้องรับแขกบ้านนพรัตน์ มีดอกแก้ว แล่ม อึ่ง พับเพียบเรียบร้อยอยู่
"อิฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายคนของคุณหลวงหรอกนะคะ แต่นัง... แม่คนนี้ทำเป็นเล่นลิ้น จะไม่ยอมให้เราเข้าบ้านเจ้าคะ" แล่มว่าพลางหันไปค้อนอึ่ง
"ก็แก..."
อึ่งจะโต้ แต่ต้องหุบปาก เพราะเห็นหลวงปกรณ์มองมาด้วยสายตากำราบ
"ก็อึ่งไม่รู้นี่เจ้าคะว่ามันเป็นใคร อยู่ๆ ก็จะบุกรุก แถมยังพูดจาอวดดี"
"เอาล่ะ พอ! ถ้าเข้าใจผิดก็เลิกแล้วกันซะ ฉันเองก็ยังไม่ทันได้บอกคนในบ้าน เพราะไม่คิดว่าแม่แล่มจะมาวันนี้เลย ร้อนเงินนักหรือ"
แล่มยิ้มเจื่อนแทนคำตอบ แล้วโบ้ยไปทางดอกแก้ว
"คือ นังแก้วมันร้อนใจอยากช่วยแม่เจ้าค่ะ ก็เลยต้องมา"
หลวงปกรณ์มองไปทางดอกแก้วที่ก้มหน้านิ่ง ภาพวัยเด็กตอนเจอกันในงานศพพ่อของดอกแก้วในวัดบ้านแพ้วผุดเข้ามาความทรงจำ คุณหลวงเพ่งมองเด็กสาวด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ
"โตแล้วสาวถึงเพียงนี้แล้วรึ"
ดอกแก้วยังก้มหน้านิ่ง
"เงยหน้าให้ฉันได้มองเต็มๆ ตาซิ"
ดอกแก้วค่อยๆ เงยหน้าขึ้น หลวงปกรณ์ตรึงใจทันที
"ดอกแก้วดอกนี้งามเสียจริง งามกว่าที่ฉันจะคาดถึง"
ดอกแก้วรู้สึกหวั่นๆ ผสมเกรงกลัว กับสายตาของหลวงปกรณ์ที่จ้องมองมา
"สวยและเข้มแข็งเหมือนอย่างที่สัญญาไว้กับฉันหรือเปล่า"
"เจ้าค่ะ"
แล่มได้ทีรีบโฆษณาขายของทันที
"โอ๊ย... คุณหลวงเจ้าขา มันทั้งเข้มแข็งทั้งเอาการเอางาน พายเรือขายของงกๆ ช่วยอิฉันทำมาหากิน คำบ่นสักคำไม่มีให้เข้าหูอิฉันเลยค่ะ นี่พอรู้ว่าท่านเรียกให้เข้ามาหา มาช่วยท่านทำงานทำการ มันถึงกับดีใจจนเนื้อเต้นเลยล่ะเจ้าค่ะ"
ดอกแก้วเหลือบตามองแม่ งงๆ
"มันต้องอย่างนี้สิ ถึงจะสมเป็นดอกแก้วของฉัน"
ดอกแก้วยิ่งไม่กล้าสู้หน้า
หลวงปกรณ์เสียงอ่อนลง แต่ยังเด็ดขาดอยู่
"ไม่ต้องกลัว คิดจะอยู่ที่นี่ก็อย่ากลัวฉัน"
"แสดงว่าคุณหลวงรับนังแก้วใช่ไหมเจ้าค่ะ"
คุณหลวงมองดอกแก้ว ด้วยความรู้สึกตรึงใจลึกๆ แล้วพยักหน้า
แล่มโล่งใจ
"นังแก้ว บุญใหญ่ตกใส่เอ็งแล้ว กราบคุณหลวงท่านเสียสิ ประเดี๋ยวท่านเปลี่ยนใจขึ้นมาจะยุ่ง"
"คนอย่างฉัน พูดคำไหนคำนั้น ในเมื่อแม่หนูดอกแก้วรักษาสัญญาที่เคยให้มั่นไว้กับฉัน ฉันจะกล้าคืนคำได้อย่างไร"
ดอกแก้วรีบก้มลงกราบคุณหลวง แล้วซบลงอย่างนั้นไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา
คุณหลวงยังมองดอกแก้วอยู่อย่างพิจารณา แม่แล่มมองสายตานั้นแล้วก็ลอบยิ้ม จับความในใจได้
หลวงปกรณ์นำแล่มกับดอกแก้วที่หิ้วกระเป๋าออกมา มีอึ่งตามมาด้วย
"นังอึ่ง เอ็งพาดอกแก้วไปดูที่พัก"
อึ่งเสียงสะบัดไม่เต็มใจ
"เจ้าค่ะ"
แล่มพยักหน้าให้ดอกแก้วตามอึ่งไป แต่ดอกแก้วลังเล
"แล้วแม่ล่ะจ๊ะ แม่จะอยู่กับฉันไม่ใช่เหรอ"
ดอกแก้วหน้าเสีย
"วุ้ย! นังลูกคนนี้ ข้าก็ไม่ได้จะไปไหน ต้องคุยกับคุณหลวงเขาก่อน"
หลวงปกรณ์ยิ้มเอ็นดู
"ท่าทางจะไม่เคยห่างอกแม่ล่ะสิ อย่ากลัวไปเลยดอกแก้ว เดี๋ยวแม่เขาจะตามไป"
ดอกแก้วสบายใจขึ้น
"ค่ะ"
อึ่งเบ้ปากหมั่นไส้
"ไปสิยะ"
อึ่งเดินสะบัดนำไป ดอกแก้วละล้าละลัง แล่มพยักหน้าให้ความมั่นใจว่าไม่ทิ้งไปไหน
อึ่งเดินลิ่วๆ มาทางเรือนพัก มีดอกแก้วหอบหิ้วของพะรุงพะรังตามมาอย่างลำบาก
อึ่งหันไปเท้าเอวด่า
"เดินเร็วๆ หน่อยสิยะ ฉันมีงานต้องทำอีกหลายอย่าง เยื้องยุรยาตรอยู่นั่นแหละ"
"จ้ะๆ"
ดอกแก้วพยายามสาวเท้าตาม อึ่งเดินขึ้นมาบนตึกไม้หลังไกลสุด
"แถวนี้เป็นบ้านพักคนงาน ส่วนใหญ่ก็อยู่กันเต็มหมดแล้ว เหลือแต่หลังนี้แหละ"
ดอกแก้วหอบของขึ้นบันไดตามไป บริเวณใต้ถุน เอี้ยงย่องเข้ามา ชะเง้อมองอย่างสนใจ อึ่งเอากุญแจไขประตูไม้ แล้วผลักเข้าไป ฉับพลันฝุ่นในห้องก็ฟุ้งกระจาย จนดอกแก้วต้องเอามือปิดจมูก แต่ก็จามออกมา
ดอกแก้วชะโงกหน้าเข้าไปมอง ภายในห้องพักโล่งๆ แต่กลับเต็มไปอยู่หยากไย่และฝุ่นจับเขรอะไปทั่ว
"นี่ไม่มีใครอยู่มานานเท่าไรแล้วจ๊ะ"
"ก็ซักสามปีได้ ตั้งแต่ยายพุด แม่ครัวคนเก่าตายไป ตายที่นี่แหละ"
ดอกแก้วทำหน้าหวาดๆ แล้วค่อยๆ เดินเข้าไป อึ่งยิ้มเยาะ
"เป็นยังไง อยู่ได้หรือไม่ได้ล่ะ แต่มันก็ไม่มีห้องพักอื่นให้แกหรอกนะ ถ้าไม่อยากอยู่ก็กลับบ้านนอกไปซะ"
ดอกแก้วตอบทันที
"อยู่ได้จ้ะ"
อึ่งหน้าเสีย เบ้ปาก ดอกแก้วเดินไปแตะๆ ฝุ่นอย่างสำรวจ
"แค่ปัดกวาดเช็ดถูซักหน่อยก็คงนอนได้ ฉันขอไม้กวาดกับผ้าขี้ริ้วซักผืน"
"ไปหาเอาเอง ฉันไม่ใช่ขี้ข้าแก"
อึ่งเหวี่ยงแล้วสะบัดหน้าเดินออกไป ดอกแก้วถอนใจ ก่อนมองภายในห้องอีกครั้ง เอี้ยงแอบมองดอกแก้วอย่างสนใจ
บริเวณสนาม หลวงปกรณ์ยื่นเงินให้ แล่มแทบตะครุบด้วยความโลภ
"นับเสียให้ครบ"
"ไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะ อิฉันรู้ว่าคนอย่างคุณหลวงไม่คดไม่โกง กับบ้านเมืองท่านยังซื่อสัตย์ คงจะไม่มาเอาเปรียบกับคนอย่างอีแล่ม"
หลวงปกรณ์นิ่ง รู้ว่าแล่มพูดประจบ แล่มทำกะลิ้มกะเหลี่ย เหมือนมีอะไรในใจ
"หลังจากนี้คุณหลวงก็เรียกใช้นังแก้วได้ตามสบายเลยนะเจ้าคะ อิฉันรับรองว่ามันทำได้ทุกอย่าง หรือจะให้มันปรนนิบัติพัดวีคุณหลวงแต่เพียงผู้เดียวก็สุดแล้วแต่คุณหลวงจะเมตตานะเจ้าคะ"
หลวงปกรณ์สะกิดใจ มองหน้าแล่มที่อย่างมีเลิศนัย
"แม่แล่มอย่าคิดการณ์ใดไปไกลนัก แม่หนูดอกแก้วฉันก็เคยพบเคยเห็นมาตั้งแต่เด็ก ผูกพันไว้บ้างด้วยคำสัญญา เมื่อเห็นว่าโตมายังไม่ลืมสัญญาที่ให้ไว้กับฉัน ฉันก็พอใจล่ะ"
"ดอกแก้วมันยังมีอะไรที่คุณหลวงน่าพึงพอใจอีกมากโขเจ้าค่ะ แล้วคุณหลวงจะได้เห็น"
"สิ่งใดจะเกิดก็ให้มันเกิด อย่าไปฝืน อย่าไปสั่งมันให้เกิดก็แล้วกัน ฉันไม่ชอบใจถ้ามันจะเป็นอย่างนั้น ลูกสาวแม่แล่มมาอยู่ ช่วยฉันทำงานล้างหนี้ให้แม่แล่ม นับเป็นลูกที่ดี ฉันเองก็ยินดี เรื่องมันก็มีอยู่เท่านี้ อย่าคิดให้มันมากเกินจริงเลย"
"เจ้าค่ะ แล้วอิฉันจะคอยดู"
แล่มแอบมีขัดใจที่ไม่ได้ดั่งใจ
เวลาต่อเนื่องมา ดอกแก้วเอาผ้าปิดปาก แล้วใช้มือกวาดหยากไย่ตามมุม พลางจามไปด้วย แล้วเดินไปเลื่อนบานหน้าต่างเปิดออก เจอจิ้งจกหล่นใส่ ร้องกรี๊ดตกใจ เห็นหนูวิ่งไปบนขื่อเสียงคึ่กๆ
ดอกแก้วถอนใจเฮือก พอหันมามองหน้าประตูก็เห็นเอี้ยงยืนอยู่ พร้อมกับไม้กวาดและถังน้ำ เรียกดอกแก้ว "เธอ"
"เอามาให้ฉันเหรอจ๊ะ"
"ใช่จ๊ะ"
เอี้ยงพยักหน้าแล้วเดินเข้ามา แล้วยื่นอุปกรณ์ทำความสะอาดให้
"ขอบใจนะจ๊ะ"
ดอกแก้วรับทั้งไม้กวาดกับถังน้ำที่เอี้ยงยื่นให้
"เดี๋ยวเธอกวาดนะ ฉันจะช่วยถู"
"ถ้าไม่ได้เธอ ... คืนนี้ ฉันคงไม่ได้นอนแน่ๆเลย"
"ฉันชื่อ ดอกแก้วนะจ๊ะ"
"ส่วนฉัน..."
ยังไม่ทันบอกชื่อ ... เสียงอึ่งก็ดังขึ้น
"นังเอี้ยง !"
เอี้ยงหันขวับ เห็นอึ่งเดินตีหน้ายักษ์เข้ามา
"อยู่นี่เองหรือ เรารึอุตส่าห์วิ่งตามหา นึกว่าไปวิ่งเล่นอยู่ที่ไหน ที่แท้ก็มามั่วสุมอยู่ที่นี่เอง มานี่เลย" อึ่งว่า
อึ่งกระชากเอี้ยงให้ลุกขึ้น มองค้อนดอกแก้วแล้วลากเอี้ยงลงเรือนไป เอี้ยงมองดอกแก้วอย่างเสียดายอยากอยู่ด้วยกันต่อ
" ฉันแค่อยากจะช่วย"
"ไม่ต้องช่วยเลย งานตัวเองไม่มีหรือไง หา"
ฝ่ายดอกแก้วมองตามอย่างสงสาร แต่ก็แอบยิ้มดีใจที่มีเพื่อนแล้ว
หน้าเดียวกัน - ย่อหน้าที่ 10 ความว่า " ดอกแก้วนุ่งกระโจมอกนั่งอยู่ที่บันไดท่าน้ำ"
ดอกแก้วนุ่งกระโจมอกนั่งอยู่ที่บันไดท่าน้ำ มีแล่มช่วยตักน้ำราดโครมๆ แล้วเอาขมิ้นขัดตัว
"แม่ พอได้แล้วฉันหนาว"
"เดี๋ยวสิวะ ทนอีกนิดนึงนังแก้ว ผิวจะได้สวยปะไร"
แล่มจับดอกแก้วขัดตัวไปมา อึ่งเดินลงมาที่ท่าน้ำกับเอี้ยง ปรายตามอง
"ฉันเป็นบ่าวเขา ยังไงก็ต้องเนื้อตัวมอมแมม แม่จะมาขัดสีฉวีวรรณฉันทำไม"
"วะ ก็เผื่อเอ็งมีวาสนา" แล่มชะงักไม่พูดต่อ "เผื่อวันหนึ่งเอ็งไม่ต้องเป็นบ่าวไงล่ะ"
"แม่พูดอะไร"
แล่มไม่ตอบ แต่จับดอกแก้วขัดตัวต่อ อึ่งมองอย่างหมั่นไส้ แล้วแกล้งเปรยกับเอี้ยง
"จำไว้นะนังเอี้ยง สัญชาติอีกามันก็คืออีกา ขัดให้หนังหลุด ยังไงมันก็เปลี่ยนเป็นหงส์ไม่ได้หรอกวะ"
แล่มได้ยินอึ่งพูดก็ชะงักมอง อึ่งทำไม่รู้ไม่ชี้ เดินลงมาที่ท่า
"หรือว่าจะคิดมักใหญ่ใฝ่สูง ระวังเถอะ จะกลายเป็นอีกาปีกหัก"
แล่มทนไม่ไหว กระแทกขัน
"มึงว่าเหน็บใคร"
"มีหัวคิดก็คิดเอาเองสิ"
อึ่งเดินเชิด เตรียมจะหย่อนขาลงอาบน้ำ แล่มแกล้งเอาขาขัด
"ว้าย!"
อึ่งเซถลาหล่นตูมลงไปในน้ำ แล้วทะลึ่งพรวดขึ้นมา ดอกแก้วกับเอี้ยงตกใจ
"อย่างนี้เหรอวะ ที่เขาเรียกว่าอีกาปีกหัก"
"มึงแกล้งกู"
อึ่งว่ายกลับเข้ามาฉุดกระชากกับแล่ม แล่มหล่นน้ำตามไปอีกคน
"แม่ !"
ดอกแก้วกับเอี้ยงรีบลงจะห้าม ขณะที่อึ่งกับแล่มกระชากตบกันไปมา แล่มได้ทีจับคออึ่งกดน้ำ
"ลองดีผิดคนแล้ว อีอึ่ง"
"ช่วยด้วย"
อึ่งดิ้นหายใจไม่ออก โผล่พรวดขึ้นมา แล่มจับกดน้ำลงไปอีก เอี้ยงร้องไห้ ทำมือทำไม้ให้หยุด ดอกแก้วหันไปมองอย่างสงสาร
"แม่! พอเถอะจ้ะ ถ้าเขาตายขึ้นมาเราจะเดือดร้อน"
แล่มชะงัก หันไปมองดอกแก้ว เอี้ยงยกมือไหว้อยู่ใกล้ๆ แล่มชะงัก ยอมละมือ อึ่งทะลึ่งพรวดขึ้นมาบนผิวน้ำ
"กูเห็นแก่อนาคตลูกกูหรอกนะ แต่ถ้าวันหน้ามึงยังปากพล่อยอีกล่ะก็ กูจะเอาตะกร้อมายัดปากมึง"
แล่มขึ้นจากน้ำ มีดอกแก้วประคอง เอี้ยงรีบไปช่วยดึงอึ่งที่ไอแค่กๆ อึ่งมองตามแค้นๆ ตะโกนด่าไล่หลัง
"หนอย! อนาคตบนต้นงิ้วสิไม่ว่า เป็นบ่าวแต่ไม่เจียมกะลาหัว สุดท้ายจะจบเหมือน อีมะลิ"
ดอกแก้วทำหน้างง หันไปมองแล่ม
ดอกแก้วกับแล่มก้มลงกราบสร้อยทองกับลำเจียกที่นั่งอยู่กับหลวงปกรณ์ราชกิจ บนโถงชั้นบนของตึกใหญ่
"แม่แล่มเป็นเมียนายสำราญ ลูกน้องเก่าฉันที่กรมยังไงล่ะ พอดีเขาลำบาก ก็เลยขอฝากลูกสาวมาทำงานที่นี่"
สร้อยทองกับลำเจียกมองดอกแก้วที่ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นสบตา
"ดอกแก้ว นี่คุณสร้อยทองกับคุณลำเจียก เมียของฉัน"
ลำเจียกมองหน้าตาดอกแก้วแล้วแอบระแวง สบตากับสร้อยทอง
"ทำไม คุณพี่ไม่บอกอิฉันกับคุณพี่สร้อยทองว่าจะรับบ่าวคนใหม่คะ"
"มันฉุกละหุก ฉันก็ไม่ได้คิดว่าแม่แล่มจะรีบมา แต่ไหนๆ มาแล้วก็ต้องรับไว้ ไม่งั้นก็ต้องกระเตงกันกลับไปอีก แม่สร้อยทองไม่มีปัญหาไม่ใช่หรือ"
สร้อยทองมองหน้าดอกแก้วที่ดูสงบเสงี่ยม
"ถ้ามาเป็นบ่าวเท่านั้น อิฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอกคะ ดีเหมือนกัน นังมะลิมันไม่อยู่แล้ว จะได้มีคนรับใช้แม่ลำเจียก"
"ไม่ล่ะค่ะ อิฉันไม่เอา"
ลำเจียกมองดอกแก้วอย่างเชิดใส่ ดอกแก้วหน้าจ๋อยไป
"ถ้าคุณพี่จะเมตตาอิฉันขออย่างนังอึ่งก็แล้วกัน ส่วนแม่คนนี้ก็ให้ไปทำงานไกลๆ หูไกลๆ ตาอิฉันเถอะค่ะ อิฉันไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนนังมะลิอีกคน"
ลำเจียกตวัดสายตามอง ดอกแก้วจ๋อย แอบกลัวลำเจียก
"ไม่เอาน่า เรื่องมันจบไปแล้วน่ะแม่ลำเจียกจะรื้อฟื้นหาตะเข็บทำไม"
"นั่นสิ ว่าแต่แม่สร้อยกับแม่ลำเจียกไปเยี่ยมมันมาไม่ใช่รึ มันเป็นอย่างไรบ้างล่ะ"
ลำเจียกหมั่นไส้ที่หลวงปกรณ์ถามหา
"นังมะลิมันออกจากโรงพยาบาลไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วค่ะ"
หลวงปกรณ์แปลกใจ
"จะออกไปได้ยังไง ก็ยังเจ็บหนักซะขนาดนั้นน่ะ ยังไงกันแม่สร้อย"
สร้อยทองอึกอักนิดหน่อย
"ก็เห็นว่ามีญาติที่มาจากบ้านนอก เข้ามารับตัวไปรักษากันเองต่อที่บ้าน"
"พวกมันคงคิดว่าบ้านเราจะรังเกียจรังควานนังมะลิมันหนักหนา..แต่ว่ามันไปซะได้ก็ดี อยู่ไปมันก็ขวางหูขวางตา"
"ก็มัวแต่คิดแบบนี้นะสิ ใจตัวถึงไม่สงบ"
"นี่คุณพี่หาว่าอิฉันฟุ้งเหรอคะ ที่น้องเป็นแบบนี้ก็เพราะใครล่ะคะ ถ้าไม่ใช่คุณพี่"
ลำเจียกโมโหกระทืบเท้าออกไป หลวงปกรณ์ได้แต่ส่ายหน้า สร้อยทองมองตามแล้วหันมามองดอกแก้ว
"ตกลงถ้าแม่ลำเจียกเขาไม่อยากได้คนไว้คอยรับใช้ งั้นฉันเอาไว้ใช้เอง เอ๊ะ เธอชื่ออะไรนะ"
ดอกแก้วก้มหน้าตอบ
"ดอกแก้วเจ้าค่ะ"
คุณสร้อยทองยิ้มให้ ดอกแก้วค่อยๆ เหลือบตาขึ้นมองสร้อยทองอย่างเกรงๆ แต่ก็สัมผัสได้ถึงความมีเมตตาในสายตานั้น
ดอกแก้วนุ่งกระโจมอกนั่งอยู่ที่บันไดท่าน้ำ มีแล่มช่วยตักน้ำราดโครมๆ แล้วเอาขมิ้นขัดตัว
"แม่ พอได้แล้วฉันหนาว"
"เดี๋ยวสิวะ ทนอีกนิดนึงนังแก้ว ผิวจะได้สวยปะไร"
แล่มจับดอกแก้วขัดตัวไปมา อึ่งเดินลงมาที่ท่าน้ำกับเอี้ยง ปรายตามอง
"ฉันเป็นบ่าวเขา ยังไงก็ต้องเนื้อตัวมอมแมม แม่จะมาขัดสีฉวีวรรณฉันทำไม"
"วะ ก็เผื่อเอ็งมีวาสนา" แล่มชะงักไม่พูดต่อ "เผื่อวันหนึ่งเอ็งไม่ต้องเป็นบ่าวไงล่ะ"
"แม่พูดอะไร"
แล่มไม่ตอบ แต่จับดอกแก้วขัดตัวต่อ อึ่งมองอย่างหมั่นไส้ แล้วแกล้งเปรยกับเอี้ยง
"จำไว้นะนังเอี้ยง สัญชาติอีกามันก็คืออีกา ขัดให้หนังหลุด ยังไงมันก็เปลี่ยนเป็นหงส์ไม่ได้หรอกวะ"
แล่มได้ยินอึ่งพูดก็ชะงักมอง อึ่งทำไม่รู้ไม่ชี้ เดินลงมาที่ท่า
"หรือว่าจะคิดมักใหญ่ใฝ่สูง ระวังเถอะ จะกลายเป็นอีกาปีกหัก"
แล่มทนไม่ไหว กระแทกขัน
"มึงว่าเหน็บใคร"
"มีหัวคิดก็คิดเอาเองสิ"
อึ่งเดินเชิด เตรียมจะหย่อนขาลงอาบน้ำ แล่มแกล้งเอาขาขัด
อึ่"ว้าย!"
อึ่งเซถลาหล่นตูมลงไปในน้ำ แล้วทะลึ่งพรวดขึ้นมา ดอกแก้วกับเอี้ยงตกใจ
"อย่างนี้เหรอวะ ที่เขาเรียกว่าอีกาปีกหัก"
"มึงแกล้งกู"
อึ่งว่ายกลับเข้ามาฉุดกระชากกับแล่ม แล่มหล่นน้ำตามไปอีกคน
"แม่ !"
ดอกแก้วกับเอี้ยงรีบลงจะห้าม ขณะที่อึ่งกับแล่มกระชากตบกันไปมา แล่มได้ทีจับคออึ่งกดน้ำ
"ลองดีผิดคนแล้ว อีอึ่ง"
"ช่วยด้วย"
อึ่งดิ้นหายใจไม่ออก โผล่พรวดขึ้นมา แล่มจับกดน้ำลงไปอีก เอี้ยงร้องไห้ ทำมือทำไม้ให้หยุด ดอกแก้วหันไปมองอย่างสงสาร
"แม่! พอเถอะจ้ะ ถ้าเขาตายขึ้นมาเราจะเดือดร้อน"
แล่มชะงัก หันไปมองดอกแก้ว เห็นเอี้ยงร้องออกด้วยอาการท่าทางอี๊อ๋า ยกมือไหว้ขอให้อย่าทำอึ่ง อยู่ใกล้ๆ แล่มชะงัก ยอมละมือ อึ่งทะลึ่งพรวดขึ้นมาบนผิวน้ำ
"กูเห็นแก่อนาคตลูกกูหรอกนะ แต่ถ้าวันหน้ามึงยังปากพล่อยอีกล่ะก็ กูจะเอาตะกร้อมายัดปากมึง"
แล่มขึ้นจากน้ำ มีดอกแก้วประคอง เอี้ยงรีบไปช่วยดึงอึ่งที่ไอแค่กๆ อึ่งมองตามแค้นๆ ตะโกนด่าไล่หลัง
"หนอย! อนาคตบนต้นงิ้วสิไม่ว่า เป็นบ่าวแต่ไม่เจียมกะลาหัว สุดท้ายจะจบเหมือน อีมะลิ"
ดอกแก้วทำหน้างง หันไปมองแล่ม
ณ เรือนพักดอกแก้ว เวลากลางคืน ดอกแก้วเดินเข้ามาหาแล่มที่กำลังเช็ดผมอยู่
"มะลิคือใครเหรอจ๊ะแม่"
"ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เอ็งจะอยากรู้ไปทำไมวะ"
"วันนี้ฉันได้ยินคนพูดถึงชื่อ มะลิถึงสองครั้งสองครา แล้วทำไมเขาต้องแขวะฉันว่าไม่เจียมตัวด้วย"
แล่มทำหน้าอึดอัดใจหันหน้าหนี ดอกแก้วมองแม่จับพิรุธ
"แม่ แม่รู้ใช่มั๊ยว่าพวกเค้าหมายถึงอะไร แม่"
ดอกแก้วมองแม่คาดคั้นเอาคำตอบ แล่มอึกอัก
"ถ้าแม่ไม่บอกฉัน ฉันจะเก็บข้าวของแล้วกลับบ้านแพ้วคืนนี้เลย"
ดอกแก้วทำท่าจะเก็บของ แล่มตกใจรีบห้าม
"อ้าวเฮ้ยเดี๋ยวสิวะ...นังแก้ว ข้าบอกก็ได้วะ นังพวกนั้นมันอิจฉาที่เอ็งจะมาเป็นนายผู้หญิงของบ้านนี้น่ะสิ"
ดอกแก้วตกใจ เผลอพูดเสียงดัง
"อะไรนะแม่"
"บ๊ะ! ... เอ็งจะตกอกตกใจอะไร"
"ฉันมาเป็นแค่บ่าวในบ้านท่าน มากสุดท่านก็คงเมตตาเลี้ยงดูไปตามประสาบ่าว"
แล่มขึ้นเสียงสูง
"แล้วเอ็งอยากเป็นบ่าวไปจนตายรึไง!"
ดอกแก้วสีหน้าช็อก แล่มถือโอกาสกล่อมต่อ
"คิดดูดีๆ นะนังแก้ว ถ้าเลือกได้ ข้าก็ไม่อยากให้ต้องมาทำงานต่ำๆ เป็นคนใช้เขาหรอก ตอนนี้เอ็งมีทางเลือกแล้ว"
"เลือก"
"ก็เลือกว่าจะก้มหน้าทำงานงกๆ หรือจะเงยหน้าให้ท่านได้เชยชม"
ดอกแก้วนิ่งอยู่อึดใจ แล้วปฏิเสธ
"ไม่จ้ะ ฉันไม่เลือกอะไรทั้งนั้น"
"ทำไม"
"ฉันสำนึกในพระคุณท่านมาตั้งแต่เล็กจนโต แต่ไม่เคยคิดรักใคร่ท่านมากไปกว่าผู้มีพระคุณ อีกอย่างท่านก็มีเมียอยู่แล้วตั้งสองคน"
"พวกผู้ชายบุญหนักศักดิ์ใหญ่เขาก็มีเมียกันทีละหลายคนทั้งนั้นแหละ มันเป็นการแสดงอำนาจบารมี เอ็งจะไปคิดมากทำไม"
"ยังไงฉันก็ไม่ตกลง" ดอกแก้วมองแม่อย่างตัดพ้อ "ฉันยอมมาทำงานที่นี่ เพราะฉันอยากจะให้แม่มีเงินไปใช้หนี้เสี่ยเฮง ฉันไม่ได้อยากเป็นคุณนาย"
แล่มถอนใจเซ็ง ดอกแก้วเข้าไปอ้อนแม่
"แม่ ฉันยอมขายแรงกายเพื่อไถ่หนี้ให้แม่ แต่แม่อย่าบังคับให้ฉันทำมากกว่านั้นเลยนะ เหลือศักดิ์ศรีไว้ให้ฉันบ้างเถอะ" ดอกแก้วเสียงเครือ
ดอกแก้วน้ำตาคลอๆ แล่มแอบละอายใจ ไม่กล้าขืนใจ
"เออๆ ไม่เอาก็ไม่เอา"
ดอกแก้วยิ้มทั้งน้ำตา โผเข้ากอดแล่มอย่างซาบซึ้งใจ แล่มผิดหวัง คิดแผนเอาไงต่อดี
อ่านต่อหน้า 2
ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 3 (ต่อ)
หลวงปกรณ์ราชกิจนั่งกินข้าวกับเมียทั้งสอง ลำเจียกหน้าบึ้งตึงบอกบุญไม่รับ บรรยากาศอึมครึม
ส่วนศรีกับอึ่งรับใช้อยู่ห่างๆ ดอกแก้วเข้ามา
"แม่ดอกแก้วมาแล้วเจ้าค่ะ คุณสร้อยทอง" ศรีบอก
หลวงปกรณ์ได้ยินก็หันไปมองทันที ดอกแก้วโผล่ขึ้นบันไดมา ท่าทางกล้าๆ กลัวๆ
อึ่งเข้าไปเลื่อนสำรับของคาวออก แล้วลำเลียงของหวานให้เจ้านาย แล้วหันไปส่งสายตาจิกดอกแก้วให้ออกมาช่วย
ดอกแก้วรีบคลานเข้ามาช่วยอึ่งหยิบจับ โดยมีสายตาของหลวงปกรณ์มองอยู่ตลอดเวลา
คุณหลวงทักอย่างปรานี
"เป็นยังไงบ้างแม่ดอกแก้ว เริ่มจะชินกับบ้านนี้หรือยัง"
"ช...ชินแล้วค่ะ"
สร้อยทองกับลำเจียกมองท่าทีของดอกแก้ว เห็นดอกแก้วเอาแต่ก้มหน้าก้มตาอย่างประหม่า
"ดีมาก อย่ามัวแต่เป็นลูกแหง่ติดแม่อยู่เลย โตเป็นสาวแล้ว"
หลวงปกรณ์ยิ้มมอง สร้อยทองมองเห็นรีบตัดบท
"ดอกแก้ว เข้าไปช่วยนังศรีจัดห้องฉันที จะได้รู้ว่าเขาทำกันยังไง"
ดอกแก้วรับคำเบาๆ แล้วรีบค้อมตัวออกไป โหลวงปกรณ์มองตาม ลำเจียกเริ่มไม่ชอบใจ วางช้อน สายตาจ้องดอกแก้วระแวง
"อิฉันอิ่มแล้วขอตัวนะคะ"
พูดจบลำเจียกลุกไป หลวงปกรณ์ไม่สนใจ ยิ้มอย่างมีความสุข สร้อยทองมองตามลำเจียกและหันมามองผัว ตอนนี้ก็พอรู้ว่า หลวงปกรณ์อาจสนใจดอกแก้วเข้าให้แล้ว
กลางคืนต่อเนื่องมา สร้อยทองเปิดประตูเข้ามาในห้อง เห็นดอกแก้วจัดที่นอนเสร็จพอดี ศรีนั่งอยู่ห่างๆ
สร้อยทองมองดูผลงาน
"เรียบร้อยดี แสดงว่าหล่อนคงจะเป็นคนมีระเบียบพอสมควร ขอให้ทำให้ได้อย่างนี้ทุกวันนะ"
"ค่ะ คุณสร้อยทอง"
ดอกแก้วหยิบหนังสือตำราสมุนไพรบนเตียง ไปวางไว้ที่โต๊ะข้างหัวนอน แล้วชะงักนิดนึง เมื่อเห็นรูปดอกแก้วบนปกหนังสือนั้น
"อ่านออกหรือ"
"ออกค่ะ ตำรับยาโบราณ"ดอกแก้วอ่านตามชื่อหนังสือเล่มนั้น "ดอกแก้วก็เป็นยาด้วยรึเจ้าคะ"
"ใช่ มีดอกไม้หลายชนิดที่ทำยาได้ เอาไว้หล่อนขึ้นมาทำงานบนนี้บ่อยๆ แล้วฉันจะเล่าให้ฟัง"
ดอกแก้วยิ้มยินดี
"ขอบพระคุณ คุณสร้อยทองเจ้าค่ะ"
สร้อยทองหยิบขวดยาน้ำบนโต๊ะส่งให้ดอกแก้ว
"เอายาขวดนี้ไปให้แม่ลำเจียกที เห็นเขาบ่นว่าหน้ามืด เสร็จแล้วก็ไปพักผ่อนเถอะ"
ดอกแก้วรับคำ แล้วเข้ามารับยา ก่อนจะคลานออกไป สร้อยทองมองตาม สำรวจท่าทางของดอกแก้วอย่างครุ่นคิดว่า แสแสร้งแกล้งแอ๊บหรือเปล่า
ดอกแก้วถือขวดยามาที่ห้องลำเจียก เจอกับหลวงปกรณ์ที่ลงบันไดมาพอดี
"จะไปไหนหรือดอกแก้ว"
ดอกแก้วชะงัก ก่อนจะตอบอย่างนอบน้อม
"เอายาไปให้คุณลำเจียกค่ะ"
"ยาอะไร ไหนขอฉันดูซิ"
หลวงปกรณ์รับยาจากมือดอกแก้ว จังหวะเดียวกับที่ลำเจียกเปิดประตูออกมาพอดี ลำเจียกมเห็นดอกแก้วเหมือนจับมือกับหลวงปกรณ์
"คุณพี่"
หลวงปกรณ์ชะงัก ดึงมือออกจากดอกแก้ว ลำเจียกจ้องอย่างระแวง
"แล้วแกมายืนทำอะไรตรงนี้"
ดอกแก้วรีบส่งยาให้
"คุณสร้อยทองฝากยามาให้คุณลำเจียกค่ะ"
ลำเจียกหรี่ตามองจับผิดดอกแก้ว ดอกแก้วก้มหน้ากลัว หลวงปกรณ์ตัดบท
"ฉันก็จะมาหาแม่ลำเจียกนี่แหละ แต่เจอดอกแก้วเขาเสียก่อน"
ลำเจียกยิ้มปลื้ม คลายกังวลที่เห็นดอกแก้ว
"คุณพี่มาหาอิฉันเหรอคะ"
"เห็นหล่อนไม่ทานข้าวทานปลาเลย ฉันก็เป็นห่วง หล่อนจะนอนหรือยังล่ะ ฉันว่าจะมาคุยด้วยหน่อย"
หลวงปกรณ์ยิ้ม ลำเจียก จากหน้าบึ้งก็ยิ้มปลื้ม
"เชิญสิคะคุณพี่ แกลงไปได้แล้วนังอึ่ง" ลำเจียกมองค้อนดอกแก้ว "แกด้วย" ลำเจียกรีบปิดประตู
ดอกแก้วยืนถอนใจโล่งอก แต่พอเห็นสายตาของอึ่งที่จ้องมองจะหาเรื่อง ดอกแก้วรีบก้มหน้าลงบันไดไป
ดอกแก้วรีบลงบันไดไปเพราะไม่อยากมีเรื่องกับอึ่ง แต่อึ่งวิ่งไปดักหน้าไว้
"อยู่ดีไม่ว่าดี คิดจะลองของกับคุณลำเจียกนะเอ็ง"
"พี่อึ่งหมายถึงอะไรจ๊ะ"
"ฮึ ทำเป็นตีหน้าซื่อ ข้าจะเตือนเอาไว้นะ จะมาทำหงิมๆ หยิบชิ้นปลามันที่นี่ ระวังจะเจอดีเหมือนนังมะลิ บ่าวเก่าของคุณลำเจียก ตอนนี้มันนอนหน้าเป็นผีอยู่ที่โรงพยาบาลโน่น"
ดอกแก้วตกใจ อึ่งแสยะยิ้มขู่
"ถ้าเอ็งอยากรู้ว่าคุณลำเจียกทำอะไรนังมะลิ ก็เชิญถวายตัวให้คุณหลวง เดี๋ยวเอ็งจะได้รู้" อึ่งหัวเราะเยาะเสียงสูงแล้วเดินออกไป
ดอกแก้วหน้าซีด เริ่มกลัวลำเจียกเข้าใจผิด
วันใหม่ แล่มผัดแป้งอยู่หน้ากระจกบานเล็กๆ ที่เอามาจากบ้าน แต่งตัวดีเตรียมจะออกจากบ้าน
"อะไรของเอ็งนะนังแก้ว อยู่ๆ จะมาชวนข้ากลับบ้าน"
"เราคืนเงินให้คุณหลวงไปดีกว่า เดี๋ยวฉันจะลองหาเงินทางอื่นมาใช้หนี้ให้แม่"
"เอ็งจะบ้าเหรอ มาจนถึงที่แล้วจะหันหัวเรือกลับได้ยังไงวะ"
"ถ้าแม่อยากให้ฉันทำงานขัดดอก ฉันไปขอความเมตตาจากคนอื่นก็ได้จ้ะ แถวนี้มีบ้านใหญ่ๆ ตั้งหลายบ้าน"
"โอ๊ย แล้วมันเรื่องอะไรที่ฉันต้องพาแกเร่หางานทำทั่วเมือง ก็ในเมื่อคุณหลวงท่านเมตตาเอ็งแล้ว อยู่ที่นี่แหละ อย่าเรื่องมากนักเลย"
แล่มคว้ากระเป๋าสตางค์ ลุกขึ้น ดอกแก้วมองตาม
"แล้วนี่แม่จะไปไหนจ๊ะ"
"ก็ไปที่ชอบๆ ของฉันน่ะสิ ส่วนเอ็งก็ไปทำความรู้จักคนอื่นๆไว้ซะ จะได้มีพวกมีพ้องกับเค้า"
แล่มสะบัดลงจากเรือนไป ดอกแก้วถอนใจเซ็ง หมดปัญญาไปจากที่นี่
ดอกแก้วเดินถือข้าวมามองหาที่นั่งกินข้าวเห็นว่าเอี้ยงนั่งกินอยู่คนเดียวจึงเดินมานั่งด้วย
"ขอฉันนั่งด้วยคนนะ"
เอี้ยงมองหน้าดอกแก้วพยักหน้ายิ้มๆ ดอกแก้วลงนั่งกำลังจะลงมือกิน อึ่งเดินเข้ามา ส่งเสียงเอะอะโวยวายขึ้นมา
"งานการยังไม่ทันขยับมือจะมานั่งขยับปากกินไม่อายคนอื่นรึยังไง งานมีตั้งหลายอย่างให้หยิบให้จับ ดอกแก้วชะงักกึก เอี้ยงสงสาร ดอกแก้ววางช้อนลงทันทีเพราะไม่อยากต่อความยาว ดอกแก้วเดินไปที่ป้าหมอน
"มีอะไรให้ช่วยบ้างจ๊ะ"
"เอ็งไปช่วยเขาตักแกงทางโน้นไป"
ดอกแก้วรีบตามไปที่เตา เห็นเข็มกำลังตักแกงใส่ถ้วยเพื่อจัดสำรับ เลยเข้าไปช่วย
"ฉันช่วยจ้ะ"
ดอกแก้วหยิบถ้วยลายครามส่งให้เข็ม เข็มตักแกงใส่ให้ ดอกแก้วรับแกงเดินมาจะวางลงสำรับ อึ่งยิ้มเดินปรี่เข้ามาชนดอกแก้วจนน้ำแกงร้อนๆหกรดใส่แขนดอกแก้ว
"โอ๊ย !"
ดอกแก้วตกใจ ลืมตัวปล่อยมือจนถ้วยลายครามหล่นเพล้ง !
"ว้าย ตายแล้ว ! ดูสิดูถ้วยชามรามไหแตกหมดแล้ว หมดกันพวกคุณๆไม่ต้องได้กินกันล่ะทีนี้"
"เอะอะอะไรกันน่ะ"
ลำเจียกเดินเข้ามาเห็น อึ่งได้โอกาสฟ้อง
"ก็แม่ดอกแก้วน่ะสิเจ้าคะ มือห่างตีนห่างทำถ้วยชามแตกหมดเลยเจ้าค่ะ คนยิ่งรีบก็มาทำให้ช้า"
ดอกแก้วรู้ดีว่า ไม่มีประโยชน์ที่จะพูด
"เอ่อ...แก้วขอโทษเจ้าค่ะ ถ้วยมันร้อนน่ะเจ้าค่ะ"
ลำเจียกมองดอกแก้วเหยียดๆ
"ถ้ารู้ว่าร้อนก็อย่าริเอื้อมมือไปจับอยู่ให้ห่างไว้ ที่นี่ไม่ใช่ที่ของหล่อน จะไปไหนก็ไป"
ดอกแก้วจ๋อยๆ เอามือลูบแขนที่โดนลวกแล้วถอยไป เอี้ยงมองตามดอกแก้วอย่างสงสาร
ดอกแก้วเอาผ้าชุบน้ำเช็ดแขนที่ถูกน้ำแกงลวกอยู่ เอี้ยงยื่นชามใส่ยาตรงหน้า เป็นยาจำพวกใบบัวบกตำละเอียดไว้พอกแผล
"เอี้ยง"
เอี้ยงพยักหน้าแล้วชี้ที่ยาทำท่าทางหยิบยาไปโปะที่แผลที่โดนลวก
"ให้เอายานี่โปะที่แขนรึ"
เอี้ยงพยักหน้ายิ้มรับ
"ขอบใจนะจ๊ะ" ดอกแก้วพูดพลางยิ้มเศร้า
ดอกแก้วรับยามาทา เอี้ยงหันไปมองรอบๆ ห้อง แล้วสะดุดตาที่กระถางซ่อนกลิ่นที่มุมห้องจึงเดินไปดู ดอกแก้วมองเห็นเอี้ยงสนใจดอกไม้
"ดอกไม้นี่เค้าเรียกว่า ดอกซ่อนชู้ จ้ะ สวยใช่มั๊ยล่ะ กลิ่นก็หอมด้วยนะ"
เอี้ยงก้มหน้าลงไปดม แล้วพยักหน้ายิ้มจริงๆด้วย เอี้ยงทำมือบอกให้เอาดอกซ่อนชู้ ไปปลูกลงดิน
ดอกแก้วทำหน้างงแล้วเริ่มเข้าใจ
"จะให้ฉันเอาไปปลูกลงดินเหรอ"
เอี้ยงพยักหน้า ตื่นเต้น
ดอกแก้วยิ้มให้เอี้ยงแล้วมองที่ดอกไม้คิดๆ
ดอกแก้วปลูกดอกซ่อนกลิ่นลงดินที่ริมแม่น้ำ บริเวณลานหลังบ้าน เธอมองไปที่ดอกไม้แล้วครุ่นคิดไปถึงอดีต
เทพไทกับดอกแก้วที่ริมน้ำ
"คุณว่าน้ำในคลองสายนี้จะไหลไปถึงพระนครไหม" ดอกแก้วถาม
"ไม่ถึงหรอก"
ดอกแก้วหน้าเสีย
"แต่มันไหลไปบรรจบกับแม่น้ำที่ไหลมาจากพระนคร ดอกแก้วถามทำไมเหรอครับ"
"บ้านแพ้วกับพระนครเชื่อมต่อกันด้วยสายน้ำ....หากในภายภาคหน้าจะไม่ได้พบได้เจอกันอีก แก้วจะระลึกถึงพระคุณของคุณผ่านสายน้ำนี้นะจ๊ะ"
ดอกแก้วยิ้มเศร้าๆให้เทพไท
"เราต้องได้เจอกันสิ ต้องได้เจอแน่ๆ ผมสัญญา"
ดอกแก้วนั่งอยู่ริมน้ำ ข้างกายเป็นดอกซ่อนชู้ที่เพิ่งปลูกเสร็จ
"แก้วจะรอคุณอยู่ที่พระนครนี่ หากวันใดคุณผ่านมา ขอให้คุณเห็นดอกซ่อนชู้ นี้ด้วยเถิด " ดอกแก้วเอามือแตะระผิวน้ำ "ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใด ขอฝากความระลึกถึงคุณไปกับสายน้ำนี้ ขอให้คุณรับรู้ด้วยเถิดว่าแก้วคิดถึงคุณ...คิดถึงเหลือเกิน"
ดอกแก้วนั่งร้องไห้
รถเก๋งคันงามแล่นผ่านประตูรั้วบ้านนพรัตน์เข้ามา แล้วจอดลงที่หน้าตึก เพิ่มพูน วัย 55 ปีกับโกสุม สองผัวเมียเจ้าของโรงพิมพ์ยินดีสารลงจากรถ ทั้งคู่แต่งตัวโก้ภูมิฐาน โกสุมดูเป็นคุณนายนิดๆ
ศรีวิ่งลงมาจากบันไดตึก ไหว้ทั้งสอง
"คุณเพิ่มพูน คุณโกสุม คุณสร้อยทองให้เรียนเชิญด้านในเลยค่ะ"
โกสุมวัย 50 พยักหน้า หันไปมองในรถ แล้วเอ่ยเสียงหวาน
"สารภี ลงมาสิจ๊ะลูก"
ประตูรถตอนหลังค่อยๆ เปิดออก สารภีแต่งตัวสวยเข้ายุคสมัย ก้าวลงมา ท่าทางหยิ่งๆ เชิดๆ
ทั้งสามเดินตามศรีขึ้นตึกไป
ทั้งสามคนนั่งอยู่ที่ห้องรับแขกกับสร้อยทอง เพิ่มพูนเลื่อนหนังสือสวดมนต์ชุดหนึ่งให้สร้อยทอง
"พอดีว่าโรงพิมพ์เรารับเป็นเจ้าภาพพิมพ์หนังสือสวดมนต์แจกงานฉลองพระใหญ่ ผมก็เลยนึกถึงคุณสร้อยทองครับ"
"ขอบคุณนะคะ ไหนๆ ก็มากันแล้วเชิญทานมื้อเที่ยงด้วยกันเสียเลย"
สองผัวเมียกระหยิ่มรับคำเชิญ ขณะที่สารภีกวาดสายตามองไปรอบๆจนสร้อยทองเห็น
"มองหาอะไรจ๊ะสารภี"
"พี่เทพไทไปไหนซะล่ะคะคุณน้า"
"พ่อเทพไปต่างจังหวัดน่ะจ้ะ"
"ว้า!! อย่างนี้สารภีก็มาเสียเที่ยวน่ะสิคะ"
สร้อยทองขมวดคิ้ว นึกไม่ถึงว่าสารภีจะพูดอย่างไม่เกรงใจ โกสุมรีบแก้แทน
"สารภีแกจะมาปรึกษาพ่อเทพไทเรื่องเรียนน่ะค่ะ ปีนี้จะสอบเข้าจุฬา เลยอยากให้พ่อเทพไทช่วยติวหนังสือให้"
"รออีกซักสองวันเถอะจ้ะ"
"งั้นคุณพ่อกับคุณแม่คุยกับคุณน้าสร้อยทองไปก่อนนะคะ สารภีจะเดินเล่นล่ะ ขี้เกียจฟังคนแก่คุยกัน"สารภีลุกออกไปทันที
สร้อยทองสะอึกกับคำพูดไม่เกรงใจจนหน้าเปลี่ยน โกสุมได้แต่ยิ้มเจื่อน
สารภีเดินเล่นไปรอบบ้าน ดูของตกแต่งต่างๆ หยิบจับอย่างไม่เกรงใจเจ้าบ้าน จนมาถึงหน้าห้องเทพไท พอเห็นประตูแง้มอยู่ ก็ถือวิสาสะผลักเข้าไปทันที
พอเข้ามาในห้อง สารภีมองสำรวจเห็นของตกแต่งที่ดูเป็นผู้ชายๆ ก็พอจะเดาออก
"ห้องพี่เทพแน่ๆ"
สารภีเปิดดูตู้เสื้อผ้า เห็นชุดของเทพไทแขวนอยู่ ก็หยิบมาลูบๆ คลำๆ ด้วยอาการหลงใหลได้ปลื้ม
ไม่เท่านั้นยังเอาเสื้อเทพไทมาแนบตัว แล้วก็นอนลงบนเตียงแบบเพ้อๆ
อ่านต่อหน้า 3
ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 3 (ต่อ)
ดอกแก้วเอาผ้าห่มนวมในห้องเทพไทมาตากแดด เอาไม้ตบฟูกตี แล้วจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงแว่วดังมา
"อย่าสิคะพี่เทพไท นี่มันกลางวันแสกๆ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า" พร้อมกับเสียงหัวเราะระริกระรี้
ดอกแก้วชะงัก...แปลกใจ
สารภีลุกขึ้นหยิบน้ำหอมบนโต๊ะของเทพไทมาฉีดเล่นอย่างเพลินใจ ดอกแก้วเดินเข้ามา
"อุ๊ย !"
สารภีหันไปเห็นก็ตกใจ ทำขวดน้ำหอมหลุดมือแตกดังเพล้ง !
"แก ! เข้ามาทำไม"
"เอ่อ ฉัน..."
ดอกแก้วยังไม่ทันตอบ สร้อยทอง เพิ่มพูน โกสุมก็ตามเข้ามา
"มีอะไรกันหนูสารภี ดอกแก้ว"
สร้อยทองเห็นขวดน้ำหอมตกแตกที่พื้น สารภีถือโอกาสฟ้อง
"ก็นังคนนี้สิคะ ซุ่มซ่ามทำน้ำหอมของพี่เทพไทตกแตก"
ดอกแก้วตกใจ
"ฉันเปล่านะคะ คุณต่างหากที่ทำ"
"นี่แก จะใส่ร้ายฉันเหรอ"
สารภีปราดเข้าไปจะเอาเรื่องดอกแก้ว แต่เพิ่มพูนกับโกสุมช่วยกันรั้งไว้ ดอกแก้วรายงานสร้อยทอง
"แก้วเอาผ้านวมไปตากที่ระเบียง แต่ได้ยินเสียงคนก็เลยเดินเข้ามาดูเจ้าค่ะ เห็นคุณคนนี้เธอ..."
"โกหก! อย่าไปเชื่อมันนะคะคุณน้า ขี้ข้าตลบแตลงอย่างนี้เลี้ยงเอาไว้ไม่ได้ "
สร้อยทองน้ำเสียงเฉียบขาด
"ฉันจะตัดสินเองว่าใครกันแน่ที่ตลบแตลง !"
สารภีชะงักกึก สร้อยทองหันมามองด้วยสายตาคมกริบ เดินเข้าไปใกล้
"หนูสารภีตอบคำถามฉันมาก่อน ว่าถ้าดอกแก้วทำน้ำหอมตกแตกจริง ทำไมกลิ่นมันถึงไปติดที่ตัวของเธอ"
สารภีอึ้ง หน้าถอดสี ไม่กล้าตอบ แต่สร้อยทองจ้องมองแบบคาดคั้น โกสุมเห็นท่าไม่ดีก็หัวเราะกลบเกลื่อน
"เรื่องเด็กๆ ทะเลาะกันน่ะค่ะคุณสร้อย อย่าถือสาเลยนะคะ เอาเป็นว่า เดี๋ยวอิฉันจะซื้อขวดใหม่มาใช้ให้นะคะ"
สองผัวเมียยิ้มประจบสร้อยทอง สารภีเจ็บใจ มองเลยไปยังดอกแก้วอย่างแค้นใจ
ดอกแก้วกราบสร้อยทองที่นั่งอยู่บนเตียงอย่างซาบซึ้งใจ
"ขอบพระคุณเจ้าค่ะที่คุณสร้อยทองที่ปกป้องแก้ว"
"ฉันก็ว่าไปตามผิดถูก เพราะฉันไม่ชอบใครมาหาเรื่องรังแกคนในบ้าน แม่สารภีน่ะ นิสัยเขาเป็นอย่างนั้นมานานแล้วเพราะพ่อแม่ให้ท้าย แต่จะไปว่ากล่าวมากก็ไม่ได้ เพราะครอบครัวเขาเป็นเพื่อนสนิทของคุณหลวง เจอกันคราวหน้าเธอก็หลบเขาหน่อยก็แล้วกัน ส่วนเรื่องน้ำหอม เดี๋ยวพ่อเทพกลับมาฉันบอกเอง"
ดอกแก้วได้ยินชื่อก็เอะใจ
"คุณเทพ เจ้าของห้องนั้น...ชื่อเทพเหรอคะ"
สร้อยทองเสียงแข็งทันที
"ทำไม! หล่อนจะอยากรู้ไปทำไม มันกงการอะไรของหล่อน หรือว่าสาระแนนักเรื่องผู้ชาย!! จำไว้เลยนะว่าอย่ามายุ่งกับลูกชายฉัน ไม่ต้องมาถาม มาสู่รู้อะไรทั้งนั้น คนอย่างหล่อน มันไม่มีสิทธิ์"
ดอกแก้วก้มหน้างุดๆ ด้วยความกลัว
เทพไทนั่งเหม่อลอยออกไปไกล เพื่อนๆ เข้ามาเรียกก็ไม่ได้ยิน จนต้องสะกิดแรงๆ
"เทพไท " ทศเรียก
เทพไทสะดุ้ง เรียกสติกลับมามองเพื่อนอย่างงงๆ
"ใจลอยอีกแล้วคุณหมอ วันนี้จะเสร็จไหมวะเนี่ย" โชคชัยว่า
เพื่อนมองเทพไทแล้วส่ายหน้า เทพไทหายเบลอ หันไปเห็นชาวบ้านนั่งรอตัวอยู่
"สวัสดีครับคุณป้า ไม่ทราบเป็นอะไรมาครับ"
ป้ายิ้มขำ
"คุณหมอใจลอยถึงนังดอกแก้วใช่ไหมล่ะ เห็นหมอสองคนนั้นเขาบอก"
เทพไทหันมองเพื่อนทั้งสองคนทำล้อเลียน แล้วหันไปคุยกับคนไข้ต่อ
"ถ้าคุณหมอรักใคร่เอ็นดูมัน ฉันก็อนุโมทนาสาธุด้วย มันน่ะอาภัพ เป็นเด็กกตัญญู ขยันขันแข็งทำมาหากิน แต่ดันมีแม่ผีพนันอย่างนังแล่ม เลยต้องเหนื่อยหาเงินให้แม่ล้างผลาญไม่รู้จบ นี่เขาก็ว่ามันเป็นหนี้บ่อน
อยู่หลายสตางค์ ถึงพานังดอกแก้วหนีไป"
เทพไทหน้าเสีย นึกเป็นห่วงดอกแก้ว
โอ่งทองยืนคุยกับเทพไทอยู่หน้าบ้านอย่างหนักใจ
"ฉันไม่รู้หรอกพ่อคุณว่าเขาพากันไปที่ไหน"
เทพไทถอนใจเศร้า
"พรุ่งนี้ผมเองก็จะต้องกลับไปพระนครเหมือนกัน ผมจะขอฝากจดหมายไว้ให้คุณดอกแก้วได้ไหมครับ ถ้าเธอกำลังลำบากเรื่องเงิน ผมอาจจะพอช่วยได้"
โอ่งทองรับจดหมายจากเทพไท แล้วถอนใจ
"โธ่เอ๊ย! ขอบใจนะพ่อคุณ ถ้าคุณมาเร็วกว่านี้อีกนิดก็คงดี นังดอกแก้วมันจะได้ไม่ต้องไปตกระกำลำบาก นี่มันจะได้กลับมาอ่านจดหมายหรือเปล่าก็ไม่รู้"
ดอกแก้วนั่งตบยุง กระวนกระวายรอแล่มอยู่กับเอี้ยง เอี้ยงนั่งรอ จนท้องร้องออกมา ดอกแก้วหันไปมอง เอี้ยงทำท่าอาย
"หิวแล้วล่ะสิเอี้ยง ไปกินข้าวเถอะจ้ะ"
เอี้ยงทำมือถามว่าดอกแก้วล่ะ ไม่กินเหรอ
"ฉันยังไม่หิวหรอก ต้องรอแม่ก่อน" ดอกแก้วกระวนกระวาย ลุกขึ้น "ฉันออกไปตามดีกว่า"
ดอกแก้วรีบไป เอี้ยงเป็นกังวล รีบตามไป
ดอกแก้วรีบวิ่งออกมาหน้าบ้าน แล้วชะงักเมื่อเห็นรถคันหนึ่งแล่นมา หลวงปกรณ์ราชกิจนั่งอยู่ในรถ ดอกแก้วกับเอี้ยงวิ่งมาก็ให้ชลอ
"มืดค่ำแล้วจะไปไหนกัน ดอกแก้ว นังเอี้ยง"
ดอกแก้วกังวล
"แก้วจะไปตามแม่ค่ะ"
"แม่แล่มหรือ แม่แล่มไปไหน"
"ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่แม่ออกไปตั้งแต่เช้า ป่านนี้ยังไม่กลับ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น"
ดอกแก้วหน้าเสียจะร้องไห้ เอี้ยงกอดปลอบ
"แล้วเขาไม่ได้บอกเธอหรือว่าจะไปไหน"
ดอกแก้วครุ่นคิด กระวนกระวาย นึกถึงที่แม่บอก
"ก็ไปที่ชอบๆ ของฉันน่ะสิ เอ็งไปทำงานได้แล้ว อยากไถ่ตัวเร็วๆ ก็ขยันเข้า"
ดอกแก้วนิ่งคิด
"แม่บอกว่าจะไปที่แม่ชอบค่ะ"
หลวงปกรณ์ขมวดคิ้วไม่เข้าใจ แต่ฉุกใจขึ้นมาได้
ดอกแก้วรีบลงจากรถตรงมาที่บ่อน ลักษณะเป็นบ้านไม้ แต่ปิดเงียบ ไม่มีแม้แต่แสงไฟ หลวงปกรณ์เดินตามลงมา
"ถ้าเป็นที่ที่แม่แล่มชอบก็คงไม่พ้นบ่อน แถวนี้ก็มีบ่อนนี้แหละ"
"แต่ไม่เห็นมีใครอยู่เลยนี่คะ" ดอกแก้วเขย่ารั้ว "แม่ ! แม่จ๋า"
หลวงปกรณ์เรียก "แม่แล่ม !"
ดอกแก้วกับหลวงปกรณ์ช่วยกันตะโกนเรียก ชาวบ้านที่อยู่ข้างๆ โผล่ออกมา
"โอ๊ย... ไม่มีใครอยู่แล้วล่ะคู้น เมื่อกลางวันตำรวจมากวาดไอ้พวกผีพนันในบ่อนนี้ไปหมดแล้ว"
"แม่ !"
ดอกแก้วตกใจ หน้าซีด เกือบจะเซล้ม หลวงปกรณ์ประคองไว้
"ใจเย็นๆ ดอกแก้ว"
ลำเจียกเปิดประตูห้องออกมา เห็นอึ่งขึ้นบันไดมาจะรับใช้พอดี
"ฉันได้ยินเสียงรถคุณพี่มาแล้ว ทำไมยังไม่ขึ้นมาอีก"
อึ่งอึกอักก่อนตอบ
"คุณหลวงมาแล้วก็ไปแล้วเจ้าค่ะ"
"ไปไหน"
"นั่งรถออกไปกับนังดอกแก้วเจ้าค่ะ"
ลำเจียกตกใจและโกรธ
เอี้ยงปิดประตูเรือนดอกแก้วแล้วกำลังจะเดินกลับเรือนบ่าว ลำเจียกปรี่เข้ามาเรียก
"นังเอี้ยง"
เอี้ยงตกใจหันมาเห็นเป็นลำเจียก ลงนั่งกับพื้น
ลำเจียกมองในบ้านไม่เห็นคนอยู่
"นังดอกแก้วมันไปไหน"
เอี้ยงสั่นหัวไม่รู้
"มันจะกลับมาเมื่อไหร่มันบอกไว้ไหม"
เอี้ยงสั่นหัวไม่รู้อีก
ลำเจียกตวาดแว๊ด
"รู้อะไรมั่งเนี่ยถามอะไรก็ส่ายหัวส่ายหัวอยู่ได้"
เอี้ยงก้มหน้าจ๋อย อึ่งรีบประจบนายทันที
"เอาไงดีเจ้าคะ จะรอมันอยู่ที่นี่เลยไหมเจ้าคะ"
"อีโง่...จะนั่งรอให้ยุงมันหามรึไง"
ลำเจียกแค้นเคือง
"คอยดูนะพรุ่งนี้ฉันจะรู้ให้ได้ว่ามันพาคุณพี่ไปไหน"
ลำเจียกโกรธ
ดังคาด... แล่มติดอยู่ในห้องขังพร้อมกับขาพนันคนอื่นๆ ต่างร้องกันกระจองงอแง
แล่มพอเห็นดอกแก้ว ดีใจ
"นังแก้ว ! นังแก้วช่วยแม่ด้วย"
ดอกแก้วถลาเข้ามา
"แม่ เป็นยังไงบ้าง"
"จะเป็นยังไงล่ะ ก็ติดตะรางอยู่เนี่ย ช่วยข้าออกไปเร็วๆ สิ"
หลวงปกรณ์เดินตามเข้ามา
"มันน่าปล่อยให้นอนในตะรางซักคืน ทำไมถึงไม่เข็ดหลาบ ฮึ!แม่แล่ม ที่เป็นหนี้เป็นสินรุงรังก็ไม่ใช่เพราะติดบ่อนนี่หรือ"
แล่มหน้าจ๋อย ยกมือไหว้ท่วมหัว
"คุณหลวงเจ้าขา แล่มผิดไปแล้วเจ้าค่ะ แล่มจะไม่ทำอีกแล้วจริงๆ เจ้าค่ะ" แล่มจับมือดอกแก้ว "ช่วยแม่ด้วยนะดอกแก้ว"
"ฉันจะช่วยแม่ได้ยังไงบ้างคะ คุณหลวง"
"ฉันคุยให้แล้ว เดี๋ยวเขาจะมาปล่อยตัวแม่แล่ม แต่ห้ามทำอีกนะ ไม่งั้นคราวนี้ได้นอนยาวแน่"
"เจ้าค่ะๆ ขอบพระคุณเจ้าค่ะคุณหลวง กราบสิคุณหลวงสิเอ็ง นังแก้ว"
ดอกแก้วกับแล่มยกมือไหว้หลวงปกรณ์อย่างงงกเงิ่น ดีใจมาก
อ่านต่อหน้า 4
ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 3 (ต่อ)
วันใหม่ สร้อยทองคุยกับลำเจียกอยู่ในห้อง
"คุณหลวงน่ะหรือออกไปนอกบ้านๆ ดึกๆ ดื่นๆ กับดอกแก้ว"
"ค่ะ คุณพี่สร้อย นังอึ่งมันมารายงานว่านังดอกแก้วดักรอคุณพี่อยู่ที่หน้าตึก พอคุณพี่กลับมาก็ชวนกันออกไป"
สร้อยทองขมวดคิ้วไม่อยากจะเชื่อ
" เมื่อเช้านี้อิฉันว่าจะดักถามคุณพี่ว่ามันเรื่องอะไรกัน แต่ก็ไม่ทันเธอออกไปทำงานเสียก่อน"
"ดอกแก้วมันจะทำอย่างนั้นจริงรึ"
"ก็คงมักใหญ่ใฝ่สูงน่ะสิคะ ไม่กล้าลักกินขโมยกินในเรือน เลยต้องพากันออกไปข้างนอก"
"มันจะกล้าถึงขนาดนั้นเชียวหรือ แล้วนี่มันไปไหน ทำไมป่านนี้ยังไม่ขึ้นมาทำงานบนตึก"
สร้อยทองมองหา อึ่งกับศรีก็กระหืดกระหอบขึ้นมาพอดี
"คุณสร้อยเจ้าขา เกิดเรื่องเจ้าค่ะ" ศรีบอก
แล่มถูกนักเลงบ่อน 2 คนฉุดกระชากอยู่หน้าบ้าน ดอกแก้วจะตามไปห้าม แต่ถูกผลักกระเด็นมาหาเอี้ยง
"อย่าเอาแม่ฉันไป แม่ !"
นักเลง1บอก "หนอย คิดว่ารอดห้องขังออกมาแล้วจะหนหนี้หรือไงวะ"
"ฉันไม่ได้หนี แต่ฉันยังไม่มีจริงๆ ขอเวลาหน่อยนะพ่อ"
"ไหนบอกว่าร่ำรวยมีเงินมีทอง ตอแหลนี่หว่า"
นักเลงตบหน้าแล่ม ดอกแก้วหวีดร้องจะขาดใจ อยากเข้าไปห้าม แต่เอี้ยงดึงไว้ กลัวลูกหลง
พวกบ่าวอื่นๆ ได้แต่ยืนดู ไม่มีใครกล้าช่วย สร้อยทอง ลำเจียก อึ่ง ศรีตรงเข้ามา
"อะไรกันน่ะ พวกแกเป็นใคร"
แล่มรีบโอดครวญ
"ช่วยด้วยเจ้าค่ะคุณสร้อยทอง คุณลำเจียก ช่วยอิฉันด้วย"
"บุกรุกบ้านนี้ได้ยังไง ออกไปเดี๋ยวนี้นะ"
"พี่เลิศให้เรามาทวงหนี้ที่นังคนนี้ไปติดไว้ที่บ่อน"
สร้อยทองกับลำเจียกตกใจ
"บ่อนนายเลิศน่ะหรือ"
"ใช่ พวกคุณเป็นเจ้านายมันใช่ไหม งั้นก็จ่ายเงินมาห้าพัน"
ทุกคนตกใจเมื่อรู้ว่าแล่มเป็นหนี้จำนวนมาก อึ่งรีบแทรก
"โอ๊ย ไม่ใช่ นังคนนี้ไม่ใช่คนงานบ้านนี้ ถ้าจะเอาก็ไปเอากับลูกสาวมันโน่น"
"เดี๋ยวฉันจะหาเงินมาให้ แต่ปล่อยแม่ฉันก่อนนะจ๊ะ ปล่อยสิ"
ดอกแก้วเข้าไปอ้อนวอน นักเลงไม่ปล่อย ตบดอกแก้วกระเด็น
"ไม่เชื่อโว้ย!"
"อย่ามาทำร้ายคนในบ้านฉันนะ ออกไปเดี๋ยวนี้! ไม่งั้นฉันจะแจ้งตำรวจจับพวกแก" สร้อยทองบอก
พวกนักเลงชะงักกลัวๆ
"ก็ได้ งั้นก็ต้องเอานังนี่ไปด้วย ถ้าแกอยากได้แม่แกคืน ก็ไปเอาเงินมาไถ่ แต่ถ้าภายในพรุ่งนี้ยังไม่ได้เงิน ก็ไปรับเถ้ากระดูกมันได้เลย"
นักเลงขู่แล้วรีบพาแล่มออกไป แล่มดิ้นๆ ร้องโวยวายเรียกหาดอกแก้ว
"ช่วยด้วย นังแก้ว ช่วยแม่ด้วย "
ดอกแก้วร้องไห้โฮๆ พยายามจะวิ่งไปช่วยแล่ม แต่เอี้ยงดึงไว้
ดอกแก้วนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้น สร้อยทองนั่งดูข้างๆ หลวงปกรณ์และลำเจียก หลวงปกรณ์แต่งชุดราชการ เพิ่งกลับมาบ้าน
"ตกลงว่าเมื่อคืนคุณพี่ออกไปช่วยประกันตัวแม่แล่มออกมาจากห้องขังหรอกหรือคะ"
"ใช่ เมื่อคืนฉันกลับมาบ้านเห็นดอกแก้วกระวนกระวายที่แม่แล่มหายไป ก็เลยให้ไอ้เชิดเอารถออกไปช่วยหา ถึงได้ไปเจอว่าถูกตำรวจจับไป"
"สิ่งที่คนบ้านนี้เกลียดที่สุดก็คือพวกเล่นพนันขันต่อ นี่มาอยู่ไม่ทันไรก็สร้างเรื่องกันเสียแล้วนะแก" ลำเจียกบอก
ดอกแก้วก้มกราบ
"แก้วขอโทษแทนแม่ด้วยค่ะ แต่แก้วอยากจะขอความกรุณา"
"กรุณาอะไร อย่าบอกนะว่าจะมาขอเงินคุณพี่ไปใช้หนี้ให้แม่แก ที่เอาแกมาไถ่ตัวก็ยังใช้งานไม่ได้เท่าไร ชักจะมากเกินไปแล้วนะ"
"มิได้ค่ะ แก้วไม่บังอาจขอหยิบยืมเงินจากคุณๆ แต่อยากจะขออนุญาตออกไปหางานทำข้างนอก เอาเงินมาช่วยแม่ค่ะ"
"แกจะไปทำงานอะไร ถึงจะได้เงินตั้งห้าพันมาใช้หนี้" สร้อยทองว่า
"แก้วยังไม่รู้ แต่แก้วจะลองหาทางดูค่ะ เพราะยังไงแก้วก็อยู่เฉยไม่ได้"
ดอกแก้วพูดพลางปาดน้ำตา แต่สีหน้ามุ่งมั่น
หลวงปกรณ์ยิ่งเอ็นดูเด็กสาวมากขึ้น
ลำเจียกตามสร้อยทองเข้ามาในห้อง เห็นสีหน้าสร้อยทองดูกังวล
"ปล่อยมันไปทั้งแม่ทั้งลูกนั่นแหละค่ะคุณพี่ เลี้ยงไว้ก็จะเดือดร้อนเสียเปล่าๆ คนมันลงได้ว่าติดการพนัน ห้ามปรามยังไงมันก็เลิกไม่ได้"
"ฉันไม่ใช่คนที่จะตัดสินใจ เพราะเงินที่แม่แล่มมาหยิบยืมไปก็เป็นเงินของคุณหลวง"
"ก็บอกคุณพี่สิคะ ยอมสูญหนี้ดีกว่าเกิดปัญหาไม่รู้จบ รีบๆไล่มันสองคนออกไปให้พ้นๆเถอะค่ะ"
หลวงปกรณ์เดินผ่านมา เห็นประตูแง้มอยู่ เลยได้ยินทั้งสองคุยกัน
สร้อยทองถอนใจ
"แต่ลึกๆ ฉันก็แอบสงสารดอกแก้วมันเหมือนกันนะมันก็ดูเอาการเอางานดี ความประพฤติก็เรียบร้อย จะมาตัดหางปล่อยวัดไปซะแบบนี้มีหวังนางแล่มคงเอาลูกสาวไปเร่ขายเอาเงิน น่าเวทนานะ"
"แต่อิฉันว่ามันจะเลี้ยงไม่เชื่องนะคะ คอยดูสักวันมันต้องทำให้คุณพี่สร้อยและอิฉันเสียใจ"
หลวงปกรณ์ครุ่นคิด ถึงดอกแก้ว
ดอกแก้วรดน้ำพรวนดินให้ดอกซ่อนชู้ เห็นห่อผ้าเล็กๆ วางอยู่ใกล้ๆ
"ฉันฝากดูซ่อนชู้ด้วยนะเอี้ยง เอาไว้ช่วยแม่เสร็จแล้วฉันจะรีบกลับมา"
เอี้ยงทำมือถามว่าจะไปไหน
"ฉันคงต้องไปหางานทำ งานอะไรก็ได้ที่จะมีเงินไปช่วยแม่" ดอกแก้วหน้าเศร้า น้ำตาคลอ "แต่ถ้าฉันไม่กลับมา เอี้ยงรับปากได้ไหมว่าจะดูแลซ่อนกลิ่นแทนฉัน"
เอี้ยงตกใจ
ดอกแก้วจับมือเอี้ยงเขย่า
"นะเอี้ยง รับปากฉันนะ ดูแลซ่อนกลิ่นแทนฉัน"
หลวงปกรณ์นั่งครุ่นคิดในห้องทำงานถึงดอกแก้วด้วยความเป็นห่วง
คิดถึงคำพูดของดอกแก้วจะขอออกไปช่วยแม่
"มิได้ค่ะ แก้วไม่บังอาจขอหยิบยืมเงินจากคุณๆ แต่อยากจะขออนุญาตออกไปหางานทำข้างนอก เอาเงินมาช่วยแม่ค่ะ"
คิดถึง ดอกแก้วเซล้มเข้ามาในอ้อมกอดหลวงปกรณ์, คิดถึงดอกแก้วที่ท่าทางประหม่าเมื่ออยู่ต่อหน้าหลวงปกรณ์ แต่ก็แฝงความน่าเอ็นดู, คิดถึงตอนที่หลวงปกรณ์สัมผัสมือดอกแก้วตอนที่เอายามาให้ลำเจียก
หลวงปกรณ์ราชกิจครุ่นคิด ถึงสิ่งที่สร้อยทองกับลำเจียก ในที่สุดก็ตัดสินใจลุกออกจากห้อง
ดอกแก้วกำลังเดินออกมาจากบ้านนพรัตน์ด้วยความเคว้งคว้าง ยังไม่รู้จะเอายังไงกับชีวิต จู่ๆ ประตูรั้วบ้านก็เปิดออก
ดอกแก้วหันไปมองเห็นรถยนต์ของหลวงปกรณ์แล่นออกมา แล้วชะลอจอดข้างๆ หลวงปกรณ์เปิดกระจก
"ดอกแก้ว ขึ้นรถสิ"
ดอกแก้วชะงัก งง
"จะไปช่วยแม่แล่มไม่ใช่หรือ"
ดอกแก้วเงอะงะ แต่หลวงปกรณ์เปิดประตูอ้าให้ขึ้นมา เลยจำต้องขึ้นรถไป
ภายในรถ ดอกแก้วนั่งตัวลีบ ขณะที่รถแล่นออกไป
"คิดได้แล้วหรือยังว่าจะช่วยแม่แล่มยังไง"
"ยังค่ะ"
"เงินห้าพันมันไม่ใช่น้อยๆ ต่อให้เธอออกไปรับจ้างทั้งเดือนก็คงหาไม่ได้"
ดอกแก้วน้ำตาร่วง
"แต่แก้วจะปล่อยให้แม่เป็นอะไรไปไม่ได้ แม้จะต้องแลกชีวิตเพื่อช่วยแม่ แก้วก็ยอมค่ะ"
ดอกแก้วก้มหน้าสะอื้นน้ำตาตก หลวงปกรณ์ทอดสายตามอง ชื่นชมที่ดอกแก้วยังมุ่งมั่นกตัญญู
"น่าชื่นชมที่เธอกตัญญูต่อแม่"
หลวงปกรณ์มองดอกแก้วด้วยความเมตตา
"ที่ฉันเรียกเธอขึ้นมา ก็เพราะฉันพอจะมีทางออกให้ แต่ก็อยู่ที่เธอว่าจะยอมรับหรือเปล่า"
ดอกแก้วแปลกใจ สบตากับหลวงปกรณ์
"คุณหลวงกำลังจะพูดเรื่องอะไรคะ"
"หากฉันช่วยแม่เธอได้ ฉันจะขอให้เธอสัญญากับฉันสิ่งหนึ่ง"
"สัญญา...สัญญาอะไรเหรอคะ"
หลวงปกรณ์มองดอกแก้ว นิ่งลึก แล้วลงน้ำเสียงหนักแน่น
"สัญญาว่า หากในภายภาคหน้า ฉันจะขอสิ่งใดจากเธอ เธอจะไม่ปฏิเสธฉัน จะตอบแทนฉันด้วยความเต็มใจ"
"เพื่อแม่แล้ว ฉันทำได้ทุกอย่าง แล้วอีกอย่างคุณหลวงก็มีพระคุณกับฉัน หากคุณหลวงประสงค์จะให้ฉันรับปากฉันก็จะรับปากทำตามสัญญาค่ะ"
หลวงปกรณ์ยิ้มด้วยความพึงพอใจ
แล่มโดนพวกนักเลงผลักออกจากบ่อนมาให้ดอกแก้ว นักเลงทั้ง 3 เดินตามมา คนหนึ่งนับเงินที่หลวงปกรณ์ให้อย่างพอใจ
"ถ้าให้ง่ายๆ ซะตั้งแต่แรกก็หมดเรื่อง"
"หวังว่าฉันจะไม่เห็นพวกแกบุกรุกที่บ้านอีก"
"งั้นก็สั่งนังป้านี่ไม่ให้มาเหยียบที่นี่อีกก็แล้วกัน พวกเราขี้เกียจทวงหนี้โว้ย"
พวกนักเลงช่วยกันปิดประตูแล้วกลับเข้าบ่อนไป
ดอกแก้วกอดแล่มไว้แน่นอย่างโล่งใจ
แล่มยกมือไหว้
"ขอบพระคุณนะคะคุณหลวง ถ้าไม่ได้คุณหลวง อิฉันต้องตายแน่ๆ"
"ขอบใจลูกสาวแม่แล่มเถอะ ความกตัญญูของดอกแก้วนั่นแหละที่ช่วยแม่แล่มไว้ "
พอหลวงปกรณ์เดินขึ้นรถไป แล่มก็หันมาเขย่าตัวดอกแก้ว
"เอ็งไปขอร้องคุณหลวงอีท่าไหนวะท่านถึงยอม"
"ท่านก็แค่ขอให้ฉันสัญญา"
"สัญญาอะไรวะ"
"สัญญาว่าหากวันใดในภายภาคหน้า ท่านขอสิ่งใดจากฉัน ฉันจะไม่ปฏิเสธท่านน่ะจ้ะ"
"หือ? แล้วท่านบอกหรือเปล่าว่าจะขออะไร"
"คนอย่างฉันจะไปมีอะไรให้ท่านขอได้ล่ะจ้ะ แต่เดี๋ยวถึงเวลาก็คงจะรู้เองน่ะแหละจ้ะแม่ รีบกลับบ้านเถอะจ้ะ อย่ามัวพูดกันตรงนี้เลย"
ดอกแก้วพาแล่มเดินออกจากบ่อน
กลับมาบ้าน ดอกแก้วทรุดตัวลงนั่งข้างต้นดอกซ่อนชู้
"ซ่อนชู้จ๋า วันนี้เขาเห็นเจ้ารึยังหนอ เขาจะรู้ไหมว่าฉันรอเขาอยู่ที่นี่"
ดอกแก้วเอามือสัมผัสน้ำ
"คิดถึงเหลือเกิน....คิดถึงจนใจจะขาดอยู่แล้ว"
เทพไทเอามือสัมผัสน้ำที่บ้านแพ้วเช่นกัน
"เราจะต้องได้พบกันอีก จะช้าหรือเร็ว ยังไงก็ต้องได้พบ รอฉันด้วยนะดอกแก้ว ได้โปรดรอฉันด้วย"
อ่านต่อตอนที่ 4