อาร์เอส เผยผลงานครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งแรก ชูช่อง 8 เป็นหัวหอกสำคัญ วางแผนคอนเทนต์ต่อเนื่องจนปลายปี เตรียมจัดคอนเสิร์ตใหญ่ปลายปี ขณะผลงานไตรมาส 2 ในส่วนของธุรกิจสื่อมีรายได้ 588.5 ล้านบาท ซึ่งหากไม่นับรวมรายได้การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 จะพบว่า ธุรกิจทีวียังคงเติบโต 28% และธุรกิจวิทยุเติบโต 18%
นายดามพ์ นานา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS มองว่า ผลการดำเนินงานช่วงครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก โดย “สถานีโทรทัศน์ช่อง 8” ยังคงเป็นหัวหอกสำคัญ เนื่องด้วยมีแผนเติมคอนเทนต์อย่างต่อเนื่องจนถึงปลายปีนี้ ประกอบด้วย “รายการวาไรตีใหม่” ได้แก่ ดาวประจำเมือง บิ๊กเฮง และจิ๋วซ่า เป็นต้น “ละครใหม่” ได้แก่ ดอกซ่อนชู้ สุดแต่ใจจะไขว่คว้า เจ้าสาวเฉพาะกิจ และล่าดับตะวัน เป็นต้น รวมไปถึง “ซิตคอม” และ “ละครซีรีส์” ทำให้สัดส่วนละครเพิ่มเป็น 20% จากเดิม 15% ขณะที่รายการวาไรตี 50% รายการข่าว 25% และรายการกีฬา 5% ขณะที่ “ธุรกิจเพลง” เตรียมออกซิงเกิลใหม่ต่อเนื่องทั้งศิลปินเพลงไทยสากล และเพลงลูกทุ่ง ได้แก่ ฟิล์ม รัฐภูมิ ใบเตย อาร์สยาม จณธ อาร์สยาม มด ขนมจีน ฯลฯ รวมไปถึงเตรียมจัดอีเวนต์ใหญ่ประจำปีอย่างคอนเสิร์ตลูกทุ่งเฟสติวัล ครั้งที่ 5 คอนเสิร์ตสบายดีทีวีสัญจรปีที่ 6 เป็นต้น
สำหรับช่วงครึ่งปีแรก แม้การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศจะชะลอตัว ทำให้เม็ดเงินโฆษณาจากสินค้า และบริการได้รับผลกระทบตามไปด้วย แต่ในสภาวะเม็ดเงินโฆษณาหดตัวเช่นนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อช่องทีวีที่ได้รับความนิยมสูง หรือมีเรตติ้งติดอันดับท็อปของประเทศ ทำให้ “ช่อง 8” “ช่อง 2” “สบายดีทีวี” และ “You Channel” ในเครืออาร์เอสได้เปรียบเหนือคู่แข่งในเรื่องการแย่งชิงเม็ดเงินโฆษณา สะท้อนออกมาที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 โดยบริษัทฯ มีรายได้รวมเท่ากับ 835.8 ล้านบาท พลิกทำกำไรสุทธิเท่ากับ 42.2 ล้านบาท ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณอันดีต่อผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังที่คาดว่าจะสดใสรับอานิสงส์จากธุรกิจสื่อเข้าสู่ช่วงไฮซีซัน โดยมี “สถานีโทรทัศน์ช่อง 8” เป็นดาวเด่นส่งผลดีต่อผลประกอบการเติบโตได้ในระยะยาว
“ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ในส่วนของธุรกิจสื่อมีรายได้ 588.5 ล้านบาท ซึ่งหากไม่นับรวมรายได้การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 จะพบว่า ธุรกิจทีวียังคงเติบโต 28% และธุรกิจวิทยุเติบโต 18% โดยเฉพาะทีวีทุกช่องในเครืออาร์เอสมีการพัฒนาคุณภาพรายการให้โดนใจผู้ชมอย่างต่อเนื่อง ทำให้เรตติ้งของทุกช่องเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ อีกทั้งเป็นผลมาจากคอนเทนต์มากกว่า 90% บริษัทเป็นผู้ดำเนินการผลิตเอง ทำให้มีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนรูปแบบ และมีความคุ้มค่าในการลงทุนคอนเทนต์ที่สูงกว่า” นายดามพ์ กล่าว
โดย “สถานีโทรทัศน์ช่อง 8” มีเรตติ้งเติบโตอย่างต่อเนื่องสามารถรักษาแชมป์อันดับ 4 ของประเทศไว้ได้ จากการขยายฐานกลุ่มคนดูในเมือง และหัวเมืองใหญ่ได้สำเร็จ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการปรับกลยุทธ์ทุกเดือน ทำให้ผังรายการมีคุณภาพ และความหลากหลาย เช่น การเพิ่มเวลาออกอากาศละครจาก 3 วัน เป็น 5 วันต่อสัปดาห์ โดยไตรมาสนี้ละครที่ได้รับความนิยมสูงสุด ได้แก่ “ลิเกหมัดสั่ง” และ “เพลิงพ่าย” อีกทั้งยังเพิ่มคอนเทนต์ประเภทซีรีส์อย่าง “หลวงพี่ดิจิตอล” และ “ลุ้นรักข้ามรั้ว” ออกอากาศในวันเสาร์ และอาทิตย์ ทำให้ดึงสายตาคนดูคอละครมาอยู่ในวันหยุดเพิ่มขึ้น รวมไปถึงการเพิ่มคอนเทนต์รายการข่าวกระจายออกอากาศตลอดทั้งวัน ขณะเดียวกัน ได้เพิ่ม และพัฒนาคอนเทนต์รายการวาไรตีให้มีความเข้มข้น และหลากหลายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังได้ซื้อลิขสิทธิ์รายการกีฬาจากต่างประเทศ ได้แก่ “ศึกมวยโลก ช่อง 8 HBO Boxing” และ “UFC มวยกรง 8 เหลี่ยม” อีกด้วย
ขณะที่ “สถานีโทรทัศน์ช่อง 2” ได้มีการพัฒนา และปรับรูปแบบของช่องโดยการเพิ่มคอนเทนต์ และชูคอนเซปต์เป็น “สถานีข่าวลึก บันเทิงร้อน” นำเสนอรายการรูปแบบใหม่ที่เข้มข้น เจาะลึก ทันเหตุการณ์มากที่สุด และเร็วที่สุดในประเทศ มุ่งขยายฐานสู่กลุ่มเป้าหมายที่มีไลฟ์สไตล์ สนใจข่าวความเคลื่อนไหวที่มีสีสันของวงการบันเทิงไทย และต่างประเทศ ซึ่งผลปรากฏได้รับความสนใจจากผู้ชมเพิ่มมากขึ้น
ด้านผลการดำเนินงานของ “ธุรกิจเพลง” เป็นไปตามคาดหมาย ส่วนหนึ่งมาจากการจำหน่ายแผ่นเพลง และยอดดาวน์โหลด อีกส่วนหนึ่งมาจากการเติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากการให้บริการมิวสิก สตรีมมิ่ง (Music Streaming) และยูทิวบ์ (Youtube) รวมถึงการจับมือกับยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง “ไลน์ (LINE)” ผู้ให้บริการแอปพลิเคชันแชตจากประเทศญี่ปุ่น