“อาร์เอส” โชว์ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก ทำรายได้รวม 835.8 ล้านบาทจากธุรกิจ “สื่อ-เพลง-อีเว้นต์” ชู “ช่อง 8” หัวหอกทำรายได้หลัก วางแผนเติมคอนเทนต์ต่อเนื่อง ทั้งรายการวาไรตี, ซิตคอม และซีรี่ส์ พร้อมปรับสัดส่วนรายการเป็น วาไรตี 50% ข่าว 25% ละคร 20% และกีฬา 5%
นายดามพ์ นานา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2558 การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศมีการชะลอตัว ทำให้เม็ดเงินโฆษณาจากสินค้าและบริการได้รับผลกระทบตามไปด้วย ในสภาวะที่เม็ดเงินโฆษณาหดตัวเช่นนี้ช่องทีวีที่ได้รับความนิยมสูงมีเรตติ้งในอันดับท็อปของประเทศอย่างช่อง 8, ช่อง 2, ช่องสบายดีทีวี และ You Channel ของกลุ่มอาร์เอสมีความได้เปรียบคู่แข่งในการแย่งชิงเม็ดเงินโฆษณาและมีความสามารถในการแข่งขันสูง
ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 บริษัทฯ มีรายได้รวมเท่ากับ 835.8 ล้านบาท ทำกำไรสุทธิเท่ากับ 42.2 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จาก 3 ธุรกิจหลักด้วยกัน ได้แก่ ธุรกิจสื่อ 588.5 ล้านบาท ธุรกิจเพลง 86 ล้านบาท และธุรกิจอีเวนต์ 95.2 ล้านบาท ถือเป็นการส่งสัญญาณอันดีต่อผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังที่คาดว่าจะสดใสรับอานิสงส์จากธุรกิจสื่อเข้าสู่ช่วงไฮซีซัน โดยสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ยังคงเป็นหัวหอกทำรายได้หลักและส่งผลดีต่อผลประกอบการเติบโตได้ในระยะยาว
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ของ “ธุรกิจสื่อ” มีรายได้ 588.5 ล้านบาท ลดลง 48% แต่หากไม่นับรวมรายได้การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 รายได้จากธุรกิจโทรทัศน์ยังคงเติบโต 28% และธุรกิจวิทยุเติบโต 18% โดยเฉพาะธุรกิจโทรทัศน์ที่ทุกช่องของอาร์เอส ได้แก่ ช่อง 8, ช่อง 2 ช่องสบายดีทีวี และ You Channel มีการพัฒนาคุณภาพรายการให้โดนใจผู้ชมอย่างต่อเนื่อง ทำให้เรตติ้งของทุกช่องเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เป็นผลมาจากคอนเทนต์มากกว่า 90% บริษัทฯ เป็นผู้ดำเนินการผลิตเอง ทำให้มีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนรูปแบบและมีความคุ้มค่าในการลงทุนคอนเทนต์ที่สูงกว่า
สถานีโทรทัศน์ช่อง 8 มีเรตติ้งเติบโตอย่างต่อเนื่อง สามารถรักษาแชมป์อันดับ 4 ของประเทศไว้ได้และยังสามารถขยายกลุ่มคนดูในเมืองและหัวเมืองใหญ่ได้สำเร็จ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการปรับกลยุทธ์ทุกเดือน ทำให้ผังรายการมีคุณภาพและความหลากหลาย อาทิ การเพิ่มเวลาออกอากาศละครจาก 3 วันเป็น 5 วันต่อสัปดาห์ โดยละครที่ได้รับความนิยมสูงสุดในไตรมาสนี้ ได้แก่ “ลิเกหมัดสั่ง” และ “เพลิงพ่าย”
บริษัทฯ ยังมีการเพิ่มคอนเทนต์ประเภทซีรีส์อย่าง “หลวงพี่ดิจิตอล” และ “ลุ้นรักข้ามรั้ว” ออกอากาศในวันเสาร์และอาทิตย์ ทำให้ดึงสายตาคนดูคอละครมาอยู่ในวันหยุดเพิ่มขึ้น รวมไปถึงการเพิ่มคอนเทนต์รายการข่าวกระจายออกอากาศตลอดทั้งวัน ขณะเดียวกันได้เพิ่มและพัฒนาคอนเทนต์รายการวาไรตีให้มีความเข้มข้นและหลากหลายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังได้ซื้อลิขสิทธิ์รายการกีฬาจากต่างประเทศ ได้แก่ “ศึกมวยโลก ช่อง 8 HBO Boxing” และ “UFC มวยกรง 8 เหลี่ยม” อีกด้วย
ส่วนสถานีโทรทัศน์ช่อง 2 ได้มีการพัฒนาและปรับรูปแบบของช่อง โดยการเพิ่มคอนเทนต์และชูคอนเซ็ปต์เป็น “สถานีข่าวลึก บันเทิงร้อน” นำเสนอรายการรูปแบบใหม่ที่เข้มข้น เจาะลึก ทันเหตุการณ์มากที่สุดและเร็วที่สุดในประเทศ มุ่งขยายฐานสู่กลุ่มเป้าหมายที่มีไลฟ์สไตล์สนใจข่าวความเคลื่อนไหวที่มีสีสันของวงการบันเทิงไทยและต่างประเทศ ปรากฏว่าได้รับความสนใจจากผู้ชมเพิ่มมากขึ้น
ด้านผลการดำเนินงานของ “ธุรกิจเพลง” เป็นไปตามคาดหมาย ส่วนหนึ่งมาจากการจำหน่ายแผ่นเพลงและยอดดาวน์โหลด อีกส่วนหนึ่งมาจากการเติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากการให้บริการมิวสิกสตรีมมิ่ง (Music Streaming) และยูทิวบ์ (Youtube) รวมถึงการจับมือกับยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง “ไลน์” (LINE) ผู้ให้บริการแอปพลิเคชันแชตจากประเทศญี่ปุ่น
ทั้งนี้ มองว่าผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังจะสดใสกว่าครึ่งปีแรก โดยยังมีสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 เป็นหัวหอกสำคัญ เนื่องด้วยมีแผนในการเติมคอนเทนต์ลงในช่อง 8 อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ รายการวาไรตีใหม่ เช่น ดาวประจำเมือง, บิ๊กเฮง, จิ๋วซ่า เป็นต้น ขณะเดียวกันเตรียมผลิตละครใหม่อีกกว่า 10 เรื่อง เช่น ดอกซ่อนชู้, สุดแต่ใจจะไขว่คว้า, เจ้าสาวเฉพาะกิจ, ล่าดับตะวัน เป็นต้น รวมไปถึงซิตคอม และละครซีรีส์ ซึ่งจะทำให้สัดส่วนละครเพิ่มเป็น 20% จากเดิม 15% ขณะที่รายการวาไรตี 50% รายการข่าว 25% และรายการกีฬา 5% ขณะที่ “ธุรกิจเพลง” เตรียมออกซิงเกิลใหม่ต่อเนื่องทั้งศิลปินเพลงไทยสากลและเพลงลูกทุ่ง รวมไปถึงการจัดอีเวนต์ใหญ่ๆ อย่าง คอนเสิร์ตลูกทุ่งเฟสติวัลครั้งที่ 5, คอนเสิร์ตสบายดีทีวีสัญจรปีที่ 6 เป็นต้น