xs
xsm
sm
md
lg

ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 7

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 7
หลวงปกรณ์ราชกิจเป็นห่วงดอกแก้วโผเข้าไปเขย่าตัว

"ดอกแก้วๆๆ ลืมตาสิดอกแก้วได้ยินฉันไหมดอกแก้ว"
ลำเจียกสั่นเพราะตัวเปียก และสร้อยทองต่างมองดูคุณหลวงที่เป็นห่วงดอกแก้วเหลือเกิน
อึ่งเพิ่งวิ่งเข้ามาเห็นเข้าก็ตกใจรีบเข้าไปหาลำเจียก
"คุณพี่คะ ปล่อยให้พ่อเทพจัดการเถอะค่ะ" สร้อยทองบอก
"เอ้า จะช่วยยังไงก็เอาสักทางเถอะพ่อคุณ ทำไงก็ได้ให้นังแก้วมันฟื้นที" แล่มว่า
เทพไทอุ้มดอกแก้วขึ้นไม่ฟังเสียงใดๆ หันไปบอกปกรณ์กับสร้อย
"ผมจะพาคุณแก้วไปที่เรือน ทำร่างกายให้อุ่นเข้าไว้ เธอจะได้ฟื้นเร็วขึ้นครับ"
"ไปค่ะ คุณเทพเอี้ยงไปช่วย"
สารภีก้าวมาขวางทาง
"ทำไมพี่เทพต้องอุ้มมันด้วยให้คนอื่นอุ้มมันไปก็ได้นี่คะ"
เทพไทไม่สนใจสารภี อุ้มดอกแก้วผ่านออกไป
สารภีเจ็บใจร้อง"พี่เทพ..พี่เทพ" แล้วทำท่าจะตามไป
โกสุมกับเพิ่มพูนรีบดึงลากลูกสาวออกไปจากกลุ่มหลวงปกรณ์ราชกิจ
"ไม่เอาน่ายัยสารภี พอได้แล้ว แกจะทำให้ฉันขายหน้าเค้านะ ไปกับแม่ เดี๋ยวนี้"
โกสุมกระซิบขู่แล้วลากสารภีออกไป
หลวงปกรณ์มองตามลูกชายที่พาดอกแก้วออกไป ปกรณ์กำลังจะเดินตามไป แต่เสียงแล่มแว๊ดดังขึ้นมาก่อน
แล่มชี้หน้าด่าลำเจียก
"แก แกแกล้งลูกฉัน คอยดูนะถ้าลูกฉันเป็นอะไรขึ้นมา ฉันจะมาจัดการกับแกแน่ คอยดูฤทธิ์อีแล่มมั่งเถอะวะ คอยดู"
แล่มรีบแจ้นตามดอกแก้วไป หลวงปกรณ์หันไปทางลำเจียกที่ยืนตัวเปียกสั่นๆอยู่
"มันเรื่องอะไรกัน ทำไมต้องแกล้งกันปางตายแบบนี้ด้วยห๊ะ แม่ลำเจียก"
"ไม่นะคะ อิฉันไม่ได้แกล้งนะคะ"
หลวงปกรณ์เสียงดัง
"ก็แล้วทำไมดอกแก้วถึงจมน้ำได้ ตอบมาซิ"
ลำเจียกเสียใจที่หลวงปกรณ์ตวาดเสียงดังเหมือนเชื่อว่าเธอเป็นคนกลั่นแกล้งดอกแก้วให้จมน้ำ
เธอเดินไปตรงหน้าหลวงปกรณ์ลงนั่งคุกเข่า
"อิฉันไม่ได้แกล้งแม่ดอกแก้วนะคะ อิฉันไปเก็บดอกบัวแล้วเกิดหน้ามืดตกลงน้ำ แม่ดอกแก้วผ่านมาเห็นเลยเข้ามาช่วยอิฉันไว้จนตัวเองก็หมดแรงไป อิฉันพูดความจริงทุกอย่าง คุณพี่จะเชื่อหรือไม่ก็สุดแล้วแต่ค่ะ"
หลวงปกรณ์มองตาลำเจียกที่มุ่งมั่นแล้วนิ่งไป สร้อยทองเข้ามาไกล่เกลี่ย
"อย่าเพิ่งมาสอบเอาความกันเลย แม่ลำเจียกก็เปียกปอนเหมือนกัน อิฉันว่าให้แม่ลำเจียกไปผลัดเสื้อผลัดผ้าเสียก่อนเถอะค่ะ" สร้อยทองหันบอกอึ่ง "แม่อึ่งพาคุณลำเจียกไปเปลี่ยนชุดก่อนไป๋"
"เจ้าค่ะ"
อึ่งพยุงลำเจียกขึ้นแล้วพาเดินออกไป สร้อยทองขยับมาหาหลวงปกรณ์
"คุณพี่ไปรอที่ห้องโถงก่อนดีกว่าค่ะ แม่ดอกแก้วอยู่กับพ่อเทพไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอกค่ะ" ปกรณ์ยังเฉยอยู่เพราะเป็นห่วงดอกแก้ว สร้อยทองมองอาการออกจึงพูด
"เดี๋ยวอิฉันจะไปดูแม่ดอกแก้วเองค่ะ"
หลวงปกรณ์ฟังที่สร้อยทองพูด แต่หันมองที่เรือนดอกแก้วอย่างเป็นห่วง สร้อยทองเห็นอาการ

เทพไทอุ้มดอกแก้วมาที่เตียงค่อยๆวางลงบนที่นอน ใบหน้าทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมาก เทพไทอดไม่ได้ที่จะมองดูใบหน้าของเธอ
เทพไทเอามือเขี่ยผมที่ปิดแก้มออกอย่างนุ่มนวล
"ชุดคุณแก้วได้แล้วค่ะ"
เทพไทสะดุ้งรีบผงะออก ยืนขึ้นแล้วหันตอบกลับเอี้ยง
"เธอช่วยเปลี่ยนชุดให้คุณแก้วก่อนเถอะ"
"ได้ค่ะ"
เทพไทเดินออกไปตรงหน้าต่าง เอี้ยงจัดแจงเปลี่ยนชุดให้แก้ว
ผ่านเวลาจนเสียงเอี้ยงเรียกขึ้น
"คุณเทพคะ เอี้ยงเปลี่ยนชุดให้คุณแก้วเสร็จแล้วค่ะ"
เทพไทหันหน้ามา แล้วเดินตรงเข้ามาที่เตียงที่ดอกแก้วนอนอยู่ แล่มเข้ามาพอดี
"แก้ว เป็นไงบ้าง แก้ว"
"ป้าจ๊ะให้คุณเทพเธอตรวจอาการคุณแก้วก่อนเถ่อะจ้ะ" เอี้ยงว่า
แล่มหลีกให้
"ก็ตรวจสิ"
เทพไทวัดไข้ ตรวจชีพจน เปิดม่านตา สร้อยเดินเข้ามากับศรี
"แม่แก้วเป็นไงบ้างพ่อเทพ"
"เป็นลมเพราะหมดแรงน่ะครับ ได้พักสักระยะคงดีขึ้น"
"ค่อยโล่งอก ไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว" สร้อยทองมองที่เทพไทที่ยังตัวเปียกอยู่
"ลูกเองก็ควร ไปเปลี่ยนชุดซะนะเดี๋ยวจะไม่สบายเอา"
"ครับแม่"
เทพไทมองดูดอกแก้วก่อนที่จะออกไป สร้อยทองหันมาบอกกับเอี้ยง
"เอี้ยงคอยเฝ้าแม่แก้วไว้แล้วกัน"
"เอ่อ...แล้วงานวันนี้ล่ะ คุณหลวงต้องพานังดอกแก้วไปแนะนำให้แขกในงานรู้จัก ไม่ใช่เหรอ งั้นคุณช่วยไปบอกแขกให้รอสักประเดี๋ยวนะเดี๋ยวดอกแก้วก็ฟื้น" แล่มว่า
"นี่ใจคอแม่แล่มจะลากลูกสาวไปออกงานทั้งที่ยังหลับๆอยู่งั้นรึ"
สร้อยทองทว่าประชดแล่ม แล่มจ๋อยๆ สร้อยทองเดินออกไป แล่มมองค้อนประหลับประเหลือก แล่มเข้าไปหาดอกแก้ว
"หมด...หมดกัน อุตส่าห์แต่งตัวซะสวยงาม เวรจริงๆ"
แล่มมองดูดอกแก้วนอนนิ่ง

สร้อยทองกับศรีเข้ามาในห้อง เห็นหลวงปกรณ์นั่งอยู่ สีหน้าท่าทางดูเป็นกังวล
"พ่อเทพตรวจอาการให้แม่ดอกแก้วแล้ว แค่เป็นลมไป พักสักเดี๋ยวคงดีขึ้นค่ะ อย่ากังวลไปเลยค่ะ"
หลวงปกรณ์ถอนหายใจโล่งอก ครุ่นคิด
"ค่อยเบาใจหน่อย แขกเหรื่อมารอแสดงความยินดีกับเราตั้งมากมาย เราจะบอกพวกเค้าว่าอย่างไรดีล่ะแม่สร้อย"
"บอกทุกคนว่าเป็นการทำบุญเลี้ยงพระไปก็แล้วกันค่ะคุณพี่"
ลำเจียกเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เดินเข้ามาในห้อง อึ่งตามเข้ามา ได้ยินที่หลวงปกรณ์พูดคุยกับสร้อยทอง
"แต่ที่เราจัดงานครั้งนี้ขึ้นมาเพื่อแจ้งสถานะของแม่ดอกแก้วให้ทุกคนได้รับรู้กัน ถ้าเพียงแต่ทำบุญเฉยๆเราคงไม่เชิญแขกมามากมายขนาดนี้"
"จะทำไงได้ล่ะคะ ใครจะคิดว่าแม่ดอกแก้วจะลงน้ำไปช่วยแม่ลำเจียกทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่างานนี้จัดขึ้นมาเพื่อตัวเองแท้ๆ"
ลำเจียกเดินเข้ามา
"อิฉันกราบขอโทษนะเจ้าคะที่เป็นต้นเหตุทำให้งานที่คุณพี่ตั้งใจจัดขึ้นต้อง ล่มลง เอาไว้แม่ดอกแก้วหายดีเราค่อยจัดงานขึ้นใหม่ดีไหมคะ" ลำเจียกบอก
"จะทำอย่างนั้นได้อย่างไรกันเล่าแม่ลำเจียก จัดงานบุญถึงสองครั้งสองครา ชาวบ้านที่ไหนจะมางานซ้ำๆกัน"
ลำเจียกกระแนะกระแหนคุณหลวง
"ถ้าไม่จัดงานชาวบ้านร้านช่องจะรู้จักสถานะของแม่ดอกแก้วหรือคะ"
หลวงปกรณ์เงียบไปนิดก่อนจะพูดออกไป
"ไม่ต้องลำบากหรอก ... ไว้ฉันจะพาแม่ดอกแก้วไปเปิดตัวในงานราตรีสโมสรของสมาคมเลยแล้วกันที่นั่นน่าจะเหมาะกว่า"
ลำเจียกหน้าชา
"ก็ตามแต่คุณพี่จะเห็นควรเถอะค่ะ" ลำเจียกว่า
ลำเจียกสะบัดหน้าเดินออกไป หลวงปกรณ์มองตามก่อนถอนหายใจ

ลมพัดเอื่อยๆม่านในห้องปลิวไสว บนเตียงเห็นดอกแก้วเริ่มรู้สึกตัว กระพริบตา เอี้ยงคอยดูแลอยู่ไม่ไกล มองเห็นดอกแก้วพยายามลืมตา
"คุณแก้วฟื้นแล้ว.....คุณแก้ว..เป็นไงบ้างเจ้าคะ"
แล่มกำลังแกะเข็มกลัดที่ติดเสื้อดอกแก้วที่เปียกออก ก็ละมือมาดูดอกแก้ว
"ไหนๆฟื้นแล้วเหรอ หลีกไปไป๋"
แล่มดันเอี้ยงหลบไป แล่มปรี่เข้าไปดูอาการลูกสาว
"มันน่าสมน้ำหน้าไหมล่ะ ลงไปช่วยเค้าแต่ตัวเองดันเกือบจมน้ำตาย"
"แม่"
"มาเรียกทำไม ทีลงไปช่วยนังนั่นในน้ำไม่เห็นถามฉันสักคำ"
"แม่จ๊ะ คนจะจมน้ำทั้งคนจะให้ฉันทนเฉยอยู่ได้ยังไงกัน"
"แล้วมันเรื่องอะไรของแกถึงต้องลงไปช่วยมัน ปล่อยให้มันจมน้ำตายไปซะได้ก็ดี จะได้หมดเสี้ยนหนามไปอีกคน แกนี่มันโง่จริงๆเลย ... เดี๋ยวนะว่าแต่เอ็งว่ายน้ำเก่งทำไมถึงจมน้ำได้ล่ะวะนังดอกแก้ว"
"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน"
"อะไรของเอ็งวะ"
ดอกแก้วคิดถึงตอนจมน้ำมีอาการชาที่อก

ดอกแก้วปวดเสียดขึ้นมาบริเวณหน้าอกที่โดนเข็มกลัดแทง แถมแขนขาก็หมดแรง แต่ยังคงตะเกียกตะกาย
"คุณลำเจียก ! จับมือแก้วไว้ค่ะ"
ดอกแก้วพยายามไขว่คว้ามือ ลำเจียกตะกายคว้าไว้ได้ แต่ถ่วงให้จมลง

ดอกแก้วยังมีอาการเจ็บแปล่บๆบริเวณอกที่สร้อยทองกลัดเข็มกลัดให้ แล่มหยิบเข็มกลัดขึ้นมา
"เข็มกลัดสวยดีนี่...ข้าขอนะ"
ดอกแก้วมองที่เข็มกลัด
"ไม่ได้นะแม่ เข็มกลัดนั่นคุณสร้อยให้ฉันยืม ฉันต้องเอาคืนเค้า"
"เอ็งก็แกล้งทำลืมๆไปก็สิ้นเรื่อง เค้าผู้ดีเค้าไม่มาทวงแกหรอก"
"ถึงเค้าไม่ทวงยังไงฉันก็ต้องคืนเค้าอยู่ดี ถ้าแม่อยากได้ฉันจะเก็บเงินหาซื้อให้แม่เอง ฉันขอคืนนะแม่" ดอกแก้วแบมือขอขอเข็มกลัดคืน
"โอย..รำคาญ......เอาไปเลย ไม่รู้จะซื่ออะไรนักหนา"
แล่มคืนเข็มกลัดให้ดอกแก้ว อารมณ์เสียเดินออกไป เธอมองดูเข็มกลัดแล้วใช้ความคิด

ลำเจียกเดินมาตามทางด้วยอารมณ์หงุดหงิด อึ่งคันปากอดถามไม่ได้
"ดูท่าทางคุณผู้ชายจะหลงนังดอกแก้วเอามากๆเลยนะเจ้าคะ"
ลำเจียกหยุดกึก อึ่งสะดุ้งวาบ
"แกรู้ได้ยังไง"
"ก็คุณผู้ชายถึงขนาดจะพานังดอกแก้วไปเปิดตัวที่งานสโมสรด้วย ไม่รักไม่หลงก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วเจ้าค่ะ"
ลำเจียกเจ็บใจ
"จะว่าไปมันก็ร้ายไม่เบานะเจ้าคะ แกล้งทำเป็นคนดีช่วยคุณไม่ให้จมน้ำ ดูซิคุณผู้ชายชื่นชมมันยังกับอะไรดี แบบนี้เค้าเรียกว่ามารยาชัดๆเจ้าค่ะ"
ลำเจียกคิดตามคำพูดที่อึ่งว่า
"แกว่ามันแกล้งทำงั้นเหรอ"
อึ่งหัวเราะขำๆ
"ฮึๆๆๆ.... แหม...คนอยู่กับคลองมาตั้งแต่เกิดมันจะจมน้ำได้ยังไงกัน ล่ะคะ มันแกล้งทำว่าจมน้ำชัดๆคุณน่ะไม่ทันมันหรอก"
ลำเจียกเจ็บใจเชื่อในสิ่งที่อึ่งพูด

สร้อยทองกับคุณหลวงเดินเข้ามาที่งาน โกสุม เพิ่มพูนกำลังเมาท์หันไปเห็น
"คุณหลวง คุณสร้อย อิฉันนึกว่าจะไม่มีเจ้าภาพออกมาคุยกับแขกซะแล้ว" โกสุมว่า
สารภีรีบลุกขึ้นทันที
"ตกลงแม่นั่นเป็นไง ตายหรือยังคะ" สารภีถาม
หลวงปกรณ์กับสร้อยทองมองหน้ากัน เพิ่มพูนกับโกสุมรีบสะกิดเตือน
"ระวังคำพูดหน่อยแม่สารภี"
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณโกสุมหนูสารภีคงเป็นห่วงน่ะ แม่ดอกแก้วปลอดภัยแล้วค่ะ" สร้อยทองบอก
"อุ๊ยตาย ..โชคดีจริงๆเลยนะคะ"
"แต่วันนี้แม่ดอกแก้วคงไม่สามารถเข้ามาร่วมงานได้ต้องขอประทานโทษทุกคนจริงๆนะครับที่อุตส่าห์ให้เกียรติมางานวันนี้"
"งั้นก็แปลว่าแม่นั่นก็ไม่ได้เปิดตัวเป็นภรรยาใหม่ของคุณหลวงเหรอคะ ว๊า...น่าเสียดายจัง"
หลวงปกรณ์ไม่พอใจเท่าไหร่ สารภีไม่สนใจพูดต่อ
"ถึงจะไม่ได้มาเปิดตัวในงาน แต่คนเค้าก็พูดกันปากต่อปากไปทั่วงานแล้วล่ะค่ะ"
"ใครพูดอะไรรึแม่สารภี" สร้อยทองถาม
"ก็พูดว่าลูกชายคุณหลวงช่วยปฐมพยาบาลให้แม่เลี้ยงชนิดเนื้อแนบเนื้อจนฟื้นจากจมน้ำน่ะสิคะ"
หลวงปกรณ์ข่มอารมณ์
"นั่นมันเป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะเกิด"
เทพไทเปลี่ยนชุดเดินเข้ามาพอดี
"แต่สารภีว่าเหมือนจงใจจมน้ำมากกว่านะคะ ถ้าพี่เทพไม่ลงไปช่วยป่านนี้แม่นั่นก็คงเป็นผีอยู่ก้นบึงไปแล้วมั๊งคะ"
"ขอโทษนะครับ สารภีไปกับพี่หน่อย"
เทพไทตรงมาดึงสารภีออกไป
โกสุมมองหน้าเพิ่มพูนงงๆ สร้อยทองเปลี่ยนเรื่อง
"เอ่อ...ปล่อยเด็กๆเค้าคุยกันไปเถอะนะคะคุณโกสุม เชิญทุกคนไปร่วมรับประทาน อาหารด้วยกันในห้องอาหารดีกว่านะคะ เชิญค่ะ"
สร้อยทองเชิญทุกคนให้ออกไป หลวงปกรณ์ไม่สบายใจนักที่คนพูดถึงดอกแก้วไม่ดีไม่งาม สร้อยทองมองหลวงปกรณ์อย่างหนักใจ

เทพไทดึงสารภีออกมาที่สวน สารภีไม่พอใจดึงให้หยุด
"เดี๋ยวสิคะ ทำไมพี่เทพต้องลากสารภีออกมาแบบนี้ด้วยคะ"
เทพไทปล่อยมือสารภี
"ผู้ใหญ่เค้าจะคุยกัน เราเป็นเด็กไม่ควรสอดแบบนี้นะ"
"สอดอะไรกันคะ สารภีอยู่ในเหตุการณ์เห็นชัดๆว่า แม่นั่นแกล้งจมน้ำเพื่อให้พี่เทพช่วยปฐมพยาบาลให้น่ะ อี๊...น่าเกลียดผู้หญิงอะไรไม่มียางอาย"
"ดอกแก้วเค้าไม่ได้แกล้งนะ เค้าจมน้ำจริงๆ"
สารภีไม่เชื่อ
"ฮึ ... คนจะจมน้ำมันก็ต้องตะกรุยตะกายเพื่อเอาตัวรอดสิคะ นี่อะไรปล่อยตัวเองให้จมดิ่งไปซะอย่างนั้นผู้หญิงอะไรหน้าด้านที่สุด"
"คุณไม่ควรว่าร้ายคนอื่นแบบนี้นะครับ มันไม่ดี คนอื่นเค้าจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่"
สารภีโกรธ
"นี่พี่เทพกำลังต่อว่าสารภีแทนนังนั่นเหรอคะ"
"พี่ไม่ได้ต่อว่าเธอแทนใครทั้งนั้น พี่พูดเพราะอยากเตือนเธอด้วยความหวังดี พูดด้วยความไม่รู้ยังพอให้อภัย แต่ถ้าพูดไปเพราะรู้อยู่ว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร มันไม่น่าให้อภัยหรอกจิงมั๊ย"
เทพไทเดินผละออกจากสารภี ทิ้งให้สารภียืนเจ็บใจอยู่คนเดียว
"พี่เทพ...อ๊าย..."
สารภีอยากจะกรี๊ดดังๆแต่หันไปเห็นนายคง ซึ่งเป็นใบ้ เป็นคนทำสวนที่กำลังลากกระสอบปุ๋ย กับอุปกรณ์ทำสวนผ่านมาหันมองที่สารภี
"มองอะไร....ไอ้บ้า"
นายคงไม่สนใจเดินผ่านไป
สารภีเจ็บใจเดินหนีไปจากตรงนั้นด้วยความโมโห
อ่านต่อหน้าที่  2


ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 7 (ต่อ)
สร้อยทองเดินขึ้นเรือนดอกแก้ว ศรีตามหลังมา เอี้ยงออกมาพอดี

"ดอกแก้วเป็นไงบ้าง"
"คุณแก้วฟื้นแล้วเจ้าค่ะ"
สร้อยทองพยักหน้าเดินเข้าไปในเรือน
ดอกแก้วเห็นสร้อยทองเข้ามาลุกต้อนรับ
"คุณสร้อยทอง"
สร้อยทองรีบเข้าไปจับให้ดอกแก้วนั่งลง
"ไม่ต้องลุกหรอกแม่ดอกแก้ว เพิ่งจะฟื้นขึ้นมาประเดี๋ยวก็เป็นลมเป็นแล้งไปอีก"
สร้อยทองลงนั่ง
"ค่อยยังชั่วขึ้นหรือยังล่ะ"
"ดีขึ้นมากแล้วค่ะ แต่ยังล้าไม่ค่อยมีแรงสักเท่าไหร่ค่ะ"
สร้อยทองทำหน้าแปลกใจ
"คงเป็นเพราะหล่อนออกแรงช่วยพยุงแม่ลำเจียกไว้ล่ะสิถึงได้อ่อนล้าหมดเรี่ยวหมดแรงแบบนี้"
"คงจะเป็นอย่างนั้นกระมังคะ"
สร้อยทองถอนหายใจ
"เฮ้อ แม่ลำเจียกก็จำเพราะมาตกน้ำตกท่าเอาวันงานของหล่อนอีก"
ดอกแก้วหน้าเสีย มีอาการเจ็บแปลบๆตรงเนินอก สร้อยทองสังเกตเห็น
"เป็นอะไรๆไปรึแม่แก้ว"
"มันรู้สึกเจ็บแปลบๆตรงหน้าอกที่โดนเข็มกลัดน่ะค่ะ"
"ทำไมถึงเจ็บได้ล่ะไหนขอฉันดูหน่อยสิ"
สร้อยทองขยับเข้าไปใกล้ดอกแก้ว ดอกแก้วปลดเสื้อออกจนเห็นเนินอกที่โดนเข็มกลัดทิ่ม
บริเวณนั้นเป็นรอยจ้ำแดงอมม่วง สร้อยทองทำเป็นตกใจ
"ตายจริง...!! ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้ แค่ปลายเข็มที่เราสะกิดโดนเท่านั้นมันก็ไม่น่าจะเจ็บมากมายถึงเพียงนี้นะ หรือว่าตอนจมลงไปเธอไปโดนอะไรทิ่มเข้าให้หรือเปล่าดอกแก้ว"
ดอกแก้วคิดๆ
"ก็อาจจะเป็นได้ค่ะ"
"ลักษณะเหมือนช้ำในนะ เอาไว้ฉันจะจัดยาสมุนไพรมาให้แก้อาการนะ เอาล่ะฉัน ไม่กวนหล่อนแล้วพักผ่อนเถอะ"
สร้อยทองจะลุกออก ดอกแก้วรีบเรียกไว้
"ประเดี๋ยวค่ะคุณพี่"
สร้อยทองหันมา ดอกแก้วยื่นเข็มกลัดคืน
"เข็มกลัดของคุณพี่ค่ะ อิฉันคืนคุณพี่ค่ะ"
สร้อยทองมองที่เข็มกลัด
"เธอจะเก็บไว้ใช้ก่อนก็ได้นะ"
"ไม่ดีกว่าค่ะ เพราะอิฉันคงไม่ได้ใช้หรอกค่ะ"
"งั้นก็ตามใจ" สร้อยทองรับมา "ถ้าเกิดอยากใช้ขึ้นมาก็มาบอกฉันก็แล้วกันนะ"
ดอกแก้วกราบ
"ขอบพระคุณค่ะคุณพี่"
สร้อยทองกับศรีเดินออกไป ดอกแก้วมองตามยิ้มๆดีใจที่สร้อยทองเมตตา

ภายในห้องนอน สร้อยทองลงนั่งที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งเอาเข็มกลัดยื่นส่งให้ศรี
"เอาไปเช็ดทำความสะอาดแล้วเก็บเข้ากล่องตามเดิมให้ด้วยนะแม่ศรี"
"ค่ะคุณสร้อย"
ศรีรับมามองดูเข็มกลัดในมือหันไปมองสร้อยที่นั่งเหม่อๆอยู่หน้ากระจก
"เหนื่อยเหรอคะคุณ"
สร้อยทองพยักหน้า
"มันน่าเหนื่อยไหมล่ะแม่ศรี คนเยอะขึ้นเรื่องก็เยอะขึ้น"
"ก็นั่นน่ะสิคะ ลำพังคุณลำเจียกคนเดียวก็ยุ่งวุ่นวายพอแล้ว นี่ยังมีแม่ดอกแก้วอีกคน ศรีล่ะสงสารคุณจริงๆค่ะ"
"ทำไงได้ล่ะ เราเป็นเจ้าบ้านก็ต้องดูแลลูกบ้านไม่ใช่รึ"
ศรีเห็นใจสร้อยทอง
"คุณสร้อยเป็นคนที่เข้มแข็งเหลือเกินนะคะ เป็นศรีคงอาละวาดบ้านแตกไปแล้ว"
"ความจริงเราก็อยากทำแบบนั้นนะ แต่ทำไปแล้วคุณหลวงจะกลับมาหาเราผู้เดียว รึก็ไม่"
สร้อยทองหันมองหน้าตัวเองในกระจก
"บางครั้งความรักมันก็แยกจากความสงสารไม่ออกเหมือนกันนะศรี"
ศรีสงสารนาย หน้าสร้อยทองดูจริงจัง

เย็นต่อเนื่องมา หลวงปกรณ์เข้ามาที่เรือนดอกแก้ว แล่มกับเอี้ยงนั่งอยู่มองเห็นหลวงปกรณ์เข้ามา แล่มดีใจ
"คุณหลวง"
ดอกแก้วได้ยินแม่พูด ค่อยๆลุกขึ้นมองดูเห็นหลวงปกรณ์เดินเข้ามา
"เป็นยังไงบ้างล่ะแม่ดอกแก้ว"
ดอกแก้วยังไม่ทันจะตอบ แล่มชิงตอบแทน
"โอ้ย...จมน้ำจมท่าจนเป็นไข้ ยังนอนซมอยู่เลยเจ้าค่ะ เชิญคุณหลวงเข้ามาก่อนสิ คะ"
หลวงปกรณ์เข้ามานั่งใกล้ๆเตียงนอนดอกแก้ว แล่มหันไปเรียกเอี้ยง
"นังเอี้ยงไปจัดสำรับในครัวมาให้แม่แก้วได้แล้วไป"
"ค่ะ"
เอี้ยงขยับออกมาจากที่นั่งอยู่มุมเตียงดอกแก้ว แล่มมองยิ้มๆก่อนออกไป

ที่หน้าประตูเรือน ลำเจียกกับอึ่งเข้ามาที่เรือนเจอกับแล่มกับเอี้ยง เอี้ยงแยกไปเหลือแล่มยืนขวางไว้
"ชั้นมาเยี่ยมแม่ดอกแก้ว"
"มันยังไม่ตายหรอกย่ะ ถ้าจะเข้าไปเยี่ยมล่ะก็ระวังจะเห็นภาพบาดตาเข้าให้นะเจ้า คะ"
แล่มพูดยั่วหัวเราะออกไป หลวงปกรณ์ขยับเข้าไปดูดอกแก้วใกล้ๆเอื้อมมืออังที่หน้าผากของดอกแก้วอย่างเอ็นดู
ลำเจียกกับอึ่งโผล่พรวดเข้ามาเห็นพอดี ลำเจียกมองอึ้งๆกับภาพความอ่อนโยนที่เห็น
"ตัวยังรุมๆอยู่เลยนะ"
"แก้วค่อยยังชั่วแล้วล่ะค่ะ"
ดอกแก้วขยับตัวหนีนิดๆ อึ่งแกล้งทำเสียงกระแอมเบาๆ ดอกแก้วกับหลวงปกรณ์หันมอง
"แม่ลำเจียกมาเยี่ยมแม่แก้วรึ"
"อิฉันจะมาขอบใจแม่ดอกแก้วที่ช่วยอิฉันไว้แค่นี้ อิฉันก็จะกลับแล้วค่ะ"
หลวงปกรณ์พยักหน้า ลำเจียกรู้สึกเป็นส่วนเกินจะเดินกลับ ดอกแก้วเห็นอาการลำเจียกที่ไม่พอใจ
"คุณลำเจียกไม่เป็นไรใช่ไหมคะ"
"ฉันไม่เป็นไรหรอก ก็แค่ตกน้ำ" ลำเจียกน้ำเสียงแดกดัน
ลำเจียกสะบัดพรึ่บออกไป อึ่งรีบตามไป หลวงปกรณ์มองถอนใจก่อนหันมาที่ดอกแก้ว
"อย่าไปถือสาแม่ลำเจียกเค้าเลยนะ เค้าเป็นแบบนี้บ่อยๆจนบางครั้งฉันเองก็เดาใจ แม่ลำเจียกไม่ออกเหมือนกัน ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่"
ดอกแก้วแก้วไม่ถือหรอกค่ะ แก้วเข้าใจคุณลำเจียกค่ะ
หลวงปกรณ์ยิ้มๆ
"งั้นก็ดีแล้ว ฉันวานให้พ่อเทพ มาตรวจอาการและจัดยาให้ จะได้หายเร็วๆ ช่วงนี้เธอก็พักผ่อนเยอะๆล่ะจะได้หายเร็วๆ"
ดอกแก้วกราบ
"ขอบคุณค่ะคุณหลวง"
หลวงปกรณ์ลุกขึ้นเดินออกไป ดอกแก้วมองตามแต่ในใจคิดถึงเทพไท

เย็นต่อเนื่องมา บริเวณทางเดินหน้าเรือนดอกแก้ว เทพไทเดิน ดูยาแก้ไข้ในมือ พอจะถึงเรือนก็เห็นว่าหลวงปกรณ์เพิ่งเดินออกมา
"คุณพ่อ"
เทพไทลังเล เอี้ยงถืออาหารจากเรือนครัวออกไป จะเอาไปให้ดอกแก้ว
เทพไทเดินเข้ามาทัก
"เอี้ยง"
เอี้ยงหันมา
"คะคุณเทพ"
"นายของเธอดีขึ้นแล้วใช่ไหม"
เอี้ยงพยักหน้ารับ
"ดีขึ้นมากแล้วค่ะ"
เทพไทเอายาส่งให้เอี้ยง
"ให้นายเธอทานยานี้หลังอาหารนะ"
"คุณเทพไม่เข้าไปตรวจดูอาการคุณแก้วหรอกหรือคะ"
"ไม่ล่ะ... ฉันมีธุระน่ะ"
เอี้ยงรับยามาวางในถาดอาหาร
"ได้ค่ะ เดี๋ยวเอี้ยงจะให้คุณแก้วทานยาตามที่คุณเทพบอกนะคะ"
เทพไทพยักหน้า เอี้ยงเดินไปที่เรือน เทพไทมองตามไปที่เรือน แววตาเศร้า

เอี้ยงถือถาดสำรับอาหารเข้ามาวาง
"ได้เวลาอาหารแล้วค่ะ คุณแก้ว"
ดอกแก้วขยับตัวลุกขึ้นมาตรงที่เอี้ยงตั้งสำรับมองเห็นถ้วยยาในถาด
"นี่ยาฉันรึ"
"อ๋อค่ะ ... คุณเทพเธอฝากให้เอี้ยงเอามาให้คุณค่ะ เธอว่าเธอมีธุระ"
ดอกแก้วหน้าเศร้าลง
"เหรอจ๊ะ"
"คุณแก้วรีบทานข้าวนะคะจะได้ทานยาตามที่คุณเทพบอก"
เอี้ยงจัดแจงอาหารให้ ดอกแก้วมองหาแล่ม
"แล้วแม่ล่ะจ๊ะเอี้ยง"
"เมื่อกี้ยังอยู่แถวนี้เลยนะคะ เอี้ยงจัดสำรับมาเผื่อแล้วค่ะ คุณทานก่อนเถอะค่ะ"
"จ้ะ"
ดอกแก้วค่อยๆกินข้าวสีหน้าเศร้าๆ

เข็มเดินนำเผื่อน พี่ชายมะลิ เข้ามาที่เรือนครัว อึ่งนั่งกินข้าวอยู่มุมหนึ่งของเรือนครัว ป้าหมอนกำลังเตรียมเครื่องแกงอยู่ เข็มเข้ามาตะโกนเรียก
" ป้าหมอน มีหลานมาหาแน่ะ"
หมอนละมือจากเครื่องแกงเพ่งมอง
"ใครวะนั่น"
เข็มพาเผื่อนเข้ามาใกล้
"หวัดดีจ้ะป้าหมอน ฉันเผื่อนไงพี่ชายนังมะลิไงล่ะป้า"
ป้าหมอนมอง เผื่อนจำได้
"อ๋อ..ไอ้เผื่อนหรอกรึ มาเข้ามานั่งก่อน"
เข็มหยิบขันน้ำส่งให้
"เอ้ากินน้ำกินท่าให้ชื่นใจก่อน" เข็มบอก
"ขอบใจจ้ะ" เผื่อนรับน้ำมากิน
"ไปไงมาไงวะถึงได้มาหาข้าที่นี่ได้"
"ฉันจะมาเยี่ยมนังมะลิมันน่ะ นังมะลิมันเป็นยังไงบ้างล่ะป้า"
อึ่งที่กินข้าวอยู่ไกลๆขยับเข้ามาใกล้แอบฟังอย่างสนใจ
ป้าหมอนทำหน้างงๆมองหน้าเข็ม
"อ้าว...ก็ไหนเค้าว่าเอ็งรับตัวมันไปจากโรงหมอแล้วไงวะ มาถามอะไรกับข้า"
"ฮื่อ...รับอะไรล่ะป้า ฉันเพิ่งจะไปหามันที่โรงหมอมา แล้วพยาบาลที่นั่นก็เอาของ ของมันส่งให้ฉันแล้วบอกว่ามีคนมารับมันออกไปท่าทางรีบร้อนนักจนลืมข้าวของเนี่ย"
เผื่อนส่งห่อผ้าถุงของมะลิให้หมอนดู เข็มช่วยแกะห่อผ้าดูเห็นว่าเป็นของมะลิจริงๆ
"ผ้านังมะลิจริงๆด้วยจ้ะป้า"
เผื่อนงงสงสัย
"ถ้ามันไม่มาที่นี่แล้วมันจะไปที่ไหนกัน"
"ถ้าไม่ใช่เอ็งแล้ว ใครกันที่พานังมะลิออกไป ในเมื่อญาติมีอยู่แค่นี้เอง"
ป้าหมอนกับเผื่อนงุนงง อึ่งได้ยิน สงสัย

เวลาต่อมา หมอนเดินมาส่งเผื่อนกลับผ่านระเบียงที่สร้อยทองยืนอยู่
"นังมะลิมันหายตัวไปไหนของมันกันแน่"
"ก็นั่นน่ะสิ ประเดี๋ยวถ้าข้ารู้ข่าวมัน จะรีบส่งข่าวไปบอกเน้อ"
"จ้ะป้า งั้นฉันลาล่ะจ้ะ"
เออๆโชคดีลูก"
เผื่อนลากลับเดินออกไป ป้าหมอนมองตาม
สร้อยทองมองเห็นเผื่อนไกลๆ เดินลงมาถามป้าหมอนที่ยืนอยู่
"นั่นญาตินังมะลิมิใช่รึ"
ป้าหมอนสะดุ้งหันมานั่งลงกับพื้น
"เจ้าค่ะ พี่ชายนังมะลิมันเจ้าค่ะ"
สร้อยพยักหน้า
"แล้วมาที่นี่ทำไมล่ะ"
"นังมะลิมันหายไปเจ้าค่ะไม่รู้ว่ามันไปอยู่ไหน"
"อ้าว! ไหนพยาบาลว่ามีญาติมารับตัวกลับไปรักษาที่บ้านแล้วมิใช่รึ"
"นั่นสิเจ้าคะ แต่ที่บ้านก็ไม่มีใครรู้เรื่องนะเจ้าคะ ข้าวของมันก็ยังอยู่ที่โรงหมออยู่ เลยเจ้าค่ะ"
ป้าหมอนเศร้า
"ถ้ามันหายดีแล้วมันคงกลับมาเองแหล่ะ แม่หมอน"
"เจ้าค่ะ"
ป้าหมอนค่อยลุกเดินออกไป สร้อยทองมองตามสีหน้าเป็นกังวล

ฝ่ายสารภีกลับมาถึงบ้านอารมณ์ไม่ดีลงนั่งที่เก้าอี้รับแขก โกสุม เพิ่มพูน ตามเข้ามา พิศยกน้ำมาเสิร์ฟทันที พิศเห็นสีหน้าสารภีดูหงุดหงิด
"ไม่สนุกเหรอคะคุณสารภี"
สารภีถลึงตาใส่
"ไปงานบุญจะให้สนุกยังไง ห๊า! นังพิศ"
"อ้าว ก็ไปบ้านคุณเทพไทไม่ใช่เหรอคะ"
สารภีตาขวางใส่ โกสุมเห็นสารภีหงุดหงิด
"มันใช่เวลามาซักไซ้ไล่เรียงไหมนังพิศ ออกไปได้แล้ว"
"หืม...ไปก็ได้ค่ะ"
อ่านต่อหน้าที่ 3


ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 7 (ต่อ)
โกสุมลงนั่ง เพิ่มพูนลงนั่งดื่มน้ำ

"พูดถึงงานวันนี้ นานๆจะได้เห็นคุณหลวงเสียหน้าสักที" โกสุมบอก
"เสียหน้าอะไรกัน" เพิ่มพูนถาม
"เอ้า..!! ก็คุณหลวงจะเปิดตัวเมียใหม่ทั้งที ก็ต้องมาขายหน้าจู่ๆเมียใหม่ก็มาตกน้ำตกท่าจน ป่วยซะนี่"
"ก็แค่ไม่ได้ออกมาทำความรู้จักคนอื่นๆเท่านั้นเอง วันนี้ไม่ออกวันหน้าก็ออกอยู่ดี ไม่เห็นจะเสียหน้าตรงไหนเลย"
เพิ่มพูนลุกออกไป โกสุมอารมณ์เสียที่สามีไม่เห็นด้วย โกสุมพูดไล่หลังเพิ่มพูนไป
"เสียหน้าสิ แขกตั้งเยอะตั้งแยะที่มาก็เพราะอยากจะเห็นหน้าเมียใหม่คุณหลวงทั้งนั้น แหล่ะ"
"นังนั่นมันมารยาจะตาย"
โกสุมแปลกใจ หันขวับมาที่สารภี
"แกรู้ได้ยังไงว่านังนั่นมันมารยา"
"แหม! แม่ สารภีเจอมันกี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว ท่าทางมันคงไม่ได้อยากเป็นเมียคุณหลวง สักเท่าไหร่หรอก"
"แกหมายความว่ายังไงฉันงงไปหมดแล้ว"
"สารภีเคยเจอมันไปไหนมาไหนกับคุณเทพไทหลายครั้ง อีนังนี่มันคงคิดจะฟาดลูกมากกว่า หรือไม่มันก็กะจะฟาดทั้งพ่อทั้งลูกเป็นแน่"
โกสุมตกใจ
"ตายจริง"
"คอยดูนะหนูจะกระชากหน้ากากมันออกมาให้ได้เลย"
สารภีสีหน้าเกลียดชัง

ลำเจียกเดินไปมาอยู่หน้าประตู ชะเง้อมองตลอดเวลา อึ่งมองอยู่นานจึงพูดลอยๆ
"คุณหลวงไม่ขึ้นมาบนเรือนหรอกเจ้าค่ะ ป่านนี้ก็คงเข้านอนไปพร้อมนังดอกไม้ นั่นแล้วเจ้าค่ะ"
ลำเจียกขว้างของใส่อึ่งไม่พอใจที่อึ่งพูดแบบนี้
"นังอึ่ง....หุบปากไปเลยนะ"
อึ่งจ๋อยๆ
"บ่าวขอประทานโทษเจ้าค่ะ แต่บ่าวเป็นห่วงคุณลำเจียกนะเจ้าคะ"
"เป็นห่วงฉันก็หยุดพูดถึงมันได้แล้วฉันไม่อยากได้ยิน"
อึ่งคิดๆก่อนจะบอกลำเจียก
"ถ้าคุณไม่ชอบมัน ก็ทำให้มันอยู่ไม่ได้ซะสิคะ เหมือน อีมะลิไงเจ้าคะ คุณยังทำซะจนมันไม่กลับมาที่นี่อีกเลย"
ลำเจียกคิดถึงเหตุการณ์มะลิ
"นังมะลิ"
อึ่งนึกขึ้นได้
"พูดถึงอีมะลิ เมื่อเย็นญาตินังมะลิมันมาหาอีมะลิที่นี่เจ้าค่ะ"
ลำเจียกแปลกใจ
"มันว่ายังไงบ้าง"
"มันมาถามหานังมะลิที่นี่ทำไมไม่รู้เจ้าค่ะ ก็พวกมันมิใช่รึที่มาพานังมะลิออกไป จากโรงหมอ"
"แกแน่ใจนะว่าเป็นญาตินังมะลิมันจริงๆ"
"แน่ซะยิ่งกว่าแน่อีกเจ้าค่ะ ไอ้เผื่อนมันเป็นพี่ชายนังมะลิ หลานยัยหมอนมันคิดว่านังมะลิกลับมารักษาตัวที่นี่ มันน่าแปลกนะเจ้าคะ จู่ๆนังมะลิก็หายไปไหนไม่รู้"
อึ่งใช้ความคิด ลำเจียกรำคาญ
"มันจะหายไปไหนก็ช่างหัวมันสิ ส่วนแกก็ออกไปได้แล้วฉันอยากอยู่คนเดียว"
อึ่งจ๋อย
"อุ่ย... ไปก็ได้เจ้าค่ะ"
อึ่งออกไป ลำเจียกมองตามอย่างหงุดหงิดใจ

เท้าของใครบางคนเดินขึ้นเรือน จนถึงเตียงที่ดอกแก้วนอนอยู่
ดอกแก้วตื่นลืมตาขึ้นมาเห็นคนที่ยืนจ้องอยู่ตรงหน้าคือลำเจียก ดอกแก้วตกใจจะลุกหนี
"คุณลำเจียก"
ลำเจียกตรงเข้าจิกหัวไว้
"ใช่ฉันเอง แกคิดว่าจะแย่งคุณหลวงไปจากฉันได้รึนังดอกแก้ว"
ลำเจียกหัวเราะ ฮ่าๆๆ เหมือนคนคลั่ง ดอกแก้วกลัวพยายามยื้อให้ตัวเองหลุดจากมือของลำเจียก
"ปล่อยฉันนะ ปล่อย...คุณหลวงช่วยแก้วด้วยค่ะ คุณหลวง"
"เรียกให้ตายก็ไม่มีใครมาช่วยแกได้หรอก"
ลำเจียกดึงมีดพกออกมา จ้องมองมีดด้วยแววตาอาฆาต ก่อนแล้วหันมองหน้าดอกแก้ว
ดอกแก้วกลัวตัวสั่นถดตัวหนี ลำเจียกง้างมีดสุดมือจ้วงแทงที่ดอกแก้ว
"แอร๊ย"

ลำเจียกกระสับกระส่ายเด้งพรวดจากที่นอนเหงื่อเต็มหน้าสีหน้าตื่นตระหนก
"ไม่"
ลำเจียกมองมือตัวเอง มองรอบๆห้อง ตั้งสติรู้ว่าเป็นความฝัน
"ฉันฝันรึเนี่ย"
ลำเจียกมองรอบๆตัวตื่นกลัวกับความฝันของตัวเอง

เช้าวันใหม่ หลวงปกรณ์เดินเข้ามาที่ห้องอาหาร สร้อยทอง เทพไทนั่งประจำโต๊ะอยู่ก่อนแล้ว
หลวงปกรณ์ลงนั่ง มองไม่เห็นลำเจียกก็ถามหา
"แม่ลำเจียกยังไม่มาอีกรึ" คุณหลวงหันไปทางเข็ม "ไปตามแม่ลำเจียกมาซิ"
เข็มยังไม่ทันจะตอบอะไร สร้อยทองชิงตอบก่อน
"แม่ลำเจียกออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าตรู่แล้วค่ะ"
หลวงปกรณ์แปลกใจ
"ออกไปไหน ไปกับใครกัน"
สร้อยทองนิ่งไม่อยากตอบ คุณหลวงหันไปทางศรี ศรีตอบอ้อมแอ้ม
"เอ่อ..ไม่ทราบว่าไปไหนเจ้าค่ะ...เห็นแต่นังอึ่งไปตามนายไหลมาลากรถให้
คุณลำเจียกตั้งแต่เช้า แล้วก็พากันออกไปเจ้าค่ะ"
คุณหลวงโมโห
"รถลากที่บ้านก็มีจะไปไหนทำไมไม่บอก มันมีความจำเป็นอะไรถึงต้องเรียกนายนั่นมาลากรถให้"
"เค้าคงจะคุ้นเคยกันมั๊งคะ"
คุณหลวงออกอาการไม่พอใจ
"คุณพี่เตือนแม่ลำเจียกหน่อยก็ดีนะ อิฉันไม่อยากให้ใครต่อใครมานินทาลับหลังว่าเมียคุณหลวงเที่ยวตะลอนๆไปกับรถลาก"
คุณหลวงเครียดๆ
"ไว้ฉันจะเรียกแม่ลำเจียกมาตักเตือนแล้วกัน"
คุณหลวงหน้านิ่งไป สร้อยทองแอบมอง
คุณหลวงมองหาดอกแก้ว สร้อยทองเห็นอาการคุณหลวง
"มองหาใครหรือคะ"
"ทำไมแม่ดอกแก้วไม่ขึ้นมาทานข้าวด้วยกันบนเรือน"
"อิฉันให้คนจัดสำรับไปให้ที่เรือนแล้วค่ะ ดอกแก้วต้องทานอาหารรสอ่อนๆก่อน สักระยะเพราะเห็นว่ายังซมไข้อยู่น่ะค่ะ"
คุณหลวงเป็นห่วงดอกแก้ว หันไปทางเทพไท
"พ่อเทพประเดี๋ยวทานอาหารเสร็จแล้วช่วยลงไปตรวจดูอาการของดอกแก้วทีว่า ค่อยยังชั่วขึ้นหรือยัง พ่อฝากดูแลด้วย"
เทพไทอึ้งๆรับปากอย่างเสียมิได้
"ได้ครับคุณพ่อ"
หลวงปกรณ์ยิ้มๆ หันไปทานอาหาร เทพไทครุ่นคิด

แล่มที่กินอาหารอย่างฝืดๆแล้ววางช้อนลงเสียงดัง ไม่สบอารมณ์
"โอ้ย...กับข้าวอะไรเนี่ยไม่เป็นตากินเลยโว้ย"
แล่มดันจานอาหารไปตรงที่เอี้ยงนั่งรออยู่ เอี้ยงตกใจ
"อาหารคนป่วยก็รสนี้แหล่ะจ้ะ" เอี้ยงบอก
แล่มตวาดแว๊ด
"ก็ฉันไม่ได้ป่วยนี่ ใจคอจะให้ฉันกินเหมือนกับคนป่วยเลยรึไงกันยะ"
ดอกแก้วที่นั่งอยู่ข้างๆถอนหายใจ
"แม่จ๊ะ กินไปก่อนเถอะจ้ะ เอี้ยงอุตส่าห์จัดสำรับมาให้แล้ว"
"ข้าไม่กิน เมื่อไหร่เอ็งจะหายสักทีข้าจะได้ขึ้นไปกินบนเรือนใหญ่ให้มันสมฐานะข้าหน่อย"
ดอกแก้วตักข้าวต้มในชามขึ้นกินแล้วพูดกับแม่
"แบบนี้ก็สมฐานะเราดีนะแม่"
แล่มโมโหที่ดอกแก้วไม่คล้อยตาม
"บ๊ะ..นังนี่ !! เอ็งกินไปคนเดียวเลยนะ อาหารจืดชืดแบบนี้ข้ากินไม่ลงหรอก
ข้าไปหา อะไรกินที่เรือนครัวดีกว่า"
แล่มลุกขึ้นเดินออกไป ดอกแก้วมองตามชินกับอาการเหวี่ยงของแม่

ลำเจียกนั่งมองแม่น้ำนิ่งๆอยู่ที่ท่าน้ำวัด คิดถึงคำพูดที่คุณหลวงต่อว่า
หลวงปกรณ์ราชกิจหันไปทางลำเจียกที่ยืนตัวเปียกสั่นๆอยู่
"มันเรื่องอะไรกัน ทำไมต้องแกล้งกันปางตายแบบนี้ด้วยห๊ะแม่ลำเจียก"
"ไม่นะคะ อิฉันไม่ได้แกล้งนะคะ"
หลวงปกรณ์เสียงดัง
"ก็แล้วทำไมดอกแก้วถึงจมน้ำได้ ตอบมาซิ"
ลำเจียกเสียใจที่คุณหลวงคาดคั้นเอาผิดกับตนเอง มองเหม่อลอยไปที่แม่น้ำ
เสียงของอึ่งแว่วเข้ามาในความคิดของลำเจียก
"ถ้าคุณไม่ชอบมัน ก็ทำให้มันอยู่ไม่ได้ซะสิคะ เหมือน อีมะลิไงเจ้าคะ คุณยังทำซะจนมันไม่กลับมาที่นี่อีกเลย"
นายไหลเข้ามามองเห็นว่าลำเจียกหักพัดที่ถืออยู่ในมืออย่างลืมตัว ไหลเรียกลำเจียก
"คุณครับ...คุณลำเจียกครับ"
ลำเจียกตื่นจากภวังค์ หันมาทางไหล
"มีอะไรรึนายไหล"
"คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ"
"ไม่นี่ ทำไมรึ"
"เอ่อ..." ไหลชี้ที่มือลำเจียกที่พัดหักอยู่ในมือ
ลำเจียกมอง ตกใจที่เห็นว่าพัดหักคามือ
"อุ่ย..ฉันเผลอทำพัดหักรึเนี่ยแย่จริง"
ลำเจียกเก้อๆ
"คุณลำเจียกไม่สบายใจอีกแล้วใช่ไหมครับ"
"เธอนี่ช่างสังเกตเสียจริง"
"เวลาคุณไม่สบายใจทีไรเป็นต้องออกมานอกบ้านทุกครั้งเลย"
ลำเจียกพยักหน้า
"ก็จริงของเธอ บางครั้งฉันก็รู้สึกเหมือนฉันอยู่คนเดียวไม่มีญาติพี่น้องไม่มีมิตร
ที่ไหนที่พอจะปรับทุกข์ได้"
"แล้วคุณหลวงล่ะครับ"
ลำเจียกอึ้งไป
"ป่านนี้คุณหลวงคงมัวแต่คอยเอาอกเอาใจภรรยาใหม่ เวลานี้ฉันแทบไม่อยู่ในสายตาของคุณหลวงเลยด้วยซ้ำ"
ไหลสงสารลำเจียก
"คุณจะนั่งอยู่ที่นี่ทั้งวันคงไม่ดีแน่ เอาอย่างนี้ไหมครับผมจะพาคุณไปเดินตลาดดีกว่า เผื่อคุณจะคลายเศร้าได้บ้าง"
ลำเจียกยิ้มมองไหล

เทพไทตรวจจับชีพจรที่ข้อมือของดอกแก้ว
"ชีพจรเต้นปกติแล้ว มีไข้นิดหน่อย อีกไม่กี่วันคงหายดี"
"ขอบคุณค่ะ"
"เอี้ยงให้คุณแก้วทานยาตามที่คุณเทพสั่งตลอดไม่เคยขาดเลยค่ะ"
เทพไทยิ้มๆให้เอี้ยง
"งั้นก็เอายานี่ไว้ให้คุณแก้วกินทุกครั้งหลังอาหารนะ"
"ค่ะ"
เอี้ยงรับยาจากเทพไท ดอกแก้วถามเทพไท
"ฉันขอออกไปเดินในสวนจะได้ไหมคะ"
"อย่าเพิ่งเลยครับ รอให้หายไข้ก่อนจะดีกว่า"
"ฉันแค่อยากจะไปดูดอกไม้สักนิด"
"เชื่อคุณเทพเถอะค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงดอกไม้หรอกค่ะ ประเดี๋ยวเอี้ยงจะไปรดน้ำพรวนดินให้เองค่ะ"
"ขอบใจจ้ะ ฉันฝากด้วยนะจ๊ะเอี้ยง"
ดอกแก้วยิ้มให้ เอี้ยงเดินออกไป ศรีถือถาดถ้วยยาสมุนไพรมาพอดี
"อ้าวคุณเทพ มาตรวจไข้รึคะ"
"ตรวจเสร็จแล้วกำลังจะกลับพอดี" เทพไทมองถ้วยยาสมุนไพร "นั่นอะไรรึ"
"คุณสร้อยให้เอายาสมุนไพรมาให้คุณแก้วค่ะ ...คุณสร้อยบอกให้ดื่มตอน ท้องว่างๆนะมันจะช่วยแก้ช้ำใน"
"ขอบใจจ้ะแม่ศรี"
ศรีออกไปดอกแก้วมองตามยิ้มๆ เทพไทแอบมองดอกแก้ว ต่างหันมาสายตาประสานกัน ต่างอึ้งมองกัน ดอกแก้วรู้สึกตัวหลบสายตา เทพไทแก้เก้อ
"เอ่อ...งั้นผมกลับก่อนดีกว่า"
"อ่อค่ะ"
เทพไทเขินๆ ดอกแก้วเองก็เช่นเดียวกัน

เอี้ยงเดินถือเสียมกับถังรดน้ำจะไปแปลงดอกไม้ มองเห็นตาคงถือเสียมเดินผ่านไป เอี้ยงหาเรื่องคุย
" ไปพรวนดินมาเหรอลุงคง"
คงไม่ตอบอะไรเดินผ่านไปหน้านิ่งๆ เอี้ยงมองตามงงๆว่าไล่หลัง
" แหม...จะพยักหน้าตอบสักหน่อยก็ไม่ได้ วันๆจะทำแต่งานไม่หือไม่อือกับใครเลย รึไงลุง"
เอี้ยงมองไปที่แปลงดอกไม้เห็นรอยรดน้ำพรวนดินใหม่ๆรอบๆจึงหันไปตะโกน
"ขอบใจนะลุงที่พรวนดินให้น่ะ"
เอี้ยงยิ้มมองดอกไม้
"ดีล่ะ จะได้ไปทำอย่างอื่น"
เอี้ยงจึงเปลี่ยนใจเดินกลับ

แล่มนั่งกินข้าวอยู่มุมหนึ่งในเรือนครัว เข็มเดินผ่านตรงไปยังหม้อแกง เปิดฝาหม้อออกดูเห็นว่าเป็นแกงแบบเดียวกันกับที่เคยหกราดตัวมะลิ เข็มร้องยี๊ หมอนที่นั่งปอกกระเทียมอยู่หันมอง
"อี๊...แกงนี่อีกแล้วเหรอ ใครจะกินเข้าไปลงห๊ะป้าหมอน"
แล่มกำลังตักเข้าปากได้ยินก็หันมอง
"ทำไมถึงจะกินไม่ลงวะ" หมอนถาม
"แหมป้า ก็ภาพที่คุณลำเจียกทำแกงราดรดตัวอีมะลิจนเหวอะหว่ะพองเน่าไปทั้งตัวมันยังติดตาฉันอยู่เลย ที่สำคัญมันก็ไอ้แกงแบบนี้นี่แหล่ะ...แหว่ะจะอ้วก หนังงี้สุกจนล่อนเลย อี๊..ขนลุก"
แล่มได้ฟังคิดภาพตามจะขย่อนออกมา วางช้อนลงดื่มน้ำทันที
หมอนเศร้าถอนหายใจ
"เฮ้อ..! อีมะลิกรรมของมันจริงๆ มันมักใหญ่ใฝ่สูงเกินตัวอยากจะเป็นเมียท่านให้ได้ ป่านนี้มันจะเป็นไงบ้างก็ไม่รู้ น่าเวทนาจริงๆ"
เอี้ยงเดินเข้ามาพอดี
"เวทนาอะไรเหรอจ๊ะป้า"
"ป้าแกพูดถึงนังมะลิน่ะ" เข็มบอก
"ทำไมเหรอจ๊ะ"
"เอ้า...ก็มันหายตัวไปจากโรงหมอน่ะสิ ที่บ้านก็ไม่อยู่ไม่รู้มันหายไปไหน มันเจ็บปางตายแบบนั้นมันไปไหนเองไม่ได้หรอก นอกซะจากว่า..."
"อะไรเหรอพี่"
"จะมีคนพามันไปน่ะสิ"
เอี้ยงกับเข็มคิดๆแล้วหันมองไปทางหมอน ป้าหมอนเศร้าๆนั่งปอกกระเทียม
แล่มขบคิดเรื่องราวที่ได้ยิน

อ่านต่อหน้าที่ 4


ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 7 (ต่อ)
ดอกแก้วนั่งจิบน้ำสมุนไพรที่ศรีเอามาให้อยู่ริมหน้าต่าง แล่มเดินครุ่นคิดกลับเข้ามาในบ้านมองดอกแก้วที่กำลังกินน้ำอยู่ ดอกแก้วหันมามองแม่

"แม่กินข้าวแล้วเหรอจ๊ะ"
แล่มพยักหน้า
"อืม.." แล่มนิ่งไปพักก่อนพูด "เมื่อกี้ตอนข้ากินข้าว ข้าไปได้ยินเรื่องนังมะลิมา"
"เค้าเป็นใครกันรึแม่"
"มันเป็นเมียบ่าวของคุณหลวงอีกคน แต่ดันไปมีเรื่องทะเลาะตบตีกับนังคุณลำเจียกเข้า แล้วถูกเอาน้ำร้อนราดจนเสียโฉม เค้าว่าสภาพมันเละเทะเลยเชียวแหล่ะ"
ดอกแก้วตกใจคิดไม่ถึงว่าลำเจียกจะทำแบบนั้น
"คุณลำเจียกไม่น่าจะทำแบบนั้นได้นะแม่"
"ก็ข้าได้ยินมาแบบนี้ แต่ดูท่าทีนังลำเจียกนั่นข้าว่ามันก็น่าจะเป็นอย่างที่เค้าว่ากัน"
ดอกแก้วคิดแล้วสงสาร
"แล้วตอนนี้มะลิเค้าอยู่ที่ไหนเหรอจ๊ะแม่"
"เค้าว่ามันหายตัวไปจากโรงหมอไม่มีใครเห็น หรือว่าตายไปซะแล้วก็ไม่รู้"
" โถช่างน่าสงสารเสียจริง"
แล่มมองดูลูกสาวอีกครั้งก่อนจะพูด
"เอ็งอยู่ที่นี่ก็ต้องระวังๆไว้บ้าง อย่ายอมให้ ใครเค้าทำอะไรเอ็งง่ายๆเข้าใจไหม ข้าคงอยู่ช่วยเอ็งไม่ได้ตลอด เพราะอีกไม่กี่วันข้าก็ต้องกลับบ้านแพ้วแล้ว"
"แม่จ๊ะ ถ้าเราไม่คิดร้ายกับใครเค้า ก็คงไม่มีใครคิดร้ายกับเราหรอกจ้ะ"
แล่มหมั่นไส้ลูก
"ย่ะ ช่างเป็นแม่พระกลับชาติมาเกิดจริงๆนะเอ็งเนี่ย ข้าเป็นห่วงเอ็งหรอกนะถึงได้เตือนน่ะ"
ดอกแก้วมองดูแม่ยิ้มๆแต่ก็แอบหวั่นใจกับสิ่งที่แม่เล่า


เทพไทเก็บตำราหนังสือเข้าชั้นที่วางหนังสือ ภาพของดอกแก้วที่เขาถ่ายที่ตลาดน้ำร่วงลงมาจากหนังสือ เทพไทก้มลงหยิบภาพถ่ายขึ้นมา ...
เทพไทเอามือลูบที่ภาพถ่าย
"ดอกแก้ว"
เทพไทคิดขึ้นได้ หันไปหยิบเอากระดานวาดภาพที่เคยวาดรูปตลาดน้ำไว้ค้างอยู่เอาออกมาวาดแต่คราวนี้เทพไทวาดรูปของดอกแก้วลงไปในภาพนั้นด้วย เขาบรรจงวาดภาพลงผ้าใบด้วยความตั้งใจราวกับจะเก็บภาพความทรงจำครั้งแรกไว้ในภาพวาดภาพนี้

ที่ตลาดพาหุรัด ลำเจียกเดินเลือกซื้อของร้านนั้นร้านนี้ลืมความทุกข์ใจ ไหลแอบมองดีใจที่เห็นว่าลำเจียกดูมีความสุข เขาช่วยถือของ แล้วแอบมองลำเจียก ไหลหลบสายตาลำเจียกที่มองมา
ลำเจียกยิ้มขำๆ แล้วเดินมาหยุดอยู่หน้าร้านขายเสื้อผ้าผู้ชาย
"ขอแวะร้านนี้อีกร้านนะ นายไหล"
"เชิญครับ"
ลำเจียกเดินเข้าไปดู เลือกหยิบเสื้อขึ้นมาตัวหนึ่ง ไหลยืนรออยู่ ลำเจียกกวักมือเรียกเข้ามา
"นายไหลเข้ามานี่หน่อย"
ไหลเดินเข้ามา ลำเจียกยกเสื้อที่ถืออยู่ทาบตัว ไหลงงๆ ลำเจียกยิ้มพอใจ
"พอดีเลย เอาตัวนี้นะ เดี๋ยวฉันซื้อให้"
ไหลตกใจ
"เอ่อ..คือผมไม่"
"รับไปเถอะนะ ฉันตั้งใจซื้อให้เพื่อตอบแทนที่นายไหลทำให้ฉันสบายใจ แต่ถ้านายไหลไม่รับ ฉันก็คงจะไม่สบายใจเป็นแน่"
ไหลอ้ำอึ้ง ลำเจียกไม่สนใจฟังคำตอบจากไหล หันไปหาคนขายแล้วจ่ายตังค์
ลำเจียกถือถุงเสื้อมายื่นให้
"ฉันให้"
ไหลไม่กล้ารับ ลำเจียกจับมือมายัดถุงเสื้อใส่มือ ไหลมองอึ้งๆ ลำเจียกยิ้มให้
แล้วเดินต่อไป ไหลมองดูของในมือแล้วมองตามลำเจียกยิ้มดีใจ

รถหลวงปกรณ์ราชกิจกลับเข้าบ้านมา นายเชิดรีบลงมาเปิดประตูให้ คุณหลวงลงรถมา สร้อยทองรอรับ นายเชิดส่งกระเป๋าเอกสารให้ศรีรับไปถือ
"วันนี้กลับเสียเย็นเลยนะคะ"
"พอดีวันนี้มีประชุมหารือที่กองน่ะ เอ่อ..แม่ดอกแก้วเป็นไงบ้างล่ะ"
"เมื่อสักครู่อิฉันเพิ่งให้แม่ศรีเอาน้ำสมุนไพรไปให้ เห็นว่าตอนนี้ลุกเดินไหวแล้วค่ะ พ่อเทพจัดยาให้ทานไม่ขาด"
"ขอบใจแม่สร้อยมากนะที่คอยเป็นธุระให้"
หลวงปกรณ์ตบบ่าสร้อยทองขอบคุณ
"กลับมาเหนื่อยๆเข้าบ้านก่อนเถอะค่ะ อิฉันเตรียมของว่างไว้ให้แล้วค่ะ"
หลวงปกรณ์กับสร้อยทองกำลังจะเข้าในบ้าน ลำเจียกกลับเข้ามาโดยมีไหลเข้ามาส่ง
เจ้าคุณหยุดหันมองลงมาเห็นไม่พอใจที่เห็นลำเจียกมากับไหล สร้อยทองมองตาม
ลำเจียกมีถุงของนิดหน่อย ลงจากรถลากเสียหลักกำลังจะล้ม
"ว๊าย"
ไหลรีบเข้าไปประคอง
"คุณลำเจียกระวังครับ"
หลวงปกรณ์โกรธจัดกำมือแน่น สร้อยทองเห็นอาการ
"แม่ลำเจียก"
หลวงปกรณ์ตรงเข้าไปที่ไหลซึ่งประคองลำเจียกอยู่ทันที สร้อยทองรีบลงตามไป
ลำเจียกตกใจรีบผละออกจากอกไหล
"คุณพี่"
หลวงปกรณ์ดึงลำเจียกออกห่างจากไหล
"ถ้าไม่มีธุระจะต้องพูดคุยกันต่อก็กลับไปได้แล้ว"
ไหลโค้งคำนับแบบเจียมตัว
"ครับนายท่าน"
ไหลมองที่ลำเจียกก่อนที่จะออกไป หลวงปกรณ์มองตาม
"เดี๋ยวก่อนนายไหล"
หลวงปกรณ์หันมองลำเจียก ลำเจียกเดินเข้าไปหาไหลยื่นเงินให้
"นี่ค่าจ้างสำหรับวันนี้"
หลวงปกรณ์มองดูลำเจียกไม่พอใจหันไปบอกสร้อยทอง
"บอกให้แม่ลำเจียกตามไปพบที่ห้องทำงานด้วย"
"ค่ะคุณพี่"
หลวงปกรณ์เดินออกไปด้วยความโมโห สร้อยทองมองตามไป ลำเจียกหันมองหลวงปกรณ์ที่เดินออกไป

ในห้องทำงาน หลวงปกรณ์ยืนหันหน้าไปนอกหน้าต่าง สร้อยทองพาลำเจียกเข้ามาในห้อง
"คุณพี่คะแม่ลำเจียกมาแล้วค่ะ"
สร้อยทองพยักหน้าบอกลำเจียกให้เดินเข้าไป สร้อยทองออกไปรอนอกห้อง "คุณพี่มีอะไรจะคุยกับอิฉันหรือคะ"
หลวงปกรณ์ยังไม่หันมา
"ไปไหนมา"
"ไปวัดมาค่ะ"
หลวงปกรณ์หันมาหน้าตาขึงขัง
"ไปวัดทั้งวันตั้งแต่เช้ากลับเอาจนเย็นป่านนี้เนี่ยนะรึ"
"คุณพี่สนใจด้วยรึคะ อิฉันคิดว่าคุณพี่จะจำได้แต่แม่ดอกแก้วเสียอีก ขอบคุณนะคะที่ยังอุตส่าห์ไถ่ถามว่าอิฉันไปไหนมา"
หลวงปกรณ์เสียงแข็ง
"ตอบคำถามฉันมา"
ลำเจียกนิ่ง ตอบแบบเสียไม่ได้)
"อิฉันไปวัดแล้วก็เลยไปแถวพาหุรัดมาค่ะ"
"ไปกันสองคนกับไอ้..คนลากรถน่ะรึ"
"ใช่ค่ะ ทำไมเหรอคะ"
คำตอบของลำเจียกยิ่งทำให้หลวงปกรณ์โมโห
"บ่าวในเรือนก็มีทำไมไม่ให้ไปด้วย หรือถ้าอยากไปนักก็บอกฉันสิ ฉันจะได้ให้นายเชิดขับรถไปให้ ออกไปกับเจ๊กลากรถสองต่อสองตั้งครึ่งค่อนวันจะให้เราคิดอย่างไรฮะ แม่ลำเจียก"
ลำเจียกโกรธที่คุณหลวงดูถูกใจตน
"คุณหลวงกำลังดูถูกใจของอิฉันนะคะ"
"ฉันพูดผิดตรงไหนในเมื่อหล่อนทำให้ฉันคิดแบบนี้จริงๆ"
ลำเจียกเสียใจ
"จะคิดอย่างไรก็ตามแต่ใจคุณหลวงเถิดค่ะ ถ้าเมื่อใดที่ฉันทุกข์ใจฉันก็จะ ออกไปเช่นเดิม"
ลำเจียกเดินปึงปังออกไป คุณหลวงโกรธ
"แม่ลำเจียก"
ลำเจียกออกไปไม่สนใจ หลวงปกรณ์ทุบโต๊ะดังปัง..!
สร้อยทองแอบฟังอยู่หน้าห้องได้ยินที่หลวงปกรณ์พูดนึกน้อยใจที่เห็นคุณหลวงดูหึงสร้อยทอง

เวลาต่อเนื่องมา หลวงปกรณ์ราชกิจลงนั่งเก้าอี้กลุ้มใจนั่งพิงพนักเก้าอี้หลับตา สร้อยทองเดินนำเข้ามาในห้อง ศรียกถาดน้ำตะไคร้กับขนมช่อม่วงเข้าตามมา
ศรีจัดแจงเอาถาดขนมวางที่เก้าอี้รับรองในห้อง
สร้อยทองเดินเข้าไปหาหลวงปกรณ์ที่นั่งพิงพนักเก้าอี้หลับตาผ่อนอารมณ์เกรี้ยวกราดเมื่อครู่ออก
"อิฉันเอาขนมช่อม่วงกับน้ำตะไคร้เย็นๆมาให้ค่ะ"
หลวงปกรณ์ยังคงหลับตาพูดกับสร้อยทอง
"อืม..ขอบใจ"
ศรีวางเสร็จแล้ว สร้อยทองพยักหน้าให้ออกไป
สร้อยทองเข้าไปใกล้หลวงปกรณ์ที่หลับตาอยู่ เดินเข้าไปด้านหลังเก้าอี้แล้วลงมือนวดขมับให้
"อิฉันนวดให้นะคะ"
สร้อยทองนวดให้หลวงปกรณ์
"คุณพี่อย่าเก็บเรื่องแม่ลำเจียกมาใส่ใจเลยค่ะ จะพาลปวดหัวเสียเปล่าๆ"
"แม่ลำเจียกทั้งดื้อทั้งรั้นยอมฟังใครที่ไหน แม่สร้อยก็เห็น"
"งั้นลองปล่อยๆเธอดูดีไหมคะ บางทีแม่ลำเจียกอาจจะทำเพื่อเรียกร้องความสนใจ ก็เป็นได้ค่ะ"
หลวงปกรณ์หันมาหาสร้อยทอง
"โดยการเที่ยวตะลอนๆไปกับผู้ชายไม่มีหัวนอนปลายเท้าเนี่ยนะรึแม่สร้อย"
"แม่ลำเจียกคงเชื่อใจนายคนนั้นมากถึงไปไหนมาไหนด้วยกันอยู่บ่อยๆ"
"นั่นล่ะที่ทำให้ฉันไม่สบายใจ"
สร้อยทองมองดูหลวงปกรณ์ท่าทางเหมือนหึง
"แม่สร้อยช่วยจับตาดูไอ้นายไหลที่ลากรถให้หน่อยแล้วกัน ฉันไม่ค่อยไว้ใจเกรงว่า แม่ลำเจียกจะหลงเชื่อคนง่ายๆ"
"ก็ได้ค่ะ"
หลวงปกรณ์จับมือสร้อยทอง
"ขอบใจมากนะแม่สร้อย"
สร้อยทองยิ้มให้ หลวงปกรณ์โล่งอกหันกลับพิงพนักเก้าอี้ให้สร้อยทองนวดต่อ
สร้อยทองนวดไปคิดไปนึกน้อยใจที่คุณหลวงดูหวงลำเจียก

เย็นวันเดียวกัน สารภีเพิ่งอาบน้ำน้ำเสร็จเดินมานั่งลงที่โต๊ะเครื่องแป้ง สารภีตะโกนเรียกนังพิศ
"พิศ พิศ นังพิศ"
พิศลนลานวิ่งเข้ามาในห้องหน้าตาตื่น
"มาแล้วค่ะ มาแล้ว"
"เรียกตั้งนาน มัวทำอะไรอยู่ห๊ะ ไปเอาคีมดัดผมไฟฟ้ามาดัดผมให้ฉันทีเร็วๆ"
"ได้ค่ะ"
พิศไปหยิบคีมดัดผม
โกสุมเดินเข้ามา
"เอะอะอะไรอีกล่ะแม่สารภี ... อ้าวแล้วนี่จะไปไหนอีกล่ะ จะอยู่บ้านสักวันไม่ได้หรือไงกัน"
"ก็ออกไปเปิดหูเปิดตาน่ะสิคะแม่ สารภีก็ต้องมีสังคมบ้างนะคะจะให้อุดอู้อยู่แต่ในบ้านประเดี๋ยวก็เฉาตายพอดี ไม่รู้ล่ะยังไงสารภีก็จะไป"
พิศเอาเครื่องมือมาเสียบที่ปลั๊กแต่ไม่มีความร้อน พิศขยับๆไปมา
"เฮ้อ..! แกนี่มันจริงๆเลย"
"เอ่อคุณคะ สงสัยไฟจะดับมั๊งคะ ไม่มีความร้อนเลยค่ะ"
สารภีเปิดพัดลมดูก็ไม่ติด
"อะไรกันน่ะ ไฟดับงั้นรึ"
โกสุมขำๆ
"ไฟมันดับมาตั้งแต่บ่ายแล้ว สงสัยโชคจะไม่เข้าข้างแกแล้วล่ะ"
สารภีมองแม่หน้าง้ำก่อนจะหันไปบอกพิศ
"นังพิศเก็บของ ฉันจะไปใช้ไฟที่โรงพิมพ์"
สารภีสะบัดพรืดลุกเดินผ่านแม่
"แม่ห้ามสารภีไม่ได้หรอก"
สารภีเดินออก พิศรีบคว้าที่ดัดผมแจ้นตามไป โกสุมมองลูกสาวอย่างระอา

ภายในห้อง ที่โรงพิมพ์ยินดีสาร พิศกำลังใช้คีมหนีบผมเป็นลอนๆให้กับสารภี
สารภีนั่งถือกระจกเล็กๆส่องมองสั่งการ
"หนีบตรงนี้อีกทีซิ ย้ำๆหน่อยสิ"
พิศบ่นๆ
"โถคุณสารภีค่ะ พิศย้ำจนไม่รู้จะย้ำยังไงแล้วค่ะ"
สารภีหันจะตวาดพิศ แต่หูดันไปโดนกับคีมร้อนๆ
"โอ๊ย ! ร้อน อีนังพิศ แกแกล้งฉันเหรอ"
"อิฉันไม่ได้แกล้งนะคะ จู่ๆคุณสารภีก็หันมาโดนเองอย่ามาโทษอิฉันสิคะ"
สารภีหงุดหงิด
"โอ้ย จะไปไหนก็ไปเลยไปใช้ทำแค่นี้ทำหน้าเง้าหน้างอ ไปเลยไปฉันทำเองก็ได้"
พิศแอบยิ้มเข้าทางเพราะขี้เกียจทำ
"ไปก็ได้ค่ะ"
พิศเอาเครื่องมือวางแล้วออกไป
สารภีอารมณ์เสียก่อนจะหันมาหยิบเครื่องดัดผมมาหนีบเอง เริ่มต้นม้วนผมเข้าที่ดัดแล้วจัดทรงไปมา ทำจนเสร็จ แล้ววางเครื่องดัดผมลงบนโต๊ะใกล้กับกองหนังสือ
สารภีสำรวจทรงผมสวยงามยิ้มกับกระจก
"สวยแล้ว"
สารภีลุกจากโต๊ะคว้ากระเป๋าถือเดินออกจากห้องทำงานไปปิดประตู

กลางคืนต่อเนื่องมา เพื่อนๆสารภียืนรออยู่หน้าไนท์คลับ ผู้คนทยอยเดินเข้า สารภีลงรถเดินเข้ามาหากลุ่มเพื่อนที่ยืนรออยู่
"ฉันนึกว่าเธอจะเบี้ยวซะแล้ว ปล่อยให้พวกฉันยืนรออยู่นานสองนาน" ละออบอก
"แหม....ฉันบอกว่าจะมาก็ต้องมาสิ จะเข้าไปข้างในได้รึยังหรือจะยืนอยู่ตรงนี้"
"หืม...ไปก็ไป พวกฉันก็รอเธอนี่แหล่ะ"
สารภีกับเพื่อนๆเดินเข้าไปในไนท์คลับ

เวลาเดียวกัน ภายในห้องทำงานมืดๆ มีควันจางๆลอยกรุ่นอยู่ จู่ๆก็มีแสงไฟพรึ่บขึ้นมาจากกองหนังสือที่มีปลายคีมดัดผมจ่อๆอยู่ ไฟลุกโหมที่กองหนังสืออย่างรวดเร็วจนเปลวเพลิงแดงไปทั่วห้อง

อ่านต่อตอนที่ 8

กำลังโหลดความคิดเห็น