ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 6
ลำเจียกวิ่งร้องไห้โฮๆ ออกมาจากในบ้าน แล่มเนวยนาด เมานิดหน่อย เดินสวนเข้ามา
"ต๊ายตาย วิ่งร้องไห้ออกมาอย่างนี้ โดนคุณหลวงเฉดหัวออกจากบ้านล่ะสิ นึกอยู่แล้วเชียว"
แล่มหัวเราะร่า แล้วเข้าไปเดินวนๆ อยู่ใกล้ลำเจียก เพื่อกวนประสาท
"แล้วนี่เขาให้แกออกไปแต่ตัวเลยเหรอ น่าสงสารจริ๊ง มีเงินค่ารถไหมล่ะ ถ้าไม่มี ฉันจะให้ รับๆ แล้วก็รีบไสหัวไปซะ"
แล่มปาเงินใส่ ลำเจียกปรี๊ดแตก พุ่งเข้าบีบคอแล่ม เขย่าๆๆ
"แกน่ะสิไสหัวไป ฉันเกลียดแกทั้งแม่ทั้งลูก ได้ยินไหม"
แล่มตาเหลือก หายใจไม่ออก พยายามแก้มือ แต่ลำเจียกเหมือนขาดสติ พูดซ้ำๆๆ ใส่แล่ม
"ฉันเกลียดแกๆๆๆ"
สร้อยทองวิ่งเข้ามาพร้อมกับศรี รีบเข้ามาแยกลำเจียกออกจากแล่ม
"ช่วยฉันด้วย อีบ้านี่มันจะฆ่าฉัน"
"แม่ลำเจียก ใจเย็นๆ ปล่อยมือก่อน"
สร้อยทองกับศรีช่วยกันแกะมือ ในที่สุดลำเจียกก็ยอมปล่อยมือ แต่ยังร้องไห้ไม่หยุด
สร้อยทองเข้ามาคุยกับดอกแก้วและเทพไทที่รอฟังข่าวอยู่ ท่าทางกลุ้มใจ
"แม่ลำเจียกไม่ยอมกลับขึ้นมานอนบนตึก ถ้าคุณพี่ไม่ลงไปตามด้วยตัวเอง แม่ก็เลยให้ไปนอนที่เรือนไทยของคุณย่า"
"เรือนหลังบ้านน่ะเหรอครับ มันรกทึบจะตาย ไม่มีคนอยู่มาตั้งนานแล้ว" เทพไทว่า
"ทำยังไงได้ ก็เจ้าทิฐิกันทั้งสองฝ่าย คืนนี้คุณพ่อเราไม่ลงไปแน่ แม่ลำเจียกก็ไม่ยอมให้นังอึ่งไปอยู่เป็นเพื่อน หยูกยาก็ไม่ยอมรับ เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาไม่มีใครรู้เห็นจะแย่เอา"
"งั้นแก้วจะลงไปดูให้นะคะ คุณพี่จัดยามาเถอะค่ะ"
"คุณจะไปทำให้เรื่องมันแย่ลงน่ะสิ"
"ในเมื่อฉันเป็นต้นเหตุ ฉันก็อยากจะแก้ไขค่ะ"
"เอาดีเข้าตัวล่ะสิไม่ว่า !
สร้อยทองมองอาการไม่พอใจของเทพไทอย่างสังเกต แต่หันมาพูดกับดอกแก้ว
"จะเอาอย่างนั้นเหรอดอกแก้ว"
ดอกแก้วพยักหน้า มุ่งมั่น จริงใจ
เวลาต่อมา ดอกแก้วถือถาดยาเดินขึ้นมาหยุดที่หน้าประตูเรือนไทย แล้วค่อยๆ เคาะ
"คุณลำเจียกคะ แก้วเองค่ะ"
"เสนอหน้ามาทำไม กลับไปนะ"
ลำเจียกขว้างอะไรบางอย่างมาที่ประตูดังเปรี้ยง ดอกแก้วถอยอย่างตกใจ แต่ยังไม่ยอมไป
"แก้วเอายามาให้คุณลำเจียกค่ะ เมื่อตอนค่ำคุณลำเจียกยังไม่ได้รับยา"
"ฉันบอกแล้วไงว่าอย่ามายุ่ง ถ้าฉันตายไปซะได้ แกไม่ดีใจหรือยังไง"
"ไม่เลยค่ะ แก้วเป็นห่วงคุณลำเจียกจริงๆ นะคะ"
ลำเจียกขว้างของใส่ประตูอีกครั้ง
"คุณพี่สร้อยทองบอกว่าคุณลำเจียกต้องรับยาให้สม่ำเสมอ ไม่งั้นอาการหน้ามืด หัวใจสั่นจะกำเริบนะเจ้าคะ"
ดอกแก้วยังยืนรอ ท่าทางเป็นห่วง พอจะเคาะประตูอีกครั้ง ลำเจียกก็เปิดผ่างออกมา
ดอกแก้วยิ้มดีใจ
"คุณล..."
ลำเจียกหยิบถ้วยยาไป แต่ไม่กิน กลับสาดใส่หน้าดอกแก้วทันที
"ไสหัวไปได้แล้ว ฉันรำคาญ"
ลำเจียกปิดประตูปัง ดอกแก้วเอามือเช็ดหน้าตัวเอง กลุ้มใจ นึกถึงคำสร้อยทอง
"แม่ลำเจียกก็ไม่ยอมให้นังอึ่งไปอยู่เป็นเพื่อน หยูกยาก็ไม่ยอมรับ เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาไม่มีใครรู้เห็นจะแย่เอา"
ดอกแก้วนึกเป็นห่วง เลยทรุดลงนั่งที่นอกชาน ตั้งใจจะนั่งเฝ้า เอามือปัดยุงที่บินมาเกาะตามตัว
"งั้นแก้วจะเฝ้าคุณลำเจียกอยู่ข้างนอกชานนะคะ ถ้าคุณลำเจียกรู้สึกไม่สบาย เรียกแก้วได้เลยค่ะ"
ภายในห้อง ลำเจียกได้ยินดอกแก้วบอกว่าจะเฝ้าก็อึ้ง แต่พยายามข่มตาหลับไม่สนใจ
สารภีคุยกับเพิ่มพูนและโกสุมอย่างดีใจ
"ที่บ้านพี่เทพไทจะจัดงานเหรอคะ เมื่อไร"
โกสุมบอก
"พรุ่งนี้ เห็นว่าจะทำบุญบ้าน แต่แม่ได้ยินมาว่าจริงๆ แล้วคุณหลวงแกหาเรื่องเปิดตัวเมียน้อยคนใหม่มากกว่า"
"คุณหลวงแกมีเมียอีกแล้วเหรอ สามเมียเข้าไปแล้วสินะ"
"คนอย่างหลวงปกรณ์ราชกิจ มีเป็นสิบเมียก็ยังไหว สมบัติพัสถานเยอะขนาดนั้น ผู้หญิงหน้าด้านที่ไหนก็อยากจะวิ่งเข้ามาถวายตัว" โกสุมหันมาหา สารภี "แกอย่ามัวชักช้าเชียวนะสารภี รีบจับพ่อเทพไทให้ได้ก่อนที่เมียๆ คุณหลวงจะรุมทึ้งสมบัติจนหมด"
"งั้นหนูจะเริ่มเดินหน้าตั้งแต่พรุ่งนี้เลย แต่ก่อนอื่นก็ต้องสวยตรึงใจพี่เทพให้ได้"
สารภีคว้ากระเป๋าสตางค์โกสุมมาเปิดหยิบเงินดื้อๆ
"หนูขอเงินไปทำผมกับซื้อเสื้อผ้าอีกซักสองสามชุดนะคะ"
สารภีคว้าเงินแล้วรีบเดินออกไป โกสุมอึ้ง รีบเปิดกระเป๋าดู เห็นเงินหายเกลี้ยง
"อ๊าย ถือโอกาสเลยนะแก ฮึ้ย!"
ดอกแก้วนั่งหลับพิงฝาเรือนไทยอยู่ แต่พอได้ยินเสียงประตูเปิดออกมาก็สะดุ้งตื่น รีบลุกขึ้น
"คุณลำเจียก"
"นี่แกยังอยู่อีกเหรอ"
"แก้วเป็นห่วงก็เลยไม่กล้าทิ้งคุณลำเจียกไว้ตามลำพังค่ะ"
ดอกแก้วพูดพลางลูบแขนไปมา ลำเจียกมองเห็นรอยแดงๆ เต็มแขน เหมือนยุงกัด
"แก้วให้ป้าศรีจัดยาชุดใหม่มาให้แล้ว คุณลำเจียกทานนิดนึงนะเจ้าคะ"
"ก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่กิน เอาออกไป๊ !"
ลำเจียกปัดยาทิ้งทั้งถาด แล่มเดินเข้ามา
"ไม่กินก็ปล่อยให้ตายอยู่ตรงนี้แหละนังแก้ว แกจะไปยุ่งทำไม แม่บอกแล้วใช่ไหม ว่าไม่ต้องไปทำดีกับมัน ดูซิตากยุงทั้งคืนจนตัวแดงไปหมดแล้ว เดี๋ยวคุณหลวงก็ว่าเอาหรอก ไม่รู้จักถนอมตัวเอง"
แล่มดึงแขนดอกแก้วให้ออกมาห่างๆ จากลำเจียก
"เราน่ะยังสาวยังแส้ คุณหลวงเขาทั้งรักทั้งห่วง จะทำอะไรก็ต้องระวังตัว ปล่อยอีพวกของเก่าเตรียมโละทิ้งไว้อย่างนี้แหละ เดี๋ยวมันก็ผุพังไปตามกาลเวลาเอง คุณหลวงเขาคงไม่มาดูดำดูดีแล้วล่ะ" แล่มหัวเราะเยาะลั่น
"แม่ !"
แล่มถลึงตาใส่แล้วลากดอกแก้วออกไป ลำเจียกกำมือแน่น เจ็บใจ อกจะระเบิด อึ่งโผล่หน้าเข้ามาดู เห็นลำเจียกยืนตัวสั่นก็รีบเข้าไปหา
"คุณลำเจียกเจ้าขา เป็นยังไงบ้างเจ้าคะ"
"คุณพี่ล่ะ คุณพี่อยู่ที่ไหน"
"เอ่อ บนตึกเจ้าค่ะ"
"นี่ใจคอคุณพี่จะไม่แยแสฉันเลยใช่ไหม"
อึ่งทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม ลำเจียกโมโห สะบัดสะบิ้งเดินเข้าเรือนไป อึ่งรีบตาม
ลำเจียกทรุดตัวลงซบหน้ากับหมอนร้องไห้โฮๆ
สร้อยทองวางงานฝีมือที่ทำอยู่ส่งให้ศรี พร้อมกับหันไปคุยกับแล่มที่นั่งอยู่คู่กับดอกแก้ว
"เธอสองคนจะขอใช้รถ จะไปไหน"
"ใช่! นังแก้วมันยังไม่มีเสื้อผ้าสำหรับใส่ไปงานพรุ่งนี้ ฉันจะพามันไปซื้อ คุณหลวงอนุญาตแล้ว"
ดอกแก้วเกรงใจสร้อย
"ฉันใส่ชุดเก่าที่เอามาจากบ้านก็ได้จ้ะแม่"
"ไม่ได้ ! เป็นถึงเมียหลวงปกรณ์ราชกิจจะแต่งตัวซอมซ่อได้ยังไง อายเขาตาย งานพรุ่งนี้มันเป็นงานโชว์ตัวเอ็งเชียวนะ"
สร้อยทองทำหน้าอึดอัดแล้วสบตากับเทพไท
"แล้วจะเอารถไปได้ยังไง นายเชิดไม่อยู่ ฉันสั่งให้ไปซื้อเครื่องสังฆภัณฑ์"
"งั้นก็ให้คนอื่นขับสิ" แล่มหันมาทางเทพไท "ลูกชายคุณนี่ไง ขับรถเป็นหรือเปล่าล่ะพ่อ"
ดอกแก้วตกใจ กระตุกแขน "แม่!"
เทพไทอึ้งที่อยู่ๆ แล่มก็หันมาใช้ สร้อยทองเริ่มไม่พอใจ
"มันจะมากเกินไปนะแม่แล่ม คุณเทพไทไม่ใช่คนขับรถ"
"แหม ก็ขับให้แม่เลี้ยง คนอื่นคนไกลที่ไหนล่ะ"
แล่มเห็นสร้อยทองยังทำหน้างอก็ชักสีหน้า
"หากคุณสร้อยไม่อนุญาติ งั้นฉันฝากคุณบอกคุณหลวงด้วยก็แล้วกัน ว่าฉันกับนังแก้วต้องนั่งรถรับจ้าง เพราะคุณไม่ยอมให้ใครขับรถไปส่ง"
แล่มเดินเชิดออกไป แล้วลากดอกแก้วออกไปด้วย ดอกแก้วละล้าละลัง เทพไทลุกขึ้น
"ผมไปก็ได้ครับคุณแม่"
เทพไทเปิดประตูรถตอนหน้าให้สองแม่ลูกด้วยท่าทางเย็นชา แต่แล่มเดินเชิดไปขึ้นตอนหลัง
ดอกแก้วเห็นสายตาดุๆ ของเทพไทก็รีบขึ้นไปนั่งตอนหน้าแทน เทพไทขับรถออกไป
สร้อยทองยืนมองอยู่ในบ้านกับศรี
"อยู่ดีๆ คุณเทพไทก็ต้องมาเป็นคนขับรถให้แม่แล่ม เฮ้อ"
"ช่างเถอะ ดีกว่าไปขัดใจคุณหลวง ฉันไม่อยากมีเรื่อง แค่นี้ก็วุ่นวายพออยู่แล้ว"
สร้อยทองจะเข้าบ้าน แต่เห็นนายไหลถีบสามล้อเข้ามา มีอึ่งนั่งมาบนนั้นด้วย
"นั่นเจ๊กไหลนี่ มาทำไมอีกล่ะ"
สร้อยทองนิ่ง มองนายไหลที่ถีบสามล้อไปทางเรือนไทยด้านหลัง สายตาใช้ความคิด
แล่มลากดอกแก้วเข้าไปในร้านเสื้อผ้า เจ้ากี้เจ้าการหยิบเสื้อผ้ามาเลือกให้ เทพไทยืนรอ
ดอกแก้วเลือกชุดไปก็เหลือบมองเทพไทอย่างเกรงใจตลอดเวลา แล่มจัดแจงเลือกชุดให้ลูกสาวไปสวม
ดอกแก้วสวมชุดออกมา เทพไทเผลอเหลือบมอง แต่พอเห็นดอกแก้วมองมาก็ทำไม่สนใจ
เวลาต่อมา... ดอกแก้วนั่งอยู่ในร้านทำผม แล่มยืนคุยกับช่างทำผม เปิดให้ดูรูปถ่ายดาราต่างๆ ชี้มือชี้ไม้ เทพไทนั่งอ่านหนังสือรอ เหลือบมองดอกแก้วที่นั่งก้มหน้า ไม่มีส่วนร่วมกับความวุ่นวายของแล่ม
ฝ่ายแล่มยืนเฝ้าดูช่างยีผมให้ดอกแก้ว เข้าไปแนะนำต่างๆ นานา จะให้ได้ดังใจตัวเองที่สุด จนเมื่อดอกแก้วทำผมเสร็จ แล่มจับเก้าอี้ให้หันมาหาเทพไทที่นั่งรออยู่
"เป็นยังไงบ้างคุณเทพ ดอกแก้วดอกนี้สวยไหมคะ"
เทพไทเงยหน้าขึ้นมองดอกแก้วที่แต่งหน้าทำผมจัดเต็มก็แอบอึ้งไปนิดหน่อย แล้วตอบเมินๆ
"ก็ดี พ่อผมคงชอบ"
เทพไทลุกออกไปรอนอกร้าน แล่มยิ้มระรื่น หันมาบอกช่าง
"งั้นพรุ่งนี้ไปแต่งที่บ้านให้ได้แบบนี้นะหนู ฉันจ่ายไม่อั้น"
แล่มก้มลงดูดอกแก้วในกระจกอย่างภาคภูมิใจ ส่วนดอกแก้วดูไม่มีความสุข เหลือบตามองเห็นเทพไทในกระจก ทั้งสองมองหน้ากันนิ่ง ทั้งรักทั้งเจ็บพอกัน
เทพไทเดินมาที่รถเตรียมจะขึ้นไป แต่แล่มรีบตามมาขวาง
"เดี๋ยวสิคุณเทพ แหม จะรีบไปไหนนะ"
"ก็ซื้อเสร็จแล้วไม่ใช่เหรอครับ น่าจะกลับกันได้แล้ว"
"แต่ฉันกับดอกแก้วยังไม่ได้กินอะไรเลยนะ หิวจะตายอยู่แล้ว พาไปกิน ร้านอาหารดีๆ หน่อยสิคุณ ตั้งแต่มาถึงพระนครฉันกับนังแก้วยังไม่ได้ไปนั่งเหลากับเขาเลย"
"กลับไปกินที่บ้านเถอะจ้ะแม่"
"โอ๊ย! ข้าเบื่อกับข้าวบ้านนพรัตน์จะแย่อยู่แล้ว ... แล้วคุณล่ะ ไม่เบื่อหรือไง มีแต่อาหารชาววัง กินยากกินเย็น เปลี่ยนบรรยากาศบ้างเถอะนะคุณ"
เทพไทถอนใจแรงๆ แล้วเดินขึ้นรถไป
แล่มพอใจ รู้ว่าเทพไทไม่กล้าขัดใจ เพราะกลัวหลวงปกรณ์
สารภีนั่งรถผ่านในเมือง มองเห็นรถเทพไทจอดอยู่หน้าร้านก็คุ้นๆ สายตาไปปะทะกับเทพไท
ที่กำลังจะเดินเข้าร้านอาหารพอดี
"พี่เทพนี่!" สารภีรีบบอกคนขับรถ "จอดๆๆ ฉันจะลงตรงนี้"
คนขับรถรีบจอดให้สารภี
อ่านต่อหน้าที่ 2
ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 6 (ต่อ)
ภายในร้านอาหาร แล่มนั่งเชิดวางท่าเป็นคุณนาย รับเมนูมาเปิดดู แล้วเบ้ปาก กระซิบกับดอกแก้ว
"อ่านไม่ออกซักตัว มันมีอะไรกินบ้างวะ"
"แก้วอ่านให้ก็ได้แม่"
แล่มเห็นเทพไทมองเยาะๆ ก็เลยพยักเพยิดให้
"คุณสั่งให้หน่อยก็แล้วกัน อะไรอร่อยก็เอามาให้หมด"
เทพไทเปิดเมนูดู ทันใดสารภีก็ปราดเข้ามาหา
"พี่เทพ ! พี่เทพจริงๆ ด้วย สารภีคิดถึ๊งคิดถึง"
สารภีปรี่เข้ามานั่งข้างๆ แบบไม่รอคำเชิญ แล้วเพิ่งเห็นดอกแก้ว
"แกอีกแล้วเหรอ ... มันมาเสนอหน้ากับพี่เทพได้ยังไงคะ แล้วนี่ใคร"
สารภีมองแล่ม
"แล้วแกล่ะใคร"
ดอกแก้วรีบดึงแขนปรามแล่ม เทพไทมองทั้งสองฝ่ายอย่างอึดอัด
"สารภีรู้จักคุณดอกแก้วแล้วก็ดีละ พี่จะได้ไม่ต้องแนะนำ"
สารภีงง
"คุณดอกแก้ว ?"
แล่มโอบไหล่ลูกสาว
"ใช่ นี่แหละคุณดอกแก้วลูกสาวฉัน แม่เลี้ยงของคุณเทพไท"
สารภีอึ้ง อ้าปากค้าง แล่มยิ้มเยาะ แต่สารภีทำหน้าไม่ถูก
เวลาต่อเนื่องมา สร้อยทองนั่งขัดเครื่องประดับ โดยใช้เศษผ้าจุ่มน้ำยาในตลับเล็กๆ
ในมือสร้อยทองหยิบเข็มกลัดสวยๆ อันหนึ่งขึ้นมา แล้วใช้ผ้าเช็ดไปถูตัวเข็มกลัด เรื่อยไปจนถึงส่วนขาที่แหลมคม อากัปกริยาเหมือนทำความสะอาด แต่จริงๆ แล้วเป็นการอาบยาเอาไว้
หลวงปกรณ์เดินเข้ามาดู
"ทำอะไรน่ะแม่สร้อยทอง"
"ขัดเครื่องประดับที่จะใช้งานพรุ่งนี้ค่ะ อิฉันลองผสมน้ำยาเอง ใช้ดีกว่าซื้อจากร้านเสียอีก"
"ประหยัดไม่เข้าเรื่อง ซื้อเอามันจะซักกี่บาทกันเชียว"
สร้อยทองขัดต่อไป ไม่ตอบโต้ แต่เปลี่ยนเรื่องพูด
"คุณหลวงจะน่าจะลงไปดูแม่ลำเจียกซักหน่อยนะคะ เผื่อว่าหายงอนแล้วจะได้มาช่วยกันเตรียมงานวันพรุ่งนี้"
"ไม่ล่ะ ฉันอยากจะดัดนิสัย แม่ลำเจียกจะได้เลิกเอาแต่ใจตัวเอง"
"ฮึ คุณหลวงมากกว่าที่เอาใจตัว"
หลวงปกรณ์ชักสีหน้าไม่พอใจ สร้อยทองวางงานในมือลง
"พาเมียใหม่เข้าบ้าน แล้วจะคาดหวังให้แม่ลำเจียกยอมรับสถานะเมียหลวงง่ายๆ ไม่มีปากมีเสียงงั้นเหรอคะ"
"ก็แล้วทำไมหล่อนยังทำได้ล่ะ"
"คนเรามีความอดทนไม่เท่ากัน แล้วก็มีวิธีหาทางออกไม่เหมือนกันด้วย อิฉันเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้ เพราะมีเรื่องสำคัญอื่นให้สนใจ แต่แม่ลำเจียกจะหาทางออกยังไง อิฉันก็ไม่รู้"
"หล่อนจะบอกอะไรฉัน"
"เมื่อเช้าอิฉันเห็นนายไหล ไปหาแม่ลำเจียกที่เรือนไทยคะ"
หลวงปกรณ์ชะงัก สายตาหวาดระแวง
หลวงปกรณ์เดินเข้ามายังเรือนไทยที่ปิดเงียบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด สร้อยทองกับศรีตามมาดู
"แม่ลำเจียก ! แม่ลำเจียก ออกมาคุยกับฉันหน่อย"
สร้อยทองชะเง้อมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"นายไหล ! อยู่ในนั้นหรือเปล่า"
"หล่อนแน่ใจนะ ว่าไอ้เจ๊กไหลนั่นมันมาหาแม่ลำเจียก"
"นังศรีบอกอิฉันเองว่าแม่ลำเจียกให้คนไปตามมาพบ"
"นังศรี เปิดประตูเข้าไปดูซิ" หลวงปกรณ์บอก
ศรีรีบขึ้นบันไดไปที่หน้าประตูเรือน แล้วผลักเข้าไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ ก่อนจะหันมาบอก
"ไม่มีใครอยู่เลยเจ้าค่ะ"
หลวงปกรณ์กับสร้อยทองแปลกใจ รีบตามขึ้นไปดู พอเข้าไปในห้องก็เห็นภายในห้องว่างเปล่า ข้าวของวางเป็นระเบียบเรียบร้อย เหมือนไม่เคยมีคนอยู่เลย
หลวงปกรณ์ร้อนใจ
"แล้วพากันไปที่ไหน ไปเรียกนังอึ่งมาถามซิ"
บ๋อยเอาอาหารมาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ สารภีนั่งอยู่ข้างๆ เทพไทมองดอกแก้วอย่างหมิ่นๆ แล้วชวนคุย
"สารภีได้ข่าวว่าคุณลุงจะแต่งงาน แต่ไม่นึกว่าเจ้าสาวจะมาจากก้นครัว" สารภีหัวเราะคิก "คุณพ่อของพี่เทพเนี่ย เดารสนิยมยากจริงๆ นะคะ"
"สารภีจะไปงานหรือเปล่า"
"ต้องไปสิคะ งานสำคัญอย่างนี้ ฉันขอแสดงความยินดีล่วงหน้านะ ขอให้อยู่ในถังข้าวสารนานๆ อย่าเพิ่งรีบตกกระป๋อง"
แล่มโพล่ง "ปากเสีย"
สารภีตีหน้าซื่อ
"ฉันพูดความจริง อย่างไรเสียคุณพ่อพี่เทพก็คงมีแค่คุณแม่พี่เทพกับคุณน้าลำเจียกที่พาออกงานสังคมเป็นหน้าเป็นตา เพราะมีชาติตระกูลที่ดี ส่วนกำพืดอย่างเธอต่อให้ขุนขึ้นมาก็ไม่มีวันเปลี่ยนเป็นหงส์ได้หรอก ที่เค้าจัดงานเอิกเกริกให้ ก็อย่าลำพองไปล่ะ เพราะถึงวันหนึ่งก็จะอาจจะต้องกลับไปอยู่ที่เดิม เตือนด้วยความหวังดี"
"หวังดีหรือว่าสะเออะกันแน่" แล่มถาม
"ว้าย! ดูสิคะพี่เทพ พูดจาหยาบคาย นี่ ถ้าคิดจะมาร่วมสังคมกับพวกฉัน เก็บไอ้กำพืดต่ำๆ ไว้ที่บ้านนอก อย่ามาแสดงออกแถวนี้ เขาจะว่ามาถึงพี่เทพไท"
"ต่ำเหรอ ต้องอย่างนี้สิถึงจะเรียกว่าต่ำ"
แล่มคว้าชามแกงจะสาดใส่สารภี ดอกแก้วรีบคว้าไว้ ห้าม
"แม่ อย่า ว้าย"
น้ำแกงกระฉอกหกใส่ดอกแก้วเต็มตัว
ดอกแก้วล้างตัวอยู่ที่อ้างล้างหน้า สารภีเดินตามเข้ามา ปิดประตู
"ทำไมแกถึงมากับพี่เทพไทได้"
ดอกแก้วสะดุ้ง หันมาหาสารภีที่สีหน้าเอาเรื่อง
"คุณเทพมาขับรถให้ฉันค่ะ"
"แน่ใจนะ ไม่ใช่ว่าแกใช้จริตมารยาอ้อนให้พี่เทพพาออกมาเปิดหูเปิดตา"
"ฉันจะทำอย่างนั้นทำไม คุณก็รู้ว่าฉันเป็น..."
สารภีสวน
"ผู้หญิงอย่างแก ไม่รักได้ใคร่ใยดีคนแก่อย่างคุณลุงแน่ๆ แต่ยอมเป็นเมียก็เพราะเงิน แกอาจจะหวังมากกว่านั้นก็ได้"
"ฉันไม่ได้หวังอะไรทั้งนั้น"
ดอกแก้วรีบเช็ดมือแล้วรีบออกไป แต่สารภีกระชากผมไว้ ดอกแก้วร้อง เจ็บ
"ไม่หวังก็ดีแล้ว แกรู้ใช่ไหมว่าพี่เทพไทเป็นของฉัน" เธอดึงผมดอกแก้วแรงให้หันหน้าเข้ามาใกล้ "อย่าได้คิดมาแตะต้องเป็นอันขาด เพราะฉันเอาตายแน่"
"ปล่อยฉัน"
ดอกแก้วสะบัดตัวออก แล้วรีบวิ่งออกจากห้องน้ำไป
สารภีมองตามสะใจ แล้วจะเดินตามออกไป แต่แล่มโผล่มาขวาง
"อะไรของแก หลีกไปนะ"
"แกตามมาหาเรื่องลูกฉันใช่ไหม"
"แม่ อย่าจ้ะ"
"มันทำอะไรเอ็ง บอกแม่มา แม่จะจัดการให้"
"ฉันไม่ทำร้ายลูกแกให้เป็นเสนียดมือฉันหรอก"
"เสนียดเหรอ"
แล่มเงื้อมือจะตบ ดอกแก้วรีบดึงมือไว้ เทพไทเดินเข้ามา
"มีอะไรกันครับ"
"เอ่อ ไม่มีค่ะ ฉันกับแม่อิ่มแล้ว เราจะไปรอที่รถนะคะ" ดอกแก้วบอก
ดอกแก้วรีบดึงแล่มออกไป ท่าทางแล่มไม่ค่อยเต็มใจ หันมามองสารภีอย่างอาฆาต
"น่าสงสารพี่เทพไทนะคะที่ต้องมาเกี่ยวดองกับคนพรรค์นี้ ไม่มีสง่าราศีตรงไหนเลย"
เทพไทหน้าตึง
"เขาเป็นคนของคุณพ่อ ไม่เกี่ยวกับพี่"
"ได้อย่างนี้สารภีค่อยสบายใจหน่อย ถ้างั้นเจอกันวันงานนะคะพี่เทพ"
สารภีลูบแก้มเทพไท ยิ้มหวานอย่างรักใคร่ จังหวะเดียวกับที่ดอกแก้วหันมาเห็นพอดี
เทพไทก็มองหน้าดอกแก้วเช่นกัน
นายไหลถีบสามล้อเข้ามาในบ้านหลังใหญ่แบบจีน อาณาเขตกว้างขวางไม่แพ้บ้านนพรัตน์ แล้วจอดรถที่หน้าบ้าน
"ถึงแล้วครับคุณลำเจียก"
ลำเจียกเหม่อมองดูตัวบ้านอย่างคิดถึง
"ไม่ได้มาเห็นนานเหลือเกิน ทรุดโทรมไปมาก"
"ผมก็เหมือนกันครับ ตั้งแต่วันที่คุณนายรองให้พวกเราย้ายออกจากบ้าน ผมก็ไม่ได้กลับมาที่นี่อีกเลย"
อดีตเมื่อ 20 ปีก่อน บ่าวไพร่เก่าแก่ในบ้านมารวมตัวกันที่ห้องโถง มีคุณนายรอง หรือแม่เลี้ยงของลำเจียกนั่งเป็นประธาน มีลูก 3 คนซึ่งต่างแม่อายุไล่เลี่ยกันนั่งข้างๆ ลำเจียกในวัย 15 ปีนั่งห่างออกไป ทุกคนแต่งชุดดำไว้ทุกข์
"หลังงานศพคุณนายใหญ่ ฉันจะให้พวกแกออกจากบ้าน เพราะว่าอยู่กันหลายปากหลายท้อง ฉันเลี้ยงไม่ไหว"
บ่าวไพร่ฮือฮามองหน้ากัน นายไหล ตอนนั้นอายุ 17 กอดครอบครัวแน่นอย่างกลุ้มใจ แม่เลี้ยงหันไปมองลำเจียกที่นั่งโศกเศร้าเดียวดาย ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา
"แม่ลำเจียกก็เหมือนกัน เตรียมตัวไปอยู่โรงเรียนประจำ"
ลำเจียกตกใจ
"หนูไปไม่ค่ะ หนูอยากอยู่ที่บ้านนี้"
"ไม่ไปได้ยังไง ฉันจะไม่รับภาระเลี้ยงเธอหรอกนะ ลำพังลูก 3 คน ก็ปวดหัวตายอยู่แล้ว อุตส่าห์ส่งเสียให้เรียน ตามที่เตี่ยกับนายแม่เธอสั่งไว้ ก็ดีเท่าไรแล้ว"
"แต่หนู"
"ไม่ต้องพูดมาก เตรียมไปเก็บกระเป๋า พรุ่งนี้รถของโรงเรียนจะมารับ"
ลำเจียกน้ำตาคลอเสียใจ ลุกขึ้นวิ่งร้องไห้ออกไป
ลำเจียกทอดสายตามองตัวบ้าน
"ฉันเองพอเรียนจบก็แทบไม่ได้กลับมาที่นี่เหมือนกัน กระทั่งวันที่แต่งงานก็ไม่ได้โอกาสได้กราบลาคุณเตี่ยกับนายแม่"
"แล้วทำไมคุณลำเจียกถึงอยากมาที่นี่ล่ะครับ"
"เพราะฉันไม่มีที่ไปแล้วน่ะสิ"
ลำเจียกสะอื้นออกมาอย่างอัดอั้นตันใจ
"ฉันอยู่ที่บ้านนพรัตน์ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เพราะคุณพี่เขาไม่รักฉันแล้ว เขามีคนอื่น"
ลำเจียกร้องไห้
"คุณลำเจียก"
นายไหลตกใจ อยากจะเข้าไปปลอบ แต่ไม่กล้า ได้แต่ละล้าละลัง
พี่สาวลำเจียกเดินออกมาจากในบ้าน เขม้นมอง
"ใครมาอยู่หน้าบ้านน่ะ อ้าว! แม่ลำเจียก"
ลำเจียกรีบเช็ดน้ำตา ยกมือไหว้พี่สาว นายไหลรีบคุกเข่าลง ท่าทางนอบน้อม
อ่านต่อหน้าที่ 3
ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 6 (ต่อ)
พี่สาวของลำเจียกเอะอะเมื่อรู้ว่าลำเจียกจะมาขออยู่ด้วย
"อะไรนะ เธอจะกลับมาอยู่ที่นี่อย่างนั้นเหรอ"
"ใช่ค่ะ อย่างน้อยก็เป็นการชั่วคราว ก่อนที่อิฉันจะหาที่อยู่ใหม่ได้"
"เธอเลิกกับผัวหรือไง"
ลำเจียกก้มหน้านิ่ง พี่สาวแค่นยิ้ม
"ว่าแล้วไม่มีผิด แต่งงานกับผู้ชายสำส่อน มันจะอยู่กันยืดได้ยังไง นายแม่ก็ไม่รู้ว่าหลงใหลได้ปลื้มอะไรนายนพนักหนา ถึงขนาดฝากฝังกันไว้ ตั้งแต่ยังไม่ทันสลัดกระโปรงนักเรียน"
"อิฉันยังไม่ได้เลิกกับคุณหลวงค่ะ แค่มีปัญหากัน"
"จะมีปัญหาอะไรฉันก็ไม่สน แต่เธอจะมาอยู่ที่นี่ไม่ได้ ตอนนี้ฉันมีลูกหลานเต็มบ้านยั้วเยี้ยไปหมด"
"อิฉันขออยู่ที่ห้องเดิม จะอยู่เงียบๆ ไม่รบกวนใครหรอกค่ะ"
"ห้องไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้น"
ลำเจียกเริ่มไม่พอใจ
"แต่บ้านหลังนี้ก็เป็นบ้านของอิฉันเหมือนกันนะคะคุณพี่"
"หล่อนแต่งงานออกเรือนไปแล้ว ก็ถือว่าไม่มีสิทธิ์อีกต่อไป"
"คุณพี่ ! บ้านหลังนี้คุณเตี่ยกับนายแม่ของอิฉันร่วมกันสร้างขึ้นมา คุณแม่ของคุณพี่มาทีหลัง"
"นี่แกลำเลิกฉันเหรอ"
พี่สาวลุกขึ้นตบหน้าลำเจียกทันที นายไหลตกใจ รีบเข้าประคอง
"ทำไมต้องทำรุนแรงด้วยครับคุณยุพิน"
"อย่าสะเออะ ไอ้ขี้ข้า" ยุพินชี้หน้าลำเจียก "ถ้าแกคิดจะดูถูกแม่ฉัน ก็อย่าลืมดูถูกตัวเองด้วย เพราะมันก็ไม่ต่างกันหรอก อย่างน้อยแม่ฉันก็ไม่ได้ถูกผัวหัวถีบส่งจนไม่มีที่ซุกหัวนอน"
"ใครว่าแม่ลำเจียกไม่มีที่ซุกหัวนอน"
ทุกคนหันไปมอง หลวงปกรณ์เดินเข้ามาในบ้าน ลำเจียกตกใจ
"คุณพี่!"
"บ้านนพรัตน์ยังเป็นบ้านของแม่ลำเจียกเสมอ ไม่มีใครไล่แม่ลำเจียกไปไหนทั้งนั้น"
"ถ้าอย่างนั้นจะซมซานกลับมาทำไม"
หลวงปกรณ์ราชกิจเข้าไปประคองลำเจียกให้ลุกขึ้น นายไหลรีบถอยออกไป
"กลับบ้านเรานะแม่ลำเจียก ฉันมารับ อย่ามาพึ่งใบบุญคนใจยักษ์ที่นี่เลย ให้เขากอดสมบัติชิ้นสุดท้ายของตัวเองให้ชื่นใจ เพราะอีกไม่นานมันก็ต้องกลับมาเป็นของหล่อน"
ยุพินหน้าเสีย
"แกพูดอะไร"
"บ้านหลังนี้ติดจำนองไว้หลายปีแล้ว คุณไม่มีปัญญาไถ่ถอนคืนแน่ ฉันจะซื้อกลับมาให้แม่ลำเจียก เอาไว้เฉดหัวคนเล่น เตรียมตัวไว้ก็แล้วกัน"
"อ๊าย ไอ้บ้า!ไสหัวออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้นะ ออกไป๊"
พี่สาวกรีดร้องด้วยความแค้นใจ เอาข้าวของขว้างปาใส่หลวงปกรณ์ คุณหลวงรีบพาลำเจียกหนีออกมาพร้อมกับนายไหล ยุพินยังอาละวาดโวยวายไม่หยุด
หลวงปกรณ์ราชกิจประคองลำเจียกมาที่รถ ลำเจียกยังสับสนวุ่นวายใจ
"คุณพี่พูดจริงเหรอคะ เรื่องบ้าน ทำไมถึงติดจำนอง"
"ฉันไม่รู้หรอก แต่หล่อนอดทนหน่อยก็แล้วกัน ฉันจะทำให้มันกลับมาเป็นของหล่อนแน่" คุณหลวงบีบมือลำเจียกแน่น "แต่ต้องสัญญาก่อนนะว่าหล่อนจะไม่หนีฉันไปไหนอีก รู้ไหมว่าฉันตกใจมาก คิดว่าหล่อนจะหนีไปกับ..."
หลวงปกรณ์มองนายไหล แล้วตัดสินใจไม่พูดต่อ
ลำเจียกเสียงเครือ
"อิฉันคิดว่าคุณพี่ไม่ต้องการอิฉันแล้ว"
"ฉันบอกแล้วไงว่าแม่ลำเจียกคือเมียฉัน ไม่มีวันที่ฉันจะไม่ต้องการแม่ลำเจียกหรอกนะ"
หลวงปกรณ์จับมือลำเจียกมาจูบ ลำเจียกน้ำตาคลอ ตื้นตันใจ
"กลับบ้านเรา กลับไปเริ่มต้นกันใหม่นะแม่ลำเจียก"
"ค่ะ คุณพี่"
ลำเจียกน้ำตาร่วง พยักหน้าอย่างตื้นตันใจแล้วกอดหลวงปกรณ์ นายไหลยืนดูอย่างเศร้าหน่วงในใจ เพราะแอบรักลำเจียก
กลางคืนต่อมา เทพไทลงจากรถ แล้วเดินลิ่วจะเข้าบ้าน ดอกแก้วรีบตามมา
"คุณเทพไทคะ"
"มีอะไร"
ดอกแก้วทำอึกอัก ก่อนจะถามอย่างเกรงใจ
"เรื่องวันนี้ แก้วขอร้องไม่ให้คุณเทพไทบอกคุณพี่สร้อยกับคุณหลวงได้ไหมคะ แก้วไม่อยากให้แม่เดือดร้อน"
"แม่คุณยังไม่รู้สึกผิดเลย คุณจะเดือดร้อนทำไม"
"แม่ทำไปเพราะปกป้องแก้วค่ะ ถ้าคุณอยากจะเอาเรื่อง ก็ขอให้พูดว่าแก้วทำก็แล้วกัน แก้วยอมเป็นคนหาเรื่องคุณสารภีเองก็ได้"
"นี่คุณโง่หรือบ้ากันแน่เนี่ย ดอกแก้ว!"
"แก้วยอมเป็นได้ทั้งสองอย่างค่ะ ถ้ามันจะไม่ทำให้ใครเดือดร้อนมากไปกว่านี้อีก"
เทพไทอึ้งกับความคิดของดอกแก้ว ถอนใจแรง
"ผมจะไม่เอาเรื่องใครทั้งนั้น สบายใจได้ เพราะผมไม่ใช่ลูกเลี้ยงใจร้าย คุณเองก็ทำตัวเป็นแม่เลี้ยงที่ดีให้ได้ตลอดไปก็แล้วกัน อย่าเกะกะระรานจนคนในบ้านไม่สงบสุขเป็นอันขาด"
ดอกแก้วร้องไห้
"คำก็แม่เลี้ย สองคำก็แม่เลี้ยง ใจคอคุณจะยัดเยียดความเป็นแม่เลี้ยงให้กับฉันไปถึงไหน คิดว่าฉันอยากได้มันนักหรือ ถึงได้คอยแต่ซ้ำ คอยแต่ย้ำอยู่ร่ำไป ทำไมไม่คิดถึงหัวใจฉันบ้าง จะไม่คิดถามสักคำหรือ
ว่าหัวใจฉันเป็นอย่างไร เจ็บปวดมากแค่ไหน ร้องไห้มากเพียงใด"
เทพไทหันกลับมา
"ฉันจะอยากรู้ไปทำไม ในเมื่อหัวใจดวงนั้น ไม่ได้มีไว้เพื่อฉันอีกต่อไปแล้ว"
เทพไทเดินออกไป ดอกแก้วร้องไห้โฮ
ลำเจียกยกมือไหว้สร้อยทองอย่างสำนึกผิด ทุกคนอยู่พร้อมหน้า หลวงปกรณ์นั่งจับมือข้างลำเจียก
""ไม่เป็นไร ที่ตกใจก็เพราะห่วงแม่ลำเจียกนี่แหละ ทีหลังจะไปไหนก็บอกกล่าวกันบ้าง"
"ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันจะไม่ปล่อยให้แม่ลำเจียกคลาดสายตาเลย" คุณหลวงพลางโอบไหล่ลำเจียก
"เดี๋ยวคืนนี้ฉันจะนอนกอดไว้ทั้งคืน"
หลวงปกรณ์เชยคางลำเจียกหอมอวดสร้อยทอง
"แก้วดีใจนะเจ้าคะที่คุณลำเจียกยอมขึ้นมาพักบนตึกใหญ่"
ลำเจียกเมินดอกแก้ว ยังเหม็นหน้าอยู่ หลวงปกรณ์เลยตัดบท ประคองลำเจียกลุกขึ้น
"ไปพักผ่อนกันดีกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องลุกขึ้นมาเตรียมอะไรต่ออะไรกันอีกเยอะ นอนให้เต็มที่นะแม่ดอกแก้ว"
หลวงปกรณ์โอบลำเจียกออกไป สร้อยทองลุกตาม
แล่มขยับเข้ามาหาดอกแก้ว หยิกขาอย่างหมั่นไส้
"เป็นยังไงล่ะเอ็ง มัวแต่สนิมสร้อย แทนที่จะเอาใจคุณหลวงไว้ เห็นไหม รี่กลับไปหาน้ำพริกถ้วยเก่าจนได้"
"คุณลำเจียกกำลังไม่สบายใจ ปล่อยให้เธออยู่กับคุณหลวงก็ดีแล้วจ้ะแม่"
แล่มผลักหัวดอกแก้ว หมั่นไส้
"เอ็งนี่มันไม่ได้ดังใจข้าเลย แทนที่จะฉวยโอกาสตอนเป็นคนโปรดถีบนังเมียแก่พวกนั้นให้มันตกกระป๋อง
ก็ดันไปเห็นใจมันอีก วุ้ย!"
แล่มกระฟัดกระเฟียดลุกออกไป
เช้าวันใหม่ บ่าวไพร่บ้านนพรัตน์ ลุกขึ้นช่วยกันเตรียมงานส่วนต่างๆ อย่างคึกคัก บริเวณโรงครัว เสียงโขลกน้ำพริก ตะหลิวดังประสานกันเป็นจังหวะ ประกอบกับเสียงโวยวายของหมอน ที่คอยชี้นิ้วสั่งงานไปด้วย ทำกับข้าวไปด้วย
ทุกคนทำงานกันแข็งขัน ปากก็คุยกันจ้อกแจ้ก จนกระทั่งลำเจียกเดินเข้ามาพร้อมกับอึ่ง บรรยากาศในครัวเงียบสนิททันที
เข็มเจื่อน
"เอ่อ คุณลำเจียกจะรับของเช้าหรือเจ้าคะ เดี๋ยวให้นังอึ่งมันเอาขึ้นไปให้ก็ได้เจ้าค่ะ"
"เปล่า ฉันจะมาช่วยทำอาหาร เห็นว่าหลายอย่างไม่ใช่หรือ"
เข็มมองหน้าหมอนอึ้ง เพราะไม่คิดว่าลำเจียกจะมาช่วย
"เอ้อ.... เจ้าค่ะ"
"แล้วนี่ทำอะไร" ลำเจียกมองดู แล้วแย่งตะหลิวมา "มา ฉันเอง แกไปเตรียมอย่างอื่นเถอะค่ะ"
หมอนงงๆ ก่อนจะผละไป ยังไม่วายหันมองลำเจียกด้วยความแปลกใจ บ่าวคนอื่นซุบซิบกัน
อึ่งขยับเข้าใกล้ลำเจียก
"คุณลำเจียกมาช่วยทำไมเจ้าคะ นี่มันงานนังดอกแก้ว"
"ถึงฉันไม่ช่วย งานมันก็ต้องเกิดขึ้นอยู่ดี"
"แต่ก็เท่ากับคุณลำเจียกสนับสนุน"
"มาถึงขั้นนี้แล้ว ฉันจะไปขัดขวางอะไรได้ อย่างน้อยก็ช่วยให้มันลุล่วงไป ดีกว่าปล่อยให้งานออกมาเละจนแขกเอาไปนินทา แกก็อย่ามัวอยู่เฉยๆ"
อึ่งหน้างอ เดินไปรวมกลุ่มกับพวกคนครัว ลำเจียกทำกับข้าวต่อ
ช่างทำผมช่วยแต่งตัวให้ดอกแก้วอยู่ในห้อง โดยมีแล่มคอยดูแล
"เป็นยังไง ถูกใจไหมคะ" ช่างถาม
ดอกแก้วมองตัวเองในกระจก ที่แต่งหน้าทำผมเต็มที่ เสื้อผ้าเรียบร้อยสวยงาม
แล่มรีบชิงตอบแทน
"ถูกใจมาก ลูกแม่สวยจริงจริ๊ง"
แล่มประคองให้ดอกแก้วลุกขึ้นมา มองอย่างปลื้มใจเป็นน้ำหูน้ำตา
"วันนี้แม่ส่งเอ็งถึงฝั่งแล้วนะดอกแก้ว ต่อไปนี้ก็ดูแลตัวเองดีๆ นะลูก"
แล่มดึงดอกแก้วมากอดแน่น ดอกแก้วอดซึ้งใจไม่ได้ เพราะรู้ว่าแล่มพูดจากใจจริง
สร้อยทองเปิดประตูเข้ามา ดอกแก้วเห็นเข้าก็รีบเข้ามาหา
"งามมากจริงๆ ดอกแก้ว"
"ขอบพระคุณค่ะคุณพี่"
"ฉันเห็นว่าเธอคงจะไม่มีเครื่องประดับ ก็เลยเอามาให้ยืม เนื้อตัวจะได้ไม่โล่ง มาใกล้ๆ สิจะติดให้"
ดอกแก้วยิ้มดีใจ ขยับเข้าไปใกล้ สร้อยทองแกะเข็มกลัดแล้วติดที่อกเสื้อ สร้อยทองแทงเข็มกลัดเข้าไปในเนื้อดอกแก้วอย่างเร็วๆ เหมือนไม่ได้ตั้งใจ
ดอกแก้วตกใจ
"อุ๊ย!"
"ตายจริง! เจ็บเหรอ ขอโทษนะ ฉันมือสั่นไปหน่อย"
"ไม่เป็นไรค่ะ"
ดอกแก้วก้มลงดูเข็มกลัดที่ติดอยู่กับเสื้ออย่างภูมิใจ แล้วยิ้มให้สร้อยทอง
สร้อยทองยิ้มตอบ เหมือนไม่มีอะไร
ลำเจียกยืนอยู่ที่ท่าน้ำริมสระบัวหลังบ้าน ตะโกนเรียกอึ่ง
"ได้หรือยังนังอึ่ง เม็ดบัวน่ะ"
"ได้แล้วเจ้าค่ะ ได้แล้ว"
อึ่งพายเรือกลับมา หอบฝักบัวที่เด็ดมาด้วย ลำเจียกแกะดู
"อะไรของแกเนี่ย มีแต่ฝักแก่ๆ แบบนี้จะเอาไปฉาบน้ำตาลได้ยังไง"
"ก็อึ่งเลือกไม่เป็นนี่เจ้าคะ"
"ไม่เป็นแล้วทำไมไม่บอก ฉันเก็บเอง"
ลำเจียกลงเรือ อึ่งจะตาม
"ไม่ต้องตามมา เอาไปให้ในครัวเขาทำก่อน เดี๋ยวจะไม่ทัน"
"เจ้าค่ะๆ"
อึ่งรีบวิ่งออกไป ลำเจียกลงเรือ หยิบพายค่อยๆ พายเรือออกไปที่บึง
อ่านต่อหน้าที่ 4
ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 6 (ต่อ)
แขกเหรื่อยเริ่มทยอยกันมาถึงบ้านนพรัตน์ หลวงปกรณ์ สร้อยทอง เทพไทออกไปรับแขก สร้อยทองมองไปเห็นรถของบ้านสารภีแล่นมา แล้วชะงัก เขม้นมอง
"นั่นแม่สารภีใช่ไหมนั่น"
ทุกคนมองตาม สารภีในชุดสีสด ค่อนข้างโป๊ คล้ายๆ ชุดราตรี รีบเดินฉับๆ เข้ามา มีเพิ่มพูนกับโกสุมตามติด
"สวัสดีค่ะ" สารภีเข้าคว้าแขนเทพไท "รอสารภีนานไหมคะพี่เทพ นี่สารภีก็รีบแล้วนะคะ แต่ชุดนี้มันใส่ยาก"
สารภีเบียดหน้าอกตัวเข้าหาแขนเทพไทอย่างจงใจ หลวงปกรณ์หันไปทักทาย
"แต่งตัวสวยเชียวนะหนูสารภี"
"วุ้ย ขอบพระคุณค่ะ แล้วพี่เทพล่ะคะ ชอบไหม"
สร้อยทองถามเสียงเรียบ
"คุณเพิ่มพูนกับคุณโกสุมไม่ได้บอกหนูสารภีเหรอคะ ว่าวันนี้เป็นงานเลี้ยงพระ แต่งตัวอย่างนี้คงจะไม่เหมาะ"
"อ้าว มีพระด้วยเหรอคะ สารภีก็นึกว่าเป็นงานแต่งงาน ยังสงสัยอยู่เลยว่าจัดงานแต่งซ้อนแบบนี้ แล้วจะเอาคุณน้าสร้อยไปไว้ที่ไหน"
สารภีหัวเราะคิก พูดเองขำเอง สร้อยทองคอแข็ง ไม่ขำ เพิ่มพูนรีบกระตุกแขนเตือนให้รู้ตัว
"ไม่เป็นไร งั้นสารภีไม่อยู่ตอนที่พระมาก็ เดี๋ยวพี่เทพพาสารภีไปเดินเล่นหน่อยนะคะ พระท่านจะได้ไม่เสียสมาธิ" สารภีหัวเราะอย่างดัดจริต
โกสุมเห็นท่าไม่
"ไปเดินเล่นตอนนี้เลยก็ได้ลูก วานทีนะจ๊ะพ่อเทพ"
โกสุมกับเพิ่มพูนคะยั้นคะยอ เทพไทจำต้องพาสารภีออกไป สองผัวเมียลอบมองสร้อยทองที่ชักสีหน้าไม่พอใจคำพูดโลดโผนของสารภี
ดอกแก้วนั่งเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง ทอดสายตาออกไปไกล แล้วถอนใจกลุ้ม ฉับพลันดอกแก้วก็ได้กลิ่นหอมคุ้น เลยหันมา เห็นเอี้ยงยืนยิ้มอยู่ด้านหลัง พร้อมกับแจกันดอกซ่อนกลิ่น
"ดอกซ่อนกลิ่น ถึงว่าสิกลิ่นหอมคุ้นๆ ขอบใจนะจ๊ะเอี้ยง"
เอี้ยงพยักหน้า เข้าไปคุกเข่าใกล้ๆ ทำมือบอกว่าสวยมาก
"ไม่เอานะเอี้ยง ลุกขึ้น ไม่ต้องพินอบพิเทาฉันหรอก ฉันกับเอี้ยงยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม"
เอี้ยงค่อยๆ ลุกขึ้น ยิ้มให้ดอกแก้วอย่างซึ้งใจ ดอกแก้วดมกลิ่นดอกซ่อนกลิ่นในมือ อารมณ์ดีขึ้น
"เอี้ยงรดน้ำพรวนดินให้มันทุกวันเลยใช่ไหม ถึงได้ออกดอกงามขนาดนี้"
เอี้ยงพยักหน้า บอกว่ออกดอกเยอะแล้ว ถามว่าอยากลงไปดูไหม
"ไปสิ ฉันอยากเห็นเหมือนกัน"
เอี้ยงรีบจูงมือดอกแก้ว พาออกไปจากห้อง
ลำเจียกพายเรือเก็บฝักบัวไปเรื่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็เห็นแดดแยงตา แต่ยังเก็บฝักบัวไม่เยอะพอ เลยยังไม่เลิก เธอเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเริ่มอ่อนเพลีย เหงื่อออก แต่ก็พยายามฝืนลอยเรือไปเก็บบัวอีกกอ แต่เริ่มหน้ามืด เหมือนจะเป็นลม
ลำเจียกพยายามฝืน ยื่นมือไปที่กอบัว ฉับพลันสายตาก็เบลอลงเรื่อยๆ เหมือนคว้าไม่ถึงเสียทีจนกระทั่งหมดแรง ทิ้งตัวลงน้ำตูมไป
ลำเจียกตกลงมาในน้ำลึก แล้วเหมือนได้สติ พยายามเอาชีวิตรอด ตะกายขึ้นเหนือน้ำ
"ช่วยด้วย ! ช่วยด้วย"
ลำเจียกร้องได้แค่นั้นก็หมดแรงพยุงตัว จมลงไปอีก
ดอกแก้วทรุดลงนั่งอยู่ที่กระถางซ่อนกลิ่นที่ออกดอกสวยงาม โน้มตัวลงดมอย่างมีความสุข
"ขอบใจนะจ๊ะเอี้ยง ที่ดูแลมันแทนฉัน"
เอี้ยงทำมือบอกให้ดอกแก้วเอาไปปลูกไว้ที่แปลงหน้าบ้าน
"จะให้ย้ายไปปลูกที่หน้าบ้านเหรอ" ดอกแก้วคิดแล้วส่ายหน้า) "อย่าเลย ฉันกลัวคนอื่นจะถือเพราะซ่อนกลิ่นมันเป็นดอกไม้งานศพ ปลูกไว้ตรงนี้ดีแล้ว เดี๋ยวฉันจะลองขออนุญาตคุณพี่สร้อยทอง ขยายเป็นแปลงดอกไม้ แถวนี้จะได้สวยๆ"
เอี้ยงพยักหน้าเห็นด้วย ดอกแก้วดมดอกไม้ต่อ แล้วชะงักเหมือนได้ยินเสียงแว่วๆ
" เสียงใครน่ะเอี้ยง เธอได้ยินไหม"
เอี้ยงพยักหน้า มองไปรอบๆ เงี่ยหูฟังอีกที แล้วชี้บอกว่ามาจากทางนั้น
เสียงลำเจียกแว่วมาจากที่ไกลๆ อีกครั้ง
"เสียงมาจากสระบัวหลังบ้านนี่นา"
ดอกแก้วรีบไป เอี้ยงตามไปติดๆ
ลำเจียกดำผุดดำว่ายในน้ำ เริ่มหมดเรี่ยวแรงลงทุกที พยายามร้องขอความช่วยเหลืออย่างยากลำบาก
ดอกแก้วกับเอี้ยงวิ่งเข้ามา เห็นลำเจียกพยายามทะลึ่งตัวขึ้นมา
"คุณลำเจียก ! ตายแล้ว คุณลำเจียกจมน้ำ... ไปตามคนอื่นมาเร็วเข้าเอี้ยง"
เอี้ยงรีบวิ่งออกไป ดอกแก้วรีๆ รอๆ วิ่งไปที่ริมสระ
"ช่วยด้วย"
"รอเดี๋ยวนะคะ แก้วจะหาทางช่วยคุณ"
ดอกแก้วมองหาเรือ เห็นลำเจียกค่อยๆ จมน้ำลงไปก็ยิ่งร้อนใจ
"คุณลำเจียก"
ดอกแก้วเป็นห่วงลำเจียก ตัดสินใจกระโดดน้ำตูมลงไปช่วย
ลำเจียกกำลังจะหมดแรง ร่างกายจมลงไปเรื่อยๆ ดอกแก้วโดดลงไปช้อนตัวไว้ แล้วพาตัวขึ้นมา
"อดทนไว้นะคะคุณลำเจียก"
ดอกแก้วพยายามจะประคองลำเจียก ว่ายเข้าฝั่ง แต่อยู่ๆ ก็ปวดแปลบตรงหน้าอกที่เคยโดนเข็มแทง
ดอกแก้วชะงัก มือเริ่มชา ขยับไม่ได้ เหมือนหมดแรงไปเสียเฉยๆ
ร่างของลำเจียกกำลังจะหลุดมือจากดอกแก้ว ดอกแก้วเอื้อมคว้าเอาไว้ แต่ยิ่งถ่วงน้ำหนักลงไปด้วยกัน
ดอกแก้วตะเกียกตะกายดิ้นรนพยายามช่วยลำเจียก แต่แขนขาขยับไม่ได้ดังใจ
ดอกแก้วปวดเสียดขึ้นมาบริเวณหน้าอกที่โดนเข็มกลัดแทง แถมแขนขาก็หมดแรง แต่ยังคงตะเกียกตะกาย
"คุณลำเจียก ! จับมือแก้วไว้ค่ะ"
ดอกแก้วพยายามไขว่คว้ามือ ลำเจียกตะกายคว้าไว้ได้ แต่ถ่วงให้จมลง
ดอกแก้วเจ็บปวด มองเห็นกิ่งไม้ระชายน้ำอยู่ พยายามจะว่ายไป แล้วดึงลำเจียกไปด้วย
สารภีเกาะแขนเทพไทเดินชมดอกไม้ เทพไทมีสีหน้าอึดอัดใจ ที่ถูกลากมา สารภีชมนกชมไม้ แล้วโดนเอี้ยงที่วิ่งมาจากอีกด้าน ชนโครมจนเซ
"อ๊าย อีบ้า"
เอี้ยงไม่สนใจสารภี เข้าดึงแขนเทพไท จะให้ไปช่วยดอกแก้วกับลำเจียก
"นี่ แกทำอะไรพี่เทพ ปล่อยนะ อีกำเริบ"
สารภีพยายามกระชากแขน เอี้ยงไม่ยอม กระตุกแขนเทพไทใหญ่ ทำมือทำไม้
"อะไรเอี้ยง จะบอกอะไรฉัน"
เอี้ยงพยายามใช้ภาษามือพร้อมส่งเสียง
"มันพูดบ้าอะไรก็ไม่รู้ อย่าไปฟังมันเลยค่ะ ปล่อยนะนังใบ้"
สารภีแกะมือเอี้ยง เอี้ยงรำคาญหันไปผลักสารภีล้มลง แล้วพยายามสื่อสารกับเทพไท ชี้มือไปหลังบ้าน
"จะให้ฉันไปทางโน้นเหรอ มีอะไร"
เอี้ยงทำท่าทางเหมือนคนจมน้ำ แล้วชี้ๆๆๆ
เทพไทยังไม่เข้าใจ แต่เห็นท่าไม่ดี
"นำฉันไปซิ"
เอี้ยงรีบวิ่งออกไปพร้อมกับเทพไท สารภีลุกขึ้นมา ร้องเรียกเทพไท
"พี่เทพ"
ดอกแก้วประคองลำเจียก พยายามว่ายไปถึงกิ่งไม้ทั้งที่ตัวเองจะไม่ไหวแล้ว
" จับไว้ค่ะ คุณลำเจียก"
ลำเจียกรีบโผไปคว้ากิ่งไม้ไว้ ดอกแก้วเอื้อมมือจะคว้า แต่เจ็บแปลบที่หน้าอก เอามือกุมแล้วหมดแรง
"ดอกแก้ว"
ดอกแก้วหายใจเฮือกแล้วหมดสติ จมลงไปในน้ำ ลำเจียกตกใจ พยายามเอื้อมมือคว้า
"ดอกแก้ว ช่วยด้วย ! ใครก็ได้ช่วยที"
เทพไทวิ่งตามเอี้ยงมาถึง เห็นลำเจียกก็รีบตรงไปช่วยดึงขึ้นมาสองคนกับเอี้ยง
"คุณน้าลำเจียก เป็นยังไงบ้างครับ"
"ดอกแก้ว...ดอกแก้วจมลงไปแล้ว"
เทพไทมองไปที่น้ำ เห็นฟองอากาศผุดขึ้นมา ตกใจ รีบกระโดดลงไป
สารภีวิ่งนำคนในบ้านตามมาสมทบ ทุกคนเห็นลำเจียกตัวเปียกโชกอยู่บนฝั่งก็ตกใจ พวกผู้หญิงวี๊ดว้าย
"แม่ลำเจียก เกิดอะไรขึ้น" หลวงปกรณ์ถาม
ลำเจียกหอบเหนื่อย
"ดอกแก้วจมน้ำค่ะคุณพี่"
แล่มถลาเข้ามา
"ว่ายังไงนะ แกว่ายังไง แกผลักลูกฉันตกน้ำใช่ไหม นังบ้า"
แล่มเข้าไปเขย่าตัวจะตบตีลำเจียก สร้อยทองรีบเข้ามาแยก
"หยุด ! นี่ไม่ใช่เวลาจะมาทะเลาะกันนะ"
หลวงปกรณ์เรียกบ่าวผู้ชาย
"เฮ้ย ยืนเซ่อทำไม ลงไปช่วยเมียฉันสิโว้ย"
พวกบ่าวผู้ชายกุลีกุจอกันโดดลงน้ำ ท่ามกลางความแตกตื่นของทุกคน
เทพไทดำผุดดำว่ายอยู่ใต้น้ำ รอบๆ มีพวกบ่าวผู้ชายกระโดดน้ำตามลงมาช่วยหา เทพไทเห็นดอกแก้วหมดสติ ดิ่งลงไปเกือบถึงก้นสระ รีบพุ่งตัวตามไปประคองไว้
ทุกคนใจหายใจคว่ำอยู่บนฝั่ง มองไปที่สระน้ำอย่างใจจดใจจ่อ ลำเจียกกับแล่มคอพับคออ่อนอยู่คนละมุม
อึดใจเดียว เทพไทก็โผล่พ้นน้ำขึ้นมา พร้อมกับร่างของดอกแก้วในอ้อมแขน
"ดอกแก้ว"
แล่มกับหลวงปกรณ์ทำท่าจะโผไปหา คนอื่นๆ บนฝั่ง รีบช่วยกันดึงเทพไทขึ้นมา แล้ววางร่างดอกแก้ว
"นังแก้ว นังแก้วลูกแม่" แล่มร้องไห้ตัวสั่น
หลวงปกรณ์เข้าไปจับ "ดอกแก้ว"
"ผมดีกว่าครับพ่อ"
เทพไทจับตัวดอกแก้ว ตรวจชีพจร แล้วอังที่จมูก ก่อนจะปั๊มหัวใจ สลับกับนวดแขนขา ตบแก้มเบาๆ
พวกแขกชะโงกมอง ซุบซิบกัน โกสุมรำพึงกับเพิ่มพูน สารภีมองอิจฉา
"คุณพ่อคุณแม่ดูสิคะ พี่เทพทั้งจับทั้งลูบมัน ทีกับสารภีทำเป็นรังเกียจ หนูทนไม่ไหวแล้วนะ"
สารภีจะเข้าไปโวยวาย แต่พ่อแม่ดึงไว้
"แกอย่าทำบ้าๆ ให้ฉันอายไปกว่านี้นะ" เพิ่มพูนบอก
เทพไทพยายามปั๊มหัวใจดอกแก้วอีก 2-3 ที ดอกแก้วสะดุ้งเฮือก พ่นน้ำออกมา ทุกคนฮือฮา
"ดอกแก้ว ได้ยินผมไหม ดอกแก้ว"
ดอกแก้วปรือตามองแล้วสลบไปอีก เทพไทร้องเรียกดอกแก้วด้วยความตกใจ
"ดอกแก้ว"
อ่านต่อตอนที่ 7