ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 4
คืนเดียวกัน หลวงปกรณ์ราชกิจอยู่ในห้องนอน กำลังอ่านหนังสือ แต่สีหน้ามีกังวลไม่มีสมาธิในการอ่าน ปิดหนังสือลง ผุดลุกขึ้น เดินไปมา มองไปที่นอกหน้าต่าง แล้วก็พยายามตัดใจ นั่งลงอ่านหนังสืออีกครั้ง แต่ก็ไม่สำเร็จ คุณหลวงลุกขึ้นเดินไปมา แล้วตัดสินใจเดินออกไปจากห้องนอน
สร้อยทองนั่งสมาธิอยู่ที่ห้องพระไม่ห่างกัน สีหน้าดูเงียบสงบ แล้วค่อยๆ ลืมตาขึ้นสีหน้ามีกังวลบางอย่างในใจว่า จะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในบ้านนพรัตน์แน่ ในมือกำลูกประคำนับไปเรื่อยๆ ขณะที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความครุ่นคิด
หลวงปกรณ์เดินผ่านห้องพระออกมาจากตึกในยามค่ำคืนคนเดียว ฟ้าเริ่มร้องดังครืนๆ ฟ้าเริ่มแล่บเบาๆ คุณหลวงมองดูท้องฟ้า แล้วรีบเดินออกจากตึกไปทางเรือนของดอกแก้ว
ฝ่ายลำเจียกนอนหลับในห้องคนเดียว ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงฟ้าฝ่าอย่างแรง เธอลืมตาขึ้นมา
ทางด้านดอกแก้วกำลังปูเตียง ดูฟ้า รีบเดินมาที่หน้าต่าง แล้วบ่นพึมพำเป็นห่วงแม่
"ฝนตกหนักแล้ว ทำไมป่านนี้แม่ยังไม่กลับอีก แม่นะแม่"
ดอกแก้วเริ่มปิดหน้าต่างทีละบานจนครบ พลันได้ยินเสียงประตูจากหน้าบ้านดังกระทบกัน
สร้อยทองกำเส้นประคำแรงจนขาดออกจากกัน ลูกประคำตกเรี่ยราด ยิ่งวิตกว่าน่าจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นแล้ว
ดอกแก้วรีบออกจากห้องนอนมาที่โถงเล็ก หลังปิดหน้าต่างทุกบานแล้ว ขณะที่กำลังจะรีบปิดประตู หลวงปกรณ์ก็เอามือเข้ามาจับประตูไว้พอดี ดอกแก้วตกใจ
"คุณ..คุณหลวง....มา..มาถึงที่นี่มีอะไรให้แก้วรับใช้หรือเจ้าคะ ความจริงให้ใครมาบอกก็ได้นะเจ้าคะ"
"ให้ใครมาบอกแทนไม่ได้หรอก ฉันต้องบอกกับเธอด้วยตัวเอง"
ดอกแก้วอึกอักกับท่าทางที่ดูจริงจังของคุณหลวง
คุณหลวงมองเข้าไปในบ้าน
"แม่แล่มไม่อยู่รึ"
"เอ่อ..แม่ไปที่เรือนครัวน่ะเจ้าค่ะ แก้วจะไปรับแม่อยู่พอดีเจ้าค่ะ"
ดอกแก้วก้มตัวจะเดินผ่านคุณหลวง
เสียงฟ้าผ่าดังลั่นเปรี้ยง ! ดอกแก้วตกใจหันซบอกคุณหลวงด้วยความตกใจ พอความกลัวคลายลงdHเห็นว่าตัวเองหน้าแนบอยู่กับอกของคุณหลวง ทั้งคู่มองสบตานิ่งงัน
ฝนตกโปรยปราย มีคนถือร่ม ก้าวเท้าเร็วผ่านย่ำน้ำแฉะๆที่พื้นในสวนบ้านนพรัตน์
ดอกแก้วยืนอึ้งอยู่เบื้องหน้าคุณหลวง ดอกแก้วรู้สึกตัวรีบผละออกจากคุณหลวงแล้วรีบเดินเลี่ยงไป คุณหลวงเรียกไว้
"ดอกแก้ว!"
ดอกแก้วสะดุ้งหยุดทันที
"ฉันมีเรื่องต้องคุยกับเธอ"
ดอกแก้วแปลกใจ
"คะ คุยกับแก้วหรือคะ"
คุณหลวงพยักหน้าเดินเข้ามาใกล้ ดอกแก้วเริ่มเกรงๆ
"แม่เธอพาเธอมาที่นี่เพื่อใช้หนี้ที่หยิบยืมฉันไปต่อให้เธอชดใช้ยังไง หนี้ก็คงไม่มีวันหมดเพราะคนอย่างแม่แล่มไม่หยุดสร้างหนี้ง่ายๆ เธอคงรู้ดีใช่มั๊ย"
"เจ้าค่ะ แก้วทราบดีค่ะ แต่คุณหลวงไม่ต้องห่วงนะคะ แก้วจะรีบหางานทำ เอาเงินมาใช้หนี้คุณหลวงให้เร็วที่สุดค่ะ"
"เธอไม่จำเป็นต้องทำงานหนักขนาดนั้นหรอก ดอกแก้ว ฉันรู้ว่าเธอรักแม่เธอมากและพร้อมจะทำทุกอย่าง หากทำให้แม่ได้สมใจ ที่ฉันมานี่ก็เพื่ออยากจะช่วยเธอ"
ดอกแก้วงงไม่เข้าใจที่คุณหลวงพูด
"ช่วยแก้วรึคะ"
คุณหลวงพยักหน้า
"จำคำสัญญาที่เธอพูดกับฉันในรถตอนไปรับแม่แล่มได้ไหม"
ดอกแก้วนิ่งไป คิดถึงเหตุการณ์ในรถ
หลวงปกรณ์ราชกิจบอก
"หากฉันช่วยแม่เธอได้ ฉันจะขอให้เธอสัญญากับฉันสิ่งหนึ่ง"
"สัญญา...สัญญาอะไรเหรอคะ"
หลวงปกรณ์มองดอกแก้ว นิ่งลึก แต่ลงน้ำเสียงหนักแน่น
"สัญญาว่า หากในภายภาคหน้า ฉันจะขอสิ่งใดจากเธอ เธอจะไม่ปฏิเสธฉัน จะตอบแทนฉันด้วยความเต็มใจ"
"เพื่อแม่แล้ว ฉันทำได้ทุกอย่าง แล้วอีกอย่างคุณหลวงก็มีพระคุณกับฉันคุณหลวง ประสงค์จะให้ฉันรับปากฉันก็จะรับปากทำตามสัญญาค่ะ"
ดอกแก้วลังเลก่อนจะตอบคุณหลวงด้วยความหวั่นใจ
"แก้วจำได้ค่ะ"
คุณหลวงพยักหน้า
"ดี แม่เธอขายเธอให้กับฉัน"
ดอกแก้วอึ้ง
"ขาย"
คุณหลวงพยักหน้า
"ฉันรับเธอไว้เพราะฉันเคยสัญญาว่าจะปกป้องดูแลเธอ และมันก็เป็นทางเดียวที่แม่เธอจะไม่เอาเธอไปเร่ขายที่ไหนอีก"
ดอกแก้วอึ้งก้มหน้านิ่ง คุณหลวงเชยคางดอกแก้วขึ้นจ้องมองหน้าเห็นถึงแววตาใสซื่อของดอกแก้ว
เสียงฝีเท้ายังรีบเดินจ้ำอยู่ มือจับคันร่ม ใบหน้าปกปิดด้วยผ้าคลุมหน้า จนไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร
ดอกซ่อนกลิ่นปลิวต้องแรงลมที่แปลงดอกซ่อนกลิ่นข้างนอก น้ำตาของดอกแก้วค่อยๆเอ่อล้นลงมา คุณหลวงเอามือเช็ดน้ำตา ปลอบแผ่วเบา
"เธอเคยสัญญากับฉันว่าจะเป็นดอกไม้ที่เข้มแข็ง น้ำตาเป็นของผู้ที่พ่ายแพ้เท่านั้นจำไม่ได้รึ แม่เธอเลือกที่จะพาเธอมาหาฉันก็คงเพราะคิดดีแล้วว่าฉันจะสามารถปกป้องดูแลเธอได้ ต่อไปฉันสัญญาว่าจะดูแลเธอเป็นอย่างดี อย่างที่เธอควรจะเป็น"
ดอกแก้วน้ำตาไหล คุณหลวงดึงดอกแก้วเข้ามากอด
เธอผู้นั้น เดินมาหยุดที่เรือนดอกแก้ว เปิดผ้าคลุมหน้าออก ที่แท้ ... เป็นสร้อยทอง ที่หน้าประตู สร้อยทองแง้มประตูด้วยมืออันสั่นเทา อึ้งกับภาพที่คุณหลวงกอดดอกแก้ว
ร่มสร้อยทองปลิวตามลมไป เธอวิ่งไปโดยไม่สนใจสิ่งใดๆ
ดอกแก้ววิ่งหนีหน้าตาตื่นตกใจฝ่าพงหญ้าสูงท่วมหัวมา
"ช่วยด้วย คุณเทพ ช่วยแก้วด้วย"
ดอกแก้ววิ่งฝ่าพงหญ้าไม่ยอมหยุด
"คุณเทพ คุณเทพช่วยแก้วด้วย"
ดอกแก้ววิ่งทะลุพงหญ้ามาจนถึงทุ่งดอกซ่อนกลิ่นที่ต้องลมไหวเอน ก่อนจะล้มลง
"คุณเทพ....คุณอยู่ไหน ช่วยแก้วด้วย คุณเทพ คุณเทพ"
เทพไทสะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นจากฝัน
"ดอกแก้ว!"
เทพไทรู้ว่าตัวเองฝันไป แต่ก็ใจคอไม่ดี มองไปรอบๆ หน้าตาตื่นๆ
ทศเสียงอู้อี้
"อะไรของนายวะ เรียกใครซะเสียงดัง"
"เปล่า ไม่มีอะไร ฉันแค่ฝันร้าย นายนอนเถอะ"
เทพไทสีหน้าเป็นกังวล
คุณหลวงกอดดอกแก้วแนบอก ….ดอกแก้วสับสนกับตัดสินใจได้ผละออกจากอ้อมกอดคุณหลวง
ดอกแก้วทำอะไรไม่ถูก
"แก้วขอโทษค่ะคุณหลวง แก้วขอโทษ"
ดอกแก้วตัดสินใจก้มลงกราบแทบเท้าหลวงปกรณ์
"ขอโทษฉันด้วยเรื่องใดรึแม่แก้ว"
"เอ่อ..คือ..แก้วไม่อาจฝืนใจทำในสิ่งที่คุณหลวงกรุณาแก้วได้ค่ะ"
" คงต้องมีเหตุผลสินะ ไหนบอกเหตุผลเรามาสิว่าทำไม"
ดอกแก้วคิดหาทางออก
"เอ่อ….หัวใจของแก้วได้มอบให้แก่ผู้อื่นไปแล้วเจ้าค่ะ"
หลวงปกรณ์ประหลาดใจ
"เธอมีคนรักแล้วอย่างนั้นรึแม่แก้ว แล้วทำไมเค้าถึงปล่อยให้เธอ ตะลอนหาเงินใช้หนี้ให้แม่เยี่ยงนี้กันเล่า"
ดอกแก้วก้มหน้าเศร้านึกถึงเทพไท
"ทั้งชีวิตนี้จะได้เจอกันอีกหรือไม่ก็ยังไม่รู้ แก้วรู้แต่เพียงใจของแก้วยังยึดติดอยู่กับเค้าจนไม่สามารถจะมีใครอื่นได้ค่ะ ได้โปรดเมตตาแก้วด้วย"
หลวงปกรณ์ประคองใบหน้าดอกแก้วให้เงยขึ้น สบตากัน
"เอาเถอะ ในเมื่อใจดวงนี้มีเจ้าของเสียแล้ว ฉันก็จะไม่ให้เธอทำในสิ่งที่ฝืนใจเธอ หากแต่วันใดที่ใจเธอเปลี่ยน ฉันก็พร้อมจะทำตามเจตนาที่ฉันได้ตั้งใจว่าจะปกป้องดูแลเธอ ฉันก็จะรอจะไม่เด็ดดอกแก้วดอกนี้มาขยี้ให้ต้องช้ำหากไร้ซึ่งความรัก นี่คือคำสัญญาของฉัน ขอให้จำไว้เถิดนะ…จำไว้ให้ขึ้นใจ"
ดอกแก้วกราบคุณหลวง
"ขอบพระคุณค่ะคุณหลวง"
คุณหลวงลุกขึ้นเดินออกไปจากห้อง ดอกแก้วมองตามน้ำตาริน
คุณหลวงออกมานอกเรือน เห็นร่มคันงามที่กลิ้งอยู่นอกเรือน คุณหลวงมองร่มแล้ว มองไปที่ห้องดอกแก้ว แล้วหันไปมองทางตึกใหญ่ ก็เข้าใจทันทีว่า เหตุการณ์ทั้งหมดได้ผ่านสายตาคุณสร้อยทองเสียแล้ว
"แม่สร้อย"
คุณหลวงเริ่มกังวลมองห้องที่ดอกแก้วอยู่ แล้วผลักประตูเข้าไปอีกครั้ง
ดอกแก้วตกใจ!
"คุณหลวง มีอะไรเหรอคะ"
"ฉันคิดว่าแม่สร้อยมาที่นี่แล้วเห็นว่าเธออยู่กับฉันในห้องสองต่อสอง"
"คุณหลวงกลัวว่าคุณสร้อยจะเข้าใจผิดใช่ไหมคะ แก้วจะไปอธิบายให้คุณสร้อย ฟังเองค่ะ" ดอกแก้วจะออกไปคุณหลวงดึงไว้
"ไม่มีประโยชน์หรอก แม่สร้อยเป็นคนเชื่อมั่นในตัวเองสูง หากลองได้พบได้เห็นกับตาตัวเองแบบนี้แล้วล่ะก็ ต่อให้อธิบายยังไงแม่สร้อยก็คงคิดเช่นเดิม"
"งั้นเราจะทำยังไงดีล่ะคะ"
คุณหลวงหนักใจ
"ไม่ว่าฉันตัดสินใจอะไรลงไปขอให้เธอไว้ใจฉัน"
ดอกแก้วไม่เข้าใจ
"สัญญายังคงเป็นสัญญา แต่ที่ฉันต้องขอเช่นนี้ก็เพื่อปกป้องดอกแก้วให้พ้นภัย ถึงฉันพูดออกไปว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็คงไม่มีใครเชื่อ แต่หากบอกไปว่าดอกแก้วเป็นเมียฉันแล้ว ฉันก็มีหน้าที่ต้องปกป้องดูแล จะดูแลไม่ให้ใครมารังแกได้ นะแม่ดอกแก้ว ขอให้เชื่อคำฉันเถอะนะ"
ดอกแก้วนิ่งงัน
ดึกต่อเนื่องมา แล่มหนีบขวดเหล้าโซซัดโซเซเข้ามาเห็นเหมือนคุณหลวงลงจากเรือนไป แล่มเพ่งมองอย่างเมาๆพลางขยี้ตา เลอเอิ้ก
"นั่นใครวะน่ะ... หรือว่าเราจะตาฝาด"
แล่มเดินขึ้นเรือนมาเห็นดอกแก้วนั่งซึมอยู่ที่ชานเรือน
อ่านต่อหน้าที่ 2
ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 4 (ต่อ)
แล่มในอาการเมาเบลอๆ เพ่งอีก
"โอ๊ะ... ผีบ้านผีเรือนรึไง อ้าว นังดอกแก้ว! มานั่งทำอะไรอยู่หน้าบ้าน ทำไมไม่เข้าไปหลับไปนอน อย่าบอกนะว่ามึงรอฉะกู ... เอิ้ก"
ดอกแก้วไม่โต้ตอบ แล่มเดินมาจ้องหน้า ดอกแก้วบอกกับแม่
"แม่...คุณหลวงท่านมาที่นี่"
"ห๊า..." แล่มหายเมาชั่วขณะ) "เอ็ง..เอ็งว่าคุณหลวงมาที่นี่งั้นรึ" แล่มนึกถึงภาพที่เห็นเมื่อครู่ "นั่นปะไรอีแล่มว่าแล้ว คลับคล้ายคลับคาเหมือนใครที่แท้ก็คุณหลวงนั่นเอง นี่ก็หมายความว่าท่าน กับเอ็ง...คุณพระเข้าข้างกูแล้ว นังดอกแก้ว เอ็งกับคุณหลวงเป็นผัวเมียกันแล้วใช่ไหม บอกข้าอีกทีสิ มันเกิดขึ้นแล้วใช่ไหม"
แล่มดีใจจนออกนอกหน้า ดอกแก้วพยายามจะบอกแม่ แต่แล่มเอาแต่พูดอยู่ฝ่ายเดียวด้วยความเมา
"เอ็งเป็นเมียคุณหลวงแล้วใช่ไหม" แล่มเขย่าตัวลูกสาว "ตอบข้ามาสิ ใช่ไหม"
"คือมัน ไม่ใช่ ,มัน ไม่....ใช่"
แล่มกอดดอกแก้ว
"โอ๊ยย บุญใหญ่ตกลงใส่เอ็งแล้วดอกแก้วลูกแม่ ต่อไปนี้ชีวิตเอ็งจะสุขสบา ข้าเองก็จะได้รอดตายจากไอ้พวกบ่อน โอย ข้าดีใจเหลือเกินที่มีวันนี้ เอ็งจะสบายแล้วดอกแก้ว เอ็งจะสบายแล้ว"
ดอกแก้วหนักใจที่แล่มไม่ยอมฟังสิ่งใดๆ เลยเอาแต่พล่ามเพราะความเมา
"โถๆๆ ขวัญเอ้ยขวัญมานะลูกนะ ไม่ต้องตกใจ เดี๋ยวเอ็งก็จะชินไปเอง คุณหลวงได้เอ็งใหม่ๆ แบบนี้ คงเทียวหาวันละไม่รู้กี่รอบกี่หน เอ็งต้องตั้งอกตั้งใจรับใช้ท่านนะ อย่าทำให้ท่านผิดหวังที่เลือกเอ็ง โอย..ฉันมีความสุขจริงๆ"
แล่นลั้นลาเดินเข้าบ้านไปอย่างอารมณ์ดี ดอกแก้วได้แต่มองแม่ทอดถอนใจ
เรือยนต์แล่นมากลางลำน้ำ ในช่วงฟ้ามืด แต่ใกล้เช้าแล้ว เทพไทเข้ามาถามคนเรือที่กำลังขับเรือ
"อีกนานไหมครับกว่าจะถึงพระนคร"
"ใกล้เต็มทีแล้ว ฟ้าสางก็ถึงแล้วพ่อหนุ่ม"
เทพไทถอยออกมา...มองไปที่ท้องฟ้าที่ยังคงมืดมิด บอกกับตัวเองเบาๆ
"ดอกแก้ว...ขออย่าให้เกิดอะไรขึ้นเลยนะ ขอให้มันเป็นแค่ความฝันเถอะ"
เช้าวันใหม่ ภายในห้องอาหาร ลำเจียกเดินเข้ามาในห้องที่สร้อยทองนั่งอยู่แล้ว คุณหลวงเดินตามเข้ามาลงนั่งแอบมองดูปฏิกริยาของสร้อยทอง
ลำเจียกสังเกตเห็นหน้าสร้อยทองหมองๆเหมือนคนอดนอน
"ทำไมเช้านี้คุณพี่สร้อยดูอิดโรยจังคะ นอนไม่หลับรึอย่างไรคะคุณพี่"
สร้อยไม่มองหน้าคุณหลวง บอกกับลำเจียก
"แมวขโมยเข้ามาในบ้านจะให้หลับลงได้อย่างไรเล่า แม่ลำเจียกคงไม่รู้สินะ"
คุณหลวงรู้สึกได้ว่า สร้อยทองพูดกระแนะกระแหน ลำเจียกตกใจ
"ตายจริง มันคงหิวกระมังคะคุณพี่"
"ก็คงจะอย่างนั้น"
แล่มเดินนวยนาดเข้ามาที่ห้องอาหารกวาดตามองหาดอกแก้ว แต่ไม่เห็นมี
"คุณหลวงเจ้าคะ ดอกแก้วไปไหนล่ะเจ้าคะ"
ลำเจียกตวาดใส่
"ถ้าจะมาตามหาลูกสาวก็ไปตามในครัวสิ มาหาอะไรที่นี่"
แล่มยิ้มเยาะเย้ยลำเจียก
"ตามที่นี่น่ะถูกแล้ว เพราะบรรดาเมียๆอยู่ที่นี่ นังดอกแก้วก็ต้องอยู่ที่นี่สิ ถึงจะถูก"
ลำเจียกงง สร้อยทองพยายามเก็บความรู้สึกทั้งๆที่ช้ำใจ
"แกพูดอะไรของแก ออกไปจากห้องเดี๋ยวนี้เลยนะ ก่อนที่คุณหลวงจะตะเพิดแกออกไป"
แล่มยิ้มเยาะเย้ยเดินมานั่งร่วมที่โต๊ะ ลำเจียกมองโกรธ
"ดูท่าคุณหลวงคงจะไม่ว่ากระไรมั๊งเจ้าคะ เพราะยังไงเสียอีแล่มคนนี้ ก็ได้ชื่อว่าเป็น แม่ยายไปซะแล้ว"
แล่มยิ้มเย้ยทุกคน ลำเจียกอึ้ง สร้อยทองนิ่งเก็บอาการ บ่าวในเรือนตกใจ คุณหลวงปรามแม่แล่ม
"หยุดได้แล้วแม่แล่ม"
"ทำไมล่ะเจ้าคะ หรือว่าคุณหลวงจะปกปิดเรื่องนังดอกแก้วงั้นรึเจ้าคะ"
ลำเจียกงงว่าเกิดอะไรขึ้น
"ปกปิดเรื่องอะไรกันคะ"
แล่มลอยหน้าลอยตาพูด
"ก็เรื่องที่คุณหลวงแอบเข้ามาย่ำยีนังดอกแก้วนะสิ"
ลำเจียกร้อง
"อ๊า...!!!! ไม่จริง อีหน้าด้านโกหก คุณหลวงที่นังนี่พูดไม่จริงใช่ไหมคะ"
ดอกแก้วเอาอาหารเข้ามาเสิร์ฟต้องตกใจเมื่อเห็นว่าลำเจียกกำลังกรี๊ดลั่น แล่มนั่งยิ้มเยาะเย้ยอยู่ ลำเจียกปรี่เข้ามาหาดอกแก้วทันที
"แก.....อีคนเนรคุณกินบนเรือนขี้บนหลังคา แกคงจะเชิญชวนคุณหลวงให้ขึ้นห้องกับแกใช่ไหม ใช่ไหม"
ลำเจียกตบตีดอกแก้ว
"คุณลำเจียกคะ อย่าค่ะ ฟังแก้วก่อน"
"ฉันไม่ฟัง"
ลำเจียกโวยวาย สร้อยทองเหลืออด
"ถ้าไม่จริง แม่แล่มคงไม่พูด จริงไหมคะคุณหลวง"
"แม่สร้อย"
"คุณพี่สร้อยเชื่อมันงั้นหรือคะ คุณพี่ไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเองสักหน่อยจะไปเชื่อมันได้ยังไงกัน"
สร้อยทองมองคุณหลวงอย่างน้อยใจก่อนจะพูดออกไป
"ก็เพราะฉันเห็นน่ะสิ"
คุณหลวงมีสะอึก
"แม่สร้อย"
ดอกแก้วอึ้ง คุณหลวงเองก็อึ้งคิดไม่ถึงว่าสร้อยทองจะพูด ลำเจียกกรี๊ด
สร้อยทอง หันมาพูดกับคุณหลวง
"คุณหลวงเตรียมรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันนี้เถอะค่ะ"
คุณหลวงมองภรรยาหลวงอย่างรู้สึกผิด
ดอกแก้วก้มหน้าเศร้า ดวงตาแดงข้างๆแล่ม สร้อยทองกับลำเจียกนั่งคอแข็งอยู่บนเก้าอี้กับหลวงปกรณ์ราชกิจ
"ฉันไม่ยอมนะ ! คุณหลวงทำอย่างนี้มันหมิ่นศักดิ์ฉันกับลูกสาวเกินไป"
หลวงปกรณ์นิ่งเงียบ
"อิฉันอุตส่าห์เลี้ยงมาอย่างทนุถนอมกล่อมเกลี้ยง"
ดอกแก้วสะอื้นเบาๆ นิ่งๆ
"แล้วแม่แล่มจะเอายังไง" สร้อยทองถาม
"ฉันจะเอาเรื่อง ! ฉันจะไปแจ้งที่กรมว่าคุณหลวงรังแกลูกสาวฉัน เอาให้มันถึงฉาวโฉ่ถึงผู้บังคับบัญชาคุณหลวงไปเลย ดูซิว่ายังจะมีหน้าอยู่ในสังคมได้ไหม"
สร้อยทองมองหน้าหลวงปกรณ์อย่างใจไม่ดี หลวงปกรณ์รีบต่อ
"ไม่เอาน่า ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากัน แม่แล่มจะเรียกร้องยังไง ก็ว่ามา"
ลำเจียกโมโห สบถออกมาอย่างอารมณ์เสีย
" ใครจะจัดการยังไงก็สุดแล้วแต่เถอะค่ะ แต่อิชั้นคงรับเรื่องบัดสีแบบนี้ไม่ได้จริงๆ"
ลำเจียกหันขวับมองหลวงปกรณ์ เม้มปากอย่างน้อยใจ แล้วลุกพรวดขึ้น หลวงปกรณ์ไม่สนใจ ลำเจียกยิ่งโกรธ เดินออกไปจากวงทันที
"ฉันรับรองว่าจะเลี้ยงดูแม่ดอกแก้วอย่างดี"
"ฮึ! เลี้ยงดูเป็นเมียบ่าว มันก็ไม่ต่างอะไรจากนางบำเรอ ยังไงฉันก็ไม่ยอม"
สร้อยทองดสียงเข้ม
"แม่แล่มจะให้ฉันหย่ากับคุณหลวง แล้วยกดอกแก้วขึ้นเป็นเมียเอกงั้นหรือ"
ดอกแก้วร้อง ละอายใจ แล่มค้อนปะหลับปะเหลือก
"ฉันรับรองได้ ว่าดอกแก้วจะไม่เป็นแค่เมียบ่าว ฉันจะรัก จะยกย่องให้สมฐานะเมียที่มีเกียรติอีกคนของฉัน"
แล่มอ่อนลง เพราะอยากได้ยินคำยืนยันอย่างนี้อยู่แล้ว แต่ก็ปรายตามองเมียเอก สร้อยทองน้อยใจ
ในคำพูดคุณหลวงอยู่ลึกๆ
ดอกแก้วฟังทั้งสองเจรจาเรื่องของตนด้วยความร้าวราน ที่สุดก็ทนไม่ไหว ลุกพรวดขึ้นวิ่งร้องไห้ออกไป
"ดอกแก้ว"
ดอกแก้ววิ่งร้องไห้ออกมา ผ่านบ่าวในบ้าน บางหันมามอง บางคนซุบซิบกัน ดอกแก้วยิ่งอาย เร่งฝีเท้า
แล่มวิ่งตามออกมา ร้องเรียก
"ดอกแก้ว หยุดก่อน"
ดอกแก้ววิ่งออกมาหน้าบ้าน มองถนนใหญ่ที่เห็นรถราวิ่งไปมา หมายจะพุ่งไปให้รถชน แต่แล่มคว้าตัวไว้
"นังแก้ว ! เอ็งจะทำอะไร อย่านะ"
"ฉันอยากจะไปให้พ้นๆจากที่นี่"
แล่มคว้าตัวดอกแก้วไว้
"ไม่ได้นะ เอ็งจะไปไหนไม่ได้ แล้วหนี้ของข้าล่ะ เอ็งจะทิ้งข้าแล้วเอาตัวรอดไปคนเดียวงั้นเหรอ นังแก้ว"
"ฉันไม่ได้ทิ้ง ฉันจะไปหางานทำเอาเงินมาใช้หนี้ให้แม่ ฉันไม่อยากอยู่อย่างไร้ศักดิ์ศรีแบบนี้ ปล่อยฉันนะแม่ ปล่อย"
ดอกแก้วพยายามสลัดมือแม่ออก แล่มเห็นดอกแก้วดื้อดึงจะไปให้ได้ ก็โมโห ตบฉาดที่หน้าลูกสาว ดอกแก้วอึ้ง
"แกไม่มีทางได้ดีไปกว่านี้อีกแล้วนังแก้ว ฉันไม่ขายแกให้คุณหลวง ฉันก็ต้องขายแกให้คนอื่นอยู่ดี แกมีวาสนาเท่าไหร่แล้วที่คุณหลวงท่านเมตตา อย่าโง่ไปหน่อยเลย"
หลวงปกรณ์วิ่งตามออกมาทันได้ยินพอดี ดอกแก้วอึ้งน้ำตาไหลนอง คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำพูดนี้จากปากแม่
"แม่"
รถรับจ้างคันหนึ่งวิ่งมาด้วยความเร็ว ดอกแก้วตัดสินใจพุ่งตัวเข้าไปหารถ แล่มกับหลวงปกรณ์ตกใจ คนขับรถรับจ้างก็ตกใจไปด้วย รีบเบรกเอี๊ยด
ดอกแก้วโดนเฉี่ยวถลาล้มลงไปที่พื้น ก่อนที่รถจะหักหนีได้ทันควัน แล้วจอดนิ่ง
ทุกคนกำลังตะลึงอยู่ เจ้าของรถยังนั่งนิ่งช็อก ประตูตอนหลังเปิดออกมาอย่างรวดเร็ว เทพไทวิ่งลงมาอย่างเป็นห่วง โดยที่ยังไม่รู้ว่าคนที่ถูกชนเป็นใคร
"คุณ ! เป็นอะไรหรือเปล่าครับ"
เทพไทตรงไปประคองผู้หญิงที่ล้มอยู่ที่พื้น พอดอกแก้วเงยหน้าขึ้นมาก็ผงะ เช่นเดียวกับดอกแก้วตะลึงที่เห็นเทพไทอยู่ตรงหน้า
เทพไทพึมพำเบาๆ กับตัวเอง
"ดอกแก้ว"
ดอกแก้วร้องไห้มองเทพไทอย่างช็อกเช่นกัน
"คุณเทพ"
หลวงปกรณ์กับแล่มรีบวิ่งเข้ามา
"ดอกแก้ว เป็นอะไรหรือเปล่า"
เทพไทยังงุนงง มองหน้าหลวงปกรณ์กับแล่มที่ยืนหน้าตื่นอยู่ นังแล่มรีบเข้าไปกระชากตัวดอกแก้ว
ออกมาจากเทพไท
"เอ็งทำอะไรของเอ็ง นังดอกแก้ว"
เทพไทมองทุกคนอย่างงงๆ
"นี่มันอะไรกันครับคุณพ่อ"
ดอกแก้วได้ยินคำว่าพ่อก็ยิ่งผงะ มองหน้าหลวงปกรณ์กับเทพไทอย่างคาดไม่ถึง
ดอกแก้วพึมพำเบาๆ
"พ่อ"
บนตึก ดอกแก้วนั่งก้มหน้าพับเพียบอยู่ที่พื้นข้างแล่ม เทพไทจ้องมองอย่างพิศวง
"ดอกแก้วลงไปนั่งทำไมตรงนั้น ขึ้นมานั่งข้างๆ ฉันนี่"
ดอกแก้วก้มหน้านิ่งเฉย แล่มเข้าไปจัดแจงประคองลุกขึ้น พามานั่งข้างหลวงปกรณ์ แล้วตัวเองก็นั่งประกบ
"ดอกแก้ว นี่คือพ่อเทพไท ลูกชายของฉันกับแม่สร้อย"
เทพไทมองอากัปกริยาของพ่อกับแล่มอย่างสังหรณ์ใจ ไม่อยากให้สิ่งที่คิดเป็นจริง
"เทพไท ไหว้แม่ดอกแก้วเสียสิ เขาเป็นเมียอีกคนของพ่อ"
สร้อยทองเริ่มเคือง
"คุณพี่"
อ่านต่อหน้าที่ 3
ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 4 (ต่อ)
เทพไทนิ่งตะลึง ชาไปทั้งตัว ดอกแก้วค่อยๆ ช้อนสายตาขึ้นมองด้วยความละอายใจและชอกช้ำใจ
เทพไทมองตาอีกฝ่ายด้วยคำถามมากมาย ระคนกับความผิดหวัง มือที่จะยกไหว้ดูอึกอัก ทำท่าไม่ถูก สร้อยทองก็ทำอะไรไม่ได้
ดอกแก้วเป็นห่วงความรู้สึกของเทพไท
"เอ่อไม่ต้องไหว้หรอกค่ะ"
เทพไทสะกดกลั้นความรู้สึกเจ็บปวดไว้
"ไม่ได้หรอกครับ ถึงจะรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่คุณดอกแก้วก็ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่เลี้ยงของผม"
เทพไทยกมือไหว้ดอกแก้วอย่างเรียบร้อย ดอกแก้วรับไว้ตอบ ส่งสายตาที่อยากบอกเล่าอธิบายเรื่องราวมากมายให้เทพไทรับรู้ สร้อยทองจำต้องแนะนำเทพไทกับดอกแก้ว
"พ่อเทพลูกชายฉัน เป็นนักศึกษาแพทย์ปีสุดท้าย เพิ่งกลับจากไปออกค่ายรักษาคนไข้ที่บ้านแพ้ว"
"อุ๊ยตาย! บังเอิญจังเลยนะคะ"
"จริงสิ!! แม่แล่มกับดอกแก้วก็เป็นคนบ้านแพ้วเหมือนกัน คงไม่ทันได้เจอกันหรอกใช่ไหม" คุณหลวงพูดทีเล่นทีจริง
แล่มอ้าปากจะปฏิเสธ เพราะไม่เคยพบเทพไทจริงๆ แต่เทพไทสวนตอบขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้นมาเสียก่อน
" ครับ เราไม่เคยพบกัน"
ดอกแก้วหน้าเจื่อนที่เทพไทปฏิเสธ เขาสบตาเธอด้วยสีหน้าเฉยเมย
"ผมคงจะมาช้าเกินไป คุณดอกแก้วกับแม่เข้ามาพระนครเสียก่อน"
ดอกแก้วพูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองเทพไทอย่างเสียใจ เขาเบือนหน้าหนี สร้อยทองรีบตัดบท
"พ่อเทพคงจะเหนื่อยจากเดินทาง ไปพักผ่อนเถอะลูก ... หมดธุระแนะนำเมียใหม่ของคุณพี่แล้ว อิชั้นกับพ่อเทพคงต้องขอตัวนะคะ"
สร้อยทองพูดจบก็พาเทพไทลุกออกไปทันที โดยมีดอกแก้วมองตามอย่างเศร้าใจ รู้ว่าเทพไทไม่พอใจ
ลำเจียกนั่งน้ำตาคลออยู่หน้ากระจกภายในห้อง อึ่งนั่งพับพลางพูดเม้าท์มอยยุแยง
"คุณหลวงกำลังโอ้โลมปฏิโลมนังเมียใหม่เป็นการใหญ่เลยเจ้าค่ะ คุณไม่ออกไปดูน้ำหน้ามันหน่อยเหรอคะ"
ลำเจียกนิ่งขึง รู้สึกโกรธมากขึ้นเรื่อยๆ แต่อึ่งยังสนุกปาก
"บ่าวว่าแล้วเชียวว่าอีนี่มันแผนสูง เชอะ ทำเป็นเล่นตัวเรียกราคา ทีนี้คุณหลวงคงจะหลงจนโงหัวไม่ขึ้นเชียวล่ะ"
ลำเจียกกระตุกขึ้นเล่นน้อย ถูกจี้จุด แต่อึ่งยังไม่รู้ตัว
"บ่าวไม่อยากจะพูด เห็นหูตาวิบวับตั้งแต่มันแอบมาดักรอคุณหลวงที่หน้าห้องคุณลำเจียกแล้วเจ้าค่ะ ทำเป็นสนิมสร้อยต่อหน้าเรา แต่พอลับหลังก็แอบทอดสะพาน แล้วคุณหลวงจะอดใจยังไงไหว"
ลำเจียกกดดันขึ้นเรื่อย อึ่งยังพูดไม่หยุด
"นี่คุณหลวงก็จะยกย่องเป็นเมียออกหน้าออกตาอีกคน ให้มันขึ้นมาชูคอบนตึก ทีนี้ล่ะก็คงจะไปขลุกอยู่ในห้องมันทั้งวันทั้งคืนแน่เจ้าค่ะ"
ลำเจียกกรี๊ดออกมาอย่างทนไม่ไหว ขว้างหวีเปรี้ยงไปที่กระจกตรงหน้า อึ่งสะดุ้งตกใจ
"ค...คุณลำเจียก เป็นอะไรหรือเปล่า"
"ออกไป ! ออกไป๊"
ลำเจียกเอาข้าวของใกล้ตัวขว้างใส่ อึ่งตกใจรีบวิ่งออกไป ลำเจียกน้ำตานอง หันมามองกระจกร้าวตรงหน้า สีหน้าทั้งรักทั้งแค้น
ภายในเรือน ดอกแก้วนั่งร้องไห้ เสียใจกับชะตากรรมตัวเองที่ต้องกลายเป็นเมียคุณหลวง แถมยังมาเจอเทพไท แล่มตามเข้ามา แอบสงสารลูกเหมือนกัน แต่ก็ยังเห็นแก่ตัวอยู่
"ดอกแก้วเอ๊ย ตอนนี้มันไม่มีอะไรดีกว่าเอ็งยอมรับความจริง แล้วก็ใช้ชีวิตต่อไปนะ"
"ฉันทำใจไม่ได้หรอกแม่ ฉันไม่ได้เต็มใจ ทำไมฉันต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย"
แล่มแสร้งถอนใจ
"ก็คิดเสียว่าอย่างน้อย เอ็งก็ไม่ได้เสียทีให้ ไอ้พวกกะเรกะรากที่ไหนมันฉุดคร่าเอา คนที่เอาเปรียบเอ็งก็เป็นถึงเจ้าขุนมูลนาย เขาพร้อมจะรับผิดชอบเอ็ง"
" แต่ฉันไม่ต้องการ"
"พูดอย่างนั้นไม่ได้ เอ็งจะเสียไปเปล่าๆ ได้ยังไงกัน แม่ไม่ยอมนะ ถึงเราจะเป็นชาวบ้าน แต่เราก็มีค่ามีศักดิ์ศรี"
ดอกแก้วได้ยินก็ยิ่งเศร้า ปาดน้ำตา แล่มสีหน้าคิด แล้วกระซิบกล่อม
"เอ็งโกรธคุณหลวงใช่ไหมล่ะ"
ดอกแก้วนิ่งคิดทบทวน แล้วพยักหน้าพลางสะอื้น
"งั้นก็เอ็งอย่าปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป ต้องตักตวงเอาคืนให้สมกับความผิดที่เขาทำ คุณหลวงกำลังหลงเอ็ง อยากจะยกย่องเอ็งเป็นเมียออกหน้าออกตา เอ็งก็รับไว้ อย่าไปปฏิเสธเขา"
"แต่ฉันไม่ได้รักเขา"
"ถึงเวลานี้มันสำคัญด้วยเหรอวะว่าเอ็งรักใคร ในเมื่อเนื้อตัวเอ็งเป็นของเขาไปแล้ว"
ดอกแก้วสะอึก เศร้าลงไปอีกเมื่อนึกถึงเทพไท
"ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิง ในเมื่อถูกตีตราแล้วชีวิตเราก็เป็นของผัว ถึงไม่รักกันตอนนี้ อยู่ๆ ไปความผูกพันมันก็จะเกิดขึ้นเอง"
"แม่จะให้ฉัน" ดอกแก้วพูดไม่ออก เมื่อรู้ว่าแล่มจะยุให้อยู่เป็นเมียน้อย
ดอกแก้วเหลือบมองแม่ แล่มพยักหน้า
"เอ็งอยู่เสียที่นี่เถอะ อยู่เป็นคุณดอกแก้ว คุณหลวงกับเมียเขาก็ยอมรับแล้วว่าจะเลี้ยงดูเอ็งให้สมฐานะ ยังไงมันก็ดีกว่าเอ็งจะบากหน้ากลับบ้านแพ้วไปให้คนนินทาว่าเสียท่าให้ผู้ชายแล้วถูกถีบหัวส่ง"
ดอกแก้วน้ำตาไหลออกมาอีก เมื่อนึกถึงชะตาชีวิตของตัวเอง
แล่มตีหน้าเศร้า
"แม่น่ะไม่เดือดกับปากคนหรอก เพราะทุกวันนี้คนที่นั่นมันก็ด่าแม่จนไม่เหลือดีอยู่แล้ว แต่แม่ไม่อยากให้เอ็งต้องมาเป็นขี้ปากชาวบ้านไปกับแม่ด้วย"
แล่มทำหน้าสลด มีน้ำหูน้ำตา ดอกแก้วยิ่งกลุ้ม อึดอัดสับสนไปหมด
อึ่งกับเอี้ยงนั่งกินข้าวอยู่กับพวกบ่าวชายหญิงในครัว พลางคุยกัน
"นังอึ่ง ป่านนี้ยังไม่ขึ้นไปเฝ้าคุณลำเจียกอีกเรอะ เผื่อเธอจะเรียกหา" ศรีบอก
"วันนี้ฉันไม่ไปหรอก ไม่อยากไป เมื่อตอนบ่ายเธอก็ไล่ตะเพิดลงมา ทำหน้าทำตาอย่างกับคนบ้า ขึ้นไปนอนคืนนี้จะโดนบีบคอตายเอา"
"นังนี่ พูดถึงเจ้านายให้ระวังปากมั่งนะโว้ย"
"ก็จริงอย่างที่นังเข็มมันว่านะ คุณลำเจียกแกยิ่งอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ โฮ้ย มาเกิดเรื่องเกิดราวก็เพราะนัง... ... แม่ดอกแก้วแท้ๆ เลย มาอยู่บ้านไม่ทันไรก็ทำเรื่องซะอีกแล้ว กาลกิณีแท้ๆ"
เอี้ยงสะกิดอึ่ง ส่ายหน้าไม่ให้พูด
"ทำไมนังเอี้ยง พูดถึงแค่นี้ไม่ได้หรือไง ใช่สิ เอ็งมันเห็นขี้ดีกว่าไส้ ตีสนิทกับเขาไว้แล้วนี่ ทีนี้เขาเป็นคุณนายเอ็งก็ได้ขึ้นหม้อล่ะ หมั่นไส้"
อึ่งจิ้มหัวเอี้ยงอย่างหมั่นไส้แล้วกินข้าวต่อ
เทพไทยืนฟังอึ่งคุยถึงดอกแก้วอยู่ด้านนอก สีหน้าครุ่นคิด
เทพไทเดินครุ่นคิดถึงดอกแก้วด้วยความผิดหวังอยู่ที่สนาม คิดถึงเรื่องในอดีต
ดอกแก้วปฏิเสธไม่รับเงินจากเทพไท
"คุณเทพคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงประเภทไหนกันคะ หรือคุณเทพคิดว่าฉันเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังเพราะหวังจะพึ่งคุณ"
"แล้วคุณจะหาทางออกยังไงครับดอกแก้ว"
"ฉันก็ยังไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่ยังไงฉันกับแม่ก็ต้องดิ้นรนไปให้ได้ คุณเทพอย่าห่วงเลยค่ะ"
หลวงปกรณ์แนะนำให้เทพไทกับดอกแก้วรู้จักกัน
"เทพไท ไหว้แม่ดอกแก้วเสียสิ เขาเป็นเมียอีกคนของพ่อ"
เทพไทถอนใจยาวเครียด ไม่นึกว่าในที่สุดแล้วต้องลงเอยมาเจอกับดอกแก้วในสภาพนี้
เทพไทกำลังจะเดินกลับขึ้นบ้าน แต่สายลมโชยกรุ่นพาเอากลิ่นหอมคุ้นเคยลอยมาเตะจมูก
ดอกแก้วทรุดเศร้าอยู่ตรงแปลงดอกซ่อนกลิ่น นึกถึงท่าทีเย็นชาของเทพไท
ดอกแก้วพูดกับซ่อนกลิ่น
"ในที่สุดฉันก็ได้พบกับเขาที่นี่ แต่เราสองคนคงไม่มีทางกลับเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว"
ดอกแก้วลูบไล้กลีบซ่อนกลิ่นอย่างเศร้าใจ แล้วได้ยินเสียงคนเดินมา จึงหันไปดู
เทพไทเดินเข้ามาใกล้ แล้วหยุดยืนอยู่ตรงหน้า ดอกแก้วรีบลุกขึ้น
"คุณเทพ"
"แล้วเราก็พบกันอีกครั้งจนได้นะครับ คุณดอกแก้ว"
ดอกแก้วก้มหน้านิ่ง คิดคำพูดอะไรไม่ออก
"ตอนที่คุณจากบ้านแพ้วมาโดยไม่ได้บอกลา ผมเฝ้าแต่เป็นกังวล ห่วงใยว่าคุณจะเอาตัวรอดยังไงกับปัญหาที่คุณต้องเผชิญอยู่" เขาแค่นยิ้ม "เพิ่งจะรู้ว่าคุณมีทางที่ดีกว่ามากๆ อยู่แล้วก็วันนี้ มันทำให้ความห่วงใยของผมแทบจะไร้ค่าไปเลย คุณว่าไหม"
ดอกแก้วพยายามจะอธิบาย
"คุณเทพคะ มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะคะ"
"มันจะเป็นอย่างอื่นไปได้อีกเหรอครับ ในเมื่อพ่อของผมก็ให้คำตอบชัดเจนไปแล้วว่า คุณคือภรรยาใหม่ของท่าน"
ดอกแก้วหน้าสลด เถียงไม่ออก เทพไทเจ็บช้ำขึ้นเรื่อยๆ
"ไม่นึกว่าแม่ค้าขนมท่าทางอ่อนหวาน อดทนขยันทำงานสุดท้ายแล้ว เมื่อเข้าตาจนก็เลือกที่จะเอาตัวเข้าแลกกับความสุขสบายและเงิน"
"คุณเทพคะ กรุณาฟังเหตุผลของฉันซักนิด"
เทพไทตัดบท
"ผมไม่ได้มาเพื่อจะฟังคำแก้ตัวของคุณ แต่ผมมาเพราะว่าได้กลิ่นดอกไม้ที่มันชวนให้ผมนึกถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่บ้านแพ้ว และต่อไปนี้กลิ่นหอมของมันจะเตือนให้ผมรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นที่ผมรู้จักได้ตายไปแล้ว เหลือแต่ผู้หญิงที่มีศักดิ์เป็นแม่เลี้ยงของผมเท่านั้น"
"คุณเทพ"
"กรุณาเรียกผมว่าเทพไทเถอะครับคุณดอกแก้ว ชื่อเทพมีให้ครอบครัวและคนสนิทของผมเรียกเท่านั้น"
เทพไทพูดเย็นชาแล้วเดินจากไป
ดอกแก้วได้แต่ยืนอึ้ง แล้วทรุดตัวลงนั่งเศร้า เมื่อรู้แน่แก่ใจว่าเทพไทชิงชังตนไปแล้วจริงๆ
เทพไทเปิดประตูเข้ามาในห้องนอน ปิดประตูปัง!...ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง สีหน้าช้ำระคนโกรธ
ลุกไปรื้อกระเป๋า หยิบผ้าเช็ดหน้าที่ดอกแก้วใช้ผูกผมออกมา
คิดถึงคำพูดดอกแก้ว
"คุณว่าน้ำในคลองสายนี้จะไหลไปถึงพระนครไหม"
"ไม่ถึงหรอก"
ดอกแก้วหน้าเสีย
"แต่มันไหลไปบรรจบกับแม่น้ำที่ไหลมาจากพระนคร ดอกแก้วถามทำไมเหรอครับ"
"บ้านแพ้วกับพระนครเชื่อมต่อกันด้วยสายน้ำ....หากในภายภาคหน้าจะไม่ได้พบได้เจอกันอีก แก้วจะระลึกถึงพระคุณของคุณผ่านสายน้ำนี้นะจ๊ะ"
ดอกแก้วยิ้มให้เทพไทเศร้าๆ
"เราต้องได้เจอกันสิ ต้องได้เจอแน่ๆ ผมสัญญา"
เทพไทขยำผ้าผืนนั้นแน่นด้วยความขมขื่น
"ทั้งรัก ทั้งคิดถึงใจแทบขาด ทำไมต้องทำกันแบบนี้ ทำไมต้องใจร้ายกับฉันถึงขนาดนี้"
เทพไทร้องไห้
อ่านต่อหน้าที่ 4
ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 4 (ต่อ)
วันใหม่ สร้อยทองยืนดูบ่าวปัดฝุ่นข้าวของเครื่องใช้อยู่ในตึก บ้างก็ช่วยกันยกของขึ้นมาจากชั้นล่าง
ลำเจียกออกมาจากห้อง หยุดมองคนทำงานอย่างแปลกใจ
"ทำอะไรกันคะคุณพี่"
"จัดห้องให้แม่ดอกแก้วไงล่ะ คุณหลวงจะให้ดอกแก้วขึ้นมาอยู่บนตึก"
ลำเจียก ชะงัก อารมณ์เสีย
"จัดห้องให้มัน ! ทำไมต้องรีบร้อนกันขนาดนี้ด้วย"
"ก็แล้วจะชักช้าไปทำไมละค้า"
แล่มเดินนวยนาดเข้ามา ท่าทางหาเรื่องเต็มที่
"ในเมื่อตอนนี้ดอกแก้วมันก็อยู่ในคุณดอกแก้ว จะให้มันนอนกระท่อมขี้ข้าเก่าๆ โทรมๆ ต่อไปได้ยังไงกัน"
"ขนาดนอนกระท่อมยังเอาเจ้าของบ้านไปเป็นผัวได้ ก็อยู่ข้างล่างต่อไปสิ"
"แหม! คุณหลวงคงไม่อยากจะลงไปนอนข้างล่างเหมือนเมื่อคืนละมั้งคะ ถึงต้องรีบให้ดอกแก้วมันขึ้นมา" แล่มยิ้มยั่ว "เอ๊ะ หรือว่าตอนคุณหลวงได้คุณลำเจียก แกเอาคุณไปซุกไว้ในเรือนคนใช้เป็นปี ถึงยอมให้ขึ้นตึก"
ลำเจียกกำมือแน่น โกรธจนตัวสั่น แล่มไม่สน แหย่ต่อ
"อย่าลามปามฉันนะ ฉันไม่เหมือนลูกของแก"
แล่มเบ้ปาก
"ไม่เหมือนเรอะ มันก็ไอ้คนมาทีหลังเหมือนกันแหละวะ"
ลำเจียกโกรธจัด กรี๊ดออกมาสั้นๆ แบบขวัญอ่อนตกใจที่โดนด่าจี้ใจ
"พอเถอะแม่แล่ม ไม่ต้องตีโพยตีพายไป ฉันก็กำลังจัดการให้ดอกแก้วได้อยู่อย่างสมฐานะอยู่นี่ไง ไม่ต้องกลัวหรอก"
แล่มเชิด มองเห็นบ่าวลำเลียงยกตู้ยกชั้นจะไปที่ห้องนอนที่เปิดประตูอ้าอยู่ เลยเดินไปชะโงกดู
"ต๊าย! แคบเท่าแมวดิ้นตาย จะให้ดอกแก้วมันอยู่อย่างนี้เหรอ"
"ชั้นนี้ก็มีห้องนอนว่างแค่ห้องเดียว ถ้าไม่เอาแล้วจะไปนอนที่ไหน"
แล่มกวาดตามอง แล้วเหลือบไปเห็นห้องลำเจียกที่อยู่ใกล้บันไดมากกว่า
"แล้วห้องนี้ล่ะ อยู่ใกล้บันไดดีด้วย เวลาคุณหลวงลงมาจะได้ไม่ต้องเสียเวลา"
แล่มตรงไปปราดจะเปิดประตู อึ่งรีบถลาไปกางมือขวาง
"นี่มันห้องคุณลำเจียก"
"ก็ให้คุณลำเจียกของเอ็งย้ายไปสิ ลูกข้าจะอยู่ห้องนี้"
สร้อยทองอึ้งกับความกล้าดีของแล่ม ลำเจียกเข้าขวาง
"มันจะมากเกินไปแล้วนะ แกไม่มีสิทธิ์มาวุ่นวายที่นี่"
"มากหรือไม่มากก็คอยดูสิวะ ถอย"
แล่มกระชากอึ่งให้หลบไป อึ่งเซถลาตรงเข้าไปฉุดแล่มไว้
"อย่านะนังแล่ม" อึ่งว่า
"อยากลองดีใช่ไหม"
แล่มเงื้อมือจะตบอึ่ง แต่อึ่งยกแขนขึ้นจับมือ ยื้อกระชากกัน
"นี่ แม่แล่ม หยุดนะ" สร้อยทองว่า
แล่มไม่สนใจ ผลักยื้อกับอึ่ง พอได้จังหวะก็ตบหน้าอึ่งดังฉาด
"ว้าย"
อึ่งเซถลาไปชนลำเจียก และล้มตามกันไปโดนแจกันขนาดใหญ่ที่มุมห้องแตกดังเพล้ง
"โอ๊ย"
ลำเจียกร้องลั่น แล้วจับที่แขนของตัวเอง เห็นเลือดออกแดงฉาน
"แม่ลำเจียก! เลือด"
ลำเจียกมองเลือดที่อาบแขนตัวเอง ตกใจ กลัวเลือด ร้องกรี๊ดออกมาแล้วพับไป สร้อยทองกับบ่าวรีบพากันเข้าประคอง
ลำเจียกฟื้นขึ้นมาขึ้นมา เห็นอึ่งเอายาดมมาอังๆ อยู่ที่จมูก เทพไทชะโงกหน้าลงมา
"คุณน้าลำเจียกฟื้นแล้วครับ"
หลวงปกรณ์รีบลุกมาหา ประคองลำเจียก ท่าทางเอาใจ
"เป็นยังไงบ้างแม่ลำเจียก"
"คุณพี่"
"นายเทพทำแผลให้แล้ว เธอยังเจ็บแผลอยู่หรือเปล่า"
"บ่าวขอโทษนะเจ้าคะคุณลำเจียก บ่าวไม่ได้ตั้งใจ นั่งแล่มค่ะ มันตัวดี"
ลำเจียกดูท่อนแขนตัวเองที่พันแผลไว้ เทพไทจัดยาเม็ดใส่ถ้วยเล็กเอาไว้ให้
"เดี๋ยวคุณน้ารับประทานยาแก้ปวดกันไว้ซะหน่อยนะครับ จะได้ไม่ระบม"
เทพไทลุกออกไปอย่างเคืองๆ พ่ออยู่ หลวงปกรณ์รับยามาจากเทพไท แล้วส่งสายตาไล่อึ่งให้ออกไปก่อน อึ่งรีบลุกไป
ลำเจียกอยู่กับหลวงปกรณ์เพียงสองคนในห้อง คุณหลวงทำท่าจะป้อนเอาใจ แต่ลำเจียกเบือนหน้าหนี
"คุณพี่ไม่ต้องมาดูแลอิฉันหรอกค่ะ ไปดูแลเมียใหม่กับแม่ของมันเถอะ"
หลวงปกรณ์รู้ทันว่าลำเจียกงอน ก็เอาใจ
"แม่ลำเจียกเจ็บอย่างนี้ จะไล่ให้ฉันไปหาคนอื่นทำไม"
ลำเจียกเสียงเครือ
"อิฉันดูแลตัวเองได้"
"ไม่เอาน่า ฉันเอ็ดแม่แล่มไปแล้ว อยู่ๆ มาทำเมียสุดที่รักของฉันเจ็บตัวได้ยังไง"
หลวงปกรณ์กอดอ้อน จับมือข้างที่เจ็บของลำเจียกมาเป่า
"นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นแม่ของดอกแก้ว ฉันจะเอาตำรวจมาจับจริงๆ ด้วย"
ลำเจียกงอน
"ยังไงคุณหลวงก็ยังเห็นแก่เมียใหม่อยู่ดี"
"อย่าเคืองฉันเลยน่า ผิดถูกยังไงก็ว่ากันไปตามนั้น ดอกแก้วไม่ได้ทำอะไรผิด"
"ทำไมจะไม่ผิดคะ มันแย่งคุณพี่ไปจากอิฉัน มันแย่งความรักของอิฉัน"
ลำเจียกสะอื้น เจ็บปวด หลวงปกรณ์กอดเอาใจลำเจียก
"ไม่มีใครแย่งความรักของแม่ลำเจียกไปได้หรอก แม่ลำเจียกเคยรักฉันยังไงก็ขอให้รักฉันอย่างนั้น ส่วนตัวฉันเคยรักแม่ลำเจียกอย่างไร ฉันก็จะไม่มีวันเปลี่ยนไป"
"แล้วคนอื่นๆเล่าเจ้าคะ คุณหลวงคอยพร่ำบอกมันอย่างนี้รึเปล่า"
"ยามอยู่ด้วยกัน ฉันสุขใจนัก อย่าเสียเวลาแม้แต่น้อยนิดคิดถึงเรื่องคนอื่นเลย ขอให้ ณ ขณะนี้ มีเพียงเราเถิด"
หลวงปกรณ์กอดลำเจียกแน่น หอมหน้าผากปลอบใจ ลำเจียกเริ่มเคลิ้ม ใจอ่อน
"แม่ลำเจียกเป็นเมียของฉัน ไม่มีสิ่งใดจะมาเปลี่ยนแปลงได้"
ลำเจียกสีหน้าดีขึ้น สะบัดสะบิ้งน้อยลง ยอมอยู่ในอ้อมกอดหลวงปกรณ์
คุณหลวงแอบถอนใจด้วยความโล่งอกที่กล่อมให้ลำเจียกเชื่อได้สำเร็จ
เทพไทเดินกำลังจะกลับห้องตัวเอง ดอกแก้วรีบร้อนขึ้นบันไดมา หลังจากรู้เรื่อง
"คุณเทพไท คุณลำเจียกเป็นยังไงบ้างคะ"
เทพไทหยุดเดิน หันมามองดอกแก้ว แค่นยิ้ม
"แค่โดนเศษแจกันบาดเป็นแผลเล็กน้อย หวังว่าคุณคงจะไม่ผิดหวังที่คุณน้าไม่เป็นอะไรมาก"
เทพไทจะเดินต่อไป ดอกแก้วรีบตามไปขวาง
"ฉันถามเพราะเป็นห่วงคุณลำเจียกนะคะ"
เทพไทยิ้มเยาะ
"แน่ใจเหรอครับ ผมว่าคุณน่าจะภาวนาให้คุณน้าลำเจียกเจ็บหนักมากกว่า เพราะคุณจะได้หมดคู่แข่งไปอีกหนึ่ง เผลอๆ อาจจะได้ห้องนอนของคุณน้ามาครองอย่างที่แม่ของคุณพยายามทำจนเกิดเรื่อง"
ดอกแก้วเสียใจ
"คุณก็รู้ว่าฉันไม่ใช่คนอย่างนั้น"
"ผมไม่รู้จักคุณ แล้วจะไปรู้ถึงจิตใจคุณได้ยังไงกัน"
เทพไทพูดอย่างเย็นชา แล้วเดินออกไป ทิ้งให้ดอกแก้วยืนเสียใจ
แล่มปูที่นอนของตัวเองกับดอกแก้วในเรือนเหมือนเดิม ด้วยความหงุดหงิด
"ทำไมนะ แทนที่เอ็งจะขึ้นไปนอนข้างบนสบายๆ ห้องหับเขาก็จัดไว้ดิบดี ดันจะอยากมานอนเบียดกับข้า"
"ถ้าแม่อยากไปก็ขึ้นไปเอง แต่ฉันจะนอนที่นี่"
"ฟังพูดเข้าสิ ให้ข้าไปนอนแทนเอ็งคุณหลวงจะได้ถีบลงมาปะไร เอ็งเป็นเมีย ก็ต้องขึ้นไปนอนใกล้ๆ ผัวสิวะ"
"เราอยู่กันเงียบๆ เถอะแม่ อย่าสร้างเรื่องให้มันวุ่นวายไปกว่านี้เลย"
"คิดโง่ๆ คนอื่นเขาอยากมีโอกาสอย่างเอ็งจนตัวสั่น ไม่ต้องทำงานงกๆ ก็ได้กินได้อยู่ อย่างสบาย ได้แต่งตัวสวยมีสง่าราศี แต่เอ็งมัวคิดมากอะไรอยู่ก็ไม่รู้ ไม่ได้ดังใจ"
แล่มกระฟัดกระเฟียด ดอกแก้วยังคงซึม ไม่ได้รู้สึกยินดีแม้แต่นิด
สร้อยทองนั่งเหม่ออยู่ในห้อง ศรีเข้ามารายงาน
"คืนนี้ คุณหลวงให้นังอึ่งลงไปนอนที่เรือนหลังบ้านเจ้าค่ะ สงสัยว่าจะเฝ้าคุณลำเจียกเอง"
สร้อยทองพยักหน้ารับรู้ ท่าทางเนือยๆ ศรีมองอย่างเห็นใจ
"คุณสร้อย...อย่าคิดมากนะเจ้าคะ คุณลำเจียกเธอคงจะเป็นไข้ คุณหลวงก็เลยห่วง"
สร้อยทองรู้ทันว่าศรีจะปลอบ หันมา
"ฉันก็ไม่ได้คิดอะไรซักหน่อย ดีแล้วล่ะ เอาใจแม่ลำเจียกซักหน่อย จะได้ไม่มีเรื่องวุ่นวายอีก แกลงไปเตรียมหม้อยาเถอะศรี เดี๋ยวฉันจะต้มยาให้แม่ลำเจียก เห็นว่าของเก่าจะหมดแล้ว"
ศรีทนไม่ไหว
"โถ คุณสร้อยเจ้าขา จนป่านนี้แล้วยังมีกะจิตกะใจไปห่วงคนอื่น นอนพักผ่อนเสียไม่ดีหรือเจ้าคะ"
"ยังไงฉันก็ต้องนอนคนเดียวอยู่ดี จะนอนตอนไหนก็เหมือนกัน" สร้อยทองยิ้มเศร้า
ภายในห้อง สารภีแต่งตัวอยู่ เขียนตา ทาลิปสติกสีแดงสด ฉีดน้ำหอมที่ซอกคอ ผมที่ม้วนลอนเสร็จแล้ว ถูกประดับไว้ด้วยกุหลาบผ้าที่ผมข้างหู แล้วเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า เลือกเสื้อมาสวม
สารภีหันกลับมามองกระจก สวยงามสมบูรณ์แบบแล้ว
เพิ่มพูนกับโกสุมนั่งคิดบัญชีปิดงบของโรงพิมพ์อยู่ในบ้าน เห็นสารภีเดินแต่งตัวสวยจัดลงมา
"เอ๊ะ! สารภี ค่ำมืดแล้วแกจะออกไปไหน" โกสุมถาม
"แต่งตัวอย่างนี้คงจะไปสวดมนต์มั้งคะ"
เพิ่มพูนละสายตาจากงาน ถอดแว่น เขม้นมอง
"จะไปเที่ยวอีกล่ะสิ แทนที่จะอยู่บ้านนั่งอ่านตำรา เดี๋ยวแกก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้"
สารภียักไหล่
"ใครบอกว่าหนูอยากเรียน หนูก็แค่ใช้เป็นข้ออ้างเข้าหาพี่เทพไท สอบไม่ได้ก็ดี จะได้ไม่ต้องเรียนให้ปวดหัว"
"ต๊าย ! ฟังพูดเข้า"
"ก็คุณแม่บอกเองว่าอยากให้หนูจับพี่เทพไทให้ได้ เดี๋ยวเขาเรียนจบเป็นคุณหมอเขาก็มีปัญญาเลี้ยงหนูเองแหละ"
โกสุมพูดไม่ออกเมื่อโดนย้อน พิศหิ้วรองเท้าวิ่งเข้ามา พิศแต่งตัวดี
"มาแล้วค่ะๆ รองเท้าค่ะคุณสารภี"
พิศวางรองเท้าให้สารภีสวม สีสันเข้าชุดกับเสื้อผ้าที่ใส่ พิศกระดี๊กระด๊า
"เราไปกันเลยไหมคะ"
สารภีมองปราดที่พิศ
"นี่แกแต่งตัวไปกับฉันเหรอ"
พิศประจบ
"ก็ใช่สิคะ คุณสารภีไปไหน พิศก็ต้องตามไปรับใช้ทุกที่ คุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายสั่งเอาไว้"
"แต่ที่นี่แกไม่ต้องไป ไนท์คลับเขาต้อนรับแต่ลูกค้าผู้ดี ขี้ข้าไม่เกี่ยว"
พิศเจื่อน เสียงแตรรถหน้าบ้านดังขึ้น สารภีชะเง้อ
"สงสัยยายฤดีจะมาแล้ว หนูไปล่ะ"
สารภีเดินฉับๆ ออกไป เพิ่มพูนกับโกสุมมองตาม แล้วส่ายหน้า
ในบรรยากาศไนท์คลับ เทพไทนั่งดื่มเครียดๆ อยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์ นักดนตรีสีไวโอลินเดินไปรอบๆ
เสียงไวโอลินฟังดูเศร้าสร้อยโหยหา เทพไทดื่มจนหมดแก้ว
"ขออีกแก้ว"
บริเวณประตูทางเข้า สารภีกับฤดีเดินเข้ามา สวยๆ เชิดๆ
"เงียบยังกะผีหลอก คิดยังไงถึงมาที่นี่นะ" ฤดีบอก
"รอให้ดึกหน่อยสิ เดี๋ยวก็สนุกเองแหละ"
สารภีมองไปรอบๆ เห็นเทพไทเข้า
"พี่เทพ! ...เธอไปหาโต๊ะก่อน เดี๋ยวฉันตามไป"
สารภีผละไปหาเทพไท กระซิบเข้าที่ข้างๆ หู
"รอใครอยู่รึเปล่าคะ"
เทพไทหันไปมอง สารภียิ้มสวยแล้วนั่งลงข้างๆ
"ผมมาคนเดียว แล้วก็อยากอยู่คนเดียวด้วย ไม่ต้องการคนอื่น"
"แหม โชคดีนะคะเนี่ยที่สารภีไม่ใช่คนอื่น"
"ขอโทษนะครับ ผมคงไม่มีเวลาดูแลคุณ เชิญคุณสนุกกับเพื่อนๆ ของคุณดีกว่านะครับ" เทพไทหันกลับไปดื่มต่อ
สารภีมองแก้วเหล้าตรงหน้าเทพไทที่วางอยู่ 3 แก้ว
"กลุ้มใจอะไรอยู่รึเปล่าคะ บอกสารภีสิคะ เผื่อสารภีจะช่วยอะไรได้"
"ไม่มีใครช่วยได้หรอกครับ มันสายไปเสียแล้ว"
เทพไทวางเงินลงที่เคาน์เตอร์ แล้วลุกขึ้น
"หวังว่าคงไม่ใช่เรื่องความรักนะคะ"
"ความรักไม่มีอยู่จริงหรอกครับ หรือถึงจะมี ผมก็ไม่พร้อมจะรักใครอีกแล้ว"
เทพไทเดินออกไป.....สารภีมองตามไปโกรธๆ
"ฉันนี่แหละจะทำให้คุณรู้ว่าความรักมันเป็นยังไง"
เทพไทเดินออกมาจากผับ ท่ามกลางแสงไฟและเสียงหัวเราะของผู้คน เทพไทเดินล้วงกระเป๋า ก้มหน้าร้องไห้เงียบๆ
อ่านต่อตอนที่ 5