ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 10
สารภีตื่นตกใจกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป ในขณะที่ทุกคนกรูเข้าไปดูลำเจียกกับดอกแก้วที่โดนน้ำร้อนลวกที่แขน ส่วนลำเจียกไม่โดนเพราะดอกแก้วช่วยกันไว้
ลำเจียกเห็นแผลที่แขนดอกแก้ว
"เธอเป็นอะไรมากไหมดอกแก้ว"
เอี้ยงรีบเข้าไปดูอีกคน
"ตายแล้ว คุณแก้วถูกน้ำร้อนลวก ถ้าคุณหลวงเห็นต้องซักความอีกแน่เลยค่ะ ทำไงดีล่ะคะ"
ลำเจียกพูดน้ำเสียงดุดัน
"ก็ดีสิ ฉันก็จะได้บอกคุณหลวงให้จัดการแม่สารภีสักที เป็นแค่ผู้อาศัย แต่ทำตัวยิ่งใหญ่คับฟ้าแบบนี้เห็นทีจะอาศัยอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว"
สารภีแอบถอยหลังออกด้วยความตื่นกลัวอย่างเงียบที่สุด
เชตที่นั่งอยู่ห่างๆมองดูสารภีถอยออกไป ดอกแก้วเห็นท่าทีลำเจียกที่จริงจัง เลยรีบขอร้อง
"แก้วขอล่ะค่ะ อย่าบอกเรื่องนี้ให้คุณหลวงทราบเลยนะคะ"
"ทำไมถึงจะบอกไม่ได้ เธอเองก็เจ็บตัวเพราะแม่สารภีนะ อย่าลืมสิ"
"แผลแค่นี้ไม่กี่วันก็หายแล้วล่ะค่ะ อย่าให้คุณหลวงท่านต้องมารับรู้เรื่องเล็กน้อยนี่เลยค่ะ แล้วอีกอย่าง คนในเรือนเดียวกันมีเรื่องกันท่านคงไม่สบายใจนักหรอกค่ะ"
ลำเจียกไม่เห็นด้วยกับแก้ว แย้งด้วยน้ำเสียงดุดัน
"อย่ามาทำเป็นคนใจดีหน่อยเลย ใครผิดก็ต้องว่าไปตามผิด"
ลำเจียกหันไปมองหาสารภี แต่ไม่เห็นแล้ว
"ดูสิคำขอโทษสักคำก็ไม่มี นี่รึคนที่หล่อนคิดจะปกป้องน่ะ"
ลำเจียกพูดแดกดันก่อนเดินออกไป
พิศโดนสกรัมจนสะบักสะบอม ดิ้นหลุดออกมาจากกลุ่ม น้ำตาเรี่ยราด
"หยุดนะอย่าเข้ามานะ ไม่งั้นฉันจะฟ้องคุณหลวงท่านว่า พวกหล่อนรังแกฉัน พวกหล่อนถูกเฉดหัวส่งแน่ๆ"
"ก็ลองซี้ ข้าก็อยากดูว่าใครกันที่จะถูกเฉดหัวออกจากบ้านก่อนคนอื่น ฮ่าๆๆ" อึ่งบอก
"หนอย....ฝากไว้ก่อนเถอะ"
พิศเจ็บใจรีบลนลานหนีไป เอี้ยงรีบดูดอกแก้ว ดอกแก้วมองตามลำเจียกที่เดินออกไป เกรงว่าจะเป็นเรื่องใหญ่
พิศลนลานกลับเข้าเรือนมา มองหลังห่วงว่าใครจะตามมา เมื่อหันมาเจอสารภีที่ยืนถมึงทึงอยู่ ก็ตกใจ
"ว๊าย..คุณพระ"
สารภีเกรี้ยวกราด
"แกหายไปไหนมานังพิศ"
พิศลนลานรีบเข้ามาใกล้
"โถ...คุณขา คุณไม่เห็นรึคะว่าพิศถูกกระทำย่ำยีด้วยฝ่ามือฝ่าตีนของพวกบ่าวทั้งหลายอยู่น่ะค่ะ คุณดูสิคะหน้างี้ปูดไปหมดเลย...อูย" พิศยกมือกุมด้วยความเจ็บปาก
สารภีสงสัยอยากรู้
"พวกนั้นมันว่าถึงฉันอย่างไรบ้าง"
พิศเจ็บปาก
"นัง..เอ้ย..คุณลำเจียกมันจะฟ้องคุณหลวงให้ไล่คุณและพวกเราทุกคนออกไปจากเรือนน่ะสิคะ"
สารภีเจ็บใจ
"คิดจะไล่ฉันงั้นเหรอ"
พิศมานั่งร้องไห้ฟูมฟาย
" นี่ขนาดยังไม่ได้เป็นสะใภ้ยังโดนแทบตาย ถ้าคุณไม่ได้เป็นเมียคุณเทพจริงๆ มีหวังเป็นหมาตกกระป๋อง โดนเฉดออกจากบ้านแน่ๆ"
สารภีฟังที่พิศพูด คิดตามท่าจะจริง จึงเริ่มระแวงๆ
" โธ่... คุณหนูของพิศ ทำไมคุณไม่มีเสน่ห์ทำให้คุณเทพไทรักหลงได้ล่ะคะ"
สารภีปรี๊ดทันที
สารภีมองตาขวาง
"อีนังพิศ นี่แกว่าฉันรึไง"
สารภีเงื้อมือจะตบพิศ พิศรีบขยับหนีเงื้อมมือสารภี
"โอ๊ะ...อย่าค่ะ แค่นี้พิศก็น่วมจะแย่แล้วค่ะ พิศไม่ได้ตั้งใจ อย่าทำพิศเลยค่ะ"
พิศรีบวิ่งปรู๊ดออกไป สารภีเจ็บใจคิดถึงสิ่งที่พิศพูด
"ฉันไม่มีเสน่ห์งั้นรึ"
สารภีโกรธเกรี้ยว
หลวงปกรณ์นั่งอยู่ที่ห้องทำงานคิดถึงตอนที่เทพไทพูดกับตนเรื่องการแต่งงานกับสารภี
"ผมยังไม่อยากแต่งงานครับ ผมยังไม่พร้อมที่จะมีใคร"
แล้วหลวงปกรณ์ฟังที่สารภีเล่า
"สารภีก็ไม่ทราบนะคะว่า แม่เลี้ยงสมควรเมตตาลูกเลี้ยงด้วยการกอดจูบหรือเปล่า ถ้าเป็นเด็กสามสี่ขวบก็ว่าไปอย่าง และอีกอย่างพี่เทพก็เป็นหนุ่มเป็นแน่น...."
ภายในห้อง หลวงปกรณ์ครุ่นคิด เดินไปหาดอกแก้วเพราะความคลางแคลงใจที่มี
หน้าห้องเทพไท เอี้ยงยืนเคาะประตูอยู่ เขาเปิดออกมาอย่างแปลกใจ
"มีอะไรรึเอี้ยง"
"เอ่อ คุณเทพพอจะมียาแก้อักเสบกับยาทาสำหรับแผลที่ถูกน้ำร้อนลวกมั๊ยคะ"
เทพไทสงสัยเพราะเห็นอาการเอี้ยงร้อนรน
"มีใครเป็นอะไรรึเอี้ยง"
เอี้ยงอ้ำอึ้งไม่กล้าบอก
"เอ่อ...เอ่อ..คนในครัวน่ะค่ะ"
"ความจริงพาเค้ามาที่นี่เลยดีกว่านะ เดี๋ยวฉันจะดูแผลให้"
"เอ่อ..คือ..ไม่เป็นไรค่ะ แผลนิดเดียวค่ะ ดึกแล้วเค้าเกรงใจคุณค่ะ"
เทพไทพยักหน้า
"อืม..ก็ตามใจรอเดี๋ยวนะ"
เทพไทเห็นเอี้ยงตะกุกตะกักแต่ก็หยิบยาส่งให้ไป เอี้ยงรับยา
"ขอบคุณค่ะ"
เอี้ยงรีบเดินออกไป เทพไทมองสงสัยตามไปดู
หลวงปกรณ์เดินมาตามทางที่จะไปยังบ้านดอกแก้ว เทพไทสะกดรอยตามเอี้ยง เร่งรีเดินไปยังเรือนดอกแก้ว คุณหลวงเดินโผล่พ้นมุมตึกก็ต้องหยุดชะงักเพราะมีเสียงเรียกจากสร้อยทอง
"คุณพี่"
หลวงปกรณ์สองจิตสองใจว่า จะเดินไปต่อหรือควรจะหยุด
"มีอะไรรรึ แม่สร้อย"
สร้อยทองมองดูสำรวจว่า หลวงปกรณ์มาทำอะไร
"เอ่อ...น้องเตรียมเครื่องดื่มร้อนๆไว้ให้แล้วค่ะ รีบไปดื่มเถอะค่ะ ประเดี๋ยวจะเย็นซะก่อน"
หลวงปกรณ์อึกอัก
"อืม"
หลวงปกรณ์ละล้าละลัง แต่ยังไม่วายมองไปยังเรือนดอกแก้ว
เอี้ยงเดินเข้ามาในเรือนมองหาดอกแก้วที่นั่งอยู่
"ยามาแล้วค่ะ มาค่ะเดี๋ยวเอี้ยงทาแผลให้"
"ไม่เป็นไรจ้า แผลเล็กน้อยแค่นี้เอง เดี๋ยวฉันทาเองก็ได้ เอี้ยงไปช่วยเก็บในครัวเถ่อะ เดี๋ยวพี่อึ่งจะเอ็ดเอา"
ดอกแก้วเกรงใจไม่อยากให้ใครๆ ต้องมากังวลเกี่ยวกับตัวเอง
"ก็ได้ค่ะ แต่คุณแก้วทาเองได้แน่นะคะ"
ดอกแก้วพยักหน้ายิ้มๆ เอี้ยงส่งยาให้ พอเอี้ยงออกไปได้สักพัก ดอกแก้วก็ปิดประตูลงกลอน ปิดเสร็จ ก็ได้ยินเสียงก๊อกแก๊กเคาะประตู
"ฉันบอกแล้วไงว่าฉันทำเองได้ไม่ต้องห่วงหรอกเอี้ยง กลับไปเถอะ"
หลวงปกรณ์ตามมาที่เรือน เป็นช่วงจังหวะที่ดอกแก้วเปิดประตูมา หลวงปกรณ์นิ่งแอบมอง
เห็นเทพไทยืนที่หน้าบ้าน
"คุณเทพไท มีธุระอะไรกับแก้วหรือคะ"
เทพไทมองหาแผลที่ตัว ดอกแก้วเบี่ยงตัวหลบๆ เทพไทเข้ามาจับตัวแก้วให้หันมาแต่จับโดนที่แขนข้างที่โดนน้ำร้อนลวกพอดี แก้วร้องโอ๊ย เทพไทชะงัก
หลวงปกรณ์มองอย่างคลางแคลงใจในความสัมพันธ์ของดอกแก้วกับตัวลูกชาย
"ขอโทษ..ที่แท้ก็เป็นเธอจริงๆด้วย ทำไมเธอต้องหาเรื่องเจ็บตัวอยู่เรื่อยๆ อยู่ดีๆไม่มีความสุขหรือไงแผลเป็นยังไงบ้าง"
ดอกแก้วหลบๆ
"ไม่ได้เป็นเป็นอะไรมากหรอกค่ะ คุณกลับไปเถอะ"
เทพไทไม่ฟังดึงตัวดอกแก้วเข้ามาใกล้จับข้อมือข้างที่โดนน้ำร้อนลวก ดูแผล
"ปล่อยไว้แบบนี้ได้ยัง ทำไมยังไม่ล้างแผลแล้วเอายาทาอีก เดี๋ยวก็อักเสบกันพอดี"
เทพไทเห็นหลอดยาที่วางอยู่ หยิบขึ้นมาจะทาให้ดอกแก้ว ดอกแก้วรีบห้าม
"อย่าค่ะ เดี๋ยวฉันจัดการเอง"
"เธอจะทายาทั่วได้อย่างไร "
เทพไทไม่ฟังจะทายาให้
"เดี๋ยวใครมาเห็นว่าคุณอยู่จะฉันจะเป็นเรื่องอีกนะคะ กลับไปเถอะค่ะ"
เทพไทชะงักมองหน้า ดอกแก้วหลบสายตา หลวงปกรณ์โกรธจนหน้าแดง คิดไม่ถึงว่าจะเห็นเทพไทกับดอกแก้วเหมือนคำบอกเล่าของสารภี
เทพไทคว้ามือดอกแก้วพาเข้าในบ้าน แล้วปิดประตูบ้านลง
ในเรือนเล็กที่ปิดประตูเรียบร้อยแล้ว ดอกแก้วเก้อเขิน ถอยห่างไปจากเทพไทที่ใจคิดถึง แต่ปากดี หยิ่ง เชิด
"ผมไมได้พิศวาสเธอหรอก ไม่ต้องกลัวขนาดนั้น ขอดูแผล"
ดอกแก้วอิดออด เทพไทฉุนเพราะเป็นห่วงมาก รักมาก แต่คำพูดตรงข้ามกับใจ
"ผู้หญิงเวลาเล่นตัวนี่ ทางจิตวิทยาหมายถึงกำลังเรียกร้องความสนใจ เธอคงไม่ได้ กำลังคิดจะทำแบบนั้นกับฉันใช่ไหม"
ดอกแก้วหน้าชา ยื่นแขนออกไปให้ดูแผล
"ก็แค่นั้น"
เทพไททำแผลให้ ดอกแก้วอดทนไม่ร้อง กลั้นน้ำตาเบือนหน้าหนี แต่ก็จนใจเพราะเทพไทต้องล้างแผลที่น้ำร้อนลวกผิวหนัง ดอกแก้วน้ำตาไหล เจ็บแผล
เทพไทห่วงมาก สงสาร ใจอ่อนยวบ พูดดีด้วย
"เจ็บมากไหม ทนไหวไหม อีกนิดนะ"
แก้วร้องเสียงเหมือนเด็ก เทพไทเผลอหัวเราะ บอกเสียงเหมือนเจ้าจุกร้อง แก้วเผลอหัวเราะ พลางนึกถึงจุกและเรื่องวันวานที่บ้านแพ้ว
ดอกแก้วเจ็บ ร้อง และบิดแขนหนีเทพไทที่กำลังเทยาราดลงมา เทพไทยิ้ม
"ร้องและดิ้นแบบนี้จะไม่ได้กินขนมนะ"
ดอกแก้วหน้างอมองเทพไท
"ฉันว่าไม่ใช่เด็กจุกนะ"
เทพไทยิ้มขำๆ
"ต่อไปนี้ใส่ยาทุกวัน ทำแผลให้สะอาด แผลจะค่อยๆหาย เธอจะไม่เจ็บอีก ฉันจะรักษาเธอไม่ให้เจ็บอีก"
"ฉัน ไม่ใช่เด็กเล็กๆ เอาขนมมาล่อฉันไม่ได้หรอกนะ คุณหมอ"
"อืมจริงสิ ฉันก็ลืมไป อย่างเธอต้องเงินทอง ยศฐา หรือตำแหน่งคุณนายของบ้านล่ะสินะ ถึงจะจูงใจเธอได้"
ดอกแก้วอึ้งเจ็บ ตรงคำพูดของเทพไท
" ขอบคุณนะคะที่มารักษาให้ฉัน แต่ต่อไปนี้คงไม่ต้องแล้วเพราะฉันดูแลตัวเองได้"
"ก็ดี เห็นเธอแล้วน่ารำคาญ พาลคิดถึงเด็กจุก เด็กที่ใสซื่อที่บ้านคลอง ส่วนเธอ....หึ"
เทพไทถอยห่างออกมา เบือนหน้า
"ดีเหมือนกัน ฉันขี้เกียจนึกถึงเรื่องราวเก่าๆ ผ่านมาแล้วมีแต่ผ่านไป ไม่มีอะไรให้จำ คนบางคนก็สมควรถูกลืม"
เทพไทผลุนผลันออกจากเรือนเล็ก ปล่อยดอกแก้วอึ้ง
ดอกแก้วนั่งซึม ตีความคำพูดเทพไทเอาเอง ซึ่งนางก็อ่อนด้อยไม่คิดว่า ที่เขาพูดหมายถึงเขามีใจให้ตัวเองมากมาย คิดแต่ว่าเขาพยายามลืมตนเอง ดอกแก้วก็เลยน้ำตาร่วงแล้วร่วงอีก
เช้าวันใหม่ โกสุมกับเพิ่มพูนแต่งตัวเสร็จเตรียมออกนอกบ้าน สารภีออกมาเห็นพอดี
"จะไปไหนกันเหรอคะ"
"ไปหาเงินมาให้แกใช้ไงล่ะ" เพิ่มพูนบอก
โกสุมตีเพิ่มพูนเบาๆ "คุณก็นะ" แล้วหันไปบอกลูกสาว "พ่อกับแม่จะไปคุยต่อรองเรื่องชำระหนี้ ไปด้วยกันไหม อีกหน่อยลูกก็ต้องศึกษาไว้เผื่อจะได้ช่วยคุณพ่อ"
สารภีส่ายหน้า
"ไม่เอาหรอกค่ะ ตอนนี้สารภีก็ได้งานทำที่โรงพยาบาลเดียวกันกับพี่เทพแล้วด้วย"
เพิ่มพูนกระแนะกระแหน
"เฮอะ...!! จะทำได้สักกี่น้ำกันเชียว"
โกสุมเอ็ดเพิ่มพูน
"เอ๊ะคุณนี่...ไม่ต้องพูดก็ได้นะคะ... งั้นก็ดีแล้วจะได้มีโอกาสใกล้ชิดทำคะแนนไว้ เออ..ว่าแต่วันนี้ทำไมไม่ขึ้นไปทานอาหารบนตึกล่ะ"
สารภีนิ่งไปนิด เพราะเกรงว่าคุณหลวงจะรู้เรื่องที่สารภีทำร้ายแก้ว
สารภีส่ายหน้า
"ไม่อยากขึ้นไป เพราะเดี๋ยวสารภีจะต้องออกไปซื้อเสื้อผ้าทำงาน"
"งั้นเหรอ งั้นพ่อกับแม่ไปล่ะ"
โกสุมกับเพิ่มพูนจะเดินออก สารภีเรียกไว้อีก
"เดี๋ยวค่ะ ขอเงินด้วยค่ะ"
สารภีแบบมือ เพิ่มพูนบ่น
"นี่พ่อแม่ไม่ได้พิมพ์แบงค์ได้เองนะ วันๆเอาแต่ขอ"
"เอาน่าให้ลูกไปเถอะน่า ประเดี๋ยวไปทำงานก็มีเงินซื้ออะไรได้เองแล้ว"
เพิ่มพูนขัดไม่ได้หยิบกระเป๋าตังค์มาเปิด โกสุมเห็นหยิบเงินเองส่งให้สารภี
"อ่ะ...เอาไป รีบไปรีบกลับนะ"
สารภีมองเงินที่รับมา
"แค่นี้เองเหรอคะ จะไปพอซื้ออะไรกันล่ะคะ"
"หรือจะไม่เอา"
สารภีรีบเก็บเงิน
เพิ่มพูนกับโกสุมออกไป สารภีมองเงินในมือที่น้อยนิดอย่างหงุดหงิด
อ่านต่อหน้าที่ 2
ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 10 (ต่อ)
หลวงปกรณ์ สร้อยทอง ลำเจียก นั่งประจำที่โต๊ะ หลวงปกรณ์หน้าตาหงุดหงิดเล็กน้อย แต่สังเกตเห็นบนโต๊ะมีการจัดน้ำชาชุดใหญ่เลยสงสัย
"วันนี้วันหยุด ทำไมมีน้ำชามื้อสาย"
สร้อยทองยิ้มแย้ม
"วันนี้เป็นวันพิเศษ น้องเลยเชิญแขกพิเศษมาร่วมโต๊ะน้ำชากับเราค่ะ"
หลวงปกรณ์มอง สร้อยทอง
"ใครรึแม่สร้อย"
"ประเดี๋ยวคุณพี่ก็รู้เองแหล่ะค่ะ"
พิศซึ่งได้รับการเตี๊ยมจากสารภีมาแล้ว รีบพุ่งเข้ามาเสนอหน้ารายงานว่า
"คุณสารภีขอตัวไม่ร่วมโต๊ะอาหารค่ะ คุณสารภียังคงเสียใจเรื่องคุณเทพไทอยู่ค่ะ"
ลำเจียกจ้องมองพิศ พิศหลบตาลำเจียกเหน็บ
"คุณหลวงคงไม่ได้ถามถึงแม่สารภี แต่หมายถึงแม่ดอกแก้วต่างหาก"
พิศเงิบหน้าแตกไป แต่ทำใจดีสู้เสือหันไปทางหลวงปกรณ์
"ถ้าคุณหลวงต้องการให้คุณสารภีมา พิศจะรีบไปตามคุณสารภีมาให้ค่ะ"
"ช่างเถอะ ตามใจแม่สารภีแล้วกัน ฉันรอแขกสำคัญของคุณสร้อยอยู่"
ลำเจียกเยาะๆมองพิศ
"หมดธุระแล้วก็ไปได้แล้ว"
พิศก้มหน้างุดๆออกไป
"แม่ดอกแก้วไปไหน ทำไมไม่ขึ้นมาบนตึก"
"แม่ดอกแก้วช่วยจัดขนมไทยอยู่ในครัวกับแม่ศรีน่ะค่ะ"
หลวงปกรณ์จำพยักหน้ารับ ลำเจียกไม่ชอบใจที่ดูท่าทางหลวงปกรณ์จะเป็นห่วงเป็นใยดอกแก้วเสียเหลือเกิน
สารภีเดินเข้ามาในร้านเสื้อผ้า ลูกจ้างเห็นก็สะกิดคุณสุเจ้าของร้าน
"คุณสารภีเชิญค่ะ หายไปซะนานเลยนะคะ"
สารภียิ้มถาม
"มีแบบเสื้อมาใหม่ไหมคะคุณสุ"
"ก็มีหลายแบบอยู่นะคะอยู่ทางด้านโน้นน่ะค่ะ" เธอหันไปบอกลูกจ้าง "พาคุณสารภีไป ดูทีสิ" แล้วคุณสุก็เดินกลับไปที่เคาน์เตอร์
ลูกจ้าง 1-2 มองหน้าเกี่ยงกัน
"หล่อนพาไปสิ"
"หล่อนนั่นแหล่ะ"
ลูกจ้างเกี่ยงกัน สารภีมองทั้งสองคนไม่พอใจ
" ตรงนั้นใช่ไหม เดี๋ยวฉันเดินดูเองก็ได้"
ลูกจ้าง 1 บอก "เอ่อ..ค่ะ"
สารภีเดินไป
ลูกจ้างเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์ แล้วซุบซิบกันกับคุณสุ สารภีเลือกดูเสื้อผ้าเอาชุดนั้น ชุดนี้ทาบลำตัว จนได้ชุดถูกใจ
"ว้าว...สวยจัง"
สารภีหันไปเรียกพนักงาน ที่เคาน์เตอร์เห็นคุณสุกับลูกจ้างกำลังนินทาชี้มือมา สารภีจ้องมองจนคุณสุรู้ตัวสะกิดลูกจ้างให้หยุดเมาท์ หันมายิ้มให้สารภี
สารภีคิดทันทีว่า ต้องนินทาตัวเองแน่ แต่แกล้งทำไม่ได้ยินเดินหยิบเสื้อเดินหลุดออกไป
ลูกจ้าง 1-2 ลากกันเข้ามาเมาท์ต่อที่หน้าห้องลองเสื้อผ้า
"มานี่เร็วเล่าต่อสิเรื่องไฟไหม้โรงพิมพ์น่ะ ตกลงเป็นเพราะอะไรเหรอ"
"เค้าว่ากันว่านังลูกสาวนี่แหล่ะที่เป็นตัวทำไฟไหม้โรงพิมพ์จนไม่เหลืออะไรเลย แถมหนี้สินก็ล้นพ้นตัวเลยล่ะ"
ภายในห้องลองเสื้อ สารภีได้ยินเรื่องตัวเอง
ลูกจ้าง 1 บอก "เอ๊ะ..ก็แล้วทำไมมาเดินนวยนาดลองเสื้อลองผ้าอยู่ อีกล่ะ"
ลูกจ้าง2 บอก"เค้าว่ากันว่า ครอบครัวนี้บากหน้าเข้าไปขอพึ่งใบบุญคุณสร้อยกับคุณหลวงปกรณ์น่ะสิแก คงได้ใบบุญคุณหลวงกับคุณสร้อยชุบเลี้ยงไว้น่ะสิ ไม่งั้นป่านนี้คงจะเร่ร่อนขอทานเค้ากินไปวันๆแล้วล่ะ"
สารภียืนฟังนิ่ง น้ำตาไหล
ลูกจ้าง 1บอก
"โถๆๆๆ..น่าเวทนาเสียจริง ที่มาดูเสื้อผ้าจะมีเงินจ่ายหรือเปล่าก็ไม่รู้เนาะ"
สารภีปาดน้ำตาเปิดม่านห้องลองเสื้อออกอย่างแรง ลูกจ้างทั้งสองคนตกใจที่เห็นสารภีโผล่พรวดออกมา
สารภีขว้างเสื้อที่ถือในมือใส่ลูกจ้าง
ลูกจ้าง1-2 ร้อง "ว๊าย"
"อยากให้ฉันเผาที่ร้านนี้มั่งไหม"
ลูกจ้างสองคนมองหน้ากันเหรอหรา
สารภีทำเดินเชิดออกไปจากร้าน ทั้งที่ในใจเจ็บกับคำพูดที่ได้ยิน
สารภีอารมณ์เสียลงรถสามล้อถีบหน้าบ้าน เดินกลับเข้าในบ้าน มีรถเก๋งคันขับแซงเธอเข้ามาจอดที่หน้าเรือน สารภีตกใจ
"ว๊าย..!"
สารภีมองตามเดินปรี่มาจะหาเรื่อง แต่แล้วก็หยุดชะงักมองเมื่อเห็น สาวสวยลงมาจากรถยิ้มให้สารภีก่อนจะขอโทษ
"ขอโทษที่ทำให้ตกใจนะคะ " ผู้มาเยือนมองสารภีสงสัย "คุณมาหาใครที่บ้านนี้รึป่าวคะ"
สารภีปรี๊ดเหมือนถูกดูถูกจากคนแปลกหน้า สารภีตาขวาง เชิดใส่
"คุณนั่นแหละเป็นใครมิทราบ มาหาใครที่บ้านนี้ฉันเนี่ยอยู่ที่นี่และฉันก็เป็น..."
เสียงสร้อยทองดังมาก่อน
" คนอาศัย! หนูสารภี เป็นลูกของแม่โกสุมจ๊ะ"
หม่อมราชวงศ์ดุจเดือนเดินตามมล. รัศมีดารา ผู้เป็นลูกสาวเข้ามา สารภีเจ็บใจที่สร้อยทองมาขัดจังหวะ
สร้อยทองโอบยิ้มรับเพื่อนคือ หม่อมดุจเดือน ภรรยาของ ม.ร.ว. รังสรรค์สโมสร ลดารมย์
"ขอโทษทีนะจ๊ะที่ไม่ได้มายืนรอรับหน้าบ้าน"
"อุ่ย..ไม่เป็นไรคนกันเอง"
คุณรัศมีดาราไหว้สร้อยทองนอบน้อม สร้อยทองรับไหว้ยิ้มแย้มแจ่มใส
"สวัสดีค่ะคุณน้าสร้อยทอง"
"ไหว้พระเถอะจ๊ะ หนูรัศมี โตเป็นสาวแล้วสวยเหมือนคุณแม่ไม่มีผิดเพี้ยนเลย จริงๆ"
"แม่สร้อยก็พูดเกินไป ว่าจะแวะมาหาหลายครั้งหลายครา แต่ติดที่ยัยหนูยังไม่กลับมาสักทีก็เลยไม่ได้มา" หม่อมดุจเดือนมองไปรอบๆบ้าน "ที่นี่ยังเหมือนเดิมเลยนะ นึกถึงเมื่อก่อนลูกรัศมีมาวิ่งเล่นเข้าออกบ้านนี้อยู่บ่อยๆ"
สร้อยทองกับดุจเดือนยิ้มขำๆกัน
"บ้านนี้ยินดีต้อนรับหนูรัศมีทุกเมื่อจ๊ะ แต่อีกหน่อยก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลกันแล้วล่ะ"
สารภีหูผึ่ง สร้อยทองมองสารภีด้วยหางตา
"ฉันเชิญ ม.ร.ว.ดุจเดือน กับ ม.ล.รัศมีดารามาวันนี้ก็เพื่อพามาให้คุ้นเคยกับพ่อเทพยังไงล่ะ ห่างกันไปเพราะหนูรัศมีดาราไปเรียนต่อเสียนาน ตอนนี้ถึงเวลาที่จะได้พบกันเสียทีนะ เชิญข้างในดีกว่าจ๊ะ"
สร้อยทองก็พาสองแม่ลูกเข้าไปปรายตามองสารภีเหยียดๆเยาะๆ
"จะให้มาใกล้ชิดกับพี่เทพเหรอ...แอร๊ย"
สารภีเจ็บใจ
ดอกแก้วรีบมาในห้องอาหาร บ้านนพรัตน์ พร้อมกับถาดขนมดอกลำเจียก เห็นภาพตรงหน้าอึ้งงันไป เทพไทกำลังรินชาให้คุณรัศมีดารา ท่าทางพูดเล่นกันดูสนิทสนม
ดอกแก้วยืนมองอึ้ง นิ่งงัน หลวงปกรณ์เรียกเลยได้สติ
"แม่ดอกแก้วเข้ามาสิ จะได้แนะนำให้คุณดุจเดือนกับหนูรัศมีดารารู้จัก"
ดอกแก้วได้สติรีบปรับอารมณ์ เข้ามาอย่างนอบน้อม
"ค่ะ"
ดอกแก้วยกถาดขนมอบเข้ามา หลวงปกรณ์แนะนำดอกแก้วให้ดุจเดือนกับรัศมีดารารู้จัก
"นี่คือ ดอกแก้วภรรยาของผมเอง"
เทพไทชะงักอึ้งมอง ดอกแก้วมองสบตาเทพไทแล้วรีบก้มหน้า
หม่อมดุจเดือนแอบมองเพื่อนรักคือสร้อยทอง สร้อยทองทำเป็นยิ้มโอเค หลวงปกรณ์แนะนำดอกแก้วกับคุณรัศมีดารา
"ดอกแก้วน่าจะอายุไล่เลี่ยกับหนูรัศมี น่าจะสนิทกันได้ไม่ยาก"
คุณรัศมีดารายิ้มให้ดอกแก้ว
"สวัสดีค่ะ"
"ก็ดีนะ รัศมีจะได้มีเพื่อนเพิ่มอีกคน"
"นั่นสิจ๊ะ เผื่อในโอกาสหน้าได้พึ่งพาช่วยเหลือกัน" สร้อยทองบอก
ดอกแก้วเห็นสร้อยทองคุยงุงิกับดุจเดือนเริ่มจะพอรู้
เทพไทสังเกตอาการ พลางขยับตัวห่าง กลัวดอกแก้วเข้าใจผิด แต่ทำอะไรไม่ได้มากเพราะอยู่ตรงหน้าพ่อกับแม่
"คุณพี่เรียกหาตั้งนานทำไมเพิ่งมาล่ะ แม่ดอกแก้ว" ลำเจียกว่า
"แก้วเห็นว่า คุณลำเจียกเตรียมขนมไว้จะเลี้ยงแขกก็เลยไปจัดมาเสิร์ฟให้ คุณลำเจียกจะได้ไม่ต้องลงไปน่ะค่ะ"
"ขอบใจ"
ดอกแก้วส่งถาดขนมให้ ลำเจียกเชิญทุกคนทาน
"เชิญทานขนมค่ะ"
รัศมีดาราตื่นตากับขนมไทยๆ
"ขนมดอกลำเจียกนี่ น่าทานจังเลยนะคะ"
"ขนมโปรดของคุณหลวงน่ะจ้ะ ลองทานดูนะจ๊ะหนูรัศมี เทพไทตักให้ น้องสิจ๊ะ
เทพไท ครับ"
ดอกแก้วแอบมอง เทพไททำนิ่งๆไว้เก็บอารมณ์ ทุกคนตักขนมชิม หลวงปกรณ์กินยิ้มๆ
"อร่อยเหมือนเดิมนะ แม่ลำเจียก"
ลำเจียกได้หน้า ยิ้มเขิน
"แม่ลำเจียกเป็นคนรสมือดีไม่มีตก ฉันอยากให้แม่ลำเจียกช่วยสอนการเรือนให้แม่ดอกแก้วทีจะได้ไม่มีเวลาว่างคิดถึงเรื่อง...." จะพูดเรื่องรักแต่ตัดใจไม่พูดถึง "แม่...อยู่ที่นี่คนเดียวเกรงว่าจะเหงา"
ดอกแก้วก้มหน้านิ่งเพราะน้ำเสียงคุณหลวงดูดุกว่าทุกๆครั้ง จนสร้อยทองจับสังเกตแปลกใจ
ลำเจียกอึ้งไปนิดๆ ก่อนจะรับปาก
"ได้สิคะ"
หม่อมดุจเดือนรีบสร้างสัมพันธ์
"งั้นดิฉันขอฝากรัศมีดารามาเรียนด้วยจะได้ไหมคะ"
สร้อยทองยิ้มให้กั
"ทำไมจะไม่ได้ล่ะจ๊ะ จริงไหมแม่ลำเจียก สอนให้หนูรัศมีไว้ เผื่อว่าอีกหน่อยจะได้ทำให้...พ่อเทพกิน"
ดอกแก้วกำลังกินขนมชะงักไม่อร่อยแล้ว น้ำตาจะตีตื้นขึ้นมาได้แต่นั่งระงับความเสียใจไว้ มองดูทุกคนยิ้มแย้มมีความสุข เทพไทแอบมองอาการดอกแก้ว
สารภีแอบมองจากมุมหนึ่งเห็นและได้ยินที่ทุกคนพูดคุยกัน กำมือแน่น เจ็บใจทุบที่ผนังห้องมองเครียดแค้นก่อนจะเดินออกไป
สารภีเดินเลี้ยวมามุมตึก พิศเข้ามาเจอพอดี สะเหร่อพูดตอกย้ำอีก
"คุณสารภีคะ รอพิศด้วยค่ะ เมื่อเช้าคุณไม่น่าให้พิศขึ้นไปบอกคุณหลวงเลยว่าไม่ร่วมโต๊ะไม่เห็นคุณหลวงจะสนใจสักหน่อย แถมพิศยังถูกคุณลำเจียกเหน็บเอาซะหน้าหงายมาเลย"
สารภีค่อยเอามือปิดหู กำหูแน่น เสียงลอดไรฟัน
"แกไม่ต้องพูดแล้ว"
อึ่งเช็ดแจกันอยู่แถวนั้นได้ยินแอบหัวเราะเยาะ
"ไม่พูดก็ได้ค่ะ งั้น เย็นพิศจัดสำรับที่เรือนเรานะคะ"
"ไม่ต้องจัดอะไรทั้งนั้น ฉันไม่กิน"
"อ้าว ประเดี๋ยวจะหิวแย่นะคะคุณ"
"ฉันจะไปกินข้าวต้มโรงแรมเร็กซ์"
อึ่งทำเป็นพูดกับจิ้งจก บนเพดาน
"อุ๊ย... แกนี่มันจริงๆเลยนะ อาศัยบ้านเค้าอยู่แท้ๆยังจะทำจองหองอีก"
สารภีหยุดกึก พิศหันมาจ้องหน้าอึ่ง อึ่งทำไม่รู้ไม่ชี้มองเพดานว่าจิ้งจกต่อ
"แน๊ะ..!! ว่าให้ยังจะมามองหน้าอีก"
พิศปรี่เข้าไปต่อหน้าอึ่งจะเอาเรื่อง
"ที่ว่าจองหองน่ะ หล่อนหมายถึงใครมิทราบ"
อึ่งทำทีไม่รู้เรื่องรูราว
"อะไรกัน...ฉันคุยกับจิ้งจกตุ๊กแกที่มันอาศัยบ้านนี้อยู่ หล่อนฟังรู้เรื่องด้วยรึเนี่ย ฮ่าๆ"
"จิ้งจกตุ๊กแกที่ไหนจะฟังรู้เรื่อง แกจงใจจะว่าคุณสารภีใช่ไหม"
"เอ๊า..!! อย่ามาหาเรื่องกันสิ จิ้งจกที่นี่รู้มันรู้ภาษาฟังภาษาคนรู้เรื่องหรอกย่ะ"
สารภีเดินยิ้มเข้ามาหาอึ่ง
"เหรอ"
สารภีหยิบไม้กวาดที่วางอยู่ขึ้นมา เอาไม้กวาดตีจิ้งจกตกลงมาตาย ต่อหน้าอึ่ง
"อุ๊ย..!! ถ้ารู้ภาษาก็น่าจะหนีทันนะ"
สารภีมองหน้าอึ่ง อึ่งเงิบ สารภียิ้มบางๆให้
" ไอ้ตัวนี้มันไม่รู้อะไรควรไม่ควร ตายไปซะได้ก็ดี อีตัวอื่นมันจะได้จำ"
สารภีหน้าร้ายยื่นไม้กวาดให้ อึ่งมือไม้สั่นรับ ไม้กวาดร่วงลงพื้น
สารภีมองเหยียดร้ายก่อนจะเดินเชิดออกไป พิศสะใจ อึ่งลมแทบจับมองจิ้งจกที่พื้นตายสนิท
อ่านต่อหน้าที่ 3
ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 10 (ต่อ)
เทพไทกับรัศมีดารามาเดินเล่นกันที่สวน
"พี่เทพเหมือนจะจำรัศมีดาราได้ แต่จริงๆจำไม่ค่อยได้ใช่ไหมคะ"
เทพไทหัวเราะ
"เจอกันตอนเด็กแล้วน้องรัศมีดาราก็ไปเรียนต่อสวิส"
ดอกแก้วเดินออกมาจากตัวตึก แต่มาเจอสองคนเดินเล่นกัน เทพไทคุยกับรัศมีดารานึกถึงช่วงที่เป็นเด็ก
"เท่าที่พี่จำได้น้องรัศมีดาราเป็นเด็กหญิงแก้มป่องใส่กระโปรงแดง ขี้งอน เอะอะก็ จะฟ้องแม่ๆ"
รัศมีดาราหัวเราะอารมณ์ดี อดไม่ได้ทุบแขนเทพไท
"พี่เทพอ่ะ"
เทพไทหัวเราะ
"ตอนนั้นน้องรัศมีดาราก็เป็นแบบนี้นะ"
สองคนหัวเราะกันด้วยความสนิทสนม ดอกแก้วจ๋อยลงเรื่อยๆ
"สวนนี้ใครตกแต่ง ปลูกดอกไม้สวยเชียว"
เทพไทอึ้งนิดๆก่อนตอบว่า
"เอ่อ..ดอกแก้วน่ะ"
"อ๋อ คุณดอกแก้ว เธอน่ารักนะคะ ดูอ่อนโยนเหมือนดอกไม้"
เทพไทยิ้มขื่นๆ รัศมีดาราหันไปเห็นดอกแก้ว ดอกแก้วสะดุ้งรีบจะเดินออกจากตรงนั้น
"คุณดอกแก้วคะ"
รัศมีดารารีบเดินปรี่เข้ามาหา ดอกแก้วเลี่ยงไม่ทัน
"คุณดอกแก้วจะรีบไปไหนเหรอคะ"
"เอ่อ..คือ...กำลังจะกลับเรือนเล็กค่ะ"
รัศมีดารานึกถึงเรือนเล็ก หันไปถามเทพไท
"พี่เทพคะเรือนเล็กที่รัศมีเคยมาเล่นกับพี่เทพสองคนใช่ไหมคะ"
เทพไทพยักหน้า ดอกแก้วอึ้งเมื่อรู้ว่าทั้งสองผูกพันกันแต่เด็ก
"รัศมีอยากไปดูจังค่ะพี่เทพ รัศมีขอไปด้วยคนได้ไหมคะ คุณดอกแก้ว"
ดอกแก้วยิ้มๆกับรัศมีดาราก่อนหันไปทางเทพไท
"คงต้องรบกวนคุณดอกแก้วพานำไปแล้วล่ะครับ"
ดอกแก้วรู้สึกถึงคำพูดที่ดูจะห่างเหิน
"เชิญค่ะ"
รัศมีดาราดีใจเกาะแขนเทพไท ดอกแก้วเบือนหน้าหนีเดินนำสองคนออกไป ในใจแอบเจ็บจิ๊ดๆ
รัศมีดารามาตามทางถึงหน้าบ้าน เธอไม่รู้เรื่องอะไร มองเห็นเรือนแล้วนึกออก
"พี่เทพคะ นี่ไง เรือนนี้พี่เทพแกล้งรัศมี พี่เทพจำได้ไหมคะ"
เทพไทพยักหน้า
รัศมีดาราดูร่าเริงน่ารัก
"จำได้ไหมคะที่พี่เทพเอาดอกไม้มาง้อให้รัศมียอมดีด้วยอยู่ตั้งนาน สองนาน"
"จำได้สิครับ ตอนนั้นพี่ผิดเองคิดว่าถ้าน้องรัศมีไม่คืนดีด้วย พี่ต้องตายแน่ๆเลย"
ทั้งคู่ต่างหัวเราะนึกถึงความหลังกันน่ารัก ดอกแก้วกลายเป็นส่วนเกิน
"เอ่อ...แก้วขอตัวจะไปเก็บของในบ้านก่อนนะคะ ตามสบายนะคะคุณรัศมี"
"เกรงใจคุณดอกแก้วจัง เราสองคนมากวนคุณหรือเปล่าคะ"
เทพไทเลยพูดเตือนอ้อมๆให้ดอกแก้วยังอยู่ตรงนั้นด้วย
"อยู่ด้วยกันก่อนสิครับ นานๆจะมีแขกพิเศษมาเยี่ยมที่เรือนทั้งที"
ดอกแก้วอึ้งจำใจอยู่
"ค่ะ"
"คุณแก้วอยู่เรือนนี้คนเดียวเหรอคะ"
"ค่ะ"
"ดีจังเลยนะคะ ที่เรือนนี้เป็นเรือนแห่งความทรงจำของรัศมีกับพี่เทพเลยนะคะ เราสองคนคลุกกันอยู่ที่เรือนนี้บ่อยๆ ทุกๆมุมของบ้านนี้รัศมีจำได้ดีไม่เคยลืมล่ะค่ะ"
"น้องรัศมียังจำได้อยู่เหรอ"
"จำได้สิคะ ตรงนี้นะคะ รัศมีดาราชนเสาต้นนี้เจ็บ พี่เทพแทนที่จะปลอบรัศมีดารากลับมากอดเสาแล้วก็พูดเสาซะงั้น พี่เทพทำให้ดูหน่อยสิคะ ตอนที่พี่เทพกอดเสาพูดปลอบกับเสาน่ะค่ะ"
เทพไทอิดออดแต่ก็โดนผลักมากอดเสาให้ดู
ดอกแก้วหน้าซีดลง
"คุณดอกแก้วไม่สบายหรือเปล่าคะ ทำไมดูหน้าซีดๆ"
"เอ่อ..ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ"
"รัศมีว่าคุณแก้วพักผ่อนเถ่อะรัศมีกับพี่เทพไม่รบกวนแล้วค่ะ จริงสิพี่เทพก็เป็นหมอนี่หน่า งั้นพี่เทพช่วยตรวจดูอาการของคุณดอกแก้วทีสิคะ"
รัศมีดาราเอามือแตะหน้าผากดอกแก้วรู้สึกร้อนๆ เลยคะยั้นคะยอให้เทพไทตรวจ
"อุ๊ย..คุณดอกแก้วตัวร้อนจริงๆด้วยค่ะ พี่เทพลองแตะดูสิคะ"
เทพไทอึกอักไม่กล้าแตะ รัศมีดึงมือเทพไทมาแตะที่หน้าผากดอกแก้ว
"ตัวคุณแก้วร้อนจริงๆใช่ไหมคะ พี่เทพ"
เทพไทอึ้งๆ
"อืม"
"จับชีพจรสิคะ ไม่จับที่ข้อมือจะรู้ได้ไงล่ะคะ"
รัศมีดาราดึงมือให้เทพไทแตะ เขารู้ว่า ดอกแก้วใจสั่นเต้นแรง สายตาที่ห่วงใย ทำให้ดอกแก้วหวั่นไหว
" ฉันสบายดีไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะ ที่ตัวร้อนๆคงเพราะตากแดดมาน่ะ ค่ะ"
"ไม่มีไข้จริงเหรอคะพี่เทพ"
"จริงครับ"
"เฮ้อ..!โล่งอกไปที งั้นเราสองคนไม่รบกวนคุณแก้วดีกว่าคุณแก้วจะได้พัก รัศมีขอตัวนะคะ"
ดอกแก้วยิ้มๆ
"ค่ะ"
ดอกแก้วหลบสายตาไม่อยากเห็นภาพสองคนที่เดินออกไป
ทั้งคู่เดินมา รัศมีดารามองรอบๆตึก
"รัศมีไม่ได้มาที่นี่เสียนานเลย ทุกอย่างยังเหมือนเดิมเลยนะคะ"
"คุณแม่ท่านรักบ้านหลังนี้มาก คอยดูแลให้เหมือนเดิมตลอดเวลา"
"ดีจังเลยนะคะเหมือนรัศมีได้กลับมาย้อนวัยเยาว์อีกครั้งเลย"
รัศมีดารายิ้มให้เทพไท
สารภีเดินลัดตึกมาเห็นภาพสองคนหนุงหนิงกันเจ็บจี๊ดที่ใจ
"คนที่นี่ก็น่ารักและดูใจดีทุกคนเลยนะคะ รัศมีรู้สึกถูกชะตากับคุณดอกแก้วจังเลยค่ะ คุณดอกแก้วดูสุภาพอ่อนโยน น่ารักจังเลยนะคะ"
"ครับ"
"ถ้าหม่อมแม่ให้รัศมีมาเรียนการเรือนกับคุณลำเจียกจริงๆ อย่างน้อยก็โอเคเพราะ รัศมีจะได้มีเพื่อนเรียนเป็นคุณดอกแก้ว"
เทพไทมองยิ้มๆ
"พี่เทพว่ารัศมีจะเป็นเพื่อนกับคุณดอกแก้วได้ไหมคะ"
เทพไทพยักหน้าตอบรัศมีตามมารยาท
"ได้สิจ๊ะ"
"จริงนะคะ"
รัศมีดาราเกาะแขนเทพไทเหมือนเด็กเล็กๆที่ดีใจได้ของดูน่ารัก อีกมุม สารภีแอบมอง ได้ยิน รับรู้ กำมือแน่น
ดอกแก้วนั่งซึมอยู่ในบ้าน เหม่อๆคิดถึงภาพของเทพไทกับรัศมีดารา
ดอกแก้วจับข้อมือตัวเองที่เทพไทจับเมื่อครู่ นึกถึงสายตาคู่นั้น น้ำตาซึมออกมาอย่างเศร้าในใจ
เวลาค่ำ ลำเจียกนวดบ่าให้หลวงปกรณ์ โดยมีสร้อยทองนั่งขัดเครื่องเพชรเครื่องทองอยู่บริเวณนั้น ลำเจียกมองแอบแซว
"ดูท่าทางคุณพี่จะเอาจริงแหะ"
สร้อยทองยิ้ม
"เตรียมไว้ก่อนเร็วๆนี้คงได้ใช้แน่ๆ แหวนวงนี้ดีไหม หรือสร้อยนี้ล่ะ สวยมั๊ย"
ลำเจียกยังไม่ทันตอบ เทพไทกลับเข้ามาในห้องสร้อยทองถาม
"ไปส่งหนูรัศมีเสร็จแล้วรึ พ่อเทพ"
"ครับคุณแม่"
"เข้ามานั่งก่อนสิพ่อเทพ ดูแม่เราสิเห่อใหญ่เลยเตรียมเครื่องเพชรไว้ใส่วันงานมงคลแล้วนะเนี่ย"
เทพไทหน้าเจื่อน สร้อยทองหันมาเห็นทัก
"เป็นอะไรไปรึพ่อเทพ"
"ผมรู้ว่าคุณแม่กำลังทำอะไร ผมยังไม่พร้อมที่จะออกเรือนหรอกครับ"
หลวงปกรณ์เสียงดุดันขึ้นมา
"ทำไมรึ....คราวนี้จะอ้างเหตุผลอะไรล่ะ"
"แม่ตั้งใจหาคนดีที่สุดให้กับพ่อเทพนะลูก"
"แต่ผมกับรัศมีไม่ได้รักกันนะครับ"
หลวงปกรณ์บอก
"ของแบบนี้ก็ค่อยๆเรียนรู้กันไปก็ได้นี่"
"การมีคู่ครองมันต้องมาจากความรักไม่ใช่เหรอครับคุณพ่อ"
หลวงปกรณ์เห็นเทพไทบ่ายเบี่ยงตลอดเวลา นึกถึงภาพที่เทพไทอยู่กับดอกแก้วแล้วจี๊ดที่ใจ
"แกตอบแบบนี้เหมือนว่าแก รักใคร อยู่งั้นรึ"
หลวงปกรณ์มองคาดคั้นคำตอบจริงๆ เทพไทนิ่งทำกลบเกลื่อนความรู้สึกตัวเอง แต่ไม่ตอบ
สร้อยทองมองพ่อกับลูกดูท่าทางดูตึงเครียดเกินเหตุ
"เอาล่ะๆ ค่อยๆดูกันไปก็แล้วกัน แม่ไม่ได้เร่งรัดอะไร ที่คุณพ่อถามเพราะแม่เซ้าซี้ อยากให้ลูกออกเรือนสักทีน่ะ"
สร้อยทองยิ้มปริ่มที่หลวงปกรณ์ดูจะเข้าข้างตน ลำเจียกแอบหมั่นไส้เล็กๆ
"ขอบคุณคุณหลวงที่เข้าใจหัวอกน้องนะคะ"
"ฉันตามใจเธอทุกอย่างแหล่ะแม่สร้อยทอง"
สร้อยทองเขินอาย ลำเจียกบีบนวดไปงั้นๆ
หลวงปกรณ์จับมือลำเจียกให้หยุด
"ไปกันเถอะลำเจียก ฉันอยากจะเอนหลังสักพัก"
ลำเจียกยิ้มเหนือ
"ค่ะคุณพี่"
หลวงปกรณ์พาลำเจียกเดินออกไป สร้อยทองมน้อยใจ เทพไทเข้าใจหัวอกผู้เป็นแม่ดี สร้อยทองทำเป็นยิ้มกับลูกชายชวนเลือกแหวน เทพไทอึดอัด
เช้าวันใหม่ เชิดเช็ดรถอยู่ที่หน้าบ้าน ลำเจียกลงมาจากตึกพร้อมหลวงปกรณ์ที่กำลังจะออกไปทำงาน เชิดเปิดประตูให้คุณหลวงนั่ง เข็มส่งกระเป๋าทำงานให้กับเชิด แล้วเดินกลับไปที่เรือน
ก่อนคุณหลวงจะปิดประตูรถชะโงกหน้ามายิ้มให้ลำเจียก
"แม่ลำเจียกอย่าลืมเรื่องสอนงานบ้านงานเรือนให้แม่ดอกแก้วด้วยล่ะ"
ลำเจียกกำลังหัวใจพองโตก็เหี่ยวลงนิดนึงตรงที่หลวงปกรณ์ไม่ได้นึกถึงแต่นางคนเดียว
"ไม่ลืมหรอกค่ะ ถ้าแม่ดอกแก้วพร้อมเรียนรู้ น้องก็พร้อมจะสอนค่ะ"
" อืม...ดี"
หลวงปกรณ์ปิดประตูลง เชิดขับรถออกไป ลำเจียกมองตาม
สร้อยทองยืนมองอยู่ที่ระเบียงเห็นรถคุณหลวงขับออกไป สายตานั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดเคียดแค้นโมโห หาใช่แม่พระยามอยู่ต่อหน้าคนอื่นไม่
ศรีที่อยู่ใกล้ๆเผลอพูด
"ดูสิเจ้าคะ คุณสร้อยทอง ดูคุณลำเจียกสิยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลย เห็นว่าคุณหลวงจะ ให้แม่ดอกแก้วร่ำเรียนการเรือนกับครูลำเจียกด้วยนี่คะ แบบนี้คุณลำเจียกก็มีพวกน่ะสิคะ ดูเหมือนนังดอกแก้วจะเข้าข้างคุณลำเจียกนะคะ"
สร้อยทองปรับสีหน้าเป็นปกติ
"บ้านนพรัตน์ไม่มีแบ่งพวกเมียนั้นเมียนี้หรอก เราทุกคนก็เมีย ใครอยากอยู่ฝ่าย ใครก็ช่างเถอะ ชั้นเป็นเมียเอก เมียแต่ง เมียถูกต้อง ฉันไม่สนใจเรื่องพวกนี้หรอก"
สร้อยทองพูดจบเดินออกไป ศรีมองตามงงๆในอารมณ์คุณสร้อย
ระหว่างที่รถเชิดขับออกไปยังประตูหน้าบ้าน ดอกแก้วโผล่มาจากทางหนึ่ง หลวงปกรณ์เห็นเลยบอกให้เชิดจอดรถ
"นายเชิดจอดรถเดี๋ยว"
"ดอกแก้ว"
" คะคุณหลวง"
หลวงปกรณ์ราชกิจลดกระจกลงบอกกับดอกแก้ว
"ฉันไปทำงานละนะดอกแก้ว ฉันบอกแม่ลำจียกให้แล้วนะว่าเธอจะไปเรียนการเรือนด้วยน่ะ"
"ขอบพระคุณค่ะคุณหลวง"
หลวงปกรณ์ยิ้มให้ดอกแก้วก่อนจะพยักหน้าให้เชิดขับรถออกไป
ดอกแก้วมองตามรถที่วิ่งไป หันกลับมาเจอลำเจียกยืนอยู่
"มาโผล่ถูกที่ถูกเวลาเหลือเกินนะ"
ดอกแก้วก้มหน้า
"ขอโทษค่ะถ้าแก้วทำให้คุณลำเจียกไม่พอใจ แก้วแค่จะมาบอกคุณลำเจียกว่า นายไหลที่คุณให้ไปตาม เขามารอที่เรือนครัวแล้วค่ะ แก้วให้เข้าทางข้างบ้าน หลวงปกรณ์ท่านไม่เห็นจะได้ไม่เข้าใจผิดไป"
ลำเจียกพูดห้วนๆ "ขอบใจ" พอจะเดินออกนึกได้หันมา "อ่อ..ถ้าพร้อมจะเรียนเมื่อไหร่ก็ตามไปเรือนครัวแล้วกันนะ"
ลำเจียกเดินออกไป ดอกแก้วถอนหายใจโล่งอกที่ไม่มีการปะทะด้วยคำพูดอีก
อีกมุมหนึ่ง สร้อยทองมาดักเจอลำเจียกที่เดินมา
"มีอะไรเหรอคะคุณพี่ เมื่อกี๊ก็ไม่เห็นไปส่งคุณหลวงไปทำงาน"
สร้อยทองทำยิ้มแย้ม
สร้อยทองฉันเห็นแล้วล่ะ ก็เห็นว่าเธอทำหน้าที่เมียได้ดี เมียอย่างฉันก็สบายใจไม่เหนื่อย ขอบใจนะ
ลำเจียกอึ้งไป จะเลี่ยงขี้เกียจต่อปากต่อคำ สร้อยทองเรียกไว้
"เดี๋ยวสิแม่ลำเจียก"
"มีอะไรคะคุณพี่"
สร้อยทองหัพยักหน้าเรียกศรีมาใกล้ๆ ศรีถือแก้วยาเข้ามา
"ที่ไม่ลงมาส่งคุณหลวงเพราะเตรียมยาให้หล่อนนี่แหล่ะ ดื่มเสียสิ ตอนร้อนๆ คล่องคอนัก"
แต่ลำเจียกยังไม่อยากดื่มเพราะได้กลิ่น แรงกว่าทุกครั้ง สร้อยทองเกลี้ยกล่อมให้ดื่มเดี๋ยวนั้น
"คุณหลวงสั่งให้ฉันทำให้หล่อนเพราะเห็นว่าหล่อนดูซูบๆไป ถ้าหล่อนไม่ดื่มฉันคงต้องบอกคุณหลวง"
อ่านต่อหน้าที่ 4
ดอกซ่อนชู้ ตอนที่ 10 (ต่อ)
สร้อยทองทำท่าจะหันกลับ ลำเจียกรีบพูด
"ดื่มก็ได้ค่ะคุณพี่"
สร้อยทองยิ้มหันมาหยิบแก้วยาส่งให้ ลำเจียกรับแก้วยา จำใจต้องดื่มจนหมด สร้อยทองยิ้ม
"เดี๋ยวมื้อเย็นฉันจะเตรียมให้หล่อนอีกแก้ว ทานให้คุณหลวงเห็นต่อหน้าเพราะคุณหลวงสั่งไว้"
ลำเจียกยิ้มดีใจที่คุณหลวงนึกถึง
"ค่ะคุณพี่ น้องขอตัวนะคะ"
ลำเจียกเดินออกไป สร้อยทองยิ้มสบายใจแล้ว
"เอาถ้วยยาไปล้างอย่าให้ปะปนกับของอื่น"
"ค่ะคุณ"
สร้อยทองออกไป ศรีเห็นว่ายาเหลืออยู่หน่อย เลยเทใส่แจกันดอกไม้แถวนั้น แล้วออกไป
สารภีแต่งตัวออกมาจากห้อง เห็นโกสุมกับเพิ่มพูนนั่งหน้าเครียดกันอยู่ในบ้าน สารภีแปลกใจ
"มีเรื่องอะไรกันเหรอคะคุณแม่"
"ก็เรื่องหนี้ของพ่อแกไง"
"ทำไมเหรอคะคุณพ่อ"
"เค้าไม่ยอมให้ผ่อนผันน่ะสิ " เพิ่มพูนอารมณ์เสีย "ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเข้าตาจนแบบนี้ เลย โธ่เว้ย...!"
เพิ่มพูนมองหน้าสารภียิ่งทำให้โมโห เดินลุกหนีไปบ่นไป
"ไฟก็ไหม้บ้าน เงินทองก็ไม่มีเหลือหลอ ซวย ซวยจริงๆ"
เพิ่มพูนเดินบ่นกลับไปในบ้านสวน พิศถือกระเป๋ามาส่งให้สารภี
"กระเป๋าค่ะ"
สารภีรับกระเป๋ามาเปิดดูไม่มีเงิน
"คุณแม่ สารภีขอเงินติดตัวหน่อยสิคะ จะไปทำงานแต่ไม่มีเงินติดตัว สารภีอาย เค้าน่ะค่ะ"
โกสุมอารมณ์เสียเมื่อพูดถึงเงิน
"โอ้ย...จะเอาที่ไหนมาให้แกล่ะ ไม่มีแล้ว บอกให้จับพ่อเทพให้ได้เสียที ตึกแถวหลังนี้ก็ของหลวงปกรณ์ จะได้หาเงินทำทุนเพื่อเปิดโรงพิมพ์ให้พ่อแก พ่อแกจะได้หายบ้าสักที"
สารภีหัวเสียระเบิดอารมณ์เสียงดัง
"สารภีก็กำลังทำอยู่นี่ไงคะ ทั้งหน้าด้านหน้าทนสารพัดแต่ก็ยังถูกพี่เทพตัดเยื่อใย ไม่เหลือชิ้นดีแล้วคุณแม่จะให้สารภีทำยังไงอีกคะ"
โกสุมอึ้งกับสิ่งที่ลูกเล่า
"เดี๋ยวๆๆ เมื่อกี้แกว่าพ่อเทพตัดเยื่อใยหมายความว่าไงกัน ก็พ่อกับแม่เคยพูดคุย กับคุณหลวงเรื่องดองเป็นทองแผ่นเดียวกัน คุณหลวงก็เห็นดีเห็นงามด้วยแล้วทำไมถึงได้"
"พี่เทพบอกว่าไม่ได้รักสารภีไงคะ ได้ยินชัดแล้วใช่มั๊ยคะแม่"
โกสุมร้อนใจ
" ทำไมพ่อเทพกล้าพูดขนาดนั้น พ่อเทพรักใครอยู่หรือเปล่า"
สารภีมองหน้าแม่
" จะรักใครก็ช่าง สารภีรักพี่เทพ สารภีจะเอาให้ได้"
"แล้วแกจะทำยังไง"
สารภีหน้าเชิด
ดอกแก้วเดินผ่านมาตรงทางที่ลำเจียกกับสร้อยทองคุยกัน
"คุณดอกแก้วจะตามไปเรือนครัวขอเรียนวิชาจาก คุณลำเจียกจริงๆเหรอคะ"
ดอกแก้วพยักหน้า
"จริงสิ ทำไมรึเอี้ยง"
"คุณลำเจียกร้ายกับคุณจะตาย คุณดอกแก้วทำดีกับคุณลำเจียกแท้ๆ ยังโดนแขวะหาว่าจุ้นจ้านเสียด้วยซ้ำ"
" ทำอะไรดีได้ก็ทำ อยู่บ้านนี้ถ้าเห็นแต่มุมดุดันร้ายกาจของคนอื่นก็ทุกข์ใจเปล่าๆ เลือกมองแต่มุมดีๆของเขาดีกว่า"
เอี้ยงอ้าปากค้าง ไม่อยากเชื่อว่าจะมีคนคิดดีแบบนี้อยู่อีก
"คุณดอกแก้วมองคนในแง่ดีจังเลยนะคะ เอี้ยงนับถือคุณจริงๆเลย"
ดอกแก้วยิ้มๆ ทั้งคู่เดินผ่านแจกันดอกไม้ เห็นดอกไม้เหี่ยว
"อะไรกัน เมื่อวานเพิ่งตัดมาปักแจกัน เหี่ยวเร็วจัง"
เอี้ยงเข้าไปดูใกล้ๆ
"จริงด้วยค่ะ"
"งั้นเอาแจกันไปล้างแล้วหาดอกใหม่มาเปลี่ยนดีกว่าจ้ะ"
"ค่ะคุณแก้ว"
เอี้ยงหยิบแจกันดอกไม้แล้วเดินตามดอกแก้วไป
ดอกแก้วกับเอี้ยง เดินไปเจอลำเจียกกำลังทรุดๆหน้ามืดเหมือนจะเป็นลม อึ่งเอะอะโวยวาย
"ว๊าย...ตายแล้วคุณลำเจียกเป็นลม ช่วยทีเร็ว"
ดอกแก้วจะเข้าไปช่วย
"คุณลำเจียก"
อึ่งรีบวิ่งเข้ามากันไม่ให้เข้าใกล้
"ไม่ต้องๆๆ"
"คุณลำเจียกเป็นอะไรไปคะ ไปหาหมอดีกว่าค่ะเดี๋ยวแก้วพาไปอาสา"
"ไม่เป็นไร ฉันไปเองได้" ลำเจียกบอกอึ่ง "ไปเรียกนายไหลมาพาฉันไปที"
ดอกแก้วเป็นห่วง
"ให้แก้วพาไปเถอะนะคะ คราวก่อนหลวงปกรณ์ไม่พอใจที่คุณไปกับนายไหลแก้วเกรงว่า...."
ลำเจียกขมึงตา
"ใช่เรื่องที่เธอต้องสู่รู้มาเตือนฉันหรือ นายไหลเป็นคนของฉัน หรือจะเป็นเธอที่ปั้นเรื่องไปฟ้องคุณหลวง"
ดอกแก้วเลยต้องเงียบ
อึ่งวิ่งนำหน้านายไหลมา
"นายไหลมาแล้วค่ะคุณ"
นายไหลถามลำเจียก
"ได้เวลาไปซื้อของเตรียมทำบุญกระดูกให้คุณพ่อคุณแม่ของคุณลำเจียกแล้วใช่ไหมครับ"
ดอกแก้วได้ยินถึงได้รู้ว่า ลำเจียกให้เรียกตัวนายไหลมาทำไม
"แต่ตอนนี้คุณลำเจียกป่วยเสียแล้วล่ะ แก้วไปเป็นเพื่อนคุณนะคะ"
"วันครบรอบวันตายของพ่อแม่ฉัน ฉันทำเองได้ นายไหลพาฉันไปหน่อย"
ไหลเป็นห่วงเห็นว่าลำเจียกป่วย
"เอ่อ...ผมว่าให้คุณลำเจียกหายป่วยแล้วค่อยไปทำบุญก็ได้นะครับ"
"ฉันจะไปวันนี้ เดี๋ยวนี้"
ลำเจียกโมโหยันตัวลุกขึ้นเอง นายไหลรีบเข้าประคอง ดอกแก้วเป็นห่วง เลยวิ่งหาผ้าหาร่มให้
"เดี๋ยวค่ะ เอาร่มไปด้วยนะคะข้างนอกแดดแรง"
ลำเจียกไม่รับ ดอกแก้วเอาร่มยัดใส่มือนายไหลแทน
"ฝากนายไหล ดูแลคุณลำเจียกด้วยนะจ๊ะ"
"ครับ"
ลำเจียกเห็นความห่วงใยของดอกแก้ว แต่ก็ไม่วายทำนิ่งเฉยเดินออกไป ดอกแก้วมองตามเป็นห่วง
เชตนั่งรออยู่ที่รถ สารภีเดินเข้ามา เชตเห็นรีบกระเด้งขึ้นยืนนอบน้อม สารภีมองหาเทพไท
"คุณเทพล่ะ"
"ออกไปทำงานตั้งแต่เช้าแล้วล่ะครับ เห็นว่าคุณไม่ออกมาสักที คุณเทพเลยออกไปก่อน"
สารภีเชิดๆ
"งั้นไปส่งฉันกับคุณแม่ทีฉันจะไปทำธุระ"
สารภีมองหน้ากันโกสุม
"ไปส่งฉันที่โรงแรมแร๊กซ์ แล้วแกก็พาคุณแม่ไปพาหุรัดที"
"ขอรับกระผม เชิญขอรับ"
เชตเปิดประตูให้สารภีกับโกสุมนั่ง แล้วปรับกระจกหลังมองหน้าสารภีแอบยิ้มชื่นชอบในความสวย สารภีหน้าร้ายมีแผนการ
เทพไทกำลังจะเดินไปแผนกตรวจคนไข้ เจอหัวหน้าสารภีเดินตรงมาถาม
"คุณสารภีป่วยเป็นอะไรมากหรือเปล่า เห็นโทรมาลาป่วย"
เทพไทคิดๆ
"เอ..ป่วยเหรอครับ"
"เห็นบอกไม่สบายมาก"
เทพไทงงๆ แต่ไม่ได้บอกความจริงไป ก็อ้อมแอ้มรับไป
"คงจะป่วยมั๊งครับ"
"ฝากดูแลสารภีให้หายไวๆทีนะ อีกไม่กี่วันนายฝรั่งก็จะส่งเจ้าหน้าที่ฝรั่งมาเริ่มงาน ที่โรงพยาบาลแล้ว เราต้องอาศัยคุณสารภีอีกเยอะ"
"ครับผม"
หัวหน้าสารภีเดินออกไป เทพไทมึน เป็นอะไรของเค้านะ พอดีมีเจ้าหน้าที่มาเรียกเทพไทไปรับโทรศัพท์
"คุณเทพรับโทรศัพท์ที่หน้าห้องด้วยครับ"
"อ่อ..ครับๆ"
พนักงานโรงแรมพูดโทรศัพท์
" คุณหมอเทพไทเหรอครับ"
"ครับผมเทพไทครับ"
"พอดีผมค้นเจอนามบัตรคุณสารภีในกระเป๋า เธอเมาไม่ได้สติเลยครับ แล้วก็อาเจียน ดูท่าอาการไม่ดี ผมกลัวเธอจะช็อกหมดสติน่ะครับ ช่วยมาดูหน่อยได้ไหมครับ"
เทพไทฟังด้วยความเป็นห่วง
"อยู่โรงแรมไหนครับ"
เทพไทฟังชื่อโรงแรม
"ครับๆ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้ครับ"
เทพไทวางสายรีบออกไป
เทพไทรีบหุนหันออกไป สวนกับเพื่อนๆ ทศกับโชคชัยเดินเข้ามาเรียกไว้
"เฮ้ยไอ้เทพ จะรีบร้อนไปไหนวะ"
"มีคนโทร.มาบอกสารภีป่วยหนักเลยจะรีบไปดู เอ่อ..มีใครว่างไปด้วยกันหน่อยได้ไม๊ วันนี้ผมไม่ได้เอารถมา"
"โอ้ว ผมติดคนไข้น่ะสิ" โชคชัยบอก
"ผมก็เข้าเวร เอางี้เอารถของเราไปเลยแล้วกัน" ทศว่า
ทศส่งกุญแจรถให้ เทพไทรับไป
"เออ..ขอบใจว่ะเพื่อน"
เทพไทรีบออกไป
พนักงานเดินมาส่งเทพไทที่ห้อง เบอร์ 69
"คุณผู้หญิงอยู่ห้องนี้แหล่ะครับ"
"ขอบใจมาก"
"คุณผู้หญิงเมามาก เอ่อ ทำเลอะเทอะ เราไม่กล้าทำอะไร เลยพามาพักที่ห้องพัก เธอร้องเรียกแต่ชื่อคุณ"
เทพไทตัดบท
"เดี๋ยวผมจัดการเอง ขอบใจมาก"
พนง.โรงแรมออกไป เทพไทเข้าห้องไป
เทพไทเข้ามาในห้องมองเห็นสภาพสารภีที่นอนสะบัดตัวเมามาย ได้ยินเสียง
"นั่นคราย พี่เทพใช่ไหม .... ไม่สิ พี่เทพไม่สนใจฉัน"
สารภีเมาจะอ้วก จะลุกไปห้องน้ำก็แทบล้ม เทพไทต้องประคองไปห้องน้ำ
ในห้องน้ำ สารภีก็มารยา ทำอ้วกที่อ่าง
"พี่เทพ...ฮือๆๆพี่เทพเกลียดสารภี"
เทพไทพยายามเรียกให้สารภีได้สติ
"สารภี ...นี่พี่เทพนะ สารภีทำไมเมาแบบนี้ สารภีมีสติหน่อยสิ"
สารภีสะบัดตัวออกจากเทพ ทำเป็นเซไปที่ฝักบัว เปิดฝักบัวราดตัวเองจนเปียก
"ฮ่าๆ แบบนี้จะได้มีสติ...สติ... จะมีสติทำไมในเมื่อพี่เทพไม่รักสารภี ฮือๆ"
แต่แล้วก็ทำเป็นหนาว เทพไทมึน
"โธ่เอ๊ยสารภี... เรื่องแค่นี้เธอต้องเมาด้วยหรือ"
สารภีทำเป็นเมามาก ไม่ได้ฟังว่าเทพไทพูดอะไร
เทพไทหาผ้าเช็ดตัวมาคลุม แล้วพาสารภีออกจากห้องน้ำ สารภียังทำหนาว
"หนาว...สารภีหนาวเหลือเกิน"
เทพไทนึกออก เห็นเสื้อผ้าสารภี ยังใส่เสื้อผ้าเปียกอยู่ ก็หันไปจะไปปิดแอร์ หันมาอีกที สารภีถอดเสื้อผ้าเปียกออกแล้ว
เทพไทอึ้ง รีบหยิบผ้าเช็ดตัวคลุมให้
"สารภีทำไมทำแบบนี้ สารภีหยุดเดี๋ยวนี้นะ"
สารภีปัดออก จังหวะปัดยื้อผ้า สารภีเอนซบอกเทพไทแล้วผลักลงนอนเตียง
เทพไทนิ่งงัน ก่อนจับจะตัวสารภีให้พลิกลงนอนบนที่นอน สารภีโอบตัวเทพไทไว้กลายเป็นเทพไทพลิกมาอยู่บนตัวสารภี
สารภีอยู่บนอกของเทพไทสายตาสองคนประสานกัน
"พี่เทพ สารภีรักพี่เทพเหลือเกิน"
สายตาสองคนมองกัน
โกสุมโผล่พรวดเข้ามาในห้อง
"ลูกสารภี เป็นยังไง เห็นพนักงานโรงแรมโทรไปหาว่าหนูเมามาก... ว้าย พ่อเทพ ! พ่อเทพทำอะไรน้อง"
นอกห้อง พนักงานโรงแรมมองหน้ากับเชตมองเข้ามาเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น
สารภีได้สติ ลืมตาดูทำตกใจเสียงสั่น
" พี่เทพ พี่เทพ"
อ่านต่อตอนที่ 11