เพื่อนรักเพื่อนริษยา ตอนที่ 2
อัปสรสวรรค์ทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงอย่างเซ็งๆ พลางย้อนนึกถึงเหตุการณ์ในห้องของราศีเมื่อช่วงกลางวันที่ผ่านมา
“อะไรนะ / ว่าไงนะ / คุณพระช่วย”
ราศี เดือนเด่น ปูเปรี้ยว ร้องด้วยความตกใจพร้อมๆ กัน ส่วนอัปสรสวรรค์นั่งอึ้ง ก่อนจะย้อนถามอาทิตย์ที่นั่งอมยิ้มอยู่
“เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ”
“ผมพูดว่า เราจะรับคุณอุไรวรรณเป็นนักข่าวบันเทิงช่อง SUN ทันที ถ้าคุณยอมเล่นละครเรื่องใหม่ของเราประกบกับคุณฮันนี่”
ซุปตาร์สาวทำหน้านิ่ง เดือนเด่นรีบค้าน
“ไม่ได้นะคะคุณพี่ราศี ลูกฟ้าจะต้องเป็นนางเอกนำเดี่ยวๆ คนเดียว ดิฉันไม่ยอมให้ใครมาเล่นประกบลูกสาวดิฉันเด็ดขาดนะคะ”
ราศีเองก็อึ้งไม่แพ้กัน ได้แต่เหลือบมองปูเปรี้ยว ที่ทำท่าโบกมือเป็นเชิงห้าม
“ตาทิตย์ พูดอะไร นี่มันเรื่องงานไม่ใช่เรื่องล้อเล่น” ราศีหันมาตำหนิลูกชาย
“ผมไม่ได้ล้อเล่น และผมก็กำลังพูดเรื่องงานล้วนๆ ลองคิดดูสิครับ เมื่อฮันนี่และนางฟ้า ซุปตาร์ 2 ดวง ของช่อง SUN โครจรมาปะทะฝีมือกันไม่ใช่งานธรรมดา แต่ว่า “งานใหญ่” แน่ๆ”
ราศีกับปูเปรี้ยว หันมองหน้ากัน
เดือนเด่นอ้าปากจะค้านต่อ “แต่ว่า..”
อัปสรสวรรค์พูดแทรกขึ้นมาทันที “โอเค. ค่ะ ฉันตกลง”
ราศี เดือนเด่น ปูเปรี้ยว ตกใจ อัปสรสวรรค์พูดย้ำ
“แต่ทุกคนต้องรับปากว่า ข้อตกลงนี้จะเป็นความลับ ห้ามให้ใครรู้ โดยเฉพาะอุไร”
พูดพลางมองหน้าอาทิตย์อย่างเอาจริง ฝ่ายหลังนั่งยิ้มสบายใจ
อัปสรสวรรค์คิดถึงตรงนี้ก็ถอนใจเฮือก พอเดือนเด่นก็เปิดประตูผลัวะเข้ามา เธอก็รีบนอนหงายผึ่งดึงผ้าห่มมาคลุมตัวทันที ผู้เป็นแม่รู้ทัน รีบพุ่งมาดึงผ้าห่มออก
“ไม่ต้องเลย ลุกขึ้นมาคุยกับแม่ก่อน”
“แม่คะ หนูง่วง”
เดือนเด่นหน้าเครียด “แต่แม่นอนไม่หลับ เพี้ยนรึเปล่าถึงได้จะเล่นละครประกบยัยฮันนี่อะไรนั่น”
อัปสรสวรรค์อึกอัก “แม่คะ อุไรเค้า..”
“ยิ่งแล้วใหญ่ ยัยอุไรนั่นมันก็ทะเลาะกับลูกจนเลิกคบกันไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วลูกจะไปยุ่งกับมันทำไม ฟังแม่นะ แม่ทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อให้ลูกแม่เป็นที่หนึ่ง ลูกของแม่ต้องเป็นที่หนึ่งและหนึ่งเดียวเท่านั้น ลูกของแม่ต้องเหนือทุกคน ชนะทุกคน”
“แม่คะ มันก็แค่ละคร”
ฝ่ายลูกสาวพยายามพูดอ้อน แต่ผู้เป็นแม่ยืนยัน
“ไม่ได้ จะแค่อะไรก็ไม่ได้ จะชีวิตจริงหรือละครแม่ก็จะยอมให้ใครมาเหนือเราไม่ได้ แม่จะต้องทำให้พ่อกับอีนังเมียน้อยทั้งหลายมันเห็นว่า เราไม่มีทางแพ้มัน เราอยู่เหนือพวกมัน”
อัปสรสวรรค์มองอย่างเวทนา และสงสารที่แม่ยังคงยึดติดกับเรื่องที่พ่อมีเมียน้อย เธอคว้ามือแม่มากุม และพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง
“แม่คะ หนูขอเรื่องนี้เรื่องเดียว”
เดือนเด่นมองลูกสาวอย่างไม่พอใจ
“นะคะแม่ แค่เรื่องนี้เรื่องเดียว นอกนั้นหนูจะทำตามใจแม่ทุกอย่าง”
เดือนเด่นไม่ตอบ ได้แต่ทำหน้าเซ็งๆ แต่เพียงเท่านี้ อัปสรสวรรค์ก็เดาทีท่าออกว่าแม่ยอมแล้ว
ในเวลาเดียวกัน อุไรวรรณก็กำลังตระเตรียมชุดที่จะใส่ไปช่อง SUN พรุ่งนี้ลงบนเตียง ซึ่งก็คือสูทตัวเดิมตัวเดียวที่มีอยู่ พลางยิ้มกระหยิ่ม
“ไงล่ะ ในที่สุดก็ต้องกลับมาง้อขอให้ฉันกลับไปทำงานด้วย ชิ ทั้งสวย ทั้งเก่งอย่างฉัน ใครไม่เอาก็โง่ล่ะ”
แต่ขณะที่หยิบชุดมาทาบตัวหมุนมา ก็ชะงักเมื่อเห็นแม่ยืนเท้าเอวมองหน้าเอาเรื่องอยู่
“แม่”
อุไรวรรณอ้าปากกำลังจะบอกข่าวดี แต่กลับถูกเพ็ญศรีแว้ดกลับมาก่อน
“นังไร เอาเงิน 5 พันไปไหน ฉันฝากให้จ่ายค่าเช่าบ้านอีป้า แล้วทำไมอีป้ามันมาทวงฉัน ด่าฉันลั่นซอยหา”
อุไรวรรณนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่ยัดเงินใส่มือจริยา
เพ็ญศรีปรี่มาเงื้อมือจะมาตบ “นังลูกเวร แกเอาเงินไปไหน”
อุไรวรรณรีบคว้ามือแม่ไว้ แล้วยิ้มให้ใจดีสู้เสือ
“ ใจเย็นแม่ ฟังก่อนนะ แม่ไปบอกให้อีป้านั่นนะ ว่าเดือนนี้ขอแปะไว้ก่อน”
เพ็ญศรีเงื้อมือจะตบอีก “นังไร”
อุไรวรรณคว้ามือแม่ไว้อีกมือ “แค่เดือนนี้จริงๆ แล้วฉันจะพาแม่ออกไปจากที่นี่ ฉันจะซื้อบ้านใหม่ ใหญ่กว่านี้ สวยกว่านี้ให้แม่ให้ได้”
เพ็ญศรียืนอึ้ง มองหน้าลูกสาวแบบงุนงง ตรงข้ามกับอุไรวรรณที่เชิดหน้าอย่างเชื่อมั่น
ฮันนี่หันขวับมาอย่างไม่พอใจ ทันทีที่รู้เรื่อง
“ไม่ค่ะ ซุปตาร์เบอร์หนึ่งอย่างฮันนี่ ไม่มีความจำเป็นต้องเล่นละครประกบใครทั้งนั้น จริงมั้ยพี่”
ชิวาว่าสะดุ้งเฮือก ก่อนจะเหล่มองราศี และเดือนเด่นที่มองจ้องมา .”เอ่อ ก็จริงอยู่นะค้า”
ฮันนี่ยิ้มหยัน “คิดจะใช้นี่เป็นบันไดให้ดาราเบอร์สองเหยียบขึ้นไปเหรอคะ”
ปูเปรี้ยวตกใจ “ฮันนี่ ทำไมพูดจาแบบนี้”
“ก็พูดแบบนี้จะได้รู้เรื่องกันไปเลยไงคะ ว่าไงคะ ถ้าคิดอย่างนั้น นี่จะบอกว่าคิดผิด อย่าลืมนะคะ ว่า
ยุคนี้มีทีวีตั้งกี่ช่อง แต่ซุปตาร์อย่างนี่มีกี่คน อย่าทำให้นี่อึดอัดดีกว่ามั้ยคะ”
ราศีเสียงแข็งขึ้นมาทันที “ฮันนี่”
“งั้นเราไปหาที่สบายๆ ไม่อึดอัดคุยกันดีมั้ยครับ”
ฮันนี่หันขวับ พอเห็นอาทิตย์ก็อึ้งไปทันที ราศีรีบแนะนำ
“อาทิตย์ ลูกชายของฉันเอง เพิ่งกลับมาจากอเมริกา ไม่สิ กลับมาซักพักแล้ว แต่เพิ่งจะมาช่วยงานแม่”
ฮันนี่ดวงตาวิบวับทันทีก่อนจะทำเป็นเล่นตัวพองาม “ทำไมเราจะต้องคุยกันด้วยคะ”
“ก็เพราะไอเดียนี้ เป็นไอเดียของผมเอง”
ฮันนี่หันขวับทันที “อะไรนะ”
อาทิตย์จ่อหน้ามาใกล้ๆ “คุณกับผม เราควรจะไปหาที่สบายๆ คุยกัน สองต่อสอง”
ทุกคนอึ้งไปตามๆ กัน อาทิตย์ส่งสายตาเจ้าเสน่ห์ ส่วนฮันนี่ก็ทำตาวิบวิบ จ้องมองตอบ
บ๊วยเดินถือเทปมาสเตอร์มาส่งให้ป๋าช้างเซ็นรับทราบก่อนส่งออกอากาศ
“ลงเสียงเรียบร้อยนะ ยัยบ๊วย”
“ค่า ลงเสียงเรียบร้อยค่า ได้แต่ลงเสียงน่ะ เมื่อไหร่จะได้ออกหน้าในข่าวกะเค้ามั่งอ่ะคะป๋า”
บ๊วยทำหน้าอ้อน ป๋าช้างขนลุกซู่
“เฮ่ย อย่าทำหน้างี้ ขนลุก”
“ป๋าอ่ะ”
ทุกคนหัวเราะขำ ยกเว้นนัตตี้ที่พูดเหน็บ แกมเย้ยหยัน
“อัลไลนะ แว่วๆ อัลไลนะ ใครอยากจะออกหน้านะ แหม รอไว้ออกวันฮัลโลวีนดีกว่ามั้ยจ๊ะบ๊วย คนดูอาจจะนึกว่าฉันใส่หน้ากากผี”
บ๊วยสะบัดหน้าใส่ “โห นัตตี้ สวยตายล่ะ”
“สวยสิ พูดเลย ในที่นี้นัตตี้สวยสุด ใครกล้าเถียง” พูดพลางหันไปลูบไล้ปกรณ์ “จริงมั้ยจ๊ะ เป๋าจ๋า”
บ๊วยยกมือท่วมหัว “เพี้ยง ขอให้ฟ้าส่งนักข่าวสวยๆ หน้าใสๆ ลงมาซักคนเถอะว้า จะได้หายซ่า”
ป๋าช้างพยักเพยิด “นู่นไง มานู่นแล้ว”
เรด้าวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
ป๋าช้างพูดล้อๆ “หน้าตาอย่างนี้ มีข่าวเด็ดอีกแล้วใช่มั้ย”
เรด้ายืนหอบแฮ่กๆ พร้อมกับพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะกระชากเทปมาสเตอร์ออกจากมือป๋าช้าง
“เด็ดจิง อันนี้เด็ดจิง เตรียมเอาเทปไปแก้ใหม่ด่วนเลยนังบ๊วย” จากนั้นก็รีบยัดเทปใส่มือบ๊วย
“รับแซบค่า ว่าแต่ “ข่าวเด็ด” อะไรเหรอคะพี่เรด้า”
“มี 2 ข่าว ข่าวนอกกะข่าวใน”
ป๋าช้างทำหน้าเซ็ง “รีบๆ เล่ามาได้แล้ว เยอะจิง”
“ข่าวนอกออกอากาศด่วนนะ ละครเรื่องใหม่ช่อง SUN แซบเว่อร์ๆ เว่อร์วังอลังการเพราะซุปตาร์ฮันนี่ตกลงจะประชันกับซุปตาร์นางฟ้าเป็นครั้งแรก”
ทุกคนตกใจ อ้าปากค้าง “หา / เฮ่ย”
ปกรณ์หันขวับมาฟังแบบอึ้งๆ ป๋าช้างรีบบอกบ๊วย
“จะยืนหน้ายับอยู่ทำไม รีบไปใส่ข่าวนี้ด่วนสิยัยบ๊วย”
บ๊วยตั้งท่าจะวิ่งออก แล้วเบรคเอี๊ยด หันกลับมาถาม
“เดี๋ยวก่อนสิ แล้วข่าวในล่ะพี่เรด้า”
นัตตี้ยิ้มขำ “ข่าวเรด้าโดนปลดล่ะมั้ง”
เรด้ามองค้อน “ จ้า แม่นัตตี้ ก็อาจจะมีโดนปลดกันบ้าง แต่ระวังตัวเองไว้ซักนิดก็ดีนะจ๊ะ”
“ พูดงี้หมายความว่าไง”
“ก็หมายความว่า แผนกเรากำลังจะมีนักข่าวใหม่เข้ามา” เรด้ามองเย้ย “นักข่าวเก่าถั่วเน่าๆ อาจโดนโละได้นะจ๊ะ”
นัตตี้ตกใจ “อะไรนะ ใคร นังนักข่าวใหม่คนนั้นมันเป็นใคร”
“จะว่าไปก็อาจจะคุ้นๆ เพราะเคยเห็นกันมาแว้บๆ มั่งแล้วล่ะ”
นัตตี้ปรี๊ดขึ้นมาทันที “ฉันถามว่าใคร”
“ใจเย็น นางก็คือน้องคนนั้นไง ที่ชื่ออุไรวรรณ”
ปกรณ์อึ้งไปอีกรอบ แอบกังวลใจ
ฮันนี่ยื่นมือไปตรงหน้าอัปสวรรสวรรค์ อีกฝ่ายมองอย่างงงๆ
“นี่ยินดีที่เราจะได้ร่วมงานกัน”
อัปสรสวรรค์ทำหน้าเซ็ง ทุกคนมองลุ้น ยกเว้นอาทิตย์ที่ยืนยิ้มกริ่ม ฮันนี่พูดต่อ
“เพื่อช่อง SUN ของเรา”
อัปสรสวรรค์ยังคงยืนเฉย ปูเปรี้ยวรีบพูดแทรกขึ้นมาเลย
“เออใช่ๆ จริงๆ ก็ดีเหมือนกันนะ ปล่อยรูปจับมือเช็คแฮนด์กันออกไปสร้างกระแสนิดนึงก่อน” พูดพลาง คว้ามือถือมา แล้วดันให้อัปสรสวรรค์ลุกขึ้นจับมือ “น่ะๆๆ นะหนูฟ้า”
:ซุปตาร์สาวจำใจลุกขึ้นจับมือกับฮันนี่ ปูเปรี้ยวรีบกดถ่ายภาพรัว
“น่ารักมาก ภาพประวัติศาสตร์เลยนะคะเนี่ย”
“เสร็จธุระแล้วใช่มั้ยคะ” อัปสรสวรรค์พูดพลางจิกตาไปที่อาทิตย์ “ฟ้าจะได้กลับ”
อาทิตย์ยิ้ม พยักหน้าให้เป็นเชิงว่าเสร็จแล้ว ราศียิ้มสบายใจ
“ก็ต้องขอขอบใจทั้ง 2 คน ทั้งฮันนี่ ทั้งนางฟ้าที่ให้ความร่วมมือกับเรานะจ๊ะ”
ฮันนี่ยิ้มหวาน “ด้วยความยินดีค่ะ”
อัปสรสวรรค์ทำหน้านิ่ง “ฟ้ากลับก่อนนะคะคุณป้า” พูดพลางยกมือไหว้ราศี ปูเปรี้ยว แล้วเดินออกโดยไม่สนอาทิตย์ ก่อนจะหยุด แล้วหันมาบอกย้ำ “อย่าลืมทำตามข้อตกลง”
อาทิตย์พยักหน้ายิ้มๆ “ผมไม่ลืม”
“ดี”
อัปสรสวรรค์คว้าแว่นดำใส่ แล้วเดินออกไปทันที ฮันนี่มองตาม
“เอ่อ ข้อตกลงอะไรคะ”
อาทิตย์รีบบอก “ ผมคงต้องขอเป็นความลับครับ”
ฮันนี่มองค้อน “นี่ก็หวังว่าคุณอาทิตย์จะไม่ลืมข้อตกลงระหว่างเราด้วยเหมือนกันนะคะ”
ขาดคำก็มองอาทิตย์ตาวิบวับ อีกฝ่ายยิ้มให้ ราศีกับปูเปรี้ยวมองตากันแบบสงสัย ว่าคู่นี้ยังไงกัน
อุไรวรรณที่หน้าตาดูสดใสแช่มชื่นมากขึ้นกว่าเดิม แต่ยังคงสภาพหมวยหน้าจืดอยู่ ก้าวเข้ามา พร้อมกับเงยหน้ามองตึก SUN ที่สูงตระหง่าน ด้วยแววตามุ่งมั่น
“ในที่สุด..”
เหยี่ยวข่าวสาวยิ้มอย่างสะใจ ก่อนจะก้าวเดินเข้ามาในตึก ขณะเดียวกับที่อัปสรสวรรค์ที่ใส่แว่นดำเดินอย่างมาดมั่นมาตามทาง
อุไรวรรณเดินมาขึ้นบันไดเลื่อนขึ้น ส่วนอัปสรสวรรค์เดินมาที่บันไดเลื่อนลง
พอทั้งคู่มองเห็นกัน ก็ชะงักงันนิดหนึ่ง พูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองหน้ากัน
ขณะบันไดเลื่อนขั้น-ลงกำลังจะสวนกัน อัปสรสวรรค์ถอดแว่นออกมองอุไรวรรณ อีกฝ่ายมองตอบด้วย สายตาเชิดหยิ่ง
บันไดเลื่อนขึ้น-ลงจนสุดทาง อัปสรสวรรค์ตัดสินใจวิ่งขึ้นบันไดเลื่อนอย่างเร็วขึ้นไปเรียกอุไรวรรณให้หยุดเดิน
“อุไร เดี๋ยว อุไร”
อุไรวรรณหยุดเดิน ค่อยๆ หันมามองช้าๆ 2 คนมองหน้ากัน
“มาทำอะไรที่นี่เหรอ?” อัปสรสวรรค์พูดทัก
อุไรวรรณเชิดหน้าตอบ “ฉันเป็นนักข่าวที่นี่”
“อ่อ ดีใจด้วยนะ”
เหยี่ยวข่าวสาวยิ้มหยัน “แน่ใจเหรอ”
อัปสรสวรรค์ เสียงอ่อน “ไร”
“ฉันถามว่าแน่ใจเหรอ แน่ใจจริงๆ เหรอว่าแกดีใจกับฉัน ที่ถามเนี่ยก็เพราะฉันไม่แน่ใจว่าแกจะหายจากไอ้โรคหน้าอย่าง ปากอย่าง ใจอย่างรึยัง อ่อ รึว่ามันเป็นสันดานที่ไม่มีวันหาย”
ซุปตาร์สาวได้ยินก็นิ่งอึ้งไป อุไรวรรณเดินเข้ามาพูดต่อหน้า
“เด็กเส้น ภูมิใจมากมั้ยที่เป็นเด็กเส้นตั้งแต่เล็กจนโต ได้ดีกว่าคนอื่น เพราะใช้เส้นพ่อแม่ ฉันจะทำให้แกเห็นว่าคนไม่มีเส้นอย่างฉัน ซักวันต้องได้ดีกว่าแก”
อัปสรสวรรค์ยิ่งอึ้งหนัก อุไรวรรณเดินมาจ้องหน้า
“เตรียมตัวไว้ แกกับฉัน ได้เจอกันอีกแน่”
พูดจบก็หันหลังเดินออกไป ปล่อยให้อีกฝ่ายอึ้งอยู่ตรงนั้น ก่อนจะหันหลังทำท่าจะเดินออกไป แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นปกรณ์ยืนมองอยู่
อัปสรสวรรค์ถอนใจเฮือก
ปกรณ์เดินนำอัปสรสวรรค์ จนมาหยุดยืนที่หน้าห้องล้างรูป ฝ่ายหลังมองแบบงงๆ
“อะไรเนี่ย?”
“อ้าว ตะกี๊บอกอยากหาที่เงียบๆ คุย”
ซุปตาร์สาวมองหน้านิ่งๆ ตากล้องหนุ่มยักคิ้วแผล่บ
ปกรณ์นำอัปสรสวรรค์เข้ามาในห้องล้างรูป ฝ่ายหลังดูตื่นตากับบรรยากาศวินเทจภายในห้องมืด
“เท่อ่ะ”
“จริงเหรอ ชอบเหรอ”
ซุปตาร์สาวยิ้มรับ “จริง ชอบ เดี๋ยวนี้มีใครเค้าใช้ฟิล์มถ่ายรูปกันล่ะ”
“มี้ ทำไมจะไม่มี คนเท่ๆ เค้าใช้กัน”
อัปสรสวรรค์ยิ้มขำ ก่อนจะผลักหน้าปกรณ์เบาๆ ด้วยความหมั่นไส้ “ย่ะ เท่ที่สุด”
“โอเค. ยิ้มออกแล้วค่อยโอเค.หน่อย”
อัปสรสวรรค์หุบยิ้ม พลางถอนใจเฮือก “ไอ้ไรมันยังไม่หายโกรธฉันจริงๆ”
ปกรณ์มองอย่างเห็นใจ
“ต้องทำยังไง มันถึงจะให้อภัยฉัน”
อีกฝ่ายพยายามพูดปลอบ “น่ะ ให้เวลาจัดการ เดี๋ยวก็ดีเอง”
“เวลาเหรอ? นี่เวลามันก็ผ่านมาตั้งนานแล้วนะ”
เธอพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะย้อนนึกถึงเรื่องในอดีตเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา
อัปสรสวรรค์วิ่งไล่ตามอุไรวรรณที่ร้องไห้ออกมาจากห้องประชุมหลังจากรู้ว่าไม่ได้รับทุนการศึกษาปีสุดท้าย โดยมีจริยากับปกรณ์วิ่งตามมาด้วย
“ไร รอก่อน แกต้องฟังฉันก่อน”
อุไรวรรณ หันมาตะคอกใส่
“ฟังอะไร ต้องฟังอะไร ในเมื่อแกเพิ่งทำให้ฉันเห็น เห็นว่าแกมันไม่ใช่เพื่อนฉัน แกหักหลังฉัน แกแย่งฉัน แกมันไม่ใช่เพื่อนฉัน”
“ฉันไม่รู้เรื่องจริงๆ นะแก ฉันไม่รู้เรื่องเลยจริงๆ”
“เลิกแอ๊บได้แล้วอีนังฟ้า แกมันอีนังแม่มด”
จริยาพยายามพูดห้าม “เฮ่ย เจ้ใจเย็น”
อุไรวรรณหันมาแว้ดใส่ “แกก็ระวังเหอะนังจิ๋ว คนจนๆ อย่างพวกเรา มันยังคิดจะแย่งไปซะทุกอย่าง วันนึงมันคงส่งคนมาเผาสลัมไล่ที่แกหรอก”
อัปสรสวรรค์เริ่มไม่พอใจ “เกินไปแล้วนะไร ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่รู้เรื่อง”
“งั้นก็รู้ไว้ซะว่าฉันไม่มีวันจะเป็นเพื่อนกับแกได้อีกต่อไปแล้ว คนรวยล้นฟ้าอย่างแก ยังแย่งได้แม้กระทั่งทุนการศึกษาของเพื่อน ฉันกะแกขาดกัน ฉันเกลียดแก ฉันเกลียดแก อีเพื่อนเลว”
ขาดคำอุไรวรรณก็ผลักอัปสรสวรรค์กระเด็น แล้ววิ่งออกไป ปกรณ์กับจริยารีบมาประคองเพื่อน
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ อัปสรสวรรค์ก็นั่งซึม
“แม่ฉันไม่น่าเลย อยากให้ลูกมีโปรไฟล์สวยๆ รวยกว่าใคร เก่งกว่าใคร เด่นกว่าใคร ขนาดได้ทุน “นักศึกษาดีเด่น” แล้วเป็นไง”
ปกรณ์ตบไหล่เบาๆ เป็นเชิงปลอบ “น่า แม่แกเค้าก็หวังดี”
“เป๋า ในชีวิตนี้ แกเคยพูดถึงใครไม่ดีมั่งมั้ยเนี่ย”
“อ่าว ก็มันจริง”
อัปสรสวรรค์พบักหน้าน้อยๆ “จริง”
ปกรณ์ลอบมองความสวยของอีกฝ่ายจนเพลิน โดยที่เธอไม่รู้ตัว
พออัปสรสวรรค์พูดต่อ ปกรณ์ก็แอบสะดุ้ง
“โอเค. ฉันเชื่อแกเป๋า ปล่อยให้เวลาจัดการ ว่าแต่จะอีกนานมั้ยวะ”
ปกรณ์ทำท่าคิด “ก็น่าจะ.. ชาตินี้แหละ”
“ไอ้บ้า”
อัปสรสวรรค์ทุบอั้กเข้าให้ ปกรณ์คลำไหล่ตัวเองป้อยๆ
“โอ๊ย เอาวะ ถ้าฟ้าขำได้ก็คุ้ม”
ซุปตาร์สาวมองเพื่อนอย่างซึ้งใจ ก่อนจะกอดคอปกรณ์หมับ
“ขอบใจนะ แกนี่สมกับเป็น “เพื่อนรัก” ของฉันจริงๆ”
ปกรณ์แอบจ๋อยนิดๆ กับคำว่า “เพื่อน” แต่ก็ทำเนียนๆ ไป
อัปสรสวรรค์มัวแต่กอดคอคุยเล่นกับปกรณ์ จนไม่ทันสังเกตเห็นรูปถ่ายตัวเองในอิริยาบทต่างๆ
ที่อีกฝ่ายแอบถ่ายไว้และเพิ่งล้างแขวนไว้อีกมุมหนึ่ง
อาทิตย์นั่งอยู่ในห้องทำงานของราศี กำลังเช็คฟีดแบ็ครูปและข่าวอัปสรสวรรค์จะเล่นละครประกบฮันนี่ตามเว็บต่างๆ พอเห็นกระแสก็ดีดนิ้วเปาะ
“เยี่ยม เว็บแทบล่ม”
ปูเปรี้ยวก้มกดไอจีตาม “จริงด้วยค่ะ ไอจีแทบแตก คอมเม้นต์ถล่มทลาย”
อาทิตย์พูดอ้อนแม่ “อย่างนี้ตาทิตย์ของคุณแม่ สมควรจะได้รถใหม่ซักคันใช่มั้ยครับ”
ราศีมองค้อน “บอกแม่มาก่อนสิว่าไปตกลงอะไรกับยัยฮันนี่”
“เสียใจด้วยจริงๆ ครับ มันเป็นความลับทางธุรกิจ และความสามารถเฉพาะตัวที่เปิดเผยไม่ได้จริงๆ”
“ตาทิตย์ ลูกคงจะไม่ได้ไปยุ่งกับ....”
อาทิตย์ลุกพรวดทันที “ผมหิวแล้ว ไม่มีใครหิวเลยเหรอครับเนี่ย”
“ตาทิตย์” ราศีเสียงเข้ม
“แม่ค้าบ ถึงผมจะหิวแค่ไหน แต่ผมก็ไม่ลืมที่จะ “เลือก” นะครับ”
ปูเปรี้ยวทำเสียงตื่นเต้น “อู่ว์”
“ถ้ายังไม่มีใครหิว ผมขอตัวไปเลือกหาอะไรดีๆ อร่อยๆ ทานก่อนละกันนะครับ”
พูดจบก็จุ๊บแม่ซ้ายขวา ก่อนจะเดินออกไป ราศีส่ายหน้าเอือมๆ ก่อนจะหันมาถามปูเปรี้ยว
“ไง ลูกชายฉัน”
“แซบค่ะ เอ๊ย คือ..ที่สุดอ่ะค่ะ”
ราศีถอนใจเฮือก ส่ายหน้า แต่ก็แอบยิ้ม แววตาภูมิใจในตัวลูกชาย
แววตาอุไรวรรณฉายความมั่นใจ เด็ดเดี่ยว เมื่ออยู่ต่อหน้าป๋าช้าง ที่กำลังป้อนคำถาม
“ถ้าวันนึง คนที่ตกเป็นข่าวฉาวคือใครก็ตามที่เธอรัก อาจจะเป็นญาติพี่น้อง , แฟนเธอ รึว่าเพื่อนเธอ เธอจะทำยังไง?”
“ก็ทำในสิ่งที่ถูกต้องค่ะ”
ป๋าช้างเลิกคิ้วมองก่อนถามต่อ “แล้วตัดสินยังไงว่าถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง”
อุไรวรรณนิ่งคิดหาคำตอบ ป๋าช้างยิ้มน้อยๆ อย่างผู้เข้าใจโลก
“เอาล่ะ คิดไม่ได้วันนี้ก็ไม่เป็นไร ฝากไปคิดละกัน กว่าฉันจะคิดได้ยังตั้งนาน ทุกวันนี้ยังคิดอยู่เลย”
อุไรวรรณมองหน้าป๋าช้างแบบยังไม่เข้าใจ
“เอาเป็นว่ายินดีต้อนรับเข้าร่วมงานอย่างเป็นทางการ จากนี้ในทีม 1เธอคือผู้สื่อข่าวบันเทิงช่อง SUN” อุไรวรรณตัวฟู หัวใจพองโต ป๋าช้างยื่นมือให้ ฝ่ายแรกยกมือไหว้ก่อนจะยกมือเช็คแฮนด์
“ขอบคุณนะคะ หนูจะทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด มันจะต้องดีที่สุด”
ป๋าช้างมองอย่างผู้อารี อุไรวรรณเชิดหน้าอย่างมั่นใจ
นัตตี้กับเรด้ายืนเอาหูแนบประตูห้องเพื่อแอบฟังป๋าช้างคุยกับอุไรวรรณ ขณะที่ปกรณ์กำลังเตรียมอุปกรณ์ทำงาน
นัตตี้หันมาโวยวาย
“อ๊าย อะไรอ่ะพี่กรณ์ ไม่อยากเชื่อเลยป๋าจะรับนังหมวยนั่นง่ายๆ แบบนี้ เด็กเส้นป่าววะ”
กรณ์พยักหน้าหงึก “ชัวร์จ้ะน้องนัต ม้วยหมวย ตาหยีเป็นเม็ดก๋วยจี๊ซะขนาดนั้น ถ้าเบื้องบนไม่สั่งมา ป๋าแกคงไม่รับ”
นัตตี้เบะปาก พลางมองจิกเรด้ากับบ๊วย
“ก็ไม่แน่นะคะพี่กรณ์ที่ป๋าแกรับมาแต่ละคน อื้อหือ”
เรด้าตอกกลับ “หาที่อยู่ใหม่ไว้เลยปะล่ะน้องถั่วเน่า ปากยังงี้ มีหวังได้ตกกระป๋องซักวัน”
นัตตี้ชะงัก ก่อนจะหันมาทำดีกับเรด้าทันที “แหม ยังไงเราก็เพื่อนรักกันนะเรด้า”
“ตอนไหนวะ?
“เราเริ่มงานที่นี่พร้อมๆ กัน ถึงฉันจะได้อยู่เบื้องหน้า แต่เธอก็เป็นเบื้องหลังที่คอยซัพพอร์ตเพื่อนคนนี้เสมอใช่มั้ยจ๊ะ ?” จากนั้นก็หันไปพูดกับบ๊วย “บ๊วยด้วย ฉันหวังว่าเราจะยังเป็นเพื่อนกันแบบนี้ตลอดไปนะจ๊ะ นังหมวยพวกมาใหม่นั่น มันไม่ควรจะมาแรงแซงหน้าพวกเรา ถูกมั้ยจ๊ะ”
เรด้าหันมองบ๊วยเป็นเชิงถามว่าจะยังไงดี ส่วนกรณ์ก็รีบบอก
“โธ่ น้องนัตจ๋า จะไปง้อมันทำไม เชื่อพี่กรณ์เถอะว่าทองแท้น่ะย่อมไม่กลัวไฟ อีกอย่างนักข่าวสวยๆอย่างนี้ใครจะกล้าไล่ออกล่ะจ๊ะ ถ้าเป็นพี่ พี่จะคัดพวกเบื้องหลังโนเนมหน้าตาอัปลักษณ์ออกไปก่อนเลย อยู่ไปก็เปลืองแถมเสียทัศนียภาพ”
เรด้าทำหน้าหยัน “แหม เห็นด้วยเลย ทองแท้ไม่กลัวไฟ ยกเว้นว่ามันเป็นทองชุบล่ะสิ งานนี้ได้สีตกเขียวอื๋อแน่”
ปกรณ์ได้ยินทั้งหมดคุยกัน ก็แอบส่ายหน้าแบบเอือมๆ
จริยาเดินถือห่อก๋วยเตี๋ยว 2 ห่อมาตามทางเดินกลับบ้านในสลัม ทันใดนั้นพวกขี้ยาก็วิ่งหนีตำรวจมาชนจนสาวตัวจิ๋วกระเด็น
“โธ่เว้ย ชนได้ไงวะ คนทั้งคนมองไม่เห็นรึไงวะ”
โวยเสร็จ ก็จะเอื้อมไปหยิบห่อก๋วยเตี๋ยวที่พื้น แต่ช้ากว่าเมฆ ที่ปราดเข้ามาหยิบแล้วโยนอ้อมหลังเอาอีกมือมารับไว้ แล้วจึงส่งคืนให้
“แล้วทำไมไม่รู้จักหลบ เค้าวิ่งไล่กันซะขนาดนั้น มัวใจลอยคิดถึงใครอยู่”
ทั้งคู่เดินคุยกันไปเรื่อยๆ ตามทาง
“จะคิดถึงใคร ก็คิดถึงว่าพรุ่งนี้จะเอาอะไรกินน่ะสิ คิดว่าจะหาเงินที่ไหนไปใช้หนี้เพื่อน คิดว่า..”
เมฆรีบโบกมือห้าม “ พอล่ะๆ มีแต่เรื่องเครียดๆ”
“ใครจะอยากเครียด เฮ้อ! เมื่อไหร่จะรวยๆ สบายๆ นั่งกินนอนกินกะเค้าซักทีน้า”
ทันใดนั้น เก้าอี้ก็ถูกโยนออกมาจากในบ้าน หล่นตรงหน้าทั้งคู่ ก่อนที่เสียงของสมร จะดังลั่นตามมา
“ว้าย หยุดนะ มารื้อบ้านฉันทำไม”
จริยากับเมฆตกใจ
“แย่แล้ว”
2 คน รีบวิ่งเข้าบ้าน ก่อนจะเห็นผู้ชาย 2 คนช่วยกันรื้อหาของมีค่าในบ้าน โดยมีสมรพยายามดึงมือห้าม แต่กลับโดนสะบัดออกจนเซไปชนกับลูกสาว
“นังจิ๋ว รีบโทร. ไปแจ้งตำรวจเลย”
1 ใน 2 หันมาชี้หน้าสมรอย่างเอาเรื่อง “แกกล้าเหรอ”
สมรกลืนน้ำลายอย่างกลัวเกรง จริยารีบดึงแม่หลบมาหลังตัวเอง ก่อนจะหันไปตวาดมันทั้งคู่
“แกออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้นะ”
“ตัวกะเปี๊ยกแค่นี้ทำซ่า ประเดี๋ยวพ่อจับปล้ำซะนี่”
เมฆรีบห้าม “อย่านะเว้ย”
ขาดคำ 1 ใน 2 ก็ต่อยเมฆเปรี้ยงจนลงไปกองกับพื้น จริยารีบปราดไปดูด้วยความเป็นห่วง
“พอแล้ว พวกแกต้องการอะไร”
“ต้องการอะไร?” มันย้อนถามกลับ “ก็ต้องการเงินที่แม่แกไปกู้มาคืนน่ะสิเว้ย”
จริยาชะงัก ก่อนจะหันไปทางแม่ “กู้ ? แม่กู้เงินพวกมันเหรอ”
สมรหน้าเสียแต่ไม่ยอมเสียฟอร์ม จึงพูดแถไป “ก็แค่นิดเดียวเอง”
“นิดเดียวน่ะเท่าไหร่”
สมรพูดปัดส่งๆ “ก็ไม่กี่ร้อย”
มันรีบพูดแทรกขึ้นมา “ใครบอกไม่กี่ร้อย รวมต้นกับดอกเบี้ยที่ไม่เคยจ่ายก็ล่อไป 2 หมื่นแล้ว”
จริยาตกใจ “2 หมื่น”
สมรหันไปโวยวาย “โกงกันนี่หว่า ฉันจำได้ว่ากู้มาแค่ไม่กี่ร้อย ทำไมมันขึ้นเป็น 2 หมื่นได้วะ ฉันไม่มีจ่ายหรอกโว้ย”
เพื่อนรักเพื่อนริษยา ตอนที่ 2 (ต่อ)
พอมันชักมีดออกมาขู่ 2 แม่ลูกก็สะดุ้งกลัว
“ก็ลองไม่จ่ายสิ แกตายไม่มีศพให้ญาติเผาแน่”
จริยาพยายามคิดหาทางรอด ส่วนสมรรีบบอก
“ได้ๆ เพื่อนนังจิ๋วมันรวย เดี๋ยวให้มันไปเอาที่เพื่อนมาให้”
“งั้นก็รีบไปจัดการซะ อย่าลืม ฉันต้องได้เงินก่อนเที่ยงคืน”
พวกมันหันมาพยักหน้าให้กัน ก่อนจะรีบเดินออกจากบ้านไป สมรถึงกับทรุดตัวลงนั่งด้วยความโล่งอก
จริยาหันมาถามคาดคั้น
“ทำไมแม่ถึงไปกู้เงินไอ้พวกนั้น”
“โว้ย มันใช่เวลามาถามมั้ย โน่นรีบไปเอาเงินที่เพื่อนแกมาให้พวกมันดีกว่า”
จริยาหน้าเจื่อน “ฉันไม่กล้าไปเอาเงินใครทั้งนั้นล่ะแม่ คราวก่อนยืมไรมา 5 พันบาท ยังไม่มีปัญญาใช้คืนเค้าเลย”
สมรตวาดแว้ดทันที “งั้นแกก็คอยดูศพฉันแล้วกัน”
ขาดคำก็เดินสะบัดหน้าออกไป จริยามองแม่แล้วคิดหนักว่าจะหาเงินที่ไหน เมฆมองอย่างสงสาร
จริยายืนรออย่างกระวานกระวายใจอยู่ที่หน้าร้านอาหาร ครู่หนึ่งพนักงานก็เดินออกมาหา
“ผู้จัดการยังไม่กลับอ่ะจิ๋ว เห็นว่าออกไปธุระกับเพื่อน”
“แล้วแกจะกลับเมื่อไหร่เหรอพี่”
พนักงานส่ายหน้า “ไม่รู้เหมือนกัน ปกติกว่าจะเข้าก็โน่นเปิดร้านแล้ว จิ๋วมีอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มีอะไรจ้ะพี่ ขอบคุณมากนะ”
จริยาตอบเลี่ยงๆ ก่อนจะเดินคอตกออกไป จังหวะนั้นเอง ก็มีรถคันหนึ่งขับสวนมาจอดที่หน้าร้านปราณที่ขับรถมากับเจ้าของร้าน มองออกไปนอกรถเห็นจริยา แต่อีกฝ่ายยังไม่เห็นเขา
“ขอบคุณมากนะครับเฮียปราณ ไว้วันหลังผมจะพาไปเลี้ยงคืนที่เด็ดๆ น้องๆ แต่ละคนสวยยังกะดารา บริการอย่างงี้”
เจ้าของร้านพูดพร้อมกับชูนิ้วโป้งให้ ปราณพยักหน้าหงึก
“ได้ๆ อย่าลืมที่อั๊วบอกแล้วกัน เรื่องเด็กที่ชื่อจิ๋ว เด็กมันดูมีแววอนาคตไกล น่าสนับสนุน”
2 คนหัวเราะกันร่วน จริยาได้ยินเสียงแว่วมาด้านหลัง พอหันไป ก็เห็นเจ้าของร้านลงจากรถ สาวร่างจิ๋วยิ้มอย่างดีใจ มีความหวัง รีบวิ่งมาหา สวนกับรถปราณที่ขับออกไปพอดี
“พี่กลับมาแล้ว จิ๋วดีใจที่สุดเลย”
เจ้าของร้านมองอย่างแปลกใจกับท่าทางของอีกฝ่าย ขณะที่ปราณมองกระจกหลัง ด้วยแววตาเจ้าเล่ห์
เจ้าของร้านอุทานด้วยความตกใจ
“ 2 หมื่น”
จริยาพยักหน้าช้าๆ “ค่ะ จิ๋วขอเบิกล่วงหน้าก่อนได้มั้ยคะ คือจิ๋วมีเรื่องจำเป็นจริงๆ”
“โอย ล่วงหน้าเยอะไปมั้ย เต้นคืนละ 150 จะเอาล่วงหน้าหน้าตั้ง 2 หมื่นไม่ได้หรอก ยังไงก็ให้ไม่ได้”
สาวตัวจิ๋วหน้าเสีย “แต่จิ๋วเดือดร้อนจริงๆ นะคะ จิ๋วสาบานว่าจิ๋วไม่ได้เบี้ยว จิ๋วจะทำงานใช้คืนให้ครบทุกบาททุกสตางค์ แล้วถ้าจิ๋วหาเงินจากทางอื่นมาได้ จะรีบเอามาโปะให้หมดเลย ช่วยจิ๋วด้วยเถอะนะ”
เจ้าของร้านมองหน้าอย่างหยั่งเชิง พลางนึกถึงที่ปราณพูดไว้
“อย่าลืมที่อั๊วบอกแล้วกัน เรื่องเด็กที่ชื่อจิ๋ว เด็กมันดูมีแววอนาคตไกล น่าสนับสนุน”
“เอางี้ พี่ว่าน่าจะมีคนที่ช่วยจิ๋วได้”
จริยาตาวาว “ใครคะ?”
ปราณนั่งบนโซฟา คุยโทรศัพท์อยู่ ท่าทางสบายอารมณ์
“ 2 หมื่นเรื่องจิ๊บๆ เศษเงินแค่นี้ สบาย ว่าแต่ขอคุยกับศิลปินในอนาคตหน่อยซิ”
ฝั่งเจ้าของร้านรีบยื่นโทรศัพท์ให้จริยา
“เรียบร้อย เฮียเค้าตกลง แต่เขาจะคุยกับเธอ”
จริยารับโทรศัพท์ไปแบบกล้าๆ กลัวๆ
“ค่ะ”
ปราณยิ้มเจ้าเล่ห์ “ไม่เห็นต้องให้คนอื่นโทร. มาเลย น้องก็มีเบอร์พี่ไม่ใช่หรอ”
“คือจิ๋วไม่ได้ตั้งจะรบกวนพี่น่ะค่ะ”
“เงินแค่ 2 หมื่นรบกวนตรงไหน นี่ รู้มั้ยว่านักร้องดังๆ เค้าออกงานร้องเพลง 2 เพลง เค้าได้กันเท่าไหร่ งานละเป็นแสน”
จริยาแอบกลืนน้ำลาย
“ไอ้ที่เราคุยกันไว้น่ะ ว่าไง บอกก่อนนะ พี่ไม่ได้สนใจใครง่ายๆ หรอกนะ คนหน้าตาสวยเสียงดีสมัยนี้มีเยอะ แต่โอกาสจะได้รับการผลักดันน่ะ บอกเลยว่าน้อยมาก ไม่สนใจจริงๆ เหรอ”
“สนใจค่ะ แต่จิ๋วมี...”
ปราณคิดแผนได้ ก็รีบพูดสวนออกไป
“พอดีพี่นัดลูกน้องทีมทำเพลงมาคุยงานเพลงใหม่ที่บ้านพอดี ถ้าน้องสนใจ ก็มาเอาเงินที่บ้านพี่ตามที่อยู่ที่นามบัตร แล้วเผื่อจะได้โชว์เสียงให้ทีมพี่ฟังด้วยดีมั้ย ช่วยรีบด้วยนะจ๊ะ พี่มีเวลาไม่มาก เย็นนี้ต้องบินไปฮ่องกงอีก”
จริยาตัดสินใจในวินาทีนั้น “ได้ค่ะ งั้นจิ๋วจะไปเดี๋ยวนี้”
“อ่อ อย่าพาใครมานะ เดี๋ยวความลับรั่วไปค่ายอื่น ไว้ใจใครไม่ได้ ยิ่งไอ้เด็กกุ๊ยนั่น ไม่ต้องพามาเด็ดขาด เดี๋ยวงานพัง”
จริยาหน้าเสีย “เอ่อ ค่ะ”
ปราณมองมือถือ แล้วยิ้มร้าย ที่เหยื่อติดกับเข้าให้แล้ว
ป๋าช้างพาอุไรวรรณมาแนะนำตัวกับทุกๆ คนในทีมข่าว
“แนะนำกันอีกครั้ง อุไรวรรณ น้องใหม่”
อุไรวรรณยกมือไหว้ทุกคน
“สวัสดีค่ะ หนูขอฝากเนื้อฝากตัวกับพี่ๆ ทุกคนด้วยนะคะ”
นัตตี้แอบเหน็บ “ใหม่ๆ ก็งี้ ทุกคนแหละ”
เรด้าพยักหน้าหงึก “ใช่ แกก็เป็น”
นัตตี้มองค้อน ป๋าช้างรีบแนะนำ
“นั่นพี่กรณ์ เป็นโปรดิวเซอร์ฝ่ายข่าว”
อุไรวรรณยิ้มให้ กรณ์ทำเป็นก้มหน้าเล่นมือถือไม่สนใจ ยกมือส่งๆ ให้เป็นมารยาท
“ที่ยืนทำหน้าสวยอยู่นั่นชื่อนัตตี้ เธอคงเคยเห็นหน้าบ้างนะ เค้าเป็นพิธีกรแล้วก็เหยี่ยวข่าวของ I Love gossip”
นัตตี้มองอุไรวรรณแบบหมั่นไส้ ไม่ชอบขี้หน้า ตามประสาคนขี้อิจฉา
“ส่วนอีกคน ที่หน้าไม่ค่อยสวยชื่อพี่สุดา”
เรด้าฉุนกึกทันที “ป๋านะ หนูไม่สวยตรงไหน ถ้าป๋าพูดอีกทีหนูลาออกแล้วนะ” พูดพลางหันไปพูดกับ อุไรวรรณ “ส่วนชื่อพี่ชื่อเรด้านะคะ ไม่ใช่สุดา”
ป๋าช้างผายมือไปทางบ๊วย “ส่วนยัยคนนั้น เอ้อ เป็นคนนะ ถูกแล้ว ชื่อยัยบ๊วย”
บ๊วยยิ้มเจื่อน ป๋าช้างผายมือไปทางปกรณ์
“ส่วนอีกคนนี่ก็เด็กใหม่ หลานป๋าเอง”
อุไรวรรณมองตามพลางยิ้มให้ ก่อนจะตกใจ
“เป๋า”
ปกรณ์ยิ้มให้น้อยๆ ตามสไตล์ ป๋าช้างมองแบบงงๆ
“อ้าว นี่รู้จักกันเหรอ”
เรด้ารีบบอก “โหย แค่นี้เบาๆ น้องเป๋าของเราไม่ธรรมดานะคะป๋า แม้แต่ซุปตาร์นางฟ้าน่ะ ก็เพื่อน เป๋าน่ะจ๊า”
อุไรวรรณได้ยินชื่อนางฟ้าก็หน้าตึง ทุกคนส่งเสียงฮือฮา ถามแหย่ว่าจริงรึเปล่า? ปกรณ์ยิ้มแห้งๆ
“เกินไปพี่เรด้า”
อุไรวรรณพูดต่อ “เป๋ากับฟ้า เค้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเดียวกันน่ะค่ะ”
กรณ์พยักหน้างึก “อ๋อ มิน่า”.
พอป๋าช้างกับอุไรวรรณหันไปมอง กรณ์ก็หุบปากเงียบ
“งั้นดีเลย ฝากแกดูแลด้วยแล้วกัน แนะนำคนที่เหลือด้วย” ป๋าช้างบอกกับปกรณ์ ก่อนจะหันไปทาง
คนอื่น “แค่นี้แหละ คนอื่นแยกย้ายกันไปทำงานได้แล้ว”
นัตตี้มองอุไรวรรณเชิ่ดๆ แล้วเดินออกไปเม้าท์กับกรณ์ ส่วนเรด้าเดินไปซุบซิบกับบ๊วย พนักงานบางคนส่ายหน้าว่าไม่น่ารอด
อุไรวรรณมองสายตาที่ทุกคนมองแล้วแอบเครียด ปกรณ์มองอาการของเพื่อนอย่างเห็นใจ
“ใจเย็น รับน้องเป็นเรื่องธรรมดา เราก็ทำงานของเราไป”
ปกรณ์พยายามพูดปลอบใจ อุไรวรรณพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“อืมม์ หนักกว่านี้ก็เจอมาแล้ว เป๋าฉันขอโทษนะ”
ปกรณ์ทำหน้างง “เรื่อง?”
“ก็ที่ฉันด่าแก ตบแกด้วย ฉันเข้าใจผิด อย่าโกรธฉันนะ”
“สบาย”
อุไรวรรณได้ยิน ก็กระโดดกอดคอ “แกนี่น่ารักเหมือนเดิมเลย”
“แล้วแกล่ะ ยังน่ารักเหมือนเดิมใช่มั้ย?” อีกฝ่ายย้อนกลับ
“ยังไง?”
“เลิกโกรธฟ้าได้แล้ว”
อุไรวรรณหน้าตึง “ ถ้าแกยังอยากจะให้ฉันน่ารักกับแกเหมือนเดิม อย่าเอ่ยชื่อมันให้ฉันได้ยินอีก”
“ถ้าแกพูดขอโทษได้ แกจะไม่ลองพูด “ให้อภัย” ดูบ้างหรอ?”
“ไม่มีทาง ไม่มีวัน”
พูดจบก็เดินออกไปเลย ทิ้งให้ปกรณ์ถอนใจอย่างอ่อนใจ
จริยานั่งรอตัวลีบอยู่ในห้องรับแขกที่บ้านปราณ สายตาเต็มไปด้วยความหวาดระแวง เพราะทั้งบ้านเงียบกริบ ไม่มีใครอยู่เลย ครู่หนึ่งจึงหยิบมือถือโทร.หาอุไรวรรณ แต่เมื่ออีกฝ่ายไม่รับสาย เธอจึงเข้าโปรแกรมไลน์ แล้วกดแชร์โลเกชั่นไปให้
พอได้ยินเสียงปราณเดินมา เธอก็ลดมือถือลง
ปราณถือซองเอกสารสีน้ำตาลมายื่นให้ “นี่เงินของน้องตามที่ตกลงไว้”
จริยากระพุ่มมือไหว้ “ขอบคุณค่ะ แล้วจิ๋วจะหามาใช้คืนให้เร็วที่สุด”
ปราณยิ้มกริ่ม จริยาถามเข้าเรื่อง
“เอ่อ แล้ว..ทีมงานของพี่?”
“ปกติ ไอ้พวกนี้มันชอบเลท เอางี้ว่างๆ ก็ลองเข้าไปวอร์มเสียงในห้องอัดหน่อยมั้ย พอมาครบ เสียงน้องจะได้เข้าที่พอดี”
จริยาแอบลังเล เพราะไม่อยากอยู่นานมาก แต่ก็จำใจต้องรับคำ
“เอ่อ..ค่ะๆ”
ปราณจะเดินไป แต่พอเห็นอีกฝ่ายกำมือถืออยู่ จึงคิดอะไรได้
“เออ เดี๋ยวมือถือฝากพี่ไว้นะ ไม่งั้นคลื่นมันจะกวนไมค์ เสียงออกมามันจะไม่ใส”
จริยาอึกอักไม่อยากให้ แต่พอเห็นปราณยื่นมือมารอ จึงจำใจต้องยื่นให้
“ไปจ้ะ เข้าไปลองกัน”
ปราณนำจริยาที่ดูกล้าๆ กลัวๆ เข้าห้องอัดด้านใน
เมฆเดินมาที่หน้าบ้าน จังหวะเดียวกับที่สมรเดินออกมาพอดี
“น้าหมอนครับ จิ๋วล่ะครับ”
“มันก็ไปหาเงินมาใช้หนี้อยู่ไง ถามอยู่ได้ ไม่มีเงินช่วยใช้หนี้แล้วยังจะถามน่ารำคาญ”
ขาดคำก็ผลักอีกฝ่ายให้พ้นทาง เมฆรู้สึกเป็นกังวล จึงรีบหยิบโทรศัพท์โทร. หาจริยา แต่ฝ่ายหลังปิดเครื่อง เขาหน้าเครียด ด้วยความเป็นห่วง
ปกรณ์เอาแฟ้มข่าวเก่าๆ ให้อุไรวรรณเอาไปทำการบ้าน
“เป๋า ฉันยังไม่มีเบอร์แกเลย”
ฝ่ายแรกแบมือขอมือถือ “มา เมมให้”
ฝ่ายหลังรีบส่งให้ แต่ไม่วายพูดแซว “เมมเบอร์เป็นป่าวหรอก”
ปกรณ์ยิ้มน้อยๆ พอกดไปที่โทรศัพท์ ก็เห็นสายที่ไม่ได้รับ
“โห มี missed call รัวเลย”
พูดพลางยื่นโทรศัพท์ส่งคืนให้ อุไรวรรณรับมาดู เห็นเป็นเบอร์ของจริยา ก็ฉุกใจ
“จิ๋ว เป็นอะไรรึเปล่า?”
ปกรณ์หันมองทันที “โทร. กลับไปดิ”
อุไรวรรณรีบกดโทร. ออก แต่อีกฝ่ายไม่รับสาย เธอเริ่มรู้สึกไม่ดี พอเหลือบเห็นที่ไลน์มีข้อความส่งมาจึงรีบเปิดดู เห็นสถานที่ที่จริยาแชร์ส่งมา
“จิ๋วไปหานายปราณที่บ้าน”
ปกรณ์ทำหน้างง “ปราณ เฮ่ย ปราณไหน?”
“มันเคยบอกว่าเป็นโปรดิวเซอร์นักแต่งเพลงอะไรเนี่ยแหละ”
“แย่ละ”
อุไรวรรณตกใจ แล้วก็นึกได้ “จิ๋วแชร์โลเกชั่นมาด้วย”
จากนั้นก็รีบยื่นมือถือให้ดู ปกรณ์เห็นพื้นที่ที่ส่งมาแล้วอึ้ง
“รีบไปเถอะ”
ขาดคำก็รีบวิ่งนำออกไปอย่างร้อนรน อุไรวรรณวิ่งตามอย่างตกใจและงงว่าทำไมอีกฝ่ายต้องร้อนรนเช่นนี้
ภายในห้องอัดเล็กๆ ภายในบ้านปราณ เจ้าของห้องเอาไมค์สำหรับอัดร้องมาเสียบ ส่วนจริยาก็ใส่หูฟังรออยู่ใกล้ๆ
พอปราณจัดไมค์เสร็จ ก็เดินออกจากห้องร้องไปยังห้องคอนโทรลที่มีกระจกกั้น ก่อนจะสื่อสารผ่านเฮดโฟน
“ลองเทสต์ไมค์ก่อนนะ เอาเพลงที่ถนัด พร้อมแล้วเริ่มเลยจ้ะ”
จริยาเริ่มร้องเพลงเพื่อเทสต์ไมค์ ปราณยืนมองลุ้นอย่างจดจ่อ ครู่หนึ่งก็ชูมือให้พอ
“แป๊บนะ เดี๋ยวน้องเข้ามาใกล้ไมค์อีกนิด มันห่างไป”
สาวร่างจิ๋วพยักหน้า เขยิบเข้าใกล้ไมค์ตามสั่ง แล้วก็เริ่มร้องต่อ ครู่หนึ่งก็ถูกสั่งให้หยุดอีก
“ใกล้ไมค์อีกนิดนึงค่ะ อีกนิด ชิดๆ ปากเลยยิ่งดี”
จริยาเขยิบอีก จนปากจะติดไมค์อยู่แล้ว
“ดีมากๆ สูดลมหายใจลึกๆให้เต็มปอดนะ ลมจะได้เต็มๆ แล้วเริ่มเลยจ้ะ”
จริยาสูดลมหายใจลึก แล้วเริ่มร้องใหม่ พักหนึ่งก็เริ่มรู้สึกมึนๆ นิดๆ
ปราณยิ้มเจ้าเล่ห์ เพราะที่แท้เขาแอบเทยาสลบจากขวดลงผ้า และเช็ดไปที่หัวไมค์
ใบหน้านั้นยิ้มอย่างมีแผนร้าย
“จะได้ร้องให้สนุก”
จริยาเริ่มรู้สึกว่าบ้านหมุน ทุกอย่างเบลอๆ ก่อนจะหมดแรงเป็นลมล้มลงไปตรงนั้น
ปราณยิ้มเหี้ยม ก่อนจะลุกขึ้นไปยืนจ้องมองอีกฝ่ายที่สลบอยู่กับพื้น
ปราณอุ้มร่างจริยาที่หลับไม่ได้สติมานอนบนเตียง ก่อนจะมองอย่างชื่นชมแล้วก้มลงจะจูบ แต่ก็ชะงักเหมือนนึกบางอย่างได้ เขารีบลุกจากเตียงเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า ซึ่งซ่อนกล้องวิดีโอวางเตรียมพร้อมถ่ายอยู่ แต่พอหยิบมา เปิดฝากล้องดูปรากฏว่าไม่มีแบต
“เวร” ปราณบ่นอย่างเซ็งๆ
ส่วนจริยาก็ค่อยๆ ปรือตาขึ้นมองไปรอบๆ ห้อง ก่อนจะเห็นภาพเบลอๆ ว่าปราณยืนถือกล้องวิดีโออยู่ แล้วหลับต่อด้วยฤทธิ์ยา
ขณะที่ปราณเดินถือกล้องวิดีโอไปหาแบตเตอรี่ด้านนอก
ทางด้านปกรณ์กับอุไรวรรณก็ร้อนรนใจด้วยความเป็นห่วงจริยา
“จิ๋วจะเป็นอะไรมั้ยเป๋า แกรู้จักไอ้ปราณนั่นด้วยเหรอ”
ปกรณ์พยักหน้าหงึก “เขารู้กันทั้งวงการแหละ ไอ้ปราณมันตัวอันตราย”
“แย่แล้ว” อุไรวรรณตกใจ พอมองออกไปเห็นรถติด ก็หงุดหงิด “โธ่เว้ย รถจะติดอะไรนักหนาเนี่ย จิ๋ว แกอย่าเป็นอะไรนะ”
ส่วนจริยาก็ยังคงนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง ก่อนที่ปราณจะเดินเข้ามา พลางใส่แบตเตอรี่กล้อง พร้อมกับมองร่างบนเตียงอย่างพึงใจ แล้วเดินเอากล้องวิดีโอไปวางไว้ที่ปลายเตียง จากนั้นก็กลับเข้าไปนั่งบนเตียงข้างๆ จริยา แล้วค่อยๆ เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อ 2 เม็ดบน
เมื่อมองเห็นผิวขาวเนียน ก็ทนไม่ไหว เริ่มซุกหน้าลงไป ทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดผัวะ พร้อมกับที่ปกรณ์กับอุไรวรรณถีบประตูเข้ามา
ปกรณ์เห็นปราณคร่อมตัวจริยาที่นอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่ ก็พุ่งเข้าไปต่อยหน้าจนกระเด็นตกเตียง
ฝ่ายถูกชกลุกขึ้นได้ ก็หันไปคว้าขาไมค์ที่พิงกำแพงอยู่จะตีหัว แต่อีกฝ่ายหลบทัน ขาไมค์พลาดไปโดนข้าวของแตกหักเสียหาย
ส่วนอุไรวรรณก็รีบวิ่งไปดูจริยา พร้อมกับพยายามปลุก “ จิ๋ว จิ๋ว”
จริยาเริ่มขยับตัว พยายามปรือตามองหน้าอุไรวรรณ “ไร”
“ลุก เร็ว เร็วสิ”
อุไรวรรณรีบเร่ง พลางประคองเพื่อนให้ลุกขึ้น ทันใดนั้นกล้องวิดีโอที่ยังอัดอยู่ร่วงลงพื้น ฝ่ายแรกหันไปเห็นกล้อง ก็ด่าด้วยความแค้นใจ
“ไอ้เลว”
จากนั้นก็รีบหยิบกล้องใส่กระเป๋าสะพาย พร้อมกับประคองจริยาไว้ ก่อนจะหันไปบอกปกรณ์
“แจ้งตำรวจเลยเป๋า”
ปราณกร่างขึ้นมาทันที “เอาสิ พวกแกจะได้รู้ว่าฉันใหญ่ขนาด กะอีแค่ตากล้องกิ๊กก๊อกอย่างแก ฉัน เตะออกได้ง่ายๆ ยิ่งกว่าเตะหมา”
ปกรณ์ไม่พูดไม่จาซัดหมัดต่อยเปรี้ยงไป จนปราณกองไปกับพื้น
“อย่ามายุ่งกับเพื่อนฉันอีก”
ขาดคำก็ปราดไปอุ้มจริยาที่หมดแรงแล้วเดินออกไปทันที อุไรวรรณรีบเดินตามไปด้วย
ปราณมองตามอย่างอาฆาต
“จำไว้ ไอ้เป๋า”
จริยานอนหลับอยู่ที่โซฟาในบ้านด้วยอ่อนเพลียจากฤทธิ์ยา เมฆมองอาการแล้วยิ่งแค้นปราณ
“ผมจะไปจัดการมัน”
ขาดคำก็ทำท่าจะเดินไป ปกรณ์รีบดึงรั้งไว้ “อย่าน่าเมฆ”
“ปล่อยผม ผมไม่กลัวมันหรอกพี่ ต่อให้มันใหญ่โตคับฟ้าแค่ไหนก็ไม่กลัว”
“มันไม่เกี่ยวหรอกว่าใหญ่แค่ไหน แต่ที่ไม่อยากให้ไปยุ่ง เพราะมันจะทำให้จิ๋วเสียชื่อเสียงไปด้วยต่างหาก”
“เสียยังไงอะพี่ ก็มันผิด” เมฆย้อนถาม
“แต่จิ๋วไปหามันถึงบ้านนะ ยังไงจิ๋วก็เสียหาย”
เมฆชะงักที่ไม่ทันคิดข้อนี้ พลางหันไปมองจริยาอย่างห่วงใย
“จิ๋วนะจิ๋ว จะทำอะไรทำไมไม่บอกเมฆ”
ปกรณ์มองเมฆอย่างเข้าใจ ส่วนอุไรวรรณก็รีบบอก
“เดี๋ยวฉันออกไปดูอะไรให้ไอ้จิ๋วมันกินก่อนนะ”
ปกรณ์พยักหน้า อุไรวรรณขยับจะเดินออกไป พอดีเสียงมือถือในกระเป๋าสะพายของจริยาดังขึ้นมาขัด“สงสัยจะน้าหมอนน่ะครับ วันนี้แกกำลังงานเข้า”
เมฆเดา อุไรวรรณรีบล้วงกระเป๋าสะพายแล้วหยิบมือถือออกมา ก่อนจะเห็นเป็นเบอร์ที่ไม่ได้เมมไว้ ก็รีบกดรับ
“ฮัลโหล”
อีกด้านหนึ่งอัปสรสวรรค์ยืนอยู่ที่ลานจอดรถช่อง SUN
“ฮัลโหลจิ๋ว นี่เจ้นะ”
อุไรวรรณหน้าเสียทันที
“บ้านจิ๋วยังอยู่ที่เดิมรึเปล่า วันนี้เลิกกองเร็ว ว่าจะชวนไปกินข้าวกัน”
อุไรวรรณค่อยๆ ยื่นมือถือให้ ปกรณ์เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“อะไร”
พออีกฝ่ายพยักหน้านิ่งๆ เขาก็รีบรับมา แล้วอุไรวรรณก็เดินเลี่ยงออกไป
“ครับ ?”
อัปสรสวรรค์ทำหน้างง “อ้าว ใครคะ”
“ผมเป๋าครับ เพื่อนจิ๋ว”
อีกฝ่ายยิ่งแปลกใจ “อ้าว เป๋า นี่ฟ้านะ แกไปอยู่นั่นได้ไงอะ”
“คือ จิ๋วโดนทำร้ายน่ะฟ้า”
ปลายสายตกใจ “อะไรนะ”
“แต่ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว ฉันกับไรไปช่วยไว้ทัน ตอนนี้อยู่บ้านจิ๋ว”
“งั้นเดี๋ยวฟ้ารีบไปนะ”
ปกรณ์อึกอัก “เอ่อ....”
แต่ยังพูดไม่ทันจบ ปลายสายก็รีบกดวาง แล้วขึ้นรถไปอย่างร้อนรน
รถหรูแล่นเข้ามาจอดที่บริเวณสลัม ชาวบ้านที่นั่งจับกุมกันอยู่พากันหันไปมองรถแปลกหน้าอย่างสนใจ
อัปสรสวรรค์ใส่แว่นดำลงมาจากรถ พลางหันซ้ายขวา เพราะจำทางไม่ได้ จากนั้นจึงเดินเข้าไปถามชาวบ้าน
“คุณป้าคะ รู้จักบ้านจิ๋วมั้ยคะ”
ชาวบ้านหญิงมองหน้าซุปตาร์สาวก็จำได้ ตะโกนลั่น
“เฮ้ย นี่มันดารา อี เอ๊ย น้องนางฟ้าไง”
ชาวบ้านฮือฮาขึ้นมาทันที ทั้งเด็กผู้ใหญ่ พากันวิ่งมาดูรุมล้อมทั้งหน้าหลัง
เด็กๆ ตื่นเต้นดีใจ “จับมือหน่อยค้าบ ๆ”
ชาวบ้านอีกคนรีบบอก “ถ่ายรูปหน่อย เซลฟี่ๆ”
อัปสรสวรรค์ยิ้มแหยๆ “เดี๋ยวก่อนค่ะ เดี๋ยวก่อน”
จังหวะนั้น อุไรวรรณเดินถือถุงข้าวต้มเข้ามา เห็นคนมุงดูอะไรกันก็เข้าไปดูด้วย ก่อนจะเห็นภาพอัปสรสวรรค์กำลังถ่ายรูปอยู่กับชาวบ้าน
ชาวบ้านดี๊ด๊า “หูย สวยยังกับนางฟ้ามาโปรด นี่เพิ่งรู้ว่าไอ้จิ๋วมันมีเพื่อนเป็นซุปตาร์ด้วย”
อุไรวรรณคิ้วขมวดรีบเดินเลี่ยงแล้ววิ่งเข้าไปในบ้านจริยา ขณะที่พวกเด็กๆ และชาวบ้านยังคงล้อมหน้าล้อมหลัง
“ละครเรื่องหน้าเรื่องไรคะ”
อัปสรสวรรค์ถอดสีหน้า ถอนหายใจแรงๆ
“ขอโทษนะคะ ฟ้ามาเยี่ยมเพื่อน ไม่ได้มาออกอีเว้นต์ มัวแต่ถ่ายรูปกันขนาดนี้ นี่ถ้าจิ๋วมันอาการหนักก็คงไม่ทันดูใจมันแล้ว ทำไมนักหนาคะ รูปเดียวไม่พอหรือคะ”
ชาวบ้านเงียบจ๋อย
“จะบอกได้ยังคะว่าบ้านจิ๋วอยู่ไหน”
ชาวบ้านหน้าเหวอ
จริยาค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา ก่อนจะเห็นหน้าเมฆที่นั่งเฝ้าอยู่
“จิ๋วตื่นแล้ว”
เมฆยิ้มดีใจ ปกรณ์รีบลุกเข้าไปช่วยพยุงจริยาให้ลุกนั่ง
“จิ๋วเป็นไงบ้าง”
ฝ่ายถูกถามยังดูยังมึนๆ อยู่ “ปวดหัวอ่ะ”
พอนึกอะไรบางอย่างได้ก็ตกใจ เหลียวมองซ้ายขวา
“ฮะ ไอ้ปราณ แล้วไอ้ปราณล่ะ มันทำอะไรจิ๋วรึเปล่า”
ปกรณ์ส่ายหน้า “มันยังไม่ทันทำอะไรหรอก โดนฉันถีบซะก่อน”
จริยาตกใจกลัว รีบถามย้ำ “พูดจริงนะเป๋า”
“เออ จะโกหกเพื่อ?”
อีกฝ่ายยังไม่คลายกังวล พร้อมกับที่อุไรวรรณเดินหน้าบึ้งเข้ามาวางข้าวต้มให้ สีหน้าไม่พอใจ
“ใครตามอีนางฟ้ามา”
เมฆกับจริยาทำหน้างง ส่วนปกรณ์ตอบกลับไปแบบนิ่งๆ
“เมื่อกี๊ฟ้าโทร. มา ฉันเลยบอกไปว่าจิ๋วโดนทำร้าย”
อุไรวรรณยิ้มหยัน “อ๋อ ก็ดี มากันพร้อมหน้าล่ะ ฉันจะได้ไป”
ปกรณ์ทำหน้าอ่อนใจ “จะไปไหน ก็แค่ฟ้าจะแวะมาเยี่ยม”
“ก็เชิญรำลึกความหลังกันไปแล้วกัน ฉันไม่อยากร่วมสังคมเพื่อนจอมปลอม”
ขาดคำอุไรวรรณก็คว้ากระเป๋าเดินออกไปเลย จริยาจะตะโกนตามแต่ไม่มีแรง
“ไร”
ทุกคนหันมองกันอย่างงงๆ
อุไรวรรณเดินออกมาที่ถนนด้านนอกสลัม ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงล้วงเข้าไปในกระเป๋า แล้วหยิบกล้องวิดีโอของปราณออกมา
พร้อมกันนั้นก็นิ่งคิด เหมือนกำลังตัดสินใจบางอย่าง
เพื่อนรักเพื่อนริษยา ตอนที่ 2 (ต่อ)
ในที่สุด อัปสรสวรรค์ ก็เดินมาจนเจอบ้านของจริยา พวกชาวบ้านบางคน เดินตามมาเกาะรั้วดูด้วย
“จิ๋ว เป็นอะไรมั้ย”
สาวตัวจิ๋วเห็นเพื่อนรุ่นพี่ก็ยิ้มดีใจ “เจ้” ขาดคำก็ก็ปล่อยโฮออกมา พร้อมกับโผเข้ากอดอีกฝ่ายแน่น
“จิ๋วกลัว”
“ไม่เป็นไรนะจิ๋ว ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น”
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงสมรลอยมาแต่ไกล
“นังจิ๋ว เป็นไงบ้างโว้ย”
เจ้าของชื่อปาดน้ำตาแล้วหันมองเมฆ ที่รีบส่ายหน้ายิก
“ไม่ได้พูดอะไรเลย”
ผู้เป็นแม่เดินเข้ามาในสภาพเหงื่อแตกซิก ด้วยความเป็นห่วงลูก
“ไอ้เมฆมันโทร. ไปบอกว่าแกก็เป็นลม”
“ไม่เป็นไรมากหรอกแม่ สงสัยอากาศมันร้อนจัด”
สมรถอนหายใจ “เฮ้อ โล่งอก แล้วนี่แค่เป็นลมทำไมต้องมากันเต็มบ้าน เพื่อนที่ร้านอาหารเรอะ”
พูดพลางมองทุกคนผ่านๆ พอกวาดสายตาผ่านอัปสรสวรรค์ ก็ชะงัก ตกใจ
“เฮ้ย! หนูเป็นดารารึเปล่า”
ซุปตาร์สาวยิ้มกร่อยๆ พลางยกมือสวัสดี จริยารีบแนะนำ
“นางฟ้าเพื่อนจิ๋วไงแม่ จำไม่ได้เหรอ”
สมรตื่นเต้นจนลืมเรื่องลูกป่วย แววตาเป็นประกาย
“โห หนูนางฟ้า ไม่ได้เจอกันตั้งนาน สวยขึ้นเยอะเลย น้าดูละครหนูประจำ แต่จำไม่ได้หรอกว่าเป็นหนูน่ะ โอ้โห ดูกระเป๋าเสื้อผ้าสวยๆ ทั้งนั้น น่าจะรวยมากสิ”
ว่าพลางนึกอะไรได้ แกล้งพูดเรื่องเงินต่อทันที
“นี่ต้องขอบใจทุกคนจริงๆ นะ ถ้าไอ้จิ๋วมันเป็นอะไรไป คืนนี้ฉันคงได้กลายเป็นศพจริงๆ”
ฝ่ายลูกสาวมองแม่อย่างรู้ทัน “แม่”
“ทำไมล่ะคะ?” อัปสรสวรรค์ย้อนถาม
สมรแกล้งพูดให้อีกฝ่ายสนใจหนัก “ไม่มีอะไรหรอกหนูนางฟ้า มันเป็นกรรมของแม่เอง โธ่...”
จากนั้นก็บีบน้ำตาร้องไห้
“คุณน้ามีอะไรก็บอกฟ้ามาเถอะค่ะ”
“คือแม่ไปกู้เงินไอ้พวกนอกระบบน่ะ”
“แม่”
จริยาพยายามปราม แต่ก็หยุดแม่ไม่ได้
“จริงๆ แม่กู้แค่ไม่กี่พันเองนะ แต่พอทบต้นทบดอก มันกลายเป็น 2 หมื่นได้ยังไงก็ไม่รู้ มันจะเอาเงิน คืนนี้ด้วย นังจิ๋วก็มาป่วยแบบนี้ แม่ก็ไม่รู้จะเอาปัญญาที่ไหนไปหาเงินให้มัน”
อัปสรสวรรค์ไม่พูดพล่าม รีบหยิบกระเป๋ามาเปิดดู จริยาร้องห้าม
“ไม่เอานะเจ้”
ซุปตาร์สาว หน้าจ๋อย “ไม่มีเงินสดซะด้วย”
สมรแอบเซ็ง แล้วเล่นบทเศร้าต่อ
“เหรอจ๊ะ แย่จัง ไม่เป็นไร คนเราเกิดมายังไงมันก็ต้องตาย ปลงแล้วล่ะ”
ขาดคำอัปสรสวรรค์ก็ปลดตุ้มหูเพชร 2 ข้างออกมา ท่ามกลางทุกคนที่มองอย่างตกใจ จากนั้นก็รีบยื่นตุ้มหูเพชรให้สมรรับมาดู จังหวะนั้นอุไรวรรณที่กำลังจะเดินเอากล้องวิดีโอมาให้ เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าต่างบ้านพอดี
สมรตาวาว “โหย ตุ้มหูเพชรของจริงแน่นะ”
“คุณน้าเอาไปขายเถอะค่ะ ดูแล้วน่าจะได้พอ”
อุไรวรรณทำหน้าตารังเกียจความอวดรวยของอัปสรสวรรค์
จริยารีบบอกแม่ “แม่ คืนให้ฟ้าไป”
สมรไม่ฟังเสียง รีบยัดใส่กระเป๋าเสื้อทันที
“ขอบใจมากนะหนูนางฟ้าที่ช่วยต่อชีวิตคนแก่ จิ๋วมันโชคดีเหลือเกินที่มีเพื่อนอย่างหนู งั้นแม่เอาไปให้ร้านเค้าตีราคาก่อนนะ จะได้ไปใช้หนี้พวกมัน”
พูดจบก็รีบวิ่งออกไปทันที “รอดตายแล้วโว้ย”
จริยาหันมองหน้าเพื่อนรุ่นพี่ “โห่ เจ้ ไม่น่าเลย ยังไงจิ๋วจะรีบหาเงินมาคืนนะ”
“ช่างมันเหอะจิ๋ว เงินแค่นี้มันไม่สำคัญหรอก มีเพื่อนถ้าไม่ช่วยแล้วจะช่วยหมาที่ไหน”
อัปสรสวรรค์พูดพลางนึกถึงอุไรวรรณขึ้นมา “อุไรล่ะเป๋า”
ปกรณ์มองนิ่ง ไม่ตอบคำถาม อัปสรสวรรค์มองกลับ อย่างรอคำตอบ
อุไรวรรณกลับมาถึงบ้านตัวเอง ในมือถือกล้องวิดีโอของปราณอยู่ ก่อนจะยิ้มเหยียดๆ เมื่อนึกถึงอัปสรสวรรค์
“เอะอะก็เอาเงินฟาดหัว มิน่าล่ะถึงได้ยกยอกันไม่ขาดปาก”
จังหวะนั้น จริยาก็โทร. เข้ามือถือมาพอดี เธอปล่อยให้ดังอยู่อย่างนั้น โดยไม่ยอมรับสาย กระทั่งมือถือดับลง ก่อนจะถือกล้องวิดีโอไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วโยนมันเข้าไปอย่างไม่สนใจ
โถงกลางของช่อง SUN ถูกจัดให้เป็นงานแถลงข่าวละครเรื่อง “สองกฤษณา” ซึ่งมีอัปสรสรรค์และฮันนี่เป็นตัวเด่นประกบกัน บรรยากาศรอบๆ เต็มไปด้วยนักข่าวจากทุกสำนัก ที่เริ่มทยอยเข้ามาในงานขณะเดียวกันที่หน่วยบันเทิงช่อง SUN ทีมงานต่างก็ตระเตรียมของลงไปทำข่าวอย่างวุ่นวาย
อุไรวรรณเดินเข้ามาเห็นบรรยากาศที่เร่งรีบ ไม่มีใครสนใจใคร ก็เดินเอากระเป๋าไปวางที่โต๊ะ ปกรณ์ที่กำลังเตรียมอุปกรณ์กล้องอยู่ข้างๆ เงยหน้ามาเห็น ก็พูดทัก
“เมื่อวานไม่น่าทำงั้นเลยไร”
อุไรวรรณเบ้ปาก “ ก็แม่พระของมันมาแล้วนี่ นางมารจะอยู่ทำไม”
ตากล้องหนุ่มถอนหายใจ พร้อมๆ กับที่กรณ์เดินออกมาจากมุมทำงาน พูดขึ้นมาด้วยเสียงนุ่มนวล
“น้องนัตตี้จ๊ะ พร้อมยังเอ่ย”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ เดี๋ยวขอบ้วนปากแป๊บนึง”
ขาดคำก็รีบกรอกน้ำยาบ้วนปาก
“ดีจ้ะ” กรณ์พยักหน้ารับ แล้วรีบเปลี่ยนเสียงเป็นสั่ง “แล้วก็นังเรด้า นังบ๊วย เป๋า ลงไปเตรียมทำข่าวได้แล้ว ไป”
เรด้าแกล้งกวนกลับ “บ้วนปากมั่งได้มั้ยฮ้า”
“หน้าอย่างแก ไม่แปรงฟันเป็นพันปี ก็ไม่มีใครเค้านินทาหรอก
เรด้าเบ้ปาก อุไรวรรณรีบเดินเข้าไปถามกรณ์
“แล้ว ให้ไรช่วยอะไรดีคะพี่”
กรณ์ทำท่ารำคาญๆ “อ๋อ เดี๋ยวเธอนั่งรอข้างบนนี่แหละ”
พูดจบก็เดินออกไปอย่างไม่สนใจ อุไรวรรณยืนงง พอดีกับเห็นนัตตี้บ้วนปากเสร็จกำลังหยิบไมค์ จึงรีบเข้าไปช่วย
นัตตี้แหวขึ้นมาทันที “หยุด stop stop โนๆๆ เอามือออกไปเลย ไมค์ตัวเป็นแสนนะ พี่กรณ์เค้าสั่งแล้วไงให้นั่งนิ่งๆ ไม่ต้องกลัวว่าอยู่เฉยๆ แล้วจะไร้ค่านะ เพราะเดี๋ยวเนื้อทองที่ฟ้าประทานมามันจะแตก”
อุไรวรรณทำหน้าแปลกใจ “พูดอะไรคะ”
“พูดอัลไล ? ก็เธอน่ะมันเด็กเส้นใหญ่พิเศษ มีคนฝากมาไม่ใช่ไง”
อุไรวรรณมองหน้าอย่างไม่พอใจ ก่อนจะขึ้นเสียงกลับ “เด็กเส้นอะไรคะ”
นัตตี้ยิ้มเยาะ อุไรมองจ้อง ปกรณ์เห็นท่าไม่ดีเลยเดินเข้ามาจับแขนห้าม จังหวะนั้นป๋าช้างก็เดินออกมาพอดี
“อ้าว นี่ยืนทำอะไรกัน เดี๋ยวก็พลาดเหมือนรอบก่อนอีกหรอกไอ้เป๋าเอ๊ย”
นัตตี้มองเหยียด “น้องเป๋าดูแลชีด้วยนะคะ อย่าให้ริ้นไรไต่ตอมเลยนะคะ หุๆๆ”
พูดจบก็เดินออกไป
“อุไรวรรณ”
ป๋าช้างเรียกขึ้นมาเบาๆ อุไรวรรณรีบหันไปหา
“คะ”
“วันนี้เธอสัมภาษณ์นักแสดงในงานแล้วกันนะ”
อุไรวรรณยิ่งแปลกใจหนัก “คะ? ให้ไรทำเหรอคะ”
“ใช่ ทำได้มั้ยล่ะ”
อุไรวรรณรีบรับคำอย่างกระตือรือร้น “ได้ค่ะ ได้”
“ไปกันเหอะ”
ปกรณ์พูดพลางหิ้วของนำออกไป อุไรวรรณรีบหยิบข้าวของ ทั้งที่ยังคาใจกับคำว่า “เด็กเส้น”
ฮันนี่อยู่ในห้องแต่งตัว กำลังนั่งดูภาพข่าว ที่ตัวเองกำลังนั่งดื่มอยู่กับหนุ่มไฮโซลูกสองในผับจากหนังสือพิมพ์บันเทิงฉบับหนึ่ง พลางคุยมือถือกับหนุ่มในภาพไปด้วย
“อะไรอะพี่ติ๊ก นี่ไม่ยอมนะ บอกแล้วว่าไอ้เด็กเสิร์ฟคนนั้นมันน่าสงสัย มันต้องซ่อนกล้องแอบถ่ายในถังไวน์แน่ จัดการเลยนะ ถ้ารู้ว่าใครทำ ให้ลูกน้องพี่ว่ากระทืบมันให้ม้ามแตกไปเลย”
ฮันนี่วางสายอย่างหงุดหงิด พร้อมกับที่ชิวาว่าเดินเข้ามาหา
“เช็คข่าวไปละน้องฮันนี่ เค้าบอกแค่อีคนเอารูปไปขาย เป็นเด็กม.3 มันคงซื้อต่อมาจากใครอีกทีอ่ะค่ะ”
“หืม อีเด็กเวร พ่อแม่ไม่สั่งสอน”
ผู้จัดการพยายามพูดเตือน “พี่ก็บอกหนูแล้วว่าอย่าไปกับเค้าบ่อยๆ โดนจนได้”
“ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะ ผับนั้นมีแต่คนรวยๆ ใครจะคิดว่ามีพวกแอบถ่าย”
“ข่าวแบบนี้มันแรง โดนสอยกันไปหลายคนแล้ว พี่ว่าห่างๆ พี่ติ๊กเค้าก่อนดีมั้ยคะ”
ฮันนี่ยักไหล่ “แล้วไงอ่ะ ก็แค่รูปถ่ายในผับ ไม่ใช่รูปนอนกกกันซะหน่อย”
ชิวาว่าตกใจ “ว้าย พูดอะไรอ่ะหนู เออ ว่าแต่รูปพวกนั้นคงไม่อุตริถ่ายไว้ใช่มะ”
ฮันนี่นิ่งไปครู่หนึ่ง “ก็ไม่เห็นหน้าหรอก”
ชิวาว่ายิ่งตกใจหนัก “อ๊าย กล้องไหน ไปเอามาเลยค่า พี่จะเอาไปทุบ ไปเผา เอาเมมโมรี่ไปโยนทิ้งทะเลเลย”
“พี่จะบ้าเหรอ คลิปเค้าถ่ายไว้ดูเอง ไพรเวทสุดๆ ใครจะปล่อยให้หลุดได้วะ”
ชิวาว่าดูร้อนใจ
ภายในห้องแต่งตัวใหญ่ ก็กำลังวุ่นวาย เหล่านักแสดงต่างกระจายกันแต่งตัวตามมุมห้อง
ช่างแต่งหน้า ทำผม 2 คนกำลังคุยอยู่กับปูเปรี้ยว
“ข่าวฮันนี่เรื่องจริงป่าวคะขุ่นแม่ หนุ่มไฮโซคนนั้นได้ข่าวว่าลูกสองแล้วนะ”
ปูเปรี้ยวถอนใจ “เดี๋ยวรอถามชีเองสิ”
ช่างผมมองค้อน “บ้าหรา อยากรู้เฉยๆ ว่าข่าวโปรโมทละครเรื่องนี้ป่าว”
“ฉันก็แยกไม่ออกเหมือนกัน ข่าวของยัยนี่ ต่อให้เป็นข่าวมันตาย ฉันคงจะคิดว่ามันหลอกอยู่ดี จนกว่าจะเปิดโลงให้ดู”
จังหวะนั้น ฝ่ายคอสตูมก็พาอัปสรสวรรค์เดินออกมาในชุดสวยสง่า ปูเปรี้ยวยิ้มอย่างพึงใจ
“ว้าว เลอค่า ดูแพง โอเค.ๆ งั้นเดี๋ยวฉันไปดูคนอื่นก่อนนะว่าพร้อมรึยัง”
พูดจบก็เดินออกไปทันที อัปสรสวรรค์หันกลับไปแต่งตัวในกระจก พร้อมๆ กับที่ชายร่างสูงคนหนึ่งเดินเข้ามาผูก เน็คไทใกล้ๆ หน้าแดงตาปรือเหมือนกรึ่มๆ
“ยินดีที่ได้เล่นเรื่องเดียวกันนะคะ น้องนางฟ้า เอื๊อก”
ซุปตาร์สาวหันไปมอง ก่อนจะเห็นว่าเป็นภีมพระเอกประจำช่องจอมขี้หลีฟันไม่เลือก
“อ๋อ พี่ภีม สวัสดีค่ะ”
ภีมรีบจับมือหมับ อัปสรสวรรค์ดึงกลับทันที ฝ่ายแรกยกมือตัวเองมาแตะจมูก แอบดมนิดหน่อย
“แหม พี่ได้ยินคำร่ำลือมานานละว่าน้องนางฟ้านี่ฝีมือไม่เบา เป็นเกียรติกับพี่จริงๆ ยังไงเรื่องนี้ก็ช่วยออมมือให้พี่ด้วยนะคะ”
“ไม่หรอกค่ะ ฟ้าก็ต้องเรียนรู้จากพี่ภีมเช่นกัน”
ภีมทำหน้ากระลิ้มกระเหลี่ย “จ้ะ ดีจ้ะ ไว้ว่างๆ พี่จะติวให้ถึงบ้านเลย”
อัปสรสวรรค์ได้ยินก็ยืนเงียบ แบบไม่ขำด้วย ภีมเห็นแบบนั้น ก็แกล้งหัวเราะเสียงดังลั่น
“ฮ่าๆๆๆ ล้อเล่นๆ ละลายพฤติกรรม อย่าถือพี่นะ พี่เป็นคนงี้แหละ อยากเป็นกันเอง”
ขณะนั้นเอง ปูเปรี้ยวก็เดินเข้ามาปรบมือแปะๆ
“เอ้าๆ ถ้าพร้อมแล้วออกไปเจอกันข้างนอกเลยนะคะ พี่จะได้บรีฟงาน อ้าว ภีม นี่เมามาป่าวเนี่ย”
ภีมส่ายหน้าขำๆ “อ๋อ เปล่าครับพี่ คือ..”
ปูเปรี้ยวทำจมูกฟุดฟิด “เปล่าอะไร ตาเยิ้มงี้”
“จุดขายผม ซุปตาร์ตาหวาน 55 เอิ้ก”
ปูเปรี้ยวไม่ขำด้วย “ระวังโดนมาดามเล่นเอานะ บอกไว้ก่อน”
“เดี๋ยวผมฉีดน้ำหอมครับ”
จังหวะนั้น ฮันนี่ก็เดินเข้ามาในชุดและผมโอเว่อร์อลังการ โดยมีชิวาว่าเดินตามมาติดๆ
“น้องฮันนี่เสร็จแล้วค่า”
ทุกคนหันไปมอง ปูเปรี้ยวตาโต
“โห ทำไมมันเด้งงี้ล่ะ เรื่องนี้นางเอก 2 คนนะยะ”
ฮันนี่หัวเราะร่วน “ก็เป็นนางเอกมันก็ต้องแต่งให้เด่นไว้ก่อนสิคะ อีกอย่างคนที่สวยอยู่แล้ว พอแต่งไปแค่นิดเดียวมันก็อาจดูสวยเกินจริงไปบ้าง”
อัปสรสวรรค์แอบเหน็บ “ใช่ค่ะพี่ปูเปรี้ยว ไอ้คนที่ไม่สวย มันก็เลยต้องแต่งให้เกินจริงเว่อร์เข้าไปอีก”
ฮันนี่จ้องหน้าขวับ “แหม ก็พูดไป วันก่อนสลิงขาด วันนี้อาจชะตาขาดก็ได้นะคะ นี่เตือนนะคะ ไม่ได้แช่ง กลัวว่าเป็นอะไรไป นี่จะต้องเล่นเรื่องนี้คนเดียว 2 ตัวน่ะ มันเหนื่อย”
“ไม่น่ายาก ธรรมดาก็เล่นอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ ต่อหน้าคนก็ตัว ลับหลังก็อีกตัว คุณฮันนี่ความสามารถสูงอยู่แล้ว เรื่องหน้าก็รับเล่นเป็นสัตว์ด้วยสิคะ”
ฮันนี่ถลึงตาโกรธจัด ปูเปรี้ยวรีบห้ามทัพ
“คุณชิวาว่า ช่วยพาฮันนี่กลับไป stand by ฝั่งโน้นเถอะค่ะ”
ชิวาว่ารีบพาฮันนี่เดินออกไป ปูเปรี้ยวถอนหายใจเฮือก
“เฮ้อ กว่าจะถ่ายจบ อีปูเปรี้ยวคงจะชีวาวายตายก่อนแน่ๆ”
อัปสรสวรรค์แอบทำหน้าเซ็ง
นักข่าวมาออกันแน่นห้องแถลงข่าว ปกรณ์กับอุไรวรรณเดินถืออุปกรณ์ถ่ายทำมาถึง ก็ช่วยกันรีบจัดของ
นักข่าว 2 คนมองอุไรวรรณแล้วซุบซิบกัน สักพักก็เดินเข้ามาคุยด้วย
“นี่เธอ ย้ายมาอยู่ช่อง SUN แล้วเหรอ”
อุไรวรรณพยักหน้ารับ “ค่ะ”
“ยินดีด้วยนะ งานคราวก่อน จำได้ว่ายังวิ่งเหยียบเธออยู่เลย”
นักข่าว 2 คนหัวเราะขำกัน อุไรวรรณยิ้มนิ่งๆ
“ชีวิตคนมันไม่แน่นอนหรอกค่ะ”
นักข่าวอีกคนรีบถามต่อ “เหรอ แต่มันน่าแปลกนะ ฉันเคยมาสมัครงานที่นี่ ปกติต้องสอบสัมภาษณ์ ฝึกงานอะไรตั้งหลายขั้นตอน นี่เธอได้เริ่มงานเลย”
“เค้าคงดูที่ผลงานมั้งคะ”
“อ๋อ ผลงานขายเพื่อนกินน่ะเหรอ เค้ารู้กันไปทั้งวงการแล้วล่ะ”
นักข่าวคนแรกรีบเสริม “น้องนางฟ้าเค้าก็นางฟ้าสมชื่อ ทำกันขนาดนี้ยังช่วยเพื่อน”
อุไรวรรณของขึ้น หน้าเปลี่ยนสีทันที “พวกคุณเอาอะไรมาพูด”
“ก็เอาเถอะ ดูกันที่ผลงาน นี่ก็เห็นแล้ว มาวันแรกก็โชว์แบกขากล้องเดินต้อยๆ เก่งจริงๆ พวกเรายังทำไม่ได้เลยนะเนี่ย”
ขาดคำนัตตี้ก็เดินเข้ามาหาเพื่อนนักข่าว
“เอ้าๆ จะเริ่มแล้วนะ”
ครั้นเหลือบไปเห็นอุไรวรรณมองอยู่ก็ตกใจ ร้อนตัว รีบหันไปบอกกับเพื่อนนักข่าว
“ฉันไป Stand by ก่อนนะ”
พูดจบก็รีบเดินไป อุไรวรรณมองตามอย่างเคืองๆ
ไฟในห้องแลงข่าวเริ่มหรี่ลงจนมืด เพลงจังหวะตื่นเต้นดังขึ้นมาแทนที่ ที่จอภาพบนเวที กำลังฉาย VTR เปิดตัวละครสองกฤษณา
ราศี อาทิตย์ เดือนเด่น นั่งอยู่ข้างๆ กัน ต่างก็จ้องดู VTR เขม็ง
บนจอ ขึ้นตัวหนังสือ “การพบกันครั้งแรกของ 2 นางเอกซุปตาร์แนวหน้าของเมืองไทย” ตามด้วยรูปของฮันนี่ พร้อมข้อความ “มิรันตี” รับบทโดย “ฮันนี่ อมราวดี”
แขกในงานปรบมือกันเกรียว
จากนั้นบนจอ ก็ขึ้นรูปของนางฟ้า พร้อมข้อความ “ยุรฉัตร” รับบทโดย “นางฟ้า อัปสรสวรรค์”
เสียงปรบมือตามมาดังไม่แพ้กัน
อุไรวรรณจ้องรูปอัปสรสวรรค์ ด้วยสายตาชิงชัง
บนจอ ขึ้นตัวหนังสือ “และพระเอกอันดับหนึ่งที่คุณรอคอย” พร้อมรูปของภีม และข้อความ “ภีม-
ภีมพงษ์ ในบท ภาคิน”
ภาพบนจอ จบที่ภาพหมู่ที่ใช้โปรโมตละคร พร้อมๆ กับที่นัตตี้เดินออกมากลางเวทีพร้อมประกาศ
“และขอเชิญทุกท่านพบกับซุปตาร์นำทั้งสามของเราได้เลยค่ะ”
ไฟฟอลโลสาดไปทางด้านขวาของเวที ฮันนี่เดินออกมาในมาดเย่อหยิ่ง
ไฟสาดไปทางด้านซ้ายของเวที อัปสรสวรรค์เดินออกมาอย่างสวยสง่า
ไฟสาดไปกลางเวที ภีมเดินขึ้นมาจากฝั่งคนดูอย่างเท่สุดๆ
ทั้งสามเดินมาพบกันที่กลางเวทีแล้วโพสท่าอย่างสวยงาม
แสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปรัวต่อเนื่อง อาทิตย์มองจ้องอัปสรสวรรค์ตาไม่กระพริบ เช่นเดียวกับปกรณ์ที่มองจากวิวไฟเดอร์อย่างปลาบปลื้ม ตรงข้ามกับอุไรวรรณที่มองอย่างจงชัง
หลังงานแถลงข่าวจบลง นักข่าวต่างก็เตรียมตัวรอสัมภาษณ์ราศี อาทิตย์ และเหล่านักแสดง
ทีมงานเอาเฮดเซ็ทมาสวมให้ปูเปรี้ยวพูดประกาศออกทางไวล์เลส ได้ยินกันทั้งฮอลล์
“ตอนนี้นักแสดงทุกคนจากสองกฤษณาพร้อมให้สัมภาษณ์และถ่ายรูปแล้วนะคะ ส่วนท่านใดที่ยังไม่ได้แฟ้มเอกสารเชิญมารับได้ที่โต๊ะด้านข้างนี้เลยนะคะ”
อัปสรสวรรค์ ภีมและฮันนี่ให้สัมภาษณ์และถ่ายรูปกันอยู่คนละมุม
เดือนเด่นยืนประกบลูกสาว ยิ้มแป้นออกสื่อไปด้วย
“บทยุรฉัตรในเรื่องนี้ค่อนข้างมีหลายมิติ เป็นบทที่ท้าทายความสามารถในการแสดงของฟ้ามาก ยังไงฝากผลงานด้วยนะคะ”
นักข่าวยิ้มพอใจ “น้องนางฟ้าให้สัมภาษณ์ดีมากเลยค่ะ”
นักข่าวอีกคนวิ่งเข้ามาบอกเพื่อน
“นี่ๆ น้องฮันนี่กำลังให้สัมภาษณ์เรื่องภาพหลุด ไปเร็ว”
“เหรอๆ ไปเร็ว”
นักข่าววิ่งกรูไปทางฮันนี่ อัปสรสวรรค์มองตาม เดือนเด่นโวยวาย
“อ้าวๆ นี่มันงานเปิดตัวละครนะ นังฮันนี่มันสร้างข่าวเรียกร้องความสนใจรึเปล่า กะขโมยซีนชัดๆ”
“คงไม่ได้ตั้งใจหรอกค่ะแม่”
เดือนเด่นเบะปาก “คงหรอก”
“ไม่มีใครอยากเป็นข่าวกับผัวชาวบ้านหรอกค่ะ”
เดือนเด่นหันไปมองทางฮันนี่ ที่กำลังให้สัมภาษณ์นักข่าว ในกลุ่มนั้นมีอุไรวรรณรวมอยู่ด้วย
“อ๋อ ไม่เห็นต้องอะไรนี่คะ ถามพนักงานก็ได้ วันนั้นไปกันตั้งหลายคน แต่ภาพดันไปจับแค่นี่กับเค้า”
นักข่าวเห็นอุไรวรรณมายืนถือไมค์อยู่ด้วยก็แซวด้วยความหมั่นไส้
“ถือไมค์เป็นด้วยหราตะเอง”
นักข่าวอีกคนชี้ไปทางฮันนี่ “ดาราช่องตัวเองนี่ กล้าเล่นเหรอ”
นักข่าวหัวเราะกันคิกๆ อุไรวรรณกัดฟันพยายามเก็บอารมณ์
ฮันนี่ให้สัมภาษณ์ต่อ “นี่กับเค้าก็อยู่กันคนละวงการ จะไปเจอกันได้ยังไง นี่ว่าพอเหอะ สงสารลูกเมียเค้า อย่าไปทำให้ครอบครัวเค้าแตกแยกเลยนะคะ เรียบร้อยแล้วนะคะ”
ขณะฮันนี่กำลังจะเดินออก เสียงอุไรวรรณก็โพล่งขึ้นมา
“พอจะจำได้มั้ยคะ ว่าไปกับใครบ้าง”
ฮันนี่ตวัดตาขวับหันมองอุไรวรรณ นักข่าวสำนักอื่นพากันหันมองตาม
อุไรวรรณจ้องหน้าฮันนี่กลับอย่างไม่เกรงบารมี ฝ่ายหลังอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนเปลี่ยนเป็นยิ้มหวาน
“ว้าย ตายล่ะ ถามขนาดนี้เลย ไปกันเยอะแยะค่ะ ปูเป้ เพ็ญพรรณเอย”
อุไรวรรณสอดขึ้นมาอีก “ปูเป้ขึ้นไอจีว่าอยู่ฮ่องกงนี่คะ”
ฮันนี่ทำเป็นนึกได้ “เออ ใช่ เป้ไม่ได้ไป แต่มีพริก ชนิกา , แซนด์ โสพิศ”
อุไรวรรณสวนกลับอีกดอก
“เมื่อคืนนี้พริกไปออกงานอีเว้นต์ที่เชียงคาน ส่วนแซนด์ได้ข่าวว่าไม่ได้คุยกับคุณมาเดือนนึงแล้ว แถมเมื่อคืนยังอัพไอจีกัดเพื่อนดาราที่ควงสามีคนอื่นไปเที่ยวด้วย เค้ายิ่งไม่น่าจะไปกับคุณนะคะ”
นักข่าวต่างส่งเสียงฮือฮา รีบจดข้อมูลยิกๆ ฮันนี่อึ้งไปแล้วฝืนกลับมายิ้ม
“นี่ว่า....”
พูดได้แค่นั้น ก็แกล้งทำเหมือนหน้ามืดจะเป็นลม ยกมือกุมหน้าผากทันที
“โอ๊ย !! พี่ว่าคะ พี่ชิวาว่า”
นักข่าวพากันตกใจ ฮันนี่เซจะล้มลง ชิวาว่ารีบวิ่งเข้ามาพยุงไว้
“อุ๊ย ขอทางหน่อยค่ะ สงสัยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงน้องฮันนี่จะกำเริบ ขอตัวก่อนนะคะ”
นักข่าวแหวกทางให้ ชิวาว่ารีบพาฮันนี่ออกไปห้องพยาบาลด้านหลัง
ราศี อาทิตย์ ต่างหันมามองเหตุชุลมุนนั้น ปูเปรี้ยวเข้ามาดูเหตุการณ์ก็รีบพูดให้สถานการณ์ดีขึ้น
“อ๋อ ไม่เป็นไรนะคะ น้องฮันนี่ของเราคงโหมงานหนักไปนิสส์ เดี๋ยวอีกแป๊บคงปรากฏตัวออกมาอีกรอบนึง เชิญน้องๆ สัมภาษณ์ถ่ายรูปคนอื่นๆ ไปก่อนนะคะ”
พูดจบก็รีบปิดสวิสซ์ไวล์เลส ที่กล่องที่เหน็บเอวด้านหลังก่อนจะบ่น
“มาดามไปเอาฤกษ์จากหมอไหนมาวะเนี่ย เฮ้อ”
อุไรวรรณตกใจกับอาการของฮันนี่ รีบเดินตามไปทันที อัปสรสวรรค์ที่กำลังยืนให้ช่างภาพถ่ายรูป ก็เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดด้วย
ฮันนี่นอนหลับตาทำหน้าไม่ไหวอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล พอพยาบาลเดินออกไป ชิวาว่าก็เดินเข้ามาใกล้ๆ
“ไงอะ”
ฮันนี่ลืมตาขึ้นมาดู
“วิชาหายตัวเหรอ อย่าใช้บ่อยนะคะ”
“เออสิ อีนักข่าวนั่น ไม่รู้มาจากสำนักไหน ถามจี้อยู่ได้”
“นักข่าวช่อง SUN เราเองนี่แหละค่ะ ชื่ออุไรวรรณ เห็นบอกว่าเพิ่งเข้ามาใหม่”
ฮันนี่ยิ่งโกรธหนัก “นักข่าวช่องเรา แล้วทำไมมันถามแบบนี้วะ”
“ก็คงยังไม่มีใครสอนมันน่ะสิ พี่ก็บอกคุณน้องแล้วให้มานั่งซ้อมตอบคำถามกันไว้บ้าง เผื่อเจอคน พรรค์นี้ แล้วนี่จะออกไปอีกปะ”
ฮันนี่ส่ายหน้ายิก “ไม่ไปแล้ว เหนื่อย ฝืนยิ้มจนไหมจะเสื่อมอยู่ล่ะ”
“งั้นเดี๋ยวพี่ไปเอากระเป๋าก่อนนะ วางไว้ข้างหน้าโน่นเดี๋ยวหาย”
ฮันนี่พยักหน้าให้แล้วนอนหลับตาต่อ
อุไรวรรณเดินมาถึงห้องพยาบาล เจอพยาบาลที่กำลังเดินสวนออกไป
“ขอโทษนะคะ คุณฮันนี่เป็นอะไรมากรึเปล่า”
“อ๋อ ตอนนี้ให้นอนพักอยู่น่ะค่ะ คงแค่อ่อนเพลียเฉยๆ”
อุไรวรรณพยักหน้ารับ “ค่ะๆ”
พอพยาบาลเดินจากไป อุไรวรรณก็เดินเข้าไปในห้องพยาบาล ขณะที่ฮันนี่ยังนอนหลับตาอยู่ ครั้นเธอเดินเข้าไปดูใกล้ๆ อีกฝ่ายก็ยกมือขึ้นมาบีบคอทันที อุไรวรรณชะงักด้วยความตกใจ ก่อนจะถูกฮันนี่ที่ลุกขึ้นจากเตียง
ซัดมือเข้าที่หน้าอย่างแรงจนล้มลงไปนั่ง
“แก อีนักข่าวกระจอก แกรู้มั้ยว่าฉันเป็นใคร อยากทำงานที่นี่อยู่อีกมั้ย”
ฮันนี่ตามเข้าไปซัดไม่เลี้ยง อุไรวรรณพยายามปัดป้อง
“สู้เหรอๆ”
ฮันนี่หันไปหยิบสายวัดความดันบนโต๊ะมาแล้วจัดการรัดคออุไรวรรณทันที
“อย่าคิดว่าเป็นนักข่าวแล้วจะทำอะไรใครก็ได้นะ”
อุไรวรรณตาเหลือก เริ่มหายใจไม่ออก ขณะนั้นอัปสรสวรรค์กับปูเปรี้ยวเปิดประตูเข้ามาเห็นเหตุการณ์พอดี
“ปล่อยเพื่อนฉันเดี๋ยวนี้นะ”
พูดพลางรีบเข้าไปกระชากฮันนี่ออก จนเซไปก้นกระแทกกับขอบเตียง พร้อมกับชี้หน้า
“นี่เธอทำอะไร”
“ก็จะเอาเลือดปากสาระแนอีนี่ออกไง”
ฮันนี่พูดพร้อมกับทำท่าจะเข้าไปขย้ำอุไรวรรณต่อ ปูเปรี้ยวเข้ามาขวางไว้จนโดนกระแทกไปติดประตูจนกล่องไวล์เลสที่เอวกระแทกกับประตู
ไวล์เลสเปิดเห็นไฟแดงสว่างวาบ
“หยุด หยุดเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
เสียงปูเปรี้ยวดังเข้าไปในห้องแถลงข่าว ทุกคนต่างพากันงง รวมทั้งราศี เดือนเด่น อาทิตย์ และปกรณ์
“ใครมาทางไหนก็เชิญกลับไปทางนั้นเลยค่ะ”
ปูเปรี้ยวตะคอกซ้ำ ชิวาว่าเดินหิ้วกระเป๋าเข้ามาเห็น ก็สะดุ้ง ตกใจ
“มีอะไรกันหรือคะ”
“กลับกันเถอะพี่”
ฮันนี่รีบลุกเดินออกไปอย่างโมโห ชิวาว่าเดินตามไปอย่างงงๆ
อัปสรสวรรค์เห็นอุไรวรรณนั่งหอบอยู่ ก็รีบเข้าไปดู
“แกเป็นอะไรมั้ย”
แต่กลับถูกอีกฝ่ายสะบัดมือออก “อย่ามายุ่งกับฉัน”
ขาดคำก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปทันที
ปูเปรี้ยวพยายามร้องเรียก “นี่เธอ”
แต่อุไรวรรณก็ไม่หันกลับมามอง
เสียงปูเปรี้ยวยังลอดออกมาที่ลำโพง ราศีหันไปถามอาทิตย์
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ”
เดือนเด่นรีบบอก “เสียงคุณน้องปูเปรี้ยวนี่คะ”
อุไรวรรณเดินออกมาถึงห้องแถลงข่าว เจอปกรณ์พอดี
“ตามหาแกตั้งนานแน่ะ ไปไหนมา”
สักพักก็ได้ยินเสียงปูเปรี้ยวมาทางลำโพง
“น้องฟ้าเป็นไงบ้างคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
เสียงปูเปรี้ยวถอนหายใจ “ดูตายัยอุไรนั่นสิคะสำนึกที่ไหน เฮ้อ มันคุ้มมั้ยคะน้องฟ้า ที่เป็นธุระฝากมันเข้าทำงาน”
อุไรวรรณสะดุดกึก หน้าร้อนไปหมด พวกนักข่าวต่างหันมามอง อาทิตย์ตกใจ
“อะไรเนี่ย”
ทุกคนมองอุไรเป็นตาเดียว นัตตี้หันไปเม้าท์กับเพื่อนนักข่าวทันที
“ไหมล่ะ อย่างที่ฉันบอกป๊ะ”
ไม่ว่าในงานจะมีใครรู้หรือไม่รู้เรื่องที่ปูเปรี้ยวพูด แต่อุไรวรรณก็ทั้งเจ็บทั้งอาย รีบวิ่งออกไปข้างนอก ปกรณ์มองตามอย่างงงๆ
อาทิตย์รีบสั่งคนคุมเสียงที่คอนโทรล
“ปิดไมค์ เฟดเสียงลงสิ”
ราศีรีบหันไปสั่งเรด้า “นี่เธอ ช่วยไปดูข้างหลังซิว่ามีอะไรกัน เอะอะกันอยู่ได้”
เรด้ารับคำแล้วรีบวิ่งออกไป
อัปสรสวรรค์กับปูเปรี้ยวกำลังจะเดินออกมา เรด้าก็วิ่งสวนมาเจอพอดี
“อะไรล่ะแม่เรด้า” ปูเปรี้ยวรีบถาม
“ด่าใครเค้ารู้กันทั่วงานแล้วค่า”
ปูเปรี้ยวแปลกใจ “อะไร เธอเอาอะไรมาพูด”
“ก่อนจะพูดต่อ ปิดไมค์เดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
ปูเปรี้ยวตกใจ รีบคลำที่ครื่องไวล์เลส “คุณพระช่วย”
เรด้าส่ายหน้า “ ช่วยไม่ทันละค่ะ ขุ่นแม่เล่นด่าเด็กฝากเด็กเส้นดังไปทั้งฮอลล์เลย”
ปูเปรี้ยวหันไปมองหน้าอัปสรสวรรค์ ฝ่ายหลังตกใจรีบวิ่งออกไปทันที
อุไรวรรณหลบมายืนร้องไห้อยู่ที่ริมบ่อน้ำหน้าตึก ด้วยความแค้นเคือง
“แกจะอะไรกับฉันนักหนาหา อีนางฟ้า”
พลันเสียงอัปสรสวรรค์ก็ดังมาจากด้านหลัง
“ไร”
อุไรวรรณจำเสียงได้ โดยไม่ต้องหันไปมอง
“แกทำอย่างนี้ทำไม สนุกมากนักใช่มั้ย ที่หลอกให้ฉันหลงภูมิใจความสามารถของตัวเอง”
“ที่ฉันทำเพราะฉันอยากช่วยแก เพราะเราเป็นเพื่อนกัน”
อุไรวรรณปาดน้ำตาหันกลับมาจ้องหน้าอีกฝ่าย
“เหรอ คำพูดเก๋เนอะ แกคิดแบบนี้เป็นตั้งแต่เมื่อไหร่ แกอยากให้ฉันเข้ามาได้เพราะบุญคุณของแก จะได้อยู่ใต้ตีนแกใช่มั้ย”
“ฉันไม่เคยคิดงั้นเลยนะ”
อุไรวรรณแค่นยิ้ม “รู้ไว้ด้วยนะ ไม่ใช่ทุกคนที่ชอบใช้เส้นสาย อย่าคิดว่าทุกคนเค้าจะชอบเป็นเด็กเส้นเหมือนแก คนอย่างฉัน ถึงไม่มีจะกิน แต่ถ้าต้องเอาเปรียบคนอื่น จนทำให้เค้าเดือดร้อนหมดสิ้นความสุข ฉันยอมตาย ซะดีกว่า”
อัปสรสวรรค์ได้ยินก็ถึงกับน้ำตาคลอ อุไรวรรณชี้มือไปข้างใน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“เดินกลับไป กลับไปเริงร่าในสรวงสวรรค์ของแกโน่น และต่อไปนี้อย่ามาก้าวล้ำพื้นที่ของคนต่ำๆ อย่างฉันอีก ฐานะฉันกับแกแค่คนรู้จักชื่อกันยังมากเกินไป”
“ไร”
อุไรวรรณไม่สนใจ รีบเดินผละออกมาอย่างโกรธจัด อัปสรสวรรค์ขยับจะตามไป แต่มีมืออาทิตย์เข้ามารั้งไว้
“กลับเข้าไปข้างในเถอะ”
“คุณยุ่งอะไร”
อาทิตย์รีบบอก ” หน้าที่คุณตอนนี้คือเข้าไปโชว์ตัว โปรโมตละคร ส่วนเรื่องอุไร เธอเป็นพนักงานของผม ผมจัดการเอง”
ซุปตาร์สาวมองอีกฝ่ายนิ่งงัน
อุไรวรรณนั่งหน้าเครียด ขณะอยู่ต่อหน้าป๋าช้าง
“คิดดีแล้วเหรอ เพิ่งมาทำได้วันเดียวเองนะ”
“ดีแล้วค่ะ หนูคงอยู่ต่อไปไม่ได้ในฐานะแบบนี้”
ป๋าช้างมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ
“เธอนี่แปลกนะ จะว่าบ้าก็ไม่เชิง เด็กฝากเด็กเส้นเค้าก็มีกันทั่วบ้านทั่วเมือง ไม่เห็นเค้าจะเดือดร้อนเหมือนเธอ”
อุไรวรรณพยายามเก็บอาการ “แต่หนูเดือดร้อนมากค่ะ”
ป๋าช้างถอดแว่นถอนใจ “เฮ้อ ป๋าเข้าใจเรื่องที่เธออึดอัดนะ แต่เรื่องนี้ป๋าคงไม่มีอำนาจตัดสิน”
“แล้วใครล่ะคะ”
ขาดคำ ประตูก็ถูกเปิดออก พร้อมกับที่อาทิตย์เดินเข้ามา ป๋าช้างเห็น ก็รีบลุกขึ้น
“อ้าว คุณอาทิตย์ เชิญครับ”
“ตามสบายครับลุง”
ป๋าช้างรีบบอกอุไรวรรณ “ นี่คุณอาทิตย์ คนที่น่าจะตัดสินได้นั่นแหละ”
อาทิตย์ยิ้มให้อุไรวรรณ “ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการครับ คุณอุไรวรรณ”
อุไรวรรณแค่นยิ้ม
“ ค่ะ ถ้าคุณคือคนที่รับฉันเข้ามาทำงานที่นี่เพราะคำขอของนางฟ้า ฉันขอลาออกค่ะ”
ป๋าช้างตกใจกับคำพูดแข็งกร้าวของอุไรวรรณ อาทิตย์ยิ้ม พลางยกนาฬิกาขึ้นมาดู
“นี่ก็เลยเวลางานแล้ว คงอนุมัติอะไรไม่ได้ แล้วที่สำคัญผมหิวมาก คุณไปทานข้าวกับผมหน่อยสิ”
อุไรวรรณทำหน้างง “อะไรนะคะ”
อาทิตย์ไม่ตอบ แต่กลับผายมือออกไปด้านนอก “เชิญครับ”
ทั้งอุไรวรรณ ทั้งป๋าช้างทำหน้างง อาทิตย์ยิ้มกริ่ม
เพื่อนรักเพื่อนริษยา ตอนที่ 2 (ต่อ)
ปกรณ์ยืนคุยกับอัปสรสวรรค์อยู่ในห้องล้างรูป ขณะที่มือก็ตากรูปที่ถ่ายในวันนี้ไปด้วย
“ไรออกไปกับคุณอาทิตย์”
ตากล้องหนุ่มพยักหน้ารับรู้ “เห็นลุงบอกว่าไรมันมาขอลาออก แต่คุณอาทิตย์ก็ชวนมันไปกินข้าวซะงั้น”
“ตาบ้านั่นพาไรไปไหน”
อัปสรสวรรค์รำพึงกับตัวเอง ด้วยความเป็นห่วงเพื่อน
ที่ร้านอาหารญี่ปุ่น อาทิตย์คีบปลาดิบกินอย่างสบายใจ ตรงข้ามกับอุไรวรรณที่นั่งหน้าหงิกอยู่ฝั่ง ตรงข้าม
“ทานหน่อยสิคุณ ร้านนี้อร่อยนะ ถ้าทานไม่ลง ถ่ายรูปอัพไอจีโชว์เพื่อนยังดี”
อุไรวรรณมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ “ถ้าคุณไม่มีอะไรพูดกับฉัน ฉันกลับล่ะนะ”
พูดพลางขยับจะลุกขึ้น อาทิตย์รีบวางตะเกียบแล้วกวักมือให้อยู่ก่อน
“เดี๋ยวสิคุณ”
อุไรวรรณจ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง อาทิตย์พูดต่อ
“พวกคุณนี่ใจร้อนกันทั้งแก๊งเลยนะครับ นั่งก่อน ผมพร้อมล่ะ”
อุไรวรรณนั่งลง อาทิตย์ดื่มน้ำแล้วมองหน้า ก่อนจะพูดอย่างจริงจัง
“คุณคิดว่าช่อง SUN ของเราประสบความสำเร็จมากมั้ยครับ”
อุไรวรรณยังงงกับคำถาม “ค่ะ แต่จะเล็กจะใหญ่ไรไม่สน มันอยู่ที่ความพอใจที่จะอยู่ค่ะ”
“อื้ม no no ผมไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น ผมจะถามว่าคุณคิดว่ามันประสบความสำเร็จได้เพราะใคร”
“ก็คุณราศี”
อาทิตย์พยักหน้ายิ้มๆ
“ถูกต้อง แม่ผมใช้เวลาทั้งชีวิตปลุกปั้นช่อง SUN ตั้งแต่ไม่มีอะไรจนกลายเป็นอาณาจักร แล้วคุณคิดว่าผมจะทำให้มันพังทลายลงได้เหรอ”
อุไรวรรณทำหน้ากวน “ก็ไม่แน่”
“แต่สำหรับผมคงไม่มีทาง แม่รักที่นี่มาก และก็ฝากความหวังไว้กับผมที่จะเป็นรุ่นต่อไป บริษัทไหนๆ ก็จับตา ฉะนั้นทุกอย่างที่ผมเลือก มันจะต้องเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับช่อง SUN รวมทั้งคุณด้วย”
อุไรวรรณยิ้มอย่างรู้ทัน “คุณคิดว่าฉันโง่หรือคะ คุณไม่ได้เลือกฉันเพราะดีที่สุด แต่เลือกเพราะมีคนขอร้อง”
“คุณคิดงั้นเหรอ” อาทิตย์ย้อนถาม
อุไรวรรณพยักหน้าแทนคำตอบ
“ทำไมไม่คิดว่านั่นเป็นคำทักท้วงจากนางฟ้าบ้างล่ะ”
“หยุดเอ่ยชื่อนี้ซะทีเถอะ”
อาทิตย์พยายามโน้มน้าว “แล้วถ้าคนที่ขอร้องไม่ใช่นางฟ้าล่ะครับ คุณจะโกรธมั้ย”
อุไรวรรณอึ้งไปครู่หนึ่ง “ฉันก็ไม่เอา”
“สิ่งที่นางฟ้าพูดมา ก็แค่ทำให้พวกเราได้รู้ว่าคุณมีดีมากกว่าที่เห็น ส่วนจะรับหรือไม่นั้นมันเป็นเรื่องของผมกับคุณแม่ไม่ใช่หรือครับ ถ้านางฟ้าเอาคนบ้าที่ไหนมาเสนอให้ ผมก็รับ ช่องเราคงปิดตัวไปนานแล้ว ผู้หญิงที่ฉลาดอย่างคุณน่าจะรู้นะ”
“แต่ฉันต้องการเข้ามาได้ด้วยความสามารถ ไม่ใช่เพราะเส้นสาย”
อาทิตย์ยิ้มอย่างใจเย็น “ไหนล่ะครับ พวกเราจะรู้มั้ยว่าคุณมีดียังไง มีความสามารถอะไร ก็แสดงออกมาสิ คุณทำแบบนี้ จะยิ่งทำให้คนมองว่าคุณเป็นเด็กเส้นไร้ความสามารถจริงๆ อย่างที่เค้าเม้าท์กัน”
ได้ผล อุไรวรรณก้มหน้านิ่ง อาทิตย์พูดต่อ
“ที่คุณหักหน้าฮันนี่กลางงานวันนี้นั่นแหละ เป๊ะ นักข่าวตัวจริงที่ผมต้องการ พิสูจน์ให้ผมเห็นอีกสิว่าผมเลือกคนไม่ผิด ทีนี้ละก็ ถ้าคุณไม่เก่งจริง ผมไล่คุณออกแน่”
อุไรวรรณอึ้งไป เพราะคำพูดของอาทิตย์แทงถูกจุด
จอคอมพิวเตอร์ในหน่วยบันเทิงช่อง SUN กำลังฉายภาพข่าวฮันนี่ตอนจะเป็นลม พร้อมพาดหัว
“ฮันนี่วูบกลางงานแถลงข่าว หลังโดนจี้ถามเรื่องภาพหลุด”
บ๊วยกำลังอ่านข่าวในคอมพ์ โดยมีนัตตี้กับเรด้ายืนอยู่ใกล้ๆ
“ดูสิ ข่าวฮันนี่โดนจี้ถามจนเป็นลมขโมยซีนแซงข่าวเปิดตัวละครไปเลย”
นัตตี้เบะปาก “เห็นคอมเม้นต์มีแต่คนด่านังอุไรว่าไร้มารยาท ละเมิดสิทธิดารา เฮอะ ทำงานได้วันเดียวก็โชว์ออฟไม่ดูตาม้าตาเรือ คงได้ถูกส่งกลับซัวเถาไปแล้วล่ะทีนี้”
บ๊วยช่วยเถียงแทน “แหม แต่เค้าก็ทำตามหน้าที่นักข่าวที่ดีอะนะ”
“จะบ้าเหรอ ฮันนี่เป็นซุปตาร์ช่องเรานะยะ จะไปเล่นข่าวเสียๆ ได้ไง”
บ๊วยเถียงอีก “ ก็ดีกว่าเค้าออกกันทุกช่องแล้วช่องเราเงียบแหละค่ะ”
เรด้าพูดขึ้นมาบ้าง “แต่ฉันไม่เชื่อหรอกว่าน้องฮันนี่จะเป็นกิ๊กกับผัวชาวบ้าน นิสัยเค้าน่าร้ากจะตาย”
“แต่ที่โดนอุไรยิงคำถามไป เค้าก็เงิบเหมือนกันนะ” บ๊วยไม่เห็นด้วย
กรณ์ได้ยินก็ยื่นหน้าออกมา “นังบ๊วย เพ้ออะไร ว่างก็ไปชงกาแฟมาให้กินหน่อย”
“ค่าๆ”
นัตตี้กับเรด้ารีบสั่งด้วย “ ฝากด้วยแก้ว/ อีกหนึ่ง”
บ๊วยมองค้อน “ค่ะๆๆ แหม ขัดคอกันไม่ได้เลยนะ ใช้กันใหญ่”
ว่าแล้วก็เดินออกไปแบบเซ็งๆ นัตตี้หันมาถามกรณ์ทันที
“แล้วตกลงนังอุไรนี่มันเด็กฝากของนางฟ้าจริงๆ เหรอคะพี่กรณ์ ดูท่าทางไม่เห็นจะสนิทสนมอะไรกันเลย”
“ก็ดูธรรมดาซะที่ไหนล่ะจ๊ะ นังเม็ดก๋วยจี๊นี่ก็แร้งส์ส์เว่อร์ ดีแล้วที่ออกๆ ไปซะได้ วันเดียวยังก่อเรื่องขนาดนี้”
คนอื่นๆ พยักหน้าเห็นด้วย
ราศีกอดอกพิงเก้าอี้ พลางถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย
“เออ เด็กช่อง SUN ฟัดกันเองซะแล้ว”
อัปสรสวรรค์กับปูเปรี้ยว ที่อยู่ใกล้ๆ ต่างก็หน้าเครียด
“แล้วมันโกรธแค้นกันเรื่องอะไรนักหนา ถึงได้ไปกัดกันต่อในห้องนั้น”
ปูเปรี้ยวรีบอธิบาย “ก็คงเรื่องที่น้องฮันนี่โดนเด็กอุไรถามจี้เรื่องกิ๊กไฮโซหนุ่มนั่นแหละค่ะ”
“เฮ้อ เด็กนั่นก็แปลกคน นึกอะไรถึงไปถามคนกันเองอย่างนั้น”
“คงเป็นเด็กใหม่น่ะค่ะเลยไม่ทราบ”
“ของแบบนี้ไม่เห็นจะต้องสอน” ราศีพูดพลางหันไปทางอัปสรสวรรค์ “ปกติเพื่อนหนูเป็นคนอย่างนี้เหรอ หนูนางฟ้า”
อัปสรสวรรค์พยักหน้ารับ “ไรเค้าก็เป็นคนตรงๆ ลุยๆ”
“ว่ากันจริงๆ คนแบบนี้เลี้ยงไป ก็ดูจะเป็นภัยกับเรานะ แต่ถ้าเราเอาส่วนนี้มาใช้ประโยชน์ ช่องเราก็อาจจะมีนักข่าวจอมตีแผ่แบบไม่กลัวหน้าอินทร์หน้าพรหมเพิ่มขึ้นมาก็ได้”
ปูเปรี้ยวพูดอย่างรู้สึกผิด “เรื่องเสียงลอดไปนั่น พี่ขอโทษนะคะน้องนางฟ้า พี่ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฟ้าเข้าใจ”
พลันมือถือของราศีก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะ
“ว่าไงตาทิตย์”
อัปสรสวรรค์มองอย่างสนใจ
“นี่แม่ก็อยู่กับหนูนางฟ้านั่นแหละ อืม ถ้าเค้าไม่อยากอยู่ก็ช่างเค้า อือๆ ตามใจแก”
พอราศีกดวางสาย อัปสรสวรรค์ก็ยิงคำถามทันที
“อุไรเป็นไงบ้างคะ”
“ตาทิตย์โทร. มาขอให้เด็กอุไรวรรณนั่นทำงานต่อ บอกว่าเห็นแววอะไรของเค้าก็ไม่รู้ สงสัยจะคิดตรงกันกับป้านี่แหละ”
ซุปตาร์สาวยิ้มดีใจ แววตาแอบมีความหวัง
จริยากับเมฆเป็นครูเต้นนำแอโรบิกอยู่หน้าห้าง มีบรรดาป้าๆ กว่าสิบชีวิตกำลังเต้นตามอย่างตั้งอกตั้งใจ
ปกรณ์ขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดที่ข้างเวที พลางมองดูกิจกรรมที่เพื่อนตัวจิ๋วทำ แล้วก็อมยิ้ม
จริยาหันไปเห็นเพื่อนมายืนดูอยู่ก็ยิ้มแล้วโบกมือให้ พวกป้าๆ ที่อยู่ด้านล่างนึกว่าเป็นท่าเต้นก็โบกมือตาม
ปกรณ์ยิ้มรับ
จริยานั่งคุยกับปกรณ์อยู่ด้านหลังเวที ขณะที่เมฆเดินเก็บอุปกรณ์เครื่องเสียงอยู่ใกล้ๆ
”หายดีแล้วเหรอยัยเปี๊ยก ถึงมาเต้นเหยงๆ”
“ต้องหายแล้วล่ะ มัวนอนซมอยู่จะกินอะไรล่ะ แล้วไรมันเป็นไงมั่ง เมื่อคืนฉันโทร. หาตั้งหลายรอบก็ไม่รับ”
“วันนี้เป็นวันของมันเลยดีกว่า”
จริยาทำหน้า แปลกใจ “ยังไงอ่ะ”
“ทำงานวันแรกก็ก่อวีรกรรมเลย ยิงคำถามแรงใส่ซุปตาร์ช่อง แถมไปมีเรื่องกันต่อข้างหลัง”
“แนวมันเลยดิ จะว่าไปมันก็เหมาะกับงานนี้นะ ไฟท์ๆ ลุยๆ”
ปกรณ์ทำหน้าเครียด “แต่ไฮไลต์อยู่ที่ มันดันรู้ว่านางฟ้าเป็นคนช่วยฝากงานนักข่าวให้”
อีกฝ่ายตกใจ “โห ตายๆๆ ระเบิดลงเป็นชุดเลยสิเจ้ไร”
ตากล้องหนุ่มถอนใจ ส่ายหน้าแบบเอือมๆ “แล้วนี่ต้องไปเต้นที่ผับอีกรึเปล่า”
“ฉันไม่ไปทำงานที่นั่นแล้วล่ะ”
ปกรณ์ยิ้มรับ “ก็ดีแล้ว อย่าไปเสี่ยงเลย”
“คงอีกนานล่ะกว่าจะหายหลอน”
“มันโรคจิตจริงๆ นะไอ้ปราณเนี่ย”
จริยาทำท่าแขยง “อย่าให้พูดเลย”
“ผู้หญิงมีตั้งเยอะตั้งแยะไม่เลือก จะมาเอายัยเปี๊ยกนี่ มันน่าตรงไหน”
“เหรอ อย่ามา “น่า” กะฉันละกันเหอะ”
ปกรณ์เบ้ปากขำๆ เมฆอมยิ้ม
“หิวละ” จริยาพูดขึ้นมา ก่อนจะหันมาทางเมฆ “ยิ้มอะไร ปิ้งย่างมั้ยเมฆ ยากินิกุ”
“แพง”
จริยาหันมามองปกรณ์แล้วทำหน้าทะเล้น
“กลัวทำไม เจ้ามือเค้าไม่อั้น”
ตากล้องหนุ่มยิ้มรับ
อาทิตย์ขับรถมาส่งอุไรวรรณที่หน้าบ้าน
“ขอบคุณนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ อย่างน้อยถ้าพรุ่งนี้คุณไม่ยอมไปทำงาน ผมจะได้มาตามที่บ้านถูก”
อุไรวรรณยิ้มแล้วลงจากรถ อาทิตย์ขับออกไป เพ็ญศรีที่แต่งตัวเตรียมรับแขก เดินออกมาดู
“ใครมาส่งวะนั่น รถหรูเชียว แฟนเหรอ”
“พอดีไรติดรถเจ้านายมาน่ะแม่ คุณอาทิตย์ ลูกคุณราศี”
เพ็ญศรีตกใจ “เฮ้ย แรง เพิ่งทำงาน ก็เล่นลูกชายเจ้าของบริษัทซะแล้ว”
อุไรวรรณรีบปฏิเสธ “อะไรแม่ แค่มาส่งเนี่ยนะ”
“แล้วมันเรื่องอะไรเค้าต้องมาส่งแกด้วย ถ้าเค้าไม่คิดอะไรกับแก ป่านนี้ก็โหนรถเมล์กลับบ้านเหอะ”
“แม่ก็คิดไปโน่น”
“รีบคว้าไว้เถอะ เชื่อฉัน”
พูดจบเพ็ญศรีก็เดินออกไป อุไรวรรณมองตาม พลางฉุกคิดถึงคำพูดของแม่
เช้ารุ่งขึ้น ขณะที่อาทิตย์เดินเข้ามาที่ตึก SUN อัปสรสวรรค์หันมาเห็น ก็ปราดเข้าไปขวาง
“นี่คุณ เมื่อคืนพาเพื่อนฉันไปไหน”
อาทิตย์ไม่ตอบ แต่กลับย้อนถาม “อ้าว วันนี้เปิดกล้องนะคุณ ทำไมยังไม่ไปกอง”
“ฉันถามว่าเมื่อคืนคุณพาเพื่อนฉันไปไหน”
“อะไรกันล่ะคุณ เค้าเป็นพนักงานของที่นี่ ผมจะพาไปไหนก็เรื่องของผม”
อัปสรสวรรค์คาดคั้นถามย้ำ “อุไรยังไม่มาทำงาน ตกลงยังไง อุไรลาออกรึเปล่า”
“ใครจะไปเดาใจเค้าได้”
“ถ้างั้น ในเมื่อไม่ได้มีบุญคุณอะไรกันแล้ว ฉันก็ไม่จำเป็นจะต้องเล่นละครเรื่องนี้แล้วสิ”
อาทิตย์หน้าเหวอ “ได้ไงคุณ เปิดตัวไปแล้วนะ”
“เปิดก็เปิดสิ เปิดได้ก็ปิดได้ ดาราเล่นแทนฉันมีตั้งเยอะแยะ ดีจะได้ไม่ต้องเล่นกับยัยฮันนี่ผีขนุนนั่น”
อาทิตย์อึ้ง พลางส่ายหน้ากับความเฮี้ยวของอีกฝ่าย ก่อนจะปรายตามองไปที่ระเบียงไกลๆ แล้วจึงพยักหน้าให้เธอมองตาม
พออัปสรสวรรค์หันไปดู ก็เห็นอุไรวรรณเดินเข้ามา
อาทิตย์ยิ้มสะใจ “คุณต้องไปถ่ายละครให้ผมแล้วล่ะ”
ซุปตาร์สาวหน้าเจื่อน
“ป๋าดีใจนะที่เธอกลับมาทำงาน อย่างนี้สิถึงจะได้พิสูจน์ตัวเอง ป๋าก็คิดว่านายเค้าต้องคิดมาอย่างดีแล้วถึงเลือกเธอเข้ามา ไม่ใช่เพราะใครจะฝากฝังได้หรอก”
ป๋าช้างพูดอย่างมีเมตตา อุไรวรรณยิ้มรับ
“ส่วนเรื่องฮันนี่นั่น ป๋าว่าเธอก็ทำดีแล้วนะ แต่มันอาจจะผิดวัฒนธรรมองค์กรไปซักหน่อย คือเค้าเป็นดาราของช่องเราน่ะ อะไรเสียๆ ก็อย่าไปโฟกัสเค้าเลย ปิดหูปิดตาซะบ้าง”
“หนูก็แค่อยากเสนอความจริงน่ะค่ะ เราเป็นสื่อไม่ใช่หรือคะ”
ป๋าช้างพยักหน้าหงึก “อื้ม แต่ข่าวบันเทิงน่ะ มันไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย มันเป็นความบันเทิงที่มาในรูปแบบของข่าว เธอค่อยๆ เรียนรู้ไปแล้วกัน เอาเป็นว่าวันนี้ป๋ามีงานให้ทำ”
อุไรวรรณยิ้มรับ
อุไรวรรณกับปกรณ์เตรียมเก็บข้าวของออกไปทำข่าว นัตตี้นั่งคุยอยู่กับกรณ์หันไปเห็นก็คันปาก
“มาเก็บของกลับซัวเถาหรือคะ น้องอุไร”
อุไรวรรณตอบกลับแบบนิ่งๆ “เปล่าค่ะ จะไปทำข่าว”
นัตตี้ตกใจ “อะไรกัน หมายความว่าไง คุณอาทิตย์เค้าไม่ได้ไล่เธอออกเหรอ”
“ไม่นี่คะ เค้าเป็นคนชวนฉันกลับมาทำเอง”
นัตตี้ยิ่งมึนหนัก หันไปเมาท์กับกรณ์
“เฮ้อ อย่างว่าแหละนะคะพี่กรณ์ เด็กเส้นต่อให้ทำตัวเปรี้ยว เลวหรือว่าถ่อยแค่ไหน ยังไงเค้าก็ต้องจำใจให้อภัยอยู่ดี”
อุไรวรรณหันมองหน้านัตตี้อย่างไม่พอใจ กรณ์พยักเพยิด
“ก็ดูกันไปก่อนเถอะจ้ะ คนถ้ามันไม่มีความสามารถจริงๆ สุดท้ายก็อายอยู่ไม่ได้ไปเอง”
อุไรวรรรณมองจ้องทั้งคู่เหมือนจะเอาเรื่อง ปกรณ์ต้องรีบเข้ามาสะกิด
“ไปเหอะ”
อุไรวรรณมองแค้นๆ แล้วเดินออกไป นัตตี้หัวเราะกับกรณ์สนุกสนาน
“ถ้าสิ่งที่ฉันทำไปมันไม่มีค่าอะไรสำหรับคุณ ฉันก็ต้องขอโทษด้วยค่ะ”
อัปสรสวรรค์พูดไปน้ำตาคลอไป ก่อนจะหันหลังเดินออกไป ภีมพยายามจะรั้งไว้ ก่อนที่เสียงพี่หมี
ผู้กำกับทอมบอยจะดังมา
“คัท”
อัปสรสวรรค์เดินออกมาหน้าเซ็ตพร้อมกับภีม ทีมงานกำลังจะเอากระบอกน้ำไปให้ แต่พี่หมีแย่งมาให้เอง
“เยี่ยมๆๆ ดื่มน้ำก่อนนะฮะ”
ซุปตาร์สาวรับกระบอกน้ำไปดื่ม ช่างหน้า, ผมเข้ามาซับหน้าให้
“แหม น้องนางฟ้าของพี่หมีนี่เล่นดี๊ดีไม่เปลี่ยนเลย”
“ขอบคุณค่ะพี่”
จู่ๆ เสียงอาทิตย์ก็ดังเข้ามา “แต่ผมว่าไม่เท่าไหร่”
ทุกคนหันไปตามเสียง อัปสรสวรรค์เดินออกไปอย่างไม่สนใจ ปูเปรี้ยวหันไปยิ้มให้อาทิตย์ ก่อนจะรีบเดินตามไป
พี่หมีพูดทัก “อ้าว คุณอาทิตย์ งานนี้มาดูเองเลยเหรอฮะ”
“ครับ โปรเจ็กต์แรกของผม คงต้องตั้งใจหน่อย เดี๋ยวจะโดนคุณแม่ว่าเอาได้”
“ตะกี้มีไม่ชอบตรงไหนหรือฮะ”
อาทิตย์รีบแจง “ผมว่านางเอกยังดูอ่อนต่อโลกไปหน่อย เหมือนละครเก่าๆ คนดูเบื่อแล้วครับ ยุคนี้นางเอกต้องแรงๆ กล้าต่อปากต่อคำ ถ้าไม่ผิดจริงล่ะไม่ยอมแน่”
“แหม แต่คนดูเค้าก็ชอบแบบนี้กันนะฮะ”
อาทิตย์พูดแย้ง “เค้าคงไม่ได้ชอบหรอกครับ แต่ไม่มีอะไรให้เลือกดูมากกว่า เพราะเราคิดกันไปเองแบบนี้ ซีรี่ย์เกาหลีถึงได้เข้ามาตีตลาดได้ไงครับ”
พี่หมีจ๋อย พร้อมกับแอบค้อน
อุไรวรรณกับปกรณ์ขนของเข้ามาถึงหน้ากองถ่าย ขณะที่อัปสรสวรรค์หน้าบึ้งเดินบ่นกับปูเปรี้ยวออกมา
“ผมว่าไม่เท่าไหร่ เชอะ ไม่เท่าไหร่ก็มาเล่นเองเลยสิ”
ปูเปรี้ยวตกใจ “หวาย ที่พูดถึงนั่น ลูกชายเจ้าของช่องนะคะ”
ทั้งคู่เดินผ่านหน้าอุไรวรรณไปโดยไม่ทันเห็น ฝ่ายหลังเมื่อเห็นอัปสรสวรรค์ ก็อึ้งไปนิดหนึ่ง
“นี่เรามากองถ่ายของนางฟ้าเหรอ”
ตากล้องหนุ่มพยักหน้า
“ใช่ สองกฤษณาไง เดี๋ยววันนี้แกช่วยเก็บภาพแคนดิดนะ ลุงช้างอยากได้สกู๊ปเบื้องหลังภาพหลุดฮาๆ”
พูดจบก็เดินนำเข้าไป อุไรวรรณทำหน้าอึดอัด อย่างอยากหนีกลับเต็มทน
พออาทิตย์เดินมาเจอทั้งคู่ ก็พูดเอ่ยทัก
“อ้าว มาทำข่าวกันเหรอครับ”
อุไรวรรณเห็นหน้าอาทิตย์ก็สีหน้าดีขึ้น เริ่มเปลี่ยนใจอยากอยู่ต่อ ปกรณ์แอบมองเห็นสีหน้าเพื่อน
กองถ่ายดำเนินต่อไป อัปสรสวรรค์กับภีมยืนเตรียมพร้อม พี่หมีกับอาทิตย์นั่งดูมอนิเตอร์ ส่วนปกรณ์กับอุไรวรรณเดินเก็บภาพตามมุมต่างๆ
พี่หมีดูบทไปบ่นไป “แหม อีคนเขียนบท ท่ามันจะโรคจิต ตอนแรกฉากแรกก็จัดให้จูบกันเล้ย”
อาทิตย์ยิ้มรับ “เดี๋ยวนี้ตีหัวเข้าบ้านอย่างเดียวไม่พอแล้วครับ มันต้องกระทืบซ้ำเอาให้น็อกไปเลย”
พี่หมีชะงัก มองอาทิตย์ แล้วหันไปตะโกน “เอ้าๆ พร้อมแล้วนะ โอบีพร้อม เทปมา”
ผู้ช่วย1 เริ่มนับ “เทปนับ ห้า สี่ สาม สอง...”
พระ-นางเริ่มเข้าบทอีกครั้ง
“ฉันมันคงไม่ดีพอ ลาก่อนค่ะ”
นางเอกหันหลังจะหนี พระเอกรีบดึงตัวเข้ามาในอ้อมกอด แล้วจูบโดยใช้มุมกล้องช่วย
ทีมงานทุกคนลุ้น อาทิตย์ตาโต ก่อนจะเป็นฝ่ายสั่งคัทเอง พี่หมีและทีมงานงงไปตามๆ กัน
พี่หมีแหกปากถาม “เสียงใครสั่งคัทวะ”
ปูเปรี้ยวสะกิดพี่หมียิกๆ แล้วชี้ๆ ไปที่อาทิตย์
“ทำไมล่ะฮะคุณอาทิตย์”
“ทำไมไม่จูบจริงล่ะครับ”
อัปสรสวรรค์อึ้ง หันมามองขวับ
พี่หมีอึกอัก “ก็ น้องนางฟ้า...”
อัปสรสวรรค์ฉุน “ ฉันไม่จูบค่ะ มีอะไรมั้ย”
“อะไรกัน นี่คุณเล่นละครมาตั้งหลายเรื่อง ไม่เคยจูบจริงเลยเหรอ”
พี่หมีช่วยอธิบาย “เค้าก็รู้กันทั้งวงการนะฮะว่าน้องนางฟ้าไม่เล่นจูบจริง”
อาทิตย์มองเหยียด “ไม่มีความเป็นมืออาชีพเลย”
อัปสรสวรคค์ยักไหล่ “ไม่เห็นจะเกี่ยว ก็แค่การแสดงทำไมต้องทำขนาดนั้นด้วยล่ะ”
“ใช่ แค่การแสดง จะหวงอะไรนักหนา นี่มันอาชีพคุณนะ”
อีกฝ่ายไม่ยอมแพ้ “ก็มุมกล้องแล้วไง จะเอาอะไรอีก”
“โอ๊ย นี่มันยุคไหนแล้วคุณ จะมาจูบมุมกล้อง คนดูไม่โง่นะครับ ถึงแหกตากันได้”
อัปสรสวรรค์โต้กลับ “จะมายุ่งอะไรล่ะ ก็นี่มันปากฉัน อยากจูบจริงก็มาเล่นเองสิ”
ทีมงานเริ่มเหวอ อาทิตย์หันมาทางพี่หมี
“งั้นผมขอคุยกับนางฟ้าแป๊บนึงนะครับพี่หมี”
“โอเค. ๆ งั้นพักกอง 10 นาทีนะฮะ”
อาทิตย์รีบเข้าไปดึงแขนอัปสรสวรรค์ออกไป “ไปกับผม”
“ทำไมต้องคุย อีตาบ้า”
ผู้คนในกอง ต่างตะลึงตาหูแหก มองตามแล้วจับกลุ่มเม้าท์กันอื้ออึง
อุไรวรรณเห็นอาทิตย์ดึงอัปสรสวรรค์ออกไป ก็แอบเดินตามไป
อาทิตย์พาอัปสรสวรรค์มาคุยในมุมเปลี่ยว อุไรวรรณตามมาแอบดูอยู่ห่างๆ
“คุณเป็นอะไร จูบจริงแล้วมันจะตายใช่มั้ย”
อัปสรสวรรค์เชิดหน้า “ไม่ตาย แต่ไม่จูบ มีไรปะ”
“สงสัยตั้งแต่เกิดมานี่ไม่เคยมีใครจูบ”
“จะเคยหรือไม่เคย ก็เรื่องของฉัน”
อาทิตย์จ้องหน้าเอาเรื่อง “ถ้างั้นก็แสดงความเป็นนักแสดงมืออาชีพของคุณออกมา อย่าทำให้ละครเสียเพราะฉากๆ เดียว”
“ถ้ามันจะเสีย เพราะไม่จูบจริง ก็ช่างมันเหอะ”
อุไรวรรณฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมาแอบถ่ายเหตุการณ์
อาทิตย์ถอนใจ และพยายามอธิบายด้วยเสียงเย็นลง
“นี่คุณ ฟังผมนะ เดี๋ยวนี้วงการละครมันแข่งขันกันจะเป็นจะตาย ถ้าละครไม่สนุกไม่สมจริงล่ะก็เอาคนดูไม่อยู่หรอก เพราะชีวิตจริงมันล้ำกว่าละครไปไกลแล้ว คุณมัวมานั่งหลอกจูบมุมกล้องจะตามคนอื่นไม่ทัน”
อัปสรสวรรค์เบ้ปาก ทำหน้ากวน “แล้วไง”
“แล้วไงเหรอ ? ตอนนี้ดาราเค้าสร้างกระแสคู่จิ้นโน่นนี่สารพัดให้ตัวเองเป็นข่าวไม่เว้นแต่ละวันเพื่ออะไร ก็เพื่อเอาใจคนดูทั้งนั้น ถ้าคุณมัวอีโก้ จูบจริงก็ไม่ได้ นั่นนี่ก็ไม่เอา ซักวันคุณก็ตกกระป๋อง”
“ดี อยากตกจะแย่” อัปสรสวรรค์ทำหน้าไม่แคร์
“คุณนี่เยอะจริงๆ นะ มันจะอะไรกันนักหนากะอีแค่จูบ”
อีกฝ่ายแว้ดขึ้นเสียงขึ้นมาทันที “ฉันไม่จูบ”
โดยไม่คาดคิด อาทิตย์ดึงอัปสรสวรรค์เข้ามาประกบปากจูบทันทีแบบยังพูดไม่ทันจบ
อัปสรสวรรค์อึ้งที่โดนจู่โจมจูบแบบไม่ทันตั้งตัว อุไรวรรณที่แอบถ่ายคลิปอยู่ก็ช็อกไม่แพ้กัน
สักพักอาทิตย์เริ่มรู้สึกว่ามีใครแอบดูอยู่ จึงเงยหน้ามองมาทางกล้อง อุไรวรรณรีบหลบฉากทันที
จังหวะนั้นอัปสรสวรรค์ก็ตบหน้าอาทิตย์อย่างแรงด้วยความทั้งโกรธทั้งอาย
“เลว”
ด่าเสร็จก็รีบวิ่งออกไป อาทิตย์จ้องมองไปยังจุดที่อุไรวรรณแอบอยู่ ก่อนจะเดินตามอัปสรสวรรค์ออกไป
อุไรวรรณแอบอยู่ที่มุมเสามองเหตุการณ์อย่างตื่นเต้น
จบตอนที่ 2