xs
xsm
sm
md
lg

เพื่อนรักเพื่อนริษยา ตอนที่ 1

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เพื่อนรักเพื่อนริษยา ตอนที่ 1


แสงแฟลชสว่างวาบไปทั่วทั้งบริเวณงานประกาศรางวัล ท่ามกลางบรรดาตากล้อง, ช่างภาพ และสื่อมวลชนทุกสำนัก ที่ต่างก็เบียดเสียดรุมกดชัตเตอร์กันอย่างโกลาหล

พรมแดงถูกปูลาดลงมาตามขั้นบันไดมาหยุดลงที่รองเท้าส้นสูงคู่หรูของ “ไลลา” ซูเปอร์สตาร์สาวสวย ผู้มาดมั่น สายตาตื่นตาตื่นใจของหล่อนที่มองทอดไปสู่บันไดขั้นสูงสุด ก่อนจะทอประกายมุ่งมั่นทะเยอทะยาน นักข่าวต่างก็เบียดเสียดร้องเรียกหล่อนเพื่อขอถ่ายภาพ ไลลาเชิดหน้าเตรียมก้าวขาเดินเหยียบพรมแดง ทันใดนั้นกลับสะดุดล้มคว่ำลงท่ามกลางเสียงกรีดร้องโวยวายลั่น...
ทว่าในความเป็นจริง กลับกลายเป็นว่ากลุ่มนักข่าวกำลังเอะอะโวยวาย “อุไรวรรณ” หรือ “อุไร” ที่กำลังนอนล้มคว่ำอยู่กับพื้นกีดขวางทางที่ทุกคนแห่พุ่งจะไปดักรอใครสักคนกันอย่างเอาเป็นเอาตาย โดยไม่สนใจร่างที่นอนคว่ำหน้าอยู่ตรงนั้น
“เฮๆๆ ไปเร็วๆๆ จะมาแล้วๆๆๆ”
นักข่าวตะโกนเสียงดัง จนกลบเสียงโอดโอยด้วยความเจ็บปวดของอุไรวรรณ
“โอ๊ยยยๆๆ”
คล้อยหลังที่กลุ่มนักข่าววิ่งกรูกันไปหมดแล้ว อุไรวรรณในสภาพยับเยิน ก็พยายามจะยันตัวลุกขึ้นแต่ก็ลุกไม่ไหว ทำท่าจะทรุดลงไปอีก แต่แล้วก็กลับมีมือของใครคนหนึ่งดึงคว้าตัวเธอไว้
อุไรวรรณหันมองตามมือ ก่อนจะอึ้งไปในบัดดล
“เป๋า”
“ปกรณ์” หรือ “เป๋า” ช่างภาพข่าวบันเทิงทีวี หนุ่มหล่อตี๋ ส่งยิ้มน้อยๆ ให้ตามสไตล์
“ไง? หนุกมั้ย นอนให้เค้าเหยียบ?”
อุไรวรรณทั้งเจ็บทั้งอาย “บ้า” จากนั้นก็มองค้อนกลุ่มนักข่าว พร้อมกับบ่นอุบ “ไม่รู้จะรีบไปไหน ทำยังกะเทวดานางฟ้ากำลังจะเหาะลงมา”
ปกรณ์ทำตาวิบวับ “ใช่ “นางฟ้า” กำลังจะเหาะลงมาจริงๆ”
อุไรวรรณชะงักกึก “ว่าไงนะ”
ยังไม่ทันที่เขาจะตอบ เสียงนักข่าวก็ฮือฮาขึ้นมาอีกรอบ
“มาแล้วๆๆ “
อุไรวรรณกับปกรณ์หันขวับไปตามเสียง ก่อนจะเห็นรถยนต์หรูแล่นเข้ามาจอด พร้อมกับที่นักข่าวขยับตัวกันพรึ่บพรั่บ
ปกรณ์ตบไหล่อุไรวรรณเบาๆ “โอเค.ไว้เจอกันนะ” พูดจบก็รีบวิ่งปร๋อออกไปเลย
อีกฝ่ายตะโกนตาม “เดี๋ยวสิ เป๋า ยังไม่ได้คุยกันเลย”
ปกรณ์วิ่งพรวดกลืนไปกับกองทัพนักข่าว อุไรวรรณที่ยืนโดดเดี่ยวอยู่ที่เดิมคนเดียว ถอนใจเฮือกใหญ่ก่อนจะมองจ้องไปที่รถคันหรู
เมื่อรถหรูจอดสนิท “อัปสรสวรรค์” หรือ “นางฟ้า” ก็ก้าวลงจากรถมาหยุดยืนยิ้มน้อยๆ พร้อมกับ
โบกมือนิดๆ สไตล์ซุปตาร์ โดยมี “เดือนเด่น” มารดาไฮโซเดินตามมาประกบไม่ห่าง ท่ามกลางนักข่าวที่รัวชัตเตอร์ กระหน่ำ
อุไรวรรณพึมพำกับตัวเองเบาๆ “นางฟ้า”
อัปสรสวรรค์เยื้องย่างกรีดกรายบนพรมแดง ท่ามกลางนักข่าวและแฟนคลับกลุ่มใหญ่ ที่กรี๊ดกร๊าดต้อนรับดังกึกก้อง ก่อนจะเดินผ่านปกรณ์ที่ถือกล้องคอยจับภาพ และแอบมองเธอด้วยแววตาชื่นชม แต่เธอกลับเดินผ่านหน้าเขาไปขึ้นบันไดสูงเบื้องหน้า
อุไรวรรณแหงนมองตาม แววตาริษยาวาบขึ้นมา พร้อมกับเสียงเคียดแค้น
“อีนังแม่มด”
ภาพของผู้หญิง 2 คน ที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว
อัปสรสวรรรค์ที่อยู่สูง สวยงาม สง่า ยิ้มแย้ม
อุไรวรรณ ที่เต็มไปด้วยเคียดแค้น ชิงชัง

ภายในห้องแต่งตัวนักแสดง “ฮันนี่” ซุปตาร์เจ้าเก่าตบโต๊ะเปรี้ยง ก่อนจะวี้ดใส่ชิวาว่า ผู้จัดการส่วนตัวที่สะดุ้ง ตกใจจนลนลาน
“มันเพิ่งมา หมายความว่าไง มันเพิ่งมา”
ผู้จัดการอ้าปากจะตอบแต่ไม่ทัน
“นี่หมายความว่ายังมีคนมาช้ากว่านี่ ได้ยังไง นี่เป็นซุปตาร์เบอร์หนึ่ง ฉันต้องมาช้าที่สุด นี่ต้องเป็น คนเดียวที่ช้าที่สุดในงาน ใช่มั้ย แล้วตอนนี้มันอยู่ไหน? ทำไมยังไม่โผล่หัวมา”
ผู้จัดการอ้าปากจะตอบ แต่กระเทยช่างแต่งหน้าสาระแนตอบก่อน
“จะโผล่ได้ไงคะน้องฮันนี่ นางไม่มีวันโผล่มาห้องนี้ เพราะนางขอ “แยกห้อง” ค่ะ”
ฮันนี่ตะลึง แทบกรี๊ด “แยกห้อง” ตามด้วยตบโต๊ะอีกเปรี้ยงแล้วลุกขึ้นยืนทันที “มันคิดว่ามันเป็นใคร”
จากนั้นก็พุ่งออกไปอย่างแรง และเร็ว ท่ามกลางเสียงวี้ดว้ายห้ามปรามของผู้จัดการ ตรงข้ามกับเหล่ากระเทยช่างแต่งหน้า ทำผม ที่วิ่งกรูตามไปหมายจะดูมวยคู่เอก
อัปสรสวรรค์ที่นั่งหน้าโต๊ะกระจกในห้องแต่งตัวหยิบเค้กกำลังจะใส่ปาก แต่ช้ากว่าปูเปรี้ยว ผู้จัดการส่วนตัวที่คว้าหมับโยนทิ้งถังขยะ แล้วหันไปตบแป้งที่หน้าตัวเอง
“เดี๋ยวพุงออก จะใส่ชุดโชว์ได้ไงค้า”

อัปสรสวรรค์ทำหน้างอ “แล้วถ้าหนูเป็นลม คุณแม่ปูเปรี้ยวจะโชว์แทนป่ะคะ ตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไรเลย”

ช่างแต่งหน้า ทำผม แอบอมยิ้มขำ
 
“คุณแม่ปูเปรี้ยวก็อยากจะโชว์แทนให้ใจจะขาดนะคะ แต่เกรงว่าคุณนายแม่ราศีของพี่ กับคุณหญิงแม่เดือนเด่นของน้องฟ้าจะมาฉีกอกเอา” พูดพลางหยิบโปรตีนบาร์ออกมาหักครึ่ง แล้วยื่นให้ “นี่ค่ะ รองท้องไปก่อน”
อัปสรสวรรค์กรอกตาอย่างเซ็งๆ ก่อนจะหันไปเห็นถุงผลไม้ดองของช่างแต่งหน้าวางอยู่ ก็รีบคว้ามากัดกร้วม ปูเปรี้ยวหันขวับ แต่ไม่ทัน
“ผลไม้ ชิ้นเดียว ไม่อ้วน”
ปูเปรี้ยวค้อนขวับ อัปสรสวรรค์หันมาพูดกับช่างแต่งหน้า
“อร่อยจังเจ๊ ซื้อที่ไหนอ่ะ”
ช่างแต่งหน้ายิ้มแหยๆ พลางแอบเหล่มองปูเปรี้ยวแล้วกระซิบ “รถเข็นแถวบ้าน”
อัปสรสวรรค์ตาโต “รถเข็น? แซบอ่ะ”
2 คนหัวเราะกันคิกคัก ทันใดนั้นประตูห้องเปิดผลัวะ พร้อมกับฮันนี่ที่พุ่งเข้ามาถึงตัว ตามมาด้วย ชิวาว่าที่ร้องห้ามเสียงหลง
ฮันนี่ตบโต๊ะเปรี้ยง “แกคิดว่าแกเป็นใคร”
ทุกคนเงียบกริบ อัปสรสวรรค์ช้อนสายตาขึ้นมองฮันนี่อย่างไม่เกรงกลัว ปูปรี้ยวรีบบอก
“ฮันนี่กลับห้องไปดีกว่า อย่าให้มันเยอะเลย เชื่อพี่เหอะ”
ฮันนี่สวนกลับทันควัน “แก่แล้วหลบไปดีกว่ามั้ยป้า”
อัปสรสวรรค์ลุกขึ้นมองหน้าฮันนี่ แล้วยิ้มนิดๆ
“อย่ามาเรียกพี่ปูเปรี้ยวว่าป้า พี่เค้าหน้าแก่กว่าเธอนิดเดียว”
ฮันนี่ที่โกรธจนตัวสั่น กรีดร้องเสียงดัง
“มันด่านี่ มันด่าซุปตาร์ แกนึกว่าแกไฮโซมาจากไหน แกนึกว่าแกดังนักรึไง ถือว่าแม่รวยแล้วเอาเงินมายัดให้ช่องดันเรอะนังหน้าด้าน”
อัปสรสวรรค์ยื่นหน้าใส่ “เออสิ”
ได้ผล ฮันนี่ยกมือขึ้นตบผลัวะ ท่ามกลางทุกคนที่มองอย่างตกตะลึง
ทันใดนั้น อัปสรสวรรค์ก็ตบฮันนี่กลับ ก่อนจะคว้าเค้กโปะหน้าแล้วยีๆ อย่างสุดแค้น ภายในห้องเกิดความโกลาหลขนานใหญ่ ทั้ง 2 ฝั่งช่วยกันจับแยกย้าย
ฮันนี่ชี้หน้า เต้นเร่าๆ
“คอยดู คอยดู อีนังนางฟ้า ฉันจะทำให้แกเป็นนางฟ้าตกสวรรค์ให้ได้ คอยดู๊”
ขาดคำฮันนี่ก็ถูกลากออกจากห้องไป ขณะที่อัปสรสวรรค์ทิ้งตัวลงนั่งแบบสบายอารมณ์ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“แต่งต่อค่ะเจ๊”
“ค่ะๆๆๆ”
เสียงปูเปรี้ยวแว้ดขึ้นมาก่อน “เดี๋ยว”
ช่างแต่งหน้าชะงักปูเปรี้ยวแบมือ “มือถือ”
ช่างแต่งหน้ายิ้มแห้งๆ ค่อยๆ ยื่นมือถือให้ ปูเปรี้ยวคว้ามากดดู จากนั้นก็กดลบแล้วยื่นคืน
“ถ้ายังมีคลิปซุปตาร์ตบกันเมื่อกี๊หลุดไปล่ะก็ ฉันเอาเธอตายแน่”
ช่างแต่งหน้าแทบทรุด ยกมือไหว้ปะหลกๆ “เจ้าค่ะ ขุ่นแม่ หนูกลัวแล้ว”
ปูเปรี้ยวมองค้อนช่างแต่งหน้า แล้วหันมองอัปสรสวรรค์ ก่อนจะถอนใจเฮือก

ชิวาว่ากำลังเม้าท์อย่างสนุกปาก กลุ่มนักข่าว รวมทั้งอุไรวรรณล้อมวงฟังกันหน้าสลอน ต่างคนต่างก็ฮือฮาตาโตสุดฤทธิ์ แย่งถามกันอย่างเซ็งแซ่
“จริงเหรอ? ตบกันเลยเหรอ?” ..... ฯลฯ
ผู้จัดการฮันนี่จีบปากจีบคอตอบ
“จิ้ง ตบจิ้ง แหม..ไม่อยากจะเม้าท์ นี่ห้ามบอกน้องฮันนี่นะว่าเจ๊มาฟ้องน้อง ฮันนี่เอาเจ๊ตาย นางไม่อยากให้เรื่องราวใหญ่โต นางให้อภัย นางแม่พระ”
นักข่าวถามต่อ “ใครตบใครก่อนอ่ะเจ้?”
ชิวว่าชะงักนิดหนึ่งก่อนจะตอแหลใส่
“โห่ ไอ้ทางเรามันไม่มีแบ็ค ไม่ได้มีแม่เป็นคุณหญิงคุณนายนี่ ใครจะกล้า”
อุไรวรรณยืนฟังหน้านิ่ง นักข่าวอีกคนส่ายหน้า
“ไม่อยากเชื่อเลยอ่ะ เห็นหน้าหวานๆ”
“ก็ไม่รู้สินะ แหม ทำยังกะไม่รู้ แม่พวกนางเอกหน้าหวานๆ เนี่ย แซบเว่อร์ทั้งนั้นไม่ใช่เหรอยะ”
นักข่าวฮือฮา “จริงๆ”
ผู้จัดการจีบปากต่อ “ถูก ไม่เว้นแม้แต่แม่นางฟ้าอัปสรสวรรค์นี่ด้วย เจ้คอนเฟิร์ม ไปแระๆ เดี๋ยวงานจะเริ่มแระ เจอกันๆ อย่าบอกว่าได้ข่าวจากเจ๊นะ”
อุไรวรรณหันมาอีกทาง ก็เจอปกรณ์เข้าเต็มๆ
“ไม่จริง ขี้เม้าท์”
อุไรวรรณทำหน้าเอือม ” ยังแก้ตัวแทนกัน ปกป้องกันตลอด เหมือนเดิม”
“ก็ฟ้าเค้าดีจริง”
“นั่น ถึงขั้นหลง”
ปกรณ์แอบเขินๆ แต่รีบเก๊กกลบเกลื่อน “บ้า นี่ อย่าพูดให้ฟ้าได้ยินนะ เค้าเอาฉันตายแน่”
อุไรวรรณมองค้อนก่อนจะนึกได้ “จริงสิ นี่แกทำงานที่ไหนเนี่ยเป๋า?”
ตากล้องหนุ่ม พลิกป้ายคล้องคอให้ดูโลโก้ ช่อง SUN อีกฝ่ายมองแล้วทำตาโต
“ช่อง SUN สุดยอด”
“เพิ่งเริ่มงานวันแรก แล้วแกล่ะไร อยู่ไหน?”
อุไรวรรณอึกอัก เพราะอายช่องเล็กๆ “ยัง เอ่อ ยังทดลองงานอยู่น่ะ”
เสียงนักข่าวฮือฮาว่างานจะเริ่มแล้ว ตากล้องหนุ่มตบไหล่
“สู้ๆ งานจะเริ่มแล้ว”
อุไรวรรณพยักหน้าหงึกๆ ปกรณ์รีบวิ่งออกไป นักข่าวรุ่นพี่เดินเข้ามาพูดเหน็บ
“แหม ตาแหลมนะ เลือกตากล้องดาวรุ่งช่อง SUN ซะด้วย นี่!! มัวแต่เม้าท์มอยอ่อยผู้ชาย ถ้าวันนี้ตกข่าว ไม่มีข่าวเด็ดของน้องซุปตาร์นางฟ้าไปส่งหัวหน้าล่ะ ตกงานนะยะแม่อุไร”
พูดจบแล้วก็สะบัดหน้าออกไป ปล่อยให้อุไรวรรณแค้นเคือง
“มีแน่ วันนี้ฉันต้องมีข่าวเด็ดแน่ๆ”
นักข่าวรุ่นพี่หันมาตะโกนใส่ “เร็วสิ จะยืนเอ๋ออยู่อีกนานมั้ย”
“ค่ะๆๆ ไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”

อุไรวรรณรีบหอบอุปกรณ์ข้าวของวิ่งตามออกไป

การ์ดและทีมงานเดินรุมล้อมอัปสรสวรรค์ในชุดโชว์เดินมาตามทางแคบๆ
 
พร้อมกับส่งเสียงโวยวาย เคลียร์ทางให้ ราวกับเป็นซุปตาร์นางพญามาจนถึงกลุ่มแด๊นเซอร์ที่ซ้อมอยู่แถวๆ นั้น
“หลบๆๆ บอกให้หลบ”
การ์ดตะคอกและผลัก “จริยา” หรือ ”จิ๋วหลิว” ซึ่งเป็นแด๊นเซอร์คนหนึ่งโดยไม่ตั้งใจจนกระเด็น หน้าทิ่มกับพื้น
“โอ๊ย” จริยาลุกขึ้นโวยทันที “เฮ่ย บอกดีๆ ก็ได้ทำไมต้องผลักกันด้วย”
เมื่อมองไปด้านหลังการ์ด จริยาก็ชะงักกึก อัปสรรวรรค์ตาโตมองตอบอย่างตื่นเต้น
“จิ๋ว ไอ้จิ๋วของเจ้”
“เจ้ เจ้ของจิ๋ว”
2 สาวกรี๊ดกร๊าด กระโดดกอดกันกลมด้วยความดีใจ
“จิ๋ว จิ๋วมาทำไรเนี่ย”
“มาเต้นสิ มีแด๊นเซอร์เค้าเจ็บ เต้นไม่ได้ เค้าเลยเรียกจิ๋วมาแทน เฮ่ย..อย่าบอกนะ”
อัปสรสวรรค์ตาโต ทั้งคู่ร้องกรี๊ดๆ กอดกันกลม
“เพื่อนฉัน ห้ามผลัก เพื่อนฉัน ให้ขึ้นมาเต้นข้างหน้า อย่าให้ไปอยู่ข้างหลังเด็ดขาด”
ทั้งการ์ดทั้งทีมงานตัวหงอรับคำสั่ง

เสียงดนตรีเปิดงานกระหึ่ม พิธีกรสวัสดีกลางเวที
“สวัสดีค่ะ/ครับ”
“ขอต้อนรับท่านผู้มีเกียรติทุกท่านเข้าสู่งานประกาศผลรางวัลแห่งปี Top Vote”

ทางด้านที่มุมนักข่าวหน้าเวที นักข่าวทุกคนกำลังเตรียมพร้อม ยกเว้นอุไรวรรณที่แลดูตื่นๆ เพราะยังใหม่
“ยืนเอ๋ออีก ยืนเอ๋อ ไมค์ๆๆ เตรียมสิไมค์”
นักข่าวรุ่นพี่ตะคอกใส่ อุไรวรรณรีบควักไมค์ “ค่ะๆๆ”
นักข่าวรุ่นพี่ส่ายหน้าอย่างระอา
“เทสต์รึยัง โอย แล้วงี้จะผ่านโปรมั้ยเนี่ย? เพลียว่ะ”
อุไรวรรณแม้จะไม่ค่อยพอใจ แต่ก็จำต้องก้มหน้าก้มตาเทสต์ไมค์ไป
จู่ๆ นักข่าวรุ่นพี่ก็สะดุ้งเฮือก จนตากล้องต้องหันมาถาม
“เป็นอะไร”
นักข่าวรุ่นพี่สะดุ้งอีกเฮือก พร้อมกับตะปบก้นตัวเอง หน้าจ๋อย
“ไม่ ไม่เป็นไร อร้าย เป็นล่ะ ไปขี้แป๊บ”
พูดจบก็วิ่งออกไปอย่างเร็ว ตากล้องอุดจมูกโวย
“นังบ้า ไส้เน่าป่ะวะ รีบกลับมาให้ทันนะ ไม่ทันล่ะ หัวหน้าด่ายับแน่”
อุไรวรรณชะงัก มองตามรุ่นพี่ก่อนจะตาวาวอย่างพอใจ แล้วตวัดสายตาไปบนเวที

พิธีกรหญิงพูดต่อ
“และ ณ บัดนี้ ขอเชิญชมการแสดงโอเพนนิ่งโชว์ของซุปตาร์มาแรงแห่งช่อง SUN - อัปสรสวรรค์”
อุไรวรรณจ้องเขม็ง ก่อนจะสะดุ้งเมื่อปกรณ์มายืนใกล้ๆ แล้วกระซิบแหย่
“กระพริบตาก่อนก็ได้ ยังไม่โชว์”
อุไรวรรณยิ้มขำๆ ทำเนียนๆ ก่อนจะลอบมองตากล้องหนุ่มที่จ้องไปบนเวทีด้วยสายตาชื่นชมอย่างไม่กระพริบตา
ที่อีกมุม “ราศี” เจ้าของช่อง SUN นั่งสง่าอยู่กับ “เดือนเด่น”
“ยัยฟ้าคงจะไม่ทำให้คุณราศีต้องขายหน้านะคะ”
ราศียิ้มหวาน “หนูฟ้าทั้งสวยทั้งเก่งขนาดนั้น สายตาพี่ไม่เคยพลาด หนูฟ้าคือเพชรเม็ดงามของช่อง SUN”

เดือนเด่นยิ้มภูมิใจ

พิธีกรชายพูดเข้าโชว์แรก
 
“พร้อมแล้วครับกับการแสดงในชื่อชุดว่าดิ แองเจิล-เธอคือนางฟ้า”
เสียงผู้ชมปรบมือกึกก้อง เสียงเพลงกระหึ่มดังขึ้น แด๊นเซอร์พุ่งนำออกมา รวมทั้ง “จริยา” ที่อยู่ในตำแหน่งหน้าสุด

อุไรวรรณมองไปบนเวทีแล้วชะเง้อมองนักข่าวรุ่นพี่ยังไม่กลับมา ขณะที่ปกรณ์มองเห็นจริยาที่อยู่รวมกับกลุ่มแด๊นเซอร์
“ไอ้จิ๋ว”
อุไรวรรณตวัดสายตามองตามทันที ปกรณ์พูดล้อๆ
“โห..วันนี้ รวมรุ่น”
อุไรวรรณถึงกับอึ้งไป ปกรณ์มองไปบนเวทีแล้วตกตะลึง
“นางฟ้า”
อุไรวรรณค่อยๆ หันไปมองบนเวที แล้วก็อึ้ง เมื่อเห็นอัปสรสวรรค์เปิดตัวออกมาในชุดโชว์ที่สวยงามงอลังการ
ทุกสายตาตะลึงราวมนต์สะกด ก่อนที่เสียงปรบมือจะดังสนั่น
ราศีกับเดือนเด่น มองหน้าแล้วยิ้มให้กัน
“เชื่อรึยังคะ พี่ไม่เคยพลาด”
เดือนเด่นยิ้มให้ ก่อนจะหันไปมอง พร้อมกับพึมพำเบาๆ
“ลูกแม่ สวยจริงๆ”

อัปสรสวรรค์โชว์อยู่บนเวทีด้วยท่าทางมั่นใจ
นักข่าวสาว 2 คน ยืนเม้าท์อยู่ข้างๆ อุไรวรรณกับปกรณ์
“หูย จัดให้ซะเด่นขนาดนั้น สงสัยคงจะเป็นแผนกำราบนังฮันนี่ขาวีน ช่วงนี้นางวีนเว่อร์”
อีกคนเม้าท์ต่อ “เจอคุณน้องนางฟ้าเข้าไป มีเงิบตกกระป๋องล่ะ นังฮันนี่”
2 คนหัวเราะกันคิกคัก อุไรวรรณกับปกรณ์ได้ยินเรื่องทั้งหมด
ฮันนี่ที่นั่งอยู่ที่นั่งแถว VIP กำลังจะลุกพรวด แต่กลับถูกชิวาว่ากระชากหมับ ทั้งที่หน้ายังมองบนเวที ก่อนจะส่งยิ้มหวาน แต่กัดฟันพูดเสียงเหี้ยม
“หยุดเลย นั่งลง”
“แต่นี่ไม่ไหว”
ผู้จัดการรีบบอก “ต้องไหว” พูดพลางส่งสายตาพยักเพยิดไปที่กล้องถ่ายทอดสดที่วิ่งมาจ่อถ่าย ฮันนี่รีบยิ้มแฉ่ง ปรบมือ ทำท่าแอ๊บชื่นชมอัปสรสวรรค์บนเวทีสุดฤทธิ์
“สวยจังเลย น่ารักอ่ะ เก่งจัง”
แต่พอกล้องเลิกถ่าย ฮันนี่กลับมาทำหน้ายักษ์ใส่ผู้จัดการ
“จะให้ไหวยังไง ทำไมนี่ไม่ได้โชว์เปิดงาน”
ชิวาว่าถอนใจ “ก็หนูบอกเองว่าหนูไม่โชว์ หนูขี้เกียจซ้อม”
ฮันนี่หน้าเหวอ ก่อนจะโวยต่อ “แล้วทำไมพี่ไม่เตือนหนู เป็นผู้จัดการยังไง? สงสัยต้องหาผู้จัดการ ใหม่ซะแล้ว”
ผู้จัดการสะดุ้งเฮือก ก่อนจะรีบเอาใจ “น่า ยังไงเราก็ต้องเด่นกว่า อย่าลืมไฮไลต์อยู่ตรงที่ “รางวัลนักแสดงหญิงยอดนิยม” ไม่ใช่เหรอคะน้องฮันนี่”
ฮันนี่ได้ยินก็รู้สึกดีขึ้น “ ใช่” แต่ยังหน้าหงิก จ้องมองอัปสรสวรรค์เขม็ง แล้วกัดฟันพูด
“แต่ถึงยังไง นี่ก็ไม่ชอบ”
ฮันนี่จ้องมองแลดูน่ากลัว
ด้านบนเวที อัปสรสรรค์เต้นสะบัด จากหวานๆ กลายเป็นแซบเว่อร์ ก่อนจะถูกสลิงดึงขึ้นไปอยู่ กลางอากาศอย่างอลังการ เรียกเสียงฮือฮาดังสนั่น นักข่าวรัวชัตเตอร์แทบไม่ทัน
อุไรวรรณมองอย่างชิงชัง ปกรณ์มองอย่างชื่นชม เดือนเด่นมองอย่างปลาบปลื้ม ราศียิ้มพึงใจ ฮันนี่มองอย่างอยากจะฆ่า
“เพี้ยง ขอให้มันเป็นนางฟ้าตกสวรรค์”
ทันใดนั้นอัปสรสวรรค์ก็หล่นฮวบจากกลางอากาศ ลงมากองกับพื้นทันที ท่ามกลางความตะลึง พรึงเพริดและงุนงงของทุกคน
จริยารีบปรี่ไปกอด พลางกรีดร้องลั่น “ฟ้า ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
อุไรวรรณตกตะลึงก่อนจะตะเกียกตะกายขึ้นเวทีไปที่อัปสรสวรรค์ก่อนนักข่าวทุกสำนัก
ปกรณ์ที่อยู่หน้าเวทีทิ้งทุกอย่าง แล้วกระโดดขึ้นไปกลางวง ก่อนจะตะคอกลั่น
“ถอย ถอยไป อย่ายุ่ง อย่าจับ” ตากล้องหนุ่มเอามือประคองหน้าของร่างที่หมดสติ เมื่อหันมาเห็น อุไรวรรณยืนกำมือถือไว้ ก็รีบตะโกนลั่น
“รถพยาบาล เรียกรถพยาบาล”
อุไรวรรณตัดสินใจยกมือถือขึ้นมา ปกรณ์กอดนางฟ้าอย่างเป็นห่วง ก่อนจะหันมามองอุไรวรรณด้วยสายตาเร่งให้โทร. อีกฝ่ายตัดสินใจใช้มือถือถ่ายภาพบันทึกไว้รายงานข่าวแทน
สายตาของปกรณ์ปะทะกับอุไรวรรณที่ยืนถือมือถือถ่ายเหตุการณ์อยู่

อุไรวรรณชะงักเมื่อเห็นตาของตากล้องหนุ่มมองมาในจอภาพ แต่เธอไม่สน ยังคงถ่ายต่อ

เพื่อนรักเพื่อนริษยา ตอนที่ 1 (ต่อ)

ราศีทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาในห้องรับแขกห้องคนไข้ VIP
 
“ตกลงอะไร ยังไง ว่ามา”
ปูเปรี้ยวหน้าจ๋อย “สลิงมีปัญหาค่ะ”
“รู้ ก็ถ้ามันไม่มีปัญหา นางฟ้าคงไม่ตกลงมาปีกหักขนาดนี้หรอก แล้วปล่อยให้มันมีปัญหาได้ยังไงหน้าที่ใคร ใครรับผิดชอบ”
เดือนเด่นพุ่งหน้ายักษ์ออกมาจากห้องพักคนไข้ทันที
“ใช่ ใครจะรับผิดชอบ”
ราศีอึ้ง ปูเปรี้ยวขนหัวลุกซู๋
“ใครก็ตามที่มันทำให้ลูกสาวฉันเจ็บตัวและฉันต้องเสียหน้าแบบนี้ ฉันจะเอาเรื่องมันให้ถึงที่สุด”
ราศีหน้าเหนื่อย มองปูเปรี้ยวที่จะเป็นลม
เดือนเด่นมองกราดไปทั่วด้วยความโกรธ

“จะบ้าเหรอ มันตกของมันลงมาเอง เกี่ยวอะไรกับนี่ยะ”
ฮันนี่ที่พอกหน้าแบบจัดเต็มปฏิเสธเสียงแข็ง ชิวว่าถามย้ำ
“แน่ใจนะ”
“ถ้าถามอีกคำเดียว นี่ไล่พี่ออกแน่”
ผู้จัดการจ๋อย “แต่ แต่ตอนอยู่ในงานพี่ได้ยินฮันนี่พูดนะ นางฟ้าตกสวรรค์อะไรเนี่ย”
“พูด? พูดแล้วไง ใครๆ ก็พูดได้ แล้วใช่นี่คนเดียวที่ไหนที่เกลียดมัน คนเกลียดมันตั้งเยอะแยะ เพจแอนตี้อีนังนางฟ้าก็มี พี่ไม่เคยแหกตาอ่านเหรอ ชิ ทำตัวไฮโซยโสซะขนาดนั้น สมน้ำหน้ามัน อีนางฟ้าปีกหัก”
ทันใดนั้น ก็มีข่าวทีวี 2 คนรีบหันดูทันที
ที่จอทีวีเป็นภาพตั้งแต่อัปสรสวรรค์ตกลงมา จริยาและทุกคนวิ่งกรูไปดู ทุกอย่างดูวุ่นวาย
เสียงนักข่าวรุ่นพี่ของอุไรวรรณรายงาน
“และนี่คือภาพเหตุการณ์ที่ข่าวบันเทิงช่อง PLUS เกาะติดทุกช็อตทุกวินาที มานำเสนอคุณผู้ชมได้ที่นี่ ที่เดียว”


ขณะที่หน่วยข่าวบันเทิงช่อง SUN ก็กำลังมุงดูข่าวทีวีช่องเดียวกันนี้อยู่ ก่อนจะสลายตัว หน้าเสียไปตามๆ กัน
“เวรๆๆ ล่ะงานนี้”
“ป๋าช้าง” หัวหน้าอาวุโสฝ่ายข่าวบันเทิงบ่นอุบ “เรดา” สาวอ้วนดำ นักข่าวรุ่นบุกเบิก ผู้ช่วยหัวหน้าข่าวบันเทิงหันมาถาม
“หวยจะออกเดี่ยวหรือเป็นชุดล่ะป๋า”
ป๋าช้างถอนใจเฮือก “ไม่อยากบอกเลยว่าตั้งแต่ทำงานข่าวมา 30-40 ปี เพิ่งมีหนนี้แหละที่พลาด”
ปกรณ์หน้าเจื่อน “ผมคนเดียวครับ ผมจะขอรับผิดชอบคนเดียว”
เรด้าทำหน้าเป็นห่วงซึ้ง “โธ่.... แต่น้องเป๋าก็แมนนะ”
“กรณ์” โปรดิวเซอร์ข่าวบันเทิงหันมาด่า
“เพราะแกนั่นแหละนังเรด้า นี่ถ้าไม่แว้บไปฝิ่นงานนอกจนปล่อยให้ไอ้เป๋ามันออกงานคนเดียว เราก็คงจะได้ข่าวนี้กลับมาแล้ว”
เรด้ารีบตะปบปากกรณ์ “ ว้าย ไม่เอา ไม่พูด”
แต่กลับถูกกรณ์ สะบัดมือออก “ถุย”
เสียงปูเปรี้ยวดังขึ้นมา “แม่เรด้า”
เรด้าสะดุ้งโหยง ยกมือไหว้ หลับตาปี๋ ปากก็พูด
“อ๊าย เปล่านะคะ เรด้าเปล่า เรด้าไม่เคยฝิ่น เรด้ารักองค์กร”
“นี่เธอเพ้ออะไรของเธอ ฉันแค่จะถามว่าใครเป็นนักข่าวที่ออกงานเมื่อหัวค่ำ”
ทุกคนอึ้ง หันไปมองปกรณ์เป็นตาเดียว
“ผมเองครับ”
ปูเปรี้ยวมองจ้อง ทุกคนกลืนน้ำลายเอื้อก

ราศีหมุนเก้าอี้มาจ้องมองปกรณ์เขม็ง
“จะไม่แก้ตัวซักคำเหรอ”
ปรณ์ก้มหน้านิ่ง “ครับ”
“งั้นฉันถาม ทำไมเธอทิ้งกล้อง ไม่เก็บภาพบนเวทีมาทำข่าว”
ปกรณ์ยืนนิ่ง ทุกคนรอลุ้นคำตอบ
“นางฟ้าเป็นเด็กช่อง SUN แท้ๆ แต่ช่อง SUN กลับกลายเป็นช่องเดียวที่ตกข่าว ไม่มีภาพข่าวใหญ่ข่าวนี้”
ตากล้องหนุ่มยังยืนนิ่ง ทุกคนแทบลืมหายใจ สุดท้ายราศีก็เอ่ยขึ้นมา
“หัวหน้า”
ป๋าช้างขานรับ “ครับ”
ราศีส่ายหน้า “เด็กใหม่อีกต่างหาก ลูกน้องใคร ใครก็จัดการเอาเองนะ กฎระเบียบบทลงโทษที่มีก็เอามาใช้ด้วย”
ป๋าช้างมองปกรณ์อย่างเห็นใจ “ครับ”
“ไปได้”
ปกรณ์กับป๋าช้างเดินเลี่ยงออกไป ปูเปรี้ยวรีบบอก
“งั้น ดิฉันขอกลับไปดูหนูฟ้าที่รพ. นะคะ นักข่าวยังเฝ้ากันอยู่ตรึม”
“เดี๋ยว” ราศีเรียกไว้ ปูเปรี้ยวชะงัก “ข่าวบันเทิงช่องไหนนะที่ได้ภาพเด็ดสุดจนใครๆ ต้องไปขอยืมภาพมาใช้”
“ช่อง PLUS ค่ะ
“ช่อง PLUS ? ใคร นักข่าวคนนั้น คือใคร”

ปูเปรี้ยวงง “คะ”

ขณะที่หน่วยบันเทิงช่อง PLUS อุไรวรรณโวยวายเสียงดัง
 
“หมายความว่ายังไง”
นักข่าวรุ่นพี่เชิดหน้าจนน่าตบ “ก็หมายความว่า เจ้านายปรับตำแหน่งแถมขึ้นเงินเดือนให้ฉันน่ะสิยะ ฮ่าๆๆ”
ทุกคนในหน่วยส่งเสียงฮือฮา ยกเว้นอุไรวรรณ
“แต่ข่าวนี้ หนูเป็นคนทำ”
“แรง กล้าพูด เป็นแค่เด็กทดลองงาน เจียมตัวบ้าง ขืนแรงแบบนี้ไม่มีวันเจริญนะ อีหนูนะ อย่าริข้ามหัวผู้หลักผู้ใหญ่”
อุไรวรรณได้ยินก็ของขึ้น ขยับจะเข้าไปเอาเรื่อง แต่พอดีมือถือดังขึ้นมาขัด เธอกดรับสายพร้อมตวาดใส่
“ฮัลโหล ใครนะ? อะไรนะ” พอปลายสายตอบกลับมา เหยี่ยวข่าวสาวก็เสียงเปลี่ยนโทนทันที “ใช่ค่ะฉัน เอ๊ย หนูเองค่ะ ได้ค่ะ ได้เลยค่ะ พรุ่งนี้เช้าเลยค่ะ ค่ะๆๆๆ กราบสวัสดีนะคะ”
จากนั้นก็กดวางสาย ทั้งที่แววตายังวิบวับอยู่ นักข่าวรุ่นพี่ยิ้มหยัน
“พูดจาสตรอเบอรี่ก็เป็นนี่ หัดสตรอเยอะๆ สิยะ จะได้เจริญก้าวหน้า”
อุไรวรรณสะบัดหน้ามามองจิก แล้วไม่พูดพล่ามทำเพลง ยกมือผลักนักข่าวรุ่นพี่ที่ท้องอย่างแรงจนล้มลงกองกับพื้นทันที ท่ามกลางเสียงวี้ดว้ายของทุกๆ คน จากนั้นก็เดินก้าวข้ามหัวนักข่าวรุ่นพี่ที่นอนจุกอยู่ไป แล้วหันกลับมาพูดต่ออย่างสะใจ
“นอกจากฉันจะข้ามหัวแกแล้ว ฉันยังจะรีบเจริญให้พวกแกดูด้วย อย่าเพิ่งกระจอกตายกันซะก่อนล่ะ เดี๋ยวจะอดเห็นความเจริญก้าวหน้าของอุไรวรรณคนนี้”
พูดจบก็สะบัดหน้าเดินออกไปจากห้อง ทิ้งไว้ให้ทุกคนตะลึงพรึงเพริด ก่อนจะก้าวฉับๆ ออกจากที่ทำงานเก่าอย่างโอหัง
อัปสรสวรรค์ใส่เฝือกอ่อนที่แขนนั่งพิงหัวเตียงให้เดือนเด่นป้อนยาก่อนนอน
“อ่ะ ยาแก้ปวด เต้นอีท่าไหนให้หล่นลงมาได้ น่าอายจริงๆ”
ซุปตาร์สาวชะงัก เสียใจวูบหนึ่ง ก่อนจะเหล่มองแม่เป็นเชิงเตือน “แม่”
เดือนเด่นรีบเปลี่ยนคำถาม “หนูว่ามีใครมันอิจฉา มันแกล้งหนูรึเปล่า บอกมา แม่จะไปจัดการมัน”
อัปสรสวรรค์เอนตัวพิงหมอน “พูดยังงี้ค่อยดีขึ้นนิดนึง”
“นี่ แขนขาหักอย่างนี้ยังจะมาทำชิลล์ๆ อยู่อีกเรอะ”
ฝ่ายลูกสาวกดมือถือเล่น ท่าทางสบายอารมณ์ “หักที่ไหนล่ะคะแม่ แค่ร้าว”
“นั่นแหละ จะร้าวจะหักมันก็เหมือนกันแหละ”
อัปสรสวรรค์ส่ายหน้าเซ็ง ก่อนจะพึมพำอย่างเบื่อหน่าย “เหมือนตรงไหน”
ทันใดนั้นบอดี้การ์ด 2 คน ก็พรวดเข้าประตู พร้อมทั้งเคลียร์ทางให้ “ดามพ์” บิดาของเธอเดินตามเข้ามาอย่างร้อนใจพุ่งมาที่เตียง
“ฟ้า เป็นไงมั่งลูก?”
เดือนเด่นแว้ดขึ้นมาทันที “ตาบอดเหรอ ลูกนอนเดี้ยงเป็นนางฟ้าปีกหักอย่างนี้ยังจะมีหน้ามาถาม มัวไปกกอีหนูอยู่ที่ไหนถึงได้มาป่านนี้ ไม่รอให้พิการก่อนล่ะค่อยมา”
ดามพ์ฉุนหันขวับ ผละจากการกอดลูกมาประจันหน้าเมีย
“คนรีบมาเหนื่อยๆ จะหาเรื่องอะไรอีก”
ซุปตาร์สาวทำหน้าเซ็งๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นกิจวัตร ปล่อยให้พ่อแม่เถียงกันไป ส่วนตัวเองยกมือถือขึ้นมาถ่ายภาพเท้าที่เข้าเฝือก , ถ่ายรูปตัวเองเห็นเฝือกที่แขน หน้าตายิ้มแย้มบ้าง ทำเป็นเจ็บบ้าง ดูตลกๆ น่ารักๆ ท่ามกลางเสียงพ่อแม่เถียงกันอยู่แว่วๆ

นักข่าวที่ยังคงเกาะติดสถานนณ์อยู่ที่โรงพยาบาล เฝ้ารอทำข่าวกันด้วยสภาพโรยแรง บ้างก็จับกลุ่มเม้าท์กัน เล่นมือถือกันบ้าง
ปกรณ์นั่งห่างออกมาจากกลุ่มนักข่าว ก่อนที่เรด้าจะเดินหาวหวอดๆ เข้ามาหา
“น้องเป๋า คราวนี้ต้องไม่พลาดนะ ต้องแก้ตัวนะ ต้องได้ข่าวเด็ดไปกู้ชื่อนะ” พูดจบก็ก้มกระซิบ
“เจ้านายเงิบมากที่โดนช่องกระจอกมันปาดหน้าเค้กได้ภาพเด็ดไปคนเดียว”
ตากล้องหนุ่มนึกถึงภาพที่สายตาของเขาปะทะกับอุไรวรรณที่ใช้มือถือถ่ายเหตุการณ์ตอนอัปสรสวรรค์ตกสลิง
“โอเค.ป่ะ ง่วงป่ะเนี่ย กาแฟมั้ย” เรด้าถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่อ่ะครับ”
เรด้าทำหน้าเซ็ง “ แหม นึกว่าจะเอา จะได้ให้ซื้อฝากพี่ซักแก้ว”
“เอาป่ะครับ ผมไปซื้อให้”
“ว้าย น่ารักที่สุด ไปเลยจ้ะ ไม่ต้องห่วงทางนี้ เดี๋ยวพี่เฝ้าเอง รับรองไม่ตกข่าวล่ะ”
ปกรณ์ยิ้มน้อยๆ ทำท่าจะเดินออกแล้วก็นึกได้
“พี่ครับ นักข่าวคนที่..เอ่อ..ช่องที่ได้ข่าวไป เค้าไม่มาเหรอครับ”
“เออว่ะ” เรด้าชะแง้มองไปในกลุ่มนักข่าว “ไม่เห็นนะ ดีแล้ว อย่าให้มันมาเลย เดี๋ยวมันมาปาดหน้าเค้กพวกเราไปอีก ไปๆ รีบไปซื้อกาแฟเหอะ ของพี่แฟ 2, เมต2, น้ำตาล 2 นะ เจ้มจ้นหวานมัน”

ตากล้องหนุ่มพยักหน้าหงึกๆ

อีกมุมหนึ่งบริเวณโรงพยาบาล จริยานั่งถอนใจเฮือกๆ เพราะเป็นห่วงอัปสรสวรรค์
 
พร้อมทั้งชะเง้อชะแง้มอง สุดท้ายก็นั่งจิ้มๆ มือถือ ครู่หนึ่งก็ทำตาโต
ภาพในมือถือของเธอ เป็นภาพจากไอจี “ ANGEL” เป็นภาพซุปตาร์สาวใจสู้ชู 2 นิ้วเห็นเฝือกอ่อนที่แขน พร้อมแคปชั่น “FIGHTO”
จริยาตาวาว “เจ้ เจ้ของจิ๋ว ไฟท์โตะ สู้ๆ นะเจ้”
ร่างจิ๋วสมชื่อกระโดดตัวลอยด้วยความดีใจ ก่อนจะชนโครมเข้ากับปกรณ์ที่เดินถือกาแฟร้อนมา กาแฟร้อนๆ หกราดหน้าท้องอีกฝ่ายเต็มๆ
ปกรณ์ร้องจ๊ากลั่น “อ๊าก เฮ่ย อะไรวะ”
จริยาเถียงขวับ โดยยังไม่มองหน้า “อะไรวะ แกสิอะไรวะ เดินยังไงมาชน” พอมองหน้าเห็นคู่กรณีก็ชะงักกึก “เฮ่ย”
ทั้ง 2 คน มองหน้ากัน ปกรณ์เห็นอีกฝ่ายก็อึ้งไม่แพ้กัน
“เฮ่ย”
ก่อนจะทำหน้าอ่อนใจเอือมระอา จริยาค้อนให้ด้วยความหมั่นไส้ แต่ก็รู้ตัวว่าผิด

จริยาที่ถือถุงน้ำแข็งอยู่ ก่อนจะมองหน้าปกรณ์ที่ทำหน้าแหยงๆ แล้วค่อยๆ ถกเสื้ออีกฝ่ายขึ้น เห็นมีรอยแดงๆ จากกาแฟร้อนๆ จากนั้นก็โปะน้ำแข็งลงไป
“จ๊าก” ตากล้องหนุ่มแหกปากลั่น
“โห่ย จะแหกปากไปไหน”
“ก็มันเย็นอ่ะ ลองมั่งมั้ยล่ะยัยเปี๊ยก”
ยัยตัวเปี๊ยกมองค้อน “แค่นี้ทำสะดิ้ง นี่แล้วก็เลิกเรียกฉันว่าเปี๊ยกซะที บอกมากี่ปีก็ไม่รู้จักจำ ฉันชื่อจิ๋ว จิ๋วๆ”
“เปี๊ยกๆๆๆ จะเรียกว่าเปี๊ยก จะทำไม”
ขาดคำก็ถูกอีกฝ่ายยกถุงน้ำแข็งโปะหน้าเต็มๆ “นี่แน่ะ”
“โอ๊ย แกนี่มันยังโหดเหมือนเดิมเลยนะไอ้เปี๊ยก”
“ใช่ จำใส่กะโหลกแกไว้ด้วยไอ้เป๋า ฉันกับแกมันต้องโหดใส่กันไปทั้งชาตินี้ชาติหน้า”
“จะแค้นฝังหุ่นอะไรนักหนาแม่คุณ” ปกรณ์พูดแหย่
“แค้นสิ แหม..กะอีแค่ขอให้แกล้งเป็นแฟนกะฉันแป๊บนึง แค่ไล่ไอ้รุ่นพี่ขี้หลีนั่นไปให้พ้นๆ แค่นี้ก็ไม่ได้ แหวะ หล่อตายละแก”
“ไม่ได้ๆ” ตากล้องหนุ่มส่ายหน้ายิก“ไม่ได้จริงๆ”
จากนั้นก็หวนนึกย้อนกลับไปเมื่อ 6 ปีก่อน เห็นภาพตัวเองกับอัปสรสวรรค์นั่งอยู่ด้วยกันที่มหาวิทยาลัย ครู่หนึ่งจริยาก็วิ่งกระหึดกระหอบมา
“ช่วยด้วยๆ”
อัปสรสวรรค์ตกใจ “จิ๋ว เป็นอะไร ใครทำอะไร”
“ก็ไอ้พี่หนุ่ยอ่ะ มันตื๊อไม่เลิก ช่วยด้วยดิเจ้”
“เอาไงดี” อัปสรรสวรรค์หันไปมองปกรณ์ “เป๋าไง แกล้งเป็นแฟนไอ่จิ๋วมันหน่อย”
ปกรณ์มองเจ้าของความคิดแบบอึ้งๆ “บ้าไม่อ่ะไม่มีทาง”
“ทำไมอ่ะ แค่แกล้งๆ สงสารจิ๋วมัน”
ปกรณ์ส่ายหน้ายิก จริยาตวาดลั่น
“ทุเรศ ไม่หล่อแล้วยังใจดำ แหวะ ใครอยากเป็นแฟนแกหา ไอ้ตี๋”
ขาดคำรุ่นพี่หนุ่ยก็เดินส่ายอาดๆ เข้ามา
“แต่พี่อยากเป็นแฟนน้องจิ๋วนะจ๊ะ ขาวจั๊วะ ‘เป็กพี่เลย”
“อ๊าย ไอ้บ้า” จริยาด่ารุ่นพี่ ก่อนจะชี้หน้าปกรณ์ “จำไว้เลยนะแก”
พูดจบก็รีบวิ่งหนีเพราะพี่หนุ่ยวิ่งไล่จับ ปกรณ์กับอัปสรสวรรค์หัวเราะขำกัน

คิดถึงเหตุกาณณ์ในอดีตแล้วปกรณ์ก็หัวเราะขำ จริยาตีแขนเพียะ
“ขำตรงไหน”
“เปล่าๆ แล้วไง ตกลงใจอ่อนกะพี่หนุ่ยรึยัง แต่งงานกันรึเปล่า”
“ถ้ายังไม่หุบปาก ฉันจะตบแกด้วยน้ำแข็ง” พูดพลางเงื้อถุงน้ำแข็งขึ้นมา
“โอเคๆ ว่าแต่มาทำไรเนี่ย ดึกๆ”
จริยาถอนใจเฮือก “ก็เป็นห่วงเจ้”
ปกรณ์มองสาวตัวเล็กแบบรู้สึกดีที่ยังรักอัปสรสวรรค์ไม่เปลี่ยนแปลง
“แต่โอเค.ละ เจ้ไม่เป็นไร ฉันสบายใจแล้ว ไปละ”
พูดพลางลุกขึ้น เตรียมจะกลับ แต่กลับถูกอีกฝ่ายคว้ามือไว้
“เดี๋ยว รู้ได้ไงว่าฟ้าไม่เป็นไรแล้ว”
จริยาส่ายหน้า พลางปรายตามองตากล้องหนุ่มด้วยสายตาดูแคลน
“อะไรเนี่ย เป็นนักข่าวยังไง ไม่ได้เรื่อง” พูดพลางกดไอจีของอัปสรสวรรค์ชูใส่หน้า “นี่ นางใจสู้ชู 2 นิ้วแล้วเห็นป่ะ”
ปกรณ์ค่อยๆ หยิบมาดู ก่อนจะยิ้มดีใจ
“อย่าบอกนะว่าไม่ได้ฟอลไอจีเจ้”
ตากล้องหนุ่มยืนนิ่ง จริยาตะคอกใส่หน้า
“เฮ่ย! บ้า คนเค้าฟอลกันเป็นล้านนะ นี่ อย่าบอกนะ ว่าแกไม่มีไอจี”

ปกรณ์ยิ้มน้อยๆ ยักคิ้วแทนคำตอบ อีกฝ่ายเหลือกตาทำท่าจะเป็นลม

นักข่าวกำลังฮือฮามะรุมมะตุ้มเม้าท์กันโดยมีรูปที่อัปสรสวรรค์อัปขึ้นไอจีเป็นประเด็นสำคัญ
 
“นางโอเคแล้ว นางอัปรูปแล้ว กระดูกเหล็กว่ะ”
อีกมุมหนึ่ง ดามพ์เดินพรวดๆ ออกมาโดยมีเดือนเด่นวิ่งตามออกมาติดๆ
“หยุด กลับมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน”
พอทั้งคู่เห็นนักข่าวก็ชะงัก
“พ่อแม่นางฟ้านี่ เร้ว”
ทุกคนวิ่งกรูไปหมายจะรุม เดือนเด่นรีบตะปบเกาะแขนดามพ์ ก่อนจะกัดฟันพูด
“ยิ้ม เนียนๆ หน่อยสิ อยากจะเสียภาพพจน์ครอบครัวดีเด่นแห่งปีรึไงหา”
ดามพ์รีบปรับสีหน้ายิ้มแย้มทันทีที่นักข่าววิ่งกรูมารุมล้อม
“นางฟ้าเป็นไงบ้างคะ”
เดือนเด่นหน้าเศร้านิดหนึ่ง “ก็เจ็บมากนะคะ แต่โชคดีของนางฟ้าที่มีครอบครัวที่อบอุ่นคอยเป็นกำลังใจนะคะ”
“ทราบสาเหตุรึยังคะ? ตกลงเป็นอุบัติเหตุหรือมีใครจงใจแกล้ง”
เดือนเด่นหันมองหน้ากันอึ้งๆ กับดามพ์
“คือผมคิดว่ามันเร็วเกินไปที่จะด่วนสรุปนะครับอีกอย่างนึง...”
เดือนเด่นรีบพูดแทรก “คงไม่ใช่หน้าที่ที่เราจะต้องมาตอบคำถามนี้ ดิฉันคิดว่าน่าจะมีผู้ที่ตอบคำถามนี้ได้ดีกว่าเรานะคะ”
นักข่าวฮือฮาถามว่าใครๆ เดือนเด่นกับดามพ์ยืนนิ่ง ไม่ตอบคำถาม

เช้าวันรุ่งขึ้น นักข่าวก็กรูเข้าไปจ่อไมค์สัมภาษณ์ราศีที่สำนักงานช่อง SUN
“สรุปสั้นๆ ว่าตอนนี้อาการของอัปสรสวรรค์ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว หมอให้พักซัก 3 อาทิตย์ก็คงจะกลับมาทำงานได้เหมือนเดิม”
นักข่าวทิ่มไมค์ถามต่อ “ตกลงว่าใครแกล้งนางฟ้าคะ”
“ มีใครอิจฉานางฟ้ารึเปล่า”
“มีคนโดนเบียดตกบัลลังก์เลยคิดวางแผนตัดสายสลิงรึเปล่าคะ”
ราศีเหลืออด “หนูคะ อย่ามโน”
นักข่าวอึ้ง ปูเปรี้ยวที่ยืนอยู่ข้างๆ สะดุ้งเฮือก พยายามจะเบรกราศี
“อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ นี่มันชีวิตจริงค่ะ อย่ามโนให้มันเป็นบทละคร”
นักข่าวไม่ยอมแพ้ “แต่ชีวิตจริงมันยิ่งกว่าในละครนะคะ คุณราศีก็ทราบดี”
ราศีอึ้ง ปูเปรี้ยวรีบเสียบ
“ได้เวลาประชุมนัดต่อไปแล้วค่ะ ขอบคุณน้องๆ นะคะ เรามีน้ำชากาแฟ ไว้รับรองที่ห้องอาหารนะคะ วันนี้พอแค่นี้นะคะ ขอบคุณค่ะ ขอบคุณๆๆ”
ว่าแล้วก็รีบโอบตัวราศีออกมาพ้นรัศมีนักข่าวแล้วพูด
“ใจเย็นนะคะ”
“ใครนัดพวกนี้มา”
ปูเปรี้ยวถอนใจ “ ไม่มีใครนัดหรอกค่ะ มารอกันตั้งแต่เช้า”
“ไร้สาระจริงๆ ใครมันจะไปตัดสายสลิงหนูฟ้า บ้า” ราศีทำหน้าเอือม
“มันก็ไม่แน่นะคะ อะไรๆ ก็เป็นไปได้ทั้งนั้นบนโลกใบนี้”
ราศีหยุดเดินกึก “พูดงี้หมายความว่าไง”
“ไม่มีไรค่ะ ดิฉันก็พูดไปตามประสบการณ์ ที่นักข่าวคนนั้นพูดก็ถูกนะคะ บางทีชีวิตจริงมันยิ่งกว่าในละคร”
ราศีอึ้ง มองปูเปรี้ยว แล้วถอนใจเฮือก ก่อนจะเดินต่อ
“นับวันฉันก็ยิ่งจะเบื่อวงการมายานี่เต็มทีแล้วนะ เมื่อไหร่ตาอาทิตย์ลูกชายฉันจะยอมใจอ่อนมาช่วยงานฉันซะทีก็ไม่รู้ นัดต่อไป ใครอีกล่ะ อย่าบอกว่านักข่าวอีกนะ”
ปูเปรี้ยวพยักหน้า “ใช่ค่ะ นักข่าว”
ราศีเตรียมจะวีน “ปูเปรี้ยว”
“นักข่าว คนที่คุณราศีอยากเจอมาก ไงคะ”
ราศีทำสีหน้าสงสัย

อุไรวรรณค่อยๆ เงยหน้ามองตึกช่อง SUN ที่สูงตระหง่าน จนเห็นร่างของตัวเองเหลือตัวเล็กนิดเดียว ก่อนจะกระหยิ่มยิ้มย่อง แล้วก้าวเดินเข้าตึกอย่างยโสเชิดเริ่ดมั่นใจ

อุไรวรรณนั่งลงตรงหน้าราศี และปูเปรี้ยว พลางยกมือไหว้ แล้วยิ้มอ่อนหวาน
“สวัสดีค่ะ”
ราศีมองจ้องอุไร แล้วก้มลงมองแฟ้มประวัติอย่างรวดเร็ว แล้วปิดแฟ้มลง
“เธอยังอยู่ในช่วงโพรเบชั่นกับช่อง PLUS”
“ค่ะ แต่ก็แค่ทดลองงาน ยังไม่ได้บรรจุค่ะ”
ราศีอึ้งเล็กๆ กับคำตอบ “หมายความว่า...”
“ ถ้าคุณสนใจ หนูก็พร้อมจะร่วมงานกับช่อง SUN ทันทีค่ะ”
ราศีจ้องอุไรวรรณนิ่ง อีกฝ่ายยิ้มให้อย่างยินดียิ่ง

ที่หน่วยบันเทิงช่อง SUN ทีมข่าวบ้างก็จับกลุ่มเม้าท์กัน บ้างก็นั่งเล่นเฟซบุ๊กอย่างสบายอารมณ์
ป๋าช้างกำลังสอนงานปกรณ์อยู่ ครู่หนึ่งก็มีมือผู้หญิงตะปบจับมือตากล้องหนุ่ม ที่กำลังจับเครื่องมือตัดต่อหมับ เขาหันมองขวับ
“นัตตี้” นักข่าวสาวสวยแซบประจำหน่วยโปรยยิ้มหวานตาเยิ้ม
“เนี่ยเหรอเป๋า ตากล้องน้องใหม่ที่ใครๆ เค้าร่ำลือกัน”
ปกรณ์มองนัตตี้แล้วมองป๋าช้างเป็นเชิงถาม
“เว้นไว้ซักคนเถอะหนูนัต ไอ้เป๋ามันหลานป๋า”

นัตตี้ค้อนขวับ “ป๋าอ่ะ พูดจาน่าเกลียด” พูดแล้วก็โอบไหล่ปกรณ์หน้าตาเฉย “ขาวๆ ตี๋ๆ อย่างนี้เว้นไว้ให้โง่ดิ เนาะๆ”

เพื่อนรักเพื่อนริษยา ตอนที่ 1 (ต่อ)

ตากล้องหนุ่มไม่รู้จะทำตัวยังไง กรณ์หันมาเห็นพอดี
 
“อะแฮ่มๆ”
นัตตี้ได้ยินเสียงกระแอมก็รีบปล่อยมือ
“อ้าว พี่กรณ์ นั่งอยู่นี่เอง กำลังมองหาอยู่พอดี”
“แล้วไป นึกว่าจะหนีพี่ไปหาของใหม่ซะแล้ว”
นัตตี้มองค้อน “บ้าเหรอ นัตแยกออกหรอกน่าอันไหนของว่าง อันไหนเมนคอร์ส”
กรณ์ทำเสียงหล่อ “แหม ถูกต้องเลยจ้ะ คนอย่างพี่ใครได้กินแล้วต้องอิ่มไปหลายวัน”
ป๋าช้างส่ายหน้าเอือมๆ “เออ แต่ถ้าทำงานอย่างงี้ คงได้อดโบนัสไปอีกหลายปี สกู๊ปวันนี้เสร็จยัง
ไอ้กรณ์ เอามาตรวจ”
กรณ์หน้าจ๋อย “คร้าบป๋า แป๊บเดียวครับ ตรวจอีกนิด”
ว่าแล้วก็รีบหันกลับไปทำงานต่อ ป๋าช้างบ่นต่อ
“แล้วระวังไว้เถอะไอ้พวกเล่นแชตเล่นเกมเป็นงานหลัก ทำข่าวเป็นงานอดิเรก ถ้าเด็กรุ่นใหม่ไฟแรงมันเข้ามากันเยอะๆ พวกแกจะได้ไปสร้างแลนด์มาร์คเล่นกับหลานอยู่ที่บ้าน”
คนอื่นดูจะร้อนตัวรีบปิดหน้าจออินเตอร์เน็ตพรึ่บ แล้วทำหน้าเซ็ง
นัตตี้คลอเคลียปกรณ์ต่อ
“มีอะไรสงสัยก็ไว้ถามพี่ได้นะจ๊ะ”
ขาดคำเรด้าก็วิ่งหน้าตาเลิ่กลั่กเข้ามา
“อูย นังนัตตี้มัวแต่จะกินผู้ชาย พักก่อนมั้ย? อีกแป๊บคงได้ไปนั่งกินนอนกินสมใจล่ะแก”
นัตตี้ทำหน้ารำคาญ “หน้าตาไม่ดี สรีระไม่ได้ ก็อย่ามาอิจฉา”
“จ้า สวยจ้า เริ่ดจ้า แต่ขอเตือนให้เจียมกะลาหัวตามประสาคนผิวเข้มเหมือนกันนะจ๊ะว่าตอนนี้เตรียมหัวเน่ากันไว้ให้ดีเถอะ ข่าวว่าเบื้องบนน่ะเค้ากำลังจะรับนักข่าวใหม่อีกคนจ้า”
ทุกคนหันขวับมองอย่างสนใจ
นัตตี้ยักไหล่ “นักข่าวใหม่ แล้วไง ก็ไม่เห็นจะตื่นเต้น”
ทุกคนหันไปทำสิ่งที่ทำอยู่กันต่อไป หมดความสนใจ
“จ้า แต่ถ้าอีนังนักข่าวใหม่คนนี้จะเป็นคนเดียวกันกับอีคนที่โดดขึ้นเวทีไปเก็บช็อตเด็ดนางฟ้าตกสวรรค์ไว้ได้ล่ะ พวกแกจะตื่นเต้นมั้ย”
ปกรณ์หันขวับ นัตตี้ถามย้ำ “ว่าไงนะ”
ทุกคนหันขวับตาโต
เรด้ายืดอก โบกมือเรียกทุกคน “มาเลย จะเล่าให้ฟัง”
ทุกคนวิ่งพรวดมารุมฟังเรด้าเม้าท์อย่างตื่นเต้นสุดๆ ยกเว้นปกรณ์ที่นั่งอึ้งอยู่คนเดียว

อุไรวรรณยกมือไหว้ราศีอย่างนอบน้อม
“ขอบพระคุณมากนะคะ หนูจะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่และดีที่สุด”
ราศีวางหน้าขรึม “อย่าลืมว่าเธอต้องทดลองงานก่อน 4 เดือน”
“หนูทราบดีค่ะ
ปูเปรี้ยวถามต่อ “ว่าแต่ เธอพร้อมจะเริ่มงานเมื่อไหร่จ๊ะ”
“ทันทีค่ะ”
ปูเปรี้ยวสะดุ้ง มองหน้าราศี
“ก็ดี รวดเร็วดี ส่งตัวไปที่หัวหน้างานเลย”
ปูเปรี้ยวอึกอักนิดหนึ่ง ประมาณว่าเร็วไปมั้ย “ค่ะ”
อุไรวรรณยิ้มกระหยิ่ม หัวใจพองโตแทบจะระเบิด

อุไรวรรณวิ่งเข้ามาในห้องน้ำ ก่อนจะกรี๊ดดีใจสุดขีด นัตตี้ที่อยู่ในห้องน้ำห้องในสุดถึงกับสะดุ้งเฮือกแล้วตั้งใจฟัง
“ในที่สุด ความฝันของฉัน อุไร ในที่สุด ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง”
ขณะกำลังจะกรี๊ดอีกที ก็ต้องชะงักเมื่อปูเปรี้ยวชะโงกเข้ามา
“นี่ ไปเจอกันหน้าลิฟท์นะ จะพาไปเจอหัวหน้าเธอ”
อุไรวรรณยิ้มแฉ่ง “ค่ะ จะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”
พูดจบก็เดินตามออกจากห้องน้ำไป นัตตี้ตาวาวขึ้นมาทันที

อุไรวรรณรีบพรวดออกมาแทบจะชนกันเต็มๆ กับปกรณ์ที่ออกมาจากห้องน้ำชายใกล้ๆ กัน
“โอ๊ย”
“โทษครับ”
2 คนมองหน้ากัน อุไรวรรณตาโต “เป๋า”
ตากล้องหนุ่มพยักหน้าให้ “ไง”
“ก็ไม่ไง ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ”
ปกรณ์ยิงคำถามทันที “ทำไมไม่ช่วยฟ้า”
อุไรวรรณหุบยิ้ม “ อะไรนะ”
“เมื่อคืน เพื่อนกำลังเจ็บ”
อุไรวรรณแว้ดขึ้นมาทันควัน “เจ็บแล้วไง”
ปกรณ์มองอีกฝ่ายอย่างอึ้งๆ
“แกบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าอย่ามามุงๆ อย่าจับๆ แล้วแกจะให้ฉันช่วยอะไร”
“มือถือ น่าจะใช้โทร.เรียกรถพยาบาลมาช่วยเพื่อนมากกว่า”
อุไรวรรณหลบตา ก่อนจะแก้ตัว
“คนมันตกใจ ทำอะไรไม่ถูก นี่ จะอะไรกับฉันนักหนาหา แกนี่มันลำเอียงไปป่ะ ฉันก็เพื่อนแกเหมือนกันนะเป๋า รึไม่ใช่”
ปกรณ์ถอนใจก่อนจะเดินออกไป อุไรวรรณมองตามหน้านิ่ง

“จะห่วงอะไรเยอะหา ป่านนี้เพื่อนแกคงนอนสบายอยู่ล่ะ เป๋า”

ประตูลิฟท์ที่โรงพยาบาลเปิดออก ฮันนี่ที่ถือช่อดอกไม้อยู่ ยิ้มแฉ่ง
 
ก่อนจะหุบยิ้มแทบไม่ทัน เมื่อเห็นว่าบริเวณหน้าห้องอัปสรสวรรค์นั้นโล่งโจ้ง
“ทำไมไม่มีนักข่าวซักกะคน”
ชิวาว่าที่เดินตามมาหน้าเจื่อน “เอ่อ”
“เอ่อ อะไร”
“เอ่อ..พี่ พี่ลืม”
ฮันนี่ของขึ้นทันที
“พี่ลืม? ซุปตาร์ฮันนี่อุตส่าห์จะหอบดอกไม้มาเยี่ยมดารารุ่นน้องอย่างอีนังนางฟ้า แทนที่จะเป็นข่าวหน้า 1 แต่พี่บอกว่าพี่ลืมโทร.เรียกนักข่าว นี่พี่บ้าหรือโง่ สมองเสื่อมแน่ๆ แวะหาหมอซะเลยมั้ยหา”
“โธ่ พี่ พี่”
ฮันนี่แว้ดต่อ “พี่อะไร ก็พี่ไม่ใช่เหรอที่คะยั้นคะยอให้นี่เอาดอกไม้มาเยี่ยมมันเพื่อสยบข่าวที่ว่านี่เป็นตัวการแกล้งให้มันตกสลิง แล้วไง ถ่อมาถึงนี่แต่ไม่โทร.เรียกนักข่าว เหนื่อยฟรีมั้ย ไม่ต้องเลย” พูดพลางยัดดอกไม้ใส่มือชิวาว่า “ กลับ”
ฮันนี่หันหลังขวับจะกลับ ก่อนจะชะงัก นึกได้ แล้วค่อยๆ หันมาตาวาว
“ไม่มีนักข่าว ก็ไม่เห็นเป็นไร ไม่เห็นต้องง้อ”
ว่าแล้วก็กระชากช่อดอกไม้จากมือผู้จัดการ ก่อนจะก้าวฉับๆ จะไปที่ห้องพักอัปสรสวรรค์ ชิวาว่าเกาหัวแกรกๆ แล้วรีบวิ่งตามไป

อัปสรสวรรค์กำลังนั่งเล่นมือถือเซ็งๆ ขณะที่พยาบาลกำลังปรับน้ำเกลือให้
“โห่ย เมื่อไหร่จะกลับบ้านได้เนี่ย”
พูดพร้อมกับเขวี้ยงมือถืออย่างไม่สบอารมณ์ พยาบาลสะดุ้ง หันมองแบบคาดไม่ถึง ไม่เห็นน่ารักเลยไม่นางเอกเหมือนในทีวี
“คุณหมอว่าอยู่ดูอาการอีกซักวัน 2 วัน ก็น่าจะกลับได้ค่ะ”
“เฮ้อ จะดูอะไรนักหนา”
ทันใดนั้นฮันนี่เปิดประตู ยืนเด่นเป็นสง่า พอเห็นมีพยาบาลอยู่ด้วยก็ยิ้มแฉ่ง
“น้องนางฟ้า”
อัปสรสวรรค์มองด้วยสายตาเรียบเฉย ฮันนี่ปรี่เข้ามาหาที่เตียงอย่างน่ารัก ท่ามกลางความตื่นเต้นของพยาบาลที่ได้เห็นซุปตาร์ตัวเป็นๆ
“น้องนางฟ้า เจ็บมากมั้ยคะ พี่นี่เอาดอกไม้มาเยี่ยมค่ะ”
อัปสรสวรรค์เบ้ปาก “ใครสั่งให้มาล่ะ คุณราศีหรือพี่ปูเปรี้ยว”
ฮันนี่ทำตาใส “จะใครสั่ง ก็ใจสั่งมาสิคะ” พูดพลางหันไปยื่นดอกไม้ให้พยาบาลแทน “รบกวนคุณพยาบาลใส่แจกันให้ได้มั้ยคะ ขอบคุณค่ะ”
พยาบาลดีใจสุดขีด “ได้ค่ะคุณฮันนี่ แต่ขอถ่ายรูปคู่ด้วยได้มั้ยคะ”
ฮันนี่แอบเบื่อ ก่อนจะแอ๊บใสต่อ “ได้เลยค่ะ”
พยาบาลรีบควักมือถือมาถ่ายรูปคู่
“ขอบคุณมากค่ะ น่ารักมาก ไม่หยิ่งเลยอ่ะค่ะ เดี๋ยวไปใส่แจกันให้นะคะ”
“ค่ะ”
พยาบาลดีใจคว้าดอกไม้วิ่งออกไปจากห้อง
ฮันนี่หันขวับมาทางอัปสรสวรรค์ “ขอถ่ายรูปคู่น้องนางฟ้าด้วยดีกว่า”
พูดพร้อมกับคว้ามือถือยื่นจะถ่าย อัปสรสวรรค์เบือนหน้าหลบ
“ไม่”
แต่ไม่ทันแล้ว ฮันนี่กดถ่ายไปเรียบร้อย
“นี่ อย่าเอาไปโพสต์เด็ดขาดนะ”
ฮันนี่ตาโต เลิกแบ๊ว “อ๊ะ ไม่โพสต์ก็โง่สิ ฮิๆๆๆ ไปล่ะ นอนเจ็บไปนานๆ อย่ารีบหายล่ะ”
พูดจบก็ก้าวฉับๆ ออกจากห้องโดยมีชิวาว่าวิ่งตามไปติดๆ ทิ้งให้อัปสรสวรรค์ เจ็บใจอยู่บนเตียง
“หึ้ย นังฮันนี่เน่า”

ฮันนี่เดินก้มหน้ากดมือถือเลือกรูปออกมาจากห้องนางฟ้า ก่อนจะเลือกได้รูปอัปสรสวรรค์หน้าเหวอ ก็รีบกดอัพลงไอจีตัวเองเลยพร้อมพิมพ์แคปชั่นไปพูดไป
“Get well soon นะจ๊ะ My angle จุ๊บๆ “ พิมพ์เสร็จ ก็ทำหน้าเบ้ “แหวะ”
พอจะเก็บมือถือลงกระเป๋า ก็เงยหน้าขึ้นมาเห็นนางพยาบาลคนเดิมยิ้มแฉ่งถือแจกันใส่ดอกไม้เยี่ยม มาพร้อมเพื่อนพยาบาลอีกกลุ่ม
“นี่ไง คุณฮันนี่ น่ารักสุดๆ ไม่หยิ่งเลย”
เพื่อนพยาบาลกรี๊ดวิ่งฮือเข้ามาจะขอถ่ายรูป ฮันนี่รีบบอกชิวาว่า
“ไม่ถ่ายนะ อย่าให้มายุ่งนะ”
“จ้ะๆๆ”
ฮันนี่รีบจ้ำอ้าว เอามือถือมาแอ๊บทำเป็นคุยเรื่องงานยุ่งมาก พูดไปเดินเข้าลิฟท์ไป
“ค่ะๆๆ ได้ค่ะ ฮันนี่จะรีบไปให้เร็วที่สุดเลยค่ะ พี่บอยมารอแล้วเหรอคะ โอ๊ะ อาโหม่ยก็มาด้วย ได้เลยค่ะ”
ส่วนผู้จัดการก็คอยขวางคอยกันกลุ่มพยาบาลไว้ให้
“ขอโทษนะคะ วันหลังนะคะ วันนี้น้องฮันนี่มีงาน บอย-ปกรณ์มารอแล้วค่ะ ขอโทษนะคะ”
“กรี๊ด บอย-ปกรณ์ด้วยอ่ะ งานอะไรคะ ละครเรื่องไรคะ”
ลิฟท์ปิด ฮันนี่ยังแกล้งแอ๊บบ๊ายบายส่งท้าย

“สวัสดีค่ะทุกคน”
อุไรวรรณยิ้มแย้มทักทายทุกคน ที่หน่วยข่าวบันเทิงช่อง SUN แต่ละคนมองจ้องแบบไม่ค่อยจะเป็นมิตรเท่าไหร่ สายตาดูถูกสภาพจืดๆ ของเธอ นอกจากบ๊วยที่ยิ้มหวานให้ และป๋าช้างที่ยิ้มๆ แบบผู้ใหญ่ใจดี
ปูเปรี้ยวรีบแนะนำ “นี่ป๋าช้าง หัวหน้าข่าวบันเทิงอาวุโส”
“แหม ไม่ต้องเน้นมากก็ได้คุณปูเปรี้ยว”
อุไรวรรณยกมือไหว้ “สวัสดีค่ะป๋าช้าง”
ป๋าช้างรับไหว้ยิ้มๆ “ไหว้พระ”
ทุกคนมองๆ หน้ากันแบบอึ้งๆ ปูเปรี้ยวพูดต่อ
“อุไรจะทดลองงานในตำแหน่งนักข่าว” พูดถึงตรงนี้เสียงมือถือก็ดังขัดขึ้นมา “ฮัลโหล..ค่ะ. ค่ะๆ
จะรีบไปเดี๋ยวนี้ค่ะ ต้องขอตัวก่อนนะ”
“ขอบคุณมากนะคะพี่ปูเปรี้ยว”
ปูเปรี้ยวหันมาบอก “อุไร เธอต้องไปกับฉันด้วย”
อุไรวรรณอึ้ง “อะไรนะคะ”
ทุกคนมองงงๆ

อุไรวรรณทั้งจ๋อย ทั้งเสียใจ ก้าวเดินออกจากตึกมาอย่างหงอยๆ ต่างจากตอนเดินเข้าไปอย่างสิ้นเชิง ก่อนจะนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อครู่
“ฉันรู้มาว่า เธอกับหนูนางฟ้าเป็นเพื่อนกัน จริงรึเปล่า?” ราศีถามเสียงเข้ม
อุไรวรรณอึ้งนิดหนึ่ง ก่อนจะยิ้มหวาน “จริงค่ะ เราเป็นเพื่อนรักกัน”
“เพื่อนรัก?” ราศีถามย้ำ “แล้วทำไมเมื่อคืนเธอถึงปล่อยให้เพื่อนเธอนอนเจ็บอยู่บนเวทีแบบนั้น เรื่องที่จะรับเธอเข้าทำงาน ฉันคงต้องขอเบรกไว้ก่อน”
อุไรวรรณอึ้ง ช็อก
“อะไรนะคะ ไม่นะคะ ไม่”

อุไรวรรณปล่อยสะอื้นโฮ ด้วยความแค้นใจ
“อีนางฟ้า แกจะตามจองล้างจองผลาญฉันไปถึงไหน”
ขณะยกมือปาดน้ำตา ก็เห็นปกรณ์ถือกล้องเดินมา อุไรวรรณปรี่เข้าไปตบหน้าฉาดใหญ่
“สะใจแล้วใช่มั้ย สะใจแล้วใช่มั้ย แกมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย ทำไมแกทำกับฉันอย่างนี้”
อุไรวรรณผลักปกรณ์จนกระเด็น แล้วเดินจ้ำอ้าวๆๆ ออกไปอย่างรวดเร็ว
 
ทิ้งไว้ให้ตากล้องหนุ่มยืนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทำท่าจะตะโกนเรียก แต่ก็กลับเปลี่ยนใจ

ที่ร้านอาการบ้านๆ ข้างทาง จริยากำลังเต้นโชว์อยู่บนเวทีกับเพื่อนๆ แด๊นเซอร์อีก 3 คน
 
ท่ามกลางบรรดาขี้เมาขี้เหล้า ที่โห่ปากวี้ดวิ้วกันด้วยความคึกคะนอง
ครู่หนึ่ง “ปราณ” ซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์เพลงค่าย SUN MUSIC ก็เดินมาหยุดยืนมองด้วยสายตาวาว เจ้าของร้านเห็น ก็รีบวิ่งจู๊ดมาไหว้เอาใจ
“หวัดดีค้าบเฮีย โห เป็นบุญของผม เฮียอุตส่าห์มาเยี่ยมร้านกระจอกๆ อีกแล้ว”
ปราณทำท่าเต๊ะ “จะหาช้างเผือกมันก็ต้องออกมาหาในป่าหยั่งงี้แหละ”
“แหม!! แล้วพอจะหาเจอมั่งยังล่ะค้าบเฮีย”
ปราณไม่ตอบแต่ตวัดสายตาวาววับไปมองบนเวที ขณะที่จริยากำลังเต้นท่าจบเพลงอย่างเมามันและตั้งใจ ความโดดเด่นเปล่งประกาย เหนือเพื่อนแด๊นเซอร์คนอื่นๆ

“ว่าไงนะคะ จะให้จิ๋วไปเป็นนักร้อง”
จริยาถามย้ำอย่างตื่นเต้น ดวงตาแวววาว ปราณยิ้มขำๆ แต่ไม่วาวเต๊ะท่า
“แค่นี้ก็ต้องตื่นเต้น อยากเป็นรึเปล่าล่ะ”
“อยากค่ะ อยากๆๆๆ”
“ว่าแต่ร้องเพลงเป็นรึเปล่า”
จริยารีบบอก “เป็นสิคะ”
“ไหนลองซิ”
“หา เพลงไรดีล่ะคะ” สาวตัวจิ๋วย้อนถาม
“เพลงอะไรก็ได้”
ขาดคำ จริยาก็ร้องเพลงโชว์ตรงนั้นเลย ปราณมองอย่างทึ่ง แววตาเจ้าเล่ห์
“เฮ่ย ใช้ได้เลย มีแวว แต่อาจต้องมีการติวเพิ่มกันเยอะอยู่นะ”
จริยาได้ฟัง ก็ชะงักไปนิดหนึ่ง ปราณรู้ว่าไก่ตื่นก็รีบยื่นนามบัตรให้ ฝ่ายแรกรับมาอ่านดู
“ปราณ แก้วศิลป์ โปรดิวเซอร์ & นักแต่งเพลง SUN MUSIC” จริยาตาโต “SUN MUSIC”
“ถ้ายังไม่แน่ใจก็ไปเซิร์ชกูเกิ้ล อ่อ เพลงใหม่ล่าสุดที่พี่เพิ่งลงยูทูปยอดวิวเป็นแสนละนะน้อง”
จริยาค่อยยิ้มออก พลางยกมือไหว้ “ขอบคุณค่ะพี่”
ปราณคว้ามือมากุมหมับ “ถ้าน้องกล้า พี่จะเปลี่ยนชีวิตน้องจะทำให้คนทั้งประเทศรู้จักน้อง จดจำน้อง”
ทันใดนั้นมือ “เมฆ” ก็พุ่งมาตะปบกระชากมือปราณออก แล้วชกตู้มเข้าเต็มๆ หน้า แขกเหรื่อในร้านตกอกตกใจ
“อย่านะ หยุด บอกให้หยุด” จริยาร้องห้ามเสียงหลง พร้อมกันนั้นก็รีบกระชากเมฆที่จะเข้าไปซ้ำปราณ เจ้าของร้านรีบมาดู
“มึงเป็นใคร กล้าดีไงมาต่อยกู”
เมฆไม่ตอบ ปรี่จะต่อยอีก จริยารีบกระชากตัวไว้ “บอกให้หยุด”
เจ้าของร้านชี้หน้าเมฆ แล้วตะโกนลั่น “ไอ้เมฆ กูไล่มึงออก”
เมฆทำหน้านิ่ง ไม่สนใจ ตรงข้ามกับจริยา ที่ตกใจจนเหมือนจะเป็นลม

จริยาเดินหน้าง้อมาตามทาง ที่เป็นตรอกเล็กๆ ในสลัม เมฆเดินตามจ๋อยๆ
“อย่าโกรธน่า จะให้ง้อไปถึงไหน”
อีกฝ่ายหันมาจ้องหน้า เท้าเอวเอาเรื่อง “แล้วทีฉันบอกให้หยุดๆๆ ล่ะ ทำไมไม่หยุด”
“ก็ไอ้นั่นมันแต๊ะอั๋งจิ๋ว”
“อั๋งเอิ๋งอะไร คนเค้ากำลังคุยธุรกิจกันอยู่”
เมฆทำหน้าเย้ยหยัน “มันจะหลอกไปปล้ำน่ะสิ ดูหน้าก็รู้แล้ว หื่นโคตรๆ”
“แกสิหื่น” จริยาย้อนกลับ
“ใครหื่น เค้ารักของเค้า”
“เพ้อล่ะ เลิกเพ้อเหอะไอ้เบื้อก เรื่องจริงคือแกเพิ่งจะตกงาน โอเคป่ะ”
“นี่ถ้าเมฆรวย เมฆก็เพ้อได้ใช่มั้ย”
จริยาอ่อนใจ “เฮ้อ”
ขณะกำลังจะอ้าปากด่าต่อ ป้าข้างบ้านก็ตะโกนเรียก
“นังจิ๋ว ทำไมเพิ่งกลับ ป่านนี้แม่เอ็งด่าจนปากเปื่อยแล้ว”
“อะไรอีกล่ะป้า”
“ไปรับมันด้วย ที่เดิม”
จริยาถอนใจเฮือก “เฮ้อ อีกแล้วเหรอ”
เมฆมองอย่างเห็นใจ

ทางด้านอัปสรสวรรค์ก็นั่งรถเข็นเข้ามาในคฤหาสน์หลังงาม ที่ขายังมีเฝือกอ่อนอยู่ บ่าวไพร่เดินถือของตามเป็นพรวน
เดือนเด่นบ่นอุบ “ทำไมจะต้องรีบออกจากโรงพยาบาล แถมยังต้องออกตอนค่ำๆ มืดๆ แบบนี้”
“อยู่โรงบาลน่าเบื่อจะตายค่ะแม่”
ปูเปรี้ยวรีบอธิบายต่อ
“ส่วนที่ต้องออกตอนค่ำๆ มืดๆ เนี่ย ก็เพราะว่าพวกนักข่าวกลับหมดแล้ว จะได้ไม่ต้องตอบคำถามค่ะ”
เดือนเด่นทำหน้าผิดหวัง.”แหม ฉันก็อุตส่าห์แต่งตัว”
อัปสรสวรรค์กับปูเปรี้ยวมองหน้ากันขำๆ ฝ่ายหลังพูดต่อ
“แต่ที่หนูฟ้าจะต้องตอบก็คือคำถามของพี่ปูเปรี้ยว เอ่อ ไม่ใช่สิ คำถามของคุณราศีถึง จะถูก” พลางควักไอแพดมาเปิดจิ้มๆ แล้วอ่านคิว “ คิวละครเรื่องใหม่ที่วางไว้ทุกจันทร์ อังคาร พุธ จะเริ่มเดือนหน้า กะงานอีเว้นต์ 1-2-3-4-5-6-7-8 โอเค 8 งาน งานรับรางวัลนักแสดงผู้ทำคุณประโยชน์...”
อัปสรสวรรค์หาวหวอด
“หนูคงจะทำคุณประโยชน์อะไรให้ใครไม่ได้อีกต่อไปแล้วล่ะค่ะ ถ้าตอนนี้หนูไม่ได้นอน คือหนูง่วงมากอ่ะค่ะ พี่ปูเปรี้ยวอยากตอบคุณราศีว่าอะไรก็ตอบไปเลยนะคะ”
พูดจบก็หันไปพยักหน้าให้บ่าวไพร่เข็นรถออกไปเลย ปูเปรี้ยวหน้าเหวอ
“อ้าว เดี๋ยวสิคะ”
เดือนเด่นส่ายหน้า “แหม ลูกคนนี้”
2 คนหันมองหน้ากัน
“หรือจะให้แม่ไปรับรางวัลแทนคะ”
ปูเปรี้ยวอึ้ง พูดไม่ออก เดือนเด่นรอคำตอบ สีหน้าจริงจัง

ภายในห้องคุมขังบนโรงพัก มีนักพนันถูกขังอยู่รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ หนึ่งในนั้นคือ “สมร” แม่ของจริยา
“อีจิ๋ว ข้าหิวข้าว ข้าปวดฉี่”
สมรโวยวายลั่น ขณะที่จริยากับเมฆกำลังยืนคุยกับตำรวจอยู่
“5 พัน?” จริยาร้องเสียงหลงอย่างตกใจ

“เจ๊หมอนเป็นทั้งเจ้ามือและเจ้าของสถานที่ แถมนี่เป็นการจับกุมครั้งที่ 2 แล้ว ถ้าไม่มีเงินมาประกันตัว เจ๊สมรต้องโดนโทษจำคุก 3 ปี”

สมรโวยวายเสียงดังมาจากในห้องขัง
 
“3 ปี ข้าไม่เอานะนังจิ๋ว แกต้องหาเงินมาประกันข้าออกไปนะ แกจำได้มั้ย ว่าแกเคยได้รางวัลลูกกตัญญูตอนม. ห้า ลูกกตัญญูจะปล่อยให้แม่ตัวเองติดคุกไมได้นะโว้ย”
จริยาหนักใจ “แล้วฉันจะไปหาจากที่ไหนล่ะแม่ เงินตั้ง 5 พัน ทั้งเนื้อทั้งตัวตอนนี้มีแค่ 500”
“แกจะยอมให้แม่ติดคุกรึไง เพื่อนๆ แกมี ก็หยิบยืนมาก่อนสิ นั่งไงไอ้เมฆไง ยืมมันก่อนดิ เมฆช่วยน้าหน่อยนะลูก”
ฝ่ายลูกสาวหันมาปราม “แม่”
เมฆรีบบอก “จิ๋ว เรามีอยู่ 200 จิ๋วเอาไปก่อนเหอะ”
สมรโวยกลับ “ 200 ไอ้บ้า นังจิ๋วหัดคบผู้ชายรวยๆ หน่อยสิ ไอ้พวกจนๆ น่ะคบไปก็ ไร้ประโยชน์ ถุ้ย”
เมฆหน้าเสีย สมรเริ่มพูดขู่
“ไม่รู้ล่ะ ถ้าคืนนี้แกปล่อยให้ข้านอนคุก ข้าจะกลั้นใจตาย”
จริยาถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม

ฟากอุไรวรรณก็หลบมุมมานั่งที่ริมแม่น้ำ เพราะเซ็งกับเหตุการณ์พลิกผันเรื่องงานที่เพิ่งเกิดขึ้นอย่างน้อยใจในโชคชะตา
“ทำไมไม่ช่วยฟ้า?” คำพูดของปกรณ์แว่วมาอีกครั้ง ตามด้วยคำพูดของราศี
“ทำไมเมื่อคืนเธอถึงปล่อยให้เพื่อนเธอนอนเจ็บอยู่บนเวทีแบบนั้น”
อุไรวรรณหน้างอ “นอนเจ็บ? เจ็บแค่นั้นทำสำออย เจ็บแค่นั้น ทำไมใครๆ ต้องแคร์มันด้วย” คิดแล้วก็น้ำตาคลอ “ทีฉัน มันทำฉันเจ็บล่ะ มีใครเคยแคร์มั่งมั้ย?”
ทันใดนั้นเสียงมือถือก็ดังขึ้น อุไรวรรณมองหน้าจอแล้วอึ้งๆ ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจกดรับสาย
“ฮัลโหล”

สมรเกาะลูกกรง แหกปากลั่นไม่หยุด
“นังจิ๋ว อีลูกทรพี 5 พันแค่นี้ไม่ยอมช่วยแม่เอ็ง อีลูกอกตัญญู ข้าจะประกาศให้โลกรู้”
เมฆที่นั่งอยู่กับจริยาลุกขึ้นมาเถียง
“ไม่จริงนะน้า”
อีกฝ่ายรีบตะปบดึงให้นั่งลง “ไม่ต้องไปยุ่งกะเค้าน่า”
“ก็จิ๋วอกตัญญูที่ไหนกัน วันๆ ทำแต่งานหาเงิน น้าหมอนนั่นแหละวันๆ เล่นแต่ไพ่”
สมรตะโกนด่ากลับ “ไอ้เมฆ ไอ้ปากมอม เอ็งด่าอะไรข้า ข้าได้ยินนะเว้ย หนอย ไอ้นี่ ไม่มีเงินแล้วยังปากหมา”
“ไง สมน้ำหน้า บอกแล้วว่าอย่าไปยุ่ง”
เมฆเบาเสียงลง “อะไรวะ อยู่ตั้งไกลยังได้ยิน”
สมรตะโกนซ้ำอีก “ได้ยินสิเว้ย ไอ้เมฆ ด่าอะไรข้าอีก”
เมฆหันมองหน้าจริยาอย่างไม่อยากเชื่อ “เฮ่ย..”
อีกฝ่ายยักไหล่ให้แบบเห็นเป็นเรื่องธรรมดา สมรโวยต่อ
“นังจิ๋ว ข้าฉี่จะราดแล้วนะเว้ย แกหาคนมาช่วยข้าได้ย้าง นังจิ๋ว”
ฝ่ายลูกสาวหมดความอดทน ลุกพรวดขึ้นทันที “แม่”
“จิ๋ว”
จริยาที่กำลังจะก้าวไปลุยกับแม่ ได้ยินเสียงก็ชะงักหันกลับมามอง อุไรวรรณก้าวเข้ามาหยุดยืน
“ไร เจ้ไร จริงๆ ด้วย”
จริยาตาโต รีบวิ่งเข้ากอดอุไรวรรณแน่นด้วยความดีใจ ขณะที่อีกฝ่ายยืนนิ่ง ยังทำตัวไม่ถูก

“อะไรนะ 5 พัน”
อุไรวรรณถามย้ำ จริยารีบอธิบาย
“เดี๋ยวนะ อย่าเพิ่งโกรธ คือจิ๋วรู้ว่ามันน่าเกลียด ไม่ได้เจอกันมาตั้งนาน จู่ๆ ก็โทร. ไปทวงเงิน เอ่อ
ขอโทษนะเจ้ อย่าว่าจิ๋วทวงเลย แต่มันจำเป็นจริงๆ ไม่งั้นจิ๋วก็คงไม่โทร.ไปกวนเจ้หรอก”
อุไรวรรณถอนใจเฮือกแบบเซ็งๆ อีกฝ่ายพูดต่ออย่างเกรงใจ กึ่งรู้สึกผิด
“จิ๋วไม่คิดจะกวนเจ้จริงๆ ตอนแรกกะจะโทร.ไปหาเจ้ฟ้า”
อุไรวรรณหันขวับทันที
“แต่เกรงใจเพื่อนเจ็บอยู่แล้วเรายังจะโทร.ไปยืมเงินอีก”
พูดจบ อีกฝ่ายก็โพล่งออกมาเลย “ดีแล้วที่ไม่โทร.”
“จนป่านนี้แล้ว ยังไม่ลืมเรื่องนั้นอีกเหรอ” จริยาย้อนถาม
“แกคิดว่าที่ฟ้ามันทำไว้กับฉัน ฉันจะลืมได้ง่ายๆ งั้นเหรอจิ๋ว” อุไรวรรณเบือนหน้า เมื่อนึกถึงความหลัง “เรื่องเล็กๆ ในสายตาคนอื่นๆ มันอาจจะเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตของเรา”

ย้อนกลับไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ภายในห้องประชุมมหาวิทยาลัย บนเวทีติดป้าย “นักศึกษาดีเด่น คณะนิเทศศาสตร์รุ่น 22”
อาจารย์พูดต่อหน้านักศึกษาที่นั่งรวมอยู่เต็มห้องประชุม
“และขอประกาศให้ทราบว่าผู้ที่ได้รับตำแหน่ง “นักศึกษาดีเด่น” ในครั้งนี้ยังจะได้รับทุนการศึกษาในปีการศึกษาสุดท้ายนี้ตลอดทั้งปีอีกด้วย”
นักศึกษานั่งฟังอย่างตื่นเต้น รวมทั้งอัปสรสวรรค์ อุไรวรรณ จริยา และปกรณ์
“แกแน่เลย ไร เกรดแกดีเว่อร์” อัปสรสวรรค์หันมาบอกกับอุไรวรรณ
ใจจริงอุไรวรรณก็อยากจะได้ แต่ก็แกล้งพูดถ่อมตัว
“ไม่ม้าง ไอ่จิ๋วป่ะ ไอ้นี่มันเรียนเก่งเวอร์ ไม่งั้นมันไม่ข้ามชั้นมาเรียนกะพวกเราได้หรอก”
“ไม่มีทางล่ะเจ้ เทอมก่อนจิ๋วขาดเรียนเพียบเลย จะดีเด่นได้ไง?”
“งั้นก็แกมั้งเป๋า” อัปสรสวรรค์หันมาพูดแหย่ ปกรณ์ส่ายหน้าขำๆ จริยาทำหน้าเบ้
“แหวะ “ยอดแย่” อ่ะสิ”
อาจารย์ประกาศต่อ “นักศึกษาดีเด่นประจำปี ได้แก่......”
ทุกคนตื่นเต้น ลุ้น อุไรวรรณสายตาวาววับมั่นใจว่าได้แน่
“นส. อัปสรสวรรค์ สรรค์ศิริศักดิ์”
เสียงทุกคนฮือฮา อัปสรสวรรค์ทั้งอึ้ง ทั้งงง อุไรวรรณหน้าซีดผิดหวัง ส่วนจริยาประหลาดใจแบบยินดี ปกรณ์ปรบมือดีใจ
อัปสรสวรรค์หันมองอุไรวรรณแบบพูดไม่ถูก “ไร..ฉัน”
อุไรวรรณไม่ฟัง ลุกพรวดออกไปเลย ทิ้งให้อีกฝ่ายนั่งอึ้งตรงนั้น

อุไรวรรณนิ่งคิดด้วยสายตาเจ็บแค้น จริยาพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ไร ยังไงเราก็เพื่อนกัน เรื่องแค่นั้น”
แต่อีกฝ่ายกลับสะบัดหน้ามาจ้องเขม็ง
“บอกแล้วใช่มั้ย เรื่องเล็กๆ ในสายตาใครๆ แต่มันเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตของฉัน”
จริยาพยายามพูดปลอบ
“มันใหญ่ยังไง ถึงจะไม่ได้ทุนการศึกษานั่น แต่จิ๋วก็เห็นไรเรียนได้จนจบ”
“เห็นเหรอ? ก็ไอ้ที่แกเห็นน่ะมันเห็นไม่หมดไงล่ะ” อุไรวรรณย้อนกลับ ด้วยสายตาเจ็บปวด
“แล้วอะไรล่ะที่จิ๋วไม่ได้เห็น”
อุไรวรรณเผลอจะพูดแล้วชะงัก รีบเปลี่ยนเรื่อง “ฉันติดหนี้แก 5 พันใช่มั้ย”
จริยาหน้าจ๋อย “โทษนะ อย่าหาว่าทวงเลยนะ”
อุไรวรรณควักเงินชูขึ้น “ดีแล้วที่ทวง ดีแล้วที่โทร.หาฉันแทนที่จะเป็นคนอื่น มันจะได้รู้ซะมั่งว่า ไม่ใช่มันคนเดียวที่มีเงิน ไม่ใช่มันคนเดียวที่จะมีอำนาจ พลิกชีวิตคนอื่นเค้าได้” พูดพลางจับมืออีกฝ่ายมาเอาเงินยัดใส่ “ครั้งนี้ฉันช่วยแกไว้ได้ใช่มั้ยจิ๋ว”

จริยามองอย่างงงๆ เพราะรู้สึกว่าเป็นเงินตัวเอง “เอ่อ”

เพื่อนรักเพื่อนริษยา ตอนที่ 1 (ต่อ)

อุไรวรรณย้ำ “ฉันเป็นคนช่วยแก จำไว้ ไม่ใช่นังนั่น”
 
ขาดคำก็เดินจากไป ทิ้งให้จริยานั่งอึ้งอยู่ ไม่สบายใจกับสัมพันธภาพของเพื่อนรักในวันนี้ที่เพิ่งได้รับรู้ว่ามันเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมาก

ทีมข่าวบันเทิงช่อง SUN เดินเกาะกลุ่มกันมาที่หน้าตึกบริเวณที่มีป้ายห้ามจอดรถ
เรด้าบ่นอุบ “เอ๊า ไหนว่าจะเอารถมารอตรงนี้ เดี๋ยวได้ตกข่าวอีกล่ะ”
ปกรณ์รีบบอก “พี่รอตรงนี้ละกันครับ เดี๋ยวผมไปดูดีกว่า”
“เออ ดีๆ บอกให้มันรีบเลย ซิ่งมาให้ไวเลย”
ขณะกำลังจะเดินออกไป ทันใดนั้นมีรถสปอร์ตคันหรูซิ่งตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว ปกรณ์กอดกล้องแน่นโดยสัญชาติญาณตากล้องที่ห่วงกล้องยิ่งชีพ เรด้ากรีดร้องลั่น
รถพุ่งมาเหมือนกับจะชน ปกรณ์รีบผลักเรด้าที่ยืนตัวแข็งทื่อจนกระเด็นออกไป
“หลบไป๊”
-ส่วนตัวเองก็กระโดดหลบ จนกลิ้งหลุนๆ ไปกับพื้น
รถเบรคเอี้ยดนิ่งสนิทโดยที่ไม่ได้ชนใครซักคน
“อาทิตย์” หนุ่มฟ้อ หล่อเฟี้ยว เปิดประตูรถลงมาด้วยท่าทีรีบร้อน เรด้าหลับหูหลับตาด่าโดยไม่ทันเห็นหน้าเจ้าของรถ
“ไอ้บ้า แม่แกเจ็บหนักเหรอไอ้..” ครั้นพอเห็นหน้าอาทิตย์ ก็ชะงักตาค้าง เสียงหวานทันที “ไอ้..
รูปหล่อ”
อาทิตย์โบกมือขอโทษ “โทษนะครับ ผมรีบ”
พูดจบก็รีบจะวิ่งเข้าไปในตึก ปกรณ์รีบลุกขึ้นเอากล้องให้เรด้าอุ้มไว้ แล้ววิ่งตามไปกระชากไหล่ให้อาทิตย์หันมา อีกฝ่ายสะบัดพรืดโดยสัญชาติญาณ 2 คนจ้องหน้ากัน
“ออกไปขอโทษทุกคนดีๆ อีกที”
อาทิตย์ทำหน้ามึน “ก็ขอโทษแล้ว”
“ขอโทษดีๆ”
“แค่นี้นะ ผมรีบ”
ขาดคำ อาทิตย์ก็หันหลังกลับจะรีบเดินออก ทันใดนั้นปกรณ์ก็กระชากไหล่ให้กลับมารับหมัดเข้าไปเต็มๆ จนหน้าหงายเงิบ อาทิตย์ที่เลือดออกมุมปาก กระโดดเข้าลุยกลับ
2 หนุ่มซัดกันนัว ท่ามกลางเสียงทีมข่าวบันเทิงและพนักงานที่กรูเข้ามามุงดูกันส่งเสียงลั่น รปภ.วิ่งเข้ามาเป่านกหวีดปรี๊ดๆๆๆ แต่ไม่เป็นผล
“หยุดเดี๋ยวนี้ ฉันบอกให้หยุด”
เสียงพนักงานเงียบกริบ 2 หนุ่มชะงักหันมองทั้งที่ยังกระชากคอกันอยู่ ราศียืนหน้าเข้ม โดยมีปูเปรี้ยวหน้าตาตื่นเต้นอยู่ข้างๆ

ราศีทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ หน้าตาไม่พอใจอย่างแรง
“เข้าใจผิดอะไรกันรึเปล่า? ที่นี่สถานีโทรทัศน์ไม่ใช่สนามมวย”
อาทิตย์นั่งไขว่ห้าง ทำหน้าเฮี้ยวๆ อยู่ ส่วนปกรณ์ยืนอยู่ข้างๆ ป๋าช้าง
“ถามผม?” อาทิตย์ย้อนถาม “ถามเค้าดีกว่า เค้าต่อยผมก่อน คงนึกว่าสนามมวย”
“แต่ก็ไม่ใช่สนามแข่งรถ” ปกรณ์ย้อนกลับ ป๋าช้างรีบแอบกระตุกเสื้อเป็นการเตือน แต่อีกฝ่ายไม่สน
อาทิตย์เมินหน้าหลบ ราศีมองอย่างสงสัย
“หมายความว่ายังไง?”
“ก็เค้าขับรถพุ่งมาอย่างเร็วเกือบชนพนักงานที่ยืนอยู่ตรงที่ห้ามจอดรถหน้าบริษัท”
ราศีตวัดสายตาขวับไปจ้องอาทิตย์ทันที
“โธ่ ก็ผมรีบนี่ครับแม่”
ปกรณ์ได้ยินก็ชะงัก ป๋าช้างหันไปมองแบบเตือนแล้วไง
“ขืนไม่รีบเดี๋ยวเจ้าของบริษัทไล่ผมออกล่ะแย่เลย” อาทิตย์ทำเสียงอ้อน
ทุกคนมองไปที่ราศีที่นั่งหน้าเข้ม สักพักก็เอ่ยขึ้น
“หัวหน้า”
ป๋าช้างสะดุ้งเฮือก “ครับ”
“ไปเรียกพนักงานที่อยู่ในเหตุการณ์ตรงนั้นมาให้หมด”
ป๋าช้างตกใจ “หา?”
ปูเปรี้ยวย้อนถามกลับ “เอ่อ จะโดนกันหมดเลยเหรอคะคุณราศี”
“ใช่”
อาทิตย์เลิกคิ้วมองปกรณ์แบบอย่างเหนือกว่า ก่อนที่ราศีจะพูดต่อ
“ไปเรียกมาให้อาทิตย์ขอโทษให้หมดทุกคน”
อาทิตย์แทบตกเก้าอี้ ร้องลั่น “คุณแม่”
ทุกคนมองราศีแบบนับถือ มีเพียงอาทิตย์ที่มองแม่แบบเคืองๆ

ทีมงานผู้ชายในหน่วยบันเทิงร้องเฮกันใหญ่ เมื่อรู้เรื่องที่เกิดขึ้น
“สุดยอดอ่ะเฮียเป๋า สะใจว่ะ”
“ถือว่าเป็นลูกเจ้าของจะทำอะไรก็ได้รึไงวะ”
เรด้ารีบปราม “นี่ๆๆ หุบปากดีกว่ามั้ย”
ทีมงานไม่ยอมหยุด “แหม มันน่าปล่อยให้โดนชนตาย เฮียเป๋าไม่น่าไปช่วยเล้ย เห็นเค้าหล่อ เค้ารวยงี้ หน้าตาก็งั้นๆ ล่ะวะ”
“งั้นๆ หรา ส่องกระจกก่อนพูดก่อนป่ะ”
นัตตี้ทำตาเยิ้ม “แต่เค้าก็หล่อจริงนะ หล่อด้วย รวยด้วยจริงๆ” พูดพลางคล้องคอปกรณ์ไว้ “แต่น้องเป๋าก็อย่าเพิ่งน้อยใจ น้องเป๋าก็หล่อ น่ารัก และแมนมาก”
เรด้ามองค้อน “พอเลยนังนัตตี้ อีกนิดก็จะสิงน้องมันอยู่แล้ว”
“เป๋า” ป๋าช้างเรียกเบาๆ “ยังไงก็ระวังหน่อย อย่าแรงเกิน เอ็งนี่มันเลือดร้อนเหมือนไอ้เปี๊ยกลุงเอ็งไม่มีผิด”
ปกรณ์ส่ายหน้ายิ้มๆ “ผมไม่ได้เลือดร้อน ไอ้นั่นมันผิดจริงนี่ครับลุง”
ป๋าช้างยิ้มน้อยๆ “โลกใบนี้ บางทีผิดมันก็อาจกลายเป็นถูก เรื่องจริงมันก็อาจกลายเป็นเรื่องไม่จริง ทุกอย่างมันเป็นไปได้ทั้งนั้นละเว้ย ไอ้หลาน”
ปกรณ์มองป๋าช้างอย่างไม่เห็นด้วยเท่าไหร่
“ดูไป” ป๋าช้างตบไหล่เบาๆ แล้วเดินออกไป

“เท่มากเลยแม่ ผมมาทำงานวันแรกแม่ก็ทำผมเสียฟอร์มอย่างแรง ลูกชายเจ้าของบริษัทต้องเดิน ขอโทษลูกน้องเรียงตัวอย่างเนี้ยนะครับ ตายๆๆ รู้งี้ไม่มาให้อายดีกว่า”
อาทิตย์บ่นอุบ หน้าตาซีเรียส จริงจัง
“แม่อายกว่าแกอีกตาทิตย์”
อาทิตย์ทำหน้าสงสัย “อายตรงไหน”
“อายตรงที่มีลูกชายที่ไร้ความเป็นผู้นำที่ดี”
อาทิตย์อึ้ง ปูเปรี้ยวกลืนน้ำลายเอื้อก
“เอ่อ ดิฉันว่าดิฉัน..”
ราศีรีบพูดดักคอ “ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้นแหละ อยู่ตรงนี้จะได้ช่วยทำบันทึกไว้ด้วยว่า นับจากนี้ต่อไป ตาทิตย์จะต้องมีหน้าที่ปฏิบัติและรับผิดชอบอะไรบ้าง ในฐานะรองประธานกรรมการบริหารช่อง SUN”
อาทิตย์ยิ้มแฉ่ง ดีดนิ้วเปาะ ลงนั่งเต๊ะท่าอย่างสบายใจเมื่อได้ยินตำแหน่ง
ราศีหันพูดกับปูเปรี้ยวที่หยิบไอแพ็ดมารอ
“ฉันจะบอกเป็นข้อๆ และถ้าปฏิบัติไม่ได้จริงตามนี้ภายในระยะเวลา 1 ปี แม่ก็จะปลดแก”
ประโยคหลัง ราศีหันมาบอกกับลูกชาย ทำเอาอาทิตย์แทบเงิบ
“แม่”

ราศีจ้องหน้าอย่างเอาจริง

อาทิตย์เดินพรวดๆ หน้างออกมาเพราะไม่พอใจแม่อย่างแรง
 
โดยมีปูเปรี้ยววิ่งตามออกมาติดๆ จู่ๆฝ่ายแรกเบรคเอี๊ยด ทำเอาฝ่ายหลังเกือบจะชน
“ว้าย”
“จะตามผมไปถึงไหน นี่แม่สั่งให้ตามขนาดนี้เลยเหรอ ไม่สิงผมเลยล่ะ”
“ว้าย“ ปูเปรี้ยวร้องเสียงหลง พลางทำปากมุบมิบ “ปากจัด” แล้วก็พูดต่อ “ดิฉันไม่ได้จะตามสิงคุณอาทิตย์หรอกนะคะ แต่ดิฉันจะออกมาคอยรับหนูนางฟ้าค่ะ วันนี้จะมีงานแถลงข่าว”
อาทิตย์ส่ายหน้ารำคาญ “นางฟ้งนางฟ้า ชื่อคนบ้าอะไร โคตรแอ๊บ”
พูดจบก็หันจะเดินต่อแต่แล้วก็ชะงักกึก อึ้ง เมื่อสายตาปะทะกับอัปสรสวรรค์ที่เยื้องกรายมาด้วยท่วงท่าที่สวยราวกับนางฟ้าก้าวเดินเข้ามา โดยมีแฟนคลับวิ่งไปรุมกรี๊ดขอถ่ายรูป
อาทิตย์จ้องมองอย่างลืมตัว ปูเปรี้ยวพึมพำแต่ตั้งใจให้อาทิตย์ได้ยิน
“คนบ้าอะไร ยืนยิ้มอยู่ได้คนเดียว”
อาทิตย์สะดุ้งโหยง “ว่าไงนะครับ”
“อ๋อ เปล่าค่ะ ขอตัวไปรับน้องนางฟ้าก่อนนะคะ”
ว่าแล้วก็รีบไปกรุยทางช่วยกันกับ รปภ. ดึงตัวอัปสรสวรรค์และนำเดือนเด่นออกมาจากกลุ่มแฟนคลับและนักข่าว และเดินผ่านหน้าอาทิตย์ที่ยังจ้องมองอย่างแทบไม่กระพริบตา
อัปสรสวรรค์หันไปสบตากับอาทิตย์แว่บหนึ่งแต่ก็เมินไปอย่างไม่ได้สนใจสักนิด ฝ่ายแรกหน้าเจื่อนแต่ก็มองตามจนลับตา
“นางฟ้า”
อาทิตย์ยิ้มน้อยๆ สายตาวิบวับ

อัปสรสวรรค์กำลังจะหยิบแก้วน้ำตรงหน้า แต่กลับถูกเดือนเด่นผลักแก้วออก แล้วเอาขวดน้ำแร่ที่เตรียมมาเองแทนที่ ฝ่ายแรกเลยจำต้องหยิบมาจิบแบบเซ็งๆ แล้ววางลงตรงหน้า ก่อนที่ราศีจะเริ่มพูดขึ้น
“สรุปแล้ว อุบัติเหตุครั้งนั้นเกิดจากอุปกรณ์สลิงที่เสื่อมคุณภาพ”
เดือนเด่นโพล่งออกมาทันที “เราต้องเอาเรื่องบริษัทจัดหาอุปกรณ์นั้นนะคะ ทำธุรกิจยังไงไร้ความเป็นมืออาชีพ”
อัปสรสวรรค์รีบปราม “แม่คะ”
“อย่าบอกนะว่าจะไม่เอาเรื่อง เฮ้อ! ฉันไม่น่าตั้งชื่อลูกว่านางฟ้าเลยนะคะคุณราศี รู้งี้ตั้งว่านางมารร้าย นางแม่มดซะก็ดี จะได้ไม่ต้องเป็นนางฟ้าผู้อารีขนาดนี้ อ้อ! ว่าแต่แน่ใจนะคะว่าไม่มีใครอิจฉาริษยาวางแผนแกล้งยัยฟ้า”
อัปสรสวรรค์ทำหน้าอ่อนใจ
“อ่ะ ก็แล้วแต่แม่เถอะค่ะ ถ้าแม่สนุกจะแต่งตัวสวยๆ ไปขึ้นศาล แต่หนูไม่อยากเสียเวลา เจ็บขาด้วย”
เดือนเด่นอึ้งไป ราศีกับปูเปรี้ยวมองหน้ากัน
“แล้วในแง่ความเสียหายของบริษัทล่ะคะ” เดือนเด่นหันมาถามราศี “ตารางงานที่ต้องเลื่อน ต้องยกเลิก ยังไงเค้าก็ควรจะรับผิดชอบ”
ปูเปรี้ยวรีบบอก “คือทางเจ้าของบริษัทเค้าก็แสดงความเสียใจมานะคะ”
เดือนเด่นทำหน้าเหยียด “เสียใจ? แค่เสียใจเนี่ยนะคะ”
“เค้าก็อยากจะเสียตังค์ด้วยน่ะค่ะ แต่ว่า..”
ราศีรีบช่วยพูด “ คุณหญิงคะ คือคนวงการนี้ ต่างก็รู้จักรักใคร่เรียกใช้กันมาตลอดหลายสิบปี ไอ้ผิดน่ะผิดจริง ซึ่งเค้าก็ยินดีรับผิดทุกอย่าง แต่ไอ้ที่จะให้ชดใช้ค่าเสียหายเนี่ย เชื่อว่าต่อให้เค้าขายบริษัททิ้งก็คงชดใช้ให้เราไม่พอ”
อัปสรสวรรค์ตัดบทฉับ “ยกให้เค้าไปเถอะค่ะ อย่าเอาเรื่องเค้าเลย แม่คะ หนูว่าไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นหรอกค่ะ มันอาจจะเป็นคราวซวยของหนูเองก็ได้”
เดือนเด่นร้องเสียงหลง “ต๊าย ยัยฟ้าพูดจาไม่เป็นมงคล”
ปูเปรี้ยวยกมือท่วมหัว “สาธุค่ะ อนุโมทนากับหนูฟ้าด้วย พระท่านว่ายิ่งให้ยิ่งได้นี่เรื่องจริงนะคะ ดิฉันเห็นมาเยอะแล้ว นักแสดงหลายคนเลย ยังไงไม่ทราบ พอผ่านอุบัติเหตุแรงๆ มาได้ล่ะก็ ดังเปรี้ยงปร้างทุกคนเลยค่ะ”
เดือนเด่นแค่นยิ้ม “หึ ขอให้จริงเถอะ”
อัปสรสวรรค์มองปูเปรี้ยวแอบอมยิ้มให้กัน เดือนเด่นค้อนขวับ
“โอเค.ค่ะ ถ้างั้นเราทุกคนก็คงจะพร้อมไปแถลงข่าวร่วมกันแล้วนะคะ”
ปูเปรี้ยวรีบเปลี่ยนเรื่อง ราศีมองซุปตาร์สาวผู้อารีอย่างชื่นชม

นักข่าว และตากล้องมาออกันอยู่เต็มบริเวณงานแถลงข่าวอุบัติเหตุของอัปสรสวรรค์ ท่ามกลางกลุ่ม แฟนคลับที่มาชูป้ายไฟให้กำลังใจ
พิธีกรประกาศเชิญอัปสรสวรรค์เข้ามานั่ง โดยมีเดือนเด่นตามมานั่งข้างๆ นักข่าวรุมถ่ายภาพกันรัว
ปกรณ์ที่อยู่ในกลุ่มนักข่าว มองซุปตาร์สาวผ่านวิวไฟเดอร์แล้วเงยขึ้นมามองตัวจริงยิ้มๆ
อาทิตย์อยู่ที่มุมหนึ่งคนเดียว มองไปที่อัปสรสวรรค์แล้วยิ้มกับตัวเอง
พออัปสรสวรรค์ให้สัมภาษณ์จบ เหล่าแฟนคลับก็ปรบมือกันรัว ก่อนที่พิธีกรจะประกาศเชิญราศีมอบช่อดอกไม้
“ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานแถลงข่าวอุบัติเหตุของน้องนางฟ้าในวันนี้ แต่ขอบอกว่ายัง
ไม่จบนะคะ”
อัปสรสวรรค์ได้ยินก็ถึงกับชะงัก เพราะในคิวไม่มี
“ต้องขอบอกว่าช็อตเด็ดนี้ห้ามพลาด เพราะช็อตเด็ดแบบนี้ไม่ได้มีให้เราเห็นกันได้บ่อยๆ กับภาพที่
ซุปตาร์ 2 ดวง แห่งวงการบันเทิงเมืองไทยจะโคจรมาร่วมเฟรมกันให้พวกเราได้เห็น ขอเสียงปรบมือต้อนรับน้องฮันนี่ค่า”
แฟนคลับของฮันนี่ชูป้ายไฟพรึ่บขึ้นทันที
ฮันนี่ในชุดจัดเต็มเดินยิ้มแย้มมาพร้อมช่อดอกไม้ อัปสรสวรรค์กรอกตามองอย่างเซ็งๆ ราศีเอียงหน้าไปกระซิบปูเปรี้ยว
“ยังไง?”
ปูเปรี้ยวคอย่น “จู่ๆ นางก็บอกว่านางจะโผล่มาอ่ะค่ะ”
ราศีถอนใจเฮือก ส่วนฮันนี่หน้าตายิ้มแย้ม
“นี่ต้องขอโทษด้วยที่มาแบบกะทันหันไม่ได้เตรียมตัวมา”
อัปสรสวรรค์กวาดตาดูชุดจัดเต็มของคนที่ไม่ได้เตรียมตัวมาตั้งแต่หัวจดเท้า แล้วก็ถอนใจเซ็ง
“แต่นี่ก็เตรียมดอกไม้มาแสดงความยินดีกับนางฟ้าที่หายดีแล้ว แล้วก็ขอ Welcome back กลับมาทำงานให้แฟนๆ ได้ชื่นชมกันต่อไปนะคะ”
พูดจบก็มอบดอกไม้แล้วจุ๊บซ้าย-ขวา ขณะที่อีกฝ่ายทำหน้านิ่ง แฟนคลับกรี๊ดกระหน่ำ พร้อมกับปรบมือดังลั่น ตากล้องรัวซัตเตอร์ยับ
ปกรณ์ลอบมองเห็นสีหน้าไม่พอใจของซุปตาร์สาวในวิวไฟเดอร์ ก็เงยขึ้นมองตัวจริงแล้วอมยิ้ม
อาทิตย์มองลงมาแบบสังเกตการณ์ ส่วนราศีกับเดือนเด่นที่อยู่บนเวที ก็จำต้องยิ้มๆ ไปตามน้ำ

ฮันนี่กอดอัปสรสวรรค์แน่น พร้อมกับเอาแก้มแนบแก้ม พร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง ขณะที่อีกฝ่ายฝืนยิ้มอย่างเสียไม่ได้

ระหว่างที่พนักงานกำลังนั่งจิบกาแฟเม้าท์มอยกันอย่างสนุกปากอยู่ในห้องอาหารของสถานี
 
จู่ๆ ปูเปรี้ยวก็เดินนำอัปสรสวรรค์เข้ามา พนักงานหันมองกันใหญ่
“แน่ใจนะคะว่าจะทานที่นี่”
“ที่นี่ล่ะค่ะ อากาศน่าจะเป็นพิษน้อยกว่านั่งกินข้าวร่วมห้องกะยัยฮันนี่”
ปูเปรี้ยวถอนใจเฮือก “งั้นก็เชิญค่ะ แต่เดี๋ยวพี่คงต้องขอวิ่งรอกไปห้องนู้นที ห้องนี้ทีนะคะ ไหนจะคุณราศี ไหนจะคุณหญิงเดือนเด่น ไหนจะซุปตาร์ฮันนี่ ไหนจะ..”
อัปสรสวรรค์รีบตัดบท “พี่ปูเปรี้ยวไปเถอะค่ะ หนูอยู่ได้”
“แน่นะ”
ซุปตาร์สาวทิ้งตัวลงนั่ง ก่อนจะพยักหน้าให้ แต่ปูเปรี้ยวยังห่วงเลยชะเง้อชะแง้จนเห็นเรด้านั่งอยู่
“เรด้า แม่เรด้า แม่คนที่ตัวดำๆ นั่นน่ะ”
เรด้าสะดุ้งหันมอง ชี้ตัวเองแทนคำถาม
“ย่ะ หล่อนนั่นแหละ ดำที่สุด มานี่หน่อยซิ”
เรด้ารีบวิ่งมาหา “มีอะไรให้รับใช้คะคุณแม่”
“ฝากดูแลน้องนางฟ้าด้วย น้องจะนั่งจิบกาแฟที่นี่จนกว่าคุณราศีกะคุณหญิงเดือนเด่นจะทานข้าวกลางวันกันเสร็จ ดูแลอย่าให้ขาดตกบกพร่อง เข้าใจมั้ย”
เรด้ารับคำ “รับแซบค่ะคุณแม่”
“ดี ฉันไปล่ะ ต้องการอะไรก็บอกเรด้านะคะหนู”
อัปสรสวรรค์ยิ้มน้อยๆ ให้ ปูเปรี้ยวรีบเดินออกไป
เรด้าได้นั่งใกล้ชิดกับซุปตาร์สาวก็อ้าปากอยากจะชวนคุย แต่อีกฝ่ายกลับคว้ามือถือมาก้มหน้าจิ้มๆๆ อย่างไม่สนใจ
พอนึกเรื่องจะชวนคุยอีก ก็เห็นอัปสรสวรรค์ยกมือถือขึ้นจะถ่ายเซลฟี่ เรด้าชะงักนึกว่าอีกฝ่ายจะถ่ายรูปตัวเอง
“เดี๋ยวค่ะ จะถ่ายรูปพี่เหรอคะ พี่ไม่สวยอ่ะ ขอทาปากแป็บ” พูดพลางรีบควักลิปสติกขึ้นมา
อัปสรสวรรค์พูดหน้านิ่ง “หลบหน่อยได้มั้ยคะ บังแสง มืดเชียว”
เรด้าอึ้งเงิบ ค้อนขวับ “ได้ค่ะ”
อัปสรสวรรค์กดมือถือถ่ายรูปตัวเอง 3-4 ใบ เรด้ามองจิกแบบไม่ชอบขี้หน้า แต่พอฝ่ายแรกลดกล้องลงแล้วมองหน้า ก็ฉีกยิ้มหวานให้
“ทานกาแฟอะไรดีคะ เดี๋ยวพี่จัดให้”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไปเอาเองดีกว่า”
พูดจบก็ลุกไปเลย ทิ้งให้เรด้าแอบค้อนก่อนจะตวัดสายตามองกระเป๋าใบงามที่ทิ้งไว้บนโต๊ะ ด้วยสัญชาติญาณซอกแซกของนักข่าว
“โห เนี่ยเหรอวะ ที่เค้าว่าใบละเป็นล้าน”
แตะเสร็จก็ยกกระเป๋าเอามาแตะหัวหูตัวเองให้เป็นสิริมงคลแถมดมกลิ่นให้ชื่นใจ

อัปสรสวรรค์เดินมาเมียงมองมองที่เคาน์เตอร์ ก่อนจะสั่งกาแฟ
“มีคาปูชิโน่มั้ยคะ?”
“มีครับ”
“ถ้างั้นขอ..”
ทันใดนั้นมีเสียงผู้ชายพูดขึ้นพร้อมกันกับเธอ
“คาปูชิโน่ดีแคฟ, โลวแฟ็ต”
ซุปตาร์สาวชะงักกึก หันมองงงๆ ปกรณ์ที่ยืนหันหลังตรงนั้นอยู่ก่อนแล้ว หันหน้ามามอง
อัปสรสวรรค์ตาโตอย่างตื่นเต้น ดีใจ ปกรณ์ทำหน้าทะเล้นตามสไตล์
“เป๋า? เป๋าจริงๆ ด้วย”
พูดพลางกระโดดกอดแน่นด้วยความดีใจ พนักงานในแคนทีนอึ้งตะลึง เรด้าอ้าปากค้าง แม้กระทั่งอาทิตย์ที่กำลังจะก้าวเข้ามาก็ชะงักกึกกับภาพที่เห็น จนต้องหยุดยืนมองอยู่ตรงนั้น
ปกรณ์เป็นฝ่ายเขินและค่อยๆ ผละออกมาแทน
“เบา เบา รัดแน่นเกิน กระดูกจะแหลกแล้ว”
“บ้า ฉันไม่ใช่งูเหลือมนะยะ นี่ มาอยู่ที่นี่ได้ไง มาทำไรที่นี่ แล้วกลับมาจากอังกฤษตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมหายไปเลยไม่ส่งข่าว นึกว่าตายไปแล้วนะเนี่ย ทำไม...”
ปกรณ์รีบโบกมือห้าม “พอๆๆๆ ตกลงเป็นซุปตาร์หรือนักข่าวกันแน่หา ถามรัว”
อีกฝ่ายตีแขนเพียะ จ้องหน้าดุ “อย่ามาแซว ตอบมาให้หมด”
“ครับ แม่”
อัปสรสวรรค์ผลักหน้าปกรณ์จนหงายเงิบแล้วโผกอดแน่นอีกที อีกฝ่ายได้แต่เขิน แต่ไม่รู้จะทำยังไง
ทุกคนในแคนทีนหูตาวาว จับกลุ่มเม้าท์กันใหญ่
อาทิตย์ยังมองอยู่ตรงที่เดิมก่อนจะหันหลังเดินออกไป
ปกรณ์วางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ อัปสรสวรรค์นั่งลงอย่างอารมณ์ดี ขณะที่อีกฝ่ายยังยืนอยู่
“เอ้า นั่งสิ แหม หรือต้องให้จุดธูปเชิญก่อน”
ปกรณ์มองไปที่เรด้าที่ยังทำนั่งเนียนแต่หูผึ่งไปด้วย อัปสรสวรรค์มองตาม แล้วก็นึกรู้
“อ่อ พี่คะ”
เรด้ายังทำเนียน จนเธอต้องก้มไปพูดจ่อตรงหน้า “พี่คะ”
เรด้าทำสะดุ้ง “คะๆๆ มีอะไรให้พี่เรด้ารับใช้คะ คุณน้องนางฟ้า”
“ค่ะ พี่ช่วยไปนั่งโต๊ะอื่นได้มั้ยคะ เรา 2 คน อยากคุยเรื่องส่วนตัว”
เรด้าหน้าหงาย ปกรณ์พูดอย่างเกรงใจ
“ไว้คุยกันวันหลัง”
อีกฝ่ายสวนกลับ “วันนี้แหละ จะวันหลงวันหลังอะไร”
พูดจบกระชากปกรณ์นั่งลง ขณะที่เรด้าลังเลอยากอยู่สาระแนต่อ
อัปสรสวรรค์มองจ้อง “พี่คะ”
เรด้าพยายามหาทางอยู่ต่อ “เอ่อ จะดีเหรอคะ พี่ปูเปรี้ยว ฝากให้พี่ดูแลน้อง” พอเห็นอีกฝ่ายมอง
ตาจิก ก็รีบลุกเลย “รับแซบค่ะ ไปก็ได้ค่ะ”
พูดพลางแอบค้อนขวับ ก่อนจะลุกกลับไปนั่งโต๊ะเดิม อัปสรสวรรค์ดีใจรีบคุยกับปกรณ์ต่อ
“อย่าบอกนะว่าทำงานที่นี่”
ปกรณ์ไม่ตอบแต่ชูป้ายพนักงานให้ดู ซุปตาร์สาวตาวาว ดีใจ
“ว้าย แล้วทำไมไม่บอก จะอุ๊บอิ๊บเพื่อ เป็นซุปตาร์เหรอยะ ต้องการความเป็นส่วนตัวงิ”
อีกฝ่ายส่ายหน้ายิ้มๆ “เว่อร์ล่ะ”
“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ใจดำนะ เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวประหลาดลึกลับหลังเขา ติดต่อไม่ได้ แหม..อยู่อังกฤษแค่นี้ทำยังกะอยู่เกาะอีสเตอร์”
“ปากจัดเหมือนเดิม เป็นซุปตาร์ปากจัดอย่างนี้จะดีเหรอ”
“แล้วไง” อัปสรสวรรค์ย้อนถามกลับ “ปากจัดแต่จริงใจ ชอบเหรอพวกปากหวานหัวใจมารร้ายน่ะ ชอบเหรอ”
“โห หนังเกาหลีเหรอ”
“หนังไทยนี่แหละ เยอะเลย” พูดพลางจิบกาแฟ พูดโดยไม่มอง “นู่นไง พูดถึงก็มาเชียว หลอนเหอะ”
ปกรณ์หันไปมอง ก่อนจะเห็นฮันนี่เดินมาพร้อมผู้จัดการ ช่างแต่งหน้าประจำตัวเป็นขบวนนางพญา ท่าทางยิ้มแย้มแจ่มใสโบกมือทักทายทุกคน ทำเอาทุกคนปลื้ม วิ่งเข้าไปขอถ่ายรูป
พักหนึ่งฮันนี่ก็ขอตัวเดินมาหาอัปสรสวรรค์ที่โต๊ะ ทุกคนเล็งเป็นตาเดียว รอลุ้นระทึก
“ฮาโหลๆ” ฮันนี่พูดทัก พลางมองปกรณ์อย่างสงสัย “ขอโทษนะคะที่ขัดคอ คือว่านี่ไม่เห็นนางฟ้าก็เลยออกมาตามหา คือว่านี่จะมาบอกว่าจะกลับแล้วอ่ะค่ะ”
ซุปตาร์สาวทำหน้านิ่ง “ค่ะ”
ฮันนี่หน้าม้าน พลางแค่นยิ้มตอบ
“นี่ก็แค่อยากจะให้แน่ใจว่าระหว่างเราเคลียร์แล้ว เรื่องอุบัติเหตุในงานคืนนั้น ไม่มีอะไรค้างคาใจกันแล้ว”
อัปสรสวรรค์พยักหน้าให้เฉยๆ ฮันนี่หน้าหงายอีกรอบ
“งั้นก็ดีค่ะ งั้นนี่ก็ไปก่อนนะคะ สวัสดีนะคะ ทุกคน สวัสดีค่า”
ฮันนี่จะเดินออก เรด้ารีบวิ่งมาประกบ
“เดี๋ยวค่ะน้องฮันนี่ มีเวลาแป๊บมั้ย? พี่ขอคุยหลังไมค์จี๊ดนึง ขอข่าวซีฟๆๆ นะๆๆ”
ฮันนี่ยิ้มหวาน “ยินดีค่า สำหรับพี่เรด้า นี่ได้เสมอ”
“รักที่สุดอ่ะคนนี้” พูดพลางจิกตามองอัปสรสวรรค์ “ไม่หยิ่ง”
แล้ว 2 คนก็กอดกันกลมเดินออกไปกัน ปกรณ์พูดต่ออย่างจริงจัง
“เอาจริงๆ นะ ฟ้าไม่เหมาะจะเป็นซุปตาร์เลยนะ”
อัปสรสวรรค์ยิ้ม “เหมือนเดิมเลยเป๋า แกยังเป็นคนเดียวในโลกที่รู้จักรู้ใจฉันที่สุด” พูดพลางเอื้อมมือไปหยิกแก้มแบบมันเขี้ยว “น่ารักที่สุด”
ปกรณ์ยิ้มเขิน เพราะเห็นคนอื่นมองมา “ เฮ่ยๆๆ”
“ทำไม ก็เพื่อนกัน จะอายอะไร”
ปกรณ์แอบชะงักกับคำว่าเพื่อน ก่อนจะทำเนียนๆ
“ก็นั่นแหละ แต่ตอนนี้ฟ้าเป็นซุปตาร์แล้ว”
“น้ำเน่า เออ เป๋าเจอไอ้จิ๋วมั่งมั้ย? วันงานฉันเจอมันนะ เดี๋ยวนี้มันเป็นแด๊นเซอร์ ยังมาเต้นให้ฉันเลย แต่จากนั้นก็หายหัวเลยนะ มีเบอร์มันมั้ย”
“มี เดี๋ยวเอาให้”
“จริงเหรอ ดีๆๆ” อัปสรสวรรค์ยิ้มดีใจ ก่อนจะสลดวูบ “เอ่อ..แล้ว...”
“อุไรเหรอ”
อีกฝ่ายพยักหน้าเรียบๆ “เจอมันมั่งรึเปล่า”

ปกรณ์นิ่งเงียบไม่ตอบ อัปสรสวรรค์มองอย่างสงสัย

ภาพคู่ของอัปสรสวรรค์กับฮันนี่ที่ฝ่ายประชาสัมภาษณ์ช่อง SUN อัพขึ้น
 
ปรากฏอยู่บนไอจีในมือถือของอุไรวรรณ ที่มองด้วยสายตาเจ็บแค้นจนน้ำตาหยด ก่อนที่เธอจะปาดน้ำตาพรึ่ดด้วยความโมโห
“ร้องทำไม จะร้องไห้ให้มันทำไมอีกหา ที่ผ่านมายังร้องไม่พออีกเหรอนังอุไร”
พูดพลางตีหน้าตัวเองด้วยความโมโห สุดท้ายก็สูดหายใจลึก สายตามุ่งมั่น
“พอแล้ว เลิกร้องไห้เพราะมันได้แล้ว ต่อไปนี้ต้องเป็นแกแล้วล่ะที่จะต้องร้องไห้เพราะฉันบ้าง นังนางฟ้า”
“อาหมวย”
เสียงเจ๊เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวตะโกนเรียก เพราะตอนนี้อุไรวรรณกลายเป็นเด็กเสิร์ฟก๋วยเตี๋ยวไปแล้ว
“มานั่งทำอะไรตรงนี้ ลูกค้าเยอะแยะ ทำไมไม่ไปเสิร์ฟก๋วยเตี๋ยว ลื้อนี่มันขี้เกียจ”
จากนั้นก็ด่าภาษาจีนเป็นชุด
อุไรวรรณกระฟัดกระเฟียดลุกขึ้นไปเสิร์ฟแบบเซ็งๆ ก่อนจะปาดเหงื่อด้วยความเหน็ดเหนื่อย แววตาเจ็บแค้น ส่วนเจ๊เจ้าของร้าน ก็ชี้นิ้วด่าไปเรื่อย

“จะให้รับนักข่าวที่ชื่ออุไรวรรณเข้าทำงาน หนูฟ้ามีเหตุผลอะไรจ๊ะ”
ราศีย้อนถามอย่างงงๆ เมื่อได้รับฟังคำขอจากอัปสรสวรรค์
“เหตุผลก็คือ อุไรเค้าเป็นเพื่อนฟ้าน่ะค่ะ”
ราศีนิ่งไป ปูเปรี้ยวเหลือบมอง เดือนเด่นรีบบอก
“โอย เพื่อนแพ่นตั้งแต่สมัยไหน ไม่เอาๆๆ..คุณพี่อย่าไปสนใจเลยค่ะ ฟ้า ไม่เหมาะสมนะ เอาเรื่อง
ไร้สาระมากวนใจคุณป้าราศี”
“มันไม่ใช่เรื่องไร้สาระนะคะแม่ ทำไมถึงไล่อุไรออกล่ะคะ ในเมื่อตอนแรกคุณป้าก็รับอุไรมาแล้วไม่ใช่เหรอคะ?”
ราศีตวัดสายตาไปที่ปูเปรี้ยวแบบตำหนิ อีกฝ่ายรีบส่ายหน้าเป็นเชิงว่า “ไม่ได้พูด”
“ฟ้า กลับบ้านดีกว่า”
เดือนเด่นพูดปราม แต่อัปสรรสวรรค์ไม่สน
“คุณป้าคะ อุไรเป็นคนเก่งมากค่ะ ที่พูดนี่ไม่ใช่เข้าข้างกัน แต่ถ้าคุณป้ารับอุไรเข้าทำงาน คุณป้าจะเห็นว่าอุไรเป็นคนเก่งจริงๆ อย่างที่หนูพูด”
ราศีมองจ้อง จนอัปสรสวรรค์ต้องโพล่งถาม
“คุณป้าอยากให้หนูทำอะไรให้คะ หนูจะยอมทำให้ทุกอย่าง ถ้าคุณป้าจะรับอุไรกลับเข้ามาทำงานที่นี่”
ราศีอึ้ง เดือนเด่นตกใจ
“ยัยฟ้า”
“ทุกอย่างจริงๆ เหรอครับ?”
อัปสรสวรรค์หันไปมอง ก่อนจะเห็นอาทิตย์ยืนยิ้มน้อยๆ อยู่หน้าห้อง ราศีรีบแนะนำ
“นี่ อาทิตย์ ลูกชายพี่ค่ะคุณหญิง”
อาทิตย์เดินเข้ามา พลางยกมือไหว้ “สวัสดีครับ”
เดือนเด่นมองอย่างชอบใจ “จ้ะ สวัสดีจ้ะ”
อาทิตย์มองอัปสรสวรรค์ตาเยิ้ม “ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณนางฟ้า - อัปสรสวรรค์”
อีกฝ่ายทำหน้านิ่ง “ค่ะ”
เดือนเด่นใช้สายตาจิกปราม อาทิตย์ยิ้ม พลางพูดต่อ
“ขอโทษนะครับที่ผมเสียมารยาท แต่ผมคิดว่าข้อเสนอของคุณนางฟ้าเป็นข้อเสนอที่ยอดเยี่ยมมาก คุณแม่น่าจะตอบตกลงนะครับ”
“ว่าไงนะ”
ราศีประหลาดใจ อัปสรสวรรค์หันมองขวับ อาทิตย์ยิ้มให้น้อยๆ ยืนยันว่าพูดจริง ทุกคนในห้องมองอย่างงงๆ

อุไรวรรณเดินเซ็งชีวิตมาตามทาง ใบหน้ามันเยิ้ม สักพักก็ชะงักเมื่อเห็น “เพ็ญศรี” ผู้เป็นแม่ประคองเสี่ยส่งขึ้นรถที่หน้าบ้าน จู๋จี๋อี๋อ๋อสุดฤทธิ์
“แล้วเจอกันใหม่นะคะเฮีย อย่าลืมเพ็ญนะ เพ็ญงอนนะ”
“ไม่ลืมๆ ไว้อั๊วมาใหม่”
อุไรวรรณมองแม่ตัวเองกับเสี่ยผลัดกันจุ๊บซ้าย-ขวาอย่างจะอ้วก จนเสี่ยขับรถสวนออกไป เพ็ญศรีมองมาเห็นลูกสาว ก็พูดทัก
“กลับดึกเชียวนังไร”
อุไรวรรณปรี่เข้ามาหา “แม่ ไรเคยขอแล้วใช่มั้ยว่า อย่าเอาผู้ชายพวกนี้เข้าบ้าน”
“กระแดะ ผู้ชายพวกนี้ ก็ไม่ใช่เพราะผู้ชายพวกนี้หรอกเหรอ ผู้หญิงอย่างเรา แกกับฉัน 2 คนแม่ลูกถึงได้มีกินมีใช้ไม่อดโซเป็นหมาข้างถนนมาจนถึงทุกวันนี้”
อุไรวรรณถอนใจเฮือก เพ็ญศรีพูดต่อ
“แล้วอีกอย่าง ถ้าไม่ให้พาพวกมันมาที่นี่แล้วจะให้ไปที่ไหน เสียดายค่าโรงแรม”
อุไรวรรณไม่พอใจ เดินสะบัดจากแม่จะเข้าบ้าน
“เดี๋ยวนังไร ฉันยังพูดไม่จบ ทำไม อายนักเหรอ”
อุไรวรรณหันมาเผชิญหน้าแม่ “อายสิ ใครไม่อายบ้าง พาผู้ชายมานอนไม่ซ้ำหน้า”
เพ็ญศรียักไหล่
“แล้วไง อายใคร อายชาวบ้าน ชาวบ้านให้ข้าวแกกินรึไง ให้เงินแกเรียนหนังสือจนจบใช่มั้ย ถึงต้องไปอายมัน ลืมแล้วเหรอ จำไม่ได้เหรอ ถ้าไม่ใช่เพราะแกพลาดทุนเรียนฟรีปีสุดท้าย ถ้าไม่ใช่เพราะแกร้องห่มร้องไห้จะเป็นจะตาย ถ้าไม่ใช่เพราะแกบอกว่าชีวิตแกจะล่มสลาย แกจะฆ่าตัวตาย ถ้าไม่ได้เงินมาเรียนปีสุดท้ายให้จบ ฉันก็คงไม่ต้องตัดสินใจขายตัว เอาเงินมาจ่ายค่าเทอมให้แกหรอกนะ นังอุไรวรรณ”
อุไรวรรณได้ยินก็ร้องไห้สะอื้น “แม่ พอแล้ว”
“ถ้าไอ้ที่ฉันยอมทำเพื่อแกถึงขนาดนี้แล้ว มันจะทำให้แกอับอายชาวบ้าน ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว นางงามไร้การศึกษาอย่างฉัน มันก็มีปัญญาทำได้เท่านี้แหละ แล้วแกล่ะ ไหนว่าเรียนจบแล้วจะหางานดีๆ เลี้ยงแม่เลี้ยงตัวเองอย่างนู้นอย่างนี้ หึ!! เสิร์ฟก๋วยเตี๋ยวหน้ามันเชียว ถ้าแกหางานดีๆ เลี้ยงตัวเองให้รอดได้เมื่อไหร่ ฉันจะเลิก”
เพ็ญศรีพูดจบก็เดินเข้าบ้านไป อุไรวรรณมองตามน้ำตาเปื้อนหน้า
“สักวัน สักวันสิแม่ คอยดู”
ทันใดนั้นเสียงมือถือก็ดังขึ้นมา อุไรวรรณมองงงๆ แล้วตัดสินใจกดรับสาย
“ฮัลโหล ใช่ค่ะ ว่าไงนะคะ อะไรนะคะ ค่ะ ได้ค่ะ ค่ะ สวัสดีค่ะ”
อุไรวรรณวางสายด้วยสายตางงงวยเหมือนโดนสะกดจิต ก่อนที่จะค่อยๆ กรีดร้องออกมาดังลั่น เหมือนคนสติแตก
“ไม่จริงๆๆ ไม่ได้ฝันใช่มั้ย” พูดพลางตบหน้า และหยิกตัวเอง” ฉันไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย อุไร แกสบายแล้ว แม่ เราจะรอดแล้ว ฉันจะเลี้ยงแม่ เลี้ยงตัวเองได้แล้ว”

อุไรวรรณกระโดดโลดเต้น ตะโกนลั่นซอยโดยไม่สนเสียงตะโกนด่าของเพื่อนบ้านแถวนั้น
 
จบตอนที่ 1 
กำลังโหลดความคิดเห็น