เจ้านาง ตอนที่ 15
บุญสลักเดินคุยกับแฟรงค์มาตามทางในโรงพยาบาล
“ฉันไปเยี่ยมคุณน้าอัปสร แกกินไม่ได้นอนไม่หลับ เป็นห่วงไอ้ทิพย์ ถามจริงๆ เถอะ นายไม่คิดจะตามหาเมียเลยหรือไง”
บุญสลักเฉย
“นายรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้ไอ้ทิพย์อยู่ที่ไหน”
บุญสลักส่ายหน้าเพราะสัญญากับมนต์ทิพย์ว่าจะไม่บอกใคร
“ไม่รู้ว่ะ”
“เฮ้ย เมียหายไปทั้งคน นายยังเฉยอยู่ได้ยังไงวะ”
“นายเจอคุณเขมบ้างหรือเปล่า”
“แทนที่จะห่วงทิพย์ แต่กลับถามถึงคุณเขม ถ้านายหมดรักไอ้ทิพย์ก็บอกกันตรงๆ นะโว้ย ทำแบบนี้ ฉันไม่ชอบว่ะ”
แฟรงค์มองหน้าเพื่อนฉุนๆ บุญสลักเดินหนีไปก่อน
นมผ่องประคองพวงครามให้กินยา เสร็จแล้วนอนพัก อาหารในถาดพร่องไปนิดเดียว บุญสลักกับแฟรงค์เข้ามา พวงครามดีใจมาก
“คุณแม่เป็นยังไงบ้างครับ”
“บุญสลัก นังมนต์ทิพย์มันมาที่นี่ มันจะฆ่าแม่ มันจะกินไส้แม่”
“คุณแม่ใจเย็นๆ นะครับ ทิพย์จะไม่ทำอะไรคุณแม่แน่นอน ผมสัญญา”
พวงครามกอดลูกแน่น
“แต่แม่กลัว แม่ไม่อยากให้มืดเลย บุญสลัก มันน่ากลัวเหลือเกินลูก”
“เมื่อคืนก็แทบไม่นอนเลยค่ะ คุณหนู”
แฟรงค์กับนมผ่องมองด้วยความสงสาร
“ไหนว่าจะออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะครับนม”
“นมก็ไม่ทราบค่ะ จู่ๆ ก็โวยวายว่าคุณทิพย์มาที่นี่ จะควักไส้กินบ้างล่ะ สงสัยจะเป็นบาปกรรม”
“บาปกรรม”
นมผ่องเบือนหน้าหนี กระซิบ
“เคยหลอกคุณหนูว่าถูกผีเข้า ก็เลยเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ”
“พูดจาเลอะเทอะใหญ่แล้ว นมผ่อง”
“คุณพักตร์”
“ถ้าไม่เพราะนังมนต์ทิพย์ คุณพี่จะเป็นแบบนี้รึ”
แฟรงค์กับนมผ่องมองพักตร์พริ้งแล้วส่ายหน้า พวงครามกอดลูกแน่น
“ช่วยแม่ด้วย บุญสลัก นังมนต์ทิพย์มันน่ากลัวมาก มันจะฆ่าแม่”
“คุณพยาบาลบอกว่าจะให้คุณผู้หญิงตรวจสภาพจิตค่ะคุณหนู”
“จะบ้าเหรอนมผ่อง คุณพี่ไม่ได้บ้า แค่ขาหัก จะให้พบจิตแพทย์ได้ยังไง”
นมผ่องหน้าเสียไป บุญสลักส่ายหน้า แฟรงค์มองหน้าบุญสลักเห็นใจ
แช่มยกสำรับอาหารขึ้นบันไดมา แหวนตามติด ทั้งสองคอยมองกันและกัน กลัวมนต์ทิพย์มาก จะเคาะประตู ก็กล้าๆ กลัวๆ สุดท้ายก็กัดฟัน เคาะเบาๆ
“คุณทิพย์ขา แช่มเอาอาหารกลางวันมาให้ค่ะ”
เงียบ ไม่มีเสียงตอบ
“คุณทิพย์ขา อาหารกลางวันมาแล้วนะคะ”
“เอาวางไว้นั่นแหละ ฉันยังไม่หิว”
“แต่เมื่อเช้าคุณทิพย์ก็ไม่ยอมทาน ทานซะหน่อยนะคะ”
จู่ๆ ประตูห้องก็เปิดผลัวะ มนต์ทิพย์นอนอยู่ที่เตียง แหวน แช่ม สะดุ้งโหยง มนต์ทิพย์ตาขวาง
“ฉันบอกว่าไม่กินก็ไม่กินสิ อย่ามาเซ้าซี้ เรื่องเก่าฉันก็ยังไม่ได้ชำระความกับแกสองคนเลยนะ”
แหวน แช่ม สะดุ้ง รีบผละออกมา
“อุ๊ย”
“ค่ะๆ ไม่ทานก็ไม่ทานค่ะ ไปเร้ว ป้า อยู่ไม่ได้แล้วนังแช่ม”
ทั้งสองวิ่งลงบันไดมาด้วยอาการหวาดกลัว
เขมิกาถือหูโทรศัพท์คุยกับแหวนด้วยความแปลกใจ
“เป็นไปได้ยังไง แล้วมันไม่ออกไปไหนบ้างเลยเหรอ”
แหวนพูดโทรศัพท์ แช่มคอยดูต้นทาง
“อุ๊ย ไม่เลยค่ะ เธอป่วย โทรมเชียว ข้าวปลาก็ไม่ยอมทาน”
“ป่วยเหรอ ทำไมถึงไม่ไปหาหมอ”
“เอ อันนี้แหวนก็ไม่ทราบสิคะ คงจะกลัวเข็มฉีดยามังคะ”
แช่มคว้าหูไปพูดเอง
“แต่พอค่ำๆ เธอลงมาข้างล่างค่ะคุณเขม ดูไม่เหมือนคนป่วยเลยสักนิด หนำซ้ำ ยิ่งดูสวยขึ้นๆ ผิดกับตอนกลางวันเป็นคนละคนเลยค่ะ”
เขมิกาถือหูค้าง อึ้งกับคำบอกเล่าของแช่ม
“เป็นอะไรหรือเปล่ายัยเขม”
เขมิกาสะดุ้ง วางสาย
“คุณย่า”
“ย่าเห็นเราถอนใจเฮือกๆ มีอะไรไม่สบายใจ บอกย่าได้มั้ยลูก”
“คุณย่าขา คุณย่าบอกเขมว่าปอบมีอยู่จริง แล้วปอบต่างกับคนเราตรงไหนเหรอคะ”
โฉมนั่งลงข้างหลาน นึกถึงละอองคำสมัยสาวๆ ที่อยู่แต่ในบ้าน แต่พอกลางคืนกลับแต่งตัวสวยออกงาน
“ปอบมันก็เหมือนคนนั่นแหละ เพียงแต่มันจะกลัวแดด แต่พอหมดแสงอาทิตย์ มันก็ออกมาเฉิดฉาย สวยงาม เปล่งปลั่ง จนผู้ชายหลงใหลกันทั้งเมือง”
เขมิกาหน้าเสีย นิ่งจนโฉมแปลกใจ สะกิดถึงสองครั้งกว่าเขมิกาจะรู้สึกตัว
“มีอะไรหรือเปล่า เขมถามเรื่องปอบกับย่ามาหลายครั้งแล้วนะ”
“ปอบมันกลัวพระใช่มั้ยคะ คุณย่า”
โฉมพยักหน้ารับ มองเขมิกาอย่าค้นหา แตะแหวนที่ได้รับจากแม่ชีน้อมเบาๆ โดยเขมิกาไม่ทันสังเกต
บุญสลักเข้ามาในบ้าน เหนื่อย กังวลเรื่องพวงคราม แหวน แช่ม เข้ามารับหน้า “คุณหนูขา คุณนายเป็นยังไงบ้างคะ”
“คงต้องนอนโรงพยาบาลอีกสักพัก ทิพย์เป็นยังไงบ้าง ป้าแหวน”
“วันนี้ยังไม่ออกจากห้องเลยค่ะ”
“ข้าวปลาก็ไม่ยอมทาน แถมยังดุว่าแช่มเซ้าซี้อีกนะคะ”
“ก็ฉันไม่หิว จะให้กินเข้าไปได้ยังไง”
แหวน แช่มสะดุ้งโหยง มนต์ทิพย์เข้ามา หน้าตาสวย สดใจ แหวนแช่มถอยหลังกรูด
“ขืนกินทุกอย่าง อีกหน่อยก็คงอ้วนเท่าป้าแหวน”
มนต์ทิพย์หัวเราะ แต่ตามองแหวนแช่มน่ากลัวจนสองคนหัวหด บุญสลักยิ้มออกเมื่อเห็นเหน้าภรรยา แต่ก็เป็นยิ้มที่เศร้าๆ ไม่สดใส
“ทิพย์ ผมพ้นคดีแล้วนะครับ ศาลยกฟ้องเพราะมีหลักฐานยืนยันว่าไม่ใช่ความผิดผม”
“ทิพย์ทราบแล้วล่ะค่ะ”
“ทิพย์รู้ได้ยังไง”
มนต์ทิพย์กอดประจบสามี
“ทิพย์ทราบทุกเรื่องที่เกี่ยวกับคุณค่ะ ทำไมยังทำหน้าอมทุกข์อยู่อีก ไม่ดีใจหรือคะที่พ้นผิดแล้ว”
“ดีใจสิครับ แต่ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อาการคุณแม่ถึงแย่ลง”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ อาจเป็นเพราะกรรมเก่าก็ได้”
“กรรมเก่า”
“เคยทำอะไรใครไว้ กรรมก็ตามสนองไงคะ เชื่อทิพย์นะคะ อีกไม่กี่วันแม่คุณก็จะหาย กลับบ้านได้ เชื่อทิพย์เถอะค่ะ”
บุญสลักกอดมนต์ทิพย์อย่างแสนรัก
โฉมนั่งอ่านหนังสือเงียบๆ เกษมกลับจากทำงานมา
“ยัยเขมยังไม่กลับบ้านอีกหรือครับคุณแม่”
“ออกไปเยี่ยมคุณพวงครามตั้งแต่บ่าย”
“เมื่อไหร่เขาจะออกจากโรงพยาบาลสักที ผมไม่อยากให้ยัยเขมไปวุ่นวายกับพวกบ้านโน้นเลยจริงๆ”
“แม่ไม่เห็นว่าบุญสลักจะมีอะไรเสียหาย”
“ครับ ถ้าเขาจะไม่แต่งงานแล้ว ชาวบ้านจะคิดยังไง ที่ลูกสาวนักธุรกิจชื่อดังไปตามแย่งสามีคนอื่น ผมรับไม่ได้”
“ใครมันจะคิดจะพูดยังไงก็ชั่ง สิ่งที่พ่อเกษมต้องนึกถึงก็คือความสุขของยัยเขม”
โฉมลุกออกไป เกษมถอนใจ ส่ายหน้า ไม่อาจขัดแม่ได้
บุญสลักกอดหอมแก้มมนต์ทิพย์อย่างไม่รู้เบื่อ มีความสุขที่สุด มนต์ทิพย์แสร้งบ่ายเบี่ยง
“พอได้แล้วค่ะ บุญสลัก แก้มทิพย์ช้ำหมดแล้ว”
บุญสลักยังหอมไม่เลิก
“ทิพย์รู้ตัวมั้ย ทิพย์สวยขึ้นทุกวัน จนผมอดใจไม่ไหว”
“นอนเถอะค่ะ ดึกแล้ว”
“แต่ผมยังไม่หายคิดถึงทิพย์เลยนี่ครับ ขอผมกอดทิพย์อีกหน่อยนะ”
มนต์ทิพย์จ้องตาบุญสลัก
“นอนเถอะค่ะ”
บุญสลักถูกสะกด ล้มตัวนอนอย่างว่าง่าย
“นอนครับ”
มนต์ทิพย์ยืนตรงประตูห้อง หันมองกลับมาที่เตียง
เกษมก้มกราบพระเสร็จ เงยหน้าขึ้น เขมิกาเดินยิ้มเข้ามาหา
“กลับซะดึกเชียวลูก คุณพวงครามเป็นยังไงบ้าง ฮึ”
“อาการแปลกๆ ค่ะคุณพ่อ ยังกะถูกผีเข้า คุณพ่อคะ เขมอยากได้พระติดตัวสักองค์น่ะค่ะ”
เกษมมองหน้าลูกสาวยิ้มๆ พอเห็นเขมิกาจริงจัง ก็หยิบสร้อยพระขึ้นจบเหนือศีรษะ แล้วคล้องให้ลูกสาว
“ขอให้คุณพระคุ้มครองนะลูกนะ”
เขมิกาแตะพระที่คอ ยิ้มนิดๆ เริ่มมีความมั่นใจขึ้น
ที่เรือนปั้นหยายามค่ำคืน เงียบ วังเวง น่ากลัว ละอองคำสภาพทรุดโทรมมากนั่งคุดคู้ ผีเจ้าหลุดออกจากผนัง มองสภาพละอองคำแล้วหัวเราะเสียงดัง ละอองคำสะดุ้ง
“สุขสบายดีรึ อีละอองคำ”
ละอองคำเห็นว่าเป็นผีเจ้า ก็รีบเข้ากอดแข้งกอดขา
“ผีเจ้า ข้าสงสารหลาน ท่านอย่าทำร้ายมนต์ทิพย์เลยนะ”
“เจ้าเองมิใช่รึ ที่ยกมันให้แก่ข้า ตอนนี้นังมนต์ทิพย์มันเลี้ยงข้าให้อิ่มหนำ สุขสบาย เจ้าอย่าห่วงเลย อีละอองคำ”
“แต่มนต์ทิพย์จะต้องฆ่าคน ต้องสร้างบาปมหันต์ อย่าให้มนต์ทิพย์ต้องทุกข์ทรมานเช่นข้าเลยนะ ผีเจ้า”
“ไม่มีทาง”
ผีเจ้าสะบัดละอองคำกระเด็น แล้วเดินหายเข้าผนังไป ละอองคำร้องไห้คร่ำครวญ ซบหน้ากับพื้นอย่างน่าสมเพช
ถนนสายเปลี่ยว มนต์ทิพย์รอคอยเหยื่ออยู่ ผีเจ้าหน้าตาถมึงทึง
“ข้าหิว”
“รอหน่อยเถอะ ผีเจ้า ข้ากำลังหาอาหารให้ท่านอยู่เดี่ยวนี้”
“ข้าเบื่อพวกสัตว์เดรัจฉาน ข้าอยากกินคน”
มนต์ทิพย์ตกใจ
“คน”
“บุญสลักผัวเจ้า ข้ายังช่วยให้หลุดคดีได้ ถ้าเจ้าหาคนให้ข้ากิน ข้าจะตอบแทนเจ้าอย่างงดงาม”
มนต์ทิพย์นิ่ง ผีเจ้ารีบกระตุ้น
“เจ้าดูคนพวกนั้นสิ”
มนต์ทิพย์และผีเจ้ายืนอยู่เคียงข้างกัน ชายกลุ่มหนึ่งนั่งดื่มเหล้ากันอยู่ที่ศาลาท่าน้ำ อย่างเมามาย
“มันก็ชั่วช้าไม่ต่างเดรัจฉาน เจ้าช่วยกำจัดพวกมันไปลงนรก ถือว่าได้สร้างบุญยิ่งใหญ่”
“แต่ว่า”
“ไม่มีแต่ ครั้งแรกก็แบบนี้ ลองดูสิ ไม่ยากหรอก แล้วเจ้าจะมีอำนาจที่หาผู้ได้เทียบเทียมมิได้”
ดวงตามนต์ทิพย์แดงฉาน กิเลสและความดุร้ายเข้าครอบงำ
ชาวบ้านสองคนกำลังนั่งก๊งเหล้ากันอยู่ในศาลาริมน้ำ มีสร้อยแหวนหลายชิ้นที่ข้างตัว คนหนึ่งหยิบขึ้นมาชื่นชม
“ข้าบอกแล้วว่าไอ้บ้านนั้นน่ะมันรวย”
“เสียดายที่นังเมียมันไม่อยู่บ้าน ข้าสังเกตมานานแล้ว มันชอบใส่ทองใส่เพชร ถ้ามันอยู่ ข้าจะบังคับให้มันถอดมาให้ข้า”
“ไม่เป็นไรโว้ย วันหน้ายังมี เราค่อยไปปล้นมันอีกก็ได้นี่หว่า”
“จริงด้วยว่ะ มา ชนแก้ว”
มนต์ทิพย์ยืนอยู่ ตาแดงฉาน ชายคนหนึ่งหันมาเห็น
“เอ๊ะ น้องสาว มายืนทำลับๆ ล่อๆ อะไรแถวนี้จ๊ะ”
“โอ้โหเฮะ สวยยังกะนางฟ้า น้องมาหาพี่เหรอจ๊ะ”
มนต์ทิพย์ยิ้ม สองคนลุกออกมาประชิดมนต์ทิพย์ ผีเจ้าปรากฏกายขึ้น ตาแดงก่ำ
“กูจะมากินไส้พวกมึงน่ะสิ ไอ้พวกเดนมนุษย์”
ชายสองคนตกใจ หันขวับ
“เฮ้ย ผี”
ชายสองคนจะออกวิ่ง แต่ถูกมนต์ทิพย์สะกดไว้ ชะงัก ทั้งสองตกใจ วิ่งไปได้นิด ก็ถูกผีเจ้าไปดักหน้าไว้ แล้วยื่นมือยาวออกมา มนต์ทิพย์ชูมือผี เล็บยาวน่ากลัว เหมือนของละอองคำสมัยเป็นปอบ
“ไปลงนรกซะเถอะ ไอ้คนชั่ว”
มนต์ทิพย์กระซวกท้องชายคนหนึ่ง กระชากไส้ออกมา หัวเราะลั่นที่ทำสำเร็จและได้กำจัดคนชั่ว มนต์ทิพย์ก้มกินไส้ชายสองคนอย่างเอร็ดอร่อย ปิ่นเมืองปรากฏตัวไม่ไกล มองมนต์ทิพย์อย่างขยะแขยง
“รู้มั้ย ทำไมอีละอองคำยายเจ้าถึงไม่เคยสมหวังในรัก”
มนต์ทิพย์หันมา ไส้ยังคาปาก
“ก็เพราะมันบูชาอำนาจฝ่ายต่ำเหมือนอย่างเจ้าไงล่ะ”
“อย่ามายุ่งเรื่องของข้า”
“ข้าจะบอกให้เอาบุญ ไม่มีผัวคนไหนยอมรับเมียปอบของตัวเองได้หรอก อีมนต์ทิพย์เหย”
ผีเจ้าอยู่มุมหนึ่ง
“ไปนะ ไปให้พ้นหน้าข้า อีปิ่นเมือง”
“ผู้ชายดีๆ อย่างบุญสลัก เหมาะกับผู้หญิงที่เพียบพร้อมอย่างเขมิกา หาใช่หญิงอกตัญญู รับเลี้ยงผีต่างวงศ์เช่นเจ้าและยายของเจ้า”
“คิดจะลองดีกับข้ารึ อีปิ่นเมือง”
ปิ่นเมืองตวาดใส่มนต์ทิพย์
“เจ้าจะไม่เหลือใครเลยสักคน อีมนต์ทิพย์”
ปิ่นเมืองหายวับไป มนต์ทิพย์ลังเล ผีเจ้าเข้าประชิดแล้วบีบคอมนต์ทิพย์ สีหน้าดุดัน
“เจ้าจะเชื่ออีผีเร่ร่อน หรือเชื่อข้า”
เขมิกาเดินออกมานอกบ้าน สร้อยคอที่เกษมให้แล่บออกมานอกเสื้อนอน ปิ่นเมืองปรากฏกายข้างหลัง
“เจ้าจะกลุ้มไปไย เขมิกา เอาเวลามาคิดว่าทำอย่างไรถึงจะชนะใจบุญสลักได้ ไม่ดีกว่ารึ”
เขมิกาหันขวับ ไม่ตกใจ เพราะชินแล้ว
“แต่ถ้ามนต์ทิพย์เป็นปอบ ฉันจะเอาอะไรไปสู้กับมันล่ะ ฉันกลัว”
“ข้าบอกแล้วใช่มั้ย ว่าอย่าห้อยพระ เยี่ยงนี้แล้วข้าจะช่วยได้อย่างไร”
“แต่ถ้ามีพระ ข้าก็ไม่กลัวปอบนังมนต์ทิพย์”
“เจ้าจะกลัวไปไย ในเมื่อมีข้าคอยช่วยเหลืออยู่ ถอดสร้อยออกเถอะ คิดเหรอว่าพระจะช่วยเจ้าได้”
ปิ่นเมืองมีท่าทีกล้าๆ กลัวๆ เขมิกาแตะที่องค์พระ
“จริงสิ แล้วถ้าท่านเป็นวิญญาณที่ดี ทำไมต้องกลัวพระด้วยล่ะ”
ปิ่นเมืองโมโห สะกดอารมณ์
“ไม่ต้องถาม ต่อให้เป็นวิญญาณที่ดีแค่ไหน พุทธคุณก็ต้องเหนือกว่า แต่จำไว้นะ ถ้าข้าอยู่ใกล้เจ้าไม่ได้ แล้วเกิดวันใดที่เจ้าไม่ได้คล้องพระ เจ้าก็ต้องตายด้วยมือของพวกปอบ”
เขมิกาหน้าเสียไป คล้อยตามที่ปิ่นเมืองพูด
“หรือว่าเจ้าไม่อยากครองรักกับบุญสลักแล้ว คิดดูให้ดีเขมิกา”
เจ้านาง ตอนที่ 15 (ต่อ)
ปิ่นเมืองเลือนหายไป เสียงเกษมดังขึ้น
“เขม
เขมิกาหันมา ยิ้มเจื่อน
“คุยอยู่กับใครหรือลูก”
“เปล่านี่คะ ทำไมคุณพ่อยังไม่นอนอีก มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“พ่อนอนไม่หลับ สงสัย ถามจริงๆ เถอะ บุญสลักคือผู้ชายที่หนูรักมากที่สุดในชีวิตจริงหรือเปล่า”
เขมิกาอึ้งไป แล้วโผกอดพ่อ
“หนูรักเขาค่ะพ่อ”
เขมิกานั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ก้มดูพระที่คล้องคออยู่ ตัดสินใจปลดพระเครื่องออกแล้วใส่ไว้ในลิ้นชัก
ตอนเช้า เขมิกาเปิดประตูเข้ามาในห้อง พวงครามนอนอยู่บนเตียง สีหน้าดีขึ้นมาก พักตร์พริ้งดีใจที่เห็นเขมิกามา
“นี่ไงคะคุณพี่ ว่าที่สะใภ้ที่แท้จริง ไม่เหมือนอีนัง พักตร์ไม่อยากพูด มันเป็นเสนียดปาก เคยโผล่มาเยี่ยมคุณพี่สักครั้งมั้ย”
“อย่าพูดถึงคนอื่นเคยค่ะอาพักตร์ วันนี้คุณอาสดใสขึ้นมากนะคะ อีกไม่กี่วันก็ได้กลับบ้านแล้วสิคะ”
“หนูเขมดีกับอาจริงๆ ทำไมนะ ตาบุญสลักถึงมองข้ามหนูเขมไปได้”
“เขมคงดีสู้ทิพย์ไม่ได้ค่ะ”
“อุ๊ย พูดอะไรยังงั้น หนูเขม ผู้หญิงที่มีนิสัยกระด้างกระเดื่องแบบนั้น จะเอาอะไรมาเทียบกับหนูเขมของอาได้”
เขมิกาก้มหน้า เขิน ทำสงบเสงี่ยม เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“สงสัยจะเป็นคุณหนูนะคะ”
“เดี๋ยวเขมเปิดให้เองค่ะ”
เขมิกาจะลุกไปเปิดประตู แต่แฟรงค์เดินเข้ามา เธอตกใจ นิ่งไป แฟรงค์เดินผ่านไป ไม่สนใจ พวงครามเอ่ยทัก
“พ่อแฟรงค์เอง มาเยี่ยมอาทุกวันเลย ขอบใจนะจ๊ะ”
“ครับ ผมเป็นห่วงคุณอา แต่เห็นวันนี้คุณอาสดใส ผมก็ดีใจครับ ยิ่งมีคนพิเศษมาเยี่ยมอย่างนี้ คุณอาคงหายไว”
พักตร์พริ้งรู้สึกผิดสังเกต เขมิการู้ว่าแฟรงค์เหน็บ
“เขมว่าจะแวะไปพบลูกค้าหน่อยค่ะ เดี๋ยวเขมจะแวะมาใหม่นะคะคุณอา”
“อ้าว ยังไม่ได้คุยกันเลยหนูเขม”
พักตร์พริ้งท้วง เขมิกาไหว้พวงครามกับพักตร์พริ้ง แล้วออกไป
“แต่ก่อนเห็นคุณแฟรงค์ที่ไหนก็ต้องเห็นคุณหนูที่นั่น เสียดายนะคะที่คุณหนูไม่ได้มาด้วย”
นมผ่องเปรย
เขมิกาเดินไป แฟรงค์เดินตาม ฉวยมือหญิงสาว เขมิกาหันมา มองตาวาว ไม่พอใจ
“มาทำคะแนนแต่เช้า ฮึ ผมล่ะชื่นชมในความหน้าด้านของคุณจริงๆ เขมิกา กล้าแย่งสามีคนอื่นโดยไม่รู้สึกละอายใจ จะทำยังไงดีนะคุณถึงจะมีสำนึกขึ้นมาได้บ้าง”
เขมิกาสะบัดมือ โกรธจัด
“มองดูตัวเองบ้าง คิดว่าฉันไม่รู้ทันเหรอ”
“รู้ทันเรื่องอะไร”
“คุณกับนังทิพย์ก็มีท่าทีแปลกๆ ถ้าคิดว่ารักเพื่อน ก็อย่าสวมเขาให้เพื่อนก็แล้วกัน”
แฟรงค์อึ้ง เครียด ไม่พอใจ
บุญสลักเข้าบ้านมา แหวน แช่มมองอย่างแปลกใจที่บุญสลักกลับมาตอนกลางวัน
“คุณหนู”
“มีอะไรหรือเปล่าคะ ถึงกลับมาตอนกลางวัน”
“ทิพย์ล่ะ”
“อยู่บนห้องแน่ะค่ะ”
บุญสลักขึ้นบันไดไปถึงหน้าห้อง กำลังจะเคาะประตู จู่ๆ ประตูก็เปิดเอง แหวนแช่มตกใจไปด้วย แต่ไม่กล้าพูดอะไร ได้แต่ซุบซิบกัน มนต์ทิพย์นอนซมอยู่บนเตียง บุญสลักรีบเข้าไป มนต์ทิพย์ฝืนยิ้มลุกขึ้นช้าๆ
“ทำไมกลับมาเร็วนักล่ะค่ะ”
“ผมคิดถึงคุณน่ะสิครับ เป็นห่วงเพราะรู้ว่าคุณไม่ค่อยสบาย”
บุญสลักกอดภรรยา หอมแก้ม คลอเคลีย จู่ๆ ก็ชะงัก ได้กลิ่นสาบสาง พยายามดมหาที่มาของกลิ่น
“มีอะไรหรือคะ”
“ผมได้กลิ่นเหม็นสาบๆ เหมือนอะไรเน่า”
มนต์ทิพย์รู้ทัน มองไปนอกห้อง เห็นแช่มแหวนยืนอยู่ไกลๆ
“ทุกคนในบ้านนี้ต่างก็รังเกียจทิพย์ แม้แต่คนรับใช้ก็ยังไม่ยอมเข้ามาทำความสะอาด ห้องไม่เคยทำความสะอาดเลย ก็ต้องมีกลิ่นสาบอย่างนี้แหละค่ะ”
บุญสลักมองแช่มกับแหวนที่ยืนหงออยู่นอกห้อง ด้วยความไม่พอใจ แหวน แช่ม สะดุ้ง รู้ว่าโดนมนต์ทิพย์เล่นงานให้แล้ว มนต์ทิพย์ยิ้มเจ้าเล่ห์ ทั้งสองถูกบุญสลักเรียกมาดุ
“คุณแม่กับอาพักตร์ไม่ชอบทิพย์ก็จริง แต่ยังไง ทิพย์ก็เป็นเมียฉัน ป้าแหวนเองก็เป็นผู้ใหญ่ น่าจะแยกแยะได้”
“เอ่อ คุณหนูคะ”
“ขึ้นไปทำความสะอาดห้องทิพย์ให้เรียบร้อย หวังว่าฉันคงไม่ต้องพูดเรื่องนี้อีกเป็นครั้งที่สองนะ”
“ค่ะ”
บุญสลักลุกไป แหวนแช่มไม่พอใจมาก ถือไม้กวาดขึ้นบันไดมา หน้าตาบึ้งตึง โกรธที่ถูกต่อว่า
“เจ็บใจนัก ทีเราจะเข้าไปทำก็ไม่ให้ทำ ทีงี้ล่ะออเซาะคุณหนู ให้ด่าเราซะงั้น”
“ถ้าไม่อยากตกงานก็หุบปากเถอะเอ็ง เป็นขี้ข้าเขานี่”
ทั้งสองกระฟัดกระเฟียด จนมาถึงหน้าห้องบุญสลัก จู่ๆ ประตูก็เปิดเอง มนต์ทิพย์นั่งที่เตียงมองมา ตาขวาง
“ว้าย”
“รู้ตัวก็ดีแล้วนี่ เป็นขี้ข้าก็แบบนี้แหละ”
แช่มอ้าปากจะเถียง แต่แหวนคว้ามือ กระตุกไว้ ให้สงบปาก
“ฉันจะบอกให้เอาบุญ ยังไงนังเขมิกาก็ไม่มีวันได้มาเป็นสะใภ้บ้านนี้ ถ้าหวังว่ามันจะคุ้มกะลาหัวแกสองคนได้ล่ะก็ ฝันไปเถอะ”
มนต์ทิพย์หัวเราะหยัน แหวน แช่ม ก้มหน้าก้มตาทำความสะอาดด้วยความคับแค้นใจ
รถยนต์คันหรูแล่นฝ่าความมืดเข้ามาจอดที่หน้าบ้านพักตร์พริ้ง คณิตมองพักตร์พริ้งด้วยสายตาหวานเชื่อม
“เวลาที่อยู่กับคุณพักตร์มันช่างผ่านไปรวดเร็วเหลือเกินนะครับ”
พักตร์พริ้งยิ้มเขิน
“เร็วอะไรกัน คุณมารับพักตร์ตั้งแต่สี่โมงเย็น นี่ก็ดึกแล้วนะคะ”
“งั้น ผมขอตัวก่อนนะครับ”
“ไม่เข้าไปในบ้านก่อนเหรอคะ”
คณิตอ้ำอึ้งเล็กน้อย
“ผมนัดเพื่อนไว้น่ะครับ จะเอาโฉนดที่ดินที่ปทุมไปให้เขาดู คือตอนนี้บริษัทผมกำลังมีปัญหาสภาพคล่องน่ะครับ”
พักตร์พริ้งครุ่นคิด คณิตลอบมอง ลุ้น รีบกระตุ้น
“ผมนี่แย่จริงๆ เอาเรื่องปวดหัวมาบอกคุณพักตร์”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เราคนกันเอง อะไรที่ช่วยได้ พักตร์ก็ยินดี”
“คุณพักตร์หมายความว่ายังไงครับ”
“คุณคณิตต้องการเงินสดเสริมสภาพคล่องสักเท่าไหร่หรือคะ”
คณิตทำสีเป็นเกรงใจ ไม่ยอมตอบ
“บอกพักตร์มาเถอะค่ะ ถ้าพักตร์ช่วยได้ พักตร์ก็ยินดี”
“เอ่อ สิบล้านครับ”
“สิบล้าน อย่ากลุ้มใจไปเลยค่ะ เงินแค่นี้เอง พักตร์ช่วยคุณได้ค่ะ สบายมากค่ะ”
คณิตยิ้ม
“ผมจะรีบเอาโฉนดมาให้คุณพักตร์ดูนะครับ เผื่อว่าจะได้ตรวจสอบกับสำนักงานที่ดิน”
“อุ๊ย ไม่จำเป็นหรอกค่ะ พักตร์เชื่อใจคุณ”
พักตร์พริ้งเปิดกระเป๋า หยิบสมุดเช็คออกมา คณิตตาวาว ที่ปลากินเหยื่อ พักตร์พริ้งเซ็นเช็ค ยื่นให้ คณิตแกล้งลังเล
“รับไปเถอะนะคะ ถือซะว่า เพื่อนช่วยเพื่อน พักตร์เต็มใจค่ะ”
คณิตรับเช็ค ถือโอกาสจับมือพักตร์พริ้งด้วย พักตร์พริ้งสะท้าน เขิน จะชักมือกลับ แต่ถูกยื้อไว้
“คุณคณิต จะทำอะไรคะ”
“เชื่อมั้ยครับ ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน”
พักตร์พริ้งเขิน เมินหน้าไปอีกทาง ยิ้มแก้มแทบฉีก
“คุณพักตร์ทำให้ผมรู้สึกเหมือนกลับมาเป็นหนุ่มอีกครั้ง”
คณิตก้มลงจูบมือพักตร์พริ้ง พักตร์พริ้งตกใจ สะท้าน ดึงมือกลับ คณิตรีบปล่อย แล้วแอบเบ้หน้า รีบลงมาเปิดประตูรถให้ จะรีบไป เพราะได้เงินแล้ว
“ผมขอตัวก่อนนะครับ พรุ่งนี้เจอกันครับ คนดีของผม”
พักตร์พริ้งยืนส่งโบกมือ จนรถของคณิตลับสายตา เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น อารมณ์สะดุด เห็นเป็นเขมิกาโทรมา รีบกดรับ
“เขมมีเรื่องอยากปรึกษาค่ะ พรุ่งนี้อาพักตร์ว่างมั้ยคะ”
กลางคืน บุญสลักเงยหน้าจากหนังสือ มองแช่ม
“รถใครหรือแช่ม”
“เพื่อนคุณพักตร์มังคะ แช่มไม่ทันเห็นหน้า”
“ช่วงนี้อาพักตร์ดูยุ่งๆ ไม่ค่อยอยู่บ้าน ที่โรงพยาบาลก็ไม่ค่อยได้ไป”
“แหวนเห็นคุณพักตร์แต่งตัวสวยออกไปข้างนอกทุกวันค่ะ บางทีก็มีเพื่อนมารับ”
เสียงมนต์ทิพย์ดังมาก่อน
“อย่าไปสนใจเลยค่ะ เรื่องธรรมดาของสาวแก่ พอเจอผู้ชายเอาใจเข้าหน่อยก็ต้องหลงเป็นธรรมดา”
ทุกคนหันขวับไปตามเสียง แช่ม แหวน ทำหน้าไม่พอใจ
“พูดเรื่องอะไร ผมไม่เห็นเข้าใจ”
“คุณอาพักตร์คงกำลังมีความรัก เชื่อเถอะค่ะ ทิพย์ทายไม่ผิดหรอก”
มนต์ทิพย์ยิ้มเยาะ
วันุร่งขึ้น พักตร์พริ้งแต่งตัวสวยมาตามนัดกับเขมิกา
“คุณอาพักตร์ได้ข่าวมนต์ทิพย์บ้างหรือเปล่าคะ”
“ตั้งแต่ก่อเรื่องไว้ก็หายหัวไปเลย ดีเหมือนกัน ขอให้มันหายสาปสูญไปได้ยิ่งดี สาธุ”
“คุณอาคะ”
“หนูเขมมีอะไรเหรอจ๊ะ”
“ถ้าเขมจะบอกว่ามนต์ทิพย์เขาไม่ได้หายไปไหนล่ะคะ”
“หนูเขมหมายความว่ายังไง หนูไปรู้อะไรมา บอกอาเร็วเข้า”
“เขมทราบมาว่ามนต์ทิพย์เขาอยู่ที่บ้านคุณอาพวงครามนั่นแหละค่ะ”
“หะ”
“บุญสลักก็ขลุกอยู่กับทิพย์ทั้งวัน ถึงไม่ค่อยได้ไปโรงพยาบาลไงคะ”
พักตร์พริ้งโกรธมาก
“ตายๆ มันจะมากไปแล้ว หนูเขม ไปกับอา อานี่แหละ จะเฉดหัวมันไปให้พ้นๆ อีนังนี่มันหน้าด้านหน้าทน ไม่มียางอายจริงจิ๊ง”
“เขมมีนัดสำคัญกับคุณพ่อน่ะค่ะ”
“แหม เสียดาย ไม่เป็นไร แล้วอาจะรีบส่งข่าวนะจ๊ะ อาไปก่อน จะรีบไปจัดการกับนังตัวแสบ”
เขมิกามองตามพักตร์พริ้งออกไป หัวเราะสมใจ
“เอาเรื่องชั่วๆ อะไรมาเป่าหูอาพักตร์อีกล่ะเขม”
เขมิกาหันขวับ แฟรงค์เดินเข้ามานั่ง กอดอก ยิ้มยียวน
“ไม่อยากเชื่อว่าคนหน้าตาสวยๆ อย่างคุณ จะจิตใจสกปรกอย่างคาดไม่ถึง”
แฟรงค์ลุกออกไป เขมิกาโกรธ
“ไอ้บ้า”
อัปสรประคองรุ้งแก้วออกมานั่ง รุ้งแก้วหน้าตาสดใสขึ้นมาก
“หลานดีใจนะคะที่คุณน้าตัดสินใจพักอยู่ที่นี่ไปก่อน วัดสงบก็จริง แต่หนูก็อดเป็นห่วงไม่ได้”
“ขอบใจนะหลาน คนแก่ก็แบบนี้แหละ หน้ามืด เป็นลม จนเป็นเรื่องธรรมดา”
“จะเห็นเป็นเรื่องธรรมดาไม่ได้หรอก ตอนนี้ทุกคนต้องการรุ้งแก้ว” พรเทพบอก
“ใช่ค่ะ คุณยาย บ้านเงี้ยบเงียบ คุณทิพย์ก็หายเข้ากลีบเมฆไปเลย”
ปีบรู้ตัวรีบสงบปาก เศร้าไปด้วย
“อัปสรใจเย็นๆ นะลูก ตอนนี้อาก็ให้ตำรวจช่วยสืบแบบลับๆ แต่ก็ยังไม่มีวี่แวว ไม่รู้ป่านนี้ยัยทิพย์จะเป็นยังไงบ้าง”
ทุกคนหน้าหมอง
พักตร์พริ้งเข้ามาในบ้าน โกรธเกรี้ยวใส่แหวนกับแช่ม
“นังมนต์ทิพย์มันอยู่ที่ไหน หูแตกหรือไง ฉันถามทำไมไม่ตอบ หรือจะให้ฉันไล่แกสองคนออก”
แหวน แช่ม ทำหน้าจะร้องไห้
“ไม่ต้องมาทำสำออย ไปเรียกมันลงมาคุยกับฉัน เดี๋ยวนี้”
แหวน แช่ม ลนลาน วิ่งขึ้นบันไดไป แล้วเกี่ยงกันเคาะประตู ไม่มีใครกล้า
“เคาะเข้าสิ นังแช่ม มัวรออะไรอยู่”
“ป้านั่นแหละ แก่แล้วต้องเคาะสิ”
“จะบ้าเรอะ นังนี่ เป็นเด็กเป็นเล็ก แกนั่นแหละเคาะ”
จู่ๆ ประตูก็เปิดผลัวะ แหวนกับแช่มกระโดดกอดกัน
“ว้าย”
มนต์ทิพย์หน้าตาสวย ยืนที่หน้าต่าง ถามเสียงห้วน
“มีอะไร”
สองคนยังเกี่ยงกันตอบ มนต์ทิพย์ยิ้ม แกล้งตวาด
“ไม่มีอะไรก็ไปซะ ถ้าฉันไม่เรียก ก็ไม่ต้องเสนอหน้าขึ้นมา”
“อุ๊ยๆ คุณทิพย์ขา ใจเย็นๆ สิคะ”
“คืองี้ค่ะ คุณพักตร์เธอให้มาเชิญคุณลงไปข้างล่างน่ะค่ะ”
มนต์ทิพย์ยิ้มเจ้าเล่ห์
“บุญสลักสั่งไม่ให้บอกใคร แล้วอาพักตร์รู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่”
แช่ม แหวน มองหน้ากัน
“เอ่อ ไม่ทราบสิคะ”
“โกหก เขมิกามันติดสินบนแกคนละเท่าไหร่ล่ะ”
จู่ๆ ประตูปิดปัง แหวน แช่มสะดุ้ง
“คุณทิพย์ขา ลงไปพบคุณพักตร์หน่อยนะคะ ไม่งั้นแหวนตายแน่ค่ะ”
“แช่มก็ด้วยค่ะ คุณทิพย์ลงไปหน่อยเถอะนะคะ”
“แกสองคนจะได้ตายสมใจแน่”
เสียงผีพูดขึ้น แหวน แช่มมองรอบๆ
“ว้าย ไม่ใช่เสียงคุณทิพย์นี่ป้า”
“จริงด้วย แล้วเสียงใครวะ”
แหวน แช่ม ขนลุกซู่ รีบวิ่งลงไปหาพักตร์พริ้ง พักตร์พริ้งอารมณ์เสีย ตวาดทั้งสองคน
“นี่แกสองคนบอกมันรู้เรื่องรึเปล่า ฮึ ทำไมป่านนี้มันถึงยังไม่ลงมา หรือไม่กล้าสู้หน้าฉัน”
แช่ม แหวนสะดุ้ง เสียงมนต์ทิพย์ดังมาก่อน
“อาพักตร์ไม่ได้เป็นผีสางนางไม้สักหน่อย ก็แค่สาวแก่ขึ้นคาน มีอะไรน่ากลัวด้วยหรือคะ”
พักตร์พริ้งหันขวับ โกรธจัด
“ปากเสีย ใครจุดธูปเชิญหล่อนมาสิงสถิตในบ้านนี้ยะ ออกไปเลยนะ เก็บข้าวของของหล่อนออกไปให้หมดเดี๋ยวนี้เลย”
“ทิพย์ไปแน่ค่ะ แต่ไม่ใช่ตอนนี้”
“อ๋อ จะรอออเซาะผัว อย่าหวังเลย คราวนี้ บุญสลักก็คุ้มหัวแกไม่ได้”
มนต์ทิพย์เดินไปนั่งโซฟา เหมือนไม่อนาทรร้อนใจ แช่ม แหวนมองขลาดๆ
“ทิพย์เปลี่ยนใจแล้วล่ะค่ะ บ้านนี้ก็กว้างขวางดี แต่คิดอีกที บ้านอาพักตร์ก็ไม่เลวนะคะ”
“ตายแล้ว ทำไมพูดจายังงั้นล่ะคะ คุณทิพย์”
“คุณพักตร์เอาตายแน่ๆ เลยป้า คราวนี้”
“แกผลักคุณพี่ตกบันไดยังไม่พอ นี่คิดจะฆ่าฉันเพื่อฮุบสมบัติ ฝันไปเถอะ ฉันไม่มีวันยกสมบัติให้ตาบุญสลักแน่ๆ ถ้ามันยังโง่ หลงเมียลูกหลานผีปอบจนๆ อย่างหล่อน”
มนต์ทิพย์โกรธมาก ตาดุ
“ไม่ยกให้หลาน แล้วจะยกให้ผู้ชายที่มันมาติดพันคุณอางั้นเหรอคะ ระวังจะถูกปอกลอกจนหมดตัวก่อนตาย”
แช่มแหวนมองหน้ากัน ไม่เคยรู้เรื่องที่มีผู้ชายมาติดพันพักตร์พริ้ง
“อีปากเสีย แก วันนี้ฉันต้องเอาเลือดชั่วแกออกให้ได้”
พักตร์พริ้งปรี่จะเข้าไปทำร้าย มนต์ทิพย์ตวัดตามอง พักตร์พริ้งสะดุดเก้าอี้ล้มลง
ปากฟาดโต๊ะ เลือดอาบ แต่ไม่สนใจ รีบลุกขึ้นปรี่จะเข้าไปตบมนต์ทิพย์ แต่ต้องชะงัก
“หยุดนะ”
บุญสลักวิ่งหน้าตื่นเข้ามา
“นี่มันอะไรกันครับ ทำไมยังทะเลาะกันเป็นเด็กๆ ไปได้”
“ก็เมียแกน่ะสิ มันจะฆ่าแม่แก แล้วมันก็ยังแช่งชักหักกระดูกอาอีก ไม่เชื่อก็ถามนังแช่ม นังแหวนดูสิ”
เจ้านาง ตอนที่ 15 (ต่อ)
บุญสลักส่ายหัว ระอามาก
“เรื่องคุณแม่ มันเป็นอุบัติเหตุ ให้มันจบไปเถอะครับ”
“จะเป็นอุบัติเหตุได้ยังไง ใครๆ ก็เห็นว่านังนี่ มันตั้งใจผลักคุณพี่ให้ตกบันได มันตั้งใจจะฆ่าแม่แกนะตาบุญสลัก”
“พอเถอะครับ คุณอา นายแฟรงค์เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง ทิพย์ไม่ได้ผลัก แต่คุณแม่เข้ามาช่วยอาพักตร์ทำร้ายทิพย์ ถึงได้พลัดตกลงมา”
พักตร์พริ้งตาโต อ้าปากค้าง
“นี่แกหาว่าอา จะฆ่าแม่แกงั้นเหรอ”
“ไม่ใช่อย่างงั้นครับคุณอา มันเป็นอุบัติเหตุ”
“หลานอกตัญญู นี่แกเห็นเมียดีกว่าอาที่เลี้ยงแกมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย เนรคุณแท้ๆ หลานฉัน”
พักตร์พริ้งร้องไห้ฟูมฟาย เลือดไหลย้อยที่มุมปาก สะอึกสะอื้น บุญสลักส่ายหน้า เข้าประคองมนต์ทิพย์แล้วพากันขึ้นห้อง ทิ้งให้พักตร์พริ้งร้องไห้อยู่กับแช่มและแหวน มนต์ทิพย์หันมายิ้มเยาะ พักตร์พริ้งเห็นยิ่งโกรธจนตัวสั่น ร้องด่าไม่หยุด
“อีผีปอบ แกไม่ตายดีแน่ ฮือๆๆ”
แฟรงค์นั่งทำงานหน้าเครียด เกษมนั่งตรงข้าม
“อาเองก็มีส่วนผิด แต่อาก็ไม่อยากให้ยัยเขมทำแบบนี้ มันบาป”
“ผมพยายามแล้ว แต่เขมไม่ฟังผมเลยครับ คุณอา”
“มีเรื่องอะไรอย่าลืมโทรบอกอาด้วยล่ะ อากลับก่อนนะ”
“ผมจะช่วยเขมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ”
“ขอบใจมากแฟรงค์”
แฟรงค์ทิ้งตัวลงนั่ง ส่ายหน้า
คณิตนั่งเอาเท้าขึ้นมาบนโต๊ะทำงาน มองตัวเลขในบัญชี ยิ้มเจ้าเล่ห์มาก
“สมบัติแกคงเยอะมากสินะ อีแก่”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น คณิตรีบนั่งให้เรียบร้อย เก็บสมุดบัญชี พักตร์พริ้งเข้ามา ร้องไห้ฟูมฟาย คณิตตกใจ รีบลุกออกไปรับ
“ใครทำให้คุณพักตร์ของผมเสียใจ บอกผมสิครับ”
คณิตโอบกอด ห่วงมาก พักตร์พริ้งเห็นความดี ร้องไห้หนัก ซบอก คณิตทำหน้าเบื่อมากๆ
“คุณคณิตต้องช่วยพักตร์นะคะ พักตร์ไม่มีใครอีกแล้ว”
“คุณพักตร์เจ็บ ผมก็เจ็บ บอกผมสิครับ ใครมันทำร้ายคุณพักตร์ของผม ผมจะส่งลูกน้องไปจัดการมันให้สาสม”
พักตร์พริ้งเงยหน้าทั้งน้ำตา สบตาคณิต
“ขอบคุณค่ะ ถ้างั้น ให้พวกเขาไปที่บ้านพักตร์ตอนนี้เลยนะคะ”
พักตร์พริ้งยืนคุยโทรศัพท์ คณิตรออยู่ในรถ
“ส่วนของอาพร้อมแล้ว หนูเขมจัดการทางโน้นได้เลยนะจ๊ะ”
พักตร์พริ้งวางสายกระหยิ่มยิ้ม
“คราวที่แล้วแกรอดไปได้ แต่แกไม่โชคดีซ้ำสองแน่ๆ นังมนต์ทิพย์”
มนต์ทิพย์นั่งในห้องนอน บุญสลักเข้ามา โอบภรรยา สีหน้าบอกความยุ่งยากใจ มนต์ทิพย์โอบตอบ
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะคะ”
“คุณแม่อาการไม่ค่อยดี ร้องเรียกหาผมตลอดเวลา”
มนต์ทิพย์ยิ้มเจ้าเล่ห์ รู้ทันแผน
“แล้วใครโทรมาตามคุณล่ะ คุณนมเหรอคะ”
บุญสลักส่ายหน้าอย่างอึดอัด
“เขมิกาครับ พอดีเขาแวะมาเยี่ยมคุณแม่”
มนต์ทิพย์แกล้งเบือนหน้าไปอีกทาง บุญสลักรีบเอาใจ
“ผมไม่ได้คิดอะไรกับเขมนะครับ ผมรักทิพย์คนเดียว เมียผมสวยขึ้นทุกวัน ผมจะปันใจให้ใครอื่นได้ยังไงล่ะครับ”
มนต์ทิพย์ยิ้ม ซบอกบุญสลัก พึมพำ
“อีพักตร์พริ้ง อีเขมิกา คิดเหรอว่าจะทำอะไรกูได้”
พักตร์พริ้งเดินวนไปวนมาอยู่ที่บ้าน คอยมองนอกหน้าต่างเป็นระยะ
ชายสามคนที่ถูกส่งมาทำร้ายมนต์ทิพย์หลบอยู่ใต้ต้นไม้ พักตร์พริ้งยังกระวนกระวาย
“ก็ไหนนังแช่มนังแหวนมันว่าแกจะชอบออกมาเดินเล่นดึกๆ ดื่นๆ เมื่อไหร่แกจะออกมาสักที”
พักตร์พริ้งชะโงกมองหน้าต่างอีกครั้ง ยิ้มออก เห็นมนต์ทิพย์เดินเล่นอยู่ในสวน
“ในที่สุด โชคก็เข้าข้างคนดีอย่างฉัน”
จู่ๆ มนต์ทิพย์ก็หันมองกลับมา เหมือนรู้ว่าถูกพักตร์พริ้งจับตามอง พักตร์พริ้งรีบหลบวูบ มนต์ทิพย์ยังมองมาที่บ้านพักตร์พริ้ง ยิ้มเจ้าเล่ห์ เดินเล่นที่สนามหญ้า ไฟสว่างพอควร เสียงหมาหอนดังขรม จู่ๆ นักเลงสามคนก็เข้าประชิดตัว
“อยู่นิ่งๆ อย่าขัดขืน ถ้าไม่อยากตาย”
มนต์ทิพย์แค่ปรายตามอง
“อย่าร้องนะโว้ย ไม่งั้นกูแทงไส้ทะลุ”
มนต์ทิพย์ยังเงียบ ไม่ตกใจ นักเลงเอากระสอบป่านคลุมมนต์ทิพย์ แล้วช่วยกันแบกออกไป มนต์ทิพย์นอนนิ่ง
”เอาขึ้นรถเร็วๆ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
“ง่ายกว่าที่คิดเยอะเลยว่ะ”
พักตร์พริ้งยืนมองด้วยความสะใจที่มนต์ทิพย์จะถูกกำจัดไปเสียได้
รถเก่าๆ แล่นไปตามทางที่มืดสนิท จู่ๆ ก็มาโผล่ที่เรือนปั้นหยาของละอองคำ นักเลงทั้งสามมองหน้ากัน
“มาโผล่ที่นี่ได้ไงวะ”
“อ้าว มึงเป็นคนบอกทางนะโว้ย”
“เอาเถอะ ที่นี่ก็ดีเหมือนกัน บรรยากาศสุดโรแมนติก เหมาะที่จะพานังคนสวยนี่ขึ้นสวรรค์”
ทั้งสามอุ้มมนต์ทิพย์ขึ้นไปบนเรือน นักเลงฉายไฟไปรอบๆ
“เอามันวางตรงนี้แหละ”
“เฮ้ย มึงว่ามันแปลกๆ มั้ย”
“แปลกยังไงว”
“ก็ทำไมอีคนสวยมันถึงไม่ร้องเลยวะ หรือว่ามึงรัดมันแน่นจนขาดใจตายไปแล้ว ดูซิ”
ทั้งสามหันมาที่กระสอบอีกครั้ง แต่พบเพียงกระสอบเปล่า
“เฮ้ย มันหายไปไหนวะ”
ทั้งสามฉายไฟไปรอบๆ มนต์ทิพย์ยืนอยู่ตรงบันได
“ข้าอยู่นี่ ไอ้พวกชั่ว เข้ามาข่มขืนสิ”
ทั้งสามตกใจ มองมนต์ทิพย์ซึ่งตาแดงก่ำ แลบลิ้นเลียริมฝีปาก
“เฮ้ย”
นักเลงคนหนึ่งจะหนีแต่ก้าวขาไม่ออก นักเลงอีก 2 คน วิ่งไปที่ประตู เขย่ายังไงก็เปิดไม่ออก จู่ๆ ก็ถูกดึงจนหงายหลัง ผีเจ้ายืนค้ำหัว แสยะยิ้มน่ากลัวมาก
“จะหนีไปไหน อุตส่าห์เข้ามาเยี่ยมบ้านข้า ก็พักให้หายเหนื่อยสิ วิ่งมากๆ กระเทือนไส้ กินไม่อร่อย”
“เฮ้ย ผี ผี กลัวแล้วจ้า อย่าทำอะไรลูกช้างเลย”
“ชั่วๆ อย่างพวกเอ็งกลัวตายด้วยรึ”
มนต์ทิพย์ยืนประชิดนักเลง ชูมือปอบ เล็บยาวน่าเกลียด ตาแดงฉาน แล้วจ้วงแทงท้องนักเลงคนหนึ่งอย่างรวดเร็ว นักเลงสะดุ้งสุดตัว ตาเบิกโพลงด้วยความหวาดกลัว
เวลาเดียวกันนั้น เขมิกาขับรถกลับบ้านด้วยความอิ่มเอิบใจ ที่กำจัดมนต์ทิพย์เสียได้ ตามองถนน ยิ้มสะใจ
“แกไม่มีทางรอด โชคไม่เข้าข้างแกเป็นครั้งที่สองแน่ๆ นังมนต์ทิพย์”
ปิ่นเมืองปรากฏกายที่เบาะหลัง หัวเราะหยัน เขมิกาตกใจ มองกระจกมองหลัง เบรกรถกะทันหัน หักจอดข้างทาง
“หน้าตาเจ้าก็ฉลาดดี ทำไมถึงโง่ไปเชื่ออีพักตร์พริ้ง”
เขมิกาตวัดตามองผ่านกระจกมองหลัง ขุ่นใจ
“แล้วมีวิธีไหนล่ะที่จะกำจัดนังมนต์ทิพย์ได้ มีก็บอกมาสิ”
“เจ้าก็รู้นี่ว่ามันรับเลี้ยงผีต่อจากอีละอองคำ ยายของมันแล้ว มันเป็นปอบ ไม่มีใครทำอะไรมันได้”
“หมายความว่า”
“ตอนนี้ไอ้เศษสวะสามตัวนั่นถูกมันควักไส้กินหมดแล้ว”
เขมิกาตกใจ จะขย้อน ปิ่นเมืองหัวเราะหยัน
“แทนที่จะกำจัดมัน เจ้ากลับส่งอาหารไปเพิ่มพลังให้มัน”
“แล้ว เขมควรต้องทำยังไงล่ะท่าน บอกมาสิ”
“อีพักตร์พริ้งจะทำอะไรก็ปล่อยมันไป เป้าหมายของเจ้าคือบุญสลัก อย่ามัวเสียเวลา ที่ใดมีเจ้า ที่นั่นจะมีข้า ข้าจะปกป้องเจ้าเอง”
ปิ่นเมืองหายวับไป เขมิกาขนลุก
พักตร์พริ้งสะใจที่กำจัดมนต์ทิพย์ได้
“ต่อไปนี้แกก็จะมาที่นี่ไม่ได้อีกแล้ว สมน้ำหน้าอยากท้าทายฉัน”
จู่ๆ ก็เห็นเงามนต์ทิพย์ปรากฏขึ้น พักตร์พริ้งตกใจมาก หันขวับกลับไปก็เจอแต่ความว่างเปล่า พักตร์พริ้งส่ายหัวคิดว่าตัวเองตาฝาด
“ฝันไปเถอะ นังพักตร์พริ้ง คิดเหรอว่าจะกำจัดข้าได้”
พักตร์พริ้งตกใจ หันขวับ ตาโต เห็นมนต์ทิพย์ยืนจ้องอยู่
“แก แกกลับมาได้ยังไง”
“ฉันจะกลับมาได้ยังไงไม่เกี่ยวกับแก แต่ที่แกต้องรู้ก็คือ”
มนต์ทิพย์หัวเราะ แลบลิ้น ชูมือปอบขึ้น เล็บยาวน่ากลัว พักตร์พริ้งพยายามหนี ลนลานกวาดข้าวของที่อยู่ใกล้ตัวหล่นกระจายเกลื่อนกลาด กรีดร้อง
“อย่านะ ออกไป ออกไปให้พ้นบ้านฉัน”
มนต์ทิพย์หายตัวไปปรากฏชิดพักตร์พริ้ง บีบคอ
“ฉันไปแน่ แต่หลังจากได้กินไส้แกซะก่อน”
มนต์ทิพย์จ้วงแทง พักตร์พริ้งร้องสุดเสียง
“อย่า”
พักตร์พริ้งสะดุ้งสุดตัว ผุดลุกขึ้น เหงื่อแตก หอบหายใจอย่างแรง มองไปรอบๆ แต่ไม่พบความผิดปกติใดๆ ล้มตัวลงนอน พยายามข่มตาหลับ มนต์ทิพย์ยิ้มน่ากลัว มองพักตร์พริ้งด้วยสายตามาดร้ายจากนอกหน้าต่าง
ตอนเช้า แฟรงค์ทิ้งตัวลงนั่งที่ห้องทำงาน แล้วคว้าโทรศัพท์กด รอสาย
“คุณน้าได้ข่าวไอ้ทิพย์บ้างหรือยังครับ”
อัปสรตอบเสียงเศร้า
“ยังเลยจ้ะแฟรงค์ น้าไม่รู้จะไปตามหาทิพย์ได้ที่ไหน”
“คุณน้าได้คุยกับบุญสลักบ้างมั้ยครับ เมียหายไปทั้งคน แต่มันกลับเฉยอยู่ได้ ผมว่ามันแปลกๆ”
“บุญสลักคงโกรธทิพย์มาก ที่ทำร้ายแม่เขาจนต้องเข้าโรงพยาบาล”
“คุณน้าสบายใจได้ครับ บุญสลักรู้แล้วว่าไม่ใช่ฝีมือทิพย์ ถ้าผมได้ข่าวอะไรจะรีบติดต่อไปนะครับ”
แฟรงค์วางสาย เอนตัวพิงพนักเก้าอี้อย่างใช้ความคิด แต่พอหันมาทางหนึ่งก็เห็นเขมิกายืนหน้าบึ้งอยู่
“รักมันมากสินะ เป็นเดือดเป็นร้อนเหลือเกินที่มันหายตัวไป”
“เขมิกา”
“ตกใจเหรอ”
เขมิกาหยิบปืนออกจากกระเป๋าถือ เล็งไปที่แฟรงค์
“เล่นอะไรของคุณ ปืนนะเขม มันอันตราย”
“ถ้ายังตามรังควานฉันไม่เลิก ฉันจะฆ่าคุณ แฟรงค์ คุณน่าจะรู้นะว่าฉันไม่ได้พูดเล่น”
แฟรงค์ยืนขึ้นอย่างไม่กลัว มองเขมิกาท้าทาย
“ผมไม่นึกเลยว่าคุณจะเป็นมากขนาดนี้ ผมมองคุณผิดไปจริงๆ”
“ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้ ขอร้องล่ะแฟรงค์ เลิกติดต่อคุณพ่อ อย่ายุ่งเรื่องของฉันอีก”
“แล้วเรื่องทิพย์กับบุญสลักล่ะ”
“ถ้าจะยอมตายเพื่อเพื่อน ฉันก็คงห้ามคุณไม่ได้ จำใส่สมองไว้ อย่าวุ่นวายกับฉันอีก ไม่งั้นฉันจะระเบิดหัวคุณด้วยไอ้นี่ แต่บางที ทิพย์อาจจะไม่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณแล้วก็ได้”
“คุณหมายความว่ายังไง เขม ทิพย์เป็นอะไร เดี๋ยวก่อนสิเขม”
เขมิกาไม่ตอบ เดินออกไปอย่างผู้มีชัย แฟรงค์เครียด
บุญสลักเดินเข้ามาในห้องโถง หน้าตื่นตระหนก ถามแหวนกับแช่มเสียงขุ่น
“ฉันไม่อยู่แค่คืนเดียว ทิพย์หายไปได้ยังไง”
แหวนทำท่าอิดออด มองแช่มที่ทำหัวหด กลัวความผิด
“ว่าไงป้าแหวน”
“แหวนก็ไม่ทราบค่ะ เมื่อคืนพอคุณหนูออกไป คุณทิพย์ก็ลงมาเดินเล่นที่สนาม แล้วแหวนก็ไม่รู้ไม่เห็นอะไรอีกเลยค่ะ”
บุญสลักหัวเสียมาก
เวลาต่อมาแหวนทำกับข้าว แช่มล้างภาชนะ จู่ๆ แช่มก็หยุดมือ “ป้า”
“อะไร”
“ขอฉันพูดหน่อยได้มั้ยป้า ไม่งั้นอกอีแช่มต้องแตกตายแน่ๆ”
แหวนหยุดมือ มองแช่ม พยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต แช่มเดินมาใกล้ กระซิบกระซาบ
“ก็คุณทิพย์น่ะสิ กลางวันงี้โทรม เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง แต่พอกลางคืน กลับออกมาเดินเฉิดฉาย แถมยังสวยฉ่ำ ผิดกันยังกะคนละคน ป้าคิดเหมือนฉันมั้ย”
“คิดอะไรวะ เอ็งนี่ พูดให้มันจบๆ ได้มั้ยล่ะ อมพะนำอยู่นั่นแหละ ข้าจะรู้ได้ยังไง”
“บ๊ะ”
“นังนี่ คนยิ่งใจคอไม่ดี”
“แสดงว่าป้าก็คิดเหมือนฉัน ใช่มั้ยล่ะ”
“ทำเป็นปากดีไปเถอะ เดี๋ยวก็วงแตกหรอกเอ็ง”
แช่มพูดเบากว่าเดิม
“ก็มันน่าสงสัยนี่ป้า ฉันว่าคุณทิพย์ต้องมีเชื้อสายปอบจริงๆ อย่างที่เขาว่ากันแน่ๆ”
ทั้งสองมองหน้ากัน ขนลุก รีบผละไปทำงานของตัวเอง แช่มหยุดมืออีกรอบ “แล้วมันจะเกี่ยวกับที่คุณทิพย์หายตัวไปหรือเปล่าป้า เป็นไปได้มั้ยที่คุณทิพย์ ออกไปหากินแล้วกลับเข้าบ้านไม่ได้”
“ทำไมจะกลับไม่ได้ล่ะวะ ไม่มีใครเอาหนามไปขวางไว้สักหน่อย”
แช่มทำตาโต เหมือนนึกบางอย่างขึ้นมาได้ ยิ้มเจ้าเล่ห์
“ถ้าจับได้ว่าคุณทิพย์เป็นปอบ เราคงได้รางวัลก้อนโตนะป้า”
สองคนพยักพเยิด ฝันหวาน จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น แหวน แช่ม สะดุ้งโหยง แช่มทำหน้ากล้าๆ กลัวๆ แหวนกระตุ้นให้ยกหู สุดท้ายก็รับโทรศัพท์ด้วยความจำยอม
“บุญสลักอยู่มั้ย”
แช่มถอนใจ โล่งอก
“คุณแฟรงค์น่ะเอง คุณหนูออกไปตามหาคุณทิพย์ค่ะ คุณทิพย์หายออกจากบ้านตั้งแต่เมื่อคืน คุณหนูโกรธจนบ้านแทบแตกแน่ะค่ะ”
“เดี๋ยวๆ นี่หมายความว่า ทิพย์อยู่ที่นั่นมาตลอดยังงั้นเหรอ”
แช่มตาโต แหวนทำท่าจะเขกหัว
“คุณแฟรงค์ไม่ทราบมาก่อนหรอกหรือคะ”
แฟรงค์วางหู ครุ่นคิด แล้วคว้ากุญแจรถออกไป
พักตร์พริ้งทิ้งตัวนั่งอย่างหงุดหงิด นมผ่องสบตาพวงคราม งงว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะเห็นปากพักตร์พริ้งเจ่อจากที่ล้มไปชนแง่โต๊ะ
“ตายแล้ว หน้าไปโดนอะไรมาคะ คุณพักตร์”
“นังมนต์ทิพย์ สะใภ้ตัวดีของคุณพี่น่ะสิคะ”
“ก็มันหายสาปสูญไปแล้วนี่คะ แล้วมันจะ”
“ที่ไหนล่ะคะ นังตัวซวยมันยังมุดหัวอยู่ในบ้านคุณพี่นั่นแหละค่ะ”
“ตายๆๆ แล้วทำไมไม่มีใครรู้ นมผ่อง”
“ตั้งแต่เกิดเรื่องก็อยู่กับคุณผู้หญิงที่นี่ ยังไม่ได้กลับบ้านเลยค่ะ”
“มิน่า ตาบุญสลักถึงไม่ค่อยมาเยี่ยมพี่ คงจะกกเมียจนลืมแม่”
“มันก้าวร้าว หยาบคาย พักตร์จะอบรมสั่งสอน มันก็เถียงคำไม่ตกฟาก แล้วมันก็ทำร้ายพักตร์ เจ็บตัวยังไม่เท่าไหร่ แต่เจ็บใจนี่สิคะ”
พักตร์พริ้งร้องไห้โฮ
“คุณพักตร์หมายความว่ายังไง”
“ก็ตาบุญสลักน่ะสิ เข้าข้างมัน หาว่าพักตร์ไม่เป็นผู้ใหญ่ หาว่าพักตร์เป็นคนผลักคุณพี่ตกบันไดแล้วใส่ร้ายนังมนต์ทิพย์”
“ต๊าย บุญสลักพูดยังงั้นได้ยังไง นมผ่อง”
“ขา คุณ”
“ไปบอกหมอ ฉันจะออกจากโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลย ให้มันรู้ไป ระหว่างฉันกับนังมนต์ทิพย์ ตาบุญสลักจะเลือกใคร”
พวงครามเด็ดเดี่ยว
บุญสลักขับรถไปเรื่อยๆ ตาสอดส่ายมองหามนต์ทิพย์ เครียดมาก เขาแวะไปที่วัด ถามหามนต์ทิพย์กับแม่ชี แต่ไม่มีใครเห็น แวะไปถามเพื่อนที่เคยมางานแต่งงาน แล้วมาที่ออฟฟิศแฟรงค์
“คุณแฟรงค์ออกไปพบลูกค้าค่ะ”
“ทิพย์ล่ะครับ ทิพย์มาที่นี่บ้างหรือเปล่า”
“ไม่เห็นนะคะ มีแต่คุณเขมิกาที่มาพบคุณแฟรงค์เมื่อเช้าค่ะ”
บุญสลักเดินคอตกกลับออกมา มืดแปดด้าน ไม่รู้ว่ามนต์ทิพย์หายไปไหน
“คุณอยู่ที่ไหนทิพย์ ผมเป็นห่วงคุณมากรู้มั้ย”
เจ้านาง ตอนที่ 15 (ต่อ)
แฟรงค์มาที่บ้านอัปสร อัปสร รุ้งแก้ว พรเทพ ต่างตกใจเมื่อฟังเรื่องที่แฟรงค์บอก
“จริงเหรอแฟรงค์”
“ผมเองก็เพิ่งทราบจากแช่มเหมือนกันครับ คุณน้า”
ปีบยิ้ม มองในแง่ดี ไม่รู้ความจริง
“โล่งใจไปทีค่ะที่คุณทิพย์ปลอดภัย”
“ตาบุญสลักมีเหตุผลอะไร ถึงได้ไม่ยอมปริปากบอกพวกเราว่ายัยทิพย์หลบอยู่ที่นั่น รู้ทั้งรู้ว่าพวกเราก็ร้อนใจ” พรเทพแปลกใจ
“คงจะตกอยู่ใต้อำนาจของมนต์ทิพย์นั่นแหละค่ะ”
คำพูดของรุ้งแก้ว ทำให้แฟรงค์งง
“อำนาจ หมายความว่ายังไงครับ”
“น้าจะบอกความจริงกับพ่อแฟรงค์ เพราะเห็นว่าเรารู้จักยัยทิพย์ตั้งแต่อยู่อังกฤษ ตอนนี้ชีวิตของมนต์ทิพย์กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ”
“หัวเลี้ยวหัวต่อ ยังไงครับ”
“หัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างความเป็นคนกับปอบ”
“ปอบ”
“จ้ะ ปอบ เรื่องมันเริ่มต้นตั้งแต่คุณแม่ของน้า เจ้านางละอองคำ”
แฟรงค์ฟังอย่างตั้งใจ สีหน้าบอกความอัศจรรย์ใจอย่างมาก
พรเทพนั่งคู่กับแฟรงค์มาในรถ โดยมีรุ้งแก้วกับอัปสรนั่งมาด้วย ทุกคนต่างร้อนใจ
“ทำไมคุณน้าถึงคิดว่าทิพย์จะอยู่ที่นั่นล่ะครับ”
“ละอองคำรักบ้านหลังนั้นมาก”
“ใช่ค่ะ มนต์ทิพย์สืบทอดทายาทจากเจ้าพี่ก็คงจะผูกพันกับที่นั่นมากด้วยเหมือนกัน”
“ผมเคยไปที่นั่นกับทิพย์ เป็นบ้านที่ร่มรื่น น่าอยู่มากนะครับ”
อัปสรยิ้มเศร้า
“น้าเองก็เคยคิดแบบนั้น จนกระทั่งวันที่รู้ว่าคุณแม่เป็นปอบ”
อัปสรปาดน้ำตา
รถแฟรงค์เข้ามาจอดหน้าเรือนปั้นหยา อัปสรรีบเปิดประตูลงมาก่อนใคร แหงนมองบ้าน ภาพความทรงจำสมัยยังเด็ก มีฉัตรคอยดูแล รักใคร่ ย้อนเข้ามา ตามด้วยภาพความสยดสยองที่ละอองคำควักไส้ฉัตรกับซ่อนกลิ่น อัปสรปาดน้ำตา รุ้งแก้วจับมือปลอบ
“น้าไม่คิดว่าชีวิตนี้จะได้กลับมาที่นี่อีก”
“ถ้าหนูใจแข็ง ดึงดันอยู่ที่อังกฤษต่อ ยัยทิยพ์ก็คง”
“อย่าโทษตัวเองสิ อัปสร ทุกอย่างล้วนเกิดแต่กรรม พวกเราจะต้องช่วยมนต์ทิพย์ให้ได้”
“ผมจะไม่ปล่อยให้ทิพย์ต้องเผชิญเรื่องเลวร้ายนี่ตามลำพังครับคุณน้า”
อัปสรแตะแขนแฟรงค์ด้วยความซาบซึ้ง
“มาแล้วก็ต้องรู้ความจริงให้ได้”
พรเทพบอก ทุกคนต่างมองไปที่ตัวบ้าน เดินเข้าไปหา หน้าต่างบานหนึ่งกระชากปิด ทุกคนสะดุ้งหยุด หน้าเสียไป เมื่อถึงหน้าประตู ทุกคนต่างมองหน้ากัน อัปสรตัดสินใจเคาะ
“ทิพย์ ทิพย์อยู่ที่นี่ใช่มั้ยลูก”
“ทิพย์ นี่แฟรงค์นะ ทิพย์เปิดประตูให้แฟรงค์กับคุณน้าเข้าไปหน่อยได้มั้ย คุณน้าเป็นห่วงทิพย์มากรู้มั้ย”
“ทิพย์ แม่รู้ว่าหนูอยู่ที่นี่ ออกมาคุยกับแม่หน่อยเถอะลูก”
จู่ๆ ประตูก็เปิดผลัวะ ทุกคนตกใจ ผงะ มนต์ทิพย์นั่งตั่งที่ประจำของละอองคำ อัปสรถลาเข้าไปทันที มนต์ทิพย์ตวาด
“หยุดอยู่ตรงนั้น ไม่ต้องเข้ามา”
อัปสรคล้องพระที่คอ มีแสงเรื่อเรืองที่มนต์ทิพย์ต้องเบือนหน้าหนี
“หนูอย่าเชื่อผีเจ้านะทิพย์ ปอบไม่สามารถบันดาลทุกอย่างให้ลูกได้ ทิพย์กำลังจะทำบาปมหันต์ด้วยการฆ่าคนสังเวยปอบ”
“แต่คนบางพวกมันก็สมควรตาย”
“มนต์ทิพย์ แม้ว่าพวกเขาจะทำผิด เป็นคนเลว แต่หลานไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินว่าเขาควรอยู่หรือตาย กฎแห่งกรรมเท่านั้นที่เป็นตัวกำหนด”
“พวกเราพร้อมจะช่วยทิพย์ เชื่อตานะลูก”
“แม่ไม่อยากให้หนูต้องทุกข์ทรมานเหมือนคุณยาย แม่จะช่วยหนูเอง.แม้ต้องแลกด้วยชีวิต แม่ก็ยอม”
“ไม่จำเป็น ทิพย์โตแล้ว รู้ตัวดีว่ากำลังทำอะไร แม่ก็อยู่ส่วนแม่ อย่ายุ่งกับทิพย์ เราไม่จำเป็นต้องพบกันอีก”
มนต์ทิพย์หนีเข้าไปด้านใน ขึ้นบันไดไปที่ห้องละอองคำ
“ทิพย์ ทิพย์”
อัปสรตามไป แฟรงค์ รุ้งแก้ว พรเทพจึงตามไปด้วย อัปสรมาถึงหน้าห้องของละอองคำ จะตามเข้าไปในห้อง
“ทิพย์”
ประตูห้องละอองคำกระชากปิดใส่หน้า
“ออกไป ฉันไม่อยากพบใคร ไป”
อัปสรถึงกับทรุดฮวบ ร้องไห้โฮ พรเทพกับแฟรงค์ต้องรีบเข้าประคอง รุ้งแก้วส่ายหน้า สะเทือนใจ น้ำตาคลอ อัปสรร้องไห้ แฟรงค์ทุบประตู
“ทำไมแกพูดแบบนั้นวะทิพย์ คุณน้าทุกข์ทรมานมากที่แกหายไป แกต้องฟังคุณน้านะโว้ย ไอ้ทิพย์”
“ปอบจะทำให้ทิพย์สูญเสียทุกอย่าง เชื่อยายนะลูก ยายเห็นมากับตา”
“ไม่ ทิพย์จะไม่สูญเสียอะไรทั้งนั้น ใครหน้าไหนที่มันเคยทำร้ายทิพย์ ทิพย์จะแก้แค้นพวกมันให้สาสม”
อัปสรเกาะประตู ร้องไห้เหมือนใจจะขาด
“มันไม่จริงนะลูก ทิพย์ ปอบมันจะกินทุกอย่าง แม้กระทั่งตัวลูกเอง มีสติหน่อยสิทิพย์ ไปวัดกับแม่ แม่จะช่วยลูกให้ได้”
“พอเถอะ ทิพย์ไม่อยากฟัง กลับกันไปซะ แล้วอย่ามายุ่งกับทิพย์อีก”
“เข้มแข็งหน่อยสิทิพย์ แกต้องเอาชนะปอบให้ได้”
“พอได้แล้ว กลับไปซะ”
แฟรงค์โกรธมาก เขย่าประตู ด้วยความเก่า ประตูจึงหลุดออก แฟรงค์เข้าไปกอดทิพย์
“ฉันรักแกนะทิพย์ แกต้องเข้มแข็งสิ อย่าให้ปอบมันครอบงำแกได้”
มนต์ทิพย์อ่อนแรงมาก
“ปล่อยนะแฟรงค์ ปล่อยทิพย์”
“หยุดนะแฟรงค์ นี่นายกำลังทำอะไร”
ทุกคนหันมองตามเสียง บุญสลักหน้าตึง ปราดเข้ากระชากแฟรงค์ออก แล้วชกแฟรงค์จนหงายหลังล้มไป
“นายไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องเมียฉัน”
“ฉันรักทิพย์ ทุกคนที่นี่รักทิพย์ เรากำลังช่วยทิพย์ให้พ้นจากอำนาจของปอบนะโว้ย”
ทุกคนตกใจที่แฟรงค์บอกบุญสลัก
“ฉันคิดว่าจะมีแค่อาพักตร์กับเขมิกาที่ชอบใส่ร้ายทิพย์ นี่นายก็เป็นไปกับเขาด้วยเหรอวะ”
บุญสลักผลักอกแฟรงค์
“ใจเย็นๆ สิวะบุญสลัก ทิพย์กำลังตกอยู่ในอำนาจของปอบ นายเชื่อฉันสิ เราต้องร่วมมือกัน”
แฟรงค์จะพูดต่อ แต่บุญสลักโกรธมาก ชี้หน้าด่า
“แกหุบปากซะ อย่าพูดถึงทิพย์แบบนี้อีก ถ้าแกไม่อยากเจ็บตัว”
จู่ๆ มนต์ทิพย์ก็เป็นลม บุญสลักรีบเข้าไปรับไว้ได้ทัน
“ทิพย์”
ทุกคนตกใจ แฟรงค์ห่วงมนต์ทิพย์แต่ไม่กล้าเข้าใกล้ ปวดร้าวมาก
“ทิพย์ ทิพย์ ช่วยทิพย์ด้วย ช่วยด้วย”
อัปสรคร่ำครวญ พรเทพกับรุ้งแก้วประคองอัปสร ให้กำลังใจ
“มนต์ทิพย์อยู่กับบุญสลักแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอกหลาน”
พักตร์พริ้งกับเขมิกาประคองพวงครามเข้าบ้านมา นมผ่อง แช่ม แหวน ถือของตามเข้ามาเป็นพรวน
“ขอบใจนะหนูเขม ดูซิ ลูกของอาแท้ๆ กลับไม่เคยสนใจแม่”
“เขมก็เป็นลูกเป็นหลานนี่คะ”
“ใช่ค่ะ คุณพี่ หนูเขมเนี่ยว่าที่สะใภ้เรานะคะ คนอื่นที่ไหนกัน”
เขมิกาเขิน พวงครามเปลี่ยนอารมณ์ หันไปชำระความกับแช่ม แหวน มองอย่างเอาเรื่อง
“นังมนต์ทิพย์มันอยู่ที่ไหน ไปจิกหัวมันมาหาฉันซิ”
แหวน แช่ม มองหน้ากัน ขลาดๆ
“เอ่อ เธอไม่อยู่แล้วล่ะค่ะ”
พักตร์พริ้งสบตาเขมิกา ยิ้มดีใจ แต่ยังแสร้งไม่รู้เรื่อง
“แกหมายความว่ายังไง ฮึ นังแหวน”
“นั่นน่ะสิ ก็ไหนว่าทิพย์ย้ายมาอยู่ที่นี่แล้วไงคะ”
แช่ม แหวน มองหน้ากัน รู้ดีว่ามนต์ทิพย์หายไปก็เพราะพักตร์พริ้ง แต่ไม่กล้าพูด
“แช่มกับป้าแหวนก็ไม่ทราบค่ะ เมื่อคืนยังอยู่ แต่เช้ามาก็ไม่เห็นแล้ว”
พวงครามยิ้ม
“สิ่งศักดิ์สิทธิ์คงจะช่วยพวกเรานะคะ คุณพักตร์”
พักตร์พริ้งลอยหน้าพูด ชื่นชมมาก
“สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนกันล่ะคะ คุณคณิตของน้องต่างหากที่จัดการมัน อุ๊ย เอ่อ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ค่ะที่ช่วยเรากำจัดนังมนต์ทิพย์ สาธุๆๆ”
พักตร์พริ้งยกมือไหว้ หน้าเจื่อนไป แหวน แช่มสบตากัน
หน้าห้องฉุกเฉิน บุญสลักเดินวนเวียนไปมา ห่วงมนต์ทิพย์มาก แฟรงค์ประคองอัปสรไว้
“ทิพย์จะเป็นอะไรมั้ยคะ คุณน้า”
“ปอบมันอ่อนแรงเวลากลางวัน มนต์ทิพย์คงยังไม่รู้จักพลังปอบที่แท้จริง ใช้พลังมากเกิน ถึงได้หมดแรง”
“เราจะช่วยทิพย์ได้ยังไง ในเมื่อบุญสลักไม่ยอมเชื่อ”
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมต้องช่วยทิพย์ให้ได้”
พรเทพตบบ่าแฟรงค์อย่างเข้าใจ หมอเปิดประตูออกมา แฟรงค์วิ่งไปถึงก่อนใคร
“สามีคนไข้หรือเปล่าครับ”
แฟรงค์หน้าเจื่อน บุญสลักเข้ามา มองแฟรงค์ไม่ชอบใจ
“หมอยินดีด้วยนะครับ ตอนนี้คนไข้ตั้งท้องได้เจ็ดสัปดาห์แล้ว”
“จริงเหรอครับหมอ”
“จริงครับ คนไข้อ่อนแรงมาก ต้องคอยดูแล”
กลุ่มของอัปสร พรเทพ รุ้งแก้ว แฟรงค์ ทุกคนตกใจ ไม่ยินดีกับการมีหลาน อัปสรน้ำตาไหลพรากยิ่งกว่าเดิม
ในบ้านมนต์ทิพย์ ปีบเอาน้ำมาเสิร์ฟ ทุกคนนั่งอยู่ด้วยกัน ไม่สบายใจนัก
“เราจะทำยังไงกันดีล่ะทีนี้ มันมีเหลนในท้องเป็นเครื่องต่อรอง” พรเทพกลุ้ม
ปีบดีใจ
“หมายความว่า คุณทิพย์ท้องเหรอคะ”
อัปสรพยักหน้าเหนื่อยๆ ปีบสังเกตเห็นว่าทุกคนไม่ดีใจ
“ทำไมไม่ดีใจกันเลยล่ะคะ คุณๆ กำลังจะมีหลานนะคะ”
แฟรงค์ถอนใจ
“พี่ปีบมีอะไรก็ไปทำเถอะไป ผมขอปรึกษาอะไรคุณน้าหน่อย”
ปีบจำใจออกไป อัปสรหันมาปรึกษารุ้งแก้ว
“คุณน้าคะ”
“น้าเองก็มืดแปดด้าน ขอให้น้าปรึกษาแม่ชีน้อมก่อน อัปสร แต่หลานต้องเข้มแข็งเข้าไว้”
อัปสรพยักหน้ารับทั้งน้ำตา
ตอนค่ำ บุญสลักประคองมนต์ทิพย์เข้ามาในบ้านของตัวเอง มนต์ทิพย์สวยและแข็งแรงมากขึ้นแล้ว กำลังจะขึ้นบันได ก็ต้องสะดุดกึก เพราะพวงครามออกมาจากมุมหนึ่ง แหวใส่ เขมิกากับพักตร์พริ้งยืนอยู่ด้านหลังพวงคราม แหวน แช่ม นมผ่อง แอบมองอยู่
“ยังกล้าพานังตัวซวยนี่เข้ามาในบ้านอีกเหรอ ฮึ ตาบุญสลัก”
“คุณแม่”
“ยังเห็นว่าฉันเป็นแม่อยู่อีกรึ”
“ถ้ารู้ว่าคุณแม่จะออกจากโรงพยาบาลวันนี้ ผมก็ต้องไปรับสิครับ คุณแม่หายดีแล้วหรือครับ”
“ฉันจะหายดีหรือไม่ ไม่สำคัญ แต่เมื่อฉันกลับมาแล้ว ก็เชิญเมียเถื่อนของแกออกไปให้พ้นๆ บ้านฉันเดี๋ยวนี้เลย เพราะมัน แม่ถึงเกือบตาย ไล่มันไปซะ”
“แต่ทิพย์เขา”
มนต์ทิพย์ยิ้ม ไม่สะทกสะท้าน มองพวงครามและเขมิกา
“คุณพี่ทำถูกต้องที่สุดแล้วล่ะค่ะ”
“จะต้องให้เมียแกมันขึ้นมาเหยียบหัวแม่ก่อนหรือไง แกถึงจะพอใจ”
มนต์ทิพย์ขยับมายืนคู่สามี
“ทิพย์เสียใจที่คุณแม่คิดแบบนั้น แต่ทิพย์คงจะไปไหนไม่ได้หรอกค่ะ”
“เขาไล่ขนาดนี้แล้ว ทำไมยังหน้าด้านอยู่ล่ะทิพย์”
“แต่ฉันก็ไม่เคยหน้าด้านแย่งสามีใคร”
“หุบปาก แล้วก็เก็บข้าวของของแกออกไปซะนังตัวซวย”
พักตร์พริ้งตวาด
“ไปคนเดียวนะ อย่าเอาลูกชายฉันไปด้วย”
“คุณแม่จะไม่ใจร้ายไปหน่อยหรือคะ พรากลูกพรากพ่อเขาแบบนี้”
พวงครามสบตาพักตร์พริ้ง ตกใจ
“แก แกหมายความว่ายังไง”
“ทิพย์กำลังตั้งท้องครับคุณแม่”
พวงคราม พักตร์พริ้ง เขมิกา ตกใจมาก
“ท้อง”
มนต์ทิพย์ยิ้มอย่างมีชัย
“คุณแม่ไล่ทิพย์ไปตายเอาดาบหน้า ชาวบ้านรู้เข้าจะคิดยังไงคะ บรรพบุรุษของคุณแม่สร้างสมความดีไว้ตั้งเท่าไหร่ จะต้องด่างพร้อยเพราะรังเกียจหลานในไส้ ถึงขนาดให้อยู่ร่วมชายคาไม่ได้”
ทุกคนอึ้ง พูดไม่ออก
“ทิพย์ขึ้นไปพักผ่อนก่อนเถอะครับ คุณหมอสั่งไม่ให้เครียด จำได้มั้ย”
“ทิพย์จะอดทนทุกอย่างเพื่อปกป้องเกียรติและศักดิ์ศรีวงศ์ตระกูลของคุณ ถ้าคุณแม่มีวิธีที่ดีกว่านี้ก็ช่วยแนะนำทิพย์ด้วยนะคะ ยิ่งรู้ตัวว่ากำลังจะมีลูก ทิพย์ก็ยิ่งเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ขึ้นอีกแยะเชียวล่ะค่ะ”
บุญสลักประคองทิพย์ขึ้นชั้นสองไป พวงครามหน้าเสีย พักตร์พริ้งโกรธมาก ในขณะที่เขมิกานิ่งอึ้ง
เขมิกากลับมาบ้าน นั่งนิ่ง มองออกไปข้างนอกอย่างไร้จุดหมาย ปิ่นเมืองปรากฏกายไม่ห่าง
“อีมนต์ทิพย์มันท้องได้ มันก็แท้งได้”
“หมายความว่า”
“อีพักตร์พริ้งมันจิตใจสกปรก มันช่วยเจ้าได้ ปอบมันอ่อนแอเวลากลางวัน จำไว้”
เขมิกาอึ้งไป ไม่คิดว่าปิ่นเมืองจะแนะนำอย่างนี้
รุ้งแก้วกับอัปสรนั่งสมาธิอยู่ กายทิพย์แม่ชีน้อมปรากฏขึ้น รุ้งแก้ว อัปสร ลืมตา
“เราคงเข้าใกล้มนต์ทิพย์ได้ยากขึ้น”
“ทำไมล่ะคะ”
“ผีเจ้าคงรู้แล้วว่าเด็กในท้องของมนต์ทิพย์เป็นหญิง ผีเจ้าไม่มีทางปล่อยมนต์ทิพย์ไปแน่”
“จะให้เอาชีวิตเข้าแรก อิฉันก็ยอมค่ะ ขออย่าให้ลูกกับหลานต้องตกนรกทั้งเป็นเหมือนอย่างแม่ละอองคำก็พอ”
“พุทธคุณเท่านั้นที่จะปราบปอบได้ เราต้องเริ่มต้นที่ตรงนั้นก่อน”
อัปสรก้มกราบแม่ชีน้อม
เกษมถือกระเป๋าเอกสาร เสื้อสูท ยิ้มแย้มเข้ามา โฉมกับเขมิกา พร้อมที่โต๊ะอาหารแล้ว
“กินข้าวก่อนสิ พ่อเกษม”
“ผมมีประชุมแต่เช้าครับคุณแม่ เมื่อไหร่จะเข้าไปเรียนงานกับพ่อซะทีล่ะเขม ลูกต้องสั่งสมประสบการณ์ไว้ให้มากๆ รู้มั้ย”
“เขมรู้แล้วล่ะค่ะ”
“สร้อยพระที่พ่อให้ ทำไมถึงไม่สวมติดตัวไว้ล่ะลูก”
“เอ่อ คือ มันไม่เหมาะกับชุดนี้น่ะค่ะ คุณพ่อ”
เกษมพยักหน้า ยิ้มๆ
“ผมไปทำงานนะครับคุณแม่ เขมพ่อไปก่อนนะลูก”
โฉมมองหน้าหลานสาว
“มีอะไรหรือเปล่าเขม ย่าว่าหมู่นี้เราดูแปลกๆ ไปนะ”
เขมิกาอิดเอื้อน ชั่งใจ
“คุณย่าคะ คุณย่าจะว่าเขมงมงายมั้ยคะ ถ้าเขมจะบอกว่า มนต์ทิพย์เป็นปอบ”
โฉมไม่ตกใจ เขมิกามองย่าอย่างรอคอยคำตอบ
“ย่าเชื่อ”
เขมิกาถึงกับวางช้อน ตกใจที่โฉมเชื่อเรื่องนี้ง่ายๆ
อัปสรกับแฟรงค์มาพบบุญสลักที่บริษัท บุญสลักมองแฟรงค์ตาขุ่นขวาง หึง
“บุญสลักไม่เชื่อแม่ก็ไม่เป็นไร แต่ช่วยรับพระองค์นี้ไว้ ทิพย์เผลอเมื่อไหร่ ก็คล้องพระให้ทิพย์ทันที”
อัปสรยื่นพระให้ บุญสลักลังเล
“มันฟังดูเชื่อยากสักหน่อย แต่นายก็ต้องยอมรับว่ามันเกิดขึ้นแล้ว เราต้องช่วยกันดึงทิพย์ออกมาให้พ้นจากอำนาจลึกลับนี้ให้ได้”
บุญสลักจำใจรับพระไว้
“ผมจะลองดูครับ”
“บุญสลักคือความหวังเดียวของแม่นะลูก เราต้องช่วยทิพย์ให้ได้”
บุญสลักหน้าเครียด อัปสรลุกออกไป แฟรงค์จะออกตาม แต่หันกลับมาทางบุญสลัก
“นายเหม็นหน้าฉันก็ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้ทิพย์ต้องการพวกเราทุกคน”
ทั้งสองสบตากัน ก่อนแฟรงค์จะผละไป บุญสลักมองพระในมือ แล้วตัดสินใจเอาพระใส่ลิ้นชักเก็บไว้ ส่ายหน้าไม่เชื่อ
“เหลวไหล”
พักตร์พริ้งมาหาเขมิกาที่บ้าน ท่าทางร้อนใจขณะคุยกับโฉม
“คุณแม่ทราบเรื่องที่นังมนต์ทิพย์มันตั้งท้องแล้วใช่มั้ยคะ”
“เขมเรียนคุณย่าแล้วละค่ะ”
“พักตร์เกลี๊ยด เกลียดมัน อยากจะให้มันตายๆ ไปซะทั้งแม่ทั้งลูก”
“ท้องอ่อนๆ แบบนี้ กระทบนิดกระทบหน่อยก็หลุดแล้วล่ะ แม่พักตร์”
พักตร์พริ้งยิ้มออก
“จริงสิคะ”
“พรุ่งนี้แม่จะฝากยาบำรุงครรภ์ไปให้ แต่พักตร์ต้องป้อนหนูมนต์ทิพย์กับมือเลยนะ”
พักตร์พริ้งกระหยิ่ม เขมิกาสบตาโฉม สมใจที่ไม่ต้องลงมือเอง
จบตอนที่ 15