เจ้านาง ตอนที่ 12
ปีบยกถาดอาหารเข้ามา จะก้าวขึ้นบันได เป็นห่วงมนต์ทิพย์ เสียงพักตร์พริ้งดังขึ้น
“นายแกเป็นนังไงบ้างล่ะ นังปีบ ฉันต้องเตรียมชุดดำหรือยัง ฮึ”
ปีบหันกลับมา ไม่พอใจ พักตร์พริ้งยิ้มเยาะ
“ยังปกติดีค่ะคุณพักตร์ ยังไม่ฟุ้งซ่านต้องออกมานอกบ้านแต่เช้าค่ะ”
“เอ๊ะ นังปีบ ฉันถามแกดีๆ นะ”
“ปีบก็ตอบตามตรงนะคะ”
“ปากดีไปเถอะ เมื่อคืนก็เพิ่งจะสิงนังแช่ม กินหมูสดๆ ไก่สดๆ จนหมดตู้เย็น ระวังจะถูกนายแกควักไส้กินเข้าสักวัน”
“แหม คุณพักตร์ขา ถ้าคุณทิพย์เป็นปอบ เห็นทีจะไม่ต้องมาสิงขี้ข้าอย่างนังแช่มหรอกค่ะ ครัวก็อยู่แค่นี้ ไปกินเองซะให้สบายใจไม่ดีกว่าเหรอคะ คุณพักตร์นั่นแหละ ระวังนังแช่มไว้ให้ดี จะถูกมันควักไส้กินเข้าสักวัน”
“ว้าย ปากเสีย นังนี่”
“คุณพักตร์ขา ปีบยิ่งทำใจไม่ได้อยู่นะคะ”
“อะไรนังปีบ สำออยจริง”
บุญสลักลงบันไดมา
“ทิพย์ไม่ได้เป็นปอบหรอกครับคุณอา เมื่อคืนผมเฝ้าทิพย์ทั้งคืน ไม่เห็นว่าทิพย์จะลุกออกไปไหน”
บุญสลักมองพักตร์พริ้งแล้วถอนใจ พักตร์พริ้งทำหน้าไม่ถูก
“ผมเอาขึ้นไปให้ทิพย์เองครับพี่ปีบ”
บุญสลักรับถาดอาหารจากปีบ พักตร์พริ้งมองอย่างหมั่นไส้ เสียงกริ่งประตูหน้าบ้านดังเข้ามา
“ปีบไปดูให้เองค่ะ”
ปีบเดินเร็วออกมาหน้าประตูรั้ว ตกใจ อัปสรยืนยิ้ม ปีบดีใจมือไม้สั่น เปิดรั้ว
“คุณนายขา ในที่สุดคุณนายก็กลับมาซะที คุณทิพย์แย่แล้วค่ะ คุณมาแบบนี้ คุณทิพย์ก็คงไม่ตายแล้วล่ะคะ”
“ทิพย์เป็นอะไรหรือปีบ”
ปีบร้องไห้สะอึกสะอื้น พูดไม่ออก บีบมืออัปสรแน่น อัปสรใจเสียที่ทิ้งลูกไว้ เธอเข้าไปพบพวงครามกับพักตร์พริ้งภายในบ้าน พักตร์พริ้งมองค้อนอัปสรตลอดเวลา
“มาก็ดีแล้ว อยากจะให้รับมนต์ทิพย์กลับไปเสียด้วยเลย”
“บอกตามตรงว่ารับพฤติกรรมแปลกๆ ของลูกสาวหล่อนไม่ไหว”
อัปสรถอนใจ ทำใจเย็นที่สุด
“ยังไง ดิฉันก็ต้องกราบขอบพระคุณที่ดูแลยัยทิพย์เป็นอย่างดี”
พวงครามกับพักตร์พริ้งมองหน้ากัน ขยับตัวอึดอัด เพราะไม่ได้ดูแลทิพย์อย่างดี
“ดิฉันไปถือศีลเสียหลายวัน มานี่ก็ตั้งใจจะมารับลูกกลับไปอยู่บ้าน ดิฉันคิดว่าคุ้มครองยัยทิพย์ได้แล้วล่ะค่ะ”
พวงครามไม่ค่อยเข้าใจนัก
“ดีค่ะ ได้ยินแบบนั้นดิฉันก็สบายใจ”
บุญสลักประคองมนต์ทิพย์เข้ามา มนต์ทิพย์เห็นอัปสร โผเข้าหา
“แม่ขา แม่จริงๆ ด้วย ทิพย์อยากกลับไปอยู่บ้านเราค่ะแม่ อย่าทิ้งทิพย์ไปอีกนะคะ ทิพย์ไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว”
“จ้ะลูก ขวัญเอ๊ยขวัญมา แม่มารับทิพย์กลับบ้านแล้วนะจ๊ะ”
“คุณน้ากลับมาก็ดีแล้วล่ะครับ ผมกับทิพย์ตกลงกันว่า เมื่อคุณน้ากลับมา เราจะแต่งงานกันทันทีครับ”
“คุณหนู”
นมผ่องมอง สงสารพวงคราม พวงครามกับพักตร์พริ้งตกใจ มองหน้ากัน
“บุญสลัก”
ทุกคนทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก บุญสลักสบตามนต์ทิพย์หวานเชื่อม
มนต์ทิพย์กลับมาบ้านของตัวเองอย่างมีความสุข อัปสรยืนอยู่ข้างๆ
“บุญสลักเขาจะแต่งงานกับเราจริงๆ เหรอ”
“เราสัญญากันไว้ค่ะแม่ ทันทีที่แม่กลับมา เราจะแต่งงานกัน”
“แล้วแม่กับอาเขาล่ะ”
มนต์ทิพย์ยักไหล่
“ทิพย์ไม่สนใจอยู่แล้วค่ะ เรื่องการแต่งงานเป็นเรื่องของคนสองคน แม่กับอาจอมจุ้นจ้านของบุญสลักห้ามเราไม่ได้หรอกค่ะแม่”
“แต่งแล้วก็อย่าอยู่ที่นี่เลย มันอันตราย ไปอยู่ที่อังกฤษเหมือนเดิมดีกว่า”
“อันตราย แม่หมายถึงยายหรือเปล่าคะ”
“ทิพย์ ทำไมถามแม่อย่างนี้ล่ะ”
“ทิพย์ได้เจอยายแล้วค่ะแม่”
อัปสรอึ้งไป จับตัวมนต์ทิพย์ ถามเสียงสั่นเครือ
“ยาย ยายทำอะไรทิพย์หรือเปล่า บอกแม่สิ หนูสัญญาอะไรกับยายหรือเปล่าลูก”
บุญสลักเข้ามาขัดจังหวะพอดี
“คุยอะไรกันอยู่หรือครับ”
“เอ่อ ก็คุยกันตามประสาแม่ๆ ลูกๆ น่ะจ้ะ”
“วันนี้ผมจะมารับทิพย์ไปเลือกชุดแต่งงานน่ะครับ พร้อมหรือยังครับ ทิพย์”
“พร้อมค่ะ เดี๋ยวเย็นๆ ทิพย์กลับมานะคะแม่”
“จ้ะ ไม่ต้องห่วงแม่หรอก แม่อยู่กับปีบได้ แล้วกลับมาทานข้าวเย็นกับแม่นะจ๊ะ บุญสลักด้วย”
“ยินดีครับ”
ภายในร้านเวดดิ้ง ชุดแต่งงานแขวนโชว์และอยู่ที่หุ่นอีกมากมาย
มนต์ทิพย์เดินผ่านไป มองและจับดูชุดนั้นชุดนี้ บุญสลักอยู่ข้างๆ ตลอด มนต์ทิพย์เปิดอัลบั้มของร้านดูไปพลาง เขมิกากับแฟรงค์เดินเข้ามา
“โทษฐานที่เลือกไม่ได้ซะที ผมก็เลยขอให้คุณเขมมาช่วยเลือก”
“ไม่รู้จะทำให้คุณทิพย์ตัดสินใจได้บ้างหรือเปล่า”
“ทิพย์เลือกไม่ถูกค่ะคุณเขม”
เขมิกาจับตัวมนต์ทิพย์หมุนไปรอบๆ
“หุ่นดีแบบนี้ ต้องโชว์กันหน่อย เปิดไหล่ดีมั้ยจ๊ะ ลองชุดนี้ดีกว่า”
“ชุดนี้เหรอคะคุณเขม”
“ลองใส่ดูก่อนสิคะ”
แฟรงค์ส่ายหน้า
“อะไรวะไอ้ทิพย์ จะแต่งงานอยู่แล้ว ยังเลือกชุดแต่งงานไม่ได้เลย”
“ก็มันยังไม่ถูกใจนี่แฟรงค์”
พนักงานปลดชุดที่เขมิกาเลือกให้ เดินนำมนต์ทิพย์ไปที่ห้องลองเสื้อ
“อยากรู้จังว่าถ้าคุณทิพย์ถูกใจชุดที่เขมเลือกให้ คุณบุญสลักจะให้อะไรเป็นรางวัลเขม”
เขมิกายิ้มยั่วจิกตาเปิดเผย แฟรงค์มองหึงๆ แต่บุญสลักไม่ได้สนใจอะไร
พักตร์พริ้งมานั่งปรับทุกข์กับโฉมที่บ้านเขมิกา
“ถ้าเขาแต่งงานกันจริงๆ หนูเขมคงอกหัก”
โฉมเครียด
“ฉันยอมไม่ได้”
“พักตร์ก็เหมือนกันค่ะคุณแม่ พักตร์เคยพลาดหวังมาแล้ว พักตร์รู้ดีว่าการอกหักมันทรมานยังไง เราจะทำยังไงกันดีล่ะคะคุณแม่”
โฉมครุ่นคิด
ประตูห้องลองเสื้อเปิดออก มนต์ทิพย์ในชุดเจ้าสาว เปิดไหล่ ชุดหรูหราสง่างาม ราคาแพงออกมาจากห้องลองเสื้อ บุญสลักตะลึงในความงามของมนต์ทิพย์
“ทิพย์”
เขมิกาหน้าง้ำ แฟรงค์ยิ้มล้อๆ
“เฮ้ย สวยว่ะไอ้ทิพย์ ไม่คิดเลยว่าผู้หญิงแข็งๆ อย่างแก จะแต่งตัวแล้วดูเป็นเลดี้กับเขาด้วย”
มนต์ทิพย์หมุนตัวช้าๆ ให้ทุกคนดู
“งามจริงๆ ด้วยค่ะ จะให้อะไรเป็นรางวัลเขมล่ะคะบุญสลัก”
“ถามไอ้ทิพย์ดูก่อนมั้ยว่ามันชอบหรือเปล่า ว่าไงวะทิพย์”
“สวยค่ะชุดนี้ แต่ยังไม่ถูกใจทิพย์”
เขมิกาหน้าเจื่อนไป ไม่พอใจ
“แต่ทิพย์สวยมากนะครับ เหมือนเจ้าหญิงเลย”
“แสดงว่าไม่ถูกใจไอ้ทิพย์”
มนต์ทิพย์เดินไปทางห้องลองเสื้อ เขมิกาไม่พอใจ
“สงสัยว่ากลัวบุญสลักจะเสียของรางวัลให้เขม บอกตรงๆ นะคะ เขมเกลียดพวกปากกับใจไม่ตรงกัน”
บุญสลักมองหน้าเขมิกา แฟรงค์พูดขึ้นเตือนสติหญิงสาว
“ไม่เอาน่าเขม ความชอบหรือไม่ชอบนี่ ยัดเยียดกันได้ซะที่ไหนล่ะ ถ้าทิพย์ยังไม่ถูกใจก็ต้องให้เวลามันหา”
“ไม่เป็นไร เรารอทิพย์ได้เสมอ”
เขมิกาหงุดหงิด นั่งลงที่โซฟา หยิบนิตยสารมาเปิดผ่านๆ ระบายอารมณ์
“ระวังว่าถึงวันงานแล้วยังไม่มีเสื้อผ้าใส่ แค่นี้แม่คุณกับอาคุณก็กลุ้มจะแย่ ถ้าเจ้าสาวแต่งตัวไม่สวยประจานท่านอีก ท่านคงลมจับ”
“เขม”
“เขมพูดเรื่องจริงค่ะ หรือว่าคุณไม่ยอมรับคะว่าแม่คุณกับอาคุณไม่ชอบทิพย์”
บุญสลักเจื่อนไป แฟรงค์มองเขมิกาไม่ชอบใจ
มนต์ทิพย์เปลี่ยนจากชุดแต่งงานมาเป็นชุดเดิม ออกมาจากห้องลองเสื้อ
พนักงานเข้าไปหยิบชุดแต่งงานออกมา มนต์ทิพย์เดินผ่านตู้ใบหนึ่ง เห็นผ้าซิ่นเก่าลายสวยวางโชว์ไว้
“สวยจัง”
เจ้าของร้านเดินออกมาพอดี ยิ้มให้
“สนใจหรือคะ”
“ค่ะ งามจังเลย ของเก่าหรือใหม่คะ”
เจ้าของร้านหยิบมาให้ดู
“ของเก่าค่ะ ผืนนี้มีชื่อว่าผ้าซิ่นไหมคำ ทอด้วยเส้นทองสอดเข้าไปในเนื้อผ้าเลยนะคะ สมัยนี้หาคนทำเป็นได้น้อยเต็มที”
“ขอทิพย์สัมผัสหน่อยนะคะ”
มนต์ทิพย์ค่อยๆ เอามือไล้ไปตามเนื้อผ้า
“ตอนเมืองนายแตก ข้าวของถูกลักลอบเอามาขายทอดตลาดกันเยอะมาก ผ้าผืนนี้เป็นของเจ้านางองค์หนึ่งค่ะ เอ ชื่ออะไรนะ อ้อ เจ้านางละอองคำ”
มนต์ทิพย์ชะงัก มือที่ไล้ไปตามเนื้อผ้า หยุดชะงักมองหน้าเจ้าของร้าน
“ละอองคำ”
บุญสลัก แฟรงค์ เขมิกาตามมาสมทบ
“หายมานานเลย ที่แท้ก็มาสนใจผ้าเก่าอยู่นี่เอง”
“ผ้าจากเมืองนายค่ะ ดิฉันซื้อไว้ เพราะเห็นว่าเจ้านายสมัยก่อนใช้นุ่งในพิธีแต่งงานกับพระราชพิธีสำคัญ”
“ท่าทางไอ้ทิพย์จะชอบ”
มนต์ทิพย์หันมายิ้มให้แฟรงค์หน้าเจื่อนไปนิดหน่อย
“ไปกันเถอะค่ะ ขอบคุณนะคะ”
“ถ้าทิพย์ชอบ ผมก็จะซื้อให้ เท่าไหร่หรือครับ”
เจ้าของร้านมองหน้าบุญสลักยิ้ม เขมิกาไม่พอใจ
บุญสลักหน้าเจื่อน ระบายลมหายใจ มองไปที่ร้านเวดดิ้ง
“แพงอย่างนั้น ถึงคุณมีเงิน ทิพย์ก็ไม่ยอมให้คุณซื้อหรอกค่ะ”
“ถ้าไม่ติดว่าเราต้องสร้างอนาคตด้วยกัน ผมจะซื้อให้ทิพย์ แต่นี่หลังจากแต่งงานแล้ว เราจะไปใช้ชีวิตที่เมืองนอกกัน ผมอยากเก็บเงินไว้ใช้มากกว่า ทิพย์ไม่โกรธผมนะ”
“ไม่โกรธหรอกค่ะ”
ทั่งสองเข้าไปในรถ เขมิกานั่งข้างแฟรงค์ในรถอีกคัน มองรถของบุญสลัก ไม่พอใจ
“ต่ำ ไม่มีรสนิยม”
“ถ้าเขมหมายถึงทิพย์ ผมว่าอย่ายุ่งเรื่องของเขาดีกว่า”
“ก็ไม่จริงหรือไง เสื้อผ้าออกเต็มร้านไม่สนใจ กลับไปสนใจผ้าซิ่นเก่าๆ ฮึ มีผีสิงหรือเปล่าก็ไม่รู้”
แฟรงค์ออกรถไปอย่างเร็ว ทั้งสองไม่เห็นว่าละอองคำนั่งที่เบาะ แฟรงค์ขับรถอย่างเร็ว เขมิกามองอย่างผิดสังเกต
“เป็นอะไร”
“อยากรู้เหรอ”
แฟรงค์ชะลอรถจอดที่ริมทาง หันมาพูดเสียงขุ่น
“ทำอะไร คิดว่าคนอื่นเขาไม่รู้ทันเหรอ”
“แฟรงค์พูดอะไร เขมไม่เข้าใจ”
“พ่อคุณได้วิศวกรคนใหม่แล้ว หวังว่าคงไม่ได้อยากได้ลูกเขยคนใหม่ด้วยหรอกนะ”
“เรายังไม่ได้แต่งงานกัน อย่าเพิ่งทึกทักว่าเขมจะเลือกคุณสิคะแฟรงค์”
“กล้าพูดอย่างนี้เลยเหรอเขม”
“เขมจะกลับบ้านค่ะ ถ้าไม่เต็มใจไปส่ง เขมจะกลับแท็กซี่”
“ถ้าคิดจะแย่งคนรักของคนอื่นเขาน่ะ คิดดูให้ดีนะเขมมันบาป”
“แฟรงค์นี่ หึงไม่เข้าเรื่อง เขมไม่คุยกับแฟรงค์แล้วล่ะ”
เขมิกาสะบัดหน้าออกไปนอกรถ แฟรงค์สตาร์ทเครื่องแล้วขับออกไป
ที่บ้านเขมิกา เขมิกา เกษม และโฉม นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร
“เสียเวลามากค่ะคุณย่า อุตส่าห์ไปช่วยเลือก ดันไม่ชอบสักชุด แต่ไปถูกใจผ้าซิ่นของเจ้านางตกยากจากทางเหนือ เมืองอะไรนะ อ้อ เมืองนาย คงอดอยากเต็มที ถึงขนาดเอาผ้านุ่งมาขายกิน”
“พวกที่สะสมของเก่าเขาก็ชอบนะเขม แล้วตกลงซื้อมั้ยล่ะ”
“ไม่ค่ะ ผืนหนึ่งราคาเป็นแสน คนตกยากมาจากเมืองนอกเมืองนาไม่มีปัญญาซื้อหรอกค่ะ ยัยเจ้าของผ้าซิ่นก็ช่างแต่งเรื่องประกอบให้ชวนอยากซื้อ”
“ยังไงเหรอเขม”
“เมืองนายแตก พวกเจ้าหนีตายกันหมด ชาวบ้านก็เลยเอาผ้าซิ่นของเจ้านางองค์หนึ่ง ชื่ออะไรนะ อ้อ เจ้านางละอองคำ แค่ฟังก็ขำจะแย่”
โฉมอึ้งไป ช้อนตกจากมือกระทบจาน
“คุณแม่ตกใจอะไรครับ”
“เปล่า แม่แค่ปวดหัวนิดหน่อย ขอตัวก่อนนะ”
โฉมลุกไป เกษมงงๆ บอกกับสาวใช้
“ตามไปดูแลสิ”
สาวใช้วิ่งไป ทั้งสองไม่เห็นว่าละอองคำตามสาวใช้ไป แล้วค่อยๆ เลือนหายไป โฉมนั่งที่เตียง มองรูปตัวเองในวัยสาว
“พี่ฉัตร อย่าให้เมียพี่มาวุ่นวายอะไรกับหลานของโฉมนะ”
พลันรูปของโฉมพลิกคว่ำ ร่วงลงไปที่พื้น โฉมเผลอกุมสร้อยที่คอทันที หน้าซีด หันไปก็ยิ่งตกใจ ละอองคำยืนอยู่ แล้วเดินหนีไป โฉมตัวสั่นกลัว
“ละอองคำ”
โฉมกุมพระที่ห้อยคออยู่ หวาดหวั่น
พักตร์พริ้งกระแทกหูโทรศัพท์ดังโครม โกรธมาก พวงครามกับนมผ่องมองหน้ากัน
“เกิดอะไรขึ้นหรือคะ คุณพักตร์”
“ก็นังมนต์ทิพย์น่ะสิคะ เกิดอยากจะได้ผ้าซิ่นไหมคำของเจ้าทางเหนือมาสวมในวันแต่งงาน ราคาสองสามแสนเชียวนะคะ”
พวงครามยกมือทาบอก
“แพงขนาดนั้นเลยหรือคะ นมผ่อง ฉันจะเป็นลม”
“ใจเย็นๆ ค่ะคุณ คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกมังคะ”
“ไม่ถึงอะไรกันล่ะนมผ่อง นี่ถ้าหนูเขมไม่โทรมาบอก พวกเราก็คงหูหนวกตาบอด ปล่อยให้นังมนต์ทิพย์มันสูบเลือดสูบเนื้อตาบุญสลักจนหมดตัว คงเห็นว่าเราร่ำรวย มีมรดกมหาศาล”
“ทรัพย์สมบัติมีอะไรบ้าง ตาบุญสลักคงจารนัยให้มันฟังจนหมดสิ้นแล้วล่ะสิ ลูกหนอลูก”
“ในเมื่อตาบุญสลักไม่เห็นหัวเรา คุณพี่ก็ต้องใจแข็ง คุณพี่ประกาศไปแล้วนี่คะว่าถ้าบุญสลักไม่เชื่อแม่คุณพี่ก็จะตัดออกจากกองมรดกจะไม่ยกสมบัติให้แม้แต่สตางค์แดงเดียว”
“แต่เอาเข้าจริง พี่ก็ตัดลูกไม่ได้หรอกค่ะ คุณพักตร์” “นั่นสิคะ คุณพักตร์ คุณหนูจะกินจะอยู่ยังไง งานการรึก็ยังไม่มั่นคง”
“จะใจอ่อนไม่ได้นะนมผ่อง ก็ให้มันรู้ไปว่าถ้าตาบุญสลักเหลือแต่ตัว มันจะยังอยากได้อยู่อีก”
พวงครามดมยาดม จะเป็นลมเพราะความเสียใจ
อัปสรนั่งบนเตียงในห้อง มนต์ทิพย์หวีผมอยู่หน้ากระจก หันมองแม่
“คุณแม่รู้จักซิ่นไหมคำมั้ยคะ”
“ซิ่นไหมคำ ชื่อเหมือนผ้าทางเหนือ อะไรเหรอลูก”
“ผ้าซิ่นค่ะ ของเจ้านางเมืองนาย เป็นของเจ้านางละอองคำค่ะแม่”
อัปสรตกใจ ขนลุกซู่ หน้าซีด มือไม้สั่น พูดอะไรไม่ถูก มนต์ทิพย์หันไปหวีผมต่อ อัปสรกุมขมับ
“เป็นผ้าที่สวยมากเลยค่ะแม่ เอาทองคำมาทอด้วยนะคะ เอ๊ะ แม่เป็นอะไรไปคะ”
“เปล่าจ้ะ เปล่า แม่ไม่ได้เป็นอะไร ว่าแต่ ทิพย์ไปรู้เรื่องผ้านี่มาจากไหนหรือจ๊ะ”
“ที่ร้านเวดดิ้งค่ะแม่ บุญสลักชวนทิพย์ไปเลือกชุดแต่งงาน แต่ทิพย์ไม่ชอบสักชุด กลับมาสะดุดตาที่ผ้าซิ่นผืนนี้ เจ้าของร้านบอกว่าที่เมืองนายสมัยก่อนใช้เป็นชุดแต่งงาน”
อัปสรถามเสียงสั่น
“คงไม่ได้หมายความว่าทิพย์”
“ทิพย์อยากได้มาใส่วันแต่งงานมากค่ะแม่ แต่มันแพงเกินไป ทิพย์กับบุญสลักก็เลยตัดใจ”
“เอ่อ ดีแล้วล่ะทิพย์ ไม่มีใครใช้เสื้อผ้าเก่าๆ มาใส่ในวันแต่งงานหรอกจ้ะ ไว้พรุ่งนี้แม่จะพาหนูไปกราบคุณตาพรเทพ ท่านกว้างขวางมาก บางทีท่านจะแนะนำช่างทอผ้าพื้นเมืองฝีมือดีให้ทิพย์ใช้วันแต่งงานได้”
“แปลกจังค่ะ ผ้าซิ่นไหมคำ ติดตาทิพย์อยู่ถึงตอนนี้เลย ทำไมทิพย์อยากได้ก็ไม่รู้”
อัปสรเมินไปทางอื่น น้ำตาคลอ ขณะที่มนต์ทิพย์หวีผมต่อไป
“แม่ขา ปล่อยหลานไปเถอะนะคะ”
เจ้านาง ตอนที่ 12 (ต่อ)
เจ้าของร้านเวดดิ้งกำลังเก็บของจะปิดร้าน ปิดไฟดับพรึ่บ เสียงเปิดประตูดังเข้ามา
เจ้าของร้านหันมอง แต่ไม่พบใคร พอหันกลับไปปิดลิ้นชัก ได้ยินเสียงแมวร้องน่ากลัว หันมองรอบๆ ก็ไม่เห็นอะไรอีก จึงหยิบกระเป๋า เตรียมกลับบ้าน พอหันมาอีกที พบละอองคำยืนอยู่ในชุดเจ้านางสวยงามมาก
“อุ๊ย ประทานโทษค่ะ คือ ร้านเราปิดแล้วค่ะ เอ๊ะ”
เจ้าของร้านเห็นละอองคำนุ่งซิ่นไหมคำอยู่ ไม่พอใจ
“นั่นซิ่นไหมคำของฉัน คุณเอาไปใส่ได้ยังไง”
เจ้าของร้านถลามาที่ตู้ซึ่งใส่ซิ่นไหมคำก็ไม่เห็นอยู่ในตู้เหมือนเดิมแล้ว
“นี่ไง หายไปจริงๆ ด้วย ถอดออกมานะ ก่อนที่ฉันจะเรียกตำรวจ บังอาจขโมยซิ่นไหมคำของฉันไป”
“บังอาจขโมยซิ่นไหมคำของฉันไป สามหาวนัก ซิ่นไหมคำผืนนี้ทอขึ้นเพื่อข้าโดยเฉพาะ ผู้ที่จะครอบครอง ต้องเป็นสายเลือดเจ้านางเมืองนายสายตรงเท่านั้น ไม่ใช่ผู้หญิงต่ำๆ อย่างหล่อน”
“นี่ ไอ้ประเภทตีขลุม คิดมาหลอกกันน่ะไปไกลๆ เลย อย่ามาอ้าง แปลกกว่านี้ฉันก็เคยเจอมาเยอะแล้ว ถอดออกเดี๋ยวนี้ ยามๆ ใครอยู่แถวนี้ ช่วยด้วย”
เจ้าของร้านวิ่งมาที่ประตู แต่ประตูล็อค ก็เริ่มหน้าซีด
“แกคิดจะปล้นฉันเหรอ”
เจ้าของร้านกดโทรศัพท์ แต่ไม่มีสัญญาณ หน้าเสียไป ละอองคำหัวเราะ
“ไม่มีประโยชน์หรอก”
ละอองคำยกมือขึ้นมา เล็บยาว น่าเกลียด
“ออกไปให้พ้น ฉันบอกให้ออกไป”
เจ้าของร้านควานหาปืนที่อยู่ในกระเป๋า เล็งมาทางละอองคำ ละอองคำหัวเราะ
หยัน
“แกตายแน่”
เจ้าของร้านลั่นไก สาดกระสุนออกไปตรงเป้า แต่กระสุนผ่านละอองคำไปเฉยๆ
ละอองคำหัวเราะลั่น เจ้าของร้านมือสั่นไฟในร้านสว่างพรึ่บ เจ้าของร้านตกใจที่เห็นผ้าซิ่นไหมคำยังอยู่ที่ในตู้เหมือนเดิม
“แกเป็นใครกันแน่”
“แกรู้จักข้าดีไม่ใช่รึ ฮึ เจ้าของซิ่นตัวจริงยังไงล่ะ”
“เจ้านางละอองคำ”
ละอองคำวูบมายืนชิดเจ้าของร้านซึ่งหวาดกลัวอย่างมาก ชูอีกมือขึ้น เล็บโง้งยาว ผีเจ้าถลึงตา แลบลิ้นเลียปากอย่างหิวโหย แล้วจ้วงแทงท้องเจ้าของร้านจนทรุดลงกองกับพื้น แมวดำกระโดดเข้ามา ขย้ำท้องเจ้าของร้านกินอย่างเอร็ดอร่อย
รถของพักตร์พริ้งแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านมนต์ทิพย์ เห็นว่าบ้านเงียบกริบ จึงกดแตรย้ำๆ อย่างไม่เกรงใจ ปีบวิ่งออกมา พอเห็นว่าเป็นพักตร์พริ้งกับพวงครามก็ชะงัก
“เปิดประตูสิ ยืนเซ่ออยู่ได้”
“อุ้ย คงจะไม่ได้หรอกค่ะ คุณทิพย์สั่งไว้ว่าไม่อนุญาตให้พวกคนพาล สันดานหยาบเข้ามายุ่มย่ามในบ้าน”
“หุบปากนะนังปีบ อย่ามาตีฝีปากกับฉัน ไปเรียกเจ้านายแกมาเดี๋ยวนี้”
พักตร์พริ้งกลับไปกดแตรดังลั่น ไม่สนใจ
“ถ้าเจ้านายแกไม่ออกมา ฉันจะกดแตรอยู่แบบนี”
“ต๊าย ตายๆๆๆ ผู้ดีเขาทำกิริยาแบบนี้กันเหรอเนี่ยเจ้าข้าเอ๊ย มาดูเร็ว มาดูหน้าผู้ดี เร็วเข้า เร็ว”
“พอเถอะคุณพักตร์ แก้วหูพี่จะแตกอยู่แล้วค่ะ”
อัปสรเดินเข้ามา พักตร์พริ้งเยาะ
“ออกมาได้แล้วเหรอยะ นึกว่าจะต้องแต่งวอทอง จัดขบวนแห่นำหน้ามาเทียบถึงจะยอมออกมา”
“คงไม่มีใครอยากต้อนรับคนที่จะมาหาเรื่องหรอกค่ะ”
“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดกันให้มากความ ฉันมานี่ก็เพื่อจะบอกให้คุณล้มเลิกการแต่งงานของตาบุญสลักกับลูกสาวคุณซะ”
“ดิฉันคงทำแบบนั้นไม่ได้หรอกค่ะ คุณคงต้องพูดกับบุญสลักเอาเอง”
“ก็ถ้าหล่อนไม่ให้ท้าย มีหรือที่สองคนนั่นจะกล้าจัดงานแต่งโดยแม่เจ้าบ่าวเขาไม่รับรู้”
“ตอนนี้ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้พร้อมหมดแล้ว ถึงแม้จะไม่มีดิฉัน แต่เขาสองคนก็โตพอที่จะตัดสินใจเองได้แล้ว”
“แต่ถ้าหล่อนไม่คอยถือหาง ลูกสาวหล่อนก็คงไม่ใจกล้าหน้าด้าน ทำเรื่องน่าทุเรศแบบนี้หรอก เป็นแม่ประสาอะไร นี่คงหวังสมบัติของบุญสลักสิท่า ร้ายกาจนัก”
“อันที่จริง ดิฉันควรพูดกับคุณพวงครามโดยตรง เพราะถึงยังไงคุณพวงครามก็เคยผ่านการมีชีวิตคู่มาแล้ว ส่วนคุณพักตร์พริ้ง พูดไปก็คงจะเสียเวลาเปล่า เพราะชั่วชีวิตก็ไม่เคยมีเจ้าบ่าว ไม่เคยสวมชุดเจ้าสาว ไม่เคยได้แต่งงานเหมือนกับใครๆ เขา”
พักตร์พริ้งกรีดร้อง ชี้หน้า
“อี อีปากเสีย อี”
“ปีบโทรแจ้งตำรวจเถอะ ถึงขนาดขึ้นไอ้ ขึ้นอีแบบนี้”
อัปสรกับปีบพากันเข้าบ้าน
“กลับมานะ กลับมาคุยกันให้รู้เรื่อง กลับมาก่อน อีพวกเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ อยากได้สมบัติของคนอื่น”
พวงครามถอนใจ มองกิริยาพักตร์พริ้งแล้วขยาด
พักตร์พริ้งกลับมาที่บ้านบุญสลัก กระแทกตัวนั่งโซฟาอย่างแรง
ยังโกรธอัปสรไม่หาย พวงครามยืนหน้าเครียดอยู่ เขมิการีบเอาใจพวงครามกับพักตร์พริ้ง
“เขมเต็มใจช่วยค่ะ เพราะเขมเองก็ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ ผู้ใหญ่เตือน มนต์ทิพย์ก็น่าจะฟัง คุณอาทั้งสองอาบน้ำร้อนมาก่อน ย่อมรู้ว่าอะไรดี อะไรไม่ดี”
“ถ้าตาบุญสลักมีความคิดได้สักครึ่งหนึ่งของหนูเขม อาคงไม่ต้องทุกข์ใจแบบนี้”
“มะรืนนี้ใช่มั้ย หนูเขม”
“ค่ะ ทั้งแขก ทั้งโรงแรม ทั้งเสื้อผ้าชุดวิวาห์ถูกจัดเตรียมไว้พร้อมหมดทุกอย่าง วันมะรืนนี้แน่นอนค่ะ”
พักตร์พริ้งเชิดหน้า ยิ้มหยัน
“อย่าโศกเศร้าไปเลยค่ะ คุณพี่ งานวิวาห์เถื่อนวันมะรืนนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด”
“เขมพอจะช่วยอะไรคุณอาได้บ้างมั้ยคะ”
พักตร์พริ้งมองแววตาร้าย
ภายในบ้านมนต์ทิพย์ ทุกคนกำลังวุ่นวายจัดเตรียมสถานที่ จนทุกอย่างเรียบร้อย แฟรงค์พูดขึ้น
“เฮ้ย ไม่น่าเชื่อ จัดสถานที่แค่นี้ เล่นเอาเหงื่อตกเหมือนกัน เป็นไง เจ้าบ่าว ตื่นเต้นมั้ยวะ เพื่อน พรุ่งนี้จะได้แต่งงานแล้ว”
“ตื่นเต้นสิวะ ฉันรอมาตั้งหลายปี”
เขมิกามองอย่างหมั่นไส้
“เสียดาย ถ้าคุณอาพวงครามมาร่วมงานด้วย ก็คงจะสมบูรณ์แบบนะคะ”
บุญสลักกุมมือมนต์ทิพย์
“ทำไงได้ล่ะครับ แต่โชคดีที่ทิพย์เข้าใจผม”
“เขมเสียดายที่สินสอดทองหมั้นจะไม่สมหน้าสมตาฝ่ายเจ้าสาว”
แฟรงค์มองเขมิกาเหมือนว่าจะพูดทำไม เขมิกาแสร้งทำไม่รู้ไม่ชี้
“เรื่องสินสอด ทิพย์กับแม่ไม่สนใจหรอกค่ะ แค่บุญสลักรัก และจริงใจกับทิพย์ก็มากพอแล้ว”
เขมิกาค้อนขวับ บุญสลักมองมนต์ทิพย์หวานเยิ้ม
“ผมสัญญาจะดูแลทิพย์อย่างดี จะไม่ให้ทิพย์ต้องลำบากเลย”
“โอ๊ย เลี่ยนๆ พอเหอะ เก็บคำหวานเอาไว้พูดกันสองคนตอนเข้าหอดีกว่าว่ะ”
แฟรงค์หัวเราะ มนต์ทิพย์ยิ้มเขิน บุญสลักกอดมนต์ทิพย์อย่างแสนรัก ขณะที่เขมิกามองมนต์ทิพย์ด้วยความอิจฉา
ตอนค่ำ อัปสรกำลังทำอาหารอย่างมีความสุข ปีบคอยช่วย มนต์ทิพย์เข้ามากอดอัปสร
“ว่าไง ฮึ มีอะไรหรือเปล่าลูก”
“เหนื่อยมั้ยคะแม่”
“แม่มีความสุขมากกว่าลูก ไว้เป็นแม่คน หนูจะเข้าใจ”
“หนูรักแม่ค่ะ”
อัปสรหันมากอดลูกสาวแน่น
“แต่งงานแล้วอย่าใจร้อน ยอมรับความคิดของบุญสลักให้มาก”
“หนูจะจำไว้ค่ะ หนูจะได้มีชีวิตคู่ที่อบอุ่น มีความสุขเหมือนพ่อกับแม่”
อัปสรน้ำตารื้น คิดถึงสามี
“เอาล่ะ กับข้าวจะเสร็จแล้ว ปีบ”
“ขา คุณนาย”
“เตรียมจัดโต๊ะได้แล้วจ้ะ เดี๋ยวคุณๆ ทานข้าวเสร็จจะได้แยกย้ายกันไปพักผ่อน พรุ่งนี้ต้องตื่นกันแต่เช้า”
“ค่ะ”
“งั้นให้ทิพย์ช่วยนะคะ”
มนต์ทิพย์หันไปช่วยปีบเตรียมข้าวของจัดโต๊ะ เวลาเดียวกันนั้นเขมิกาค่อยๆ ย่องเข้ามาในห้องนอนของมนต์ทิพย์ ทำลับๆ ล่อๆ แล้วตรงไปที่ตู้แขวนชุดวิวาห์
หยิบชุดออกมามองด้วยสายตาอิจฉา ยิ้มหยันแล้วหยิบทั้งชุดไทย ชุดราตรีออกมาจากตู้ หย่อนทิ้งหน้าต่างด้วยความสะใจ
บนโต๊ะอาหาร อัปสรนั่งหัวโต๊ะ มนต์ทิพย์ช่วยปีบตักข้าวใส่จาน เสิร์ฟให้ทุกคน
“แล้วหนูเขมไปไหนเสียล่ะจ๊ะ”
“ไปห้องน้ำครับ”
“เดี๋ยวปีบไปตามให้นะคะ”
“เดี๋ยวทิพย์ไปตามเองค่ะพี่ปีบ”
“เฮ้ย ไม่ต้องหรอกไอ้ทิพย์ ไปห้องน้ำนะเว้ย คุณเขมไม่อยู่นานหรอก เดี๋ยวก็มา แกนั่นแหละ เป็นเจ้าสาวอะไรวะ ไม่ยอมพัก ถ้าพรุ่งนี้ขี้ริ้วหน้าตาไม่สดใส ไม่รู้ด้วยนะโว้ย”
ทุกคนหัวเราะ บุญสลักรีบลุกประคองมนต์ทิพย์ให้นั่ง
“ถูกของนายแฟรงค์ คุณควรพักซะบ้างนะทิพย์ ผมดีใจที่สุดที่เราได้แต่งงานกัน”
“อิจฉาคนกำลังจะแต่งงานจริงจริ๊ง”
ทุกคนชื่นมื่น
เขมิการีบวิ่งออกมา ตรงไปที่ริมหน้าต่าง มองหาชุด แต่หาไม่เจอ แหงนมองชั้นสอง มั่นใจว่าเป็นห้องมนต์ทิพย์แต่ก็ยังหาไม่เจออีก คลำๆ ไป กลับเจอแมวดำแทน
“อุ๊ย แมวที่ไหน ออกไปนะ ไป”
แมวขู่
“เอ๊ะ บอกให้ไป ไอ้แมวบ้า”
เขมิกาก้มๆ เงยๆ สร้อยที่คอที่โฉมให้มาหลุดออกมานอกเสื้อ แสงรัศมีสีทองสุกประกายสว่าง แมวดำร้อง แล้วหายไป แต่เขมิกาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มัวแต่ดีใจที่เห็นชุด ละอองคำในชุดเจ้านาง ยืนอยู่อีกมุม มองดูเขมิกาด้วยความพอใจ ปิ่นเมืองเดินเข้ามาหา
“ทำไมไม่จัดการมันซะล่ะ ฮึ อีละอองคำ มันกำลังจะทำลายพิธีแต่งงานของหลานเจ้ากับเจ้าพี่ราบฟ้าในชาติภพใหม่ มันกำลังจะทำลายความฝันของเจ้านะ ละอองคำเหย”
“หุบปากของเจ้าเสีย อีปิ่นเมือง หาใช่ธุระกงการอะไรของเจ้าไม่”
“แต่ข้าเตือนเจ้าด้วยความหวังดี สมัยยังเป็นคน เจ้าก็ไม่มีโอกาสจะได้แต่งงานกับเจ้าพี่ราบฟ้า นี่กลายเป็นผีปอบ หลานสาวยังจะถูขัดขวางเสียอีก”
“เรื่องของข้ากับหลาน ข้าจัดการเองได้ ไม่ต้องมาสาระแนออกความเห็น เร่รอนเป็นผีไร้ญาติต่อไปเถอะ อีปิ่นเมือง”
ปิ่นเมืองโกรธ กระทืบเท้า
“อวดดีตั้งแต่เป็นคนยันผีปอบ เชอะ ข้าจะคอยดู พรุ่งนี้เวลาที่นังมนต์ทิพย์มันไม่มีชุดแต่งงานสวมในพิธีมันจะเป็นอย่างใด”
ปิ่นเมืองหัวเราะเยาะ
ตอนเช้า มนต์ทิพย์กำลังจัดแจงตกแต่งสถานที่ อัปสรยกแก้วน้ำถวายพระเข้ามา
“ตายแล้วลูก ทิพย์ ป่านนี้ทำไมยังไม่แต่งตัว”
“จัดแจกันพระเสร็จแล้วทิพย์ก็จะขึ้นไปเตรียมตัวค่ะ”
“ใกล้เวลาพระท่านจะมาแล้วนะลูก”
“แม่ตื่นเต้นกว่าทิพย์อีกนะคะ”
“เป็นแม่คนวันไหนก็จะเข้าใจเองนั่นแหละ”
“คุณทิพย์ขา คุณทิพย์ คุณทิพย์เอาชุดแต่งงานไปเก็บไว้ที่ไหนคะ”
ปีบเดินลงบันไดมา
“ก็อยู่ในตู้น่ะสิคะ”
“ไม่มีค่ะ ปีบหาจนทั่ว ในห้องคุณนายก็ไม่มี”
“เอ๊ะ จะหายไปได้ยังไง ทิพย์ไปดูซิลูก”
“ไม่หายหรอกค่ะแม่ ทิพย์แขวนไว้กับมือ พี่ปีบคงจะตื่นเต้นแทนทิพย์จนหาของไม่เจอล่ะสิคะ ไปค่ะ เดี๋ยวทิพย์พาไปดู”
ทั้งสองผละไป อัปสรมองตาม ยิ้มมีความสุขที่สุด
“ข้างนอกเหมือนมีแขกมาค่ะคุณนาย”
“ใคร”
อัปสรเดินนำปีบออกไป พรเทพลงจากรถหรู อัปสรรีบไหว้
“ขอบพระคุณคุณอามากนะคะ ที่มาเป็นผู้ใหญ่ให้หลานทั้งสอง”
“หนูมนต์ทิพย์ก็หลานอานี่นะ แต่งงานแต่งการทั้งที อาก็ต้องเต็มที่ ตาบุญสลักนี่ก็เห็นกันมาหลายปี เด็กคนนี้ใช้ได้ทีเดียว ว่าแต่แม่เขายอมรับหนูทิพย์แล้วเหรอ”
อัปสรหน้าเสีย ตอบเสียงเครือ
“ตัดเป็นตัดตายเลยล่ะค่ะ”
แท็กซี่คันหนึ่งมาจอดหน้าบ้าน นมผ่องเดินเข้ามา
“คุณนาย นมผ่องค่ะ”
นมผ่องไหว้อัปสรและทุกคน
“คงไม่รังเกียจนะคะที่ดิฉันจะมาร่วมงานแต่งงานคุณหนูด้วย”
อัปสรสะเทือนใจมาก
“ยัยทิพย์กับบุญสลักต้องดีใจมาก ๆ เลยค่ะคุณนม คุณอาคะนี่นมผ่อง คนที่เลี้ยงบุญสลักมาค่ะ ส่วนคุณอาพรเทพก็เป็นญาติผู้ใหญ่ที่ดูแลเราสองคนแม่ลูกมาตลอด มีแค่สองท่านนี่ ดิฉันก็ว่างานแต่งงานของยัยทิพย์ก็สมบูรณ์ที่สุดแล้วล่ะค่ะ”
“แล้วหนูทิพย์ไปไหนซะล่ะ”
“ขึ้นไปแต่งตัวข้างบนค่ะ เชิญเข้าบ้านก่อนสิคะ”
ปีบเดินนำพรเทพกับนมผ่องเข้าไปในบ้าน
ประตูตู้เสื้อผ้าเปิดอ้าออกทุกบาน มนต์ทิพย์หาชุดแต่ไม่เจอ
“เมื่อวานแขวนไว้เองตรงนี้ แล้วหายไปไหน”
ที่มุมหนึ่งของตู้ ผ้าซิ่นไหมคำและเสื้อผ้าเครื่องประดับวางอยู่ มนต์ทิพย์ตกตะลึง หยิบขึ้นมาดู ดีใจ
“ซิ่นไหมคำ มาได้ยังไง หรือว่าบุญสลักจะเซอร์ไพร้ส์เรา”
มนต์ทิพย์คลี่ดู ยิ้มดีใจ ละอองคำยืนอยู่ด้านหลัง ยิ้มพอใจเช่นกัน
พวงครามนั่งหน้าหมองอยู่ที่บ้าน มีแช่มกับแหวนคอยดูแลใกล้ชิด พักตร์พริ้งเข้ามา
“นี่นมผ่องไปไหน ฮึ นังแช่ม”
“คุณนมลาหนึ่งวันค่ะ”
“ไปเป็นสักขีพยานงานวิวาห์เถื่อนรึ ป่านนี้คงวุ่นวายน่าดูเมื่อเจ้าสาวไม่มีชุดสวมใส่”
“คุณพักตร์คิดว่าวิธีนี้จะได้ผลจริงๆ น่ะหรือ”
“จริงสิคะ แผนการของพักตร์นี่ หนูเขมร่วมมือด้วย ไม่พลาดแน่ค่ะ ไม่มีชุดใส่ในงานแต่งงาน ขืนหน้าด้านแต่งไปก็ขายหน้าแขกแย่”
“แผนของคุณพักตร์พริ้งนี้สุดยอด”
“ใช่ แช่มเห็นด้วยตามที่เจ๊แหวนพูดค่ะ”
พวงครามยังกังวล
“แต่ถ้าเขารักกันจริง เสื้อผ้าอาภรณ์ก็คงไม่สำคัญ”
“คงจะน่าเกลียดพิลึกล่ะค่ะ เจ้าบ่าวแต่งตัวโก้หรู แต่เจ้าสาวแต่งชุดธรรมดา แค่คิดพักตร์ก็ขำจะแย่แล้ว”
แช่มกับแหวนพยักพเยิดกัน พวงครามยังกังวลอยู่
คณะของบุญสลักเข้ามาถึงบ้านมนต์ทิพย์ ทั้งบุญสลัก แฟรงค์ เขมิกาตามกันเข้ามา
“ผมพาเจ้าบ่าวมาส่งแล้วครับ อ้าว คุณตา คุณนม กราบสวัสดีครับ”
บุญสลักตรงไปกราบที่ตักของพรเทพกับนมผ่อง นมผ่องน้ำตารื้น ลูบศีรษะบุญสลัก
“ขอบคุณมากครับ นม นมเลี้ยงผมมา ก็เหมือนผมมีมีแม่มาร่วมงานด้วย”
“อาดีใจที่หลานเป็นคนกตัญญูรู้คุณคน ไม่ถือชั้นวรรณะ แบบนี้ทำให้อามั่นใจว่าหลานมนต์ทิพย์จะมีชีวิตคู่ที่สมบูรณ์ที่สุด”
เขมิกาไม่พอใจขึ้นมาทันที พูดหยั่งเชิง
“เอ่อ มีอะไรให้เขมช่วยมั้ยคะ คุณน้า”
“ไม่มีนี่จ๊ะ ทุกอย่างเรียบร้อยดี ขอบใจนะจ๊ะ หนูเขม”
“ค่ะ คุณน้าคะ เขมพาคุณย่าของเขมมาด้วย คุณย่าจะมาเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าวให้กับบุญสลักน่ะค่ะ”
โฉมเดินเข้ามา อัปสรกับพรเทพตกใจ มองหน้ากัน
“เป็นบุญของหลานที่คุณอาให้เกียรติมาร่วมงานนี้ค่ะ หนูจะตามยัยทิพย์มากราบผู้ใหญ่ทุกท่านนะคะ”
อัปสรผละไป
“ไม่ต้องมองตามขนาดนั้นก็ได้ บุญสลัก เดี๋ยวก็ได้เห็นหน้าเจ้าสาวแล้ว ทำเป็นตื่นเต้นไปได้”
บุญสลักยิ้ม เขมิกาชำเลืองมองบุญสลักอย่างไม่พอใจ
ปีบกับอัปสรเข้ามาในห้องมนต์ทิพย์ ตกตะลึงเมื่อเห็นมนต์ทิพย์แต่งชุดเจ้านางเมืองนายเต็มยศ นุ่งซิ่นไหมคำ
“ทิพย์ หนูไปเอาชุดนี้มาจากไหน”
“ชุดที่ทิพย์เตรียมไว้หายไปไหนก็ไม่ทราบค่ะ แต่มีชุดนี้มาแทน นี่แหละค่ะซิ่นไหมคำที่ทิพย์เล่าให้แม่ฟัง”
“แล้วจะมาได้ยังไงกันล่ะคะ ไม่ใช่ว่า”
อัปสรหันไปมองหน้าปีบ ปีบหลบตา อดคิดไม่ได้ว่าเป็นฝีมืออำนาจลึกลับ
“หนูคิดว่าบุญสลักคงแอบไปซื้อให้หนูค่ะ งานนี้ต้องมีคนร่วมมือด้วยแน่ๆ แต่หนูก็ชอบนะคะ สวย แล้วก็ดูแปลกดีด้วยค่ะ”
อัปสรมองดูมนต์ทิพย์ แล้วมองไปรอบๆ
“ฝีมือแม่ใช่มั้ยคะ หนูขอร้องค่ะ อย่ายุ่งกับมนต์ทิพย์อีกเลย”
“ไปกันเถอะค่ะแม่”
เจ้านาง ตอนที่ 12 (ต่อ)
ทุกคนกำลังพูดคุยกันอยู่ที่ห้องโถงสำหรับจัดงานเลี้ยง มนต์ทิพย์ก้าวลงมาจากชั้นบน ทุกคนมอง ตกตะลึง
“ทิพย์ เกิดอะไรขึ้น”
บุญสลักเดินเข้าไปรับลงจากบันได
“เฮ้ย ชุดนี้นี่มัน ชุด”
“อย่าเพิ่งถามอะไรทิพย์ตอนนี้เลยค่ะ ทิพย์เองก็ยังงงๆ ทิพย์คิดว่าบุญสลักจะเซอร์ไพร้ส์ทิพย์ซะอีก”
“ไม่ใช่ฝีมือผมแน่นอน”
“ถ้าไม่ใช่ ทิพย์คิดว่าเจ้าของผ้าผืนนี้คงต้องการให้ทิพย์ใส่ชุดนี้ค่ะ”
เขมิกางง ผิดหวังที่ทำงานพลาด อัปสรแก้สถานการณ์ เบี่ยงเบนความสนใจ
“ทิพย์ กราบคุณอาโฉมซะสิลูก”
เขมิกามองอย่างไม่พอใจ มนต์ทิพย์นั่งลงกราบที่ตักของโฉมซึ่งนั่งอยู่ที่โซฟาใกล้กับพรเทพ มนต์ทิพย์ไหว้พรเทพ โฉมสีหน้าบอกบุญไม่รับ
“ระหว่างรอพระมาสวด ฉันขอเดินเล่นหน้าบ้านดีกว่า รู้สึกว่าอากาศจะดีกว่าในนี้”
อัปสรหน้าเสีย
“เชิญคุณอาค่ะ”
โฉมเดินออกไป เขมิกาตามไปติดๆ แฟรงค์ลอบระบายลมหายใจ เห็นท่าทางเจ้ายศเจ้าอย่างของโฉมก็อึดอัด
“อิฉันไปช่วยงานในครัวดีกว่าค่ะ ส่วนคุณหนูนั่งพักผ่อนกับหนูทิพย์นะคะ เดี๋ยวเหงื่อจะชุ่มตัวไป ส่วนคุณแฟรงค์ นมรบกวนช่วยเป็นธุระให้ทีว่ามุมที่จะให้พระสวดจัดไว้เรียบร้อยหรือยัง”
“ครับนม”
แฟรงค์เดินไปทางหนึ่ง นมผ่องตามปีบไปด้านหลัง พรเทพหันมาพูดกับอัปสรทันที
“อาคิดว่ามีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นใช่มั้ยอัปสร”
เขมิกายืนคุยกับโฉมอยู่นอกบ้าน
“แปลกสิคะคุณย่า แปลกที่นังอัปสรมันกล้านับญาติกับคุณย่า อย่าบอกนะว่าเขมกับอีพวกบ้านนี้มีอะไรเกี่ยวข้องกัน เขมรับไม่ได้หรอกค่ะ จู่ๆ จะให้เป็นญาติกับพวกปอบ”
“ย่ายังไม่ได้บอกว่าเป็นอะไรกับบ้านนี้ อย่าเพิ่งโวยวายไปสิ มันไม่งามเลยนะเขม ถ้าไม่อยากพ่ายแพ้พวกมันก็รักษากิริยาด้วย”
เขมิกาสะบัดหน้า หงุดหงิด โฉมเดินกลับเข้าไปในบ้าน
อัปสรกับพรเทพคุยกันตามลำพัง
“เกิดอะไรขึ้นหรือ อัปสร”
“ชุดของยัยทิพย์ค่ะหายไปตอนไหนก็ไม่ทราบ แล้วก็มีชุดนี้มาแทนที่”
“ชุดนี้ มันชุดอะไรกัน ฮึ อัปสร”
“หนูคิดว่าเป็นชุดของแม่ค่ะ ยัยทิพย์ไปเจอที่ร้านขายของเก่าแล้วชอบมาก แต่สู้ราคาไม่ไหว จู่ๆ ชุดนี้มันก็มาอยู่ในห้องของยายทิพย์”
โฉมเดินกลับเข้ามา พูดต่อทันที
“ฉันบอกเธอแล้วไง แม่อัปสร ว่านังละอองคำมันไม่ปล่อยเธอสองแม่ลูกแน่ แบบนี้เธอยังจะกล้าให้ลูกแต่งงานกับผู้ชายดีๆ อย่างตาบุญสลักได้ลงคออีกหรือ ฮึ ไม่กลัวจะเจอจุดจบเดียวกับพี่ฉัตรพ่อของแกหรือไง”
“พอเถอะ แม่โฉม เรื่องมันผ่านมานานมากแล้ว อาจไม่มีอะไรก็ได้”
“คุณพี่พรเทพก็หลงนังละอองคำตั้งแต่หนุ่มยันแก่ จู่ๆ ชุดบ้าบออะไรนี่ก็โผล่มาแทนชุดเจ้าสาวแบบนี้น่ะหรือคะ ที่จะไม่มีอะไร ยังไงอิฉันก็มั่นใจว่าต้องเป็นฝีมือนังปอบละอองคำแน่ๆ”
อัปสรหน้าเสีย จะร้องไห้ พรเทพส่งสายตาปรามโฉม
แฟรงค์กับปีบช่วยลำเลียงอาหารที่จัดแบ่งใส่จานสำหรับถวายพระสองวงไปวางไว้ที่โต๊ะ บุญสลักกับมนต์ทิพย์เข้ามา นมผ่องรีบบอก
“ออกไปค่ะคุณหนู เดี๋ยวเปรอะเปื้อนหมด ไปคอยรับแขกดีกว่าค่ะ”
“ทิพย์บอกเพื่อนสนิทที่เคยเรียนด้วยกันที่อังกฤษมากลุ่มหนึ่งนะคะ”
“ดีครับ ผมก็มีเพื่อนสนิทมากลุ่มหนึ่งเหมือนกัน เดี๋ยวก็คงมากัน”
“งั้นก็ออกไปรับแขกข้างนอกเลยค่ะ ไปๆๆ นมไล่แล้วนะคะ อย่าโกรธนมนะคะ”
มนต์ทิพย์ยิ้มแล้วเดินออกไปก่อน บุญสลักถามแฟรงค์
“ไม่เห็นคุณเขมเลยนี่หว่า ไปไหนซะล่ะ”
“เดินเล่นอยู่ข้างนอกมั้ง รายนั้นน่ะเขาไม่ถนัดงานครัว”
“ทิพย์ว่าแฟรงค์ไปดูแลคุณเขมดีกว่าค่ะ”
เขมิกายืนซึมอยู่ที่สนาม แฟรงค์เดินมาหา
“เพื่อนแต่งงานทั้งที ทำไมทำหน้าไม่สดชื่นเลยล่ะ คุณเขม”
“ถ้าแฟรงค์อยากสดชื่นมีความสุขนักก็ไปช่วยงานเขาสิ ไม่ต้องมายุ่งกับเขม”
แฟรงค์จับมือเขมิกา
“รู้ตัวหรือเปล่าว่าคุณเปลี่ยนไป จะให้ผมพูดมั้ยว่าตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ปล่อย”
แฟรงค์ไม่ปล่อยแต่พูดต่อด้วยความน้อยใจ
“ก็ตั้งแต่เขมได้รู้จักบุญสลัก ทำไม ชอบมันมากนักเหรอ เลยทำใจไม่ได้ที่มันแต่งงาน”
เขมิกาสะบัดมือจากแฟรงค์ โกรธ
“รู้ก็ดีแล้ว เขมจะได้ไม่ต้องอธิบาย”
“หักใจซะเถอะเขม เรารักกันไม่ใช่เหรอ ทำไมเขมเปลี่ยนใจง่ายอย่างนี้ล่ะ”
“รักเหรอ เขมเคยบอกรักคุณหรือเปล่า แฟรงค์ อย่าทึกทักเข้าข้างตัวเอง มันทุเรศ”
เขมิกาเดินหนีไป แฟรงค์ยืนซึม
พระเก้ารูปกำลังสวดมนต์ให้พร บุญสลักกับมนต์ทิพย์นั่งคู่กัน เขมิกามองมนต์ทิพย์ด้วยสายตาอิจฉา แฟรงค์เห็นว่าเขมิกาดูแปลกไป บ่าวสาวจุดเทียนน้ำมนต์ ถวายให้พระสงฆ์ทำน้ำมนต์ จากนั้นบ่าวสาวก็นั่งตั่ง สวมมงคลพร้อม รอรดน้ำ เขมิกากับแฟรงค์เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาว พรเทพรดน้ำเป็นคนแรก
“ตาฝากยัยทิพย์ด้วยนะบุญสลัก เมตตาน้องให้มาก ไม่ว่าจะมีอุปสรรคใหญ่โตแค่ไหน ก็ขอให้ยึดถือความรักที่มีต่อกันเป็นที่ตั้ง ปัญหาใหญ่โตเท่าภูเขา ก็จะกลายเป็นเนินเตี้ยๆ ที่หลานทั้งสองจะจูงมือข้ามผ่านไปได้อย่างสบาย เชื่อตานะ”
โฉมเข้ามารดน้ำ
“ฉันเป็นน้องสาวของพี่ฉัตร คุณตาของเธอ ฉันขอเป็นตัวแทนทั้งพี่ฉัตร แล้วก็ย่าทวดซ่อนกลิ่น ขอให้ชีวิตคู่ของเธอกับพ่อบุญสลักอย่าได้มีเรื่องร้ายๆ เหมือนอย่างชีวิตแต่งงานของพี่ฉัตรกับนังละอองคำ”
มนต์ทิพย์มองหน้าโฉม แต่ไม่อาจถามอะไรได้ จึงก้มกราบด้วยความสงสัย อัปสรเข้ามารดน้ำบุญสลัก
“น้าฝากทิพย์ด้วยนะลูก”
“ครับ”
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ลูกทั้งสองต้องให้อภัยซึ่งกันและกัน พูดกันให้เข้าใจ โดยเฉพาะลูก เป็นหัวหน้าครอบครัว ต้องหนักแน่นให้มาก”
“ผมจะจำไว้ครับคุณน้า”
นมผ่องเข้ามารดน้ำบุญสลัก
“นมขอให้คุณหนูของนมมีแต่ความสุข มีหลานให้นมเลี้ยงไวๆ นะคะ คุณทิพย์ขา อดทนนะคะ คุณแม่จะต้องใจอ่อนในเร็ววันนี้แหละค่ะ นมรักคุณทิพย์นะคะ”
นมผ่องปาดน้ำตากอดมนต์ทิพย์ด้วยความสงสารเห็นใจ
เขมิกานั่งเศร้าที่ศาลาในสวนบ้านมนต์ทิพย์ แฟรงค์เข้ามาหาด้วยความห่วงใย
“เขม ทำใจซะเถอะ ยังไงคุณก็พรากเขาสองคนไม่ได้หรอก เรามาเริ่มต้นกันใหม่
ดีกว่า ผมรักคุณนะเขม”
“เลิกยุ่งกับเขมซะทีได้มั้ย อย่ามายุ่ง พอที เขมเบื่อ เขมจะไม่ทนอีกแล้ว เขม”
“หลบมาอยู่กันที่นี่เอง”
บุญสลักเดินเข้ามา
“นี่นายจะพาคุณเขมกลับไปส่งบ้านใช่มั้ย ขอบคุณมากนะครับ คุณเขม ที่ช่วยผมกับทิพย์อย่างเต็มที่ คืนนี้เจอกันนะครับ ขอบคุณมากว่ะเพื่อน ดูแลคุณเขมให้ดีล่ะ”“เฮ้ยแน่นอน เรื่องนั้นนายไม่ต้องห่วง อย่าเกรงใจน่า เพื่อนกัน น้อยกว่านี้ได้ไงวะ ขอตัวพาคุณเขมกลับไปพักผ่อนก่อน เดี๋ยวเย็นๆ จะรีบไปช่วยที่โรงแรม พร้อม คุณเขม เชิญคร้าบ”
“เอ่อ ค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ แล้วเย็นๆ เจอกัน”
ทั้งคู่เดินออกไป
มนต์ทิพย์นั่งเศร้า นึกถึงตอนที่โฉมรดน้ำสังข์ให้ คำพูดของโฉม เป็นเรื่องที่เธอไม่เข้าใจ แต่ไม่มีโอกาสถามใคร อัปสรเดินเข้ามาหา
“เป็นอะไรไปทิพย์ลูก ฮึ ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะจ๊ะ วันนี้เป็นวันดีของลูกนะ ทำหน้าตาให้สดชื่นสิจ๊ะ”
“แม่คะ ทำไมแม่ไม่เคยเล่าเรื่องคุณตาฉัตรกับคุณยายละอองคำให้หนูฟังเลยล่ะคะ มีอะไรที่หนูควรต้องรู้หรือเปล่าคะแม่”
“ทิพย์ หนูไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน”
“ย่าโฉมค่ะ ย่าโฉมของคุณเขมบอกว่าท่านเป็นน้องสาวของคุณตาฉัตร ท่านบอกว่าขอให้ชีวิตคู่ของหนูอย่าต้องเจอเรื่องร้ายๆ เหมือนชีวิตแต่งงานของคุณตาฉัตรกับคุณยายละอองคำ แม่คะ”
อัปสรส่ายหน้า ไม่กล้าตอบลูก
“ไม่มีอะไรหรอกลูก ทำใจให้สบายนะลูกนะ หนูยังต้องเตรียมตัวไปงานเลี้ยงที่โรงแรมอีกนี่จ๊ะ รีบอาบน้ำอาบท่า เดี๋ยวแม่ลงไปรอข้างล่างนะลูกนะ”
อัปสรผลุนผันออกไป น้ำตาไหลพราก
“แม่ขา ปล่อยหนูกับหลานไปเถอะค่ะ”
โฉมเดินเข้ามาในบ้าน เกษมนั่งตรวจเอกสารอยู่
“อ้าว แล้วยัยเขมล่ะครับคุณแม่”
“นายแฟรงค์มาส่ง ตามมาติดๆ นี่แหละ คืนนี้จะไปงานเลี้ยงแต่งงานกับแม่หรือเปล่า”
“คงต้องไปน่ะครับ บุญสลักเข้ามาเป็นพนักงานของเรา ก็คงไปเป็นเกียรติเขาหน่อยว่าแต่คุณแม่นึกยังไงถึงไปงานแต่งงานนี้ด้วย”
เขมิกายืนอยู่ที่ประตู มองโฉม โฉมหันมาเห็นแล้วเดินผ่านไป เขมิกาเดินมาหาพ่อ“คุณย่าพูดเหมือนว่าเป็นญาติกับนังมนต์ทิพย์ เจ้าสาวของบุญสลัก คุณพ่อเล่าเรื่องนี้ให้เขมฟังบ้างสิคะ”
“พ่อไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
“ถ้างั้นเขมขอถามค่ะ ว่าคุณย่ามีพี่น้องบ้างหรือเปล่า”
“มีพี่ชายคนหนึ่ง แต่เสียชีวิตไปก่อนที่คุณย่าจะแต่งงานกับคุณปู่ พ่อรู้แค่นี้เอง”
“ถ้างั้นก็คงใช่”
“อะไรเหรอเขม”
“คุณย่าแก่มากแล้ว วันๆ ไม่ค่อยได้ไปไหน ถ้าตื่นเช้าเพื่อไปร่วมงานแต่งครั้งนี้ก็คงเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้หรอกค่ะ ฮึ เขม ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีญาติพี่น้องเป็นพวกผีปอบ”
เขมิกาเดินไป หน้าบึ้ง
“เขม พูดอะไรน่ะลูก พ่อไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
เขมิกาเข้ามาในห้องของโฉม พูดประจบ
“คุณย่าเล่าให้เขมฟังดีกว่าว่าครอบครัวนังมนต์ทิพย์เป็นอะไรกับคุณย่า เขมสัญญาค่ะว่าเขมจะไม่โกรธ ไม่เกลียดมันหรอก”
“เขมต้องโกรธ ต้องเกลียดสิ ยายนังมนต์ทิพย์มันฆ่าพี่ฉัตร พี่ชายสุดที่รักของย่า แล้วก็ทำให้ย่าทวดซ่อนกลิ่นของเขมต้องตายด้วย”
“คุณย่า ที่เขาลือกันว่ายายมันเป็นปอบใช่มั้ยคะ”
“เอ่อ เรื่องนั้นจริงหรือเปล่าย่าไม่รู้ รู้แต่ว่าพี่ชายของย่าต้องตายไป ย่าไม่มีวันให้อภัยมันหรอก”
เขมิกายิ้มประจบโฉม
“เพราะเหตุนี้เองที่คุณย่าถึงอยู่ข้างเขม เขมรักคุณย่าจังเลยค่ะ”
ชุดเจ้านางของมนต์ทิพย์แขวนอยู่ในห้อง เธอมองด้วยความชื่นชม อัปสรเดินเข้ามา “ทิพย์ จะใส่ชุดนี้อีกเหรอ แม่ว่ายังมีเวลาหาเช่าชุดสวยๆ ได้ทันนะ จะแพงแค่ไหน แม่ก็ยอม เชื่อแม่เถอะ”
“ไม่ค่ะ ทิพย์จะใส่ชุดนี้ ทิพย์ชอบ”
บุญสลักเข้ามา
“พ่อบุญสลัก พูดกับยัยทิพย์ให้รู้เรื่องทีสิ ชุดของพ่อบุญสลักเป็นสูทสากลไม่ใช่เหรอ มันไม่เข้ากันกับผ้าซิ่นผืนนี้เลย”
“ถ้าทิพย์ไม่ได้ใส่ซิ่นไหมคำ ทิพย์ก็ไม่แต่งค่ะ”
อัปสรอึ้งไป มองหน้าบุญสลัก
“ตามใจทิพย์เถอะ ถ้าอยากใส่ชุดนี้ผมก็ไม่ว่า เดี๋ยวผมจะหาชุดที่เข้ากันกับชุดของทิพย์ดีมั้ย”
“พ่อบุญสลัก อะไรกันเนี่ย น้าไม่ยอมนะ”
“ทำไมล่ะครับ คุณน้า”
“เอ่อ น้าว่า”
“ทิพย์แต่งคนเดียวค่ะ บุญสลักแต่งชุดที่เตรียมไว้เถอะค่ะ”
มนต์ทิพย์หยิบผ้าซิ่นไหมคำขึ้นมาดูด้วยความชื่นชม อัปสรน้ำตาคลอ ออกจากห้องไป
“ผมตามใจทิพย์ทุกอย่าง อะไรที่เป็นความสบายใจของทิพย์ก็ทำไปเถอะ”
มนต์ทิพย์ยิ้มให้บุญสลัก
พวงครามมองหน้าพักตร์พริ้ง พักตร์พริ้งแหวใส่นมผ่อง แช่มกับแหวนพากันตกตะลึงไปด้วย
“จู่ๆ ชุดโบราณนั่นมันโผล่มาขัดตาทัพได้ยังไง นมผ่อง แกอย่าโกหกฉันนะ ฉันไม่ใช่เด็กๆ แล้ว”
“นั่นสิ ไหนว่าวางแผนอย่างดีแล้วไง”
“ก็หนูเขมโทรมารายงานพักตร์เมื่อคืน มันไม่มีชุดใส่รดน้ำสังข์ ชุดงานเลี้ยงคืนนี้ก็ต้องไม่มีด้วย”
“ผ้าซิ่นนี่สอดเส้นทองงามอย่างที่นมไม่เคยเห็นมาก่อนเลยค่ะ ราคาน่าจะหลายแสนเชียวนะคะคุณพักตร์”
“แกไม่ต้องมาทำเสียงชื่นชมมันแบบนี้หรอก หมั่นไส้ หรือจะไสหัวไปรับใช้นังลูกหลานผีปอบ”
“เป็นไปได้มั้ยว่าคุณพรเทพจะจัดหาให้ เศรษฐีระดับนั้น จะเนรมิตอะไรก็ได้”
“ก็เป็นไปได้ค่ะ พักตร์ไม่คิดเลยว่ามันจะมีตัวช่วยแสนวิเศษอย่างนี้ ฮึ ตอนแรก พักตร์ว่าจะไม่ย่างกรายไปงานเลี้ยงค่ำนี้แล้ว แต่เห็นทีเราสองคนจะหมกตัวอยู่ในบ้านไม่ได้แล้วค่ะคุณพี่”
“พี่ก็คิดอย่างนั้น เอาสิ ไปให้เห็นกับตาเลย งานมันจะเป็นยังไง”
“คุณหนูคงดีใจค่ะที่เห็นคุณแม่กับคุณอาไปร่วมงานเลี้ยง”
พวงครามกับพักตร์พริ้งหันขวับมาจ้องหน้านมผ่องทันที นมผ่องหน้าเสีย ก้มหน้า แหวนกับแช่มแอบเบ้ปากกันสะใจ
โฉมกดปิดโทรศัพท์ ยิ้มหยัน เขมิกานั่งอยู่ข้างๆ
“คุณย่าจะช่วยเขมยังไงเหรอคะ”
“คืนนี้ต้องไม่มีงานแต่งงานเกิดขึ้น ลูกหลานนังละอองคำจะมีความสุขไม่ได้”
เขมิกายิ้มพอใจ กอดโฉม
“เขมรักคุณย่าจังค่ะ”
โฉมกอดเขมิกา เห็นสร้อยคอหลุดออกมานอกเสื้อ
“ย่าดีใจที่เขมยังสวมสร้อยคอเส้นนี้ไว้กับตัว อย่าถอดออกเด็ดขาดนะ”
“เขมเชื่อคุณย่าเสมอค่ะ”
ทั้งสองยิ้มดีใจให้กัน จากนั้นเขมิกาก็ไปโทรศัพท์ หัวเราะสะใจ
“เชื่อเขมเถอะค่ะคุณอา ถ้าเขมบอกว่าคืนนี้ไม่มีงานแต่งงานก็ต้องไม่มี แต่ว่าคุณอาอย่าเพิ่งแพร่งพรายไปให้รู้ถึงบุญสลักกับนังทิพย์นะคะ”
เขมิกาปิดโทรศัพท์ สะใจ สาวใช้เข้ามา
“คุณเขมขา ช่างเสื้อเอาเสื้อมาส่งค่ะ เห็นว่าคุณเขมจะใส่ไปงานคืนนี้ จะลองเลยมั้ยคะ”
“ไม่ต้องหรอก ฉันจะนอนพักสักชั่วโมง อีกชั่วโมงมาปลุกฉันหน่อยนะ”
“ค่ะ”
สาวใช้ออกไป เขมิกามองดูพระที่ห้อยคออยู่ แล้วถอดวางที่โต๊ะข้างเตียง ล้มตัวลงนอน รู้สึกง่วงจนลืมตาไม่ได้ ปิ่นเมืองปรากฏร่างขึ้นที่ปลายเตียง มองดูพระซึ่งวางอยู่
“ไม่ต้องกลัว ข้าจะช่วยเจ้า ข้าจะช่วยเจ้าเอง”
ปิ่นเมืองหายไป เขมิกาผวาตื่นขึ้น มองไปรอบๆ
“ทำไมเหมือนเราเห็นจริงๆ เราไม่ได้ฝันแน่ๆ เพิ่งล้มตัวลงนอนตะกี้นี้เอง ฉันไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร แต่ฉันไม่กลัวคุณหรอกนะ ถ้าจะช่วยให้ฉันสมหวัง จะให้ทำอะไรก็บอกมา เลยฉันอยากรู้”
เขมิกามองไปรอบๆ ห้อง
พักตร์พริ้งวิ่งเข้ามาในห้องโถง พวงครามเลือกเครื่องเพชรที่จะใส่ค่ำคืนนี้อยู่
“เลือกเครื่องเพชรไปงานคืนนี้เหรอคะ”
“ก็ใช่น่ะสิ พี่จะไม่ยอมให้ใครดูถูกพี่ได้หรอก อย่างน้อยเครื่องเพชรพวกนี้ก็ข่มนังอัปสรกับเจ้าสาวจนแทบมุดดินหนี”
“คงไม่จำเป็นหรอกค่ะ หนูเขมเพิ่งโทรมาบอกแผนสองให้พักตร์ทราบ เมื่อแผนหนึ่งไม่สำเร็จ แผนสองก็ต้องสำเร็จ”
“อะไรเหรอคุณพักตร์”
“ค่ำนี้ก็ทราบค่ะ ไม่ต้องไปที่งานหรอก ไว้คอยสมน้ำหน้าพวกมันที่นี่ดีกว่า ส่งนังนมผ่องไปแทนเราก็ได้ อยากสาระแนดีนัก นังนมผ่องได้เป็นอีกาคาบข่าวมาเล่าให้เราฟังด้วยไงล่ะคะ”
“งั้นก็ได้จ้ะ พี่เชื่อคุณพักตร์ พี่จะใจดีส่งรถบริการนมผ่องส่งถึงโรงแรมเลย ดีมั้ยจ๊ะ”
“ดีค่ะคุณพี่ขา”
ทั้งสองหัวเราะกันสะใจ
ภายในห้องจัดเลี้ยง โรงแรมหรู คนของพักตร์พริ้งที่ปลอมตัวเป็นพนักงานโรงแรมมองซ้ายขวา ถือไฟแช็กเดินไปที่เวที แล้วจุดไฟแช็กจ่อกับผ้าม่านบนเวที ไฟลุก ลามไปอย่างรวดเร็ว พนักงานโรงแรมหันมาเห็น ตกใจ
“เฮ้ย ไฟไหม้”
“ไหนวะ เฮ้ย ไฟไหม้ ช่วยกันดับเร็วเข้า”
พนักงานวิ่งดับไฟกันจ้าละหวั่น บุญสลักกับมนต์ทิพย์วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาถึง หยุดชะงักหน้าประตู ช็อกกับสิ่งที่เห็น เวทีถูกไฟไหม้ไปบางส่วน ชื่อบ่าวสาวถูกไฟไหม้ เหลือไม่ถึงครึ่ง มนต์ทิพย์ถึงกับเข่าอ่อน
อัปสร ปีบ พรเทพ นมผ่อง แฟรงค์ เขมิกา ตามมาถึง ทุกคนตกตะลึง ช็อก พูดอะไรไม่ออก เขมิกายิ้มเยาะ สะใจ มนต์ทิพย์กับอัปสรร้องไห้โฮ มนต์ทิพย์เป็นลมล้มลงบุญสลักรีบเข้าประคอง
“ทิพย์ ทำใจดีๆ ไว้ทิพย์”
บุญสลักโอบกอดมนต์ทิพย์ น้ำตาไหล เสียใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น
พนักงานวิ่งหนีตาย มีพิรุธ ตรงมาที่มอเตอร์ไซค์ของตนที่จอดไว้ที่ลานจอดรถลับตาคน สตาร์ทเครื่อง แต่ไม่สำเร็จ เครื่องไม่ติด มือของละอองคำแตะที่ไหล่ พนักงานหันมา ตกใจ ละอองคำในชุดเจ้านาง แต่ใบหน้าสยดสยองเป็นหน้าผี
“จะไปไหน”
พนักงานร้องออกมาสุดเสียง แต่เสียงร้องดังเพียงสั้นๆ ก็ต้องหน้าเหยเก เล็บยาวๆ ของละอองคำจ้วงที่ท้อง ดึงไส้ออกมา ร่างของพนักงานล้มลงที่พื้น ละอองคำวูบหายไป แมวดำตัวหนึ่ง กระโดดเข้ามา ดวงตาวาวในความมืด
พักตร์พริ้งหัวเราะสะใจ พวงครามกับแช่ม แหวน ต่างคอยฟังพักตร์พริ้งอย่างใจจดจ่อ
“น้องล่ะสะใจจริงๆ เลยค่ะคุณพี่ ดูซิ ทีนี้มันจะแก้ปัญหากันยังไง ในเมื่องานฉลองสมรสเถื่อนถูกทำลายจนพังพินาศย่อยยับหมดแล้ว”
“เราทำรุนแรงเกินไปหรือเปล่าคะ คุณพักตร์”
“ก็เพราะคุณพี่ใจดีเป็นแม่พระอย่างนี้สิคะ อีนังมนต์ทิพย์กับแม่มันถึงได้ใจ ยุยงให้ตาบุญสลักแข็งข้อกับเรา คราวนี้คุณพี่จะใจอ่อนอีกไม่ได้นะคะ แหม น้องล่ะอยากจะเห็นน้ำหน้ามันนัก”
พวงครามพยักเห็นด้วย แหวน แช่ม พลอยพยักพเยิดเอาใจเจ้านายไปด้วย
เจ้านาง ตอนที่ 12 (ต่อ)
ทุกคนตกอยู่ในความเสียใจ บุญสลักประคองมนต์ทิพย์ด้วยความห่วงใย
อัปสรสบตานมผ่อง แล้วส่ายหน้า ทั้งสองยังร้องไห้อยู่ แฟรงค์กับพรเทพเข้ามา
“อย่าเสียใจไปเลยนะทิพย์ คุณตาจัดการแก้ปัญหาทุกอย่างให้เรียบร้อยหมดแล้วนะโว้ย”
บุญสลักหันมาถามพรเทพ
“ทางโรงแรมว่ายังไงบ้างครับ”
พรเทพลูบผมมนต์ทิพย์
“เราจะย้ายไปจัดงานในสวน อย่าเสียใจไปเลยนะทิพย์” “ขอบคุณค่ะคุณตา”
มนต์ทิพย์โผเข้ากอดพรเทพสะอึกสะอื้น อัปสรเข้ามากอดลูก
“ร้องไห้ขี้มูกโป่งแบบนี้ก็หมดสวยสิจ๊ะ ไม่ต้องกังวลอะไรแล้วนะลูก”
แฟรงค์หัวเราะพยายามทำตัวรื่นเริง แต่สีหน้าเป็นห่วงมนต์ทิพย์มาก ทุกคนพลอยยิ้มขันไปด้วย เขมิกาลอบมองเป็นระยะด้วยความริษยา
บริเวณมุมหนึ่งของล็อบบี้ พรเทพหน้าเครียดขึงคุยกับอัปสร
“คุณอาว่าเรื่องวุ่นวายทั้งหมดนี่เป็นฝีมือแม่หรือเปล่าคะ”
“ไม่ใช่ฝีมือละอองคำแน่ๆ”
“ทำไมคุณอาถึงมั่นใจล่ะคะ”
“ก็เพราะคนที่ทำลายงานของมนต์ทิพย์ตายสยองไปแล้วน่ะสิ ท้องแตก ตับไตไส้พุงไม่มีเหลือ”
“คุณพระ”
อัปสรตกใจ ปิดปากเหมือนจะขย้อน
“อาเป็นหุ้นส่วนของโรงแรมนี้ มีอะไรเขารายงานให้อารู้หมด”
อัปสรตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวมาก
มุมจัดเลี้ยงในสวน อบอวลด้วยไอรัก ชื่นมื่น มีเวทีเล็กๆ เตี้ยๆ พรเทพ นมผ่อง อัปสรนั่งที่โต๊ะสำหรับผู้ใหญ่ มีมุมเล็กๆ ตั้งเครื่องดนตรีที่บรรเลงไปเรื่อยๆ มนต์ทิพย์แต่งชุดเจ้านาง กับบุญสลักในชุดสูทสมัยนิยม ยืนรับแขกอยู่ เพื่อนๆ เริ่มทยอยกันมางาน“ยินดีด้วยนะ บุญสลัก จัดงานเลี้ยงในสวนแบบนี้เก๋ดีว่ะ ฉันชอบ”
“แหม ไอ้ทิพย์ ชุดเจ้าสาวอะไรของแกว่ะ แปลกดี”
“แปลกแต่ก็สวยนะเธอ สวยเก๋ เหมาะกับไอ้ทิพย์ดีนะ ฉันว่า”
“เมื่อเช้าก็ชุดนี้ ทำไมไม่ลงทุนเลยวะ”
“เอาน่า ชุดไหนก็ไม่สำคัญเท่าใจหรอก ดีใจนะที่พวกนายมา”
มนต์ทิพย์บอกเพื่อนๆ บุญสลักโอบมนต์ทิพย์ด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข ทุกคนยิ้มชื่นมื่น
“ขอบคุณมากนะทุกคน เชิญด้านโน้นเลย แฟรงค์รอพวกนายอยู่แล้ว”
ที่มุมเครื่องดื่ม แฟรงค์ตามประกบเขมิกาที่ดื่มย้อมใจโดยไม่สนใจใคร
“คุณเขม คุณดื่มมากไปแล้วนะ”
“เรื่องของเขม อย่ามายุ่ง”
“ผมว่าวันนี้คุณดูแปลกๆ ตั้งแต่ตอนกลางวันแล้ว มีเรื่องอะไรกลุ้มใจบอกผมได้มั้ย”
เขมิกาสะอื้นน้อยๆ
“คุณไม่มีวันเข้าใจเขมหรอก”
เขมิกาแยกไป แฟรงค์งงๆ ในขณะที่วิญญาณปิ่นเมืองยืนมองเขมิกาด้วยสายตาชิงชัง
“เจ้าช่างเหมาะจะเป็นตัวแทนของข้า อีมนต์ทิพย์จะต้องชอกช้ำ อกไหม้ไส้ขมไปจนตายเหมือนอีละอองคำ ยายของมัน”
ปิ่นเมืองหัวเราะสะใจ
มนต์ทิพย์กับบุญสลักยืนอยู่บนเวที พรเทพเป็นผู้ใหญ่กล่าวอวยพร ทั้งหมดดื่มฉลองให้บ่าวสาว เขมิกามองด้วยสายตาริษยาตลอดเวลา บ่าวสาวเดินทักทายแขกทั่วๆ งาน ทุกคนลืมเหตุการณ์เลวร้ายเมื่อตอนเย็นไปหมด ปิ่นเมืองปรากฏร่างที่มุมหนึ่ง หัวเราะ
“สายเลือดอีละอองคำจะไม่มีวันได้รู้จักกับความสุข”
จู่ๆ ลมพายุก็พัดกระหน่ำเข้าใส่บริเวณงาน ทุกคนตกใจ
“เฮ้ย เกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย”
แฟรงค์ไม่ทันเห็นว่าเขมิกาหลบพายุไปอีกทาง แขกเหรื่อในงานล้มกลิ้ง ข้าวของกระจุยกระจาย โต๊ะ เก้าอี้ เวที ล้มระเนระนาด พรเทพสบตาอัปสร อัปสรตัวสั่น เข้าใจว่าเป็นฝีมือละอองคำ รีบวิ่งเข้าไปหามนต์ทิพย์
“ทิพย์ ทิพย์ลูก ทิพย์อยู่ที่ไหน”
อัปสรเห็นมนต์ทิพย์กับบุญสลักกำลังหลบพายุจึงรีบวิ่งไปหา แต่มองอีกที มนต์ทิพย์หายไปแล้ว
“เกิดอะไรขึ้นคะ”
“ระวังนะทิพย์”
บุญสลักโอบกอดมนต์ทิพย์ไว้อย่างรักใคร่หวงแหน ปิ่นเมืองเห็นดังนั้น ก็ตวัดมือ ลมกระโชกใส่บุญสลักกับมนต์ทิพย์ให้กลิ้งไปคนละทาง
“ว้าย”
“ทิพย์ ทิพย์ คุณอยู่ไหนน่ะ”
“บุญสลักคะ บุญสลัก”
ปิ่นเมืองหัวเราะสะใจ ละอองคำกับผีเจ้าปรากฏกายที่มุมหนึ่ง ด้วยความแค้น
“อีปิ่นเมือง บังอาจทำลายงานของหลานข้ารึ”
ละอองคำจะพุ่งเข้าไปจัดการปิ่นเมือง แต่ผีเจ้าห้ามไว้
“เดี๋ยวก่อน อีปิ่นเมืองมันคงไม่รู้ตัวว่ากำลังช่วยให้เจ้าไปผุดไปเกิดได้เร็วขึ้น”
“อย่างใดรึ ผีเจ้า”
“ตามข้ามาสิ อีละอองคำเหย ข้าจะบอกให้เจ้าหายโง่”
ผีเจ้าหายวับไป ละอองคำไม่พอใจ แต่ก็เดินหายวับไป ผีเจ้าปรากฏตัวในที่สูง ตามด้วยละอองคำ
ละอองคำเห็นงานแต่งของมนต์ทิพย์ยังวุ่นวาย พายุยังพัดกระหน่ำจากฝีมือปิ่นเมือง
“อย่างใดรึผีเจ้า ช่วยบอกข้าให้แจ้งใจทีเถิด ก่อนที่อีปิ่นเมืองมันจะเหิมเกริมว่ามีอำนาจเหนือข้า”
ผีเจ้าตอบโดยไม่ละสายตาจากภาพความวุ่นวาย
“ในเมื่ออีปิ่นเมืองมันเป็นนางปิศาจร้าย เจ้าก็จงเป็นนางฟ้าผู้แสนดี คอยปกป้องมนต์ทิพย์หลานรักของเจ้าสิ ไม่นานหรอก อีละอองคำเหย นังมนต์ทิพย์ก็จะยอมรับเลี้ยงผีด้วยความเต็มใจ”
ละอองคำยิ้ม กระจ่างแจ้งในอุบายของผีเจ้า
เขมิกายังล้มกลิ้งไปมา พายุยังพัดแรง ข้าวของยังปลิวกระจุยกระจาย แขกเหรื่อในงานล้มกลิ้งระเนระนาด ปิ่นเมืองปรากฏตัว บอกเขมิกา เขมิกาได้ยินเสียงแต่ไม่เห็นตัว
“กลับไปที่รถของเจ้า อีเขม”
เขมิกามองซ้ายแลขวา ไม่เห็นใคร แต่ก็รีบพุ่งไปที่รถ ทุกคนวิ่งหนีลมพายุกันด้วยความตกใจ บุญสลักเห็นมนต์ทิพย์ จะเข้าไปหา
“ทิพย์ ทิพย์”
ปิ่นเมืองปรากฏร่างมาบังไว้ ไม่ให้บุญสลักเห็นมนต์ทิพย์
“ทิพย์ ทิพย์ คุณอยู่ที่ไหน”
“มนต์ทิพย์อยู่ทางโน้น รีบตามไปสิ”
ปิ่นเมืองเป่ามนต์สะกดบุญสลักให้ตามเขมิกาไป แฟรงค์เป็นห่วงเขมิกา วิ่งตามไป มนต์ทิพย์อยู่ที่มุมมืดในสวน ละอองคำปรากฏตัวต่อหน้าหลานสาว มนต์ทิพย์ตกใจ
“มนต์ทิพย์หลานยาย”
“ยาย”
มนต์ทิพย์ผงะ ถอยหลัง
“เพราะนังอัปสรแม่ของหลานมันอกตัญญูต่อยาย หลานถึงต้องเคราะห์ซ้ำกรรมซัดครั้งแล้วครั้งเล่า รับเลี้ยงผีของยายสิ มนต์ทิพย์ ผีของยายช่วยเจ้าได้”
มนต์ทิพย์ส่ายหน้า ละอองคำหัวเราะ มองพายุยังพัดแรง
“ยายจะแสดงให้เจ้าดู ผีของยายมีอำนาจที่ไม่มีใครหยุดยั้งได้”
ละอองคำโบกมือไล่พายุ จู่ๆ ลมที่พัดมาก็เปลี่ยนทิศ พัดย้อนกลับไปทางเดิม มนต์ทิพย์ตกใจ มองหาละอองคำ แต่ไม่เห็นแล้ว อัปสรวิ่งเข้ามา
“ทิพย์ ทิพย์ เป็นอะไรหรือเปล่าลูก”
มนต์ทิพย์มองไปยังทางที่ละอองคำหายไป แต่ไม่กล้าบอกแม่
ปิ่นเมืองยืนหัวเราะมองดูลมพายุพัดกระหน่ำ สะใจที่ได้ทำลายงานของมนต์ทิพย์ จู่ๆ พายุก็พัดย้อนกลับเข้าใส่ปิ่นเมือง
“เกิดอะไรขึ้น อีละอองคำ”
“ใช่ ข้าเอง ปิ่นเมือง ไปให้พ้นจากหลานข้า”
“จำไว้ อีละอองคำเหย สายเลือดของมึงจะไม่มีวันมีความสุข”
ปิ่นเมืองหัวเราะหยัน ผีเจ้าตวัดมือผลักให้ปิ่นเมืองล้มกลิ้งไปอีกทาง
“โอ๊ย”
ปิ่นเมืองมองละอองคำอย่างเคียดแค้น
“ห่วงหลานนักรึ อีละอองคำ ข้านี่แหละ จะทำให้ชีวิตอีมนต์ทิพย์ต้องพินาศย่อยยับ”
ปิ่นเมืองหายไปในสายลม ละอองคำยืนตะลึง แล้วเลือนหายไป
บุญสลักวิ่งมาถึงรถ เขมิกาวิ่งออกมาเกาะแขนชายหนุ่มทันที
“มันเกิดอะไรขึ้นคะ บุญสลัก เขมกลัวไปหมดเลยค่ะ”
“ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน จู่ๆ พายุก็พัดกระหน่ำ จนทุกอย่างพังพินาศ”
“เขมกลัว เรารีบไปจากที่นี่กันเถอะค่ะ”
“ไม่ได้หรอกครับ คุณเขม ผมต้องกลับไปหาทิพย์ นี่งานแต่งงานผมนะ”
บุญสลักจะวิ่งกลับไป แต่ก็ชะงัก ไม่มีใครเห็นปิ่นเมือง ปิ่นเมืองปรากฏกายที่มุมหนึ่ง ตวาดใส่บุญสลัก
“ไปกับเขมิกา”
บุญสลักหันทื่อๆ กลับมา
“ไปครับ คุณเขม เรารีบไปกันเถอะครับ”
เขมิกาตกใจท่าทีของบุญสลัก ปิ่นเมืองเดินเข้ามา เขมิกาเห็น ตกใจ
“ข้าช่วยเจ้าแล้ว ผู้ชายคนนี้ถูกข้าสะกดไว้”
“เร็วสิครับ คุณเขม”
รถเขมิกาแล่นมาด้วยความเร็วสูง เขมิกามองบุญสลักที่ขับรถอยู่ ยิ้มยั่วยวน มือลูบไล้แผงอกชายหนุ่ม ซบไหล่ พระที่คอเขมิกา เปล่งแสงประกาย ทำให้มนต์ของปิ่นเมืองคลายลง บุญสลักตกใจที่ตัวเองกำลังขับรถอยู่ ได้สติ มองเขมิกางงๆ
“คุณเขม ทำไม ทิพย์”
บุญสลักจอดรถ เขมิกามองบุญสลักตาหวานเชื่อม มือยังลูบไล้เขาไปทั่ว
“ผมมาอยู่ทีนี่ได้ยังไง แล้วทิพย์ล่ะ”
บุญสลักมองหามนต์ทิพย์ จะออกจากรถ แต่เขมิกากอดรั้งไว้
“บุญสลัก อย่าเพิ่งไป”
“คุณเขมคงดื่มเยอะเกินไป ผมว่าคุณเขมคงจะเมาแล้วนะครับ”
“เขมไม่ได้เมาค่ะ แต่เขมรักคุณ เขมรักคุณค่ะบุญสลัก”
เขมิกาโผเข้ากอดจูบบุญสลัก ชายหนุ่มปัดป้อง
“อย่าครับ คุณเขม ผมแต่งงานแล้วนะครับ”
“มันไม่สำคัญหรอกค่ะ เขมขอแค่ให้บุญสลักรับรู้ เขมก็พอใจแล้ว”
เขมิกากอดบุญสลักแน่น กอดจูบไปทั่ว พร่ำพูดคำรัก ไม่ขาดปาก
“ปล่อยผมก่อนเถอะครับ คุณเขม”
บุญสลักผลักเขมิกาออก แล้วเปิดประตูวิ่งข้ามถนนไป เขมิกาลงรถวิ่งตามมา
“บุญสลักคะ ฟังเขมก่อน”
“คุณกลับบ้านไปเถอะครับ ผมจะต้องกลับไปหาทิพย์”
“ไม่ค่ะ เขมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น เราต้องพูดกันให้เข้าใจก่อน”
“ผมเข้าใจคุณเขมหมดทุกอย่าง แต่คุณเขมรีบกลับบ้านนะครับ มายืนกลางถนนแบบนี้มันอันตรายนะครับ”
“เขมไม่กลัว เขมรักคุณค่ะ เขมรักคุณตั้งแต่วันแรกที่ได้พบคุณ ถ้าคุณไม่กลับมาเขมจะยืนให้รถชนตายตรงนี้ให้คุณดู บุญสลักใจร้าย”
เขมิการ้องไห้ฟูมฟาย แสงไฟจากรถคันหนึ่งสาดมาที่ร่างของเขมิกา บุญสลักตกใจ
“คุณเขม”
บุญสลักวิ่งมากระชากเขมิกาออกไป รถคันหนึ่งแล่นผ่านไปอย่างเร็ว
ทั้งสองล้มลงไปที่ถนน เขมิกากอดบุญสลักไว้
“ปล่อยผม”
บุญสลักแกะมือเขมิกาออกไป แล้วเดินกลับไปที่ริมถนน เขมิกายิ้มเดินตามไป
ทุกคนภายในงานแต่ง อยู่ในสภาพสะบักสะบอม เนื้อตัวมอมแมม อัปสรนั่งปลอบมนต์ทิพย์ ซึ่งร้องไห้ไม่หยุดที่งานแต่งถูกทำลายจนพังพินาศ แฟรงค์เข้ามาบอกกับพรเทพและอัปสร
“โชคดีครับที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ไอ้ทิพย์ เป็นไงบ้างวะ”
แฟรงค์มองมนต์ทิพย์อย่างเป็นห่วง อัปสรร้อนใจ เป็นฝ่ายตอบแทน
“บุญสลักหายตัวไป ไม่รู้ป่านนี้เป็นยังไงบ้าง”
“จริงสิ คุณเขมล่ะคะ คุณแฟรงค์ มีใครเห็นคุณเขมบ้างมั้ยคะ”
นมผ่องใจเสีย แฟรงค์อึดอัด
“พนักงานโรงแรมเห็นว่าคุณเขมกลับไปแล้วครับ ออกไปพร้อมกับบุญสลัก”
มนต์ทิพย์มองหน้าแฟรงค์ แล้วมองหน้าอัปสร เม้มปากแค้นเคือง
บุญสลักขับรถ เขมิกายังซบอยู่กับชายหนุ่ม
“ถึงบ้านคุณเขมแล้ว ผมจะกลับไปที่งาน ผมเป็นห่วงทิพย์”
บุญสลักคลำดูโทรศัพท์ หน้าเสียไป
“โทรศัพท์ผม คงร่วงอยู่ที่สนามโรงแรม”
“ให้ถึงบ้านก่อนเถอะค่ะ หรือว่าคุณจะให้เขมลงตรงนี้ล่ะคะ ทางเปลี่ยว มืดด้วย คุณคงสะใจถ้าเขมเป็นอะไรไป”
เขมิกาทำงอน บุญสลักขับรถต่อไป
ปีบวิ่งมาหาพรเทพซึ่งนั่งอยู่ที่ล็อบบี้โรงแรม
“พนักงานเก็บได้ที่สนามค่ะท่าน ดูที่หน้าจอน่าจะเป็นของคุณบุญสลักค่ะ ท่านให้คุณทิพย์โทรหาเลยดีมั้ยคะ”
ทุกคนมองมนต์ทิพย์กับอัปสร ทั้งสองอยู่ในอาการเศร้าโศก
“เอ่อ จะดีเหรอ” นมผ่องท้วง
“ถ้ามีคนเห็นว่าบุญสลักไปกับคุณเขม ผมโทรหาคุณเขมให้ดีกว่า”
แฟรงค์กดโทรศัพท์หาเขมิกา เขมิกามองดูหน้าจอ เห็นเป็นชื่อแฟรงค์ ก็กดปิดทันที
“คุณย่าโทรหาเขม คงเป็นห่วงน่ะค่ะ”
“ดี ถึงบ้านคุณแล้ว ผมจะได้รีบกลับ”
เขมิกามองหน้าบุญสลักไม่พอใจ ในขณะที่แฟรงค์หัวเสียที่เขมิกาไม่รับสาย
“คุณเขมไม่รับสาย ผมจะไปตามเองครับ”
แฟรงค์เดินไป พรเทพถอนใจ
“ผมโทรเอง จะได้รู้เรื่องกันไปเลย”
ปีบกับนมผ่องมองหน้ากันแล้วมองอัปสรกับมนต์ทิพย์ มนต์ทิพย์เช็ดน้ำตาอยู่ อัปสรปลอบใจอยู่ข้างๆ พรเทพกดโทรศัพท์ โฉมรับสาย ยิ้ม สะใจ
“ยัยเขมยังไม่กลับมา เกิดอะไรขึ้นหรือคะ”
“เกิดพายุที่โรงแรม งานแต่งงานก็เลยต้องล้มเลิก”
“ฉันเห็นข่าวเหมือนกัน น่าแปลกเกิดเฉพาะที่โรงแรมแห่งนั้นที่เดียว อาเพศแบบนี้ คนเขาก็คงพูดกันไปทั้งเมืองแล้วล่ะค่ะ ยังงี้แล้วยังจะฝืนแต่งกันต่อไปอีกเหรอคะ”
“เด็กเขารักกัน ยังไงก็ต้องแต่งงานกัน”
“ค่ะ แล้วโทรมาหาฉันทำไมคะเนี่ย”
“แต่มีคนเห็นบุญสลักหายไปกับหลานสาวของคุณ”
โฉมหัวเราะเบาๆ
“อ้าว ไหนว่ารักกัน ถ้ารักกันเจ้าบ่าวก็ต้องอยู่กับเจ้าสาวสิคะ จะอยู่กับยัยเขมได้ยังไง”
“ถ้าบุญสลักไปที่บ้าน ช่วยบอกให้เขารีบกลับมาด้วย”
“ฉันแก่มากแล้ว นอนดึกไม่ได้ ไม่รับปากหรอกนะคะ”
โฉมปิดโทรศัพท์ สะใจ พรเทพถอนใจ
ละอองคำยืนหน้าเศร้า แค้นเคืองอยู่ ปิ่นเมืองปรากฏตัวขึ้น
“ว่าอย่างใดอีละอองคำ ไม่ยอมไปผุดไปเกิด รอคอยทายาทปอบอยู่รึ”
“มันการของข้า หาใช่ของเจ้าไม่ เจ้าล่ะตัวดีนัก อย่าวุ่นวายกับหลานข้า หาไม่ทั้งเจ้าทั้งอีเขมิกาจะต้องตายและเจ็บปวดที่สุด”
“ถ้าเช่นนั้นก็รู้ไว้ด้วยนะละอองคำเหย ข้าจะทำทุกอย่างให้หลานสาวเจ้าไม่สมหวังในความรัก เหมือนที่เจ้าเคยได้รับมาก่อน”
“อีปิ่นเมือง ลมพายุนั่น เจ้าเป็นคนทำใช่หรือไม่”
“เจ้าไม่น่าถามละอองคำ ผีเร่ร่อนเยี่ยงข้าก็มีบารมีเหนือเจ้า อย่างน้อยข้าก็มีบุญอยู่บ้าง ไม่ใช่เป็นทาสปอบผีต่างวงศ์กินไส้กินเลือดผู้คนให้เป็นบาป รู้จักสิงสถิตอยู่ตามวัดบ้างสิ รสพระธรรมและน้ำทิพย์ที่คนหลั่งอุทิศบุญจักได้ตกถึงเจ้าบ้าง”
“ไม่ต้องสอนข้า อยากลองดีกับข้าใช่มั้ย”
ละอองคำวูบไปตรงหน้าปิ่นเมือง บีบคอ แล้วผลักไปปะทะต้นไม้ใหญ่ในสวน ปิ่นเมืองหน้านิ่วด้วยความเจ็บปวด ละอองคำหัวเราะเสียงก้อง ฟ้าครืนๆ ลมพายุพัดมาอีกครั้ง แล้วฟ้าก็ผ่าเปรี้ยง ทุกคนยืนออมองออกไปข้างนอก นมผ่องแปลกใจ
“ลมพายุพัดอยู่ที่ต้นไม้ไม่กี่ต้นเอง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย”
ทุกคนที่ยืนออ ต่างส่งเสียงวิจารณ์กัน พรเทพหันไปบอกนมผ่อง
“นมผ่อง กลับไปก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะดึกกว่านี้จะกลับลำบาก”
“ค่ะๆ”
อัปสรหันไปเห็นมนต์ทิพย์เดินหนีไป ปาดน้ำตา
“ทิพย์ ทิพย์ คุณอาคะ ยัยทิพย์เดินไปโน่นแล้ว”
“ไปดูลูกสิ เรื่องอื่นไว้พูดกันทีหลัง”
พรเทพเตือน
ปิ่นเมืองถูกผลักไปที่พื้น ต้นไม้ถูกลมพัดเหมือนโดนพายุรุนแรง ผีเจ้ายืนอยู่ ชี้มือไปที่ปิ่นเมือง ตวาดเสียงดัง
“ไป อีปิ่นเมือง ไปบัดเดี๋ยวนี้”
ปิ่นเมืองจ้องละอองคำ ที่ยืนอยู่ด้านหลังผีเจ้า
“ขอบใจผีเจ้า”
ผีเจ้าเลือนหายไป
“ไปสิ แล้วอย่าวุ่นวายกับหลานข้าอีก จำใส่หัวไว้ ถึงข้าจะมีบารมีน้อยกว่าเจ้า แต่ข้าก็มีผีเจ้าคอยช่วยเหลือ”
“อีเนรคุณ อย่าหวังว่าเจ้าจะสมหวัง ข้าจะฆ่าอีมนต์ทิพย์เสีย เจ้าจะได้ไม่ต้องมีทายาทต่อไป กลายเป็นผีเร่ร่อนชั่วกัปชั่วกัลป์”
ปิ่นเมืองหัวเราะก้อง ฟ้าแลบแล้วผ่าเปรี้ยง ปิ่นเมืองเลือนหายไปในสายฟ้า ละอองคำยืนตะลึง
อัปสรมองหามนต์ทิพย์ แล้วก็เห็นลูกสาวเลี้ยวไปทางห้องน้ำ
“ทิพย์ ทิพย์”
อัปสรก้าวตามไปแล้วชะงัก เห็นละอองคำหันมามองหน้า แล้วตามมนต์ทิพย์ไป “แม่”
อัปสรวิ่งตามไป ร้องไห้
“แม่ อย่านะ แม่ปล่อยหนูกับลูกไปเถอะ แม่ แม่”
อัปสรจะเปิดประตูห้องน้ำ แต่เปิดไม่ได้ ทุบประตู ตะโกนขอความช่วยเหลือเสียงดัง พรเทพ ปีบ พนักงานหลายคนวิ่งมา นมผ่องตามมาสมทบ
“คุณนาย คุณนาย”
ปีบกอดอัปสรไว้ พรเทพหันมาบอกพนักงาน
“ไม่มีอะไรหรอก ขอบใจมากนะ ทางนี้ผมดูแลเอง”
นมผ่องหน้าเสียไป
“แล้วคุณทิพย์ล่ะคะ”
“คุณอา ช่วยทิพย์ด้วย ช่วยด้วย ทิพย์อยู่ในห้องน้ำ”
“ปีบเข้าไปดูให้เองค่ะ”
ปีบเปิดประตูได้อย่างง่ายดาย เข้าไปในห้องน้ำ พรเทพหันมาปลอบอัปสร
“อย่ากังวลมากเกินไปสิ อัปสร”
ปีบเข้ามาในห้องน้ำ เห็นประตูห้องหนึ่งปิดอยู่
“คุณทิพย์อยู่ในห้องน้ำหรือเปล่าคะ”
“ค่ะ พี่ปีบ พี่ปีบรอข้างนอกก่อนนะคะ”
“ค่ะๆๆ”
ปีบเดินออกไป ละอองคำยืนบังมนต์ทิพย์อยู่ที่มุมหนึ่งของห้องน้ำ ปีบออกมายิ้มให้อัปสร
“คุณทิพย์อยู่ในห้องน้ำค่ะคุณนาย”
“แน่นะ”
“ค่ะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า พวกเราอยู่กันเต็มไปหมด ใครก็ทำอะไรหนูทิพย์ไม่ได้”
อัปสรมองหน้าพรเทพน้ำตาคลอ
“แต่หนูเห็น”
“ไม่เอาน่า”
ขณะเดียวกันนั้น ภายในห้องน้ำ ละอองคำจับมือมนต์ทิพย์
“เห็นมั้ยว่าพวกมันคิดร้ายต่อหลานของยายกันทุกคน มันไม่อยากเห็นหลานมีความสุข แต่ไม่มีใครทำอะไรหลานได้หรอก เพราะยายคอยช่วยอยู่”
“ยาย”
“จำไว้ ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น จงนึกถึงยาย แล้วยายจะช่วยเจ้า”
ละอองคำเลือนหายไป มนต์ทิพย์ยืนงง
“ยาย”
รถเขมิกาแล่นเข้ามาจอดในบ้าน เขมิกายิ้มให้บุญสลัก เชื้อเชิญ
“เข้าบ้านก่อนสิคะ บุญสลัก”
“ผมเป็นห่วงทิพย์ ไม่รู้ว่าที่โรงแรมจะเป็นยังไงกันบ้าง”
“ถ้างั้น โทรบอกทิพย์ก่อนดีกว่าค่ะว่าคุณอยู่กับเขม ป่านนี้คงเป็นห่วงแย่ เข้าไปโทรในบ้านเขมสิคะ”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมรีบกลับเลยดีกว่า”
บุญสลักจะผละไป แต่เขมิกาคว้ามือไว้
“เขมไม่ให้คุณกลับ คุณต้องอยู่กับเขม เขมรักคุณ”
เขมิกาโผเข้ากอดบุญสลักไว้
“คุณเขมปล่อยผม ปล่อย”
“ไม่ค่ะ เขมไม่ปล่อย จนกว่าคุณจะบอกรักเขมก่อน”
“นี่คุณเขม เราเพิ่งเจอกันได้ไม่กี่วัน คุณจะรักผมได้ยังไง ผมกับทิพย์คบกันมาเป็นสิบๆ ปี แบบนั้นสิ ถึงจะเรียกว่ารัก”
“ไม่ค่ะ เขมไม่สนใจ งั้น ก็ให้คุณรู้ไว้ว่าเขมรักคุณก็พอ”
“แต่แฟรงค์รักคุณมากนะครับคุณเขม”
“เขมไม่ได้รักแฟรงค์ ได้ยินมั้ยคะเขมรักคุณ เขมรักคุณคนเดียว ถ้าคุณดูถูกความรักของเขม เขมจะฆ่าตัวตาย”
บุญสลักสะบัดหลุด เหลืออด
“ตามใจ ผมรักทิพย์ และตอนนี้ผมก็เป็นห่วงทิพย์ ผมไม่สนใจหรอกว่าคุณจะอยู่หรือจะตาย ผมไปล่ะ”
บุญสลักรีบวิ่งออกมา เขมิกาวิ่งตาม กระโดดโถมใส่บุญสลักกอดกันล้มกลิ้งไปตามพื้นหญ้า ปลุกปล้ำบุญสลักเป็นการใหญ่ สร้อยพระที่โฉมให้เขมิกาสวมติดตัวไว้ ขาดหลุดตกพื้น แต่ไม่มีใครสนใจ
“ทำแบบนี้ไม่อายบ้างหรือไง ฮึ คุณเขม”
“ไม่อาย เขมรักคุณ เขมจะต้องอายทำไม เขมรักคุณ”
บุญสลักก็ไม่กล้าทำรุนแรง ผลักร่างเขมิกาหลุดออกจากตัวได้ แสงไฟจากหน้ารถสาดเข้ามาที่ทั้งสองคน แฟรงค์ลงจากรถ ทั้งบุญสลักและเขมิกาต่างตกใจ
“แฟรงค์”
โฉมออกมาจากข้างในบ้าน
“เข้าบ้านก่อนสิ เสียงดังเอะอะ ข้างบ้านเข้าจะตำหนิเอาได้”
เขมิกายิ้มดีใจที่โฉมมาแก้สถานการณ์ไว้ได้ เมื่อเข้ามาในบ้าน บุญสลักไม่สนใจโฉมกับเขมิกา แต่หันมาบอกแฟรงค์
“นายมาก็ดีแล้ว ขอยืมกุญแจรถหน่อยสิ ฉันจะกลับไปที่โรงแรม”
แฟรงค์ส่งกุญแจให้บุญสลัก เขมิกาห้ามไว้ทันที
“คุณยังไปไม่ได้นะคะบุญสลัก”
“คนรักของคุณมาแล้วครับ คุณเขม นายอยู่เป็นเพื่อนคุณเขมทีนะ ผมละล่ะครับ คุณย่า”
บุญสลักรีบออกไป เขมิกาพูดรั้งไว้
“เดี๋ยวค่ะ บุญสลัก คุณฟังเขมก่อน เขมกับแฟรงค์ไม่ได้เป็นอะไรกัน เราเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น”
“ถ้างั้นคุณเขมกับผมก็เป็นเพื่อนกันเท่านั้นเหมือนกันครับ ขอให้คุณเขมเข้าใจไว้ด้วยว่าผมไม่มีวันทรยศต่อทิพย์ได้ เหมือนที่คุณก็ไม่ควรทรยศต่อแฟรงค์”
บุญสลักออกไป เขมิกาจะตามไป แต่แฟรงค์ขวางไว้
“หลีกไป แฟรงค์ หลีกไปสิ”
เขมิกาผลักแฟรงค์เซไป แล้ววิ่งตามบุญสลักออกไป
“เขม”
แฟรงค์วิ่งตามไป โฉมอึ้ง เครียด
“หลานเขมิกาจะต้องไม่มีประวัติศาสตร์ซ้ำรอยกับฉัน”
เขมิกาวิ่งไปดักหน้ารถ บุญสลักกำลังจะขับรถออกไป แสงไฟสาดใส่ร่างของเขมิกา
“คุณจะไปไหน บุญสลัก คุณจะทิ้งฉันไว้ไม่ได้นะ บุญสลัก จอดรถเดี๋ยวนี้นะ ฉันบอกให้จอด”
เขมิกายืนขวางไว้ ร้องไห้ บุญสลักมองเขมิกาอย่างตะลึง แฟรงค์เข้ามายื้อยุดเขมิกาให้ออกจากหน้ารถ
“ออกมานี่ คุณเขม”
แฟรงค์ลากตัวเขมิกา เธอดิ้นรนผลักไส
“ปล่อยฉันนะ แฟรงค์ ฉันบอกให้ปล่อย”
“คุณเป็นบ้าอะไร ฮึเขม ผีตนใดเข้าสิงคุณให้ทำเรื่องน่าอายแบบนี้ เขมิกาบอกผมซิ”
“อย่ามายุ่งกับฉัน ออกไป ฉันบอกให้ไปไงล่ะ”
แฟรงค์เหวี่ยงเขมิกาให้กระเด็นไปที่สนาม บุญสลักขับรถออกไปทันที เขมิกาจะวิ่งตามไป แต่แฟรงค์รั้งไว้
“ปล่อย”
เขมิกาจะวิ่งไปเปิดรถของตัวเอง แต่แฟรงค์กอดรัดไว้
“เข้าบ้าน เขมิกา เข้าบ้าน ผมไม่ยอมให้คุณไป ไม่ทุเรศตัวเองบ้างเหรอที่คิดแย่งสามีคนอื่นน่ะ”
เขมิกาชะงัก ตบหน้าแฟรงค์อย่างคับแค้นใจ ในขณะที่โฉมนั่งที่เตียง กำมือ ถูนิ้วไปมา เพราะความเครียด
“เขมิกาต้องชนะ”
จบตอนที่ 12