เจ้านาง ตอนที่ 2
ปู่อาจารย์เดินมาตามทาง เสียงผีกละหัวเราะเย้ยหยันก้องไปทั่วราวป่า
ผีกละไปอยู่หลังต้นไม้อีกทางหนึ่ง ปู่อาจารย์ชะงัก มองไปรอบๆกับเสียงหัวเราะเย้ยหยัน
"ถ้าเราได้เคยมีวาสนากันมาละ"
"เจ้า...(เป็นใคร)"
"ข้าคงได้กลับมาปลูกข้าวให้เจ้ากิน ปลูกฝ้ายให้เจ้าไว้ใช้ทอผ้า ได้อยู่กับเจ้าที่นี่อย่างมีความสุข"เสียงหัวเราะดัง
"เจ้าเป็นใครกันแน่"
"ข้านะหรือ ข้าก็คือกรรมที่จะตามมาสนองมึงยังไงเล่า ไอ้ปู่อาจารย์"
ปู่อาจารย์พยายามรวบรวมสติ พนมมือท่องมนต์
เสียงผีกละหัวเราะเยาะเย้ย ปู่อาจารย์เหงื่อแตก ไม่มีสมาธิที่จะท่องมนต์ เพราะเสียงหัวเราะเยาะนั้น
"จะเรียกหาพระเวทมนตรา ที่มึงทำลายเอง ไปหมดแล้วอย่างนั้นหรือ"
"ไม่ ..ไม่จริง" ปู่อาจารย์พยายามรวบรวมสมาธิท่องมนต์ใหม่
ผีกละเข้าประชิดปู่อาจารย์
"ยอมรับความจริงได้แล้ว ไอ้ปู่อาจารย์เหย ว่ามึงเอาผ้าทอด้วยตีนซิ่นขึ้นโพกหัวตัวเอง วิชาอาคมปู่ครูมึง เสื่อมทรามสูญไปหมดแล้ว"
"ไม่จริง ไม่จริง ไม่มีทาง อีผีกละ เอ็งต้องตกนรกหมกไหม้ ใช้บาปใช้กรรม"
ปู่อาจารย์รีบกระชากผ้าโพกหัวออก แล้ววิ่งแยกออกจากนางผีกละ
ผีกละยิ้มเยาะ หยิบผ้าโพกขึ้นโยน โดยจับชายไว้ข้างหนึ่ง ชายผ้าอีกข้างไปรัดคอปู่อาจารย์ที่กำลังวิ่งหนี นางผีกระชากผ้า ปู่อาจารย์ล้มลงทรมานอยู่แทบเท้านาง
"อย่าใจเสาะ ตายง่ายตายดายนัก กูอยากให้มึงทรมาน ตายช้าๆ ตายด้วยความทรมาน เหมือนตกนรกไงเล่า"
ผีกละหัวเราะ
"อย่า อย่า อย่าเข้ามา"
"นี่หรือคนดีมีวิชา ที่เคยกลบฝังกักขังกูไว้ใต้แม่ธรณี รับโทษรับทัณฑ์มึงได้แล้ว"
ปู่อาจารย์คิดถึงภาพความหลัง
"โอ๊ย.. อย่า...โอ๊ย"
พลันคิดถึง ...นางที่วิ่งซบอกปู่อาจารย์ ในบรรยากาศสวยงาม, ปู่อาจารย์เช็ดน้ำตาให้นางด้วยความอาลัย, ปู่อาจารย์เอาผ้าใหม่โพกหัวอย่างตั้งใจ
เสียงหมาหอนในค่ำคืนนั้น หญิงชราให้แมวดำกินไส้สดๆเป็นรางวัลอยู่หน้าเรือน
ผีกละที่อยู่บนจั่วเรือน ท่ามกลางพระจันทร์เสี้ยวข้างแรมมีหมู่เมฆผีลอยรอบๆผีกละ"กูจะไม่ตาย ลูกหลานเหย กูต้องอยู่ต่อไป กินเนื้อกินเลือดพวกมนุษย์อย่างนี้ตลอดไป อย่าบังอาจมาปราบกู กูไม่ตายอีกแล้ว" ผีกละกรีดเสียงหัวเราะก้อง
ภายในคุ้มละอองคำ โตกขนมพื้นเมืองหลากหลาย ตกแต่งไว้ในกระทงน้อยน่ากิน ละอองคำพารุ้งแก้วเข้ามา
"ข้าวหนมข้าวต้มน่ากินทั้งนั้นเลยเจ้าข้า"
"เจ้าก็กินเสียทั้งหมดเลยสิ"
"เจ้าพี่ใจดี แต่ว่าน้องคงท้องแตกตายแน่เจ้าข้า เหมือนตาชูชกในเรื่องพระเวสสันดรแน่แท้"
"พี่นะให้เขาทำมาเป็นพิเศษเพื่อเจ้าคนเดียวเลยนะรุ้งแก้ว"
ปิ่นเมืองนำนางข้าไทเข้ามา มีกำปั่นห่อผ้ามาด้วย
"ดูเหมือนกำลังเลี้ยงฉลองกันอยู่ คงไม่ได้มาขัดคอหรอกนะ เจ้าพี่เจ้าน้อง"
"รุ้งแก้ว เราขึ้นเรือนกันดีกว่าเจ้า"
"อุ๊ยอุ๊ย คุ้มนี้เรือนนี้เขาแปลกนะ แขกแก้วมาหา เขากลับจะลี้หนีหน้า ดูเอาเถอะ"
"ปิ่นเมือง แค่เจ้าอ้าปาก ข้าก็ได้กลิ่นแล้ว ไม่ต้องพูดมาก กลับกันไปซะ ทั้งนายทั้งข้า ที่นี่ไม่ต้อนรับ"
ละอองคำจะแยกไป
"โอ้ยโอ้ย อีฟองอีฝนเหย ข้านี่ช่างอาภัพแท้ๆ อุตส่าห์คิดถึงพี่ คิดถึงน้อง เอาของมาฝากมาเฝ้า เขายังไม่ต้อนรับขับสู้ดูดีข้า แม้เพียงแต่น้อยก็ไม่ปรายเกสรตามองเลย เอ็งเหย"
"แล้วจะทำจะใดต่อเล่าเจ้าข้าเจ้านาง" ฟองว่า
"เอาห่อของมาให้ข้าเถอะ"
"นี่ เจ้าข้าเจ้านาง" ฝนบอก
"ละอองคำเหย อย่าให้เสีย ที่ข้าตั้งใจเลยนะ ข้าจะวางห่อแก้วห่อขวัญไว้ตรงนี้ เมื่อเจ้าแกะดูแล้ว เห็นว่าไม่สมคุณสมค่ากับเจ้า จะเอาไปเผาทิ้งเผาขว้างก็สุดแต่ใจเจ้า ข้าคงไปบังคับ ให้เจ้าชอบไม่ได้หรอกนะเจ้า รสนิยมคนเราไม่เหมือนกัน แต่ข้าอยากให้เจ้ารู้ว่า ข้ามีน้ำใจต่อเจ้านะ น้องรุ้งแก้วก็ช่วยเป็นพยานด้วยละเจ้า ว่าพี่คนนี้ใจกว้างอย่างน้ำแม่"
ปิ่นเมืองแยกไป
ฟอง-ฝนว่า "กว้างแท้แท้เจ้าข้าเจ้านาง" แล้วตามนายไป
มุมหนึ่ง บนคุ้มละอองคำ
"ไปกันได้เสียที พี่ละสังหรณ์ใจ ลองมาถึงที่นี่ มันจะต้องคิดเรื่องใดสักอย่างที่ไม่ดีแน่ๆ"
"ใจเย็นๆเถอะเจ้าข้า ไปกันหมดแล้วเจ้าข้า"
"ลงไปเอาขนมของเจ้ามากินเล่นกันดีกว่า พวกนั้นมารคอหอยแท้ๆเลย คอยดูเถอะ กินอันใดขอให้มันจุกคอตาย"
ในคุ้ม ปิ่นเมืองสำลักน้ำ
"อีบ้า เอาน้ำอันใดมาให้ข้ากินอีนี่ สำลักเลย"
"ขวัญเหยขวัญ ใจเย็นๆเจ้าข้าเจ้านาง หายนะเจ้า หาย" ฟองบอก
"อีนังละอองคำ คิดว่าเจ้าพ่อรับขันสมาแล้วจะหมดเรื่องหรือ ข้าไม่ได้อยู่เพื่อหายใจรดทิ้งไปวันๆซะเมื่อใด คอยดูเถอะ สักประเดี๋ยวมันต้องวิ่งโร่มาหาข้านี่ ข้าจะแต่งตัวงามๆคอยก็แล้วกัน อีฟองอีฝน"
ฟอง-ฝนบอก "เจ้าข้าเจ้านาง"
"เปลี่ยนผ้าข้าใหม่"
ละอองคำกำลังชั่งใจว่าสมควรแกะห่อผ้าที่ปิ่นเมืองวางไว้หรือไม่
"ของมาจากมัน ไม่ใช่เรื่องดีแน่"
"น้องจะเอาไปทิ้งเสียนะเจ้าข้า จะได้หมดเรื่องไป"
"แต่ว่า พี่อยากรู้ว่าข้างในเป็นสิ่งของอันใดกันแน่"
"เจ้าพี่เจ้าข้า ถ้ารู้แล้วจะทำให้ร้อนใจ สู้ไม่รู้เสียดีกว่านะเจ้าข้า"
"ก็จริงอย่างเจ้าว่า รุ้งแก้ว"
"อย่างนั้นน้องเอาไปทิ้งเสียนะเจ้าข้า เจ้าพี่"
"เอาไปเถอะเจ้า" ละอองคำบอก
ปิ่นเมืองแต่งกายใหม่ ถือพัดด้ามจิ้วพัดฆ่าเวลา ฟองและฝนลาดตระเวนมองแขกที่จะมา จนชนกันเอง
"ทำไมมันถึงยังไม่มาสักที ถ้าแกะห่อดูแล้ว มันต้องอยู่ไม่ติดแน่ๆ"
"มองไม่เห็นแม้เงาของเจ้านางละอองคำ เลยเจ้าข้า" ฟองรายงาน
"ข้าเจ้าเพ่งแล้วเพ่งอีก ก็ไม่เห็นใครมาเลยเจ้าข้าเจ้านาง" ฝนบอก
"ในเมื่อมันไม่มา ข้าจะไปถามมันเอง ให้รู้เรื่องกันไปเลย"
"จะดีหรือเจ้าข้า เมื่อเช้าก็ไปมารอบหนึ่งแล้ว" ฟองว่า
"แล้วมีกฎเมืองกฎหมายข้อใดห้าม ว่าข้าจะไปเหยียบคุ้มมันวันละหลายรอบไม่ได้ ข้าต้องกลัวอันใดมัน
"เจ้านางเจ้าข้า"
ฟอง - ฝนตามเจ้านางปิ่นเมืองไปที่คุ้มละอองคำอีกครั้ง
กลุ่มของปิ่นเมืองเดินเข้ามาที่หน้าคุ้มละอองคำ ปิ่นเมืองถือพัดด้ามจิ้วโบกให้ตัวเอง เยื้องกรายอยู่หน้าคุ้ม
“เงียบแท้ๆ เจ้าข้าเจ้านาง”
ฝนเปรยขึ้นมา ฟองพูดต่อทันที
“สงสัยว่ามันไม่อยู่คุ้มเจ้าข้าเจ้านาง”
ปิ่นเมืองหันขวับไปทางข้าไทคนสนิท “หรือว่าอีละอองคำขี้ขลาด กลัวข้าจนหัวหดอยู่แต่ในคุ้ม ข้าว่า
ขึ้นไปหามันข้างบนเลยดีกว่า จะได้รู้กันไปเลยว่ามันอยู่หรือไม่”
ฝนรีบรับคำ “ดีแท้ๆ เจ้าข้าเจ้านาง”
ฟองรีบเชื้อเชิญ “เชิญเจ้านางเสด็จนำหน้าเป็นขวัญเกล้าเกศีแก่พวกข้าเถิดเจ้าข้า”
ปิ่นเมืองถูกลูกยุ ก็ขยับจะขึ้นบันได แต่กลับเจอละอองคำกับรุ้งแก้วยืนวางที่หน้าบันไดข้างบน
“แม่เจ้ามิเคยสอนหรือปิ่นเมือง จะไปมาหาสู่ผู้ใดก็ต้องให้เจ้าคุ้ม เจ้าเรือนเขาอนุญาตก่อน ไยเจ้าจึงถือวิสาสะเยี่ยงนี้”
ละอองคำพูดเหน็บ ปิ่นเมืองหัวเราะหยัน
“อีละอองคำเหย คิดว่าเจ้าพ่อรับขันสมาเจ้าแล้ว เจ้าจะกล้ายืนด่าผู้ใดที่หัวกระไดก็ได้ยังงั้นรึ”
ละอองคำสวนกลับทันควัน “มาคุ้มข้าด้วยเหตุใด รีบบอกแล้วก็รีบกลับไปเสีย”
“ดูดู๊ดู๋ ข้าอุตส่าห์หวังดี มาออกปากไล่ข้า ข้าแค่อยากรู้ว่าเจ้าชอบใจของที่ข้าส่งมาให้หรือไม่ เมื่อ
ไม่มีไมตรีตอบ ข้าก็จะกลับ”
ปิ่นเมืองพูดจบก็สะบัดหน้าแล้วพากันเดินกลับ ฟอง ฝน ข้าไทรีบตามไปด้วย
รุ้งแก้วรีบหันมาบอกละอองคำ “ข้าเอาห่อของนั้นไปทิ้งแล้วเจ้าพี่ ทำอย่างใดดีเจ้าคะ”
“ช่างมันเถิดรุ้งแก้ว พี่ไม่ติดใจอันใดสักน้อย”
ปิ่นเมืองนั่งสะอื้นร้องไห้อยู่ต่อหน้าเจ้าฟ้าเมืองนาย โดยมีฟอง ฝนนั่งอยู่ด้านหลังห่างออกไป
“เจ้าพ่อ ข้าน้อยใจนัก ข้าอุตส่าห์แบ่งรัตนชาติให้เจ้าละอองคำ แต่มันกลับหลู่พระเกียรติเจ้าพ่อ เอารัตนชาติค่าควรเมืองไปทิ้งเสียเจ้าข้า หากมิทรงเชื่อก็รับสั่งถามอีฟอง อีฝนดูเถิดเจ้าข้า”
เจ้าฟ้าหันขวับมาทางฟองกับฝน “จริงรึ อีฟอง อีฝน”
ทั้งคู่รีบตอบเป็นเสียงเดียวกัน “แท้ๆ เจ้าข้า”
ปิ่นเมืองลอบอมยิ้มเมื่อเห็นเจ้าฟ้ามีสีหน้าโกรธจัด
“เมื่ออีละอองคำทำตัวเป็นดั่งวานร มิรู้ค่ารัตนชาติควรเมือง ต่อไปนี้มันก็จะไม่ได้อะไรจากข้าอีกเลย”
ปิ่นเมืองทำเป็นแสร้งพูดปลอบ
“ใจเย็นๆ เจ้าข้าเจ้าพ่อ บางทีเจ้าละอองคำอาจทำไปด้วยความน้อยใจ”
เจ้าฟ้านั่งลง เริ่มเย็นใจลงไปได้บ้าง “เจ้านี่สมกับเป็นปิ่นของเมืองนายแท้ๆ”
ปิ่นเมืองกราบลงที่พระบาท พลางเงยหน้าขึ้น “การใดที่จะทำให้เจ้าพ่อสุขใจ ข้าเจ้าก็จะทำเจ้าข้า”
ฟองกับฝนหันมาส่งยิ้มบางๆ ให้กัน พร้อมกับที่เจ้าฟ้าพูดต่อ
“รักษาความดีของเจ้าไว้เถิด ต่อไปภายหน้าเมืองนายจะได้พึ่งพาความดีของเจ้า”
ปิ่นเมืองลอบยิ้มอย่างพอใจ
ละอองคำกับรุ้งแก้วนั่งลง ก่อนจะค่อยๆ แกะห่อผ้าออก
“ปิ่นเมืองมันส่งอะไรมาให้เรา”
ละอองคำถามอย่างอยากรู้ รุ้งแก้วแกะผ้าออก แล้วก็ถึงกับผงะ พูดเสียงสั่น
“เจ้าพี่ กระดูกผีนี่เจ้าข้า”
ละอองคำจิกตาอย่างแค้นเคือง
“อีปิ่นเมือง”
ฟอง ฝนและนางข้าไทหวีดร้องเสียงดังลั่น
เมื่อเห็นละอองคำเทกระดูกผีออกจากห่อผ้าอยู่หน้าคุ้มปิ่นเมือง เถ้ากระดูกปลิวไปตามสายลม
ฟองร้องเสียงหลง “เจ้านางปิ่นเมืองเจ้าข้า”
ฝนรีบตะโกนซ้ำ “เจ้านาง าดูกับตาเถิดเจ้าข้า ะได้เห็นแท้ๆ ด้วย 2 จ้านาง”
ปิ่นเมืองได้ยินเสียง ก็รีบเดินออกมาจากคุ้ม สีหน้าโกรธจัด
“อีละอองคำ เอากระดูกผีมาโปรยใส่หน้าคุ้มข้า นี่คิดจะทำคุณทำไสยใส่ข้ารึ...ข้าจะฟ้องเจ้าพ่อ”
รุ้งแก้วรีบหันไปถามละอองคำ “เจ้าพี่ ทำอย่างใดดีเจ้าข้า”
ละอองคำจ้องหน้าปิ่นเมืองอย่างเอาเรื่อง
“กระดูกผีในห่อผ้านี้มิใช่รึ ที่เจ้าเอาไปให้ข้าที่คุ้ม ของต่ำเยี่ยงนี้ มันก็เหมาะกับคนต่ำๆ เยี่ยงเจ้าต่างหากเล่า ปิ่นเมือง”
ปิ่นเมืองยืนตะลึง มองดูละอองคำกับรุ้งแก้วที่เดินจากไป
ฟองรีบถามต่อทันที “ทำอย่างใดดีเจ้าข้าเจ้านาง”
ฝนพูดเสี้ยมต่อ “เจ้าละอองคำหยามเกียรติเจ้านางแท้ๆ เจียวเจ้าข้าเจ้านาง”
ปิ่นเมืองกัดริมฝีปากแน่น แววตาวาวโรจน์ด้วยความแค้นเคือง
ละอองคำถูกผลักมากลางวงล้อม รุ้งแก้วถลาตาม เข้ามา ก่อนที่ฝ่ายแรกจะกราดตามองไปรอบๆ พลันสายตาก็ปะทะกับปิ่นเมืองที่ยิ้มอย่างสะใจอยู่พอดี
เจ้าฟ้าตวาดเสียงดัง “อีละอองคำ รู้หรือไม่ว่าเอากระดูกผีมาโปรยเล่นเช่นนี้มันผิด ผิดคองบ้าน
คองเมือง”
ละอองคำรีบแจง “กระดูกผีนั่นมิใช่ของข้าเจ้า แต่เป็นของปิ่นเมืองเจ้าข้า”
ปิ่นเมืองมองหยัน “คุ้มข้าก็อยู่ห่างคุ้มเจ้าพ่อไปนิดเดียว แต่คุ้มเจ้าต่างหากเล่าอยู่นอกออกไป
คุ้มใครใกล้ป่าช้ามากกว่ากัน ข้ารึจะมีปัญญาไปหากระดูกผีมา อย่ามาใส่ร้ายข้า ละอองคำ”
ละอองคำเถียงต่ออย่างไม่ยอมแพ้ “แต่เจ้าเป็นคนเอาไปที่คุ้มข้า”
“ข้าเอารัตนชาติค่าควรเมืองไปให้มัน ด้วยเห็นว่าเจ้าพ่อทรงรับขันสมาของมันแล้ว ข้าจึงหมายเป็นไมตรีด้วย แต่ดูดู๊เอาเถิด รัตนชาติค่าควรเมืองกลับกลายเป็นกระดูกผี อีละอองคำนี่มันช่างเป็นกาลีบ้านกาลีเมืองแท้ๆ เจ้าข้าเจ้าพ่อ”
ละอองคำร้องไห้โฮลั่น “ไม่จริงเจ้าข้าเจ้าพ่อ ไม่จริง”
เจ้าฟ้ามองละอองคำอย่างรังเกียจ “ทหารเอาตัวอีละอองคำไปใส่คอก หากข้ายังไม่สั่งปล่อยมัน ก็อย่าให้มันออกมาได้เด็ดขาด ใครช่วยมัน ข้าจะสั่งตัดหัวมันผู้นั้น”
รุ้งแก้วสะอื้นไห้ รีบก้มลงกราบวิงวอน “เจ้าพ่อเจ้าข้า เมตตาเจ้าพี่ละอองคำด้วยเถิด”
“รุ้งแก้ว เจ้าเป็นคนดี อย่าคิดเอาเยี่ยงอีละอองคำ เอามันไปให้พ้นคุ้มข้า อย่าให้มันเป็นเสนียดคุ้มหลวง”
พลันที่เจ้าฟ้าเข้าไปข้างใน ทหารก็กรูกันเข้ามาจับตัวละอองคำ ฝ่ายถูกจับรีบสะบัดตัวออก แต่ก็สู้แรงทหารไม่ได้ ขณะที่ปิ่นเมืองโบกพัดอย่างสบายอารมณ์ เมื่อเห็นละอองคำถูกลากออกไป
“ปล่อย ปล่อยข้า”
รุ้งแก้วตามไป พลางร้องไห้โฮ “เบาๆ เจ้าพี่เจ็บ ข้าบอกให้พวกเจ้าเบาๆ”
ละอองคำร้องไห้ด้วยความคับแค้นใจ รุ้งแก้ววิ่งตามไป พร้อมกับสะอื้นร่ำไห้ไปด้วย แต่กลับถูก
ทหารกันตัวไว้
“เจ้าพี่ เจ้าพี่ ฮือๆๆ”
ปิ่นเมือง ฟอง ฝน พากันหัวเราะอย่างสาแก่ใจ
รุ้งแก้วนั่งร้องไห้ผ่านลูกกรงเข้าไป ตรงข้ามกับละอองคำ ที่นั่งหน้านิ่ง แต่แววตานั้นเต็มไปด้วยความแค้นเคือง
“หยุดร้องได้แล้ว ถ้าอยากช่วยพี่ เจ้าต้องหาทางไปดักพบเจ้าพี่ราบฟ้า บอกให้เจ้าพี่มาช่วยพี่
ออกไป”
รุ้งแก้วได้ยิน ก็ยิ้มทั้งน้ำตา “จริงสิ ข้าได้ยินเขาโจษกันว่าเจ้าพี่ราบฟ้าทรงชำนะศึกพวกกุลา
ดั้งขอ คงจะเสด็จกลับมาไม่ช้านี้เจ้าข้า”
ละอองคำยิ้มดีใจ “แท้ๆ รึ รุ้งแก้ว”
“เจ้าข้า”
“รีบไปเสีย พี่กลัวว่าหากเจ้าพี่ราบฟ้าเข้าเฝ้าเจ้าพ่อแล้ว เจ้าพี่จักไม่มีทางมาช่วยพี่ได้”
รุ้งแก้วรีบรับคำ “เจ้าข้า เจ้าพี่รักษาตัวด้วยนะเจ้าคะ”
“น้องต่างหากที่ต้องรักษาเนื้อรักษาตัว ไม่ต้องห่วงพี่ รีบไปเถิด”
ละอองคำพูดอย่างมีความหวัง
พระอาทิตย์ใกล้อัสดง รุ้งแก้วเดินบ้างวิ่งบ้างลัดเลาะไปตามทางเดิน 2 ข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้
ร่มครึ้ม ท่ามกลางเสียงนกร้องที่ฟังดูวังเวง โหยหวน
รุ้งแก้วเดินมาจนหอบเหนื่อย “โอย อีกไกลไหมเนี่ย แล้วเมื่อใดจะได้พบเจ้าพี่ราบฟ้า” บ่นพลางก็แข็งใจเดินต่อไป “โธ่ แล้วข้าจะรู้ได้อย่างใดว่าเจ้าพี่ราบฟ้าจะเสด็จมาเมื่อใด”
ดวงจันทร์สุกสกาวอยู่บนฟ้า ขณะที่รุ้งแก้วเดินมาใกล้กระท่อม พลันก็ได้ยินเสียงไก่เคลื่อนไหว
ร้องเหมือนกลัวอะไรสักอย่างดังแว่วมา
“มีใครอยู่มั้ยเจ้าข้า”
ที่เล้าไก่ หญิงขายผีหันขวับ มีเลือดแดงเลอะปากในมือถือไก่ที่เพิ่งถูกฆ่าตายอยู่ รุ้งแก้วหันมาเห็น ก็ผงะ ตกใจ
“ยาย ยาย”..
ว่าแล้วก็รีบวิ่งหนีไปด้วยความหวาดกลัว หญิงขายผีเหลียวมองแล้วก้มหน้ากินไก่ต่อไป
รุ้งแก้ววิ่งไม่คิดชีวิต พลางเหลียวหน้าเหลียวหลัง อย่างหวาดระแวง เกรงว่าผีจะตามมา
แต่แล้วจู่ๆ ก็สะดุดล้มลงกับพื้น แล้วสลบไปทันที
พระอาทิตย์ขึ้นที่ริมขอบฟ้า ขณะที่ราบฟ้าเอาน้ำล้างหน้ารุ้งแก้วที่นอนหนุนตักอยู่ ครู่หนึ่งร่างที่ สลบไสลก็ผวาตื่น
“เจ้าพี่”
รุ้งแก้วลุกขึ้น แล้วรีบก้มกราบลง ราบฟ้ารีบถามอย่างห่วงใย
“เจ้าวิ่งหนีอะไรมารึน้องรุ้งแก้ว แล้วละอองคำพี่เจ้าล่ะ นี่ถ้าพี่กับเจ้าขุนไทมิได้มาพบเจ้า น้องอาจเป็นเหยื่อสัตว์ร้ายในกลางไพรไปเสียแล้ว ผีป่าผีไพรก็ใช่ว่าจะเมตตาผู้คนเสียเมื่อไหร่”
รุ้งแก้วหน้าเสีย ภาพของหญิงขายผีนั่งกินไก่ ย้อนเข้ามาในห้วงคิด
“เป็นบุญข้านักที่พบเจ้าพี่ราบฟ้า”
“บอกพี่ได้หรือยังว่าเจ้าหนีอะไรมา” ราบฟ้าถามย้ำ
“มิได้หนี แต่เจ้าพี่ละอองคำให้ข้าตามหาเจ้าพี่ราบฟ้า”
รุ้งแก้วหน้าเศร้า น้ำตาคลอ จนราบฟ้าถึงกับตกใจ
“เกิดอะไรขึ้นกับละอองคำรึรุ้งแก้ว”
เจ้าฟ้าเมืองนายนั่งอยู่บนบัลลังก์ตั่งทอง ราบฟ้าถวายบังคม
เจ้าไทและคนอื่นๆ ปฏิบัติเช่นเดียวกัน“ชัยชำนะของพวกเจ้าครั้งนี้ จะทำให้พวกกุลาดั้งขอไม่กล้ามาต่อตีกับเมืองนายอีกต่อไป ขอบใจ
เจ้ามาก ราบฟ้า ต่อไปนี้ข้าก็นอนตายตาหลับล่ะ เมืองนายจักมีเจ้าฟ้าที่ยิ่งใหญ่นามว่าราบฟ้าปกป้องดูแลไพร่ฟ้าให้อยู่เย็นเป็นสุข”
ราบฟ้าตกใจ ด้วยไม่คิดว่าเจ้าฟ้าเมืองนายจะพูดเยี่ยงนี้
“เจ้าพ่อ ข้ามิได้หมายนั่งบัลลังก์ตั่งเมืองดอกเจ้าข้า”
เจ้าฟ้ายิ้มอย่างภูมิใจ “ยามนี้ไม่มีผู้ใดเหมาะสมเท่าเจ้าอีกแล้ว ข้าจะอภิเษกเจ้ากับปิ่นเมือง ให้
ปิ่นเมืองเป็นมหาเทวีนั่งเคียงเจ้าบนตั่งทอง”
ราบฟ้ายิ่งตกใจหนัก “เจ้าพ่อ”
ละอองคำถลามาเกาะลูกกรง ก่อนจะถามรุ้งแก้ว ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวัง
“แท้ๆ รึรุ้งแก้วน้องพี่”
“เจ้าข้า เจ้าพี่ราบฟ้ารับสั่งว่าแม้นเข้าเฝ้าเจ้าพ่อแล้ว จะรีบมาหาเจ้าพี่ทันทีเจ้าข้า”ละอองคำยิ้มพอใจ ดวงตาเป็นประกายเรืองรอง
ราบฟ้าเงยมองหน้าเจ้าฟ้าแล้วนิ่งตะลึง
“เจ้าพ่อ ศึกกุลาดั้งขอครานี้ข้าเหนื่อยนัก ข้าใคร่ขอรางวัลจากเจ้าพ่อสักอย่างหนึ่งเจ้าข้า”
เจ้าฟ้ายิ้มอย่างยินดี “ทำไมพ่อจะให้เจ้าไม่ได้เล่า ต่อไปทุกสิ่งทุกอย่างในเมืองนายก็เป็นของเจ้าอยากได้อะไรเล่า ราบฟ้า”
“เจ้านางละอองคำเจ้าข้า”
เจ้าฟ้าผุดลุกขึ้น ก่อนจะถามเสียงสั่นด้วยความโกรธ
“อะไรนะ นี่อีละอองคำมันใช้มารยาสาไถยขอร้องเจ้าให้มาขอข้ารึ”
“ยังไม่ได้พิสูจน์ว่าละอองคำผิดจริงหรือไม่ เจ้าพ่อก็รับสั่งจำใส่คอกเสียก่อน”
เจ้าฟ้ามองราบฟ้าอย่างผิดหวัง “ก็ได้” พูดพลางหันมาทางโหรหลวง “โหรา ดูฤกษ์ดูชัยอภิเษกเจ้า
ราบฟ้ากับปิ่นเมืองให้เร็วที่สุด”
โหรารีบถวายบังคมรับ “เจ้าข้า”
สีหน้าของราบฟ้าซีดเผือดลงทันที
รุ้งแก้วหันไปเห็นราบฟ้ามากับทหารติดตาม ทหารที่เฝ้ายามอยู่รีบหันมาถวายบังคม
“เอาตัวเจ้าละอองคำออกมาจากตรุเดี๋ยวนี้”
ราบฟ้าสั่งการเสียงเข้ม รุ้งแก้วรีบก้มลงกราบ ส่วนละอองคำที่เกาะลูกกรงอยู่ ถึงกับร้องไห้ น้ำตาไหลพราก
“เจ้าพี่ เจ้าพี่ ฮือๆ”
พลันที่ประตูเปิดออก และราบฟ้าเดินเข้าไป ละอองคำก็ถลามาซบหน้ากับพระบาท เกลือกใบหน้ากับรองเท้าของราบฟ้า แล้วร้องไห้
“ช่วยข้าด้วย เจ้าพี่ช่วยข้าด้วย”
“ลุกขึ้นเถิดละอองคำ” ราบฟ้าประคองละอองคำขึ้นมา พลางเช็ดน้ำตาให้ “พี่จะไปส่งเจ้าที่คุ้ม”
แต่แล้วปิ่นเมืองก็ถือพัดด้ามจิ้วเข้ามา โดยมีฟองกับฝนตามเสด็จมาด้วย
“ขนาดอยู่ในคอก เสน่ห์ของเจ้าก็ยังหอมทวนลมพัดพาเจ้าพี่ราบฟ้ามาได้ ละอองคำเหย ข้าจะจัดการกับเจ้ายังไงดี”
ราบฟ้ารีบหันไปพูดอ้อนวอน “ปิ่นเมือง พี่ขอร้อง อย่าทำอะไรละอองคำอีกเลย แค่นี้ก็มากพอแล้วถ้าเจ้าไม่ฟังพี่ พี่จะหนีพิธีเสกสมรสกับเจ้า”..
ละอองคำได้ยินความ ก็ถึงกับตกใจ หน้าซีด น้ำตาคลอ “เจ้าพี่”
ปิ่นเมืองหัวเราะหยัน “ได้ยินเต็ม 2 หูแล้วใช่มั้ย วาสนาเจ้ามันก็แค่ดอกไม้ริมทาง ไม่มีชายใดเอาไปอุปถัมถ์เชิดชูเป็นศรีเป็นศักดิ์ด้วยหรอก นานไปก็จะกลายเป็นหญิงร่านชายเหมือนแม่”
ละอองคำแววตากร้าวขึ้นมาทันควัน “อย่าก้าวร้าวถึงแม่ข้านะปิ่นเมือง”
“ข้าพูดผิดรึ แม่เจ้าเป็นอย่างใด ก็ใช่ว่าคนทั้งเมืองนายไม่รู้ จะให้ข้าสาธยายอีกหรือไม่”
ปิ่นเมืองหัวเราะหยัน ฟองกับฝนก็พลอยหัวเราะด้วย ละอองคำสุดทน ปราดเข้าไปจะตบ แต่ราบฟ้ากับรุ้งแก้วห้ามไว้ได้ก่อน
“อย่า ละอองคำ อย่ามีเรื่องกันเลย นเมืองกลับไปซะ แล้วพี่จะไปหาหา ไปสิ”
“สัญญานะเจ้าพี่ ข้าจะคอยเจ้าพี่ที่คุ้ม เราจะต้องตกลงกันให้รู้เรื่อง ไปอีฟอง อีฝน”
ปิ่นเมืองรีบเดินไป โดยมีฟองกับฝนตามไปติดๆ ราบฟ้าหันมองหน้าละอองคำ แต่กลับถูกเมินหน้าหนี
“กลับไปซะเจ้าพี่ อย่าหลอกลวงข้าอีกเลย”
“ฟังพี่ก่อน”
ละอองคำน้ำตาคลอ “ไม่ฟัง รุ้งแก้ว กลับกับพี่”
ละอองคำกับรุ้งแก้วเดินไป ราบฟ้ามองตามไป พร้อมกับทอดถอนใจฃ
ปิ่นเมืองกอดราบฟ้าจากทางด้านหลัง พร้อมกับซบหน้ากับแผ่นหลัง
“เจ้าพี่”
ราบฟ้าแกะมือออก ทำให้ปิ่นเมืองไม่พอใจ
“ข้าไม่ใช่อีละอองคำใช่มั้ย เจ้าพี่ถึงรังเกียจ ฮึ ข้าได้เป็นมหาเทวีวันใด ข้าจะไสหัวอีละอองคำทันที”
ราบฟ้ามองปิ่นเมืองด้วยแววตาชิงชัง
“เจ้ามันหญิงใจกา ใจดำ ไม่มีเมตตา อยากรู้นักว่าละอองคำทำอะไรเจ้า เจ้าถึงได้เจ็บแค้นนักหนา”
“ก็มันแย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปจากข้าน่ะสิ จ้าพ่อก็เห็นใจยอมรับขันสมามัน กำปั่นรัตนชาติค่าควรเมือง แทนที่จะเป็นของข้าเจ้าพ่อก็ยกให้มัน แล้วยังเจ้าพี่อีก ถ้าข้าไม่ขวางมันไว้ก่อน ต่อไปภายหน้า มันก็คงได้เป็นมหาเทวี”
“ยิ่งพูด ก็ยิ่งทำให้พี่เห็นว่าเจ้าริษยาละอองคำ เปรียบใจกาก็ยังน้อยไป พี่ถามเจ้าคำเดียวปิ่นเมือง เจ้าต้องการอะไร บอกพี่มา ขอเจ้าอย่าทำร้ายละอองคำเท่านั้น”
ปิ่นเมืองสวนกลับมาทันที “เจ้าพี่ต้องไม่ไปหามัน ให้อีละอองคำมาหาก็ไม่ได้ แม้นเจ้าพี่ผิดสัญญา ข้าจะฆ่ามัน”
ราบฟ้าถึงกับอึ้งไป เมื่อหันมองหน้าปิ่นเมือง ก็เห็นสีหน้าและดวงตาเด็ดเดี่ยว
“ก็ได้ แต่เจ้าสัญญานะว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับละอองคำอีก”ฃ
“เจ้าพี่ต้องสาบานก่อน สาบาน”
ราบฟ้ายินยอม ทั้งที่ไม่เต็มใจ ก่อนจะยกมือพนม ปิ่นเมืองรีบพนมมือกล่าวคำสาบานนำ
“ขออำนาจแห่งผีหลวงเมืองนายจงเป็นพยาน แม้นเจ้าพี่ผิดคำสัญญาวันใด ขอให้เจ้าพี่จงตายด้วยคมหอกคมดาบภายใน 7 วัน”
ราบฟ้าสะบัดหน้าหันมามองปิ่นเมืองอย่างไม่พอใจ
“มากไปแล้วปิ่นเมือง”
จากนั้นก็รีบเดินหนี ปิ่นเมืองมองตามอย่างแค้นใจ
“เจ้าพี่ไม่กล้าสาบาน ใช่มั้ยเจ้าคะ ไม่กล้าใช่มั้ย”
พลันก็บังเกิดฟ้าแลบที่ท้องฟ้า ปิ่นเมืองมองดูแล้วพูดเสียงดัง
“ข้าถือว่าผีหลวงเจ้ารับรู้แล้ว”
เจ้านาง ตอนที่ 2 (ต่อ)
ละอองคำนั่งซึมอยู่ที่คุ้ม น้ำตาไหลพราก รุ้งแก้วที่นั่งข้างๆ ต้องรีบพูดปลอบ
“เจ้าพี่ลืมเสียเถิดเจ้าข้า อีก 2 วันเจ้า พี่ราบฟ้ากับเจ้านางปิ่นเมือง ก็จะเสกสมรสกันแล้ว”
ละอองคำเสียงเครือ “ไม่ เจ้าพี่ต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับพี่”
รุ้งแก้วมองละอองคำด้วยความสงสาร
“แน่ใจนะอีฟอง อีฝน”
ปิ่นเมืองหันไปถามย้ำกับ 2 บ่าวคนสนิท
“แท้แท้เจ้าข้าเจ้านาง”
“เจ้าพี่รักมัน จนไม่เกรงกลัวคำสาบานต่อผีหลวงเมืองนาย ฮึ อย่าหมายว่าข้าจะไว้อีละอองคำ”
ปิ่นเมืองพูดอย่างแค้นเคือง
ราบฟ้าจูบซับน้ำตา พร้อมกับพรมจูบไปทั่วใบหน้าของละอองคำ ที่น้ำตาหยาดไหล
“ข้ากับเจ้าพี่ผิดผีครานี้ เจ้าพ่อคงไม่ให้อภัยข้า”
“เจ้าพ่อลั่นวาจาแล้วว่าจะยกข้าเป็นเจ้าฟ้าเมืองนาย มีหรือที่พี่จะไม่ยกย่องเจ้า”
ละอองคำยิ้มทั้งน้ำตา “จริงแท้หรือเจ้าข้า”
พูดพลางซบกับอกราบฟ้า โดยมิทันเห็นแววตาอีกฝ่ายที่เต็มไปด้วยความกังวล
รุ้งแก้วนั่งอยู่ตั่งหน้าคุ้ม แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นฟองกับฝนวิ่งมา
“เจ้า 2 คนมีการอันใดรึ ถึงได้...”
“ข้ารึจะมี โน่น...”
ฝนพูดพลางพยักพเยิดไปที่ปิ่นเมืองที่ถือพัดด้ามจิ้วเยื้องกรายมา โดยมีข้าไทติดตามมาด้วย
“จับอีรุ้งแก้วไว้”
ฟองกับฝนรีบจับรุ้งแก้วไว้ตามสั่ง
“ปล่อยข้านะอีฟอง อีฝน อย่างน้อยข้าก็มิใช่ข้าไทไพร่สารเลวเยี่ยงเจ้า”
ปิ่นเมืองมองด้วยสายตาเย้ยหยัน
“ไม่ใช่รึ รู้ไว้ด้วย เจ้ากับอีละอองคำต่ำยิ่งกว่าอีข้าไททุกคนในเมืองนายเสียอีก อย่างน้อยอีพวกนี้มันก็ไม่เคยผิดผี เอาผู้ชายมากกถึงในคุ้ม”
ฟอง ฝน และข้าไทหัวเราะเยาะกัน รุ้งแก้วหน้าเสีย ก่อนจะถูกปิ่นเมืองใช้พัดตีหัวอย่างสะสาใจ
“หัดฉลาดเสียบ้างรุ้งแก้ว อย่าทำตัวชั่วช้าเหมือนละอองคำพี่เจ้าข้าจะกราบทูลเจ้าพ่อให้อุ้มชูเจ้าให้สมศักดิ์สมศรีธิดาเจ้าฟ้าเมืองนาย ปล่อยให้อีละอองคำ มันดำเนินตามรอยหญิงร่านชายแบบแม่ไปผู้เดียว”
รุ้งแก้วร้องไห้ รีบยกมือไหว้ปิ่นเมืองปะหลกๆ
“เจ้าพี่ปิ่นเมือง ข้าไหว้สาละ อย่าพูดถึงแม่ข้าเยี่ยงนั้น”
ปิ่นเมืองหัวเราะเย้ยหยัน “ กตัญญูรู้คุณกับเขาด้วย โถ เด็กน้อย ยอมรับความจริงเสียเถอะว่า
แม่เจ้าคบชู้สู่ชาย จนเจ้าพ่อโกรธ สั่งประหารชีวิต เลือดสักหยดยังมิตกต้องแผ่นดิน แล้วเจ้าอยากรู้มั้ยเล่าว่าผงเถ้ากระดูกนั่นเป็นกระดูกผู้ใด”
รุ้งแก้วผงะ ถอยหลัง แต่ก็ถูกฟองกับฝนคุมตัวไว้แน่น
“เจ้าพี่ปิ่นเมือง คงไม่ได้หมาย...”
ปิ่นเมืองกระแทกเสียงโต้ไปทันควัน
“เจ้าแจ้งใจแล้วรุ้งแก้ว ข้าใช้คนขุดกู่ผีแม่เจ้าเอากระดูกและผงเถ้ามาให้อีละอองคำมันบูชา ด้วยเห็นว่าหนทางจากคุ้มไปยังกู่ผีที่ริมไพรมันไกลนัก อุตส่าห์เอามาให้ยังกล้าไปเททิ้งที่หน้าคุ้มข้า”
รุ้งแก้วสะอื้นไห้ “แต่เจ้าพี่ปิ่นเมืองปดเจ้าพ่อว่าเป็นรัตนชาติ”
ปิ่นเมืองหัวเราะขัน “อีรุ้งแก้วเหย กระดูกแม่เจ้ายังไม่มีค่าดั่งรัตนชาติค่าควรเมืองอีกรึ หรือเจ้าเห็นเป็นแค่ก้อนเถ้าก้อนถ่าน”
เมื่อนายว่า ขี้ข้าอย่างฟองก็พลอยผสม “แท้ๆ เจ้าข้าเจ้านาง”
“เยี่ยงนี้สมควรเรียกว่าอย่างใดดี”
ฝนมองรุ้งแก้วแล้วยิ้มเย้ย “เนรคุณเจ้าข้าเจ้านาง”
ละอองคำสยายผมยาว มีเพียงผ้าเกาะอกกับสไบคลุมไว้หลวมๆ ออกมาจากคุ้ม
“ไม่มีใครจะชั่วเท่าเจ้าได้อีกแล้ว ปิ่นเมือง”
ขาดคำ ราบฟ้าในสภาพเปลือยอก ก็เดินตามออกมา ปิ่นเมืองถึงกับตกใจ แต่ก็คุมสติได้
“เจ้าพี่ราบฟ้า อีละอองคำเหย เจ้าว่าข้าคิดชั่ว แต่ข้าก็มิเคยคิดผิดผีพาผู้ชายมาร่วมห้อง ฮึ ทีนี้พวกเจ้าเห็นหรือยังเล่า ว่าเชื้อมันไม่ทิ้งแถว แม่มันเป็นอย่างใด มันก็เป็นอย่างนั้น”
ฟอง ฝน และข้าไทพลอยผสม “แท้แท้เจ้าข้าเจ้านาง”
“อีปิ่นเมือง”
ละอองคำถลาจะตบปิ่นเมือง แต่ราบฟ้าดึงไว้
“อย่าละอองคำ เมื่อน้องพี่รู้ว่าสิ่งใดต่ำก็ไม่ต้องถลำไปตามสิ่งนั้น กลับเข้าไปในคุ้มเสีย”
“แต่เจ้าพี่ก็ได้ยินว่าอีปิ่นเมืองมันทำอะไรกับข้า”
“กลับไปปิ่นเมือง” ราบฟ้าหันไปสั่งเสียงแข็ง
“ไม่ เจ้าพี่หลงอีเลือดชั่วถึงเพียงนี้เจียวหรือเจ้าข้า”
“พี่บอกให้เจ้ากลับไป”
ฟอง ฝน และข้าไทเริ่มมีสีหน้าไม่ดี รีบเข้าไปกระซิบปิ่นเมือง
“กลับก่อนเจ้าข้า แล้วค่อยมาใหม่”
“กลับก็ได้ เจ้าพี่ราบฟ้าอย่าหมายว่าอีละอองคำจะพ้นผิด ข้าไม่ยอมดอก”
กลุ่มของปิ่นเมืองล่าถอยกลับไป รุ้งแก้วทรุดนั่งที่ตั่ง หน้าซีดเผือด ขณะที่ละอองคำกับราบฟ้าเดินกลับเข้าไปในคุ้ม
ละอองคำน้ำตาไหลพราก แต่กลับไม่มีเสียงสะอื้น
ร่างแบบบางถูกราบฟ้าตระกองกอดไว้แน่น แต่สีหน้านั้น กลับนิ่งไม่หวั่นไหวตาม
“กลับไปเสียเถิดเจ้าพี่ กลับไป”
“ไยเจ้าไล่พี่ละอองคำ”
“ข้าอยากอยู่คนเดียว”
ราบฟ้าเดินถอยห่างออกมา มองละอองคำอย่างสงสาร “รื่องของเรา ถ้าเจ้าผิด พี่ก็ต้องผิดกว่า”
ละอองคำมองหน้าราบฟ้า แล้วน้ำตาไหล
“เจ้าพี่ ช่วยข้าด้วย รับปากข้าสิว่าจะไม่ทิ้งข้า เจ้าพี่”
พูดพลางซบหน้ากับพื้น ก่อนที่ราบฟ้าจะใช้มือลูบผมแล้วค่อยๆ ประคองขึ้นมาจูบซับน้ำตา
“พี่สัญญา หัวใจพี่ไม่เคยห่างจากน้อง มีหรือที่พี่จะทิ้งน้องได้”
ละอองคำยิ้มทั้งน้ำตา “ชื่นหัวอกแล้ว คำแก้วคำงามที่เจ้าพี่รับสั่ง เป็นดั่งน้ำทิพย์ให้ข้าคลายเศร้า”
“ถ้าเช่นนั้น เจ้าก็หยุดร้องไห้ พี่ขึ้นนั่งบัลลังก์ตั่งเมืองวันใด พี่จะยกให้เจ้าเป็นมหาเทวี”
“เจ้าพี่ ข้าเชื่อเจ้าพี่ ข้าจะรอคอยวันนั้นเจ้าข้า”
ละอองคำยิ้มอย่างมีความหวัง ขณะที่สีหน้าของราบฟ้า ยังคงกังวลเช่นเดิม
รุ้งแก้วมองไปรอบๆ กู่เจ้าของแม่ แล้วก็หน้าซีดเผือด ละอองคำที่ยืนอยู่ห่างออกไป รีถามอย่างข้องใจ
“ว่าอย่างใดรุ้งแก้ว มีอะไรก็บอก อย่าปิดพี่ พี่อยากรู้ว่าอีปิ่นเมืองมันกล้าทำอย่างที่พูดหรือไม่”
รุ้งแก้วน้ำตาไหล แล้วสะอื้นเบาๆ “เจ้าพี่”
ละอองคำรีบถลามา ผลักรุ้งแก้วออกห่าง ก่อนจะมองไปเห็นกู่ถูกเจาะที่โคนฐาน
“อีปิ่นเมือง ชั่วสุดหัวสุดตีนเยี่ยงนี้ ก็อย่าหมายว่าข้าจะดีด้วย”
พลันก็บังเกิดสายลมพัดแรง รุ้งแก้วเหลียวมองไปรอบๆ แล้วก็ผงะ เมื่อเห็นหญิงขายผียืนอยู่ พร้อมกับหัวเราะเสียงแหบๆ
“ยาย”
“มีอะไรให้ข้าช่วยมั้ย”
รุ้งแก้วปากคอสั่น “ไม่มี ยายกลับไปซะ ไปสิ”
แต่ละอองคำกลับเรียกไว้ “เดี๋ยว”
หญิงขายผีหัวเราะเสียงต่ำๆ “เอาผีข้าไปเลี้ยงมั้ย ผีข้าช่วยเจ้าได้นะ”
ละอองคำส่ายหน้าช้าๆ “ข้ามีผีปู่ผีย่าแล้ว”
“เขานับผีแม่เจ้าเข้าร่วมวงศ์หรือไม่เล่า ซ้ำร้าย ผีแม่เจ้า เจ้าเองก็เอาทิ้งไป เยี่ยงนี้แล้วเจ้าจะเอาผีที่ใดคุ้มครองเจ้า”
ละอองคำมองที่รูที่ถูกเจาะแล้วก็หน้าเสีย
“ถึงยังไง ข้าก็ไม่ต้องการผีของยาย กลับไปเสีย ถ้าเจ้าหลวงรู้เข้ายายจะหัวขาด อย่าลืมว่าข้าก็เป็นธิดาองค์หนึ่งของเจ้าฟ้าเมืองนาย ข้ายังมีผีปู่ผีย่าคุ้มครองอยู่ ข้ารับซื้อผีผู้ใดมิได้ดอก”
หญิงขายผีหัวเราะอีก “ถ้าเจ้าเปลี่ยนใจเมื่อใด ก็ให้นึกถึงข้านะละอองคำ”
“เอ๊ะ อย่ากวนใจข้า ออกไปให้พ้น”
พูดจบละอองคำก็หันไปมองกู่เจ้าแม่แล้วร้องไห้ รุ้งแก้วหันไปทางหญิงขายผี แต่ไม่เห็นแล้ว
“เจ้าพี่ เจ้าพี่เจ้าข้า”
“อะไรรึรุ้งแก้ว”
รุ้งแก้วสีหน้าหวาดกลัว “ทำไม ยายขายผีถึงหายไปเร็วนักเล่า”
“ก็ดีแล้ว เจ้าจะได้ไม่กลัวยังไงเล่า เจ้าแม่เจ้าข้า ถึงกระดูกจะไม่มีเหลือ แต่ข้าเชื่อว่าวิญญาณของเจ้าแม่ยังคุ้มครองดูแลข้าอยู่ จ้าแม่อย่าทิ้งข้าไปนะเจ้าข้า”
รุ้งแก้วเหลียวมองไปรอบๆ แล้วก็หน้าซีดเผือด
“แท้ๆ รึอีฟองอีฝน”
ปิ่นเมืองอย่างถามตื่นเต้น
ฟอง, ฝน รีบขานรับพร้อมกัน “แท้แท้เจ้าข้าเจ้านาง”
ปิ่นเมืองยิ้ม ดวงตาเป็นประกายฟองรีบพูดต่อ
“ท่านโหราหาฤกษ์ให้เจ้าราบฟ้านั่งเมืองได้แล้ว”
ปิ่นเมืองถามอย่างตื่นเต้น “เมื่อใด”
ฝนเป็นง่ายตอบแทน “อีก 2 วันเจ้าข้าเจ้านาง”
ปิ่นเมืองยิ้มดีใจ “ 2 วัน แล้วเอ็ง 2 คนรู้หรือไม่ ว่าผู้ใดจักได้เป็นพระมหาเทวีแห่งเมืองนาย”
ราบฟ้านั่งอยู่เบื้องหน้าเจ้าฟ้าเมืองนาย
“จะเป็นผู้อื่นไปมิได้ นอกจากปิ่นเมือง”
ราบฟ้ารีบบอกปัด “แต่ข้ารักละอองคำ มิใช่ปิ่นเมืองเจ้าพ่อ”
เจ้าฟ้ายิ้มหยัน “ผู้หญิงหน้าด้านที่เจ้ากล้าผิดผีกับมัน ต่อไปมันก็คงร่านชายเหมือนแม่มัน เรื่องชั่วช้าของมัน คนทั้งเมืองนายรู้ดี ความชั่วมันแพร่ไปเร็วยิ่งกว่าลมพายุ คิดดูดีๆ นะราบฟ้าว่าอีละอองคำมันมีค่าเสมอเจ้าหรือไม่”
พูดพลางมองจ้องหน้านิ่ง ราบฟ้ารีบก้มหน้า เหมือนยอมรับโดยดุษณี
บรรดาข้าไทช่วยกันผสมผงขัดผิว
มีเครื่องหอม น้ำอบ น้ำปรุงวางเรียงราย ใกล้ๆ กัน ข้าไทอีกกลุ่มกำลังช่วยกันจัดเตรียมฉลองพระองค์
พักหนึ่งปิ่นเมืองก็ออกมาจากห้องใน ในสภาพสยายผม มีผ้าปิดอกอยู่
ฟองรีบพูดเอาหน้า “เจ้านางปิ่นเมืองเจ้าข้า น้ำอบ น้ำปรุงสมุนไพรที่จะทำให้เจ้านางงามแล้วก็หอมไปทั้งตัว เสร็จแล้วเจ้าข้าเจ้านาง”
ฝนเอาบ้าง “น้ำมันงาที่จะชโลมผมให้ดำขลับข้าเจ้าก็เตรียมไว้แล้วเจ้าข้าเจ้านาง”
ปิ่นเมืองยิ้มอย่างพึงพอใจ ก่อนจะหันหลังให้เหล่าข้าไทใช้ผงขัดผิวให้
ราบฟ้าออกมาจากห้องใน แต่กลับถูกพวกทหารกรูกันเข้ามาขวางไว้
“หลีกไป”
“เจ้าฟ้ารับสั่งว่าให้พวกข้าเฝ้าพระโอรสมิให้เสด็จไปที่ใดเจ้าข้า”
“เหตุใด” ราบฟ้าย้อนถาม...
“มิได้รับสั่งเหตุผล รับสั่งเพียงว่าหากเจ้าราบฟ้าเสด็จออกไปพ้นคุ้มนี้ พวกข้าทุกคนต้องถูกตัดหัว 7 ชั่วโคตรเจ้าข้า”
ราบฟ้าได้ฟังก็ถึงกับอึ้งไป
ละอองคำนั่งอยู่ที่นอกชานหน้าคุ้ม ปล่อยให้แสงจันทร์อาบร่าง รุ้งแก้วค่อยๆ เข้ามานั่งข้างๆ
“เจ้าพี่ดึกแล้วนะเจ้าคะ เข้าไปนอนเถิดเจ้าค่ะ คืนนี้เจ้าพี่ราบฟ้าคงไม่มาแล้ว”
“มาหรือไม่มา พี่ก็จะรออยู่ตรงนี้ น้องไปนอนเสียเถิด”
รุ้งแก้วมองพี่สาวอย่างสงสาร เห็นใจ “โธ่ เจ้าพี่” ก่อนจะค่อย ๆ ผละออกไป ทิ้งให้ละอองคำนั่งนิ่งเป็นหุ่นปั้น ปล่อยให้สายลมพัดปลายผมปลิว น้ำตาหยาดไหลเป็นทาง
ที่หน้าคุ้มหลวง เต็มไปด้วยชาวเมืองที่มาเฝ้าดูการแสดงและชื่นชมบารมีของเจ้าหลวงองค์ใหม่
กันเป็นจำนวนมาก ครู่หนึ่งเสียงดนตรีพื้นเมืองเหนือก็ดังขึ้น นางฟ้อนพากันออกมาร่ายรำ
อีกด้านหนึ่ง ขบวนเสลี่ยงก็เดินผ่านหน้ามาปิ่นเมืองที่แต่งตัวสวยงาม นั่งเชิดหน้าอยู่บนเสลี่ยง
มีนางข้าไทถือเครื่องแสดงเกียรติยศนำหน้า พลเสลี่ยงแบกเสลี่ยงดำเนินไป
ปิ่นเมืองปรายตามองนางฟ้อน ด้วยท่าทางที่เหนือกว่า
ราบฟ้าแต่งฉลองพระองค์เต็มยศ ตรงเข้าไปถวายบังคมต่อหน้าบัลลังก์พระราชบิดา เจ้าฟ้าเมืองนายหยิบดาบสะหรีกัญไชยส่งให้ ราบฟ้ารีบรับไว้ด้วยสองมือ
“ดาบสะหรีกัญไชยนี้เป็นเครื่องแสดงยศว่าต่อแต่นี้ไป เจ้าราบฟ้าคือเจ้าหลวงองค์ใหม่แห่งเมืองนาย ขอเจ้าจงปกครองไพร่ฟ้า ด้วยความยุติธรรม ตั้งมั่นอยู่ในศีลในธรรม เป็นที่รักของปวงอาณาประชาราษฏร์สืบไป”
ราบฟ้ารีบค้อมศรีษะรับคำ “พระเจ้าข้า ข้าจักจำใส่เกล้า ความทุกข์ใดของไพร่ฟ้า ข้าจักถือเป็นความทุกข์ของข้าด้วย”
พลันเสียงแตรสังข์ก็เป่าประโคมดังขึ้นมา ปิ่นเมืองแต่งตัวสวย เดินผ่านขุนทหารเข้ามาเห็นขุนทหารถวายบังคม ตามมาด้วยธิดาน้อยใหญ่หลายคน ที่แต่งตัวตามเมืองต่างๆ ให้เห็นว่าเป็นลูกที่เกิดจากเจ้าหญิงเมืองต่างๆ
ปิ่นเมืองนั่งอยู่ที่ตั่งของตน แต่ไม่มีละอองคำ ตั่งของปิ่นเมืองตั้งอยู่ใกล้บัลลังก์เจ้าฟ้ามากที่สุด
ปิ่นเมืองกราบลงตรงหน้าเจ้าฟ้าเมืองนายแล้วนั่งที่ตั่งของตน
เจ้าฟ้ารีบพูดอย่างเมตตา “เข้ามาหาพ่อนี่ปิ่นเมือง”
ปิ่นเมืองเขยิบเข้าไปใกล้ แล้วยิ้มพอใจ รู้ว่าพ่อจะแต่งตั้งตัวเองเป็นมหาเทวี ขุนนางคนหนึ่งยกพานที่วางมงกุฎอยู่ ราบฟ้ามอง ไม่อยากให้มงกุฎมหาเทวีกับปิ่นเมือง
ปิ่นเมืองส่งสายตาให้ราบฟ้า พลางเข้าไปใกล้ๆ แล้วก้มลง พร้อมกับให้ฝ่ายหลังสวมมงกุฎ พร้อมสายสะพาย ราบฟ้าที่มีมงกุฎอยู่ในมือรีบอาจจจะยื่นมือไปประคองมงกุฎ แต่ยังไม่ถึงก็แสร้งทำเป็นวิงเวียน เซไป
“ทุกคนตกใจ้าฟ้า ราบฟ้า”
ขุนนางประคองราบฟ้าไปที่ตั่งของตัวเอง โดยมีมงกุฎอยู่ในมือ แล้วขุนนางก็รับไป วางที่พานเหมือนเดิม จ้าฟ้าหน้าซีด ทุกคนในหอคำตกใจ หน้าเสียไปตามๆ กัน
ปิ่นเมืองเงยหน้าขึ้น มองไปที่มงกุฎ แล้วก็น้อยใจ หลุดสะอื้นออกมาดังๆ แล้ววิ่งร้องไห้ผ่านหน้าทุกคนออกไป
ทางด้านในคุ้มของละอองคำ ฟองก็หันมาสั่งการเสียงดังลั่น
“เฝ้าประตูไว้ อย่าให้ผู้ใดเข้าออกคุ้มนี้ นี่เป็นรับสั่งของพระมหาเทวีพระองค์ใหม่”พลันละอองคำพร้อมกับรุ้งแก้วกับละอองคำออกมาจากข้างใน
“ผีบ้าตนใดมันสิงพวกเจ้าให้เข้ามาในคุ้มข้า..
รุ้งแก้วหันมามองฝนกับฟาง ฝนมองดุ
“มิต้องถามอะไรทั้งนั้นอีรุ้งแก้ว”
ละอองคำรีบพูดแทรกขึ้นมา
“เจ้ากล้าดีอย่างไร มาเรียกน้องข้าเช่นนี้ ไม่รู้ที่ต่ำที่สูงรึ“
“ปากดีนักอีละอองคำเหย พระมหาเทวีทรงใช้พวกข้ามา จับมัน กันอีรุ้งแก้วออกไป”
เหล่าข้าไทกรูกันจับตัว แต่ละอองคำฮึดสู้ แต่สุดท้ายกลับโดนฟองกับฝนตบจนฟุบไป เหล่าข้าไทรีบถลันเข้าไปจับแขนทั้ง 2 ข้างไว้ ก่อนที่ฟองจะดึงกรรไกรออกมา
“อย่า...” รุ้งแก้วร้องเสียงหลง
ฟองรีบบอก “พระมหาเทวีบอกว่าเจ้าหลวงราบฟ้าหลงเสน่ห์มัน จำต้องทำให้มันเสียโฉม”
ฟองกับฝนหัวเราะลั่น
เรือนผมของละอองคำ ถูกฟองใช้กรรไกรตัดผมตัดฉับๆ จนผมร่วงสู่พื้น
รุ้งแก้วสะอื้นไห้ พลางพยายามพูดวิงวอน
“พอแล้ว อย่าทำเจ้าพี่ พอแล้ว”
ฝนรีบสวนขึ้นมาทันที “อย่าไปฟังมัน ถ้าอีรุ้งแก้วมันยังไม่เงียบ ข้าให้พวกเจ้าตบมันได้ พระมหาเทวีทรงอนุญาตข้ามาแล้ว”
สีหน้าละอองคำแค้นเคือง พลันก็แว่วยินเสียงเหมือนมีอะไรวิ่งไล่อยู่บนหลังคา ฟองเหลียวมอง
แล้วก็เห็นแมวดำตัวหนึ่งกระโจนมาจากหน้าต่าง ทุกคนถึงกับผงะ ฟอง ฝน ผละออกพร้อมกัน
แมวดำยืนอยู่ขู่ฟ่ออยู่ที่ขื่อบ้าน ขณะที่เสียงแมววิ่งไล่บนหลังคายังดังเกรียว รุ้งแก้วกับละอองคำมองอย่างตกใจ
ฝนรีบหันไปบอกฟอง “อีฟอง กลับกันก่อนเถอะข้าว่ามันน่ากลัวแท้ๆ”
ฟองมองละอองคำอย่างสะใจ
“อีละอองคำหัวกุดแล้ว มองอย่างใดก็น่าเกลียด เหมือนอีผีบ้า เหมือนชีเพิ่งสึกจากวัด”
พลันแมวดำก็กระโจนลงมาจากขื่อ ทั้งหมดวิ่งหลบแทบไม่ทัน ต่างกรีดร้องกันวุ่นวาย
รุ้งแก้วตรงเข้าหาละอองคำที่โกรธจนพูดไม่ออก ตัวสั่นด้วยความแค้นเคือง
“เจ้าพี่ เจ้าพี่ พูดกับข้าสิ เจ้าพี่”
ละอองคำทำหน้านิ่ง แล้วเหลียวกวาดตาไปทั่วคุ้ม แต่ไม่เห็นแมวสักตัว
ฟอง ฝน ข้าไทและทหารวิ่งกรูหนีตายลงบันไดมา แล้วก็ต้องผงะ เมื่อเห็นหญิงขายผีเดินผ่านมา
ฝนตกใจ ร้องเสียงหลง “ว้าย หน้าตาน่ากลัว”
ทุกคนผงะ หญิงขายผีหัวเราะเสียงต่ำ พร้อมกับลมพายุพัดมา ลมหมุนจนดูน่ากลัว ฟองถึงกับขนลุกซุ่
“น่ากลัวแท้ๆ รีบไปกันเถอะ”
ทุกคนวิ่งหนีไป หญิงขายผีมองไปที่คุ้ม รุ้งแก้วออกมาปิดประตูคุ้ม ประสานสายตากับหญิงขายผีพอดี
“ยาย”
จากนั้นก็รีบผลุบหายเข้าไปในคุ้ม
ละอองคำร้องไห้สะอึกสะอื้น พลางหยิบเศษผมของตัวเองมากำไว้ด้วยความคับแค้นใจ พลันรุ้งแก้วก็เดินเข้ามา สีหน้าท่าทางหวาดกลัว
“เจ้าพี่ๆๆ ยาย ยายขายผีมาอีกแล้ว”
“ยาย”
ละอองคำรีบออกไปอย่างรีบร้อน รุ้งแก้วมองตาม ด้วยความตกใจ
ละอองคำถลาลงบันไดมา พลางกวาดตามองหาหญิงขายผี แต่กลับไม่เห็นใคร
รุ้งแก้วที่ออกมาจากข้างในรีบตะโกนเรียก
“เจ้าพี่ ขึ้นมาบนคุ้มเถิดเจ้าข้า น่ากลัว”
ละอองคำแค่นยิ้ม “ยังจะมีอะไรน่ากลัวกว่าที่เราเพิ่งเจออีกหรือ ไม่มีอะไรน่ากลัวเท่าอีปิ่นเมือง
อีกแล้ว รุ้งแก้ว เจ้ากลับเข้าไปในคุ้มซะ ไปสิ รุ้งแก้ว”
เสียงนั่นดุ จนรุ้งแก้วกลัว ต้องรีบผลุบเข้าไปในคุ้ม
ละอองคำหันไปรอบๆ แล้วก็เห็นหญิงขายผีหลบอยู่ที่ต้นไม้ต้นหนึ่ง ไม่ห่างจากคุ้มนัก นางรีบรี่ไปหา“ผีเจ้าของข้า ช่วยเจ้าไว้ ซื้อผีของข้าไปเลี้ยงมั้ยละอองคำ”
ละอองคำลังเล มองหน้าหญิงขายผีนิ่ง
ละอองคำกลับเข้ามาในคุ้ม รุ้งแก้วรีบถาม ด้วยน้ำเสียงกล้าๆ กลัวๆ
“ยายไปแล้วเหรอเจ้าพี่”
“พี่ไล่ไปแล้ว”
รุ้งแก้วยิ้มโล่งใจ “ข้าดีใจที่เจ้าพี่ไม่ใจอ่อนรับผีวงศ์อื่นมาเลี้ยง หาไม่เจ้าพ่อจะยิ่งโกรธเจ้าพี่ที่รับผีต่างวงศ์มาเลี้ยง”
ละอองคำเชิดหน้า มองออกไปไกลๆ
“พี่ยังไม่รับปากดอกรุ้งแก้ว ถ้าตราบใดเจ้าพ่อปกป้องเราไม่ได้ ผีต่างวงศ์ก็จำเป็น”
ละอองคำพูดแล้วก็เดินหายไปทางหนึ่ง รุ้งแก้วได้ฟังความก็ถึงกับอึ้งไป
เจ้านาง ตอนที่ 2 (ต่อ)
ปิ่นเมืองที่สยายผมยาว กำลังนั่งให้ฟองกับฝนช่วยกันชโลมน้ำมันให้
“เจ้าพี่ยังอยู่ที่คุ้มหลวงใช่มั้ย”
ฟองรีบรับคำ “เจ้าข้า เจ้าฟ้าทรงห้ามมิให้เสด็จออกนอกคุ้มหลวง”
ฝนยิ้มเหยียด “คงกลัวว่าจะไปหาอีละอองคำเจ้าข้า”
ปิ่นเมืองยิ้มสะใจ หยิบปลายผมตนเองมาชื่นชม
“อีหัวกุดละอองคำหรือจะสู้หญิงที่มีผมงามอย่างข้าได้”
ฟากละอองคำก็เอาแต่ส่องกระจก ยลหน้าของตัวเอง ที่มีผมสั้นกุดน่าเกลียด แล้วก็ร้องไห้ด้วยความคับแค้นใจ ก่อนจะคว้าของใกล้มือฟาดไปที่กระจก จนร้าวแตก รุ้งแก้วถลาเข้ามาด้วยความตกใจ
“เจ้าพี่ เจ้าพี่เจ้าข้า โธ่”
ละอองคำพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“พี่น่าเกลียดยังงี้ เจ้าพี่คงไม่มองพี่แล้ว”
ราบฟ้าที่นั่งอยู่ตรงหน้าเจ้าฟ้าเมืองนาย พูดยืนยันเสียงแข็ง
“ข้าไม่ได้รักปิ่นเมือง เมื่อไม่รัก ก็ไม่อยากทนอยู่ร่วมหอเจ้าข้า”
“แม่ของปิ่นเมืองเป็นธิดาเมืองใหญ่ หากรู้ว่าปิ่นเมืองไม่ได้รับความเป็นธรรม จะก่อขบถได้ ครานี้แจ้งใจหรือยัง เป็นเจ้าคนนายคนต้องรู้จักแยกแยะ ราบฟ้า”
ราบฟ้าพูดย้ำ “แต่ข้าไม่รักปิ่นเมือง”
“แต่งตั้งปิ่นเมืองเป็นมหาเทวี ส่วนเจ้าจะมีหญิงอื่นอีกกี่คน พ่อก็ไม่ห้าม”
ราบฟ้ามองสบตาพ่อ แล้วระบายยิ้มดีใจ
ปิ่นเมืองหัวเราะสะใจ พลางยกกระจกส่องหน้าขึ้นส่อง
“เอ็งว่ามั้ยอีฟอง อีฝน แข่งอะไรก็แข่งได้ แต่แข่งบุญ แข่งวาสนามันแข่งกันไม่ได้”
ฟองกับฝนรีบรับคำ “จริงจริงแท้แท้เจ้าข้าเจ้านาง”
“อีละอองคำหัวกุด หน้าวอก เหมือนนางชีสึกใหม่ ข้ายิ่งดูงาม”
ปิ่นเมืองหัวเราะสะใจ ก่อนจะหยุดหัวเราะโดยพลัน เมื่อเห็นราบฟ้ายืนจ้องเขม็ง
ฟองกับฝนรีบก้มกราบ แล้วไม่ยอมเงยหน้าขึ้น แผ่นหลังสั่นด้วยความกลัว
ราบฟ้าเดินหนี ปิ่นเมืองรีบตามไปงอนง้อ “เจ้าพี่ เจ้าพี่”
ฟองกับฝนเงยหน้า สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ขณะที่ ปิ่นเมืองถลาไปขวางหน้าราบฟ้าไว้
“เจ้าพี่มาแต่เมื่อใด ข้าจะให้อีฟองอีฝนหาสำรับคาวหวานถวาย คืนนี้ข้าจะอยู่ดูแลเจ้าพี่เองเจ้าข้า”
ราบฟ้าทำหน้านิ่ง “อย่าลำบากเลย”
“แต่ข้าอยากปรนนิบัติเจ้าพี่”
“ข้าคงร่วมสำรับกับคนใจร้ายมิได้ดอก”
ปิ่นเมืองตกใจ “เจ้าพี่”
“ยิ่งเจ้าทำร้ายละอองคำมากเท่าใด พี่ก็รังเกียจเจ้ามากเท่านั้น”
ราบฟ้าเดินออกไป ปิ่นเมืองมองตาม ตัวสั่นด้วยความโกรธจัด
“เจ้าพี่ เจ้าพี่จะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น เจ้าพี่ต้องอยู่กับข้า ข้ารักเจ้าพี่ ข้าไม่ยอมให้เจ้าพี่ไปไหนทั้งนั้น”
ปิ่นเมืองวิ่งตามไปยื้อยุดกอดราบฟ้า แต่กลับถูกอีกฝ่ายแกะมือออก
“ปล่อย”
“ไม่ ข้าไม่ปล่อย จะหนีข้าไปหาละอองคำ ผิดผีซ้ำรึเจ้าข้า”
ราบฟ้าไม่สนใจ รีบสะบัดตัว แล้วเดินหนีไป ปิ่นเมืองเซไปทางหนึ่ง ฟองกับฝนรีบถลามาช่วยประคอง
ละอองคำผุดลุกขึ้นดีใจที่เห็นราบฟ้ามา รีบโผไปหา แล้วทรุดตัวลงกราบแทบบาท ร้องไห้จนแผ่นหลังสะเทือน
ราบฟ้ารีบประคองให้ลุกขึ้น แล้วก็ชะงัก ตกใจที่เห็นผมของละอองคำ “น้องพี่”
ละอองคำสะอื้นไห้ “น้องไม่มีผมจะเช็ดพระบาทเจ้าพี่แล้ว”
ราบฟ้าแตะไปที่เรือนผมของละอองคำ “ช่างมันเถิดน้องพี่”
“อีพวกข้าไทคุ้มของปิ่นเมือง มันทำข้า”
“ต่อไปนี้พี่จะไม่ยอมให้ใครรังแกน้องพี่ได้อีกแล้ว”
ละอองคำเงยหน้ามองราบฟ้าอย่างซาบซึ้งใจ “เจ้าพี่”
ราบฟ้ากอดละอองคำไว้แน่น
ปิ่นเมืองนั่งอยู่ข้างตะเกียง แสงตะเกียงจับใบหน้าจนดูน่ากลัว
“ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้ามีความสุขแม้เพียงห้วงชั่วลมหายใจ อีละอองคำเหย”
ราบฟ้าตระกองกอด และพรมจูบไปทั่วหน้าละอองคำ พร้อมพร่ำพูด
“ชีวิตนี้พี่หารักหญิงใดได้อีกแล้ว หัวใจพี่มีเพียงเจ้าเท่านั้น เจ้ารักพี่หรือไม่”
ละอองคำเงยหน้ารับการจูบของราบฟ้า ก่อนจะส่งเสียงตอบรับ
“หัวใจข้ามิเคยห่างหัวใจของเจ้าพี่เลยเจ้าข้า”
“ยอดดวงใจของพี่”
ราบฟ้าเป่าตะเกียงดับ พลันทั้งห้องก็มืดสนิท
พระอาทิตย์ขึ้นที่ริมขอบฟ้า
ราบฟ้า ละอองคำ รุ้งแก้ว กำลังยืนรอใส่บาตร อีกมุมหนึ่ง ฟอง ฝน และนางข้าไท ก็เดินถือขันใส่บาตรตรงมา ก่อนที่ทั้งหมดจะหยุดชะงัก
“อีฝน เอ็งเห็นเหมือนข้าหรือไม่”
“ข้าก็เห็นเหมือนเอ็ง อีฟอง ทำอย่างใดดี”
ฟองหันมาบอกข้าไทที่ตามมา “พวกเอ็งรีบกลับไปทูลเจ้านางปิ่นเมืองบัดเดี๋ยวนี้ ไปสิ ให้เจ้านางรีบเสด็จมาที่นี่เลยนะ”
ข้าไทรับคำแล้วรีบวิ่งไปทางหนึ่ง ฟอง ฝนมองหน้าเป็นเชิงปรึกษากัน
“เอายังไงดีหา อีฝน”ฃ
“ถ่วงเวลามันไว้ รอเจ้านางปิ่นเมืองมา”
“แล้วถ้าเจ้าหลวงกริ้วเล่า ระวังเอ็งกับข้าจะเป็นผีหัวขาด”
จังหวะนั้นพระเดินผ่านไปเป็นแถวพอดี ฟองรีบบอก
“ข้านึกออกแล้ว เอ็งรีบกลับไปที่คุ้ม...”
พูดพลางกระซิบกับข้างหู ฝนรีบวิ่งกลับไป
ฟองรีบถลาไปหากลุ่มของราบฟ้า แล้วแสร้งร้องไห้ พร้อมกับทรุดลงกราบ
“ช่วยด้วยเจ้าข้า ช่วยด้วย”
ราบฟ้าทำหน้าสงสัย “อีฟอง มีการอันใด”
“เจ้านางปิ่นเมืองเจ้าข้า เจ้านางจะฆ่าตัวตาย ข้าเจ้าพากันห้าม แต่เจ้านางจะฆ่าตัวตายท่าเดียวเจ้าข้า รีบเสด็จเถิดเจ้าข้า”
ละอองคำกับรุ้งแก้วสบตากันอย่างรู้ทัน
“เจ้าพี่เสด็จไปดูเจ้านางปิ่นเมืองเถิดเจ้าข้า ไม่ต้องห่วงข้าดอก”
ราบฟ้าละล้าละลัง “แต่..”
“ไปเถิด แม้นช้าไปจักสายเกินแก้นะเจ้าข้า”
“ถ้าเช่นนั้น คืนนี้พี่จะไปหาเจ้า”ละอองคำเผยยิ้ม “เจ้าข้า”
ราบฟ้ารีบเดินไป พอคล้อยกลัง ฟองก็ลุกขึ้นมองละอองคำ แล้วหัวเราะหยัน
“สังกะตังกินหัวรึ ละอองคำ”
“ใช่ มันไม่ได้ขึ้นที่หัวอย่างเดียวนะอีฟอง มันขึ้นที่มือด้วย”
ขาดคำละอองคำตบหน้าฟองเต็มแรง จนฝ่ายถูกตบถึงกับล้มลงไป ก่อนจะลุกขึ้น มองละอองคำอย่างอาฆาต
“จำไว้ อย่าอวดดีกับข้า”
ฟองรีบลุกขึ้น กุมแก้ม ท่าทางแค้นเคือง แล้วทำท่าจะเข้าไปทำร้ายละอองคำ
“ตบกูหรืออีละอองคำ”
“เออ ไสหัวไปซะ หาไม่ ข้าจะกราบทูลฟ้องเจ้าพี่ให้ตัดหัวเจ้า”
รุ้งแก้วเห็นท่าจะไปกันใหญ่ รีบร้องห้าม “เจ้าพี่ พอแล้วเจ้าข้า”
ละอองคำหันมาถลึงตามองฟอง “ไปสิ ไสหัวไปให้พ้น ไป๊”
ฟองรีบวิ่งไปอย่างแค้นเคือง ละอองคำมองตาม แล้วยิ้มสะใจ ตรงข้ามกับรุ้งแก้ว ที่มองอย่างเป็นกังวล
“ข้าไม่อยากให้มีเรื่องกันเลย”
“มันหาเรื่องพี่ เจ้าก็เห็น”
ฝนชะเง้อมองไปด้านนอกคุ้ม แล้วก็รีบหันกลับมาแจ้งข่าว
“มาแล้วเจ้าข้า จริงจริงแท้แท้เจ้าข้า เสด็จมาแล้วเจ้าข้าเอ๊ย”
นางข้าไทรีบกรูกันเข้าไปในห้อง
พลันที่ราบฟ้ามาถึงหน้าคุ้ม ฝนก็รีบถลาไปหา พร้อมกับแสร้งร้องไห้
“เร็วเข้าเถิดเจ้าข้า ก่อนที่เจ้านางจะ ฮือๆๆ”
ราบฟ้ารีบเดินผ่านหน้าไปทันที ฝนแอบยิ้มอย่างสมใจ
ปิ่นเมืองแสร้งจะใช้มีดแทงอกตัวเอง นางข้าไทพยายามยื้อยุด พร้อมกับร้องห้ามกันเซ็งแซ่ ราบฟ้าเข้ามาเห็น ถึงกับตกใจ
“ปิ่นเมือง”
ปิ่นเมืองร้องไห้โฮ พร้อมกับตวาดเสียงดัง “พวกเอ็งออกไป อย่ามาถูกตัวข้า ข้าจะตายต่อหน้าเจ้าพี่ราบฟ้า คนที่ข้ารักมากที่สุดในชีวิต ออกไป๊”
ข้าไทถอยกรูด ลนลาน แล้วเลี่ยงออกไป ราบฟ้ารีบเดินเข้าไปหา
“เอามีดมาให้พี่ มันอันตราย เจ้าทำไมไม่คิดถึงใจเจ้าพ่อบ้าง”
ปิ่นเมืองแสร้งตีหน้าเศร้า “ไม่เห็นมีใครคิดถึงใจข้าสักคน แล้วทำไมข้าต้องคิดถึงใจคนอื่นด้วยเล่า”
“ปิ่นเมือง อย่าดื้อสิ”
ปิ่นเมืองแสร้งร้องไห้สะอึกสะอื้น
“ ไม่ ข้าอยากตาย ข้าอับอายผู้คนทั้งเมืองนาย เกิดมาก็ต้องพ่ายแพ้วาสนาอีผู้หญิงเลือดชั่วอย่าง
อีละอองคำ ข้าไม่อยากมีชีวิตอยู่สู้หน้าใครอีกแล้ว เจ้าพี่ ข้าลาก่อน”
พูดพลางแกล้งเงื้อมีดจะแทงตัวเอง ราบฟ้าคว้ามือไว้ได้ พร้อมกับปัดมีดตกแล้วกอดปิ่นเมืองแน่น
ปิ่นเมืองร้องไห้ซบกับอก แต่แอบระบายยิ้ม พร้อมกับแสร้งพูดเสียงเครือปนสะอื้น
“กลับมาทำไมเจ้าพี่ กลับมาทำไม ปล่อยให้ข้าตายเสียเถิด ในเมื่อเจ้าพี่เห็นอีละอองคำดีกว่าข้า”
ราบฟ้าทำสีหน้าเหนื่อยหน่าย แต่พยายามข่มใจ
“ไปล้างหน้าล้างตาเสีย น้ำตาจะทำให้เจ้างามน้อยลง”
ปิ่นเมืองรีบเช็ดน้ำตา “ข้างามในสายตาเจ้าพี่ด้วยหรือเจ้าข้า”
ราบฟ้ายิ้มเอาใจ ก่อนที่ปิ่นเมืองจะซบกับอกอีกครั้ง
“แท้นะอีฟอง” ฝนหันมาถามย้ำ เมื่อได้ฟังความจากฟอง
“แท้สิ มันตบข้า ยังเจ็บไม่หาย ข้าได้ยินว่าคืนนี้เจ้าราบฟ้าจะไปหามันที่คุ้ม”
ฝนดวงตาวาว ยิ้มร้ายอย่างมีแผน “รู้เยี่ยงนี้แล้วจะช้าอยู่ไยล่ะวะอีฟอง”
“เอ็งหมายความว่ากระไร”
ฟองย้อนถาม ฝนกระหยิ่มยิ้มอย่างสะใจ
ละอองคำกับรุ้งแก้วเดินเคียงกันกลับคุ้ม สีหน้าของทั้งคู่เต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม จนเมื่อเดินผ่านเส้นทางที่มีต้นไม้ใหญ่รกๆ จู่ๆ หญิงขายผีก็โผล่ออกมา ในมือถือตะกร้าที่มีกรวยดอกไม้สดวางอยู่ด้วย
“เจ้าพี่”
รุ้งแก้วตกใจรีบหลบหลังละอองคำ
“ยายทำให้น้องข้ากลัว”
“ผีข้าช่วยเจ้าได้นะ”
ละอองคำส่ายหน้า “ไม่ อย่ามาเซ้าซี้ข้าอีกนะ หลีกไป ข้าไม่สนใจซื้อผีต่างวงศ์มาเลี้ยงหรอก ไปซะ”
หญิงขายผี หัวเราะเสียงต่ำ แล้วหลีกทางให้ทั้งสองเดินผ่านไป ก่อนจะพูดไล่หลัง
“ถ้าวันใดเจ้าเปลี่ยนใจ ก็นึกถึงข้านะละอองคำ”
ละอองคำรีบจูงมือรุ้งแก้วเดินไป “อย่าไปสนใจ รุ้งแก้ว”
ราบฟ้านั่งจับมือปิ่นเมืองที่นอนอยู่บนเตียงในห้องบรรทม
“เจ้าพี่ก้าวออกจากคุ้มข้าแม้เพียงก้าวเดียว ข้าจะฆ่าตัวตาย เป็นผีตามหลอกตามหลอนเจ้าพี่
กับอีละอองคำ ไม่เชื่อ ก็ลองดูสิ”
ราบฟ้าทำหน้าเหนื่อยหน่ายใจ ทว่าต้องพยักหน้าจำยอม
“ราบฟ้าไปค้างที่คุ้มละอองคำ กล้าผิดผีมิเกรงกลัวผีปู่ย่าและผีหลวงเมืองนาย อีละอองคำชั่วเหมือนแม่มันไม่มีผิด”
เจ้าฟ้าเมืองนายพูดอย่างเกรี้ยวกราด ฟองลอบอมยิ้ม แล้วเพ็ดทูลต่อ
“รับสั่งว่าคืนนี้จะไปค้างที่คุ้มเจ้าละอองคำอีกเจ้าข้า เจ้านางปิ่นเมืองเกรงว่าผีหลวงเมืองนายจะโกรธ ทำให้เมืองนายเดือดเนื้อร้อนใจ จึงให้ข้าเจ้ามากราบทูลเจ้าฟ้าให้ทรงทราบ”ฃ
“เอาเถิด ข้าจะเร่งให้ราบฟ้าแต่งตั้งมหาเทวีให้เร็วที่สุด เอ็งกลับไปได้แล้ว อีฟอง แล้วดูแลปิ่นเมืองให้ดีด้วย”
ฟองรีบก้มกราบ เจ้าฟ้าหันไปสั่งทหาร
“เอาเสลี่ยงไปรับราบฟ้าที่คุ้มปิ่นเมือง คืนนี้ให้อยู่แต่ในคุ้มหลวง ส่วนพวกเจ้าจงเกณฑ์พลจัดแต่งหอเสกสมรสให้เร็วที่สุด วันพรุ่งข้าจะจัดพิธีเสกสมรสราบฟ้ากับปิ่นเมือง”
“รับใส่เกล้าเกศีเจ้าข้า”
ฟองได้ฟังความ ก็อมยิ้มพอใจ
ขบวนเสลี่ยงจอดรออยู่ที่หน้าคุ้มปิ่นเมือง
ราบฟ้าออกมาจากคุ้ม โดยมีปิ่นเมืองตามติด ฟองกับฝนตามเสด็จมาด้วย
“รับสั่งให้ไปอยู่คุ้มหลวงเยี่ยงนี้ เห็นทีข้าต้องแต่งองค์ทรงเครื่อง รอรับการแต่งตั้งเป็นพระมหาเทวีเจ้าในวันพรุ่งแล้วละเจ้าข้า”
ปิ่นเมืองยิ้มกริ่ม ตรงข้ามกับราบฟ้าที่ทำหน้าไม่ยินดียินร้าย
“ลางทีเจ้าพ่ออาจหารือพี่เรื่องศึกพวกดั้งขอก็ได้ พี่ได้ข่าวว่าพวกมันส่งกองทัพมาประชิดหัวเมือง
อีกแล้ว”
พูดพลางรีบขึ้นนั่งเสลี่ยง ก่อนที่เสลี่ยงถูกยกขึ้น
ปิ่นเมืองโบกพัดด้ามจิ้วสีหน้าสะใจ เมื่อขบวนเสลี่ยงดำเนินไปแล้ว
“ข่าวของเอ็งแท้นะอีฟอง”
“ข้าเจ้าได้ยินเต็ม 2 หูเลยเจ้าข้า”
ปิ่นเมืองหัวเราะร่า “เอ็ง 2 คนไปสอดแนมดูทีว่ามีการตกแต่งหอเสกสมรสจริงหรือไม่”
ละอองคำนั่งอยู่หน้ากระจก ที่แตกร้าวจากการถูเอาของขว้างเมื่อวันก่อน ใบหน้าของนางแตกเป็นเสี้ยวตามรอยร้าว ก่อนจะค่อยๆ ดึงผ้าโพกผมออก พร้อมกับที่รุ้งแก้วเข้ามาทางด้านหลัง
“น้องอยากให้เจ้าพี่ตัดใจจากเจ้าพี่ราบฟ้า น้องไม่อยากเห็นเจ้าพี่ถูกรังแก”
“ไม่มีใครพรากเรา 2 คนให้จากกันได้ดอก รุ้งแก้ว ขวัญเจ้าอ่อนนัก เจ้าถึงได้กลัวไปหมด มาหาพี่สิ พี่จะเรียกขวัญให้เจ้า”
รุ้งแก้วยิ้มพอใจ เข้ามานอนหนุนตักเจ้าพี่
“ขวัญเอ๊ยขวัญมา ขวัญตาก็ให้อยู่ที่ตาทั้งคู่ ขวัญหูก็ให้อยู่ที่หูทั้ง 2 ข้าง ขวัญปากก็ให้อยู่กับปากบาง ขวัญจิตอย่าราร้างไปที่ใด”
“แล้วขวัญของเจ้าพี่ล่ะเจ้าคะอยู่ที่ใด”
ละอองคำมองไปที่กระจก ภาพสะท้อนในกระจก เห็นรอยยิ้มเศร้า
“ขวัญพี่จะอยู่ที่ใดได้ นอกจากที่เจ้าพี่ราบฟ้าเพียงผู้เดียว”
ราบฟ้านั่งมองมงกุฎมหาเทวีที่ตั้งอยู่บนพานข้างตั่ง เจ้าฟ้าที่ยืนอยู่ข้างๆ รีบพุดเชิงปราม
“พ่อไม่ต้องการให้เจ้าเกลือกกลั้วกับละอองคำ ผิดผีแล้วก็อย่าผิดซ้ำ ไว้เลี้ยงผีปู่ย่าเมื่อใด พ่อจะต้องทำขันสมามิให้ผีโกรธเคือง”
“ข้าอยากให้เจ้าพ่ออภัยให้ละอองคำ”
เจ้าฟ้าหันมาตอบเสียงขุ่น “พ่อเคยอภัยให้มันแล้ว แต่มันก็ไม่กลับตัวเป็นคนดี ครานี้อย่า
หวังว่าพ่อจะรับขันสมามันอีก”
ราบฟ้าก้มหน้า ชำเลืองมองไปทางมงกุฎ
“วันพรุ่งเจ้าต้องเข้าพิธีเสกสมรสกับปิ่นเมือง ส่งตัวเข้าหอแล้ว พ่อจะให้ทำพิธีอัญเชิญมงกุฎมหาเทวีไปที่คุ้มปิ่นเมืองอย่างสมเกียรติมหาเทวีแห่งเมืองนาย”
“ไยเจ้าพ่อจึงไม่ให้ข้ามอบมงกุฎมหาเทวีแก่น้องปิ่นเมืองในหอคำต่อหน้าเจ้าเมืองทั้งร้อยเอ็ด
พระนครเล่า” ราบฟ้าย้อนถาม
“คราก่อนเจ้าก็ทำให้พ่ออับอายมาแล้ว ครานี้พ่อจะไม่ให้พลาดอีก หน้าที่ของเจ้าคือเสกสมรสกับปิ่นเมืองวันพรุ่ง ส่วนมงกุฎมหาเทวีเป็นหน้าที่ของพ่อเอง”
เจ้าฟ้าพูดแล้วก็ออกไป ทิ้งให้ราบฟ้านั่งมองดูมงกุฎแบบซึมๆ ก่อนจะใช้มือลูบอย่างแผ่วเบา เหมือนกำลังตัดสินใจ
ละอองคำตกใจ เมื่อมองดูมงกุฎในมือราบฟ้า
“เจ้าพี่”
“วันพรุ่ง พี่ต้องเข้าพิธีเสกสมรสกับปิ่นเมือง”
ละอองคำอึ้งไป น้ำตาคลอ สะบัดหน้าหนี “แล้วจะมาหาน้องทำไม”
“ถึงพี่จะเข้าหอกับปิ่นเมือง แต่หัวใจพี่มีเพียงน้องคนเดียวเท่านั้น เมื่อมงกุฎนี้อยู่กับน้อง ก็แสดงว่ามหาเทวีที่แท้จริงแห่งเมืองนายคือเจ้านางละอองคำ ไม่ใช่ปิ่นเมือง”
ละอองคำได้ฟังก็ถึงกับอึ้งไป แล้วมองไปที่ถุงผ้าใบใหญ่
“เจ้าพี่”
“ถูกแล้ว มงกุฎมหาเทวี”
ละอองคำยิ้มทั้งน้ำตาแล้วโผเข้ากอดราบฟ้า
รุ้งแก้วออกมาจากมุมหนึ่ง เห็นราบฟ้าเอามงกุฎออกมาจากถุงผ้า ก่อนจะบรรจงสวมให้ละอองคำ“ต่อไปนี้ น้องคือมหาเทวีของเมืองนาย เป็นจอมเมืองเคียงข้างพี่บนบัลลังก์ตั่งทอง”
ละอองคำยิ้มภูมิใจ ค่อยๆ แตะไปที่มงกุฎบนหัวด้วยมืออันสั่นเทา
รุ้งแก้วหน้าซีดเผือด น้ำตาคลอ
“โธ่ เจ้าพี่ เรื่องจะบานปลายไปใหญ่”
เจ้านาง ตอนที่ 2 (ต่อ)
ราบฟ้าตระกองกอดละอองคำ แล้วมองไปที่ท้องฟ้าผ่านกรอบหน้าต่าง เห็นดวงดาวเต็มท้องฟ้า
ส่องแสงระยิบระยับ งดงามจับใจ
“ตามราชประเพณี พี่ต้องสวมมงกุฎนี้ให้มหาเทวีต่อหน้าเจ้าเมืองทั้งร้อยเอ็ดพระนคร แต่คืนนี้พี่ขอให้หมู่ดาวนับร้อยนับพันเป็นพยานว่าพี่แต่งตั้งน้องพี่เป็นมหาเทวีแห่งเมืองนาย เพียงผู้เดียวเท่านั้น ตั้งแต่วัน
พรุ่ง พี่จะให้เจ้าย้ายไปอยู่คุ้มที่ใหญ่กว่านี้ มีทหารและข้าไทคอยรับใช้ ให้สมกับที่น้องเป็นมหาเทวีเคียงข้างพี่บน
ตั่งทอง”
ละอองคำสบตาราบฟ้าด้วยแววตาซึ้ง
“น้องอยู่ที่นี่ก็มีความสุขดีแล้วเจ้าข้า อีกอย่างคุ้มนี้ก็ใกล้กู่เจ้าแม่ อยากไปไหว้สากู่เจ้าแม่วันใดก็ไปได้สะดวก”
“ถ้าเช่นนั้นก็ตามใจน้องเถิด ไปนอนเถิด วันพรุ่งเจ้าต้องแต่งตัวงามนั่งเสลี่ยงเป็นมหาเทวีเจ้าแห่งเมืองนาย”
“แล้วเจ้าพี่”
“ตามราชประเพณี พี่ต้องรอรับขบวนเสลี่ยงเกียรติยศที่หอเสกสมรส เจ้าอย่าห่วงเลย วันพรุ่ง เจ้าไทคนสนิทของพี่จะนำเสลี่ยงหลวงมารับน้อง”
ละอองคำยิ้มภูมิใจ ก่อนจะทรุดตัวลงกราบแทบบาท ราบฟ้าประคองให้ลุกขึ้นทั้งสองสบตากันนิ่ง“หาต้องกลัวอันใดไม่ นะละอองคำ”
พระอาทิตย์ขึ้นที่ขอบฟ้า เสียงไก่ขันดังแว่วมาแต่ไกล
บรรดาข้าไทกำลังช่วยกันแต่งตัวให้เจ้านางปิ่นเมือง
“โอย เช้าแล้วหรือนี่ ข้ายังงามไม่สมใจเลย เร่งมือเข้าหน่อย เอ็งเห็นเสลี่ยงหลวงมาหรือยัง ถ้ามาแล้วก็ให้รอก่อน ไหนเอาคันฉ่องให้ข้าดูหน่อยสิ ว่าข้างามหรือยัง”
ฟองยกกระจกให้ปิ่นเมืองส่อง ฝนรีบสอพลอ
“งามแท้แท้เจ้าข้าเจ้านาง”
“งามกว่าหญิงใดในเมืองนายเจ้าข้า”
ปิ่นเมืองยิ้มย่างลำพองใจ “เอ็ง 2 คนลองคิดดูสิว่า ถ้ามงกุฎอยู่บนหัวข้า ข้าจักงามเพียงใด”
ฝนรู้ใจส่งพัดด้ามจิ้วให้ ปิ่นเมืองโบกพัดให้ตัวเอง
“ป่านนี้แล้วเสลี่ยงหลวงยังมาไม่ถึงอีก”
ฟองโวยวายเสียงดังเมื่อยังไม่เห็นเสลี่ยงหลวงที่หน้าคุ้ม ฝนพลอยกังวลไปด้วย
“นั่นสิ ถ้าเลยฤกษ์ไปจะว่าอย่างใด”
“จะว่าอย่างใดเล่าอีฝน พลเสลี่ยงคงหัวขาดกันหมดน่ะสิ”
ขาดคำ ข้าไท 2 คน ก็รีบวิ่งมา
“อีฟอง อีฝน เสลี่ยงหลวงเดินเลยไปแล้วเจ้าข้า”
ฝนกับฟองอุทานพร้อมกัน “หา”
“โง่ง่าวนักหนา ก่อนเกิดมา ยมบาลไม่ยัดสมองมาให้เอ็งดอกรึ เหตุใดไม่บอกพลเสลี่ยงว่าคุ้มเจ้าปิ่นเมืองอยู่ที่นี่”
ฝนหันมาด่า
ฟองตวาดซ้ำ “มันน่าเอาหวายลงหลังนัก”
“ข้าเจ้าสองคนบอกแล้ว แต่พลเสลี่ยงบอกว่า…เอ้อ...”
ฝนกับฟองตวาดถามแทบจะพร้อมกัน
“บอกว่าอะไร หา...”
ปิ่นเมืองกรีดร้องด้วยความโมโหสุดขีด พร้อมกับปัดข้าวของตกกระจายเกลื่อน
“ไม่จริง ไม่จริง พวกเอ็งปดข้า”
ฟองกับฝนหน้าซีดเผือด
“เจ้านาง”
“ทรงระงับสติอารมณ์หน่อยเจ้าข้า”
ทั้งคู่พยายามกอดรั้งปิ่นเมืองไว้ไม่ให้อาละวาด
“ปล่อยกู กูจักไปคุ้มอีละอองคำ ไปดูให้เห็นกับตาว่าเสลี่ยงหลวงไปที่คุ้มอีกาลี ปล่อย”
ปิ่นเมืองสะบัดอย่างแรง จนฟองกับฝนกระเด็นไปคนละทาง
“ไปเตรียมเสลี่ยงให้ข้า เร็ว”
ทางด้านละอองคำก็อยู่ในฉลองพระองค์ชุดอันงดงาม รุ้งแก้วมองอย่างชื่นชม ครู่หนึ่งก็ทำหน้าสลด
“เจ้าพี่งามนัก แต่ข้าเกรงว่าเจ้าพี่จะมีศัตรูเพิ่มขึ้น”
“ทุกวันนี้พี่ก็มีศัตรูมากอยู่แล้ว ถ้าจะมีเพิ่มขึ้นอีกสักคนสองคน ก็คงไม่เป็นไรดอกรุ้งแก้ว ยากนักที่เราจะเปลี่ยนคนชังให้เป็นคนรักได้ อย่าใส่ใจเลยน้องพี่”
“แล้วเจ้าพ่อล่ะเจ้าคะ เจ้าพี่ไม่กลัวรึ” รุ้งแก้วย้อนถาม
“เจ้าพ่อก็รักเราน้อยกว่าลูกทุกคนอยู่แล้วนี่ เจ้าเอาเวลาไปสนใจอย่างอื่นดีกว่า”
ขณะนั้นนางข้าไทก็เชิญมงกุฎออกมา วางบนพานสวยงาม
“มงกุฎนี้จะทำให้พี่ไม่ต้องกลัวผู้ใด มันเป็นมงกุฎที่อยู่กับผู้ใดแล้ว .ผู้นั้นก็มีอำนาจ”
ละอองคำยิ้มพอใจ แล้วก็หน้าเสียเมื่อลมพัดแรงเข้ามาในคุ้ม ข้าวของตกลงพื้นเกลื่อนกลาด
แมวดำกระโดดลงมาจากขื่อ
มงกุฎถูกลมพัดจนข้าไทที่เชิญพานล้มลง มงกุฎร่วงลงพื้น ทุกคนตกใจ
“ว้าย เจ้าพี่”
รุ้งแก้วมองหน้าเจ้าพี่ พร้อมกับลมสงบลง ละอองคำหน้าเสีย อดวิตกไม่ได้ แต่ก็รีบเข้มแข็ง
“ของตกก็ต้องเก็บ ไยเจ้าต้องตกใจด้วยรุ้งแก้ว”
“ลมมาจากที่ใด”
“ก็พัดเข้ามาทางหน้าต่างสิ”
“แล้วแมวดำล่ะเจ้าพี่” รุ้งแก้วถามอีก
ละอองคำหน้าเสียไปหน่อยหนึ่งแล้วตอบด้วยความเข้มแข็ง
“มันก็คงมาจากที่อื่นอาจจะนอนเล่นอยู่บนขื่อ มันเห็นผู้คนก็เลยตกใจ แค่นั้นเอง รุ้งแก้ว”
“ข้ากลัวว่าจะเป็นลาง”
“ไร้สาระ รีบไปที่หอเสกสมรสเถิด เดี๋ยวเจ้าพี่ราบฟ้าจะรอนาน”
เสลี่ยงหลวงรออยู่ที่หน้าคุ้ม โดยมีพลเสลี่ยงอยู่ประจำที่
ขุนไทเดินไปมา แล้วก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นเสลี่ยงของปิ่นเมืองมาอย่างเร็ว
ปิ่นเมืองอยู่บนเสลี่ยง ฟองกับฝนวิ่งตามแทบไม่ทัน นางข้าไทอื่นๆ ตามมาด้วย
“เกิดเรื่องใหญ่แล้วล่ะ”
ขุนไทอีกคนรีบบอก “ข้าคิดไว้ไม่ผิดเลย ทำอย่างใดดี”
“เจ้าพี่ราบฟ้าผู้เดียวเท่านั้นที่จะแก้ปัญหานี้ได้”
ปิ่นเมืองที่นั่งบนเสลี่ยงสั่งเสียงดัง “เร็วสิวะ เร็ว ช้านัก กลับถึงคุ้มข้าจะเอาหวายลงหลังพวกเจ้า
ด้วยมือข้าเอง เร็ว”
พลันที่เสลี่ยงมาถึงหน้าคุ้มละอองคำ เจ้าไทก็รีบขวางไว้
“เจ้านางปิ่นเมือง จักไปที่ใดหรือเจ้าข้า”
ปิ่นเมืองมองจ้องหน้า “เจ้าขุนไททั้งสองเห็นผิดเป็นชอบ หมายจะยกอีกาลีละอองคำมาเป็นนายเหนือหัวหรืออย่างใด ถึงกล้าคุมขบวนเสลี่ยงหลวงมารับมันถึงคุ้ม”
“ข้า 2 คนมาตามบัญชาของเจ้าพี่ราบฟ้า”
ปิ่นเมืองร้องตะโกนท้าทาย “อีละอองคำเหย ซ่อนหน้าอยู่ในคุ้มทำไมเล่า เยี่ยมหน้าออกมาหน่อยเถิด มาให้ข้าดูว่าผู้หญิงหน้าด้านมันมีหน้าตาอย่างใด”
ฟองกับฝนหันหน้าหัวเราะกัน ปิ่นเมืองหันมาถามบ่าวไพร่ข้าไทเสียงดัง
“อีพวกข้าไททั้งหลายเหย ถอดรองเท้าออก ใครเอารองเท้าขว้างหน้ามันได้ ข้าจะให้ทองเต็มไถ้
จะให้อัฐเท่ากระบุง”
ฟอง ฝน และข้าไท ย่ามใจพากันถอดรองเท้ามาถือไว้ ขุนไทรีบร้องห้าม
“เจ้านาง ทำเช่นนั้นหาควรไม่”
แต่ปิ่นเมืองหาฟังไม่ “จะให้ข้ากราบทูลเจ้าพ่อให้ตัดหัวเจ้า 2 คนหรือไม่ ขุนไท”
ขุนไททั้ง 2 หน้าซีด
ที่กรอบประตู เหนือบันได ละอองคำแต่งตัวสวยก้าวออกมา มีนางข้าไททูนพานมงกุฎไว้เหนือหัว
ปิ่นเมืองหน้าซีด “มงกุฎมหาเทวีเจ้า”
ฟอง ฝน และข้าไททุกคนหน้าซีด
ข้าไทพากันทรุดตัวลงนั่ง ฟองกับฝนนั่งลงตาม พลเสลี่ยงจะทรุดตัวลง ทำให้ปิ่นเมืองเสียหลัก
“ว้าย ยืนตรง จะให้ข้าตกเสลี่ยงตายหรืออย่างใด พวกเอ็งด้วย ลุกขึ้น”
ข้าไทรีบลุกขึ้น ฟองกับฝนรีบโผมาที่เสลี่ยง
“เจ้านาง มงกุฎ”
ละอองคำเชิดหน้าสั่งเสียงเข้ม
“กลับไป ก่อนที่ข้าจะใช้อำนาจของมหาเทวีแห่งเมืองนายสั่งเจ้าจำคอกแล้วตัดหัวใน 3 วัน ไป๊”
ปิ่นเมืองตะลึง ทั้งโกรธ ทั้งผิดหวัง แต่ก็มีทิฐิโต้กลับไป
“ข้านึกว่าเจ้าจะมีเลือดชั่วร่านชายเหมือนแม่เจ้าเพียงอย่างเดียวเสียอีก สันดานที่มันมาเป็นชู้กับแม่เจ้าคงเป็นโจรไพรร้ายกาจ เจ้าจึงมีสันดานโจรลักเอามงกุฎของข้ามาเป็นของตัว เจ้าข้าเอ๊ย ใครไม่เคยเห็นว่าหน้าตาหญิงชั่วเป็นอย่างใดก็มาดูเสียให้เต็มตา เจ้าข้าเอ๊ย อี...”
ปิ่นเมืองพูดได้เท่านั้น ละอองคำก็ตวาดสวนกลับไป
“หยุด ถ้าเจ้าพูดต่ออีกคำเดียว หัวเจ้าขาดแน่”
ละอองคำจ้องหน้าเขม็ง สีหน้ามีอำนาจ รุ้งแก้วมองเจ้าพี่อย่างหวาดหวั่น
“กลับ”
พลเสลี่ยงรีบนำปิ่นเมืองออกไป ฟองกับฝน กับข้าไทรีบตามไป
ปิ่นเมืองไม่วายหันมองละอองคำด้วยแววตาจงชังชัง
รุ้งแก้วเอาผ้าซับเหงื่อให้ละอองคำ ที่นั่งหน้านิ่ง ทั้งแค้น ทั้งโกรธ แต่ทั้งหมดซ่อนอยู่ภายใต้ใบหน้าที่เรียบนิ่ง
“เจ้าพี่ ข้าว่าคืนมงกุฎให้เจ้าพี่ปิ่นเมืองไปเถิดเจ้าข้า”
ละอองคำหันมาตาวาวไม่พอใจ “รุ้งแก้ว เจ้าเป็นน้องพี่หรือเปล่า”
“ข้าไม่อยากให้เจ้าพี่ต้องทุกข์ใจแล้วถูกใครรังแก”
“ก็เพราะคิดเยี่ยงนี้อย่างใดเล่า ถึงถูกพวกมันรังแกไม่จบไม่สิ้น แม่เราถูกใส่ร้ายว่าคบชู้สู่ชาย ตายแล้วก็ยังต้องเอากู่ไปไว้นอกเวียง แม้แต่ผงเถ้าก็ยังไม่ได้เฉียดเข้าไปในสุสานหลวง เจ้าพ่อก็เกลียดชังเรา 2 คน
อีปิ่นเมืองมันทำกับพี่เยี่ยงใด เจ้าก็เห็นนี่ หรือว่าเจ้าจะให้พี่ไปกราบมัน”
รุ้งแก้วส่ายหน้า น้ำตาไหลพราก
“เจ้าพี่หักห้ามใจเถิดเจ้าค่ะ ยอมเขา แล้วเราก็อยู่อย่างนี้ เราก็มีความสุขดีแล้ว”
“นั่นมันเจ้า ไม่ใช่ข้า”
ละอองคำลุกขึ้นยืน ก่อนจะหันมาบอกรุ้งแก้ว
“พี่จะไปหอเสกสมรส ถ้าเจ้ากลัวก็จงอยู่เสียที่นี่”
ขาดคำละอองคำก็เดินไป รุ้งแก้วน้ำตาไหลพราก เช็ดน้ำตามองตามไป
ปิ่นเมืองร้องไห้โฮอยู่บนเสลี่ยง
“เจ้าพี่ ทำไมทำกับข้าเยี่ยงนี้ อีละอองคำ อย่าหวังว่าเจ้าจะแย่งเจ้าพี่ไปจากข้าได้”
พลเสลี่ยงเดินไปทางหนึ่ง ปิ่นเมืองตวาดเสียงลั่น
“ใครบอกว่าข้าจะกลับคุ้ม วางข้าลง”
พลเสลี่ยงรีบวางลง ปิ่นเมืองก้าวออกมา ข้าไทกับฟองและฝนนั่งลง
“ข้าจะไปเฝ้าเจ้าพ่อ อีฟอง อีฝน มาหาข้านี่”
ฟองกับฝนคลานไปใกล้ รอรับคำสั่ง ปิ่นเมืองเชิดหน้าร้าย
ขบวนเสลี่ยงของละอองคำดำเนินมา
สีหน้าของละอองคำนั้นเข้มแข็งยิ่งนัก รุ้งแก้วนำหน้าขบวน ข้าไทถือเครื่องแสดงเกียรติยศนำหน้าขบวน
บนเสลี่ยงมีพานวางมงกุฎอยู่ด้วย ละอองคำประคองพานด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
ชาวบ้านพากันนั่งเฝ้าแหนอยู่ 2ข้างทาง พากันยกมือไหว้เหนือหัว
แต่แล้วละอองคำก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นหญิงขายผี ยืนอยู่ริมถนนคนเดียว มองตามขณะที่ขบวนผ่านไป
หญิงขายผีมองมาที่ละอองคำตลอดเวลา รุ้งแก้วเองก็ถึงกับหน้าเสียเมื่อผ่านหน้าหญิงขายผี
ละอองคำมองจนเหลียวหลัง ก็ยังเห็นหญิงขายผียืนมองมา เมื่อหันกลับมาก็เห็นรุ้งแก้วแหงนหน้ามอง 2 พี่น้องมองสบตากัน
ละอองคำประคองพานใส่มงกุฎ หน้าเชิดอย่างมั่นใจ
ปิ่นเมืองก้าวเข้ามาในคุ้มหลวง ขณะที่เจ้าฟ้าเมืองนายเตรียมเสด็จไปหอเสกสมรส
“ปิ่นเมือง ไยเจ้าจึงไม่อยู่ที่หอเสกสมรส”
ราบฟ้าหน้าเสีย ปิ่นเมืองร้องไห้โฮ ถลาไปกราบแทบบาทเจ้าฟ้า
“เจ้าพ่อให้ความยุติธรรมแก่ลูกด้วย ลูกถูกรังแก”
“ใครทำอะไรเจ้า ปิ่นเมือง”
ปิ่นเมืองมองไปที่ราบฟ้า ”เจ้าพี่ราบฟ้ากับอีละอองคำเจ้าข้า”
เจ้าฟ้าหันมองตาม “หมายความว่าอย่างใดราบฟ้า”
“เจ้าพ่อ มงกุฎมหาเทวีอยู่ที่อีละอองคำเจ้าข้า เจ้าพี่ราบฟ้าเอาไปให้มัน ลูก ลูกไม่เหลืออะไรเลยผู้คนจะเยาะหยันลูกได้ ลูกมาขอลา ลูกอยากตายไปจากโลกนี้ ลูกไม่สามารถจะสู้หน้าใครได้”
ปิ่นเมืองซบหน้ากับพื้น แผ่นหลังสะเทือนไหว ร้องไห้สะอึกสะอื้น
“ราบฟ้า พ่อไม่คิดเลยว่าเจ้า”
ราบฟ้าก้มหน้านิ่ง “ข้าผิดไปแล้ว แต่ข้ายอมผิดต่อเจ้าพ่อและจารีตเมืองนาย แต่ข้าไม่ยอมผิดต่อความรักที่ข้ามีต่อละอองคำ”
“ผีตนใดมันสิงใจเจ้า ราบฟ้า”
เจ้าฟ้าโกรธจัด ตัวสั่น จนร่างเซ ขุนนางรีบมาประคองพาไปนั่งที่ตั่งทอง ราบฟ้านั่งลงแล้วกราบแทบบาท
เจ้าฟ้าน้ำตาคลอ “ฤาเมืองนายจะถึงกาลวิบัติ เมื่อเจ้ารักอีหญิงชั่วอย่างละอองคำ เจ้าก็แต่งตั้งมันเป็นมหาเทวีไปเถิด ข้าจะไม่เข้าไปเหยียบหอเสกสมรสเด็ดขาด”
“เจ้าพ่อ”
“ไปได้แล้ว ไสหัวไปให้พ้นหน้าข้า หากไม่จำเป็นก็อย่ามาเหยียบที่นี่ ไป”
ราบฟ้าหน้าซีด ปิ่นเมืองแอบยิ้มสะใจทั้งน้ำตา
จบตอนที่ 2