xs
xsm
sm
md
lg

เจ้านาง ตอนที่ 3

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เจ้านาง ตอนที่ 3

ฝนชะเง้อมองไปเห็นขบวนของละอองคำใกล้เข้ามา
 
ฟองพูด “เริ่มได้ เต็มที่เลยนะ ข้าสัญญาว่าข้าเอาอัฐมาจ่ายไม่อั้น..ชีวิตนี้พวกเจ้าจะกินเหลือเฟือฟาย พระมหาเทวีปิ่นเมืองจะเลี้ยงผีให้ยิ่งใหญ่ทุกปี”
ม้าทรงกรูกันออกมาแล้วก็เต้นโยกไปมาแบบตัวเอนอ่อน ม้าทรงทุกคนอยู่ในอาการเหมือนไม่รู้ตัว ฟองยิ้มแล้วหลบไป ราบฟ้าก้าวออกมาจากหอเสกสมรสโดยมีทหารและขุนนางตามออกมา เจ้าไทตามเสด็จ
“เจ้าพี่ ไยม้าทรงมาทรงผีเอาเพลานี้” เจ้าไท
“นั่นสิ วันนี้หอเสกสมรสมีการมงคลนะ..เฮ้ย หยุด ๆ สิโว้ย หยุด”
ม้าทรงยังคงเต้นโยกไปโยกมา ในขณะที่ฟองแอบมองอยู่ ปิ่นเมืองเดินมาพอดี ฟองซุบซิบพร้อมกับมองมาที่กลุ่มม้าทรง ขบวนเสลี่ยงเกียรติยศของละอองคำมาถึงพอดี
“เจ้าพี่ นี่มันอะไรกันเจ้าข้า”
ละอองคำพอมองออกว่าเกิดอะไรขึ้นจึงมองไปที่ราบฟ้า ราบฟ้าดึงดาบสะหรีกัญไชยออกมาจากฝัก
“ผีเจ้าออกไปจากร่างม้าทรงบัดเดี๋ยวนี้ หาไม่ข้าจะฟันเจ้าด้วยดาบสะหรีกัญไชยเล่มนี้”
ม้าทรงหญิงผู้หนึ่งหันมาแล้วชี้หน้าไปที่ละอองคำพร้อมกับพูดเสียงแหบแต่ดุดัน
“เสนียดแผ่นดิน อุบาทว์จะกินเมือง ข้าไม่ยอมรับมัน ข้าไม่ยอมรับมัน ข้าไม่ยอมรับมัน”
ม้าทรงหงายหลังตึง ดนตรีหยุด ม้าทรงทำท่าโอนเอนแล้วพากันฟุบลงไป
ปิ่นเมืองถลาออกมาจากที่ซ่อน
“ผีหลวงเมืองนายมาเข้าม้าทรง เจ้าพี่ ได้ยินหรือไม่เจ้าข้าว่าผีหลวงบอกว่าอย่างใด เยี่ยงนี้แล้วเจ้าพี่ยังจะให้มันเข้าไปในหอเสกสมรสอีกหรือเจ้าข้า”
“แต่ข้าตั้งใจแล้วนะปิ่นเมือง ข้าจะแต่งตั้งละอองคำเป็นมหาเทวี” ราบฟ้าว่า
“ก็ตามใจเจ้าพี่ เมืองนายร้อนเป็นไฟเมื่อใด เจ้าพี่ก็คงจะรู้สึก”
ละอองคำเชิดหน้าพูดเสียงดัง
“เพื่อไม่ให้เมืองนายเป็นไปตามวาจาของผีหลวง ข้าจะไม่เข้าไปข้างใน”
“ละอองคำ”
“หมายความว่าเจ้าจะไม่ยอมเป็นมหาเทวีของเมืองนายรึละอองคำ” ปิ่นเมืองถาม
“ไม่” ละององคำชูมงกุฎขึ้น “ข้าคือมหาเทวีแห่งเมืองนาย มงกุฎนี้คือสิทธิอันชอบธรรมของข้า”
ละอองคำกราดสายตาไปทั่ว ราบฟ้าประกาศเสียงดัง
“ข้าขอประกาศต่อหน้าพวกเจ้าทุกคนว่าข้าแต่งตั้งเจ้านางละอองคำเป็นพระมหาเทวีแห่งเมืองนายเป็นนายเหนือหัวของพวกเจ้าทุกคน”
ทุกคนนั่งลง ผู้ชายถวายบังคม ม้าทรงได้สติก็รีบกราบลง ในขณะที่ผู้หญิงก็กราบลงเช่นกัน ปิ่นเมืองเชิดหน้าโดยไม่ยอมนั่งลง
“ข้าไม่ยอมไหว้ให้เสียมือดอก หาไม่ ชีวิตข้าคงถูกอุบาทว์กินไปจนตาย”
ละอองคำถือมงกุฎค้างไว้พร้อมกับจ้องหน้าปิ่นเมือง
“เอาสิ จะตัดหัวข้าก็บัญชามาเลย”
“พี่ขอร้องปิ่นเมือง พี่ขอร้อง” ราบฟ้าบอก
ปิ่นเมืองมองราบฟ้าน้ำตาคลอก่อนจะเชิดหน้าแล้วเดินจากไป ฟองรีบตามไปติดๆ
“เจ้ากลับคุ้มไปก่อนเถิด สักวันพี่จะแต่งตั้งเจ้าให้สมเกียรติ” ราบฟ้าบอก

ละอองคำค่อยๆ ลดมงกุฎลง มงกุฎผ่านหน้าของละอองคำลงมาเผยให้เห็นดวงตาน้อยใจของเธอ

เจ้าฟ้าที่ประชวรหนักนอนอยู่บนตั่ง ตาของเธอลอยมองดูเพดาน
 
เจ้าไทนั่งอยู่รอบๆ ขุนนาง ข้าไทคอยรับใช้ เจ้าฟ้ารับสั่งเสียงแผ่วสั่นเครือด้วยความสะเทือนใจถึงที่สุด
“ราบฟ้าทำเยี่ยงนี้เหมือนไม่เคารพผีอารักษ์เมืองนาย เชื้อเครือเค้าเมืองนายสืบสายจารีตนี้มาหลายชั่วอายุคน ไยเจ้าราบฟ้าจึงกล้าขัด อุบาทว์จะกินเมือง” เจ้าฟ้าเสียงแผ่วลง “หรือว่าอวสานของเมืองนายมาถึงแล้ว”
กลุ่มเจ้าไท ทหาร ขุนนางและข้าไทต่างพากันก้มหน้า เจ้าฟ้าน้ำตาเอ่อคลอแล้วก็ไหลไปทางขมับ


ราบฟ้าเดินมาหน้าห้องบรรทม ทหารยามขวางประตูเอาไว้
“หลีกไป ข้าจะเข้าไปเฝ้าเจ้าพ่อ”
“ขอเดชะพระอาญามิพ้นเกล้า เจ้าฟ้าทรงมีพระราชบัญชาห้ามผู้ใดเข้าไปข้างในพระเจ้าข้า”
“แม้แต่ข้าผู้เป็นเจ้าหลวงเมืองนายและเป็นลูกของเจ้าฟ้าอย่างนั้นรึ”
ทหารก้มหน้าไม่กล้ากราบทูลตอบ เจ้าไทคนหนึ่งออกมาจากข้างใน
ราบฟ้าเอ่ยถาม “เจ้าพ่อเป็นอย่างใดบ้าง ข้าจะเข้าไปเฝ้าเจ้าพ่อ แต่” ราบฟ้ามองมาที่ทหาร
“เจ้าพี่ อย่าเพิ่งเลย” ขุนไทห้าม
“ทำไม”
“เจ้าฟ้ายังไม่หายโกรธเจ้าพี่ ข้าเกรงว่าหาทรงเห็นเจ้าพี่แล้วจะเสียพระทัยจนสิ้นพระชนม์ อย่าโกรธข้าเลยที่ข้ากราบทูลเจ้าพี่เยี่ยงนี้”
ขุนไทก้มหน้า ราบฟ้ามองขุนไทด้วยสีหน้าสะเทือนใจแล้วจึงเดินไป


รุ้งแก้วเมียงมองมาเห็นราบฟ้านั่งซึมอยู่ที่ตั่ง รุ้งแก้วถอนใจแล้วจะเลี่ยงไปทางหนึ่ง ละอองคำถือโตกอาหารที่มีอาหารอยู่สองสามอย่างมาพอดี
“เจ้าพี่ราบฟ้ากลับมาจากคุ้มหลวงก็เอาแต่นั่งซึม น่าสงสาร” รุ้งแก้วว่า
“ใช่ พี่ก็สงสาร เจ้าจะไปเก็บดอกไม้มาวันทาพระเจ้ามิใช่รึไปเสียเถิดก่อนจะค่ำ” ละอองคำบอก
“เจ้าข้า”
รุ้งแก้วเลี่ยงไป ละอองคำถือโตกอาหารเข้าไปหาราบฟ้าก่อนจะวางโตกอาหารไว้ข้างตั่ง“เจ้าพี่ เสวยสักหน่อยเถิด”
ละอองคำนั่งลงที่พื้นข้างตั่ง
“พี่กินอะไรไม่ลง เจ้าพ่อโกรธเราสองคนมาก จนถึงขั้นประชวรไม่ยอมให้พี่เข้าเฝ้า”
ละอองคำน้อยใจ แต่ก็สงสารราบฟ้าสุดหัวใจ
“ข้าจะเอามงกุฎไปคืนเจ้าพ่อ”
ราบฟ้ามองหน้าละอองคำ ละอองคำก้มหน้าน้ำตาหยาดไหลเพราะสะเทือนใจจนระงับไม่ได้
“น้องพี่” ราบฟ้าเชยคาง “พี่ยอมไม่ได้ พี่”
ราบฟ้าทรุดลงจากตั่งกอดละอองคำก่อนจะจูบแก้ม ซับน้ำตา พลางพร่ำพูด
“พี่ยอมเจ้าพ่อได้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องของเจ้า พี่รักเจ้า มงกุฎมหาเทวีต้องอยู่ที่เจ้าคนเดียว ละอองคำ อดทนอีกหน่อยเถิด สักวันผีหลวงเมืองนายก็คงเปิดทางให้เราสองคนรักกัน”
ราบฟ้าระดมจูบละอองคำ แล้วทั้งสองก็กอดกันอย่างรักใคร่

ฟองโยนไถ้ใส่อัฐไปตรงหน้าม้าทรง ม้าทรงหญิงกลางคนรีบคว้าไว้ ฝนกับปิ่นเมืองยืนอยู่ด้วยกัน
“ไสหัวไปให้พ้น แล้วอย่าปากโป้งแพร่งพรายให้ผู้ใดรู้ หาไม่หัวมึงจักขาด”
ม้าทรงกอดไถ้ไว้แล้วกราบลงตัวสั่น
“วางใจข้าเถิดเจ้านาง”
“ไปได้แล้ว ระวังคนเห็นด้วยล่ะ” ฝนบอก
“เจ้าข้า”
ม้าทรงลนลานออกไป ปิ่นเมืองมีสีหน้าสะใจ

รุ้งแก้วเก็บดอกไม้อยู่ที่พุ่มดอกไม้ หญิงขายผีโผล่พรวดออกมาจากหลังพุ่มไม้
รุ้งแก้วตกใจ “ว้าย ยาย ข้าตกใจหมดเลย”
“ขวัญอ่อน” หญิงขายผีหัวเราะเสียงต่ำ “คนไม่มีผีดูแลคุ้มครองก็เป็นอย่างนี้แหละ ให้ละอองคำพี่เจ้า ซื้อผีข้าไปเลี้ยงสิ”
“ไม่ ผีปู่ผีย่าข้าก็มี ข้าไม่เลี้ยงผีต่างวงศ์ดอก ยายไปขายคนอื่นเถอะจ้ะ พี่ข้าก็ไม่สนใจเลี้ยงผีต่างวงศ์เหมือนกัน”
“แต่ข้าอยากขายให้เจ้าสองคนเท่านั้น”
รุ้งแก้วชะงักก่อนจะถามขึ้น “ทำไมล่ะจ๊ะยาย”
“ข้ารู้ดีว่าผีข้ามีนิสัยอย่างใด ไม่ต่างจากพี่สาวเจ้าดอก ผีกับคนเลี้ยง ถ้าสื่อถึงกันได้ ทุกอย่างก็ราบรื่น”
หญิงขายผีหัวเราะเสียงต่ำๆ รุ้งแก้วนิ่งอึ้งพร้อมกับมองหน้าหญิงขายผี
“ข้าไม่เอา ยายอย่ามายุ่งกับข้าสองคนอีกนะ”
หญิงขายผีหัวเราะ “แต่เจ้าต้องซื้อผีของข้า”
หญิงขายผีเดินเข้าหาพร้อมกับมองตารุ้งแก้ว รุ้งแก้วขว้างดอกไม้ในมือใส่หน้าหญิงขายผีแล้ววิ่งไป
 
หญิงขายผีหัวเราะแล้วมองตามไป

เจ้าฟ้าเมืองนายละเมอ
 
“ผีหลวง อภัยให้ข้าเถิด อภัยให้ข้า อภัยให้ข้า”
เจ้าฟ้าเสียงแผ่วเบาลงแล้วหลับไปดังเดิม ทุกคนพากันมองไปที่ร่างของเจ้าฟ้าซึ่งอยู่บนตั่งพลางถอนใจ
พานเชี่ยนหมากตั้งอยู่ ใกล้ๆ กันมีพานใส่ตราแผ่นดินวางอยู่ด้วย

รุ้งแก้วเดินผ่านมา ข้าไทหลายคนที่นั่งอยู่ด้านนอกพากันกราบลง รุ้งแก้วมองด้วยความสงสัย ละอองคำออกมาจากข้างใน
“เจ้าพี่ส่งนางข้าไทพวกนี้มารับใช้เราสองคน” ละอองคำพูดกับข้าไท “คุ้มข้าเป็นคุ้มเล็ก อาจจะไม่สะดวกสบายมากนัก แต่ข้าก็ชอบที่นี่”
ราบฟ้าแต่งตัวเต็มยศเตรียมไปรับแขกบ้านแขกเมืองออกมาจากข้างใน ทุกคนนั่งลงกราบ“วันนี้มีทูตจากหลายเมืองมาถวายบรรณาการแก่เมืองนาย พี่คงอยู่ที่หอคำทั้งวัน กลางคืนมีงานรื่นเริงต้อนรับทูต พี่จะส่งเสลี่ยงมารับเจ้านะละอองคำ”
“อย่าเลยเจ้าข้า” ละอองคำว่า
“เจ้าเป็นมหาเทวีเมืองนาย จะหายหน้าจากงานพิธีได้อย่างใด” ราบฟ้าเป็นกังวล
“เจ้าพี่อย่าทรงกังวลเลยเจ้าข้า ข้าจะแต่งตัวให้มหาเทวีละอองคำงามที่สุดเจ้าข้า”
ราบฟ้ายิ้มพร้อมกับส่งสายตาให้ละอองคำ ละอองคำสะเทิ้นอาย


เจ้าเมืองต่างๆ นั่งอยู่ใกล้บัลลังก์ตั่งทอง ขุนนางและข้าไทนั่งเฝ้ากันมากมาย ราบฟ้าในฉลองพระองค์เต็มยศเดินผ่านทุกคน ทุกคนพากันถวายบังคม ผู้หญิงก็กราบลง ราบฟ้าประทับนั่งบนบัลลังก์ด้วยท่วงท่างามสง่า

เจ้าไทกับปิ่นเมืองเผชิญหน้ากันอยู่ ฟองกับฝนอยู่ด้านหลังปิ่นเมือง
“ลืมไปแล้วรึเจ้าไท เจ้าก็แค่ลูกเชลยที่เจ้าพ่อเอามาเลี้ยงไว้เป็นตัวประกัน อย่าสำคัญตนผิดคิดว่าเป็นลูกแท้ๆ เยี่ยงข้า หลีกไป”
“แต่หมอหลวงบอกว่าพระอาการเจ้าฟ้า”
ปิ่นเมืองแผดเสียงโต้กลับไป
“ถ้าเจ้าฟ้าสิ้นพระชนม์ ไม่มีลูกคอยดูพระทัยข้างพระวรกาย เจ้าจะมีความผิด ข้าจะให้เจ้าพี่ราบฟ้าประหารชีวิตเจ้า หลีกไป”
เจ้าไทจำใจหลีก ปิ่นเมืองย่างเยื้องออกไปอย่างสะใจ ฟองกับฝนจะตาม แต่เจ้าไทขวางไว้ ขุนทหารเอาหอกกันประตู
“ไม่ต้อง”
ฟองกับฝนสะบัดหน้าแล้วนั่งลง

เจ้าฟ้าที่นอนอยู่น้ำตาไหลลงมาทางขมับ ปิ่นเมืองกราบลงแล้วเขยิบเข้ามาใกล้
“เจ้าพ่อ ลูกปิ่นเมืองมาเฝ้าเจ้าพ่อ เจ้าพ่อเป็นอย่างใดบ้างเจ้าคะ”
เจ้าฟ้าหันหน้ามาโดยมีรอยยิ้มที่มุมปาก ดวงตาเป็นประกาย
“ราบฟ้าอยู่กับเจ้าหรือไม่”
ขุนไทและทุกคน ต่างนิ่งรอฟังคำตอบ
“เจ้าข้า เจ้าพี่ราบฟ้าอยู่กับข้า แต่อีละอองคำมันมักมาหาเจ้าพี่อ้างว่ามงกุฎมหาเทวีอยู่ที่มัน”
เจ้าฟ้าหน้าเครียดพร้อมกับฟังเสียงปิ่นเมืองที่กราบทูล
“ข้าหวั่นใจนัก เจ้าพ่อก็มาประชวรทรุดหนัก แขกบ้านแขกเมืองมาเฝ้าขอน้อมถวายบรรณาการมิว่างเว้น นี่เป็นเพราะพระบารมีของเจ้าพ่อดอกนะเจ้าข้า หากสิ้นเจ้าพ่อแล้ว ข้าก็มิรู้ว่าเมืองนายจักเป็นอย่างใด”
ปิ่นเมืองจับมือเจ้าฟ้าแล้วหยิบตราแผ่นดินใส่มือ ทุกคนตกตะลึง ปิ่นเมืองคลี่กระดาษที่ม้วนมาแล้ว
วางลงที่ข้างตัวเจ้าฟ้าเมืองนายก่อนจะจับมือเจ้าฟ้าเมืองนายประทับตราที่กระดาษ
“เจ้านางทำอะไร” เจ้าไทถาม
ปิ่นเมืองไม่ตอบเจ้าไทแต่กราบทูลเจ้าฟ้า “เจ้าพ่ออย่าโกรธข้าเลย ข้าทำเพื่อเมืองนาย หาไม่อีละอองคำจักอ้างสิทธิ์ไปกว่านี้”
“ข้าอยากรู้ว่าในกระดาษแผ่นนั้น”
ปิ่นเมืองพูดกับพ่อ “ผีหลวงเมืองนายประทับม้าทรง สั่งห้ามละอองคำเข้าไปในหอคำ ห้ามนั่งบัลลังก์ตั่งทอง ห้ามเข้าไปในสุสานหลวงและห้ามย่างกรายเข้ามาในคุ้มหลวงของเจ้าพ่อ หาไม่เสนียดจัญไรจะทำให้เมืองนายต้องอุบาทว์เจ้าข้า”
เจ้าฟ้าหลับตาแล้วมีรอยยิ้มที่มุมปากก่อนจะรับสั่งแผ่วเบา
“ขอบใจ ปิ่นเมือง”

ปิ่นเมืองชะเง้อดูหน้าเจ้าฟ้ามีรอยยิ้มสะใจ บรรดาเจ้าไทยังมองมาอย่างตกตะลึงอยู่

ปิ่นเมืองโบกพัดด้ามจิ๋วพร้อมกับย่างเยื้องไปมาด้วยท่าทีสะใจ
 
ฟอง ฝน คลานเข่าตามติดอย่างประจบประแจง
“ก็ให้มันกอดมงกุฎไปจนตาย ไม่ได้ว่าราชการเคียงข้างเจ้าพี่ ไม่มีเสลี่ยงหลวงนั่งชูคอ ไม่มีข้าไทบ่าวไพร่ขุนทหารตามรับใช้ไม่มีอำนาจสั่งใครได้” หัวเราะหยัน “แล้วจะเป็นมหาเทวีไปทำไม จริงมั้ยวะอีฟอง อีฝน”
“จริงจริงแท้แท้เจ้าข้าเจ้านาง”
“ว่าแต่เอ็งแน่ใจนะว่าได้ยินมาไม่ผิด”
“อีข้าไทที่คุ้มหลวงเจ้าฟ้าบอกข้าเจ้ามาเจ้าข้า”
“ใช่ๆ แท้ๆ เจ้าข้าเจ้านาง”
ปิ่นเมืองยิ้มพรายแล้วก็โบกพัดด้ามจิ้วแต่มีดวงตาแค้นเคือง
“ข้าจะไม่ยอมให้มันมีความสุข แม้แต่ลมหายใจเดียว” ปิ่นเมืองว่า
“แต่ว่าคืนนี้มีงานรื่นเริงที่หน้าข่วงนะเจ้าข้า เจ้านางจักเสด็จหรือไม่ ลางทีเจ้าหลวงอาจเสด็จด้วยเจ้าข้า”
“จริงจริงแท้แท้เจ้าข้า”
“ถ้าเจ้าหลวงราบฟ้าเสด็จแล้วอีละอองคำเล่า”
ปิ่นเมืองตวัดสายตามามองตาวาว

โคมลอยถูกปล่อยขึ้นไปบนฟ้าจำนวนมากดูสวยงาม เสียงเพลงในจังหวะแบบพื้นเมืองดังขึ้น
กลุ่มคนตีกลองสะบัดไชยตีเป็นท่วงทำนอง การร่ายรำนกกิงกะลามีคนดูอยู่เป็นจำนวนมาก คบไฟถูกจุดไว้สว่างไสว
ขบวนเสลี่ยงของละอองคำดำเนินมา รุ้งแก้วเดินอยู่ข้างเสลี่ยง ข้าไทถือข้าวของแสดงเครื่องยศนำขบวน หน้าละอองคำแย้มยิ้มกับชาวบ้านด้วยความงามสง่า ชาวบ้านพากันทรุดนั่งลงถวายบังคมและกราบ
เสลี่ยงถูกวางลง เจ้านางละอองคำก้าวออกมาจากเสลี่ยงแล้วเดินไป รุ้งแก้วตามไปติดๆ ชาวบ้านแหวกเป็นทางแล้วนั่งลงถวายบังคม ละอองคำยิ้มดีใจเมื่อเห็นเจ้าหลวงราบฟ้ารออยู่
“เจ้าพี่”
“เข้าไปในหอคำเถิด ทูตจากเมืองต่างๆรอชมมหาเทวีเมืองนายว่างามเพียงใด”
“เจ้าข้า” ละอองคำขวยอาย
ราบฟ้าเดินจูงละอองคำไปด้วยกัน รุ้งแก้วเดินตามเสด็จ


ราบฟ้ากับละอองคำมาถึงหน้าหอคำ รุ้งแก้วเดินตามเสด็จ ขุนนางและข้าไทกลุ่มหนึ่งเดินตามเสด็จมาด้วย ขุนไทและขุนทหารยืนรอรับเสด็จพลันก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นปิ่นเมืองยืนขวางอยู่ ฟองกับฝนยืนอยู่ด้านหลัง ข้าไทคุ้มปิ่นเมืองยืนอยู่ด้วย
ปิ่นเมืองเอ่ยถาม “เจ้าพี่จะเอาอีกาลีไปที่ใดหรือเจ้าข้า”
“หยุดนะปิ่นเมือง ละอองคำเป็นมหาเทวีของเมืองนาย เจ้าไม่ควรใช้วาจาเยี่ยงนี้” ราบฟ้าบอก
“ข้าไม่เถียงเจ้าพี่ดอกเจ้าข้า แต่ว่าอีละอองคำจะเข้าไปในหอคำมิได้”
“ทำไมล่ะปิ่นเมือง ในเมื่อข้ามีศักดิ์และสิทธิ์ในฐานะมหาเทวีของเมืองนายทุกประการ”
“แต่ก่อนใช่ แต่เพลานี้ไม่ใช่ เอ้า ดูนี่”
ปิ่นเมืองคลี่กระดาษกางออก ราบฟ้ากระชากไปจากมือปิ่นเมืองแล้วกวาดตาดู
“เจ้าพ่อประทับตรามาด้วยรึ”
“หากไม่เชื่อก็ถามเจ้าขุนไททั้งหลายดูก็ได้นี่เจ้าข้า”
เจ้าไทก้มหน้า ราบฟ้าพูดต่อ “ไม่มีเหตุผลที่เจ้าพ่อจะห้ามไม่ให้ละอองคำเข้าไปในหอคำ”
“มีสิเจ้าข้า ผู้หญิงเลือดชั่วแบบแม่มัน คบชู้สู่ชายจนต้องคมดาบเพชฌฆาต ตายแล้วยังไม่ให้เถ้ากระดูกเข้ามาในเมือง เป็นเสนียดพอที่จะห้ามได้หรือไม่เจ้าคะ”
“หยุดกล่าวหาแม่ข้าได้แล้ว”
ปิ่นเมืองโบกพัดด้ามจิ้วลอยหน้าลอยตาด่าละอองคำแทน
“ส่วนตัวเจ้าผิดผีร่านชายพาผู้ชายไปนอนถึงในคุ้ม แค่นี้ก็เป็นเสนียดพอที่ผีหลวงจะจงเกลียดจงชังได้หรือยังเล่าละอองคำเหย”
ปิ่นเมืองยื่นหน้ามาหัวเราะใส่หน้า ละอองคำตบหน้าปิ่นเมืองทันที ปิ่นเมืองเซไป ฟองกับฝนรับไว้ได้
“ว้าย” ปิ่นเมืองถลาจะเข้ามาตบ เธอเงื้อมือพร้อมกับหันไปฟ้องราบฟ้า
“เจ้าพี่ ดู ดูอีละอองคำมันทำข้า ฮือๆๆ”
"ปิ่นเมืองเหย ครานี้เสนียดที่เจ้าชังนักคงติดตัวเจ้าไปตลอด"
 
จำไว้นะ ต่อให้ข้าตายแล้วเกิดใหม่สิบชาติ ข้าก็ไม่มีวันอภัยให้เจ้า"

เจ้านาง ตอนที่ 3 (ต่อ)

ละอองคำเดินไป รุ้งแก้วเดินตามไปติดๆ
 
“เจ้าพี่”
ราบฟ้ามองมาที่ปิ่นเมือง
“กลับไปปิ่นเมือง จำไว้นะ ต่อให้ละอองคำเป็นอย่างใด พี่ก็รักของพี่คนเดียว เจ้าอาจจะได้ทุกสิ่งทุกอย่างไปจากพี่และละอองคำ แต่เจ้าไม่มีวันได้หัวใจของพี่ไปดอก กลับไปซะ”
ปิ่นเมืองมองราบฟ้าอย่างตกตะลึงแล้วสะบัดหน้าเดินไป ฟองกับฝนและข้าไทตามเสด็จไปด้วย “เสด็จเข้าไปในหอคำเถิดเจ้าข้า”
ราบฟ้าถอนใจ เชิดพักตร์แล้วเสด็จเข้าไปข้างใน เจ้าไทและขุนนางตามเสด็จเข้าไป

ปิ่นเมืองนั่งหน้าเครียดอยู่ที่ตั่งนอน ภาพราบฟ้าลอยเข้ามาในห้วงคิดพร้อมคำพูดของราบฟ้า “เจ้าอาจจะได้ทุกสิ่งทุกอย่างไปจากพี่และละอองคำ แต่เจ้าไม่มีวันได้หัวใจของพี่ไปดอก..กลับไปซะ..”
ปิ่นเมืองร้องไห้ “อ้ายย ฮือๆๆ”
ฟองกับฝนวิ่งเข้ามากอดปิ่นเมืองฟอง ฝน
“เจ้านาง เจ้านาง”

ทั้งสองนอนอยู่บนเตียง ตะแคงข้างเข้าหากล้อง ราบฟ้าที่กอดละอองคำอยู่ด้านหลังก้มลงหอมแก้มและไรผม
“สิ้นเจ้าพ่อวันใด พี่จะให้เจ้าเข้าไปว่าราชการเคียงพี่บนตั่งทองเจ้าอย่าน้อยใจไปเลยนะ”
“ข้าไม่ต้องการเจ้าข้า ได้อยู่กับเจ้าพี่เยี่ยงนี้ ข้าก็พอใจแล้ว”
ราบฟ้ากอดและจูบละอองคำ

ราบฟ้ากอดละอองคำมองดูจันทร์พลางจูบกอดอย่างแสนรัก ทั้งสองคนมีความสุขชี้ชวนกันดูจันทร์ พร้อมกับพูดคุยกัน
ในขณะที่หญิงขายผีกอดละอองคำอยู่ หญิงขายผีกระซิบเสียงต่ำๆ ฟังน่ากลัว
“รักข้าก็ซื้อผีข้าไปเลี้ยงสิ”
ละอองคำตกใจ หันมา แล้วก็ล้มลงไป
หญิงขายผีหายไปกลายเป็นกรวยดอกที่ลอยไปมาตรงหน้าละอองคำ
เสียงผีเจ้าซึ่งเป็นหญิงแก่ดังขึ้น “เอาข้าไปเลี้ยง เลี้ยงดูข้าดี ข้าก็จะช่วยเจ้าทุกอย่าง ข้าช่วยเจ้าได้ ช่วยได้ทุกอย่าง”
“ไม่ ออกไป” ละอองคำว่า
กรวยดอกลอยเข้าใกล้ใบหน้าพร้อมกับลอยวนท้าทาย ละอองคำกรีดร้อง หญิงขายผีแสยะยิ้มดูน่ากลัวอยู่ด้านหลังกรวยดอก
“ว้าย”
ละอองคำกรีดร้องผลักไสกรวยดอกไม้ด้วยความรังเกียจ

ละอองคำฝันร้าย เธอกรีดร้อง ปัดป่าย จนราบฟ้าผวาตื่น
“ละอองคำ ละอองคำ”
ราบฟ้าเขย่าตัวแรงๆ จนละอองคำรู้สึกตัว รุ้งแก้วเคาะประตูแรงๆ แล้วเปิดประตูเข้ามา
“เจ้าพี่ ฝันร้ายหรือเจ้าข้า”
ละอองคำหอบเหนื่อย
“ฝันร้าย กินอะไรผิดสำแดงหรือเปล่า”
ละอองคำเหม่อมองไปโดยสีหน้ายังหวาดกลัวอยู่
“ผี”
“ผีทำอะไรเราไม่ได้ดอก พี่มีดาบสะหรีกัญไชย ดาบศักดิ์สิทธิ์ของเมืองนาย ไปรบกับพวกดั้งขอ ผีปอบ ผีโพง ผีร้ายใดๆ พี่ก็ปราบมาหมด”
รุ้งแก้วสบตาละอองคำ “เจ้าพี่ตกใจมากอย่างนี้ ฝันน่ากลัวมากหรือเจ้าข้า”
“ใช่ รุ้งแก้ว มันน่ากลัวมากเลย”
“พี่จะไปดูเองว่ามันอยู่ที่ใด”
ราบฟ้าคว้าดาบที่อยู่ข้างเตียงแล้วเดินออกไปนอกห้อง

รุ้งแก้วกอดละอองคำปลอบใจ “ก็แค่ความฝันนะเจ้าพี่”

ราบฟ้าชักดาบสะหรีกัญไชยออกจากฝักแล้วกราดสายตาไปทั่ว
 
ท่าทางราบฟ้าสง่างามไม่เกรงกลัวผีร้าย ละอองคำกับรุ้งแก้วเดินออกมาจากข้างใน ข้าไทละอองคำกรูกันออกมาจากมุมต่างๆ ราบฟ้ามองกราดแต่ไม่เห็นสิ่งใด
“เห็นมั้ยไม่มีผีดอกน้องพี่ ไปนอนเถอะ มันก็แค่ฝันร้าย”
ละอองคำระงับความกลัวแล้วยอมรับว่าเป็นแค่ความฝัน
“เจ้าข้า”
ราบฟ้าโอบละอองคำเข้าไปในห้อง
“ไปนอนกันได้แล้ว วันพรุ่งข้าอยากไปวัด เตรียมสำรับคาวหวานให้ข้ากับเจ้านางละอองคำด้วย”
“เจ้าข้า”
รุ้งแก้วเดินไปมุมหนึ่ง

รุ้งแก้วเดินมาที่หน้าต่าง ลมพัดเข้ามาในห้อง รุ้งแก้วมองออกไปข้างนอกแล้วก็ตกใจจนผงะ เธอเห็นหญิงขายผีกระเดียดกระจาดยืนมองอยู่
“ยาย”
รุ้งแก้วรีบปิดหน้าต่างแล้วยืนพิงหน้าต่างอย่างอกสั่นขวัญแขวน

ราบฟ้ากับละอองคำเดินอยู่ในวัด รุ้งแก้วเดินตาม ข้าไทถือที่ใส่อาหารตามเสด็จเป็นขบวน

ม้าทรงนั่งอยู่หน้าตั่ง ปิ่นเมืองโยนไถ้ให้ ม้าทรงคว้าไป ในขณะที่ฟองกับฝนอยู่ในห้องด้วย
“ทำได้แน่นะ” ปิ่นเมืองถาม
“ได้ แต่ทุกคนต้องร่วมมือกับข้า”
“อย่างใด”
“ข้าจักเอาผีกุมเจ้าฟ้าเมืองนาย”
ฟองกับฝนตกใจ ปิ่นเมืองถาม “อันตรายหรือไม่”
“ไม่ดอกเจ้าข้า ผีของข้า ข้าคุมได้ แล้วก็โทษว่าอีละอองคำเลี้ยงผีส่งผีมาทำร้ายเจ้าฟ้า”
ปิ่นเมืองหัวเราะลั่นพอใจ ฟองกับฝนหัวเราะด้วย
“แล้วเจ้าพี่ล่ะ ข้าอยากให้เจ้าพี่มาอยู่ที่คุ้มข้า รักข้า หลงข้าแต่เพียงผู้เดียว”
“มิยากดอก แต่”
ม้าทรงก้มหน้าลอบอมยิ้ม ปิ่นเมืองรู้ทันจึงโยนอัฐให้อีกไถ้หนึ่ง
“เอาไป คราวนี้คงไม่มีแต่นะ”
“ต้องให้ใครลวงเจ้าหลวงมาที่คุ้มเจ้านาง หลังจากนั้นเจ้าหลวงจะไม่ออกไปที่ใดอีกเลย จะอยู่กับเจ้านางจนกว่าเจ้านางจะเบื่อ” ม้าทรงว่า
ปิ่นเมืองหัวเราะสะใจแล้วจึงผุดลุกขึ้นยืน
“อีละอองคำต้องถูกประหารเพราะเลี้ยงผี เอาผีมากุมเจ้าฟ้าเมืองนาย ส่วนเจ้าหลวงราบฟ้าหลงข้าจนโง่หัวไม่ขึ้น” ปิ่นเมืองหัวเราะ “โอ้ย อะไรจะทำให้ข้ามีความสุขไปมากกว่านี้อีกเล่า”

รุ้งแก้ว ราบฟ้า ละอองคำ และข้าไทตามเสด็จอยู่หน้าพระประธานในวิหาร รุ้งแก้วส่งเทียนชะตาให้ “ตนบุญเจ้าอารามรู้ว่าเจ้าหลวงกับมหาเทวีเสด็จจึงทำเทียนชะตาถวายเจ้าข้า จุดแล้วจะทำให้ชีวิตสว่างไสวดุจแสงประทีปนะ เจ้าข้า”
“น้องจุดสิ เทียนชะตาของน้อง” ราบฟ้าว่า
ละอองคำรับไปแล้วยิ้มพอใจ
ละอองคำจุดเทียนแล้วตั้งที่เชิงเทียนแต่ลมพัดเข้ามาทางหน้าต่างทำให้เทียนดับ ละอองคำและราบฟ้าหน้าซีด ลมพัดทำให้เทียนล้มลงแล้วกลิ้งไป
“ว้าย”
ราบฟ้ากอดละอองคำไว้ ละอองคำหน้าซีด
“ลมพัด อย่าคิดมากไปเลย” ราบฟ้าปลอบ
“เจ้าข้า”

รุ้งแก้วหวาดหวั่น

ละอองคำมองออกไปข้างนอก รุ้งแก้วอยู่ข้างๆ
 
“เทียนชะตาล้ม ชีวิตพี่คงไม่รอด” ละอองคำกังวล
รุ้งแก้วจับมือละอองคำ
“ไม่จริงดอกเจ้าข้า เจ้าพี่ไม่เคยคิดร้ายกับใคร ผีหลวงเมืองนายต้องเมตตาเจ้าพี่”
“ฮึ ตั้งแต่เราสองคนเกิดมา เรายังไม่เคยได้รับความเมตตาจากผีหลวงเลย แล้วจะให้พี่เชื่อคำเจ้าได้อย่างใด รุ้งแก้ว”

ดวงจันทร์กลมโตอยู่บนฟ้ามืด ม้าทรงหญิงชรากำลังท่องมนต์คาถาปากขมุบขมิบอยู่ เบื้องหน้ามีเทียนเล่มใหญ่อยู่ แสงเทียนสาดรัศมีไปที่หน้าของม้าทรงดูน่ากลัว ผีชายผุดขึ้นมาตรงหน้าแล้วนั่งค้อมหลังรอรับคำสั่ง
“ไป ทำการให้สำเร็จข้าจะล้มควายให้ตัวหนึ่ง”
ผีชายวูบหายไป ม้าทรงยิ้ม ปรายตาไปทั่วแล้วเป่าพรวดทำให้เทียนดับ

เจ้าฟ้านอนอยู่บนตั่ง มีตะเกียงให้แสงสว่างแค่สลัวๆ ผีชายวูบขึ้นที่ปลายเตียง เจ้าฟ้าเมืองนายเหลือบดูก็ตกใจ เจ้าฟ้าพยายามขยับหนี มือของผีชายจับที่เท้าทั้งสองข้าง เจ้าฟ้าสะดุ้ง
“อย่า อย่า”
ขุนไท ขุนนาง ข้าไทซึ่งสะลึมสะลืออยู่สะดุ้งหันมองที่เจ้าฟ้าพร้อมกัน เจ้าฟ้ากระสับกระส่ายส่งเสียงร้องเป็นเสียงที่ลอดมาจากลำคอแบบฟังไม่เป็นภาษาแต่รู้ว่ากลัวมาก
“เจ้าฟ้า เจ้าฟ้า ทรงเป็นอย่างใด” เจ้าไทคนหนึ่งเข้ามาถาม
“ไปตามหมอหลวงมาบัดเดี๋ยวนี้” เจ้าไทอีกคนบอก
ข้าไทสองคนรีบออกไป เจ้าฟ้าเห็นผีชายนั่งทับอยู่บนอก เจ้าฟ้าดิ้นหนีแต่ไม่สำเร็จ ผีชายจ้องหน้า ก้มลงมาใกล้ๆ พลันร่างของผีชายก็วูบหายเข้าไปในร่างของเจ้าฟ้าเมืองนาย

ราบฟ้าเป็นกังวล ละอองคำกับรุ้งแก้วนั่ง มีเจ้าไทนั่งคุยปรึกษาหารือกันอยู่
“หมอหลวงก็แค่ปรุงโอสถถวาย ข้าอยากให้เจ้าพี่ไปดูพระอาการเจ้าพ่อ”
“เจ้าพ่อจะให้ข้าเข้าใกล้หรือไม่ก็ยังไม่รู้” ราบฟ้าบอก
“ลองดูสิเจ้าพี่” เจ้าไทว่า
“ข้าเห็นด้วย ถึงอย่างใด พ่อลูกก็ตัดกันไม่ขาด เจ้าพี่รีบเสด็จไปเถิด มิต้องห่วงทางนี้ดอกเจ้าข้า”
ราบฟ้าถอนใจแล้วบอกกับเจ้าไท
“แล้วข้าจะตามไป เจ้ากลับไปก่อนเถิด ขอบใจมากที่มาส่งข่าว”

ละอองคำก้มลงสยายผมเช็ดพระบาท ราบฟ้าประคองขึ้น ละอองคำร้องไห้
“ไยต้องทำถึงเพียงนี้ พี่ดูพระอาการเจ้าพ่อแล้วพี่ก็จะกลับมาที่นี่” ราบฟ้าบอก
“ข้าสังหรณ์ใจอย่างใดพิกล ใจมันแกว่ง” ละอองคำคร่ำครวญ
“ใจแกว่งเป็นเพราะเหตุใดเล่า เป็นห่วงพี่รึ” ราบฟ้ายิ้ม “ไม่ต้องห่วงดอกลืมแล้วเหรอว่าพี่เป็นเจ้าหลวงของเมืองนาย เว้นจากเจ้าพ่อแล้ว พี่ก็หาเกรงผู้ใดไม่”
ละอองคำซบหน้ากับอกของราบฟ้า
“กลับมานะเจ้าข้า อย่าทิ้งข้ากับรุ้งแก้วอยู่กับพวกข้าไทในคุ้มตามลำพัง”
“โธ่ พี่จะไหนเสียเล่าละอองคำ หัวใจพี่อยู่แต่เจ้าเพียงผู้เดียว”
ราบฟ้าก้มลงหอมแก้มละอองคำ

ราบฟ้านั่งเสลี่ยงอยู่ด้วยสีหน้ากังวลเป็นทุกข์ใจ พลเสลี่ยงดำเนินไป ฟองกับฝนแอบซุ่มอยู่ พอขบวนเสด็จผ่านไปทั้งสองก็ออกมา
“แท้แท้ หาผิดไม่”
ฟองกับฝนหัวเราะกันอย่างมีเลศนัย

ราบฟ้าเข้ามาแล้วนั่งข้างเจ้าฟ้าก่อนจะจับมือเจ้าฟ้า
“เจ้าพ่อ ข้าราบฟ้ามาเยี่ยม”
เจ้าฟ้าหันมาโดยที่ใบหน้าผีชายซ้อนอยู่ในใบหน้าของเจ้าฟ้า
เจ้าฟ้าพูดแต่เป็นเสียงผีชาย “ใครเป็นพ่อเจ้า ข้าไม่รู้จักเจ้า”
ทุกคนตกตะลึง ราบฟ้าหน้าซีดแล้วหันไปถามหมอหลวง
“หมอหลวง เจ้าพ่อเป็นอะไร ไยจึงฟั่นเฟือนจำข้ามิได้”
“ขอเดชะพระอาญามิพ้นเกล้า ข้าพระบาทปรุงพระโอสถถวายหลายขนานแล้ว แต่พระอาการก็มิได้ดีขึ้น ลางทีมิได้เป็นเพราะโรคภัยไข้เจ็บดอกพระเจ้าข้า”
“หมายความว่าอย่างใด”
“ข้าพระบาทคิดว่าเจ้าฟ้าถูก เอ้อ”
ปิ่นเมืองกับฟองและฝนเข้ามาพอดี ขุนนาง เจ้าไท และข้าไทถวายบังคม
“เจ้าพ่อ” ปิ่นเมืองเสียงเครือ “พระอาการทรุดหนักเยี่ยงนี้ เป็นเพราะอะไร เจ้าพ่อรับสั่งกับลูกสิเจ้าคะ นี่ปิ่นเมืองลูกของเจ้าพ่อเจ้าข้า เจ้าพ่อเจ้าขา รับสั่งกับลูกเสียหน่อยเถิด”
เจ้าฟ้าหันไปมอง ผีชายวูบออกไปนั่งข้างตั่ง
เจ้าฟ้าน้ำตาคลอ “ช่วย พ่อ ด้วย ผี มัน จะกุมพ่อ มันนั่งอยู่นั่น”
ทุกคนตกตะลึง
“เป็นไปที่ข้าพระบาทจะกราบทูลเจ้าข้า”
ราบฟ้าผุดลุกขึ้นคว้าดาบที่ถือติดตัวมาแล้วชักดาบออก ฟองกับฝนทำท่าหวาดเสียวพร้อมกับกอดขาปิ่นเมือง
“เจ้านาง เจ้านางเจ้าข้า”
“อีฟอง อีฝน หลีกไป ให้เจ้าพี่จัดการกับผีร้ายที่มันจะกุมเจ้าพ่อ”
ราบฟ้าถือดาบจังก้าพร้อมกับกวาดตาไปทั่ว
“ดาบสะหรีกัญไชย ผีร้ายนานาในป่าในเขาก็ยังเกรงกลัว ผีร้ายจงออกไป ออกไป”
ผีร้ายเข้าสิงที่ร่างของเจ้าฟ้าทำให้เจ้าฟ้าหัวเราะและพูดเป็นเสียงผีชาย
ฮ่าๆๆ ไม่มีใครทำอะไรข้าได้ดอก เว้นแต่คนที่ส่งข้ามาเท่านั้น”
“ก็ใครเล่าส่งเจ้ามา”
เจ้าฟ้าพูดเป็นเสียงผีชาย “ละอองคำ”
ปิ่นเมืองแสร้งตกใจ “ละอองคำ”
ทุกคนหน้าซีดและไม่เชื่อ ราบฟ้าพูด “ไม่จริง ถ้าใส่ร้ายเจ้านางละอองคำอีก ข้าฟันแน่”
ราบฟ้าเงื้อดาบ เจ้าไทกรูกันมาจับตัวราบฟ้า
“อย่าเจ้าพี่ พลาดพลั้งไปจะต้องพระวรกายเจ้าฟ้า”

“เจ้าฟ้าสิ้นพระชนม์เพราะดาบในมือเจ้าพี่ จะบาปหนานะเจ้าข้า”

เจ้าราบฟ้าลดดาบลง
 
“รับสั่งให้ทหารไปจับตัวอีละอองคำมาสิเจ้าข้า ปล่อยให้มันส่งผีมาทำร้ายเจ้าพ่ออย่างนี้ไม่ได้นะเจ้าข้า”
“แท้แท้เจ้าข้าเจ้านาง” ฟองว่า
“ไว้เป็นหน้าที่ที่ข้าจะต้องสอบสวนเอง” ราบฟ้าบอก
“ถ้าเช่นนั้นก็ให้ผีหลวงมาประทับม้าทรงสิเจ้าข้า จะได้รู้เห็นไปเลย พวกเจ้าเห็นด้วยหรือไม่” ปิ่นเมืองชี้มือมาที่ทุกคน
“ข้าเห็นด้วย ผีหลวงเมืองนายรู้ทุกอย่าง” เจ้าไทคนหนึ่งบอก
“ให้ผีหลวงมาไล่ผีที่กุมเจ้าฟ้าก่อนเถิด แล้วค่อยถามหาคนทำผิด” เจ้าไทอีกคนพูด
“ข้าเห็นด้วย ข้าก็ทนเห็นเจ้าพ่อทุกข์ทรมานเยี่ยงนี้ไม่ได้”
ปิ่นเมืองยิ้มพรายแล้วมีสายตาเจ้าเล่ห์ เธอส่งสายตามายังข้าไททั้งสอง ราบฟ้าชี้ดาบสะหรีกัญไชยไปที่เจ้าฟ้า
“ออกไปจากร่างเจ้าฟ้า หาไม่ข้าจะฆ่าเจ้าด้วยดาบเล่มนี้”
เจ้าฟ้ากอดเข่า เชิดหน้าท้าทาย แล้วหัวเราะดังลั่นก่อนจะชี้หน้าตอบกลับ
เจ้าฟ้าพูดเสียงผีชาย “ข้าไม่กลัว ดาบเจ้าจะทำให้เจ้าฟ้าเมืองนายตายแต่ทำอะไรข้าไม่ได้ดอก”
เจ้าฟ้าหัวเราะก้อง

ม้าทรงกราบลงแทบบาทราบฟ้าแล้วเงยหน้าขึ้น
“การทำน้ำมนต์ปัดเป่าผีร้ายและเสนียดจัญไรจะต้องทำต่อหน้าผีร้าย ผีมันได้ฟังมนต์ของข้าเจ้ามันจะกลัวแล้วหนีไป ต้องมีเพียงข้าเจ้ากับเจ้าฟ้าเมืองนายเพียงลำพังเท่านั้นเจ้าข้า”
“ข้าจะมั่นใจได้อย่างใดว่าเจ้า”
“โธ่ เจ้าพี่ ชักช้าเจ้าพ่อจะถูกมันกินตับไตไส้พุงจนสิ้นนะ เจ้าข้า”
เจ้าไทพยักหน้าเห็นด้วย ราบฟ้าถอนใจ


เทียนน้ำมนต์หยดลงไปในขันสลุงที่มีน้ำอยู่มาก สายตาของม้าทรงมองไปที่ผีชายแล้วสั่ง“ออกไป”
ผีชายซึ่งอยู่ที่ข้างเจ้าฟ้าวูบออกไปอย่างรวดเร็ว
เจ้าฟ้านอนมองเพดานแล้วค่อยๆ หลับตาลง ม้าทรงหยิบของจากย่ามแล้วโปรยไปในน้ำมนต์


ฟองกระซิบถามปิ่นเมืองโดยพูดกันเบาๆ
“ทำไมไม่ให้ทหารไปจับตัวอีละอองคำเลยล่ะเจ้าข้า”
“แท้แท้เจ้านาง ขืนปล่อยไว้จะเสียการ” ฝนว่า
“ข้าไม่โง่ดอก รอให้เจ้าพี่ต้องมนต์เสน่ห์ก่อนสิ หลงข้าจนโงหัวไม่ขึ้น ข้าไม่เอามันไว้ในแผ่นดินเมืองนายแน่”

ม้าทรงออกมาจากข้างใน ราบฟ้าถามทันที
“เจ้าพ่อเป็นอย่างใดบ้าง” ราบฟ้าถาม
“ผีหลวงไล่ผีปอบที่มันกุมเจ้าฟ้าไปแล้ว ทำน้ำมนต์ให้เจ้าฟ้ากับเจ้าหลวงราบฟ้าเพียงสองพระองค์เท่านั้น ผู้ใดห้ามแตะต้องน้ำมนต์เป็นอันขาด หาไม่ อุบาทว์จะกินมันผู้นั้น”
“ให้เสวยให้สรงรึม้าทรง”
“ใช่ ทั้งเสวย ทั้งสรง ผสมกับน้ำฝนจนกระทั่งหมด”
ราบฟ้าอึ้งไป
“ถ้าเช่นนั้นก็เสวยเสียเลยสิ ม้าทรงจะได้เชิญผีหลวงมาช่วย เจ้าฟ้าเลย”
“ปัญญาของเจ้านางหลักแหลมนัก สมกับเป็นปิ่นของเมือง นายเจ้าข้า”

ละอองคำบอกรุ้งแก้วแล้วพยายามทำชีวิตให้เป็นปกติ
“รุ้งแก้ว เย็นนี้จะทำอะไรให้เจ้าพี่ราบฟ้าเสวย”
“มิต้องห่วงดอกเจ้าข้า ข้าให้นางข้าไทเตรียมไว้แล้วเจ้าข้า”
“ขอบใจมาก”
ละอองคำลุกเดินหายเข้าไปในห้อง
รุ้งแก้วมองตามด้วยสีหน้าเศร้า “โธ่ เจ้าพี่”

ม้าทรงตักน้ำมนต์ให้ราบฟ้า
“เสวยเถิด จะช่วยปัดเป่าเสนียดจัญไรที่มันอยู่ในตัวเจ้าหลวงให้หมดไป”
ราบฟ้ามองน้ำมนต์นิ่ง
“เสวยสิเจ้าข้า ดูเจ้าพ่อสิ ดวงตาใสแจ่ม ดั่งมิได้ประชวรเลย”
ทุกคนมองไปที่เจ้าฟ้าก็เห็นใบหน้าและดวงตาเจ้าฟ้าสดใส
ราบฟ้าตัดสินใจดื่มน้ำมนต์ที่ม้าทรงใช้ขันเล็กๆ ตักแล้วส่งถวาย ราบฟ้ามองไปสายตาก็พร่าเลือน ปิ่นเมืองยิ้มให้ราบฟ้า ใบหน้าละอองคำวูบขึ้นมาแทนใบหน้าปิ่นเมือง
“น้องพี่”
ปิ่นเมืองยิ้มขวยอาย ละอองคำก็ยิ้มขวยอายเหมือนกัน
“ให้เจ้าพ่อพักผ่อนพระวรกายเถิดเจ้าพี่ ทางนี้เจ้าไทกับหมอหลวงก็ช่วยกันถวายการดูแลได้”

ราบฟ้ามีสีหน้านิ่งแล้วพยักหน้า ปิ่นเมืองยิ้มดีใจ

เจ้านาง ตอนที่ 3 (ต่อ)

ราบฟ้ายอมให้ปิ่นเมืองจูงมือเข้ามาในคุ้ม ฟองกับฝนตามมาติดๆ
 
“น้องพี่”
ราบฟ้ารวบตัวปิ่นเมืองมากอดพลางมองหน้าปิ่นเมืองเห็นเป็นหน้าละอองคำ
ปิ่นเมืองใส่จริต “เจ้าพี่ อายอีพวกข้าไทบ้างสิเจ้าคะ ประทับให้สบายพระทัย เสวยคาวหวานให้สำราญก่อนดีกว่า”
ราบฟ้าหอมแก้มกอดปิ่นเมืองแน่น
“เพลานี้ คงไม่มีอะไรที่พี่อยากกินเท่าเจ้าอีกแล้ว”
ฟอง ฝน และข้าไทปิดปากหัวเราะกัน ปิ่นเมืองผลักไสเบาๆ แล้ววิ่งหนีเข้าไปในห้อง ราบฟ้าตามเข้าไปติดๆ ประตูปิด ฟองกับฝนปิดปากหัวเราะที่ทำงานสำเร็จ

ราบฟ้าตะโบมจูบปิ่นเมืองด้วยอาการหลงใหล ใบหน้าละอองคำลอยเข้ามา
“เจ้างามเหลือเกินละอองคำ” ราบฟ้าพูด
ปิ่นเมืองชะงักผลักราบฟ้าจนเซไป
“เจ้าพี่ว่าอย่างใดนะ นี่คงเห็นข้าเป็นอีกาลีนั่น”
ราบฟ้าไม่สนใจ เขาวิ่งไล่กอดจูบปิ่นเมืองพอรวบได้ปิ่นเมืองก็ผลักแล้ววิ่งหนีต่อ ราบฟ้าก็รวบได้อีก ปิ่นเมืองหัวเราะอย่างใส่จริตขณะอยู่ในอ้อมกอดของราบฟ้า
“ข้าปิ่นเมือง ไม่ใช่ละอองคำ เจ้าพี่รับสั่งเรียกชื่อข้าสิ เจ้าข้า ปิ่นเมือง เจ้าพี่รักปิ่นเมืองคนเดียวเท่านั้น”
ราบฟ้ามองหน้าปิ่นเมืองแล้วพูดช้าๆ เหมือนต้องมนต์
“ปิ่น เมือง ปิ่นเมือง”
ปิ่นเมืองยิ้มพอใจ ราบฟ้ากอดจูบปิ่นเมือง


รุ้งแก้วกับละอองคำนั่งอยู่หน้าโตกอาหาร โดยมีข้าไทคอยรับใช้
“คอยดูนะรุ้งแก้วว่าเจ้าพี่เสด็จมาหรือยัง”
“อย่าห่วงเลยเจ้าพี่ ข้าให้นางข้าไทเฝ้ารออยู่ที่หน้าคุ้ม หากเจ้าพี่เสด็จมา คงขึ้นมาบอก”
ละอองคำยิ้มบางๆ ด้วยความหวั่นไหวว่าราบฟ้าคงไม่กลับมา เธอชะเง้อมองไปข้างนอก

ฟองกับฝนอยู่หน้าโตกอาหาร
“ทำตามที่เจ้านางรับสั่งแล้วแน่นะ” ฝนถาม
“ไม่ต้องห่วงอีฝน กับข้าวนี่ก็ใช้น้ำมนต์ปนยาเสน่ห์ทำทุกขั้นตอน ข้าทำแล้ว ข้ายังไม่กล้าชิมเลย น้ำในคนโทที่ให้เสวยก็เป็นน้ำมนต์เสน่ห์ล้วนๆ” ฟองว่า
“โอ้ย เยี่ยงนี้แล้ว เจ้าหลวงจะหนีจากคุ้มนี้ไปได้อย่างใด”
แล้วทั้งสองก็หัวเราะกัน

ภายในห้องบรรทม ราบฟ้าถอดเสื้อ ส่วนปิ่นเมืองมีเพียงผ้าปิดร่างกาย
“ข้าอยากนอนอยู่กับเจ้าตลอดเวลา” ราบฟ้าบอก
“ข้าช้ำไปหมด เจ้าพี่ใจร้าย” ปิ่นเมืองว่า
“ใครว่าใจร้าย ข้ารักเจ้าต่างหาก เจ้าช่างงามกว่าหญิงใดๆ ทุกคนเลย”
“มากกว่าทุกคนจริงหรือเจ้าข้า”
“จริงสิ”
ราบฟ้ารวบตัวปิ่นเมืองมากอดแล้วพรมจูบไปทั่วหน้า เสียงฟ้าครืนๆ ดังมาแต่ไกล

กระท่อมและเรือนของชาวบ้านถูกเผา แสงเพลิงสว่างอยู่ในความมืดไกลๆ ทหารฝรั่งใช้ปืนไฟยิงใส่ชาวบ้านที่หนีตาย ชาวบ้านอุ้มลูกจูงหลาน ลูกเด็กเล็กแดงหนีกันจ้าละหวั่น


บัลลังก์ตั่งทองว่างเปล่า ขุนนางต่างรอเฝ้าแหนเจ้าหลวง เจ้าไทกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่
“มิเสด็จออกมาจากคุ้มเจ้านางปิ่นเมืองเลย ทำอย่างใดกันดีพวกเรา”
“แน่ใจหรือว่าคุ้มเจ้านางปิ่นเมือง ก่อนนี้ก็เคยอยู่คุ้มเจ้านางละอองคำ”
“เราไปดูกันดีมั้ย หากไม่เสด็จมาว่าราชการ ก็คงต้องกลับไปกราบทูลเชิญเจ้าฟ้าเมืองนายมาว่าราชการแทน”
“มอบราชสมบัติผ่านแผ่นดินให้แล้วก็ยังต้องมีพระราชกิจมาว่าราชการอีกเหรอ มีเจ้าหลวงองค์ใดเป็นเยี่ยงเจ้าหลวงราบฟ้าอีกละเนี่ย”
ทุกคนนิ่งเงียบ ต่างเห็นด้วยกัน ทั้งหมดพยักหน้าให้กัน


สีหน้าละอองคำซีดเผือด น้ำตาไหลพราก รุ้งแก้วจับมือพี่สาวปลอบใจ
“มิยอมเสด็จมาข้างนอกเลย เจ้านางปิ่นเมืองก็รับสั่งเพียงว่ามิยอมเสด็จออกมาเอง พวกข้าก็จนใจ”
ละอองคำพูดเสียงเครือแล้วตอบสะบัด
“ข้าก็คงช่วยอะไรไม่ได้ดอก กลับไปเสียเถิด กลับไป”
ละอองคำหันมามองเจ้าไทแล้วน้ำตาไหลพราก
“เจ้าพี่ ทรงหักห้ามพระทัยนะเจ้าข้า เจ้าไทกลับไปก่อนเถิดขอบใจที่มาส่งข่าว”
ละอองคำโผไปที่ห้องนอน ปิดห้อง มีแต่เสียงร้องไห้ดังออกมา
เจ้าไทกับรุ้งแก้วมองหน้ากันรุ้งแก้วพูด "ข้าสงสารเจ้าพี่เหลือเกิน ที่ผ่านมาเจ้าพี่แจ้งใจว่าพระอาการเจ้าพ่อทรุดหนัก"
 
"คงอยู่ดูแลที่คุ้มหลวง หาคิดไม่ว่าเสด็จไปประทับกับเจ้าพี่ปิ่นเมือง"

ละอองคำนั่งร้องไห้อยู่ที่เตียงจนแทบจะขาดใจ
 
“เจ้าพี่ เจ้าพี่ ทำไมทรยศข้า ทำไมทำกับข้าเยี่ยงนี้ ฮือๆๆ”
เสียงรุ้งแก้วดังเข้ามา “เจ้าพี่ เปิดประตูให้ข้าหน่อยสิเจ้าข้า”
ละอองคำตวัดสายตาไปทางประตู
“ไป อย่ามายุ่งกับข้า ข้าอยากอยู่คนเดียว”
ละอองคำร้องไห้

ปิ่นเมืองเปิดกำปั่นดูอัญมณี เพชรพลอย ฟองกับฝนมองด้วยสายตาโลภ
“เอาไป”
ปิ่นเมืองหยิบอัญมณีชิ้นน้อยๆ ให้ทั้งสองคน
ฟองกับฝนมองไปที่กำปั่นแบบอยากได้ชิ้นที่ใหญ่กว่า
“ขอบพระทัยเจ้าข้าเจ้านาง” ฟองพูด
“เป็นบุญล้นหัวล้นเกล้าแท้แท้เจ้าข้าเจ้านาง” ฝนบอก
“จับตัวอีละอองคำเมื่อใด ข้าจะริบสมบัติแม่มันมาเป็นของข้าด้วย เอ็งสองคนต้องร่วมมือกับข้านะ แล้วข้าจะแบ่งชิ้นงามๆให้”
ฟองกับฝนดีใจ “แท้ๆ นะเจ้าข้าเจ้านาง”
ฟองกับฝนเห็นดาบสะหรีกัญไชยอยู่ในห้องเก็บสมบัติด้วยโดยวางอยู่บนพานอย่างดี
“นั่นดาบสะหรีกัญไชยนี่เจ้าข้า”
“ใช่ ดาบศักดิ์สิทธิ์ เจ้าฟ้าเมืองนายทุกพระองค์เชื่อว่าเมื่อสิ้นแล้วดวงวิญญาณจะสิงสถิตที่นี่...เหตุนี่ทำให้ม้าทรงสั่งนักสั่งหนาว่าอย่าให้เข้าใกล้เจ้าพี่”
“ถึงได้หลงเสน่ห์เจ้านางปิ่นเมืองเยี่ยงนี้”
ปิ่นเมืองยิ้มพอใจในคำชม
เสียงราบฟ้าดังเข้ามา “ปิ่นเมือง ปิ่นเมือง เจ้าอยู่ที่ใด”
เสียงวี้ดว้ายของข้าไทดังมาจากข้างนอก
“รีบออกไปก่อน หากเข้ามาในห้องนี้จะเข้าใกล้ดาบสะหรีกัญไชยได้ เร็ว อีฟอง อีฝน”
ฟองกับฝนรับคำ “เจ้าข้า เจ้าข้า”
ฟองกับฝนออกไป ปิ่นเมืองรีบปิดกำปั่นดูแลความเรียบร้อยแล้วออกไป

ราบฟ้าถอดเสื้อโดยมีเพียงผ้านุ่งผืนเดียว เขาเดินเซออกมาจากในห้อง ข้าไทวี้ดว้ายผละหนีราบฟ้าเรียก “ปิ่นเมือง ปิ่นเมืองน้องพี่”
ราบฟ้าตรงเข้าไปกอดข้าไทแล้วจับให้หันหน้ามา แต่พอเห็นว่าไม่ใช่ปิ่นเมืองก็ผลักไปคนละทิศละทาง
ฟองกับฝนที่ออกมาก่อนตกใจเอามือกุมอก
“ว้าย”
“เจ้าพี่” ปิ่นเมืองเรียก
ราบฟ้าเห็นปิ่นเมืองก็ยิ้ม“เจ้าหายไปที่ใดมา ใจพี่จะขาด ไม่เห็นเจ้า”
ปิ่นเมืองระบายลมหายใจยาวด้วยความเบื่อหน่าย
“ข้าไปเตรียมอาหารคาวหวานให้เจ้าพี่ หาได้ไปไกลสักน้อย เจ้าข้า”
“อย่าหนีพี่ไปไหนอีกนะ ปิ่นเมือง ไม่เห็นเจ้า ใจพี่จะขาดเสียให้ได้”
ราบฟ้าโผมากอดปิ่นเมืองหอมแก้มและกอดรัดเหมือนกระหาย ฟองกับฝนมองหน้ากัน ปิ่นเมืองเริ่มมีท่าทีรำคาญอย่างเห็นได้ชัด


เจ้าฟ้านั่งที่ตั่งทองกราดสายตาไปทั่ว
“เมื่อฝรั่งดั้งขอเหิมเกริมมาปล้นสะดมชาวบ้านริมชายแดนเราก็ต้องสู้ ต่อให้ต้องตายก็ยอม เพื่อรักษาเมืองนายไว้ มิยอมเป็นทาสพวกมัน พวกเจ้าเห็นเป็นประการใด”
ทุกคนถวายบังคม “เห็นชอบด้วยเกล้าพระเจ้าข้า”
“ดี เจ้าไท” เจ้าฟ้าบอก
เจ้าไททั้งสี่คนถวายบังคม
“จงนำทัพไปต่อตีสกัดทัพพวกมันให้จงได้ ข้าจะให้ราบฟ้า คุมทัพหลวงไปสมทบ”
ทุกคนในหอคำนิ่ง ก้มหน้า เจ้าฟ้ามีสีหน้าเป็นกังวล

ละอองคำกับรุ้งแก้วเข้ามานั่งลงกราบพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ละอองคำร่ำไห้
“คุณพระเจ้าข้า โปรดเมตตาข้าเจ้าด้วย ข้าเจ้าถูกพวกมันรังแก มันใส่ร้ายเจ้าแม่ข้า มันทำให้เจ้าพ่อเกลียดชังข้า มันทำให้เจ้าพี่ราบฟ้าต้องทิ้งข้าไป”
ละอองคำซบหน้าร่ำไห้ รุ้งแก้วมองพี่สาวแล้วก็ได้แต่ร้องไห้
“เจ้าพี่ หักห้ามความเสียใจเถิดเจ้าข้า”
เสียงตนบุญดังขึ้น “เจ้านางรุ้งแก้วพูดถูกพูดควรแล้ว”
รุ้งแก้วรีบไหว้ตนบุญ ละอองคำเงยหน้าขึ้นน้ำตาเปียกหน้า
“ตนบุญเจ้าข้า ช่วยข้าด้วยเถิด”
“ทุกข์และสุขไม่จีรังดอกเจ้านาง เขาทำให้เราทุกข์ ถ้าเราไม่ทุกข์ก็เท่ากับว่าเขาทำอะไรเราไม่ได้...
 
"ยามเกิดมาก็มีแต่ตัวหากยามนี้เจ้านางจะไม่มีอะไรเหมือนยามเกิดมา เจ้านางก็ต้องยอมรับให้ได้ ใช้ชีวิตอย่างมีสติเถิด"

ละอองคำไม่อยากฟังจึงตอบไปเสียงดัง
 
“ตนบุญช่วยข้าไม่ได้ ยังจะสอนให้ข้ายอมรับความชั่วของอีปิ่นเมืองอีกหรือเจ้าข้า”
“เจ้าพี่”
ละอองคำหันไปตวาดรุ้งแก้ว
“รุ้งแก้ว เจ้าไม่ได้ยินเหรอ ตนบุญไม่ได้บอกว่าจะช่วยข้าเลย ฮึ ข้ามันอาภัพ หมายจะเข้าวัดให้พระให้เจ้าช่วยก็ยังไม่มีเมตตาให้ข้า”
ละอองคำผุดลุกขึ้นแล้วเดินไป รุ้งแก้วมองตาม
“เจ้าพี่ เจ้าพี่ กลับมาก่อนเจ้าข้า”
รุ้งแก้วจะตามไปจึงกราบพระแล้วจะลุกไป
“ถ้าเจ้านางละอองคำไม่ประคองสติให้มั่น มารจะมีอิทธิพลต่อเจ้านาง ระวังมารจะทำให้ชีวิตของเจ้านางตกต่ำ” ตนบุญบอก
รุ้งแก้วหันมาพูดด้วยอาการตกใจ “มาร”

รุ้งแก้ววิ่งออกมาข้างนอกแล้วมองไปรอบๆ
“เจ้าพี่ เจ้าพี่เจ้าข้า”
รุ้งแก้วไม่เห็นจึงผละไปอีกทางหนึ่ง

ปิ่นเมือง ฟอง ฝนและข้าไทกราบลง เจ้าฟ้าเมืองนายที่ยืนอยู่มองไปรอบๆ มีทหารและขุนนางติดตามอยู่ด้านหลัง
“ราบฟ้าเล่าปิ่นเมือง”
“ใครกราบทูลเจ้าพ่อหรือเจ้าข้าว่าเจ้าพี่ราบฟ้าอยู่ที่คุ้มของลูก” ปิ่นเมืองถาม
“อย่าปิดบังพ่อเลย” ราบฟ้าว่า “เมืองนายต้องชะตากรรมหนัก ฝรั่งดั้งขอมันยกทัพเข้ามาประชิดเมืองแล้ว ราบฟ้าต้องคุมทัพไปรับศึกบัดเดี๋ยวนี้”
ปิ่นเมืองอึ้งไป เขามองหน้าฟองกับฝน
ราบฟ้าเดินออกมาในสภาพไม่ใส่เสื้อ เขาเซไปแต่มือเท้าวงกบประตูไว้ได้
“ราบฟ้า” เจ้าฟ้าหันไปเห็น
“เจ้าพี่” ถลาไปรับแล้วประคองราบฟ้าไว้
“เสด็จกลับเข้าไปข้างในเถิดเจ้าข้า ไปสิ ไปสิเจ้าข้า” ปิ่นเมืองบอก
“ราบฟ้า ไปกับพ่อ เพลาไพร่ฟ้าเมืองนายต้องการให้ลูกของพ่อเป็นมิ่งเป็นขวัญของแผ่นดิน ไยเจ้าจึงละทิ้งหน้าที่มาอยู่กับผู้หญิงเยี่ยงนี้”
ปิ่นเมืองตกใจ “เจ้าพ่อ เห็นใจเจ้าพี่ราบฟ้าด้วยเถิด เจ้าพี่ไม่สบาย ไม่ยอมเสวยพระกระยาหารใดๆมาหลายวันแล้วเจ้าข้า เยี่ยงนี้แล้วจะให้ออกไปรับศึกได้อย่างใด”
“แต่การศึกเป็นหน้าที่ของเจ้าหลวง เจ้าหลวงต้องเป็นจอมทัพ”
“เจ้าพ่อ แล้วถ้าเจ้าพี่ราบฟ้าสิ้นในการศึกเล่า เจ้าพี่ราบฟ้าเป็นผัวข้า เป็นลูกของเจ้าพ่อ ไยจึงไม่ปกป้อง เจ้าไทหลายองค์ก็เป็นแค่ลูกเชลยจักทรงสั่งการให้มันไปตายทุกวันเจ้าพ่อก็ทำได้ แล้วไย”
เจ้าฟ้าตวาดใส่หน้า “หยุดนะ ให้ราบฟ้าแต่งตัวได้แล้ว พ่อจะรอที่นี่”
ปิ่นเมืองมองหน้าราบฟ้าแล้วก็มองเจ้าฟ้าเมืองนายด้วยความสับสนจนทำอะไรไม่ถูก

รุ้งแก้วเดินเข้ามาในคุ้มด้วยอาการหอบเหนื่อย เธอถามข้าไทเสียงร้อนรน
“เจ้าพี่ละอองคำกลับมาถึงคุ้มหรือยัง หา”
“ข้าเจ้ายังไม่เห็นเจ้านางเลยเจ้าค่ะ” ข้าไทว่า
รุ้งแก้วหน้าเสียไปเพราะอดเป็นห่วงไม่ได้

ปิ่นเมืองกำลังแต่งตัวให้ราบฟ้า
“ข้าไม่อยากไปเลย นี่ข้าต้องทิ้งเจ้านานเพียงใด ข้าคงขาดใจตายแน่ๆ”
“เสร็จศึกเจ้าพี่ก็รีบกลับมาหาข้า”

ราบฟ้ากอดปิ่นเมือง

เจ้าฟ้าที่อยู่ด้านนอกจะเข้าไปในห้อง แต่ฟองกับฝนกางกั้นไว้
 
“อย่าเสด็จเข้าไปเลยเจ้าข้า” ฟองบอก
“ประทับด้านนอก เสวยน้ำจัณฑ์ให้สุขสำราญดีกว่าเจ้าข้า” ฝนว่า
“อีฟอง อีฝน หลีกไป”
เจ้าฟ้าก้าวเข้าไป ฟองกับฝนต้องผละออก
เจ้าฟ้าเดินเข้ามา
ปิ่นเมืองบอก “เสร็จแล้วเจ้าพ่อ”
“ดาบสะหรีกัญไชยเล่า” เจ้าฟ้าถาม
ปิ่นเมืองหน้าเสีย “เอ้อ เอ้อ”
ฟองกับฝนมองหน้าปิ่นเมืองด้วยความกลัวว่าถ้าราบฟ้าถือดาบแล้ว มนต์เสน่ห์จะหายไป
“ไปเอาดาบมา”
เจ้าฟ้าสั่งเสียงประกาศิต ฟองกับฝนรีบออกไปจากห้อง ปิ่นเมืองยืนอึ้ง

ราบฟ้ายืนอยู่ต่อหน้าเจ้าฟ้า ฟองกับฝนพากันนำดาบออกมาแล้วทูนขึ้นเหนือหัว ทั้งสองเดินตามกันมาผ่านหน้าปิ่นเมืองที่มองอย่างกังวลว่าดาบจะทำให้ราบฟ้าเป็นปกติ เจ้าฟ้ารับดาบจากฟองไป“ราบฟ้า ดาบนี้คืออาญาสิทธิ์แห่งการเป็นจอมทัพเมืองนายจงใช้ดาบนี้สังหารศัตรู ผีหลวงเมืองนายและดวงวิญญาณของเจ้าหลวงเมืองนายทุกพระองค์จะปกปักรักษาลูก”
ราบฟ้าทรุดนั่งแล้วรับดาบจากมือเจ้าฟ้าก่อนจะผุดลุกขึ้น ลมแรงพัดมา เงาดำวูบออกจากร่างของราบฟ้า ปิ่นเมือง ฟอง และฝนมองดูลมที่พัดอย่างผิดปกติ ราบฟ้าเหมือนรู้ตัวว่าเป็นปกติจึงหันมามองเจ้าฟ้า
“เจ้าพ่อ”
ราบฟ้าเห็นปิ่นเมืองก็เกิดความงุนงง “ละอองคำเล่า แล้วข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างใด”
“นี่เจ้าพูดอะไรราบฟ้า ไม่ต้องถามถึงอีละอองคำแล้ว เจ้าจะต้องออกไปรบกับพวกดั้งขอ”
“ไปรบกับพวกดั้งขอ” ราบฟ้าบอก
“ใช่”
ราบฟ้าอึ้งไป “ข้ายอมทุกอย่างขออย่างเดียวให้ข้าได้ลาน้องละอองคำก่อน”
ปิ่นเมืองได้ทีก็แหวใส่ พลางร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหล
“ที่แท้ ที่แท้ ข้าก็รู้แล้ว อีละอองคำเลี้ยงผี เหมือนอย่างที่ม้าทรงบอก มันส่งผีกุมเจ้าพ่อ แล้วก็ยังส่งผีกุมเจ้าพี่ราบฟ้าแกล้งส่งเจ้าพี่มาทรมานข้า ฮือๆๆ เจ้าพ่อต้องตัดหัวอีละอองคำเซ่นดวงวิญญาณผีหลวงเมืองนาย ฮือๆๆ”
“เหลวไหลน่าปิ่นเมือง ละอองคำไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าพูด” ราบฟ้าพูด
“เป็นหรือไม่ เจ้าก็จะไปหาละอองคำไม่ได้ เจ้าต้องเป็นจอมทัพของเมืองนาย นี่เป็นบัญชาของพ่อ”
“เจ้าพ่อ”
“กลับไปพักผ่อนให้แข็งแรงที่คุ้มหลวง ระหว่างนี้ให้เจ้าไทและเจ้าเมืองต่างๆ รับศึกฝรั่งดั้งขอไปก่อน ดาบเล่มนี้พ่อจะเก็บรักษาไว้เอง ไปคุ้มหลวงกับพ่อ ราบฟ้า”
ราบฟ้ายืนนิ่ง “ข้าอยากไปหาละอองคำ”
ปิ่นเมืองโกรธจัด “เจ้าพี่ นี่เจ้าพี่คงถูกผีที่อีละอองคำเลี้ยงสะกดจนนึกแต่มัน เจ้าพ่อเจ้าข้า จักทำอย่างใดดีเจ้าข้า”
ราบฟ้าไม่พอใจจึงมองหน้าปิ่นเมืองแล้วเดินไป เจ้าฟ้าเมืองนายตามไปติดๆ
“คิดว่าจะไปจากข้าได้หรือเจ้าพี่ ฮึ หาไม่มีทางดอก” ปิ่นเมืองว่า

ละอองคำนั่งมองจันทร์สีหน้าเศร้า รุ้งแก้วอยู่ข้างๆ
“เจ้าพี่จะไปส่งเจ้าพี่ราบฟ้าไปทัพหรือไม่เจ้าข้า”
ละอองคำส่ายหน้าเศร้าๆ
“ไม่ ข้าไม่กล้าไปส่งดอก เจ้าพี่มีสภาพเยี่ยงนั้น จักเอาสติปัญญาที่ใดไปรับศึก อีนังปิ่นเมืองคนเดียวที่ทำให้เจ้าพี่เป็นเยี่ยงนี้”
ละอองคำมองออกไปในความมืดด้วยดวงตาโกรธแค้น

ราบฟ้านอนซมมองดูเพดาน เจ้าฟ้ามองด้วยสายตาสงสาร
“เรี่ยวแรงไม่มี อ่อนแอเกินกว่าจะรับศึกได้ ข้าหวั่นใจว่าอีกไม่กี่วัน เมืองนายคงพินาศ”
ราบฟ้ามองเพดานนิ่งแล้วน้ำตาก็ไหลมาทางขมับ
“พวกเจ้าต้องปกป้องราบฟ้าลูกข้านะเจ้าไททั้งหลาย”
เจ้าไททั้งหมดรับคำพร้อมกัน “พระเจ้าข้า”

เจ้าฟ้าถอนใจมองดูราบฟ้า

เจ้านาง ตอนที่ 3 (ต่อ)

ทหารดั้งขอดาหน้าเข้ามาพร้อมปืนในมือยิงกราด ทหารของเมืองนายล้มตายกันมากมาย
 
ราบฟ้ายืนตัวสั่นถือดาบสะหรีกัญไชยอยู่ในมือ
“เจ้าพี่ จักทำอย่างใดดี ดาบในมือหาสู้อาวุธร้ายแรงของมันมิได้” เจ้าไทคนหนึ่งกลัว
“เป็นรับสั่งของเจ้าฟ้า” เจ้าไทอีกคนบอก “ถึงอย่างใดเราก็ต้องสู้เพื่อปกป้องเมืองนาย ผู้ใดไม่กลัวตายก็จงมากับข้า”
ทหารมองหน้าอย่างไม่กล้า
ราบฟ้าพูด “ข้าไปกับเจ้า”
เจ้าไทคนที่สองยิ้ม เขาชูดาบในมือขึ้นแล้วพูดเสียงดัง “สู้มัน”
ทหารกล้าเฮดาหน้าวิ่งฝ่าไปหาทหารดั้งขอ ราบฟ้ายืนตะลึงแล้ววิ่งไป เจ้าไทที่เหลือพากันห้อมล้อมคุ้มกันปืนน้อยใหญ่ยิงถล่ม ทหารของเมืองนายล้มตายกัน
“ข้าว่าพาเจ้าพี่กลับเมืองก่อนเถิดแล้วค่อยหาทางมาสู้กับมันใหม่”
“ข้าเห็นด้วย”
ปืนยิงมาถูกเจ้าไททั้งสองล้มตายต่อหน้าต่อตาย
ราบฟ้าตกใจ “น้องพี่”
ราบฟ้าจะเข้าไปช่วย แต่เจ้าไทคนอื่นๆ กันตัวเขาออกมา
“อย่าเจ้าข้า เสด็จมากับพวกข้าก่อนเถิด”
เจ้าไทสองคนกันตัวราบฟ้าออกมา ปืนยิงตกอยู่ในระยะไม่ห่าง เจ้าไทอีกสองคนคุ้มกันอยู่ แต่แล้วก็ถูกปืนล้มกันทั้งสองคน ราบฟ้าหันไปมองแล้วก็หน้าเสีย

ละอองคำและรุ้งแก้วไหว้พระอยู่
“คุณพระคุณเจ้า คุ้มครองเจ้าพี่ราบฟ้าด้วยเถิดเจ้าข้า”
รุ้งแก้วมองละอองคำด้วยความสงสาร
ปิ่นเมืองกับฟองและฝนเดินเข้ามาในวิหาร
“ข้าบอกเอ็งแล้วใช่มั้ยอีฟอง อีฝน วิหารใดที่คนบาปเยี่ยงอีละอองคำมันไปไหว้สาพระเจ้า ข้าจะไม่เหยียบเข้าไปเป็นอันขาด”
“ข้า ข้าเจ้า เอ้อ”
ละอองคำกราบพระแล้วหันมา รุ้งแก้วนั่งหน้าซีดอยู่ข้างๆ
“ถ้าข้าเป็นคนบาปแล้ว เจ้าก็บาปหนายิ่งกว่าข้า”
“กล้าดียังไง ถึงพูดเยี่ยงนี้ ข้าน่ะหรือคนบาป” ปิ่นเมืองหัวเราะหยัน “ผิดไปแล้วกระมัง ละอองคำเหย”
ละอองคำลุกขึ้นมายิ้มมุมปากอย่างผู้ที่เหนือกว่า รุ้งแก้วหน้าซีดเพราะกลัวมีเรื่อง
“บาปหรือ ไม่บาป เจ้าก็รู้อยู่แก่ใจ ปิ่นเมือง โกหกผู้ใดก็ได้แต่โกหกตัวเองคงไม่สำเร็จดอก ไปกันเถิดรุ้งแก้ว พี่ไม่อยากพูดกับคนบุญหนาที่คิดว่าซ่อนความชั่วช้าสามานย์ไว้ได้”
“อีละอองคำ”
ละอองคำมองปิ่นเมืองหัวจรดเท้าแล้วพูด “ขยะแขยง”
ละอองคำเดินออกไป รุ้งแก้วจะตามแต่ปิ่นเมืองเรียกไว้
“รุ้งแก้ว ไม่ได้ยินรึว่าอีละอองคำมันด่าข้า กลับตัวกลับใจเสีย อย่าเป็นพวกของมัน แม้นวันหน้าข้าสัญญาข้าจะให้แก้วแหวนเงินทองของมีค่าให้แก่เจ้า”
ละอองคำหันกลับมา “เถ้ากระดูกแม่เรา มันยังกล้าทำลาย แล้วเจ้าจะเชื่อได้รึว่ามันจะทำอย่างที่พูด แค่อ้าปาก กลิ่นของความชั่วก็เหม็นไปทั้งเมืองแล้ว”
รุ้งแก้วรีบเดินไปหาละอองคำ ละอองคำกับรุ้งแก้วเดินจากไป
“มันคงคิดว่าเจ้าพี่ราบฟ้ารักมัน มันถึงกล้าปากดีกับข้า”

“จริงจริงแท้แท้เจ้าข้าเจ้านาง” ฟองกับฝนบอก

เจ้าฟ้านิ่งอึ้งนั่งน้ำตาคลออยู่บนตั่ง
 
“เป็นความจริงรึ ทัพเมืองนายแตกพ่าย”
“ม้าเร็วเข้ามาแจ้งกับนายด่านเมื่อเย็นพระเจ้าข้า” ทหารรายงาน
“ราบฟ้าลูกพ่อ จักเป็นอย่างใด”
ทหารพากันก้มหน้า เจ้าฟ้าถอนใจน้ำตาที่เอ่อไหลลงมาอาบแก้ม
ปิ่นเมืองถลาเข้ามาในคุ้มหลวง“เจ้าพ่อ ข้าได้ข่าวศึก”
เจ้าฟ้ายกมือห้าม “พ่อรู้แล้วปิ่นเมือง”
“ข้าเป็นห่วงเจ้าพี่ราบฟ้า”
“ต่อให้เสียเมืองนาย ราบฟ้าก็ควรตายในสนามรบ เพื่อมิให้ลูกหลานติฉินได้ว่าเกิดเป็นเจ้าฟ้าพระยาหลวงแล้วกลับขี้ขลาดตาขาว”
ปิ่นเมืองร้องไห้แล้วกระเถิบไปกราบเท้าเจ้าฟ้า
“เหตุใดเจ้าพ่อมิลองเชิญผีหลวงเมืองนายมาเข้าทรงเล่าเจ้าคะบางทีอาจมีผู้ใดทำผีหลวงโกรธ หรือไม่ก็ทำเมืองนายให้ต้องอุบาทว์ เมืองนายจึงมีชะตากรรมเยี่ยงนี้”
เจ้าฟ้าหันมองปิ่นเมืองด้วยดวงตาสนใจขึ้นมาทันที

ดวงอาทิตย์ขึ้นที่ขอบฟ้า เสียงดนตรีในพิธีกรรมเชิญม้าทรงดังแว่วมา รุ้งแก้วกับละอองคำรีบสาวเท้าเดินอย่างเร็ว รุ้งแก้วเป็นฝ่ายเดินตาม
“เจ้าพี่ เขาทรงผีหลวงกัน เจ้าพี่จะไปดูทำไมเล่าเจ้าข้า” รุ้งแก้วบอก
“รุ้งแก้ว ถ้าผีหลวงเมืองนายบอกสิ่งใดที่จะช่วยเจ้าพี่ได้ พี่ก็จะทำ รีบไปกันเถิด เร็ว” ละอองคำบอก
ละอองคำสาวเท้าไปอย่างรวดเร็ว
“เจ้าพี่ รอข้าด้วย”
รุ้งแก้วรีบตามไป

ต้นไม้ใหญ่มีผ้าสไบหลากสีห้อยอยู่ ม้าทรงจำนวนมากร่ายรำตัวเอนอ่อนไปตามจังหวะเสียงดนตรี
ปิ่นเมืองนั่งอยู่ข้างตั่งเจ้าฟ้าเมืองนายโดยมีฟองและฝนคอยรับใช้อยู่ไม่ห่าง ขุนนาง ทหารนั่งรายล้อมอยู่ ชาวบ้านเฝ้าดูอยู่อีกฝั่ง ม้าทรงผีหลวงร่ายรำตัวสั่น
“เจ้าพ่อ ผีหลวงเมืองนายประทับทรงม้าขี่แล้วเจ้าข้า”
เจ้าฟ้ายืนขึ้นถามเสียงดัง
“ข้าอยากรู้นักว่าเกิดอันใดขึ้นกับเมืองนาย เมืองนายถึงต้องชะตาเยี่ยงนี้”
ม้าทรงร่ายรำแล้วก็ชี้มือประกาศิต “ก็เพราะมีคนอุบาทว์ทำผิดผีน่ะสิ”
ละอองคำกับรุ้งแก้วชะเง้อผ่านกลุ่มชาวบ้านมองมาพอดี
“ผีหลวงก็บอกเลยสิว่าผู้ใด เจ้าพ่อของข้าจะได้ประหารชีวิตมันเสีย จะควักหัวใจมันเซ่นสรวงบูชาผีหลวงเสียวันนี้เลย”
“บอกข้ามาเถิด จะให้แก้ไขอย่างใด ข้าก็จะทำ”
“จะเป็นผู้ใดเสียอีกล่ะ ก็อีลูกหญิงร่านชายที่เจ้าเลี้ยงดูมันไว้ให้เป็นเสนียดแผ่นดินอย่างใดเล่า”
“หา”
“แท้แท้เจ้าข้า หามีผู้ใดไม่ เจ้าพ่อต้องเร่งให้คนไปเอาตัวอีละอองคำมาเซ่นสรวงบูชาผีหลวงนะเจ้าข้า”
ชาวบ้านหันดูละอองคำกับรุ้งแก้ว รุ้งแก้วที่หน้าซีดสั่นหน้า ส่วนละอองคำเม้มปากด้วยความแค้นเคือง ชาวบ้านเริ่มออกห่างเพราะรังเกียจ
“มันอยู่ที่นั่นเจ้าข้าเจ้านาง”
“ทหารจับมัน เร็วสิ”
ละอองคำตกใจ ทหารกรูกันมาจับ
“จับข้าทำไม ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด”
“อย่า อย่าทำเจ้าพี่” รุ้งแก้วไหว้เจ้าฟ้า “เจ้าพ่อช่วยเจ้าพี่ละอองคำด้วยเจ้าข้า”
เจ้าฟ้ามองละอองคำอย่างโกรธจัด
“เจ้าผิดผี ข้าก็รู้อยู่แก่ใจ จักแก้ตัวไปไยเล่า อย่าอยู่เป็นเสนียดแผ่นดินเลย จับอีละอองคำแห่ประจานรอบเมืองแล้วก็เผามันทั้งเป็น เลือดอุบาทว์ของมันจะได้ไม่ตกต้องแผ่นดินเมืองนาย”
ละอองคำตกใจจนน้ำตาไหลพราก เจ้าฟ้าเมืองนายเดินกลับไปทางหนึ่ง
“เจ้าพ่อ ข้าไม่ผิด ข้าไม่ผิด ฮือๆๆ”
ม้าทรงหยุด ดนตรีก็หยุดแล้วทั้งหมดก็พากันมองมาที่ละอองคำ
“ผีหลวงประทับม้าขี่บอกว่าเจ้าผิด เจ้าก็ต้องผิด ละอองคำเหย” ปิ่นเมืองพูด
ปิ่นเมืองหัวเราะหยันแล้วเดินลอยหน้า โบกพัดด้ามจิ้วมาหาละอองคำซึ่งถูกทหารกุมตัวไว้ รุ้งแก้วร้องไห้แล้วยกมือไหว้
“เจ้าพี่ปิ่นเมือง เมตตาเจ้าพี่ละอองคำด้วยเถอะ ถ้าหากเมตตาข้าสองคนพี่น้องจะออกไปจากเมืองนาย มิให้เจ้าพ่อต้องเคืองขุ่นพระทัย ข้าสัญญา”
รุ้งแก้วก้มลงจะกราบแต่ละอองคำตวาด
“หยุดรุ้งแก้ว อย่ากราบแทบเท้าให้เสียศักดิ์ศรี อีปิ่นเมืองอย่าหมายว่าจะทำอะไรก็ได้ วันนี้เป็นวันของเอ็ง แต่ถ้าชาติหน้ามีจริง ข้านี่แหละขอจองเวรจองกรรมกับเอ็งไปทุกภพทุกชาติ”
ปิ่นเมืองหัวเราะใส่หน้า
“เอาชาตินี้ให้รอดก่อนเถอะ ค่อยฝันถึงชาติหน้า อีละอองคำ เหย เอาตัวมันไปได้แล้ว เจ้าฟ้ารับสั่งอย่างใดก็ทำตามนั้น”
ทหารกระชากตัวละอองคำให้เดินไป ละอองคำถ่มน้ำลายเลอะหน้าปิ่นเมือง
ปิ่นเมืองร้องลั่น อ๊าย”
ทหารเอาตัวละอองคำออกไป ฟองกับฝนรีบมาหาปิ่นเมือง
“เจ้านาง ข้าเจ้าเช็ดให้”
“ไม่ต้อง”
ฟองกับฝนผงะหนีเพราะรู้ว่าปิ่นเมืองกำลังโมโห

“อีละอองคำ กูนี่แหละจะจุดไฟเผามึงด้วยมือกูเอง” ปิ่นเมืองแค้น

ละอองคำถูกทหารกุมตัวไปท่ามกลางสายตาของชาวบ้านและข้าไทจำนวนมาก
 
สีหน้าของละอองคำนิ่งแต่ดวงตาอาฆาตอย่างเห็นได้ชัด รุ้งแก้วเดินตามร้องไห้คร่ำครวญ ชาวบ้านพากันดูแล้วก็ซุบซิบกัน
รุ้งแก้วคร่ำครวญ “ปล่อยเจ้าพี่ละอองคำ ข้าบอกให้ปล่อย ฮือๆๆ”
“เจ้านางรุ้งแก้ว อย่ารับสั่งอันใดเลย ข้าต้องทำตามรับสั่งของเจ้าฟ้า” ทหารบอก
ละอองคำหันมาหารุ้งแก้ว
“รุ้งแก้ว กลับไปเสีย อย่าร้องขอความเมตตาจากพวกคนชั่ว ไปสิ”
“เจ้าพี่”
“ไปได้แล้ว”
ทหารดึงตัวละอองคำออกไป ละอองคำหันมากำชับเสียงดัง
“กลับไปรุ้งแก้ว ลืมให้หมด เจ้าไม่มีพี่ ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ เจ้าต้องเข้มแข็งนะน้องพี่”
ละอองคำถูกนำตัวไป รุ้งแก้วมองตามแล้วสะอื้นโฮๆ

ฟองกับฝนโยนไถ้ไปตรงหน้าม้าทรง
“ทองคำเต็มไถ้ หวังว่าเจ้าจะรักษาความลับนะ” ฟองว่า
“อย่าห่วงเลย ข้ารับปาก” ม้าทรงรับปาก
“ถ้าแพร่งพรายให้คนอื่นรู้ เจ้าน่ะแหละจะถูกเผาทั้งเป็นเหมือนอีละอองคำ” ฝนบอก
ม้าทรงหน้าเสียไปแล้วก็หยิบไถ้มาถือไว้

เจ้าราบฟ้ายันกายลุกขึ้นแล้วถามเสียงเครือด้วยอาการหวั่นวิตก
“ละอองคำน่ะรึ ถูกเจ้าพ่อสั่งเผาทั้งเป็น”
“เจ้าข้า”
ราบฟ้าจะลุกไปแต่เจ้าไทรีบกันไว้
“อย่าเสด็จไปที่ใดเลย พระวรกายยังอ่อนแออยู่”
“ปล่อยข้า ปล่อย”
ราบฟ้าสะบัดแล้วตัวเองก็เซล้มไป
เจ้าฟ้าเมืองนายเดินเข้ามาพอดี
“แม้นเจ้าออกไปจากคุ้มหลวง ก็อย่ามาเผาผีพ่อ ราบฟ้า”
“เจ้าพ่อ แต่”
“รักอีหญิงคนชั่วมากกว่าพ่อ มากกว่าแผ่นดินเมืองนายหรือราบฟ้า เจ้าเอาความคิดเยี่ยงนี้มาจากไหน หา”
เจ้าฟ้าดุราบฟ้าด้วยเสียงเครียดดัง ราบฟ้าหายใจหอบ เจ้าไทประคองราบฟ้าให้นั่งลงที่ตั่ง ราบฟ้าน้ำตาคลอพูดเสียงเครือ “ละอองคำ น้องพี่”

ละอองคำถูกกางแขนจองจำในขื่อคาที่มีโซ่ตรวนล่ามขาไว้ ละอองคำถูกกระชากให้เดินตามขุนทหาร ชาวบ้านพากันมามุงดู
“หลีกไป หรือว่าอยากถูกเผาไปพร้อมกับอีละอองคำ”
ชาวบ้านกรูกันออกห่าง พลันลมก็พัดแรงเหมือนพายุ ชาวบ้านแหงนมองฟ้าก็เห็นเมฆดำลอยมาเหมือนมีพายุ ชาวบ้านต่างมองมาที่ละอองคำ
“อาเพศ ผีหลวงเร่งเร้าให้พวกเราเผามัน”
ทหารพากันพยักหน้า ชาวบ้านมองกันอย่างหวาดๆ รุ้งแก้วแหวกชาวบ้านเข้ามาร้องไห้และทรุดตัวลง“เจ้าพี่ ฮือๆๆ เจ้าพี่”
“ถ้าเจ้านางรุ้งแก้วอยากล่ำลาอีละอองคำ ข้าก็จะให้โอกาสเฮ้ย ไปจุดไฟกันเถอะ อย่าช้าล่ะ พวกข้าจะพักก่อน กว่าจะเดินไปถึงประตูผีนอกเมือง คงอีกนาน”
ทหารพากันแยกย้ายผละออกไป รุ้งแก้วกอดละอองคำร้องไห้ ละอองคำพูดเสียงเครียดพอให้ได้ยินกันสองคน
“รุ้งแก้ว ถ้าอยากช่วยพี่ก็จงไปตามหายายขายผี บอกว่าถ้าผีของยายช่วยพี่ได้ พี่จะทิ้งผีปู่ย่าแล้วยอมรับผีของยาย”
รุ้งแก้วผงะเพราะพูดไม่ออก ละอองคำบอก “ไปสิ เร็วเข้า ก่อนที่พี่จะถูกพวกมันเผา”

รุ้งแก้วพยักหน้าแล้ววิ่งไปอย่างรวดเร็ว

รุ้งแก้ววิ่งมาหอบเหนื่อยแต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นหญิงขายผีกระเดียดกระจาดออกมาจากมุมหนึ่ง
 
“ยาย”
“อยากได้ผีของข้าใช่มั้ย อีละอองคำพี่เจ้ามันส่งจิตถึงข้า ข้าถึงมาดักรอเจ้า” หญิงขายผีบอก
“ผีของยายช่วยเจ้าพี่ละอองคำได้แน่นะ” รุ้งแก้วถาม
“แน่สิ แต่เจ้าต้องพาผีของข้าเข้าไปในคุ้มของเจ้าก่อน แล้วพูดยอมรับผีของข้า เงินทองข้าก็ไม่เอาแล้วละ ข้าอยากให้มัน มันจะได้ช่วยอีละอองคำ”
“ยายไม่เอาเงิน แล้วยายจะไปไหนล่ะจ๊ะ”
“ฮึ อีกไม่นานเมืองนายก็คงเป็นเถ้าถ่านด้วยฝีมือพวกดั้งขอ แล้วข้าจะอยู่ทำไม ซากศพจะกองเป็นภูเขา น้ำในลำธารจะแดงดั่งเลือดนก เอ้า เอาผีของข้าไป”
รุ้งแก้วกลืนน้ำลายแล้วมีสีหน้าหวาดๆ ขณะมองดูในกระจาดของยาย รุ้งแก้วเห็นกรวยดอกไม้
หญิงขายผีย้ำ “หยิบไปสิแล้วพูดยอมรับผีของข้าด้วย”
รุ้งแก้วหยิบแล้วพูดเสียงสั่น
“เจ้าพี่ละอองคำอยากเลี้ยงผีของยาย ไปช่วยเจ้าพี่ละอองคำนะเจ้าข้า”
มือรุ้งแก้วมีสรวยดอกอยู่ ลมพัดแรง หญิงขายผีหัวเราะพอใจด้วยเสียงต่ำๆ
“ไปได้แล้ว เอาผีของข้าไปไว้ที่เรือนเจ้า”
“เจ้า เจ้าข้า”
รุ้งแก้วรีบวิ่งไป แล้วหันมาก็ไม่เห็นหญิงขายผีแล้ว
“ยาย”

รุ้งแก้วถือสรวยดอกวิ่งมาถึงหน้าคุ้มแล้วก้าวขึ้นบันได ลมพัดวูบออกมาจากในคุ้มปะทะเข้าที่หน้ารุ้งแก้วจนรุ้งแก้วเกือบตกบันได แต่ก็ยึดไว้ได้ ขณะที่มือหนึ่งถือสรวยดอกอยู่ ทันใดนั้นสรวยดอกก็ลอยหลุดจากมือไปแบบท้าทายกับสายลม
“หา .ผีปู่ย่าคงไม่พอใจ” รุ้งแก้วไหว้ “เจ้าพี่ละอองคำต้องการความช่วยเหลือ โปรดยอมรับให้ผีต่างวงศ์เข้ามาในคุ้มนี้ด้วยเถิดเจ้าข้า”
ลมสงบ รุ้งแก้วเห็นสรวยดอกลอยขึ้นไปบนคุ้ม แว่บหนึ่งรุ้งแก้วเห็นเงาร่างของหญิงชราก้าวผ่านเธอไป

รุ้งแก้วก้าวเข้ามาในเรือน สรวยดอกยังลอยวน รุ้งแก้วตกใจเมื่อร่างของหญิงชราปรากฏขึ้น รุ้งแก้วผงะ
“หา”
“ไม่ต้องกลัวข้า บอกอีละอองคำ ข้าจะช่วยมัน แต่มันต้องเลี้ยงดูข้าให้ดี อย่าให้ข้าอดอยาก”
“เจ้าพี่ละอองคำเป็นคนรักษาสัจจะ ผีเจ้าอย่ากลัวไปเลย”
ผีหญิงหัวเราะแล้ววูบหายไป สรวยดอกลอยผ่านหน้ารุ้งแก้วออกไปภายนอกคุ้ม รุ้งแก้วตกใจกลัวจนตัวสั่นจนทำอะไรไม่ถูก

ละอองคำถูกยึดอยู่กับหลักประหาร ทหารถือคบไฟอยู่เตรียมจุดเผา ลมพัดแรง ฟ้ามืด เหมือนมีพายุ
พลันโซ่ที่มัดเท้าละอองคำก็หลุดออก ทหารพากันตกใจ มือซึ่งถูกตรึงกับขื่อคา เชือกที่มัดไว้ก็ขาดกระเด็น
สรวยดอกลอยอยู่ตรงหน้าละอองคำ
เสียงผีหญิงดังออกมาจากสรวยดอก “รับปากสิว่าจะเลี้ยงดูข้า ข้าจะช่วยเจ้าเอง”
“ข้าจะเลี้ยงดูผีเจ้า จะทำทุกอย่างตามที่ผีเจ้าต้องการ จัดการพวกมันให้ข้าที”
ทหารตกใจ สรวยดอกพุ่งเข้าหาละอองคำ เงาดำวูบเข้าใส่ร่างทหารกลายเป็นผีหญิงชรา
กางมือทั้งสองข้าง เล็บงอกยาวงุ้ม ผีหญิงจิกเข้าที่ลำคอตัวเองอย่างเร็วจนเลือดกระฉูด ทหารพากันวิ่งหนีเอาตัวรอด ละอองคำหัวเราะสะใจ

เหตุการณ์ชุลมุน ทหารเมืองนาย และชาวบ้าน ข้าไทต่างพากันวิ่งหนี ทหารดั้งขอมีปืนเป็นอาวุธดาหน้ากันเข้ามาในเมืองได้ ดั้งขอยิงปืนใส่ มีชาวบ้านและทหารล้มตายกัน ฟองกับฝนวิ่งปะปนอยู่กับกลุ่มชาวบ้านและข้าไท
“อีฝน กลับไปหาเจ้านางเร็ว” ฟองว่า
“ก็เร็วสิ อีฟอง กูกลัวจะแย่แล้ว” ฝนลนลาน
ฟองกับฝนวิ่งหนีตายจากไป

ละอองคำเพิ่งได้สติ ผีหญิงชราวูบขึ้นตรงหน้า ฟ้าและบรรยากาศครึ้ม เสียงปืนดังมาจากที่ไกลๆ
“ข้าหิว ข้าอยากกินมัน ข้าอยากกินมัน”
ละอองคำตะลึง ผีหญิงวูบใส่ละอองคำทันที
ใบหน้าละอองคำสะดุ้งเล็กๆ แล้วจึงตวัดใบหน้าหันมาด้วยดวงตาน่ากลัวแลบลิ้น แล้วมองไปที่ศพของทหาร
 
จบตอนที่ 3 


กำลังโหลดความคิดเห็น