xs
xsm
sm
md
lg

เจ้านาง ตอนที่ 6

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เจ้านาง ตอนที่ 6

ฉัตรยืนอยู่นอกรั้วบ้านละอองคำ มือถือของฝาก เห็นบ้านเงียบเหมือนไม่มีคนอยู่ กำลังจะกลับ
 
ประตูบ้านก็เปิดออก ละอองคำยืนอยู่ตรงประตู ฉัตรยิ้มกว้าง
“เข้าบ้านก่อนสิคะ”
ฉัตรเข้ามาในบ้าน ประตูหน้าต่างปิดไว้หมด
“ไม่ร้อนอบอ้าวแย่เหรอครับ น่าจะเปิดให้ลมเข้ามาในบ้านบ้าง”
“ฝุ่นเยอะค่ะคุณฉัตร ฉันอยู่บ้านคนเดียว ทำไม่ไหว อยากรับลมก็ไปนั่งที่ศาลาท่าน้ำ พอจะนอนค่อยเปิดหน้าต่างที่ห้องนอนก็ได้ค่ะ”
“คุณละอองคำน่าจะหาเด็กรับใช้บ้าง บ้านใหญ่อย่างนี้ควรมีบ่าวไพร่ไว้ใช้สอย”
“สมัยนี้ไว้วางใจคนไม่ค่อยได้ ฉันไม่อยากเอามาเป็นภาระค่ะ”
ฉัตรยื่นห่อยาให้
“อะไรคะ”
“ยาจีน ผมให้เขาจัดยาบำรุงร่างกายให้คุณละอองคำ ยาตำรับนี้ดีมากครับ เหมาะสำหรับผู้ที่ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง”
ละอองคำรับห่อยาไว้ ไม่ยินดียินร้าย
“ขอบคุณค่ะ”
“แต่เห็นคุณละอองคำวันนี้แล้ว สดชื่นขึ้นมาก ท่าจะมียาดีอยู่แล้ว”
ละอองคำยิ้มมีเลศนัย
“ค่ะ มนุษย์คือโอสถวิเศษสำหรับดิฉัน”
ฉัตรสงสัย แต่พยายามเอาใจ ตีความไปในทางที่ดี
“อ้อ ครับ คุณละอองคำคงจะหมายถึงการได้พบปะผู้คน”
“ถามจริงๆ เถอะค่ะคุณฉัตร คุณกลัวตายหรือเปล่าคะ”
“คุณละอองคำพูดจาแปลกๆ นะครับวันนี้”
“ฉันพูดจริงค่ะ คุณกลัวตายมั้ย”
“คนเราทุกคนเกิดมาก็ต้องตาย ผมว่า ผมไม่กลัวครับ”
ละอองคำหัวเราะ
“คุณมาที่นี่ไม่กลัวเหรอคะ”
“กลัว กลัวอะไรครับ”
ละอองคำพาฉัตรมานั่งคุยที่ท่าน้ำ
“ที่นี่เงียบเหมือนป่าช้า ใครๆ ก็ว่าบ้านนี้มีผีสิง คุณฉัตรน่าจะได้ยินข่าวลือมาบ้าง”
“เหลวไหลที่สุดครับ”
ละอองคำมองหน้าฉัตร ยิ้มเย็น
“คนบางประเภทก็ชอบเรื่องเหลวไหล ฝากบอกคุณโฉมด้วยนะคะ ปลาหมอมันตายก็เพราะปากของมันเอง”
ฉัตรมองหน้าละอองคำอย่างไม่เข้าใจ
“วันนี้คุณละอองคำพูดแปลกๆ”
“น้องสาวคุณเคยมาที่นี่ แล้วก็ว่าให้ร้ายฉัน”
“ผมต้องขอโทษแทนยัยโฉมด้วยครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ถือสา.เย็นมากแล้ว คุณกลับไปดีกว่า ถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมา คนจะหาว่าฉันทำร้ายคุณ”
“ผมไม่เคยใส่ใจ”
“ต้องใส่ใจค่ะ เพราะวาจาของคนอย่างน้องสาวคุณเขาจงใจทำร้ายฉันโดยตรง ถ้าเห็นแก่มิตรภาพของเรา ก็อย่าให้ใครมากล่าวหาฉันอีกเลย เชิญค่ะ”
ฉัตรจำใจลุกขึ้น

โฉมมากราบแม่ชีน้อม แม่ชีมองด้วยความเมตตา
“มีธุระอะไรรึ”
“ทราบมาว่าแม่ชีมีตาในดี มองเห็นในสิ่งที่คนทั่วไปมองไม่เห็น”
“ฉันไม่ใช่ผู้วิเศษ เป็นเพียงผู้ปฏิบัติธรรมเท่านั้น”
“อย่าปิดบังเลยค่ะ ช่วยดูให้ฉันหน่อยเถอะว่าทำไมมีคนรักกี่คนก็มาจากไปเสียหมด”
“ทุกอย่างเป็นกรรมที่กำหนดมา รวมถึงกรรมใหม่ที่โยมสร้างขึ้นด้วย”
“ฉันมีเพื่อนคนหนึ่งชื่ออำนวย ตอนนี้เขาหายสาบสูญไป ได้ข่าวว่ามาบ้านเศรษฐีจากหัวเมืองใกล้วัดนี่แหละค่ะ แม่ชีช่วยดูให้หน่อยสิเจ้าคะว่าเขาจะเป็นตายร้ายดียังไง”
จิตเข้ามาพอดี พร้อมกับน้ำที่เอามาให้โฉม จิตสบตาแม่ชีน้อม
“กรรมของใครของผู้นั้น คุณอย่าไปยุ่งกับกรรมของคนอื่นเลย”
“คนอื่นที่ไหน คุณอำนวยกับฉันน่ะคบหากันอยู่ เรามีโครงการจะแต่งงานกันเร็วๆ นี้ หรือว่าต้องการเงิน เอ้า นี่”
โฉมเปิดกระเป๋าส่งเงินให้ แม่ชีน้อมระบายยิ้มส่ายหน้า จิตรีบอธิบาย
“แม่ชีท่านไม่ต้องการหรอกค่ะ ท่านละทางโลกแล้ว เก็บเงินของคุณไว้เถอะ”
“โอ๊ย เรื่องมากจัง ไหนๆ ฉันก็มาแล้ว ช่วยเอาของดีให้ฉันไว้ป้องกันตัวหน่อย”
“ฉันไม่ใช่พระ จะได้ปลุกเสกเครื่องรางของขลัง. มีก็แต่น้ำมนต์ที่พระสวดตลอดพรรษา เท่ากับปลุกเสกตลอดเวลาสามเดือน”
“น้ำมนต์เหรอ ก็ได้ งั้นก็ช่วยไปเอามาให้หน่อย”

จิตสบตาแม่ชีน้อมแล้วหายเข้าไปข้างใน

จิตกับแม่ชีน้อมเดินมาส่งโฉมที่ลานวัด หน้ากุฏิ
 
“ความจริงฉันก็รู้จักหลวงพ่อเจ้าอาวาส แต่เลือกมาหาแม่ชีถึงที่นี่ ก็น่าจะช่วยเหลือกันบ้าง”
“ดีแล้วล่ะค่ะ อย่าไปกวนท่านเลย กิจนิมนต์ท่านก็มากอยู่ ไหนจะต้องโปรดทั้งมนุษย์และวิญญาณ”
“วิญญาณ ถ้าโปรดได้ก็ควรจะไปโปรดให้นังสองพี่น้องที่เรือนปั้นหยาหลังวัดทีเถอะ”
จิตหน้าเสียไป มองหน้าแม่ชีน้อม
“เอ่อ คุณรู้จักด้วยเหรอ”
“รู้สิ ที่ฉันมาที่นี่ก็มาตามหาพี่ชายฉัน สงสัยไปที่บ้านหลังนั้น ดีนะแม่ชี ฉันจะเอาน้ำมนต์นี่สาดใส่มัน ดูซิว่ามันจะเลิกเป็นผีปอบมั้ย”
“อย่าทำอย่างนั้นเลยค่ะคุณ ไม่ว่าคนหรือผี ถ้าโดนแบบนั้นก็ต้องโกรธ คุณจะเดือดร้อน”
ธวัชกับรุ้งแก้วเดินมาด้วยกัน โฉมจำได้
“อุ๊ย นี่ไงคะแม่ชี นังนี่แหละที่น่าสงสัย”
รุ้งแก้วหน้าเสียไป
“คุณพูดอะไร กรุณาสุภาพหน่อยสิครับ”
“สุภาพเหรอ นี่คงหลงรักมันเหมือนผู้ชายอีกหลายคนสิ ระวังเถอะ คุณจะถูกมันฆ่าตาย ตับไตไส้พุงไม่มีเหลือ”
“อย่าพูดอย่างนี้นะคะ”
“ทำไม ฟังไม่ได้เหรอยะ ดีเหมือนกัน ฉันก็อยากรู้ว่าแกจะดิ้นพล่านมั้ย ถ้าโดนน้ำมนต์ขวดนี้”
โฉมหยิบขวดแก้วเล็กๆ ขนาดเหมาะมือเปิดจุกแล้วราดน้ำมนต์ใส่หัวรุ้งแก้ว รุ้งแก้วเห็นน้ำมนต์รดมาทางใบหน้า ก็เรียบเฉย มีแต่ความร้าวราน ธวัชปัดขวดน้ำมนต์ออกไป
“หยุด จะบ้าเหรอ คุณทำอะไรของคุณ”
รุ้งแก้วร้องไห้ วิ่งหนีไป
“รุ้ง น้องรุ้งแก้ว”
ธวัชหันมาเอาเรื่องโฉม
“เห็นมั้ยว่ารุ้งแก้วเสียใจแค่ไหน วิเศษมาจากไหน ถึงมาวางอำนาจในวัดนี่”
“ก็ฉันอยากพิสูจน์ว่ามันเป็นปอบเหมือนที่เขาลือกันหรือเปล่าน่ะสิ”
“ถ้ารุ้งแก้วเป็นอย่างที่คุณพูด คงมาเดินในวัดนี้ไม่ได้หรอก ท่าทางก็เรียนสูง กิริยาต่ำๆ แบบนี้อย่าเรียกตัวเองว่าผู้ดีเลย”
โฉมแทบบ้าจะด่าแต่แม่ชีน้อมพูดขึ้นเสียก่อน
“ธวัช เงียบเถอะ คุณกลับไปได้แล้ว”
โฉมมองแม่ชีน้อมอย่างไม่พอใจ สะบัดหน้าออกไป
“คุณธวัชด่าได้สะใจดีจังค่ะ” จิตสะใจ

รุ้งแก้วกลับมาบ้าน ถูกละอองคำจับที่คอดันไปชิดผนัง
“เจ้า พี่”
“คราวนี้รู้แล้วใช่มั้ยว่าโลกภายนอกเรือนหลังนี้มันโหดร้ายกว่าที่เจ้าคิด”
ละอองคำผลักรุ้งแก้วไปจนชนผนัง รุ้งแก้วหน้านิ่ว เจ็บ
“คิดจะหนีข้าไปไหนอีกหรือเปล่ารุ้งแก้ว”
“เจ้าพี่ เจ้าพี่ ฆ่าคน ข้ากลัว”
ละอองคำย่างเข้าหา ดวงตาจ้องที่รุ้งแก้ว ดูน่ากลัว
“หยุดพร่ำได้แล้ว”
“ฆ่าคน มันบาปนะเจ้าคะ”
“ก็ไม่ใช่เพราะวิธีนี้รึ เจ้าถึงอยู่บ้านหลังใหญ่โต มีกินมีใช้ไม่ขัดสน ผีเจ้าช่วยเราทุกอย่าง ข้าก็ต้องตอบแทนผีเจ้าบ้าง”
“ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่ ข้ากลัว”
“อยากออกไปรับจ้างทำงานในไร่ในสวน หรือไปเป็นขี้ข้าในบ้านผู้ดีรึ เจ้าทำได้รึ รุ้งแก้ว”
“เจ้าพี่ต้องรับปากข้าก่อนว่าเจ้าพี่จะไม่ฆ่าใครอีก”
“ปากดีนัก อ๋อ แตกเนื้อสาวแล้วสิ คงอยากมีผัวจนตัวสั่น ถึงได้ไปหาไอ้ธวัชทุกวัน จำใส่หัวไว้รุ้งแก้ว ข้าเลี้ยงเจ้ามาแต่เล็กแต่น้อย ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่ง เจ้าจะลุกขึ้นมาบอกว่าทนอยู่กับข้าไม่ได้”
“ก็เจ้าพี่ฆ่าคน เจ้าพี่ใจร้ายนี่เจ้าคะ”
ละอองคำตบหน้ารุ้งแก้ว รุ้งแก้วหน้าหันไป น้ำตาร่วงพรู
“นังเนรคุณ ข้าทำเยี่ยงที่เจ้าว่าเพราะใครล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะต้องการปกป้องเราสองคนพี่น้อง หรือว่าเจ้าหมดความนับถือข้าที่เป็นพี่เจ้าเสียแล้ว”
เงาร่างผีเจ้าวูบเข้าใกล้ละอองคำ อยู่ด้านหลังให้รุ้งแก้วมองเห็น รุ้งแก้วผงะ งอตัวกับข้างฝา ซบหน้าไม่กล้ามอง ตัวสั่น
“น้องกลัว”
ละอองคำเลียริมฝีปาก บีบปากรุ้งแก้วให้หันหน้ามามอง รุ้งแก้วหวาดกลัวสุดขีด น้ำตาไหล
“เมื่อไม่รัก ไม่นับถือข้าและอีละอองคำก็อย่ามีชีวิตอยู่เลย”
รุ้งแก้วหวีดร้อง สะบัด ละอองคำผงะออกหน่อยหนึ่ง เล็บของละอองคำยาวออก จะใช้มือเจาะท้องรุ้งแก้ว เสียงแม่ชีน้อมดังขึ้น
“หยุดนะ”
ละอองคำหันขวับ มองหาเสียง
“ใคร”
กายทิพย์แม่ชีน้อมปรากฏขึ้นตรงหน้า
“เจ้ากำลังจะฆ่าน้องของตัวเอง”
“ข้าหิว ข้าจะกินมันทุกคน อย่ามาแส่เรื่องของข้า ออกไป”
ละอองคำหันไปทางรุ้งแก้วจะเล่นงานต่อ แต่แม่ชีน้อมแผ่รังสีบุญมาคลุมรุ้งแก้วไว้
ละอองคำเจาะเล็บลงไป แต่ไม่ถึงเนื้อก็ผงะออกมา หวีดร้องด้วยความเจ็บปวด แสบร้อน
“บาปกรรมของเจ้าพอกพูนขึ้นทุกที หยุดมัวเมากับการฆ่ามนุษย์เพื่อที่เจ้าจะได้ไปเกิดใหม่ในภพภูมิที่ดี ไม่ต้องมาเป็นปอบเปรตอย่างนี้”
ละอองคำตวัดตาใส่แม่ชีน้อม
“ไม่ต้องมาสอนข้า ไปให้พ้น ข้าไม่อยากได้ยิน จะดีจะชั่วก็เรื่องของข้า อย่ามายุ่งกับข้า ไม่งั้นเจ้าจะเดือดร้อน ออกไป”
เงาร่างของผีเจ้าซ้อนอยู่ที่ร่างของละอองคำ
"ละอองคำ ถ้าเจ้าอ่อนแอ เจ้าก็จะถูกปอบครอบงำ จงเรียกความเข้มแข็งในกายเจ้าออกมา"
 
"อย่าตกเป็นทาสของปอบอีกเลย หาไม่ ปอบจะกินแม้แต่ตับไตไส้พุงของเจ้าเอง"

ละอองคำไล่คว้ากายทิพย์ของแม่ชีน้อม แต่พบกับความว่างเปล่า
 
“พอแล้ว ไม่ต้องพูด ข้าไม่อยากฟัง”
กายทิพย์แม่ชีน้อมปรากฏห่างออกมา
“ใจของเจ้าทำด้วยอะไร ละอองคำ รุ้งแก้วทั้งรัก เทิดทูน และหวังดีต่อเจ้า เจ้ายังคิดฆ่ารุ้งแก้วได้ลงคอ ถ้าไม่มีรุ้งแก้ว เจ้าก็จะไม่เหลือใคร”
“ข้าบอกให้หยุด หยุดเดี๋ยวนี้”
“จะทนอยู่กับความโดดเดี่ยวได้หรือ คิดให้ดีนะละอองคำ”
กายทิพย์ของแม่ชีน้อมหายไป ละอองคำมองรุ้งแก้ว รุ้งแก้วซุกตัวอยู่ที่ผนัง หวาดกลัวเต็มที่ ละอองคำดวงตาอ่อนลง หน้าเศร้า

แม่ชีน้อมนั่งสมาธิอยู่ลืมตาขึ้น จิตกับธวัชนั่งอยู่ในกุฏิ
“แม่ชีถอดจิตไปดูน้องรุ้งแก้วใช่มั้ยคะ”
“รุ้งแก้วเป็นยังไงบ้างครับ ผมเป็นห่วงเธอ”
“ไม่เป็นไรแล้วล่ะ รีบกลับบ้านเถอะ มืดค่ำอันตราย”
“ครับ ถ้าแม่ชีบอกว่าน้องรุ้งแก้วปลอดภัยแล้ว ผมก็สบายใจ”
แม่ชีน้อมพยักหน้า ธวัชกราบลง
“ตะกรุดเงินที่ฉันให้ไป ยังอยู่หรือเปล่า”
“ผมห้อยคออยู่ตลอดเวลา ไม่ให้ห่างกายเลยครับ”
“ดีแล้ว รักษาไว้ให้ดี”

แม่ชีน้อมยืนมองออกมานอกหน้าต่าง เสียงหมาหอนดังมาเบาๆ แล้วหอนกระชั้นถี่
“วิญญาณ มาจากไหนกัน”
ราบฟ้าปรากฏร่างขึ้น
“เราขอบใจท่าน ที่ช่วยให้รุ้งแก้วปลอดภัย”
ราบฟ้าเลือนหายไป
“ไม่ว่าคนหรือผี ถ้ายังห่วงอยู่ ก็ยังมีทุกข์”

กลางคืน สมานชะเง้อมองออกไปนอกบ้าน เป็นห่วงโฉม ซ่อนกลิ่นใจคอไม่ดี“ผมจะไปตามน้อง”
“ฉัตร แม่ว่า”
“ยัยโฉมไปเพราะเป็นห่วงแก จำใส่หัวไว้นะ ถ้ายัยโฉมเป็นอะไรไป ฉันจะไม่ให้อภัยแกเลย”
โฉมเข้าบ้านมาพอดี
“กลับมาแล้วค่ะ”
“รู้มั้ยว่าพ่อกับแม่เป็นห่วง”
“ก่อนจะถามโฉม ทำไมไม่ถามพี่ฉัตรล่ะว่าไปไหนมา นี่ถ้าโฉมไม่ห่วงพี่ฉัตร โฉมก็คงไม่ออกไปเสี่ยงตายหรอก”
“เกิดอะไรขึ้นหรือโฉม”
“ตกลงพี่ฉัตรไปที่บ้านนังรุ้งแก้วหรือเปล่า โฉมเจอมันที่วัด แสดงว่าพี่ฉัตรต้องไปขลุกอยู่ที่บ้านนังปีศาจพี่สาวมันแน่ๆ ตกลงมันไม่ถูกโปลิศจับไปหรือคะ”
“เหลวไหลน่าโฉม ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอเข้าใจเลยสักนิดเดียว หยุดปรักปรำคนอื่นได้แล้ว”
ฉัตรเดินหนีไป
“คุณพ่อดูสิคะ โฉมอุตส่าห์เป็นห่วงพี่ฉัตร แต่พี่ฉัตรกลับไม่เห็นความดีของโฉมเลยสักนิดเดียว ฮึ ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ เลย”

ฉัตรนั่งซึมอยู่ นึกถึงตอนที่คุยกับละอองคำเรื่องที่โฉมเคยมาต่อว่าละอองคำ ฉัตรถอนใจ ล้มตัวลงนอน
“ละอองคำ คุณทั้งงาม ทั้งอ่อนหวาน ทำไมใครๆ ถึงจ้องทำร้ายกล่าวหาคุณ”

ละอองคำยืนอยู่ที่หน้าต่าง มองไปที่ดวงจันทร์ เห็นดวงจันทร์เป็นสีเลือด ดวงตาของเธอแค้นเคือง
“ที่รุ้งแก้วดื้อกับข้าก็เพราะเอ็ง ไอ้ธวัช ข้าจะเอาเอ็งมาสังเวยผีเจ้า”
เสียงผีเจ้าหัวเราะดังมา ละอองคำหันไป แต่ไม่เห็น
“ถ้าผีเจ้าต้องการก็ต้องช่วยข้า”
ธวัชนอนอยู่ กระสับกระส่าย นอนไม่หลับ ลมพัดแรงเข้ามาทางหน้าต่าง เขาผุดลุกขึ้น ตัดสินใจไปที่บ้านละอองคำ เห็นบ้านอยู่ในความมืดสลัว เขาขยับประตู ลมพัดหวีดหวิว ธวัชตัดสินใจเปิดประตู ปรากฏว่าประตูเปิดได้ เขาเข้ามาในบริเวณบ้าน เหลียวมองไปรอบๆ แล้วเดินไปที่ศาลาท่าน้ำ เสียงละอองคำดังมาจากด้านหลัง
“ในที่สุดแกก็มา”
ธวัชหันขวับมาทันที ละอองคำยืนอยู่ ยิ้มเหี้ยม ธวัชทำใจดีสู้เสือ
“คุณพี่ ผมเป็นห่วงรุ้งแก้ว ก็เลย”
“วิสาสะบุกรุกเข้ามาในบ้านฉัน”
“เอ่อ”
“ช่างเป็นห่วงเป็นใยกันเหลือเกิน”
“คือ ผมเกรงว่าน้องรุ้งแก้วจะคิดมากเรื่องที่คุณโฉมพูดน่ะครับ”
ละอองคำตาวาวขึ้นทันที
“มันพูดว่ายังไง”
“เอ่อ คุณโฉมคงปากพล่อย พูดไปยังงั้นแหละครับ ผมไม่อยากให้น้องรุ้งแก้วคิดมาก”
“ฉันถามว่านังโฉมมันพูดว่ายังไง”
“เธอบอกว่าน้องรุ้งแก้วกับคุณพี่เป็น เอ่อ”
“เป็นอะไร”
“เป็นปอบ”
“แล้วเธอเชื่อมันหรือเปล่า”
“ไม่เชื่อหรอกครับ ถ้าเชื่อผมก็คงไม่กล้ามา”
“ฉันดีใจที่รุ้งแก้วมีผู้ชายดีๆ อย่างเธอคอยดูแล อยากพบรุ้งแก้วใช่มั้ย”
ธวัชยิ้มดีใจ
“เอ่อ แล้วแต่คุณพี่ละอองคำจะกรุณา”
“ตามมา”
ละอองคำเดินนำธวัชมา ยิ้มมุมปาก เจ้าเล่ห์ ส่วนธวัช ยิ้มดีใจ แล้วจู่ๆ ละอองคำก็มีสีหน้าเจ็บปวด หน้านิ่ว ฝืนหันไปหาธวัช
“เดี๋ยว หยุดก่อน”
“มีอะไรหรือครับ คุณพี่”
ละอองคำมองไปที่ตะกรุดเงินที่ธวัชใช้ตะขอเหน็บไว้กับเสื้อ

“ถอดตะกรุดเงินออกซะ”

ธวัชงงๆ ส่ายหน้า ละอองคำเสียงเข้มขึ้น
 
“ถ้าเธอไม่เชื่อว่ารุ้งแก้วเป็นอย่างที่คนอื่นพูด เธอก็ไม่จำเป็นต้องใช้มัน ฉันแค่ต้องการพิสูจน์ว่าเธอรักน้องสาวฉันจริงหรือเปล่า เธอกล้าเสียสละตะกรุดเงินนั่นมั้ยล่ะ”
ธวัชลังเล ละอองคำถามย้ำเสียงดัง
“กล้ามั้ย”
“ก็ได้”
“ถ้ากล้าก็โยนทิ้งน้ำไปซะ ถ้าเธอไม่ทำก็อย่ามาให้ฉันกับรุ้งแก้วเห็นหน้าอีก ไปซะ คนขี้ขลาด”
ธวัชเริ่มมีทิฐิ เดินกลับไปที่ศาลาท่าน้ำ แล้วปลดตะกรุดโยนทิ้งน้ำ ละอองคำมองสะใจ
“คราวนี้ให้ผมได้พบน้องรุ้งแก้วได้หรือยังล่ะครับ”
ละอองคำยิ้มพอใจ เดินหันหลังกลับเข้าบ้าน ธวัชตามไป โดยไม่รู้ว่าเหนือน้ำในลำคลองนั้น แสงสีทองปรากฏอยู่บนผิวน้ำ ก่อนจะเลือนหายไป
แม่ชีน้อมนั่งสมาธิอยู่ แสงสีทองวูบลอยมาที่ร่างของแม่ชีน้อม แม่ชีลืมตาขึ้น มือขวาที่ซ้อนอยู่บนมือซ้ายในท่านั่งสมาธิ ตะกรุดเงินได้ลอยมาเข้ามือแม่ชีน้อม แสงสีทองสว่างที่บริเวณตะกรุดเงิน

ธวัชเดินเข้ามาในบ้านละอองคำอย่างร้อนใจเพราะอยากพบรุ้งแก้วโดยเร็ว ทันทีที่ก้าวเข้าสู่ห้องรับแขก ประตูบ้านก็ปิดดังปัง ธวัชหันขวับ ตกใจ หันกลับมา มองหน้าละอองคำที่ยืนยิ้มมีเลศนัย ไฟฟ้าดับพรึ่บพร้อมกันทั้งบ้าน ธวัชขนลุก ทำใจดีสู้เสือ
“แย่จังนะครับ คุณพี่ ไฟไม่น่าดับเอาตอนนี้”
ละอองคำหัวเราะหยัน
“ไม่ใช่แค่ไฟหรอก ไอ้ธวัช ชีวิตแกก็กำลังจะดับด้วยเหมือนกัน”
ปอบละอองคำก้าวเข้าไปหาธวัช เงาดำมากมายพุ่งเข้าใส่ร่างละอองคำ ดูน่าเกลียดน่ากลัว ใบหน้าของละอองคำเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่น่ากลัว ธวัชตกใจกลัวสุดขีด แต่ไม่อาจขยับขาวิ่งหนีได้ เหงื่อตก หน้าซีด มือปอบเงื้อจะแทงท้องของธวัช ธวัชตาเบิกโพลง
“อย่านะเจ้าพี่ อย่าทำพี่ธวัชนะเจ้าคะ”
“ถอยไป นังรุ้งแก้ว”
รุ้งแก้ววิ่งเข้าขวาง
“ไม่เจ้าค่ะ ถ้าเจ้าพี่หิว ก็กินน้องเถอะเจ้าค่ะ กินน้องให้อิ่ม แล้วปล่อยพี่ธวัชไป พี่ธวัชไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วย”
“ไม่ น้องรุ้งแก้ว อย่าทำแบบนี้ รีบหนีไป ไม่ต้องห่วงพี่ หนีไปเร็ว”
รุ้งแก้วร้องไห้กอดธวัชไว้แน่น
“ไม่ น้องไม่ไป ที่พี่ธวัชมาที่นี่ก็เพราะเป็นห่วงน้อง น้องจะไม่หนีไปไหนเด็ดขาด”
“น้องรุ้ง”
รุ้งแก้วร้องไห้ กอดธวัช
“อย่าทำอะไรน้องรุ้งแก้วนะ”
ละอองคำหัวเราะ
“รักกันมากนักใช่มั้ย ดี ข้าจะกินเจ้าทั้งสองคน”
“ไม่ได้ คุณพี่กินผมเถอะครับ ปล่อยน้องรุ้งแก้วไป”
“ไม่ค่ะ น้องจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ถ้าจะตาย ก็ขอให้ตายอยู่ด้วยกันกับพี่ธวัชที่นี่”
ละอองคำมีท่าทีอ่อนลงเมื่อเห็นความรักของคนทั้งสอง
“แกคิดว่าฉันไม่กล้าทำอะไรแกใช่มั้ย นังรุ้งแก้ว”
ดวงตาละอองคำทั้งเศร้าทั้งโกรธ แยกออกไป ธวัชโผเข้ากอดรุ้งแก้ว ร้องไห้ ซับน้ำตาให้กันและกัน
“รีบไปจากที่นี่เถอะน้องรุ้งแก้ว”
ธวัชประคองรุ้งแก้วออกไปจากบ้าน ละอองคำยืนซึม มองหน้าต่างที่เปิดแย้มไว้เพียงนิดเดียว เห็นธวัชประคองรุ้งแก้วออกไปจากบ้าน ละอองคำ เชิดหน้า หันกลับมา หน้าต่างปิดเอง กรวยดอกไม้เก่าๆ ลอยวนตรงหน้าละอองคำ
“เจ้าเป็นอะไรไป ละอองคำ ทำไมเจ้าใจอ่อน”
“ถ้าผีเจ้าหิว จะฆ่าใครก็เชิญเถอะ อย่าให้ข้าต้องทำบาปอีกเลย”
“แต่เจ้าก็รู้ว่าข้าต้องอาศัยเจ้า”
“ข้าทำไม่ลง ข้าสงสารน้อง”
ละอองคำปล่อยโฮ
“ข้าหิว อย่าเหลวไหล ละอองคำ”
“ไม่ ข้าทำไม่ได้ ทั้งรุ้งแก้วทั้งธวัชไม่มีความผิดอะไร”
“แต่ข้าหิว”
“ไม่ ข้าทำไม่ได้ ข้าไม่ทำ ข้าจะไม่ทำอีกแล้ว”
“เมื่อไม่ฟังข้า เจ้าจะต้องได้รับการลงโทษ ส่วนนังรุ้งแก้ว ข้าจะจัดการมันเอง”
กรวยดอกไม้พุ่งปาดหน้าละอองคำจนหงายหลังลงกับเตียง เงาผีพุ่งเข้าร่างละอองคำตรงท้อง ท้องปูดพองขึ้นมาทันที แล้วโย้ไปเย้มา ละอองคำเจ็บปวด เพราะปอบผีเจ้ากัดกินไส้พุงตัวเอง
“โอ๊ย”

ปอบผีเจ้าหัวเราะชอบใจ ละอองคำทุรนทุราย

เจ้านาง ตอนที่ 6 (ต่อ)

ธวัชประคองรุ้งแก้วเดินไปตามถนน ด้านหน้ามีต้นไม้ใหญ่ใบรกครึ้ม
 
ทั้งสองเดินผ่านไป รุ้งแก้วปาดน้ำตา เสียใจที่สุด ปอบผีเจ้านั่งอยู่บนกิ่งไม้ หน้าตาน่าเกลียด ธวัชและรุ้งแก้วเดินผ่านมา ผีปอบทำท่าจะพุ่งเข้าใส่แต่ชะงัก ตะกรุดเงินกลายเป็นตะกรุดไฟลอยพุ่งเข้าหา ผีเจ้านางตกใจ วูบหายไป กายทิพย์ของแม่ชีน้อมเดินตามหลังทั้งสองมา แม่ชีน้อมลืมตาขึ้นจากสมาธิ จิตโผล่หน้าออกมา
“แม่ชียังไม่นอนหรือคะ”
“ยัง เตรียมจัดที่นอนไว้ให้แขกด้วย”
“แขก”
แม่ชีน้อมไม่ตอบ แต่เดินเลี่ยงออกไปข้างนอก จิตมองตาม

ละอองคำนั่งซึมอยู่ที่ในห้อง ดวงตากร้าว แต่สักพัก ดวงตาก็อ่อนลง นึกถึงภาพความผูกพันกับรุ้งแก้ว ละอองคำน้ำตาคลอ เริ่มสะอื้นเบาๆ ผีเจ้าปรากฏอยู่ด้านหลัง มองมาด้วยสายตาไม่พอใจ
ราบฟ้ายืนหน้าเศร้า ปิ่นเมืองเดินมาทางด้านหลัง
“สงสารมัน เป็นห่วงมัน อยากช่วยมัน เจ้าพี่ยังรักอีละอองคำคนชั่วอยู่ใช่มั้ยเจ้าข้า”
“เรื่องรักหรือชังมันผ่านมาแล้ว ไม่มีเมืองนายให้เจ้าต้องแย่งชิงกันเป็นใหญ่กับละอองคำอีกแล้ว”
“แล้วอย่างใด รับสั่งเยี่ยงนี้ หมายความว่าอย่างใด หา เจ้าพี่”
ปิ่นเมืองอ้อมมาเผชิญหน้า ร้องไห้ น้อยใจ
“คิดบ้างสิเจ้าคะว่าอีละอองคำมันทำอันใดไว้กับผีปู่ย่าของเราบ้าง ผีหลวงเมืองนายเคยประทับในหอผีให้ผู้คนกราบไหว้ กลับถูกมันเอาทิ้งน้ำ เยี่ยงนี้เจ้าพี่ยังเมตตามันอีกหรือเจ้าข้า”
ปิ่นเมืองสะบัดหน้า ผินหลังให้ น้ำตาไหล ราบฟ้าเจ็บปวดไม่น้อยกว่าปิ่นเมือง

กลางดึก รุ้งแก้วกับธวัชเข้ามาที่กุฏิแม่ชีน้อม ทั้งสองอิดโรย หน้าหมอง แม่ชีน้อมเดินจงกรมอยู่อย่างสงบ จิตออกมาจากกุฏิพอดี เห็นรุ้งแก้วกับธวัชนั่งลงกับพื้น ก้มหน้า รุ้งแก้วสะอื้นเบาๆ
“นึกว่าใคร น้องรุ้งแก้ว คุณธวัช”
แม่ชีน้อมหยุดเดินจงกรม
“จัดที่นอนเรียบร้อยหรือยัง”
“ค่ะแม่ชี ให้รุ้งแก้วนอนกับจิตก็ได้ ส่วนคุณธวัชนอนด้านนอก”
“ให้ธวัชไปนอนกับหลวงพ่อ”
“แต่ดึกแล้วนะคะแม่ชี”
“ไปเถอะ รุ้งแก้ว ธวัช คืนนี้พักผ่อนก่อน พรุ่งนี้เราค่อยคุยกัน”
รุ้งแก้วเช็ดน้ำตา ก้มกราบลง ธวัชยกมือไหว้

ภายในวัด เสียงหมาหอนดังมา จิตเหลียวซ้ายแลขวา ถามธวัชเสียงสั่น
“หนีอะไรกันมาหรือคะคุณธวัช”
“ผมยังไม่อยากเล่าตอนนี้ แต่แม่ชีคงรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว”
“ค่ะ ท่านสั่งให้จิตจัดที่นอนไว้ตั้งแต่คุณยังไม่มา เฮ้อ หมามันจะหอนทำไมวะ ยิ่งหลอนๆ อยู่ด้วย”
ทั้งสองคนเดินไปถึง ประตูก็เปิดออกโดยไม่ต้องเรียก หลวงพ่อยืนอยู่
“รีบกลับไปซะโยมจิต เดินคนเดียวได้นะ”
“ไม่ได้ก็ต้องได้ค่ะหลวงพ่อ คุ้มครองอิฉันด้วยนะคะ”
“ไปเถอะ ไม่มีอะไรกล้าเข้ามาในเขตวัดหรอก ไม่ต้องกลัว”
“ค่ะหลวงพ่อ”
จิตยกมือไหว้ ก้าวเร็วๆ จนผ้าถุงกระทบกับขาสะบัดไปมาอย่างเร็ว แล้วรีบวิ่ง นกกลางคืนบินผ่านหน้าไป จิตล้มลง ตกใจ
“ว้าย”
“มีสมาธิหน่อยสิแม่จิต”
“ว้าย แม่ชี เจ้าค่ะ”

แม่ชีน้อมยืนบอกกับจิตที่เข้ามาในกุฏิ ซึ่งมีท่าทีตกใจไม่หาย รุ้งแก้วนั่งอยู่มุมหนึ่ง
“ถ้าจิตเรามั่นคงแล้ว วิญญาณ สัมภเวสีหรือสิ่งชั่วร้ายก็ทำอะไรเราไม่ได้ พระพุทธคุณที่เรายึดมั่นจะคุ้มครองเราเสมอ แต่ถ้าเราหวั่นไหวกับอำนาจของวิญญาณแล้ว เราจะตกเป็นทาสของมัน”
“แหม แต่มันอดกลัวไม่ได้ดอกเจ้าค่ะแม่ชี”
“ถ้าแม่จิตไม่ใช่คนวัด ฉันจะไม่เตือนดอกนะ แต่นี่อยู่วัดมาแต่เด็ก ไม่น่าจะกลัวอะไรอีกแล้ว”
จิตยิ้มแหย
“ไปนอนกันเถอะรุ้งแก้ว”

จิตหลับไปแล้ว ลมพัดจากหน้าต่างทำให้มุ้งต้องแรงลม รุ้งแก้วนอนไม่ได้หลับ นึกถึงภาพหวาดกลัวที่เห็น

โฉมแต่งตัวสวยจะออกไปข้างนอก ซ่อนกลิ่นเซ็งๆ
 
“ทิ้งแม่อยู่บ้านคนเดียวอีกแล้ว ฉัตรก็จะออกไปข้างนอก”
ฉัตรเดินออกมา
“พี่ฉัตรจะไปไหน”
“ไปหาหลวงพ่อ”
“หลวงพ่อหรือใครกันแน่ กลัวว่าจะเลยวัดไปถึงเรือนปั้นหยาซะมากกว่า”
ซ่อนกลิ่นเป็นห่วงขึ้นมาทันที
“ไปหาใครเหรอฉัตร”
“ก็เรือนนังสองพี่น้องที่เขาลือกันว่ามันเป็น”
“โฉม เหลวไหลน่า”
“เขาลือกันทั้งเมือง พี่ฉัตรตาบอดหรือไง หรือว่าความรักมันทำให้พี่ฉัตรตาบอด”
“ลืออะไรเหรอแม่โฉม หา เล่าให้แม่ฟัง แล้วใครลือใคร”
“ไม่มีอะไรครับ แม่”
“ฉัตรไม่บอก โฉมก็ต้องบอกแม่มาเดี๋ยวนี้นะ”
ฉัตรจ้องหน้าโฉม โฉมมองท้าทาย
“ก็ผู้หญิงที่พี่ฉัตรไปติดพันอยู่น่ะสิคะ เขาลือกันว่ามันเป็นพวกปอบ ฆ่าคนตายมานักต่อนักแล้ว คุณจำแลงกับคุณอำนวยที่หายไป โฉมก็อดคิดไม่ได้ว่าเป็นเหยื่อของมัน”
“จริงหรือฉัตร แค่แม่ฟังก็ยังกลัวเลย แล้วทำไมลูกถึง”
“ไม่เป็นอย่างที่โฉมพูดแน่ครับ ผมไปก่อนดีกว่า ผมนัดกับหลวงพ่อไว้”
ฉัตรออกไป ซ่อนกลิ่นรีบถามโฉมด้วยความเป็นห่วง
“ที่โฉมพูดน่ะเป็นเรื่องจริงเหรอ”
“จริงสิคะ อุ๊ย โฉมไปกับพี่ฉัตรดีกว่า จะไปให้แม่ชีช่วยดูดวงให้ด้วย โฉมไปก่อนนะคะแม่”
“โฉม”
โฉมไม่หันกลับมา ซ่อนกลิ่นเริ่มกังวล
“โอย คุณพระคุณเจ้า ปกปักรักษาลูกอิฉันด้วยเจ้าค่ะ”


โฉมวิ่งตามฉัตรมาถึงประตูวัด
“พี่ฉัตร โกรธโฉมเหรอ ที่บอกกับแม่อย่างนั้น เลยต้องให้เจ๊กลากรถมันลากหนีโฉมจนตามแทบไม่ทัน”
“เปล่า แล้วตามมาทำไม”
“ก็แค่ตามมาพิสูจน์เท่านั้นว่าพี่ฉัตรจะไปบ้านนังปอบสองพี่น้องนั่นหรือเปล่า”
ฉัตรมองโฉมอย่างรำคาญ แล้วเดินไป
“ระวังจะตายไม่รู้ตัว”

ฉัตรเข้ามาที่กุฏิคุกเข่ากราบหลวงพ่อ
“ถูกดุลออกจากราชการแล้ว จะทำงานการอะไร คิดไว้บ้างหรือเปล่า มีอะไรที่หลวงพ่อช่วยได้มั้ย”
“ไม่เป็นไรครับ ยังมีกิจการของพ่อค้าอีกหลายคนที่ยังต้องการข้าราชการตกงานอย่างผมไปร่วมงานด้วย”
“ชีวิตมันก็อย่างนี้แหละฉัตร ไม่มีอะไรแน่นอน มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ เราต้องพร้อมยอมรับความเป็นอนิจจังให้ได้”
“ครับ หลวงพ่อ”
ฉัตรรินน้ำชาจากป้านชาประเคนหลวงพ่อ
“ถ้าว่างก็มาปฏิบัติธรรมบ้างนะฉัตร บางทีสิ่งที่ร้ายอาจกลายเป็นดีขึ้นมาบ้าง”
“ผมกำลังมีเคราะห์หรือครับ”
“ลองใช้ปัญญาตรองดู หนีอะไรก็หนีพ้นนะฉัตร แต่หนีกรรมไม่พ้นหรอก กรรมยุติธรรมเสมอ หลวงพ่อเตือนเราแล้วนะ”
ฉัตรสงสัย

โฉมเห็นรุ้งแก้วกวาดลานวัด กวาดไปก็ปาดน้ำตาไป เธอจะเดินเข้าไปหา แต่เห็นธวัชเดินมา ถือปิ่นโตมาด้วย
“รุ้งแก้ว เมื่อเช้าพี่ไปบิณฑบาตกับหลวงพ่อมา ท่านฉันมื้อเดียว ก็เลยให้พี่เอามาฝากน้องรุ้งแก้ว”
รุ้งแก้วยิ้มบางๆ ธวัชเห็นคราบน้ำตาที่ใบหน้ารุ้งแก้ว
“นี่คงร้องไห้ทั้งคืนเลยสิ”
รุ้งแก้วพยักหน้า ธวัชมองอย่างสงสาร โฉมยิ้ม
“ตกอับ ขนาดต้องมาขอข้าววัดกิน นี่คงสิ้นคิดเอาเด็กวัดทำผัว อยากรู้จังว่านังพี่สาวมันเป็นยังไง”
โฉมเดินออกไป ธวัชกับรุ้งแก้วมานั่งใต้ต้นไม้ ดึงปิ่นโตออกจากเถา
“รุ้งอยากหาทางช่วยพี่ละอองคำ”

ธวัชมองรุ้งแก้วอย่างเห็นใจ

โฉมเดินมาเห็นแม่ชีน้อมกำลังเช็ดถูทำความสะอาดบริเวณโบสถ์อยู่ โดยมีจิตคอยช่วยอยู่ด้วย
 
“ไปทางไหนก็เห็นทำความสะอาดวัดกันหมด กำลังจะจัดงานวัดเหรอแม่ชี”
แม่ชีน้อมตอบโดยไม่หันมา จิตมองโฉมอย่างไม่ค่อยพอใจนักแต่ไม่กล้าแสดงออก
“เราทำความสะอาดเป็นประจำอยู่แล้วล่ะคุณ เหมือนที่เราต้องหมั่นชำระดวงจิตของเราไงล่ะ”
“พวกถือศีลนี่พูดอะไรแปลกๆ ฟังไม่รู้เรื่อง”
“มันเป็นเรื่องของปัญญาค่ะคุณโฉม”
โฉมหันมาทางจิตไม่พอใจ
“แต่อย่างน้อย ฉันก็มีปัญญามากพอที่จะไม่อาศัยวัดเป็นที่อยู่เหมือนใครบางคน”
“อ้าว พูดแบบนี้ก็สวยสิ”
“จิต ไม่เอาน่า ทำงานไป”
จิตก้มหน้าทำงานต่อ แต่ไม่วายชำเลืองมองโฉม
“มีธุระอะไรกับฉันหรือเปล่า ถ้าไม่มี ฉันขอตัวทำงาน”
“อยากให้แม่ชีช่วยดูดวงให้หน่อย ก็แค่นั้น”
“ถ้าคิดจะมาลองกัน อย่าเลย จะเป็นการปรามาสผู้ปฏิบัติธรรมให้เป็นกรรมติดตัวไปเปล่าๆ เอาอย่างนี้นะ ฉันจะให้ของดีคุณ”
แม่ชีน้อมถอดแหวนพระเก่าๆ ส่งให้โฉม
“อะไร”
“บางทีแหวนวงนี้ อาจช่วยคุณได้ แล้วถ้าคุณศรัทธาฉันจริงเมื่อไหร่ เราค่อยมาพบกัน รับไปสิ”
“แล้วฉันต้องทำบุญเท่าไหร่”
“ไม่ต้องค่ะ ฉันให้คุณ”
โฉมรับไป มองดูแหวนอย่างไม่ค่อยใส่ใจ
“ใส่ไว้เถอะค่ะ ถึงบ้านแล้วค่อยถอดออกก็ได้ มันไม่มีราคาหรอกนะคะ แต่มีค่ามากมายสำหรับคุณ”

โฉมมาที่บ้านละอองคำ ถือวิสาสะเปิดประตูรั้วเข้ามา มองไปที่ตัวบ้าน เห็นบ้านเงียบ เหมือนไม่มีคนอยู่
“คงตกอับจริงๆ แหละ บ้านถึงได้เงียบอย่างนี้ ขายเอามาประทังชีวิตแล้วมั้ง สมน้ำหน้า”
“สมน้ำหน้าใครรึคะคุณโฉม”
โฉมหันมา จึงได้เห็นละอองคำยืนอยู่ด้านหลัง ตกใจ
“อุ๊ย คุณละอองคำ”
“เชิญในบ้านดีกว่าค่ะ อยากเข้าบ้านฉันมากไม่ใช่รึ”
ละอองคำเดินนำไป โฉมมองตามอึ้งๆ ก่อนตามละอองคำเข้าไปด้านใน ซึ่งหน้าต่างปิดหมด จนดูอับๆ
“ทำไมมืดจัง”
“พูดธุระของคุณมาดีกว่า”
โฉมเริ่มปรับตัวได้ เดินไปภายในบ้าน มองดูสภาพบ้านที่ไม่มีเครื่องเรือนอะไรมากนัก
“ผ่านมาทางนี้ก็เลยแวะเยี่ยม สบายดีหรือเปล่าคะ แล้วนี่น้องรุ้งแก้วไปไหนซะล่ะ ถึงได้อยู่บ้านคนเดียว”
“พูดธุระของคุณได้แล้ว ไม่ต้องอ้อมค้อม”
“ก็ตะกี้ฉันไปกราบแม่ชีที่วัดมา เห็นน้องรุ้งแก้วอยู่ที่วัด มีไอ้หนุ่มตามส่งข้าวส่งน้ำ ก็เลยแปลกใจ”
“แล้วไง”
“ก็ไม่ยังไงหรอกค่ะ เห็นว่าหอบหิ้วกันมาจากเมืองเหนือแค่สองคน จู่ๆ น้องรุ้งแก้วก็แยกตัวไปมี ผ เอ๊ย แยกตัวไปอยู่วัด คุณละอองคำจะนิ่งเฉยได้หรือคะ ฉันเกรงว่าคนจะ
นินทาเอาได้ ก็เลยมาเยี่ยมด้วยความเป็นห่วง”
“ห่วงชีวิตตัวเองดีกว่ามั้ง เลิกแส่เลิกยุ่งเรื่องของชาวบ้านได้แล้ว”
“หา ทำไมพูดกับฉันอย่างนี้ ฉันอุตส่าห์เห็นใจมาเยี่ยม แทนที่จะเห็นความดีที่ฉันมีให้ กลับพูดจาไม่ดีกับฉัน นัง”
โฉมยังไม่ทันด่า ละอองคำก็หัวเราะกร้าว หน้าต่างกระชากเปิดปิดเองดังปัง โฉมตกใจ ผงะถอยหลังจนไปปะทะผนัง ละอองคำเดินเข้าหา ดวงตาน่ากลัว เงาร่างปอบผีเจ้าปรากฏด้านหลัง แล้วสิงเข้าไปในร่างของละอองคำ ดวงตาละอองคำกร้าวขึ้น
“แกจะทำอะไรฉัน หา นังละอองคำ แกเป็นอย่างที่คนเขาลือกันใช่มั้ย”
“ลืออะไร”
ละอองคำสาวเท้าเข้าไป ดวงตาจับจ้องที่หน้าของโฉม
“อย่านะ นังผีปอบ”
ละอองคำโกรธสุดขีด กระชากตัวโฉมมาใกล้ โฉมหวีดร้อง ถูกกระชากมาตรงหน้า ละอองคำจะบีบคอ แต่โฉมปัดด้วยสัญชาตญาณ ประกายไฟวาบมาจากแหวน ละอองคำผงะไป โฉมกรีดร้องแล้ววิ่งออกไปอย่างไม่คิดชีวิต ประตูปิด ละอองคำทรุดกายลง หายใจหอบ เงาร่างผีเจ้า หลุดออกแล้วเลือนหายไป โฉมวิ่งออกมาชนเข้ากับฉัตรอย่างจัง
“โฉม”
“พี่ฉัตร”
“มาที่นี่ทำไม”
“แล้วพี่ฉัตรล่ะ กลับบ้านพี่ฉัตร นังละอองคำมันจะฆ่าพี่เอา เชื่อโฉมนะ พี่ฉัตร”
ละอองคำอยู่ในบ้าน ตวัดหน้ามาทางหน้าบ้าน ดวงตาแค้นเคือง
“พี่มีธุระกับคุณละอองคำ โฉมกลับไปก่อนเถอะ”
“โฉมเตือนพี่แล้วนะ ไม่เชื่อก็ตามใจ ระวังจะต้องเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่ เหมือนผู้ชายคนอื่นๆ”
ประตูเปิดออก ละอองคำยืนสง่าอยู่
“เชิญค่ะคุณฉัตร”
ละอองคำกับฉัตรนั่งเผชิญหน้ากัน
“น้องสาวคุณเข้าใจฉันผิด เหมือนกับที่คนอื่นๆ เข้าใจฉันไปต่างๆ นานา ฉันต้องขอโทษด้วย หากว่าแสดงกิริยาที่ไม่สุภาพไปกับน้องสาวคุณ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ โฉมเป็นคนพูดจาอะไรไม่คิด เชื่อมั่นในตัวเอง จนมองไม่เห็นหัวคนอื่น”

“ขอบคุณค่ะ แต่ฉันไม่ค่อยสบายใจ”

ฉัตรมองดูหน้าละอองคำซีดเซียว
 
“คุณละอองคำยังหน้าซีดอยู่เลย ทานยาจีนที่ผมเอามาฝากบ้างหรือเปล่าครับW
ละอองคำเบือนหน้าหนีไปทางหนึ่ง ซ่อนน้ำตา
“ผมจะต้มยาให้คุณทาน หายดีแล้วจะได้ออกไปเปิดหูเปิดตานอกบ้าน บางทีอาจจะสบายใจขึ้น”
“อย่าลำบากเลยค่ะ”
“คุณละอองคำครับ”
“คะ”
“เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ อย่าปฏิเสธเลยนะครับ”
ละอองคำมองฉัตร ดวงตาอ่อนลง เช่นเดียวกับหัวใจ หยาดน้ำตาไหลอาบแก้ม อ่อนแอขึ้นมาทันที
“สุดแท้แต่คุณฉัตรเถอะค่ะ”

ฉัตรอยู่หน้าเตาไฟ กาน้ำกำลังเดือด เขาจัดการวางถ้วยชา เปิดยาจีนที่ยังห่อไว้เหมือนเดิม แกะออก แล้วโรยไปที่ถ้วยชา ละอองคำยืนมองอยู่ด้านหลังด้วยดวงตาแสนรักในตัวฉัตร แล้วผละออกไป เงาร่างผีเจ้าเลือนรางปรากฏ เป็นผีเจ้าชุดเจ้านางสวยงาม
“เคยเจ็บปวดเพราะความรักมาแล้วไม่ใช่รึละอองคำ ไยเจ้าจึงไม่รู้จักจำ”
ผีเจ้ามองละอองคำดวงตากร้าว ละอองคำตกใจ
“ผีเจ้า ข้า ข้า”
ผีเจ้าวูบมาใกล้ กระซิบที่ข้างหูละอองคำ
“ข้าอยากกินมัน”
ละอองคำตื่นตะลึง

ฉัตรวางถาดที่มีถ้วยยาจีนอยู่สองถ้วย ละอองคำนั่งอยู่ ฉัตรลุกไปเปิดหน้าต่าง แสงสว่างสาดเข้ามา ละอองคำเบือนหน้าหนีแสง
“ให้อากาศถ่ายเทบ้าง จะได้สดชื่น”
“เดี๋ยวฉันดื่มเอง คุณกลับไปได้แล้ว กลับช้า น้องสาวคุณจะมาว่าฉันทำร้ายคุณได้”
ฉัตรมองล้อๆ พูดยิ้มๆ
“ผมไม่เคยกลัวคุณ เราเป็นเพื่อนกันแล้ว คุณกล้าไล่เพื่อนที่รู้สึกดีกับคุณได้ลงคอเลยเหรอครับ คุณละอองคำ ดื่มซะ ดื่มตอนร้อนๆ ดีที่สุดครับ ความร้อนจะทำให้ยาเดินได้ผลดี ผมจะดื่มเป็นเพื่อน”
ฉัตรยกถ้วยยามาวางให้ละอองคำตรงหน้า
“เราดื่มพร้อมกันเลยนะ เชิญครับ”
“ทำไมเซ้าซี้จัง ฉันบอกแล้วไงว่าเดี๋ยวฉันดื่มเอง”
“ถ้าคุณละอองคำไม่ดื่ม ผมจะไม่กลับบ้าน”
“ไม่กลัวเหรอ”
“ถ้าต้องตายที่นี่ แล้วได้อยู่กับคุณ ผมก็ยอมตาย”
ละอองคำอึ้งไป ดวงตาสะท้านแบบหญิงที่พบรัก
“เชิญครับ”
ละอองคำยกขึ้นดื่ม ทั้งสองดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว
“กลับไปได้แล้ว ฉันกินยาหมดถ้วยแล้ว”
“แต่เรายังไม่ได้คุยกันเลย”
ละอองคำอึ้ง เห็นผีเจ้าแต่งชุดเจ้านางวูบผ่านไปมาด้านหลัง
“กลับไปก่อนนะคะ ฉันขอร้อง กลับไป ไปสิ”
“ก็ได้ เอ่อ แล้วผมจะมาใหม่ อย่าลืมพักผ่อนเยอะๆ นะครับ จะได้แข็งแรง”
“ค่ะ คุณฉัตร”
ทั้งสองสบตากัน ฉัตรฉวยมือละอองคำมาจับ ละอองคำตกใจ แต่ก็ไม่ชักมือกลับ
“สัญญานะว่าจะให้ผมมาต้มยาให้คุณดื่มอีก”
“คุณฉัตร”
“สัญญาก่อนสิครับ”
ผีเจ้าปรากฏขึ้นด้านหลังฉัตร มองผ่านไหล่ฉัตรมายังละอองคำ
“ค่ะๆ ฉันสัญญา”
ละอองคำเห็นผีเจ้า มองตะลึง
“ผมกลับก่อนนะครับ ดูแลตัวเองด้วย”
“ค่ะ ขอให้คุณเดินทางปลอดภัยนะคะ”
ผีเจ้าจ้องหน้าละอองคำ ฉัตรยิ้มแล้วผละไป ผีเจ้าหายไป ละอองคำเหลียวมองไปรอบๆ อ้อนวอน
“ผีเจ้า อย่าทำอะไรเขานะ ผีเจ้า รับปากข้าก่อนสิ อย่าทำอะไรเขา ผีเจ้า”

รถลากลากไป ฉัตรนั่งอยู่ด้านหลัง ฉัตรยิ้มมีความสุข เผลอยกมือตัวเองขึ้นดม นึกถึงตอนที่จับมือละอองคำ รถลากเคลื่อนผ่านไป

ละอองคำนั่งลงที่เตียง ผีเจ้าปรากฏอยู่ข้างๆ จ้องหน้า
“รักมันมากรึ ละอองคำ เจ้าใจอ่อน ไม่ยอมให้มันเป็นอาหารของข้า เจ้าก็รู้ว่าข้าหิว”
“แล้วข้าจะหาคนอื่นให้”
“ทำไม ทำไมกล้าขัดคำสั่งข้า”
ละอองคำกระเถิบหนี ยกมือไหว้ น้ำตาไหล
“ข้าอยากมีเพื่อน ผีเจ้าไม่ได้เป็นมนุษย์เหมือนข้า ผีเจ้าไม่เข้าใจดอก อย่าทำอะไรเขาเลย”
“มนุษย์ เจ้าไม่รู้ตัวเองรึละอองคำ ตัวเจ้าแสนงาม เป็นมนุษย์ แต่ใจเจ้าน่าเกลียดน่ากลัวไม่ต่างจากผีเยี่ยงข้าดอก แล้วเจ้าจะเสียใจ เจ้าจะเสียใจ เจ้าจะเสียใจ”
ผีเจ้าเลือนหายไป ขณะที่เสียงผีเจ้าดังอยู่ กรวยดอกไม้ที่ลอยกลับไปยังหิ้งผีที่ผนัง ละอองคำร้องไห้
“ผีเจ้า สงสารข้าเถอะ ข้าอยากมีเพื่อน ข้าอยากมีเพื่อน ฮือๆ”

ที่ป่าช้า ฟ้าครึ้มเหมือนฝนจะตก เมฆดำลอยผ่าน ลมพัดแรง ใบไม้แห้งที่อยู่เรี่ยดินปลิวไปตามลม ปิ่นเมืองยืนอยู่
“อย่าเสียใจไปเลยเจ้าพี่”
ราบฟ้าหันมามองปิ่นเมือง
“เห็นหรือยังว่ามันก็ไม่ผิดแม่มันดอก มากชู้หลายผัว หัวใจมันหาได้ซื่อสัตย์ต่อเจ้าพี่ไม่ ลืมมันเสียเถิดเจ้าข้า”
ราบฟ้าหันหลังหนี หน้าเศร้า ปิ่นเมืองมากอดด้านหลัง ใบหน้าเศร้าๆ มีน้ำตาคลออยู่แนบกับแผ่นหลังของราบฟ้า
“ข้าทำทุกอย่างเพื่อให้เจ้าพี่รักข้า แต่เจ้าพี่ก็ไม่เคยสนใจข้าเลย”

ราบฟ้านิ่งเรียบเฉย

เจ้านาง ตอนที่ 6 (ต่อ)
 
ฉัตรกลับมาบ้าน โฉมถามฉัตรหยันๆ
 
“เพื่อน ไม่มีใครคบแล้วเหรอ ถึงคบผีเป็นเพื่อน”
ฉัตรมองอย่างไม่พอใจ
“ใช่ พอใจหรือยัง”
ฉัตรเดินขึ้นบันไดไป ซ่อนกลิ่นเดินเข้ามา
“อะไรกัน พี่น้องสองคนนี้เจอกันเป็นไม่ได้ ทะเลาะกันทุกที”
“ก็จะไม่ให้ทะเลาะได้ยังไงล่ะคะ พี่ฉัตรไม่เชื่อโฉมว่านังละอองคำมันไม่ใช่คน”
“อาจไม่ใช่ก็ได้”
“ใช่สิแม่ ก็โฉมไปหามันมา”
ซ่อนกลิ่นตกใจ รีบกอดโฉมไว้
“โฉม อะไรนะ ลูกว่าเขาไม่ใช่คนแล้วไปหาเขาทำไม”
“ก็อยากพิสูจน์ไงคะว่ามันเป็นอย่างที่เขาลือกันหรือเปล่า”
“กลับมาปลอดภัยทั้งพี่ทั้งน้อง โดยไม่เป็นอะไรเลย เขาคงไม่ได้เป็นอย่างที่ลูกเข้าใจก็ได้”
โฉมเข้ามาในห้องนอน ถอดแหวนวางที่โต๊ะ
“หรือว่าแหวนยัยแม่ชีช่วยเราไว้”

รุ้งแก้วกับธวัชก้มกราบแม่ชีน้อม แม่ชียิ้มอารี
“น้องรุ้งมีเรื่องจะปรึกษาแม่ชีขอรับ”
“แม่ชีรู้แล้ว หมั่นปฏิบัติภาวนา พระพุทธคุณจะคุ้มครองเธอให้ปลอดภัย”
“รุ้งเป็นห่วงพี่ละอองคำเหลือเกินค่ะ แม่ชี”
“ยังไม่ถึงเวลาที่เราจะทำอะไรได้ รุ้งแก้ว พี่ของเธอก่อกรรมสร้างบาปไว้มากเหลือเกิน”
“อีกนานแค่ไหนคะแม่ชี”
รุ้งแก้วน้ำตาไหล สงสารละอองคำ แม่ชีน้อมไม่พูดอะไร
“น้องรุ้ง เราออกไปข้างนอกกันเถอะ”
แม่ชีน้อมลอบถอนใจเบาๆ จิตอยู่ด้านหลังแม่ชี มองรุ้งแก้วอย่างสงสารเช่นกัน ธวัชพารุ้งแก้วมานั่งคุยในวัดอันร่มรื่น
“พี่เป็นห่วงน้องรุ้งแก้วนะ ไม่อยากเห็นน้องเศร้าเสียใจมากอย่างนี้เลย”
“รุ้งเป็นห่วงพี่ละอองคำมากเลยค่ะ”
“แม่ชีให้อดทน”
“ค่ะแม่ชีให้อดทน พี่ธวัชคะ”
“อะไรครับ”
“ถ้าหากว่ารุ้งจะกลับไปบ้าน พี่ธวัชจะตามไปอยู่กับรุ้งมั้ยคะ”
“รุ้งแก้ว เอ่อ พี่ไม่ได้กลัวนะ แต่พี่อยากให้แม่ชีบอกเราเมื่อถึงเวลานั้นก่อน”
“แค่นี่รุ้งก็ดีใจแล้วค่ะพี่ธวัช”
ทั้งสองยิ้มให้กัน แต่ยิ้มของธวัชไม่สดใสนัก

พระอาทิตย์ตกดิน แสงสุดท้ายของวันหายไป ละอองคำนั่งอยู่ที่ศาลาท่าน้ำ คิดถึงรุ้งแก้ว
“รุ้งแก้ว พี่คิดถึงเจ้า พี่ขออวยพรให้น้องกับธวัชรักกันยืนยาว”
“ละอองคำ มาหาข้า”
ละอองคำสะบัดหน้าไปที่สายน้ำ หน้าเครียด
“ไม่ได้ยินรึ ข้าบอกให้มาหาข้า มาเดี๋ยวนี้ละอองคำ”
ละอองคำดื้อแพ่ง ไม่ยอมไปหาผีเจ้า มองไปที่สายน้ำ
“เจ้ากล้าขัดคำสั่งข้า ละอองคำ”
“ถ้าข้าขัดคำสั่งผีเจ้า ข้าคงไม่ต้องฆ่าคนมากมาย”
“ข้าบังคับเจ้ารึ เปล่าเลย ละอองคำเหย เจ้าเลือกเอง”
ละอองคำเมินหน้าหนี จะเดินกลับเข้าบ้าน
“ตามนังรุ้งแก้วกลับมา”
“นี่คงเป็นเรื่องเดียวที่ข้าจะขัดคำสั่งผีเจ้า”
“อีละอองคำ”
“ถ้าหิว ข้าจะหาคนอื่นให้กิน”
ละอองคำเดินออกมาโดยไม่สนใจ
“ข้าไม่ต้องการอาหาร ข้าต้องการทายาทสืบต่อจากเจ้า”
ละอองคำหันขวับกลับไป เดินกลับไปที่ศาลาท่าน้ำ
“มีข้าคนเดียวก็พอแล้ว จะต้องยุ่งกับรุ้งแก้วทำไม”
“ข้าพอใจ”
“ไม่ ข้าไม่มีวันยอมเด็ดขาด”
“อวดดีนัก ละอองคำเหย”
ผีเจ้าในชุดเจ้านาง กลายเป็นเงาผีวูบวาบแล้วพุ่งเข้าใส่ละอองคำ ผีเจ้าผละออก แล้ววิ่งเข้าใส่อีกครั้ง ละอองคำหวาดกลัว
“อย่านะ อย่า อย่า”
เงาผีทั้งหลายมากมายหลายตน รวมตัวกัน แล้วพุ่งเข้าท้องละอองคำ ผีหัวเราะน่าสยดสยอง ท้องละอองคำปูดโปน โป่ง โย้ไปโย้มา ละอองคำได้รับความทรมานเป็นอย่างมาก นอนบิดตัวไปมา
“จะยอมตามใจข้ามั้ย”
“ไม่ ข้าจะไม่ตกเป็นทาสของผีเจ้าอีกแล้ว ไม่”
“ข้าจะทรมานเจ้าจนกว่าเจ้าจะยอม“
ละอองคำดิ้นทุรนทุราย ท้องยังคงโย้ไปเย้มา ส่งเสียงร้องโหยหวน

รุ้งแก้วนั่งสมาธิ แม่ชีน้อมนั่งอยู่ด้านหน้า จิตและธวัชนั่งถัดไป รุ้งแก้วเริ่มกระสับกระส่าย สะดุ้ง แล้วถอนจากสมาธิ
“ไม่”
รุ้งแก้วหน้าซีด วิตก ทุกคนตกใจ จิตรีบเข้าประคอง
“เกิดอะไรขึ้น หนูรุ้งแก้ว”
“เจ้าพี่ เจ้าพี่โดนปอบกิน”
“ตายแล้ว”
จิตพลอยตกใจไปด้วย
“รุ้งจะทำยังไงดี พี่ธวัช เจ้าพี่ทรมานเหลือเกินค่ะ”
“รุ้งแก้ว ทุกอย่างดำเนินไปด้วยกรรม ไม่ว่าเราจะทุกข์ร้อนแค่ไหน ก็ห้ามกงล้อกรรมให้หยุดหมุนไม่ได้”
“แต่รุ้งเป็นห่วงเจ้าพี่เหลือเกินค่ะ แม่ชี รุ้งจะช่วยเจ้าพี่ได้ยังไงคะ”
“บางทีจิตที่ว้าวุ่น ก็ทำให้เกิดภาพหลอน ภาพลวงตา ทำใจให้สงบนะ รุ้งแก้ว”

ธวัชคอยประคองรุ้งแก้วด้วยความห่วงใย ไม่ยอมห่าง

รุ้งแก้วเดินเคียงคู่ธวัชมาที่ลานวัด สีหน้าวิตกกังวลมาก
 
“พี่เองก็เคยได้ยินมาเหมือนกัน ว่าการนั่งสมาธิใหม่ๆ บางคนจะเห็นภาพหลอน เห็นผีมาขอส่วนบุญ ต่างๆ นานา”
“แต่รุ้งใจคอไม่ดี เป็นห่วงเจ้าพี่เหลือเกินค่ะ เจ้าพี่อยู่คนเดียว”
“งั้น พรุ่งนี้เราไปเยี่ยมคุณพี่กัน”
รุ้งแก้วกังวล เพราะละอองคำสั่งไว้ว่าไม่ให้กลับไป
“จะดีหรือคะ”
“ตอนกลางวัน คงไม่เป็นไร เรารีบไปรีบกลับ ได้พบคุณพี่แล้ว น้องรุ้งแก้วจะได้สบายใจ”
“ค่ะ”
ธวัชมองสบตารุ้งแก้วด้วยความรัก

ละอองคำดิ้นทุรนทุราย ร้องครวญคราง
“ผีเจ้า อย่าทรมานข้าเลย ข้าปวดไปหมดแล้ว”
ท้องของละอองคำพองแล้วยุบ บางครั้งโย้ไปมา ละอองคำเจ็บปวด ร้องไห้ น้ำตาไหล สะอึกสะอื้น
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
ใครคนหนึ่งกุมมือละอองคำไว้
“จะให้ข้าช่วยมั้ย”
ละอองคำตาเบิกโพลง ปัดมือปิ่นเมืองออก
“ไป”
ปิ่นเมืองในชุดเจ้านาง ยืนหัวเราะหยันอยู่
“สาแก่ใจข้านัก อีละอองคำเหย รับผีต่างวงศ์มาเลี้ยงดู แล้วเป็นอย่างใดเล่า มันรักเจ้า เยี่ยงที่ผีปู่ย่าและผีหลวงเมืองนายเมตตาเจ้าหรือไม่ อีละอองคำ”
“ออกไป ไปให้พ้นหน้าข้า”
“ไม่ ข้าจะดูเจ้าตายอย่างทุกข์ทรมานต่อหน้าข้า”
ปิ่นเมืองเดินไปรอบๆ เตียง ละอองคำนอนดิ้นทุรนทุรายอยู่ ผีเจ้าปรากฏร่างขึ้น ผลักผีปิ่นเมืองกระเด็นไป
“อย่ายุ่งกับอีละอองคำ มันเป็นทาสของข้า”
“อีผีต่างวงศ์มันช่างให้เกียรติเจ้าเหลือเกินละอองคำ”
ผีเจ้าจะวูบเข้าใส่ แต่ราบฟ้ายืนขวางไว้
“อย่าทำอะไรปิ่นเมือง”
ผีเจ้าถอยมานั่งข้างละอองคำ
“ไป ถ้าไม่ไปจากที่นี่ บัดเดี๋ยวนี้ ข้าจะควักไส้อีละอองคำมากินต่อหน้าเจ้าทั้งสอง”
ผีเจ้าใช้มือไล้ไปที่ท้องของละอองคำที่นูนออกมาจนน่ากลัว เล็บงอกยาวพร้อมจะแทงลงไป ละอองคำน้ำตาไหลพราก ตัวสั่น
“เจ้าพี่ไปเสีย ไป ก่อนที่ข้าจะตายต่อหน้าเจ้าพี่”
“ละอองคำ”
“ไปเถิดเจ้าพี่ ทั้งอีผีต่างวงศ์และอีละอองคำเป็นเสนียดตาข้านัก”
ปิ่นเมืองฉวยมือราบฟ้า แล้วทั้งสองก็เลือนหายไป
“ผีเจ้า เมตตาข้าด้วย ฮือๆ”
ผีเจ้ามองละอองคำ แสยะยิ้ม

ที่ป่าช้า ดวงจันทร์ส่องสกาวอยู่บนฟ้า นกกลางคืนจับที่กิ่งไม้ เสียงนกกลางคืนฟังดูโหยหวน ต่ำลงจากยอดไม้ ราบฟ้านั่งพิงต้นไม้ใหญ่ ปิ่นเมืองนอนหนุนตักหลับสนิท ราบฟ้าน้ำตาคลอ นึกถึงภาพความรักระหว่างละอองคำกับตัวเอง

ตอนเช้า ซ่อนกลิ่นยกปิ่นโตส่งให้ฉัตรด้วยความอิ่มเอิบใจ
“ไปถึงบ้านโน้นก็ตั้งไฟเสียหน่อย คุณละอองคำจะได้เจริญอาหาร”
“ขอบคุณมากครับ คุณละอองคำต้องชอบอาหารฝีมือแม่แน่ๆ”
ทั้งคู่เดินออกจากครัว โฉมมอง เบ้ปาก
“ลูกจะต้องคอยดูนะฉัตร ว่าคุณละอองคำเธอชอบ หรือไม่ชอบทานอะไร วันหลัง แม่จะได้จัดให้ถูก”
“ผมจะสังเกตดูให้ละเอียดเลยครับแม่”
โฉมเดินเข้ามาสมทบ
“แหม เอาใจกันเหลือเกินนะคะ คุณแม่อยากได้สะใภ้เมืองเหนือก็น่าจะบอกโฉม โฉมจะได้หาไอ้ที่มันเป็นคนสมบูรณ์แบบ ไม่ใช่พวกครึ่งปอบครึ่งคนแบบนี้”
ซ่อนกลิ่นตีแขนโฉมให้หยุดพูด
“โฉม”
“ไม่อยากฟัง โฉมก็จะไป แต่เชื่อเถอะว่าไม่ผิดจากปากโฉมหรอก”
โฉมสะบัดหน้าหนี เดินออกไป
“อย่าถือสาน้องเลยนะฉัตร ยัยโฉมน่ะผีเจาะปากให้พูด ก็พูดไปเเรื่อย”
ฉัตรถอนใจ
“ครับ แม่”
“ถ้าลูกชอบคุณละอองคำเธอจริงๆ แม่ก็ยินดีจะไปสู่ขอให้ถูกต้องตามประเพณี ว่าแต่ทางโน้นเขามีท่าทียังไงบ้างล่ะ”
ฉัตรยิ้มแหยๆ
“คุณละอองคำเธอยังเฉยๆ ครับคุณแม่ อาจเพราะสุขภาพเธอไม่สู้จะแข็งแรง”
ซ่อนกลิ่นเดินมาส่งฉัตรถึงหน้าประตู
“ลูกก็ต้องเสมอต้นเสมอปลาย ผู้หญิงเราน่ะ จะแสดงออกมากไม่ได้ มันไม่งาม คุณละอองคำเธอคงถือเรื่องนี้ ไปเถอะลูก เอาชนะใจคุณละอองคำให้ได้นะ แม่เอาใจช่วย”
ฉัตรยิ้ม มือหนึ่งถือปิ่นโต
“ขอบคุณครับแม่”

ละอองคำนั่งอยู่ในมุมมืด ประตูบ้านเปิดแย้มไว้เล็กน้อย สายตาทอดมองไร้จุดหมาย รุ้งแก้วกับธวัชเดินเข้ามาในบ้านอย่างเงียบเชียบ รุ้งแก้วเปิดประตูกว้าง แสงสาดเข้ามา ละอองคำยกมือขึ้นบังแสง
“รุ้งแก้ว”
รุ้งแก้วโผเข้ามากอดละอองคำ ร้องไห้สะอึกสะอื้น
“เจ้าพี่ เจ้าพี่เป็นอย่างไรบ้าง เจ้าพี่ไม่สบายหรือเจ้าคะ”
ละอองคำแข็งใจพูด เสียงขาดเป็นช่วงๆ
“พี่ไม่ เป็นไร ไม่ ต้อง เป็นห่วง”
“แต่เจ้าพี่”
ละอองคำปิดปากรุ้งแก้ว
“ฟังพี่ รีบไปจากที่นี่ แล้วอย่ากลับมาอีก รีบไป ธวัช”
ธวัชคลานเข้ามาใกล้ แต่แสงจากตระกรุดเงินสะท้อน ละอองคำผงะ ธวัชรู้ตัว จึงรีบถอยออกไปนิดหนึ่ง
“ขอรับ คุณพี่”
“ฉันฝากดูแลรุ้งแก้วด้วย”
“ขอรับ”
“รีบไป ไม่ต้องเป็นห่วงพี่ รีบไป แล้วอย่ากลับมาที่นี่อีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ห้ามกลับมาที่นี่เด็ดขาด เข้าใจมั้ย”
รุ้งแก้วส่ายหน้า ร้องไห้

“เจ้าพี่”

ละอองคำเริ่มถูกผีเจ้าเล่นงาน แต่ก็พยายามควบคุมตัวเอง หน้านิ่ว มือกุมท้อง
 
พยายามระงับอาการไม่ให้แสดงออกมาให้รุ้งแก้วกับธวัชเห็น
“รีบไป ไปเร็ว เร็วสิ ธวัช พา รุ้งแก้วออกไป เร็วเข้า”
ธวัชรีบพารุ้งแก้วออกไป แต่รุ้งแก้วฝืน
“ไปเถอะ น้องรุ้งแก้ว”
“ไม่ รุ้งจะอยู่กับเจ้าพี่ ไม่ค่ะ”
“ไป ไปสิ”
ธวัชประคองรุ้งแก้วออกไปได้อย่างทุลักทุเล ละอองคำถูกผียันตกเก้าอี้ เสียงดังสนั่น ร่างถูกผีจับคว่ำจับหงาย ดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด ท้องยังคงโย้ไปเย้มา พยายามกลั้นเสียงไม่ให้เล็ดลอดออกไป เพราะกลัวรุ้งแก้วจะได้ยิน หาผ้ามากัดไว้ ผีเจ้ายังคงบิดไส้ ทรมานละอองคำต่อไป เสียงหัวเราะของผีเจ้าดังก้อง รุ้งแก้ววิ่งกลับมา ธวัชวิ่งตาม รุ้งแก้วจะเข้าประคอง
“เจ้าพี่”
เงาร่างผีเจ้าปรากฏรางๆ
“นังรุ้งแก้ว”
ผีเจ้าพุ่งเข้าใส่รุ้งแก้วทันที ธวัชกระโดดเข้าขวางได้ทัน แสงทองจากตระกรุดเงินส่องสว่าง เงาผีกระเด้งออกมา
“โอ๊ย”
ผีเจ้านอนดิ้น เจ็บปวด
“ธวัช พา รุ้งแก้ว ออกไป เร็ว เร็วสิ”
ธวัชดึงรุ้งแก้วออกไป รุ้งแก้วร้องไห้ ละอองคำดิ้นอยู่ที่พื้น ทุกข์ทรมาน กัดผ้าน้ำตาไหลพราก ขณะที่รุ้งแก้วรีบมาที่โบสถ์ก้มกราบพระ
“หลวงพ่อเจ้าขา ช่วยเจ้าพี่ละอองคำด้วยเถิดเจ้าค่ะ เจ้าพี่ทุกข์ทรมานเหลือเกิน”
ธวัชเฝ้ามองอย่างห่วงใย

ฉัตรเดินเข้ารั้วบ้านละอองคำมา เห็นประตูเปิดกว้าง ยิ้มดีใจที่ละอองคำเปิดบ้านให้อากาศถ่ายเท เขาเดินเข้าไปถึงประตู เห็นละอองคำนอนแน่นิ่งกับพื้น ฉัตรวิ่งเข้าประคองด้วยความตกใจ
“คุณละอองคำ คุณละอองคำ”
ฉัตรจับละอองคำเขย่า พร้อมร้องเรียก แต่ละอองคำไม่ฟื้น เขารีบอุ้มหญิงสาวขึ้น วางบนเตียง แล้ววิ่งไปหยิบผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าให้จนละอองคำเริ่มรู้สึกตัว ปรือตาขึ้น
“คุณฉัตร”
ฉัตรยิ้มดีใจทั้งน้ำตา
“อย่าเป็นอะไรนะครับ”
ฉัตรรีบมาจัดเตรียมอาหาร อาหารร้อนๆ ควันลอยกรุ่น จาน ชาม ช้อนส้อมพร้อมสรรพ เขายิ้มระรื่น มีความสุขมาก
“อาหารพร้อมแล้ว เชิญครับ คุณละอองคำ”
ละอองคำเฉยเมย ไม่ยินดียินร้าย
“ฉันไม่หิว”
“ก็เพราะไม่ยอมแตะอาหารไงครับ ถึงได้เป็นลมหมดสติ นี่ถ้าผมมาไม่ทันล่ะก็”
ละอองคำหันขวับมองฉัตร อารมณ์เสียอย่างไร้เหตุผล
“ถ้าคิดว่านี่เป็นบุญคุณล่ะก็ ฉันขอขอบใจ แต่ทีหลังไม่ต้องนะ เพราะฉันไม่ได้เชื้อเชิญให้คุณมา”
ฉัตรหน้าเสีย รีบพูดเอาใจ
“ไม่นะครับ ผมไม่ได้คิดแบบนั้น ผมแค่ เป็นห่วง”
สีหน้าและน้ำเสียงที่แสดงความเป็นห่วงของฉัตร ทำให้ละอองคำใจอ่อน มองหน้าชายหนุ่ม รู้สึกผิดแต่ไม่ขอโทษ
“ทานข้าวหน่อยนะครับ สักนิดก็ยังดี คุณแม่ตั้งใจทำมาให้คุณ”
“ก็ได้ นิดเดียวพอนะ”
ละอองคำลุกเดินนำฉัตรไปที่ห้องอาหาร ฉัตรดีใจที่หญิงสาวเริ่มใจอ่อนกับตน รีบตามไปสมทบ ตักข้าวร้อนๆ ควันฉุยแล้ววางให้
“เชิญครับ”
ละอองคำเริ่มตักอาหารคำเล็กๆ เข้าปาก ชะงักนิดๆ มองหน้าฉัตร แล้วทำทีไม่ค่อยพอใจที่ฉัตรเอาใจมากเกิน แต่ฉัตรไม่สนใจ คอยคะยั้นคะยอให้กินโน่นนี่ เฝ้าสังเกตตลอดเวลาว่าละอองคำชอบหรือไม่ชอบอะไร
เวลาต่อมา ละอองคำเอนหลังบนเก้าอี้โยก หลับตา ฉัตรเดินเข้ามาพร้อมถ้วยยาสมุนไพร
“ทานยาหน่อยนะครับ”
ละอองคำลืมตา รับถ้วยยามาดื่มจนหมด
“ดีมากครับ อีกไม่นานคุณละอองคำก็จะแข็งแรง ออกไปทานข้าวนอกบ้านกับผมได้”
ละอองคำสบตาฉัตร แต่ไม่พูดอะไร หลับตาลง
“ผมไม่ได้ทำงานที่กระทรวงธรรมการแล้วนะครับ หลวงท่านดุลคนออก ผมเป็นหนึ่งในนั้น”
ละอองคำลืมตา ตั้งใจฟังฉัตร แต่ไม่หันมอง ไม่พูด
“แต่ตอนนี้ผมได้งานที่บริษัทเฮียซ้ง แม้จะไม่มีเกียรติเท่ารับราชการ แต่ก็พอมีเงินเลี้ยงตัวและครอบครัวเล็กๆ ได้ไม่ลำบาก”
ละอองคำหันมองฉัตร สบตาชายหนุ่มที่มองอยู่ก่อนแล้ว สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปนิดหนึ่ง รู้ว่าฉัตรหมายถึงอะไร เหมือนจะพูดอะไร แต่ก็เลือกที่จะเงียบ แล้วเบือนหน้าไปอีกทาง หลับตา ฉัตรมองด้วยความน้อยใจ ขณะที่ละอองคำลืมตา หันมองไปยังทิศทางที่ฉัตรเดินออกไป
วันต่อมา ละอองคำนอนนิ่งอยู่บนตั่งในห้องนั่งเล่น ฉัตรเช็ดเปลี่ยนหลอดไฟที่เปรอะเปื้อน เพราะไม่ได้รับการดูแลมาช้านาน ตาคอยมองละอองคำอยู่ตลอดเวลา บางครั้งก็ยิ้ม แล้วหันกลับไปทำงานต่อ ทำงานได้สักพักก็หันมองละอองคำที่นอนนิ่ง ผ่อนลมหายใจสม่ำเสมอ
บ้านช่องสะอาดขึ้น ฉัตรมองละอองคำ ยิ้ม แล้วเดินออกไป ละอองคำลืมตาขึ้น มองความเปลี่ยนแปลงของห้องนั่งเล่น น้ำตาไหลออกมา
ตอนเย็นวันุร่งขึ้น ดวงอาทิตย์กำลังจะตกดิน ละอองคำนั่งอยู่ที่ศาลาท่าน้ำ สีหน้าสดชื่น สบายขึ้น ฉัตรเดินถือถ้วยขนมเข้ามาส่งให้
“แกงบวด ครับ ฝีมือแม่ผมเอง”
“คุณอยากให้ฉันท้องแตกตายหรือไง ฮึ คุณฉัตร”
“ผมอยากให้คุณแข็งแรงต่างหาก”
“ฉันสบายดี แล้วฉันจะบอกให้นะ อาหารที่คุณเอามาปรนเปรอฉันทั้งหมดนี่ มันไม่มีประโยชน์อะไรเลยสำหรับร่างกายฉัน”
“แสดงว่าอาหารวันนี้ไม่ถูกปาก คุณบอกผมได้นะครับว่าอยากทานอะไร ที่ไหน ผมจะไปหามาให้คุณทานให้ได้”
“ฉันไม่ได้หมายความว่าอาหารที่คุณแม่คุณทำไม่อร่อย แต่ความจริงก็คือ ฉันไม่จำเป็นต้องกินอาหารพวกนั้น”
ฉัตรงงๆ แต่ก็ตีความไปในทางดี

“หรือว่า คุณอยากทานอาหารเจ แล้ววันนี้คุณแม่ผัดเผ็ดเนื้อมาด้วย ยังจะเนื้อเค็มอีก”

ละอองคำสะท้อนใจ
 
“คุณฉัตร คุณช่างวาดภาพให้ฉัน สวยงามเหลือเกิน”
ละอองคำไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ไม่ต้องการหลอกฉัตร แต่ทุกสิ่งที่พูดหรือทำ ฉัตรตีความไปในทางที่ดีเสียหมด
“เอางี้ คราวหน้าผมจะให้คุณแม่ทำอาหารเจ ดีมั้ยครับ”
“อย่ายุ่งยากเลยค่ะ ดิฉันขอล่ะ ต่อไปไม่ต้องหอบอะไรมาฝากฉันอีก ชีวิตฉันไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว นอกจาก เพื่อน”
ละอองคำบอกเสียงเศร้า เหมือนจะบอกฉัตรว่าอย่าทิ้งเธอไป ฉัตรวางมือบนมือละอองคำ ยิ้มประกายตาสดใส

รุ้งแก้วทำความสะอาดบริเวณโต๊ะหมู่บูชาจนเสร็จสรรพก็พนมมือไหว้ต่อหน้าพระประธาน
“มีทางใดไหมเจ้าคะที่จะช่วยเจ้าพี่ ให้กลับมาเป็นเจ้าพี่คนเดิมได้”
ธวัชเดินเข้ามา หน้าสดชื่น
“พี่คิดออกแล้ว น้องรุ้งแก้ว”
รุ้งแก้วยิ้มยินดี
“จะทำยังไงคะ”
“ผีเจ้าอยู่ในกรวยดอกไม้ เราก็ต้องจัดการกับกรวยดอกไม้นั่น”
“แล้วเราจะจัดการยังไงล่ะคะ น้องยังคิดไม่ออก”
“เราต้องแยกเจ้าพี่ออกจากกรวยดอกไม้ให้ได้”
“แต่เจ้าพี่แทบไม่แยกจากกรวยดอกไม้นั่นเลย กรวยดอกไม้อยู่ในห้องนอนเจ้าพี่ด้วย ที่สำคัญผีเจ้ามีฤทธิ์มากเหลือเกิน”
“มันต้องมีวิธีสิ เพียงแต่เรายังคิดหาหนทางไม่ออก เอางี้”
ธวัชมองหน้ารุ้งแก้ว พยักหน้า แล้วจูงมือรุ้งแก้วไปหาแม่ชีน้อม
“ผี เป็นมาร ถ้าจะกำจัดมาร ต้องอาศัยอำนาจแห่งพุทธคุณ”
“แต่เราจะทำยังไงล่ะคะ แค่รุ้งเอาพระพุทธรูปไปไว้ในบ้าน เจ้าพี่ยังไม่ยอม ซ้ำยังเอาพระของรุ้งไปทิ้งเสียอีก”
“ถ้าเช่นนั้น เราก็เชิญผีเจ้ามาอยู่เสียในวัดสิ จะได้อยู่กันอย่างสงบร่มเย็นทุกผู้ทุกฝ่าย”
ธวัชกับรุ้งแก้วมองหน้ากัน เข้าใจความหมายของแม่ชีทันที
“แต่ผีเจ้าฤทธิ์มากเหลือเกินขอรับแม่ชี”
“นั่นสิคะ”
“ที่อิฉันได้ยินมาเงี้ย อู้ย”
จิตตัวสั่น กลัว แม่ชีสบตาทุกคน
“ถึงเวลาแล้วแม่ชีจะบอก ทำใจให้สบายนะรุ้งแก้ว”
รุ้งแก้วมีความหวังเต็มเปี่ยม

ฉัตรจัดแจงตั้งสำรับกับข้าว กับข้าวหลายอย่าง ละอองคำพยายามฝืนทานข้าว มีฉัตรคอยบริการ ยิ้มให้กำลังใจ ละอองคำทานไปได้นิดหนึ่งก็เลื่อนจานออกห่าง
“อิ่มแล้วเหรอครับ”
“อย่าบังคับกันเลย ฉันกินได้แค่นี้”.
“แค่นี้ผมก็ดีใจแล้วล่ะ”
ละอองคำหลบตา ไม่อยากสบตาฉัตร ฉัตรยกจานที่ทานแล้ว จะมาล้าง ละอองคำตามมาแอบดู ฉัตรชำเลืองมอง เห็นหญิงสาวแอบดูก็อมยิ้ม ละอองคำหลบไป ฉัตรล้างจานอย่างอารมณ์ดี
เวลาต่อมา ฉัตรเอายาต้มร้อนๆ ใส่ถ้วยชา มาวางไว้ตรงหน้าละอองคำ
“ทานยาจีนหลังอาหาร จะได้แข็งแรงขึ้น”
ละอองคำส่ายหน้าเอือมๆ เริ่มเซ็งกับการเซ้าซี้ของฉัตร
“ฉันไม่ใช่เด็กๆ จะได้บังคับให้ทำโน่นทำนี่”
“ผมเป็นห่วงคุณละอองคำ”
ละอองคำมองหน้าฉัตร นิ่ง ฉัตรเอื้อมมือมาแตะหลังมือหญิงสาว
“ผมอยากให้คุณละอองคำออกไปสมาคมข้างนอกบ้าง จะได้ไม่เหงา”
“ฉันไม่ต้องการมีเพื่อนมาก”
“เราไปทานอาหารนอกบ้านกันมั้ยครับ ผมรู้จักที่หนึ่ง บรรยากาศดีมาก คุณละอองคำจะได้ผ่อนคลาย”
“อย่าลำบากเลยค่ะ ฉันอยู่ที่บ้านนี่ก็สบายดี ฉันเบื่อพวกจอมปลอมค่ะ ชีวิตฉันเจอคนพวกนี้มามากพอแล้ว”
“ถ้าอยากไปเมื่อไหร่ ไม่ต้องเกรงใจผมนะครับ ผมยินดีที่จะดูแลคุณละอองคำ ทานยาซะหน่อยสิครับ”
ละอองคำจิบยา มองออกไปข้างนอก เริ่มจะมืด เธอเริ่มกังวล
“คุณฉัตรกลับเถอะค่ะ”
“วันนี้ผมว่าง ถ้าคุณละอองคำไม่รังเกียจ ผมอยากจะนั่งเล่นเป็นเพื่อนคุณละอองคำอีกสักพัก”
ละอองคำร้อนรน
“ไม่ได้ค่ะ ฉันบอกให้กลับก็รีบกลับเถอะค่ะ”
ฉัตรสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลง แต่ก็ตีความเข้าข้างละอองคำว่าเป็นอารมณ์แปรปรวนปกติ
“ก็ได้ครับ แล้วผมจะมาใหม่”
ละอองคำไม่ตอบ รีบเดินไปที่หน้าประตู ฉัตรไม่อาจโยกโย้ จำใจเดินออกไป ละอองคำรีบปิดประตู แล้ววิ่งขึ้นบันไดเข้าไปในห้องนอน
“อย่านะ ผีเจ้า”
“ข้าหิว”
“เอาเถอะ แล้วข้าจะหาคนอื่นให้ผีเจ้ากิน”
ผีเจ้าโกรธเกรี้ยว
“ไม่ ข้าหิว ข้าจะกินมันเดี๋ยวนี้”
“บอกแล้วไงว่าข้าขอ ข้าอยากมีเพื่อน”
“ไม่ เจ้าต้องฟังข้า ข้าจะกินมันเดี๋ยวนี้”
“ถ้าผีเจ้าไม่เชื่อข้า ข้าจะฆ่าตัวตาย แล้วผีเจ้าก็จะหิวโซอยู่ในกรวยดอกไม้นี่ตลอดไป”
ผีเจ้าปรากฏร่างขึ้นในชุดเจ้านาง ดวงตากร้าว
“เจ้าฆ่าตัวตายไม่ได้หรอก ละอองคำ”
“ก็ลองดู”
ผีเจ้าโกรธเกรี้ยว แล้วเลือนหายเป็นเงาผีวูบเข้าไปในกรวยดอกไม้ ละอองคำเหนื่อยหอบ ถลึงตา น่ากลัว

ซ่อนกลิ่นเดินเข้ามาหาฉัตรในห้องนอนฉัตร โอบไหล่ลูกชาย
“คุณละอองคำเธออ่อนลงมากแล้วครับแม่”
“แม่ดีใจด้วยนะฉัตร ลูกเองก็โตพอจะสร้างครอบครัวได้แล้ว พร้อมเมื่อไหร่ก็บอกแม่นะลูกนะ”
“แต่ผมก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดี”
“คุณละอองคำเธอทำอะไรให้ลูกไม่แน่ใจหรือฉัตร”
“ผมมั่นใจในคุณละอองคำตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกันแล้วครับ แต่อารมณ์ของเธอยังแปรปรวน บางครั้งก็เหมือนเปิดใจรับผม แต่บางทีก็ แต่ผมไม่มีวันยอมแพ้ครับแม่”
ซ่อนกลิ่นกอดฉัตรด้วยความรัก
“แม่เป็นกำลังใจให้ฉัตรเสมอนะ”
“ครับแม่”
โฉมมองเข้ามาพอดี เบ้ปาก

รุ้งแก้วมองธวัช แล้วตัดสินใจเด็ดขาด แม้ธวัชจะคอยทัดทาน
“รออีกสักหน่อยตามที่แม่ชีแนะนำไม่ดีเหรอ น้องรุ้งแก้ว”
“รุ้งรอไม่ได้อีกแล้วค่ะ รุ้งสงสารเจ้าพี่ พี่ธวัชก็เห็นว่าเจ้าพี่ทรมานแค่ไหน ชีวิตของรุ้ง สละได้เพื่อเจ้าพี่ค่ะ”
“ถ้าเช่นนั้น พี่ขอช่วยน้องรุ้งแก้วอย่างเต็มที่”
รุ้งแก้วมองธวัชด้วยสายตาซาบซึ้ง แล้วหันกลับมาที่โต๊ะหมู่บูชา
“นิมนต์เจ้าค่ะ หลวงพ่อ”

รุ้งแก้วมองพระพุทธรูปองค์ไม่ใหญ่มากนักบนโต๊ะหมู่บูชา

เจ้านาง ตอนที่ 6 (ต่อ)

ละอองคำนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น จู่ๆ ก็รู้สึกว่ามีคนเข้ามาบ้าน หันขวับไปทางประตู
 
เห็นโฉมกำลังด้อมๆ มองๆ สำรวจไปทั่วบริเวณบ้าน ละอองคำยืนมองอยู่นาน โฉมสอดส่ายสายตาเข้าไปในบ้าน ประสานสายตาดุๆ ของละอองคำ จนโฉมถึงกับสะดุ้งโหยง
“อุ้ย”
“ฉันไม่นึกเลยว่าจะมีใครสนใจบ้านฉันมากมายถึงกับต้องลักลอบเข้ามาสำรวจตรวจตรา”
“ใครว่าฉันสนใจบ้านหล่อน อย่าสำคัญตนผิดนักเลย ฉันก็แค่หาอะไรดูฆ่าเวล หล่อนน่ะแหละ มัวทำอะไรอยู่ ถึงไม่รู้ว่ามีแขกมาเยือนถึงเรือนชาน”
“ที่เสียเวลาอยู่นานสองนานก็เพราะกำลังคิดว่าจะต้อนรับหล่อนยังไงดีถึงจะเหมาะสม”
“เอาล่ะ ฉันก็ไม่อยากจะเสียเวลากับหล่อนนักหรอก พูดกันตรงๆ ไปเลย หล่อนใช้เสน่ห์เล่ห์กลมนต์ดำใส่พี่ชายฉันใช่มั้ย พี่ฉัตรถึงได้หลงหล่อนหัวปักหัวปำ”
“คนอย่างฉัน ไม่ทำเรื่องสกปรกอย่างนั้นแน่”
“เหรอ ฮึ กลัวว่าหล่อนจะเป็นพวกปากว่าตาขยิบ ปากสะอาดแต่ใจสกปรก”
“คนอย่างฉันจะรักจะเกลียดก็ทำให้รู้กันซึ่งหน้า ไอ้ประเภทต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง ฉันทำไม่เป็น เรื่องตีสองหน้า ฉันคงต้องเรียนรู้อีกมาก ถึงจะตามหล่อนทัน”
โฉมเต้นเร่าๆ ชี้หน้า
“นัง นังละอองคำ”
ละอองคำชะงักเห็นแหวนที่มือโฉมมีแสงสว่างเรือง แต่ก็ตอบโต้ออกไปด้วยความโมโห
“ออกไปจากบ้านฉันได้แล้ว ไปสิ ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องรึ”
“ฉันถามจริงๆ เถอะ ใจคอหล่อนจะกวาดผู้ชายทั้งพระนครเลยหรือไง ฮึ”
“ฉันบอกให้ออกไปเดี๋ยวนี้ ที่นี่ไม่ต้อนรับหล่อน ไป”
ละอองคำเดินหนีไปทางศาลาท่าน้ำ โฉมได้ใจ รีบตามไปติดๆ
“มาพูดกันให้รู้เรื่องก่อน จะหนีทำไม ละอองคำ”

ธวัชกับรุ้งแก้วเข้าประตูรั้วมา ธวัชอุ้มพระพุทธรูปเข้ามาด้วย
“คุณพี่ละอองคำอยู่มั้ย”
“รุ้งจะอธิบายให้เจ้าพี่เข้าใจเอง เข้าไปเถอะค่ะ”
ทั้งสองเข้าไปในบ้าน แต่ไม่เห็นใคร
“เจ้าพี่คงอยู่ข้างบน”
รุ้งแก้วรีบขึ้นบันไดไป ธวัชอุ้มพระตามไปติดๆ ทั้งสองเข้ามาในห้องนอนละอองคำ ธวัชวางพระลง เงาผีวูบออกจากกรวยดอกไม้ แล้วผงะไปที่ผนัง
“เจ้าพี่ไม่อยู่ในห้อง คงอยู่ที่ศาลาท่าน้ำ รีบไปกันเถอะค่ะ”
“ไปไหน”
รุ้งแก้วไม่ตอบ แต่รีบลงบันไดไป ธวัชตามไปติดๆ เงาผีกลายเป็นผีเจ้านาง มองเคียดแค้น
“บังอาจท้าทายข้ารึ”
ผีเจ้ามองพระพุทธรูป เห็นรัศมีเรืองแผ่อยู่รอบองค์พระ ผีเจ้าตระหนกกลัว
“ละอองคำ ละอองคำ”

โฉมชี้หน้าด่าละอองคำ แสงสีทองประกายเรืองมาจากแหวนของแม่ชี ละอองคำมองดูแสงที่แหวนแล้วถอยหลังอย่างช้าๆ
“ผู้ชายคนไหนคบกับหล่อนก็ตายหมด นี่ถ้าแต่งงานไปแล้ว เขาก็เรียกคนกินผัว ฉันจะไม่มีวันยอมให้พี่ชายฉันได้อยู่กับหล่อนหรอก”
“ละอองคำ มาหาข้าเดี๋ยวนี้”
ละอองคำตวัดสายตาไปที่เรือนปั้นหยา ละล้าละลังแล้วตัดสินใจวิ่งหนีไป
“ฟังไม่ได้เหรอนังละอองคำ หล่อนฟังความจริงไม่ได้ใช่มั้ย”
ละอองคำวิ่งไปที่หน้าบ้าน สวนทางกับธวัชและรุ้งแก้วที่วิ่งตามหาเธอพอดี
“เจ้าพี่”
ละอองคำกลัวผีเจ้ามากกว่า วิ่งเข้าไปในบ้าน โฉมวิ่งตามมาติดๆ
“คุณโฉม คุณมาที่นี่ทำไม”
“มาทำอะไรคุณพี่ละอองคำรึ”
“ฉันรึจะกล้าทำอะไรมัน ฮึ นี่คงหลงเสน่ห์มันอีกคนล่ะสิ”
“คุณออกไปจากที่นี่ดีกว่า”
“ไปสิ ไป”
“พวกหล่อนนี่มีลับลมคมในกันเหลือเกิน ไอ้บ้านหลังนี้มันมีอะไรนักหนา หรือว่ามีผีปอบอยู่”
“ผมบอกให้ออกไป ไปสิ ก่อนที่ผมจะใช้กำลังกับคุณ”
โฉมจ้องหน้าธวัช แล้วสะบัดหน้าออกไป
“ไปดูเจ้าพี่กันเถอะค่ะ”
รุ้งแก้วกับธวัชเข้าไปในบ้าน โฉมหันกลับมามองอย่างสงสัย

ละอองคำเข้ามาในห้อง สีหน้าบิดเบี้ยวน่ากลัว มองไปที่พระพุทธรูป ธวัชกับรุ้งแก้วเข้ามา ละอองคำหันไปพูดเสียงเครียด
“ข้าจะฆ่าให้หมด”
“เจ้าพี่ฟังข้าก่อน”
ธวัชยืนขวางรุ้งแก้วไว้
“เราสองคนเจตนาดีกับคุณพี่ ไม่อยากให้คุณพี่ตกอยู่ในอำนาจของผีร้าย”
ละอองคำตาแดงก่ำ ไม่พอใจ โฉมมาถึงพอดี ละอองคำตวัดสายตาหันมา ดวงตากร้าว พุ่งตัวไปที่โฉม จะทำร้าย แต่รัศมีจากองค์พระสาดเข้าร่างของละอองคำ ละอองคำพุ่งชนประตู แล้วผงะ หงายหลัง ล้มกลิ้ง เจ็บปวดทรมานอยู่ในห้อง
“เจ้าพี่ เจ้าพี่เจ้าข้า ฮือๆๆ คุณธวัช ช่วยเจ้าพี่ด้วย”
รุ้งแก้วจะเข้าไปหาละอองคำแต่ธวัชดึงตัวไว้
“อย่า น้องรุ้งแก้ว”
โฉมมองอย่างสะใจ หัวเราะหยัน
“อย่างนี้แล้ว พวกแกจะปฏิเสธอีกเหรอว่าไม่ได้เป็นผีปอบอย่างที่เขาลือกัน อวดอ้างว่าเป็นเจ้านางต่างเมือง สูงศักดิ์ พลัดบ้านผ่านเมืองมาถึงพระนคร จำใส่หัวไว้ ต่อให้หล่อนสูงส่งแค่ไหนก็อย่าคิดมาร่วมวงศ์วานกับฉัน เลือดพวกหล่อนกับเลือดฉันมันคงละสีกัน”
“หยุดได้แล้วคุณโฉม”
ละอองคำยังคงเจ็บปวด ธวัชดึงตัวรุ้งแก้วไว้
“หยุดก็ได้ แต่แกก็ระวังไส้ของแกไว้ให้ดีก็แล้วกัน อย่าหาว่าไม่เตือน”
โฉมออกไป ละอองคำมองตาม หายใจหอบ
“เจ้าพี่ ข้าอยากช่วยเจ้าพี่”
“อีรุ้งแก้ว อีตัวดี เอาพระนี้ออกไป ออกไป”
รุ้งแก้วมองธวัช ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
“คุณพี่ครับ เรามาช่วยคุณพี่นะครับ”

“ออกไป ไปให้พ้น ถ้าไม่เอาพระออกไป ข้าจะกินไส้พุงของพี่เจ้าให้หมด เอาพระออกไป”

ธวัชกับรุ้งแก้วมองหน้ากัน ไม่รู้จะหาทางออกได้อย่างไร
 
“โอ้ย โอ้ย”
ละอองคำโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
“เจ้าพี่ เจ้าพี่เจ้าขา”
รุ้งแก้วร้องไห้ ธวัชรั้งตัวเธอไว้
“พี่ธวัช เจ้าพี่แย่แล้วค่ะ เราเอาพระออกไปก่อนเถอะ”
ธวัชคว้าแขนรุ้งแก้ว
“น้องรุ้งแก้วต้องไปกับพี่ด้วย”
รุ้งแก้วสะบัดจนมือหลุดจากธวัช
“ไม่ค่ะ น้องเป็นห่วงเจ้าพี่”
“ออกไป เอาพระไปด้วย หาไม่ ข้าจะกินพี่เจ้าจนตาย”
รุ้งแก้วร้องไห้ รีบตะครุบองค์พระมา แล้วถอยออก ละอองคำมองกร้าว ธวัชฉุดรุ้งแก้วมาอย่างเร็ว
“ไปกับพี่เถอะ น้องรุ้งแก้ว เชื่อพี่”
ธวัชกึ่งลากกึ่งประคองรุ้งแก้วออกไป ปอบละอองคำนอนกลิ้งกับพื้น ผมเผ้ายุ่งเหยิง เจ็บปวด

รุ้งแก้วร้องไห้ แทบไม่มีแรงเดิน คอยหันมองเข้าไปในบ้านตลอดเวลา
“พี่ธวัช เจ้าพี่กำลังทรมาน”
“เข้มแข็งนะน้องรุ้งแก้ว วันหน้ายังมี”
“แต่ผีเจ้ากำลังกินเจ้าพี่นะคะ น้องกลัว น้องกลัวเหลือเกิน น้องช่วยเจ้าพี่ไม่ได้”
“ได้สิ น้องรุ้งแก้ว อย่างน้อย เราก็ช่วยไม่ให้เจ้าพี่ทำบาปเพิ่มด้วยการฆ่าคุณโฉม”
รุ้งแก้วสบตาธวัช พยักหน้าทั้งน้ำตา

ละอองคำค่อยๆ เงยหน้าขึ้น สะบักสะบอมเต็มที น้ำตารื้น ดวงตาพร่าเลือน เสียงราบฟ้าดังขึ้น
“น้องละอองคำ น้องละอองคำของพี่”
ละอองคำรีบยันตัวลุกขึ้น หันซ้ายและขวา โผไปทางโน้นทางนี้เหมือนคนสิ้นไร้เรี่ยวแรง
“เจ้าพี่ เจ้าพี่อยู่ที่ไหนเจ้าคะ เจ้าพี่อยู่ไหนเจ้าคะ ออกมาเถอะเจ้าค่ะ น้องคิดถึงเจ้าพี่เหลือเกิน”
ราบฟ้าปรากฏตัวในชุดเจ้าฟ้าเมืองนาย ลอยเข้ามา ละอองคำโผเข้าไปหาทันที
“เจ้าพี่ เจ้าพี่จริงๆ”
ละอองคำก้มลงทิ้งศีรษะให้แนบบาท ใช้ผมเช็ดบาทบาทา ราบฟ้าลดตัวลงมา
“ดวงใจของพี่ ละอองคำ”
ละอองคำเงยหน้าขึ้น ดีใจที่สุด
“อย่าทิ้งน้องไปอีกนะเจ้าข้า”
ราบฟ้าโอบละอองคำ
“พี่จะไม่ทิ้งน้องไปไหน ดวงใจของพี่ เราจะอยู่ด้วยกัน”
ละอองคำน้ำตารื้น ยิ้มดีใจ
“เจ้าค่ะ เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป”
เสียงปอบดังช้าๆ เย็นๆ หัวเราะหยัน
“เราจะอยู่ด้วยกัน ตลอดไป”
ละอองคำผละออกมา ราบฟ้าหายไป ละอองคำทรุดฮวบ ร้องไห้โฮ
“เจ้าพี่”
“คิดถึงราบฟ้าล่ะสิ ละอองคำเหย”
“เจ้าพี่ เจ้าพี่อยู่ที่ใด เจ้าพี่มาตามหาข้า เจ้าพี่รักข้า”
ละอองคำมองไปรอบๆ ร้องไห้เจียนขาดใจ
“ละอองคำเหย ราบฟ้าจะตามหาเจ้าด้วยเหตุใด ป่านนี้ ราบฟ้ากำลังมีความสุขอยู่กับปิ่นเมืองบนสวรรค์โน่นแล้ว”
“เป็นไปไม่ได้ ไม่จริง ข้าไม่เชื่อ ผีเจ้าหลอกข้า ผีเจ้าแกล้งข้า”
“เจ้าอยากเห็นกับตาใช่มั้ย หึ ข้าจะให้เจ้าเห็นว่าราบฟ้ารักปิ่นเมืองปานใด”
ละอองคำ มองไปรอบๆ จู่ๆ ลมก็พัดกรูเข้ามาในห้อง หมอกควันหนาจนแทบมองอะไรไม่เห็น พอหมอกควันเริ่มจางลง กลับกลายเป็นว่าเธอกำลังอยู่ในคุ้มของราบฟ้า ละอองคำมองไปรอบๆ ด้วยความฉงน เสียงหัวร่อต่อกระซิกของราบฟ้ากับปิ่นเมืองดังเข้ามา ราบฟ้ากับปิ่นเมือง ในชุดเจ้าฟ้าเมืองนาย ประคองกันเข้ามา หยอกล้ออย่างมีความสุข โดยไม่เห็นหัวละอองคำ
“ปิ่นเมือง ทูนหัวของพี่”
ละอองคำผุดลุกขึ้น ชี้หน้าปิ่นเมือง
“หยุดนะปิ่นเมือง พอได้แล้ว”
ปิ่นเมืองหันมาหาละอองคำ ยิ้มเยาะ ราบฟ้ายังคงมองปิ่นเมืองอย่างหลงใหล“อิจฉาข้าล่ะสิ ละอองคำ”
“แม้ตายไปแล้ว เจ้ายังไม่ปลดปล่อยเจ้าพี่”
“จะริษยาข้าไปไย ละอองคำเหย เจ้าไม่ใช่รึ ที่ส่งข้ามาอยู่กับเจ้าพี่”
“เจ้าพี่เจ้าคะ ตื่นจากมนต์อาถรรพ์เสียที นี่น้อง ละอองคำไงเจ้าคะ”
“นางผู้นี้เป็นใคร น้องปิ่นเมือง เจ้าช่วยไล่ไปที”
ปิ่นเมืองหัวเราะหยัน ชอบใจ เข้าขวางระหว่างละอองคำกับราบฟ้า
“แจ้งแล้วทั้งสองหูสองตาใช่มั้ย ละอองคำ เจ้าน่ะ อยู่ในโลกของเจ้าไปเถอะ จะร้องไห้คร่ำครวญอย่างไร เจ้าพี่ก็ไม่รับรู้ ไม่รับฟังเสียงของเจ้าหรอก”
“ถอยไป ปิ่นเมือง เจ้าไม่เกี่ยว มันเรื่องของข้ากับเจ้าพี่ เรารักกัน เจ้าพี่รักข้าคนเดียว”
“ละอองคำเหย เรารักกัน ผีปอบอย่างเจ้า จะเอาหัวใจที่ไหนมารักเจ้าพี่ จะหลอกกินไส้กันล่ะไม่ว่า”
ปิ่นเมืองกับราบฟ้าค่อยๆ ห่างออกไป แล้วเลือนหายไป หมอกควันจากลง ละอองคำโผตามราบฟ้าไป แต่ราบฟ้าหายไปแล้ว
“เจ้าพี่ เจ้าพี่ อย่าทิ้งน้องไป เจ้าพี่เจ้าขา”
หมอกควันจางลง ทุกอย่างกลับมาเป็นห้องนอนของละอองคำเหมือนเดิม ละอองคำร่ำไห้เหมือนใจจะขาด เสียงผีหัวเราะ ละอองคำแหงนมองหาผีด้วยใบหน้านองน้ำตา โกรธ เคียดแค้น
“ข้าจะไม่ตกเป็นทาสของผีเจ้าอีกต่อไป ข้าจะไม่ยอม”
“ไม่มีใครแยกเจ้าจากข้าได้หรอก ละอองคำเหย”
มือละอองคำกำชายเสื้อแน่น น้ำตาไหล

ราบฟ้ายืนอยู่ในป่าช้า หน้าเครียด ปิ่นเมืองยืนอยู่ห่างๆ ไม่พอใจ
“ผีต่างวงศ์มันลวงน้องละอองคำ”
“ดีแล้วเจ้าข้า แม้นมันยังรักเจ้าพี่ มันก็ยิ่งทุกข์ทรมาน ให้มันตัดใจจากเจ้าพี่เสียเถิด อีละอองคำมันเลือกที่จะเป็นทาสผีเจ้าต่ำศักดิ์ต่างวงศ์ มันจึงต้องได้รับกรรมเยี่ยงนี้”
“ใจเจ้าทำด้วยอะไรปิ่นเมือง”
ปิ่นเมืองตากร้าว
“ข้าไม่รู้ดอก รู้แต่ว่าจะกี่ภพกี่ชาติ วิญญาณข้าก็จะตามอาฆาตมันไม่มีวันสิ้นสุด”
“ปิ่นเมือง”
“ไม่เชื่อข้าก็ลองดู ผีปู่ย่าและผีหลวงเมืองนายพร้อมจะช่วยข้า หรือจะให้ข้ากราบทูลผีหลวงให้เอาดวงวิญญาณเจ้าพี่ไปกักขัง”

ราบฟ้าถอนใจ จำนนต่อปิ่นเมือง

สมานนั่งเก้าอี้โยก หลับตาดื่มด่ำกับเสียงเพลงจากแผ่นเสียง
 
โฉมเดินเข้ามา กระซิบกระซาบกับสมาน ซ่อนกลิ่นจับตามอง แต่ไม่พูดอะไร ครู่หนึ่ง ซ่อนกลิ่นส่ายหน้า วางผ้าปักลง จะเดินออกไป สมานเรียกไว้
“แม่ซ่อนกลิ่นยังอยากได้ผู้หญิงอย่างแม่ละอองคำเป็นสะใภ้อีกรึ ผู้หญิงดวงแรงแบบนี้ น่ากลัว ใครอยู่ใกล้ล่ะ ตายทุกคน”
“คุณก็ไปฟังยัยโฉม”
สมานกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะปกติจะหัวสมัยใหม่
“เอ๊ คุณแม่นี่ยังไงคะ หรือว่าหลงเสน่ห์นังปอบนั่นอีกคน”
“จิ้งจกทักยังต้องระวัง นี่คนทักเชียวนา แม่ซ่อนกลิ่น”
“อิฉันว่าต้องมีคนจงใจกล่าวหาคนรักของลูกชายอิฉันแน่ๆ”
โฉมหน้าตึง รู้ตัวว่าถูกกระทบ
“แต่มันไม่เหมือนกันนะคะคุณแม่”
“แม่ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของลูก สมัยโฉมกับคุณสมชาย แม่ก็ให้สิทธิ์ตัดสินใจเอง โตๆ กันแล้ว อีกอย่าง แม่ไม่เชื่อเรื่องไร้สาระ”
“เป็นงั้นไป อยากให้ลูกชายสบาย ว่างั้นเถอะ ทางโน้นรวยมากนี่”
“อิฉันเลี้ยงตาฉัตรมากับมือ มั่นใจว่าลูกไม่ใช่คนเห็นแก่เงิน ไม่คิดเกาะผู้หญิงกินแน่ๆ อิฉันขอนะคะ อย่าพูดแบบนี้อีก คุณเองก็เป็นผู้ชาย น่าจะเข้าใจความรู้สึกตาฉัตร”
ซ่อนกลิ่นผละออกไป ทิ้งให้สองพ่อลูกมองตากันปริบๆ

สมานเดินเข้ามาในห้องครัว ซ่อนกลิ่นทำเป็นไม่เห็น จัดแจงหยิบเนื้อหมูขึ้นมาบนเขียง แล้วหั่นราวกับว่าใจเย็น สมานทำท่าลับๆ ล่อๆ เพราะซ่อนกลิ่นไม่เคยแข็งข้อกับตนแบบนี้ หันมองไปด้านหลัง โฉมก็กระซิบกระซาบ พร้อมโบกมือให้สมานพูดกับซ่อนกลิ่นอีกที
“นี่คุณ”
ซ่อนกลิ่นถามโดยไม่หันมา
“คุณต้องการอะไรเดี๋ยวอิฉันยกออกไปให้ดีกว่า ในนี้ร้อนออกค่ะ”
“ไม่ล่ะ เอ่อ ก็เรื่องตาฉัตร”
ซ่อนกลิ่นหยุดมือค้าง นิ่งฟัง แต่ไม่หันมา
“เอ่อ ถึงตาฉัตรจะไม่ใช่ลูกผม แต่ก็เลี้ยงดูกันมาแต่เล็กแต่น้อย ผมเองหวังดีกับตาฉัตร แม้จะไม่เท่าคุณก็เถอะ”
“ถ้าลูกได้ยินคุณพูดแบบนี้คงดีใจ แต่ฉันขอนะคะ เรื่องคู่ครอง ปล่อยให้ลูกตัดสินใจเองเถอะค่ะ ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ หากคุณไม่ดื้อดึงเราก็คงไม่มียัยโฉม”
ซ่อนกลิ่นมองเลยไปยังโฉมที่ยืนลับๆ ล่อๆ หน้าประตูครัว
“แม่หม้ายลูกติดอย่างอิฉัน ใครๆ ก็รังเกียจ รวมถึงคุณแม่ของคุณด้วย อิฉันถึงบอกว่าอิฉันเข้าใจลูกกับคุณละอองคำ เข้าใจอิฉันนะคะ”
สมานจนด้วยคำพูด ถอนใจ แล้วผละออกไป ซ่อนกลิ่นหันกลับไปสับหมูต่อ น้ำตาไหล

ที่ลานวัด รุ้งแก้วนั่งมองเหม่อ ใจลอย เป็นห่วงละอองคำ แม่ชีน้อมเดินเข้ามา รุ้งแก้วยิ้มเศร้า
“เราผูกพันกับพี่สาวคนนี้มากนะ”
“ค่ะ เจ้าพี่เลี้ยงดูรุ้งแก้วมาตั้งแต่เล็ก เจ้าพี่ดีเหมือนแม่”
“น่าเสียดาย ทุกสิ่งไม่ดำรงอยู่อย่างนั้น แต่เอาเถอะ วันหนึ่ง รุ้งแก้วจะช่วยพี่สาวได้”
“แม่ชีช่วยบอกวิธีด้วยเถิดค่ะ รุ้งแก้วร้อนใจ ห่วงเจ้าพี่เหลือเกิน”
ธวัชเดินเข้ามา ยิ้ม สบตารุ้งแก้ว
“นั่นสิครับ ทำยังไงเราถึงจะช่วยคุณพี่ให้พ้นจากผีร้ายได้”
“เมื่อถึงเวลา สิ่งที่เคยครอบงำผู้อื่นก็จะต้องถูกเอาชนะ รุ้งแก้ว ไม่มีอะไรดีกว่าการฝึกจิตให้เป็นสมาธิหรอกนะ เมื่อจิตเป็นสมาธิชีวิตก็จะพบกับแสงสว่าง”
รุ้งแก้วถอนใจเบาๆ รู้ว่าแม่ชีไม่ยอมบอก
“ค่ะ”
แม่ชีน้อมผละออกไป
“เมื่อถึงเวลา แม่ชีต้องช่วยเรา น้องรุ้งแก้วต้องอดทน เราต้องช่วยคุณพี่ให้พ้นจากผีร้ายได้แน่”
รุ้งแก้วยังทุกข์กังวล ธวัชจับมือให้กำลังใจ

ฉัตรมาบ้านละอองคำ ทำตัวไม่ถูก ละอองคำนั่งนิ่ง มองชายหนุ่มอย่างคาดคั้น
“พูดออกมาสิ อมพะนำอยู่ทำไม”
“เอ่อ”
“คุณคิดยังไงกับฉัน”
ฉัตรมองละอองคำ ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะถามคำถามนี้
“ถ้าคิดจะเล่นๆ ก็กลับไปซะ แล้วอย่ามาอีก ที่นี่ไม่ต้อนรับ”
“ไม่ครับ ไม่ใช่อย่างนั้น คุณละอองคำ ผมรักคุณ”
“คุณกล้าที่จะแต่งงานกับฉันมั้ย”
ฉัตรมองหน้าละอองคำอย่างไม่เชื่อ ดีใจ จนพูดไม่ออก

สมานกำลังเดินดูต้นไม้อยู่ที่บ้าน ซ่อนกลิ่นปักผ้าอยู่ โฉมวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
“คุณแม่ คุณแม่ต้องห้ามพี่ฉัตรนะคะ คุณแม่”
“อะไรแม่โฉม”
“ก็พี่ฉัตรสิคะจะแต่งงานกับนังละอองคำ คิดจะเป็นทองแผ่นเดียวกับมัน ไม่สนใจที่คนเขาลือกันทั้งพระนครว่ามันเป็นปอบ ปอบค่ะคุณแม่”
“มันเรื่องส่วนตัวของพี่เขาน่าโฉม”
“เรื่องส่วนตัวเหรอคะ โฉมไม่อยากนับญาติกับพวกผีปอบ หรือคุณแม่อยากมีสะใภ้เป็นปอบล่ะคะ”
“ก็น่าคิดนะคุณ”
ซ่อนกลิ่นมองสมาน ระบายลมหายใจ
“เราต้องเคารพการตัดสินใจของฉัตร”
“อ้อ นี่คุยกันแล้วสิ ไม่เห็นหัวผมเลยใช่มั้ย เลยไม่คิดปรึกษาผมเลย ถ้าคนทั้งพระนครเขาลือกันอย่างนั้น ต่อไปก็คงไม่มีใครคบกับเราหรอก คิดดูให้ดี”
ฉัตรยืนฟังอยู่ อึดอัด
“ใช่ค่ะ ต่อไป ใครจะคบกับโฉมล่ะคะ เขาคงกลัวว่าโฉมจะเป็นพวกผีปอบไปด้วยอีกคน”
ฉัตรเดินออกมา ทุกคนชะงัก โฉมลดเสียงและท่าทีลง
“พี่ฉัตรคงได้ยินแล้วใช่มั้ยว่าพวกเราไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของพี่”
“ถ้าไม่สะดวกไปร่วมงานแต่งของพี่ ก็ไม่เป็นไรครับ”
ฉัตรเดินไป สมานมองตามไม่พอใจ
“จองหอง ดูลูกชายคุณนะ มันไม่ได้รู้สึกรู้สากับเรื่องที่พวกเราคุยกันอยู่เลย”
ซ่อนกลิ่นวางผ้าลงแล้วหายเข้าไปในบ้าน โฉมเบ้ปาก

“โอ๊ย นี่ถ้ารับนังปอบเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ โฉมคงต้องไปอยู่ที่อื่นแล้วล่ะค่ะคุณพ่อ”

ซ่อนกลิ่นขึ้นบันไดบ้านไปชั้นบน
 
“ฉัตร ฉัตร เปิดประตูให้แม่หน่อยสิลูก”
ฉัตรนั่งซึมอยู่
“ผมอยากอยู่คนเดียวครับแม่”
ซ่อนกลิ่นอึ้งไป ไม่กล้ารบกวน
“จ้ะ ถ้าฉัตรสบายใจแล้วคุยกับแม่หน่อยนะ แม่รักและเข้าใจฉัตรเสมอนะลูก”
ซ่อนกลิ่นหน้าเศร้าสงสารลูก ฉัตรรำพึงกับตัวเอง
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมก็จะแต่งงานกับคุณ ละอองคำ”
ซ่อนกลิ่นเดินกลับลงมา สมานถามเสียงหยัน
“เป็นไง ลูกชายสุดที่รักของคุณยอมเปลี่ยนใจหรือเปล่า”
“เปล่า ฉัตรไม่ได้ออกมาคุยกับฉัน”
โฉมหัวเราะเบาๆ
“นี่ขนาดยังไม่แต่งงานนะคะคุณแม่ พี่ฉัตรยังทำตัวลึกลับแล้ว ถ้าแต่งกันไป ก็คงตกอยู่ใต้อำนาจของมัน มันจะดึงไส้ออกมากินวันไหนก็ไม่รู้ คิดแล้วสยองจังเลยค่ะ”
“ซ่อนกลิ่น คุณรักลูกประสาอะไร ทำไมไม่ห้ามมัน”
“ฉันรักลูกตามแบบของฉัน ฉันไม่บังคับใจเขาหรอกค่ะ อีกอย่างฉันก็ไม่เห็นว่าคุณละอองคำเขาไม่ดีตรงไหน”
“ต้องให้พี่ฉัตรถูกมันกินแล้วเหรอคะ คุณแม่ถึงเชื่อ คนเขาพูดกันทั้งพระนคร ยังไม่เชื่ออีกเหรอคะ”
“ฉันไม่ไปงานแต่งของมันหรอกนะ กลัวชาวบ้านเขาจะว่าเอาได้”
“เขาจะว่าคุณเรื่องอะไร”
“แค่มีคนถามฉันว่าลูกสะใภ้เป็นลูกเต้าเหล่าใคร ฉันยังตอบไม่ได้เลยแม่ซ่อนกลิ่นคิดว่ามันน่าภูมิใจนักหรือไง”
ซ่อนกลิ่นอึ้งไป โฉมปรายตาดูแม่ แล้วพยักหน้าให้พ่อเหมือนสะใจกันทั้งสองคน

ซ่อนกลิ่นเข้ามาในห้องฉัตร ซึ่งนั่งนิ่งอยู่ในห้อง
“ใครไม่ไปงานลูก แต่แม่จะไป เพราะแม่เชื่อในการตัดสินของลูก”
“ขอบคุณครับแม่ เราคงไม่ได้บอกแขกที่ไหนหรอก อาจมีเพียงแม่คนเดียวเท่านั้นด้วย”
ซ่อนกลิ่นน้ำตาคลอ
“ฉัตรรักคุณละอองคำมากหรือเปล่าลูก”
“เท่าชีวิตของผม ต่อให้ผมต้องตายเพราะรักเธอ ผมก็ยอม”
“ถ้าอย่างนั้น ฉัตรก็ไม่ต้องสนใจอะไรอีกแล้ว แม่ขออวยพรให้ความรักของลูกราบรื่นและครองรักกันอย่างมีความสุขตลอดไป”
“ขอบคุณครับ ชีวิตผมก็มีแม่เพียงคนเดียวที่เข้าใจผม”
ซ่อนกลิ่นกอดฉัตรไว้ น้ำตาคลอ สงสารลูกจับใจ

สมานกับโฉมยืนคุยกันอย่างหนักใจ
“โฉมจะทำลายงานแต่งงานพี่ฉัตรให้ได้ โฉมทำใจไม่ได้หรอกค่ะ ที่จะให้ใครนินทาได้ว่าโฉมมีพี่ชายที่โง่แสนโง่ คนดีๆ มีมากมายไม่รักไม่ชอบ ดันไปหลงรักนังผีปอบ”
“จะคิดทำอะไรก็อย่าวู่วามไปนะโฉม มันน่ากลัว พ่อเป็นห่วง”
“โฉมไม่กลัวมันหรอกค่ะคุณพ่อ โฉมถือว่ามันเป็นศัตรูของโฉม มันฆ่าคนรักของโฉม มันทำลายความสุข ความหวังของโฉม นี่มันยังคิดแย่งพี่ฉัตรไปจากครอบครัวเราอีก”
“โฉม ถ้าฉัตรเขาตัดสินใจแล้ว ก็ปล่อยเขาไปเถอะ”
“โฉมเอาตัวรอดได้ค่ะ โฉมมั่นใจ”
สมานอึ้งไป มองโฉมด้วยความเป็นห่วง โฉมเข้ามาในห้อง นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หยิบกล่องแหวนเก่าๆ ดูไม่มีค่าที่แม่ชีน้อมให้มาดู แล้วใส่แหวน คิดอะไรบางอย่าง

ละอองคำยืนอยู่หน้าหิ้งผี กรวยดอกไม้ลอยขึ้น เสียงหัวเราะของผีเจ้าดังมา
“ผีเจ้าต้องการอะไร”
ผีเจ้าปรากฏร่างขึ้น จ้องละอองคำ
“ศัตรูท้าทายเจ้า เจ้าก็รู้มิใช่รึ”
“อย่านะผีเจ้า อย่าสิงร่างข้าไปทำร้ายเขา นั่นมันบ้านของ”
ละอองคำอึ้งไป น้ำตาคลอ ผีเจ้ากระแทกเสียงใส่หน้า
“บ้านของคนที่เจ้ารัก ความรักทำให้เจ้าพินาศ อดีตที่เมืองนาย เจ้าลืมแล้วรึ”
“แต่”
“ไม่มีแต่ ละอองคำ คืนนี้ข้าหิว ข้าหิวได้ยินมั้ย กำจัดมันเสีย เท่ากับว่าข้าอิ่ม เจ้าก็กำจัดศัตรูเจ้าให้พ้นทาง”
“ไม่ เห็นใจข้าเถอะ ผีเจ้า ข้าอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ ขอข้าเถอะ”
“ข้านี่ละ จะให้ชีวิตใหม่แก่เจ้า”
ผีเจ้าไม่ฟัง วูบเข้าใส่ละอองคำ ละอองคำสะดุ้ง ดวงตาน่ากลัว เดินออกจากห้อง รุ้งแก้วเปิดประตูออกมาพอดี
“เจ้าพี่จะไปไหนเจ้าข้า ดึกดื่นเยี่ยงนี้”
“หาใช่การของเจ้าไม่”
รุ้งแก้วผงะ
“เจ้าพี่ ไม่ใช่เสียงเจ้าพี่นี่เจ้าข้า”
รุ้งแก้วออกไปยืนขวางขณะที่ละอองคำเดินตัวแข็งๆ จะผ่านไป
“ไม่นะเจ้าข้า ข้าไม่ยอมให้เจ้าพี่ไปที่ใด หาไม่เจ้าพี่ก็จะไปทำร้ายคนอื่น”
“หลีกไป อย่าขวางข้า”
“ไม่ เจ้าเป็นผีมาจากเมืองใด เจ้าก็ไปเสียจากเจ้าพี่ของข้า”
รุ้งแก้วขวาง ละอองคำบีบคอรุ้งแก้ว
“แส่หาเรื่องนัก อยากตายใช่มั้ย”
รุ้งแก้วตาเหลือกลาน ดิ้นรน พลันแสงสีทองสว่างวาบ ผีเจ้ากรีดร้องแล้วกระเด็นลงไปนอนอย่างเจ็บปวด ผีเจ้ามองไปที่มุมหนึ่งเห็นเงาร่างแม่ชีน้อมยืนอยู่ ผีเจ้าวูบหายไป แม่ชีน้อมวูบหายไปด้วย ละอองคำรู้ตัว เห็นรุ้งแก้วนอนอยู่ ตกใจ
“รุ้งแก้ว รุ้งแก้ว รุ้งแก้วน้องพี่”
ละอองคำเขย่าตัวรุ้งแก้ว เอาหน้าของรุ้งแก้วนอนบนตัก รุ้งแก้วลืมตาขึ้น
“เจ้าพี่ เจ้าพี่ไม่ได้ไปไหนแล้ว ข้าดีใจ”
“รุ้งแก้ว พี่ขอโทษ”
แม่ชีน้อมลืมตาในท่าสมาธิ

“อโหสิกรรมให้ฉันด้วยเถอะ”
 
จบตอนที่ 6
กำลังโหลดความคิดเห็น