xs
xsm
sm
md
lg

เจ้านาง ตอนที่ 7

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เจ้านาง ตอนที่ 7

ละอองคำเข้ามาในห้อง ปิดประตู หันมาก็ตกใจ กรวยดอกไม้ลอยอยู่ตรงหน้า

“อีละอองคำ ข้าเจ็บ ข้าหิว ถ้าขืนขวางข้าเยี่ยงนี้ สักวันข้าจะกินอีรุ้งแก้ว”
“อย่านะผีเจ้า”
ผีเจ้าหัวเราะ ลอยวูบไปที่หิ้งผี ร่างของผีเจ้าปรากฏขึ้น มองละอองคำอย่างไม่พอใจ แล้ววูบหายไปในผนัง ละอองคำตกใจ
โฉมนอนหลับ ผีเจ้าวูบออกมาจากผนัง เดินเข้าไปหาโฉมที่เตียง ร่างของผีเจ้าเปลี่ยนเป็นร่างของละอองคำ จ้องไปที่โฉม ผ้าห่มเลื่อนออกจากตัว หล่นมาที่ข้างเตียงจนเกือบหลุดออกจากร่างโฉม โฉมรู้สึกตัว ดึงผ้าห่มคลุมตัวอีก เสียงหัวเราะแหบๆ ดังมา โฉมผวาตื่น ตกใจ
“หา ละอองคำ แกเข้ามาได้ยังไง”
โฉมกระถดกายหนี ละอองคำวูบเข้าที่เตียง
“ก็ข้าไม่ได้เป็นคนเหมือนเจ้า”
ละอองคำบีบคอโฉม โฉมดิ้นรน มือเหนี่ยวแขนของละอองคำให้มือแข็งแกร่งหลุดออกจากลำคอ แสงจากแหวนเก่าที่นิ้วโฉม สาดแสงเข้าใส่หน้าละอองคำ
“อ๊าย”
ร่างของละอองคำผงะล้มไปที่พื้น แล้วกลายร่างเป็นผีเจ้า ผีเจ้าวูบหายไป โฉมสะอื้นออกมาด้วยความตกใจ
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย ฮือๆๆ”
สมานทุบประตูอย่างแรง
“โฉมๆๆ เป็นอะไรลูก โฉม”
สมานเข้ามาในห้อง ซ่อนกลิ่นตามเข้ามา
“โฉม”
ซ่อนกลิ่นกอดโฉมไว้
“คุณแม่ช่วยด้วย ช่วยด้วย ผี”
“ผี”
“ผีอีละอองคำมันมาหลอกโฉม มันจะฆ่าโฉม”
“มันร้ายขนาดนี้เชียวเหรอ”
ฉัตรเข้าห้องมา หน้าตาตื่น สมานหันไป หัวเสีย
“ขนาดยังไม่แต่งกัน ผีปอบนังละอองคำก็จะฆ่ายัยโฉมแล้ว ดีนะที่ฉันมาทัน ไม่งั้นน้องแกคงตายไปแล้ว ฉัตร”
“เป็นไปไม่ได้หรอกครับ ผมไม่เชื่อ”
“ต้องให้โฉมตายไปก่อนใช่มั้ยพี่ฉัตรถึงเชื่อ”
ฉัตรอึ้ง

ฉัตรนั่งคุยกับละอองคำที่ศาลาท่าน้ำบ้านละอองคำ
“ผมไม่ใส่ใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่องหรอกครับ อย่าคิดมากเลย ถ้าไม่มีใครมางานแต่งของเราสองคน ก็ไม่ใช่ปัญหา เราสองคนเข้าใจกันก็พอ”
ละอองคำน้ำตาคลอ
“ขอบคุณค่ะคุณฉัตร ดิฉันเหมือนคนมีกรรม มีแต่คนกลั่นแกล้งทำร้าย”
“บอกแล้วไงครับว่าอย่าคิดมาก ผมอยู่ข้างคุณเสมอนะครับ คุณละอองคำ”
ละอองคำเงยหน้าขึ้น สบตาฉัตร รอยยิ้มบางๆ ปรากฏที่มุมปาก

จิตกวาดลานวัดอยู่ โฉมเดินเข้ามาหา หน้าตาบึ้งตึง
“กุฏิหลวงพ่ออยู่ที่ไหน”
“คุณหมายถึงท่านสมภารหรือคะ”
“ก็ใช่น่ะสิ หลังไหน”
“อย่าไปรบกวนท่านเลยค่ะ บ่ายๆ อย่างนี้ ท่านมักจะจำวัด”
“อย่าสู่รู้ แค่บอกมาเท่านั้นว่ากุฏิท่านหลังไหน”
โฉมจ้องหน้าจิต ทำให้จิตหน้าเสียไป
“อยู่ด้านหลังโบสถ์โน่นค่ะ”
โฉมเดินไป จิตรีบวางไม้กวาด มองสงสัย แอบตามไปดู เห็นโฉมยืนอยู่หน้าบันไดกุฏิ หลวงพ่อยืนอยู่ที่ด้านบน
“ไม่ต้องขึ้นมาหรอก บนนี้ไม่มีใครอยู่ เดี๋ยวอาตมาจะอาบัติ”
โฉมไหว้ หลวงพ่อลงบันไดมายืนตรงหน้า
“มีอะไรหรือโยม”
“แม่ดิฉันให้มากราบเรียนหลวงพ่อเรื่องพี่ฉัตร”
“เรื่องอะไรหรือโยม”
“พี่ฉัตรกำลังจะแต่งงานกับละอองคำ บ้านมันอยู่หลังวัดนี่แหละเจ้าค่ะ คนเขาลือกันทั้งพระนครว่ามันไม่ใช่คนปกติแบบเราๆ แต่มันเป็นผีปอบเจ้าค่ะ”
“ถ้าเป็นเรื่องนี้ อาตมาไม่ยุ่งด้วยหรอก กรรมของใครก็ต้องเป็นของคนนั้น”
“แต่พี่ฉัตรเป็นลูกชายของหลวงพ่อนะเจ้าคะ หลวงพ่อจะยอมให้นังปอบละอองคำกินพี่ฉัตรเหรอ”
“การที่คนสองคนมาพบกันและตัดสินใจอยู่ร่วมกัน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกโยม เป็นเพราะกรรมที่เคยสร้างร่วมกันมาแต่อดีตชาติ อาตมาไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับกรรมของใครหรอก โยมกลับไปเสียเถิด”
“ทั้งที่พี่ฉัตรเป็นลูกของหลวงพ่อ หลวงพ่อก็ยังดูดายไม่ช่วยเหลือพี่ฉัตร ฮึ ใจดำ”
โฉมเดินกลับ หลวงพ่อส่ายหน้า ระบายลมหายใจ โฉมเดินมาเห็นรุ้งแก้วนั่งคุยอยู่กับธวัช
“รุ้งนึกว่ารุ้งตายไปแล้วค่ะพี่ธวัช”
“พี่เชื่อว่าเขาทำอะไรน้องรุ้งไม่ได้หรอก อำนาจของพุทธคุณที่น้องรุ้งแก้วปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิเป็นประจำ ต้องคุ้มครองน้อง”
โฉมเดินเข้าหาทั้งสองคน
“พี่สาวจับผู้ชายจะแต่งงาน น้องสาวนั่งคุยกับผู้ชายในวัด งามหน้าทั้งพี่ทั้งน้อง”
โฉมหัวเราะ รุ้งแก้วกับธวัชหันไปเผชิญหน้า
“คุณโฉม”
“จำไว้นะนังรุ้งแก้ว ครอบครัวฉันเป็นผู้ดี ไม่ใช่เศรษฐีใหม่ มียศมีศักดิ์ พี่สาวหล่อนคิดจับพี่ชายฉันไปแต่งงานด้วย อย่าหวังว่าฉันจะยอม ผีกับคนแต่งงานกันไม่ได้หรอก จำไว้ ฝากไปบอกพี่สาวหล่อนด้วย”
“คุณพูดอะไรคะคุณโฉม”
“อยากรู้ก็ไปถามพี่สาวหล่อนเอาเอง”
โฉมเดินไป รุ้งแก้วอึ้ง นั่งลงหน้าซีด

“น้องรุ้งแก้ว ทำใจดีๆ นะครับ อย่าไปฟังคำพูดของคนพาลเลยครับ”

จิตมางรายงานให้แม่ชีน้อมรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
 
“แต่หลวงพ่อท่านก็ไม่ยินดียินร้ายเลยนะเจ้าคะแม่ชี”
“จิตของพระสมณะย่อมเป็นอุเบกขา”
โฉมเดินมา จิตเห็น
“มาโน่นแล้วเจ้าค่ะ ทำไงดีเจ้าคะ”
โฉมนั่งลงไหว้
“แม่ชี เมื่อคืนแหวนวงนี้ช่วยชีวิตดิฉันไว้ ดิฉันขอบคุณแม่ชีมาก อย่างนี้ก็หมายความว่าอีนังปอบละอองคำมันทำอะไรอิฉันไม่ได้แล้วใช่มั้ยเจ้าคะ”
“หากใช้ป้องกันตัว แหวนวงนี้มีอานุภาพมาก แต่ถ้าเมื่อใดเธอเอาไปใช้ทำร้ายเขา หรือใช้ด้วยจิตอาฆาต แหวนวงนี้ก็ไม่คุ้มครองเธอ”
โฉมหงุดหงิดทันที
“โอ๊ย แบบนี้ก็คงต้องนอนรอให้มันมาฆ่าฉันสินะ ไม่ไหวล่ะค่ะ อยากได้แบบเครื่องรางของขลังแรงๆ ทำร้ายมันให้พินาศไปเลย มีมั้ยเจ้าคะ เสียเงินเท่าไหร่ ดิฉันก็ยอมจ่าย”
“พุทธคุณไม่ใช่สินค้า ฉันไม่มีให้เธอหรอก”
โฉมเบ้ปากไม่พอใจ แม่ชีน้อมนั่งสมาธิหลับตา จิตหันมาบอกโฉม
“คุณกลับไปเถอะค่ะ ถ้าแม่ชีเข้าสมาธิแล้ว ท่านนั่งยาว บางทีสองคืนยังไม่ลืมตาเลย”
“โอ๊ย อะไรกันนักหนา”
โฉมเดินกระฟัดกระเฟียดไป ไม่สบอารมณ์

รุ้งแก้วนั่งคุยกับละอองคำอยู่ในบ้าน
“น้องยินดีนักเจ้าข้าที่ได้ยินว่าเจ้าพี่จะใช้ชีวิตกับคุณฉัตร ชีวิตของเจ้าพี่จะได้มีความสุขเสียที”
“พี่ก็ยังไม่รู้ว่าพี่จะประคองความรักครั้งนี้ไปได้หรือเปล่า ยังเจ็บปวดกับเรื่องราวเก่าๆ”
รุ้งแก้วจับมือพี่สาวปลอบใจ
“ลืมเจ้าพี่ราบฟ้าเสียเถิดเจ้าข้า ต่อไปนี่เจ้าพี่มีแต่คุณฉัตรนะเจ้าข้า”
ละอองคำยิ้มบางๆ นึกถึงราบฟ้า

เหตุการณ์ในอดีต ราบฟ้าเดินหนี ละอองคำกอดขาไว้ ร้องไห้
“เจ้าพี่ เจ้าพี่อย่าโกรธข้าเลย ข้า ฮือๆ”
“ปล่อย อย่าเอามือสกปรกมาต้องตัวพี่”
ละอองคำส่ายหน้าร้องไห้ ซบหน้ากับขาของราบฟ้า
“ข้ารักเจ้าพี่ ข้ารักเจ้าพี่แต่ผู้เดียวเจ้าข้า”
“ปล่อย พี่ขยะแขยงเจ้าเต็มทีแล้ว”
ปิ่นเมืองกระชากผมละอองคำจนหน้าหงาย
“โอ๊ย”
ราบฟ้าหลุดจากการเกาะกุมของละอองคำ
“หน้าด้าน”
“ปล่อยข้านะปิ่นเมือง ปล่อยข้า ข้าเจ็บ”
ปิ่นเมืองผลักละอองคำจนล้มลงไป ละอองคำสะอื้น เงยหน้าขึ้น
“คนใจบาปเยี่ยงเจ้า มันควรต้องโทษประหารชีวิต แม่เจ้าคงไม่เคยสอนล่ะสิว่าเมืองใดมีหญิงชั่วกาลกิณีอยู่ร่วมแผ่นดิน เมืองนั้นต้องอุบาทว์ เพราะเจ้าจึงทำให้เมืองนายพินาศ ผีปู่ผีย่าจึงจงเกลียดจงชังเจ้า อีละอองคำ”
ละอองคำส่ายหน้าคร่ำครวญ
“ฮือๆๆ ไม่จริง ข้าไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าพูด ปิ่นเมือง”
“ไม่จริงรึ แล้วเมืองนายพินาศตามปากข้าหรือไม่เล่า ละอองคำ”
ปิ่นเมืองเลือนหายไป มองละอองคำสาแก่ใจ ละอองคำร้องไห้ สะอึกสะอื้น คับแค้นใจ ละอองคำผวาตื่น มองไปรอบๆ ห้อง
“เจ้าพี่ ปิ่นเมือง ข้าขอโทษ ข้าอยากมีชีวิตใหม่”
ละอองคำน้ำตาไหลพราก รุ้งแก้วปลอบใจ
“โธ่ เจ้าพี่ ก็แค่ความฝันนะเจ้าข้า ข้าอยากเห็นเจ้าพี่มีชีวิตใหม่ เจ้าพี่ต้องลืมเจ้าพี่ราบฟ้า ลืมเจ้าพี่ปิ่นเมืองแล้วก็เมืองนายให้ได้ ชีวิตของเจ้าพี่จะได้มีความสุข”
“พี่ก็อยากเป็นเช่นนั้น”
“บ่ายแล้ว เจ้าพี่ไปแต่งตัวเถิดเจ้าข้า เดี๋ยวพี่ฉัตรจะมารับแล้ว ใช่มั้ยเจ้าข้า”
“พี่ไม่อยากไปเลย”
“ต่อไปเจ้าพี่ก็ต้องออกงานสังคมกับพี่ฉัตรนะเจ้าข้า”
ละอองคำพยักหน้า

ฉัตรแต่งตัวหล่อจะพาละอองคำไปงานที่สโมสร รุ้งแก้วเดินออกมาจากในบ้าน ละอองคำแต่งสวยในชุดไปงานสโมสร
“พี่สาวของรุ้งแก้วงามมั้ยคะพี่ฉัตร”
ฉัตรมองละอองคำตะลึง
“คุณละอองคำ คุณงามมากเลยครับ”
ละอองคำยิ้มอายๆ
“เที่ยวให้สนุกนะเจ้าคะ ไม่ต้องห่วงทางนี้ รุ้งจะอยู่เฝ้าบ้านให้เอง”
“ขอบใจจ้ะรุ้งแก้ว”
ละอองคำมองไปที่ตัวบ้าน
“ผีเจ้า อย่าทำอะไรน้องข้านะ”
“เราไปกันได้แล้วครับ”
ฉัตรจับมือละอองคำ เดินไปด้วยกัน รุ้งแก้วมองตามไป สายตามีเลศนัย

ฉัตรควงละอองคำมาถึงหน้าสโมสร ซึ่งตกแต่งไฟไว้อย่างสวยงาม
“ดิฉันไม่อยากมาเลยนะคะคุณฉัตร เกรงว่าจะทำให้คุณฉัตรขายหน้า”
“ทำไมล่ะครับ”
“ดิฉันเข้าสังคมแบบคนสมัยใหม่เขาไม่เป็นหรอกค่ะ เต้นรำก็ไม่เป็นกับเขาเลย”
“อย่ากังวลไปเลยครับ แค่ทุกคนในงานได้เห็นความงามของคุณ พวกเขาก็พร้อมจะเข้ามาพูดคุยกับคุณกันทุกคน เราจะได้เชิญพวกเขาไปงานแต่งงานของเราด้วยไงล่ะครับ”
ละอองคำยิ้มบางๆ ใจชื้นขึ้น
“ถ้าคุณฉัตรมั่นใจว่าดิฉันไม่ทำให้คุณขายหน้า ดิฉันก็ไม่กังวลแล้วค่ะ”
ทั้งสองเดินจะเข้าไปข้างใน เสียงเพลงบรรเลงดังมา โฉมเดินออกมาพร้อมกับเพทายเพทายร้องทัก
“ฉัตร”
“เพทายน่ะเอง กลับมาจากยุโรปแล้วหรือครับ”
“คิดถึงฉัตรน่ะสิ เลยไม่อยากอยู่ที่อังกฤษแล้ว ผู้หญิงคนนี้เป็นใครหรือคะ”
โฉมหัวเราะหยันเบาๆ ปรายตามองละอองคำ
“ละอองคำ คนรักของผมเอง เรากำลังจะแต่งงานกัน”
เพทายตกใจ
“แต่งงาน ทำไมพระนครจึงไม่โจษกันเรื่องนี้เลย เงียบมาก ดิฉันออกงานสังคมทุกคืน ไม่มีใครเอ่ยเรื่องนี้เลยค่ะ”
“ไม่มีใครอยากพูดถึงหรอกค่ะพี่เพทาย มีแต่คนเขากลัวและรังเกียจกันทั้งนั้น”
ละอองคำมองโฉมแล้วก็มองมายังเพทาย
“โฉม ไม่เอาน่า พี่ว่าเข้าไปข้างในกันดีกว่า เชิญครับ คุณละอองคำ”
ละอองคำควงแขนฉัตรเข้าไป เพทายมองแล้วเชิดหน้า ไม่พอใจ
“เขาลือกันว่านังคนนี้เป็นพวกผีปอบผีกละ ย้ายมาจากหัวเมือง ร่ำรวยแต่ก็ลึกลับ พี่เพทายอย่ายอมมันนะคะ ทำให้พี่ฉัตรกลับมารักพี่เพทายอีกครั้งหนึ่งค่ะ”
“มันชื่ออะไรนะ ละอองคำเหรอ”
“ค่ะ”

“จะได้จำไว้ว่าศัตรูตัวใหม่ของฉันชื่อนี้”

รุ้งแก้วเปิดประตูรั้วบ้านรับธวัชเข้ามา
 
“พร้อมมั้ยน้องรุ้งแก้ว”
“เพื่อเจ้าพี่ละอองคำ น้องพร้อมเสมอค่ะพี่ธวัช”
ทั้งสองสบตากันอย่างมีความหมาย แล้วพากันเดินเข้าไปข้างใน

ภายในสโมสร ฉัตรยืนอยู่ข้างละอองคำ มีพ่อค้าชายหญิงยืนคุยอยู่ด้วย
“คุณฉัตรนี่เหมือนแมวเก้าชีวิตเลยนะครับ ขนาดถูกดุลออกจากราชการก็ยังทำงานบริษัทได้ คนมีฝีมือนี่อยู่ที่ไหนก็ได้ มีแต่คนต้องการ”
“ใช่ นี่ถ้าได้แต่งงานกับคุณเพทาย ลูกสาวเจ้าของโรงสีใหญ่ของสยามก็ตกถังข้าวสารเลยละคราวนี้”
ทุกคนหัวเราะกัน ฉัตรยิ้มเจื่อน กอดเอวละอองคำ
“ไม่หรอกครับ ผมจะแต่งงานกับคนที่ผมรักที่สุด คุณละอองคำ”
ละอองคำยกมือไหว้ แล้วก้มหน้า โฉมกับเพทายเข้ามา โฉมเปรยขึ้นทันที
“ระวังนะคะ ถ้าใครคิดจะไปร่วมงาน จะไม่ได้กลับบ้าน”
“ทำไมล่ะครับ สงสัยว่ากลัวพวกเราจะหลงเสน่ห์เจ้าสาวของคุณฉัตรกันหมด”
“เปล่าหรอกค่ะ ดิฉันก็พูดไปตามข่าวลือ”
ละอองคำมองหน้าโฉม ฉัตรปรามโฉม
“โฉม อย่าพูดจาเหลวไหลน่า”
“ไม่เหลวไหลหรอกค่ะ โฉมพูดความจริง นังนี่มันเป็นปอบค่ะ ที่คุณอำนวยตายก็เป็นเพราะฝีมือมัน”
“โฉม”
ละอองคำวิ่งออกไปนอกงาน
“ละอองคำ คุณละอองคำ”
ฉัตรจะตามไป แต่โฉมกอดไว้
“ขอร้องค่ะพี่ฉัตร ยกเลิกการแต่งงานกับมันซะ พี่ฉัตรจะได้ไม่ตายเพราะมัน”
“ไม่ พี่จะแต่งงานกับละอองคำ ไม่มีผู้หญิงคนไหนแทนเธอได้”
ฉัตรปรายตามาทางเพทาย เพทายสะบัดหน้าไม่พอใจแล้วเดินหนีไป โฉมกอดฉัตรไว้ บอกเสียงดังกับแขกในงาน
“ถ้าใครไปงานแต่งงานพี่ฉัตรกับนังผีปอบนี่ ตายก็อย่ามาโทษโฉม โฉมเตือนแล้วนะคะ”
ทุกคนฮือฮาขึ้น

ธวัชกับรุ้งแก้วยืนอยู่หน้าหิ้งผี
“ถ้าเราเอาไปจากที่นี่ พี่ละอองคำก็จะพ้นจากอำนาจของมัน”
“แล้วถ้าเขา ทำอะไรเราล่ะคะ”
“ถ้าเรากลัวมัน มันก็จะมีอำนาจเหนือเรา”
ธวัชเอื้อมมือจะคว้ากรวยดอกไม้ กรวยดอกไม้ลอยขึ้น ส่ายไปมา รุ้งแก้วกับธวัชผงะ เสียงหัวเราะของผีเจ้าดังมา ทั้งสองหวาดหวั่น
“สวดมนต์สิคะพี่ธวัช สวดมนต์”
ทั้งสองสวดมนต์ผิดๆ ถูกๆ เสียงหัวเราะของผีเจ้าดังมากลบเสียงสวดมนต์ของทั้งสอง ผีเจ้าปรากฏตัวขึ้น จ้องหน้าทั้งสองคน แววตาดุดัน
“พี่ธวัช น้องกลัว”
ธวัชกอดรุ้งแก้วไว้ จ้องมองผีเจ้า
“คิดจะทำอะไรข้าอีรุ้งแก้ว”
ผีเจ้าถลึงตาใส่ พระที่ธวัชคล้องคออยู่ ส่องประกายเข้าตาผีเจ้า ผีเจ้ายกมือป้องแสงรัศมีจากองค์พระ
“คิดว่าจะทำอะไรข้าได้รึ ข้าจะดึงไส้เจ้าสองคนออกมากินให้อิ่มเลยคืนนี้”
ผีเจ้าหัวเราะย่ามใจ

ละอองคำเดินเร็วออกมาจากสโมสร ป้ายน้ำตา ตกใจที่เห็นรถคันหนึ่งจอดข้างๆ เพทายออกมาจากในรถ
“ฉันต้องใช้เงินฟาดหัวแกเท่าไหร่ แกถึงจะเลิกยุ่งกับคุณฉัตรได้”
“เราสองคนรักกัน เงินคุณไม่มีความหมายหรอกค่ะ”
“ไม่มีความหมายเหรอ”
เพทายหยิบมีดอันเล็กๆ ออกมาถือ ดวงตาดุดัน
“อยากรู้จังว่า ถ้าเจ้าสาวเสียโฉมแล้วฉัตรยังจะรักแกอยู่หรือเปล่า”
เพทายย่างเข้าหาละอองคำ ละอองคำก้าวถอยหลัง หวาดหวั่น
“ผีเจ้า หิวไม่ใช่เหรอ ฉันขอสังเวยผีเจ้าด้วยชีวิตของผู้หญิงคนนี้”
ผีเจ้าเลือนหายไปจากบ้านละอองคำ ธวัชกับรุ้งแก้วถอนใจโล่งอก
“วันนี้เราคงทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะน้องรุ้งแก้ว”
เพทายใช้มีดเล่มเล็กๆ จะกรีดหน้าละอองคำ ละอองคำหลบ ผีเจ้าปรากฏตัวที่ด้านหลังละอองคำ แล้ววูบเข้าใส่ร่างละอองคำ
“วันนี้แกตายแน่ นังละอองคำ”
“ใครตาย”
นิ้วของละอองคำมีเล็บยาวงอกขึ้น หัวเราะเสียงดัง เพทายตกใจ ถอยหลังกรูดไปปะทะกับรถยนต์ ละอองคำตามประกบ
“อ๊าย”
เพทายร้องออกมาได้แต่นั้น ก็หน้านิ่ว สะอึก ร่างค่อยๆ ครูดลงกับรถยนต์ลงไปกองที่พื้น ละอองคำทรุดนั่งลง เลียปาก

ละอองคำนั่งที่โต๊ะในสวนของสโมสร ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเลือดที่ติดมุมปาก ใบหน้าเปล่งปลั่งสดใส ฉัตรเดินตรงมาหา
“คุณละอองคำ หลบมาอยู่ที่นี่เอง ผมหาซะแทบแย่”
ละอองคำก้มหน้า ร้องไห้
“ดิฉันอยากกลับบ้านค่ะคุณฉัตร ไม่อยากให้ใครดูถูกได้”
“ผมขอโทษแทนโฉมด้วย”
“คุณฉัตรตัดใจจากดิฉันเสียเถอะค่ะ ดิฉันไม่มีอะไรที่คู่ควรกับคุณเลย นะคะ”
ฉัตรส่ายหน้ารวบตัวละอองคำมากอดไว้
“ต่อให้ผมต้องตายเพราะแต่งงานกับคุณ ผมก็ยอม”
ละอองคำร้องไห้ ด้วยความซาบซึ้งใจ ซบหน้ากับอกของฉัตร

ละอองคำกลับมาบ้าน มองดูหิ้งผี เห็นกรวยดอกไม้วางสงบนิ่งอยู่
“ผีเจ้า คืนนี้คงอิ่มแล้วนะ ข้าสังเวยผีเจ้าได้เป็นระยะ แต่อย่าขวางให้ข้าได้แต่งงานกับคุณฉัตรเลย ข้าอยากมีคนรัก อยากมีชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไป”
ผีเจ้าวูบออกมา ชี้หน้าละอองคำ
“จะคร่ำครวญทำไมละอองคำ ก่อนรับข้ามาเลี้ยง เจ้ารับปากกับข้าว่าจะเลี้ยงดูข้าอย่างดีไม่ใช่รึ อย่าตระบัดสัตย์ละอองคำ หาไม่ เจ้าจะเดือดร้อน”

ละอองคำก้มหน้าน้ำตาร่วงพรู

โฉมวิ่งเข้ามาในบ้าน ส่งเสียงตกใจ
 
“คุณแม่ คุณพ่อขา เพทายเพื่อนโฉมตายแล้วค่ะ ต้องเป็นฝีมือนังผีละอองคำแน่ๆ”
“แกมั่นใจเหรอโฉม พูดไปมันไม่ดีนะ”
“ไม่ผิดหรอกค่ะ มันต้องโกรธและหึงที่รู้ว่าเพทายเคยเป็นแฟนพี่ฉัตรมาก่อน โอ๊ย นี่ถ้าพี่ฉัตรแต่งงานกับมันไป พวกเราคงตายหมด”
ฉัตรยืนอยู่มุมหนึ่งมองมาด้วยสายตาไม่พอใจ
“น้องมันหวังดี ทำไมแกไม่เห็นความหวังดีของน้องบ้างเลยรึ ฉัตร”
“ขอบคุณครับ แต่ไม่มีอะไรห้ามผมกับละอองคำแต่งงานกัน”
“ก็ดี เกิดอะไรก็อย่ามาร้องขอความช่วยเหลือล่ะ”
ฉัตรก้มหน้า อึดอัด แล้วเดินไป ซ่อนกลิ่นละงานปักผ้า ตามลูกชายไป
“คุณแม่นี่รักพี่ฉัตรมาก จนโฉมน้อยใจหลายครั้งแล้วนะคะคุณพ่อ”
“อยากตายกันทั้งแม่ทั้งลูก”
ฉัตรเข้ามาในห้อง กำลังแต่งตัว ซ่อนกลิ่นเข้ามาหา
“จะไปไหนลูก”
“ผมต้องรู้ความจริงเรื่องนี้ให้ได้ เดี๋ยวผมมาครับแม่”
“ฉัตร ระวังตัวด้วยนะลูก”
“คุณแม่พูดอย่างนี้ แสดงว่าเชื่ออย่างที่โฉมพูดใช่มั้ยครับ”
“เอ่อ แม่”
ฉัตรไม่ฟังคำแก้ตัว เดินผ่านหน้าซ่อนกลิ่นไป ซ่อนกลิ่นน้ำตาคลอ

ละอองคำยืนหันหลังให้ฉัตร น้ำตาไหล
“กลับไปเถอะค่ะ คุณเชื่อพวกปากชาวบ้าน มากกว่าเชื่อฉัน เราไม่มีวาสนาต่อกัน”
ฉัตรตกใจ รีบดึงตัวละอองคำให้หันมา
“ไม่ใช่ครับ ผมยังไม่ได้เชื่อใครทั้งนั้น ผมถึงมาถามคุณละอองคำไงล่ะครับ”
“ถามนั่นแหละค่ะคือไม่เชื่อ คุณกลับไปซะเถอะค่ะ แล้วก็ลืมที่เราเคยรู้สึกดีๆ ต่อกันไปให้หมดด้วย ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณ”
ฉัตรอึ้ง ละอองคำน้ำตาไหลหนักขึ้น น้อยใจในชะตากรรมของตัวเอง
“ไปสิ ฉันมันคนไม่ดี ฉันเลว ฉันฆ่าคนตาย ฉันเป็นพวกผี ปีศาจ ไม่เหมือนคนปกติทั่วไป โธ่ กรรมเวรอะไรของฉันนะ”
“คุณละอองคำ เราต้องพูดกันให้รู้เรื่อง”
ฉัตรจะจับมือละอองคำ แต่เธอสะบัดออก
“อย่า กรุณาออกไปจากบ้านของฉัน ไปสิ ไป”
“ไม่ครับ ผมขอโทษ ผมยอมทุกอย่าง ผมจะไม่มีวันเชื่อพวกเขาอีกแล้ว”
“ฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่าปากกับใจคุณตรงกัน”
“แน่ใจได้สิครับ ก็ผมรักคุณ รักอย่างไม่เคยรักมาก่อนเลยในชีวิต”
“แม้แต่ผู้หญิงที่ชื่อเพทาย คนที่เขาอ้างกับใครต่อใครว่าเคยเป็นคนรักของคุณมาก่อนงั้นรึ”
“นั่นไง คุณหึงผม ที่แท้คุณก็รักผมใช่มั้ย”
ฉัตรกอดละอองคำ หอมแก้ม
“อย่าค่ะ ตราบใดที่ยังไม่มีพิธีแต่งงานระหว่างเรา ฉันจะไม่ยอมให้คุณถูกตัวฉันเด็ดขาด”
“ผมดีใจที่ได้ยิน ผมจะรีบจัดการให้เร็วที่สุด”

ที่หอคำเมืองนาย ราบฟ้านั่งที่บัลลังก์ ทุกคนแต่งตัวสวย ในงานเสกสมรสและแต่งตั้งพระมหาเทวีเจ้า ทหารและข้าไทนั่งเฝ้าแหนอยู่ในหอคำ ละอองคำทูนพานมงกุฎพระมหาเทวีอยู่เหนือหัว รุ้งแก้วเดินตามมา มีนางข้าไทถือเครื่องแสดงเกียรติยศตามเสด็จ
ราบฟ้ามองด้วยสายตาชื่นชม พลันระหว่างที่ละอองคำเดินเข้ามา มงกุฎพระมหาเทวีเจ้าตกลงกระทบพื้น ราบฟ้าลุกขึ้นยืน ตกใจ ทุกคนหันมองดูมงกุฎเป็นตาเดียว
ละอองคำหน้าเสีย ร่างเซจะทรุด รุ้งแก้วประคองไว้ได้
“เจ้าพี่”
ราบฟ้าหน้าเสีย
“ละอองคำน้องพี่”
ราบฟ้ายังไม่ทันได้เดินมา ปิ่นเมืองก็ถือพัดโบกอย่างระบายอารมณ์ เดินเข้ามาหาละอองคำ
“ละอองคำเหย เจ้าทำผิดรีตผิดรอยอันใดรึ ผีปู่ย่าเมืองนายจึงขุ่นเคือง ผีหลวงเมืองนายก็เลยลงโทษเจ้า มงกุฎมหาเทวีร่วงลงเยี่ยงนี้ หามีใครเคยทำมาก่อนไม่ เจ้านำความอุบาทว์มาสู่เมืองนายโดยแท้”
ละอองคำหันไปตวาดตอบเสียงขุ่น
“ไม่จริง ปิ่นเมืองอย่าหาความข้า”
“หาความรึ ถ้าเจ้าไม่เชื่อดังที่ข้าพูดก็ถามไอ้อีที่นั่งเฝ้าแหนอยู่พร้อมหน้าในหอคำนี่ดูเถิด”
ข้าไทและทหารพากันก้มหน้าไม่กล้าสบตา
“พอเถอะปิ่นเมือง แค่นี้ละอองคำก็ใจเสียหมดแล้ว มาหาพี่เถิด ละอองคำ นำมงกุฎมหาเทวีมาด้วย”
รุ้งแก้วก้มลงเก็บ ปิ่นเมืองตวาด
“อีรุ้งแก้ว อย่านะ”
รุ้งแก้วชะงัก ปิ่นเมืองเดินไปหาราบฟ้า ทรุดนั่งลงตรงหน้า กราบแทบบาท ราบฟ้าเมินไป ไม่ยอมมอง ละอองคำยืนร้องไห้อยู่
“ความผิดอีละอองคำมีสถานเดียวเจ้าข้า ประหารชีวิต เท่านั้น”
“ปิ่นเมือง เจ้าจะอาฆาตจองเวรข้าไปถึงชาติใดกัน”
ปิ่นเมืองแย้มยิ้มแล้วกราบทูลราบฟ้าต่อ
“รับสั่งสิเจ้าข้า อีละอองคำทำผิดถึงเพียงนี้ ผิดกฎมณเฑียรบาลนะเจ้าข้า หากมิใช้พระราชอำนาจที่ทรงมีอยู่แล้ว เหล่าข้าไทหรือขุนทหารก็หายำเกรงเจ้าพี่ไม่ ต่อไปภายหน้าจักปกครองยากนะเจ้าข้า”
รุ้งแก้วกับละอองคำทรุดกายลง
“เจ้าพี่ ข้าขอชีวิตเจ้าพี่ละอองคำด้วย ทรงเห็นแก่ความผูกพันที่เจ้าพี่ทั้งสองมีต่อกันเถิดเจ้าข้า”
“แต่พี่นางของเจ้าก็ทำผิดกฎมณเฑียรบาลอย่างที่ปิ่นเมืองบอก”
“เจ้าพี่”
ปิ่นเมืองหัวเราะเยาะ โบกพัดยั่วโทสะละอองคำ
“รุ้งแก้ว ไปกับพี่ ไม่จำเป็นต้องขอความปรานีเจ้าหลวงดอก”
“เจ้าจะไปได้อย่างใด ต้องอยู่รับโทษทัณฑ์ก่อนสิถึงจะถูกต้อง รับสั่งประหารชีวิตมันเลยสิเจ้าข้า รับสั่งสิเจ้าข้า รับสั่งสิ”

ละอองคำนอนหลับอยู่ เสียงปิ่นเมืองดังเข้ามา
“ประหารชีวิตมันเลยเจ้าข้า รับสั่งสิเจ้าพี่ รับสั่งสิ”
ละอองคำลืมตา ผวาลุกขึ้น มองไปทั่ว เหงื่อเต็มใบหน้า
“ปิ่นเมือง ตายไปแล้ว ยังเข้ามาหลอกหลอนข้าในความฝันอีกรึ”

ละอองคำหายใจหอบ แค้นเคือง

เจ้านาง ตอนที่ 7 (ต่อ)

ละอองคำนั่งซึมอยู่ โดยมีรุ้งแก้วนั่งอยู่ด้วย
 
“เจ้าพี่ต้องตัดใจจากเจ้าพี่ราบฟ้า ไม่เช่นนั้นเจ้าพี่ก็จะฝันร้ายแบบนี้บ่อยๆ”
“พี่พยายามแล้ว แต่ มัน ไม่สำเร็จ พี่รักเจ้าพี่ราบฟ้ามากเกินไป มากจนไม่เหลือหัวใจให้คุณฉัตรแล้ว แต่พี่ก็อยากมีชีวิตใหม่ อยากลืมทุกสิ่งทุกอย่าง หวังว่าชีวิตแต่งงานจะทำให้พี่มีโลกใหม่”
ละอองคำสะอื้นแรงขึ้น รุ้งแก้วกอดพี่สาวคำไว้ด้วยความสงสาร
“เจ้าพี่ เข้มแข็งนะเจ้าข้า เจ้าพี่ราบฟ้าไม่มีวันกลับมาใช้ชีวิตกับเจ้าพี่ได้อีกแล้ว ทุกอย่างมันเป็นแค่ฝันร้ายนะเจ้าข้า”
รุ้งแก้วเดินออกมาหน้าบ้าน มองออกไปรอบๆ แล้วมองบนฟ้าด้วยความเศร้า
“เจ้าพี่ราบฟ้าเจ้าข้า วิญญาณของเจ้าพี่อยู่ที่ใด ข้ารุ้งแก้วน้องสาวของเจ้าพี่ เจ้าพี่เห็นน้องมั้ยเจ้าข้า”
วิญญาณราบฟ้าปรากฏเป็นเงาอยู่มุมหนึ่ง แต่รุ้งแก้วไม่เห็น วิญญาณปิ่นเมืองปรากฏอยู่ข้างๆ ไม่พอใจ มองมาที่รุ้งแก้ว ผิดกับดวงตาราบฟ้าที่มองรุ้งแก้วด้วยความสงสาร
“เจ้าพี่ราบฟ้ากับเจ้าพี่ละอองคำอยู่กันคนละภพแล้ว เจ้าพี่ราบฟ้าอย่ารบกวนเราสองคนอีกเลยนะเจ้าข้า ข้าทำบุญเท่าใด กี่ภพกี่ชาติ ข้าขออุทิศให้เจ้าพี่ทั้งหมด ขอให้ดวงวิญญาณของเจ้าพี่ไปสู่สุคติด้วยเถิดเจ้าข้า”
ลมพัดแรงเหมือนมีพายุ รุ้งแก้วพนมมือไหว้
“หากนิมิตนี้เป็นเพราะเจ้าพี่ราบฟ้ากับเจ้าพี่ปิ่นเมืองรับรู้ ก็จงโปรดอโหสิกรรมให้เจ้าพี่ละอองคำด้วยเถิดเจ้าข้า”
ปิ่นเมืองไม่พอใจ วูบเข้าสิงร่างรุ้งแก้ว รุ้งแก้วหงายหลังไป แล้วลุกขึ้น หัวเราะดังลั่น วิญญาณราบฟ้าตกใจ
“หยุดนะปิ่นเมือง ออกมาบัดเดี๋ยวนี้ ออกมา”
ละอองคำวิ่งออกมาจากหน้าบ้าน ตกใจ
“รุ้งแก้ว เจ้าเป็นอะไร หา”
ละอองคำกอดรุ้งแก้ว รุ้งแก้วหัวเราะ แล้วผลักละอองคำจนหงายไป
“กูไม่ใช่อีรุ้งแก้ว กูคือปิ่นเมือง ศัตรูของมึง อีละอองคำ”
“ปิ่นเมือง อย่าทำอะไรน้องข้านะ”
“กูสิงมัน เพราะต้องการบอกมึงกับน้อง อย่าคิดอุทิศบุญอันใดให้กู กูไม่ยอมรับ กูจะตามอาฆาตจองเวรมึง เยี่ยงผีปู่ผีย่า ผีหลวงเมืองนายที่แค้นเคืองมึงไปทุกภพทุกชาติ”
ลมพัดแรง เมฆดำลอยเลื่อน เงาร่างของราบฟ้าเข้าไปดึงเงาร่างของปิ่นเมืองออกมา
“เจ้าพี่ อย่า”
ปิ่นเมืองกับราบฟ้า หลุดหายไป รุ้งแก้วล้มลง ละอองคำเข้ากอดน้อง
“รุ้งแก้ว รุ้งแก้ว”
“เจ้าพี่ ข้าเป็นอะไร”

ที่ป่าช้า ราบฟ้าไม่พอใจ ยืนหันหลังให้ปิ่นเมือง
“ทำเยี่ยงนี้หาควรไม่ ปิ่นเมือง พี่ไม่อยากเห็นเจ้าทำร้ายผู้อื่น”
“ผู้อื่นหรือเจ้าคะ อีละอองคำมันทำอันใดไว้กับผีปู่ย่า เจ้าพี่ลืมสิ้นแล้วหรือเจ้าคะ ที่ข้าทำ มันยังน้อยไป ข้าอยากจะฆ่ามันทั้งสองคนเลย ให้มันรู้ว่าความทุกข์ทรมานที่ต้องเป็นวิญญาณเร่ร่อนเยี่ยงนี้เป็นอย่างใด”
“ปิ่นเมือง รุ้งแก้วทำบุญมากนัก ถือศีลปฏิบัติธรรม บางทีเราอาจได้บุญจากรุ้งแก้ว เราจะได้ไปผุดไปเกิด ไปชดใช้กรรมที่เคยก่อไว้”
“ข้าก็อยากเป็นเยี่ยงนั้น แต่ต้องไม่ใช่บุญจากอีสองพี่น้องนี้”
“พี่อยากให้เจ้าคิดใหม่ ทุกอย่างมันก็ผ่านไปแล้ว หาหวนคืนมาไม่ เจ้าเคียดแค้นไปก็มิได้ทำให้อะไรดีขึ้น”
“นี่เจ้าพี่หายโกรธอีละอองคำแล้วรึ ฮึ ผีปู่ย่าคงผิดหวัง ผีหลวงเมืองนายก็คงสาปแช่งวิญญาณเจ้าพี่ แม้แต่ข้ายังผิดหวังในตัวเจ้าพี่เลย ไปซะ ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้าพี่”
ปิ่นเมืองงอน เดินหนีแล้วเลือนหายไป
“ปิ่นเมือง ปิ่นเมือง”

แม่ชีน้อมมองธวัชกับรุ้งแก้วด้วยความเมตตา
“ขึ้นชื่อว่าผีหรืออสุรกาย ย่อมทำอะไรอย่างขาดสติ ไม่มีพุทธะเป็นเครื่องนำทาง”
“ก็รุ้งอยากช่วยเจ้าพี่ละอองคำนี่เจ้าค่ะ”
“เอาเถอะ มันผ่านไปแล้ว แต่คราวหน้าต้องระวัง”
“เจ้าพี่จะแต่งงานกับคุณฉัตร รุ้งเป็นห่วงเจ้าพี่ ครอบครัวคุณฉัตรไม่ยินดีที่จะได้เจ้าพี่ไปเป็นสะใภ้”
“แม่ชีช่วยตรวจดูให้หน่อยสิครับว่าจะแก้ไขอย่างไรดี”
แม่ชีน้อมหลับตา แล้วลืมตาขึ้น
“ต้องไม่ให้อำนาจผีร้ายเข้ากุมชีวิตของเจ้านางละอองคำได้ เมื่อเจ้านางมีชีวิตที่เป็นปกติเหมือนคนทั่วไป เจ้านางก็จะปรับตัวได้ ชีวิตสมรสก็จะมีความสุข”
ธวัชกับรุ้งแก้วสบตากัน ยิ้มดีใจ
“แม่ชีก็ช่วยหน่อยสิเจ้าคะ” จิตขอร้อง
“เอาเถอะ เราจะหาทางต่อรองกับผีร้ายนั่นดูก่อน”
กายทิพย์ของน้อมปรากฏขึ้นที่หน้าบ้านละอองคำ แสงจันทร์สาดส่องมา ทำให้ร่างของแม่ชีสว่างไสวเป็นรัศมีสวยงาม
“ผีเจ้า เรามาดี ออกมาพบเราหน่อยเถิด”
หน้าต่างชั้นบนกระชากเปิด ผีเจ้าโผล่หน้าต่าง แสยะยิ้ม แม่ชีน้อมเงยหน้ามอง พลันร่างของผีเจ้าก็วูบมายืนตรงหน้า
“พบข้าทำไม”
“เลิกผูกพยาบาทและใช้ร่างของเจ้านางละอองคำทำบาปทำกรรมอีกเลย เราขอร้อง”
“ไม่ได้ มันสัญญากับข้าแล้วว่ามันจะเลี้ยงดูข้า มันจะตามใจข้าทุกอย่าง”
“เราจะอุทิศบุญให้ท่านได้ไปผุดไปเกิดจะได้ไม่ต้องทรมานเยี่ยงนี้”
“เก็บบุญของเจ้าไว้นางชี ข้าหาต้องการไม่ ไปให้พ้นจากเรือนของข้า”
“หากท่านไม่ยอมรับข้อเสนอของเรา วิญญาณของท่านจะยิ่งทุกข์และบาปหนัก”
“ข้าไม่ต้องฟังคำเทศนาจากเจ้า ไปได้แล้ว”
ผีเจ้าเดินวนไปรอบๆ แม่ชี แสยะยิ้มน่ากลัว
“ถ้ายังดื้อ ข้าจะกินอีรุ้งแก้ว แล้วก็อีละอองคำด้วย”
แม่ชีน้อมส่ายหน้า แล้วเลือนหายไป ผีเจ้าหัวเราะน่ากลัว แม่ชีน้อมลืมตาขึ้นจากสมาธิ ถอนใจ

“กรรมของใครก็ต้องเป็นของผู้นั้น เมื่อเตือนแล้วไม่เชื่อกัน ก็ต้องตกอยู่ในห้วงทุกข์นี้ไม่สิ้นสุด”

แม่ชีน้อมลืมตาจากสมาธิ จิต ธวัช รุ้งแก้ว นั่งอยู่ด้านหลัง แม่ชีมองดูพระประธาน แล้วพนมมือไหว้
 
“หากการกระทำของลูกจะเป็นบาป ลูกก็ขอทำเพื่อให้ชีวิตอื่นได้อยู่รอด ขอคุณพระคุณเจ้าโปรดเมตตาให้แก่ลูกด้วยเจ้าค่ะ”
แม่ชีน้อมหันมาทางธวัชกับรุ้งแก้ว หยิบด้ายสายสิญจน์ส่งให้รุ้งแก้ว
“วันแต่งงานของเจ้านางละอองคำ เป็นวันอ่อน เป็นวันที่ผีไม่มีพลัง เหมาะสมที่สุดที่จะช่วยเจ้านางละอองคำ”
รุ้งแก้วยกมือไหว้

ซ่อนกลิ่นเตรียมเสื้อผ้าสำหรับใส่ไปงานแต่งงานฉัตร โฉมเดินมา เบ้ปาก“คุณแม่แน่ใจเหรอว่าจะไปงานแต่งงานพี่ฉัตรกับนังผีละอองคำ”
“โฉม พูดอะไร เดี๋ยวพี่เขาก็ได้ยินหรอก”
“ไม่เป็นไรหรอกครับแม่ ผมรับได้”
“ก็ดี แล้วก็ทำใจด้วยนะ ไอ้บัตรเชิญแต่งงานที่พี่เที่ยวเรียนเชิญใครต่อใครน่ะ อาจจะไม่มีใครไปสักคน ไม่เชื่อถามคุณพ่อดูสิ”
“ใช่ มีแต่คนโทรศัพท์มาหาฉัน แล้วก็ฝากอวยพรแก แต่ไม่มีใครพูดสักรายว่าจะไปงานแต่งของแก”
ฉัตรพยักหน้ายอมรับความจริง
“ไม่เป็นไรครับ ต่อให้ไม่มีใคร ผมกับละอองคำก็จะแต่งงานกัน.”
ซ่อนกลิ่นน้ำตาคลอ
“แต่แม่จะไปงานของลูก แม่ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น”
“แล้วอย่าเอาเชื้อปอบกลับมาบ้านล่ะ”
“คุณ”
ฉัตรอึดอัด ถอนใจ
“ไม่มีใครไปน่ะดีแล้วค่ะ เราจะได้ไม่ตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน”

ที่ห้องรับแขก บ้านละอองคำ ตั่งรดน้ำสังข์ตั้งอยู่มุมหนึ่ง ตกแต่งด้วยดอกไม้อย่างสวยงาม ซ่อนกลิ่นนั่งหน้าเศร้าอยู่
“คงไม่มีใครมาแล้วล่ะลูก เริ่มพิธีเลยดีกว่ .เดี๋ยวจะเลยฤกษ์”
“ดีเหมือนกันค่ะ เพราะถ้าคนมามาก ดิฉันก็ปั้นหน้ารับแขกแบบผู้ดีในพระนครไม่เป็น จะอึดอัดกันทุกฝ่าย”
“เชิญครับ คุณละอองคำ”
ฉัตรประคองละอองคำไปนั่งที่ตั่ง รุ้งแก้วส่งขันน้ำเล็กๆ ให้ซ่อนกลิ่น ซ่อนกลิ่นรดน้ำให้คู่บ่าวสาว รุ้งแก้วสบตาธวัชเหมือนเป็นที่รู้กัน
“แม่ขออวยพรให้ลูกทั้งสองคนอยู่กันอย่างมีความสุข มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง หนักนิดเบาหน่อยก็ต้องให้อภัยกันนะลูก”
“ขอบคุณครับแม่”
ธวัชยิ้มเจื่อน ไหว้ซ่อนกลิ่น ฉัตรและละอองคำ
“ผมต้องรีบไปธุระ กราบลาทุกท่านก่อนนะครับ”
“ไหว้พระเถอะพ่อคุณ”
“ขอบใจมากนะธวัช”
ละอองคำมองธวัชอย่างไม่ไว้ใจ ธวัชยกมือไหว้แล้วยิ้มแหยๆ ออกไป
“รุ้งขอไปส่งคุณธวัชก่อนนะคะ”
รุ้งแก้วกับธวัชเลี่ยงออกไป ละอองคำมองตามไป ธวัชเดินมาหน้าบ้านส่งด้ายสายสิญจน์ให้รุ้งแก้ว
“ระวังตัวด้วยนะครับ น้องรุ้งแก้ว พี่จะรอตรงนี้”
“ค่ะ”
รุ้งแก้วเข้าไปในบ้าน รีบขึ้นบันไดไป เดินอย่างรวดเร็วไปที่ห้องละอองคำ มองไปที่หิ้งผี ธวัชยืนมองอยู่ที่หน้าบ้าน มองที่หน้าต่างซึ่งเปิดอยู่ รุ้งแก้วเอื้อมไปหยิบกรวยดอกไม้ กรวยผีสะดุ้งลอยขึ้นจากพาน
“นังรุ้งแก้ว เจ้าคิดจะทำอะไร”
รุ้งแก้วสะดุ้ง
“เอ่อ ข้า เอ่อ”
รุ้งแก้วแข็งใจ ยื่นมือหมายจะหยิบกรวยดอกไม้อีกครั้ง
“เจ้าคิดล่ะสิ ว่าจะกำจัดข้าได้ ไอ้ธวัชอีกคน อยากตายใช่มั้ยฮึ ข้าจะฆ่าเจ้าทั้งสองคน”
เงาผีปรากฏจางๆ ซ้อนกรวยดอกไม้เก่าๆ หน้าตาโกรธเกรี้ยว น่าขยะแขยง รุ้งแก้วตัดสินใจหยิบสายสิญจน์พันที่กรวยดอกไม้ ผีเจ้าโกรธจัด
“อีรุ้งแก้ว ปล่อยข้านะ ปล่อยข้า”
รุ้งแก้ววิ่งไปที่หน้าต่าง โยนกรวยดอกไม้ให้ธวัช ธวัชรับแล้ววิ่งออกไปอย่างเร็ว รุ้งแก้วตื่นตระหนก จู่ๆ ฟ้าก็ครึ้ม ลมพัดแรงเหมือนจะมีพายุ พัดประตูหน้าต่างดังปังๆ ฝนเทลงมา ละอองคำมองออกไปข้างนอก ตื่นตระหนก แล้วก็ได้ยินเสียงผีเจ้า
“ละอองคำ ช่วยข้าด้วย ช่วยข้าด้วย”
ละอองคำตกใจ เห็นรุ้งแก้วเดินลงมาจากข้างบน
“รุ้งแก้ว”
ละอองคำลุกขึ้น ซ่อนกลิ่นเข้าใจว่าจะไปปิดหน้าต่าง
“ฉัตรดูแลคุณละอองคำนะ แม่จะไปปิดหน้าต่างให้”
“รุ้งปิดให้เองค่ะ”
“จ้ะ”
รุ้งแก้วมองฝ่าสายฝนออกไป เป็นห่วงธวัช
“ทำให้สำเร็จนะพี่ธวัช”
ละอองคำมองรุ้งแก้วไม่ไว้ใจ
“รุ้งแก้ว”
รุ้งแก้วสะดุ้ง หันมายิ้มให้
“เจ้าข้า”
“ธวัชกลับไปแล้วรึ”
“กลับ กลับไปแล้วเจ้าข้า”
ละอองคำจ้องหน้า
“ละอองคำ ช่วยข้า ด้วย โอ๊ย”
ละอองคำเหลียวมองไปรอบๆ ตื่นตกใจ
“ผีเจ้า โอ๊ย”
ละอองคำกุมท้อง ฉัตรรีบเข้ามา
“ละอองคำ เป็นอะไร ปวดท้องเหรอ”
ละอองคำพยักหน้า ซ่อนกลิ่นร้อนใจ
“มียากินมั้ย ฉัตรไปต้มน้ำร้อนเร็วสิ”
“รุ้งแก้ว พาพี่ไปที่ห้อง”
ฉัตรจะประคองละอองคำ แต่ละอองคำหน้านิ่วบอกฉัตร
“ไม่ต้องค่ะ ไป รุ้งแก้ว”
รุ้งแก้วเข้าประคองละอองคำ ละอองคำกุมท้อง เจ็บปวด

“ผมสงสารคุณละอองคำจังเลยครับแม่”

เมื่อเข้ามาในห้อง ละอองคำถลาไปที่หิ้งผี ทั้งที่เจ็บปวดที่ท้อง
 
“รุ้งแก้ว เจ้าทำอะไรกับหิ้งผีของข้า”
“เจ้าพี่ ข้ากับพี่ธวัชอยากช่วยเจ้าพี่นะเจ้าคะ”
ละอองคำโกรธจัด
“ช่วยรึ รุ้งแก้ว”
ละอองคำถลามาจะตบตีรุ้งแก้ว แต่แล้วก็ทรุดลงไป
“เจ้าพี่”
รุ้งแก้วกอดละอองคำ ฉัตรขึ้นมาพอดี
“พี่ฉัตร ช่วยด้วย พี่ละอองคำหมดสติไปแล้ว”
ฟ้าผ่าเปรี้ยง หน้าต่างกระชากปิดดังปัง

ฟ้าผ่าดังเปรี้ยงท่ามกลางสายฝน ธวัชถลาล้มกลิ้งอยู่ที่หน้าโบสถ์ กรวยดอกไม้หลุดมือ ผีเจ้ามีเชือกสีขาวเส้นใหญ่พันกายไว้
“คิดว่าจะทำอะไรข้าได้เหรอ”
ธวัชตกใจ พยายามเอื้อมหยิบกรวยดอกไม้ กรวยดอกไม้เคลื่อนหนี ผีเจ้าหัวเราะท่ามกลางสายฝน ยื่นมือจะบีบคอ เล็บยาวงุ้มสีดำหมุนวนอยู่ตรงหน้าธวัช แสงสว่างปรากฏขึ้น แม่ชีน้อมยืนอยู่ พนมมือท่องคาถา
“อ๊าย”
ร่างผีเจ้าถูกดูดกลับเข้าไปในกรวยดอกไม้ กายทิพย์ของแม่ชีน้อมหายไป ธวัชได้สติ รีบรวบกรวยดอกไม้วิ่งเข้าประตูโบสถ์
“อย่า อย่าทำข้า ปล่อยข้าไป เจ้าต้องการอะไร ข้าจะให้เจ้าหมด”
“ไม่มีทางหรอก ต่อไปนี้เจ้าจะทำอะไรใครไม่ได้อีกแล้ว”
ธวัชวางกรวยดอกไม้ที่หน้าพระประธาน แล้วยกพระองค์เล็กวางครอบไว้อีกที ยิ้มโล่งใจ แม่ชีน้อมลืมตาขึ้น ระบายยิ้ม
“หวังว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะจบลงด้วยดี”

ละอองคำนอนบนเตียง ฉัตรอยู่ข้างๆ ด้วยความเป็นห่วง รุ้งแก้วกับซ่อนกลิ่นอยู่ไม่ห่าง ละอองคำหน้าสดใส ลืมตาขึ้น
“เจ้าพี่"
“ฉัตร เร็ว ไปดูซิข้าวต้มสุกหรือยัง อาการแบบนี้ต้องทานอะไรร้อนๆ จะได้มีแรง”
“ครับ เดี๋ยวผมไปดูเอง”
“คุณละอองคำต้องพักผ่อนให้มากๆ นะคะ เดี๋ยวแม่จะต้องกลับก่อน แล้วจะมาเยี่ยมใหม่”
ละอองคำจะลุกขึ้น
“ไม่ต้องลุก นอนพักเถอะ แม่กลับเองได้”
“เดี๋ยวรุ้งไปส่งนะคะ”
“ไม่ต้อง อยู่นวดขาให้พี่ดีกว่า”
“แม่กลับเองได้ อยู่ดูแลคุณพี่เขาเถอะ”
ละอองคำไหว้ซ่อนกลิ่น ซ่อนกลิ่นยิ้ม เดินออกไป
“เจ้าทำอะไรกับผีของข้า รุ้งแก้ว”
“เจ้าพี่หน้าตาสดใสขึ้น ป่านนี้แม่ชีคงปลดปล่อยวิญญาณผีต่างวงศ์ของเจ้าพี่แล้วล่ะเจ้าค่ะ ต่อไปนี้เจ้าพี่จะได้มีชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไป”
ละอองคำ น้ำตาไหล
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีสิ พี่ก็อยากมีชีวิตเหมือนคนทั่วไป ขอบใจนะ รุ้งแก้ว”
รุ้งแก้วโผเข้ากอดละอองคำ ฉัตรยกถาดข้าวต้มขึ้นมา
“ทานข้าวต้มกันเถอะ”
ฉัตรวางข้าวต้มลง รุ้งแก้วมาดูดอกไม้หน้าบ้าน ฝนเพิ่งหายตก ทุกอย่างดูสดชื่น
“ต่อไปนี้ ชีวิตของเจ้าพี่ก็จะมีแต่ความสุข”

กลางคืน ฉัตรและละอองคำนอนอยู่บนเตียง ละอองคำ มีเหงื่อผุดพราย กระสับกระส่าย
“เจ้าพี่”
“ข้าอยู่นี่”
ละอองคำมองไปก็เห็นราบฟ้ายืนอยู่ข้างเตียง เหลือบมองเห็นฉัตรนอนอยู่ข้างตน
“หา”
ละอองคำลุกขึ้น ราบฟ้ายืนอยู่ห่างๆ
“ใฝ่ต่ำ มากชู้หลายผัว ข้าไม่อยากเชื่อเลย”
ราบฟ้าหันหลังไป ละอองคำวิ่งไปหา แต่หมอกควันหนาทึบมาขวางไว้ ละอองคำวิ่งเข้าไปในสายหมอก
ละอองคำในชุดเจ้านาง ยืนรอราบฟ้าอยู่ หมอกควันเริ่มปรากฏขึ้น ละอองคำเหลียวมองไปรอบๆ
“เจ้าพี่ เจ้าพี่อยู่ที่ใดเจ้าคะ”
ราบฟ้าปรากฏขึ้น ชี้หน้า
“ละอองคำ อีหญิงหลายใจ”
“เจ้าพี่”
“ไม่พบหน้าเพียงไม่นาน เจ้าก็มีคนรักใหม่ ทอดกายให้เขาเชยชมนี่หรือละอองคำของพี่”
“ไม่จริงเจ้าพี่ ข้าไม่ได้หลายใจ แต่เจ้าพี่หลงเสน่ห์ปิ่นเมือง จนลืมข้า เจ้าพี่ต้องแจ้งใจในตัวข้านะ”
เสียงหัวเราะของปิ่นเมืองดังขึ้น ทุกคนหันไป แต่หมอกควันก็ปกคลุมร่างทั้งสองอยู่
ปิ่นเมืองปรากฏขึ้นข้างตัว
“ไป อย่ามาใกล้เจ้าพี่ราบฟ้าผัวข้า”
ปิ่นเมืองผลักละอองคำจนล้มลงไป หมอกควันจางลงจนเห็นปิ่นเมืองในชุดเจ้านาง
ปิ่นเมืองยืนเกาะแขนราบฟ้าไว้ ปรายตามองละอองคำอย่างดูแคลน
“เชื่อน้องเถิดเจ้าค่ะ น้องพูดไว้ไม่ผิดปาก ต้นมันเป็นอย่างใด ปลายมันก็ต้องเป็นอย่างนั้น ลูกมันก็ต้องตามอย่างแม่มัน มักมากหลายชาย”
“หยุดนะปิ่นเมือง หยุดให้ร้ายข้าเสียที เจ้านี่มันสารเลว ปั้นน้ำเป็นตัว กุเรื่องใส่ร้ายข้าไม่หยุดหย่อน”
ละอองคำถลาเข้าไปผลักปิ่นเมือง ราบฟ้ารีบปกป้อง ปิ่นเมืองยิ้มหยัน ยั่วโมโหละอองคำ
“หยุดได้แล้วละอองคำ ข้าเห็นดวงใจเจ้าแล้ว แค่พี่เพียงลองใจเจ้าดู เจ้าก็ได้โอกาส หาชายคนใหม่”
ละอองคำร้องไห้สะอึกสะอื้น
“ไม่จริงเจ้าค่ะ ไม่จริง น้อง”

“ไม่จริงอย่างใด ละอองคำ ในเมื่อพี่เห็นเต็มสองตา”

ละอองคำล้มลง คลานเข้าไปจับขาราบฟ้า ราบฟ้าเดินหนี ละอองคำร้องไห้โฮ“โธ่ เจ้าพี่”
 
ราบฟ้าประคองปิ่นเมือง เชยคางอย่างชื่นชม
“ถึงใครจะให้ร้ายเจ้าอย่างใด เจ้าก็ยังมีหัวใจให้พี่คนเดียว ปิ่นเมือง ยอดดวงใจของพี่ พี่ประจักษ์แล้ว ปิ่นเมืองน้องรัก แม่ทูนหัว แม่ใจงาม”
ราบฟ้ากอดปิ่นเมืองแนบชิด ละอองคำสุดทน บาดใจ ตรงเข้าไล่ แต่ไขว่คว้าได้เพียงอากาศธาตุ เพราะหมอกที่จางลงกลับมาปกคลุมอีกครั้ง แม้จะเห็นร่างทั้งสองหัวเราะหยัน มองตนด้วยสายตารังเกียจ ดูแคลน ไล่คว้าจนเหนื่อยหอบ ตะโกนด่า
“ไปให้พ้น ไปนะ ไปให้พ้น”
ละอองคำนอนหลับกระสับกระส่าย
“ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้าพี่แล้ว ไปนะ อีปิ่นเมือง อีหน้าด้าน ไปให้พ้น”
ละอองคำสะดุ้ง ผุดลุกนั่ง ฉัตรสะดุ้งตื่น รีบประคอง
“เป็นอะไรไปคุณ”
ละอองคำกวาดตาไปทั่วห้อง ก็พบว่าตนเองฝันไป
“ฉันฝัน ฝันร้ายค่ะคุณฉัตร”
ฉัตรกอดละอองคำไว้อย่างแสนรัก
“ก็แค่ฝัน ไปทำบุญให้สบายใจดีกว่ามั้ย”
“ยังรู้สึกไม่ค่อยสบายอยู่ค่ะ รอให้แข็งแรงกว่านี้อีกหน่อยนะคะ”
“ได้สิจ๊ะ นอนเถอะ”
ฉัตรประคองละอองคำนอนลงข้างตน เขาหลับตาลงด้วยความง่วง ขณะที่ละอองคำยังนอนลืมตาโพลงอยู่

ตอนเช้า ละอองคำนั่งคุยอยู่กับรุ้งแก้ว
“เป็นเพราะเจ้าพี่ยังคิดถึงเจ้าพี่ราบฟ้าอยู่ ก็เลยเก็บไปฝัน”
“เจ้าพี่โกรธมากที่พี่แต่งงานใหม่”
“มันก็แค่ความฝันนะเจ้าคะ เจ้าพี่อย่าให้เรื่องราวที่เมืองนายมาทำลายความรักที่คุณฉัตรมีต่อเจ้าพี่”
ฉัตรออกมาจากในบ้าน เดินตรงมา ทั้งสองปรับท่าที
“อยู่นี่เอง ทานอาหารเช้าแล้วรึ”
“คุณจะออกไปไหนแต่เช้าคะ”
“ผมได้งานใหม่ เป็นบริษัทอังกฤษ เงินเดือนดีกว่าที่ทำกับเจ๊กซ้งมาก วันนี้มีเพื่อนมาจากอังกฤษด้วย ผมอาจจะอยู่งานเลี้ยงฉลอง คงกลับดึกหน่อย”
“คุณฉัตรไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ รุ้งจะช่วยดูแลคุณพี่ให้”
“ได้ยินอย่างนี้ พี่ก็สบายใจ ฝากละอองคำกับน้องรุ้งแก้วด้วย”
“เจ้าค่ะ”
“เดินทางปลอดภัยนะคะ ฉันจะไปส่งคุณที่ประตูค่ะ”
รุ้งแก้วยิ้มพอใจ มองดูความรักของคนทั้งสอง

ฉัตรกุมมือละอองคำอยู่ที่หน้าประตูรั้วบ้าน
“นอนพักเยอะๆ นะครับ”
“ค่ะ คุณฉัตร”
ฉัตรหอมแก้มละอองคำ ละอองคำหลบตาอายๆ แต่พอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นใบหน้าของราบฟ้าซ้อนอยู่ในร่างของฉัตร ละอองคำผงะ
“เจ้าพี่”
ละอองคำถอยหลัง ฉัตรตกใจ รวบตัวหญิงสาวไว้
“คุณเป็นอะไร”
“เปล่าค่ะ ไม่เป็นอะไร จู่ๆ ก็หน้ามืดขึ้นมา”
ฉัตรเรียกรุ้งแก้วเสียงดัง
“น้องรุ้งแก้ว น้องรุ้งแก้ว”
“เจ้าขา คุณพี่”
“ละอองคำจะเป็นลม ช่วยดูแลแทนพี่ด้วย”
“เจ้าค่ะ”
“รีบไปเถอะค่ะ ไม่ต้องห่วงฉัน”
ฉัตรมองละอองคำด้วยความเป็นห่วง ก่อนเดินออกไป
ละอองคำนั่งอยู่ที่ตั่ง รุ้งแก้วดูแลอยู่ไม่ห่าง
“รุ้งจะหาทางช่วยเจ้าพี่เองเจ้าค่ะ เดี๋ยวรุ้งมานะเจ้าคะ”
“จะไปไหนเหรอรุ้งแก้ว”
“รุ้งจะไปวัดเจ้าค่ะ”
“ไปเถอะ เสร็จธุระแล้วก็รีบกลับมา”
รุ้งแก้วยิ้ม กอดพี่สาว
“เจ้าพี่ไม่ห้ามรุ้งไปวัดแล้วหรือเจ้าคะ รุ้งดีใจที่สุดเลยเจ้าค่ะ เดี๋ยวรุ้งกลับมานะเจ้าคะ”
รุ้งแก้วร่าเริง ดีใจ
“รุ้งแก้ว บอกธวัชให้มาหาพี่หน่อย พี่มีธุระจะคุยกับเขา”

แม่ชีน้อมนั่งอยู่ตรงหน้ารุ้งแก้ว ธวัช และจิต
“เป็นเพราะเจ้านางละอองคำไม่ได้อยู่ในอำนาจของผีแล้ว”
“แต่เจ้าพี่ฝันร้าย”
“เมื่อผีตนหนึ่งจากไป ผีอีกตนก็เข้ามา ผูกอาฆาตพยาบาทกันไม่สิ้นสุด”
“ผีอีกตน แม่ชีหมายถึง เจ้าพี่ปิ่นเมืองใช่หรือไม่เจ้าคะ”
แม่ชีน้อมพยักหน้า
“คืนนี้แม่จะไปเจรจาให้ เจ้านางละอองคำจะได้มีความสุขเสียที”
“ขอบคุณค่ะแม่ชี”
รุ้งแก้วกับธวัชเดินคุยกันออกมา
“บอกตรงๆ นะน้องรุ้งแก้ว พี่กลัว เจ้าพี่ละอองคำมีอำนาจยังไงก็ไม่รู้ แค่เข้าใกล้ พี่ยังไม่ค่อยกล้าเลย”
“แต่ตอนนี้ เจ้าพี่ไม่ได้ถูกผีกุมเหมือนแต่ก่อนแล้ว เจ้าพี่ดีขึ้นมาก ใจดี ยิ้มง่าย บ้านก็ไม่ได้ปิดมืดทึบอย่างแต่ก่อน”
“แล้วเจ้าพี่จะเรียกพี่ไปทำไม”

รุ้งแก้วกับธวัชมาพบละอองคำที่ท่าน้ำ
“เห็นเธอสองคนรักกัน พี่ก็ดีใจ รักกันให้นานๆ นะ”
รุ้งแก้วหลบตา อาย
“ผมรักน้องรุ้งแก้วด้วยความจริงใจครับ”
“ฉันรู้ ฉันต้องการให้เธอสองคนมาอยู่ที่นี่ อย่าไปรบกวนเบียดเบียนวัดเลยนะ บ้านนี้ก็กว้างใหญ่ แล้วจะส่งเสียให้เธอเรียนจบมหาวิทยาลัย จบออกมาจะได้ทำงานรับราชการหรือเป็นเสมียนตราบริษัทฝรั่งก็ยังได้”
ธวัชดีใจ ยกมือไหว้ละอองคำ ซาบซึ้งใจ
“ขอบคุณคุณพี่มากครับ ถ้าอย่างนั้นวันพรุ่งนี้ผมจะย้ายของมาอยู่ที่นี่”
“ดีจ้ะ รุ้งแก้วจะได้มีเพื่อน คุณฉัตรก็ไม่ว่าอะไรหรอก เขาอยากเห็นบ้านหลังนี้มีชีวิตชีวา มีคนอยู่ด้วยกันหลายคน ทำให้บ้านเป็นบ้านมากขึ้น”
ธวัชกับรุ้งแก้วสบตากัน ยิ้ม ละอองคำเดินไป
“พี่ธวัช รุ้งเชื่อว่าอำนาจผีทำอะไรเจ้าพี่ไม่ได้แล้วล่ะ เจ้าพี่กลับมาเป็นพี่สาวที่ใจดีของรุ้ง เหมือนเมื่อก่อนแล้ว”

รุ้งแก้วยิ้มดีใจ

เจ้านาง ตอนที่ 7 (ต่อ)

ที่บริษัทฝรั่ง ฉัตรจับมือกับพรเทพที่ได้มีโอกาสร่วมงานกัน
 
“ยินดีต้อนรับคุณฉัตรมาร่วมงานกับเรา”
“ขอบคุณครับ”
“คงต้องเลี้ยงฉลองกันหน่อยแล้วล่ะ ผมดีใจที่ได้พบคนดีๆ ที่เมืองไทย ธุรกิจค้าขายระหว่างคนไทยกับฝรั่งนี่มีรายละเอียดเยอะ ได้คนมีความคิดดีๆ อย่างคุณมาร่วมงานด้วย ผมดีใจที่สุดเลยครับ”
“ผมอาจทำให้คุณผิดหวังก็ได้ครับ”
“ไม่หรอก ผมเชื่อว่าผมดูคนไม่ผิด คืนนี้เราคงต้องฉลองให้แก่มิตรภาพของเราแล้วล่ะ”
“ด้วยความยินดีครับ”

ละอองคำยืนอยู่หน้าหิ้งผีที่ว่างเปล่า หยิบพานมา
“พอกันทีผีเจ้า”
ละอองคำเดินไปเปิดตู้แล้วเก็บพานไว้ข้างใน ยิ้ม สดใส

พระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน จิตเข้ามาเห็นแม่ชีน้อมนั่งอยู่หน้าพระพุทธรูป
“จิตนึกว่าแม่ชีอยู่แถวหน้าโบสถ์เสียอีก”
“ไม่ล่ะ แม่ต้องนั่งสมาธิติดต่อกับวิญญาณที่รบกวนเจ้านางละอองคำ”
จิตเหลียวไปรอบๆ หวาดๆ
“กลางวันก็ไม่นั่ง ทำไมมานั่งเอาตอนใกล้ค่ำล่ะคะ มันน่ากลัว”
“ไม่รู้เหรอว่าเวลาที่เป็นรอยต่อของกลางวันกับกลางคืนอย่างนี้แหละ ที่ประตูมิติวิญญาณเปิด แม่จะพบเขาได้ง่ายที่สุด”
จิตหน้าเสีย เหลียวมองไปรอบๆ อย่างหวาดๆ
“เชิญแม่ชีเถิดเจ้าค่ะ”
จิตออกไปข้างนอก แม่ชีน้อมนั่งสมาธิ หลับตา กายทิพย์ของแม่ชีวูบออกจากร่างมาปรากฏที่ป่าช้า แม่ชีน้อมพนมมือไหว้
“ด้วยบุญกุศลที่เราสร้างสมมาทุกภพทุกชาติ ขออุทิศแด่วิญญาณทั้งหลายในที่นี้ หากวิญญาณใดมีบุญบารมีพอที่จะเปลี่ยนภพเปลี่ยนภูมิก็ขอให้ไปสู่สุคติอันชอบด้วยเถิด”
ประกายแสงระยิบระยับลอยขึ้นสู่ฟ้า ปิ่นเมืองมองทุกอย่างด้วยสีหน้าบึ้งตึง ราบฟ้าหลับตาพนมมือ ปิ่นเมืองหันมา ตวาดเสียงเขียว
“หยุดนะเจ้าพี่ คิดหนีข้าไปรึ”
“ได้บุญเยี่ยงนี้แล้ว เหตุใดเจ้าไม่รับ ปิ่นเมือง”
“เพราะข้ารู้ว่านางชีนี้มิได้มาดีกับเราสองคน”
“น้องปิ่นเมือง ไยพูดเยี่ยงนี้”
กายทิพย์ของแม่ชีน้อมปรากฏขึ้นตรงหน้า
“เจ้าต้องการอะไรนางชี”
“พูดจากับผู้ทรงศีลให้สำรวมหน่อยปิ่นเมือง”
“เจ้าพี่อย่ามายุ่งกับข้า”
“ช่างเถิด เมื่อเจ้านางปรารถนาจะพูดเช่นนี้ เราก็มิได้ถือสาหรอก เรามานี่เพื่อขอร้องให้ละเลิกพยาบาทจองเวรเจ้านางละอองคำเสียที เจ้านางทุกข์มามากแล้ว”
“ทุกข์มามากแล้ว แล้วที่มันทำให้คนทั้งเมืองนายต้องวอดวายล้มตายกันเป็นเบือ ที่มันเอาผีปู่ผีย่าทิ้งน้ำ ไยนางชีจึงไม่สอนสั่งให้มันรู้สำนึกบ้าง ไปเสีย ข้าหาต้องการบุญจากเจ้าไม่”
“ให้อภัยน้องปิ่นเมืองด้วยเถิด”
“เราไม่ถือโทษโกรธเคืองเจ้านางแม้แต่น้อย แต่เราจะเตือนว่า จิตที่ข้องอยู่ในความพยาบาทก็เหมือนไฟที่จะเผาไหม้ให้ผู้นั้นร้อนรุ่ม มิต่างจากมีไฟนรกสุมอยู่ในดวงจิต”
แม่ชีน้อมเลือนหายไปต่อหน้าต่อตา
“คิดว่าข้าจะเชื่อเหรอ ต่อให้ข้าตายแล้วเกิด เกิดแล้วตายอีกกี่ภพกี่ชาติ ข้าก็ไม่มีวันให้อภัยอีละอองคำ”
ราบฟ้าถอนใจ มองปิ่นเมือง เอือมระอา แม่ชีน้อมลืมตาขึ้นจากสมาธิ ระบายลมหายใจ
“อีกนานกว่าวิญญาณของเจ้านางปิ่นเมืองจะพ้นจากขุมนรกในใจ”
แม่ชีน้อมส่ายหน้าช้าๆ สงสาร

ภายในงานเลี้ยงเล็กๆ ที่บริษัทฝรั่ง พรเทพกับฉัตรชนแก้วแชมเปญกัน ดื่มฉลองความสำเร็จ
“สำหรับมิตรภาพของผมกับคุณฉัตร และความสำเร็จในการเจรจาส่งออกข้าวจากสยามไปสู่อังกฤษ”
โฉมแต่งตัวสวยทันสมัยเข้ามาในงาน
“โฉม”
“แปลกใจเหรอพี่ฉัตร คุณพรเทพเป็นพี่ชายของพิไล เพื่อนของโฉมเอง”
พรเทพออกมาจากมุมหนึ่ง โฉมไหว้ ทั้งสองสบตากัน
“ไม่คิดเลยว่าโลกกลมอย่างที่เขาค้นพบจริงๆ”
“ค่ะ แล้วนี่พิไลไม่ได้มาจากอังกฤษด้วยหรือคะ”
“กำลังจะตามมา เห็นว่าจะมาเยี่ยมญาติแล้วจะกลับไปพร้อมกับพี่ ว่าแต่น้องโฉมไม่คิดจะไปใช้ชีวิตที่อังกฤษบ้างหรือ”
“ไกลเกินเอื้อมสำหรับโฉมค่ะคุณพี่ โลกศิวิไลซ์อย่างนั้น คงมีไว้สำหรับคนระดับมหาเศรษฐีเท่านั้นค่ะ”
“ไม่จริงเลยน้องโฉม แค่น้องโฉมปรารถนาที่จะไป พี่ก็จะพาไปเองครับ”
โฉมยิ้มเขิน ฉัตรเห็นท่าทีของทั้งสองคนก็เลี่ยงออกมา
“พี่อยากเต้นรำกับน้องโฉมสักเพลง”
“โฉมไม่ค่อยสันทัดนักหรอกค่ะ แต่ถ้าพี่พรเทพให้เกียรติ โฉมก็ยินดีรับเกียรตินั้นค่ะ”
พรเทพลีลาศกับโฉมเป็นจังหวะช้า โฉมโอนอ่อนไปตามจังหวะเพลง ตามที่พรเทพจะพาไป เธอเห็นฉัตรเดินเลี่ยงออกไปข้างนอก
“โฉมขอตัวสักครู่นะคะ”

“เชิญครับ”

โฉมผละออกจากพรเทพ ตามฉัตรไปที่มุมหนึ่งในบริเวณงาน
 
“ชีวิตสมรสราบรื่นดีรึคะพี่ฉัตร”
“ไม่มีปัญหาอะไร”
“แล้วนัง เอ๊ย ศรีภริยาของพี่อาการเป็นยังไงบ้าง”
“ปกติดีนี่”
“แต่สำหรับโฉม ท่าทางพี่ฉัตรไม่มีความสุข พี่ฉัตร นี่เป็นโอกาสสำหรับพี่แล้วนะ”
“โอกาสอะไร”
“ไปอยู่อังกฤษกับโฉม โฉมจะแต่งงานกับคุณพรเทพ พี่ฉัตรก็ไปทำงานที่โน่น อพยพไปทั้งครอบครัว พี่ก็จะทิ้งอีเมียผีของพี่ไปได้ มันคงไม่มีปัญญาตามไปถึงที่โน่นหรอก”
“อย่าพูดอย่างนี้อีกนะโฉม พี่รักคุณละอองคำ ถึงโฉมจะไม่ชอบเธอ ก็เก็บความรู้สึกไม่ชอบไว้ดีกว่า อย่าทำร้ายครอบครัวของพี่เลย พี่ขอร้อง”
ฉัตรเดินไป โฉมมองไม่พอใจ
“ฮึ ถ้ายังไม่ตาย ก็คงไม่สำนึก”

ละอองคำนั่งข้างฉัตรภายในห้องนอน
“เหนื่อยมากมั้ยคะวันนี้”
“ไม่เหนื่อยเลย รู้มั้ยว่าผมเจรจาซื้อข้าวจากพ่อค้าสยาม ให้บริษัทของคุณพรเทพเป็นตัวแทนส่งออกไปขายเมืองนอกได้สำเร็จ”
“คุณฉัตรมีความสามารถอยู่แล้ว เสียดายที่ฉันช่วยงานคุณฉัตรไม่ได้มาก ความรู้ก็ไม่มี ภาษาเมืองนอกก็พูดไม่ได้”
ฉัตรเชยคางละอองคำ แสนรัก
“เป็นกำลังใจให้ผมอย่างนี้น่ะดีแล้ว”
“ฉันมีเรื่องขอร้องคุณฉัตร แล้วแต่คุณฉัตรจะกรุณานะเจ้าคะ”
“สำหรับคุณ ไม่มีคำว่าผมให้ไม่ได้ อะไรรึ”
“ฉันอยากไปทำบุญที่วัด อยากอุทิศบุญให้วิญญาณพ่อแม่ ฉันรู้สึกผิดกับท่านมาก”
ละอองคำน้ำตาคลอ ฉัตรยิ้มดีใจ ดึงหญิงสาวมากอด
“ผมดีใจที่คุณจะไปวัด ถ้าว่างผมจะไปทำบุญกับคุณด้วย ละอองคำ”

จิตเข้ามาเปลี่ยนดอกไม้ในโบสถ์ เสียงกุกกักดังขึ้น เธอเหลียวมองไปรอบๆ หวาดๆ เสียงผีเจ้าดังขึ้น
“ช่วยข้าด้วย ช่วยข้าด้วย”
จิตเห็นฐานพระที่ซ่อนกรวยดอกไม้อยู่นั้นเป็นสีแดง เหมือนมีใครเอาไฟไปสุมไว้ข้างใต้
“เฮ้ย ขนาดอยู่ใต้ฐานพระ ยังกล้าสำแดงฤทธิ์อีกเหรอ”
จิตลนลานออกไปจากโบสถ์

ละอองคำกับรุ้งแก้วเดินมาทำบุญ เมื่อถึงหน้าทางเข้าวัด ละอองคำหยุดกึก แหงนมองซุ้มประตูวัด ไม่กล้าเดินเข้าไป รุ้งแก้วย้อนกลับมา จับมือละอองคำ พยักหน้าให้กำลังใจ ทั้งสองเข้าไปในวัด เมื่อละอองคำผ่านประตูวัดเข้ามา ลมเย็นพัดมาปะทะสองพี่น้องวูบหนึ่ง ทั้งสองหยุดมองหน้ากัน รุ้งแก้วยิ้ม ละอองคำมั่นใจขึ้น
ละอองคำกับรุ้งแก้วก้มกราบแม่ชีน้อม จิตนั่งอยู่ข้างๆ ธวัชนั่งรวมอยู่ด้วย
“แม่ชีคะ คุณพี่ละอองคำของรุ้งแก้วค่ะ”
แม่ชีน้อมยิ้ม ใจดี
“แม่ชีกับคุณพี่ของรุ้งแก้วรู้จักกันดีแล้ว หมั่นปฏิบัติ วิปัสสนานะคุณละอองคำ พุทธคุณจะช่วยปัดเป่าทุกข์ร้ายทั้งหลายให้มอดดับลงได้”
“พี่สาวของหนูรุ้งแก้วนี่งามเหลือเกินนะคะ”
ละอองคำสบตาจิต ยิ้มให้
“ขอบคุณค่ะ”
“น้าจิตไม่น่าแปลกใจนะครับ น้องรุ้งแก้วยังสวยขนาดนี้ คุณพี่ก็ต้องสวยยิ่งกว่า”
ธวัชสบตารุ้งแก้วที่เขินอาย ทุกสายตามองธวัชและรุ้งแก้วอย่างชื่นชม ละอองคำเห็นความรักจริงใจที่ธวัชมีให้รุ้งแก้ว

ธวัชเดินมาถึงหน้าโบสถ์ ละอองคำมองโบสถ์ ดวงตาศรัทธา
“รุ้งแก้ว พี่อยากกราบพระ ไม่ได้กราบพระพุทธรูปมาตั้งนานแล้ว”
“ได้สิเจ้าข้า”
ธวัชอึกอัก ไม่อยากให้ละอองคำเข้าไปในโบสถ์
“อย่าเลยครับ”
“ทำไมล่ะธวัช ฉันอยากขอพรท่าน”
ละอองคำเดินนำเข้าไปในโบสถ์ก่อน
“น้องรุ้ง พี่เอากรวยผีมาไว้ใต้ฐานพระที่นี่”
“หา”
ละอองคำเข้าไปในโบสถ์ มองพระพุทธรูปอย่างศรัทธา นั่งลงกราบ
“อีละอองคำ ช่วยข้า ช่วยข้าด้วย”
ละอองคำตกใจ มองไปรอบๆ
“ผีเจ้า”
รุ้งแก้วกับธวัชเข้ามาในโบสถ์ มองหน้ากัน
“เจ้าพี่เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“ปละ เปล่า ไม่ พี่ไม่ได้เป็นอะไร”
ละอองคำรีบออกไปข้างนอก รุ้งแก้วกับธวัช หน้าเสีย
“รีบพาคุณพี่กลับไปบ้านเถอะ”
“เจ้าค่ะ”

ละอองคำกลับมาบ้าน นั่งหน้าซีดอยู่ที่เตียง ฉัตรเข้ามา
“วันนี้ไปวัดมาเป็นยังไงบ้าง ได้ทำบุญสมใจหรือไม่”
“ไม่ค่ะ”
“แล้วจะไปอีกเมื่อไหร่”
“ยังไม่รู้เลยค่ะ”
“ผมอยากพาคุณไปกราบหลวงพ่อของผม ท่านบวชเป็นสมภารอยู่ที่วัดนั้น”
“จริงหรือเจ้าคะ”
“ใช่ พี่อยากพาน้องไปกราบขอพรท่าน”
-
ธวัชนั่งอ่านหนังสืออยู่ในบ้านละอองคำ รุ้งแก้วลงบันไดมา
“น้องรุ้งแก้ว”
“น้องนอนไม่หลับ เป็นห่วงเจ้าพี่”
“ผีมันคงทักทายเจ้าพี่ เจ้าพี่คงรู้แล้วว่าเราเอาผีไปกักขังที่นั่น”
“เราจะทำยังไงกันดี”

ละอองคำนอนตะแคงหันหลังให้ฉัตร ครุ่นคิดเป็นกังวล นึกถึงเสียงผีเจ้าที่ได้ยินในโบสถ์
“อย่ามายุ่งกับข้าอีกเลย ผีเจ้าข้าอยากมีครอบครัว มีคนรัก มีชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไป”
ฉัตรรู้สึกตัว หันมากอดละอองคำ
“นอนไม่หลับเหรอน้องพี่”
ละอองคำหันมากอดฉัตร ร้องไห้
“เป็นอะไรละอองคำ”
“น้องไม่สบายใจ น้องกลัว กลัวเจ้าค่ะ”
“ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ขอให้น้องรู้ไว้ แม้แต่ชีวิตพี่ก็ให้น้องได้”

ละอองคำมองฉัตร น้ำตาไหลพราก ฉัตรจูบรับขวัญ

ที่ป่าช้า ละอองคำแต่งชุดเจ้านาง ยืนอยู่โดดเดี่ยว ปิ่นเมืองเดินถือพัด หัวเราะหยัน
 
“ยืนรอผู้ชายรึละอองคำ”
ละอองคำตกใจ ถอยหลัง
“ปิ่นเมือง เจ้าพูดจาเยี่ยงนี้หาควรไม่”
“ก็ไม่จริงรึ ใจเจ้าอยู่กับเจ้าพี่ราบฟ้า แต่ตัวเจ้านอนเคียงผู้ชายคนใหม่ เยี่ยงนี้หรือผู้หญิงดีศรีเมืองนาย เจ้ามันก็ไม่ต่างจากแม่เจ้าดอก มากชู้มากชาย”
“หยุดนะปิ่นเมือง ถ้าไม่หยุด ข้าจะไม่รามือเลย”
ราบฟ้าปรากฏขึ้น
“หยุดนะละอองคำ อย่าก่อกรรมทำเข็ญอีกเลย”
“ข้าหรือก่อกรรม ปิ่นเมืองมันหาเรื่องข้า เจ้าพี่ก็รู้”
“ปิ่นเมืองมานี่”
ราบฟ้าดึงตัวปิ่นเมืองมายืนเคียง กอดแล้วจูบปิ่นเมืองเย้ยละอองคำ
“เจ้าพี่ จูบข้าต่อหน้าอีละอองคำ ข้าอายนะ”
ละอองคำน้ำตาคลอ
“จะอายไปไยเล่าปิ่นเมือง ถึงเจ้าจะเป็นอย่างใด แต่เจ้าก็ไม่เคยนอกใจพี่”
“ก็ข้ารักเจ้าพี่ ข้าไม่เหมือนผู้หญิงใฝ่ต่ำเยี่ยงอีละอองคำดอกเจ้าค่ะ”
ปิ่นเมืองหัวเราะ ละอองคำร้องไห้ รวดร้าวใจ ฉัตรกอดละอองคำ ละอองคำลืมตาขึ้น ตกใจ รีบเอาแขนของฉัตรออกไปจากร่าง มองดูฉัตร น้ำตาไหล
“ฉันจะพยายามรักคุณค่ะฉัตร ฉันจะพยายาม ฉันควรอยู่กับความจริง”
ละอองคำน้ำตาไหล

ตอนเช้า ฉัตรแต่งชุดทำงาน ละอองคำทำหน้าที่ศรีภรรยา จัดเสื้อผ้าให้ ส่งหมวกให้ ฉัตรหอมแก้มละอองคำ ละอองคำยิ้ม พอฉัตรพ้นออกไป เธอก็หุบยิ้ม
วันต่อมา ฉัตรกำลังจะออกไปทำงาน ละอองคำจัดเสื้อผ้าให้เหมือนเดิม ฉัตรผละออกไป แล้วหันกลับมา หอมแก้มละอองคำ ละอองคำยิ้ม พอฉัตรพ้นออกไป เธอหุบยิ้ม ถอนใจ เพราะยังไม่รู้สึกรักฉัตรอยู่ดี
อีกวันถัดมา ฉัตรออกไปทำงาน ละอองคำตามออกไปส่งถึงหน้าบ้าน ฉัตรเหลียวมองซ้ายขวา หอมแก้มแล้วผละออกไป พอพ้นรั้ว ก็ยังหันกลับมามอง ยิ้มให้ ละอองคำยิ้มตอบ เริ่มรักฉัตรมากขึ้น
วันต่อมา ฉัตรกำลังจะออกไปทำงาน ละอองคำจัดเสื้อผ้าให้เหมือนเคย
“รีบกลับมานะคะ วันนี้ฉันจะเข้าครัว ทำกับข้าวอร่อยๆ ให้คุณ”
ฉัตรยิ้ม มีความสุขมาก
“ผมจะไม่ทานข้าวทั้งวันแน่ครับ จะเก็บท้องไว้ใส่อาหารฝีมือคุณ”
ฉัตรจูบหน้าผาก แล้วผละออกไป ละอองคำยิ้ม ชีวิตมีความสุขมาก

ตอนเย็น ละอองคำแต่งตัวเสร็จแล้ว สวยงามมาก จัดแต่งผมให้เข้ารูปอีกนิดหน่อย ก็ละจากหน้ากระจก หันไปเปิดหีบสมบัติ หยิบเครื่องประดับชิ้นนั้นชิ้นนี้ออกมาทาบ แต่ก็ไม่ชอบใจ เสียงเคาะประตูเบาๆ
“น้องเองเจ้าค่ะ น้องเข้าไปได้มั้ยเจ้าคะ”
“เข้ามาสิ”
รุ้งแก้วเปิดประตูเข้ามา ยิ้มหวาน
“เจ้าพี่งามเหลือเจ้าค่ะ เพื่อนๆ คุณฉัตรต้องอิจฉาคุณฉัตรกันทุกคนแน่ๆ ให้น้องช่วยเลือกมั้ยเจ้าคะ”
ละอองคำหยิบสร้อยขึ้นมาทาบ มองกระจก
“เอาสิ ยังเลือกชิ้นที่ถูกใจไม่ได้สักที”
รุ้งแก้วรื้อค้น หยิบสร้อยเส้นที่จำแลงให้ขึ้นมา แล้วชะงัก
“เส้นนั้นก็สวย เข้ากันด้วย ดูสิ รุ้งแก้วช่วยใส่ให้พี่หน่อยสิ”
รุ้งแก้วลังเล
“เอ่อ แต่มันเป็นของคุณจำแลงนะเจ้าคะ”
“ลืมเสียเถอะน่า จะรื้อฟื้นขึ้นมาทำไม เอ้า ใส่ให้พี่หน่อย”
รุ้งแก้วพยักหน้ารับ ไม่เต็มใจ
“เจ้าค่ะ”
“มุกสีชมพูหายาก เหมาะที่พี่จะสวมไปปรากฏตัวต่อเพื่อนคุณฉัตรที่สุด”
ละอองคำหันมองกระจกอย่างปราบปลื้ม แตะสร้อยคอเบาๆ รุ้งแก้วมองอยู่ห่างๆ ไม่ได้ปราบปลื้มไปด้วย

บรรยากาศของงานวันเกิด แขกหลายคนยืนคุยกันอยู่ ฉัตรแนะนำละอองคำกับผู้ใหญ่ พรเทพหันมาเห็นฉัตร ดีใจ เดินเข้ามาหา
“คุณฉัตร ดีใจจังเลยที่ให้เกียรติมางานวันเกิดผม”
พรเทพมองละอองคำ
“คุณละอองคำ ภรรยาผมครับ”
“ไม่รู้มาก่อนเลยว่าภรรยาคุณฉัตรจะสวยอย่างนี้”
“ขอบคุณค่ะ”
โฉมถือแก้วเหล้า เบ้ปาก
“กล้ามา ทุเรศ”
ละอองคำเด่นงามท่ามกลางแขกที่มาในงาน

รุ้งแก้วกับธวัชเดินอยู่ในวัด
“เร็วเถอะพี่ธวัช วันนี้คุณพี่ไม่อยู่ เราต้องจัดการให้เสร็จภายในคืนนี้”
“ไม่รู้ว่าแม่ชีจะช่วยหรือเปล่า”
ทั้งสองเดินไปหาแม่ชีน้อม แม่ชีมองหน้าทั้งสองด้วยสายตาสงสารสุดหัวใจ
“ทุกอย่างมีกรรมเป็นตัวกำหนดนะ แม่ชีก็จะช่วยเท่าที่จะช่วยได้”
“หมายความว่ายังไงคะแม่ชี”
“ช่วยคุณพี่ด้วยเถอะครับ”
แม่ชีน้อมพยักหน้า หลับตา กายทิพย์ของแม่ชีปรากฏขึ้นต่อหน้าพระประธาน
“ปล่อยข้า ปล่อยข้าออกไปข้างนอก อย่าให้ข้าแค้นใจไปมากกว่านี้นะ หาไม่ พวกเจ้าจะตายกันหมด”
“ผีเจ้า ขอดวงจิตผีเจ้าจงละความพยาบาทเถอะ เราพร้อมจะอุทิศบุญให้ผีเจ้า ผีเจ้าจะได้ไปผุดไปเกิด ไปชดใช้กรรมตามที่เคยก่อไว้ อย่าสะสมกรรมอีกเลย”
ผีเจ้าหัวเราะก้อง
“ไม่ ข้ายอมทุกข์ทรมาน ดีกว่าจะยอมรับบุญของเจ้า ให้ข้าอยู่ที่นี่ อีละอองคำมันจะลำบาก”
แม่ชีน้อมอึ้งไป กายทิพย์เลือนหายไป แล้วแม่ชีน้อมก็ลืมตาขึ้นตรงหน้ารุ้งแก้วกับธวัช
“กลับไปเสียเถอะ แม่ชีจะพยายามทำให้ผีเจ้าละความพยาบาทให้ได้”
“พอจะมีหวังมั้ยคะ”
“ผมกลัวว่ามันจะออกมาได้ แล้ว”
“คนที่ผีกุมได้ คือคนอ่อนแอ ถ้าดวงจิตไม่ยอมรับมัน มันก็ทำอะไรไม่ได้หรอก บอกพี่ของเธอ รุ้งแก้ว ต้องยกดวงจิตให้สูงกว่าผี”

“งั้นก็รีบกลับกันเถอะพี่ธวัช”

พรเทพยืนคุยกับละอองคำในงานเลี้ยง ฉัตรยืนคุยกับพ่อค้าคนอื่นๆ
 
“ผมชวนคุณฉัตรไปอังกฤษ คุณละอองคำน่าจะตามคุณฉัตรไปด้วย”
“ผู้หญิงที่ไม่มีการศึกษาอย่างดิฉัน จะทำให้คณะพ่อค้าลำบากกันค่ะ อย่าดีกว่าค่ะ”
“ไม่เป็นปัญหาเลยครับคุณละอองคำ”
พรเทพส่งสายตาให้ละอองคำ โฉมเดินเข้ามา ไม่พอใจ
“แน่ใจเหรอคะคุณพรเทพว่าจะชวนละอองคำไปอังกฤษด้วย”
“แน่ใจสิครับ คุณฉัตรจะได้มีเพื่อน ไม่เหงา”
“คงไม่เหงาหรอกค่ะ บางทีพี่ฉัตรจะหมดเวรหมดกรรมที่ไม่ต้องอดทน”
“อดทนเรื่องอะไรเหรอครับ”
“ก็อดทนที่ต้องอยู่กับใครบางคน พวกลูกครึ่ง ครึ่งผีครึ่งคนนี่น่ากลัวนะคะ”
ฉัตรหันมาเห็นละอองคำหน้าซีด
“ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ”
ฉัตรหันมา ประคองละอองคำเดินผ่านแขกในงานไป
“คุณฉัตรรักภรรยามากเลยนะครับ”
“ไม่รักสิคะจะแย่ ไม่งั้นอาจถูกควักตับไตไส้พุงตาย”
พรเทพหัวเราะ
“คุณโฉมนี่ตลกจัง”

ละอองคำนั่งหลบอยู่มุมหนึ่งของงาน หน้าเสีย เครียด บอกกับฉัตร
“ฉันจะมางานสังคมแบบนี้เป็นงานสุดท้ายนะคะ”
“ทำไมล่ะครับ”
“ฉันไม่ชอบพวกหน้าไหว้หลังหลอก พวกผู้ดีตีนแดง ฉันเข้าไม่ถึงหรอกค่ะ”
“คุณละอองคำ ถ้าไม่อยากมา ผมก็จะไม่ชวนคุณมาอีกแล้ว”
“ขอบคุณค่ะคุณฉัตร”

ละอองคำกลับมาบ้าน พูดกับรุ้งแก้วหน้าเครียด
“พี่ไม่น่าไปกับคุณฉัตรเลย พวกผู้ดีเขาดูถูกพี่ นี่ถ้าผีเจ้ายังอยู่พวกมันไม่รอดแน่”
“เจ้าพี่ ไยเจ้าพี่ถึงพูดหาผีเจ้า ชีวิตเยี่ยงนี้ดีแล้วนะเจ้าข้า อย่าให้มันกลับมาอีก”
“ก็พี่ไม่อยากถูกพวกมันดูถูกพี่”
ละอองคำเดินหนีไป รุ้งแก้วหน้าซีด ธวัชออกมาจากมุมหนึ่ง
“น้องรุ้งแก้ว”
“พี่ธวัช น้องหวั่นใจ”
“ถ้าดวงจิตคุณพี่ถวิลหามันอย่างนี้ ก็จะยิ่งผูกพันกับมัน มันก็จะมีพลังมากขึ้น”
“นั่นสิ แม่ชีบอกอย่างนั้น รุ้งจำได้”

ภายในห้องนอนละอองคำ จำแลงหน้าตาน่ากลัว มองอย่างมุ่งร้าย
“คราวนี้แหละ ละอองคำ”
สมชายสีหน้าแบบเดียวกัน
“แกไม่มีผีคอยช่วยอีกแล้ว”
อำนวยก้าวเข้ามา
“ข้าจะกินไส้แก”
ละอองคำตกใจตื่น มองซ้ายขวาไม่เห็นฉัตร ใบหน้าของทั้งสามกลายเป็นปีศาจ ละอองคำกระถดตัวหนี ทั้งสามลอยใกล้เข้ามา หมอกควันลอยคลุ้ง
“อย่านะ อย่า”
“แกฆ่าพวกฉัน”
“แกกินไส้พวกเรา”
“แกต้องตาย”
ละอองคำหนีไปติดผนังห้อง จนหนีไปไหนไม่ได้อีกแล้ว
“ไม่ ฉันไม่ได้ทำ ฉันเปล่า อย่านะ อย่าทำอะไรฉัน”
“กลัวรึ กลัวเป็นเหมือนกันรึ ละอองคำ”
“ไส้แกคงหวาน”
“ฉันจะกินให้หมด”
“อย่านะ อย่า อย่าเข้ามา กลัวแล้ว อย่า”
ปีศาจทั้งสามตรงเข้าจับตัวละอองคำ ควักไส้ละอองคำออกมา ละอองคำเจ็บปวด ร้องโหยหวน ทั้งสามหัวเราะชอบใจที่ได้ชำระแค้น พร้อมกินไส้ละอองคำอย่างเอร็ดอร่อย
ละอองคำกระสับกระส่าย มือกุมท้อง บิดตัวไปมาราวกับเจ็บปวดแสนสาหัส ทั้งที่ยังหลับอยู่ จู่ๆ ละอองคำก็ทะลึ่งพรวดตื่นขึ้น หอบเหนื่อยจนตัวโยน มองไปรอบๆ ห้อง ไม่มีสิ่งผิดปกติใดๆ หิ้งผีว่างเปล่า มองข้างตัว ฉัตรหลับสนิท เธอถอนใจ

รุ้งแก้วเดินจับมือละอองคำมาถึงเขตหน้าวัด ธวัชถือปิ่นโตข้าวปลาอาหารตามมาใกล้ๆ ละอองคำกังวล รุ้งแก้วลอบมองเป็นระยะ ห่วงใยพี่สาวมาก จนถึงประตูทางเข้าวัด
จู่ๆ ละอองคำก็หยุดชะงัก แหงนมองซุ้มประตู ขนลุก หันมองหน้ารุ้งแก้ว
“เจ้าพี่อย่ากังวลเลยเจ้าค่ะ ก็แค่ฝัน”
ละอองคำตัดใจจะเดินเข้าวัด จู่ๆ ลมก็พัดวูบมา ละอองคำสะดุ้ง ลูบแขนตัวเอง
หันมองซ้ายขวา จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงผีลอยมาตามลม เบามากๆ แทบไม่ได้ยิน
“ละอองคำ ช่วยข้าด้วย ละอองคำ”
ละอองคำถอยหลัง
“คุณพี่ครับ เราเข้าไปในวัดกันเถอะ หลวงพ่อของคุณฉัตรกำลังรออยู่”
ทั้งสามเข้ามาในวัด เห็นคนแต่งตัวสวยๆ เดินไปมาจำนวนมาก
“มีงานวัดเหรอพี่ธวัช”
“นึกถึงเมืองนายนะ ถ้าเป็นเมื่อก่อน น้องรุ้งแก้วก็จะเป็นนางรำที่งามที่สุด”
“เจ้าพี่สอนข้า เจ้าพี่น่ะรำงามที่สุดในเมืองนาย”
จิตเดินมา
“วันนี้หลวงพ่อจัดงานวัด มีละครชาตรีด้วยนะน้องรุ้งแก้ว”
ละอองคำตาเป็นประกาย คณะละครชาตรีกำลังแสดงอยู่ มีหญิงบ้ากำลังร่ายรำตามท่วงจังหวะทำนอง ยืนขวางหน้าเวทีอยู่ ชาวบ้านไม่พอใจ ออกปากไล่
“อีบ้า ไปรำที่อื่น คนจะดูละคร”
ชาวบ้านพากันโห่ หญิงบ้าเท้าเอว แต่พอดนตรีไทยดังรัว การแสดงบนเวทีดำเนินไป หญิงบ้าก็ร่ายรำไม่สนใจเสียงโห่ รุ้งแก้วกับธวัชและละอองคำสงสารหญิงบ้า จิตยืนอยู่ใกล้ๆ
“น่าสงสารเขานะ”
“ผัวทิ้ง ลูกตาย เลยเป็นบ้าเลย หลวงพ่อท่านให้ข้าวให้น้ำ เห็นว่าก่อนมีผัวเคยเป็นนางรำมาก่อน”
“โถ น่าสงสารนะคะ”
หญิงบ้าเต้นและรำตามจังหวะเกะกะสายตาคนดู คนดูเริ่มเอาของขว้างปา และไล่ทุบตี หญิงบ้าวิ่งหนีฝ่าคนดู คนดูแตกฮือไล่ตีหญิงบ้า หญิงบ้าวิ่งหายไปทางหน้าโบสถ์ การแสดงเริ่มแสดงต่อไป จิตรีบบอก
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เดี๋ยวก็มาใหม่ หลวงพ่อท่านก็เมตตา ไม่มีใครกล้าทำอะไรแกหรอก”
ชาวบ้านชายสองสามคน ถือไม้วิ่งไล่หญิงบ้าไป
“อีบ้า ไปนะ อย่ามาเกะกะแถวนี้คนเขาจะดูละครกัน”
หญิงบ้าวิ่งหายไปในโบสถ์
“กลัว กลัว”
เสียงผีเจ้าดังขึ้น
“ไม่ต้องกลัว ข้าช่วยเจ้าได้ เจ้าจะได้ทุกอย่างที่ต้องการ”
หญิงบ้าเหลียวมองไปรอบๆ ยิ้ม พยักหน้า
“ช่วย ช่วยข้าจริงๆ นะ”
“จริงสิ เอาข้าออกไปจากที่นี่ แล้วข้าจะช่วยเจ้า ข้าจะทำให้เจ้าสวย เจ้าจะเป็นนางละครที่สวยที่สุด”
“สวย สวยที่สุด ข้ารำสวย ข้าสวย”
หญิงบ้าร่ายรำ ยิ้ม หัวเราะ ผีเจ้าตวาด
“ช่วยข้าก่อน”
หญิงบ้าชะงัก
“ช่วย ช่วย ให้ข้าทำไง”
“ยกพระองค์นี้ออก เดินมา เดินมาสิ”
หญิงบ้าเดินมาที่พระพุทธรูปที่มีแสงเรืองใต้ฐานพระ แล้วตกใจ ผงะออก
“ยกพระออก เดี๋ยวนี้”
หญิงบ้ายกพระออก เห็นกรวยดอกไม้ ผีเจ้าหลุดออก หัวเราะก้อง หญิงบ้าตกใจ ผงะล้มหนี
“กลัวๆๆ”
“ไม่ต้องกลัว ข้าจะให้เจ้าสวย”
ผีเจ้าเนรมิตชฎาให้ ชฎาลอยไปใส่หัวหญิงบ้า
“ข้าสวย สวยแล้ว”

ผีเจ้ากลายเป็นกรวยดอกไม้ ลอยไป หญิงบ้าจับแล้วร่ายรำออกไปจากโบสถ์

เจ้านาง ตอนที่ 7 (ต่อ)

การแสดงละครดำเนินไป คนดูกำลังสนุกสนาน หญิงบ้าร่ายรำตามจังหวะดนตรีออกมาจากโบสถ์ สายตาคนดู เห็นหญิงบ้าไม่ได้ใส่ชฎา แต่ถือกรวยดอกไม้ ละอองคำ รุ้งแก้ว ธวัชผงะ
“พี่ธวัช”
“นั่น”
“ผีเจ้า”
ลมพัดกรู เหมือนมีพายุ จิตตกใจร้องออกมาดังๆ
“นี่มันอาเพศชัดๆ แม่ชี ช่วยด้วย”
คนวิ่งหนีกันอลหม่าน ข้าวของปลิว ฟ้ามืด ลมปั่นป่วน ผีเจ้าปรากฏร่างขึ้น ท่ามกลางความมืดสลัวอย่างฉับพลัน
“อีละอองคำ มึงหนีกูไม่พ้นดอก”
ผีเจ้ากลายเป็นกรวยดอกไม้ แล้วพุ่งเข้าใส่ตัวละอองคำ ละอองคำหน้ามืดล้มลงไป
“เจ้าพี่ เจ้าพี่ เจ้าพี่เจ้าข้า”
ละอองคำเงยหน้าขึ้น แล้วสบตารุ้งแก้ว รุ้งแก้วผงะ ดวงตาละอองคำเป็นดวงตาผี ละอองคำฟุบลงกับตักรุ้งแก้ว สลบไป แม่ชีน้อมเดินมา
“พากลับไปบ้าน เราจะช่วยเขาเอง”
รุ้งแก้วพาละอองคำกลับมาบ้าน ละอองคำนอนอยู่ที่เก้าอี้ยาว
“พี่ธวัชไปเอาผ้าชุบน้ำให้น้องหน่อย น้องจะเช็ดหน้าให้เจ้าพี่”
“ได้สิ”
ธวัชเดินไป รุ้งแก้วมองหน้าละอองคำ สงสารจับใจ
“เวรกรรมอะไรของเจ้าพี่นะ”
แม่ชีน้อมนั่งสมาธิอยู่ที่วัด กายทิพย์ของแม่ชีออกไป ผีเจ้ายืนอยู่
“มาสิ อยากคุยกับข้าก็มา”
แม่ชีน้อมปรากฏร่างขึ้น ราบฟ้าปรากฏตามมา ปิ่นเมืองปรากฏร่างขึ้น ยื้อยุดไม่ยอมให้ราบฟ้ามา
“เจ้าพี่ ปล่อยมันไปเถอะ กรรมเวรของอีละอองคำ มันอยากรับผีต่างวงศ์มาเลี้ยง นี่แหละเวรกรรมของมัน ผีปู่ผีย่าลงโทษมันแล้ว”
แม่ชีน้อมพูดกับผีเจ้าด้วยน้ำเสียงเมตตา
“ผีเจ้า เมตตาสงสารเจ้านางละอองคำเถิด”
“หากแค้นเคืองอันใด ข้าขอรับเอาความแค้นเคืองของผีเจ้าไว้เอง”
ปิ่นเมืองไม่พอใจที่ได้ยินราบฟ้าพูดอย่างนั้น
“เจ้าพี่ รับสั่งเยี่ยงนี้ได้อย่างใด หา”
“เราขอบิณฑบาตชีวิตเจ้านางละอองคำ”
“ข้าไม่ให้ อย่ามาวุ่นวายกับข้าอีก อีละอองคำมันให้สัจจะข้าแล้วว่ามันจะเลี้ยงดูข้า แต่มันทำอย่างนี้กับข้า ข้าจะต้องลงโทษมัน”
ผีเจ้าหัวเราะแค้นเคือง ชี้หน้ากราดทุกคน
“ถ้าขืนวุ่นวายกับข้า ข้าจะไม่ไว้ชีวิตแม้แต่ผู้เดียว”
ผีเจ้าเลือนหายไป
“เจ้าพี่อย่ายุ่งกับอีละอองคำอีกนะ เพราะมันไม่ใช่หรือที่ทำให้เราต้องตาย เพราะมันไม่ใช่เหรอที่ทำให้เมืองนายต้องพินาศ”
“เจ้าก็มีส่วนผิดด้วย อย่าใส่ความละอองคำฝ่ายเดียว”
“เจ้าพี่”
ปิ่นเมืองหายไป ราบฟ้าเลือนหายไปตาม
“ทุกข์ตั้งแต่ยังมีชีวิต ตายไปแล้วก็ยังทุกข์”
แม่ชีน้อมลืมตาจากสมาธิ น้ำตาคลอ
“ธรรมะของพระพุทธองค์สอนให้เรามีอุเบกขา ไม่ทุกข์ไม่สุขกับผู้ใด แต่เราก็ยังอดสงสารนางไม่ได้ ขอบุญกุศลที่นางทำไว้ในแต่ละชาติภพจงโปรดปกป้องเจ้านางละอองคำด้วยเถิด”

รุ้งแก้วเช็ดหน้าให้ละอองคำ ธวัชอยู่ข้างๆ เงาดำปรากฏที่ฝาเรือน เป็นรูปผีเจ้า แล้วเลือนหายไป ละอองคำลืมตาโพลง ปัดมือรุ้งแก้ว
“เจ้าพี่”
ละอองคำวิ่งขึ้นบันไดไป
“น้องรุ้งแก้ว ทำยังไงกันดี”
ธวัชหน้าซีดเจื่อน รุ้งแก้วจะตามขึ้นไปด้วยความเป็นห่วง
“เจ้าพี่”
ธวัชจับมือรุ้งแก้วไว้
“อันตราย น้องรุ้งแก้วเอานี่ไว้ติดตัวนะ”
ธวัชหยิบตะกรุดออกมาส่งให้รุ้งแก้ว
“แต่พี่ธวัช ไม่มีอะไรป้องกันตัว น้องเชื่อว่าเจ้าพี่ไม่ทำอะไรน้องหรอกค่ะ”
“เวลานี้ผีเจ้ากลับมาแล้ว ไว้ใจอะไรไม่ได้ รับไปสิ”
ธวัชกุมมือรุ้งแก้วกำตะกรุด รุ้งแก้วมองธวัชซาบซึ้งใจ

ละอองคำเปิดประตูห้องนอน แล้วถูกแรงฉุดมหาศาลกระชากเข้ามาในห้อง ล้มกลิ้ง หิ้งผี บนพาน มีกรวยดอกไม้เก่าๆ กลับมาวางเหมือนเดิม เงาผีปรากฏขึ้นตรงหน้า โกรธเกรี้ยวละอองคำอย่างมาก
“เจ้าทรยศข้า ละอองคำ เจ้าทรยศข้า”
“ไม่ ข้าไม่รู้จะไปตามผีเจ้าที่ไหนต่างหาก”
“ข้าไม่เชื่อ เจ้าปล่อยให้ข้าทุกข์ทรมาน ละอองคำเหย เจ้าต้องถูกลงโทษ”
ผีเจ้าพุ่งเข้าใส่ร่างละอองคำที่ยังกลิ้งอยู่บนพื้น ละอองคำดิ้นรนด้วยความเจ็บปวด ดวงตาเหลือกลานเหมือนขาดอากาศหายใจ ถูกผีจับพลิกคว่ำพลิกหงาย แต่ก็กัดฟัน อดทน กลัวเสียงจะหลุดรอดออกไปให้รุ้งแก้วได้ยิน
รุ้งแก้วเดินเร็วขึ้นบันไดมาด้วยความเป็นห่วง ธวัชตามขึ้นมาด้วย ได้ยินเสียงขลุกขลักดังจากห้องละอองคำ ก็รีบปราดเข้าไปที่ประตู เคาะเบาๆ
“เจ้าพี่ เจ้าพี่เจ้าคะ”

ละอองคำดิ้นทุรนทุราย กัดฟัน สองมือกุมคอ ตาเหลือกลานเหมือนจะขาดอากาศ เสียงรุ้งแก้วเคาะประตูดังเข้ามา ผีเจ้าปรากฏขึ้น หันขวับมองทางประตูตาขวาง แล้วเปลี่ยนเป็นแดงฉาน
“ข้าหิว ข้าจะกินมัน”
“ไม่ได้ ผีเจ้าจะกินรุ้งแก้วไม่ได้”
“แต่มันทำร้ายข้า นังรุ้งแก้วกับไอ้ธวัชทำร้ายข้า ข้าต้องแก้แค้นมันให้สาสม”
“ถ้าผีเจ้ากินรุ้งแก้ว แล้วจะหาทายาทจากไหน”
“ข้าจะไว้ชีวิตมันก็ได้ แต่ไอ้ธวัชต้องเป็นของข้า”
ละอองคำ หน้าเสีย สงสารธวัชแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร รู้สึกผิดต่อธวัช เงาผีเจ้าพุ่งเข้าใส่ละอองคำ ละอองคำสะดุ้ง ตาวาวมองไปทางประตู ผีเจ้าเข้าสิงละอองคำ ธวัชกับรุ้งแก้วยังคงเรียกละอองคำ
“เปิดประตูให้น้องหน่อยสิเจ้าข้า”
“ไม่รู้ว่าคุณพี่เป็นอะไร พังประตูมั้ยน้องรุ้งแก้ว”
รุ้งแก้วมองธวัชด้วยความรัก
“พี่ธวัชไม่กลัวหรือเจ้าคะ”
“เพื่อน้องรุ้งแก้ว พี่ยอมได้ทุกอย่าง”
ธวัชจะกระแทกประตู แต่ประตูเปิดออกมา ละอองคำสวยงามมาก ผมเผ้าเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เจ้าพี่ เอ่อ เจ้าพี่เป็นอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ น้องได้ยินเสียง เอ่อ”
ละอองคำยิ้ม
“พี่ไม่เป็นอะไร ตะกี้นี้พี่ปวดหัวนิดหน่อย”
รุ้งแก้วมองเข้ามาในห้อง เห็นพานและกรวยดอกไม้เก่าๆ กลับมาอยู่บนหิ้งผีแล้ว
“รุ้งแก้วช่วยไปตลาดให้พี่หน่อย พี่อยากทานอะไรเปรี้ยวๆ”
รุ้งแก้วมองท้องละอองคำ
“ทานเปรี้ยวๆ หรือว่าเจ้าพี่”
ละอองคำยิ้มอายๆ
“ใช่ เจ้ากำลังมีหลาน”
“น้องดีใจจริงๆ เจ้าค่ะ เจ้าพี่อยากกินอะไรบ้าง น้องจะซื้อมาให้”
“แล้วแต่เจ้า ช่วยซื้อมาให้พี่เยอะๆ เลยนะ”
“งั้นพี่ไปเป็นเพื่อนน้องรุ้งแก้ว”
“อย่าเลย ช่วยหุงข้าวให้ที เดี๋ยวคุณฉัตรกลับมา เราจะทานข้าวด้วยกัน น้องรุ้งแก้วซื้ออาหารที่จะเอามาทำกับข้าวด้วยนะ”
“ได้เลยเจ้าค่ะ”
รุ้งแก้วยิ้มกับธวัชดีใจ ลืมเรื่องความสงสัยไปหมดสิ้น

รุ้งแก้วกระเดียดตะกร้าหวายไปตลาด สีหน้าแช่มชื่น แต่แล้วก็หยุดเดิน ครุ่นคิด
“พี่ธวัช”
รุ้งแก้วหันกลับไปทางบ้าน เห็นฟ้าครึ้มเหมือนฝนจะตก เมฆดำลอยเคลื่อนน่ากลัวผิดปกติ รุ้งแก้วละล้าละลัง
ละอองคำอยู่ในห้อง มองดูหิ้งผี
“ผีเจ้า เห็นใจข้าเถอะ ข้ารักทุกคน ทุกคนดีกับข้า อย่าทำอะไรเขาเลย ถ้าผีเจ้าหิว ก็ใช้ร่างข้าไปจัดการกับคนอื่น”
“ไม่ ข้าหิว เอาข้าไปกักขังมาเป็นเวลานาน ข้าหิว ได้ยินมั้ย ข้าต้องกินใครสักคน ถ้าไม่ให้ข้ากินไอ้ธวัช ข้าก็ต้องกินอีรุ้งแก้ว”
“ผีเจ้า ข้าขอร้อง”
ละอองคำทรุดกายลงไหว้ ร้องไห้
“ทุกคนดีกับข้าเหลือเกิน”
“หรือจะให้ข้ากินผัวเจ้า อีละอองคำ”
ละอองคำพูดไม่ออก น้ำตาไหลพราก แล้วปาดน้ำตา ทำหน้าให้เป็นปกติ เดินออกจากหน้าห้อง ธวัชยืนอยู่หน้าเตา ละอองคำมายืนอยู่ข้างหลัง ธวัชหันมาตกใจ
“ฉันมีเรื่องจะถามเธอสักหน่อย”
“เรื่องอะไรหรือครับ”
“เรื่องที่เธอกับรุ้งแก้วเอาผีไปซ่อน”
ธวัชอึกอัก ทำตัวไม่ถูก
“เอ่อ”
ด้านนอก ฝนเริ่มตกแรง ฟ้าร้องน่ากลัว รุ้งแก้วหลบฝนใต้ร่มไม้
“ขออย่าให้ใครเป็นอะไรไปเลย”
ฟ้าผ่าเปรี้ยงอย่างแรง รุ้งแก้วตกใจ ปิดหู กิ่งไม้ใหญ่หักโค่นลงเพราะแรงลม รุ้งแก้วกรีดร้อง
แสงฟ้าแลบเข้ามาทางหน้าต่าง ธวัชหน้าซีดเผือด
“ขอบใจเธอมาก ฉันเข้าใจความหวังดีของเธอ ถ้าไม่มีเธอกับรุ้งแก้วฉันก็คงไม่มีชีวิตใหม่”
ธวัชยิ้มออก สีหน้าดีขึ้น ละอองคำยิ้มมุมปากราวกับเมตตาอย่างยิ่ง แต่ดวงตาเหี้ยมเกรียม
“ฉันมีรางวัลจะให้เธอ เผื่อต่อไปภายหน้าเธอจะได้ไม่อดไม่อยาก เลี้ยงดูรุ้งแก้วได้อย่างมีความสุข”
“ไม่เป็นไรครับ คุณพี่ ผมรักน้องรุ้งแก้วด้วยหัวใจของผม ไม่ได้หวังอะไรตอบแทน”
“ตามข้ามา”
ธวัชอึ้ง ละอองคำสำทับเสียงดัง
“ตามมา”
ธวัชเข้ามาในห้อง ละอองคำหันมา
“เข้ามา”
ธวัชก้าวเข้ามาในห้อง พลันประตูปิดเอง ธวัชตกใจ หันไปที่ประตู
“คุณพี่”
ละอองคำดวงตาแดงก่ำ
“เข้าใจผิดแล้วไอ้ธวัช เจ้าทำอะไรข้าไม่ได้หรอก เจ้าทรมานข้า เอาข้าไปกักขัง ข้าเจ็บ ข้าปวด ข้าหิว”
ซ้อนใบหน้าผีเจ้าเข้ากับใบหน้าของละอองคำ ธวัชผงะ หนี แต่ไปไม่พ้น หลังปะทะกับผนัง
“คุณพี่ อย่าทำผม ผมกลัวแล้ว”
ละอองคำกลายเป็นมือผี น่าเกลียด ตะปบไปที่ท้องของธวัช ฟ้ายังร้องครืนๆ ธวัชตาเหลือกลานด้วยความเจ็บปวด
“คุณ พี่”
ปอบละอองคำควักไส้ออกมา หัวเราะสาแก่ใจ

จิตกับเด็กวัดเดินมาที่ริมถนนใต้ต้นไม้
“โห มันหักลงมาเลยเหรอวะ มีใครเป็นอะไรหรือเปล่า”
“น้าจิต พี่รุ้งแก้วคนสวยของน้า”
“หา รุ้งแก้ว”
จิตดึงกิ่งไม้ออก รุ้งแก้วรู้สึกตัว
“รุ้งแก้ว ตายแล้ว มีเลือดไหลด้วย พาไปที่วัดก่อน”
เด็กวัดช่วยกันกับจิตพยุงรุ้งแก้วลุกขึ้น
“รุ้งอยากกลับบ้าน”
“กลับไม่ได้ ไปทำแผลก่อน”

ละอองคำสีหน้าอิ่มเอิบ สวยขึ้น เช็ดริมฝีปาก เหมือนเพิ่งทานอาหารอันโอชะเสร็จแล้ว
รุ้งแก้วมีผ้าพันแผลที่ศีรษะ ในตะกร้ามีกับข้าวและผลไม้เปรี้ยวๆ เช่นมะม่วง มะขามมาด้วย ละอองคำยืนอยู่ที่หน้าบ้าน
“ทำไมบ้านเงียบจัง เจ้าพี่อยู่คนเดียวหรือเจ้าคะ”
“คนเดียวสิ คุณฉัตรก็ยังไม่กลับ ส่วนธวัชก็ไปตามเจ้า แล้วไปอยู่เสียที่ไหนมา ทำให้คนในบ้านเป็นห่วง”
“ไปตามรุ้ง”
“ใช่”
รุ้งแก้วส่งตะกร้าให้ละอองคำ
“น้องจะไปตามธวัช”
ละอองคำยื้อข้อมือรุ้งแก้วไว้
“นี่หลงผู้ชายจนลืมพี่สาวที่เลี้ยงดูเจ้ามารึ ใจคอจะให้ข้าอยู่บ้านคนเดียวหรือไง”
“เอ่อ”
ละอองคำกลืนน้ำลาย
“พี่อยากกินมะม่วง ท่าทางจะเปรี้ยวดี ปอกมะม่วงใส่จานให้พี่ด้วย”
“เจ้าค่ะ”
รุ้งแก้วรับตะกร้าเดินไป ละอองคำมองตาม ถอนใจ

ตอนค่ำ ละอองคำนั่งทานมะม่วงอยู่ ฉัตรเข้ามา ยิ้มมอง รุ้งแก้วเดินออกมาจากด้านในพอดี
“คุณพี่ละอองคำอยากทานผลไม้เปรี้ยวๆ ค่ะ”
“ละอองคำ หรือว่า”
ละอองคำอาย หลบตา เขิน
“เลือดประจำเดือนฉันไม่มาสองเดือนแล้วค่ะคุณฉัตร”
ฉัตรดีใจ กอดละอองคำ
“จริงเหรอละอองคำ ผมดีใจจริงๆ ดีใจที่สุด”
รุ้งแก้วเดินออกไป ฉัตรกอดแล้วหอมแก้มละอองคำ ละอองคำกุมท้อง ยิ้มอายๆ รับการจูบจากฉัตรด้วยแสนรัก

รุ้งแก้วค่อยๆ เปิดประตูเข้ามาในห้องละอองคำ มองไปที่หิ้งผี เดินเข้าไปใกล้
“หวังว่าผีเจ้าคงไม่ทำร้ายคนรักของข้านะ รู้มั้ยว่ามันบาป”
รุ้งแก้วเดินออกไป อย่างไม่กลัว ประตูปิดเองดังปัง รุ้งแก้วผงะใจหาย เธอออกมายืนมองไปข้างนอก รอธวัช ละอองคำออกมาจากข้างใน
“มืดแล้วทำไมไม่เข้าบ้าน”
“เจ้าพี่ ธวัชบอกหรือเปล่าว่าจะไปตามน้องที่ไหน”
“ไม่ได้บอก เขาคงติดธุระหรือไม่ก็ไม่กลับมาแล้ว”
“ทำไมไม่กลับ เจ้าพี่ทำอะไรคุณธวัช”
รุ้งแก้วคาดคั้น เดินเข้าหาละอองคำ
“อย่ามาพูดกับข้าเยี่ยงนี้นะรุ้งแก้ว”
ละอองคำไม่กล้าสู้หน้า เดินกลับไป รุ้งแก้วมองออกไปนอกรั้ว
“โธ่ ธวัช”

ละอองคำนอนหันหลังให้ฉัตร น้ำตาไหล มองไปที่หิ้งผี นึกถึงธวัช
“ผีเจ้า อย่าให้ข้าทำอะไรอย่างนี้อีกเลย”
“ขอร้องข้ารึละอองคำ”
ละอองคำตกใจ มองไปที่หิ้งผี ฉัตรลืมตา
“นอนไม่หลับเหรอละอองคำ”
“ค่ะ มันร้อน อึดอัด”
“น้องต้องพักผ่อนมากๆ นะ กำลังท้อง พี่เป็นห่วงน้องและลูกของเรา”
ฉัตรกอดละอองคำ เอนร่างละอองคำนอนคู่กับ

รุ้งแก้วย่องออกไปจากบ้าน แล้วเปิดประตูรั้วออกไป ผีเจ้ายืนมองอยู่ หน้าเหี้ยม รุ้งแก้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งจะไปวัด หอบเหนื่อย ใต้ร่มไม้ในความมืดเห็นธวัชยืนอยู่ เธอชะงัก
“พี่ธวัช พี่ธวัชใช่มั้ย”
“ทำไมน้องรุ้งแก้ว ถามพี่อย่างนั้น จำพี่ไม่ได้เหรอ”
“พี่ธวัชหายไปไหนมาคะ น้องเป็นห่วงแทบแย่”
“พี่ไปเยี่ยมแม่มา แม่พี่ป่วยหนัก”
“โธ่ ทำไมไม่บอกน้อง น้องจะได้ไปกราบแม่พี่ด้วย”
“พี่คิดถึงน้องมาก รุ้งแก้ว”
ธวัชรวบตัวรุ้งแก้วไปกอด รุ้งแก้วเริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่ธวัชคนเก่า
“พี่ธวัช ปล่อยค่ะ ปล่อย เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
“ไม่ต้องกลัวดอกรุ้งแก้ว”
รุ้งแก้วผงะ ผลักธวัชออก ธวัชเปลี่ยนเป็นผีเจ้า หน้าตาน่ากลัว
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย อ๊าย”
รุ้งแก้วผลักผีเจ้าออกห่าง ผีเจ้าแสยะยิ้ม ยื่นมือไปบีบคอ แต่แล้วก็ผงะออก ผีเจ้ากระเด็นล้มลงไปนอนแล้ววูบหายไป รุ้งแก้วเหลียวมองไปรอบๆ จนเห็นแม่ชีน้อมยืนอยู่
“แม่ชี”
“กลับไปบ้านซะกลับไป”
“แต่รุ้งเป็นห่วงพี่ธวัช”
“อย่าดื้อสิ กลับไป ก่อนที่แม่จะช่วยเจ้าไม่ได้”
รุ้งแก้วยืนตะลึง กายทิพย์แม่ชีน้อมหายไป

รุ้งแก้วเดินขึ้นบันไดบ้านมา ละอองคำยืนขวางอยู่ที่บันไดขั้นบน
“ไปไหนมารุ้งแก้ว”
“กลัวว่าข้าจะเจอศพพี่ธวัชหรือเจ้าคะ”
“รุ้งแก้ว”
“ถ้าเจ้าพี่ยังยอมตกอยู่ในอำนาจผีต่างวงศ์ ข้าก็จะไม่อยู่กับเจ้าพพี่ เจ้าพี่จะตายคนเดียว ไม่มีใครอยู่ดูใจเจ้าพี่ในวาระสุดท้าย”
รุ้งแก้วเดินขึ้นไป ละอองคำหลีกทางให้
“ปากดีนัก ข้าหรือจะตายคนเดียว ถ้าไม่มีข้า เจ้าก็ตายเป็นผี เฝ้าเมืองนายแล้ว อย่าปากดีกับข้า รุ้งแก้ว”
ละอองคำไม่พอใจ

ละอองคำเข้ามาในห้องนอน ฉัตรนั่งรออยู่ที่เตียง
“หายไปไหนมา ละอองคำ พี่กำลังจะไปตามน้อง”
“ตามทำไม”
“ก็พี่เป็นห่วง”
ละอองคำอึ้งไป สะกดอารมณ์โกรธ ปรับสีหน้าและท่าที
“ได้ยินเหมือนฝนจะตก เลยไปดูว่าปิดหน้าต่างหรือยัง”
“คราวหน้าเรียกพี่นะ ละอองคำ พลาดพลั้งตกบันไดไปน้องจะแท้งลูก มานอนเถอะ”
ฉัตรลุกมาประคองละอองคำไปนอน เวลาเดียวกันนั้น รุ้งแก้วนั่งร้องไห้อยู่ในห้องนอนที่มืดมิด
“น้องจะต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่ธวัช ขออย่าให้เป็นอย่างที่น้องกลัวเลย คุณพระคุณเจ้าปกป้องพี่ธวัชด้วยเถอะเจ้าค่ะ”
วิญญาณธวัชยืนน้ำตาไหลอยู่ด้านหลังของรุ้งแก้ว

ตอนเช้าฉัตรแต่งตัวอยู่หน้ากระจก ละอองคำยืนส่งหมวกให้ ฉัตรหอมแก้มหญิงสาว
“วันนี้พี่จะไปเยี่ยมแม่ที่บ้าน อาจจะกลับดึกหน่อยนะ น้องอยู่กับรุ้งแก้วได้นะ”
“ฝากกราบคุณแม่ของคุณด้วย ไม่รู้มาก่อน ไม่อย่างนั้นจะฝากของเยี่ยมท่าน”
“ไม่เป็นไรหรอก แค่รู้ว่าน้องเป็นห่วงและฝากกราบท่าน ท่านต้องดีใจจนหายป่วยเลยล่ะ พี่ไปก่อนนะ”
“น้องจะไปส่งคุณพี่ที่หน้าบ้านค่ะ”
ฉัตรเดินออกมา เห็นรุ้งแก้วแต่งตัวจะไปวัด
“น้องรุ้งแก้ว พี่ไม่เห็นหน้าธวัชเลย หายไปไหน”
รุ้งแก้วยิ้ม ปรายตาไปทางละอองคำ
“น้องก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ บางทีคุณธวัชอาจไม่กลับมาแล้วก็ได้”
“ได้งานที่ใดรึ พี่ตั้งใจจะฝากงานกับคุณพรเทพให้อยู่ทีเดียว”
“อย่าสนใจเลยค่ะ เดี๋ยวคุณจะไปทำงานสายนะคะ”
ละอองคำเร่ง ฉัตรยิ้มให้หญิงสาว แล้วเดินออกไป รุ้งแก้วกับละอองคำมองหน้ากัน“จะไปไหนแต่เช้า”
“ไปวัดเจ้าค่ะ”
“เป็นห่วงนางชีที่วัดมากกว่าพี่รึ รุ้งแก้ว”
“เจ้าค่ะ”
“ทำไม บอกให้ข้าแจ้งใจหน่อยสิ ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเป็นคนเนรคุณเยี่ยงนี้”
“น้องต้องรู้ให้ได้ว่าพี่ธวัชหายไปไหน”
“อ้อ จะไปตามหาผู้ชาย แล้วทิ้งข้าอยู่คนเดียว”
“เมื่อเจ้าพี่บอกน้องไม่ได้ว่าพี่ธวัชหายไปไหน น้องก็ต้องไปตามหา น้องรักพี่ธวัช เจ้าพี่ก็ทราบ”
ละอองคำจ้องหน้า สายตาถมึงทึง
“ถ้ามีอันตรายอย่าเรียกข้าก็แล้วกัน”
“ถ้าเจ้าพี่อยากฆ่าใครอีก เจ้าพี่ก็เรียกข้านะเจ้าคะ ข้ายินดีสละชีวิตให้เจ้าพี่ เจ้าพี่จะได้ไม่มีบาปเพิ่ม”
“อีรุ้งแก้ว”
ละอองคำตบหน้ารุ้งแก้ว รุ้งแก้วน้ำตาร่วงพรู กุมแก้ม เดินออกจากบ้านไป
“เมื่อเจ้าใฝ่ต่ำ ข้าก็ช่วยเจ้าไม่ได้”

จิตขนลุกสยองเมื่อฟังเรื่องที่รุ้งแก้วเล่า
“น้องรุ้งแก้วจะอยู่ทำไมล่ะคะ ออกมาอยู่ที่วัดดีกว่า อย่างน้อยก็มีแม่ชีคอยช่วยอยู่”
“รุ้งทิ้งเจ้าพี่ไม่ได้หรอกค่ะพี่จิต”
“ขนาดนี้แล้วยังกล้าอยู่อีกเหรอ”
“ถ้าเจ้าพี่อยากฆ่าใคร น้องก็จะสละชีวิตให้เอง เจ้าพี่จะได้ไม่ต้องทำร้ายใคร รุ้งไม่อยากให้เจ้าพี่ทำบาป”
“แค่จิตเป็นกุศล ผีร้ายก็ทำอะไรเจ้าไม่ได้แล้ว รุ้งแก้ว”
“โอ๊ย ไว้ใจผี มันอาจจะดุร้ายกว่าที่แม่ชีคิดก็ได้นะ” จิตค้าน
“อุทิศบุญให้ผีเจ้าและเจ้าพี่ละอองคำบ่อยๆ บุญจะเป็นเกราะป้องกันอันตรายให้เจ้าได้”
“รุ้งจะทำตามที่แม่ชีบอกเจ้าค่ะ”
“ช่วยได้แน่เหรอคะแม่ชี”
“พลังบุญจะทำให้อำนาจมารที่ฝังอยู่ในดวงจิตของผีเจ้าอ่อนพลังจิต หาอะไรให้รุ้งแก้วกินด้วย พักผ่อนที่วัดนี่แหละ ไม่ต้องรีบกลับหรอกนะ แม่ชีจะไปนั่งกรรมฐานในโบสถ์”
เวลาต่อมา แม่ชีน้อมนั่งสมาธิอยู่หน้าพระประธานในโบสถ์ รุ้งแก้วเข้ามาอย่างเงียบๆ กลัวว่าจะรบกวนสมาธิแม่ชี
“อย่าอ้อนวอนแม่เลยรุ้งแก้ว แม่ตอบไม่ได้หรอก ทุกคนมีกรรมเป็นกำเนิด ถ้าชาติก่อนไม่เคยผูกกรรมกันมา ก็คงไม่ได้มาพานพบกัน แล้วก็ทำร้ายกันอีก”
รุ้งแก้วก้มหน้า น้ำตาไหลพราก
“รุ้งอยากทราบแค่ว่าพี่ธวัชยังมีชีวิตอยู่หรือไม่เท่านั้นเจ้าค่ะ”
“ทำสมาธิแล้วอุทิศบุญอย่างที่แม่บอกดีกว่า”
แม่ชีน้อมหลับตา รุ้งแก้วปาดน้ำตาแล้วตัดสินใจนั่งสมาธิ

ซ่อนกลิ่นนอนอยู่บนเตียง ไอติดๆ กัน ฉัตรเดินเข้ามาหา
“มาทำไมกันฉัตร แม่ไม่ได้เป็นอะไรมาก”
“ผมคิดถึงแม่ครับ”
ฉัตรจับมือแม่ ทั้งสองมองตากัน
“คุณละอองคำเป็นยังไงบ้าง”
“ฝากกราบคุณแม่ด้วย ละอองคำแข็งแรงดี กำลังตั้งครรภ์”
“จริงเหรอฉัตร แม่ดีใจจังจะได้อุ้มหลาน”
โฉมเดินเข้ามา
“อุ๊ย ปอบกำลังมีทายาท ทายาทปอบ หวังว่าคงไม่ได้เกิดมาเป็นปอบแบบแม่ของมันนะคะพี่ฉัตร”
ซ่อนกลิ่นหน้าเสียไป
“โฉมไม่ควรพูดถึงละอองคำแบบนั้น ละอองคำไม่ได้เป็นอย่างที่เธอพูด”
สมานเข้ามา
“แน่ใจเหรอฉัตร”
“แน่ใจสิครับ ถ้าละอองคำเป็นปอบจริง คงไม่ไปวัดหรอก”
“ไปวัดด้วยเหรอ แม่ดีใจจริงๆ ยิ่งท้องไส้อยู่ ต้องทำบุญเยอะๆ ลูกที่อยู่ในท้องจะได้บุญไปด้วย เกิดมาแล้วก็เป็นเด็กดี”
“หลงหลานตั้งแต่อยู่ในท้องเลยเหรอคะคุณแม่ ไว้รออุ้มลูกโฉมดีกว่า”
“อ้าว เรามีแฟนอีกแล้วเหรอ ยังไงก็เอาให้มันเป็นจริงซะที ฉันก็เบื่อตอบคำถามใครๆ แล้วว่าตกลงลูกเขยเป็นใครกันแน่”
“คุณพ่อ โฉมจะมีได้ยังไงล่ะคะ มีแฟนกี่คน ก็โดนนังปอบกินหมด ระวังตัวให้ดีเถอะ พี่ฉัตร อย่าคิดว่ามันจะไว้ชีวิตพี่”
โฉมเดินออกไป ฉัตรหน้าเสีย
“ระวังตัวไว้บ้างก็ดี โฉมมันพูดเพราะเป็นห่วง”
สมานเตือน ซ่อนกลิ่นมองฉัตรอย่างสงสาร ฉัตรทั้งโกรธและเสียใจ

รุ้งแก้วลืมตาขึ้นจากสมาธิก็เห็นตัวเองนั่งสมาธิอยู่คนเดียว
“ขอกุศลผลบุญจากการที่ลูกได้ปฏิบัติธรรมนั่งสมาธินี้ จงเป็นปัจจัยให้เจ้าพี่ละอองคำตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรม มีพลังอำนาจเหนือผีเจ้า ขออุทิศบุญให้ผีเจ้ามีบารมีเพิ่มมากขึ้น ฝักใฝ่ในการกุศล ละเลิกอาฆาตพยาบาทด้วยเถิดเจ้าข้า”
รุ้งแก้วกราบลง ประกายบุญเป็นรัศมีระยิบระยับโปรยปรายลงมาในห้องละอองคำ
ผีเจ้ามองดูด้วยความปีติ ดวงตาเป็นประกาย แต่แล้วก็หุบยิ้ม ดวงตากร้าว
“ไม่ ข้าไม่ต้องการ ละอองคำ ละอองคำ อีละอองคำ”
ประตูเปิดเข้ามา ละอองคำเข้ามาในห้อง เห็นท่าทีของผีเจ้าก็นึกกลัว
“ผีเจ้า เกิดอะไรขึ้น”
“ห้ามอีรุ้งแก้วไปวัด ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้า ข้าจะกินมัน”
“ผีเจ้า”
ผีเจ้าหัวเราะ แล้วเลือนหายไป ละอองคำยืนอึ้งไป

รุ้งแก้วเข้าประตูรั้วบ้านมามา ละอองคำยืนอยู่หน้าบ้าน ไม่พอใจ
“ทำไมไม่นอนที่วัดเลยล่ะ หรือว่าไม่ได้ไปวัด”
“ถ้าข้าไม่ไปวัด ข้าจะไปที่ไหนได้ล่ะเจ้าคะ ที่นี่กว้างใหญ่กว่าเมืองนายมากนัก ข้าไปไหนไม่เป็นดอกเจ้าค่ะ”
ละอองคำกระชากรุ้งแก้ว ตวาด
“ดี ถ้างั้นต่อไปนี้ก็จำไว้ ข้าห้ามเจ้าไปวัด อย่าให้รู้ว่าเจ้าขัดคำสั่งข้า จำใส่หัวไว้นะรุ้งแก้ว”
“ข้าไปทำบุญ ทำไมเจ้าพี่ต้องห้ามข้าด้วย”
“รู้ว่าข้าห้ามก็พอ ไป”
รุ้งแก้วมองหน้าละอองคำ ผิดหวัง
“เจ้าพี่ใจร้าย ถ้าคิดว่าบังคับใครก็ได้ ทำไมไม่บังคับใจตัวเองไม่ให้ตกเป็นทาสของผีเจ้าเล่าเจ้าค่ะ ผีต่างวงศ์มันสำคัญกว่าผีปู่ผีย่าหรือเจ้าคะ”
“อีรุ้งแก้ว”
ละอองคำกระชากรุ้งแก้ว แต่ลมพัดมาอย่างแรงวูบหนึ่ง เหมือนพายุที่พัดเข้าหา
ละอองคำ ทำให้รุ้งแก้วผละหลุดมือไป รุ้งแก้ววิ่งเข้าไปในบ้าน ลมยังพัดให้ละอองคำเซแล้วล้มลงกับพื้น ราบฟ้าปรากฏร่างขึ้น จ้องมองละอองคำอย่างผิดหวัง แล้วเลือนหายไป
“เจ้าพี่ราบฟ้า”
ละอองคำเข้ามาในห้อง มืดสลัว สีหน้าตื่นตระหนก
“เจ้าพี่ยังไม่ได้ไปผุดไปเกิด เจ้าพี่ยังอยู่ใกล้ตัวข้าหรือนี่ เจ้าพี่ ข้าอยากย้อนเวลาไปเหลือเกิน ถ้าย้อนเวลาไปได้ ข้าจะไม่ทำเยี่ยงนี้ ข้าจะไม่ทำ ข้ารักเจ้าพี่ ข้ารักเจ้าพี่เจ้าข้า”
ละอองคำสะอื้น

จบตอนที่ 7
กำลังโหลดความคิดเห็น