เลย - พ่อเมืองเลย พร้อมกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่จังหวัดเลย นำกำลังรุกทวงคืนผืนป่าสงวนแห่งชาติโคกภูเหล็ก พบถูกนายทุนต่างถิ่นกว้านซื้อปลูกยางพารากว่า 250 ไร่ หวังทวงคืนผืนป่าต้นน้ำลำธารคืนสู่ธรรมชาติ พร้อมเร่งหาตัวนายทุนมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
วันนี้ (7 ก.ค. 58) นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย พร้อมด้วย พลตรี เถลิงศักดิ์ พูลสุวรรณ ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกเลย ทำหน้าที่ ผบ.กกล.รส.จ.เลย, พลตรี เทศนฤทธิ์ กสิบุตร รอง ผอ.รมน.จังหวัดเลย, พลตำรวจตรี ศักดา วงค์ศิริยานนท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเลย, นายยงยุทธ ชำนาญรบ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเลย พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ตำรวจชุดปกครองและป่าไม้ กว่า 150 นาย เข้าตรวจยึดพื้นที่ป่าสงวน บริเวณป่าโคกภูเหล็ก ท้องที่บ้านน้ำภู หมู่ที่ 4 ตำบลเมือง อำเภอเมือง จังหวัดเลย กว่า 300 ไร่
นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย กล่าวว่า ตามคำสั่ง คสช.ที่ 64/2557 ลงวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2557 และคำสั่ง คสช.ที่ 66/2557 ลงวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2557 ในพื้นที่เป้าหมายป่าสงวนแห่งชาติป่าโคกภูเหล็ก ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 749 (พ.ศ. 2518) ท้องที่บ้านน้ำภู หมู่ที่ 4 ตำบลเมือง อำเภอเมือง จังหวัดเลย รวมพื้นที่ประมาณ 250 ไร่ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ (โซน C) และอยู่ในพื้นที่กำหนดชั้นคุณภาพน้ำชั้น 1 A และ 2 มีลักษณะสภาพพื้นที่และภูมิประเทศเป็นเขาสูงชัน มีความลาดชันสูง ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารของห้วยสีเสียด ห้วยน้ำภู และน้ำพราว โดยจะไหลลงสู่แม่น้ำเลย สมควรรักษาไว้เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารอย่างยิ่ง
แต่พื้นที่ดังกล่าวกลับถูกนายทุนรุกเข้ามาแผ้วถางพื้นที่ต้นน้ำลำธารเพื่อปลูกยางพาราเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของกลุ่มนายทุนเพียงไม่กี่ราย ไม่มองถึงผลกระทบในภาพรวม ทำลายสิ่งแวดล้อม พื้นที่ต้นน้ำลำธารของชาวจังหวัดเลยและใกล้เคียง จึงได้ปฏิบัติการทวงคืนผืนป่าสงวนแห่งชาติป่าโคกภูเหล็ก พื้นที่ประมาณ 250 ไร่ ฟื้นฟูและคืนกลับมาเป็นพื้นที่ต้นน้ำลำธารของชาวจังหวัดเลย
นายวิโรจน์กล่าวอีกว่า จากการตรวจยึดครั้งนี้พื้นที่ครอบครองเข้าทำประโยน์โดยการปลูกยางพาราเต็มพื้นที่มีอายุตั้งแต่ 3-8 ปี ได้เปิดกรีดหน้ายางไปแล้วบางส่วน ผู้ครอบครองพื้นที่กลับเป็นของนายทุนต่างถิ่น โดยเข้ามากว้านซื้อที่ดินจากชาวบ้านในพื้นที่และบุกรุกขยายพื้นที่ป่าเพื่อปลูกยางพารา โดยแบ่งผลประโยชน์รายได้จากการกรีดยางไปจำหน่าย ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายเป็นการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14 ฐาน ยึดถือครอบครองทำประโยชน์ จึงได้ตรวจยึด และเร่งสืบหาตัวนายทุนมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป