ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 18
เด็กชายไข่เค็มลงนั่งยองๆ พนมมือไหว้ปลกๆ วิงวอนด้วยสีหน้าท่าทางน่าเวทนาเป็นที่สุด
“นะ นะ นะ ให้หนูไปด้วยคนเถอะนะ”
“เค้าไม่ได้ไปเที่ยวนะไข่เค็ม เค้าจะไปแข่งชกมวยกัน กลับค่ายไป” พริมบอก
“ถ้าไล่ให้หนูกลับค่าย หนูยอมถูกรถชนตายซะจะดีกว่า”
ไข่เค็มจะวิ่งออกไปกลางถนน บุญหลงตามไปจับตัวเอาไว้
“เฮ้ย ไม่ได้ไปกรุงเทพแค่นี้ก็ต้องฆ่าตัวตายเลยเหรอ เด็กสมัยนี้นี่”
“ไม่ใช่จ้ะ หนูแค่ไม่อยากอยู่ค่ายเมฆดำอีกแล้ว เห็นรอยแผลพวกนี้มั้ยจ๊ะ ป๋าเมฆดำซ้อมหนูมา”
ขนุนถาม “ไปซนอีท่าไหนล่ะ เค้าถึงได้ซ้อมเอา”
“ไม่ได้ซนเลยจ้ะ แต่เพราะหนูไม่ยอมเอายาถ่ายใส่ในน้ำพี่พริมตามแผนของเค้าต่างหาก” เด็กน้อยบอก
พริมตกใจ “อะไรนะ เมฆดำจะวางยาชั้นตอนไหน”
“ก็ตอนที่พี่พริมชกกับพี่ชบาไงจ๊ะ ป๋าเมฆดำให้หนูเอายาถ่ายไปใส่แต่หนูไม่ทำตาม ก็เลยโดนซ้อมเข้าให้เลย”
ทุกคนตกใจ
เพชรหารือเบาๆ กับพริม “เอาไงดีพริม”
พริมหันไปมองไข่เค็มที่ทำหน้าตาน่าสงสาร ส่งสายตาปิ๊งๆ เว้าวอนมาเป็นที่น่าเวทนา
ถัดมา เพชร พริม ขนุน บุญหลง ไข่เค็ม อยู่บนรถเมล์ บขส. ราชบุรี-กรุงเทพฯ รถแล่นไปตามเส้นทางมุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ ไข่เค็มร่าเริง ยื่นหัวออกมานอกหน้าต่างรับลม ชูไม้ชูมืออย่างเบิกบานใจ เพชรต้องคอยดึงหัวไข่เค็มกลับเข้ามาเกรงจะเป็นอันตราย
รถแล่นผ่านบรรยากาศเทือกสวนไร่นาอันเขียวขจี บ่ายหน้าเข้าสู่กรุงเทพฯ รถเริ่มติด ผู้คนสัญจรขวักไขว่ ทุกคนมองตึกสูง สองข้างทาง และ รถไฟฟ้า อย่างตื่นตา
เกือบเที่ยงวัน เพชร พริม ขนุน บุญหลง ไข่เค็มแบกกระเป๋าวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาที่หน้าตึกบริษัท บ๊อกซิ่งเวิลด์
“ตึกนี้แน่นะ” พริมถาม
เพชรดูในมือถือ “ถ้าแผนที่ไม่ผิด ก็ที่นี่แหละ”
“งั้นรีบขึ้นไปกันเถอะ เค้าปิดรับสมัครเที่ยงนะ”
“แล้วตอนนี้กี่โมงแล้ว”
ขนุนดูนาฬิกา “11 โมง 50 นาที”
ไข่เค็มบอกเฉย “อีกตั้ง 10 นาทีแน่ะ”
4 คนตาเหลือก “10 นาที”
เพชร พริม ขนุน บุญหลง และไข่เค็มจะวิ่งเข้าตึกไป ถูกยามสาวประเภทสองขวางทางไว้ แถมยังทำท่าจะลวนลาม เพชร กะ บุญหลง อีก โชคดีที่ตาผัวของยามมาช่วยไว้ทัน
ขณะที่ผัวเมียเคลียร์กันอยู่นั้น ทุกคนรีบเข้าไปในตึกทันที
ทุกคนรีบร้อนมายังโถงมีป้ายติดว่า “รับสมัครแข่งขันชกมวย ไทยไฟท์”
นกฟ้าเลขาฯ สาว กำลังเก็บเอกสารการสมัครใส่ซอง
เพชร พริม ขนุน บุญหลง ไข่เค็มวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
“รับสมัครแข่งไทยไฟท์ที่นี่ใช่มั้ยครับ”
นกฟ้ามองนักมวยบ้านนอก และเด็กผมม้าอย่างเหยียดๆ แล้วพยักหน้านิดๆ ทุกคนยิ้มดีใจที่มาถูกซะที
“ขอใบสมัคร 2 ใบครับ ให้ผมกับเพื่อน” เพชรบอก
“เสียใจด้วย มาสายไป 3 นาที” นกฟ้าชี้นาฬิกาตั้งโต๊ะ เป็นเวลา 12 :03 น.
“แค่ 3 นาทีเอง ถ้า 3 ชั่วโมงค่อยว่าไปอย่าง ให้เราสมัครเถอะนะคะ” พริมขอร้องดีๆ
“กฎ ยังไงก็ต้องเป็นกฎ ไม่งั้นเค้าจะตั้งกฎมาไว้ทำไม” นกฟ้าวางมาด
“ขอร้องเถอะค่ะพี่ พวกเราตีรถจากราชบุรีเพื่อมางานนี้โดยเฉพาะเลยนะคะ”
นกฟ้าไม่สนใจคำขอร้องของขนุน เก็บของเสร็จกำลังจะเดินไป
เพชรตัดสินใจลงไปคุกเข่า จับมือนกฟ้ามาอ้อนวอน ลีลาเดียวกับที่อ้อนแม่ยก
“ได้โปรดเถอะนะครับคุณคนสวย ใครๆเค้าว่าคนสวยมักจะใจดี แล้วคุณก็หน้าตาสวยมากซะด้วย แปลว่าต้องใจดีมากแน่ๆ ให้พวกเราสมัครเถอะนะครับ นะครับ นะครับ”
เพชรส่งสายตาปิ๊งๆ ให้ จนนกฟ้าชักเขิน พริมเห็นก็ค้อนขวับๆ
เสียงของแก้วแหวนดังขึ้น“มีเรื่องอะไรกัน”
ทุกคนหันไป เห็นสาวใหญ่ แก้วแหวน หน้าตาสวยสง่า แต่งตัวภูมิฐานซ่อนเปรี้ยว
นกฟ้าสะบัดมือเพชรออก เพชรลุกขึ้นจ๋อยๆ
“คนพวกนี้เค้ามาสมัครสายน่ะค่ะ นกฟ้าก็เลยไม่เค้าสมัคร”
แก้วแหวนมองพวกเพชรหน้านิ่งๆ วางมาด แอบสนใจในตัวเพชรอยู่
“ชั้นชื่อแก้วแหวน เป็นผู้ดูแลการแข่งขันไทยไฟท์ ในเมื่อพวกคุณมาสายก็ไม่มีสิทธิ์สมัคร”
ทุกคนหน้าจ๋อย
แก้วแหวนบอกต่อว่า “แต่ชั้นเห็นในความตั้งใจของพวกคุณ ชั้นจะยกเว้นให้เป็นกรณีพิเศษ”
เพชร พริม ขนุน บุญหลง ไข่เค็มกระโดดดีใจร้องเย่ๆ
“เห็นมั้ย คนสวย ใจดีจริงๆ ด้วย”
เพชรแอบหยอดหวานใส่ แก้วแหวนยิ้มให้เพชรแววตาคมปลาบ
แก้วแหวน และนกฟ้าเดินนำพวกเพชรมาตามทางเดินในบริษัท
“ตอนนี้เรากำลังจับฉลากคัดตัวผู้สมัครรอบแรกกันอยู่ คุณเพชรกับคุณบุญหลงไปรอที่ห้องทางนู้นนะคะ ส่วนพวกคุณ” แก้วแหวนบอกพวกพริม “เชิญรอข้างนอกค่ะ”
“เพชร หวังว่าคงไม่ตกรอบแรกนะ”
“พูดงี้ดูถูกตัวเองเหรอ ชั้นเป็นลูกศิษย์เธอนะพริม”
“งั้นก็อย่าทำให้ชั้นเสียชื่อละกัน”
เพชรยักคิ้วให้พริม “อยู่แล้ว”
บุญหลงมองเศร้าๆ
นกฟ้าบอกกับพวกพริม “คุณคะ เชิญ”
พริม ขนุน ไข่เค็มออกไปทางหนึ่ง
แก้วแหวนบอกกับเพชร และ บุญหลง “ทางนี้ค่ะ”
แก้วแหวนนำทางสองหนุ่มไป
พริม ขนุน และ ไข่เค็มเดินออกมานั่งรอสองหนุ่ม
“พี่พริมว่ายัยคุณแก้วแหวนเงินทองอะไรนั่น มองเพชรแปลกๆ มั้ย” ขนุนว่า
พริมงง “แปลกเหรอ... แปลกยังไง”
“ไม่รู้สิ บอกไม่ถูก มันดูเหมือนมีพลังอะไรบางอย่างซ่อนอยู่”
ไข่เค็มสาระแน “หนูว่ามันเหมือนตอนที่พวกผู้หญิงเดินผ่านค่ายมวยแล้วจ้องอยากจะกิน
นักมวยอ่ะจ้ะ”
“พูดไปเรื่อยน่ะไข่เค็ม ชั้นก็เห็นเค้ามองนิ่งๆ ธรรมดา”
“นิ่งๆ อย่างนี้ ร้ายลึกนะ หนูเห็นบ่อยเลย” เด็กชายว่า
พริมคิดตาม รู้สึกหวงเพชรขึ้นมาตะหงิดๆ
อ่านต่อหน้า 2
ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 18 (ต่อ)
บริเวณเวทีมวยที่ตั้งอยู่ตรงลานกว้างของโรงยิม บ.เวิลด์ บ๊อกซิ่ง คลาคล่่ำไปด้วยผู้สมัครแข่งขันชกมวยหลายคน ยืนรอฟังประกาศผล เพชรกับบุญหลงอยู่ในกลุ่มด้วย สักพักคนอื่นๆ ชี้ชวนให้ดูว่าคนโน้นคนนี้มา เพชร กะ บุญหลงมองตาม
เสี่ยตุ๋ยเจ้าของบริษัทเดินเข้ามาอย่างมีมาด ตามมาด้วยแก้วแหวน และ นกฟ้าถือเอกสารเดินตามมา
“สวัสดีนักสู้ทุกท่าน ขอต้อนรับสู่การแข่งขันชกมวยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย การแข่งขันชกมวยไทยไฝว้ ผมเสี่ยตุ๋ยผู้จัดงานในครั้งนี้ และนี่แก้วแหวนลูกสาวผมเอง จะเป็นคนดูแลงานทั้งหมด”
แก้วแหวนเสริมว่า “ชัยชนะของเวทีนี้ไม่ใช่แค่ชื่อเสียงหรือเงินรางวัล แต่มันคือเกียรติยศและศักดิ์ศรี เชื่อว่าทุกคนในที่นี้มีเลือดนักสู้ แต่ใครจะเป็นนักสู้ที่เก่งที่สุด เพื่อเป็นตัวแทนประเทศไทยไปชกกับนักสู้จากฟิลิปปินส์ วันนี้จะเป็นก้าวแรกที่เราจะหาผู้ชนะคนนั้น”
ระหว่างเสี่ยตุ๋ย แก้วแหวนพูด นักมวยฟังอย่างมุ่งมั่น ตั้งใจ
“ระบบคอมพิวเตอร์ได้ทำการจับฉลากแยกสาย A กับสาย B เรียบร้อยแล้ว ผู้ชนะจากทั้ง 2 สายคือผู้ที่จะชกในรอบชิงชนะเลิศและถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ” นกฟ้าว่า
เพชรกระซิบกับบุญหลง
“หวังว่าเราคงไม่ได้อยู่สายเดียวกันนะ”
“ทำไม แกไม่อยากชกกับชั้นรึไง”
“ไม่ใช่ ก็ถ้าเราเจอกันเร็วแล้วใครตกรอบไปก่อนก็ไม่สนุกสิวะ เราต้องเข้าไปรอบลึกๆ ด้วยกันสิ”
“ชื่อที่จะประกาศต่อไปนี้คือผู้ที่อยู่สาย A ใครมีชื่อให้แยกออกมายืนทางนี้”
นกฟ้าประกาศชื่อทีละคนนักมวยก็เดินแยกออกมา ไปเรื่อยๆ เพชรกับบุญหลงลุ้น เพราะไม่ถูกประกาศซะที จนคนเดินแยกไปจนเกือบครึ่งหนึ่งของทั้งหมด
“และคนสุดท้ายที่อยู่สาย A ก็คือ เพชรแท้ ศ.อรชร ส่วนที่เหลือ อยู่สาย B ค่ะ”
เพชร บุญหลงดีใจกระโดดกอดกันร้องเย่ๆ คนอื่นมองว่าไอ้ 2 คนนี้ท่าทางแปลกๆ ประหลาดๆ
จน เพชร บุญหลงเพิ่งรู้ตัว รีบแยกออกจากกัน
แก้วแหวนมองเพชรอย่างสนใจ
พริม ขนุน ไข่เค็มรอกันอยู่ ขนุนมีท่าทางกระสับกระส่าย มองนาฬิกาเรื่อยๆ เพราะจะต้องไปสมัครร้องเพลงอีกที่
ขนุนเปิดดูมือถือ เป็นภาพใบประกาศรับสมัคร เขียนว่า “ปิดรับสมัครนักร้อง 18:00 น.”
เพชร และ บุญหลงเข้ามาหา
“อ้าว เพชร ...เป็นไงบ้าง”
“โชคดีชั้นกับบุญหลงอยู่กันคนละสาย นี่เดี๋ยวเค้าจะชกคัดตัวรอบแรกเลย”
“แล้วรู้มั้ย จะเสร็จประมาณกี่โมง” ขนุนถาม
“กว่าจะชกกันครบทุกคู่ก็คงค่ำๆ มั้ง”
ขนุนคิดหนักจะเอาไงดี
“มีอะไรรึเปล่าขนุน” พริมมองจับสังเกต
“พอดีเพื่อนที่อยู่กรุงเทพฯ เค้าอยากนัดเจอชั้นน่ะ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน เอ่อ... ถ้าชั้นจะไปหาเพื่อนใครจะว่าอะไรมั้ย”
เพชรท้วง “ไปคนเดียวไม่หลงทางเหรอขนุน รอพวกชั้นคัดตัวเสร็จก่อนสิแล้วไปด้วยกัน”
“ไม่ได้ ไม่ได้ เอ่อ... ไปกันหมดนี่ก็ลำบากป่าวๆ ชั้นไปคนเดียวแหละ ไม่หลงหรอก ชั้นมีแผนที่” ขนุนว่า
“อ้าว แล้วจะกลับมาเมื่อไหร่ แล้วขนุนจะไปห้องพักถูกเหรอ เลื่อนนัดเป็นพรุ่งนี้ได้มั้ยล่ะ” พริมบอก
“ไม่ได้ ต้องไปวันนี้” โพล่งขึ้น
ไข่เค็มสงสัย “อ้าว ทำไมล่ะจ๊ะ เพื่อนพี่ขนุนเป็นคนกรุงเทพอยู่แล้ว เค้าไม่หนีไปไหนหรอก พวกเราก็อยู่ที่นี่กันอีกตั้งหลายวัน”
“เอ่อ... มันกำลังจะไปเรียนต่อเมืองนอก ชั้นก็ต้องรีบไปหาน่ะสิ ...ไม่ต้องห่วงหรอก ชั้นไปนะ”
ขนุนเดินเร็วรี่ออกไปเลย พริม เพชร บุญหลง และไข่เค็มมองหน้ากันงงๆ
ขนุนวิ่งออกมาอย่างรีบเร่ง คุยโทรศัทพ์ไปด้วย
“พี่คะ หนูมาจากลาดพร้าวต้องนั่งรถเมล์สายอะไรคะ อ๋อค่ะๆๆ พี่อย่าเพิ่งปิดรับสมัครนะคะ รอหนูก่อน ค่ะๆๆ”
รถเมล์มาพอดี ขนุนวางสายแล้วรีบกระโดดขึ้นทันไป
ผู้เข้าแข่งขันหลายคนรวมทั้งเพชรกับบุญหลงกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนักมวย บางคนกำลังนั่งรอ บางคนกำลังพันผ้า ใส่นวม
“หลง เข้ารอบลึกๆ ให้ได้นะเว้ย ถ้าตกรอบไปก่อน แกโดนชั้นอัดแน่”
“แกก็อย่าร่วงไปก่อนแล้วกัน ชั้นอยากจะชกกับแกมานานแล้ว”
“ชั้นไม่รีบกลับบ้านหรอกเว้ย เพราะตอนนี้ไม่มีบ้านจะให้กลับแล้ว ถ้ายังไม่ได้เงินรางวัล ชั้นก็ไม่ยอมแพ้หรอก”
บุญหลงคิดว่าเพชรมีจุดหมายทำเพื่อครอบครัว แล้วตัวเองล่ะมีจุดหมายเพื่ออะไร
นกฟ้าเดินเข้ามาหา
“เพชรแท้ ศ.อรชร เชิญที่เวทีค่ะ”
“ครับผม!”
เพชรหันมาพยักหน้าให้กับบุญหลงที่พยักหน้ารับ เพชรตามนกฟ้าไป
บนเวที เพชรเข้าประจำมุมน้ำเงิน นักมวยหน้าเหี้ยมอีกคนประจำมุมแดง ทั้ง 2 หน้าตามุ่งมั่น พริม กะ ไข่เค็มวิ่งเข้ามาดู โดยอยู่ห่างๆ เวที ที่มุมหนึ่ง บุญหลงดูอยู่อีกทางหนึ่ง คอยเอาใจช่วย
กรรมการดูความเรียบร้อย แล้วสั่งเริ่มชก เพชรกับนักมวยคู่ชก เดินหน้าชกกันอย่างดุเดือด เพื่อคัดเลือกตัว ทั้ง พริม ไข่เค็ม และ บุญหลง ลุ้นเอาใจช่วยตลอดเวลา
นักมวยคู่ชกของเพชร ค่อนข้างหิน เพชรโดนไปหลายดอกเหมือนกัน แต่ก็ลุกขึ้นสู้ เพชรเริ่มคุมเชิงทำสมาธิ เป่ามนต์เบาๆ ไปที่หมัด มีประกายไฟฟ้าวิ่งช็อตหมัดสั่ง เพชรออกหมัดใส่คู่ชกรัวเร็ว สุดท้ายอัพเปอร์คัต ใส่คู่ต่อสู้ ร่างคู่ชกกระเด็นไปนอนสลบเหมือดคาเวที กรรมการนับ 10 แล้ว ชูมือให้เพชรชนะ
เพชรดีใจ หันมาทาง พวก พริม ไข่เค็ม และบุญหลงดีใจกันยกใหญ่
แก้วแหวนกับนกฟ้ายืนดูการชกคัดเลือกอยู่ เห็นเพชร กระโดดโลดเต้นดีใจอยู่บนเวทีไกลๆ
เสี่ยตุ๋ยยืนดูอยู่ข้างๆ ลูกสาว
“ไอ้หนุ่มนี่มันเป็นใคร”
แก้วแหวนหันไปทางเพชร
“เป็นนักมวยมาจากบ้านนอกน่ะค่ะคุณพ่อ แต่ดูจากฝีมือแล้ว ใช้ได้ทีเดียว”
“หมัดสุดท้ายเมื่อกี้... ชั้นว่ามันไม่ธรรมดาแน่ๆ” เสี่ยบอก
“แถมหน้าตายังหล่ออีกด้วยนะคะ” นกฟ้าว่า
“แล้วไอ้คนนั้นล่ะ”
เสี่ยบุ้ยใบ้ไปทางบุญหลงที่กำลังจะขึ้นชก
แก้วแหวนบอกพ่ออีกว่า “เค้าเป็นเพื่อนกันค่ะ มาจากค่ายเดียวกัน”
นกฟ้าเสริม “หล่อไม่แพ้กันเลยนะคะ”
เสี่ยตุ๋ยชักรำคาญ “นกฟ้า เลิกบ้าผู้ชายได้แล้ว”
“แต่คุณพ่อคะ ถ้าเราใช้ 2 คนนี้โปรโมทการแข่งขัน เราก็จะได้กลุ่มคนดูที่เป็นผู้หญิงกับเก้งกวางเพิ่มขึ้นเยอะเลยนะคะ” แก้วแหวนออกไอเดียอย่างนักการตลาด
เสี่ยตุ๋ยงง “เก้ง กวาง เดี๋ยวนี้สวนสัตว์เค้าเปิดทีวีให้สัตว์ดูกันแล้วเหรอ”
“หนูหมายถึงกลุ่มเกย์กับกะเทยน่ะค่ะ”
เสี่ยตุ๋ยพยักหนวดรับรู้ “อ๋อ...”
อีกฟาก แลเห็นป้ายหน้าตึก “เอฟ มิวสิค” ดูยิ่งใหญ่เวอร์วัง อลังการ เอามากๆ
ภายในห้องออดิชั่น เจ๊แหม่ม กะเทยโปรดิวเซอร์ กับ เชอรี่ กะเทยผู้ช่วย กำลังดูใบสมัครกองพะเนินอย่างกลุ้มใจ
“โอ๊ย มันจะมีสมประกอบให้ชั้นสักคนมั้ยเนี่ย ไอ้ที่ร้องได้ก็เต้นไม่ได้ ไอ้ที่เต้นได้ก็ร้องไม่ได้ ไอ้ที่ร้องได้เต้นได้ก็ดันไม่สวย เซ็งจริงๆ”
“แล้วจะเอาไงดีคะเจ๊แหม่ม นี่ก็วันสุดท้ายแล้วด้วย ยังหาดีๆ โดนๆ ไม่ได้เลย”
“ก็คงต้องบอกเฮียไปตามตรงนั่นแหละ ว่าไอ้การรับสมัครสุ่มๆ ไปอย่างนี้มันหาดีไม่เจอหรอก สู้เราไปหาเด็กเจ๋งๆ มาปั้นเองจะดีกว่า”
มีเสียงเคาะประตู ก๊อกๆๆ ขนุนถือใบสมัคร โผล่หน้าเข้ามาเด๋อๆ ด๋าๆ ดูไม่มั่นใจนัก
“ขอโทษนะคะ ออดิชั่นนักร้องที่ห้องนี้ใช่มั้ยคะ”
แหม่มแปลกใจ “อ้าว นี่ยังไม่หมดอีกเหรอ”
“เห็นพี่ข้างหน้าบอกว่าหนูคนสุดท้ายแล้วค่ะ” ขนุนบอก
เชอรี่บอกกับแหม่ม “อย่าเสียเวลาเลยพี่ หน้าบ้านนอกอย่างนี้คงมาร้องเพลงรำวงอีกนั่นแหละ”
ขนุนได้ยิน “หนูไม่ได้มาร้องเพลงรำวงนะคะ หนูเตรียมมาหลายเพลงเลยค่ะ ทั้งลูกทุ่ง สตริง สากล ลิเกหนูก็ได้นะคะ”
แหม่มทึ่ง “อุ๊ยตาย แลดูมั่นใจเนอะ อ่ะๆ ทำอะไรได้บ้างมาทำให้ดูซิ”
ขนุนมายืนตรงหน้า หยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดเพลง
“ขอเปิดดนตรีประกอบนะคะ”
ขนุนนิ่งทำสมาธิ ดนตรีเพลง ตื๊ด ดังขึ้น
ขนุนจัดเต็ม ทั้งร้องและเต้นอย่างมั่นใจ ดูเป๊ะ และแข็งแรงมาก โดยยังมีท่านักมวยผสมผสานอย่างลงตัวขนุนร้องเต้นอย่างมั่นใจ มีความสุข จนจบเพลง
แหม่มกับเชอรี่ อ้าปากค้าง นิ่งเงียบไปเลย
“เอ่อ ไม่ชอบเหรอคะ เพลงช้าหนูก็ร้องได้นะคะ”
แหม่มหันไปกระซิบอะไรกับเชอรี่ท่าทางเป็นเรื่องสำคัญ ขนุนยืนมอง ไม่มั่นใจ
ฝ่ายบุญหลงกำลังชกกับคู่ต่อสู้อย่างดุเดือดอยู่บนเวที คู่ต่อสู้หน้าตาดุดัน น่ากลัวมาก เพชร พริม และไข่เค็มเฝ้าลุ้นสุดตัว
บุญหลงจะน็อกคู่ชกได้หลายครั้ง แต่คู่ชกก็ลุกขึ้นมาใหม่อึดมาก จนบุญหลงชักจะไม่ไหว คิ้วเริ่มแตก ขาเริ่มอ่อน เพชรทนไม่ไหว ตะโกนขึ้นไป
“ไอ้บุญหลง ถ้าแกแพ้ ชั้นจะชกแกซ้ำนะเว้ย ไหนว่าจะเข้ารอบลึกๆ ด้วยกันไง”
พริมกับไข่เค็มวิ่งเข้ามา
“หลง อย่าให้เสียชื่อ ศ.อรชรนะ”
นั่นทำให้บุญหลงมีแรงฮึดขึ้นมา และเริ่มรุกวงในบ้าง หมดยกที่ 5 กรรมการบนเวทีไปรับใบคะแนน แล้วชูมือให้บุญหลงชนะ บุญหลงหมดแรง โล่งอกที่ได้เข้ารอบ
เพชร พริม ดีใจกระโดดกอดกัน ไข่เค็มขอแจม กระโดดกอดด้วย
อ่านต่อหน้า 3
ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 18 (ต่อ)
ตกเย็น พริม เพชร บุญหลง และไข่เค็ม เดินเข้ามาหน้าอพาร์ตเม้นต์แถวๆ ค่ายมวยอย่างร่าเริง
“พริม ชั้นโทร.ไปบอกที่บ้านดีมั้ย ว่าชั้นผ่านเข้ารอบแรกแล้ว พ่อจะได้ดีใจไง”
“ตอนนี้พวกเค้าอาศัยอยู่กับหลวงพ่อที่วัดไม่ใช่เหรอ ที่นอนยังไม่มีเลยจะไปเอาโทรศัพท์มาจากไหน”
“งั้นชั้นโทร.ไปที่วัดดีกว่า” เพชรจะหยิบโทรศัพท์มาโทร.
บุญหลงห้ามไว้ “ชั้นว่าอย่าเพิ่งเลย นี่แค่รอบแรกเอง เอาไว้เข้ารอบลึกๆ แล้วค่อยบอกดีกว่าจะได้ไม่หน้าแตก”
“พี่เพชรได้เข้ารอบชิงอยู่แล้วแหละ เมื่อกี้หนูเห็นหมัดอัพเปอร์คัตของพี่นะ โอ้โหสุดยอดใครเจอเข้าไปก็ต้องน็อก” เด็กชายไข่เค็มว่า
ระหว่างนี้ ขนุนเดินไปยิ้มไป ดีใจไปอยู่คนเดียว
“ได้เป็นนักร้องแล้ว ได้เป็นนักร้องแล้ว”
อยู่ๆ ขนุนก็กระโดดตะโกนเสียงดังลั่น
“วู้ววว... ฝันเป็นจริงแล้ว”
เพชร พริม บุญหลง และ ไข่เค็มยืนมองอยู่ ขนุนหันมาเห็นก็สะดุ้ง
“เฮ้ย มาได้ไงเนี่ย”
“ชั้นควรจะถามแกมากกว่า แล้วนี่ดีใจอะไรกระโดดโลดเต้นอยู่คนเดียว”
“อ๋อ ดีใจกับเพื่อนมันน่ะ ได้ไปเรียนเมืองนอกสมใจ” ขนุนรีบเปลี่ยนเรื่อง “ชั้นว่าเราเข้าที่พักกันดีกว่า ไหนล่ะห้องที่เช่าเอาไว้”
ทั้งหมดหันมาประจันหน้ากับอพาร์ตเม้นต์เก่าๆ โทรมๆ เบื้องหน้า แลดูน่ากลัวยังกะบ้านผีสิง ทุกคนหน้าเหวอทั้งแถบ
ทุกคนเดินมาถึงหน้าห้อง พริมบอกว่า
“ทนเอาหน่อยนะพวกเรา ห้องพักในกรุงเทพฯ มันแพง ชั้นหาดีที่สุดได้เท่านี้แหละ”
“อย่างนี้ก็ถือว่าหรูแล้วพริม ตอนชั้นอยู่วัดยิ่งกว่านี้อีก” บุญหลงยิ้ม
พริมกับขนุนเข้าห้องหนึ่ง เพชร บุญหลง และไข่เค็มก็เข้าอีกห้องหนึ่ง
ผ่านไปสักระยะ บุญหลงนั่งเหม่ออยู่บนเตียง ไข่เค็มหลับไปแล้ว เพชรเพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จกำลังจะนอน
“คิดอะไรอยู่วะหลง”
“เปล่า ชีวิตชั้นไม่มีอะไรให้คิดมากนักหรอก”
“ก็ดีสิ ไม่คิดมากก็ไม่มีเรื่องเครียด ชั้นสิ เป็นหนี้ บ้านก็โดนยึด คณะลิเกก็แตกไปคนละทางสองทาง มาชกมวยครั้งนี้ไม่รู้จะช่วยกอบกู้คณะลิเกกลับคืนมาได้รึเปล่า เฮ้อ...”
“ชีวิตแกดูมีจุดหมายนะเพชร แต่ชั้น มาชกครั้งนี้ ชกไปทำไมยังไม่รู้เลย”
“เฮ้ย ก็ชกเพื่อชนะไงวะ ใครๆ ก็มาชกเพราะต้องการชนะทั้งนั้นแหละ”
“ชนะแล้วได้อะไร ชนะแล้วไงต่อ เงิน เกียรติยศ ชื่อเสียง ชั้นไม่รู้จะเอาไปทำอะไรว่ะ ชั้นมันก็แค่เด็กกำพร้าคนนึง ถ้าชั้นชนะ ก็คงไม่มีใครดีใจกับชั้นหรอก”
“ไอ้บุญหลง! พูดอย่างนี้หมายความว่าไงวะ แล้วพริมล่ะ น้าอรล่ะ คนที่ค่ายอีกล่ะ ทุกคนเห็นแกเป็นคนในครอบครัวหมดเลยนะเว้ย แล้วชั้นก็อีกคนนึงที่จะดีใจถ้าแกชนะ”
“แกจะดีใจทำไม เราเป็นคู่แข่งกันนะเว้ย”
“แต่เราก็เป็นเพื่อนกันนะเว้ย!”
บุญหลงมองหน้าเพชรแล้วอึ้งไป ไม่เคยคิดว่าเพชรจะคิดว่าตนเป็นเพื่อนมาก่อน จู่ๆ ไข่เค็มลุกพรวด โพล่งออกมา
“ถ้าพี่หลงชนะ หนูก็ดีใจจ้ะ”
ด้านพริมนอนแล้ว ขนุนยังทาครีมอยู่ฮัมเพลงเบาๆ อย่างอารมณ์ดี พริมหรี่ตาขึ้นมามองจับสังเกต
“ขนุน วันนี้แกเป็นอะไรของแก ตั้งแต่เข้าห้องมานี่ร้องเพลงไม่หยุดเลยนะ”
“ชั้นก็ร้องของชั้นทุกวันนั่นแหละ”
“แต่แกไม่เคยทาครีม”
“เอ่อ ก็ชั้นเห็นคนกรุงเทพเค้าขาวๆ กันทั้งนั้น ชั้นก็อยากลองทาดู เผื่อจะขาวกับเค้ามั่ง”
“เป็นนักมวยจะขาวไปทำไม ออกไปวิ่งวันเดียวก็กลับมาดำแล้ว”
ขนุนลองถามหยั่งเชิงพริม “พี่พริม แล้วถ้าชั้นไม่เป็นนักมวยแล้วล่ะ”
“ไม่เป็นนักมวยแล้วแกจะไปเป็นอะไร”
“ก็ไปเป็นอย่างอื่นที่ชั้นชอบ”
“อ้าว ชั้นคิดว่าแกชอบมวยซะอีก”
“ใช่ชั้นชอบมวย แต่ชั้นก็ชอบอย่างอื่นด้วย คนเราไม่เห็นจำเป็นต้องชอบอย่างเดียว หรือทำอะไรได้แค่อย่างเดียวซะหน่อย ดูอย่างเพชรสิ เล่นลิเกก็ได้ มาหัดมวยแป๊บเดียวก็เป็นอีก”
“แล้วแกอยากเป็นอะไรอีก”
“ถ้าสมมุติว่าชั้นอยากเป็น ...นักร้อง พี่พริมจะว่ายังไง”
พริมกลอกตา ทำหน้าเซ็ง พลิกตัวหันไปทางอื่นลงนอน
“เพ้อเจ้อ นอนได้แล้ว”
ขนุนไม่สนใจท่าทีของพริม เพราะว่าสุขใจที่กำลังจะได้เป็นนักร้องจริงๆแล้ว
หลายวันนี้ วันเพชรชกคัดตัวในรอบลึกๆ และสามารถชนะคู่ต่อสู้แต่ละคน และเพชรใช้วิชาหมัดขั้นเทพ ต่อยเปรี้ยง ต่อยเปรี้ยง น็อกคู่ชกทุกคน ส่วนบุญหลง ชกกับคู่ต่อสู้หลายคน ล้มลุกคลุกคลาน แต่ก็ชนะมาได้เรื่อยๆ
พริม กับไข่เค็มมาเฝ้าดู ลุ้น คอยเชียร์ เข้าไปดีใจกับเพชรที่ชกชนะทุกแมทช์ บุญหลงสังเกตเห็นพริมแสดงความดีใจกับเพชรชัดแจ้ง ก็ออกอาการน้อยใจ
แก้วแหวนกับเสี่ยตุ๋ย มองดูการชกของเพชรและบุญหลงอย่างสนใจ นกฟ้าคอยพยักพเยิดตามประสา
เช่นเดียวกัน ขนุนเรียนร้องเพลงกับเชอรี่อย่างคร่ำเคร่ง เจ๊แหม่มยืนดูด้วยความพอใจ ขนุนสนุกกับการได้วอร์มเสียงด้วยการทำท่าทำทางต่างๆ อย่างถูกต้องที่ไม่เคยทำ
ถึงตอนประกาศผล นักมวยทุกคนยืนรวมตัวเพื่อรอฟังผลการคัดตัว เพชรกับบุญหลงอยู่ด้วย แก้วแหวน และ นกฟ้ายืนอยู่ข้างหน้านักชกทุกคนบนเวที
“ดิฉันขอขอบคุณทุกคนนะคะ ที่ให้เกียรติมาร่วมในการแข่งขันครั้งนี้ ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ดิฉันได้ดูการชกทุกไฟท์ทุกคู่ ดิฉันเห็นเลยว่าทุกคนมีเลือดนักสู้อยู่เต็มเปี่ยม แต่นักสู้ที่เก่งที่สุด 2 คน ที่จะได้ชกในรอบชิงชนะเลิศ ก็คือ...”
นกฟ้ายื่นซองให้แก้วแหวน เพชร กะ บุญหลงลุ้น
แก้วแหวนประกาศเสียงดัง “เพชรแท้ ศ.อรชร และ บุญหลง ศ.อรชร ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ”
นักมวยทุกคนปรบมืออย่างมีสปิริต เพชร กะ บุญหลงร้องเฮ ดีใจสุดๆ กระโดดกอดกันกลม
พริม กะไข่เค็มนั่งลุ้นกันอยู่ด้านนอก พริมนี่เกร็งจนขาสั่น
“ปวดฉี่เหรอจ๊ะพี่พริม”
“ฉี่ไปหลายรอบแล้ว แต่นั่งลุ้นจนจะฉี่อีกรอบแล้วเนี่ย”
เพชร กะ บุญหลงวิ่งดีใจออกมา
“พริม! ชั้นได้เข้ารอบชิงแล้ว บุญหลงก็เข้าด้วย”
“แอ๊ย ดีใจด้วยนะ”
พริมกรี๊ด ดีใจลืมตัว โผเข้ากอดเพชรต่อหน้าต่อตาบุญหลงที่ยิ้มเจื่อนๆ ไข่เค็มกระโดดเกาะบุญหลงหมับ
“เย่ๆๆๆๆ เข้าทั้ง 2 เลย งั้นพี่เพชรก็ต้องชกกับพี่บุญหลงใช่มั้ยจ๊ะ”
เพชรกับพริมกำลังดีใจก็หยุด เพิ่งนึกขึ้นได้
“เออ จริงด้วย เราต้องมาแข่งกันเองเหรอเนี่ย”
แก้วแหวนกับนกฟ้าเข้ามาหา
“คุณเพชร คุณบุญหลง ยินดีด้วยนะคะ คุณ 2 คนกำลังจะดังแล้วล่ะค่ะ”
“ไม่ดังหรอกครับ ผมมันก็แค่นักมวยบ้านนอกธรรมดาๆ” เพชรว่า
“แสดงว่ายังไม่เห็นในเพจเฟซบุคของไทยไฟท์สินะคะ ตอนนี้มีคนแชร์รูปพวกคุณ 2 คนเป็นแสนแล้วนะคะ แล้วพรุ่งนี้ก็มีรายการทีวีขอเชิญตัวไปสัมภาษณ์ด้วย”
“ออกทีวีเหรอครับ โห เกิดมาไม่เคยออกทีวีเลย จะไปทำอะไรเปิ่นๆ รึเปล่าก็ไม่รู้” เพชรกังวล
“ไม่ต้องห่วงค่ะ แก้วแหวนไปด้วย จะประกบคุณเพชรไม่ให้ห่างเลย”
แก้วแหวนยิ้มหวานให้เพชรแววตาลึกล้ำ เพชรยิ้มรับโดยไม่คิดอะไร พริมแอบเห็น
“ออกทีวี! ผมไม่ไปได้มั้ยครับ ผมไม่ถนัด”
บุญหลงหน้าแหย ตกใจปนกังวลใจ ไม่มั่นใจมาก
ฝ่ายขนุนร้องเต้น เพลง ชู้ทางไลน์ อยู่ มีแหม่มนั่งดู เชอรี่ภูมิใจนำเสนอมาก ขนุนร้องเต้นจนจบเพลง เหนื่อยหอบ
“เป็นไงบ้างคะเจ๊แหม่ม หนูว่าลุคนี้เหมาะกับน้องมากเลยนะคะ เผ็ด ดุ ซี๊ดซ๊าด”
แหม่มกำลังใช้ความคิด หน้าตาเหมือนลังเล
“หรือพี่อยากให้หนูเต้นให้แข็งแรงกว่านี้คะ เดี๋ยวหนูลองอีกรอบก็ได้ค่ะ”
“ไม่ต้องๆ ชั้นว่ามันต้องไม่ใช่แบบนี้”
“ไม่เอาแบบนี้แล้วเจ๊จะเอาแบบไหนคะ”
“ขอคิดก่อน ...พรุ่งนี้เจอกัน”
แหม่มออกไป
ขนุนจ๋อยหันมาถามเชอรี่ “พี่เชอรี่คะ เจ๊แหม่มเค้าไม่ชอบที่หนูทำเมื่อกี้เหรอคะ”
“ดูท่าแล้วน่าจะเป็นอย่างนั้น”
“แต่หนูชอบแล้วนะพี่ มันเป็นตัวหนูที่สุดแล้วนะคะ”
“หนูชอบ แต่เจ๊แหม่มไม่ชอบ ก็จบป๊ะ ไว้รอดูพรุ่งนี้ละกันว่าเจ๊เค้าจะเอายังไง”
เชอรี่ออกไปอีกคน ทิ้งขนุนให้มองตามอย่างผิดหวัง
เช้าวันนี้ ทุกคนมารวมตัวกันที่ สตูดิโอถ่ายรายการตามนัดหมาย แก้วแหวน นกฟ้า เดินนำเพชร บุญหลง พริม ไข่เค็มเข้ามาในสตู
แก้วแหวนหันมาทางเพชร บุญหลง “ไม่ต้องตื่นเต้นนะคะ เราจะมีการตกลงเรื่องคำถามกันก่อนว่าจะถามอะไรบ้าง ตอบอะไรบ้าง...เชิญห้องนี้เลยค่ะ”
แก้วแหวนเปิดประตูเข้าไปในห้องแต่งตัว เพชร กะ บุญหลงตามเข้าไป พริม ไข่เค็มจะตามไปด้วย นกฟ้ากันไว้ บอกเสียงขุ่น
“รอข้างนอก”
“ทำไมล่ะจ๊ะพี่นกฟ้า หนูอยากดูว่าเค้าทำอะไรกันมั่ง” ไข่เค็มอยากรู้อยากเห็น
“แกมันเนื้อตัวสกปรก รอตรงนี้ดีแล้ว”
“เมื่อเช้าหนูอาบน้ำมานะ ทาแป้งด้วย ไม่เชื่อจับดูสิ”
ไข่เค็มไปจับมือนกฟ้ามาลูบที่รักแร้
นกฟ้ากรี๊ดด “แอร๊ย ไปไกลๆ เลย ไอ้เด็กโสโครก”
นกฟ้าผลักไข่เค็มออกไป
“คุณคะ พูดกับเราดีๆ ก็ได้ค่ะ คุณว่าน้องเค้าสปรก แต่คำพูดของคุณแต่ละคำ สกปรกยิ่งกว่าอีกนะคะ”
พริมไม่พอใจ จูงมือไข่เค็มออกไป
นกฟ้าคุมแค้นที่ถูกพริมด่า “หน็อย อีนังบ้านนอกทำปากดี”
อ่านต่อหน้า 4
ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 18 (ต่อ)
บุญหลงกำลังนั่งแต่งหน้าอยู่ แก้วแหวนกำลังแต่งตัวให้เพชร มีนกฟ้าเป็นผู้ช่วย แก้วแหวนถือเสื้อสูทเอาไว้ รอให้เพชรเข้ามาสวม
“ลองสูทตัวนี้ดูนะคะ”
เพชรไม่เคยใส่สูท ก็ยื่นมือไปรับมา
“ครับ”
แก้วแหวนยิ้ม “เข้ามาสวมสิคะ”
เพชรงงๆ เดินเข้าไปเอาแขนสวมจากด้านหน้า
แก้วแหวนหัวเราะขำ “คุณเพชร”
เพชรงง “อะไรครับ ผมว่ามันไม่ค่อยพอดีนะครับ”
“นี่เล่นมุกกับแก้วแหวนเหรอคะ”
“มุกอะไรครับ”
“ผิดด้านค่ะ ...ต้องหันหลัง”
เพชรเก้ๆกังๆ หันหลัง แล้วลองสวม
“แหะๆ ดีกว่าเมื่อกี้เยอะเลย”
แก้วแหวนจัดสูทให้เรียบร้อย ติดกระดุม เอามือลูบไปตามปกเสื้อ สองคนใกล้ชิดกันมาก จนเพชรเขินๆ
“คุณแก้วแหวนเลือกชุดเก่งจังครับ ผมใส่แล้วหล่อขึ้นมาเลย”
“อยากเห็นตอนไม่ใส่มั่งอะค่ะ ว่าจะหล่อรึเปล่า” นกฟ้าดี๊ด๊า
แก้วแหวนกับเพชรเหวอ ที่นกฟ้าพูดหันไปมอง เลขาสาระแนรีบแก้ว่า
“นกฟ้าหมายถึง ตอนไม่ได้ใส่สูทแต่ใส่ชุดอื่นน่ะค่ะ”
ส่วนที่ค่ายเพลง เอฟ มิวสิค ขนุน เจ๊แหม่ม เชอรี่ ประชุมกันหน้าเครียดอยู่
“น้องขนุน พี่กลับไปคิดดูละ ไอ้ที่น้องร้องเต้นให้พี่ดูเมื่อวานพี่ว่ามันไม่เป็นที่ต้องการของตลาด
“แปลว่าอะไรคะ ไม่เป็นที่ต้องการของตลาด” ขนุนงง
“ก็คือคนเค้าไม่ชอบไง เหมือนน้องทำสินค้าไปอย่างนึงแล้วไม่มีใครซื้อ”
“แต่นั่นเป็นตัวของขนุนที่สุดนะคะ”
“แต่เราก็ปรับเปลี่ยน เสริมแต่งกันได้นี่” เจ๊ว่า
เชอรี่สงสัย “เจ๊จะเปลี่ยนอะไรบ้างคะ”
“อันดับแรก เปลี่ยนชื่อ ชื่อขนุนมันดูเป็นผลไม้บ้านๆ ตะปุ่มตะป่ำยังไงไม่รู้ พี่ขอเปลี่ยนเป็น น้องคินนี่”
ขนุนตาเหลือก “คินนี่”
เชอรี่สอพลอทันควัน “จากขนุน เปลี่ยนเป็นคินนี่ น่ารักดีนะคะ”
ขนุนอึ้งๆ อยู่ “มันแปลว่าอะไรเหรอคะ”
“ไม่มีความหมาย ชั้นตั้งขึ้นมาเอง ต่อไปนี้เธอต้องท่องๆๆๆ ว่าเธอชื่อ...”
ขนุนพูดไม่เต็มคำนัก “คินนี่”
เจ๊แหม่มยิ้มพอใจ ขนุนรู้สึกแปลกๆพิกล
เพชร บุญหลง แสตนด์บายอยู่หลังฉาก บุญหลงนั้นท่าทางตื่นเต้นมาก มีเสียงสัมภาษณ์เสี่ยตุ๋ยดังแว่วๆมา
“เพชร ชั้นไม่ออกไปได้ป่าววะ แกสัมภาษณ์ไปคนเดียวก็แล้วกัน”
“จะมาป๊อดตอนนี้มันสายไปแล้วเว้ย”
“ไม่สายหรอก ถ้าชั้นวิ่งหนีออกไปตอนนี้ก็ยังทัน”
“ไอ้บ้า จะกลัวอะไรวะ ก็แค่ออกไปนั่ง เค้าถามอะไรก็ตอบอย่างนั้น”
“ชั้นกลัวตอบผิดนี่”
เพชรยิ้มปลอบ “ไม่เป็นไร เดี๋ยวชั้นช่วย”
พิธีกรกำลังสัมภาษณ์เสี่ยตุ๋ย พริมกับไข่เค็มนั่งอยู่ที่คนดู แก้วแหวนกับนกฟ้าดูอยู่ด้วย
“เสี่ยตุ๋ยครับ ผมอยากจะเจอนักชกทั้ง 2 ท่านที่จะชกรอบชิงชนะเลิศไทยไฟท์แล้วสิครับ”
“แล้วจะรออะไรอยู่ล่ะ” เสี่ยบอก
“งั้นขอเชิญ เพชรแท้ ศ.อรชร กับบุญหลง ศ.อรชร เลยครับ”
เพชรยิ้มหล่อเดินออกมา พอหันไปข้างหลังบุญหลงไม่ได้ตามมาด้วย เพชรกลับเข้าดึงบุญหลงออกมา เสียงคนปรบมือต้อนรับกระหึ่ม เห็นเพชรจูงมือบุญหลง สาวๆ ก็ร้องกรี๊ดกร๊าด ฟินเวรอร์ ฟินรัวๆ
บุญหลงท่าทางประหม่า ทั้งคู่สวัสดีพิธีกร และผู้ชมแล้วนั่งข้างๆ เสี่ยตุ๋ย
“ดูท่าทาง 2 คนี้จะเป็นเพื่อนรักกันมากเลยนะครับ เชิญแนะนำตัวเลยครับ”
“ผมเพชรแท้ ศ.อรชรครับ”
บุญหลงนั่งตัวเกร็ง มองไปที่คนดู ท่าทางประหม่าเต็มที่ ไม่ได้ฟังคำถาม เพชรสะกิดแรงๆ
บุญหลงงง “อะไร”
“เค้าถามว่าชื่ออะไร”
บุญหลงบอกทื่อๆ “ชื่อบุญหลงครับ”
“อ้อ ครับ ขอถามคุณเพชรแท้ก่อนนะครับ เมื่อกี้เสี่ยตุ๋ยเล่าให้ผมฟังว่าคุณมีหมัดพิเศษ เอาไว้จัดการคู่ต่อสู้ช่วยทำให้ดูหน่อยได้มั้ยครับว่ามันเป็นยังไง”
“ได้ครับ แต่ทำแบบสมมุติๆ นะครับ เพราะถ้าจะต่อยจริงต้องใช้พลังมาก”
เพชรลุกขึ้น ทำท่าต่อยรัวๆ แล้วเสย คนดูกรี๊ดกร๊าด
“โห เท่มากเลยครับอย่างกับในวิดีเกม ไม่ทราบว่าคุณเพชรแท้เอาท่าไม้ตายนี้มากจากไหนครับ”
“มันเป็นวิชาหมัดขั้นเทพที่ผมเรียนจากหลวงพ่อที่วัดทุ่งไก่หลงน่ะครับ”
พิธีกรขำ “คุณเพชรแท้ที่อารมณ์ขันนะครับ พูดอย่างกับหนังจีนกำลังภายในเลย”
“เค้าไม่ได้พูเล่นนะคุณ วิชานี้มีตำนานอยู่จริงแต่หายสาบสูญไปนานแล้ว มันเป็นหมัดพิฆาตใครโดนเข้าไปเปรี้ยงเดียวจอด อย่างที่เค้าเรียกว่าหมัดสั่งไงล่ะ” เสี่ยตุ๋ยเสริม
พิธีกรทึ่ง “จริงเหรอครับ แล้วผมยังได้ข่าวว่าก่อนที่จะมาเป็นนักมวย คุณเพชรแท้เป็นลิเกมาก่อนใช่มั้ยครับ”
“ตอนนี้ผมก็ยังเป็นลิเกอยู่ครับ ผมเกิดมาเป็นลิเก เป็นแล้วไม่หายหรอกครับ”
“งั้นช่วยสาธิตร้องลิเกให้เราฟังซักท่อนได้มั้ยครับ”
“หลายท่อนก็ได้ครับ”
เพชรลุกขึ้นรำด้วย
“สวัสดีจ๊ะแม่ พ่อ กระผมรูปหล่อหมัดหนัก ตั้งวงจีบรำก็น่ารัก แต่ใครถูกชกก็ชักตาตั้ง ต่อยก็ดีร้องก็ดัง เค้าเลยเรียกลิเกหมัดสั่ง...”
บรรดาคนดูในห้องส่งช่วยร้อง “เตร๊ง เตรง เตร่ง เตร๊ง เตรง เตร่ง เตร๊ง เตรง เตร่ง” อย่างสนุกสนาน
แก้วแหวนส่งตาหวานให้เพชรลึกล้ำ เพชรยิ้มหวานตอบไม่คิดอะไรเช่นเดิม และพริมแอบสังเกตเห็น
ไข่เค็มเห็นบรรยากาศสนุก วิ่งขึ้นไปบนเวที แล้วร้อง รำลิเกบ้าง ทุกคนตกใจ
“ลิเกหนูก็ร้องได้ จะมือไม้ก็รำอ่อน หัดเองไม่มีใครสอน ทำได้ตอนสี่ขวบ...”
พิธีกรงง “เอ่อ ไอ้นี่ใครเนี่ย”
เพชรยิ้มบอก “เด็กแถวบ้านผมเองครับ”
เสี่ยตุ๋ยฉุน “เฮ้ยๆๆ ใครจับมันออกไปทีซิ”
นกฟ้ารีบวิ่งไปจับไข่เค็มออกมา “ไอ้เด็กบ้า ใครใช้ให้แกขึ้นไปยะ”
“ก็หนูอยากโชว์ฝีมือมั่งนี่”
พริมไปรับไข่เค็มมา “ไข่เค็ม! มานี่ อย่าไปกวนเค้า”
ไข่เค็มจ๋อย
ในห้องซ้อมเต้นเรียนการแสดงใน ค่ายเอฟมิวสิค มีกระจกบานใหญ่ตั้งตรงหน้า ขนุนกำลังทำแก้มป่องแล้วเอานิ้วจิ้มแก้ม
“ดีมาก ป่องอีก ป่องกว่านี้อีก ดีมาก ป่องกว่านี้อีกได้มั้ย” เจ๊แหม่มบิวท์
“ไม่ได้แล้วค่ะ คางทูมจะขึ้นอยู่แล้ว” ขนุนว่า
เจ๊หันมาทางผู้ช่วย “เชอรี่ ถ้าเราจะเพิ่มความแบ๊วเข้าไปอีก เราต้องทำท่ายังไง”
“เอิ่มมม... ลองเอียงหัวดูซิคะ”
ขนุนทำแก้มป่อง เอานิ้วจิ้มแก้มแล้วเอียงหัว
“อย่างนี้แหละ เอียงอีกนิดซิ อีกนิดนึง เยอะไป เอาคืนมาหน่อย ดีมาก จำองศานี้ไว้นะ ค้างไว้ เชอรี่ ถ่ายรูป”
เชอรี่เอาโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปขนุนที่กำลังทำท่าแบ๊ว
เจ๊แหม่มเอารูปมาดู ยิ้มพอใจ แล้วหันรูปให้ขนุนดู
“นี่แหละ นักร้องคนใหม่ของเรา น้องคินนี่ ปุ๊บปี้แก้มป่อง” อีเจ๊ทำท่าจิ้มแก้มประกอบ
ขนุนอึ้ง ปนเหวอ กับชื่อในวงการของตัวเอง
“คินนี่ ปุ๊บปี้แก้มป่อง”
สตูดิโอกลับมาสู่ความสงบอีกครั้ง
“เราก็เห็นไปแล้วนะครับว่าคุณเพชรแท้นักชกหน้าหยกของเรามีความสามารถร้องรำลิเกก็ได้ แล้วคุณบุญหลงล่ะครับมีความสามารถอย่างอื่นนอกจากชกมวยอีกมั้ยครับ”
บุญหลงบอก “ไม่มี”
เพชรเสริมว่า “เพื่อนผมเป็นคนแน่วแน่น่ะครับ ชอบอะไรแล้วก็ชอบอย่างเดียวเลย แต่เค้ามีลูกเตะที่หนักมากเลยนะครับ ใครโดนไปเต็มๆ นี่ตัวขาดได้ง่ายๆ เลยครับ”
เสี่ยตุ๋ยอวย “จริงๆ ครับ ผมเห็นเค้าเตะคู่ชกตอนรอบคัดเลือก ผมนี่เสียวไส้แทน กลัวไส้แตก ไม่เชื่อลองให้เค้าเตะโชว์ให้ดูก็ได้ครับ...บุญหลง โชว์หน่อยซิ”
“ทีมงานครับ ขอเป้าล่อหน่อยครับ”
ทีมงานเอาเป้าส่งให้เพชร เพชรใส่เป้าล่อที่แขน เพชร กะ บุญหลงลุกขึ้น บุญหลงโชว์เตะเก้ๆ กังๆ เบาๆ
คนดูในห้องส่ง งงกับท่าของบุญหลง จนเพชรกระซิบบุญหลง
“คิดว่าเรากำลังซ้อมกันอยู่ที่ค่าย ไม่มีคนดู มีแค่เราสองคน! มองที่เป้าแล้วใส่เลย”
พอคนดูสาวๆ เห็นเพชรกระซิบข้างหูบุญหลงก็จิ้น ฟิน ร้องกรี๊ดกร๊าดลั่นสตู
บุญหลงหลับตา ทำสมาธิ ลืมตาขึ้นมาก็เตะเป้าป๊าบๆ อย่างรุนแรง แต่สวยงาม คนดูในห้องส่งร้องฮือฮา
บุญหลงเตะไปเรื่อยๆ ชักมัน ติดลม หยุดไม่ได้
“เฮ้ย พอแล้ว ไอ้หลงพอแล้ว”
พิธีกรกับเสี่ยตุ๋ยต้องไปรวบตัวบุญหลง บุญหลงตกใจหันไปจะเตะเสี่ยตุ๋ย เสี่ยร้องเสียงหลง บุญหลงยั้งขาไว้ทัน
“เฮ้ยๆๆๆ ชั้นเองๆ แหมไอ้นี่กินอะไรเข้าไปวะ”
บุญหลงได้สติรีบนั่งลง เพชรแก้สถานการณ์
“เป็นไงครับ ลูกเตะเพื่อนผม”
ทุกคนในห้องส่งปรบมือ ไข่เค็มอยากสนุกด้วยวิ่งไปบนเวที
“พี่เพชร ขอผมโชว์มั่ง”
“มาเลย”
ไข่เค็มโชว์เตะ ป้าบ ป้าบ เพชรล่อเป้าให้
เสี่ยตุ๋ยเซ็ง “เฮ้ย ไอ้กุมารมาอีกแล้ว มาจับออกไปซิ”
นกฟ้ารีบวิ่งเข้าไปลากไข่เค็มออกจากเซ็ต
ที่ห้องแต่งตัว ค่าย เอฟ มิวสิค มีชุดนักร้องแขวนอยู่หลายชุด ขนุนอยู่ในชุดนักร้องแบ๊วมาก สไตล์ญี่ปุ่นคิกขุ ผูกผมแกละ 2 ข้างติดโบว์
“เจ๊แหม่มคะ กระโปรงมันฟูไปมั้ยคะ ขนุนว่า...”
เจ๊แหม่มเอ็ด “คินนี่... พูดให้ติดปาก”
“ค่ะ คินนี่ว่ามันฟูไป ไม่ค่อยทะมัดทะแมงเลยอะค่ะ”
“ฟูไปเหรอ ไม่นะ ไหนลองหมุนตัวซิ”
ขนุนหมุนตัวกระโปรงบานออก
“เชอรี่ บอกช่างว่าเอาที่ตัดใหม่เอาให้ฟูกว่าตัวนี้นะ ชั้นอยากให้มันฟูฟ่องละอองซิ่วไปเลย”
“ค่ะๆ”
“แต่ขนุน เอ้ย คินนี่ จะเต้นไม่ถนัดนะคะ”
“เดี๋ยวคงมีการปรับท่าน่ะค่ะ ท่าไหนที่ยกแข้งยกขามากก็เปลี่ยนมาเป็นหนีบๆ”
เชอรี่ลองทำให้ดู เป็นท่าหนีบๆ น่ารัก “เงี้ยๆ”
แหม่มชอบ “ดี เริด ไหนน้องคินนี่ทำให้เจ๊ดูซิ”
ขนุนรู้สึกประดักประเดิดพิกล แต่ก็จำต้องทำท่าเต้นหนีบๆ ให้ดู
“น่ารักมากค่ะ ตามนี้” แหม่มชอบใจ
ช่างกำลังซ่อม ซับ หน้า ทำผมเพชรกับบุญหลงอยู่ แก้วแหวนคอยมาบรีฟสองหนุ่มอยู่ข้างๆ เสี่ยตุ๋ย นกฟ้าฟังอยู่ด้วย
“เดี๋ยวต่อไปเค้าจะถามเรื่องประวัติชีวิตส่วนตัวนะ เล่าแบบเศร้าๆ เลยนะเพชร”
“เรื่องเล่นบทโศกผมสบายอยูแล้ว”
บุญหลงเครียดเลย “เอ่อ... แต่ผมเล่าไม่เก่งนะครับ”
“เล่าไปเถอะค่ะ เรื่องของคุณเศร้าอยู่แล้ว เล่ายังไงก็เศร้าค่ะ”
“แล้วก็อย่าลืมร้องไห้ด้วยนะคะ เวลาน้ำตาไหลให้หันหากล้องที่มีไฟแดงนะคะ
“ต้องร้องไห้ด้วยเหรอครับ มันจะไม่เสียภาพนักมวยเหรอครับ” เพชรท้วง
เสี่ยตุ๋ยแทรกว่า “ไม่เสียหรอก น้ำตาลูกผู้ชายเรียกคะแนนสงสารจากพวกแม่ยกได้ดีนักแล”
“แต่ผมร้องไม่ได้นะครับ ผมแสดงไม่เก่ง”
นกฟ้าหยิบน้ำตาเทียมขึ้นมา “ไม่เป็นไรค่ะ นกฟ้ามีน้ำตาเทียมเตรียมไว้ให้แล้ว”
ในสตูดิโอ พิธีกรดำเนินรายการตามหน้าที่ต่อ
“กลับสู่ช่วงที่ 2 ของรายการนะครับ ผมขอเริ่มที่คุณบุญหลงก่อนเลยนะครับ ช่วยเล่าประวัติความเป็นมาให้ฟังหน่อยสิครับว่ามาเป็นนักมวยได้ยังไง”
บุญหลงเล่าทื่อๆ “มีคนเอาผมมาทิ้งที่วัด หลวงพ่อเลยเก็บมาเลี้ยง พอผม 5 ขวบก็เริ่มไปฝึกมวยที่ค่าย ศ.อรชร”
ทุกคนนิ่ง ไม่เกิดอารมณ์ใดๆ
เสี่ยตุ๋ยสั่ง “คัต! คุณพิธีกรผมขอใหม่อีกเทคะนึงนะครับ” แล้วบอกกับบุญหลง “เฮ้ย เอาให้มันมีอารมณ์หน่อยสิวะไอ้ทิด เล่นเล่าซะตายด้านเลย”
“โอเคนะครับ นับ 5 4 3 2...คุณบุญหลงช่วยเล่าประวัติชีวิตให้เราฟังหน่อยครับ” พิธีกรถาม
บุญหลงยังทื่อเหมือนเดิม “มีคนเอาผมมาทิ้งที่วัด หลวงพ่อเลยเก็บมาเลี้ยง พอผม 5 ขวบก็เริ่มไปฝึกมวยที่ค่าย ศ.อรชร”
อีกคัตบุญหลงก็เล่าทื่ออย่างเก่า “มีคนเอาผมมาทิ้งที่วัด หลวงพ่อเลยเก็บมาเลี้ยง พอผม 5 ขวบก็เริ่มไปฝึกมวยที่ค่าย ศ.อรชร”
นกฟ้าเอาน้ำตาเทียมมาหยอด
พิธีกร เสี่ยตุ๋ย เพชร ลุ้นให้บุญหลงหน้าเศร้า แต่ละคนพลอยทำหน้าเศร้ารอลุ้นกันสุดชีวิต
บุญหลงยังทื่อคงเส้นคงวา หน้านิ่งแต่มีน้ำตาไหล “มีคนเอาผมมาทิ้งที่วัด หลวงพ่อเลยเก็บมาเลี้ยง พอผม 5 ขวบก็เริ่มไปฝึกมวยที่ค่าย ศ.อรชร”
เสี่ยตุ๋ยเซ็ง “แค่นี้ก็ได้วะ”
ระหว่างนี้ไข่เค็มวิ่งขึ้นไปบนเวที พริมจะตะครุบไว้ก็ไม่ทัน ไข่เค็มสะอึกสะอื้น
“ชีวิตหนูก็เศร้านะ พ่อหนูเป็นนักมวย แต่ก็ต้องมาตายคาเวที เจ้าของค่ายที่ชกพ่อตายก็เลยรับหนูไปเลี้ยง”
เสี่ยตุ๋ย กับ นกฟ้า และพิธีกรไล่จับไข่เค็มจ้าละหวั่น ไข่เค็มวิ่งหนี แต่ปากก็เล่าชีวิตแสนรันทดไปเรื่อยๆ
“แต่เค้าก็ไม่ได้เลี้ยงหนูดีๆ เค้าโขกสับ ใช้งาน” เด็กผมม้าเริ่มร้องไห้ “ทำไม่ดีเค้าก็ซ้อมเอา ฟันน้ำนมหนูไม่ได้ร่วงเองนะ แต่ร่วงเพราะโดนตบ ฮือๆ หนูยังถูกใช้ให้โกงมวยบ่อยๆ ด้วย ฮือๆๆ”
ไข่เค็มวิ่งไป เล่าไปเรื่อยๆ ผู้คนต่างช่วยกันไล่จับเป็นที่โกลาหล
เสี่ยตุ๋ยนั่งลงบนเก้าอี้ในห้องทำงาน แก้วแหวน กะนกฟ้าอยู่ข้างๆ
“ชั้นว่าชั้นพอเห็นแววแล้วว่าใครควรจะชนะ”
แก้วแหวนยิ้มรับ “หนูก็เหมือนกันค่ะพ่อ”
“บุญหลงใช่มั้ยคะ เห็นลูกเตะแล้วน่ากลั๊วน่ากลัว”
เสี่ยเซ็ง “นกฟ้า อย่าลืมนะว่าคนที่ชนะ จะต้องไปออกสื่ออีกตั้งเยอะแยะ ไหนจะมีงานบันเทิงติดต่อเข้ามาอีก ไอ้บัวเขียวแชมป์ปีที่แล้ว ก็เล่นโฆษณาไปตั้งหลายสิบตัว ขืนให้ไอ้บุญหลงชนะ ใครจะเอามันไปออกงานวะ”
“อ๋อ ทราบละค่ะ ถ้าเพชรชนะ เราก็จะหากินกับเพชรได้อีกหลายงานใช่มั้ยคะ”
“อย่าพูดอย่างนั้นสินกฟ้า เค้าเรียกว่าช่วยกันทำมาหากินต่างหาก น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าเคยได้ยินมั้ย”
“แล้วเราจะทำยังไงเพชรถึงจะชนะชัวร์ๆ ล่ะคะ” นกฟ้าถาม
เสี่ยตุ๋ยยิ้มร้ายคล้ายมีแผนชั่ว
อ่านต่อตอนที่ 19