ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ตอนที่ 14
เพดานห้องคอนโดฯของชัยยงค์ถูกรื้อ กล้องที่ธวัชพงษ์ติดไว้ห้อยอยู่ ชัยยงค์โกรธจัดเมื่อรู้ว่าธวัชพงษ์หนีไปได้
“มันหนีไปได้อย่างนั้นหรือ”
“ครับ”
ชัยยงค์ตบหน้าถกลด้วยความโกรธ ชัยญาถลันเข้าห้าม ชัยยงค์ตบหน้าชัยญาอีกคน
“พ่อ”
“เพราะแกมันไม่ได้เรื่อง ใช้ทำอะไรก็ไม่สำเร็จสักอย่าง ฉันมีโอกาสเอาไว้ให้แกแก้ตัวอีกไม่เท่าไหร่ รีบไปล่าตัวไอ้นักข่าวนั่นแล้วบีบเอาหลักฐานทั้งหมดมา จากนั้น แกรู้ใช่มั้ยว่าต้องทำอะไร”
ถกลมองชัยญา ชัยญาเริ่มเงียบ แค้นชัยยงค์
“เอ่อ ครับ”
“อย่าให้พลาดอีก เพราะหลักฐานจากกล้องนั่น มันโยงเราเข้าคุกได้ทุกนาที”
เสียงกริ่งที่ประตูดังขึ้น ชัยญาเดินไปเปิด เห็นเถาว์เครือยืนอยู่ ชัยญาผลุนผลันออกไป ถกลรีบตามออกไป เถาว์เครืองงๆ
“เกิดอะไรขึ้น”
ชัยยงค์ปราดเข้ามากระแทกประตูปิดใส่หน้าเถาว์เครือด้วยความโกรธ เถาว์เครืออ้าปากค้าง
“คุณชัยยงค์”
ชิดชบาวางช้อนลงอย่างอ่อนล้า ตลับนาคและจำเรียงต่างห่วงใย
“ทานได้แค่สามช้อนเองหรือคะ หนูไปซื้อมะดันดองให้คุณชิดชบานะคะ”
จำเรียงรีบออกไป ตลับนาคเข้าประคองชิดชบา
“ไปหาหมอเถอะ ไปให้เขาตรวจ หมอเขาจะได้ให้คำแนะนำ แล้วก็ดูแลหนู คนท้องน่ะ มีข้อปฏิบัติที่ต้องใส่ใจตัวเองนะ อย่าปล่อยไว้แบบนี้เลย ป้าดูหนูไม่ดีขึ้น”
“หนูไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ”
“ชิดชบา บอกว่าไม่เป็นไรๆ มากี่ครั้งแล้ว แล้วดูซีอีบัดอีโรยเหลือทน ไปหาหมอเถอะ เรื่องของหนูกับปฐวีเก็บเอาไว้ก่อน เรื่องลูกสำคัญกว่า นี่ถ้าปฐวีเขาติดคุก หนู”
“หนูก็คงจะรอด เพราะเป็นพยานสำคัญชี้ความผิดเขา แต่คุณป้าอย่ากลัวไปเลยค่ะ การเอาคนเข้าคุกไม่ใช่เรื่องง่าย แค่คำกล่าวหาของคุณนายเถาว์เครือคงไม่มีน้ำหนัก เพราะว่า”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ชิดชบารับสาย ตื่นเต้น ดีใจ
“ธวัชพงษ์”
ธวัชพงษ์เดินข้ามสะพานลอยมุ่งตรงไปยังศูนย์การค้าพลางพูดโทรศัพท์ รถของถกลและชัยญาวิ่งผ่านศูนย์การค้าอย่างช้าๆ
“ผมได้หลักฐานคดีฆ่าบุญถิ่นมาแล้ว ผมจะส่งให้ทนายเฉวียงชุดหนึ่ง แล้วเอาไปเก็บไว้ในเชฟธนาคารอีกชุด นี่ผมกำลังจะไปธนาคาร ผมทิ้งรถไว้ที่อู่”
ถกลเห็นธวัชพงษ์เดินลงมาจากสะพานลอย รีบสะกิดชัยญา และจอดรถ ดึงปืนออกมา ธวัชพงษ์เห็นชัยญาและถกล ชะงัก ตื่นกลัว
“แค่นี้ก่อนนะคุณ”
ธวัชพงษ์รีบปิดโทรศัพท์ วิ่งหนี หลบไปหน้าศูนย์การค้า ถกลและชัยญาส่ายปืนตามแต่ยิงไม่ได้ รีบเก็บปืนก่อนวิ่งตามธวัชพงษ์ไป
ชิดชบาพูดโทรศัพท์กับธวัชพงษ์ ตลับนาคขยับเข้ามาฟังด้วยความสนใจ
“ธวัชพงษ์ ธวัชพงษ์ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
“มีอะไร”
“เขาโทร.มาบอกว่าเขาได้หลักฐานทั้งหมด เกี่ยวกับคดีฆ่าบุญถิ่น แล้วเขาก็รีบตัดสายไปค่ะ”
“แบตหมดหรือเปล่า”
“คงไม่ใช่หรอกค่ะ เพราะน้ำเสียงของเขาดูตื่นๆ”
“หรือว่า”
ตลับนาคตื่นตระหนก
ธวัชพงษ์หลบหลีกสายตาของชัยญาและถกลที่เดินเข้ามาตามไล่ล่าตัวเขาในศูนย์การค้าที่เต็มไปด้วยผู้คน
เจ้าหน้าที่เรือนจำ นำปฐวีเข้ามาในห้องเพื่อพบทนาย
“คุณปฐวีสบายดีหรือครับ”
“ไม่น่าถาม”
ปฐวีหงุดหงิดอย่างเงียบๆ พยายามเก็บความรำคาญ
“คุณลองเข้ามาอยู่ในนี้มั้ย มีอะไรก็ว่ามา”
“เรื่องของคุณส่งถึงอัยการแล้ว เขากำลังชงเรื่องส่งฟ้องศาล เรายังไม่มีเวลาทำข้อตกลงกับคุณชิดชบา”
“ชิดชบาหรือ”
“ครับ ผ่านทนายเฉวียง เขาดูห่วงใยคุณนะ เขายังเป็นธุระเรื่องประกันตัวของคุณ”
ปฐวีส่ายหน้าหนักใจ
“ผม ไม่มีอะไรจะพูด”
“คุณกับคุณชิดชบากำลังจะมีลูกด้วยกัน แล้วคุณชิดชบาก็เป็นพยานปากสำคัญที่ยืนยันความบริสุทธิ์ของคุณได้ สังคมจะคิดยังไงก็ช่างเถอะ แต่ผมขอแนะนำให้คุณใช้วิธีนี้”
“ผมหรือ”
“ครับ ผมอยากให้คุณคิดดู”
ปฐวีเอนหลังพิงเก้าอี้ ครุ่นคิด
“อาจเป็นวิธีเดียวที่ทำให้ศาลยกฟ้องคุณ”
ปฐวีเหลือบตามองทนายอย่างลังเล
ชิดชบาเดินไปมา ตลับนาคและจำเรียงยืนรออยู่ที่โต๊ะอาหาร ชิดชบาร้อนใจ
“เก็บไปก่อนเถอะจำเรียง เดี๋ยวถ้าคุณชิดชบาหิว ฉันจะเอาเข้าเวฟอุ่นให้เอง”
“ค่ะ”
จำเรียงเก็บอาหารออกไป ตลับนาคเดินเข้ามาหาชิดชบาอย่างห่วงใย
“รอโทรศัพท์ของธวัชพงษ์หรือ”
“ค่ะ เขาหายเงียบไปตั้งแต่บ่าย ไม่ได้ห่วงหลักฐานที่เขาถือไว้หรอกค่ะ แต่ห่วงชีวิตของเขา”
“อย่าให้มีคนตายเพราะเรื่องนี้อีกเลย มันชักจะมากไปแล้ว”
“ก็นี่แหละค่ะ ที่ทำให้หนูห่วงธวัชพงษ์ เขาเอาตัวเข้าเสี่ยงกับอันตรายมากขึ้นทุกวัน ตอนนี้นายชัยยงค์เหมือนหมาบ้า เขาทำได้ทุกอย่างเพื่อปกป้องตัวเอง”
“เขาคงจะไม่ยอมตายง่ายๆ หรอก อาจจะหนีไปแล้ว นึกออกมั้ยว่าเขาจะหนีไปไหน”
“ไม่ค่ะ หนูนึกไม่ออก ว่าเขาจะหนีไปไหน”
ชิดชบายิ่งว้าวุ่น
พระภิกษุเจ้าอาวาสฉายไฟฉายไปตามหมู่เจดีย์บรรจุกระดูก เห็นเงาของธวัชพงษ์ก้มๆ เงยๆ อยู่ที่เจดีย์ของพ่อแม่ปฐวี
“นั่นใครน่ะ”
“ผมเองครับหลวงตา”
“คุณนี่เอง”
“ผมธวัชพงษ์ครับ”
“คุณมาทำอะไรที่นี่ นี่เจดีย์บรรจุกระดูกของคนตายนะ กลางคืนมันทั้งเปลี่ยวทั้งเงียบ”
“เอ่อ ผมกำลังจะไปหาหลวงพ่อครับ เดินสะเปะสะปะหลงทิศ ก็เลย”
“โน่น กุฏิอาตมาอยู่ทางโน้น คุณก็เคยมาแล้วไม่ใช่หรือ นี่เป็นเจดีย์บรรจุกระดูกของพ่อแม่ปฐวีเขานี่”
“เอ่อ ครับ”
ธวัชพงษ์ยิ้มเจื่อนๆ อาการออกพิรุธ
“พอดีผมผ่านมาก็เลขเข้ามาไหว้กระดูกท่านน่ะครับ”
“เที่ยงคืนอย่างนี้น่ะหรือ คุณ”
พระภิกษุอุทานด้วยความแปลกใจ
อุราศรีเดินลงมาจากตึกเพื่อไปทำงาน อรุณณรงค์ยืนรออยู่ที่รถ อุราศรีถอนหายใจเบื่อๆ
“ผมทำให้คุณทิ้งรถไว้ที่กระทรวงเมื่อวาน ผมเลยมารับคุณ เชิญครับคุณหญิงอุราศรี ผมน่ะ ถึงจะไม่ใช่นักตีกอล์ฟหรือนักแข่งรถ ไม่ดูเท่ห์เหมือนคนที่ทำตัวเป็นลูกเศรษฐี มีทัศนคติดีต่อโลก แต่ผมก็ไม่ทำร้ายผู้หญิง”
“คุณรู้ได้ยังไง ว่าคนที่คุณกำลังกล่าวหาเขาเป็นคนชนิดนั้น”
“ผมสืบประวัตินายชัยญา ถามคนนั้นคนนี้ว่าเขาเป็นใคร ไปมายังไง ผมก็เลยไม่เสี่ยงให้เขาเข้าใกล้คู่หมั้น”
“คุณชายเอี่ยว”
“ผมไม่ใช่นักพนัน ผมไม่เอาชีวิตผมแลกกับคนชั่ว อยู่ห่างๆ คนพวกนี้ไว้ เราจะไม่เดือดร้อน เชิญ”
อุราศรีมองหน้าอรุณณรงค์ก่อนสะบัดหน้าขึ้นรถด้วยท่าทีปั้นปึ่ง อรุณณรงค์ขับรถออกไป สวนทางกับรถของชัยญา ชัยญามองตามไปด้วยความโกรธ
“โธ่โว้ย ไม่ทัน”
ชัยญาโทรศัพท์ถึงถกล
“ถกล ไปเจอฉันที่ลานจอดรถหน้าซุปเปอร์ ฉันมีเรื่องใช้แก”
ปฐวีนั่งอยู่ตรงหน้าทนาย โดยมีเจ้าหน้าที่ยืนเฝ้าอยู่ที่ประตู ทนายเคร่งเครียด แต่ปฐวีดูอ่อนล้า เหงา
“คุณพบกับคุณชิดชบาหรือยัง”
“ยัง”
“คุณรอไม่ได้นะ คุณต้องพิสูจน์ตัวเองในศาล ถ้าอัยการมีคำสั่งฟ้อง”
“ผมพูดความจริงไปหมดแล้ว อย่างที่ผมเล่าให้ทนายฟัง คุณเถาว์เครือเป็นคนผลักโสมสุภางค์ตกบันได แล้วกล่าวหาผมว่าผมฆ่าโสมสุภางค์”
“เราต้องหาหลักฐานลบล้างคำกล่าวหา ผมพยายามอยู่ คุณต้องร่วมมือด้วย คุณชิดชบาเห็นเหตุการณ์วันนั้น”
“ใช่”
“แล้วทำไมคุณถึงไม่ขอร้องให้คุณชิดชบาให้การเป็นประโยชน์ต่อคุณ คุณสองคนกำลังจะมีลูกด้วยกันนะ”
ปฐวีโกรธ ผลุดลุกขึ้นยืน
“อย่าดึงลูกเข้ามาร่วมเกม มันเป็นเรื่องของผมกับชิดชบา แล้วผมจะพูดกับชิดชบา"
ปฐวีเดินกลับออกไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่ ทนายมองด้วยความกังวล
ชัยญาเดินไปมาหน้ารถที่จอดแถวซุปเปอร์มาร์เก็ตด้วยความหงุดหงิด เริ่มโกรธ
“เฮ้ย ป่านนี้ทำไมมันยังไม่มาวะ ไปตกนรกที่ไหน ไอ้”
ชัยญาชะงัก มองไปที่ซุปเปอร์มาเก็ต เห็นระรินและนักธุรกิจจีน สามีใหม่ เข็นรถเข็นที่เต็มไปด้วย
ข้าวของใช้ในบ้านออกมาด้วยท่าทีรักใคร่และมีความสุขกัน
“ระริน”
ชัยญาปราดเข้าตบระรินล้มคว่ำ นักธุรกิจจีนรีบเข้ามาช่วยระริน
“อยากเจ็บหรือวะ ไอ้หมูตอน”
นักธุรกิจจีนพยายามต่อสู้เพื่อปกป้องระริน ยิ่งทำให้ชัยญาโกรธ ซ้อมนักธุรกิจจีน ระรินกรีดร้อง
“อย่า อย่าทำอะไรปีเตอร์นะ หยุดนะ ตำรวจ ช่วยด้วย ช่วยด้วย จับไอบ้านี่ที”
ถกลวิ่งเข้ามา ตื่นตระหนก
“คุณชัยญา อย่าครับ”
ชัยญาซ้อมนักธุรกิจจีน ศีรษะฟาดเข้ากับเสาไฟฟ้าอย่างแรงก่อนทรุดลง
“ปีเตอร์”
“คุณชัยญา หนีเร็ว”
ถกลดึงชัยญาออกไป ระรินผวาเข้ากอดนักธุรกิจจีน ร่ำไห้อย่างตื่นตระหนก
“ปีเตอร์ ปีเตอร์ มันฆ่าปีเตอร์”
ชิดชบามาที่ห้องเยี่ยมญาติของเรือนจำ นั่งหันข้างให้กระจก รอปฐวีด้วยท่าทีเย็นชา เจ้าหน้าที่นำปฐวีเข้ามา ปฐวีนั่งลงอย่างช้าๆ มองชิดชบานิ่ง ก่อนเมินไป ต่างเงียบกันไปครู่ใหญ่
“ฉันไม่มีเวลามากนะ คุณขอให้ฉันมาพบ มีอะไรก็พูดมา”
ปฐวีมองชิดชบา
“ไม่ต้องถามฉันเรื่องลูก เอาเรื่องของคุณให้รอดเสียก่อนเถอะว่ามา”
“เอ่อ ถ้าผมจะขอร้องคุณ”
“ในที่สุดคุณปฐวีคนที่เหยียบโลกไว้ทั้งใบ ก็ออกปาก ขอร้องลูกหนี้ ไหนล่ะ คุกเข่าหรือยัง”
“ผมไม่จำเป็นต้องคุกเข่าขอร้องคุณหรอก คุณมีหน้าที่ต้องพูดความจริง แค่คุณพูดความจริง”
“แค่นี้ใช่มั้ยธุระของคุณ”
“ถ้าคุณไม่พูดความจริง คุณนั่นแหละ คือคนโกหก”
“แล้วฉันจะกลับไปคิดดู ว่าการที่ฉัน พูดความจริง กับการที่ฉันพูดโกหก ฉันจะได้ประโยชน์จากอะไรมากกว่ากัน ดูคุณไม่ผอมเลยนี่ สง่าราศียังจับครบ นี่แสดงว่าโฉลกของคุณอาจจะถูกกับคุก ทำใจได้ก็ดีแล้ว เพราะฉันคิดว่าคุณคงจะอยู่ในคุกอีกยาว”
ชิดชบาเย้ยหยันก่อนเดินออกไปรับกระเป๋าและข้าวของที่เจ้าหน้าที่ยึดไว้ ก่อนเข้าห้องเยี่ยมญาติ รวมทั้งโทรศัพท์มือถือคืนจากเจ้าหน้าที่ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เธอรับสายด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“ธวัชพงษ์ คุณอยู่ไหน”
บุรุษพยาบาลเปิดผ้าคลุมใบหน้าที่เปรอะไปด้วยเลือดของนักธุรกิจจีน ระรินโผเข้ากอด ร่ำไห้
“ปีเตอร์ ปีเตอร์ ไม่จริง คุณยังไม่ตาย เราเพิ่งจะซื้อบ้าน มีแผนจะแต่งงาน เรากำลังจะเป็นครอบครัว ปีเตอร์ คุณตายเพราะฉัน มันฆ่าคุณ อย่าให้มันได้ผุดได้เกิดเลยไอ้สารเลว ฉันจะแจ้งตำรวจ แล้วกระชากหน้ากากของมัน ไอ้ชัยญา”
ระรินคำรามด้วยความแค้น
อุราศรีอ่านข่าวหนังสือพิมพ์อย่างตื่นตระหนก พาดหัวข่าว “ล่าลูกชายนักพนันชื่อดัง ข้อหาฆ่าคนตาย” อรุณณรงค์เดินเข้ามา
“คุณเชื่อหรือยังว่าเขาเป็นลูกนักพนัน มีพฤติกรรมเป็นพวกสิบแปดมงกุฎ ระรินแจ้งความแล้วให้การว่าสองพ่อลูกเกี่ยวข้องกับคดีฆ่าบุญถิ่น นายชัยยงค์คงจะใช้หน้าตาดีของเขาประกันตัวลูกชายออกมาสู้คดี ส่วนจะหลุดหรือไม่น่ะ มันก็แล้วแต่เขาจะหาหลักฐานมาล้างความผิดของเขายังไง”
“ชัยญา”
“อยู่ห่างเขาไว้ เขาเป็นตัวอันตราย”
“ฉัน”
อุราศรีเงยหน้าขึ้นสบตาอรุณณรงค์ เริ่มมีความรู้สึกที่ดีต่อชายหนุ่ม
“ตอนนี้อะไรๆ มันเริ่มกลับไปพันสองพ่อลูกนี่แล้ว ระรินให้สัมภาษณ์ว่าเคยร่วมแก๊งกับพวกนี้ แต่ปลีกตัวเพราะต้องการเริ่มต้นชีวิตใหม่ ตอนนี้สามีถูกฆ่าตาย ชีวิตก็ไม่ปลอดภัย ระรินขอการคุ้มครองจากตำรวจ”
“ช่างน่ากลัว”
“แต่คุณไม่ต้องกลัว คนพวกนี้มีที่อยู่ที่เขาสมควรจะอยู่ คุกไงครับ”
อรุณณรงค์วางมือลงบนมือของอุราศรีอย่างปกป้อง
ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของวัด ธวัชพงษ์ทำหน้าที่ตักอาหารให้เด็กกำพร้า ชิดชบาถือถาดใส่อาหารเดินตาม ทั้งสองมีท่าทางเคร่งเครียด
“ผมหนีมาอยู่ที่นี่ จะไปซ่อนตัวที่อพาร์ทเมนท์ของคุณหมอแพรวา ก็กลัวเอาเรื่องเดือดร้อนไปให้คุณหมอร้อนด้วย จะหนีไปหาคุณ คุณกับคุณป้าตลับนาคก็ยังไม่ปลอดภัย ผมไม่มีทางเลือกจริงๆ”
“แล้วหลักฐานนั่นล่ะ”
“ผมส่งให้ทนายเฉวียงไปหนึ่งชุด อีกชุด ผมต้องเก็บไว้กันเหนียว”
“ที่ไหน”
“ในที่ที่ปลอดภัย คุณไม่ต้องรู้หรอก ว่าแต่คุณเถอะ คุณเป็นพยานปากสำคัญที่ยังไม่ได้ให้การกับตำรวจคดีคุณโสมสุภางค์ตาย”
“เอ่อ ฉัน”
“ผมไม่ห่วงคุณปฐวีในคุกหรอก เพราะผมเชื่อว่าเขาคงมีวิธีการจัดการกับปัญหาของเขาในนั้น คุณเองยังมีวิธีเอาตัวรอดของคุณ ที่นี่ เป็นวัด เป็นที่ที่คุณปฐวีเขาเลี้ยงเด็กกำพร้าไว้ พวกนายชัยยงค์ ชัยญามันไม่เข้าวัด พวกนี้มันเป็นซาตาน”
“เดี๋ยวก่อน อะไรนะ คุณว่าเด็กกำพร้าที่นี่ปฐวีเขาดูแลอยู่หรือ”
“ทีแรกผมก็ไม่อยากเชื่อ แต่หลวงพ่อท่านเล่าว่าคุณปฐวีดูแลเด็กกำพร้าพวกนี้มานานแล้ว เขาให้ทุนการศึกษา ออกค่าใช้จ่ายเรื่องอยู่เรื่องกิน ไม่ได้รับเงินบริจาคเพราะเขาอ้างว่าเขารับภาระได้”
ชิดชบามองเด็กๆ ด้วยความแปลกใจ
“เด็กกำพร้า ทั้งหมดนี่น่ะหรือ”
เวลาต่อมา เด็กๆ สวดมนต์กันเสียงเจื้อยแจ้ว โดยมีผู้ดูแลเด็ก และพระภิกษุเป็นผู้นำสวด เด็กๆ มีความสุข
ชิดชบาเดินเข้ามา กวาดตามองเด็กกำพร้าด้วยความรู้สึกแปลกใจ ธวัชพงษ์เดินตามเข้ามา
“นายปฐวีน่ะหรือ เลี้ยงเด็กกำพร้าทั้งหมดนี่ ฉันไม่อยากเชื่อ”
“ผมก็ไม่อยากเชื่อ แต่ยิ่งรู้จักคนๆ นี้ ผมยิ่งรู้สึกเหมือน ไม่เคยรู้จักเขาเลย”
ชิดชบาเงยหน้าขึ้นมองธวัชพงษ์อย่างงุนงง
ปฐวียืนกอดอกนิ่งๆ ครุ่นคิด นักโทษกล้ามใหญ่เดินเข้ามา อาทรห่วงใย
“มีอะไรให้ผมรับใช้มั้ยครับ นาย”
ปฐวีเบนสายตากลับมามองนักโทษกล้ามใหญ่ ตบไหล่เบาๆ
“ตอนนี้ยังไม่มี แต่ต่อไป ไม่แน่”
ปฐวีเดินออกไป นักโทษกล้ามใหญ่มองด้วยความแปลกใจ
ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ตอนที่ 14 (ต่อ)
ชัยยงค์เปิดประตูคอนโดฯเข้ามา ชัยญาและถกลเดินตามเข้ามา
ทั้งสองก้มหน้านิ่งๆ ชัยยงค์หันขวับไปแผดเสียงด่าชัยญาและถกลด้วยความโกรธ
“โง่ งั่ง ทำลงไปได้ยังไง ฉันสั่งแกแล้วใช่มั้ยว่าให้แกเก็บตัวนิ่งๆ อย่าทำเรื่องให้ตำรวจสนใจ แกก่อคดีจนเป็นข่าว ฉันต้องประกันตัวแกสองคนออกมา ใช้เงิน ใช้หน้าตาประกันตัวแกออกมา ตอนนี้เราชักจะ”
ชัยยงค์เห็นเถาว์เครือนั่งอยู่ เถาว์เครือค่อยๆ ลุกขึ้นยืน เศร้าหมอง
“คุณ เข้ามาได้ยังไง แกสองคนออกไปก่อน ฉันจะจัดการแกทีหลัง ไป”
ชัยญาและถกลมองหน้าเถาว์เครือก่อนเดินออกไป
“ฉันไม่มีที่ไป เห็นใจฉันบ้างเถอะ คนที่ฆ่าลูกตัวเองแล้วต้องปกปิดว่าเป็นแม่ที่ประเสริฐ คุณรู้มั้ยว่าหัวใจฉันเป็นยังไง”
“เอ่อ ผมขอโทษก็แล้วกัน ที่ตวาดใส่คุณวันนั้น ผมก็กำลังหัวปั่น มันเหมือนอะไรๆ เริ่มกลับมาสุมหัวผม”
เถาว์เครือเริ่มร้องไห้เงียบๆ
“ฉันต้องการที่พึ่ง ไม่มีโสมสุภางค์แล้วฉันเหลือตัวคนเดียว โปรดเป็นที่พึ่งให้ฉันเถอะค่ะ ฉันทำลงไปทั้งหมดก็เพราะคุณ”
“เพราะผม”
“ค่ะ”
เถาว์เครือโผเข้ากอดชัยยงค์ ร้องไห้ฟูมฟาย
“นี่ถ้าตำรวจรู้ว่าฉันผลักโสมสุภางค์ลงมาตาย ฉัน ฉัน”
“ก็อย่าให้รู้ซียอดรัก เพราะเมื่อไหร่ที่ตำรวจรู้ ผมจะเข้าปิ้งไปด้วย คุณรู้นะ ว่าผมยอมไม่ได้”
เถาว์เครือเริ่มตื่นตระหนกเพราะเข้าใจคำขู่ของชัยยงค์
ชิดชบาเดินลงบันไดมาอย่างช้าๆ เศร้าหมอง ครุ่นคิดถึงเรื่องเด็กกำพร้าในความดูแลของปฐวี ตลับนาคยืนชงเครื่องดื่มอยู่ พยักหน้าให้จำเรียงออกไป
“ชิดชบา”
ชิดชบาสะดุ้ง
“คุณป้า”
“ปฐวีเขารอให้หนูไปพบเขา เขาขอร้องให้หนูให้การเข้าข้างเขาใช่มั้ย”
“เปล่าค่ะ”
“ถ้าไม่ใช่เรื่องนี้ก็คงจะเป็นเรื่องลูก”
“ไม่ใช่ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นเขาขอพบหนูทำไม”
“เขาขอให้หนูพูดความจริงค่ะ คุณป้า”
ตลับนาคจ้องมองชิดชบา พยายามค้นหาพิรุธจากสีหน้าแววตาของชิดชบา ชิดชบาหลบสายตา
“แล้วความจริงมันคืออะไร หนูเห็นอะไร ใครฆ่าโสมสุภางค์”
ชิดชบาเปิดประตูห้องเข้ามา เพื่อหนีหน้าตลับนาค ตลันนาคเปิดประตูตามเข้ามาติดๆ ชิดชบาหลับตาลงด้วยความหวาดกลัว
“คนที่ผลักโสมสุภางค์ตกบันได ไม่ใช่คุณปฐวีใช่มั้ย”
เวลาเดียวกันนั้น สมควรยืนล้างปิ่นโตอาหารที่จัดไปส่งปฐวีทุกวันในเรือนจำ สมควรเงียบขรึม จำเรียงรีบเข้ามา
“ลุง กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เจ้านายเป็นยังไงบ้าง อยู่ในคุก คุณป้าตลับนาคให้จัดอาหารปิ่นโตไปให้บ่อยๆ มีอะไรที่คุณปฐวีเคยชอบ คุณป้าก็ แหม ฉันก็ไม่เข้าใจ ทำไมคุณป้าตลับนาคทำใจได้อย่างนี้นะ”
“ยังไง”
“ก็ไม่โกรธคุณปฐวี ทั้งที่คุณปฐวีเคยโทษว่าคุณชิดชบาผลักคุณโสมสุภางค์ตกบันได”
สมควรเริ่มหงุดหงิด แต่พยายามเก็บอาการ จะเดินออกไป
“เดี๋ยวก่อนลุง”
“มีอะไร”
“ลุงว่าครั้งนี้คุณปฐวีเป็นคนผลักคุณโสมสุภางค์ตกบันไดใช่มั้ย”
จำเรียงย้ำถาม
ชิดชบาหันกลับมาสบตาตลับนาค ตลับนาคย้ำถาม บีบคั้นชิดชบา
“ใช่มั้ย ป้าถามว่า คนที่ผลักโสมสุภางค์ตกบันได ไม่ใช่ปฐวีใช่มั้ย ทำไมหนูไม่ตอบ”
“เอ่อ”
“ชิดชบา ป้ารู้ว่านี่เป็นโอกาสทองที่หนูจะแก้แค้นเขา แต่การโยนคนบริสุทธิ์คนหนึ่งเข้าคุกน่ะ ทำไปแล้วจะเป็นสุขมั้ย บ้านหลังนี้อาจตกเป็นของหนูเมื่อไม่มีปฐวีแล้ว แต่ความสุข ความหลัง มันจะไม่กลับมาอีก ทุกครั้งที่นึกถึง ทุกครั้งที่เห็นบันไดนั่น บาปมันจะหลอนหนู”
“พอเถอะค่ะคุณป้า หนูไม่อยากฟัง”
“บาปมันจะคอยหลอกจนอยู่ไม่เป็นสุข ทุกครั้งที่หนูมองลูกของตัวเอง”
“ไม่ค่ะ มันจะไม่เกิดมา”
“ชิดชบา”
ตลับนาคกระชากชิดชบาให้หันกลับมาอย่างตื่นตระหนก
“นี่คิดจะทำอะไร”
“ปล่อยหนูเถอะค่ะคุณป้า หนูอยากอยู่คนเดียว”
“คิดจะทำอะไร”
“ให้หนูอยู่คนเดียวเถอะค่ะคุณป้า ได้โปรด”
“ก็ได้”
ตลับนาคปล่อยมือจากชิดชบา ตัดใจเปิดประตูออกไปด้วยความรู้สึกยังค้างคาอยู่ ชิดชบาถอนหายใจยาว พยายามสงบลงด้วยการผ่อนลมหายใจ ก่อนก้มลงมองท้องของตัวเอง
เถาว์เครือขับรถเข้ามาในบ้าน ลงรถมาด้วยท่าทีเหงาๆ แปลกใจเมื่อเห็นแพรวารออยู่ แพรวาพยายามยิ้ม
“หนูเห็นว่าคุณแม่อยู่คนเดียวเลยซื้อเป็ดอบน้ำผึ้งมาให้ค่ะ”
เถาว์เครือเย็นชา เศร้าหมอง
“ฉันกินมาแล้ว เอากลับไปเถอะ”
“คุณแม่ไม่มีคนอยู่ด้วย แม้แต่เด็กรับใช้หรือคะ หนูจะหาคนมาให้ จะได้ทำอะไรๆ ให้คุณแม่”
“ไม่ต้อง แล้วนี่เข้ามาได้ยังไง”
“หนูจอดรถทิ้งไว้ข้างนอก แล้วเข้าทางประตูบานเล็กค่ะ”
“ทีหลังไม่ต้องมาอีก อย่ายุ่งกับฉัน ฉันไม่อยากยุ่งกับใครจนกว่าคดีจะจบ”
“หนูไม่ได้มาที่นี่ เพื่อขอร้องให้คุณแม่เห็นแก่คุณปฐวี คดีเป็นเรื่องของหลักฐานที่จะกล่าวหาว่าใครผิด แต่หนูมาเพราะเป็นห่วงคุณแม่”
“ฉัน”
“นายชัยญาเพิ่งจะได้ประกันตัวคดีฆ่าคนตาย ตำรวจคงจะรวบรวมหลักฐานแล้วรวบจับทั้งแก๊ง”
เถาว์เครือส่อพิรุธ
“ถ้าคุณแม่ไม่เกี่ยวข้องด้วย ก็อย่าไปพบเขาอีก”
“นี่ ฉันรู้ว่าฉันควรจะทำยังไง ไม่มีโสมสุภางค์แล้วฉันก็หวังว่าเรื่องยุ่งๆ ที่มากับคนอื่นจะน้อยลง ให้ความร่วมมือกับฉันหน่อยได้มั้ยหมอแพรวา”
เถาว์เครือจ้องหน้าแพรวาอย่างชิงชัง
“อย่ายุ่งกับชีวิตของฉัน”
เถาว์เครือเดินขึ้นตึกไป
ชิดชบานั่งรออยู่ที่ห้องเยี่ยมญาติของเรือนจำ เจ้าหน้าที่นำปฐวีเข้ามา ปฐวีนั่งมองหน้าชิดชบาด้วยความแปลกใจ
“คุณคงตัดสินใจแล้วว่าจะทำยังไงกับชีวิตของผม นายปฐวี กลายเป็นลูกไก่อยู่ในกำมือของผู้หญิงตัวนิดเดียว จะบีบก็ตาย จะคลายก็ตายอีก เพราะบีบไปแล้ว”
“เก็บตลกของคุณไว้ช่วยตัวเอง ตอนที่คุณอยู่คนเดียวเถอะ ฉันยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะทำยังไงกับคุณ”
“แล้วคุณมาขอพบผมทำไม เยี่ยม”
“ฉันรู้เรื่องเด็กกำพร้าที่คุณเลี้ยง ไม่อยากเชื่อว่าซาตานอย่างคุณจะมีเมตตา เห็นชีวิตของเด็กไร้บ้านเป็นของมีค่า”
“เด็กไม่ใช่ของ พวกเขาคือชีวิต มีเลือดเนื้อ มีความรู้สึก พวกเขาไม่สมควรจะถูกทอดทิ้ง ผมเป็นเด็กกำพร้าเมื่อตอนที่พ่อตาย แล้วแม่ก็ตายตาม ผมโตมาได้เพราะข้าววัด เพราะได้ห่มสบงเก่าๆ ของพระกันหนาว เพราะคำสอนที่ท่านสอนให้ผมรู้จักการให้ คุณล่ะ พ่อคุณสอนอะไร”
ชิดชบาหลบตา
“เอ่อ”
“ถ้าเขาไม่ได้สอนอะไรคุณเลย นอกจากประเคนเงินกับความสุขให้ คุณกลับไปดูเด็กพวกนั้น ว่ามีอะไรที่คุณขาดแต่เด็กมี”
ชิดชบาค่อยๆ หันกลับมามองหน้าปฐวีด้วยความแปลกใจ
ธวัชพงษ์นั่งเล่นกีตาร์ ท่ามกลางเด็กกำพร้าในวัดที่นั่งล้อมวงฟังกันอย่างมีความสุข
น้องไหมนั่งชิดธวัชพงษ์ เงยหน้าขึ้นมองธวัชพงษ์ด้วยแววตาน่ารัก ธวัชพงษ์โยกตัวไปมา เด็กๆ ต่างโยกตัวตาม ชิดชบาเดินเข้ามา มองธวัชพงษ์และเด็กๆ ก่อนวางมือลงบนท้องของตัวเอง
“เอาล่ะ เด็กๆ บอกอารูปหล่อนิสัยดีมีเวลาให้คนนี้ ว่าเด็กๆ อยากได้อะไรมากที่สุด”
เด็กๆ ต่างคิด น้องไหม เด็กหญิงวัย 6 ขวบ รีบยกมือขึ้นด้วยท่าทีน่ารัก
“หนูอยากมีแม่”
ชิดชบาสะเทือนใจ
เวลาต่อมา ธวัชพงษ์ถือถ้วยไอศกรีมมาส่งให้ชิดชบา ชิดชบานั่งกอดน้องไหมอยู่
“มาแล้ว ไอสกรีมกะทิ คุณปฐวีเขาสั่งให้มีอาทิตย์ละครั้ง น้องไหม ชอบมั้ยคะ แหม พอได้คุณแม่เท่านั้นแหละ ลืมพี่ธวัชพงษ์คนนี้เลยน้า”
“มาค่ะ น้องไหม พี่เปิดให้”
“ยังไงคะ” ธวัชพงษ์เตือนน้องไหม
“ขอบคุณค่ะ”
“เด็กที่นี่น่ารักทุกคนเลยนะ ฉันไม่แปลกใจหรอกที่เห็นคุณอยู่เป็นที่เป็นทาง หวังว่าคุณคงไม่พาเด็กกับพระเดือดร้อนนะ”
“ผมคงต้องหลบอยู่ที่นี่สักพัก จนกว่านายชัยยงค์ นายชัยญากับไอ้ถกลมันจะถูกจับคดีฆ่าบุญถิ่น”
“นายชัยญาเพิ่งจะได้ประกันตัวคดีฆ่าคนตายไป ฉันได้ยินมาว่าระรินจะให้การซัดทอดนายชัยยงค์ว่าเป็นคนวางแผนเรื่องทั้งหมด”
“เรื่องนี้จะโยงไปถึงคุณนายเถาว์เครือ หลักฐานที่ผมได้มามัดตัวจนแทบจะดิ้นไม่ได้ อยู่ที่คุณจะให้การยังไงเรื่องคุณปฐวี”
“เอ่อ”
ชิดชบามองไหมแพรที่กำลังกินไอศกรีมอยู่ เธอเริ่มลังเล
ชัยยงค์ขว้างหนังสือพิมพ์ลงกับพื้นด้วยความโกรธ
“นังระรินมันให้การกับตำรวจว่าเคยร่วมแก๊งกับเรา มันปลีกตัวเพราะมันอยากจะเป็นคนดี ฟังแล้วเป็นยังไง น่าตบใช่มั้ย”
“ถึงตอนนี้พ่อรู้แล้วใช่มั้ยว่าผมไม่น่าปล่อยให้มันรอดเลย มันน่าจะตายตามไอ้หมูอ้วนนั่น”
“นี่เราจะเหนื่อยเปล่า เสียบ้านหลังนั้นไปจริงๆ หรือ”
“ทุกคนก็เหนื่อยเปล่ากันทั้งนั้น แม้แต่คุณนายเถาว์เครือ พ่อ หาทางหนีอออกนอกประเทศเถอะ”
“ยัง ขืนทำอย่างนั้น ก็เข้าทางตำรวจน่ะซี ฉันยังมีผู้ใหญ่คนสำคัญไว้พึ่งบารมี แกไม่ต้องห่วง ถึงจะโดนจับก็ประกันตัวได้”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ถกลเดินไปเปิด เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยืนอยู่หน้าประตู ชัยญาหน้าซีดเผือด
“ตำรวจ”
“เรามีหมายจับคุณชัยยงค์กับลูกชาย รวมทั้งคนของคุณ นายถกลด้วย นี่ครับ หมายจับ”
ชัยยงค์ส่งสายตาปรามชัยญาและถกล ก่อนยืดอกขึ้นอย่างสง่างาม ไม่หวั่นไหว
“ยินดีครับสารวัตร ผมกับลูกพร้อมกับคนของผม ยินดีไปรับทราบข้อกล่าวหาที่สถานีตำรวจ บริสุทธิ์ซะอย่าง ใครจะทำอะไรได้ คุณรู้มั้ยว่าคนที่ถูกกลั่นแกล้งน่ะเขาต้องทำยังไง ร้องครับ ร้องดังๆ เสียงจะได้ไปถึงหูผู้ใหญ่”
ชัยยงค์ท้าทาย
หม่อมจรัสเรืองเดินลงมา อรุณณรงค์กำลังดูข่าวการจับกุมชัยยงค์ ชัยญาและถกลด้วยความสนใจ จากภาพข่าวทางโทรทัศน์
“ชายเอี่ยว มีข่าวอะไร”
“ตำรวจจับพวกนายชัยยงค์กับลูกชายแล้วล่ะครับ คดีฆ่าบุญถิ่น”
“คุณพระช่วย แม่รู้จักสองพ่อลูกนี่ พบในงานสังสรรค์บ่อยๆ หน้าตาเขาออกดี๊ดี”
“คนหน้าตาดี ไม่ได้บอกยี่ห้อว่าเขาจะไม่เลวนะครับ ขอบคุณตำรวจที่ถอดหน้ากากคนพวกนี้ พวกลวงโลก”
“เอ่อ แล้ว แล้วคุณเถาว์เครือล่ะ ก็มีข่าวว่าคุณเถาว์เครือกับนายชัยยงค์นี่ มีอะไรๆ กันนะ”
“หม่อมแม่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ถ้านายชัยยงค์ให้การซัดทอดเมื่อไหร่ คุณนายเถาว์เครือจะเป็นคนต่อไป” อรุณณรงค์ยิ้มๆ
ด้านเถาว์เครือนอนห่มผ้าอยู่ที่เก้าอี้ยาว เปิดโทรทัศน์ทิ้งไว้ ขยับตัวปรือตาขึ้น เห็นข่าวของชัยยงค์ ชัยญา และถกลถูกจับ เธอผวาลุกขึ้นนั่งอย่างตื่นตระหนก
“คุณชัยยงค์”
ธวัชพงษ์นั่งล้างจานอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขารีบรับสายจากแพรวา
“คุณอยู่ที่ไหน”
“แน้ๆๆ คิดถึงผมใช่มั้ยครับคุณหมอ พอผมอยู่ก็ขับไล่ไสส่ง แต่พอผมหายหน้าไปนานๆ คุณหมอก็”
“นี่ อย่ามาไร้สาระ รู้มั้ยว่าตำรวจจับนายชัยยงค์ นายชัยญา แล้วก็นายถกล”
“จริงหรือครับ”
“คุณมัวทำอะไรอยู่ เป็นนักข่าวได้ยังไง ตกข่าวสำคัญ”
“ตำรวจตั้งข้อกล่าวหาหรือยังครับ”
“ร่วมกันฆ่าบุญถิ่น”
“ผมจะกลับกรุงเทพวันนี้”
ธวัชพงษ์ร้อนรน แพรวาหงุดหงิด เมื่อธวัชพงษ์ตัดสายไป
“ธวัชพงษ์ ธวัชพงษ์ อีตาบ้า ยังพูดกันไม่รู้เรื่องเลย ฉันกำลังจะบอกว่านายชัยยงค์ขอยื่นประกันตัว”
ปฐวีนั่งอยู่ตรงหน้าทนายความ ตาวาวโรจน์ไปด้วยรอยยิ้ม
“นายชัยยงค์กับลูกชายถูกจับหรือ”
“ครับ คดีบุญถิ่น เขาต้องหาทางใช้อิทธิพลของผู้ใหญ่ขอประกันตัวแน่”
“หาทางค้านประกันตัวเขา อ้างเหตุเหมือนอย่างที่เคยอ้างตอนค้านประกันตัวชิดชบา”
“คุณปฐวี นี่คุณกำลังจะทำอะไร”
“ผมกับนายชัยยงค์ มีเรื่องต้องคิดบัญชีกัน ผู้ใหญ่ของเขาใหญ่แค่ไหน”
“ก็ระดับ”.
“ยิ่งใหญ่แค่ไหน ยิ่งมีเหตุผลพอจะทำให้สังคมเชื่อว่าขืนเอาเขาไว้นอกคุก คนเดือดร้อนต้องมี คุณรู้ใช่มั้ย ใคร”
ระรินและยุวดีเดินมาด้วยกันพร้อมทนายเฉวียง กำลังจะขึ้นสถานีตำรวจ ระรินมาเพื่อขอยื่นคัดค้านการประกันตัวชัยยงค์กับพวก
เถาว์เครือถลาเข้ามาขวางหน้าไว้
“แกต้องถอนคำขอคัดค้านการประกันตัวคุณชัยยงค์”
“เพื่ออะไร”
“อะไรก็ช่างเถอะ แต่แกต้องถอน”
“คุณนายนี่แปลก ออกตัวแรงไปมั้ย นี่น่ะ มันคดีฆ่าคนตายนะ แล้วบุญถิ่นก็เคยเป็นคนรับใช้ของคุณนาย”
“มันไม่ใช่คนรับใช้ของฉัน มันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉัน แล้วคุณชัยยงค์เขาจะฆ่ามันทำไม”
“คุณนายพูดเหมือน ไม่เสียใจสักนิดที่บุญถิ่นตาย”
“ฉันจะต้องเสียใจทำไม ในเมื่อฉันกับมันไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“เพราะอย่างนี้ใช่มั้ย คุณนายถึงไม่ต้องการให้ฉันยื่นค้านประกันตัว คุณนายไม่เคยเห็นค่าของชีวิตใครเลย”
“ใจเย็นๆ ครับ อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้เดี๋ยวจะเสียรูปคดีนะครับ” เฉวียงเตือน
“รูปคดีหรือ นี่พวกแกร่วมมือกันวางแผนกลั่นแกล้งคุณชัยยงค์ใช่มั้ย แก แก แล้วก็แกด้วยทนายเฉวียง รับคำสั่งของนายปฐวีมาจากในคุก ให้ทำลายชื่อเสียงของคุณชัยยงค์”
“ชื่อเสียงของนายชัยยงค์ กับนายชัยญาไม่เคยมีหรอก มีแต่ชื่อเสีย คุณนายไปมุดอยู่ไหนถึงไม่รู้”
“หรือแกล้งทำเป็นไม่รู้เพราะว่า”
“แก นังยุวดี แกร่วมมือกับพวกมัน”
“เพราะฉันทนเห็นคนพวกนี้ทำกับคุณชิดชบาไม่ไหว เรื่องทั้งหมดที่มันเกิดขึ้นนี่ มันเกิดจาก อยากจะได้สมบัติของคนอื่น คุณนายด้วย”
“ผมขอร้องล่ะครับ ไปครับ เชิญครับ”
“ถ้าอยากจะได้ตัวนายชัยยงค์ผัวรักของคุณนาย ก็กลับไปขุดเสาเรือนพร้อมโฉนด ถ้าได้ประกันงานนี้หนักแน่ ไป ระริน ไม่ต้องกลัว คนพวกนี้มันเก่งนักใช่มั้ย ใช่ คนเก่งมันต้องไปอยู่ในคุก”
ยุวดี ระรินและเฉวียงเดินขึ้นสถานีตำรวจไป เถาว์เครือหันรีหันขวางด้วยความร้อนใจ
“โธ่ แล้วนี่ฉันจะทำยังไง”
ชิดชบาเดินลงมาข้างล่างอย่างอิดโรย ตลับนาคและจำเรียงกำลังจัดโต๊ะอาหารอยู่
“ชิดชบา จะไปไหนลูก รู้มั้ย ตำรวจเขาจับนายชัยยงค์กับลูกชายแล้ว”
“หนูทราบแล้วค่ะ”
“ป้าค่อยรู้สึกปลอดภัยขึ้นหน่อย ถ้าคนพวกนี้ยังเดินลอยนวลอยู่ข้างนอก เราจะ”
“แต่นายชัยยงค์เขาจะขอยื่นประกันตัวนะ”
“ก็มีคนยื่นขอค้าน”
“แล้วจะสำเร็จมั้ยคะ” จำเรียงถาม
“ต้องสำเร็จซี เพราะใครๆ ก็รู้ว่าสองพ่อลูกนี่มีอิทธิพลแค่ไหน ไม่ต้องห่วงหนูหรอกค่ะคุณป้า หนูมีธุระสำคัญต้องทำ มีอะไรโทร.หาหนูนะคะ”
ชิดชบาเดินออกไป ตลับนาคยังคงเป็นห่วง
สมควรยืนรอชิดชบาอยู่ที่รถ ก้มหน้านิ่งสำรวมกิริยา ชิดชบาเดินลงมาจากตึก มองสมควรด้วยความแปลกใจ
“นายสมควร”
“วันนี้ผมไม่ต้องเอาปิ่นโตไปส่งคุณปฐวีที่เรือนจำ ให้ผมขับรถให้คุณชิดชบาเถอะครับ ผมเข้าใจคุณผิด ไม่รู้อะไรทำให้ผมคิดอย่างนั้น”
“ช่างมันเถอะนายสมควร ตำรวจเขาจับผู้ต้องสงสัย เขาคงจะมีหลักฐานทั้งจากคำให้การของระริน หรือลูกของบุญถิ่น บุญถิ่นจะไม่ตายเปล่า”
“ครับ ผมน่าจะรู้ว่าคุณไม่ใช่คนใจร้าย คุณฆ่าคนไม่ได้”
“ไม่แน่หรอก ฉันอาจจะ”
ชิดชบาเชิดหน้าขึ้น แววตาเต็มไปด้วยความแค้น ความชิงชังที่มีต่อปฐวี มือแตะที่ท้องตัวเอง
แพรวาเดินมาที่รถหลังเลิกงาน เห็นธวัชพงษ์ยืนรออยู่ เธอเผลอตัวดีใจ
“ธวัชพงษ์ เอ่อ นึกว่าไปที่ชอบๆ แล้ว”
“ผมก็ไปที่ชอบๆ แล้วไงครับ ที่ชอบของผมคือมาหาคุณหมอ”
“คุณหายไปไหนมา ก็ไหนว่า คุณมีหลักฐานมัดตัวนายชัยยงค์กับพวกคดีฆ่าบุญถิ่น”
“มีครับ”
“มี แล้วทำไมไม่รีบเอาออกมาแฉ นายชัยยงค์กับพวกกำลังจะได้ประกันตัว”
ธวัชพงษ์หัวเราะ
“ข้อกล่าวหาเหนียวแน่นออกอย่างนั้น เขาคงไม่หลุดออกมาเดินนอกห้องขังง่ายๆ หรอกครับ พนันกันมั้ย”
“ก็ไหนว่าคุณจะต่อต้านการพนัน”
“ผมล้อเล่นน่ะ ผมมั่นใจเลยว่า เขาจะไม่ได้ประกันตัวเพราะหลักฐานสำคัญที่ทนายจะค้าน”
“หลักฐานที่คุณเสี่ยงตายไปหามาน่ะหรือ”
“ครับ ข้อนี้คุณหมอต้องชมเชยผม ผมแบ่งออกเป็นสองชุด ชุดที่หนึ่งผมเก็บไว้ในที่ที่ไม่มีใครนึกถึง อีกชุด ผมส่งไปที่ทนายเฉวียง”
“ทนายเฉวียงหรือ”
แพรวามองหน้าธวัชพงษ์อย่างตกใจ
ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ตอนที่ 14 (ต่อ)
ชิดชบามานั่งดื่มที่บาร์ แต่เป็นการดื่มน้ำเปล่าอย่างเงียบๆ ผู้หญิงที่เต้นรูดเสาลงจากเวที อ่านกระดาษแผ่นเล็กๆ จากบริกร ก่อนมองมาที่ชิดชบา
“พี่อยากพบหนูหรือ”
“ใช่”
“มีอะไร”
ชิดชบาหยิบเงินออกมาจากกระเป๋า วางลงตรงหน้าหญิงคนนั้น
“รู้จักที่ทำแท้งมั้ย”
คืนนั้น ชิดชบาออกมาจากบาร์ ด้วยท่าทีลังเล หวาดกลัว คั่งแค้น ต่อสู้กันอย่างรุนแรงในจิตใจ
ปฐวีจ้องหน้าทนายความด้วยความแปลกใจ
“ค้านการประกันตัวไม่ได้ผลอย่างนั้นหรือ”
“ครับ แต่ทนายเฉวียงติดต่อผม เขามีหลักฐานใหม่ที่ระบุความผิดของนายชัยยงค์กับพวกชัดเจน”
“หลักฐานอะไร”
“ผมเองก็ยังไม่เห็น แต่นายชัยยงค์รับรู้แล้วล่ะครับว่าเราจะยื่นเพื่อประกอบการค้านประกันตัวเขา คุณเฉวียงช่วยคุณเต็มที่ เขามั่นใจว่าหลักฐานของเขามีน้ำหนักพอจะขังพวกนายชัยยงค์ไว้ในคุก”
“ดี ผมรอเขาอยู่”
ปฐวีเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทีกังวล
คืนนั้น ภายในสำนักงานทนายความมืดสลัว คนร้ายงัดประตูเข้ามารื้อค้นเพื่อหาหลักฐานไปทำลาย
จนพบแผ่นซีดีในแฟ้มเก็บเอกสารของคดีที่เฉวียงรวบรวมไว้
ตอนเช้า ชิดชบาแปลกใจ เมื่อรู้ว่าหลักฐานทั้งหมดที่ธวัชพงษ์หามาหายไป
“หายหรือคะ หลักฐานที่ธวัชพงษ์ได้มา หายไปทั้งแฟ้มเลยหรือคะ”
“คุณพระช่วย” ตลับนาคตกใจ
“ครับ เมื่อคืนนี้สำนักงานของผมถูกค้น หลักฐานนั่นหายไป”
“มันจงใจทำลายหลักฐาน เพราะมันรู้ว่าถึงมือตำรวจเมื่อไหร่ ที่จะได้ประกันตัวคงยาก”
“นี่หมายความว่า”
“เขาอาจจะประกันตัวได้”
“ธวัชพงษ์”
ชิดชบาตื่นตระหนก
ธวัชพงษ์นั่งกอดอกนิ่ง เคร่งเครียด เริ่มกังวล แพรวายกจานไข่เจียวเข้ามาวางตรงหน้า
“คุณกลัวอะไร หลักฐานชุดนั้นหายไปแล้วคุณก็ยังมีอีกชุด กินข้าวเถอะ ฉันทอดไข่เจียวให้แล้ว คืนนี้ถ้าคุณจะนอนที่นี่ก็เข้าไปนอนข้างใน ฉันมีงานต้องทำ ฉันจะทำงานข้างนอก”
“คุณหมอรู้มั้ยว่าการที่หลักฐานชุดนั้นหายไป มันสื่อถึงอะไร”
“คนทำผิด พยายามทำลายหลักฐานเพื่อให้รอด แต่คุณยังมีอีกชุด นายชัยยงค์กับพวกไม่รอดแน่”
ธวัชพงษ์กังวล เริ่มเดินไปมา
“ผม”
“ธวัชพงษ์ คุณเป็นอะไร คุณก็รีบยื่นหลักฐานอีกชุดให้ตำรวจซี เรื่องค้านการประกันตัวจะได้มีน้ำหนัก”
“ผมไม่เสี่ยง เราต้องปล่อยนายชัยยงค์ออกมาก่อน แล้วหาทางเอาตัวคุณปฐวีออกมา”
“หาทาง ทางไหน”
ธวัชพงษ์จ้องมองแพรวา
“ฉันหรือ”
“ฝันร้ายไง คุณเคยบอกผมว่า คุณปฐวีเป็นโรคฝันร้าย”
ธวัชพงษ์จ้องหน้าแพรวา
สภาพสกปรกของคลินิกทำแท้งเถื่อน เครื่องไม้เครื่องมือในการทำแท้งเก่าๆ เตียงตั้งขาหยั่งมีคราบเลือด ไม้แขวนเสื้อขึ้นสนิมที่มีรอยเลือด หมอทำแท้งร่างสูงใหญ่ สวมเสื้อคลุมสกปรก กำลังยืนหันหลังสวมถุงมือ ชิดชบาใส่ชุดสีดำ เปิดม่านเข้ามา กวาดสายตามองไปรอบๆ เนื้อตัวสั่นสะท้านไปด้วยความหวาดกลัว เหงื่อไหลโทรมทั้งใบหน้า
“ขึ้นเตียง”
ชิดชบาค่อยๆ เดินไปหยุดยืนหน้าเตียง มองไปรอบๆ เตียงและห้อง ก่อนเลื่อนตัวขึ้นไปนั่ง
“นอนลง”
ชิดชบาค่อยๆ เอนกายลงนอน เริ่มร้องไห้ เริ่มสะอึกสะอื้น พยายามควบคุมสติให้หยุดความหวาดกลัว หมอทำแท้งยกมือที่สวมถุงมือสกปรกทั้งสองข้างขึ้น ก่อนหยิบไม้แขวนเสื้อแล้วหันกลับมาเผชิญหน้าชิดชบา ชิดชบากรีดร้องเสียงดัง
ปฐวีแผดเสียงร้องด้วยความตื่นตระหนก ก่อนผวาลุกขึ้นนั่ง ตกใจตื่น เนื้อตัวชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ คนอื่นๆ ต่างผวาลุกขึ้นนั่ง มองปฐวีด้วยความแปลกใจ
“ชิดชบา”
ปฐวีเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ชิดชบานั่งอ่านหนังสือพิมพ์ ตลับนาคชงนมร้อนมาเปลี่ยนเอาถ้วยกาแฟออกไป
“อย่ากินกาแฟอีกเลย หนูกำลังท้องกำลังไส้นะ กาแฟไม่ดีกับคนท้อง มีข่าวอะไรหรือ”
“นายชัยยงค์กับพวก ได้ประกันตัวออกมาแล้วค่ะ”
“เขาก็คงจะออกมาสู้คดี เขามีสิทธิ์นี่นะ หนูต้องระวังตัวไว้บ้างนะ บ้านนี้มีนายสมควรคนเดียวที่เป็นผู้ชาย
เขาต้องไปมา ส่งข้าวส่งน้ำนายเขา พึ่งอะไรไม่ได้”
“คุณป้าอย่ากลัวไปเลยค่ะ พวกมันคงไม่กล้าทำอะไรตอนนี้ เพราะรู้ว่าทุกคนจับตามองอยู่”
“นี่ถ้าคุณปฐวีเขาอยู่ ป้าคงไม่กลัวอย่างนี้หรอก แต่นี่เขา”
ตลับนาคทอดถอนหายใจ
แพรวาพยายามยื่นหลักฐาน เพื่อขอให้มีการประกันตัวปฐวีออกมาจากที่คุมขัง
“คุณปฐวีเป็นคนไข้ของฉัน เขาเป็นโรคฝันร้ายมาตั้งแต่เป็นเด็ก มีสภาพจิตใจที่ถือว่าป่วย อาการของเขาจะไม่แสดงออกเมื่อเขาใช้ชีวิตปกติ แต่เมื่อเขาเครียด เขามีปัญหา มันจะปรากฏออกมาทางฝันร้าย”
นายตำรวจผู้ใหญ่ทั้งสามต่างมองหน้ากัน ทนายพูดต่อ
“ลูกความของผมเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เขาทำงานเกี่ยวกับการกุศล อนุเคราะห์ศาสนา รับดูแลเด็กกำพร้าที่ถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง และเขากำลังจะสร้างสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าขึ้นในใจกลางเมือง”
แพรวาค่อยๆ หันมามองหน้าทนาย แปลกใจ
“ปูมหลังทั้งหมดของเขา ที่ผมนำมาแสดง เพื่อให้ท่านเห็นว่าคุณปฐวีจะไม่หนีประกัน”
“ใช่ค่ะ ฉันรับรองในฐานะจิตแพทย์ ว่าคนไข้ของฉันไม่คุกคาม หรือทำให้รูปคดีเสียหาย คุณชัยยงค์กับลูกชาย ความผิดเขาชัดเจนกว่ายังได้รับการประกัน แต่คุณปฐวี”
“เอาละคุณหมอ แค่นี้พอ”
“ขอบคุณค่ะ”
“เราจะอนุญาตให้คุณปฐวีประกันตัว”
เวลาต่อมา เจ้าหน้าที่และทนายเดินนำปฐวีออกมาจากเรือนจำ แพรวาและธวัชพงษ์ยืนรออยู่ ธวัชพงษ์รีบหลบตาปฐวีที่จ้องมอง เมินหน้าไปทำไม่รู้ไม่ชี้
“ฝีมือคุณหรือ คุณหมอ”
“ไม่ใช่ฉันคนเดียวหรอกค่ะ ทนายของคุณด้วย แล้วก็”
“ผมมาเป็นเพื่อนคุณหมอแพรวาน่ะครับ มาขับรถให้ เพราะเห็นว่าคุณหมอกำลังเครียด”
“คุณนี่มันยุ่งจริงๆ นะ ธวัชพงษ์ คุณทำเหมือนคุณกำความลับในชีวิตผมไว้ ระวังหลักฐานนั่นมันจะฆ่าคุณ”
“เชิญครับคุณปฐวี”
ทนายความตัดบท ปฐวีผละไปขึ้นรถที่สมควรรออยู่พร้อมกับทนายความ แพรวาเริ่มกังวล
“คุณห่วงว่าเขาจะสู้คดียังไงหรือครับ”
“เปล่า”
แพรวาหันมาทำตาเขียวใส่ธวัชพงษ์
“ฉันห่วงคุณ”
แพรวาเดินมาที่รถ ธวัชพงษ์วิ่งตามมา
“ห่วงผมหรือครับ ใช่ ชีวิตผมน่าห่วง ผมก็ไม่รู้ว่าเสี่ยงทำไม พวกมันต้องตามมาลากคอผมไปฆ่า ทางเดียวที่จะรอด”
“อะไร”
“แต่งงานกับผมนะครับคุณหมอแพรวา”
ธวัชพงษ์ยิ้มอ่อนโยน
อุราศรีเดินลงมาที่รถหลังเลิกงาน สะดุ้งสุดตัวด้วยความหวาดกลัว เมื่อเห็นชัยญายืนอยู่
“คุณ”
“แปลกใจหรือครับที่เห็นผมออกมาเดินนอกคุก เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นผมถูกใส่ร้าย”
“เอ่อ ก็ ก็”
อุราศรีหวาดกลัว จนชัยญาเริ่มโกรธ
“ก็ดีค่ะ”
“คุณหญิงทำท่าเหมือนไม่ศรัทธาในตัวมนุษย์ค้างคาวแล้ว ใคร คู่หมั้นของคุณหญิง คุณชายอรุณณรงค์จอมแหยนั่น ปั่นหัวคุณหญิงอย่างนั้นหรือ ผมมารับคุณหญิงไปสนามแข่งรถ”
“เอ่อ ฉัน ฉันไปไม่ได้หรอกค่ะ ฉันต้องกลับบ้าน”
“ผมไปส่ง”
“ไม่ ไม่ต้องค่ะ ฉันกลับได้”
“ไม่ไว้ใจผม หรือไม่อยากคบหาดูใจกับผมแล้ว”
ชัยญาดึงมืออุราศรี อุราศรีเริ่มโกรธ
“ปล่อยฉัน ฉันบอกว่าไม่ไปคือไม่ไป”
อรุณณรงค์เดินข้ามาด้วยท่าทีเยือกเย็น
“ปล่อยคุณหญิงอุราศรี คู่หมั้นผมบอกว่าไม่ไป ก็คือไม่ไป บอกว่าไม่คบ ก็คือ ไม่อยากคบหาดูใจคุณแล้ว เพราะว่า เห็นแล้วว่าคุณเป็นยังไง”
“ไอ้”
ชัยญาง้างหมัดถลันเข้ามาจะชกหน้าอรุณณรงค์ อรุณณรงค์ชกสวนถูกใบหน้าชัยญาเต็มแรง ชัยญาผงะหงาย ล้มลง
“ผมไม่ชอบใช้ความรุนแรงเลยนะ แต่ถ้าผมใช้ล่ะก็ ผมแม่นแล้วก็หนักกว่าคุณ เชิญครับ”
อรุณณรงค์ดึงมืออุราศรีเดินไปขึ้นรถ ขับออกไป ชัยญาป้ายเลือดกำเดาที่ไหลออกมา ด้วยความโกรธแค้น
สมควรขับรถผ่านประตูใหญ่ มาจอดหน้าตึก
จำเรียงเปิดประตู ชะเง้อมองด้วยความดีใจ สมควรเปิดประตูรถให้ปฐวี ปฐวีมองไปรอบๆ บ้าน ก่อนเงยหน้าขึ้นมองไปยังระเบียง สบตาตลับนาค พร้อมยกมือไหว้
“ขอบคุณมากนะครับคุณป้า สำหรับอาหารปิ่นโต ที่คุณป้าให้นายสมควรเอาไปส่งผมทุกวัน ผมแบ่งให้นักโทษในเรือนจำด้วย เพราะรู้ว่าพวกเขาไม่ได้ลิ้มรสอาหารอร่อยมานาน”
ตลับนาคเย็นชา
“ขอต้อนรับการกลับบ้านค่ะ”
“ขอบคุณอีกครั้งครับ คุณป้า”
ปฐวีเดินขึ้นตึกไป จำเรียงรีบเข้ามาเกาะแขนตลับนาคด้วยความดีใจ
“ดีใจ๊ ดีใจ ค่ะคุณป้า คุณปฐวีกลับมาแล้ว บ้านเราจะได้มีผู้ชาย ไม่อย่างนั้น เอ่อ จำเรียงกลัวค่ะ”
“กลัวอะไร”
“กลัว กลัว”
“เหลวไหล ไอ้ที่ควรกลัวกลับไม่กลัว ไอ้ที่ไม่สมควรจะกลัวกลับกลัว ผีน่ะทำอะไรได้ คนซี น่ากลัวกว่าเยอะ”
ตลับนาคเดินขึ้นตึกไป สมควรเดินเข้ามายืนใกล้ๆ จำเรียง
“ใช่ คนน่ากลัวกว่าเยอะ”
ชัยญาเช็ดรอยคราบเลือดที่ไหลจากจมูก คำรามอย่างคั่งแค้น
“คุณชายอรุณณรงค์”
อรุณณรงค์ขับรถเข้ามาจอดหน้าคฤหาสน์ของอุราศรี ทั้งคู่ต่างนั่งเงียบ ก่อนที่อุราศรีจะมองสบตาและยิ้มบริสุทธิ์
“ฉันไม่ได้คบนายชัยญาเพราะเขาเป็นมนุษย์ค้างคาว เป็นนักกอล์ฟ หรือเป็นนักแข่งรถหรอกค่ะ แต่ฉันคบเขาเพราะ”
“รู้แค่นี้ผมก็ดีใจแล้วล่ะครับ ผมห่วงความปลอดภัยของคุณ ก็คงไม่ใช่แค่”
“ฉันนี่โง่จริงๆ เพราะฉันอิจฉาชิดชบา ทำให้ขาดมุมมองโลกดีๆ ถ้าชิดชบาไม่ช่วยฉันไว้คืนนั้น ก็ไม่รู้ว่าชีวิตฉันจะเป็นยังไง มันช่างน่ากลัว”
อรุณณรงค์จับมืออุราศรีไว้อย่างปลอบโยน
“มันผ่านไปแล้ว ท่านพ่อเคยสอนผมตั้งแต่ผมเป็นเด็ก ว่าอย่าคบคนพาลเป็นมิตร ไม่อย่างนั้นชีวิตจะยุ่งครับ”
“คุณชายเอี่ยว”
ทั้งสองยิ้มให้แก่กันด้วยความเข้าใจ
ปฐวีนั่งอยู่อย่างโดดเดี่ยว โต๊ะอาหารตั้งอาหารไว้เรียบร้อย ขณะที่จำเรียงยืนรอรับใช้อยู่ใกล้ๆ
“จำเรียง”
“คะ”
“คุณชิดชบากินอะไรหรือยัง”
เวลาเดียวกันนั้น ชิดชบากำลังปั้นรูปเด็กจากภาพถ่ายตัวอย่างของน้องไหม เด็กจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
ปฐวีเปิดประตูเข้ามา
“ผมกลับมาแล้ว ออกมาสู้คดีฆ่าโสมสุภางค์ คุณจะไม่แสดงความยินดีกับผมสักคำหรือ”
“ฉันไม่ได้ยินดียินร้ายอะไรกับคุณ ทำไมต้องแสดงความยินดี”
“ผมจำเด็กคนนี้ได้ แม่ไปติดคุกฐานฆ่าคนตาย ตอนที่แม่ส่งตัวเด็กไปที่นั่น ยังเป็นเด็กทารกตัวแดงๆ”
ปฐวีขยับเดินเข้ามา เอื้อมมือไปแตะรูปของน้องไหม แววตาอ่อนโยนลง ตาเป็นประกายของความสุขเมื่อคิดถึงลูก
“คุณรู้มั้ยว่าสิ่งที่เด็กโหยหาที่สุดคืออะไร แม่ อยากมีแม่ อยากให้แม่กอด พวกเขาต้องการแม่มากกว่าพ่อ เพราะกอดของแม่คือกายทิพย์ แม่กับลูกมีกลิ่นของสัมผัส คุณกำลังจะเป็นแม่คน เรากำลังจะมีลูก คุณรู้มั้ย ลูกปลุกตัวตนในชีวิตของผมขึ้นมา ผมรัก”
ชิดชบาลุกขึ้นยืน สะบัด
“เราไม่มีอะไร ไม่มีใคร คุณอาจจะได้เสรีภาพคืนเพราะฉันจะพูดความจริง แต่คุณต้องเสียเขาไปตลอดชีวิต”
ชิดชบาผลุนผลันออกไป ปฐวีตื่นตระหนก
“ชิดชบา”
ปฐวีรีบตามออกไป ชิดชบาวิ่งขึ้นบันได เขาวิ่งตามมาคว้าแขนไว้ ถามด้วยความตกใจ
“คุณจะทำอะไร”
“ฉันพูดโกหกไม่ได้ เพราะฉันเห็นแก่เด็กกำพร้าอีกสามร้อยคนที่คุณเลี้ยงไว้ แต่คุณต้องแลกสิ่งที่คุณรักกับเด็กพวกนั้น คุณต้องเสีย ไม่ใช่ได้ชัยชนะไปอย่างเดียว คุณจะต้องสูญเสีย”
ชิดชบาสะบัดแขนวิ่งขึ้นบันไดไป ปฐวีนิ่งงัน รู้ว่าชิดชบาจะทำแท้ง ชิดชบาเปิดประตูห้องนอนเข้ามาอย่างรีบร้อน ล็อคกลอนประตู เริ่มร้องไห้ แรงขึ้น แรงขึ้น
“ถ้าฉันแพ้ เขาจะต้องสูญเสีย ใช่ เขาจะต้องเป็นฝ่ายเสีย”
เสียงกริ่งที่ประตูดังถี่ๆ ชัยยงค์เดินมาเปิดประตูด้วยความรำคาญ เถาว์เครือยืนอยู่ภายนอกด้วยท่าทีเศร้าหมอง ชัยยงค์เบื่อๆ
“คุณชัยยงค์ คุณกลับมาแล้ว ฉันพยายามหาทางประกันตัว คุณปฐวีออกมาแล้ว ถ้านังชิดชบามันให้การเรื่องโสมสุภางค์ ตำรวจเขาต้องจับฉันแน่”
“ผมว่าตอนนี้ เราอยู่ห่างๆ กันสักพัก ผมไม่อยากให้ผู้ใหญ่ที่เขาช่วยผมออกมา ผิดหวังกับภาพลักษณ์ของผม นะ”
ชัยยงค์กระแทกประตูปิดใส่หน้าเถาว์เครือ เถาว์เครือพยายามเคาะประตู
“คุณชัยยงค์ ฟังฉันก่อน เปิดประตูให้ฉัน ฉันไม่มีที่ไป คุณเป็นความหวังเดียวที่ฉันมีนะ ฉันไม่มีลูกแล้ว ฉันจะพึ่งใคร เปิดประตู เปิดประตูให้ฉัน คุณชัยยงค์.คุณชัยยงค์”
ปฐวีและชิดชบานั่งอยู่คนละฝั่งของหัวโต๊ะ อาหารเช้าแบบอเมริกันวางอยู่ตรงหน้า ไม่มีใครแตะต้องอาหาร
ต่างนั่งกันอย่างเงียบๆ เย็นชา มึนตึง จำเรียงเข้ามารินน้ำส้ม เหลือบตามองทั้งสองด้วยความอึดอัด ก่อนเดินออกไปจากห้องอาหาร
“ถึงเราจะเกลียดกันยังไง คุณก็ควรจะกินอยู่ให้เป็นเวลา คุณไม่ได้มีตัวคนเดียวแล้วนะ ชิดชบา”
ชิดชบาเริ่มรับประทานอาหารเช้าอย่างเนือยๆ ทำเหมือนไม่มีปฐวีอยู่ร่วมโต๊ะ ปฐวีมองด้วยความพอใจ ก่อนจะเริ่มรับประทานอาหารเช้า
“ทนายเฉวียงจะมารับคุณพรุ่งนี้ คุณต้องใช้เวลาในห้องสอบสวนหลายชั่วโมง เตรียมกำลังไว้เยอะๆ ผมไม่ขอร้องให้คุณทำเพื่อผม”
ชิดชบาวางช้อน ลุกออกไป
ภายในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เด็กๆ ต่างเล่นขายของกันอย่างสนุกสนาน
โดยมีพระและผู้ดูแลคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ น้องไหมนั่งเล่นอยู่คนเดียว ชิดชบาเดินมานั่งลงใกล้ๆ
“น้องไหม หนูบอกฉันอีกครั้งได้มั้ยคะ ว่าหนูอยากได้อะไร”
น้องไหมมองชิดชบา ยิ้มซื่อบริสุทธิ์
“หนูอยากได้คุณเป็นแม่”
“น้องไหม”
ชิดชบาพยายามกลั้นน้ำตา ดึงตัวน้องไหมเข้ามากอดไว้
“ฉันไม่ใช่แม่ที่ดีหรอก ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าเป็นแม่เป็นยังไง แม่ของหนูคือคนที่ดีที่สุด แม่อาจจะมีความจำเป็นที่ต้องเอาหนูมาฝากไว้ที่นี่ หนูจะต้องโตขึ้น แล้วเป็นเด็กดีนะ”
น้องไหมเงยหน้ามองชิดชบา ต่างกอดกัน ทอมซึ่งเป็นขาใหญ่ในคุกเดินเข้ามา มองชิดชบาและน้องไหม น้ำตาคลอ ชิดชบาหันมาเห็น อุทานด้วยความแปลกใจ
“นาย ห้าว”
ชัยยงค์อยู่ที่สนามกอล์ฟ พูดโทรศัพท์ด้วยความหงุดหงิด
“ไม่มีการหยุดโครงการของปฐวีหรือ คนมีมลทินขนาดนั้นยังให้มีการก่อสร้างบ่อนพนันอีกหรือ นี่แสดงว่าผู้ใหญ่ที่เป็นแบ็คของปฐวีใหญ่กว่าผู้ใหญ่ของฉันน่ะซี ไปหาข่าวมา”
ชัยยงค์ปิดโทรศัพท์
“มีอะไร พ่อ”
“โครงการสร้างบ่อนพนันกลางเมืองของปฐวียังเดินหน้า”
“แต่โครงการของพ่อหยุด ผู้รับเหมาทิ้งงาน คนงานกลับบ้าน คอนโดชายทะเลยืนตายเหมือนท่อนซุง”
“ทุกอย่างพังหมด คลิปที่ไอ้นักข่าวนั่นอัดไว้ถูกทำลายไปแล้วก็จริง แต่คดีก็ยังไม่แน่ว่าชนะหรือแพ้”
“หรือว่า ธวัชพงษ์ยังมีหลักฐานอีกชุด ท่าทางทนายมั่นใจนี่”
“หลักฐานอีกชุดหรือ จริงซีนะ ถ้าฉันเป็นธวัชพงษ์ แล้วถือหลักฐานสำคัญในมือ ฉันจะเสี่ยงให้มันหลุดมือมั้ย”
“พ่อ เราต้องเก็บธวัชพงษ์”
“ใช่ บีบให้มันคายหลักฐานชุดนั้นออกมา แล้วยิงมันทิ้ง”
ชัยยงค์หน้าเหี้ยม
ชิดชบาและห้าว เดินเคียงข้างกัน ภายใต้ร่มไม้อันร่มรื่นของบริเวณวัด
“ฉันคลอดลูกในคุก แล้วเอาลูกมาฝากหลวงพ่อท่านเลี้ยงไว้ที่นี่ น้องไหมไม่รู้หรอกว่าแม่เป็นใคร ฉันพ้นโทษออกมาเมื่อวาน ยังทำอะไรกับตัวเองไม่ถูก ยังไม่มีกำลังรับลูกออกไปอยู่ด้วย”
“ฉันดีใจด้วยนะ ที่เธอพ้นโทษ อย่ากลับเข้าไปอีก กำแพงสี่เหลี่ยมมันดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่มันฆ่าความหวังของเราได้ทุกวัน ทุกวัน”
“คุณล่ะ. ลูก”
“ช่างเถอะ เขาไม่สำคัญไปกว่าน้องไหมหรอก”
“ชิดชบา ทำไมคุณพูดอย่างนั้น คุณมองดูเด็กพวกนั้นซี ถ้าโลกนี้ไม่มีเด็ก โลกจะเป็นยังไง”
ชิดชบามองเด็กๆ แล้วหันกลับมาสบตาห้าวนิ่งๆ
ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ตอนที่ 14 (ต่อ)
สมควรเช็ดรถอยู่ ปฐวีเดินลงมาจากคฤหาสน์ทั้งที่ยังสวมชุดนอน
เขาดูเงียบขรึม เคร่งเครียด เพราะเป็นวันที่ชิดชบาต้องไปให้ปากคำคดีโสมสุภางค์เสียชีวิต ปฐวีเดินเข้ามาหาสมควร มองกลับขึ้นไปยังคฤหาสน์
“วันนี้คุณชิดชบาจะไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจใช่มั้ย”
“ครับ”
“ทนายเฉวียงมาหรือยัง”
“มาถึงตั้งแต่เช้าครับ”
ชิดชบาและเฉวียงเดินลงมาจากคฤหาสน์ ตลับนาคเดินลงมาส่ง จับมือชิดชบาบีบเบาๆ
“ไมต้องห่วงหรอกค่ะคุณป้า หนูรู้ว่าหนูจะพูดยังไง”
ชิดชบาและเฉวียงขึ้นรถไป โดยไม่ได้หันมาทักทายปฐวี เพราะต่างอยู่ในภาวะเครียด ปฐวีและตลับนาคมองตามไป
“ชีวิตของคุณขึ้นอยู่กับปากคำของหลานสาวฉัน”
“ชีวิตผมขึ้นอยู่กับความจริงที่ชิดชบาถือไว้ต่างหากล่ะครับ”
“ฉันบอกตรงๆ นะ ถึงฉันจะรู้ว่าคุณทำกับหลานสาวของฉันไว้มาก แต่ฉันก็ไม่อยากเห็นการแก้แค้นอีกแล้ว คุณกับชิดชบากำลังจะมีลูกด้วยกัน ฉันกลัวว่า”
“คุณป้ากลัวอะไรครับ”
ตลับนาคถอนหายใจยาวด้วยความกังวล
“ฉันกลัวว่าเรื่องจะไม่จบ”
ธวัชพงษ์ขับรถของแพรวา มาส่งแพรวาที่โรงพยาบาล ก่อนดับเครื่องส่งกุญแจให้
“คุณจะเอารถฉันไปใช้ก็ได้ แล้วมารับฉันสามทุ่ม วันนี้ฉันมีประชุม”
“ครับ ผมจะมารับสามทุ่ม เอ่อ ว่างตอนไหน อย่าลืมคิดถึงคำขอแต่งงานของผมด้วยนะครับ”
“คุณนี่ชอบพูดเรื่องตลกแบบไม่รู้กาลเทศะเลยนะ”
“ผมพูดเรื่องจริงครับคุณหมอ”
“คุณขอแต่งงานกับฉัน ทั้งที่คุณกำลังตกงาน ถามจริงๆ เถอะ คุณมีปัญหาเลี้ยงฉันหรือ”
“คุณหมอก็ลดมาตรฐานการใช้ชีวิตลงหน่อยซีครับ กินก๋วยเตี๋ยวรถเข็น หรืออาหารตามสั่งตามข้างถนน เราก็มีชีวิตอยู่ได้แล้ว”
แพรวากระแทกประตูรถปิดด้วยความโกรธ เดินขึ้นโรงพยาบาลไป ธวัชพงษ์มองตามยิ้มๆ ก่อนขับรถออกไป ชัยญาและถกลจอดรถซุ่มอยู่ หันมาสบตากัน
“ไอ้ลูกแหง่มาติดแม่อยู่นี่เอง ไป ตามไป”
ชิดชบานั่งให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน โดยมีทนายเฉวียงนั่งอยู่ด้วย
“ฉันเปิดประตูออกมา เพราะได้ยินเสียงคนสามคนทะเลาะกัน เอ่อ ฉันเห็นคุณโสมสุภางค์ คุณนายเถาว์เครือ กับคุญปฐวีบนบันได กำลังทะเลาะกัน”
“คุณจำรายละเอียดเรื่องวันนั้นได้มั้ยว่าเขาทะเลาะกันเรื่องอะไร”
“ค่ะ ฉันจำได้”
ชิดชบานึกถึงเหตุการณ์วันนั้น เธอนั่งก้มหน้านิ่งนาน สะเทือนใจ เสียใจ ก่อนเงยหน้าขึ้น
“คุณปฐวีบริสุทธิ์ เขาไม่ได้ผลักโสมสุภางค์ตกบันได มันเป็นอุบัติเหตุ”
เวลาต่อมา ชิดชบาเดินลงมาจากสถานีตำรวจด้วยท่าทีอ่อนล้า เฉวียงหอบแฟ้มเอกสารเดินตามมา
ธวัชพงษ์ยืนรออยู่ที่รถของแพรวา
“ผมมาเป็นกำลังใจให้คุณ”
“ธวัชพงษ์ คุณมาก็ดีแล้ว ฉันไม่ได้ต้องการกำลังใจอย่างเดียว แต่ฉันต้องการพลังด้วย”
“ไม่ต้องห่วงคุณชิดชบาหรอกครับทนายเฉวียง ผมดูแลเอง”
“งั้นผมกลับก่อนนะครับ คุณหนู”
“คุณลุงคะ ขอบคุณมากค่ะ”
เฉวียงแยกออกไป ธวัชพงษ์เปิดประตูรถ
“รถคุณหมอแพรวา เชิญครับ”
ชิดชบาขึ้นรถ ธวัชพงษ์ขับออกไป ถกลและชัยญาซุ่มจอดรถเฝ้ามองด้วยแววตาอาฆาต
ธวัชพงษ์ขับรถ ชิดชบานั่งอยู่ข้างๆ ด้วยความกังวล เคร่งเครียดจากการให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน
“ผมดีใจที่คุณยืนอยู่ข้างความจริง ไม่เอาเรื่องเก่าๆ มาแก้แค้นเขา ข้อสำคัญคุณกำลังจะมีลูกกับเขา”
“ลูกไม่มีผลกับการตัดสินใจของฉัน ฉันทำอย่างที่ฉันอยากทำคือพูดความจริง ฉันไม่ได้ปรักปรำใครเรื่องโสมสุภางค์ตกบันได แม้แต่คุณนายเถาว์เครือ เพราะฉันเชื่อว่าแม่คงฆ่าลูกไม่ได้”
“คุณเชื่ออย่างนั้นจริงๆ หรือ”
“ก็ไม่ทุกคน”
ชิดชบานึกถึงลูกในท้องของตัวเอง
ปฐวีเดินกระวนกระวายรอชิดชบาอยู่ ก่อนโทรศัพท์ถึงทนายเฉวียง
“คุณเฉวียง ทำไมชิดชบายังไม่กลับบ้าน ให้ปากคำกับตำรวจเสร็จแล้วไม่ใช่หรือ”
ปฐวีนิ่วหน้าด้วยความแปลกใจ
“ไปกับธวัชพงษ์หรือ”
เวลาเดียวกันนั้น ธวัชพงษ์ขับรถเลี้ยวผ่านประตูวัดเข้าไป ถกลและชัยญาขับรถตามเข้ามา จอดที่ประตูวัด ต่างมองเข้าไปด้วยความแปลกใจ
“ไอ้ธวัชพงษ์มันพาชิดชบาเข้ามาในวัดทำไม”
“นั่นน่ะซีครับ วัดนี้เป็นวัดที่เลี้ยงเด็กกำพร้าด้วยนะครับ”
“เด็กกำพร้าหรือ”
“ใช่แล้วล่ะคุณโยม ที่นี่เป็นสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่คุณปฐวีเขาเป็นผู้อุปถัมภ์ ถ้าคุณโยมจะบริจาคสิ่งของเงินทองก็เชิญที่ศาลาด้านโน้นเลย”
“ปฐวี ท่านว่าปฐวีเป็นผู้อุปถัมภ์เด็กกำพร้าหรือครับ”
“ใช่แล้วล่ะคุณโยม ตอนนี้มีเด็กอยู่สามร้อยคน ก็แออัดยัดเยียดอีกพักใหญ่ละ จนกว่าสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่คุณปฐวีเขาสร้างที่กลางเมืองจะเสร็จ ถึงจะย้ายเด็กไปอยู่ที่นั่น”
ชัยญาและถกลหันมาสบตากัน ต่างยิ่งตกใจ
“สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ากลางเมืองหรือ”
ทั้งสองนำเรื่องนี้มาเล่าให้ชัยยงค์ฟัง ชัยยงค์อุทานด้วยความแปลกใจ
“อะไรนะ โครงการที่ปฐวีทุ่มเงินเป็นร้อยๆ ล้านสร้างสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ไอ้ที่เราคิดว่าเป็นบ่อนพนันน่ะหรือ เป็นสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า”
“ตอนนี้พ่อเข้าใจหรือยัง ไม่ว่าสถานะของเขาจะเปลี่ยนไปแค่ไหน โครงการของเขายังเดินหน้า”
“นี่หมายความว่า เรา”
“คิดผิดหมดทุกข้อ สอบไม่ผ่านเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบ้าน หรือเรื่องบ่อนพนัน”
“นี่ นี่เราตกหลุมพรางที่เราขุดหรือ”
“ผมเชื่อในความฉลาดของพ่อนะ พ่อต้องหาทางปีนขึ้นมาจากหลุมนั่น ผมด้วย ต่อไปนี้ ผมจะไม่ฟังคำสั่งของพ่ออีกแล้ว ที่ผมลำบากเพราะใคร เพราะพ่อ”
ชัยยงค์ชี้หน้าชัยญาด้วยความโกรธ
“ไอ้ ไปจัดการเรื่องที่ฉันสั่ง เอาตัวไอ้นักข่าวนี่ไปบีบสมอง ให้มันบอกที่ซ่อนหลักฐานอีกชุด ถ้าแกทำไม่สำเร็จ แกกับฉันจะเดินเข้าคุกแบบโง่ๆ”
ชัยญาถอนหายใจอย่างเบื่อๆ ก่อนเดินออกไปพร้อมถกล ชัยยงค์หันรีหันขวางด้วยความโกรธ เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“แก”
ชัยยงค์โผไปเปิดประตู เพราะคิดว่าเป็นชัยญา เถาว์เครือรีบเดินเข้ามา ก่อนที่ชัยยงค์จะปิดประตูลงด้วยท่าทีลนลานหวาดกลัว
“ฉันเอง นังชิดชบามันให้ปากคำกับตำรวจแล้วว่าปฐวีไม่ได้ผลักโสมสุภางค์ตกบันได ตำรวจเขาต้องจับฉันแน่ ช่วยฉันด้วย ฉันจะทำยังไงดี ฉันกลายเป็นฆาตกรไปแล้ว”
ชัยยงค์มองเถาว์เครือ นิ่งคิด เริ่มเจ้าเล่ห์
“ตำรวจเขามาจับคุณหรือยัง”
“ยะ ยัง”
“ในเมื่อตำรวจยังไม่ได้จับคุณ คุณจะโวยวายไปทำไมว่าคุณเป็นอะไร มันอาจจะเป็นอุบัติเหตุ เหมือนตอนที่โสมสุภางค์ให้การเป็นประโยชน์ต่อชิดชบาก็ได้ มีอยู่ทางเดียว คุณต้องไปคุกเข่าขอร้องให้ชิดชบาให้การเข้าข้างคุณว่า มันเป็นอุบัติเหตุ หรือ”
“อะไรคะ”
ชัยยงค์ก้มลงจูบที่เส้นผมของเถาว์เครือ
“ทำให้ชิดชบาพูดไม่ได้”
ชิดชบาเปิดประตูห้องโถงเข้ามา ปฐวียืนรออยู่ ถอนหายใจอย่างโล่งอก สีหน้า แววตายังคงเคร่งขรึม
“คุณหายไปไหนมา ถึงจะไปกับธวัชพงษ์ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาปลอดภัยเลย”
“เขาดูแลฉันได้”
“เด็กเมื่อวานซืนอย่างธวัชพงษ์น่ะหรือ ตัวเองเขายังดูแลไม่ได้เลย แล้วเขาจะดูแลคุณกับลูกได้ยังไง ไปไหนมา”
“ฉันไปที่วัดมา ไปช่วยพระท่านตักอาหารแจกเด็กๆ ไปอยู่กับเด็กๆ ธวัชพงษ์เขาพาไป”
“วัด พวกคุณไปที่นั่นทำไมบ่อยๆ”
“เขาคงจะอยากช่วยคุณล่ะมั้ง”
ชิดชบาเดินเชิดหน้าขึ้นบันไดไป ปฐวีแปลกใจ
“ช่วยผมหรือ”
ธวัชพงษ์ขับรถกลับ หลังจากส่งชิดชบาแล้ว ฟังเพลงในรถอย่างเพลิดเพลิน ถกลและชัยญาขับรถเบียด
ธวัชพงษ์หักหลบ รถเสยข้างทางหยุดนิ่ง ถกลและชัยญาวิ่งลงมากระชากตัวธวัชพงษ์ขึ้นรถ
ธวัชพงษ์พยายามดิ้น ต่อสู้ ถกลและชัยญารุมต่อยธวัชพงษ์จนสลบ ก่อนแบกธวัชพงษ์ใส่ท้ายรถ แล่นออกไปด้วยความเร็ว
คืนนั้น แพรวาเดินลงมาจากโรงพยาบาล มองหารถไม่เจอ เธอเริ่มหงุดหงิด
“ธวัชพงษ์”
แพรววาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรถึงธวัชพงษ์ เวลาเดียวกันนั้น ถกลแบกร่างที่สิ้นสติของธวัชพงษ์เข้ามา
เหวี่ยงตรงหลักไม้เก่าๆ ที่มีเชือกล่ามเรือกองอยู่ ธวัชพงษ์เริ่มรู้สึกตัว เสียงสัญญาณโทรศัพท์ดังขึ้น เขารีบกดรับสาย ถกลเตะมือธวัชพงษ์ โทรศัพท์กระเด็นไป
“ชัยญา”
“ฉันเอง ฉันขับรถตามแกมาตั้งแต่เช้า ตั้งแต่บ้านชิดชบา สถานีตำรวจ แล้วก็วัด”
“วัด”
“หลักฐานอีกชุดอยู่ที่ไหน หลักฐานที่แกจะเอาพวกฉันเข้าคุก มันอยู่ที่ไหน”
“เอ่อ หลักฐาน”
“แสบนักนะมึง”
ถกลปราดเข้าตบหน้าธวัชพงษ์ด้วยความโกรธ
“ปลอมตัวเป็นช่าง แล้วเอากล้องวงจรปิดเข้าไปซ่อนไว้ในห้องนาย ทำเนียนนะ”
ถกลเริ่มซ้อมธวัชพงษ์
“แกจะบอกได้หรือยัง ว่าหลักฐานนั่นอยู่ที่ไหน”
ธวัชพงษ์ลังเล เจ็บปวด
“เอ่อ”
ธวัชพงษ์ชำเลืองไปยังโทรศัพท์มือถือที่กดรับสายแล้ว แพรวาได้ยินเสียงผ่านโทรศัพท์ที่กดรับสายของธวัชพงษ์
“ธวัชพงษ์ ธวัชพงษ์ คุณอยู่ที่ไหน นั่นเสียงอะไรน่ะ”
แพรวาตั้งใจฟังเสียงโทรศัพท์ ถกลและชัยญา ซ้อมธวัชพงษ์เพื่อบังคับให้เขาบอกที่ซ่อนของหลักฐาน
“แกอยากตายใช่มั้ย”
“ไม่ ไม่บอก”
“แก”
ชัยญาซ้อมธวัชพงษ์ จนทรุดกองกับพื้นหมดสติไป
“ฉันมีมิธีทำให้แกพูด”
แพรวามาหาชิดชบา ด้วยความร้อนใจ ห่วงใยธวัชพงษ์ จำเรียงวิ่งนำหน้าชิดชบาลงมาจากคฤหาสน์
ต่างแปลกใจ
“คุณหมอแพรวา”
“ธวัชพงษ์หายไป”
ปฐวีตามลงมา
“ฉันติดต่อเขาไม่ได้ โทรศัพท์เขามีเสียงแปลกๆ เหมือนเสียง เสียง”
“เสียงอะไรคะ”
“เสียงคนทำร้ายเขา เมื่อวานเขาไปพบคุณใช่มั้ย”
“ค่ะ เขาไปรับฉันที่ สน. แล้วเลยไปอยู่กับเด็กกำพร้าที่วัด เขามาส่งฉันตอนสองทุ่มบอกจะไปรับคุณหมอสามทุ่ม”
“เขาไม่ได้ไป ปกติเขาไม่ใช่คนเหลวไหล ฉันกลัวว่า”
ปฐวีเดินเข้ามา
“คุณหมอกลัวอะไร”
“กลัวว่าพวกนายชัยยงค์จะจับตัวเขาไป แล้วบังคับให้เขาบอกที่ซ่อนของหลักฐานอีกชุด”
“ธวัชพงษ์”
“ช่วยด้วยค่ะ เราจะทำยังไงดี แจ้งตำรวจ”
“อย่า”
ชิดชบาร้อนใจ
“ทำไมไม่แจ้งตำรวจ ธวัชพงษ์ไม่มีศัตรู เขาไม่มีปัญหากับใคร นอกจากคนพวกนี้”
“ขืนทำอย่างนั้น มันอาจจะฆ่าธวัชพงษ์ก็ได้ หมอบอกว่า ได้ยินเสียงแปลกๆ จากโทรศัพท์ใช่มั้ย ผมขอดูโทรศัพท์ของคุณหมอ”
“นี่ค่ะ”
แพรวายื่นโทรศัพท์ให้ปฐวี ปฐวียกขึ้นฟัง ก่อนเงยหน้าขึ้นมองแพรวา
“ผมไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย”
เวลานั้น โทรศัพท์ของธวัชพงษ์บอกสัญญาณแบตเตอรี่หมด ก่อนดับวูบไป ธวัชพงษ์ถูกมัดอยู่กับเสาด้วยเชือกล่ามเรือเก่าๆ เขาเริ่มรู้สึกตัว สภาพบาดเจ็บบอบช้ำจากการถูกซ้อม มองไปรอบๆ ตัว ก่อนก้มลงมองเชือกที่ผูก
“เชือก กลิ่นน้ำมัน นี่ท่าเรือนี่”
ปฐวีเดินมาที่รถอย่างรีบร้อน ดึงกุญแจรถจากมือสมควร ชิดชบาวิ่งตามลงมา ร้อนใจ ห่วงใยธวัชพงษ์
“นั่นคุณจะไปไหน”
“ผมจะไปหาตัวธวัชพงษ์ ตำรวจพบรถของหมอแพรวาถูกชน แต่ไม่มีเขา”
“ฉันไปด้วย”
ปฐวีหันขวับ ชี้หน้าชิดชบา
“คุณอยู่นิ่งๆ นี่มันเรื่องถึงเป็นถึงตายนะ ผมเพิ่งส่งตัวคุณหมอแพรวากลับโรงพยาบาล อย่าทำตัวเป็นตัวถ่วง”
“ฉันมีสิทธิ์ห่วงธวัชพงษ์ เขาหวังดีกับฉัน เขาทำให้ฉันรู้สึกว่าเพื่อนเป็นยังไง”
“ทำตามที่ผมสั่ง ถ้าคุณยังอยากจะเป็นเพื่อนกับนายจอมจุ้น ธวัชพงษ์”
ปฐวีขับรถออกไป ชิดชบาวิ่งตาม
“คุณ คุณจะไปตามหาเขาที่ไหน”
เวลาเดียวกันนั้น ชัยญานั่งอยู่ในรถด้วยท่าทีเยือกเย็น ครู่หนึ่งแพรวานั่งแท็กซี่กลับมาที่อพาร์ทเมนท์ ถกลออกจากที่ซ่อน ตรงเข้ามาปิดปากจมูกของแพรวา ก่อนลากมาที่รถ แพรวาดิ้นรน ถกลผลักเข้าไปในรถ
“แก”
“ผมจะพาคุณหมอไปพบนายธวัชพงษ์”
ชัยญาขับรถออกไปด้วยความเร็ว
ปฐวีขับรถเข้ามาจอด ณ ที่แห่งฟนึ่ง เปิดประตูรถเดินลงมา ชายคนหนึ่งเข้ามาหา ปฐวีชูรูปธวัชพงษ์ขึ้น
“คนๆ นี้มีหลักฐานสำคัญที่จะเอาคนมีอิทธิพลเข้าคุก เขาหายตัวไป ตามหาเขาทุกซอกทุกมุมของกรุงเทพฯ เขาเป็นน้องชายผมเอง เขาชื่อธวัชพงษ์”
ที่โกดังร้าง ท่าเรือ ธวัชพงษ์พยายามแก้เชือกที่มัดไว้ด้วยความลำบาก สภาพบอบช้ำเพราะถูกทำร้าย
ชัยญาและถกล นำตัวแพรวาเข้ามา
“ธวัชพงษ์”
“คุณหมอ”
“ไง ทีนี้แกจะพูดได้หรือยัง ว่าแกซ่อนหลักฐานอีกชุดไว้ที่ไหน ที่นี่เป็นโกดังเปลี่ยว ฉันจะก่อกรรมทำเข็ญกับใครยังไงก็ได้ แกต้องเลือกระหว่างคุณหมอแพรวากับหลักฐานนั่น”
“ธวัชพงษ์”
ธวัชพงษ์และแพรวามองตากันด้วยความห่วงใย
“ผมเลือกคุณหมอ”
“แต่หลักฐานนั่น”
“มันไม่สำคัญไปกว่าชีวิตของคุณหมอหรอก ผมรักคุณหมอนะ”
“ธวัชพงษ์”
ธวัชพงษ์หลิ่วตา ก่อนแสร้งพูดเสียงดังขึ้น
“ฉันยอมแล้ว หลักฐานไม่ได้อยู่ที่นี่ ฉันซ่อนไว้ที่”
กลางคืน เถาว์เครือเดินเข้ามาในคฤหาสน์ของปฐวีด้วยท่าทีลังเล ทั้งเสียใจ และเจ็บแค้น เธอกัดริมฝีปากเพื่อไม่ให้ร้องไห้
“บ้าน เพราะบ้านหลังนี้ ฉันต้องกลายเป็นฆาตกรฆ่าลูกตัวเองก็เพราะไอ้บ้านเฮงซวยหลังนี้”
เถาว์เครือเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความเสียใจ ยื่นมือเข้าไปจะถอดกลอนประตูบานเล็ก ถกลขับรถพุ่งเข้ามาจอดตรงหน้าประตู เถาว์เครือรีบหลบ ชัยญากระชากแพรวา ถกลกระชากธวัชพงษ์ลงมาจากรถ
“ไหน หลักฐานนั่นอยู่ที่ไหน นี่มันบ้านนายปฐวี”
แพรวามองธวัชพงษ์ด้วยความแปลกใจ
“คุณซ่อนหลักฐานนั่น ไว้ในบ้านหลังนี้หรือ”
“แกซ่อนไว้ที่ไหน”
เถาว์เครือมองท่อนไม้ที่วางอยู่ ท่าทีตื่นกลัว
“ถ้าแกไม่บอกฉันล่ะก็ แกตายอยู่หน้าประตูนี่แหละ”
ชัยญาดึงปืนพกออกมาจากเอว จี้ที่ศีรษะของธวัชพงษ์
“เอ่อ”
“เร็ว บอกมาว่าอยู่ที่ไหน”
“แกโกหกใช่มั้ย”
“ก็”
แพรวายิ่งตื่นตระหนกเมื่อได้ยินเสียงชัยญาง้างไกปืน
“ธวัชพงษ์ อย่านะ อย่ายิง”
“คู่หูหมอแพรวา เจ้าเล่ห์นะ ฉันไม่น่าโง่พาแกมาที่นี่เลย แกแค่ยื้อเวลาตาย ตอนนี้เวลาของแกหมดแล้ว”
ชัยญาขยับจะเหนี่ยวไก เถาว์เครือหยิบท่อนไม้ขว้างไปโดนไฟที่เสาประตูดับ เสียงปืนดังขึ้น ชิดชบา ตลับนาค และจำเรียง อยู่ในบ้าน ผวาลุกขึ้นยืนพร้อมๆ กัน เมื่อได้ยินเสียงปืนดังขึ้นสามสี่นัด
“เสียงอะไรน่ะ”
“เสียงปืนค่ะคุณป้า”
“คุณป้าคะ ไฟที่ประตูดับค่ะ”
“หลบเข้ามาก่อนจำเรียง เร็ว หลบ”
ชิดชบารีบบอกจำเรียง ทั้งสามลงนอนหมอบกับพื้นหาที่กำบัง
ธวัชพงษ์ต่อสู้กับชัยญา พยายามบิดมือที่ถือปืนของชัยญา พลิกแล้วกระแทกกับเข่าที่สวนรับ ปืนในมือของชัยญากระเด็นไปยังปลายเท้าของแพรวา ชัยญาสะบัดหลุด พุ่งเข้าหาปืน แพรวาเตะปืนกระเด็นออกไป ถกลตะโกนลั่น
“เร็วครับ หนีก่อน เดี๋ยวตำรวจมา”
ชัยญาวิ่งขึ้นรถที่ถกลติดเครื่องรอไว้ รถพุ่งออกไป ชิดชบา ตลับนาค จำเรียงวิ่งลงมาจากคฤหาสน์
“ธวัชพงษ์”
“คุณเป็นยังไงบ้าง” แพรวาห่วงใย
“ธวัชพงษ์ นายชัยญาใช่มั้ย”
ชิดชบาถาม ธวัชพงษ์เหนื่อย บอบช้ำ มองเถาว์เครือที่ยืนหลบอยู่หลังประตู แพรวามองตามสายตาธวัชพงษ์ อุทานเบาๆ ด้วยความแปลกใจ
“คุณแม่”
เวลาต่อมา ธวัชพงษ์และแพรวา พาเถาว์เครือกลับมาส่งที่บ้าน
“คุณแม่แน่ใจนะคะว่าจะไม่ไปนอนกับหนู หรือให้หนูกับธวัชพงษ์อยู่เป็นเพื่อน”
เถาว์เครือมองธวัชพงษ์ ตอบด้วยน้ำเสียงกระด้าง
“ไม่ต้อง”
“คุณแม่อยู่คนเดียวได้หรือคะ”
“ฉันอยู่ได้”
“แน่ใจนะครับ”
“ตัวเองเอาให้รอดเสียก่อนเถอะ ขอบใจที่มาส่ง”
“ผมต่างหากล่ะครับที่ต้องขอบคุณคุณเถาว์เครือ นี่ถ้าคุณเถาว์เครือไม่”
“ฉันก็ไม่รู้ ว่าฉันช่วยคุณทำไม ฉันคงไม่อยากเห็นใครตายอีกแล้วล่ะมั้ง”
“แล้วคุณแม่ไปที่นั่นทำไมดึกๆ ดื่นๆ คะ”
“เอ่อ ฉันจะเข้าบ้านล่ะ”
“คุณแม่ยังไม่ได้ตอบคำถามหนูเลย ว่าคุณแม่ไปทำอะไรที่บ้านหลังนั้น”
เถาว์เครือนิ่งอึ้ง ก่อนไขกุญแจเข้าบ้านไป ธวัชพงษ์และแพรวาหันมาสบตากันงงๆ
จบตอนที่ 14