ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ตอนที่ 16 อวสาน
แพรวานั่งทำงานอยู่ ธวัชพงษ์โผล่หน้ามาก่อนเคาะประตู
“ธวัชพงษ์ คุณหายไปไหนมา”
“คุณหมออยู่ในโรงพยาบาล ไม่ออกไปไหน ผมก็เลยต้องไปหาที่ซ่อนตัวใหม่ เพราะผมไม่อยากอยู่ร่วมบ้านกับคุณปฐวี”
“พวกนั้นยังตามคุณหรือเปล่า”
“พวกนายชัยญาน่ะหรือครับ”
“ใช่ ฉันไม่กล้าออกไปข้างนอกเลยนะ เมื่อไหร่คุณจะเอาหลักฐานนั่นออกมา แล้วจับพวกนี้เข้าคุกเสียที หรือว่า จริงๆ แล้ว คุณไม่มีหลักฐานเจ๋งๆ ที่ว่านั่น”
“ผมรอจังหวะ ผมไม่เสี่ยงเหมือนคราวที่แล้วอีกแล้ว ตอนนี้ผมยังไม่เชื่อใจคุณปฐวี”
“เขาสร้างสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเพื่อมอบให้รัฐ ทำงานกุศลตั้งหลายอย่าง”
“คนมีอำนาจที่โกงกินบ้านเมือง ก็มีฉากหน้าเหมือนคุณปฐวี”
“ธวัชพงษ์ คุณเสียเวลากับชีวิตมานานเพราะเรื่องนี้ ถ้าคุณไม่จบให้เร็ว คุณจะเสียหายนะ”
“ผมยังไม่จบตอนนี้ จนกว่าผมจะมั่นใจว่า คุณปฐวีเป็นคนดีจริงๆ”
ธวัชพงษ์นิ่งคิด
ปฐวีขับรถเข้ามาจอดที่คฤหาสน์ จำเรียงและสมควรเดินเข้ามา
“เอาผลไม้ท้ายรถขึ้นไปให้คุณป้าด้วยนะ”
ปฐวีรีบเดินขึ้นตึก
“คุณปฐวีครับ”
“ลุงเลยบอกคุณปฐวีไม่ทันเลยว่า ว่า”
จำเรียงทำหน้าเจื่อนๆ
เถาว์เครือยืนอยู่ที่ห้องโถงในคฤหาสน์ปฐวี เธอหยุดยืนที่บันไดวน มองขึ้นไปด้วยความรู้สึกเศร้าหมองเมื่อคิดถึงว่าโสมสุภางค์ตกบันไดเพราะตัวเธอเอง เถาว์เครือหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด สะเทือนใจและหวาดกลัว
ปฐวีเดินเข้ามา มองเถาว์เครือด้วยความแปลกใจ
“คุณแม่”
เถาว์เครือสะดุ้ง รีบหันกลับมา เกลื่อนสีหน้า
“ฉันเอง เอ่อ ฉัน”
“คุณแม่สบายดีหรือครับ ตั้งแต่โสมสุภางค์”
“ใช่ ตั้งแต่โสมสุภางค์ตาย ฉันย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านของฉัน เราไม่เคยพบกันอีกเลยนะ ฉันมาวันนี้ฉันก็คิดแล้วคิดอีก ฉันมาขอความช่วยเหลือ”
เถาว์เครือพยายามสะกดกลั้นน้ำตา
“ฉันดูน่าสงสาร แล้วคุณก็รู้สึกสังเวชฉันใช่มั้ย ที่ฉันซมซานกลับมาหาคุณ”
“บอกมาเถอะครับ คุณแม่ต้องการให้ผมช่วยอะไร”
“ฉันจะเอาบ้านของฉันมาจำนองคุณสิบล้าน ปฐวี เอ่อ ไม่ใช่เรื่องคุณชัยยงค์นะ ฉันไม่ได้เอาเงินไปให้เขาหรอก คือว่า เอ่อ ฉันจะไปนอก ไปอยู่กับลูก เอ่อ ลูกของฉันอีกคนที่อยู่อเมริกา บ้านคงไม่มีใครดูแล ฉันก็เลย”
“ตกลงครับ”
“ปฐวี”
“ผมจะให้ทนายของผมติดต่อกลับพรุ่งนี้ ช้าไปมั้ยครับ”
“หมายความว่าคุณ”
“สิบล้าน ตกลงครับ”
เถาว์เครือจ้องปฐวีด้วยความแปลกใจ
ปฐวียืนอยู่ที่ระเบียง มองเถาว์เครือขับรถออกไปด้วยแววตาครุ่นคิด ชิดชบาเดินเข้ามา มองตามไปด้วยความสงสัย
“คุณเถาว์เครือมาทำไม”
“เอาบ้านมาจำนองผม สิบล้าน”
“สิบล้าน คุณเถาว์เครือมีความจำเป็นอะไร จะต้องใช้เงินถึงสิบล้าน นี่ต้องเป็นเพราะนายชัยยงค์แน่”
“ใช่ เขาคงจะเอาไปเล่นการพนัน”
“แล้วคุณก็ให้ ทั้งที่รู้ว่าให้ไปก็สูญเปล่า หรือว่าคุณบวกลบคูณหารแล้วเห็นกำไรบ้านหลังนั้น คุณนี่ใจหินจริงๆ นะ คุณเถาว์เครือถึงจะเป็นไง แต่ยังไงก็เป็นอดีตแม่ยายของคุณ คุณโสมสุภางค์เป็น”
“เพราะผมเห็นแก่วิญญาณของโสมสุภางค์น่ะซี ผมถึงได้รับบ้านหลังนี้ไว้ บ้าน ไม่ได้มีความหมายกับคุณคนเดียวหรอก แต่มันมีความหมายกับคนทุกคน ผมทำให้คุณเข้าใจอะไรไม่ได้มากนอกจาก คุณจะต้องดูต่อไป”
ชิดชบามองปฐวีงงงัน
ถกลและชัยญานั่งกินแฮมเบอร์เกอร์ในรถ
ถกลสะกิดให้ชัยญามองธวัชพงษ์ เพราะธวัชพงษ์ขับรถมอเตอร์ไซค์เลี้ยวเข้ามาในลานจอดรถของโรงพยาบาล
“ไอ้ธวัชพงษ์ มันยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่กับหมอแพรวา ฉันนึกแล้วไม่มีผิด”
“เอายังไงครับ ยิงหัวมัน หรือว่าจับตัวมันไปบีบให้บอกที่ซ่อนหลักฐานนั่น”
“แค่ทำให้มันไม่พูด ก็ไม่มีใครรู้ว่าหลักฐานนั่นอยู่ที่ไหน ฉันไม่อยากเสี่ยงกับอะไรที่มันพลาดง่ายอีกแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้น”
ถกลนิ่งคิด
ธวัชพงษ์นั่งรออาหารในโรงอาหารของโรงพยาบาล แพรวายกถาดแบบบริการตนเองมาตั้ง
“ผมไม่ได้พบคุณชิดชบาเลย ไม่ได้โทร.ถึง ไม่ได้ติดต่อกัน เพราะตอนนี้คุณปฐวีเขาคุมแจอยู่ ผมก็เลย”
“ฉันก็ไม่ได้ออกไปไหน หรือติดต่อคุณปฐวีเลย ไม่รู้เรื่องราวของพวกเขาไปถึงไหนแล้ว แต่เชื่อว่าคุณปฐวีเขาจัดการกับปัญหาของเขาได้”
“คุณชิดชบาท้อง ข้อตกลงมันก็ละเมิดกันไปละเมิดกันมา คุณปฐวีเขาต้องหาทางจบให้ได้”
“ก็คุณ คุณเอาหลักฐานนั่นออกมา แค่นี้มันก็จบแล้ว”
“เรื่องลูกไม่ใช่เรื่องง่ายนะ มันไม่เหมือนเกม ที่ต่างคนต่างถือไพ่คนละใบแล้วเกทับกัน เรื่องผัวเมียนี่”
“คุณทำเหมือนรู้ดี”
“ผมรู้ มันจะจบได้เพราะความรัก เพระการให้อภัยกัน”
“เพราะหลักฐานที่คุณถือไว้ต่างหากล่ะ”
“คุณหมอคิดอย่างนั้นหรือครับ”
“ธวัชพงษ์ เอาหลักฐานนั่นไปให้ตำรวจ ฉันอยู่ในโรงพยาบาลทั้งชีวิตไม่ได้นะ ยังมีคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อีกหลายคน ทุกคนมีสิทธิ์ตาย”
ธวัชพงษ์มองสบตาแพรวานิ่งนานก่อนตัดสินใจ
“ครับ ผมจะไปเอาหลักฐานนั่นไปส่งให้ตำรวจ”
เถาว์เครือเดินเข้ามาในบ้าน ชัยยงค์ถอดเสื้อนั่งถอดไพ่อยู่
“ฉันเอาบ้านไปจำนองปฐวี เพราะทนอับอายขายหน้าหม่อมจรัสเรืองกับคุณชายอรุณณรงค์ไม่ไหว เขาให้มาสิบล้าน”
“เงิน ไหนล่ะเงิน”
“อยู่ในบัญชีของฉัน”
ชัยยงค์กระตือรือร้น ทำทีรักใคร่เถาว์เครือ
“ยอดรัก ไปมาเก๊ากับผมมั้ย คุณจะได้ผ่อนคลาย เดินใช้เงินชอปปิ้งแก้เครียด”
“ฉันไม่ไปหรอก”
“แล้วเงิน”
“ฉันจะให้เงินสิบล้านคุณ แต่คุณต้องสัญญามาก่อน ว่าคุณจะไปจากชีวิตของฉัน”
“คุณ”
“ฉันจะหาทางเดินทางออกนอกประเทศ แล้วค่อยบินต่อไปอเมริกา หลบคดีบุญถิ่น เพราะถึงฉันจะไม่ได้ลงมือ แต่ก็มีส่วนร่วมกับพวกคุณ สิบล้านนี่ ฉันกรีดเลือดกรีดเนื้อ เพื่อซื้อชีวิตฉันคืนนะ”
เถาว์เครือน้ำตาคลอ ชัยยงค์นิ่งอึ้งไปนาน มองหน้าเถาว์เครือเหมือนพยายามอ่านความคิด แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
“ผมต้องการเงินสิบล้าน”
แพรวาเดินออกมาส่งธวัชพงษ์ที่รถจักรยานยนต์หน้าโรงพยาบาลด้วยความห่วงใย
“ดูแลตัวเองดีๆ นะ ไม่ได้เป็นห่วงหรอก รู้ว่าคนอย่างคุณไม่ได้เกิดมาเพื่อให้ใครห่วง แต่หลักฐานสำคัญนั่นยังอยู่ที่คุณ”
“ครับ คุณหมอ ผมจะทำตามที่คุณหมอต้องการ ผมสงสารคุณหมอ ที่ต้องมาติดคุกอยู่ที่นี่เพราะผม”
“ธวัชพงษ์”
ธวัชพงษ์ขับรถมอเตอร์ไซค์ออกไป แพรวาหันหลังกลับ รถของถกลและชัยญาขับตามธวัชพงษ์ออกไป
ชัยยงค์สนุกสนานอยู่กับสาวๆ ที่บ่อนพนัน
“เห็นมั้ย ชีวิตมันไม่ได้ยากเลย มันก็แค่มีได้มีเสีย ก็แค่นั้น ได้ก็มีความสุข เสียก็มีความสุข เพราะว่า เดี๋ยวก็ได้”
ชัยยงค์กำลังมีโชค เบี้ยกองอยู่ตรงหน้า ปฐวีเดินเข้ามา ชัยยงค์ชะงัก
“คุณ”
“คุณพูดถูกแล้ว ชีวิตของนักพนันมันก็แค่มีได้มีเสีย ได้ก็มีความสุข เสียก็มีความสุข เพราะว่าพรุ่งนี้ก็อาจจะได้”
“วันนี้คุณทำให้ผมคิดถึงวันสำคัญ ที่คุณกับคุณชิดชงค์เล่นไพ่เกมนั้น เขาเป็นเซียนมีระดับ แต่เขาซวยที่วันนั้นโชคไม่ได้อยู่ที่เขา แต่มันไปอยู่ที่คุณ”
ปฐวีมองไปรอบๆ
“ลูกของคุณ ชัยญาล่ะ เขาไปไหน”
ธวัชพงษ์ขับรถมอเตอร์ไซค์มุ่งไปยังวัดเด็กกำพร้า
เพื่อเอาหลักฐานที่ซ่อนไว้ในเจดีย์พ่อแม่ของปฐวีออกมาให้ตำรวจ ถกลและชัยญาขับรถตามมา พุ่งเข้าชนรถมอเตอร์ไซค์ของธวัชพงษ์เต็มแรง ร่างของธวัชพงษ์กระเด็นลงไปในคูน้ำข้างทาง ถกลจอดรถ
“ไม่รอดหรอกครับ ผมเล่นเต็มที่เลย ผมเบื่อไอ้หมอนี่เต็มที”
“ดี ตอนนี้มันพูดไม่ได้แล้ว ว่าหลักฐานนั่นอยู่ไหน”
ถกลขับรถออกไปด้วยความเร็ว
ชิดชบาเดินลงมาจากคฤหาสน์ด้วยท่าทีอ่อนล้า เพราะอาการแพ้ท้อง ตลับนาคเข้ามาถามด้วยความห่วงใย
“ชิดชบา นั่นหนูจะไปไหน”
“หนูจะไปดูคุณเถาว์เครือค่ะ คุณเถาว์เครือเอาบ้านมาจำนองคุณปฐวีสิบล้าน เงินโอนเข้าบัญชีเมื่อวานนี้ หนูจะไปดูว่าคุณเถาว์เครือทำอะไรกับเงินนั่น”
“ชิดชบา ทำไมต้องไปยุ่งกับคุณเถาว์เครือด้วย คุณเถาว์เครือไม่เคยดีกับหนูเลยนะ ปูนนี้ หลงผู้ชายจนหมดเนื้อหมดตัว ใครจะช่วยได้ล่ะ”
“คดีก็ยัง” จำเรียงไม่พูดต่อ
“ถ้าพวกนายชัยยงค์ถูกจับ แล้วให้การซัดทอดคุณเถาว์เครือ คุณเถาว์เครือก็คงไม่พ้นต้องแก้ต่าง คนพวกนี้เคยทำกับหนูไว้ทั้งนั้น อย่าไปยุ่งกับคนพวกนี้เลย”
“หนูสงสารคุณเถาว์เครือ เป็นเหยื่อนายชัยยงค์แล้วกลัวจะตกเป็นเหยื่อปฐวีอีก”
“ชิดชบา”
“เขารับจำนองบ้านคุณเถาว์เครือทั้งที่รู้ว่าไม่ได้เงินคืน เขาต้องมีแผน”
ชิดชบาชิงชังปฐวี
ปฐวีและชัยยงค์นั่งถือไพ่ สาวๆ ต่างรุมล้อมชัยยงค์ เพราะชัยยงค์กำลังมือขึ้น เงินสดกองใหญ่อยู่ตรงหน้า ชัยยงค์กระหยิ่มยิ้ม
“ลูกผมน่ะหรือ เขาคงมีธุระต้องสะสาง ไหนจะต้องไปรับใช้ผู้ใหญ่ คอยดูแลเรื่องความสะดวกสบายตอนไปนั่นนี่โน่น ชัยญาน่ะ ผู้ใหญ่รัก เพราะเขาคล่อง ผมกำลังวางแผนให้เขาติดตามนักการเมืองดัง เขาจะได้ลงเล่นการเมือง”
“ถ้าผมมีลูกอย่างคุณผมจะส่งเขาไปบวช ให้เขาอยู่ในวัดนานๆ เผื่ออานิสงส์ของเขาจะส่งคุณไปสวรรค์”
“อย่ายั่วโทสะผม วิธีนี้ผมใช้บ่อย ผมก็เป็นเซียนไม่แพ้คุณชิดชงค์ แต่วันนี้ผมก็ได้เปรียบกว่าคุณตรงที่โชคอยู่
กับผม”
ชัยยงค์หันไปหัวเราะกับสาวๆ อย่างมีความสุข ปฐวีเหลือบตามองชัยยงค์ยิ้มขบขัน
ห้าวใส่ชุดยามโรงงานขับรถมอเตอร์ไซค์กลับบ้าน เห็นรถมอเตอร์ไซค์ของธวัชพงษ์ตกอยู่ในคูน้ำ เธอรีบจอดรถด้วยความสงสัย
“มีรถชนกัน”
ห้าวเดินลุยลงมาในคูน้ำ มองไปรอบๆ พบแขนของธวัชพงษ์โผล่ขึ้นมาจากดงหญ้าหนาทึบ
“คนนี่ เฮ้ย คน”
ห้าวรีบลุยลงไปแหวกกอหญ้า ธวัชพงษ์คว่ำหน้าอยู่กับกอหญ้า เลือดอาบ
“ตายแล้ว”
ห้าวอุทานด้วยความตื่นตระหนก
ชิดชบามาหาเถาว์เครือที่บ้าน เห็นเถาว์เครือพับเสื้อผ้าใส่กระเป๋า ร้องไห้อย่างเงียบๆ ด้วยความรู้สึกเจ็บปวดขมขื่น เถาว์เครือเงยหน้าขึ้นเห็นชิดชบา รีบปาดน้ำตาทิ้ง เกลื่อสีหน้าเป็นเย็นชา
“ฉันเห็นประตูรั้วเปิดอยู่เลยเดินเข้ามาค่ะ”
“มีธุระอะไรกับฉัน”
“นั่นคุณนายจะไปไหนคะ”
“ฉันเอาบ้านหลังนี้ไปจำนองกับปฐวีแล้ว ฉันเก็บข้าวของเตรียมไว้ เพราะยังไงฉันก็ไม่มีปัญญาถ่ายคืน บ้านหลังนี้โสมสุภางค์เคยอยู่มาตั้งแต่ยังเด็ก ไม่มีโสมสุภางค์แล้วก็ไม่มีความหมายอะไร”
“บ้านทุกหลังมีความหมาย เพราะมันมีเรื่องราวของแม่ๆ ลูกๆ ฉันรู้ว่าคุณนายกำลังสิ้นหวังเรื่อง”
“ถึงฉันจะพอปลงได้เรื่องคุณชัยยงค์ แต่ฉันก็ไม่ต้องการให้ใครมาก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของฉัน”
“คุณนายไม่สงสัยหรือคะ ว่าทำไมคุณปฐวีเขาถึงจ่ายเงินสิบล้านให้คุณนาย ทั้งที่บ้านหลังนี้ไม่มีความหมายกับเขาเลย เขาอ้างว่า เขาเห็นแก่วิญญาณของโสมสุภางค์ แต่ฉันไม่เชื่อหรอกค่ะ”
“แล้วเธอมาที่นี่ทำไมชิดชบา”
“ปฐวีดูแปลกๆ ฉันก็ไม่รู้ว่าเขาคิดจะทำอะไร คุณนายต้องมีสติ อย่ายอมเสียบ้านไปง่ายๆ”
“เธอมาดี ฉันไม่เข้าใจ เธอทำอย่างนี้ทำไม”
“เราอาจจะเคยฆ่าแกงกัน แต่มันก็ผ่านมาแล้ว ถ้าคุณนายต้องการคนที่หวังดี คุณนายยังมีฉันอีกคน”
เถาว์เครือนิ่งอึ้ง จ้องมองชิดชบา
สาวๆ ภายในบ่อน เปลี่ยนข้างมาอยู่ทางปฐวี
เงินสดกองใหญ่เปลี่ยนมากองอยู่ตรงหน้าปฐวี มีเงินเหลืออยู่ตรงหน้าชัยยงค์เพียงไม่กี่แสนบาท ปฐวียิ้มสุขุมลุ่มลึก
“ตอนนี้โชคหักหลังคุณ มาอยู่กับผม ไม่ใช่โชคอย่างเดียวนะ”
ปฐวีชำเลืองมองผู้หญิงของชัยยงค์ ยิ้มๆ
“คุณพร้อมจะเปิดไพ่ของคุณหรือยัง”
ชัยยงค์กระแทกเงินสดตรงหน้าหมดทั้งกอง ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ขณะที่ปฐวีนิ่งๆ
“ผมเกหมดนี่”
ชัยยงค์เปิดไพ่ ปฐวีเปิดไพ่วางแต้มที่เหนือกว่าทับลงบนไพ่ของชัยยงค์ ขัยยงค์หน้าซีดเผือด
เจ้าหน้าที่มูลนิธิยกเตียงหามร่างสิ้นสติของธวัชพงษ์ขึ้นมาจากคูน้ำ ธวัชพงษ์มีสภาพบาดเจ็บสาหัส ห้าวเห็นธวัชพงษ์กระพริบตา รีบร้องตะโกน
“พี่ เขายังไม่ตาย”
เจ้าหน้าที่มูลนิธิ ใช้เครื่องช่วยชีวิตธวัชพงษ์ ท่ามกลางผู้คนที่รุมล้อมดู
ชัยยงค์เดินออกมาจากบ่อนพนันอย่างสิ้นหวัง ห่อเหี่ยว ไร้สง่าราศีและความทะนง พึมพำอยางคั่งแค้น
“สิบล้าน หมด หมด ไม่มีเหลือ หรือ หรือว่า”
ปฐวีเดินตามออกมาพร้อมกับสาวๆ ที่ล้วนเป็นผู้หญิงของชัยยงค์ ต่างเกาะแจ รุมล้อมปฐวี ปฐวีมองชัยยงค์เย้ยหยัน
“ผมมาตามเงินของผมคืน บ้านหลังนั้นเป็นของโสมสุภางค์ คุณไม่มีสิทธิ์เอามันไปละลายในบ่อนพนัน”
“คุณ”
“เห็นมั้ยว่าโชคตัวนี้มันไม่เคยรักใครจริง มันเป็นโชคที่มีผีพนันคุมเกม ผมเคยตั้งใจว่าเกมของผมกับคุณชิดชงค์จะเป็นเกมสุดท้าย แต่คุณทำให้ผมต้องกลับมาจับไพ่อีก ผมเสียใจด้วยนะ”
ชัยยงค์โกรธ สติแตก แผดเสียงด่า
“ฉันไม่เชื่อหรอก ว่าคนอย่างแกจะเลิกมันได้ มีนักพนันคนไหนเลิกเล่นการพนันได้บ้าง ถ้าเลิกได้ คงไม่ขายลูกขายเมียหรือขายชีวิตหรอก บ้านน่ะ กระจอก ของจิ๊บๆ”
“รู้มั้ย เกมนี้คุณแพ้ผมเพราะอะไร”
“อะไร”
“เพราะผีพนันตัวที่มันสิงคุณอยู่น่ะ มันเป็นผีขี้โมโห โดนคาถาเข้าหน่อยมันก็สะดุ้ง คุณชิดชงค์เขาสุขุมลุ่มลึกกว่าคุณเขายังพลาด เงินสิบล้านนี่ อย่าคิดอะไรมาก ถือว่าผมมาเอาเงินของผมคืน ไป น้องๆ เดี๋ยวฉลองกันแล้ว ผมจะให้คนขับรถไปส่ง”
“ขอบคุณค่ะ”
ปฐวีเดินโอบเอวสาวๆ ออกไป สาวๆ ต่างสะบัดใส่ชัยยงค์ ชัยยงค์คั่งแค้น
“เอาคืน เอาเงินสิบล้านคืนอย่างนั้นหรือ”
เจ้าหน้าที่มูลนิธิและตำรวจนำร่างของธวัชพงษ์ที่อยู่บนเปลหาม ในเครื่องช่วยชีวิตขึ้นรถของมูลนิธิ
ท่ามกลางผู้คนที่รุมล้อมดูอยู่ ห้าวนิ่วหน้า พึมพำเบาๆ
“หน้าเขาคุ้นๆ นะ”
เจ้าหน้าที่กำลังจะปิดประตู ห้าวรีบกันไว้
“พี่ ไปด้วยคน”
ห้าวพรวดพราดตามธวัชพงษ์เข้าไป รถมูลนิธิแล่นออกไปพร้อมเปิดไฟฉุกเฉิน จนไปถึงโรงพยาบาล ห้าวรีบกระโดลงมาช่วยเจ้าหน้าที่นำร่างที่บาดเจ็บของธวัชพงษ์ลงมาจากรถ แพรวาเดินสวนทางออกมา ชะงักหันไปจ้องมองธวัชพงษ์อย่างตื่นตระหนก
“ธวัชพงษ์ คุณหรือ ธวัชพงษ์ เกิดอะไรขึ้น มีใครรู้มั้ย”
“รถชนฮะ”
ห้าวรีบบอก
“ธวัชพงษ์ ทางนี้ค่ะ”
แพรวาวิ่งนำหน้าบุรุษพยาบาลและพยาบาล นำร่างของธวัชพงษ์เข้าห้องฉุกเฉินอย่างรีบเร่ง ห้าวเดินตามมา จ้องมองธวัชพงษ์
“เขาชื่อธวัชพงษ์หรือ เราเคยเห็นหน้าเขาที่ไหนนะ”
ห้าวสงสัย
ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ตอนที่ 16 อวสาน (ต่อ)
ชิดชบาเดินไปมาหน้านิ่งๆ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เธอดูหน้าจอเห็นชื่อแพรวา
“ค่ะ คุณหมอ”
แพรวาเปิดประตูห้องฉุกเฉินออกมา พูดโทรศัพท์กับชิดชบา ห้าวให้การในฐานะผู้พบธวัชพงษ์อยู่มุมหนึ่ง
“คุณต้องรีบมา ฉันออกไปหาคุณไม่ได้ ธวัชพงษ์ถูกรถชนอาการสาหัส เขาขาหัก กระดูกซี่โครงแตก ท่าทาง”
แพรวายกมือขึ้นปิดปาก พยายามอดกลั้น
“เขา เขาจะไม่รอด คุณต้องรีบมานะชิดชบา ไม่อย่างนั้นฉันทำอะไรไม่ถูก คุณต้องรีบมานะ ค่ะ ค่ะ ฉันจะรอ”
แพรวาปิดโทรศัพท์ ห้าวเดินเข้ามาหา
“คุณรู้จักคุณชิดชบาด้วยหรือ คุณหมอ”
“ใช่ ฉันโทร.ไปตามชิดชบา เพราะชิดชบาเป็นเพื่อนของธวัชพงษ์”
“งั้นคนที่ถูกรถชน ก็เป็นคนที่ไปร้องเพลงให้เด็กกำพร้าที่วัดฟังบ่อยๆ ใช่มั้ย ฉันคุ้นหน้าเขา ถ้าอย่างนั้น”
“มีอะไรหรือ”
“เรื่องที่เขาถูกรถชน ต้องเป็นเรื่องถูกสั่งเก็บแน่”
แพรวาตกใจ หวาดหวั่น
สมควรเช็ดรถอยู่หน้าคฤหาสน์ ชิดชบาเดินลงมาที่รถอย่างรีบเร่ง ปฐวีขับรถสวนทางเข้ามาจอด เห็นชิดชบาก็รีบถาม
“คุณจะไปไหน”
“อย่าห้ามฉัน ฉันจะไปดูธวัชพงษ์”
“ธวัชพงษ์ เขาเป็นอะไร”
“ถูกรถชนอาการสาหัส เขาอาจจะตายก็ได้ ดีมั้ย เขาจะได้พ้นๆ จากสายตาคุณ”
ปฐวีตกใจ ดึงกุญแจรถจากมือชิดชบา
“ผมไปด้วย”
“คุณกับเขาไม่เกี่ยวข้องกัน”
“ไม่อยากรู้หรือว่าเขาซ่อนหลักฐานนั่นไว้ที่ไหน”
“นี่ คุณพูดเหมือนเขาจะตาย”
“ขืนเรามัวแต่ทะเลาะกันเขาตายแน่”
ชิดชบารีบขึ้นรถ ปฐวีขับรถออกไปตามทาง ชิดชบาร้อนใจ ขยับนั่งไปมา ปากพึมพำ ปฐวีชำเลืองมอง
“ธวัชพงษ์ อย่านะ อย่าตาย คุณยังตายตอนนี้ไม่ได้ คุณเป็นเพื่อนฉัน คุณร่วมทุกข์ร่วมสุขกับฉันมาตั้งแต่ต้น อย่าตาย อย่าตายนะ”
“ผมว่าคุณเก็บสติแตกๆ ตกๆ ของคุณให้เป็นที่เป็นทางดีกว่า เขายังไม่ตายไม่ใช่หรือ”
“คุณคงจะพอใจถ้าเขาตาย คุณไม่เคยชอบธวัชพงษ์ คุณเกลียดที่เขาพยายามจับผิดคุณ”
“แล้วเขาจับได้สักเรื่องมั้ย เรื่องบ่อนพนันกลางเมืองที่เขาพยายามทำสกู๊ปข่าวน่ะ มันเป็นสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า”
“ถึงเขาจะพลาดแต่เขาก็เป็นคนที่หวังดีต่อสังคม เขาตายตอนนี้ไม่ได้ เพราะหลักฐานที่จะเอาคนผิดเข้าคุกอยู่ที่เขา”
“ผมก็กำลังภาวนาให้เขารอด”
ปฐวีขับรถไปด้วยความเร็ว
ชัยยงค์เข้ามาในบ้านเถาว์เครือ มองไปรอบๆ อย่างพาลๆ ก่อนทุ่มข้าวของลงกับพื้นด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด
เพราะเสียทั้งพนันและเสียรู้ปฐวี
“ไอ้ปฐวี กูจะฆ่ามึง ไอ้จิ้งจอกนี่มันเจ้าเล่ห์ชัดๆ มึง มึงหลอกกู นังผู้หญิงพวกนั้นเป็นแค่นกต่อ มึงหลอกเอาเงินสิบล้านคืน”
เถาว์เครือค่อยๆ เบี่ยงหน้าออกมาฟัง ตื่นตระหนก
“ปฐวี”
“ใช่ มันวางแผนเอาเงินสิบล้านนั่นคืนไปแล้ว ผมหมดตัว แพ้พนัน ปฐวี มันเอาเงินสิบล้านนั่นคืนไปแล้ว”
“จริงหรือ”
“เห็นมั้ย เห็นความเจ้าเล่ห์ของมันหรือยัง มันได้บ้านคุณไปฟรีๆ สตางค์แดงเดียวก็ไม่เสีย มันได้บ้านหลังนี้ไปฟรีๆ”
“คุณพระช่วย”
“ผมบอกแล้วให้ทนยายหม่อมจรัสเรือง คุณมัวแต่คิดเยอะ อายนั่น อายนี่ เราถึงได้เสียรู้ปฐวียังไงล่ะ”
“เราหรือ คุณต่างหากล่ะ ฉันให้เงินคุณไปแล้ว เพื่อซื้อชีวิตของฉันคืน แต่คุณก็เอาไปเล่นการพนัน”
“ก็ผมคิดจะเอาเงินสิบล้าน ไปต่อเงินร้อยล้านยังไงล่ะ ผมเคยเห็นมันมาแล้ว เงินร้อยล้านน่ะ มันกองเป็นตั้งๆ มันท้าทาย มันมีอำนาจ ไม่ใช้เงินสิบล้านไปต่อ จะได้เห็นเงินร้อยล้านหรือ”
เถาว์เครือมองชัยยงค์ด้วยความเจ็บปวด ขมขื่น
“ถึงตอนนี้เงินสักเท่าไหร่ฉันก็ไม่ต้องการเห็นมัน ฉันต้องการแค่ชีวิตของฉันคืน ไปซะ”
“นี่คุณกล้าไล่ผมหรือ”
ชัยยงค์ปราดเข้ามาตบเถาว์เครือล้มคว่ำ ชี้หน้าซ้ำ
“รู้มั้ยว่าผมเป็นใคร ผมเป็นผัวคุณ ไม่ได้เป็นหนี้คุณ เพราะฉะนั้นอย่ามาถามทวงชีวิตคืน ไม่ให้”
เถาว์เครือมองชัยยงค์อย่างหวาดกลัว
ชิดชบาวิ่งนำหน้าปฐวีเข้ามาในโรงพยาบาล กังวลและห่วงใยธวัชพงษ์ ห้าวรีบเข้ามาหา
“คุณชิดชบา”
“ห้าว นายมาทำอะไรที่นี่”
“ผมเป็นคนดึงตัวคุณธวัชพงษ์ขึ้นมาจากข้างทางหลังจากเขาถูกรถชน อาการของเขา”
“คุณหมอแพรวามาแล้ว”
ปฐวีรีบบอก ชิดชบาวิ่งเข้าไปหาแพรวา ต่างโผเข้ากอดกันแน่น
“ธวัชพงษ์เป็นยังไงบ้างคะ”
“เขา เขา เขาอาจจะไม่รอด”
แพรวาร้องไห้ด้วยความห่วงใยธวัชพงษ์
“เขาอาจจะไม่รอด เขาอยู่ในห้องฉุกเฉินมาเป็นชั่วโมงแล้ว”
“ทำใจดีๆ ไว้ค่ะคุณหมอ คุณเองก็เห็นคนเจ็บคนตายมามาก ทำใจดีๆ ไว้นะ”
“มันเกิดขึ้นได้ยังไงนี่ เขาจะไปที่วัดหรือ ไปทำอะไร” ปฐวีถามอย่างแปลกใจ
“ฉันพูดกับเขาครั้งสุดท้าย ฉันสั่งให้เขาเอาหลักฐานนั่นไปให้ตำรวจ แล้วเขาก็”
ชิดชบาเล่า ห้าวขยับเข้ามาฟังใกล้ๆ พลางแสดงความเห็น
“หลักฐานหรือ ถ้าอย่างนั้นมันคงไม่ใช่อุบัติเหตุแน่ เขาถูกเก็บ”
“เก็บหรือ”
ปฐวีแปลกใจ
“ใช่ เขาต้องถูกเก็บ”
“ห้าวพูดถูก มันเป็นไปได้ ธวัชพงษ์พยายามแฉเรื่องเบื้องหลัง เขาถูกยิงตั้งหลายครั้ง”
“ใช่ค่ะ เรารอดครั้งสุดท้ายจากบ้านแหลมเพราะคุณช่วย ฉันถึงต้องอยู่แต่ในโรงพยาบาลจนทนไม่ไหว นี่ธวัชพงษ์ต้องมาตายเพราะฉันหรือคะ”
“ธวัชพงษ์ยังไม่ตาย เขาจะไม่ตาย”
“คุณหมอว่า คุณหมอบังคับให้เขาเอาหลักฐานนั่นไปให้ตำรวจหรือครับ”
“ค่ะ”
“เขาใช้เส้นทางสายที่ไปวัด”
ปฐวีเริ่มสงสัย เขาจำได้ว่าเคยเห็นธวัชพงษ์ก้มๆ เงยๆ อยู่หน้าเจดีย์บรรจุกระดูกพ่อแม่ของเขา ปฐวีตื่นตระหนก
“หรือว่า”
ปฐวีรีบวิ่งไปที่รถ ชิดชบาวิ่งตามมา
“คุณจะไปไหน”
“กลับไปอยู่เป็นเพื่อนหมอแพรวา คอยดูอาการธวัชพงษ์ไว้”
“คุณรู้หรือ ว่าธวัชพงษ์ซ่อนหลักฐานนั่นไว้ที่ไหน”
“แล้วผมจะโทร.หา”
ปฐวีขับรถออกไป
เถาว์เครือซับเลือดจากมุมปาก สะดุ้งอย่างตื่นตระหนก เมื่อได้ยินเสียงชัยยงค์ตวาดอย่างเกรี้ยวกราด
“ตายหรือ ไอ้หน้าจืดนั่นตายแล้วแกจะรู้มั้ยว่ามันซ่อนหลักฐานนั่นไว้ที่ไหน ฉันสั่งให้แกบีบให้มันบอกที่ซ่อนเสียก่อนแล้วค่อยฆ่ามัน”
ชัยญาเริ่มสิ้นความเกรงกลัวชัยยงค์
“พ่อ มันตายคือมันพูดไม่ได้ แล้วใครสนล่ะ ว่าหลักฐานนั่นมันอยู่ที่ไหน อย่าเรื่องมากนักเลยพ่อ ตายก็คือตาย”
“ตายก็คือตายอย่างนั้นหรือ”
ชัยยงค์ตบหน้าชัยญา ถกลถลันเข้ามาห้าม
“นายครับ”
ชัยญาโกรธ เถาว์เครือแอบมองสองพ่อลูกทะเลาะกัน
“ตายก็คือตาย พูดออกมาได้ พูดโง่ๆ เพราะคิดอย่างนี้น่ะซี เรื่องมันถึงได้ย้อนกลับมามัดตัวฉัน แก มึง แล้วก็”
ชัยยงค์หันไปเห็นเถาว์เครือ
“คุณด้วย”
“ฉันหรือ”
ชัยญาผลุนผลันออกไปด้วยความโกรธ ถกลรีบตามออกไป
“ทำไมฉันถึงได้ซวยอย่างนี้ มีลูกก็โง่ มีเมียก็งั่ง ไอ้ธวัชพงษ์ยังอยู่ในห้องฉุกเฉิน แล้วถ้ามันรอดล่ะ”
“ธวัชพงษ์”
“ถ้ามันรอดเราทั้งหมดต้องเข้าคุกแน่ รวมทั้ง คุณด้วย”
ชัยยงค์จ้องหน้าเถาว์เครือ
ชัยญาเดินออกมาจากบ้านของเถาว์เครือ ปาดเลือดที่มุมปากด้วยความแค้น น้อยเนื้อต่ำใจในตัวพ่อ ถกลตามมาติดๆ
“ฉันเกือบจะทนพ่อไม่ไหวอีกแล้วนะ ฉันโง่คนเดียวเสียเมื่อไหร่พ่อด้วย นี่ถ้าพ่อฉลาดพ่อคงไม่เข้าไปยุ่งกับบ้านหลังนั้นหรอก ไอ้บ้านเฮงซวยของชิดชบาหลังนั้น”
“ใจเย็นๆ ครับคุณชัยญา นายก็เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ต้น มันจะแปลกอะไรล่ะถ้ายังเป็นอยู่”
“ไอ้ธวัชพงษ์ขับรถออกนอกเมือง แกว่ามันจะไปไหน”
“เส้นทางสายนั้น คงเป็นวัดที่มันไปร้องเพลงให้เด็กฟังมังครับ”
“วัด วัดหรือ หรือว่า มันจะซ่อนหลักฐานนั่นไว้ที่วัด”
ชัยญาตื่นเต้น
ปฐวีขับรถเลี้ยวเข้ามาในบริเวณวัด มองไปรอบๆ ด้วยความรู้สึกสับสน พระภิกษุเดินเข้ามา
“มาเสียค่ำเชียวนะคุณโยม”
“ครับ”
“เด็กๆ กำลังสวดมนต์กันอยู่ คงพบคุณไม่ได้หรอก ตอนนี้วัดเป็นที่รู้จัก จากชื่อเสียงของคุณ มีผู้ใจบุญนำข้าวสารอาหารแห้งมาบริจาคทุกวัน”
“ดีครับ”
“อาตมาเห็นจากข่าวเมื่อตอนค่ำ คุณโยมธวัชพงษ์เขาถูกรถชน ตอนนี้เด็กๆ ก็ภาวนาขอให้เขารอดชีวิต เขาจะได้มีอะไรดีๆ ให้สังคม เหมือนอย่างที่คุณทำ”
“ครับ ผมก็ภาวนาขอให้เขารอด”
“มาแล้วก็ไปไหว้กระดูกพ่อแม่ของคุณเถอะ คนจะคิดถึงกันน่ะ กลางวันหรือกลางคืนก็คิดถึงกันได้ ตามสบายนะ”
“ครับ หลวงพ่อ”
พระภิกษุเดินออกไป ปฐวีมองรอบๆ อย่างลังเล ก่อนจะเดินไปหน้าเจดีย์บรรจุกระดูกของพ่อแม่ แตะที่รูป
“พ่อ แม่ครับ ผมเหนื่อย ผมไม่อยากเป็นอย่างที่ผมเป็น ผมอยากมีชีวิตที่ดี เหมือนอย่างที่เราเคยมี มีพ่อ แม่ ลูก ผมต้องการครอบครัว”
ระหว่างนั้น ก้อนดินเล็กๆ หลุดออกจากขอบของรูปถ่าย ปฐวีก้มลงมองด้วยความแปลกใจ ค่อยๆ ยื่นมือไปแตะ
“เอ๊ะ”
กลางคืน แพรวามองผ่านกระจกห้องฉุกเฉิน เห็นธวัชพงษ์ยังอยู่ในเครื่องช่วยชีวิต สัญญาณการเต้นของหัวใจกระเตื้องขึ้น พยาบาลกดกริ่ง แพรวาตื่นเต้น ดีใจ แพทย์เปิดประตูห้องฉุกเฉินเข้ามาอย่างเร่งรีบ ชิดชบาและห้าวเดินเข้ามา แพรววาอุทานอย่างตื่นเต้น
“โอ ธวัชพงษ์”
“เขารอดแล้ว ธวัชพงษ์ไม่ตาย”
แพรวาและชิดชบาโผเข้ากอดกันทั้งน้ำตา
“ใช่ เขารอด ฉันเพิ่งรู้ว่าเขามีความหมายกับฉันแค่ไหน ตอนนี้ฉันคิดเหมือนโสมสุภางค์ ไม่ว่าเขาจะแขนขาด ขาขาด หรือจน ฉันก็รักเขา”
“มันคือความรักใช่มั้ยคะ คุณหมอโชคดีที่ยังได้พบความรัก แต่คนบางคนไม่เคยได้พบเลย”
“ชิดชบา คุณหมายถึงตัวคุณหรือ คุณไม่เคยพบมัน หรือว่า คุณปิดกั้นตัวเองไม่ให้มันเข้าใกล้”
“คุณหมอ”
“ฉันก็เคยเป็นเหมือนคุณ มันไม่ยากหรอกค่ะ ที่จะเปิดใจรับ เปิดรับมันซีคะ มันไม่ยากเลย”
ชิดชบาเบี่ยงตัวออกจากอ้อมกอดของแพรวา มึนตึง เด็ดเดี่ยว
“ไม่ค่ะ ฉัน ไม่”
ปฐวีเกลี่ยดินที่ธวัชพงษ์ซ่อนหลักฐานไว้จนหลุดออก เห็นโพรงเล็กๆ จึงล้วงมือเข้าไปแล้วดึงซองแผ่นดีวีดีออกมา
“อยู่นี่เอง หลักฐานที่ธวัชพงษ์ซ่อนไว้ มันอยู่ที่นี่จริงๆ”
ทันใดนั้น ชัยญาและถกลเดินเข้ามา จ่อปืนที่ศีรษะของปฐวี
“ส่งมา”
“ได้ยินมั้ย ส่งหลักฐานนั่นมา”
“สงสัยใช่มั้ย ว่าฉันตามแกมา เปล่า ฉันแค่เดาออกว่าไอ้หน้าจืดนั่นน่าจะซ่อนหลักฐานไว้ที่ไหน แต่เกือบช้าไป”
“ลุกขึ้น”
“แล้วส่งหลักฐานนั่นมาให้ฉัน”
ปฐวียื่นแผ่นดีวีดีมาตรงหน้าชัยญา ถกลรีบกระชากไปจากมือ ชัยญาง้างปืน ถามด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน
“สงสัยใช่มั้ยว่าฉันจะทำยังไงกับแก”
ตลับนาคและจำเรียงเดินไปเดินมาด้วยความห่วงใยธวัชพงษ์ ชิดชบาขับรถเข้ามา
“คุณชิดชบากลับมาแล้วค่ะ ไม่มีคุณปฐวีค่ะ”
“ชิดชบา ธวัชพงษ์เป็นยังไงบ้าง”
“พ้นขีดอันตรายแล้วค่ะ แต่ยังอยู่ในห้องไอซียู อาการของเขายังหนัก”
“คุณธวัชพงษ์พ้นขีดอันตรายแล้ว ดีใจจังค่ะคุณป้า”
“ป้าค่อยโล่งอก แล้วนี่คุณปฐวีเขาไม่ได้กลับมากับหนูหรือ”
“เปล่าค่ะ เขาไปตามหาหลักฐานที่ธวัชพงษ์ซ่อนไว้ตั้งแต่เมื่อคืน นี่เขายังไม่ได้กลับมาอีกหรือคะ”
“ยัง”
“เอ๊ะ ทำไมเขาหายไปทั้งคืนล่ะ”
ชิดชบาสงสัย
ปฐวีนั่งอยู่ทางตอนหลังของรถ ชัยญาถือปืนจ่อที่ศีรษะ คอยประกบปฐวีไว้ ขณะที่ถกลทำหน้าที่ขับรถมุ่งออกจากเมือง
“สงสัยใช่มั้ยว่าฉันจะพาแกไปไหน ฉันจะพาแกไปเก็บในที่ที่ปลอดภัย พร้อมกับหลักฐานนี่ มันจะตายไปพร้อมกับแก”
ถกลล้วงหลักฐานออกจากอกเสื้อ ยิ้มเยาะ ชัยญายกโทรศัพท์ขึ้นโทร.ถึงชัยยงค์ ขณะนั้นชัยยงค์อยู่กับเถาว์เครือ
“ดีมาก แกทำดีมาก เอามันไปฆ่าที่เขื่อน ที่นั่นเปลี่ยว กว่าจะมีคนพบศพปฐวีก็คงจะสามวันไปแล้ว อย่าให้พลาดอีกล่ะ”
ชัยยงค์ปิดโทรศัพท์ เถาว์เครือทิ้งถ้วยกาแฟด้วยความตกใจ ปราดเข้ามากระชากชัยยงค์อย่างตื่นตระหนก
“คุณสั่งฆ่าปฐวีหรือ อย่านะ อย่าฆ่าเขา คุณฆ่าเขาไม่ได้นะ”
“ทำไมจะไม่ได้ ทำไมผมจะฆ่าเขาไม่ได้”
“เพราะเขาเป็นคนดี ฉันไม่เชื่อหรอกว่าปฐวีหลอกฉัน คุณต่างหากล่ะที่หลอกฉันมาตั้งแต่ต้น ฉันหมดเนื้อหมดตัวก็เพราะคุณ อย่าฆ่าเขานะ”
“คุณเถาว์เครือ คุณเห็นไอ้ปฐวีเป็นเทวดาไปตั้งแต่เมื่อไหร่นี่ คุณได้มาสิบล้าน มันก็ยึดบ้านนี้ไป”
“ฉันไม่เชื่อ บ้านชิดชบาราคาตั้งสองร้อยล้าน ทำไมเขาไม่ยึดล่ะ ตอนนี้ฉันเห็นเขาเป็นเทวดา แต่เห็นคุณเป็นไอ้สารเลว”
ชัยยงค์เงื้อมือขึ้น
“เอาซี คุณจะฆ่าฉันก็เชิญ แต่อย่าฆ่าปฐวี ไม่อย่างนั้นฉันจะ”
“จะแจ้งตำรวจหรือ ดีเลย เราจะได้เข้าคุกด้วยกัน ผมไม่ยอมติดคุกคนเดียวหรอก คุณด้วย คุณก็มีส่วนร่วมในการฆ่าบุญถิ่น”
เถาว์เครือถอยหลังด้วยความหวาดกลัว
“คุณจะต้องติดคุก เหมือนผม”
เถาว์เครือกลัว วิ่งออกจากบ้านไป
“อ้าว เฮ้ย นั่นคุณจะไปไหน”
ชัยยงค์รีบวิ่งตามออกไป เถาว์เครือวิ่งอออกจากบ้านลับสายตาออกไป ชัยยงค์หันรีหันขวาง วิ่งมาที่รถ ก่อนขับออกไป
เถาว์เครือวิ่งหนีชัยยงค์ เหลียวมองหลังจนล้มกลิ้งลง เธอรีบเข้ามุมหลบเมื่อเห็นรถของชัยยงค์ขับผ่านไป เถาว์เครือออกจากมุม หาทางหนี ชัยยงค์มองกระจกหลังเห็นเถาว์เครือ เขารีบเบรกรถก่อนเลี้ยวกลับ ขับไล่ล่าเถาว์เครืออย่างบ้าคลั่ง
ชิดชบาเดินไปมาหน้าเตียงนอน ทิ้งโทรศัพท์มือถือไว้บนเตียง ห่วงใยปฐวีแต่พยายามเก็บความรู้สึก ตลับนาคเปิดประตูเข้ามา
“ได้ข่าวคุณปฐวีหรือยัง นี่มันจะค่ำแล้วนะ”
“หนูไม่สนใจเขาหรอกค่ะ เขาจะไปขึ้นสวรรค์หรือลงนรกที่ไหน ก็เชิญ”
ชิดชบาเปิดประตูออกไป
“ชิดชบา ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะ คุณปฐวีน่ะเขาเป็น”
ตลับนาครีบเปิดประตูออกไป เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นสายจากอุราศรี ขณะนั้นอุราศรีอยู่บนรถกับอรุณณรงค์
“ไม่มีคนรับสายค่ะ ฉันว่าเรารีบไปโรงพยาบาลดีกว่า ดูให้แน่ว่าธวัชพงษ์เขาเป็นยังไงบ้าง”
“ครับ”
เถาว์เครือวิ่งหนีชัยยงค์ ตัดหน้ารถของอรุณณรงค์ อรุณณรงค์รีบเบรก
“คุณเถาว์เครือ หนีใครมาน่ะ หรือว่าจะเป็นนายชัยยงค์”
“ขึ้นรถครับ”
เถาว์เครือเปิดประตูทางเบาะหลังพุ่งตัวขึ้นมาบนรถ เนื้อตัวสั่นไปด้วยความหวาดกลัว
อรุณณรงค์รีบขับรถออกไป ชัยยงค์มองตามด้วยความโกรธแค้น
ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ตอนที่ 16 อวสาน (ต่อ)
ชิดชบาเดินเร็วๆ ลงมาจากบันได ตลับนาควิ่งตามลงมา
“ชิดชบา นี่หนูจะไม่สนใจใยดีคุณปฐวี สาปแช่งให้เขาไปลงนรกหรือไง”
“ค่ะ เขาตกนรกแน่ เขาทำเวรทำกรรมไว้เยอะ บุญที่เขาทำน่ะเขาได้ไปแค่หน้า กุศลมันไม่ส่งให้เขาพ้นบาปไปได้หรอกค่ะ”
“ชิดชบา นี่หนูจะไม่ให้อภัยคุณปฐวีเขาบ้างเลยหรือ เขาพยายามทำดีทุกอย่างเพื่อ”
“เพื่อลูก แต่ไม่ใช่เพื่อหนู อย่าขอร้องหนูเลยค่ะคุณป้า คนไม่รักกันก็คือคนไม่รักกัน ไม่ว่าจะเพื่ออะไรก็คือไม่รัก หนูขอให้เขาตกนรก”
ชิดชบาแสร้งยิ้มระรื่น
ถกลขับรถเข้ามาจอดบริเวณสันเขื่อนช่วงโพล้เพล้ แล้วเอาปืนจ่อปฐวีให้ลงมาจากรถ ปฐวีลงมาด้วยท่าทีนิ่งๆ ชัยญารีบตามลงมา ยกปืนขึ้นจ่อ
“เดินไปที่สันเขื่อนนั่น”
“นี่คิดจะทำอะไร”
“คิดจะฆ่าแกที่นี่ ไม่มีแก ก็ไม่มีเรื่องให้พ่อด่าฉันว่าโง่ เพราะเราจะไม่ติดคุก”
“คนทำผิดต้องติดคุก ไม่ว่าเขาจะจนหรือรวย แต่คนมีเงินเข้าไปอยู่ในคุกแบบสบายๆ ไม่ใช่เรื่องแปลก”
“ไม่ต้องพูดมาก ทำตามที่คุณชัยญาสั่ง”
ทั้งสองคุมตัวปฐวีเดินไปตามสันเขื่อน
“จะขออโหสิกรรมต่อคุณชิดชงค์ ที่แกทำชีวิตของลูกสาวจนยับเยิน หรือจะบอกลาลูกในท้องของชิดชบาเชิญ”
ชัยญาง้างไกปืน ถกลยิ้มเยาะ ปฐวีหันมามองหน้าถกล แล้วคว้าคอของถกลกระโดดลงไปในน้ำด้วยกัน ชัยญารัวยิงด้วยความตื่นตระหนก ร่างของถกลและปฐวีลอยละลิ่วลงมาจากสันเขื่อนสูง ตกลงในน้ำจมหายไป ครู่หนึ่งปฐวีจึงค่อยๆ โผล่ขึ้นมา ดึงร่างของถกลขึ้นมาจากน้ำ ถกลถูกกระสุนของชัยญาที่หน้าผาก เสียชีวิต ชัยญามองมาลงมาอย่างตื่นกลัว ก่อนหลบหายไป
เถาว์เครือร้องไห้อย่างเสียสติอยู่ที่วังอรุณรงค์เพราะความหวาดกลัว อรุณณรงค์และอุราศรีพยายามจับตัวเถาว์เครือไว้เพื่อให้ตั้งสติ
“ฉันไม่รู้ว่าเขาเอาปฐวีไปฆ่าที่ไหน ฉัน ฉันจำไม่ได้”
“ใจเย็นๆ ครับคุณเถาว์เครือ ค่อยๆ คิด”
หม่อมจรัสเรืองย่องเข้ามาฟังอยู่ใกล้ๆ เพราะยังกลัวและรังเกียจเถาว์เครือ
“ค่อยๆ คิดค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ คุณเถาว์เครือปลอดภัยแล้ว เราจะไม่ยอมให้คุณเถาว์เครือกลับไปหาคนอุบาทว์นั่นอีก”
“เขาเอาคุณปฐวีไปฆ่าที่ไหนครับ”
“เขื่อน ฉันรู้แต่ว่ามันเป็นเขื่อน แต่ไม่รู้ว่าเขื่อนอะไร”
“แล้วเราจะแจ้งตำรวจยังไงคะ คุณชายเอี่ยว”
“จำไม่ได้จริงๆ หรือครับว่าเขื่อนอะไร”
“ฉันไม่รู้ ฉันห้ามเขาแล้ว เขาจะทำร้ายฉัน ขู่ฉันว่าจะเอาฉันเข้าคุก ฉันถึงต้องหนี”
“เขื่อน”
“เขื่อนอะไรครับ”
เถาว์เครือสั่นศีรษะ
“เขาคงรู้กันว่าที่ไหน คุณดูคุณเถาว์เครือไว้นะครับคุณหญิง ผมจะไปโทร.แจ้งตำรวจ”
เถาว์เครือร่ำไห้ กอดอุราศรีไว้แน่น
“ปฐวี ขออย่าให้เขาเป็นอะไรเลยนะ ฉัน ฉันจะขอโทษเขา เรื่องทั้งหมดที่มันเกิดขึ้นนี่ เพราะฉัน”
เวลาเดียวกันนั้น ปฐวีลากศพของถกลเข้ามาขึ้นฝั่งด้วยความลำบาก ดึงหลักฐานจากอกเสื้อของถกล เขาเห็นแสงไฟฉายจากยามที่ขี่จักรยานออกมาตามสันเขื่อนแต่ไกล จึงส่งเสียงตะโกน
“ยาม ช่วยด้วย มีคนถูกยิง ทางนี้”
ชิดชบายืนมองลงไปจากหน้าต่าง คิดถึงการทำแท้ง ปฐวีในสภาพทรุดโทรม เพิ่งกลับถึงบ้าน
“คุณจะไม่ถามผมสักคำหรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม”
“ไม่ ฉันไม่รู้จะอยากรู้เรื่องของคุณไปทำไม”
“ธวัชพงษ์คงปลอดภัยแล้วใช่มั้ย”
“ใช่ เขารอดตายแล้ว”
“แต่ผมเกือบตาย”
ชิดชบาตกใจ แต่รีบกลบเกลื่อน
“นายชัยญากับสมุนพยายามฆ่าผม แต่เขายิงพลาดไปถูกลูกน้องตัวเองตาย คุณรู้มั้ยว่าทำไม”
“เพราะ”
“ใช่ เพราะหลักฐานที่ธวัชพงษ์เอาไปซ่อนไว้ในเจดีย์เก็บกระดูกของพ่อแม่ผม เขาถึงได้ไปที่นั่น แล้วก็ถูกรถชน ทำให้เป็นเหมือนอุบัติเหตุ แต่สำหรับผมไม่ใช่ มันจงใจฆ่า”
“เอ่อ ไหนล่ะ หลักฐานนั่น คุณเอาไปให้ตำรวจหรือยัง”
“นี่คุณไม่ห่วงชีวิตของผมเลยหรือ ห่วงหลักฐานนั่น”
“คนอย่างคุณไม่ตายง่ายหรอก ถ้าคุณตายง่ายๆ คงตายตั้งแต่คุณเสียครอบครัว ตั้งแต่คุณเห็นพ่อคุณผูกคอตาย คุณรอดมาได้แล้วยังแก้แค้นฉัน พ่อฉัน เรื่องแค่นี้ขี้ผงเต็มที”
“ชิดชบา นี่คุณยังไม่ลด ละ เลิก หรือลืมเรื่องนี้อีกหรือ คุณไม่เหนื่อยไม่หนักกับความเกลียดบ้างหรือไง ผมน่ะ เหนื่อย หนักเต็มทีแล้ว ผมจะไปนอนละ ผมปวดหัว”
ปฐวีเดินขึ้นบันไดไปอย่างเหงาๆ เริ่มมีอาการไข้ ชิดชบามองตาม แววตาสลดลง
อรุณณรงค์และอุราศรีประคองเถาว์เครือมาที่รถ หม่อมจรัสเรืองยืนมองอยู่ไกลๆ สีหน้าหวั่นๆ
“ทำไมคุณเถาว์เครือไม่อยู่ที่นี่ไปก่อนล่ะครับ หม่อมแม่ท่านก็อนุญาตแล้ว”
เถาว์เครือมองหม่อมจรัสเรือง
“ไม่ล่ะค่ะ ฉันเกรงใจท่าน แค่คุณชายเอี่ยวกับคุณหญิงอุราศรีช่วยฉันครั้งแล้วครั้งเล่า ฉันก็ไม่รู้จะขอบคุณยังไงแล้ว”
“เราต้องช่วยกันซีคะ ยามนี้เป็นยามที่คุณเถาว์เครือไม่มีใคร ตำรวจเขาพบศพลูกน้องนายชัยญาที่เขื่อนนั่น คุณปฐวีก็ปลอดภัยแล้ว”
“แต่ชัยญาหายไป”
“ผมแจ้งตำรวจ ขอให้เขาไปดูที่เขื่อนทุกแห่ง ก็ได้ผลบ้างไม่ได้บ้าง แต่คุณปฐวีก็ปลอดภัยแล้ว คุณเถาว์เครือสบายใจได้นะครับ”
“คุณเถาว์เครือจะกลับบ้าน แน่ใจหรือคะว่าจะปลอดภัย”
“ขอกำลังตำรวจไปคุ้มกันสักระยะ จนกว่าคนพวกนี้จะถูกจับดีมั้ยครับ”
“ไม่ค่ะ ช้าไป ฉันตัดสินใจแล้ว ว่าจะจัดการเรื่องนี้ด้วยมือของฉันเอง”
เถาว์เครือพูดอย่างเด็ดเดี่ยว
แพรวานั่งเฝ้าธวัชพงษ์ด้วยความรัก ความห่วงใย ธวัชพงษ์เริ่มรู้สึกตัว
“ธวัชพงษ์”
“คุณหมอ”
แพรววายิ้ม น้ำตาคลอ บีบมือธวัชพงษ์เบาๆ
“เสียใจด้วยนะที่คุณยังไม่ตาย นี่ถ้าคุณตายคุณคงจะหมดทุกข์ ไม่รับรู้เรื่องของใคร หรือสังคมจะเป็นยังไง ส่วนฉัน”
“คุณหมอก็คงจะมีความสุข ที่ไม่ต้องเห็นหน้าตาจืดๆ ของผมอีก โอยW
“ธวัชพงษ์ เจ็บหรือ”
“ผมเจ็บที่”
ธวัชพงษ์ก้มลงมองขาของตนเอง
“ขา ขาของผม”
“อยู่ในเฝือก ยังไม่ได้ตัดทิ้งหรอก ที่จริงฉันอยากจะให้คุณหมอตัดขาคุณทิ้งด้วยซ้ำไป คุณจะได้ไม่ไปไหน ไม่ดื้อ ไม่ซน ไม่เที่ยวไปยุ่งเรื่องของใคร คุณจะได้อยู่ในที่ที่ฉันสั่งให้อยู่ ในใจฉันไง”
“คุณหมอ หลักฐานนั่น”
“มีคนพบแล้วส่งให้ตำรวจแล้ว”
“ใครครับ”
“คุณปฐวี”
“คุณปฐวี”
ธวัชพงษ์อุทานด้วยความแปลกใจ
อรุณณรงค์และอุราศรีพาเถาว์เครือกลับมาส่งที่บ้าน
เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายกำลังค้นบ้านเพื่อจับตัวชัยยงค์และชัยญา เถาว์เครือตกใจ นั่งตัวสั่นอยู่หลังเบาะรถ ไม่ก้าวลงมา
“ตำรวจ”
“ตำรวจมาทำอะไรที่นี่ครับ เดี๋ยวผมลงไปเอง คุณหญิงอยู่เป็นเพื่อนคุณเถาว์เครือก่อนนะครับ”
“ค่ะ”
อรุณณรงค์เดินไปคุยกับตำรวจ ตำรวจมองมาที่เถาว์เครือ เถาว์เครือเริ่มตัวสั่น กลัวตำรวจจับเรื่องร่วมฆ่าบุญถิ่น ครู่หนึ่งอรุณณรงค์จึงเดินกลับมา
“ตำรวจเขามาทำไมคะ”
“เขามาตามจับตัวนายชัยยงค์กับนายชัยญาน่ะครับ มีหลักฐานชี้ความผิดสองคนนั่นแล้ว ส่วนนายถกลคนของเขา ตายแล้วครับ”
“ถกล จริงหรือ”
“ไม่ต้องกลัวแล้วละครับ นายชัยยงค์คงไม่กล้ากลับมาทำร้ายคุณเถาว์เครืออีก”
“นายชัยยงค์กับนายชัยญาหนีไปแล้วใช่มั้ยคะ”
“ครับ ตอนนี้ตำรวจตามจับสองพ่อลูกนั่นแบบพลิกแผ่นดินหาครับ”
อรุณณรงค์เคร่งเครียด
ระรินเดินออกจากลิฟท์ของคอนโดที่เช่าอยู่ร่วมกับยุวดี หิ้วกล่องเครื่องบำรุงผิวที่ขายออนไลน์เข้ามาไขกุญแจ แต่ยังไม่ทันเปิด ประตูถูกกระชากเปิดจากภายใน ชัยญากระชากคอเสื้อของระรินลากเข้าห้องไป ระรินสะบัดตัว อุทานอย่างตื่นตระหนก
“แก ไอ้”
“ฉันเอง ผัวเก่าที่ขุดเธอมาจากบาร์อะโกโก้ยังไงล่ะ เปลี่ยนเนื้อเปลี่ยนตัวเป็นคนดี ทำมาหากิน เลิกขายเนื้อ แต่กลิ่นคาวยังหึ่งอยู่เลยนะ ระริน”
“แกต้องการอะไร”
“ฉันกำลังหนีตำรวจ ไม่รู้จะไปไหน ฉันยังติดต่อพ่อไม่ได้ ฉันต้องซ่อนตัวอยู่ที่นี่จนกว่า”
“ไม่ได้นะ ไม่ได้ ฉันไม่ได้อยู่คนเดียว”
ชัยญากระชากผมระริน
“ก็อยู่กันสามคนซีวะ ยังกับไม่เคยอยู่แบบสามคนผัวเมีย นี่ อย่ามาทำสะอาดนักเลย คนสกปรกอย่างเธอน่ะ เหมาะที่จะอยู่กับคนรกๆ อย่างฉัน”
ระรินนิ่ง ตรึกตรอง
ตลับนาคเดินนำหน้าจำเรียงนำกาแฟไปให้ชิดชบา เธอชะงักเมื่อผ่านหน้าห้องปฐวี
“คุณปฐวีลงไปข้างล่างหรือยัง”
“เช้านี้หนูยังไม่เห็นเลยค่ะ”
“ปกติคุณปฐวีเขาเป็นคนตื่นเช้า ถ้าเขาอยู่เขาจะตื่นก่อนคนอื่น แต่ทำไมวันนี้”
ชิดชบาเปิดประตูห้องนอนออกมา
“มีอะไรหรือคะคุณป้า”
“คุณปฐวียังไม่ออกมาจากห้อง ป้าเลยสงสัยว่าเขาเป็นอะไร”
“เขาจะเป็นอะไรคะ นอกจาก”
“เข้าไปดูเขาหน่อยเถอะชิดชบา อย่าใจไม้ไส้ขมกับเขานักเลย คุณปฐวีเขาก็อ่อนลงมากแล้วนะ เมื่อวานเขาหายไปทั้งวันทั้งคืน กลับมาก็โทรมไปทั้งตัว เขาอาจจะ”
“ค่ะ หนูจะเข้าไปดูเขาเอง ว่าเขาตายหรือยัง”
ชิดชบาเปิดประตูห้องปฐวีเข้ามา ด้วยอ่อนโยน นุ่มนวล ตรงข้ามกับคำพูด เธอชะโงกมองชายหนุ่มซึ่งนอนคว่ำหน้าหันหลังให้
“คุณ เป็นอะไรหรือเปล่า คุณป้าให้ฉันมาดูว่าคุณตายหรือยัง จะให้ฝัง เผา หรือดองน้ำยาไว้เพื่อความเป็นนิรันดร์”
ปฐวีขยับตัวเบาๆ
“คุณ”
“ใครน่ะ จำเรียงหรือ”
“คุณเป็นอะไรน่ะ ตัวคุณร้อนจี๋เลย”
“หนาว ผมหนาว”
“ให้ฉันเรียกนายสมควรมั้ย”
“ไม่ ไม่ต้อง”
“งั้นฉันจะโทรเรียกรถพยาบาล”
“อย่า ผมขอแค่”
“คุณจะให้ฉันทำอะไร”
“อยู่ใกล้ๆ ผม สักพัก”
ชิดชบานิ่งอึ้ง ลังเล ก่อนทรุดตัวลงนั่งที่ขอบเตียง
“ก็ได้ ฉันจะอยู่กับคุณสักพัก มันอาจจะเป็นพักสั้นๆ เพราะอีกไม่นานเราก็คงจะไม่ได้อยู่ด้วยกันอีกแล้ว”
“ชิดชบา ผม ผมหนาว ยังจำวันที่ผมกอดคุณที่ปารีสได้มั้ย มันเป็นวันที่อากาศหนาว ผมกอดคุณเพื่อให้คุณอุ่นขึ้น”
“ฉัน”
“ขอกอดของผมคืนได้มั้ย”
ชิดชบานิ่งอึ้งไปนาน ก่อนที่จะรับคำเสียงแผ่วเบา
“ได้ เอากอดของคุณคืนไป”
ชิดชบาเอนตัวลงนอน สอดแขนกอดปฐวีทางด้านหลัง อิงแอบใบหน้ากับแผ่นหลังของเขา ขณะที่ปฐวีเริ่มหลับอย่างมีความสุข ชิดชบาพยายามอดกลั้นความรู้สึกอยากร้องไห้
อรุณณรงค์และอุราศรี นำของกินมาให้เถาว์เครือที่บ้าน แต่บ้านปิด
“ประตูรั้วนี่ใส่กุญแจค่ะ”
“รถคุณเถาว์เครืออยู่นี่ครับ คงไม่ได้ไปไหน ที่ใส่กุญแจรั้วคงกลัวว่านายชัยยงค์จะกลับมา”
“คุณว่าเขาจะกลับมามั้ยคะ”
“ผมก็ไม่รู้ เขาคงไม่จนตรอกจนต้องย้อนกลับมา เขาก็เป็นเซียนคนหนึ่งนี่ครับ”
“กดกริ่งเลยนะคะ”
อุราศรีกดกริ่ง เถาว์เครือแอบดูอยู่ที่หน้าต่างด้วยความระแวงกลัวถูกตำรวจจับ
“หรือคุณเถาว์เครือจะหลับ”
“งั้นเอาของนี่แขวนไว้ที่ประตูรั้วดีกว่าค่ะ จะได้ไม่รบกวนคุณเถาว์เครือ อีกอย่าง คุณเถาว์เครืออาจจะไม่ต้องการพบใครก็ได้”
“ครับ เอาของแขวนไว้ที่นี่ก็แล้วกัน”
อรุณณรงค์และอุราศรีเอาของแขวนไว้ที่รั้วก่อนเดินออกไป เถาว์เครือแอบดูอยู่หลังม่านหน้าต่าง ถอนหายใจด้วยความร้อนรน กระวนกระวาย
ตอนเช้า ชิดชบานอนกอดด้านหลังของปฐวีหลับสนิท ปฐวีเริ่มรู้สึกตัวหันมามองหญิงสาวด้วยความแปลกใจ ชิดชบาลืมตาขึ้น ต่างจ้องมองกันและกัน
“ชิดชบา ผมไม่อยากเชื่อเลยว่า เรายังมีกันอยู่ ไม่อยากให้นี่เป็นแค่ฝัน ถึงจะเป็นฝันดีก็เถอะ”
“ฉันเห็นคุณไม่สบาย ก็เลยเข้ามาดูคุณ ตัวคุณยังร้อนอยู่ เดี๋ยวฉันจะให้จำเรียงเอายาเข้ามาให้ ฉัน เอ่อ ขอโทษที่เผลอหลับไป เมื่อคืนนี้ฉัน”
ชิดชบาลุกขึ้นยืน ปฐวีรั้งไว้ เธอจึงล้มลงในอ้อมแขนของเขา ปฐวีประกบริมฝีปากจูบชิดชบา
ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ตอนที่ 16 อวสาน (ต่อ)
อรุณณรงค์และอุราศรีกลับจากเยี่ยมเถาว์เครือที่สถานีตำรวจ ต่างสลดหดหู่กับชีวิตของเถาว์เครือ
“ฉันเศร้าใจจังเลยค่ะ เห็นสภาพคุณเถาว์เครือ ที่ต้องกลายเป็นผู้ร้ายฆ่าคนตายถึงสองคดี นี่เป็นเพราะคุณเถาว์เครือตัดสินใจผิดเรื่องนายชัยยงค์”
“นายชัยยงค์ก็ตายไปแล้ว เหลือแต่ลูกเขาที่ตำรวจยังตามจับอยู่ ถ้าคนๆ นี้ยังรอด ก็ยังอันตรายอยู่ดี”
“ตำรวจกำลังตามจับเขาอยู่ ฉันภาวนาขอให้จับเขาให้ได้ ไม่รู้ชิดชบาจะเป็นยังไงบ้าง เราไม่ได้พบชิดชบานานแล้วนะคะ”
“ผมก็มัวแต่ยุ่งๆ ไม่ได้โทร.ถึงชิดชบาเลย คุณหญิงลองโทรซีครับ ว่าชิดชบาเป็นยังไงบ้าง”
อุราศรีโทรศัพท์ถึงชิดชบา แต่ไม่มีคนรับสาย
“ชิดชบาไม่รับสายค่ะ”
อุราศรีอุทานด้วยความแปลกใจ
ยุวดีดึงมือระรินลงมาจากคอนโด
“แกจะพาฉันไปไหน หาเรื่องตายแล้วใช่มั้ย นายชัยญามันหนีตำรวจไปได้ มันต้องย้อนกลับมาเล่นงานแกกับฉันแน่”
“เราต้องไปหาคุณปฐวี ฉันมีเรื่องต้องพูดกับเขา”
“สี่ทุ่มนี่น่ะนะ เรื่องแกร้อนแค่ไหนถึงต้องบอกตอนนี้”
“เร็ว”
ยุวดีดึงระรินข้ามถนน อรุณณรงค์ขับรถผ่านมา รีบจอด
“ระริน ยุวดี”
“คุณชายเอี่ยว เร็ว ขึ้นรถคุณชายเอี่ยวเร็วๆ”
“แก”
“มีเรื่องอะไรกัน ขึ้นมาก่อนค่ะ”
“ฉันต้องพบคุณปฐวีคืนนี้เดี๋ยวนี้ คุณชิดชบากำลังจะทำแท้ง”
อรุณณรงค์และอุราศรีต่างตื่นตระหนก
ชิดชบามาที่คลินิกทำแท้ง ซึ่งเป็นตึกแถวเก่าๆ เธอค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งด้วยความหวาดกลัว เจ้าหน้าที่คลินิกเดินเข้ามาสีหน้าเย็นชา
“นัดไว้หรือเปล่า”
“เปล่า”
“ถ้าไม่นัดก็ต้องรอนะ ตอนนี้มีคนขึ้นเขียงอยู่”
ชิดชบาหน้าซีดเผือด
“ขึ้นเขียงหรือ”
อรุณณรงค์ขับรถเข้ามาจอดที่คฤหาสน์ของปฐวี กดแตรถี่ๆ อย่างร้อนใจ สมควรวิ่งไปเปิดประตู จำเรียงวิ่งลงมาจากตึก
“ใครวะ มาดึกๆ ดื่นๆ หรือจะเป็นคุณชิดชบา รถไม่ใช่นี่”
“ผมเอง เปิดประตูก่อน ผมมาหาคุณปฐวี”
“เร็วๆ ค่ะ”
“ครับๆๆๆ”
สมควรเปิดประตูรั้ว อรุณณรงค์ขับรถเข้ามา ทุกคนรีบลงมาจากรถด้วยความร้อนใจ ตลับนาคลงมาจากตึกด้วยความแปลกใจ
“คุณชายอรุณณรงค์”
“คุณปฐวีล่ะครับ”
“คุณปฐวีไม่สบายค่ะ อยู่ข้างบน ป้าเห็นไฟในห้องยังเปิดอยู่”
ปฐวีแหวกม่านหน้าต่างมองลงมาด้วยความแปลกใจ รีบลงมาจากตึก
“เราต้องพบคุณปฐวีค่ะ ด่วนที่สุด” อุราศรีบอก
“ใช่ค่ะ ด่วนที่สุด มันเกี่ยวกับคุณชิดชบา”
“ชิดชบา เรื่องอะไรกัน นี่ชิดชบายังไม่กลับ คุณปฐวีคงรออยู่”
“ผมต้องพบคุณปฐวีครับคุณป้า เรื่องด่วนมาก”
ปฐวีรีบลงมาจากตึก
“เรื่องอะไรครับ”
“แก บอกคุณปฐวีไปเลย”
“คุณชิดชบาไปทำแท้งค่ะ”
ปฐวีตื่นตระหนก จับไหล่ของยุวดีเขย่าอย่างลืมตัว
“ที่ไหน”
“ฉันไม่รู้ ที่ทำแท้งน่ะมันมีตั้งหลายที่”
“เมื่อไหร่”
“หนูเจอคุณชิดชบาตอนบ่าย ตอนนี้คงจะ”
“ชิดชบา”
“ไม่รู้จริงหรือว่าที่ไหน” อรุณณรงค์ย้ำถาม
“แล้วเราจะทำยังไงล่ะคะ”
ระรินนิ่วหน้า คิด หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา
“เดี๋ยวนะคะ หนูมีเพื่อนที่รู้เรื่องนี้ดี มันรู้ว่ามีที่ทำแท้งที่ไหน”
ระรินโทรศัพท์ ผู้หญิงบาร์เปิดประตูบาร์ออกมายืนโทรศัพท์ข้างถนนด้วยท่าทีหยาบๆ
“ไง อีเห็บ ไปเป็นเด็กเสี่ยอยู่พักใหญ่ ตอนนี้เสี่ยตายบ้างหนีตำรวจบ้างเลยไม่มีเงาหัวแล้วละซี อะไรนะ”
ระรินร้อนใจ
“ไม่ต้องพูดมากเดี๋ยวมีตบ นี่ ที่ทำแท้งน่ะ มี่กี่แห่ง”
“ท้อง ถุย นึกว่าจะแน่สักแค่ไหน คราวที่แล้วตอนกูพามึงไปทำน่ะ มึงสาบานแล้วใช่มั้ยว่าจะใช้ถุงยางอนามัย ผู้ชายน่ะ มันก็เหมือนปืนฉีดน้ำ กดเมื่อไหร่ก็พุ่ง เผลอเมื่อไหร่ก็ท้อง แต่ละคนเห็นกูเป็นผู้ชำนาญการพิเศษเรื่องที่ทำแท้งหรือยังไง วันนี้ก็มีคนมาขอคำแนะนำ”
“ใคร อีเจ้ย กูจะส่งไลน์ให้มึงนะ ใช่ผู้หญิงคนนี้มั้ย”
ผู้หญิงบาร์เปิดไลน์ เห็นรูปชิดชบา
“ใช่ คนนี้แหละ มาหากูสองครั้ง กูก็เลยให้ที่อยู่หมอที่เคยพามึงไปทำแท้ง”
ระรินลดโทรศัพท์ลง ทุกคนจ้องมองเธออย่างร้อนใจ ระรินมองสบตาปฐวี
“ฉันรู้แล้วล่ะค่ะว่าที่ไหน”
เวลาต่อมา ปฐวีขับรถเลี้ยวออกจากบ้านไปอย่างเร่งรีบ
ชัยญานั่งซุ่มอยู่ในรถ ขับตามออกไป ปฐวีขับรถด้วยความเร็ว เหงื่อซึม เขาเริ่มร้องไห้ เปล่งเสียงดัง
“อย่า”
ในขณะที่ชิดชบายังซบหน้าอยู่กับฝ่ามือด้วยความหวาดกลัว เธอเริ่มร้องไห้ เจ้าหน้าที่เปิดประตูห้องออกมา ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ไง จะทำหรือไม่ทำ ถ้าไม่ทำจะได้เรียกคิวต่อไป”
ชิดชบาเงยหน้าขึ้น มองไปรอบๆ เห็นวัยรุ่นมานั่งรอทำแท้ง บ้างมีแม่พามา ทุกคนอยู่ในภาวะเครียดหนัก
“ว่าไง”
“เอ่อ ค่ะ ฉันทำ”
ชิดชบาเปิดประตูห้องทำแท้ง หมอเถื่อนยืนหันหลังให้ กำลังเลือกหยิบเครื่องมือ ล้วนน่าสยดสยองด้วยคราบเลือดที่ยังติดอยู่ ชิดชบามองไปรอบๆ ห้อง สะดุดกับไม้แขวนเสื้อ เธอนึกถึงฝันร้ายที่ผ่านมา หมอเถื่อนหันขวับมาจ้องมอง ชิดชบาเซไปด้วยความหวาดกลัว หลังปะทะผนังที่มีไม้แขวนเสื้อแขวนอยู่ เธอคว้าไม้แขวนเสื้อ
“อย่านะ อย่าเข้ามานะ อย่าแตะต้องตัวฉัน ลูกฉัน ไม่ ฉันไม่ทำแล้ว ฉันฆ่าลูกไม่ได้ อย่าเข้ามา”
ชิดชบาคลุ้มคลั่งเพราะความหวาดกลัว ความรักที่มีต่อลูกโดยสัญชาตญาณแม่ เธอใช้ไม้แขวนเสื้อรัวตีหมอเถื่อน หมอเถื่อนพยายามปกป้อง
“ถอยไป อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ”
เจ้าหน้าที่วิ่งเข้ามา จับตัวชิดชบาเหวี่ยงล้มลง ชิดชบาลนลานลุกขึ้น แล้ววิ่งออกไป ปฐวีพุ่งรถเข้ามาจอด เสียงเบรกดังสนั่นถนน ชิดชบาเปิดประตูคลินิกวิ่งออกมา
“ชิดชบา”
“คุณ”
ชิดชบาถอย ลนลานวิ่งหนีข้ามถนน รถของชัยญาขับพุ่งเข้าชนชิดชบา เขายิ้มเยาะ ก่อนขับรถหนีไป ปฐวีตะโกนอย่างตื่นตระหนก
“ชิดชบา”
ปฐวีวิ่งเข้ามาประคองร่างสิ้นสติของชิดชบา ร่ำไห้
“ชิดชบา คุณไม่ได้ทำแท้งใช่มั้ย คุณไม่ได้ฆ่าลูกของเราใช่มั้ย ใช่มั้ย”
ปฐวีเห็นเลือดสีแดงไหลออกมาจากขาของชิดชบา
“ชิดชบา”
บุรุษพยาบาลเข็นร่างสิ้นสติของชิดชบา วิ่งมายังห้องฉุกเฉินอย่างเร่งรีบ ปฐวีวิ่งตามมา แพรวาเปิดประตูห้องฉุกเฉิน
“ทางนี้ คุณรอข้างนอกนะคะ”
แพรวาปิดประตูห้องฉุกเฉินลง ปฐวีค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่ง ก้มหน้านิ่งๆ ก่อนสะอึกสะอื้นกับฝ่ามือ
“ผมเสียน้ำไปครึ่งแก้ว แต่คุณจะเป็นน้ำอีกครึ่งแก้วที่เหลืออยู่”
ธวัชพงษ์ อรุณณรงค์ อุราศรี ยืนมองปฐวีอย่างเงียบๆ ต่างเศร้าหมอง รันทดใจ
ในขณะที่ชัยญานอนหลับสนิทอยู่ในรถ เจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 นาย เดินเข้ามาพร้อมกับยกปืนขึ้นจ้องไปเขา ชัยญาเริ่มรู้สึกตัว ยกมือขึ้นป้องแสงแดด จ้องมองตำรวจด้วยความแปลกใจ ก่อนจะถีบประตูเปิด จะวิ่งหนี ตำรวจล็อคคอเขาไว้ จ่อปืนที่ศีรษะ
“คุณถูกจับแล้ว คุณชัยญา”
ปฐวีเฝ้าอาการของชิดชบานิ่งๆ ซ่อนความรักความห่วงใยไว้ภายในแววตา ชิดชบาเริ่มรู้สึกตัว
“ชิดชบา”
ชิดชบามองไปรอบๆ น้ำตาเริ่มคลอ
“ฉันเสียเขาไปแล้วใช่มั้ย ลูก”
ปฐวีนิ่ง น้ำตาคลอ เมินไป
“ใช่ เกมมันจบแล้ว ไม่มีใครแพ้ ไม่มีใครชนะ คุณไม่ได้แพ้ ผมก็ไม่เคยชนะ บ้านหลังนั้น”
“ฉันไม่ต้องการบ้าน แล้วมันก็ไม่มีค่าสำหรับคุณ คุณควรจะมอบบ้านหลังนี้ให้กับองค์กรกุศล คนขาดไร้จะได้ใช้ประโยชน์ คนขาดใจอย่างเรา สักวันหนึ่งก็จะกลับไปมีพลัง แล้วใช้ชีวิตใหม่ ฉันจะกลับฝรั่งเศส”
“ชิดชบา”
“แล้วไม่จดจำอะไรที่บ้านหลังนั้นอีก มันอาจเคยมีเรื่องราววัยเด็กของฉันกับคุณพ่อ แต่มันก็มีเรื่องเลวร้ายของฉันกับคุณ หรือโสมสุภางค์ที่นั่น”
“ชิดชบา ผมเสียใจ”
“ค่ะ ฉันเองก็เสียใจ ถ้าฉันไม่ดันทุรังจะรักษามันไว้ เราคงจะไม่สูญเสียอย่างนี้ คุณเสียโสมสุภางค์ ฉันเสียลูก เราควรจะจบเกม”
“ชิดชบา”
ปฐวีแนบมือของชิดชบากับริมฝีปาก ร่ำไห้ ชิดชบากัดริมฝีปาก พยายามอดกลั้นน้ำตา ทั้งที่เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
กลางคืน ชิดชบาเดินเข้ามาในคฤหาสน์ ลูบไล้ราวบันได
มองไปรอบๆ ห้องโถงใหญ่ ด้วยความรู้สึกเศร้าหมอง ก่อนมองขึ้นไปยังบันไดวน ตลับนาคเดินเข้ามา
“ถ้าหนูตัดสินใจจะกลับฝรั่งเศส ป้าก็จะเก็บข้าวของกลับบ้านสวน หมดหน้าที่ของป้าที่จะอยู่ดูแลหลานแล้ว พรุ่งนี้หนูคงจะเป็นผู้ใหญ่ขึ้น มองโลกสีสวยขึ้น มันจะผ่านไป มันจะผ่านไป”
ตลับนาคดึงชิดชบาเข้ามากอด ร้องไห้
“ค่ะ มันกำลังจะผ่านไป บ้านหลังนี้คุณปฐวีเขาจะมอบให้องค์กรกุศลใช้ทำประโยชน์”
ชิดชบาร้องไห้สะอึกสะอื้น
“หนูจะไปฝรั่งเศสพรุ่งนี้”
ตอนเช้า อรุณณรงค์และอุราศรีมาส่งชิดชบาที่สนามบิน ทุกคนต่างเศร้าหมอง
“เดินทางปลอดภัยนะครับคุณชิดชบา”
“พอเราแต่งงานกันแล้ว เราจะไปฮันนีมูนที่ฝรั่งเศส เราคงได้ตำส้มตำด้วยกันอีกนะคะ”
ชิดชบาและอุราศรีกอดกัน
“ค่ะ อย่าลืมเอาน้ำพริกเผาติดไปด้วยนะคะ คนไทยน่ะ อยู่ที่ไหนก็หนีไม่พ้นต้องมีชีวิตอย่างไทยๆ”
“เราโทร.ถึงกันบ่อยๆ ดีมั้ยครับ มีทุกข์มีสุข เราต้องนึกถึงกันนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ งานแต่งงานของคุณชายเอี่ยวกับคุณหญิง ฉันไม่ได้อยู่ ขออวยพรให้มีความสุขนะคะ”
“ค่ะ เราจะคิดถึงคุณค่ะ”
ชิดชบาเดินเข้าช่องผู้โดยสารขาออก หันมาโบกมือก่อนเดินลับหายไป ธวัชพงษ์และแพรวาวิ่งมาแต่ไกลอย่างรีบร้อน
“ชิดชบาล่ะคะ”
“เพิ่งเข้าไปเดี๋ยวนี้เองค่ะคุณหมอ”
“เพราะคุณเชียวมัวแต่ถอดเฝือกช้า ก็เลยมาส่งเพื่อนไม่ทัน”
แพรวาหันมาต่อว่าธวัชพงษ์
“แล้วคุณปฐวีล่ะครับ”
อรุณณรงค์และอุราศรี มองสบตากัน
“เขาไม่ได้มา”
ธวัชพงษ์อุทานด้วยความโกรธ
“ได้ไง”
ปฐวีเดินเข้ามาหยุดยืนเหนือบันไดวนของคฤหาสน์ มองไปรอบๆ ด้วยความเปล่าเปลี่ยว อ้างว้าง เศร้าหมอง ธวัชพงษ์เดินเข้ามาอย่างเคร่งเครียด
“ใจคอคุณรักใครไม่เป็นหรือยังไง คุณรู้มั้ยว่าคุณเพิ่งจะทำผู้หญิงดีๆ คนหนึ่งหล่นหาย ชิดชบาไปแล้ว ไปลับ คุณมันโหด หิน คุณไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยหรือ หรือว่าผู้ชายอย่างคุณรักใครไม่เป็นจริงๆ”
“แล้วคุณล่ะ คุณรู้จักความรักดีแค่ไหน ถึงกล้ามาสอนผม”
“ผมก็รักอย่างที่ผมรัก ความรักน่ะ มันไม่ได้ถูกออกแบบมาเป็นรักหรอก ความรักของผมไม่ได้วิเศษกว่าคุณ แต่ผมกล้ากว่าคุณไง กล้าที่จะรัก”
ปฐวีมองหน้าธวัชพงษ์ เริ่มฉุกคิด
บริเวณสะพานกุญแจ แหล่งท่องเที่ยวของฝรั่งเศส ชิดชบานั่งก้มหน้านิ่งๆ อยู่บนเก้าอี้ยาว
ด้วยอารมณ์เศร้าหมอง สูญเสียลูก ปฐวีเดินเข้ามาหยุดยืนมองหญิงสาว ก่อนจะเดินเข้ามาทรุดตัวลงนั่งใกล้ๆ ชิดชบาเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มด้วยความแปลกใจ
“คุณ”
“ยังไม่สายใช่มั้ย ที่ผมจะกล่าวคำขอโทษหรือเสียใจ”
ชิดชบานิ่งอึ้ง เมินหน้าไป
“ฉันเองก็อยากกล่าวคำขอโทษกับเสียใจ ฉัน”
ชิดชบาเริ่มร้องไห้
“ฉันไม่อยากได้บ้านคืนแล้ว เพราะสิ่งที่ฉันอยากได้คืนมา ฉันไม่มีวันจะได้”
“ชิดชบา”
ปฐวีดึงชิดชบาเข้ามากอดไว้ ต่างกอดกันร่ำไห้
“ผมก็ไม่อยากได้บ้านหลังนั้น แต่ผมอยากได้ลูกของผมคืนมา ลูก ผมรู้แล้วว่าความหมายของคำว่า ครอบครัว สำคัญยิ่งกว่าชัยชนะ ผมไม่ได้ชนะคุณ แล้วคุณก็ไม่ได้แพ้ แต่เรา”
“เรา”
“เราพ่ายกับเกม มันเป็นแค่เกม”
“ฉัน”
“ผมรักคุณ ผมพร้อมจะคุกเข่าขอโทษ เราจะเริ่มต้นกันใหม่ เริ่มต้นดีๆ เรายังเหลือวันที่ยังไม่สาย เราจะมีลูก มีบ้าน มีครอบครัว เราจะสร้างครอบครัวขึ้นมาใหม่ แล้วรักษามันไว้ให้ดีที่สุด”
“ปฐวี”
“ผมจะตื่นจากฝันร้ายแล้วเห็นคุณนอนอยู่ใกล้ๆ เพราะคุณคือฝันดีในชีวิตของผม”
“ค่ะ”
ชิดชบาลุกขึ้น ดึงมือปฐวีให้ลุกด้วย ทั้งสองกระชับมือกันและกันอย่างเชื่อมั่น เติมความหวังใหม่ให้แก่กัน
“เราจะก้าวข้ามฝันร้าย เราจะมีกัน จับมือฉันไว้แน่นๆ อย่าปล่อยมือฉันนะ”
ทั้งสองยิ้มให้กันทั้งน้ำตา
“ผมรักคุณ”
จบบริบูรณ์