xs
xsm
sm
md
lg

เลือดมังกร : สิงห์ ตอนที่ 10 อวสาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เลือดมังกร : สิงห์ ตอนที่ 10 อวสาน

เช้าวันใหม่ เล้งแตะๆผงขาวที่เทอยู่บนโต๊ะขึ้นมาชิมแล้วพอใจ ที่คุณภาพเฮโรอีนเป็นอย่างที่คิด
 
หมงกับอิกยืนรอฟังคำสั่งของเล้งอยู่
"พวกมันรอดไปอีกจนได้" เล้งบอก
"ผมจะไปกำจัดไอ้ทรงกลดให้เองครับ" หมงบอก
อิกเยาะ
"จะไหวเร้อ"
"คราวนี้ไม่พลาดแน่"
"แล้วคิดจะทำยังไง ตอนนี้มันต้องระวังตัวยิ่งกว่าเดิม ดูจากวันที่ถล่มฉั่วเทียนเหลาก็รู้แล้วว่า พวกมันเตรียมรับมือเราไว้เป็นอย่างดี แล้วคุณหมงคิดว่าจะล่อสิงห์ออกจากถ้ำได้ง่ายๆงั้นเหรอ"
แม้ว่าอิกยังเรียกคุณหมงอยู่ แต่ไม่เสแสร้ง นับถือหมงเหมือนเก่า แต่แสดงทีท่าดูถูกหมงอย่างเปิดเผย
"ฉันหาทางของฉันได้แล้วกัน ห่วงเรื่องตัวเองเถอะ แกถูกไอ้อันฉีกหน้ากากจนทุกแก๊งรู้แล้วว่า แกเป็นนักเลงขายตัว จนต้องมาระเห็จมาอยู่ที่นี่ แกจะทำให้นายเสียชื่อ"
"เฮ้ย! กูไม่ใช่นักเลงขายตัว กูรับใช้แต่นายคนเดียว ที่กูทนทำงานให้คนไม่เอาไหนอย่างมึง ก็เพราะว่านายสั่ง ถ้ากูเป็นมึง ไอ้ทรงกลดตายไปนานแล้ว! ไอ้ขี้ขลาด"
"ไอ้อิก! ไอ้ขี้ข้า"
หมงตรงรี่จะเข้าไปชกอิก
เล้งเสียงเรียบแต่เหี้ยม
"หยุด"
หมงกับอิกชะงักด้วยความเกรงกลัวเล้ง
ทั้งคู่ต่างละล่ำละลัก
"ผมขอโทษครับ นาย"
"ลื้อเคยบอกว่า ชีวิตอึ้งตงกัวอยู่ในมือลื้อ แสดงว่า ลื้อมีสายอยู่ในแก๊งเขี้ยวสิงห์"
"ครับ นาย"
"ใช้สายของลื้อให้เป็นประโยชน์ ล่อไอ้ทรงกลดออกมาให้ได้ แล้วฆ่ามันซะ"
"เดี๋ยวก็ได้พลาดกลับมาอีก" อิกบอก
"ลื้อก็ไปช่วยอีกแรง"
อิกจะค้านแต่ก็หุบปากลงด้วยความเกรงกลัว
เล้งใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดมือที่เปื้อนผงขาวอย่างช้าๆ แล้วลุกขึ้นยืนเป็นการตัดบท
"อั๊วต้องไปทำการค้าสำคัญที่ภูเก็ต อั๊วเป็นคนไม่ชอบฟังข่าวร้าย ถ้าคราวนี้ไอ้ทรงกลดไม่ตาย พวกลื้อคงรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น"
เล้งมองหมงกับอิกนิ่ง เอาจริง จนทั้งคู่ขนหัวลุก

ซิ่วเอ็งเดินช้าๆ เข้ามาตามซอยเปลี่ยวที่มีบรรยากาศดูมืดๆอึมครึมๆ หมงก้าวออกมาจากที่หลบมุมอยู่
ซิ่วเอ็งยังเดินต่อไปจนถึงมุมลับสายตาคน หมงเดินเข้าไปหา
"ฉันกำลังกลัวว่า ซิ่มจะเปลี่ยนใจ"
"ไม่มีวัน! ลื้อต้องการอะไร ก็ว่ามา"
"โชคดีจริงๆที่เรามีศัตรูคนเดียวกัน ถามจริงๆ ซิ่มมีความแค้นอะไรกับอาป๊า"
"ไม่ใช่เรื่องที่ลื้อต้องรู้"
"แล้วฉันจะไว้ใจซิ่มได้ยังไง"
"ถ้าไม่ไว้ใจ ก็ไม่เป็นไร"
ซิ่วเอ็งเดินออกไปอย่างไม่แยแส หมงรีบไปดักหน้าซิ่วไว้
"เดี๋ยวสิ ซิ่ม เรื่องนี้มีซิ่มคนเดียวที่ช่วยได้"
หมงขยับเข้าไปใกล้ซิ่วเอ็งพูดเสียงเบา ทั้งสองคนซุบซิบกันเรื่องที่จะล่อทรงกลดออกมาให้ฆ่า

ตงกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง พยายามกำมือคลายมือเพื่อออกกำลังช่วยเหลือตัวเอง ซิ่วเอ็งถือถาดชามยาจีน 3 ชามเดินเข้ามา
"ได้เวลากินยาแล้ว"
"ไม่กิน! ไม่"
"กินยาซะ จะได้หายเร็วๆ"
ซิ่วเอ็งกรอกยาใส่ปากทั้งชามยาอย่างไม่ปราณีปราศรัยจนตงสำลักยาออกทั้งปากทั้งจมูก
"ทำไม..ทำไม"
ตงมองซิ่วเอ็งอย่างไม่เข้าใจ
"ลื้อจำไม่ได้หรือไง ลื้อทำอะไรกับอาเหลียงไว้"
ซิ่วเอ็งมองตงยิ่งโกรธแค้นที่ตงจำไม่ได้ว่าทำอะไรเหลียงไว้

ย้อนไปในอดีต ซิ่วเอ็งชะเง้อมองไปที่ปากซอยแล้วยิ้มดีใจ เหลียงเดินหน้าเซียวเข้ามาเพราะหมดตัวจากที่บ่อนมา
"ได้เงินมามั้ย"
"เงินอะไร"
"ลื้อบอกว่า จะไปยืมเงินเพื่อนไงล่ะ ข้าวสารเราหมดแล้วนะ แม้แต่น้ำข้าวก็ไม่มีให้อาเว่ยกินแล้ว"
เหลียงนิ่งอ้ำอึ้งไม่กล้าบอกความจริง
"แล้วที่ไปเปิดร้านกับเพื่อนที่เซียงกง ไม่มีกำรี้กำไรเลยหรือไง"
"ร้านนั้นเจ๊งไปนาน... อั๊วถึงต้องใช้หนี้หัวโตอยู่นี่ยังไง" เหลียงโกหก
"แล้วเพื่อนลื้อที่ลงหุ้นด้วยล่ะ"
"อย่าไปพูดถึงมัน มันไม่ยอมช่วยอั๊ว สลึงเดียวมันก็ไม่ให้ มันไม่ใช่เพื่อนอั๊วอีกต่อไปแล้ว!"
เหลียงเดินดุ่มๆจะเข้าบ้าน แต่ถูกซิ่วเอ็งดึงไว้
"เพื่อนลื้อชื่ออะไร"
"อึ้งตงกัว!"
เหลียงผลุนผลันเข้าห้องเช่าไป ซิ่วเอ็งจำชื่ออึ้งตงกัวไว้ตั้งแต่วันนั้น

ตงตกใจที่โดนซิ่วเอ็งกล่าวหาเรื่องที่เหลียงหมดตัว
"อึ้งตงกัว! ลื้อโกงลูกอั๊วจนหมดตัว"
"อั๊วไม่..ได้..ทำ"
"ยังจะมาโกหกอีก"
ซิ่วเอ็งกรอกยาใส่ปากตงอย่างไม่บันยะบันยัง
"ลื้ออยากรู้ใช่มั้ยว่า อาเหลียงตายยังไง อีแขวนคอตาย! ลื้อทำให้อาเหลียงตาย"
ซิ่วเอ็งกรอกยาใส่ปากตงต่ออย่างเลือดเย็น

วันที่เหลียงผูกคอตาย ซิ่วเอ็งรีบเอาเชือกที่รัดคอเหลียงทิ้งออกไป แล้วเอาชามยาป้อนยาให้เหลียงอย่างมือไม้สั่น
"ฟื้นสิ อาเหลียง ฟื้นขึ้นมาพูดกับม้า"
เง็กยืนมองซิ่วเอ็งอย่างสลดใจ
"ม้า..ม้าอย่าทำอย่างนี้ ให้เฮียเหลียงไปอย่างสงบเถอะ ม้า"
ซิ่วเอ็งพร่ำไม่หยุด
"อาเหลียงยังไม่ตายๆ"
เพื่อนบ้าน 4 คนเดินเข้าม เง็กพยักหน้าให้ลงมือเลย เหล่าเพื่อนบ้านช่วยกันดึงศพเหลียงจากซิ่วเอ็ง แต่ซิ่วเอ็งกอดศพลูกชายไว้แน่น
"อย่ามายุ่งกับลูกอั๊ว"
ทุกคนช่วยกันออกแรงถึงเอาศพเหลียงออกมาจากอ้อมกอดซิ่วเอ็งได้ เพื่อนบ้านทั้งสี่เอาศพเหลียงห่อด้วยเสื่อแล้วแบกออกไป, ซิ่วเอ็งตามไปอย่างแม่ที่ใจจะขาด ร้องไห้โหยหวน
"อย่าเอาลูกอั๊วไป อย่า"
เง็กพยายามดึงซิ่วเอ็งไว้ ในมือกำจดหมายลาตายของเหลียงไว้อยู่
"ม้า..เฮียเหลียงทิ้งจดหมายไว้"
ซิ่วเอ็งผลักเง็กออกไปอย่างโกรธแค้น
"ไปๆ ไปให้พ้นหน้าอั๊ว ไป! อาเหลียงๆๆ"

ซิ่วเอ็งโหยไห้อย่างไม่มีสติ ทรุดตัวลงตีอกชกหัวเหมือนคนบ้า เง็กน้ำตาไหลในมือกำจดหมายลาตายของเหลียงไว้

ซิ่วเอ็งมองตงตาลุกวาวอย่างเหี้ยมโหด แต่ใช้ผ้าเช็ดปากตงที่เลอะเทอะให้อย่างอ่อนโยน
 
"ถึงเวลาที่ลื้อจะต้องชดใช้แล้ว อึ้งตงกัว"
"ฟัง..ฟังอั๊วก่อน"
"แล้วลื้อจะได้รู้ว่า เวลาเสียลูกไป มันเป็นยังไง"
"ไม่! ไม่นะ! อย่าทำ..อะไร"
"ร้องขอชีวิตให้ลูกชายลื้อสิ พูดออกมา!"
"อั๊ว...ขอ...ร้อง"
ตงยกมือไขว่คว้าจะจับตัวซิ่วเอ็งไว้ แต่ซิ่วเอ็งถอยหนี
"ฆ่า..อั๊ว..แทน..ฆ่าอั๊ว..เลย"
"ลื้อได้ตายสมใจแน่ แต่ไม่ใช่เวลานี้"
ซิ่วเอ็งเดินหัวเราะออกไปอย่างสาแก่ใจ
"อย่า..ทำอะไร..อาที!"
ตงใช้กำลังเฮือกสุดท้ายเอื้อมมือไปสุดแขนแล้วพลาดตกเตียงลงไปนอนอยู่ที่พื้นโครมใหญ่

ทรงกลดกับปอกำลังเดินมาทางห้องนอนตง ได้ยินเสียงดังโครมจากห้องนอนตง ทรงกลดกับปอมองหน้ากัน
"อาป๊า!"
ทั้งคู่รีบเดินไปที่ห้องตง พอดีกับที่ซิ่วเอ็งเดินออกจากห้องนอนไปไกลแล้ว
ซิ่วเอ็งหันกลับมาทั้งคู่ที่รีบร้อนเข้าห้องไปอย่างสะใจ

เมื่อทั้งคู่เปิดประตูเข้ามา ตงนอนกองอยู่ที่พื้น พยายามเหนี่ยวตัวเองขึ้นเตียงอย่างทุลักทุเล เพราะมือไม้อ่อนไปหมด
"โธ่ นายใหญ่ต้องการอะไร ทำไมไม่รอผม"
ทรงกลดรีบตรงเข้าไปอุ้มพ่อขึ้นไปนอนบนเตียง
ซิ่วเอ็งเดินเข้ามาทำเป็นไม่รู้เรื่อง แสร้งทำท่าเดือดเนื้อร้อนใจทันที
"อั๊วผิดเอง อั๊วมัวแต่ไปดูยาที่ต้มไว้ อั๊วไม่น่าทิ้งนายใหญ่ไว้คนเดียวเลย"
"ป๊าเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ"
ตงส่ายหน้า พูดเป็นคำๆฟังไม่รู้เรื่อง
"ไล่..อี..ปะ..ไป"
"ป๊าอยากได้อะไร ก็บอกอาม่านะครับ อย่าเพิ่งทำอะไรเอง ช่วงนี้อาม่าจะดูแลป๊าไปก่อน"
ตงพยายามยกมือขึ้นโบกไปมาห้ามไม่ให้ซิ่วเอ็งมายุ่งด้วย แต่ยกมือไม่ขึ้นเพราะยาที่ซิ่วเอ็งกรอกให้กิน
"มะ...ไม่"
"ทำไมนายใหญ่ดูอาการแย่ลง"
"นายใหญ่คงเหนื่อยน่ะ กินยาแล้วนอนพักเยอะๆ เดี๋ยวก็จะค่อยๆดีขึ้นW
"มะ..ไม่"
"ป๊าเชื่ออาม่าเถอะนะครับ ผมกำลังติดต่อหมอเก่งๆให้อยู่ อดทนไปก่อนนะครับป๊า ... ฝากป๊าด้วยนะครับ"
ทรงกลดบอกซิ่วเอ็ง ตงลิ้นแข็งพูดไม่ออกได้แต่ส่ายหน้าไปมา
"นายใหญ่คงเบื่อกินยาแล้ว ถ้างั้นเอานี่แล้วกัน ของชอบนายใหญ่"
ซิ่วเอ็งหยิบขวดยานัตถุ์พิษขึ้นมาแล้วใช้แท่งหลอดเหล็กดูดยานัตถุ์ แล้วยัดใส่จมูกตงอย่างช้าๆ
"สูดเข้าไป จะได้รู้สึกสบายขึ้น"
ซิ่วเอ็งหันหลังให้กับทรงกลดกับปออยู่
"จะดีหรือครับ คุณซิ่วเอ็ง"
"ไม่เป็นไรหรอก ยานี่อั๊วปรุงเป็นพิเศษ" ซิ่วเอ็งเสียงเบาลงเมื่อพูดกับตง "สูดเข้าไปเยอะๆ! มือเท้าจะค่อยๆอ่อนแรง แล้วลิ้นก็จะเริ่มแข็ง..พูดอะไรไม่ได้..จะได้หมดฤทธิ์ซักที"
ตงตาหูเหลือกรู้ได้ในทันทีว่า ยานัตถุ์ทำให้เขาต้องตกในสภาพอย่างนี้ !
ตงพยายามขยับไปสบตากับทรงกลด แต่แล้วก็เริ่มรู้สึกเบลอๆเพราะยานัตถุ์พิษ
"เห็นมั้ย นายใหญ่เริ่มดีขึ้นแล้ว"
ซิ่วเอ็งยิ้มอย่างพอใจในผลงาน ตงมองทรงกลดอย่างงงๆเบลอๆส่งสัญญาณอะไรไม่ได้เลย

ณ ห้องทำงาน ภายในบ้าน ทรงกลดปลดปืนออกจากตัวแล้ววางลงบนโต๊ะทั้งสอง 2 กระบอก
อันยืนมองทรงกลดนั่งที่เก้าอี้ของตง อันบอกถึงการได้ทำหน้าที่แทนตงโดยสมบูรณ์
อันไม่เห็นด้วย
"นายน้อยครับ"
"หมดหน้าที่ของแกแล้ว"
"หน้าที่ของผมไม่มีวันจบ"
"งั้นฉันให้แกพักงานชั่วคราว ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงแล้ว ตอนนี้ไม่มีแก๊งไหนกล้าเคลื่อนไหว แล้วหลายแก๊งก็เริ่มที่จะกลับใจมาสนับสนุนนโยบายใหม่ของฉัน ตอนนี้ก็รอแต่วันประกาศนโยบายใหม่เท่านั้นแหละ"
"แต่เราประมาทไอ้หมงไม่ได้นะครับ เวลาหมาจนตรอก มันกัดไม่เลี้ยง"
"มันก็แค่ลูกหมา! มันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก ถ้ามันกล้ากลับมา ฉันเอามันตายแน่"
"หมดหน้าที่ กับ พักงาน มันความหมายต่างกันนะครับ"
ทรงกลดแกล้งทำสบายๆ
"ฉันพูดผิดไปหน่อย ที่ให้แกพักงาน แกจะได้มีเวลาจัดการเรื่องส่วนตัวของแก งานแต่งงานเป็นวันสำคัญที่สุดในชีวิตนะเว้ย"
อันคัดค้าน
"นายน้อยครับ"
ทรงกลดสวน
"ฉันสั่งอะไรก็ต้องเป็นไปตามที่สั่ง ขอฉันได้อยู่อย่างอิสระบ้างสิวะ แกจะยอมพักงานดีๆหรือจะให้ฉันไล่แกออก" ทรงกลดทำรำคาญๆเหมือนอันไม่สำคัญอะไร "ไปได้แล้ว ไป"
"นายน้อยผลักไสทุกคนออกไปจากชีวิต ก็ไม่ได้ทำให้อะไรๆดีขึ้นหรอกครับ"
อันมองทรงกลดอย่างรู้ทัน แต่จำต้องทำตามคำสั่งโดยค้อมหัวให้แล้วเดินจากไป
"อย่างน้อยก็ไม่มีใครต้องมาเสี่ยงตายเพราะฉันอีก"
พออันเดินออกไป ทรงกลดก็คลายยิ้มแล้วนิ่งเครียดกับปัญหาเรื่องตงเรื่องสมาคมฯเรื่องอาจูที่ประดังเข้ามา
 
ตอนนี้ทรงกลดผลักดันคนใกล้ชิดให้ออกไปไกลจากตัวก่อนเพื่อพ้นจากอันตรายที่อาจเกิดขึ้น

หยกมณีกำลังปักชุดเจ้าสาวสีแดงพลางฮัมเพลงเบาๆประสาคนกำลังฝันหวานถึงวันแต่งงาน
 
เสียงประตูเปิดออก หยกมณีรีบเอาชุดเจ้าสาวซุกใต้หมอนอิงอย่างรวดเร็ว
อันเดินเข้ามา ทันเห็นว่าหยกมณีซุกซ่อนอะไรบางอย่างอยู่ แต่แกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้
"ทำอะไรอยู่"
หยกมณีทำตาใสไม่รู้เรื่อง
"ซ้อมร้องเพลง แล้วนี่เฮียอันมาได้ยังไง"
"คิดถึง"
"อย่ามาทำปากหวาน นายน้อยไล่ให้มาหาหยก ก็บอกมาเถอะ"
หยกมณีขยับไปรินน้ำชาให้
อันเดินไปนั่งที่หยกมณีนั่งก่อนหน้านั้นแล้วแอบเปิดหมอนอิงดูว่า หยกมณีเอาอะไรซ่อนไว้อยู่
อันยิ้มเมื่อเห็นเป็นชุดเจ้าสาว หยกมณีถือถ้วยน้ำชาเข้ามา อันรีบเก็บชุดเจ้าสาวเข้าแอบที่เดิม
อันรับถ้วยน้ำชามาจิบแล้วแอบยิ้มแกล้งทำไม่เห็นชุดอย่างที่หยกมณีต้องการ
"ยิ้มอะไร เฮีย"
"ก็คนมีความสุข ยิ่งได้อยู่กับหยกอย่างนี้ ก็ยิ่งมีความสุข"
อันดึงหยกมณีมากอดไว้อย่างทะนุถนอม
"ใกล้ถึงวันแต่งงานของเราแล้ว ตื่นเต้นมั้ย"
หยกมณีเสพูดเพราะเขิน
"หยกไม่ใช่สาวโสดซิงๆ แล้ว มีอะไรให้ต้องตื่นเต้น"
อันนิ่งเงียบไม่ชอบที่หยกมณีพูดถึงตัวเองแบบนี้ อันเงียบจนหยกมณีรู้ตัว
"หยกขอโทษ..บางครั้งหยกก็อดคิดไม่ได้ว่า หยกไม่คู่ควรกับเฮีย"
"เลิกคิดแบบนี้ได้แล้ว เราแต่งงานเพราะเรารักกัน เรื่องอื่นไม่สำคัญ"
"เราจะรักกันแล้วก็อยู่ด้วยกันอย่างนี้ตลอดไปใช่มั้ย เฮีย"
อันไม่ตอบรับได้แต่กอดหยกมณีแน่นยิ่งขึ้น

ทรงกลดเคร่งเครียดสั่งงานลูกน้อง 2 คน ต่างไปจากทีท่าที่ดูสบายๆที่อยู่กับอันก่อนหน้านั้น
"ให้คนของเราไปเฝ้าเวรยามที่แก๊งเต่ามังกร คอยติดตามคุ้มครองนายหญิงไว้ อย่าให้เธอคลาดสายตาเป็นอันขาด"
"ครับ นายน้อย"
ทรงกลดพยักหน้าอนุญาตให้ลูกน้องเดินออกไปได้
ทรงกลดหยิบปืนขึ้นมาตรวจดูกระสุนอีกครั้งแล้วเอาเสียบใส่ที่ใส่ปืนแล้วหันไปหยิบปืนกระบอกเล็กอีกด้าม เขานึกถึงตอนที่เขาส่งปืนให้อาจู และคิดถึงเธอเป็นอย่างมาก

ฝ่ายอาจูกำลังหั่นหมูอย่างใจลอย เพราะนึกถึงทรงกลด จนมีดบาดนิ้วไม่รู้ตัว
"อุ๊ย!"
เง็กกำลังล้างผักอยู่อีกมุม มองอาจูอยู่นานแล้ว รีบเข้ามาดึงมีดจากอาจู
"ไปล้างมือ แล้วใส่ยาซะ เดี๋ยวม้าทำเอง"
"มีดบาดนิดเดียวเอง ม้า"
"ใจลื้อไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอย่างนี้ อยู่เฉยๆดีกว่า เดี๋ยวก็ได้หั่นนิ้วตัวเองเข้าหรอก ใจลอยไปไหน หา อาจู"
เว่ยโผล่หน้าเข้ามาได้จังหวะพอดี
"ก็ลอยไปหาเฮียทรงกลดไง ม้า"
เง็ก/อาจู โพล่ง"อาเว่ย!"
"มาได้ยังไง แล้วมานี่ อาม่ารู้หรือเปล่า"
เว่ยยิ้มแฉ่ง
"ไม่รู้"
อาจูกับเง็กดุ แต่เว่ยไม่มีท่าทีเกรงกลัว

อาจูกับเง็กประกบตัวเว่ยออกมาจากทางครัว เง็กหยิกแขนลูกชายอย่างอดรนทนไม่ไหว
"ลื้อหนีออกมาอย่างนี้ได้ไง อาเว่ย"
"โอ๊ยๆ เจ็บๆ ผมไม่ได้หนี ผมแค่แวบมาเยี่ยมม้ากับแจ้จู อยากรู้ว่า สบายดีกันหรือเปล่า นี่ไม่มีใครคิดถึงผมเลยใช่มั้ย ถึงได้ทิ้งผมให้อยู่กับอาม่าที่บ้านโน้น"
ทั้งแม่กับพี่สาวนิ่งชะงักไป
"ม้าไม่ได้ทิ้งลื้อ แต่อาม่าไม่ยอมให้ลื้อมาด้วย ม้าก็ไม่รู้จะทำยังไง"
เว่ยไม่เห็นด้วย
"แล้วเราต้องแยกกันอยู่อย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน"
"ถ้าอาการนายใหญ่ดีขึ้นเมื่อไหร่ อาม่าคงจะยอมย้ายมาอยู่ที่นี่ เว่ยรอไปอีกซักหน่อยนะ"
"นี่แจ้จูจะไม่ยอมคืนดีกับเฮียทรงกลดเหรอ ไม่ได้นะ ผมไม่ยอม ยังไงแจ้จูก็ต้องกลับไปเป็นนายหญิงของแก๊งเขี้ยวสิงห์"
"อย่าพูดชื่อแก๊งนี้ให้แจ้ได้ยินอีก"
อาจูเดินหนีออกไปอย่างปวดใจ
"ผมจะทำให้แจ้จูกับเฮียทรงกลดคืนดีกันให้ได้"
"ลื้ออย่ายุ่งเรื่องของผู้ใหญ่ดีกว่า" เง็กบอก
"ผมจะไปหาเฮียทรงกลด"
เว่ยวิ่งเร็วๆออกไปทันที เง็กมองตามอย่างหนักใจ

เมื่อเว่ยหายจากบ้านไป ซิ่วเอ็งเดินตามหาอย่างร้อนใจ
"อาเว่ย! อาเว่ย!"
ขยะที่ล้มโครมใหญ่ ซิ่วเอ็งสะดุ้งเฮือก พาลนึกถึงเสียงตอนที่เหลียงเตะเก้าอี้ล้ม
เพื่อผูกคอตาย แล้วนางก็เพ้อๆ
"อาเหลียง อาเหลียง อย่านะ อาเหลียง"
ซิ่วเอ็งวิ่งออกไปตามเสียงที่ได้ยิน แต่กลับเห็นเว่ยกำลังยกถังขยะเหล็กใบใหญ่ตั้งขึ้นใหม่
"อาเว่ย!"
"มันมืดน่ะ ม่า ก็เลยไม่ทันมอง"
เว่ยแก้ตัวอ่อยๆที่ทำให้ถังขยะล้มลง
ซิ่วเอ็งดุโกรธ
"ลื้อหายไปไหนมา"
"ไปหาอาม้ามา"
ซิ่วเอ็งรี่เข้าจับต้นแขนเว่ยบีบแรงเหมือนคีมเหล็ก
"ใครให้ลื้อไป"
ซิ่วเอ็งจ้องเว่ยอย่างดุร้ายจนเว่ยขนหัวลุก และเริ่มกลัว
"ก็ผมคิดถึงม้ากับแจ้จู"
ซิ่วเอ็งจับตัวเว่ยลากออกไปทางข้างนอกด้วยความโกรธ
"ม่า! ผมขอโทษที่ไม่บอกก่อน ม่าจะพาผมไปไหน"
ซิ่วเอ็งหันมามองเว่ยด้วยสายเคียดโกรธจนไม่ใช่อาม่าที่เว่ยเคยเห็น
ซิ่วเอ็งพูดเยือกเย็น
"เด็กดื้อต้องได้รับการลงโทษ!"

ซิ่วเอ็งสายตาเหี้ยมโหดเมื่อคิดแผนที่จะใช้เว่ยให้เป็นประโยชน์

ทรงกลดถือถุงใส่กล่องของเล่นกล่องใหญ่เข้ามา ปอถือถาดชามยาเปล่ามาจากทางห้องนอนตง
 
"เห็นเว่ยมั้ยครับ แปะปอ ตั้งแต่อาจูไป ผมยังไม่มีโอกาสคุยกับเว่ยเลย"
"ของเล่นชิ้นเดียวไม่น่าจะแก้ปัญหาได้นะครับ"
ทรงกลดมองถุงของเล่นในมือแล้วต้องถอนใจด้วยความหนักใจที่จะต้องอธิบายให้เว่ยฟังเรื่องทิ้งอาจู
"เดี๋ยวผมไปดูที่ตึกเล็กให้นะครับ"
"ผมไปมาแล้ว เว่ยไม่ได้อยู่ที่นั่น"
"คุณซิ่วเอ็งก็ไม่รู้หายไปไหน"
ทรงกลดชักเอะใจ
"หายไปทั้งคู่เลยหรือครับ"
"อย่าเพิ่งคิดไปทางแง่ร้าย เดี๋ยวผมจะให้คนตามหาดู ถ้าไม่อยู่ในบ้าน ก็คงพากันไปหานายหญิงมังครับ"
"ผมไปดูด้วยตัวเองดีกว่า"
ทรงกลดฝากถุงของเล่นให้ปอไว้แล้วรีบออกไป
"รีบร้อนอย่างนี้ จะรีบไปหาใครกันแน่ครับ นายน้อย"
ปอมองตามทรงกลดอย่างรู้ใจ

ทรงกลดขี่มอเตอร์ไซด์มาจอดที่หน้ารั้วบ้าน แล้วเดินอาดๆเข้าไปในบ้านเคี้ยงอย่างใจร้อน
เขาเงยหน้าขึ้นไปที่หน้าต่างห้องชั้นบน อาจูชะโงกมองลงมา
"อาจู"
อาจูปิดม่านทันทีแล้วผละไปอย่างไม่ใส่ใจ
ทรงกลดลืมตัวส่งเสียงดัง
"อาจู! อาจู"
เคี้ยงพร้อมกับลูกน้อง 4 คนพร้อมอาวุธเดินกรูเข้ามา
"เฮ้ย! ใครมาเสียงดังอะไรแถวนี้วะ"
เคี้ยงชะงักเมื่อเห็นเป็นทรงกลดที่บุกเข้ามากลางดึก
"ผมขอโทษครับ เสี่ย"
"ลื้อมาทำไมดึกๆดื่นๆ หรือว่าคิดจะเปลี่ยนใจ"
"ผมมารับ..."
อาจูกับเง็กเดินออกมาสมทบอาจูแอบลุ้นๆว่าทรงกลดจะมารับใคร
"ผมมารับเว่ยกลับบ้านครับ"
อาจูเมินหน้าไม่สบตากับทรงกลด
"อาเว่ยกลับไปนานแล้วนี่ อีบอกว่าจะรีบไปหาลื้อ"
"คงจะสวนทางกันน่ะ ม้า ป่านนี้เว่ยคงถึงบ้านแล้ว ม้าไม่ต้องห่วง"
อาจูบีบมือเง็กอย่างปลอบใจ ทั้งที่ลึกๆก็เริ่มสังหรณ์ใจที่เว่ยยังไม่ถึงบ้านทรงกลด
"แต่อีกลับไปเป็นชั่วโมงแล้วนะ"
เคี้ยงบอก
"ไม่มีอะไรหรอกน่า อาเว่ยเป็นผู้ชาย ไม่ต้องห่วงมากหรอก"
ปอเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ทุกคนเห็นการมาที่ไม่ปกติของปอก็รู้ว่าเกิดเรื่องขึ้นแล้ว
ปอชูจดหมายขู่ขึ้นให้ทุกคนดู ทรงกลดนิ่งอึ้งไป

ทรงกลดอ่านจดหมายขู่อย่างละเอียดรอบคอบอีกรอบ หลังจากที่ทุกคนต่างรู้เรื่องซิ่วเอ็งกับเว่ยถูกจับแล้ว
อาจูดึงจดหมายขู่จากทรงกลดมาอ่านทบทวนอย่างร้อนใจ
"ไอ้เก๋าเจ้ง! (ไอ้ชาติหมา) ไอ้ขี้ขลาด! มีเรื่องอะไรก็สู้กันตัวต่อสิวะ จับคนแก่กับเด็กเป็นตัวประกันอย่างนี้ มันไม่ใช่ลูกผู้ชาย! เค้าแป๋! (คำอุทานด่า-พ่อมันตาย!)"
"ใครจับอาม่ากับเว่ยไปคะ"
"ต้องเป็นฝีมือไอ้หมงแน่"
"แค่ไอ้หมงคนเดียวจัดการไม่ยากหรอก เฮ้ย พวกเราไปรวบรวมคนซักสิบยี่สิบคน"
"ไม่ได้ครับ ผมต้องไปคนเดียวเท่านั้น ไม่งั้นมันจะฆ่าอาม่ากับเว่ย"
เง็กแทบเป็นลมจนอาจูต้องประคองตัวไว้
"นายน้อยไปคนเดียวไม่ได้นะครับ" ปอบอก
"ผมต้องไปครับ ชีวิตหนึ่งแลกกับสองชีวิต มันคุ้มค่าไม่ใช่เหรอครับ"
อาจูกับทรงกลดมองตากัน เธอซาบซึ้งกับความเสียสละของเขาแต่พูดอะไรไม่ออก
เง็กทรุดลงคุกเข่าให้ทรงกลด ก้มหัวลงแทบโขกพื้น
"ขอบคุณนายน้อยมาก! ขอบคุณนายน้อยมาก"
ทรงกลดรีบดึงเง็กขึ้นมา
"ไม่ต้องขอบคุณครับ ม้า ที่อาม่ากับเว่ยถูกจับตัวไปก็เพราะผม !"
ทรงกลดนิ่งไม่หวาดหวั่นว่าจะเจออะไรต่อไป

อันอ่านหนังสือพิมพ์จีนอยู่บนเตียงอย่างไม่เป็นสุข หยกมณีเอาแจกันดอกกุหลาบมาไว้บนโต๊ะหัวเตียง หยกมณีเข้ามาดึงหนังสือพิมพ์จีนจากอันไป
"ดึกแล้ว ไม่ง่วงเหรอคะ มา หยกนวดให้ เฮียจะได้ผ่อนคลาย"
หยกมณีขมีขมันนวดบ่านวดไหล่ให้อันอย่างเอาใจ
"ไม่ต้องหรอก"
อันดึงหยกมณีมานั่งข้างๆ
"เฮียเป็นคนนอนยาก ไม่รู้มีเรื่องคิดอะไรนักหนา"
อันเสพูดเรื่องอื่น
"ก็คิดเรื่องของเราไง แต่งงานแล้ว เราไปฮันนีมูนที่ไหนดี"
"ไปอเมริกาได้มั้ย เฮีย หยกอยากรู้ว่า สิบปีที่เฮียอยู่ที่นั่น เฮียไปทำอะไรบ้าง หยกฝันมากไปใช่มั้ย"
"ไม่มากเลย แล้วเฮียจะพาหยกไปทุกๆที่ที่เฮียเคยไป..เฮียจะเอาเวลาสิบปีที่หายไปคืนให้หยก"
"ก่อนที่เฮียจะพาหยกไปไหนต่อไหน ก็ต้องหลับก่อนนะคะ จะได้มีแรง หยกจะร้องเพลงกล่อมให้เฮียหลับเอง"
"เฮียไม่ใช่เด็ก"
หยกมณีดึงอันมานอนซบตักแล้วฮัมเพลงเบาๆแล้วร้องเพลงโปรดของอัน เธอร้องเพลงไปโดยที่ไม่ได้เห็นว่าอันยังคงกังวลใจอยู่
อันกุมมือหยกมณีไว้ตลอดเวลาโดยเก็บความไม่สบายใจอย่างมิดชิด

ทรงกลดกับปอเดินออกจากในบ้าน
"แปะปอกลับบ้านไปก่อน เรื่องนี้ผมจัดการเอง"
"เพราะผมแท้ๆ ถ้าผมไม่ปล่อยตัวไอ้หมงไป ก็คงไม่เกิดเรื่อง"
"คิดไปก็เท่านั้น เรามาจัดการปัญหาตรงหน้านี่ดีกว่า"
เคี้ยง เง็ก และอาจูรวมทั้งลูกน้องแก๊งเต่ามังกรเดินตามมา
"ทรงกลด! ลื้อไปคนเดียวไม่ได้ ไอ้หมงเตรียมคนรอจัดการลื้อไว้แล้ว" เตี้ยงบอก
"ถ้ามันเห็นผมไม่ได้ไปคนเดียว มันจะฆ่าคนของเราทันที ผมยอมเสี่ยงไม่ได้หรอกครับ"
"เดี๋ยวอั๊วให้คนของอั๊วแอบตามไปเป็นกำลังเสริม"
"ไม่ได้ครับ เสี่ย มันต้องการชีวิตผมคนเดียว ห้ามไม่ให้ใครรู้เรื่องนี้อีก ห้ามไม่ให้ใครตามไปเด็ดขาด"
"ลื้อจะไป ทั้งๆที่ลื้อรู้ว่า ลื้อกำลังจะไปตายงั้นเรอะ"
อาจูมองทรงกลดอย่างหวาดหวั่นใจ
"ผมจะพาทุกคนกลับมาอย่างปลอดภัยครับ"
"มั่นใจขนาดนั้นเชียว"
"ถ้าผมไม่มั่นใจ ผมไม่กล้าขึ้นรับตำแหน่งนายกสมาคมฯหรอกครับ"
เคี้ยงมองทรงกลดอย่างซูฮกยอมรับกับความกล้าหาญเป็นครั้งแรก และเห็นความเหมาะสมที่ทรงกลดจะเป็นนายกสมาคม เป็นจุดเปลี่ยนที่เคี้ยงจะโหวตให้นโยบายของทรงกลดอย่างเต็มตัว
ทรงกลดเดินตรงออกไปอย่างไม่ลังเล เพื่อสร้างความมั่นใจให้ทุกคน แม้ไม่รู้จะมีชีวิตกลับมาหรือไม่
"ระวังตัวด้วยนะ นายน้อย"
ทรงกลดพยักหน้ารับให้เง็กแล้วมองเลยไปที่อาจู
"พาอาม่ากับเว่ยกลับมาให้ได้นะคะ... นายน้อย"
ทรงกลดมองอาจูอย่างผิดหวังเล็กๆที่อาจูยังไม่ยอมเรียกเขาว่าคุณทีเหมือนเดิม
"ฉันให้สัญญา"
อาจูมองด้านหลังทรงกลดที่เดินห่างออกไปทุกทีๆ
"ทำอย่างนี้ ฆ่าตัวตายชัดๆ"

อาจูหันไปมองด้านหลังทรงกลดอีกครั้งแล้วกลัวจับใจว่าอาจจะไม่ได้เจอเขาอีก อาจูยืนมองทรงกลดแล้วก็ทนไม่ไหว รีบเดินตามไป

เลือดมังกร : สิงห์ ตอนที่ 10 อวสาน (ต่อ)

ทรงกลดเดินขึ้นมาขี่มอเตอร์ไซด์แล้วหันไปมองทางประตู หวังว่าอาจูจะมาส่ง
 
เขาตัดใจขี่มอเตอร์ไซด์ออกไป เฉียดฉิวไม่ทันเห็นอาจูที่ออกมาส่ง
"คุณต้องกลับมานะคะ คุณที"
อาจูมองตามทรงกลดอย่างเป็นห่วง

หยกมณีนอนหลับสนิทอยู่ในอ้อมกอด อันนอนไม่หลับยังกังวลใจเป็นห่วงทรงกลด อันค่อยๆลุกจากเตียงอย่างเงียบเชียบที่สุด หยิบเสื้อมาใส่ติดกระดุมจนเรียบร้อยแล้วจะเดินออกไปแต่แล้วก็เปลี่ยนใจ
มาหอมแก้มหยกมณีเบาๆ เธอยิ้มบางๆเหมือนกำลังฝันดีอยู่
อันหยิบดอกกุหลาบมาวางไว้บนหมอนของตัวเอง แล้วเดินออกไปในความมืด

ลูกน้องแก๊งเขี้ยวสิงห์ 4-5 คนเฝ้าเวรยามอยู่หน้าตัวบ้าน ก้อนสมุนไพรกลมๆติดไฟ 4-5 ก้อนกลิ้งมาจากมุมมืด แล้วควันลอยออกมาจากก้อนสมุนไพรจนอบอวลไปทั่ว
ลูกน้องแก๊งเขี้ยวสิงห์ไอสำลักควันแล้วค่อยๆล้มไปทีละคนสองคน หมงมีผ้าปิดปากปิดจมูกพร้อมกับลูกน้องเล้ง 2 คนผูกผ้าปิดปากก้าวเข้ามา

ตงได้ยินเสียงตึงตังก็ลืมตาตื่นขึ้น หันไปเห็นลูกน้องเล้งซัดลูกน้องตัวเองหมอบลงไปแล้ว
ตงหันมาอีกทีก็เห็นหมงยืนค้ำหัวอยู่ในเงามืด
"ลื้อ..ลื้อ..เป็นใคร"
"ลูกชายของป๊ายังไงล่ะ"
หมงเปิดผ้าปิดหน้าปิดตาออก
"อา..หมง"
หมงพยักหน้าให้ลูกน้องเล้ง ทั้งสองเอาถุงผ้าสวมใส่หัวตงทันที

หยกมณีนอนหลับอยู่บนเตียงแล้วขยับเข้าไปหาอันแต่พบกับความว่างเปล่า เธอลืมตาตื่นลุกขึ้นนั่งทันที
"เฮียอัน"
หยกมณีลุกขึ้นจากเตียง มองไปรอบๆห้อง เห็นดอกกุหลาบวางไว้บนหมอนแทนคำบอกลา
"จะกลับ..ก็ไม่"
หยกมณีหยิบดอกกุหลาบขึ้นมาด้วยความรู้สึกใจไม่ดีอย่างอธิบายไม่ถูก

อันกับปอรีบเร่งเดินออกมาจากทางห้องนอนตง ภายในบ้าน บรรยากาศดูวุ่นวาย ลูกน้องเดินกันพล่านไปหมด
"ถ้าผมกลับมาเร็วกว่านี้อีกนิดเดียว"
ปอถือก้อนสมุนไพรโดยใช้กระดาษจับไว้
"ลื้ออยู่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ไม่ใช่ว่าใครก็หายาสลบแบบนี้ได้ง่ายๆ มันเตรียมแผนไว้เป็นอย่างดี"
"ไอ้หมงมันคิดทำอะไร ฆ่าคนแก่กับเด็ก! มันไม่น่าเกิดเป็นคนเลย"
อันเดินลิ่วๆออกไปแต่ต้องชะงักเพราะเสียงปอ
"อาอัน"
"ผมต้องไปช่วยนายน้อย"
"อั๊วไม่ได้จะห้ามลื้อ"
ปอเดินเข้าไปใกล้ลูกชาย
"ตอนนี้ไอ้หมงเป็นหมาบ้าไปแล้ว ระวังตัวด้วย"
"เตี่ยไม่เชื่อฝีมือผมหรือไง"
"อั๊วเชื่อใจลื้อเสมอ อาอัน พานายของเรากลับมาให้ได้"
ปอตบไหล่อัน
"ครับ เตี่ย."
อันเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ปอยืนมองอันเดินออกไปจนลับตา

ภายในโรงงานเก็บเครื่องจักรและเศษเหล็กเก่าที่ทิ้งร้างไว้เป็นสิบๆปี ทรงกลดเดินมาทางเดินในความมืดมีเพียงแสงสว่างจากไฟนอกโรงงาน เขามองสำรวจไปรอบๆเพื่อหาทางหนีทีไล่ เขาเดินมาจนสุดทางของโรงงานพบว่า มีร่างคนถูกมัดอยู่บนเก้าอี้รถเข็นอยู่บนแท่นเหล็กใหญ่ซ้อนๆกันสูงเหมือนเป็นเวที ทรงกลดต้องเงยหน้าขึ้นมอง
"อาม่า"
ไฟในโรงงานเปิดขึ้นทีละดวงฟึ่บๆฟั่บๆจนสว่างไปทั้งโรงงาน
ทรงกลดต้องตื่นตกใจเมื่อเห็นว่าร่างที่ถูกมัดอยู่กับรถเข็นเป็นตง ไม่ใช่ซิ่วเอ็ง!
"ป๊า"
หมงเดินเข้ามากระชากผมตงให้ทรงกลดได้เห็นหน้าพ่อตัวเองชัดๆ
"ใช่แล้ว อึ้งตงกัวตัวจริงล่ะ"
"ไอ้หมง!"
ทรงกลดกระชากปืนออกมาเตรียมยิงใส่หมงทันที แต่ก็ต้องลดปืนลง
"ยิงมาเลย"
หมงใช้เท้าเขี่ยแท่งเหล็กที่ขัดล้อรถเข็นที่ตงนั่งอยู่ ถ้าเตะแท่นเหล็กออก รถเข็นจะร่วงหล่นลงไปทันที
"ถ้าอยากให้พ่อแกตาย"
หมงเข็นรถเข็นตงไปมาดังเอี๊ยดอ๊าดๆรถเข็นเกือบหล่นจากแท่นเหล็กให้เสียวประสาทเล่น ทรงกลดจับตามองหมงที่ไม่มีอาวุธใดๆ, เตรียมขยับที่จะยกปืนขึ้นยิงหมงยามเผลอ
อิกเดินเข้ามาจ่อปืนที่ทรงกลดจากด้านหลัง
"ทิ้งปืน!"
ทรงกลดจำใจต้องทิ้งปืนลงไปที่พื้น
"ปืนอีกกระบอกด้วย"
ทรงกลดดึงปืนอีกกระบอกออกมา อิกเข้าไปดึงปืนของทรงกลดมา
"คุกเข่าลง!"
ทรงกลดยืนนิ่งไม่ยอมคุกเข่าให้ อิกเอาด้ามปืนของทรงกลดเองฟาดจนเลือดกบปาก
"ทำไมวะ คุกเข่าให้กูไม่ได้หรือไงวะ คิดว่าใหญ่นักเหรอ"
ทรงกลดยังยืนนิ่งไม่สะทกสะท้าน อิกฟาดหลังทรงกลดด้วยด้ามปืนอีกหลายครั้ง เตะหลังขาจนทรงกลดเซจนต้องล้มลงไปและพยายามลุกขึ้น แต่อิกถือปืนจ่อไว้ ทำให้ทรงกลดต้องอยู่ในท่าคุกเข่า

ตงมองมาที่ทรงกลดอย่างปวดใจที่สุด

ก้อนสมุนไพรยาสลบ 4-5 ก้อนวางอยู่บนโต๊ะ เคี้ยงหยิบก้อนสมุนไพรขึ้นมาดู
 
"อั๊วไม่เคยเห็นใครใช้ยาสลบแบบนี้"
"ของพวกนี้น่าจะมาจากเมืองจีน ถ้าอาม้าอยู่คงบอกได้ว่า มาจากไหน"
อาจูเริ่มสงสัย
"อาม่า..อาม่ารู้เรื่องยาทุกชนิด บางทีอาม่าอาจปรุงยาแบบนี้เป็นด้วยซ้ำ"
"ยาไม่ดีแบบนี้ อาม่าไม่ยุ่งเกี่ยวด้วยหรอก"
"ถ้าเรารู้ที่มาของยาสลบพวกนี้ เราอาจจะสืบได้ว่า ใครร่วมมือกับไอ้หมงอยู่" ปอบอก
"เรื่องที่น่าสงสัยกว่าคือ ถ้าไอ้หมงตั้งใจจะจับตัวเฮียตงอยู่แล้ว แล้วมันจะจับอาม่ากับอาเว่ยไปด้วยทำไม เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องโค่นล้มแก๊งเขี้ยวสิงห์เสียแล้ว แต่อาจเกี่ยวกับปัญหาในครอบครัว"
"เสี่ยหมายความว่ายังไง" ปอถาม
"อั๊วก็ยังคิดไม่ตก แต่ไม่มีนักเลงที่ไหนจะลักพาตัวคนแก่กับเด็กหรอก พวกลื้อคิดดูให้ดีๆ นอกจากไอ้หมงแล้ว ใครเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้บ้าง"
เคี้ยง เง็กและปอต่างหันหน้าถกเถียงกันต่อไป
อาจูเริ่มสังหรณ์ใจบางอย่าง ค่อยๆถอยห่างออกมาเรื่อยๆโดยไม่ให้คนอื่นรู้ตัว

ตงยังถูกมัดอยู่กับรถเข็นบนแท่นเหล็กสูงอยู่ ทรงกลดถูกล่ามด้วยโซ่เหล็กตรึงตัวให้แขวนตัวเหมือนชิ้นเนื้อที่รอถูกเชือด ตัวโทรมไปด้วยเหงื่อและเลือด
หมงกับอิกเดินวนรอบๆตัวทรงกลดเพื่อเขย่าประสาท
อิกถือมีดปลายแหลมเฉียดหน้าทรงกลดไปมา แล้วทำท่าเหมือนจะแทงแต่ไม่แทง
ทรงกลดจ้องหน้าอิกอย่างไม่สะดุ้งสะเทือน
อิกหัวเราะ
"ประสาทแข็งดี คราวนี้กูเอาจริงแล้วนะเว้ย"
อิกจะแทงทรงกลด แต่หมงดึงมือไว้
"เดี๋ยวก่อน"
"รออะไรวะ"
"บอกว่า เดี๋ยวก็เดี๋ยวซิวะ"
ทรงกลดพยายามขยับโซ่ที่ล่ามอยู่แต่ไม่สามารถหลุดออกได้ง่ายๆ เขามองไปรอบๆแล้วก็เห็นอันลักลอบแอบเข้ามา ทั้งสองต่างมองหน้าอย่างรู้ใจว่าต้องรอจังหวะ
อันลัดเลาะออกไปอย่างรวดเร็ว
"ไม่รอแล้วเว้ย ฆ่ามันซะตอนนี้เลย นายรอฟังข่าวดีอยู่"
อิกชักปืนออกจะยิงเผาขนทรงกลด
อันโหนโซ่ลงมาจากชั้นลอยยิงกราดจนอิกกับหมงต้องหลบกระสุนเป็นแถว
อันยิงโซ่ที่ล่ามทรงกลดจนขาดผึง ทรงกลดรับปืนจากอันที่โยนมาให้
ทรงกลดกับอันต่างหาที่กำบังเพื่อยิงโต้ตอบกับหมงและอิก
อิกหันไปเห็นหมงยิงจนกระสุนหมด
"ตัวใครตัวมันแล้วกัน!"
อิกรีบลัดเลาะหลบกระสุนไปหาทางเอาตัวรอด หมงทิ้งปืนที่ไม่มีประโยชน์แล้ววิ่งหนีออกไป ทรงกลดตรงรี่เข้าไปหาหมงแต่ยังไม่ยิงทิ้ง
ทรงกลดตบหมงด้วยด้ามปืนอย่างโกรธแค้น ทั้งชกทั้งกระทืบที่บังอาจทำพ่อถึงขนาดนี้
"หยุด"
ทรงกลดกับอันไปมองตามเสียง ซิ่วเอ็งยืนอยู่ข้างรถเข็นตง
"ม่า!"
แรกๆทรงกลดดีใจนึกว่าซิ่วเอ็งปลอดภัย แต่ก็ต้องช็อกเมื่อเห็นซิ่วเอ็งถือมีดจ่อที่คอตง
อาจูวิ่งเข้ามาได้เห็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
"ม่า!"
ซิ่วเอ็งยิ้มอ่อนโยน
"ไม่ต้องห่วง อาเว่ยสบายดี"
ซิ่วเอ็งกระตุกเชือกที่ผูกมือทั้งสองของเว่ยเข้ามา เว่ยตื่นตกใจที่เห็นอาม่าเป็นบ้าไปแล้ว
ซิ่วเอ็งยิ้มมีความสุข
"อาเหลียง ให้ใครตายก่อนดี พ่อหรือว่าลูก"

ทรงกลดกับอาจูมองซิ่วเอ็งอย่างตื่นตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก!!

เคี้ยงเปิดลิ้นชักไปปรึกษากับปอไป เขาเตรียมหยิบปืนเพื่อไปช่วยทรงกลด
 
"เราจะรออยู่เฉยๆไม่ได้แล้ว เราต้องไปช่วยอาทรงกลด"
เง็กหน้าตื่นตกใจเข้ามา
"เฮีย! อาจูหายไป"
"อีจะหายไปไหนได้ ลื้ออย่าตื่นตูมไปหน่อยเลย"
เคี้ยงค้นหาปืนไม่เจอแล้วต้องชะงัก หันมาสบตากับเง็ก
"ปืนอั๊วหายไป!"
"อาจูต้องไปช่วยอาเว่ยแน่ๆ"
"เป็นผู้หญิงจะช่วยอะไรได้ มีแต่ทำให้ยุ่งเข้าไปอีก"
"เฮียก็รีบไปช่วยอาจูซิ ยืนพูดอย่างนี้จะช่วยอะไรได้"
"ผมจะระดมคนแก๊งเขี้ยวสิงห์ตามไปสมทบ" ปอบอก
ปอรีบเดินออกไป เคี้ยงรีบหยิบขึ้นเหน็บเอวแล้วเดินออก เง็กตามไปติดๆ
"ลื้อไปไม่ได้"
"อั๊วจะไป ลูกอั๊วตั้งสองคน !"
เคี้ยงจำต้องให้เง็กตามไปในที่สุด

ซิ่วเอ็งยังคงเอามีดจ่อที่คอตงอยู่ เว่ยถูกมัดมือไว้อยู่ไม่ไกลจากซิ่วเอ็งนัก ทรงกลด อาจูและอันยังคงตะลึงกับการปรากฏตัวของซิ่วเอ็ง
หมงโดนทรงกลดซ้อมจนหมอบแน่นิ่งอยู่บนพื้น
"ทิ้งปืนลง!"
ซิ่วเอ็งกรีดคอตงเบาๆจนเลือดไหลซิบๆ ทรงกลดกับอันจำยอมต้องวางปืนลงกับพื้น ทรงกลดกับอันมองตากันรอจังหวะที่จะฉวยปืนอีกครั้ง
ซิ่วเอ็งรู้ทัน
"อย่าได้หวัง!"
ไฟรอบๆชั้นลอยของโรงงานเปิดขึ้นจนสว่างจนเห็นลูกน้องเล้ง 10 คนปรากฏตัวออกมา
ลูกน้องเล้ง 2 คนเดินออกมาคุมตงไว้ให้ ซิ่วเอ็งค่อยๆเดินลงมาเตะแขนตัวหมงที่ยื่นเกะกะออกไป
ซิ่วเอ็งกับหมง
"ไอ้โง่! อั๊วบอกให้รอก่อน"
ซิ่วเอ็งเดินมาถึงหน้าทรงกลดและอันที่ต่างมีสมุนเล้ง 2 คนล็อกตัวไว้อยู่
"ม่า! นี่มันเรื่องอะไรกัน!" อาจูถาม
"ถามอึ้งตงกัวสิ ถามมัน!"
ทุกคนหันไปมองตงที่พูดไม่ได้ ได้แต่ส่ายหน้าอย่างเสียใจที่เป็นต้นเหตุของเรื่อง
ซิ่วเอ็งยิ้ม
"เสียดายที่มันพูดไม่ได้ซะแล้ว"
"เป็นเพราะฝีมือม่าใช่มั้ย ตั้งแต่ที่ม่าพยายามยัดเยียดให้หนูแต่งงานกับคุณที ทุกอย่างเป็นแผนการของม่า ม่าทำอย่างนี้ทำไม? ทำไม"
"เพราะว่าอั๊วต้องการฆ่าอึ้งตงกัว"
"ป๊าผมทำอะไรให้"
ซิ่วเอ็งจับหน้าทรงกลดให้หันไปมองตง
"เพราะมันเป็นฆาตกร ! มันฆ่าอาเหลียงลูกชายอั๊ว"
เว่ยตกใจมองตงอย่างงงงวยสับสน ทรงกลดมองไปที่ตงอย่างไม่เชื่อ
"อาม่าเสียสติไปแล้ว"
"อั๊วไม่ได้บ้า.. อาจู!"
ซิ่วเอ็งส่งมีดให้อาจู แต่อาจูถอยหลังส่ายหน้าไม่ยอมรับมีดไว้
"แทงมัน! พ่อมันจะได้รู้ถึงความเจ็บปวดของอั๊ว"
"หนูไม่ทำ"
ซิ่วเอ็งตบหน้าอาจูจนหน้าหัน
"นังหลานเนรคุณ! เลือกผัวงั้นรึ"
เว่ยตะโกนมา
"ม่าๆ ม่าอย่าทำอย่างนี้เลย"
ซิ่วเอ็งได้ยินเสียงเว่ยที่ทำให้ชะงักแค่แวบเดียว แต่แล้วก็สาวเท้าเข้าไปหาทรงกลด ซิ่วเอ็งชูมีดด้ามยาวที่ยังมีคราบเลือดของตงอยู่
อาจูมองซิ่วเอ็งอย่างเสียวไส้ว่าจะทำอะไรทรงกลด
"อาจู! หันหน้าไป"
ซิ่วเอ็งจดปลายมีดตรงอกซ้ายของทรงกลด อาจูหันหน้าหนีไป อันขยับไปช่วยทรงกลดไม่ได้เพราะมีสมุนเล้งล็อกตัวอยู่
ซิ่วเอ็งใช้ปลายมีดกรีดจากอกซ้ายเป็นทางเฉียงลงมาทำให้เสื้อฉีกขาดและเลือดไหลซิบๆ
ทรงกลดบอกอาจู
"อย่าหันมา"
อาจูหลับตาแน่นได้ยินแต่เสียงเสื้อดังแควกที่โดนปลายมีด
ตงกับอันได้แต่มองทรงกลดโดนซิ่วเอ็งกรีดเนื้อสดๆอย่างทรมานใจ
"เจ็บก็ร้องออกมา ร้องออกมา"
ทรงกลดกัดฟันแน่นไม่ยอมร้องแม้แต่นิดเดียว ซิ่วเอ็งยิ่งโกรธคลั่งขึ้นไปอีก แล้วเงื้อมือจะแทงที่หัวใจทรงกลด
ตงใช้แรงทั้งหมดที่มีตะโกน
"อย่า"
อาจูรีบไปบังตัวทรงกลดไว้ ทรงกลดสะบัดตัวจากสมุนที่ล็อกตัวออกไปเพื่อกอดอาจูไว้
"ดี! จะได้ตายพร้อมกันไปเลย"
ทรงกลดรีบดึงอาจูให้ออกไปให้อยู่ด้านหลัง
"ผมยินดีตาย! ผมขอตายแทนทุกคนเอง"
"ไม่ได้นะครับ นายน้อย ใครถูกใครผิด ไม่มีใครรู้จริง" อันบอก
"อั๊วนี่ไงที่รู้ความจริง อึ้งตงกัวโกงอาเหลียงจนหมดตัว จนอีแขวนคอตาย อีต้องตายอย่างอนาถก็เพราะลื้อ! อึ้งตงกัว"

ซิ่วเอ็งถือมีดที่เต็มไปด้วยเลือดของทรงกลดชี้ไปที่ตงอย่างเคียดแค้น

ซิ่วเอ็งย้อนคิดถึงอดีต เสียงกรีดร้องโหยหวนของซิ่วเอ็งดังมาก่อน


ซิ่วเอ็งยืนกรีดร้องที่เห็นเหลียงแขวนคอตายจนเพื่อนบ้าน 4 คนมาช่วยเอาศพเหลียงห่อเสื่อออกไป
ซิ่วเอ็งตีอกชกหัวเหมือนคนบ้าแล้วนึกขึ้นได้ รีบลุกวิ่งตามออกไป เง็กรีบตามไป
ซิ่วเอ็งร้องโหยหวนวิ่งตามมาจากห้องเช่า
" อย่าเอาลูกอั๊วไป! อาเหลียง! อาเหลียง"
เง็กวิ่งตามมาทันจนกอดตัวซิ่วเอ็งไว้
"ม้า! เฮียเหลียงตายแล้ว ทำยังไงก็ไม่ฟื้นหรอก ม้าทำใจเถอะนะ"
"ให้อั๊วทำใจยังไง หา ! ลูกชายอั๊วตาย! ต้องทำใจยังไง ทำยังไง หา"
ซิ่วเอ็งร้องไห้ฟูมฟายอยู่ตรงนั้นโดยไม่สนใจชาวบ้านมามุงดู

วันฝังศพอนาถาของเหลียงที่สุสานวัดดอน ซิ่วเอ็งในชุดปกติ เนื่องจากตามประเพณีพ่อแม่ไม่ต้องไว้ทุกข์ให้ลูก เง็กกับอาจูที่อุ้มเว่ยอยู่ช่วยกันเผากระดาษเงินกระดาษทองอยู่ ทุกคนในชุดขาวไว้ทุกข์
ซิ่วเอ็งโยนกระดาษเงินกระดาษทองลงกองไฟทีละปึกๆ สีหน้านิ่งเฉยไม่ฟูมฟาย
"ม้า..เฮียเหลียงทิ้งจดหมายไว้"
"เผามันทิ้งไป!"
"ม้า."
ซิ่วเอ็งเผากระดาษเงินกระดาษทองต่อไปอย่างเงียบสงบแต่ดูเยือกเย็นน่ากลัว เริ่มต้นมีอาการจิตตั้งแต่นั้น
ซิ่วเอ็งบ่นพึมพำ
"อึ้งตงกัว!!...มันต้องชดใช้"
ซิ่วเอ็งโยนปึกกระดาษเงินกระดาษทองปึกใหญ่ลงกองไฟจนควันคลุ้งไปหมด

ซิ่วเอ็งเอามีดชี้ไปที่ตงอย่างโกรธแค้นขึ้นทวีคูณ
"เพราะลื้อ! อาเหลียงถึงต้องตาย! แม้แต่หลุมฝังศพก็ไม่มี ต้องไปฝังรวมกับศพผีไม่มีญาติ อาเหลียงอีซื่อ อีถูกลื้อฮุบร้านไปจนไม่มีเงินเหลือแม้แต่แดงเดียว แต่ลื้อกลับรวยเอาๆ รวยบนซากศพคนอื่น คนอย่างลื้อต้องชดใช้กรรม"
"คนอย่างป๊าไม่เคยคดโกงใคร"
ซิ่วเอ็งไม่ฟัง
"ชีวิตต้องใช้คืนด้วยชีวิต"
ซิ่วเอ็งหยิบขวดยาพิษมาราดคมมีดทั้งด้ามอย่างช้าๆ
"ลื้อฆ่าลูกอั๊ว อั๊วก็จะฆ่าลูกลื้อ!"
ตงทรมานใจนั
"อา...อาที"
"ลูกอั๊วตายอย่างทรมานยังไง ลูกลื้อจะทรมานยิ่งกว่าเป็นร้อยเท่าพันเท่า"
ซิ่วเอ็งพยักหน้าให้สมุนเล้ง 2 คนกลับเข้ามาล็อกตัวทรงกลดไว้
แค่ซิ่วเอ็งเอามีดที่ทายาพิษแตะที่แผลของทรงกลด เขาก็ปวดแสบจนดิ้นพล่านแม้จะอดทนไว้ที่สุด
"ม่า...หนูขอร้อง อย่าทำคุณที! คุณทีไม่ได้ทำผิดอะไร"
"มันผิดสิ มันผิดที่เกิดมาเป็นลูกชายของฆาตกรที่ฆ่าอาเหลียง!"
" คนที่ฆ่าอาเหลียงคือลื้อต่างหาก"
ทุกคนหันไปมอง เคี้ยงกับเง็กเดินเข้ามาพร้อมลูกน้องอีก 10 คน สมุนเล้งและลูกน้องเคี้ยงต่างจ่อเล็งปืนใส่กันเตรียมถล่มยิง
"หยุด! ทุกคนอย่าขยับ! ไม่งั้นก็ตายกันหมดนี่แหละ"
หมงเริ่มคืนสภาพค่อยๆคืบคลานไปหลบในที่กำบัง
เคี้ยงเดินมาหยุดต่อหน้าซิ่วเอ็งอย่างระอาใจ
"อั๊วไม่คิดเลยว่า ลื้อจะฝังใจเชื่อเรื่องผิดๆมาตลอดสิบกว่าปี"
"ลื้อพูดอะไร? อึ้งตงกัวฆ่าอาเหลียง ไม่ใช่อั๊ว!"
"ก็ถ้าลื้อไม่บีบคั้นให้อาเหลียงหาเงินเยอะๆ จะได้รีบกลับไปอวดมั่งอวดมีที่บ้านเกิดเร็วๆ อาเหลียงอีคงไม่หาทางลัดไปเข้าบ่อนหรอก เฮียตงเป็นคนต่อชีวิตอาเหลียงไว้ แต่ลื้อเป็นคนดับชีวิตอีเอง"
ซิ่วเอ็งนิ่งอึ้งกับสิ่งที่เคี้ยงเปิดโปงอีกมุมที่ไม่เคยรู้มาก่อน

เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ตงนิ่งคิดยังไม่เซ็นสัญญาที่วางอยู่ เงยหน้าขึ้นมองเหลียงที่กระวนกระวายใจอยู่
"ลื้อแน่ใจนะ อาเหลียง"
"อั๊วแน่ใจๆ อั๊วเองก็ไม่มีเวลาดูแลร้านแล้ว ขายร้านให้เฮียน่ะดีแล้ว"
เคี้ยงประชด
"ไม่มีเวลาไปดูร้าน แต่มีเวลาไปเข้าบ่อน"
"อั๊วก็ไปเล่นสนุกๆเท่านั้น ไม่ได้เล่นจริงจังอะไร"
"ลื้ออย่าไปบ่อนอั๊วแล้วกัน มีคนรอทวงหนี้เป็นโขยง"
"เป็นอันว่า ลื้อไม่เปลี่ยนใจ"
"อั๊วต้องใช้เงินจริงๆ เฮียตง"
ตงถอนใจเฮือกแล้วเซ็นชื่อรับซื้อร้านจากเหลียง ปอขยับเอกสารพร้อมปากกาไปให้เคี้ยง
"เสี่ยช่วยลงชื่อเป็นพยานด้วยครับ"
เคี้ยงเซ็นชื่ออย่างรวดเร็ว ปอหยิบซองเงินปึกใหญ่ขึ้นมา ยังไม่ทันจะยื่นส่งให้ เหลียงก็ดึงซองเงินไปทันที
"อาเหลียง..นี่เป็นเงินก้อนสุดท้ายแล้วนะ รับปากอั๊ว ห้ามไปเข้าบ่อนอีก รับปากมา"
เหลียงพูดส่งๆ
"อั๊วไม่เข้าบ่อนอีกแล้ว อั๊วรับปาก"
เหลียงรีบเดินออกไปอย่างใจจดจ่อจะไปเข้าบ่อน
"ลื้อเชื่อคำพูดของผีพนันงั้นเหรอ เฮีย"

ตงกับปอมองหน้ากันอย่างหนักใจ

เลือดมังกร : สิงห์ ตอนที่ 10 อวสาน (ต่อ)

เพียง 4-5 วันต่อมา เหลียงก็เดินคอตกออกจากบ่อนพลางนับเศษเงินในมือ
 
นักเลง 2 คนเข้ามาล้อมตัวเหลียงไว้ เคี้ยงเดินเข้ามาพร้อมสมุน 2 คนยืนมองเหตุการณ์
นักเลง1บอก
"จ่ายหนี้มา"
"อั๊วยังไม่มี"
นักเลง2 ชกท้องเหลียงจนจุกทันที
"ถามกี่ทีๆก็ไม่มีจ่าย จะเบี้ยวใช่มั้ย"
"อั๊วไม่มีเงินจริงๆ"
นักเลง1กระชากหัวเหลียง
"บอกว่า ไม่มี แล้วเรื่องจะจบงั้นเรอะ กูให้เวลามึงอีกวัน ถ้าไม่มีเงินใช้หนี้อีก เตรียมตัวตาย"
"พรุ่งนี้อั๊วจะหาเงินมาจ่าย อั๊วจ่ายแน่ๆ"
เหลียงลนลานออกไปแล้วก็ไปเจอเจ้าหนี้อีก 2 คนดาหน้ามาหา,เหลียงรีบเผ่นหนีออกไปหางจุกตูดทันที
ตงกับปอเดินเข้ามาเฉียดฉิวไม่ทันได้เจอกับเหลียง
"เฮียมาช้าไปแล้ว"
"อาปอ..ส่งคนไปดูอาเหลียงที"
"ไม่ต้องตามหรอก อาเหลียงคงพาลูกเมียหนีไปแล้ว เป็นหนี้ใครไม่เป็น ไปเป็นหนี้บ่อนแก๊งหนูไฟ แก๊งนี้มันเอาตายทั้งบ้านเลยนะ เฮีย" เคี้ยงบอก
"บ้านเมืองมีขื่อมีแป ทำอย่างนี้ได้ไง"
"เฮียคิดจะทำอะไร"
"ปิดบ่อนแก๊งหนูไฟ"
เคี้ยงกับปอมองตงที่เอาจริงเอาจังมาก

ซิ่วเอ็งนิ่งอึ้งที่เพิ่งรู้จากเคี้ยงเรื่องเหลียงติดการพนัน
"นี่เป็นต้นเหตุที่เฮียตงเข้าควบคุมแก๊งหนูไฟไว้ ไม่ให้ทำร้ายคนต่อไป เฮียตงหวังว่าจะให้อาเหลียงช่วยคุมแก๊งหนูไฟ แต่นั่นแหละ คนมันไม่รักดี"
"ไม่จริง..ไม่จริง..อาเหลียงเป็นคนทำมาหากิน..อาเหลียงไม่กินเหล้า ไม่เข้าบ่อน ลื้ออย่ามาใส่ร้ายคนตาย"
"ลื้อไม่เชื่อคำพูดอั๊วก็ได้ แต่หลักฐานซื้อขายร้านยังอยู่ เฮียตงเป็นคนช่วยลงทุนเปิดร้านเซียงกงให้แท้ๆ แต่กลับต้องจ่ายค่าร้านคืนให้อาเหลียงอีก นี่ไม่นับที่เฮียตงเที่ยวไปจ่ายหนี้พนันให้อาเหลียงอีกนะ"
"ไม่จริง..ไม่จริง..ลูกอั๊วเป็นคนดี"
"ม้าคิดดูดีๆนะ เฮียเหลียงไม่เคยหาเงินเข้าบ้านได้เลย ที่เราอยู่กันได้ ก็เพราะรายได้จากม้ากับอั๊ว..อั๊วพยายามบอกม้าหลายครั้งแล้วว่า เฮียเหลียงติดบ่อน แต่ม้าไม่เคยยอมฟัง ไม่ยอมแม้แต่ที่จะอ่านจดหมายลาตายของเฮียเหลียง"
"ไม่จริง! อั๊วไม่เชื่อ"
เคี้ยงยืนยัน
"เฮียตงไม่ได้โกงอาเหลียง ! อาเหลียงตายเพราะทนอับอายจนอยู่บนโลกนี้ไม่ได้ต่างหาก"
ซิ่วเอ็งกรีด
"ไม่จริง"
ทุกคนกำลังจดจ้องอยู่ที่ซิ่วเอ็งที่กำลังกรีดร้องไม่ยอมรับความจริง
หมงถือโอกาสที่ทุกคนเผลอ ยิงไปที่ทรงกลดแต่อาจูเห็นเข้าเสียก่อน อาจูฉวยปืนที่ขโมยจากเคี้ยงยิงสวนหมงอย่างเก้ๆกังๆ เสียงปืนทำให้ทุกอย่างโกละหลไปหมด เคี้ยงดึงเง็กหลบวิถีกระสุน อันสะบัดตัวเล่นงานสมุน 2 คนที่ล็อกตัวจนหมอบแล้วแย่งปืนมาได้
อันตรงไปจะไปช่วยตง แต่ปอพาลูกน้องมาช่วยจัดการแทนและคุ้มครองตงไว้ได้
ปอตะโกน
"ไปช่วยนายน้อย!"
ทรงกลดคว้าปืนมาได้แล้วยืนเคียงคู่กับอาจู,
มือขวาของทรงกลดจับมืออาจูไว้ช่วยเหนี่ยวไกปืน มือซ้ายมีปืนอีกกระบอกยิงสวนเก็บสมุนเล้งทีละคน
อันขยับมาเคียงข้างกับทรงกลด ต่างไล่บี้ยิงใส่หมงอย่างไม่เลี้ยง
หมงดึงสมุนเล้งมาเป็นโล่มนุษย์แล้วถอยร่นหนีไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็ทิ้งสมุนเล้งที่เป็นโล่ไปแล้ววิ่งหนีไป
ทรงกลดสั่งอาจู
"รออยู่นี่"
ทรงกลดกับอันรีบวิ่งตามหมงไปทันที อาจูมองตามอย่างเป็นห่วง

ทรงกลดกับอันวิ่งตามหมงออกมาที่ทางเข้าโรงงาน ทั้งสองมองไปรอบๆแต่ไม่เห็นร่องรอย ทรงกลดมองรอยเลือดที่หยดเป็นทางบนพื้นจึงเดินตามรอยเลือดไป ทรงกลดเดินนำไปอย่างรวดเร็ว
เสียงสับไกปืนดังกริ๊บขึ้นมาในความเงียบ ทรงกลดหันกลับมาแล้วต้องชะงัก หมงถือปืนจ่อที่ท้ายทอยของอันอยู่
"ทิ้งปืน"
อันค่อยๆทิ้งปืนลงบนพื้น หมงล็อกคออันลากถอยไปเพื่อเอาอันเป็นตัวประกัน
"แกหนีไม่พ้นหรอก"
"หุบปาก"
หมงล็อกคออันพาตัวถอยไปเรื่อยๆพลางหาทางหนีทีไล่ อันฝืนตัวไม่ยอมให้หมงลากตัวไปง่ายๆ
"แกอยากตายงั้นเหรอ ไอ้อัน"
อันสบตาให้ทรงกลดยิงหมงได้เลย แต่ทรงกลดส่ายหน้าน้อยๆอย่างไม่อยากเสี่ยง
"แกรู้มั้ยว่า นายน้อยไม่เคยยิงพลาด"
อันจ้องมองให้ทรงกลดมั่นใจและเตรียมพร้อม,หมงเริ่มมือไม้สั่นด้วยความกลัว
อันตะโกน
"ยิง!"
อันตะโกนพร้อมๆกับศอกใส่หมงจนตัวงอ ทรงกลดได้จังหวะยิงไปที่ไหล่ซ้ายจนหมงทรุดตัวลง
อันถีบ ชกหมงจนหงายหลังไป ทรงกลดขยับเข้ามาใกล้เตรียมที่จะยิงหมงทิ้งเหมือนหมา
"อย่าใช้วิธีหมาหมู่ซิวะ"
"งั้นก็มาสู้ตัวต่อตัว"
ทรงกลดเอาปืนเหน็บเอวรอหมงลุกขึ้นมาสู้ หมงเหลือบมองปืนที่ตกอยู่ที่พื้น
หมงก็คว้าปืนจากพื้นลั่นไกใส่ทรงกลดทันที อันกระโดดขวางทางปืนอย่างไม่กลัวตาย
หมงยิงเข้าใส่อันสามนัดติดๆกัน อันทรุดตัวลงไปกองกับพื้น
"ไอ้หมง"
ทรงกลดเดินตรงรี่เข้าไปหาหมงโดยไม่กลัวถูกยิงสวนกลับ
หมงเห็นหน้าทะมึนและตกใจที่ยิงอันแทนที่จะเป็นทรงกลด มือไม้สั่นพยายามที่จะยิงใส่ทรงกลด
แต่ช้าไปเสียแล้ว ทรงกลดยิงกราดใส่หมงไม่นับจนกระสุนหมดแม็ก หมงตายเลือดอาบกองอยู่ตรงนั้น
ทรงกลดกลับไปประคองอันที่นอนจมกองเลือดอยู่ พร้อมตะโกน
"ใครก็ได้ เอารถออกที ... เดี๋ยวฉันจะพาแกไปโรงพยาบาล"
อันยึดมือทรงกลดไว้แล้วส่ายหน้า แต่ทรงกลดยังพยายามเอามือกดแผลห้ามเลือดไว้อยู่
"ไม่! ฉันไม่ยอมให้แกตาย"
อันดึงสร้อยเขี้ยวสิงห์ออกมาแล้วยัดใส่มือทรงกลด
"ฝากให้หยก..ด้วย"
"ไม่! ฉันไม่รับฝาก แกต้องเอาไปให้หยกเอง! ได้ยินมั้ย แกต้องเอาไปเอง"
อาจู เคี้ยงและเง็กเข้ามา, ปอเข็นรถตงตามท้ายมา
ทรงกลดเงยหน้ามองปอลูกชาย จับมืออันไว้แต่ไม่มีน้ำตาแม้แต่หยดเดียว
"อาอัน..ขอบใจที่เกิดมาเป็นลูกเตี่ย..ขอบใจๆ"
อันจับมือทรงกลดที่พยายามกดห้ามเลือดให้หยุดมือไว้
อันยิ้ม
"ไม่ต้องแกล้งพักงานผมแล้วนะ"
ทรงกลดจับมืออันไว้แน่น มือของทั้งสองคนโชกไปด้วยเลือด
อาจูน้ำตาไหลพรากเมื่อเห็นว่าอันไม่มีทางรอดแล้วจริงๆ เคี้ยงโอบไหล่อาจูกับเง็กไว้
ทรงกลดน้ำตาไหล
"อาอัน"
"หมดหน้าที่ของผมแล้วครับ..นายน้อย"
อันค่อยๆหลับตาลงพร้อมรอยยิ้มอย่างพอใจที่ได้ทำหน้าที่ปกป้องนายน้อยได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว
เสียงหยกมณีแว่วเข้ามาฝยวาระสุดท้ายของอัน
"เราจะรักกันแล้วก็อยู่ด้วยกันอย่างนี้ตลอดไปใช่มั้ย เฮีย"
ทรงกลดกำมืออัน ที่มีสร้อยเขี้ยวสิงห์ ไว้แน่นและก้มหัวให้อันอยู่อย่างนั้น อาจูขยับจะเข้าไปปลอบทรงกลด แต่ท่าทางนิ่งเงียบของทรงกลดทำให้อาจูชะงัก

อันที่นอนตายตาหลับอย่างสงบ

เคี้ยงพาอาจูกับเง็กเดินออกไปทางที่จอดรถ อาจูคอยหันไปมองด้านหลังเพื่อดูว่าทรงกลดเป็นอะไรหรือเปล่า
 
"ลื้อไม่ต้องห่วง เดี๋ยวอาทรงกลดก็ทำใจได้" เคี้ยงบอก
"นั่นสิ ลื้อห่วงลูกในท้องลื้อดีกว่า ถ้าเป็นลื้อเป็นเด็ก ม้าจะตีให้ตาย ทำอะไรไม่ได้คิดถึงตัวเองเลย ตอนนี้ลื้อไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วนะ"
"แต่ถ้าเป็นหนู หนูคงทำใจไม่ได้..คุณอันเป็นทั้งครูเป็นทั้งเพื่อนทั้งพี่ชาย เป็นทุกๆอย่างของคุณที ถ้าหากหนูต้องเสียอาเว่ยไป..." แล้วนึกได้ "อาเว่ย! อาเว่ยล่ะ ม้า"
"อยู่กับอาปอไม่ใช่เหรอ ตอนที่อาปอพาคนมาช่วย อาเว่ยก็อยู่ตรงแถวๆนั้น" เคี้ยงว่า
"อาม่าก็ไม่อยู่ อาม่าจับตัวอาเว่ยไปแน่ๆ"
"อั๊วรู้ว่า อาม่าพาอาเว่ยไปไหน" เง็กบอก
ชานนท์กับตำรวจ 2 นายเดินเข้ามา
"ลื้อรับหน้าตำรวจไว้ก่อนนะ"
เง็กรีบดึงอาจูออกไปทันที
"รับหน้ายังไง แล้วพวกลื้อจะไปไหน"
เคี้ยงหน้าตาเหรอหราแล้วเปลี่ยนสีหน้าเอางานเอาการทันทีที่เห็นชานนท์
"ผู้กองชานนท์! ไม่ได้เจอกันตั้งนาน งานนี้มีใครเหลือรอดมั้ย"
"ผมได้ตัวผู้ต้องหา ผู้เสียหาย พยาน ครบแล้ว แต่ยังขาดผู้ต้องหาอีกคนเดียว นางซิ่วเอ็ง แซ่เล้า"
เคี้ยงตีหน้าเฉยทำไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น

เง็กพาอาจูมาอย่างเร่งรีบจนเกือบมาถึงหน้าห้องเช่า
"อาม่าจะมาบ้านเก่าทำไม"
"อาม่ารักเฮียเหลียงมาก ถ้าไม่มาที่นี่แล้วอีจะไปไหนได้" เง็กบอก
"อาม่ารู้ความจริงแล้ว คงไม่คิดทำอะไรบ้าๆอีกใช่มั้ย"
"ยิ่งรู้ความจริง อาม่าก็คงยิ่งทุกข์ทรมาน คนที่คิดว่า เป็นศัตรูฆ่าลูกชายตัวเองกลับมาเป็นผู้ที่มีพระคุณ แล้วนี่ต้องติดคุกติดตารางหรือเปล่าก็ไม่รู้"
"เราขอร้องนายใหญ่ยกโทษให้อาม่า นายใหญ่ต้องไม่ถือโทษโกรธอาม่าแน่ๆ อาม่าเป็นคนเข้มแข็ง..อาม่าต้องอยู่ต่อไปได้"
"ถ้าอีไม่อยากอยู่ต่อไปแล้วล่ะ"
"อาเว่ย! อาม่าถึงได้พาอาเว่ยมาที่นี่ด้วย"
อาจูกับเง็กมองหน้ากันอย่างตกใจกลัวว่า ซิ่วเอ็งจะพาเว่ยมาฆ่าตัวตายพร้อมกัน
"อาเว่ย"
เง็กกับอาจูรีบเปิดประตูเข้าไปในห้องเช่า

ซิ่วเอ็งเงยหน้ามองขื่อที่เหลียงผูกคอตาย เว่ยยังคงถูกผูกมัดมือไว้ทั้งสองมืออยู่
"ม่า..ม่าอย่านะ ม่า"
เว่ยกลัวซิ่วเอ็งจะฆ่าตัวตาย
ซิ่วเอ็งหันมาแกะเชือกที่มือเว่ยออกอย่างเงียบๆ ได้เชือกเส้นยาวพอที่จะผูกคอตายได้
อาจูกับเง็กถลันเข้ามา เง็กรีบดึงเชือกออกไปจากมือซิ่วเอ็ง
"ม่าคิดจะทำอะไรอาเว่ย" อาจูถาม
"ม่าไม่ได้ทำอะไรผม ผมตามอาม่ามาเอง ม่า..กลับบ้านเรากันเถอะ"
ซิ่วเอ็งไม่ได้ฟังที่เว่ยพูดแต่ตาจ้องไปที่ขื่อที่เหลียงผูกคอตาย
"อาเง็ก...อาเหลียงทิ้งจดหมายไว้ใช่มั้ย..ลื้อจำได้มั้ยว่า อีเขียนไว้ว่าอะไร"
"จำได้..อั๊วจำได้ทุกคำไม่มีวันลืม..... อาม้า..อั๊วขอโทษ"
ซิ่วเอ็งนิ่งฟังเง็กทบทวนจดหมายลาตายให้ฟังอย่างสงบ

ซิ่วเอ็งนั่งลงที่เก้าอี้โยกเก่าๆ แล้วนึกถึงจดหมายลาตายของเหลียง
"อั๊วขอโทษจริงๆ ที่อยู่ดูแลม้าไม่ได้อีกต่อไป อั๊วมันไม่เอาไหน ทำการค้าก็เจ๊งไม่เป็นท่า หนี้สินท่วมตัว อั๊วอยู่ไปก็จะทำให้ทุกคนเดือดร้อน อั๊วตายไปแล้ว ทุกคนต้องหนีไปให้ไกลที่สุด อย่าให้อั๊วต้องทำบาปไปมากกว่านี้"
เง็กหยุดยืนมองซิ่วเอ็งที่เงียบสงบนิ่งจนดูไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่
"ที่เฮียเหลียงให้พวกเราหนีไป เพราะพวกเจ้าหนี้กำลังตามไล่ฆ่าอยู่ เฮียเหลียงฆ่าตัวตายเพราะคิดว่าเป็นทางออกเดี
"นายใหญ่...อั๊วมันโง่..โง่จริงๆ"
"เป็นความผิดของอั๊วด้วย อั๊วน่าจะพยายามมากกว่านี้"
"ลื้อพูด อั๊วก็ไม่ฟัง อั๊วไม่เคยฟังใคร..นอกจากตัวเอง ออกไป"
"ม้า...เราเริ่มต้นกันใหม่ได้นะ"
ซิ่วเอ็งยิ้มอย่างมีเมตตาดูปลงๆให้เง็กตายใจ
"ขออั๊วอยู่คนเดียวเถอะนะ อาเง็ก"
เง็กยอมเดินออกไป ซิ่วเอ็งนิ่งคิดตัดสินใจเป็นครั้งสุดท้าย

อาจูกับเว่ยนั่งจับเจ่ากันอยู่ด้วยกัน เง็กเดินออกมาสมทบ
"ทิ้งอาม่าไว้คนเดียว ไม่เป็นไรเหรอ ม้า"
"ให้เวลาอีทำใจซักพักเถอะ"
"นายใหญ่เป็นคนดีอย่างนี้ ทำไมม้าถึงได้เกลียดแก๊งเขี้ยวสิงห์นักล่ะ"
"ม้าไม่ได้เกลียด ม้าไม่อยากให้ครอบครัวเราไปเกี่ยวข้องกับพวกแก๊งเจ้าพ่อ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายดีฝ่ายเลว ทุกแก๊งก็มีศัตรูคอยทำร้ายกัน เราอยู่กันอย่างชาวบ้านธรรมดาไม่ดีกว่าเหรอ"
"ทำไมเจ็กเคี้ยงถึงหาว่าอาม่าเป็นคนทำให้ป๊าเหลียงตายล่ะ ม้า"
"ไม่ใช่เรื่อง"
เว่ยต่อให้
"เรื่องของเด็ก แต่นี่เป็นเรื่องของป๊าผม ผมมีสิทธิ์ที่จะรู้"
เง็กนิ่งคิดไป คำพูดเก่าแก่ของคนจีนที่เล่าต่อๆกันมา
"มีคนแบ่งจำพวกคนจีนที่มาเมืองไทยด้วยเสื่อผืนหมอนใบว่า มีสามจำพวก “จ่อซัว” หรือเจ้าสัวที่คนไทยเรียกกัน จ่อซัวคือคนที่ได้ดิบได้ดีทำการค้าร่ำรวยมีแต่คนเคารพนับถือ"
อุปมาดั่งอึ้งตงกัวที่ยืนท่ามกลางลูกน้องนับสิบๆคนในแก๊งหรือในสมาคมเลือดมังกร
"พวกที่สองคือพวก “ตึ่งซัว” คือพวกที่ท้อถอยไม่สู้ต่อ แม้อับอายขายหน้าก็ยังกลับไปตั้งหลักใหม่ที่บ้านเกิด"
ภาพกลุ่มคนจีนถือกระเป๋าเดินกันขวักไขว่ที่ท่าน้ำ เรือสำเภาแล่นออกจากท่า
"และพวกที่สาม พวก "งี่ซัว” พวกที่ทำการค้าล้มเหลวหมดตัวหมดอนาคต แม้ตายก็ไม่มีเงินฝังศพ อาม่าฝันอยากให้ป๊าลื้อได้เป็นจ่อซัว กลับไปบ้านเกิดอย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรี แต่ว่า..."
เว่ยบอก
"ป๊าเป็นได้แค่งี่ซัวที่ทิ้งครอบครัวไปอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด"
"เว่ยอย่าลืมสิ ป๊าเหลียงตายเพื่อปกป้องพวกเรานะ ไม่งั้นเราอาจถูกเจ้าหนี้ฆ่าตายไปแล้ว" อาจูบอก

อาจูกับเง็กกอดเว่ยไว้ เว่ยค่อยสงบลงและเข้าใจเหลียงมากขึ้น

ซิ่วเอ็งนั่งโยกเก้าอี้เบาๆพลางนึกถึงความหลัง ทุกคำพูดของตัวเองย้อนกลับมาอย่างแจ่มชัด
 
"อาเหลียง วันนี้ได้เงินมาเท่าไหร่ , อาเหลียง..อาเม้งเปิดร้านขายยาใหญ่โตที่ถนนใหญ่ เมื่อไหร่ลื้อถึงจะเปิดร้านให้อั๊ว , เงินได้มาแค่นี้ แล้วเมื่อไหร่เราจะได้กลับไปซัวเถา , อาเหลียง..ไม่มีเงินๆ พูดแต่คำนี้ เมื่อไหร่ลื้อถึงจะมีเงิน"
ซิ่วเอ็วหยิบขวดยานัตถุ์พร้อมกับแท่นเหล็กออกมา
"ม้าผิดเอง..อาเหลียง..ม้าผิดเอง"
ซิ่วเอ็งเทยานัตถุ์ใส่แท่นเหล็กแล้วสูดเข้าไปจนหมด แล้วเทยานัตถุ์อีกจนหมดขวด ซิ่วเอ็งสูดยานัตถุ์เข้าไปเฮือกสุดท้าย อาจู เง็กและเว่ยเข้ามา
"ม่ากลับบ้านกัน" เว่ยบอก
ซิ่วเอ็งกำขวดยานัตถุ์ตาเลื่อนลอยผิดปกติ
"ม่า!"
อาจูรีบเข้าไปดึงขวดยานัตถุ์และแท่นเหล็กทิ้งไป
"ทำไมม่าทำอย่างนี้ ม่าไม่ห่วงหนูไม่ห่วงม้า แต่ม่าต้องห่วงเว่ยสิ" อาจูบอก
"อั๊วไม่ควรที่จะอยู่อีกต่อไป อาเว่ย"
เว่ยถลันเข้าไปจับมือซิ่วเอ็งไว้ อาจูกับเว่ยพูดไม่ออกได้แต่ร้องไห้ที่เห็นสภาพของซิ่วเอ็ง
"ดูแลอาม้าลื้อ อาแจ้ลื้อให้ดีๆ รักครอบครัวให้มากๆ แต่อย่าเป็นเหมือนม่า อย่าเห็นผิดเป็นถูก อย่ารักใครจนขาดสติ ไม่ต้องร้องไห้ ม่ากำลังไปสบายแล้ว"
พิษยาเริ่มออกฤทธิ์ เลือดเริ่มไหลทางจมูก,ตา,หู,ปากของซิ่วเอ็งอย่างช้าๆ และชักกระตุกอย่างทรมานแต่ก็ยังพยายามยิ้มอยู่
"ม่าจะไปอยู่กับอาเหลียง..ม่าจะไปอยู่กับ..."
ซิ่วเอ็งสิ้นลมหายใจพร้อมรอยยิ้มที่มีความหวังว่าจะได้ไปอยู่กับลูกชาย อาจูกับเว่ยกอดกันร้องไห้ระงมด้วยความเสียใจ เง็กค่อยๆปิดตาของซิ่วเอ็งลง

เป็นเสียงเดียวในความเงียบนั้น เป็นเสียงรองเท้าของหยกมณีเดินกระทบพื้นหินอ่อนเสียงกึกๆ เธอถือตะกร้ามีชุดเจ้าสาวสีแดงสดใส แต่เดินสีหน้านิ่งเฉยชาไร้ความรู้สึก แล้วหยุดชะงักเมื่อเห็นทรงกลดยืนรออยู่ สีหน้าเศร้าเสียใจของทรงกลดให้คำตอบกับหยกมณีแล้ว
"นายน้อย"
"ฉันเสียใจด้ว"
หยกมณีขาอ่อนซวนเซจนทรงกลดต้องประคองตัวไว้
"เรื่องจริงเหรอคะ"
หยกมณีรับรู้ความจริงแล้วแต่ยังคาดคิดไม่ถึง
"ไหวมั้ย"
"ไหวค่ะ ตอนนี้เฮียอันอยู่ไหนคะ"
หยกมณีดึงสติตัวเองกลับมาแล้วยืนหยัดให้ได้ด้วยตัวเอง ทรงกลดจะแตะแขนหยกมณีให้เดินไปด้วยกัน แต่หยกมณีเดินไปด้วยตัวเอง
ทรงกลดเปิดประตูห้องเก็บศพเข้ามา ปล่อยให้หยกมณีได้ลาอันเป็นครั้งสุดท้าย
"เฮียอัน"
หยกมณีแตะหน้าอันเย็นเฉียบของอัน
"เฮียอันของหยก...นี่หยกปักชุดแต่งงานเสร็จแล้วนะ"
หยกมณีหยิบชุดแต่งงานออกมาอวด
"ไม่มีงานแต่งงานก็ไม่เป็นไรนะ เฮีย เราสองคนเป็นเหมือนคนๆเดียวมานานแล้ว เราดีกันบ้าง ทะเลาะกันบ้าง แต่สุดท้ายเฮียก็กลับมาหาหยกทุกที หยกไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว..นอกจากเฮียคนเดียว"
ทรงกลดขบกรามแน่นรู้สึกผิดที่ทำให้อันตายและไม่ได้แต่งงานกับหยกมณี
หยกมณีพับชุดแต่งงานเก็บใส่ตะกร้าอย่างทะนุถนอม
"ขอบคุณนะ เฮีย ที่เฮียทำตามสัญญา ต่อไปนี้เฮียจะไม่ทิ้งหยกไปไหนอีก" หยกมณียิ้มทั้งน้ำตา"เฮียจะอยู่ในหัวใจของหยกตลอดไป"
หยกมณีน้ำตาไหลทีละน้อยๆแต่ไม่ฟูมฟาย

เช้าวันใหม่ของบ้านทรงกลด ปอเข็นรถเข็นตงมาตามสนามหญ้าหน้าบ้าน
"อาปอ"
ตงตบไปที่หลังมือของปอที่จับรถเข็นอยู่
"ขอบใจ"
"เป็นหน้าที่ของผมที่จะต้องดูแลนายใหญ่อยู่แล้ว"
"ตอนนี้ไม่มีคำว่าหน้าที่ ไม่มีคำว่าเจ้านาย ลูกน้อง แต่เราเป็นครอบครัวเดียวกัน เราตายแทนกันได้ แม้แต่คำพูดสุดท้ายที่ลื้อพูดกับลูก ก็คือ ไปช่วยนายน้อย บุญคุณครั้งนี้อั๊วไม่รู้จะตอบแทนลื้อยังไง"
ตงพยายามลุกขึ้นเพื่อที่จะคุกเข่าให้ปอ แต่ปอรีบประคองตงไว้ไม่ให้ตงคุกเข่า
"อย่าครับ นายใหญ่"
"ถึงอั๊วเป็นพ่อคนเหมือนกัน แต่อั๊วก็ไม่รู้ซึ้งว่า ลื้อเจ็บปวดแค่ไหนที่สูญเสียอาอันไป แม้ลื้อจะอดกลั้นเก็บความเจ็บปวดนี้ไว้ แต่ความเจ็บปวดนี้ก็จะไม่มีวันจางหายไป เหมือนกับอั๊วที่จะไม่มีวันลืมอาอัน"
ปอน้ำตาไหลเงียบๆ ตงกอดไหล่ปอไว้
"อั๊วจะไม่มีวันลืมลูกชายคนนี้เลย"
"ขอบคุณครับ นายใหญ่"
"เลิกเรียกนายใหญ่ได้แล้ว อาทีโน่น นายใหญ่คนใหม่ของแก๊งเขี้ยวสิงห์..เบื่อนั่งเก้าอี้เข็นเต็มทนแล้ว วันนี้เดินกันดีกว่า"
"ดีเหมือนกันครับ"
"เฮียตง"
"ครับ เฮียตง"

ตงเกาะไหล่ปอให้ปอพาเดินออกไปด้วยกันอย่างช้าๆ

7 วันต่อมา ของเช้าวันใหม่ ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบของสุสานคนจีน
 
ธูปถูกปักที่กระถางทีละดอกๆจนครบ ทุกคนใส่ชุดขาวไว้ทุกข์ ยกเว้นปอ ตง เคี้ยง เง็กที่ไม่ต้องไว้ทุกข์ให้คนอายุน้อยกว่า
ทรงกลด อาจู หยกมณี เว่ยและลูกน้องเขี้ยวสิงห์คุกเข่าอยู่หน้าสุสานของอัน
"เฮียอันไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะทำหน้าที่แทนเฮียเอง"
ทรงกลดตบหัวเว่ยเบาๆอย่างเอ็นดู, อาจูเมินหน้าไม่มองทรงกลด
ปออยู่กับตงที่ยังนั่งรถเข็นอยู่ พร้อมเคี้ยงกับเง็กยืนอยู่ถัดออกมา
ทรงกลด อาจู เว่ยและลูกน้องเขี้ยวสิงห์ลุกขึ้นออกมา ยกเว้นหยกมณีที่ยังคุกเข่าอยู่
"ที่จริงนายใหญ่ไม่ต้องมาก็ได้" ปอบอก
"ลื้อก็อย่าไปยึดถือธรรมเนียมอะไรให้มากนัก เราควรจะยึดถือความดี คนแก่ห้ามไปงานศพคนหนุ่ม แล้วถ้าคนหนุ่มที่เป็นคนดีๆ กับคนแก่เลวๆ ใครมีค่าควรแก่ที่จะไปเคารพศพมากกว่ากัน"
"เรื่องนี้อั๊วเห็นด้วย ที่จริงลื้อควรจัดงานศพอาอันให้ใหญ่โตกว่านี้ด้วยซ้ำ" เคี้ยงบอก
"เท่านี้ก็เป็นเกียรติแก่อาอันแล้วล่ะครับ ขอบคุณเสี่ยจริงๆที่ให้เกียรติมา" ปอบอก
"อาปอ..เมื่อไหร่จะเลิกเรียกอั๊วว่า นายใหญ่ หา"
"ลื้อมั่นใจแล้วเหรอ เฮียตง" เคี้ยงถาม
"อั๊วมั่นใจในตัวลูกชายอั๊ว แล้วลื้อล่ะ เมื่อไหร่จะคืนลูกสะใภ้ให้อั๊ว"
"ถ้าลูกชายลื้อแน่จริง ก็มาเอาคืนเองซี้"
"ให้อาซ่อตัดสินใจดีกว่า"
"เราตัดสินใจแทนไม่ได้หรอก อีสองคนต้องตัดสินใจเอง" เง็กบอก
ทุกคนหันไปมองทรงกลด อาจูทำเมินเหมือนไม่เห็นว่าทรงกลดมองเธออยู่

อาจูลงไปคุกเข่าข้างๆหยกมณีที่ยังคงจ้องป้ายชื่อของอันอยู่
"แจ้หยก"
หยกมณีหันมายิ้มให้อาจูเหมือนไม่ได้เศร้าเสียใจมาก
"แจ้ไม่เป็นไรหรอก"
หยกมณีลุกขึ้นยืนจนอาจูลุกขึ้นตามแทบไม่ทัน
"แจ้หยกไม่เป็นอะไรจริงๆนะ แจ้เป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งจริงๆ หนูเป็นอย่างแจ้ไม่ได้แน่ๆเลย"
"เป็นได้สิ"
หยกมณีจับมืออาจูไว้
"ถ้าเธอรักเค้ามากพอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอจะพร้อมอยู่เคียงข้างเค้า"
"แต่เค้าไม่ต้องการเราอยู่เคียงข้างเค้าแล้ว"
"พิสูจน์ให้เค้าเห็นสิว่า เธอเป็นผู้หญิงพิเศษเพียงคนเดียวที่เกิดมาเพื่อเค้า เฮียอันชอบผู้หญิงเข้มแข็ง ไม่ชอบน้ำตาผู้หญิง ถ้าแจ้มัวแต่นั่งร้องไห้ เฮียคงโกรธแย่ เฮียอันคงอยากให้แจ้ยิ้มและมีชีวิตต่อไป..อาจู..ชีวิตคนเราสั้นนัก ไม่มีเวลาที่จะมาทำร้ายหัวใจตัวเองอีกต่อไปแล้ว"
ทรงกลดเดินเข้ามา
"หยก...อาอันฝากไว้หยก"
หยกมณีรับสร้อยเขี้ยวสิงห์จากทรงกลดด้วยมือสั่นเทา
"ขอบคุณค่ะ"
หยกมณีฝืนยิ้มให้แล้วรีบหันหลังเดินออกมาแล้วน้ำตาก็ร่วงเผาะๆอย่างอดกลั้นไม่ได้
"ขอโทษนะ เฮีย หยกขอโทษ"
หยกมณียังกลั้นความเสียใจอย่างที่ตั้งใจไว้ไม่ได้เสียทีเดียว

อาจูเดินหนีมาอีกมุมหนึ่งของสุสาน ทรงกลดเดินมาขวางทางอาจูไว้
"อาจู"
"เรื่องคุณอัน..ฉันเสียใจด้วยนะคะ เสียใจด้วยจริงๆ"
อาจูจะเดินหนีไป แต่ทรงกลดดึงมือไว้
"ฉันขอโทษ"
"ขอโทษเรื่องอะไร เรื่องที่ทิ้งฉันไปงั้นเหรอคะ"
"ขอโทษทุกเรื่องที่ทำให้เธอต้องเสียใจ แต่ฉันจำเป็นจริงๆ..."
"แสดงว่า คุณไม่ได้คิดว่า คุณทำผิด คุณไม่คิดว่า ฉันมีชีวิตจิตใจ ไม่ใช่ของเล่นที่คุณจะเอาไปทิ้งๆขว้างๆ พอคิดได้ ก็จะกลับมาเอาคืน"
"ไม่ใช่อย่างนั้น เพราะว่า เธอมีค่าต่อฉันมาก ฉันถึงไม่ยอมให้เธอไปเสี่ยงอันตรายไปกับฉันด้วย"
"ฉันไม่ได้มีค่าอะไรเลย คุณบอกฉันเองว่า ฉันเป็นส่วนเกินในชีวิตของคุณ ! เราต่างก็อยู่ในที่ที่เราควรอยู่แล้ว คุณไปทำหน้าที่นายกฯสูงส่งของคุณ ส่วนฉันคงเป็นได้แค่อดีตนายหญิงของคุณ!"
อาจูเดินหนีออกไปทันที
"อาจู!"
ทรงกลดไม่รู้จะง้ออาจูกลับมายังไงดี

อาณาจักรสมาคมเลือดมังกรที่ยิ่งใหญ่ ทรงกลดเดินเข้ามาพร้อมลูกน้อง 4 คนเดินตามหลังมาติดๆ
"อาอัน! ทุกคนมาพร้อมหรือยัง"
ทรงกลดเรียกด้วยความเคยชิน เมื่อหันไปมองด้านขวาของตัวเองและพบความว่างเปล่า ลูกน้อง 4 คนต่างก้มหน้าไม่กล้าตอบอะไร
ทรงกลดเดินต่อไปลิ่วๆอย่างโดดเดี่ยว เพื่อมาทำงานในหน้าที่นายกสมาคมฯ
 
โดยไม่มีอันอยู่เคียงข้างอีกต่อไปในอาณาจักรอันยิ่งใหญ่นั้น เขาเป็นสิงห์หนุ่มผู้โดดเดี่ยว

เลือดมังกร : สิงห์ ตอนที่ 10 อวสาน (ต่อ)

วันใหม่ ทรงกลดกับลูกน้อง 2 คนเดินกลับเข้าบ้านมา อย่างท่าเหนื่อยอ่อนจากการประชุม
 
ทรงกลดกำลังจะถอดแจ๊คเก็ตออกแล้วต้องชะงัก
ตงถือไม้เท้าเดินเข้ามาพร้อมกับปอ
"เดี๋ยวก่อน"
"มีอะไรเหรอครับ ป๊า"
"ป๊ามีธุระจะให้ลื้อไปจัดการ"
"ผมประชุมมาทั้งอาทิตย์ไม่ได้หยุดเลย"
"คะแนนเสียงทางฝ่ายเรากำลังนำไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องห่วงเรื่องตำแหน่งนายกฯ ของลื้อแล้ว"
ปอบอก
"นายใหญ่จะเลี่ยงเรื่องนี้ไปนานแค่ไหนครับ"
ทรงกลดนิ่งเงียบรู้ว่าตงกับปอกำลังพยายามพูดเรื่องอะไรอยู่
"ไปตามอาจูกลับมา"
"ผมง้อจนไม่รู้จะง้อยังไงแล้ว"
"ไม่รู้ล่ะ ถ้าลื้อพาเมียกลับมาไม่ได้ แล้วลื้อจะเป็นนายกสมาคมเลือดมังกรได้ยังไงวะ อาที"
ทรงกลดยุ่งยากใจ

อาจูเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทาง เง็กกับเว่ยได้แต่มองตาปริบๆ เคี้ยงเดินพล่านตามอาจูอย่างง้องอน
"ลื้อจะเก็บเสื้อผ้าไปไหน อาจู"
"ไปอยู่ที่อื่น"
"อาเง็กๆ มาห้ามลูกสิ ยืนเฉยๆ ทำไม หา"
"ลื้อจะย้ายไปอยู่ไหน แล้วทำไมต้องย้าย หรือว่ากลัวใครมาตาม แล้วลื้อจะใจอ่อน" เง็กว่า
"ลื้อกลัวอาทรงกลดใช่มั้ย เรื่องนี้ป๊าจัดการเอง" เคี้ยงบอก
"ไม่ใช่ หนูไม่ได้กลัวเรื่องนี้ หนู..หนูไม่รู้ว่า หนูอยู่ในบ้านนี้ในฐานะอะไร"
"ก็ในฐานะลูกของป๊าน่ะสิ ลื้อยังไม่ยอมรับป๊าอีกเหรอ ป๊าก็เลิกการค้าผิดกฎหมายหมดแล้ว อะไรที่ม้าลื้อไม่ชอบ ป๊าก็จะไม่ทำ ใช่แล้ว ต้องจัดงานเลี้ยงต้อนรับลูกสาวคนใหม่"
"หนูไม่ต้องการงานเลี้ยง หนูอยากเรียนต่อมหาวิทยาลัย"
"ได้ๆ"
"เรียนจบแล้ว หนูจะมาช่วยบริหารแก๊งเต่ามังกร"
"ได้ๆ"
"แล้วต้องสอนหนูยิงปืนด้วย"
"ได้ๆ ไม่มีปัญหา"
"สอนผมด้วย" เว่ยบอก
"ได้ๆ ไม่มีปัญหา" เคี้ยงนึกได้ "เฮ้ย ไม่ได้ๆ ต้องถามแม่ลื้อก่อน"
"ป๊าลงจากตำแหน่งหัวหน้าแก๊งเมื่อไหร่ หนูขอขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งแทน"
เคี้ยงนิ่งไปพักใหญ่ เง็กตกอกตกใจที่อาจูเรียกร้องเยอะแยะไปหมด
"อาจู! ลื้อเป็นผู้หญิง ลื้อจะเป็นหัวหน้าแก๊งได้ยังไง"
"คุณหนูหงส์ยังเป็นหัวหน้าแก๊งได้เลย ม้า"
เคี้ยงยังนิ่งเงียบอ้าปากหวออยู่
"เฮีย! เฮียเป็นอะไร อย่าไปฟังอาจู ผู้หญิงยังไงก็เป็นหัวหน้าแก๊งไม่ได้"
"อาจูเรียกอั๊วว่าป๊า อาจูเรียกอั๊วว่าป๊าแล้ว"
เคี้ยงดึงอาจูมากอดอย่างดีใจสุดๆ เว่ยเข้าไปกอดเคี้ยงเพื่อตีเนียน
"แจ้จูเป็นหัวหน้าแก๊ง งั้นผมขอเป็นรองหัวหน้านะ ป๊า"
เสียงทรงกลดตะโกนเข้ามา
"อาจู! อาจู"
"ไอ้เสียงนี่มาอีกแล้ว"
ทุกคนหันไปมองอาจู

ทรงกลดอยู่ในวงล้อมของลูกน้องเคี้ยง 5 คน อาจู เคี้ยง เง็กและเว่ยเดินออกมา
"ผมมารับเมียผมกลับบ้าน"
"ลื้อใหญ่นักหรือไง ถึงได้เดินเข้านอกออกในแก๊งอื่นอย่างกับบ้านตัวเอง รู้จักให้เกียรติคนอื่นเค้าบ้าง"
ทรงกลดก้มหัวให้
"ผมขอโทษครับ เสี่ย ผมกับอาจูแต่งงานกันแล้ว เราทั้งสองแก๊งก็นับได้ว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน"
"แต่อั๊วยังไม่นับญาติกับลื้อ ลื้อยังไม่ได้ยกน้ำชาให้อั๊วด้วยซ้ำ"
"ก็ตอนนั้นเรายังไม่รู้นี่ว่า ป๊าเป็นพ่อของแจ้จู."
อาจูปิดปากเว่ย
"อาเว่ยเงียบ"
"อาจู...ลื้อแต่งงานกับอาทรงกลดแล้ว ตอนนี้ถือว่า ลื้อเป็นสะใภ้ของแก๊งเขี้ยวสิงห์" เง็กว่า
"การแต่งงานของหนูจบสิ้นนับตั้งแต่วันที่หนูถูกทิ้งไว้ที่บ้านนี้แล้วล่ะ ม้า"
"ลื้อกลับไปซะ ยังไงอั๊วก็ไม่คืนอาจูให้กับลื้อ"
"แต่เรื่องอาจูเป็นเรื่องที่ผมกับม้าตกลงกันสองคนนะครับ เราตกลงว่า จะฝากอาจูไว้ที่นี่จนกว่าสถานการณ์จะปลอดภัย อาจูจะอยู่ที่นี่แค่ชั่วคราว"
"แต่ฉันจะอยู่ที่นี่ตลอดไป" อาจูบอก
"ได้ยินชัดมั้ย ท่านนายก!"
"ถ้าผมไม่ได้อาจูกลับไป ผมก็จะไม่ไปไหนเหมือนกัน"
ทรงกลดกับอาจูต่างมองหน้ากันอย่างเอาเชิง
"เรื่องนี้ตัดสินไม่ยากหรอก!"

ทรงกลดหันไปมองเคี้ยงที่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

ทรงกลดยืนอยู่กลางลานโดยมีลูกน้องเคี้ยง 10 คนยืนล้อมไว้
 
เคี้ยงยืนเป็นประธาน อาจู เง็กและเว่ยยังไม่รู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น
"แก๊งเขี้ยวสิงห์ได้ชื่อว่า รักษาเกียรติยศศักดิ์ศรีเสียยิ่งกว่าชีวิต วันนี้เราจะได้มาพิสูจน์กันล่ะว่า นายใหญ่คนใหม่เป็นราชสีห์ตัวจริงหรือเปล่า"
เคี้ยงเดินมาหยุดต่อหน้าทรงกลด
"เสี่ยต้องการอะไร"
"หัวเข่าลูกผู้ชายมีค่ายิ่งกว่าทองคำ คราวนี้ห้ามลื้อคุกเข่าเด็ดขาด กล้ำกลืนรักษาศักดิ์ศรีของลื้อไว้ ลื้อล้มลง หัวเข่าแตะพื้นเมื่อไหร่ ไปให้พ้นหน้าลูกสาวของอั๊วทันที"
เคี้ยงถอยกลับไปยืนที่เดิม ลูกน้องเคี้ยง 10 คนดาหน้ากันรุมทรงกลด
"ทำไมเฮียทรงกลดไม่สู้" เว่ยถาม
"ก็เราไม่ใช่ศัตรูกัน"
อาจูมองทรงกลดรับหมัดจากลูกน้องเคี้ยงหมัดแล้วหมัดเล่า ทรงกลดหน้าสะบัด เหงื่อ เลือดแตกกระจายเหมือนนักมวยที่อยู่บนสังเวียน
หลายครั้งที่ทรงกลดเซจะล้มลง แต่ก็ทรงตัวไว้ได้อย่างน่าเสียวไส้
"คุณที"
เธอนึกถึงทรงกลดที่เป็นห่วงไม่อยากให้อาจูเห็นเขาถูกซิ่วเอ็งแทง
"อย่าหันมา"
อาจูเห็นทรงกลดถูกชกถูกถีบครั้งแล้วครั้งเล่า
เธอนึกถึงคำพูดของหยกมณี
"อาจู..ชีวิตคนเราสั้นนัก ไม่มีเวลาที่จะมาทำร้ายหัวใจตัวเองอีกต่อไปแล้ว"
อาจูมองทรงกลดที่สะบักสะบอมเต็มทน
"หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้"
ลูกน้องเคี้ยงยังคงรุมสกรัมทรงกลดต่อไป
อาจูหันไปคว้าปืนจากเอวลูกน้องเคี้ยงแล้วยิงเปรี้ยงขึ้นฟ้า
ทุกอย่างหยุดชะงัก ลูกน้องเคี้ยงทั้งหมดถอยออกมาจากทรงกลด
อาจูวิ่งๆๆ ไปรับทรงกลดไว้ก่อนที่ทรงกลดจะเซล้มลง เข่าของทรงกลดเฉียดอีกนิดเดียวก็แตะพื้นแล้ว

ภายในห้องอาจู บ้านเสี่ยเคี้ยง ทรงกลดนั่งโทรมหน้าสะบักสะบอม ใส่แต่เสื้อกล้ามที่ยังเปื้อนเลือดอยู่ อาจูถืออ่างน้ำเล็กๆเดินเข้ามาวางไว้บนโต๊ะ
"ล้างแผลก่อน"
ทรงกลดนั่งนิ่งเฉยไม่ยอมล้างแผลเอง
"ถ้ายังเจ็บแผลอยู่ เดี๋ยวคุณกลับไปทำแผลเองที่บ้านก็แล้วกัน"
"ผู้หญิงใจร้าย."
อา"ผู้ชายใจดำ."
อาจูจะเดินหนีไป แต่ทรงกลดดึงอาจูมานั่งตักแล้วกอดไว้ไม่ให้ไปไหน
"เธอไม่รู้หรอกว่า ฉันเจ็บปวดแค่ไหนที่ต้องไล่ให้เธอออกไปจากชีวิตฉัน"
"แต่คนที่ถูกทิ้งเจ็บกว่า"
อาจูผลักทรงกลดออกไปแล้วลุกหนีออกมา
"เราเจ็บด้วยกันทั้งคู่ ทุกอย่างเป็นความผิดของฉันเอง ฉันไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ อาจู เธอเจ็บแค่ปลายก้อย ฉันก็ทนไม่ได้แล้ว..แต่นี่เธอถูกยิง"
"ฉันเข้มแข็งกว่าที่คุณคิด ฉันอยู่เคียงข้างคุณได้ เป็นคู่คิดให้คุณได้ แล้วคุณก็ไม่ต้องเลือก ไม่ต้องเลือกครอบครัวหรือเลือกภาระหน้าที่ ฉันจะอยู่กับคุณ..พร้อมที่จะสู้ไปกับคุณ"
ทรงกลดยิ้มกริ่ม
"แสดงว่า เธอยอมกลับไปกับฉันแล้วใช่มั้ย"
อาจูหน้าเหวอเผลอบอกความในใจจนไม่เหลือแต้มต่อแล้ว
"ยังค่ะ ฉันเพิ่งได้มาอยู่กับป๊าเอง ขออยู่ต่ออีกหน่อยนะคะ"
"อีกหน่อยน่ะ นานแค่ไหน วันหรือสองวัน"
"อาจจะปีหรือสองปี"
ทรงกลดดึงอาจูเข้ามากอดไว้แน่น
"ฉันให้เวลาแค่วันเดียว! แล้วนี่จะไม่ทำแผลให้ฉันจริงๆเหรอ"
"กอดไว้อย่างนี้ ใครจะทำแผลให้ได้ล่ะ"
ทรงกลดค่อยยอมคลายกอด อาจูเอาผ้าขนหนูผืนเล็กชุบน้ำอุ่นบีบให้แห้งแล้วค่อยๆเช็ดแผลให้ที่หน้าทรงกลดที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ
ทรงกลดจ้องตามองอาจูอย่างไม่ให้คลาดสายตาแม้แต่น้อย
อาจูยิ่งเห็นรอยช้ำมากมายบนใบหน้าทรงกลดก็ยิ่งรู้ซึ้งถึงความรักของทรงกลด
"วันหลังอย่ายอมเจ็บตัวอย่างนี้อีกนะคะ"
"เพื่อเธอ..ตายก็ยอม"
อาจูเอานิ้วแตะปากทรงกลดไว้
"คุณตายไม่ได้ค่ะ คุณที...คุณไม่ได้ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว"

อาจูยิ้มให้ทรงกลดโดยที่ยังไม่ยอมบอกเรื่องท้อง

เคี้ยงเดินวนไปเวียนมาอย่างน่าปวดหัว เง็กมองเคี้ยงอย่างระอาใจ
 
"เรายกลูกสาวให้อีง่ายไปหรือเปล่า อาเง็ก"
เง็กเข้าไปดึงหูเคี้ยงอย่างทนไม่ไหว
"ง่ายอะไร อาทรงกลดเกือบตายเอา นี่ถ้าเถ้าแก่ตงเห็นสภาพลูกชายเข้า จะว่ายังไงก็ไม่รู้"
"ก็อั๊วไม่อยากให้อาจูไปจากบ้านนี้นี่นา แล้วเป็นเมียนายกฯสมาคมมันอันตรายจะตายไป ถึงแก๊งชั่วๆตายไปหลายแก๊งแล้วก็ตาม เดี๋ยวก็มีแก๊งชั่วๆเกิดขึ้นมาใหม่ แล้วถ้าอาจูเกิดเป็นอะไรขึ้นมา อั๊วจะทำยังไง"
"คนดีสวรรค์ต้องคุ้มครอง แล้วอั๊วพยายามห้ามแล้ว สองคนนี้คงเกิดมาคู่กันจริงๆ เราคงได้แต่คอยช่วยเหลือสนับสนุนอาทรงกลด"
เง็กชี้หน้าเคี้ยงเป็นการสำทับ
"รู้แล้วน่า ประชุมใหญ่คราวหน้าอั๊วสั่งแก๊งจิ้งจอกขาวไว้แล้ว ให้สนับสนุนนโยบายถิ่นมังกรสีขาวของท่านนายกฯคนใหม่"
เคี้ยงลูบๆคลำๆที่เอว
"หาอะไร"
"ปืน! ลูกสาวคนนี้เผลอเป็นไม่ได้"
"ลูกชายต่างหาก ป๊า!"
เว่ยโผล่เข้ามาพร้อมกับปืนในมือ เคี้ยงรีบไล่ตะครุบเอาปืนคืนมา เง็กมองตาม

ผ่านเวลาจนเช้าวันหนึ่ง ทรงกลดเดินช้าๆไปเพื่อออกไปทำงาน ลูกน้อง 2 คนที่ยืนรออยู่จะเดินตามหลังไป แต่ทรงกลดยกมือขึ้นห้ามไม่ให้ตาม เขาเดินต่อไปแล้วยิ้มสดใสมีความสุข
อาจูในชุดทำงานนอกบ้านสดใสยืนรออยู่แล้ว ทั้งสองก้าวเข้าหากันไปหยุดอยู่ตรงกลางโถง
อาจูช่วยขยับเน็คไทให้ทรงกลด เขาก้มลงจะหอมแก้มอาจูที่เอียงหน้าหนี
"ลืมหน้าที่นายหญิงไปแล้วหรือไง"
ทรงกลดหอมแก้มอาจูจนได้ แล้วควงแขนอาจูเดินออกไป
ตงถือไม้เท้ากับปอเดินมาหยุดยืนมองจากประตูบ้านมองคู่สองสามีภรรยาอย่างชื่นใจ
"ตั้งแต่อาจูกลับมา อาทีไม่ปล่อยให้เมียคลาดสายตาเลย ถ้าเป็นบ้านอื่นคงมีลูกเป็นโหลๆไปแล้ว"
ปอยิ้มบอก
"ตัวเล็กๆอย่างคุณจู ครึ่งโหลคงน่าจะพอ บ้านเรากำลังมีเรื่องมงคลครับ"
ตงดีใ
"แล้วทำไมไม่รีบบอก"
"คุณจูขอเป็นคนบอกนายใหญ่เองครับ"
ตงกับปอยิ้มอย่างมีความสุข
-ตัดไป-

เวลาเย็นที่ฉั่วเทียนเหลา ในบรรยากาศรื่นรมย์สนุกสนานมีแขกเต็มแน่นในร้าน
สุ่ยเดินออกมาจากทางห้องทำงาน
บริกรแซว
"แจ้สุ่ยนับเงินเสร็จแล้ว ถึงออกมาจากห้องได้ซักที"
"พูดมาก เดือนนี้ไม่ต้องเอาเงินเดือน"
"โห ล้อเล่นนะคร้าบ"
หยกมณีเดินเข้ามา สุ่ยและบริกร 4-5 คนเงียบกริบเพราะรู้ข่าวที่อันโดนยิงตาย
หยกมณีส่งยิ้มให้ทุกคนอย่างปกติ
"แจ้สุ่ย วันนี้แต่งตัวสวยจริง"
"อาหยก..ลื้อจะร้องเพลงไหวเหรอ พักต่ออีกหลายๆวันก็ได้"
"ทำไมจะร้องไม่ไหวล่ะ แจ้"
หยกมณียิ้มให้ทุกคนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"อั๊วไปเปลี่ยนเสื้อก่อนนะ"
หยกมณีเดินออกไป สุ่ยมองตามอย่างแปลกใจที่หยกมณีไม่มีทีท่าเศร้าโศกอย่างที่คิด

หยกมณี ปากสีแดงสด ขยับมาใกล้ไมโครโฟนแล้วร้องเพลงอย่างมืออาชีพ สุ่ยยืนมองมาที่หยกมณี
"อาหยกนี่เข้มแข็งจริงๆ ถ้าเป็นอั๊ว...คงตายไปแล้ว"
สุ่ยมองหยกมณีอย่างนับถือในความเข้มแข็งที่ใช้ชีวิตต่อไปได้ หยกมณีร้องเพลงไป ส่งยิ้มให้บรรดาลูกค้าในร้านเหมือนปกติ เธอมองไปที่จุดที่อันเคยยืนถือดอกกุหลาบอยู่แล้วยิ้ม
อันยืนถือดอกกุหลาบหนึ่งดอกอยู่ตรงนั้นตามมโนภาพของหยกมณี เธอร้องเพลงไปยิ้มไปเหมือนอันยืนมองมาจริงๆ
หยกมณีร้องเพลงไปแล้วจุกอกขึ้นมา แค่น้ำตารื้นๆแต่ไม่หยดลง แล้วยิ้มเหมือนอันยังอยู่กับเธอเสมอ พลางพึมพำ
"เฮียอัน"

หยกมณีมองตรงไปที่จุดที่อันยืนแล้วก้มลงรับเสียงปรบมือดังลั่นจากลูกค้าในร้าน

วันใหม่ บนโต๊ะอาหาร บ้านทรงกลด ตงนั่งเป็นประธานที่โต๊ะอาหาร ปอยืนอยู่เยื้องหลัง
 
เคี้ยง เง็กและเว่ยเข้ามาพร้อมกระเช้าผลไม้ อาหารกระป๋องราคาแพง
คนรับใช้เข้ามารับตะกร้าผลไม้และข้าวของไป
"นายใหญ่...เอ๊ย..แปะตง"
"อาเว่ยสูงขึ้นอีกแล้วนะนี่ เด็กสมัยนี้โตเร็วจริงๆ"
ทรงกลดกับอาจูเดินออกมา
"ป๊า..ม้า"
"ม้า"
ทรงกลดสบตาเคี้ยงอย่างมีเชิงนิดหน่อย
"ป๊า... มานานแล้วหรือครับ"
เคี้ยงตบไหล่ทรงกลดอย่างชอบใจที่ทรงกลดเรียกป๊า
"เพิ่งมาถึงเอง ไอ้ลูกเขย นั่งๆ เรามาฉลองกันเลย ที่จริงเราน่าจะฉลองกันตั้งนาน อาเง็กมัวแต่ถือโน่นถือนี่...ต้องรอให้ครบสามเดือนก่อน"
"ครบสามเดือนอะไรครับ"
"ก็ละ.หลาน." เคี้ยงพูดไม่เต็มประโยคโดนเง็กหยิกเสียก่อน
"เฮียเคี้ยงหมายถึงรอให้คนอยู่ครบๆน่ะ"
ทรงกลดยังคงงงอยู่ดี
"ผมเพิ่งรู้ข่าวดีเมื่อวานเองนี่ครับ เรื่องที่การนำเข้ารถญี่ปุ่นของเราประสบความสำเร็จ ยอดจองเต็มข้ามปีเลยนะครับ ป๊า"
"อ้าว! วันนี้ไม่ได้ฉลองที่แจ้จูเทอะๆ(ท้องเหรอ)"
อาจูตะครุบปิดปากเว่ยก่อนที่จะพูดจบประโยค
"จะฉลองเรื่องอะไร ก็เป็นเรื่องมงคลทั้งนั้น" ตงบอก
เง็กกระซิบ
"ยังไม่บอกอาทรงกลดอีกเหรอ"
"หนูไม่รู้จะเริ่มยังไง"
เว่ยยื่นหน้ามา
"ผมบอกให้มั้ย"
อาจูกับเง็กผลักหน้าเว่ยให้ถอยออกไป
ทรงกลดถือแก้วเหล้าไปส่งให้ปอ
"แปะปอครับ งานครั้งนี้จะไม่สำเร็จไปได้เลย ถ้าไม่มีอาอัน"
ปอรับแก้วเหล้าจากทรงกลดมาจิบพอเป็นพิธี
"ขอบคุณครับ นายใหญ่ ผมขอให้นายใหญ่ประสบความสำเร็จยิ่งๆขึ้นไป"
ตงเดินมาประกบทรงกลดไว้อีกข้าง
"ป๊าภูมิใจในตัวลื้อมาก อาที แต่นี่เป็นเพียงก้าวแรกของลื้อ อย่าได้มั่นใจตัวเองจนลืมตัว งานทุกอย่างมีอุปสรรค แต่อุปสรรคมีไว้ให้เราฮึดสู้ ไม่ใช่มีไว้ให้เราท้อแท้ และเรื่องสำคัญอีกเรื่อง ตอนนี้ลื้อไม่ได้ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว จะทำอะไรต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดี"
ทรงกลดหันไปมองอาจูที่เคยพูดประโยคนี้เหมือนกัน
ทุกคนที่โต๊ะอาหารต่างยิ้มมีความสุขที่รู้ว่าอาจูกำลังท้อง ยกเว้นทรงกลดที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก

เช้าวันโหวตคะแนนเสียง บริเวณหน้าสมาคมเลือดมังกรมีการเคลื่อนไหวของผู้คนขวักไขว่
ที่แท่นบูชาบรรพบุรุษ ภายในบ้าน ทรงกลดถือธูปสามดอกยืนนำคารวะป้ายชื่อบรรพบุรุษโค้งคำนับ 3 ครั้ง อาจู ตง ปอ และลูกน้องคนอื่นๆ โค้งคำนับตาม
ทรงกลดมองป้ายชื่อบรรพบุรุษอย่างมุ่งมั่นในวันสำคัญวันนี้

ทรงกลดกับอาจูอยู่ในชุดสวยเต็มยศ เช่นเดียวกับอาจู ที่แต่งตัวสมศักดิ์ศรีอย่างคู่ควรในการเป็นนายหญิงแก๊งเขี้ยวสิงห์
ทั้งคู่เดินลงมาจากชั้นบนที่ดูสง่างาม อาจูหันมามองทรงกลดอย่างชื่นชมกับความสง่างาม พลางแตะๆปัดฝุ่นที่บ่าให้เล็กน้อย
"ฉันส่งคุณแค่นี้นะคะ คุณที"
"ไม่อวยพรหน่อยเหรอ"
"คุณไม่จำเป็นต้องใช้โชคช่วย ไม่จำเป็นต้องบนบานขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สิ่งที่คุณกำลังทำคือ ปกป้องความดีกวาดล้างความชั่ว คิดดี ทำดี ผลต้องออกมาดีแน่นอน"
"ที่พวกเรามุ่งมั่นเปลี่ยนแปลงให้โลกนี้ให้น่าอยู่ ไม่ใช่แค่เพื่อตัวเราเอง แต่สิ่งดีๆที่เราสร้างขึ้นจะอยู่ไปถึงลูกถึงหลาน"
ทรงกลดวกเข้าเรื่อง แล้วจ้องมองอาจู แต่เธอยังนิ่งไม่ยอมบอกเรื่องท้อง
"เมื่อไหร่เธอถึงจะบอกฉัน..อาจู"
ทรงกลดแตะที่หน้าท้องของอาจูเบาๆ
"ฉันไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไปแล้ว มีหัวใจของฉันอีกดวงอยู่ตรงนี้"
"ฉันอยากให้ผ่านวันนี้ไปก่อน คุณทีจะได้ไม่มีห่วง"
"ไม่มีอะไรที่ต้องห่วงอีกแล้ว..เราจะได้สิงห์หนุ่มหรือสิงห์สาวนะ"
"คุณอยากได้ลูกชายล่ะสิ ลูกสาวไม่ดีตรงไหนคะ ลูกสาวก็ช่วยงานแก๊งเขี้ยวสิงห์ได้เหมือนกัน"
ทรงกลดดึงอาจูมากอด
"สำหรับฉัน..ลูกชายหรือลูกสาวได้ทั้งนั้น เพราะเป็นลูกที่เกิดจากผู้หญิงที่ฉันรัก รักสุดหัวใจ...และจะรักใครอย่างนี้ไม่ได้อีก"
ทรงกลดประคองแก้มอาจูด้วยมือทั้งสอง
"ขอบคุณที่ให้ของขวัญที่มีค่าที่สุดให้กับฉันนะ อาจู แต่..ฉันต้องขอทำโทษเธอ ในฐานะที่ปิดบังความจริง! ฉันรู้เป็นคนสุดท้ายได้ไง ต้องทำโทษให้หนัก"
ทรงกลดทำเสียงดุดันแต่ค่อยๆประทับรอยจูบอย่างมีความสุขที่สุดแสนหวานจนไม่สามารถบรรยายได้

ทรงกลดเดินออกมาจากตัวบ้าน ลูกน้องยืนเรียงรายสองฝั่ง ทรงกลดเดินออกมาจนถึงปลายแถวลูกน้อง 1 ส่งกล่องใบยาวใส่แผ่นผ้าตัวอักษรจีนให้ ลูกน้อง 2 ส่งถุงใส่ดินจากเมืองจีนที่ตงเก็บมาจากบ้านเกิดให้ ทรงกลดถือของสองสิ่งนี้เดินต่อไปเพื่อมุ่งหน้าไปสมาคมเลือดมังกรเพื่อประกาศนโยบายถิ่นมังกรสีขาวและโหวตเลือกนายกสมาคมฯอีกครั้ง

นี่คือ เรื่องราวของทรงกลดและอาจู แห่งแก๊งเขี้ยวสิงห์ ที่ซินแสง๊วงทายทักไว้ว่า "พลาดแต่กลับเป็นผลดี" 

 

จบบริบูรณ์

กำลังโหลดความคิดเห็น