เลือดมังกร : สิงห์ ตอนที่ 6
หมงเดินมากำลังจะเปิดประตูเข้าห้องนอน เหมยลี่รี่เข้ามาหาด้วยความโกรธหน้ามืด
"เธอจะแต่งงานจริงๆงั้นเหรอ"
หมงกลัวคนเข้ามาเห็นเข้า รีบดึงตัวเหมยลี่เข้าไปคุยในห้องทันที
"จะบ้าหรือไง เดี๋ยวก็มีคนเห็นเข้าหรอก"
"เธอจะแต่งงานไม่ได้นะ หมง"
"ฉันจะแต่งงานที่ไหนกันล่ะ ฉันก็รับปากป๊าไปอย่างงั้นแหละ ฉันต้องทำตัวเป็นลูกที่ดีเชื่อฟังป๊าไปก่อน ฉันได้ขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งเมื่อไหร่ เมื่อนั้นฉันจะได้ทำตามที่ฉันต้องการบ้าง"
"แล้วเมื่อถึงเวลานั้น เธอยังต้องการฉันหรือเปล่า ไม่ใช่ว่า เธอไปคว้าผู้หญิงอย่างนังหยกมณีมาแทนฉันล่ะ"
"ไม่มีใครแทนเธอได้หรอก เรื่องฉันกับหยกมณี มันไม่มีอะไรเลย ไอ้อันมันหึงหน้ามืดตามัวไปเอง ยังไงฉันก็จะมีเธอเพียงคนเดียว"
"แล้วเธอคิดหาทางออกให้เราได้หรือยัง ตราบใดที่ฉันเป็นผู้หญิงของนายใหญ่ ฉันก็ไม่มีทางที่จะเป็นนายหญิงของเธอได้"
"ก็ไม่เห็นจะยาก ถ้าใครขัดขวางความรักของเรา เราก็กำจัดมันทิ้งไป! ว่าแต่เธอจะยอมร่วมมือกับฉันกำจัดศัตรูของเรามั้ยล่ะ เหมยลี่"
เหมยลี่นิ่งคิดเชื่อทุกคำที่หมงพูด ไม่ได้รู้เลยว่าหมงคิดยืมมือเหมยลี่ฆ่าคนที่ขวางทางต่างหาก
ทรงกลดยังคงกินขนมจันอับไปพลางจิบน้ำชาไปอย่างสบายอารมณ์ อาจูรินน้ำชาให้ทรงกลดจนหมดกา
"ถ้วยสุดท้ายแล้วนะคะ"
ทรงกลดเปิดกระติกน้ำร้อนแล้วเทใส่กาน้ำชาอย่างหน้าตาเฉย
"คุณที"
อาจูเหลือบมองนาฬิกาแขวนแล้วเริ่มร้อนใจ
"อาม้ากำลังจะกลับ"
"ขอเวลาฉันอีกหน่อยนะ อาจู"
ทรงกลดจับมืออาจูไว้
"เวลาของเราหมดแล้วล่ะค่ะ คุณที เวลาของเราหมดแล้วจริงๆ ฉันคงคิดผิดที่ให้เราจดจำเรื่องราวของเราไว้ ทางที่ดีที่สุด เราควรจะลืมทุกอย่างมากกว่า"
"เธอบังคับให้ฉันลืมเธอไม่ได้หรอก"
"คุณจะต้องลืมค่ะ ตอนนี้เราไม่มีอะไรติดค้างกันแล้ว ถ้าจะมีก็แต่..."
อาจูนึกถึงข้าวของที่ทรงกลดเคยให้ไว้ได้
"คุณรออยู่ตรงนี้นะคะ..ห้ามขยับไปไหนล่ะ"
อาจูรีบเดินไปทางห้องนอน
เง็กกับเว่ยเดินเข้ามาจากปากซอย เว่ยเข้ามาจะดึงขวดเหล้าที่ห่อกระดาษไว้จากเง็ก
"ผมถือให้"
"ไม่ต้องๆ ม้าถือเอง เดี๋ยวลื้อได้ทำตกแตกหรอก"
"ม้าๆ แวะซื้อไอติมก่อน"
"ไม่แวะแล้ว วันนี้ลื้อแวะดูโน่นซื้อนี่มาตลอดทาง ไม่งั้นเราก็กลับถึงบ้านนานแล้ว เร็วๆ รีบๆเดิน"
เว่ยพึมพำ
"กลับไปหรือยังนะ"
"ลื้อว่าไงนะ ใครกลับ"
"ก็..เราไง เรากลับช้าอย่างนี้ แจ้จูรอแย่แล้วเนอะ"
เว่ยชะเง้อมองไปทางที่หน้าบ้านอย่างลุ้นๆ
เว่ยพึมอีก
"ช่วยได้แค่นี้นะ เฮีย"
เง็กจ้ำเดินอย่างเร็ว เว่ยเดินตามไปเป็นกังวลใจ
อาจูเข้ามาเปิดลิ้นชักหยิบกล่องที่ใส่ปืนและผ้าโพกผมที่ทรงกลดให้ออกมา อาจูหยิบผ้าโพกผมออกมา ทรงกลดเดินตามเข้ามา
"ฉันไม่รับคืน"
"แต่ฉันไม่ควรเก็บไว้"
ทรงกลดตรงเข้าจับมืออาจูไว้เพื่อไม่ให้คืนผ้าโพกผม
"เธอคิดว่า วิธีนี้จะช่วยให้ฉันตัดใจจากเธอได้เร็วขึ้นงั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นแค่คืนข้าวของๆฉัน มันไม่พอหรอก เธอจะต้องคืนเวลาทุกนาทีที่ฉันได้อยู่กับเธอกลับคืนมา เธอทำได้มั้ยล่ะ"
"คุณที"
"เราย้อนเวลากลับไปไม่ได้หรอก แต่เราก็ไม่เสียใจที่เราได้เจอกัน ได้รู้จักกัน ได้ฝ่าฟันความตายมาด้วยกัน ได้รัก..กัน"
ทรงกลดนิ่งไปเมื่อรู้สึกว่าสายตาเริ่มพร่า
"คุณที คุณพูดว่าอะไรนะคะ"
แม้ว่ารู้ว่าทรงกลดมีใจให้แล้วแต่ทรงกลดก็ยังไม่บอกรักตรงๆ อาจูเริ่มหัวใจเต้นแรง
"อาจู..ฉัน..รัก..(เธอ)"
ทรงกลดหมดสติทรุดตัวลงไปกับพื้นเพราะฤทธิ์ยาสมุนไพรของซิ่วเอ็งในน้ำชา
"คุณที"
อาจูเริ่มมีอาการเดียวกับทรงกลด ทุกอย่างตรงหน้าเริ่มเบลอไปหมด อาจูค่อยๆร่วงผล็อยลงไปกับพื้นพร้อมๆกับผ้าโพกผมหลุดมือปลิวไปตกข้างตัวทรงกลด
ซิ่วเอ็งค่อยๆก้าวเข้ามาเหยียบลงที่ผ้าโพกผม มองทั้งคู่ซึ่งนอนหมดสติอยู่อย่างสาแก่ใจ
เง็กกับเว่ยเดินมาถึงหน้าบ้าน ซิ่วเอ็งถือเชือกทำทีเพิ่งเดินมาจากท้ายซอยมาถึงหน้าบ้านพอดี
"อ้าว! ม้าไปไหนมา" เง็กถาม
เว่ยพยายามสบตาซิ่วเอ็งเป็นการถามเรื่องทรงกลด แต่ซิ่วเอ็งไม่มองมาที่เว่ย
"อั๊วไปขอเชือกจากบ้านอาเล็กมา ที่มีอยู่สงสัยจะไม่พอ นั่งคุยจนลืมเวลาเลย"
"แล้วม้าปล่อยให้อาจูอยู่บ้านคนเดียวงั้นเหรอ"
"อั๊วไปไม่กี่ชั่วโมงเอง ลื้อกลัวอะไรของลื้อ อาเง็ก"
"พวกแก๊งเจ้าพ่อไว้ใจได้ที่ไหนกัน"
เง็กรีบเดินเข้าไปในบ้าน เว่ยดึงซิ่วเอ็งไว้
"ม่า เฮียทรงกลดกลับไปแล้วหรือยัง"
"อั๊วไม่รู้"
ซิ่วเอ็งทำหน้าไม่รู้ใดๆเดินเข้าบ้านไป เว่ยเดินตามไปอย่างไม่เข้าใจ
เง็กเดินเข้ามาแล้วรีบวางขวดเหล้าลงบนโต๊ะ มองไปรอบๆบ้านหาอาจูไม่เจอ ทุกอย่างในบ้านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จานชามอาหารถูกเก็บเรียบ
เง็กร้องเรียก
"อาจู!"
ซิ่วเอ็งกับเว่ยเดินตามเข้ามา
"ลื้อขี้ระแวงจริงๆ ลื้อไม่ไว้ใจคนอื่น แต่ลื้อก็ควรไว้ใจลูกสาวของลื้อ"
"อาจู"
เง็กไม่เห็นอาจูโผล่เข้ามาขานรับ เลยเดินตรงเข้าไปในห้องนอน ซิ่วเอ็งมองตามแล้วยิ้มอย่างพอใจ
"นี่มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า ม่า"
ซิ่วเอ็งยังคงใจเย็นรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
เง็กเปิดประตูเข้ามาในห้อง เหยียบกางเกงของทรงกลดที่อยู่ที่พื้น เง็กเห็นเสื้อผ้าของทรงกลดและอาจูทิ้งอยู่ที่พื้น เง็กตกใจแทบล้มทั้งยืน เมื่อเห็นทรงกลดกับอาจูนอนอยู่ด้วยกันบนเตียง
"อาจู"
เง็กตรงเข้าไปฟาดอาจูที่นอนหมดสติอยู่
"อาจู"
เง็กทั้งตีทั้งเขย่าจนอาจูเริ่มได้สติ
"ม้า!"
"อั๊วอยากฆ่าลื้อให้ตาย"
"นี่มันอะไรกัน"
"ลื้อก็ดูสิ ดู! ดูว่าลื้อทำอะไรลงไป"
อาจูมองไปเห็นทรงกลดนอนอยู่ข้างๆ กำลังเริ่มฟื้นได้สติ
"คุณที!"
ทรงกลดได้สติแล้วต้องพรวดพราดลุกขึ้นมานั่งอย่างตกใจ
อาจูกับทรงกลดมองสภาพของตัวเองอย่างตั้งตัวไม่ติด
"อาจู!"
เง็กมองสภาพอาจูอย่างปวดร้าวใจจนพูดอะไรไม่ออก
ซิ่วเอ็งรออย่างใจเย็น เว่ยจะเดินออกไปทางครัวเพื่อหาอาจู ได้ยินเง็กเสียงลั่นโหยหวน
"อาจู! อาจู"
เว่ยชะงักหันมามองซิ่วเอ็งที่ยังทำหน้าเฉยได้อยู่
"แจ้จู!"
เว่ยถลาเข้าไปที่ห้องนอนทันที ซิ่วเอ็งเดินตามเข้าไปอย่างกระหยิ่มใจ
เง็กยืนร่ำไห้พร่ำเรียกชื่อลูกสาวอย่างไม่รู้จะทำยังไงต่อไป
"อาจู! ลื้อทำอย่างนี้ฆ่าอั๊วให้ตายซะดีกว่า"
ทรงกลดกับอาจูกำลังรีบใส่เสื้อผ้าโดยเร็ว แต่ก็ยังไม่เรียบร้อยดีนัก
อาจูตื่นตระหนก
"หนูไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น"
เว่ยกับซิ่วเอ็งเดินเข้ามา ซิ่วเอ็งทำเป็นตกใจสุดขีด
"นี่มันอะไรกัน"
"แจ้จู"
"อาจู! ลื้อกล้าทำเรื่องบัดสีในบ้านของอั๊ว ออกไป ออกไปจากบ้านอั๊วเดี๋ยวนี้"
"อาม่า"
"ออกไป"
ซิ่วเอ็งเข้าไปฉุดกระชากลากตัวอาจูออกไปทันที
"เดี๋ยวครับ อย่าทำอะไรอาจู"
ทรงกลดรีบตามออกไป
"ม้าไปช่วยแจ้จูสิ ม้า!"
เง็กยังคงยืนร้องไห้อยู่ เว่ยรีบผละจากแม่แล้วรีบตามทุกคนออกไป
ซิ่วเอ็งลากอาจูมาที่หน้าบ้านหวังจะประจานให้ชาวบ้านได้รับรู้ด้วย
"อีผู้หญิงหน้าด้าน! ลื้อกล้าพาผู้ชายเข้ามานอนในบ้าน! ทำอย่างนี้ได้ยัง"
เพื่อนบ้าน 4-5 คน เริ่มเข้ามุงดูและรับรู้เรื่องที่เกิดขึ้น
"หนูไม่ได้ทำ..หนูไม่ได้ทำอะไรเลย"
ซิ่วเอ็งคว้าไม้แถวๆนั้นมาฟาดใส่อาจูอย่างไม่ยั้งมือ
"ยังจะมาโกหกอีก! ลื้ออยากมีผัว ก็ได้ผัวสมใจแล้ว ลื้อรู้มั้ยว่า พ่อแม่ลื้อต้องอับอายขายหน้าแค่ไหน ตายไปก็ไม่มีหน้าไปพบบรรพชนแล้ว"
อาจูน้ำตาไหลพรากๆให้ซิ่วเอ็งตีโดยไม่ดิ้นรนหนี
"หนูไม่ได้ทำจริงๆ! ม่าก็อยู่ด้วย"
"หุบปาก"
ซิ่วเอ็งฟาดอาจูไม่ให้พูดต่อ แต่ทรงกลดมาดึงมือไว้
"หยุดได้แล้ว! อาจูไม่ได้ทำผิดอะไร"
"พวกลื้อสองคนนอนกกกันอยู่บนเตียง! ยังบอกว่า ไม่ได้ทำอะไรผิดอีก"
อาจูร้องไห้อย่างอับอายสายตาของชาวบ้านที่มามุงดู อาจูก็สบตากับเว่ยที่มองมาด้วยสายตาสับสน ซิ่วเอ็งขยับตัวไปจ้องหน้าเอาเรื่องทรงกลด
"ลื้อทำอะไรไว้ ลื้อก็ต้องรับผิดชอบ! ว่าไงล่ะ กล้ารับผิดชอบมั้ยล่ะ"
เง็กเดินเข้ามา
"ไม่มีอะไรต้องคุย"
"อาเง็ก"
"อาเว่ย! พาอาจูเข้าบ้านไป ได้ยินที่อั๊วพูดมั้ย"
เว่ยเข้าไปประคองพี่สาวพาเข้าบ้านไป เง็กเข้าไปขวางทางเมื่อทรงกลดจะตามเข้าไป
"กลับไป"
"ผมจะต้องทำยังไง ทุกคนถึงจะเชื่อว่า ผมกับอาจูไม่ได้..."
" ไปตายซะ! ไป ไปให้พ้น ไปให้พ้นจากชีวิตอาจู" เง็กบอก
เง็กเดินกลับเข้าบ้านไป ทรงกลดจะตามไปแต่อันก้าวเข้ามาดึงตัวไว้เสียก่อน
"นายน้อยครับ... ตอนนี้เราคงต้องถอยออกมาก่อน"
อันดึงทรงกลดให้หลุดออกมาจากสถานการณ์วุ่นวายสับสน ซิ่วเอ็งมองตามทรงกลดเขม็ง
ทรงกลดกับอันเดินออกมาจากบ้านอาจู ทรงกลดเดินคิดมาอย่างหนักหน่วงแล้วทำท่าจะเดินกลับไป
"ไม่ได้ว่ะ ฉันทิ้งให้อาจูเผชิญปัญหาคนเดียวไม่ได้"
อันรั้งตัวทรงกลดไว้
"ไม่มีประโยชน์หรอกครับ ตอนนี้คนกำลังโกรธ พูดอะไรไป เค้าไม่ฟังหรอก ว่าแต่..เกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไงครับ"
"ฉันก็ไม่รู้! ฉันไม่รู้ว่าจะอธิบายเรื่องนี้ยังไง"
"คนอย่างนายน้อยไม่มีวันทำลายเกียรติตัวเอง เรื่องนี้ต้องมีเบื้องหน้าเบื้องหลังแน่"
"นี่แกอย่าบอกนะว่า ฉันถูกหลอก! ไม่! ฉันไม่เชื่อ ใครจะคิดวางแผนบ้าๆแบบนี้ แล้วทำไปเพื่ออะไร"
"แผนจับนายน้อยไงครับ คิดดูให้ดีๆ อยู่ๆอาเว่ยก็ไปตามตัวนายน้อยมาที่บ้าน แล้วก็เกิดเรื่องขึ้นตามมา ทุกอย่างลงตัวเกินไป ต้องมีใครซักคนในบ้านที่คิดแผนการนี้ไว้ตั้งแต่ต้น ผมได้แต่ภาวนาว่า นี่ไม่ใช่ฝีมือของคุณจู"
ทรงกลดเริ่มสับสนว้าวุ่นใจเพราะอันพูดถูกทุกอย่าง
เง็กหน้าเคร่งเครียดเก็บเสื้อผ้าใส่กล่อง อาจูกับเว่ยเดินเข้ามา เง็กปรายตามองลูกสาวแล้วพูดด้วยโดยไม่มองหน้า
"เก็บเสื้อผ้าข้าวของให้หมด พรุ่งนี้เราจะไปแต่เช้า"
"เราไปทั้งๆที่เรื่องยังคาราคาซังอย่างนี้เหรอ ม้า เรายังไม่รู้แน่เลยว่า เกิดอะไรขึ้น ม้าฟังแจ้จูก่อนดีมั้ย"
"ม้า"
เง็กจ้องไปที่เตียงที่ทรงกลดกับอาจูนอนด้วยกันก่อนหน้านี้
"อั๊วเห็นทุกอย่างเต็มสองตา มีอะไรจะแก้ตัวอีก..อั๊วแค่อยากรู้เรื่องเดียว"
เง็กหันมามองอาจูอย่างเจ็บช้ำใจ
"ลื้อเต็มใจหรือเปล่า หรือว่าอีใช้กำลังกับลื้อ"
"คุณทีไม่ใช่ผู้ชายอย่างนั้น"
"ถ้าอย่างงั้นลื้อก็เต็มใจ! ลื้อไม่ใช่ลูกอั๊วอีกต่อไปแล้ว"
เง็กเดินออกไป
"ม้า"
อาจูทรุดลงนั่งอย่างหมดแรง น้ำตาไหลไม่หยุด เว่ยนั่งลงข้างๆอาจูแล้วจับมืออาจูไว้
"ผมเชื่อแจ้นะ..แจ้ไม่มีวันทำเรื่องที่ไม่ถูกต้อง"
เว่ยกอดพี่สาวไว้อย่างปลอบใจ แต่อาจูยังคงร้องไห้ไม่หยุดอย่างอัดอั้นตันใจ
บรรยากาศบ้านทรงกลดในเช้าวันใหม่ ทรงกลดกับอันเดินเข้ามาแล้วก็ต้องชะงักกึก
เมื่อเห็นซิ่วเอ็งนั่งหน้าเคร่งอยู่กับตง โดยมีปอยืนอยู่ด้านหลัง
ตงเดินไปหยุดอยู่หน้าทรงกลดที่กำลังตั้งสติ
"เป็นความจริงหรือเปล่า"
ทรงกลดมองซิ่วเอ็งแล้วรู้ได้ว่า ซิ่วเอ็งคงมาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้ว
"ครับ"
ตงตบหน้าทรงกลดทันที
"ไอ้ลูกชั่ว"
อันบอก
"นายใหญ่ครับ! เรื่องนี้ยังไม่มีใครรู้ว่า ความจริงเป็นยังไงนะครับ นายน้อยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานสิครับ นายใหญ่จะต้องเข้าใจ"
"พูดไปก็ไม่มีประโยชน์ ไม่เห็นหรือไงว่า ป๊าตัดสินฉันไปแล้ว"
"มีอะไรก็พูดมาเถอะครับ นายน้อย นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆนะครับ" ปอว่า
"มันจะมีอะไรจะพูด ก็มันทำผิดจริงๆ ใครรู้เข้าจะว่ายังไง ลูกชายอึ้งตงกัวไปบังคับขืนใจผู้หญิงถึงในบ้าน ลื้อยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า"
"ป๊าห่วงแค่ชื่อเสียงของตัวเอง ไม่ต้องห่วงไปหรอก ไอ้หมงยังอยู่ทั้งคน เดี๋ยวมันก็ช่วยกอบกู้ชื่อเสียงให้ป๊าเอง ส่วนเรื่องของผม..ผมจัดการเอง"
"ลื้อคิดจะจัดการยังไง"
"ที่อั๊วมาที่นี่ อั๊วแค่อยากให้ลื้อได้รับรู้เรื่องที่ลูกชายลื้อได้ก่อไว้"
"ข้าวสารก็กลายเป็นข้าวสุกแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้ คนจนอย่างพวกอั๊วไม่หวังอะไรจากพวกคนใหญ่คนโตอย่างพวกลื้อหรอก"
ซิ่วเอ็งงกๆเงิ่นๆจะเดินออกไป
"เดี๋ยวอย่าเพิ่งไป"
ซิ่วเอ็งชะงักนิ่งรอฟังข่าวดี
"เรื่องนี้ยังพอแก้ไขได้"
"นายใหญ่ครับ ก่อนที่จะตัดสินใจอะไร เรามาปรึกษากันก่อน"
"ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ทรงกลดจะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำลงไป"
ทรงกลดมองตงนิ่งอย่างไม่กลัวความรับผิดชอบแม้แต่น้อย
อาจูกับเว่ยช่วยกันยกกล่องข้าวของมาวางรวมกับข้าวของอื่นๆที่หน้าบ้าน เพื่อนบ้าน 3- 4 คนเมียงมองมาแล้วซุบซิบนินทากัน อาจูเสก้มลงผูกเชือกที่มัดกล่องให้แน่นอย่างอายที่ถูกเพื่อนบ้านจ้องมอง
"แจ้ไม่ต้องไปสนใจ" เว่ยบอก
เง็กถือกระเป๋าเสื้อผ้าเดินออกมาจากในบ้าน ชะเง้อมองไปที่ปากซอย
"อาม้าไปไหนของอีแต่เช้า"
ซิ่วเอ็งเดินกลับเข้ามาถึงหน้าบ้าน
"ม่ากลับมาแล้ว ผมไปเรียกรถเลยนะ"
"ไม่ต้องไป เราจะไม่ย้ายไปไหน"
"เราต้องไป อาจูทำเรื่องอับอายขายหน้าขนาดนี้ เราจะอยู่ที่นี่ต่อไปได้ยังไง"
อาจูก้มหน้างุดไปอีก
"เรื่องนั้นอั๊วแก้ปัญหาให้แล้ว อั๊วเพิ่งไปคุยกับอึ้งตงกัวมา"
"ม้า! เราตกลงกันแล้วว่า เราจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับคนแก๊งเขี้ยวสิงห์เด็ดขาด"
"ลื้ออย่าโง่นักเลย เรื่องอะไรจะให้เราเป็นฝ่ายเสียเปรียบฝ่ายเดียว ใครทำอะไรก็ต้องชดใช้"
"ชดใช้ยังไง"
ซิ่วเอ็งยิ้ม
"ก็ชดใช้ด้วยการแต่งงานไง"
อาจูตกใจ
"แต่งงาน"
ซิ่วเอ็งมองไปรอบๆที่มีเพื่อนบ้านสอดรู้สอดเห็น แอบมองอยู่ แล้วพูดเสียงดัง
"ใช่ แต่งงาน! ทรงกลดลูกชายหัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์จะรับผิดชอบโดยการแต่งงานกับลื้อ"
ซิ่วเอ็งเดินเข้าบ้านไป ทิ้งให้ทุกคนยืนมึนงงกับข่าวใหม่ อาจูรีบตามซิ่วเอ็งเข้าไปในบ้าน
ซิ่วเอ็งเดินกลับเข้ามาในบ้าน เปิดกล่องเพื่อเอาข้าวของอุปกรณ์สมุนไพรออกมาเก็บตามเดิม
อาจูเดินตามเข้ามา
"ลื้อต้องรีบเตรียมตัวหน่อยนะ อึ้งตงกัวอยากจัดงานแต่งงานให้เร็วที่สุด ก่อนที่คนจะรู้ว่าลูกชายได้ทำเรื่องบัดสีอะไรไว้"
"ม่าก็รู้นี่ว่า มันไม่จริง ม่าอยู่ในบ้านด้วยตลอดเวลา"
"อั๊วรู้เท่าที่อั๊วเห็น"
"ม่าต้องรู้สิว่า มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ม่า..บอกหนูมา"
อาจูถลาเข้าไปเขย่าตัวซิ่วเอ็งอย่างร้อนใจจนชนกล่องเก็บสมุนไพรร่วงหล่นลงพื้น
ซิ่วเอ็งมองซองสมุนไพรที่กระเด็นออกจากกล่องแล้วแตกกระจาย อาจูมองตามสายตาซิ่วเอ็งที่มองสมุนไพรอย่างมีพิรุธ อาจูก้มลงกอบสมุนไพรก่อนที่ซิ่วเอ็งจะเก็บกวาดทิ้งไปได้ทัน อาจูได้กลิ่นสมุนไพรที่เหมือนกลิ่นจากน้ำชาที่ดื่มเมื่อวาน
ซิ่วเอ็งที่ทำหน้านิ่งเรียบเฉย
"กลิ่นเหมือน..เหมือนชาเมื่อวาน..ม่า"
ซิ่วเอ็งมองอาจูอย่างไม่สะดุ้งสะเทือนแถมยังมีท่าทีรำคาญด้วยซ้ำ
"อั๊วเป็นคนวางยาลื้อกับทรงกลดเอง"
"ทำไม..ทำไมม่าทำกับหนูอย่างนี้"
"อั๊วช่วยให้ลื้อได้สมหวังยังไงล่ะ อาจู ลื้อไม่ต้องขอบคุณอั๊วหรอกนะ ลื้อไปได้ดีมีสุขก็อย่าลืมคนที่บ้านแล้วกัน"
"ม่าทำลายชีวิตหนูเสียป่นปี้ ทำให้อาม้าต้องหัวใจสลาย แล้วหนูจะอยู่ดีมีสุขได้ยังไง ม่าต้องบอกความจริงกับทุกคน ถ้าม่าไม่บอก หนูจะบอกเอง"
"ไม่มีใครเชื่อลื้อหรอก"
ซิ่วเอ็งบีบข้อมืออาจูแน่นอย่างข่มขู่
"ลื้อต้องแต่งงานกับทรงกลด! ลื้อไม่อยากให้ครอบครัวอยู่สุขสบายหรือยังไง ต่อไปก็ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีเงินส่งเสียอาเว่ยเรียนต่อ แต่ถ้าลื้อดื้อดึงไม่เชื่อฟัง อั๊วทำลายชีวิตลื้อได้ อั๊วก็ทำลายชีวิตคนอื่นๆได้อีก ไม่ห่วงอาม้าลื้อหรือไง"
เง็กกับเว่ยขนกระเป๋า กล่องข้าวของกลับเข้าบ้าน
ซิ่วเอ็งปล่อยมือจากอาจูแล้วเก็บกวาดสมุนไพรที่หล่นเกลื่อนอยู่
อาจูหันไปมองเง็กแล้วหันมามองซิ่วเอ็งที่หยิบจับเก็บสมุนไพรที่ไม่รู้ว่ามีพิษอะไรบ้าง
อาจูมองสีหน้าเลือดเย็นของซิ่วเอ็งแล้วก็รู้ว่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำตามที่ซิ่วเอ็งต้องการ
ในโรงฝิ่นเสี่ยเล้ง หมงเดินเข้ามาในห้อง อิกเดินออกมาจากมุมมืด
"ไอ้อิก"
หมงมองหน้าอิกอย่างไม่สบอารมณ์
"แกยังมีหน้ามาเจอฉันอีก นอกจากแกจะฆ่าไอ้ทรงกลดไม่สำเร็จ แกยังเกือบทำฉันซวยไปด้วย"
"ผมก็ช่วยให้นายรอดพ้นมาได้แล้วไงครับ ตอนนี้เราต้องเดินหน้าต่อไป"
"แกจะทำอะไรก็เรื่องของแก ฉันไม่ยุ่งเกี่ยวด้วยแล้ว"
หมงจะเดินออกไปแต่ก็ต้องชะงัก
"แต่เรื่องนี้เสี่ยเล้งสั่งมานะครับ"
"เสี่ยเล้งสั่งมาว่าไง"
"เราไม่จำเป็นต้องกำจัดไอ้ทรงกลดด้วยมือของเราเอง แต่เรายืมมือคนอื่นฆ่าคนได้"
"ยืมมือใคร"
"เสี่ยเคี้ยง"
"เสี่ยเคี้ยงกล้าซะที่ไหน มันเป็นเต่าหัวหดอยู่แต่ในกระดอง"
"แต่ถ้าเป็นเรื่องของผลประโยชน์ มันไม่หัวหดแน่ ขอแค่นายส่งลูกน้องแก๊งเขี้ยวสิงห์ปลายแถวมาช่วยงานนี้ซัก 4-5 คนพอ งานนี้ลงทุนน้อย แต่รับรองคุ้ม"
หมงฟังแล้วต้องทำตามเพราะเป็นคำสั่งมาจากเสี่ยเล้ง
เลือดมังกร : สิงห์ ตอนที่ 6 (ต่อ)
บรรยากาศในบ่อนเสี่ยเคี้ยงที่มีผู้คนคลาคล่ำอยู่ทุกมุมของบ่อน ลูกน้องหมง 4-5 คนเดินอาดๆเข้ามา
ลูกน้องแก๊งเต่ามังกร 4-5 คนขยับตัวอย่างระแวดระวัง
ลูกน้องหมงเริ่มแยกตัวกันไปหาเรื่องตามมุมต่างๆ ลูกน้อง 1 ผลักชาย1ที่นั่งเล่นไพ่ออกแล้วลงไปนั่งแทน
"เฮ้ย! อะไรวะ!"
ชาย1 แค่แตะไหล่ลูกน้อง 1 ก็ผลักอกทันที
"เอาไงวะ!"
ลูกน้อง1 พยักหน้าให้เพื่อนร่วมแก๊งคนอื่นๆเป็นการส่งสัญญาณให้ลุย ฝ่ายลูกน้องหมงกระจายกันล้มโต๊ะ ลูกค้าในบ่อนหนีกระจาย ลูกน้องเต่ามังกรเข้าลุยลูกน้องหมง
อิกวิ่งนำลูกน้องเข้ามา
"เฮ้ย! พวกมึงเป็นใคร"
ลูกน้องอิก1 เหลือบไปเห็นลูกน้องหมง
"พวกแก๊งเขี้ยวสิงห์"
"ลุย! อย่าให้พวกมันรอดออกไปได้"
อิกทำท่าจะลุย แต่ไม่ลุย ปล่อยให้ลูกน้องแก๊งเต่ามังกรลุยกับลูกน้องเขี้ยวสิงห์ไป
ลูกน้องอิก2 วิ่งหน้าตื่นเข้ามาหาอิก
"เฮียอิก! มีคนบุกทลายโรงฝิ่นของเรา"
"วันนี้วันอะไรวะ"
อิกทำเป็นโกรธขึ้นหน้าแล้วผลุนผลัน บ่อนถูกบุกทลายต่อไป
อิกพร้อมกับลูกน้องวิ่งเข้ามาแล้วต้องยืนอึ้ง โรงฝิ่นโดนบุกทลายไปแล้ว อิกยืนนิ่งมองซากของโรงฝิ่นอย่างแอบสาแก่ใจ
เคี้ยงเดินพล่านอยู่ในบ้านอย่างโกรธแค้นเมื่อได้รับรายงานเรื่องที่บ่อนและโรงฝิ่นถูกทลายจากอิก
"ฝีมือคนแก๊งเขี้ยวสิงห์แน่ใช่มั้ย"
"ใช่แน่ครับ แต่เรายังไม่รู้ว่า ใครเป็นคนส่งมา"
"จะมีใครซะอีกล่ะ"
เคี้ยงนึกถึงทรงกลดในทันที นึกถึงเมื่อครั้งที่ทรงกลดมาขู่ให้เคี้ยงขายโรงงานเก่าคืนให้
เคี้ยงทิ้งตัวนั่งลงอย่างแรง
"ไอ้ทรงกลด! มันไม่ยอมจบใช่มั้ย"
"ผมผิดเองครับ นาย ถ้าผมไม่จับตัวมันไป นายคงไม่ต้องมาเดือดร้อน" อิกบอก
"ลื้อก็รับโทษในสิ่งที่ลื้อทำไปแล้ว มันยังต้องการอะไรอีก! อั๊วต้องล้มละลายขายตัว มันถึงจะพอใจ แต่อั๊วไม่ยอมให้มันเล่นงานฝ่ายเดียว!"
"ตอนนี้แก๊งเขี้ยวสิงห์กำลังมีงานมงคล..ผมว่าเรารอไปก่อนดีกว่า"
เคี้ยงชักสนใจ
"งานมงคลอะไร"
"งานแต่งงานของทรงกลดครับ"
" งั้นเหรอ...แล้วทำไมอั๊วไม่ได้รับบัตรเชิญ เห็นทีอั๊วจะต้องต่อว่าเฮียตงซักหน่อยแล้ว ว่าแต่ว่าที่สะใภ้ของแก๊งเขี้ยวสิงห์ หน้าตาเป็นไงวะ อั๊วชักอยากเห็นหน้าแล้วสิ!"
เคี้ยงยิ้มอย่างมีแผนการที่จะแก้แค้นทรงกลด
เช้าวันใหม่ เหมยลี่เดินเข้ามากับตง
"เหมยลี่อยากรู้จริงๆว่า นายน้อยไปคว้าผู้หญิงที่ไหนมาแต่งงานด้วย แล้วนี่เกิดอะไรขึ้นคะ ถึงได้จัดงานแต่งงานปุบปับอย่างนี้ หรือว่า..นายใหญ่กำลังจะได้หลานคะ"
"ซี้ซั้วต่า! พูดไม่รู้จักคิด"
"ก็เหมยลี่ได้ข่าวมาว่า นายน้อยไปทำเรื่องไม่ดีไม่งามมา ข่าวฉาวโฉ่อย่างนี้ปิดยังไงก็ไม่มิดหรอกค่ะ นี่คงเป็นเพราะเรื่องดูตัวแน่ๆเลย เห็นนายใหญ่อยากให้แต่งงานนัก ก็เลยประชดโดยการคว้าแม่ค้ามาเป็นเมีย"
ตงกับเหมยลี่เดินมาหยุดตรงบริเวณจัดพิธียกน้ำชาที่ปอกำลังสั่งการคนรับใช้ 3 คนให้จัดโต๊ะเก้าอี้อยู่
"ลื้อจะไปไหนก็ไป!" ตงบอก
"นายใหญ่จะโกรธก็โกรธลูกชายเถอะค่ะ ที่วันๆหาแต่เรื่องมาให้ แล้วนี่พาลูกสะใภ้ที่ไม่รู้หัวนอนปลายตีนเข้าบ้านอีก ไม่รู้จะทำชีวิตทุกคนวุ่นวายไปถึงไหน"
เหมยลี่ใส่ไฟเสร็จก็เดินออกไป
ปอสั่งการให้คนรับใช้ 3 คนช่วยกันยกโต๊ะเก้าอี้เพื่อเตรียมพิธียกน้ำชา
"ยกมาไว้ตรงนี้ จัดโต๊ะเก้าอี้คนเดียวก็พอ ลื้อสองคนไปเตรียมของไหว้ไป"
คนรับใช้ 2 คนเดินออกไป ปอเดินเข้ามาหาตง
"มีเวลาแค่สามวัน เราคงจัดได้แค่งานเล็กๆ แล้วนี่เราจะไม่เชิญใครมางานจริงๆหรือครับ งานแต่งงานของนายน้อยทั้ง"
"ไม่ต้องจัดงานใหญ่ แต่จัดงานให้ดีที่สุด แล้วได้เรื่องมาหรือยัง"
"เจ้าสาวของนายน้อยชื่อคุณจูครับ เป็นลูกสาวแม่ค้าขายจุ๋ยก้วยที่หน้าศาลเจ้า พ่อตายไปตั้งแต่อียังไม่เกิด พ่อของคุณจูเคยอยู่แก๊งเต่ามังกร"
ตงสะดุดกับเรื่องที่พ่อของอาจูอยู่แก๊งเต่ามังกร
"ไม่มีอะไรน่ากังวลใจ พ่อคุณจูเป็นแค่ลูกน้องปลายแถว นายน้อยก็รู้เรื่องนี้ดี มีคนเห็นนายน้อยไปที่บ้านคุณจูหลายครั้ง แสดงว่าคบหากันมาได้ซักระยะแล้ว เรื่องที่นายน้อยถูกกล่าวหา คงไม่ใช่ความจริงทั้งหมด"
"ความจริงเป็นยังไงไม่สำคัญแล้วตอนนี้ อั๊วห่วงแต่ว่า ทรงกลดรู้หรือยังว่า แต่งงานเมื่อไหร่ ชีวิตก็จะเปลี่ยนไปเมื่อนั้น อีพร้อมที่จะรับมือกับชีวิตใหม่หรือยัง"
ตงเป็นห่วงทรงกลด
ทรงกลดเปิดประตูเข้ามาในห้อง มองไปรอบๆห้องนอนที่จัดเตรียมเป็นห้องหอเรียบร้อยแล้ว
ทรงกลดยังคงคิดไม่ตกเรื่องที่อันเคยวิเคราะห์ไว้
" แผนจับนายน้อยไงครับ คิดดูให้ดีๆ อยู่ๆอาเว่ยก็ไปตามตัวนายน้อยมาที่บ้าน แล้วก็เกิดเรื่องขึ้นตามมา ทุกอย่างลงตัวเกินไป ต้องมีใครซักคนในบ้านที่คิดแผนการนี้ไว้ตั้งแต่ต้น ผมได้แต่ภาวนาว่า นี่ไม่ใช่ฝีมือของคุณ"
ทรงกลดหยิบปิ่นปักผมของอาจูขึ้นมากำไว้ ไม่อยากที่จะแคลงใจอาจูแต่ก็อดคิดไม่ได้
ทรงกลดค้างคาใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งนี้
อาจูเดินออกมาจากห้องนอนแล้วต้องชะงัก
เครื่องขันหมาก/สินสอดทองหมั้นของฝ่ายเจ้าบ่าวส่งมา ประกอบด้วย กล่องเครื่องประดับทอง/ส้มเช้งจำนวนเลขคู่ ติดตัวอักษร”ซังฮี้” (แปลว่าคู่ยินดี)/ ขนมขันหมาก/และอื่นๆ วางอยู่กลางบ้าน
ซิ่วเอ็งกำลังตรวจนับเงินจากซองแดง 4 ซอง ที่ฝ่ายเจ้าบ่าวให้ไว้เป็นค่าใช้จ่ายเจ้าสาว
"สินสอดทองหมั้นของลื้อยังไงล่ะ อาจู" ซิ่วเอ็งชูซองแดง "แล้วนี่ก็เงินที่ให้ทางเราไว้ใช้จ่าย"
อาจูหันไปมองเง็กที่มองสินสอดทองหมั้นอย่างไม่ยินดียินร้าย
"ม้าเก็บเงินไว้ก็แล้วกันนะ"
"อั๊วไม่ยุ่งด้วย อยากทำอะไรก็ทำไป"
"อาเง็ก! ลื้อเป็นแม่ซิงเนี้ย(เจ้าสาว) อย่าทำอะไรที่ผิดธรรมเนียม"
"มันก็ผิดมาตั้งแต่ทีแรกแล้ว งานแต่งงานอะไร ไม่มีพิธีสู่ขอ ไม่มีพิธีหมั้น อยู่ๆก็ส่งของแต่งงานมาให้ แล้วก็จะมารับเจ้าสาวเลย มีธรรมเนียมแบบนี้ที่ไหน จัดงานลวกๆแบบนี้ มันไม่ให้เกียรติกัน"
เง็กมองอาจูอย่างขมขื่นใจ ยิ่งทำให้อาจูเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น
"แต่นั่นแหละ คนของเราทำตัวเสื่อมเสีย ใครจะมาให้เกียรติ!"
เง็กเดินหนีไปทางครัว อาจูยืนนิ่งอึ้งได้แต่มองซิ่วเอ็งอย่างตัดพ้อ แต่ซิ่วเอ็งยิ้มใจเย็นทองไม่รู้ร้อน
"เดี๋ยวพอแต่งงานไป มีหลานให้เยอะๆ อาม้าลื้อก็หายโกรธแล้ว ไม่ต้องคิดมาก"
อาจูยิ่งอัดอั้นที่ต้องปล่อยให้ซิ่วเอ็งทำตามใจที่ตัวเองต้องการ เว่ยเดินจากข้างนอกเข้ามาดึงอาจู
"ไปข้างนอกกัน"
"ไปไหน"
"ไปไหนก็ได้ที่ทำให้แจ้สบายใจ ไปๆ"
เว่ยดึงอาจูออกไป ซิ่วเอ็งยิ้มกระหยิ่มใจ
อาจูกับเว่ยเดินมาเข้ามาภายในศาลเจ้า อาจูชะงักเมื่อเห็นว่าทรงกลดยืนรออยู่แล้ว อาจูหันขวับไปมองเว่ยที่เป็นตัวการทันที
"อาเว่ย"
เว่ยยิ้มทะเล้น
"เฮียทรงกลดเป็นใคร..ผมขัดคำสั่งได้ที่ไหน"
เว่ยรีบแวบออกไปทันที
ทรงกลดเดินเข้าไปหาอาจูที่ยืนนิ่งไม่กล้าสบตาเพราะละอายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
"อาจู"
"ฉันขอโทษค่ะ คุณที..ฉันทำให้คุณต้องรับผิดชอบในสิ่งที่คุณไม่ได้ทำ"
ท"ถ้าไม่ใช่ฉัน แล้วใครล่ะที่จะต้องรับผิดชอบ"
อาจูนึกถึงซิ่วเอ็งที่เป็นวางยาเธอกับทรงกลดจนทำให้เกิดเรื่องขึ้น
อาจูเลี่ยงที่จะไม่ตอบ
"ฉันจะไม่ให้คุณต้องฝืนใจแต่งงานกับฉันหรอกนะคะ"
"ใครที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ไม่ใช่เธอใช่มั้ย อาจู"
อาจูตกใจ
"ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่ฉัน ฉันไม่มีวันทำเรื่องที่น่าละอายใจอย่างนี้"
ทรงกลดโล่งใจ เมื่อไม่ใช่เป็นแผนการของอาจู ทุกอย่างก็ไม่เป็นปัญหาของทรงกลดอีกต่อไปแล้ว
"แต่อย่าถามอะไรต่อ เพราะฉันตอบคุณไม่ได้ ฉันอับอายจนไม่กล้ามองหน้าใครได้แล้ว ตอนนี้ฉันเห็นทางออกทางเดียว รอให้พิธีแต่งงานผ่านไปก่อน..หลังจากนั้นฉันจะไปจากคุณเองค่ะ"
อาจูโล่งใจที่บอกแผนการในใจให้ทรงกลดรู้ นึกว่าทุกอย่างน่าจะไปด้วยดี แต่ทรงกลดยังไม่ยอมง่ายๆ
"เธอกำลังทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก"
"เราไม่มีทางเลือกแล้วนี่คะ"
"ไม่! ฉันไม่ให้เธอหนีฉันไปไหนอีก เราจะแต่งงงานและอยู่ด้วยกันเป็นสามีภรรยาอย่างถูกต้องตามประเพณี"
"คุณที"
ทรงกลดดึงอาจูเข้ามาโอบไหล่ไว้
"ใครบอกเธอว่า ฉันฝืนใจ ฉันเต็มใจที่จะแต่งงานกับเธอต่างหาก วันนี้มาเร็วกว่าที่เราคาด ไม่ใช่วันที่เราจากกัน แต่เป็นวันที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน..วันที่เธอได้เป็นผู้หญิงของนายทรง"
ทรงกลดแอบหอมที่ขมับของอาจูแล้วผละออกไปอย่างอารมณ์ดี
"คุณที"
อาจูยืนอึ้งอย่างแปลกใจด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
ที่ฉั่วเทียนเหลา เย็นต่อเนื่องมา หยกมณีกำลังรับสร้อยทองจากบรรดาลูกค้าหนุ่มๆ เสียงบรรเลงเพลงในท่อนสุดท้ายจบลง
"ขอบคุณนะคะ ขอบคุณค่า"
ลูกค้าหนุ่มเอื้อมมือจะมาจับแก้ม แต่หยกมณีหลบได้ทัน คว้าจับมือลูกค้าหนุ่มไว้ได้
"มือไวจริงนะคะ เสี่ยขา...แล้วดึกๆเจอกันอีกรอบนะคะ"
หยกมณีโปรยยิ้มหวานให้พวกลูกค้าหนุ่มๆแล้วรีบเดินแยกออกมา หยกมณีเดินลงมาที่ข้างเวทีพนักงานส่งแก้วน้ำให้ เมื่อจิบน้ำแล้วต้องชะงัก เมื่อเห็นอิกเดินเข้ามากับลูกสมุน 3 คน
พนักงานอีกคนพาอิกและลูกสมุนเดินขึ้นไปห้องวีไอพี
"เฮียอิกจองห้องพิเศษไว้งั้นเหรอ"
"ครับ แจ้หยก เออ..ทั้งบ่อนทั้งโรงฝิ่นเพิ่งโดนถล่มมา ยังมีแก่ใจพาลูกน้องมากินอาหารเหลา"
หยกมณีจับตามองอิกกับลูกสมุน
ในห้องวีไอพี อิกนั่งกินเหล้าอยู่ลูกสมุนทั้งสามคน
"ให้คนเอาเงินไปให้ไอ้พวกแก๊งเขี้ยวสิงห์แล้วใช่มั้ย"
ลูกสมุน1 บอก"เรียบร้อยครับ เฮีย"
หยกมณีเดินเข้ามาห้องวีไอพีอีกห้องที่ติดกับห้องวีไอพีที่อิกนั่งกินเหล้าอยู่กับลูกน้องเขี้ยวสิงห์
เธอเลื่อนรูปภาพออกแล้วเห็นเป็นฝาที่เลื่อนออกมาพอเห็นช่องเล็กๆมองเข้าไปในอีกห้องได้
หยกมณีแอบมองเข้าไปในห้อง
"บอกให้พวกมันไปอยู่ที่อื่นซักระยะ ไม่มีปัญหาใช่มั้ย"
ลูกสมุน2 บอก
"ไม่มีปัญหา ไอ้พวกหิวเงินพวกนี้ สั่งง่ายอยู่แล้ว"
หยกมณีขยับตัวฟังให้ถนัดยิ่งขึ้น
ลูกสมุน1บอก
"เฮียจ้างคนแก๊งเขี้ยวสิงห์ถล่มบ่อนตัวเองหรอก นี่เฮียคิดจะทำอะไรกันแน่"
"เสี้ยมเขาควายให้ชนกัน"
หยกมณีขยับฟังอย่างตั้งใจ
"แล้วผลจะเป็นยังไง พรุ่งนี้ก็คอยดู! สิงห์จะถูกหักเขี้ยวก็คราวนี้แหละ!"
หยกมณีคิดตามอย่างเร็ว
"พรุ่งนี้"
หยกมณีกังวลใจห่วงว่าพรุ่งนี้ต้องมีเรื่องอะไรแน่
หยกมณียืนรออยู่อย่างร้อนใจ เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินมา จึงรีบหันขวับไปมองทันที
"เฮียอัน"
หยกมณีผิดคาดที่เห็นเป็นหมงเดินเข้ามาแทนที่จะเป็นอัน
"อาอันไม่ว่าง มีธุระอะไรบอกกับฉันแทนก็ได้ "
"ไม่เป็นไรค่ะ หยกรอได้"
"งั้นระหว่างที่รอ เรามาคุยธุรของเราไปพลางๆก่อน"
หมงเดินเข้าไปใกล้หยกมณีที่ถอยห่างออกมาอย่างระวังตัว
"คุณหมงอย่าหาเรื่องดีกว่านะคะ"
"เธอเป็นคนเริ่มก่อนนะ หยกมณี"
หมงคว้าจับมือหยกมณีหมับเข้าให้
"ฉันเป็นไม่ชอบทำอะไรค้างๆคาๆ เริ่มแล้วก็ต้องหาทางจบให้ได้"
หมงลากตัวหยกมณีจะพาไปที่มุมลับตา
"ทำอะไรกัน!"
หมงรีบปล่อยมือจากหยกมณีทันทีที่ได้ยินเสียงเหมยลี่
หมงรีบเปลี่ยนท่าทีทันที
"กำลังลากแม่นี่ออกไปน่ะสิ"
เหมยลี่เดินเข้ามาเห็นหยกมณีได้ถนัดตา
"นัง...นังนักร้องฉั่วเทียนเหลานี่ มันมาทำไม"
"ไม่รู้ ยังไม่ทันถาม บ้านเรากำลังมีงานมงคล มีผู้หญิงพรรค์อย่างนี้เข้าบ้าน เดี๋ยวได้ซวยกันเปล่าๆ ไปๆ กลับไปซะ"
หยกมณีแกล้งยั่ว
"อ้าว! รีบไล่กันซะแล้ว ไหนว่าอยากจะคุยธุระกับหยกไงคะ คุณหมง ไว้ไปเจอที่ฉั่วเทียนเหลาก็ได้นะคะ ถ้าหากคุณหมงไม่กลัวเจ็บตัวอีก!"
หยกมณีเดินนวยนาดออกไป แต่ถูกเหมยลี่ตามไปจับตัว ตบหน้าเต็มแรง
"กล้ามาปั่นหัวผู้ชายถึงที่นี่ ก็ต้องได้รับบทเรียนแบบนี้! อย่าให้ฉันได้เห็นหน้าแกอีก ไม่งั้นแกโดนหนักกว่านี้แน่! มีใครอยู่แถวนี้บ้าง ลากนังนี่ออกไป"
ลูกน้องแก๊ง 2 คนเข้ามาประกบพาตัวหยกมณีออกไป
อันเดินเข้ามาขวางทางไว้
"เฮียอัน"
ลูกน้องแก๊ง 2 คนเห็นสีหน้านิ่งแต่เอาจริงของอัน รีบปล่อยมือหยกมณีทันที หมงกับเหมยลี่เดินตามมา
"มาก็ดีแล้ว แกอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร ถึงได้กล้านัดผู้หญิงชั้นต่ำเข้ามาหาในบ้าน"
อันตัดปัญหา
"ผมขอโทษครับ จะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก"
"เฮียอัน..หยกมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย"
"เอ้า! พาผู้หญิงของแกไปเร็วเข้า แต่บ้านนี้คงไม่เหมาะเป็นที่คุยหรอกมั้ง ไปโรงแรมโรงน้ำชาโน่น ไป มือขวาของนายน้อยแก๊งเขี้ยวสิงห์ หาผู้หญิงได้แค่นี้น่าอนาถว่ะ ไปเถอะครับ คุณเหมยลี่ อย่าให้มีเรื่องเลย เดี๋ยวป๊าจะไม่สบายใจเปล่าๆ"
หมงกับเหมยลี่เดินออกไปพร้อมกับลูกน้องแก๊ง 2 คน
หยกมณีมองอันอย่างน้อยใจที่ไม่พูดปกป้องใดๆเลย ส่วนอันได้แต่อดกลั้นไม่ตอบโต้ให้เป็นเรื่อง
"หยกขอโทษ..ที่ทำให้เฮียต้องเสียหน้า"
"ถ้าไม่จำเป็น อย่ามาที่นี่"
"แต่หยกได้ข่าวสำคัญมา"
"เฮียกำลังยุ่ง ต้องช่วยเตรียมงานพรุ่งนี้ แล้วเฮียจะไปหา"
อันตัดบทแล้วรีบเดินออกไป
"เดี๋ยวสิ เฮีย! เฮียอัน! ฟังหยกก่อน"
อันหงุดหงิดกับการถูกกดหัวจากหมงและเหมยลี่จนไม่สนใจฟัง,เดินพรวดๆออกไป
ท่ามกลางบรรยากาศเงียบเหงากับอาหารมื้อสุดท้ายของอาจูในบ้านตัวเอง บนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยอาหารมงคลที่เลี้ยงส่งเจ้าสาว
อาจู เง็กและเว่ยต่างพุ้ยข้าวใส่ปากแทบจะนับเม็ดได้ ซิ่วเอ็งคีบอาหารกินอย่างสำราญใจอยู่คนเดียว
ซิ่วเอ็งคีบกับข้าวที่มีชื่อเป็นมงคลสำหรับเจ้าสาวให้อาจูทีละอย่างพลางอวยพรให้
ซิ่วเอ็งคีบเนื้อปลากระบอกนึ่งใส่ชามข้าวให้อาจู
"เอ้า เจียะฮื้อ * (กินปลา) “อู่ฮู้ อู่ชุ้ง” จะได้มีกินมีใช้
ซิ่วเอ็งคีบผักกุยฉ่าย ใส่ชามข้าวให้อาจูอีก
"เจียะกุยฉ่าย ผักกุยฉ่ายยิ่งตัดก็ยิ่งยาว จะได้อยู่กันยืดยาว เอ้า อาเง็ก คีบเป็ด คีบไก่ให้อาจูด้วย กินของดีๆจะได้เป็นมงคลกับตัว"
เง็กนั่งพุ้ยข้าวกินเงียบๆ ทำเหมือนไม่ได้ยินที่ซิ่วเอ็งสั่ง
"อาเง็ก!"
"หนูคีบให้ม้าเองดีกว่านะ"
อาจูคีบเนื้อไก่จะใส่ชามข้าวให้เง็ก แต่เง็กยกชามข้าวขึ้นมาพุ้ยๆกินเพื่อไม่ต้องรับอาหารจากอาจู
"แจ้จู ชิ้นนี้ผมขอนะ"
เว่ยต้องรีบแก้สถานการณ์โดยยื่นชามข้าวตัวเองมารับชิ้นเนื้อไก่จากอาจูไป อาจูรินน้ำชาให้เง็ก
"ม้า..น้ำชา"
อาจูยกถ้วยน้ำชาให้ แต่เง็กทำเมินไม่เห็น รวบตะเกียบวางบนโต๊ะแล้วลุกออกไปทันที
"ม้า"
อาจูมองตามน้ำตาร่วงที่เง็กไม่ยอมให้อภัยเรื่องที่เกิดขึ้น
* ฮื้อ แปลว่า ปลา มีอีกความหมายคือ เหลือ พูดเป็นคำมงคลคล้องกันว่า อู่ฮู้ อู่ชุ้ง แปลว่า "เหลือกินเหลือใช้"
เช้ามืดวันใหม่ หน้าบ้านอาจู เครื่องใช้ของฝ่ายเจ้าสาวที่มีเอี๊ยมแต่งงานสีแดงตามประเพณี/ต้นชุงเฉ้า 2 ต้น ข้าวของเครื่องใช้อื่นๆสำหรับเจ้าสาวเต็มห้องไปหมด
อาจูนั่งหน้าซีดอยู่หน้ากระจกอย่างโดดเดี่ยว เง็กเดินเข้ามาหยุดมองด้วยสายตานิ่งๆ
"ยังไม่แต่งตัวอีก เดี๋ยวเจ้าบ่าวก็จะมารับแล้ว"
"ม้า..ถ้าม้าไม่อยากให้หนูแต่ง หนูก็จะไม่แต่ง ม้าจะให้หนูทำอะไร หนูทำให้ม้าได้ทุกอย่าง ขอแค่ม้าอย่าโกรธ อย่าเกลียดหนู"
อาจูร้องไห้ด้วยความเสียใจที่ทำให้เง็กผิดหวัง
"อาจู"
เง็กใจอ่อนยวบลง เดินเข้าไปกอดอาจูที่กำลังขวัญเสียทำอะไรไม่ถูก
"ม้าไม่ได้โกรธ ไม่ได้เกลียดลื้อ ม้าโกรธตัวเองที่ดูแลลื้อไม่ดี พาลื้อหนีไม่พ้นพวกแก๊งเจ้าพ่อ ยิ่งลื้อแต่งงานกับลูกชายหัวหน้าแก๊ง ชีวิตของลื้อจะหาความสงบสุขได้ยังไง"
"ม้าไม่ต้องห่วง หนูดูแลตัวเองได้ ม้าเองก็ต้องดูแลตัวเองดีๆนะ ต่อไปนี้หนูไม่ได้อยู่ดูแลม้าแล้วหนูไม่อยากไปจากม้าเลย หนูยังไม่พร้อม"
"มาถึงตอนนี้ เราเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้ว ม้าได้แต่เป็นหวังว่า ลูกชายหัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์ที่ใหญ่คับฟ้าจะดูแลลื้อให้อยู่สุขสบาย" เง็กพึมพำ "โชคชะตาคงกำหนดมาแล้ว เราคงหนีไม่พ้นที่จะเกี่ยวข้องกับแก๊งเขี้ยวสิงห์...ตัวลื้อเองก็ไม่อยากหนีด้วยใช่มั้ยล่ะ"
อาจูเก้อๆเขินๆ
"ม้า"
"ไปล้างหน้าล้างตา แล้วมาแต่งตัวได้แล้ว จวนได้เวลาแล้ว"
อาจูสบายใจขึ้น เมื่อได้ฟังความในใจจากแม่
ภายในห้องนอน อาจูหน้าตาเกลี้ยงเกลาเตรียมพร้อมที่จะแต่งหน้าเจ้าสาว เง็กหมั่งหมิ่ง *ให้ลูกสาว ด้วยการใช้ด้ายขึงให้ตึงเพื่อกันขนที่หน้าให้ เง็กใช้แปรงปัดหน้าอาจูจนใสสะอาดแล้วเริ่มลงแป้ง แต่งตา เขียนขอบตา ทาปากจนสวยสดงดงาม
เง็กคลี่ผมเปียของอาจูออกแล้วค่อยๆสางผมยาวๆให้ลื่นไหล จากนั้นค่อยๆเกล้าผมให้เป็นมวยผมทรงสาววัยรุ่นเปลี่ยนไปเป็นผมสาววัยแต่งงาน
เง็กช่วยอาจูใส่ชุดเจ้าสาวสีแดง เว่ยแอบโผลหน้าเข้ามาแอบดูอย่างอยากรู้อยากเห็น แต่ถูกเง็กจ้องเขม็งจนต้องถอยออกไป
อาจูที่แต่งหน้าทำผมและแต่งตัวจนเสร็จ เง็กเอาปิ่นทองปักที่มวยผมให้แล้วเสียบใบทับทิมตามเป็นอันแต่งตัวเจ้าสาวเสร็จเรียบร้อย
เง็กมองอาจูอย่างปลื้มปริ่มที่ลูกสาวจะได้ออกเรือน ความหม่นหมองใดๆหมดสิ้นไปแล้ว
* หมั่งหมิ่ง เป็นวิธีกันขนแบบเก่าของคนจีน
เลือดมังกร : สิงห์ ตอนที่ 6 (ต่อ)
บรรยากาศในมุมต่างๆของบ้านทรงกลดที่จัดและตกแต่งสำหรับพิธีแต่งงาน ตง ปอ หมงและเหมยลี่ต่างอยู่ในชุดร่วมงานแต่งงาน
ทรงกลดในชุดเจ้าบ่าวพร้อมอันในชุดหล่อที่เดินตามหลังมา
ปอบอก
"รีบหน่อยนะครับ นายน้อย เดี๋ยวจะเสียฤกษ์"
"ผมไปรับเจ้าสาวทันฤกษ์ของแปะปอแน่นอนครับ" ทรงกลดตบไหล่อัน "มือขวาของผมฝีมือระดับไหนแล้ว"
"อั๊วจะให้คนของเราตามไปอีกสองคัน" ตงบอก
"ไม่ต้องหรอกครับ ป๊า ไปคันเดียวก็พอ"
"อั๊วสั่งอะไร ลื้อเป็นได้ขัดทุกเรื่อง"
หมงบอก
"นายน้อยทำตามที่นายใหญ่สั่งเถอะครับ ยิ่งวันนี้เป็นวันสำคัญ เราก็ยิ่งประมาทไม่ได้ เดี๋ยวผมจะไปด้วย ผมจะคอยระวังหลังให้เอง"
"บอกว่า ไม่ต้องไงล่ะ ฉันต้องการให้งานแต่งงานของฉันเรียบง่ายที่สุด ไม่ต้องประกาศศักดาว่าเป็นงานแต่งลูกชายเจ้าพ่อ"
เหมยลี่เหน็บ
"นายน้อยคิดถูกแล้วล่ะค่ะ งานนี้ต้องจัดให้เงียบที่สุด งานแต่งงานที่จัดขึ้นเพื่อขายผ้าเอาหน้ารอดอย่างนี้ น่าอับอายจะตายไป คนรู้น้อยเท่าไหร่ยิ่งดี"
"เรื่องน่าอับอายยิ่งกว่านี้ยังมี ก็ที่เรามีผู้หญิงอย่างเธอชูคออยู่ในบ้านนี้ไงล่ะ"
เหมยลี่คอแข็งหน้าตึงด้วยความโกรธ
"อั๊วหวังว่า ลื้อแต่งงานแล้วจะรู้จักคิด ท่าอั๊วจะหมดหวังซะแล้ว" ตงบอก
"ป๊าจะมาหวังอะไรกับลูกนอกคอกอย่างผม"
"นั่นสิ..อั๊วไม่น่าโง่ที่หวังว่าคนอย่างลื้อจะเปลี่ยนได้"
ตงกับทรงกลดจ้องหน้ากันอย่างไม่มีใครลงให้ใครก่อน จนอันต้องเตือน
"นายน้อยครับ วันนี้วันมงคลนะครับ"
"ไป อาอัน พานายน้อยไปได้แล้ว"
ทรงกลดเมินหน้าจากตงแล้วเดินออกไป อันเดินตามออกไป, ตงมองตามทรงกลดอย่างอดเหนื่อยใจไม่ได้
"วันนี้วันดีครับ ทุกอย่างต้องเป็นไปอย่างราบรื่นแน่นอน" ปอบอก
"ครับ ไม่มีอะไรที่ป๊าต้องเป็นห่วง ป๊าเตรียมรอรับไหว้ลูกสะใภ้ได้เลย"
หมงยิ้มประจบแต่ตาแวววับเพราะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
รถเจ้าบ่าวทรงกลดมีโบสีชมพูประดับไว้ แล่นมาจอดหน้าบ้าน อันเป็นคนขับรถลงมาเปิดประตูให้ทรงกลดลงจากรถ เพื่อนบ้านต่างกันมามุงดูกันอย่างตื่นเต้น
"นายน้อยครับ"
"ฉันแน่ใจแล้ว"
"แต่ผมยังรู้สึกค้างคาใจอะไรบางอย่าง"
"ฉันเชื่อใจอาจู ไม่ว่างานแต่งงานครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะอะไรหรือเพราะฝีมือใคร ฉันได้แต่งงานกับอาจู ผู้หญิงคนที่ฉันจะอยู่ด้วยไปตลอดชีวิต แค่นี้ก็เกินพอแล้ว"
"แต่นายน้อยยังไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้ดีพอ"
"ใช้สมองให้น้อย ใช้หัวใจคิดแทนบ้าง แล้วแกจะเข้าใจ"
ซิ่วเอ็งกับเง็กเดินออกมาต้อนรับ เว่ยผลุบๆโผล่ๆมองมาจากด้านหลังเง็ก เว่ยยิ้มกว้างอย่างตื่นเต้นแล้ววิ่งปรู๊ดเข้าบ้านไป
"เชิญ" ซิ่วเอ็งเชื้อเชิญ
ทรงกลดกับอันค้อมหัวให้ซิ่วเอ็งกับเง็กแล้วเดินเข้าบ้านไป
อาจูในชุดเจ้าสาวนั่งอยู่หลังผ้าม่านที่กั้นกลางไว้ เว่ยพรวดพราดเข้ามา
"แจ้จูๆ!! เจ้าบ่าวมาแล้วๆ!"
มืออาจูบีบกันแน่นอย่างตื่นเต้น
ทรงกลดนั่งรออย่างตื่นเต้นไม่น้อย อันยืนอยู่ด้านหลังทรงกลดอดยิ้มขำเจ้านายไม่ได้ ซิ่วเอ็งนั่งยิ้มกริ่มอย่างมีความสุขที่แผนเป็นไปด้วยดี เง็กนั่งนิ่งอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว
"ซิงเนี้ยมาแล้ว" ซิ่วเอ็งบอก
ทรงกลดหันไปมองหาอาจูทันที
อาจูในชุดกี่เพ้าเจ้าสาวสีแดงเรียบๆ แต่ร่วมสมัย ตัดเย็บเป็นแบบชุดสองชิ้นแบบผ้ากรอมยาว ไม่มีที่ครอบผมหรือผ้าคลุมหน้า เจ้าสาวเดินเข้ามาโดยมีเว่ยเดินตามมาส่ง
อาจูเงยหน้ามองสบตากับทรงกลด ทั้งสองมองกันนิ่งราวกับไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน
เว่ยพาอาจูก้าวไปช้าๆจนไปยืนเคียงข้างทรงกลดที่กลางห้อง
ความสวยเปล่งประกายความเป็นเจ้าสาว ทำให้ทรงกลดมองเจ้าสาวของตัวเองไม่วางตา
"สวย" ทรงกลดพึมพำ
อาจูเขินอายจนต้องก้มหน้างุดลงไป
ทรงกลดเอียงหน้าไปใกล้ๆเพื่อกระซิบเบาๆกับอาจู
"อยากเข้าหอเร็วๆแล้วสิ"
อาจูอยากจะหยิกทรงกลดเข้าให้ แต่จำต้องนิ่งสงบเสงี่ยม
"เริ่มพิธีกันเลยดีมั้ยครับ" อันบอก
อันยิ้มๆเริ่มเห็นว่าสองคนนี้ช่างเหมาะสมกันจริงๆ
เว่ยนำชามขนมอี๋(ขนมบัวลอยแบบจีน)มาเสิร์ฟให้ทรงกลดกับอาจูเพื่อกินเป็นสิริมงคล
ทั้งคู่คุกเข่าต่อหน้าเครื่องเซ่นไหว้ (หน้าตี่จู๋เอี้ย) ทั้งสองถือธูปสามดอกยกขึ้นไหว้คารวะเพื่อไหว้เทพยดาฟ้าดิน/ตี่จู๋เอี้ย/เทพเจ้าเตาไฟ โดยเจ้าบ่าวอยู่ขวา เจ้าสาวอยู่ซ้าย
ทรงกลดกับอาจูคุกเข่าต่อหน้าซิ่วเอ็งและเง็ก ก้มลงคำนับสามครั้งเพื่อบอกลา
ซิ่วเอ็งยิ้มเย็นอย่างดีใจที่แผนสำเร็จ เง็กยกผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาด้วยความใจหาย
อาจูเข้าใจแม่น้ำตาคลอไปด้วย
"อาม้าครับ ผมจะดูแลอาจูด้วยชีวิตของผมเอง"
"ขอบใจ"
ซิ่วเอ็งยิ้ม
"พูดอะไรไว้ ก็อย่าลืมแล้วกัน"
"ครับ ผมไม่ลืมแน่"
ทรงกลดเอื้อมมือไปกุมมืออาจูไว้แทนคำมั่น
อัน เง็กและเว่ยต่างมองไปที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวโดยไม่ทันเห็นซิ่วเอ็งที่ยิ้มอย่างแปลกๆ
ซิ่วเอ็งพึมพำ
"ดูแลด้วยชีวิต"
ทรงกลดกระชับมืออาจูไว้มั่น อาจูมองทรงกลดด้วยความอุ่นใจมากขึ้น
ต่อไปเป็นพิธีการรับเจ้าสาวไปทำพิธีแต่งงานต่อที่บ้านเจ้าบ่าว โดยครอบครัวเจ้าสาวไม่ต้องตามไป เพราะถือว่ายกลูกสาวให้ไปแล้ว ในสังคมยุคเก่าถือว่าครอบครัวฝ่ายหญิงต่ำต้อยกว่าฝ่ายชาย หลังวันแต่งงานแล้วสามวัน เจ้าบ่าวพาเจ้าสาวกลับบ้านผู้หญิงค่อยมีพิธียกน้ำชาพ่อแม่ฝ่ายเจ้าสาวทีหลัง
เว่ยถือตะเกียงที่จุดไฟไว้อยู่เดินนำหน้าออกมาหน้าบ้าน ด้วยท่าทีภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่สำคัญในวันนี้ เว่ยทำเชิดๆแล้วมองกราดไปที่บรรดาเพื่อนบ้านที่มามุงรอดูเจ้าสาว
อันเดินตามมาพร้อมด้วยทรงกลดและอาจู ฝ่ายเจ้าสาวหันกลับไปมองซิ่วเอ็งกับเง็กที่เดินตามมาส่ง
"ม้า"
อาจูเข้าไปกอดเง็กไว้แน่น
"แต่งงานแล้ว ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีล่ะ อาจู"
"ม้าดูแลตัวเองดีๆนะ"
ซิ่วเอ็งบอก
"ไปได้แล้วๆ ล่ำลาอะไรนักหนา ไปๆ ไปขึ้นรถ"
อันมองไปรอบๆอย่างรู้สึกสังหรณ์ใจบางอย่าง
สมุนแก๊งเต่ามังกร 2 คนยืนปะปนอยู่กับกลุ่มเพื่อนบ้าน รีบก้มหน้าเดินหลบออกไป
"นายน้อย รีบไปกันเถอะครับ"
"อาจู"
ทรงกลดหันไปมองอาจูที่ยังเกาะแจอยู่กับเง็ก
"ไปได้แล้ว ไป อั๊วฝากอาจูด้วยนะ"
ทรงกลดดึงอาจูออกมาจากเง็กอย่างนุ่มนวล อันกับเว่ยเดินนำออกไป ทรงกลดกับอาจูเดินตามทั้งสองคนไป เง็กมองตามอย่างอาลัยอาวรณ์ แต่ซิ่วเอ็งมองตามอย่างหมายมาดที่จะเข้าไปใกล้ตงได้มาถึงแล้ว
อาจูหันมามองเง็กอีกครั้งก่อนที่ทรงกลดจะจับมืออาจูเดินออกไป
อันขับรถออกมาจากซอยบ้านอาจู ภายในรถ อันขับรถไปโดยมีเว่ยนั่งอยู่ข้างคอยถือตะเกียงที่จุดไฟ ต้องระวังไว้ไม่ให้ดับ
ทรงกลดกับอาจูนั่งอยู่ด้านหลังของรถ เขากุมมือเธอไว้ตลอดเวลาไม่ยอมให้อาจูดึงมือออก
ทรงกลดมองอันที่มีท่าทีระแวดระวัง
"มีอะไร"
"ผมยังไม่แน่ใจ"
อันเร่งความเร็วของรถ
"เฮียขับช้าๆหน่อย"
เว่ยประคองตะเกียงอย่างระวังมากๆ เพราะตามธรรมเนียมตะเกียงต้องจุดไฟติดจนเอาไปไว้ที่ห้องหอ รถแล่นเลี้ยวออกทางซ้าย
หยกมณีเดินอย่างเร่งรีบเข้ามาถึงที่ปากซอย รถทรงกลดแล่นผ่านหน้าหยกมณีไป
"เฮียอัน"
หยกมณีจะเข้ามาเตือนอันเรื่องอิกแต่ไม่ทันเสียแล้ว ได้แต่มองตามรถไปอย่างผิดหวัง
รถเจ้าบ่าวแล่นมาตามทางแล้วต้องชะลอรถ เพราะมีรถซาเล้งผักผลไม้ล้มขวางทางอยู่
ผักผลไม้เกลื่อนกลาดเต็มถนนแต่ไม่มีคนอยู่เลย...
อันชะลอรถแล้วมองกระจกหลังสบตากับทรงกลดอย่างรู้ว่ามีเรื่องผิดปกติ
ทรงกลดสั่ง "ถอยรถ!"
อันรีบถอยรถออกมาเพื่อหาทางไปทางอื่น
เว่ยหันซ้ายหันขวามองอันกับทรงกลดไปมา
"เกิดอะไรขึ้นหรือครับ"
อันถอยรถได้ไม่ทันไร รถของแก๊งเต่ามังกรก็แล่นมาจอดขวางทางด้านหลังไว้ สมุนแก๊งทั้ง 4 คนกรูลงจากรถ ทรงกลดกับอันกระชากปืนออกมาเพื่อเตรียมพร้อม
"อยู่ข้างหลังฉันไว้นะ"
อาจูพยักหน้ารับโดยทันทีไม่มีอิดออด
ทรงกลดพยักหน้าให้อันเป็นการส่งสัญญาณ แล้วทุกอย่างก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
อันบอกกับเว่ย
"ตามมา"
ทรงกลดกับอันต่างคนต่างเปิดประตูรถออกไป ทรงกลดดึงอาจูตามไปด้วย เว่ยยังพะวักพะวงประคองตะเกียงอยู่
"ทิ้งไป" อันบอก
เว่ยจำใจวางตะเกียงทิ้งไว้ในรถแล้วรีบลงจากรถไป
ทรงกลดกับอันเริ่มสาดกระสุนอออกไปโดยที่สมุนแก๊งเต่ามังกรไม่ทันได้ตั้งตัว ทรงกลดพาอาจูวิ่งหนีออกไป อันรีบดึงตัวเว่ยวิ่งตามทรงกลดไป
กลุ่มสมุนแก๊งวิ่งไล่ยิงตามหลัง ทุกคนวิ่งซิกแซกหลบกระสุนไปมาอย่างเฉียดฉิว ทรงกลดกับอันหันไปยิงโต้ตอบเป็นระยะๆแล้วรีบพากันหนีออกไป
ทรงกลดพาอาจูวิ่งหนีเข้ามาในซอย อันพาเว่ยตามมาไม่ได้ห่าง
"นายน้อย! แยกกันหนีดีกว่" อันบอก
"ไม่ทันแล้ว!"
สมุนแก๊งเต่ามังกร 4 คนวิ่งตามมาได้ทัน
"หนีไปก่อน!" อันบอก
อันหลบเข้าที่กำบังยิงสวนใส่กลุ่มสมุนแก๊งเพื่อถ่วงเวลาไว้ ทรงกลดยังรีรออยู่
"ไปสิครับ"
ทรงกลดมองอาจูและเว่ยที่ยังต้องคอยคุ้มครองปกป้อง
"เว่ย! ตามมา"
ทรงกลดจับมืออาจูหนีออกไป โดยมีเว่ยวิ่งตามไปติดๆ อันยิงโต้ตอบกับสมุนแก๊งเต่ามังกรอย่างสนั่นหวั่นไหว
ทรงกลดพาอาจูวิ่งหนีมาตามทาง เว่ยวิ่งตามไม่หยุด อาจูคอยมองไปทางน้องชายเป็นระยะ
ทรงกลดพาอาจูจนมาถึงสุดซอยที่กลายเป็นซอยตัน
ทรงกลดหาทางออกอื่นแต่ไม่มีทางไหนไปต่อได้แล้ว เขาเห็นว่ามีประตูที่ทะลุผ่านไปอีกซอยได้
"ถอยไปก่อน"
อาจูถอยออกไป ทรงกลดถีบประตูออกไปจนเปิดออกแล้วหันมาคว้ามืออาจูเพื่อหนีต่อ
"ไปเร็ว! เว่ย"
อาจูหันไปมองอีกครั้งก็ไม่เห็นตัวเว่ยแล้ว
"เว่ย!"
อาจูมองหาเว่ยอย่างตกใจสุดขีด
อิกจับคอเสื้อเว่ยลากตัวเดินออกมาจากมุมหนึ่งพร้อมกับสมุน 2 คนที่เล็งปืนมาที่ทรงกลด
"เว่ย"
ทรงกลดมองอิกอย่างโกรธแค้น
"ปล่อยเด็กเดี๋ยวนี้"
"ทำไมต้องเชื่อแกด้วยวะ"
"ฉันบอกให้ปล่อย"
"ปล่อยง่ายๆได้ไง มันต้องมีอะไรมาแลกเปลี่ยน"
"นายแกต้องการอะไร ชีวิตฉันงั้นเหรอ! ได้"
ทรงกลดลดปืนลงแล้วขยับจะเดินไปหาอิก
"ไม่ใช่แก แต่เป็นเจ้าสาวของแก"
"ได้! ปล่อยน้องชายฉัน แล้วเอาตัวฉันไปแทน"
"อาจู"
ทรงกลดคว้าตัวอาจูไว้ไม่ทัน เพราะอาจูเดินออกไปหาอิกทันที ทรงกลดขยับจะตามไปแต่ก็ต้องชะงัก เพราะสมุน 2 คนเปลี่ยนเล็งปืนมาที่อาจู อิกยอมปล่อยมือจากเว่ยที่ยังยืนนิ่งอย่างทำอะไรไม่ถูก
อาจูสั่งเว่ย
"ไปหาคุณที ไปสิ!"
"แจ้จู"
อาจูยังคงเดินตรงไปหาอิกเรื่อยๆเพื่อเปลี่ยนตัวกับเว่ย
"แจ้บอกให้ไป"
ทรงกลดได้แต่ขบกรามแน่นที่ช่วยอะไรไม่ได้เลย อาจูก้าวเดินต่อไป เว่ยขยับเดินออกมาแล้วทั้งสองก็ค่อยๆเดินสวนทางกันไป
เว่ยจ้องมองอาจูที่เดินตรงไปหาอิกอย่างแน่วแน่ น้ำตาไหลอย่างโกรธตัวเอง
ทรงกลดขยับปืนเมื่อเว่ยเดินจะไปถึงตัว สมุนทั้งสองเริ่มไม่ระวังเมื่อเห็นอาจูไปใกล้อิกเข้าทุกทีๆ
ทรงกลดมองอิกและสมุนทั้งสองอย่างคำนวณว่าจะจัดการไหวไหม แต่อิกขยับตัวไปลากแขนอาจูมาไว้ได้เสียก่อนที่ทรงกลดจะยิงมา
"ไปรับเจ้าสาวคืนได้ที่แก๊งเต่ามังกร! และต้องไปคนเดียว"
อิกยิงปืนขึ้นฟ้าสามนัดแล้วลากตัวอาจูออกไปพร้อมสมุนทั้งสอง ทรงกลดยืนนิ่งมองอาจูถูกลากตัวไปอย่างแค้นใจ
เสียงปืนของอิกดังแหวกขึ้นกลางอากาศ อันกำลังยิงโต้ตอบกับสมุนแก๊งเต่ามังกรต้องชะงักหยุดฟังว่าเสียงปืนมาจากไหน
กลุ่มสมุนถอยออกไปทันทีที่ได้ยินเสียงปืนส่งสัญญาณจากอิก
อันมองสมุนแก๊งอย่างแปลกใจ แต่แน่ใจว่าเกิดเรื่องร้ายขึ้นแน่
รถเจ้าบ่าวยังจอดอยู่ที่เดิม ทรงกลดเอากำปั้นทุบรถอย่างระบายอารมณ์โกรธ อันยืนนิ่งและรอ
เว่ยหยิบตะเกียงที่ไฟเริ่มริบหรี่ออกมาจากรถแล้วยืนนิ่งคอตกอย่างรู้สึกผิด หยกมณีเพิ่งตามมาทัน
"อาจูล่ะคะ"
หยกมณีมองสภาพทรงกลดกับอันก็รู้ว่าเกิดเรื่องไปแล้ว
"ฝีมือแก๊งเต่ามังกรใช่มั้ยคะ หยกน่าจะมาเร็วกว่านี้"
อันหันขวับไปมองหยกมณีทันที
"รู้ได้ยังไง"
"ที่หยกไปหาเฮียก็เพราะรู้ว่าเฮียอิกมีแผนจะเล่นงานนายน้อย นี่ถ้าเฮียฟังหยกซักนิด เรื่องนี้คงไม่เกิดขึ้น"
"เฮียอันครับ"
อันไม่ฟังเว่ย
"แล้วเพิ่งมาบอกตอนนี้ มีประโยชน์อะไรงั้นเหรอ"
"เฮียจะมาโกรธหยกได้ไง ถ้าจะโกรธก็โกรธตัวเอง ที่ไม่เคยเห็นความสำคัญของคนอื่น"
"เฮียอัน! เฮียทรงกลดไปแล้ว"
อันกับหยกมณีได้ยินเสียงรถยนต์ดังกระหึ่ม พอหันไปอีกทีก็เห็นทรงกลดอยู่ในรถแล้ว
"นายน้อย!"
ทรงกลดซิ่งรถออกไปอย่างเร็ว อันได้แต่มองตามรถไป หันกลับมาเห็นหยกมณีก็ยิ่งหัวเสียยิ่งขึ้น
"กลับไปได้แล้ว ไป"
"เฮียอัน"
อันรีบเดินออกเพื่อตามทรงกลดให้ทัน หยกมณีกับเว่ยคว้างกันอยู่สองคน
ตงนิ่งโกรธเมื่อรู้ข่าวเรื่องเจ้าสาวถูกชิงตัวไประหว่างทาง เหมยลี่เดินฉับๆเข้ามาเสนอหน้า
"นายใหญ่คะ เหมยลี่ยกเลิกทุกอย่างเดี๋ยวนี้เลยนะคะ ดีนะที่เราจัดงานกันภายใน ไม่งั้นคงขายหน้ามากกว่านี้ เจ้าสาวถูกชิงตัว! เกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง"
"ลื้อไม่ต้องยุ่งเรื่องอะไรทั้งนั้น"
หมงกับปอเร่งรีบเดินเข้ามา
"ว่ายังไง"
"เป็นเรื่องจริงครับ ป๊า ผมเตือนนายน้อยแล้วว่า อย่าประมาท...นี่ผมสั่งคนของเราให้เตรียมพร้อมไว้ เราบุกแก๊งเต่ามังกรได้ทุกเมื่อ แค่ป๊าสั่งมาคำเดียว"
"แต่ผมว่านี่ไม่ใช่ทางออก.. เสี่ยเคี้ยงไม่กล้าแตะต้องเจ้าสาวของนายน้อยแน่ คงแค่ต้องการหยามศักดิ์ศรี ถ้าเราบุกแก๊งเต่ามังกร เรื่องได้อื้อฉาวไปกว่านี้" ปอบอก
"นี่ไม่ใช่แค่เรื่องศักดิ์ศรีของนายน้อย แต่เป็นเรื่องศักดิ์ศรีของแก๊งเขี้ยวสิงห์ด้วย! เราต้องบุกไปถล่มแก๊งเต่ามังกร"
"การใช้กำลังไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา ที่สำคัญตอนนี้คือ เรื่องครั้งนี้ต้องเป็นครั้งสุดท้าย เราต้องจบปัญหาของทรงกลดกับอาเคี้ยงให้ได้"
"ตอนนี้นายน้อยคงไปจบปัญหาด้วยตัวเองแล้วล่ะครับ"
ตงนิ่งคิดแก้ปัญหาระหว่างทรงกลดกับเคี้ยง
ทรงกลดเดินก้าวผ่านประตูรั้วบ้านเสี่ยเคี้ยงมาอย่างช้าๆแต่มั่นคง เขาเดินตรงเข้าไปเรื่อยๆผ่านกลุ่มสมุนแก๊งเต่ามังกรที่ยืนเตรียมพร้อมรอเป็นแถวอยู่แล้ว
สมุนแก๊งเต่ามังกรขยับตัวอย่างระแวดระวัง แต่ทรงกลดไม่สนใจเดินตรงต่อไป เขาเดินเข้าไปถึงหน้าตัวตึกของบ้าน เกือบพร้อมๆกับที่เคี้ยงเดินออกมา
เคี้ยงยืนมองทรงกลดที่หน้าเคร่งเครียดแล้วต้องยิ้มอย่างสาแก่ใจ
"ต้องการอะไร! ว่ามาเลย"
ทรงกลดประจันหน้ากับเคี้ยง
ฝ่ายซิ่วเอ็งกับเง็กกำลังเก็บโต๊ะเครื่องเซ่นไหว้จนเกือบหมดแล้ว เง็กหันไปเห็นเว่ยถือตะเกียงเดินเข้ามา
"อาเว่ย"
ซิ่วเอ็งกับเง็กมองเว่ยที่ยังถือตะเกียงอยู่อย่างตกใจ
"เกิดอะไรขึ้น" ซิ่วเอ็งถาม
"ผมขอโทษ"
"อั๊วถามว่า เกิดอะไรขึ้น"
"แจ้จูถูกจับตัวไป"
"ใคร! ใครจับตัวอาจูไป" เง็กถาม
"คนของแก๊งเต่ามังกรจับตัวแจ้จูไป เห็นว่า เป็นคำสั่งของหัวหน้าแก๊ง"
"หัวหน้าแก๊งเต่ามังกร"
"เสี่ยเคี้ยงไง ม้า หัวหน้าแก๊งเต่ามังกรชื่อ เสี่ยเคี้ยง เป็นศัตรูของเฮียทรงกลด เห็นว่ามีเรื่องกับเฮียเค้าหลายครั้งแล้ว"
เง็กพึมพำ
"เสี่ยเคี้ยง"
ซิ่วเอ็งมองเง็กอย่างรู้ว่าเคี้ยงเป็นอะไรกับเง็กมาก่อน ซิ่วเอ็งหงุดหงิดที่แผนการเริ่มมีปัญหา
"แต่ม้าไม่ต้องห่วงนะ เฮียทรงกลดไปช่วยแจ้จูแล้ว"
"ไปช่วย แล้วมีประโยชน์อะไร อาจูถูกผู้ชายฉุดไปแบบนี้ ไม่มีใครเอาเป็นสะใภ้แล้ว"
"เลว! เลวจริงๆ"
เง็กโกรธแค้นเคี้ยงที่สร้างความเสื่อมเสียให้อาจู
เลือดมังกร : สิงห์ ตอนที่ 6 (ต่อ)
ทรงกลดยังคงยืนประจันหน้าอยู่กับเคี้ยง
"ว่ายังไง เสี่ยต้องการอะไร"
เคี้ยงตบไหล่ทรงกลดอย่างอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
"ใจเย็นๆ ลื้อเป็นเจ้าบ่าวที่ใจร้อนจริงๆ"
"นี่นับว่าผมใจเย็นแล้ว ไม่งั้นเสี่ยตายไปนานแล้ว"
กลุ่มสมุนแก๊งขยับแตะปืนเป็นแถว แต่เคี้ยงยกมือขึ้นห้าม กลุ่มสมุนแก๊งถอยออกไป
"ลื้อไม่กล้าทำอะไรอั๊วหรอก ยังไงลื้อก็คงอยากได้เจ้าสาวกลับคืนไป... อาอิก!"
อิกพาตัวอาจูออกมาจากในบ้าน
"อั๊วรับรองได้เลยว่า เจ้าสาวของลื้อไม่มีอะไรบุบสลาย ที่จริงอั๊วไม่อยากทำอย่างนี้ แต่เพราะลื้อไม่ยอมหยุดเอง!"
เคี้ยงคิดว่าทรงกลดไปถล่มบ่อน โรงฝิ่น แต่ทรงกลดไม่เข้าใจและใจมุ่งมั่นอยากช่วยอาจูจนไม่สนใจฟัง
"ขอถามเป็นครั้งสุดท้าย! ต้องการอะไร"
"คุกเข่าลง! แล้วขอร้องอั๊วดีๆ แล้วอั๊วจะคืนเจ้าสาวให้"
"ไม่นะ! คุณที"
ทรงกลดนิ่งจ้องเคี้ยงเขม็ง
อันรีบเร่งเดินเข้ามาในบ้านเสี่ยเคี้ยง แล้วต้องถอยหลังออกมาช้าๆ เมื่อสมุนแก๊งเต่ามังกร 3 คนถือปืนจ่ออันให้ถอยหนีไปเรื่อยๆ
อันชักปืนออกมาแต่ไม่ทันแล้ว ถูกสมุน1ถีบเข้าให้ อันถูกสมุน 3 คนรุมจนเสียท่าและสุดท้ายถูกปืนจ่อเตรียมโดนยิงเผาขน
แต่แล้วปืน 3 กระบอกก็มาจ่อที่ด้านหลังสมุนแก๊งเต่ามังกรทั้ง 3 คนเสียก่อน
อันชะงักมองลูกน้องแก๊งเขี้ยวสิงห์ที่โผล่เข้ามาได้ทันท่วงที
อันแปลกใจที่เห็นตงกับปอมา
ทรงกลดจ้องมองเคี้ยงอย่างเคียดแค้น
"ไม่อยากได้เจ้าสาวคืนหรือไง"
เคี้ยงเดินไปรอบๆตัวทรงกลดด้วยท่าทางกวนโทสะ
"ถ้ายังคิดไม่ตก พรุ่งนี้มะรืนนี้ค่อยมาใหม่ก็ได้ ส่วนเจ้าสาวของลื้อ..ก็ให้อาอิกดูแลไปก่อน แต่จะดูแลกันยังไง อาอิกจะดูแลคนเดียวหรือให้ลูกน้องดูแลกันกี่คน อั๊วไม่รับรองล่ะทีนี้"
ทรงกลดอดรนทนไม่ไหวอีกต่อไป ดึงปืนออกมาจ่อเคี้ยง
สมุนแก๊งดาหน้าเข้ามาหาทรงกลดทันที พร้อมๆกับที่อิกเอาปืนจ่ออาจูไว้
"ทิ้งปืน! ไม่งั้นเจ้าสาวแกตาย"
ทรงกลดมองอาจูที่ตกอยู่ในอันตรายแต่เขาช่วยเหลืออะไรไม่ได้ ได้แต่ลดปืนลง
"อย่าให้เกิดเรื่องไม่เป็นมงคลในวันดีๆของลื้อเลย ทรงกลด..แค่คุกเข่าให้อั๊วแค่นี้ไม่ถึงตายหรอก แต่ถ้าไม่ทำตามที่อั๊วขอร้อง เจ้าสาวลื้อก็ตายแทน"
อิกขยับปืนเตรียมจะจ่อยิงอาจู ทำให้ทรงกลดต้องทิ้งปืนจนร่วงลงไปกับพื้น
ทรงกลดค่อยๆคุกเข่าลงอย่างหมดทางสู้แล้วเงยหน้าจ้องเคี้ยง
"แต่อั๊วว่า..แค่นี้ยังไม่พอนะ"
เคี้ยงเดินถอยไปยืนใกล้ๆกับอาจู
"คลานมากราบเท้าอั๊วตรงนี้ ! ทุกอย่างถึงจะจบ"
"คุณที"
อาจูมองทรงกลดอย่างเข้าใจและเจ็บปวดใจแทน
ทรงกลดค่อยๆขยับตัวเข้าไปหาเคี้ยงๆทั้งๆที่คุกเข่าอยู่ ออกไปสองสามก้าว
" อั๊วว่า แค่นี้ก็พอแล้วมั้ง"
ทุกคนหันไปเห็นตง ปอและอันเดินเข้ามาพร้อมลูกน้องแก๊งเขี้ยวสิงห์ ทรงกลดก้มหน้าลงต่ำที่ต้องให้ตงมาเห็นในสภาพแบบนี้ เคี้ยงตกใจที่เห็นตงมองมาอย่างเอาเรื่อง แต่ทำใจกล้าสู้หน้า
"เฮียตง! เออ..อั๊วว่า"
"อั๊วบอกว่า พอก็พอ" ตงบอกกับทรงกลด "ขอโทษเจ็กเคี้ยงซะ แล้วก็ให้เลิกแล้วกันไป ทรงกลด! ได้ยินที่อั๊วสั่งมั้ย"
ทรงกลดก้มหัวให้เคี้ยงช้าๆสามครั้งสามคราเพื่อให้จบเรื่อง
"เฮียตง..เฮียต้องเข้าใจนะว่า อั๊วจำเป็นต้องสั่งสอนลูกชายเฮีย อั๊วอาจจะเล่นงานหนักมือไปหน่อย"
"อั๊วเข้าใจ บ่อนและโรงฝิ่นของลื้อที่เสียหายไป อั๊วจะใช้คืนให้ เป็นอันจบเรื่อง"
อันหยิบปืนของทรงกลดที่หล่นอยู่บนพื้นขึ้นมาแล้วเอาไปส่งคืนให้ ทรงกลดลุกขึ้นยืนแล้วรับปืนคืนจากอัน
ตงบอกทรงกลด
"ไปรับเจ้าสาวของลื้อสิ"
ทรงกลดเดินเข้าไปหาอาจู อิกยิ้มเยาะทรงกลด อันได้แต่นิ่งแค้นที่ทำอะไรไม่ได้ ทรงกลดส่งมือให้อาจูจับไว้ อาจูมองซาบซึ้งในสิ่งที่ทรงกลดทำไป
ทรงกลดพาอาจูเดินออกไป อาจูหันมามองเคี้ยงอย่างจำหน้าไปจนวันตาย อันเดินตามทรงกลดไปพร้อมกับลูกน้องแก๊งเขี้ยวสิงห์ ทรงกลดหันมามองเคี้ยงอีกครั้งอย่างแค้นฝังลึก
หมงกับเหมยลี่เดินรี่ตรงไปหาตงกับปอที่เดินเข้ามาทันที
"นายใหญ่คะ ตกลงยกเลิกงานแต่งงานใช่มั้ยคะ"
"ไม่ยกเลิก"
ทรงกลดกับอาจูเดินเข้ามาพร้อมกับอัน เหมยลี่พิจารณาอาจูอย่างดูแคลน
"แต่ว่าผู้หญิงคนนี้แปดเปื้อนไปแล้ว นายใหญ่ยังจะรับเป็นลูกสะใภ้หรือคะ"
ทรงกลดจับมืออาจูไว้เพื่อให้อุ่นใจ
"อาปอ ไปเตรียมพิธี ไป"
"ครับ นายใหญ่"
"ทางนี้ครับ คุณจู"
ปอกับอันเดินนำอาจูไป อาจูหันมามองทรงกลดที่พยักหน้าให้กำลังใจ อาจูเดินออกไป
"ผมนึกแล้วว่า ป๊าออกโรงเองอย่างนี้ เรื่องจะต้องจบลงด้วยดี ยินดีกับนายน้อยด้วยนะครับ ที่ได้เจ้าสาวกลับคืนมา"
หมงยิ้มนอบน้อมให้ทรงกลดแต่แอบยิ้มเหยียดหยามสะใจ
"เราไปช่วยแปะปอเตรียมงานกันดีกว่าครับ คุณเหมยลี่"
"จัดพิธีแต่งงานไปก็เท่านั้น เพราะมันเสียฤกษ์ไปแล้ว แต่ก็ช่างเถอะ จัดพิธีซักหน่อย อาจจะช่วยกู้หน้าให้นายน้อยได้บ้างนะคะ"
เหมยลี่เดินลอยหน้าออกไปพร้อมกับหมง
"ไปเตรียมตัวได้แล้ว ไป"
"ป๊าครับ"
ตงกำลังเดินออกไปต้องชะงัก
"ขอบคุณครับ"
ทรงกลดขอบคุณพ่ออย่างจริงใจที่สุดที่ไปช่วย
"ไข่มุกเม็ดนี้คงมีค่าสำหรับลื้อมาก ดูแลให้ดีล่ะ"
ตงเห็นทรงกลดยอมคุกเข่าให้เคี้ยงก็รู้ว่าอาจูมีความหมายต่อทรงกลดแค่ไหน ตงเดินออกไป
เคี้ยงดื่มเหล้ารวดเร็วหมดแก้วอย่างครึกครื้น
"วันนี้มันวันดีจริงๆเว้ย"
อิกรินเหล้าให้เคี้ยงอีก
"ครับ นาย วันนี้วันดีจริงๆ"
"อั๊วไม่อยากเชื่อเลยว่ะ แค่ขู่เล่นๆแค่นี้ ก็ได้ผล ลื้อเล่นละครได้สมจริงมาก อาอิก"
อิกยิ้มเหี้ยม
"เฮ้ย อั๊วไม่ได้จะให้ลื้อฆ่าเมียไอ้ทรงกลดมันจริงๆ"
"แต่ถ้าเมียไอ้ทรงกลดตายในวันแต่งงาน มันไม่สะใจกว่าเหรอครับ นาย"
อิกหน่ายใจกับความไม่เอาจริงของเคี้ยง
"ไม่เอาๆ แค่นี้ก็มีเรื่องมากพอแล้ว แก๊งโน้นยิงกับแก๊งนี้ ฆ่ากันตายจนไม่รู้ว่า วันประชุมสมาคมฯครั้งต่อไป จะเหลือกี่แก๊ง อั๊วเอาคืนไอ้ทรงกลดแค่นี้ก็สาแก่ใจไปอีกนาน ดูซิว่า มันจะมองหน้าใครได้อีก ถูกชิงเจ้าสาววันแต่งงาน" เคี้ยงหัวเราะ "คนจีนเรียกเจ้าสาวว่า “ซิงเนี้ย”* แล้วเกิดเรื่องอย่างนี้ ใครจะเชื่อว่า เจ้าสาวคนนี้จะใหม่ๆซิงๆวะ"
เคี้ยงหัวเราะลั่นๆ
"เฮียเคี้ยง!"
เคี้ยงหันไปมองเห็นเง็กพุ่งเข้ามาหาเหมือนพายุจนสมุนแก๊งห้ามไว้ไม่ทัน
"อาเง็ก!"
"ลื้อรู้มั้ยว่า เจ้าสาวที่ลื้อพูดถึงเป็นใคร!?"
เคี้ยงอึ้งและงงที่อยู่ๆเง็กก็กลับมาปรากฏตัว
* ซิง แปลว่า ใหม่ เนี้ย แปลว่า ผู้หญิง
ทรงกลดกับอาจูกำลังคุกเข่าหน้าแท่นบูชาบรรพบุรุษที่มีโต๊ะเซ่นไหว้จัดเต็ม ทรงกลดกับอาจูก้มลงคำนับสามครั้ง อันเข้าไปรับธูปจากเจ้าบ่าวเจ้าสาวไปปักกระถาง
ปอยืนดำเนินพิธีการต่อ มีตงนั่งเป็นประธานอยู่ หมงและเหมยลี่นั่งเยื้องหลังไป
"ต่อไปก็เป็นพิธียกน้ำ"
เหมยลี่รีบขยับตัวจะไปนั่งข้างตง
"ไม่ต้อง"
ตงพูดโดยไม่ต้องหันไปมอง เหมยลี่กระแทกตัวลงนั่งตามเดิม
ทรงกลดกับอาจูคุกเข่าต่อหน้าตงแล้วยกถาดน้ำชาให้ ตงรับน้ำชามาดื่มหนึ่งถ้วยแล้วส่งซองแดงให้ทรงกลด
"เสร็จพิธีแล้วใช่มั้ย"
เหมยลี่ลุกขึ้นทันที แต่ทุกคนต้องชะงักเมื่อเคี้ยงก้าวถลันเข้ามา
"อา..อาจู..อาจู"
เคี้ยงเข้าไปมองหน้าอาจูอย่างตะลึงงัน จากท่าทางกร่างๆกลายเป็นพ่อที่เงอะงะทันที ทรงกลดกับอันถลันเข้าไปขวางทางเคี้ยงไม่ให้เข้าถึงตัวอาจู
"มาทำไม"
เคี้ยงยังมองอาจูไม่วางตาอย่างทำอะไรไม่ถูก เง็กตามเข้ามา
"ลื้อคิดจะทำอะไรของลื้อ"
เง็กเข้ามาทุบตีเคี้ยงอย่างไม่ยั้ง
"ลื้อทำร้ายอาจูยังไม่หนำใจหรือยังไง ที่อั๊วบอกความจริงลื้อ ก็เพื่อไม่ให้ลื้อมายุ่งกับอาจูอีก"
"อั๊วไม่ยุ่งได้ยังไง ในเมื่ออาจูเป็นลูกสาวอั๊ว"
"อะไรนะ"
"ลื้อเป็นลูกสาวอั๊ว..อาจู"
"ไม่จริง..ป๊าหนูชื่ออาก๊ก..ใช่มั้ย ม้า"
เง็กยืนร้องไห้ไม่กล้าตอบอะไรอาจู
"อั๊วนี่แหละ จิวก๊กเคี้ยง พ่อแท้ๆของลื้อ"
ทุกคนอึ้งตะลึงไปหมดทุกคน
"ว่ายังไงนะ" ทรงกลดว่า
"อั๊วเป็นพ่ออาจู"
ทรงกลดหันขวับมามองอาจูที่ตกใจแทบสิ้นสติไม่แพ้กัน
ในห้องนอนทรงกลด อาจูนั่งนิ่งพยายามตั้งสติให้ได้ เง็กได้แต่จับมืออาจูไว้และพร่ำขอโทษ
"ม้าขอโทษๆ ม้าขอโทษจริงๆ"
"เพราะเสี่ยเคี้ยง ม้าถึงได้เกลียดพวกแก๊งเจ้าพ่อนัก"
"ม้าตั้งใจไว้แล้วว่า จะปิดเรื่องนี้ไปตลอดชีวิต แต่ม้าก็ทำไม่ได้"
"ทำไมหนูต้องเป็นลูกสาวของผู้ชายคนนี้...ม้ารู้มั้ยว่า คุณทีเกลียดเสี่ยเคี้ยงแค่ไหน"
"อีจะไม่มายุ่งกับพวกลื้ออีก ม้าจะพูดกับอีเอง"
" ไม่มีประโยชน์หรอก ม้า ตอนนี้ทุกคนก็รู้แล้วว่าหนูเป็นลูกสาวเสี่ยเคี้ยง หัวหน้าแก๊งเต่ามังกร..แก๊งที่ทำเรื่องชั่วช้าได้ทุกเรื่อง หาความดีไม่ได้แม้แต่นิดเดียว นี่เหรอป๊าของหนู..อย่าว่าแต่คนอื่นจะรังเกียจเลย หนูยังรังเกียจสายเลือดของตัวเองเลย"
"อาจู..ม้าขอโทษ"
เง็กดึงอาจูเข้ามากอด
เคี้ยงเดินไปเดินมาพลางมองไปข้างบนอย่างร้อนใจ ตงกับปอยืนมองอย่างรับสถานการณ์ได้แล้ว
"อั๊วขอโทษจริงๆ อั๊วไม่ได้มาทำลายพิธีแต่งงานใช่มั้ย พออั๊วรู้จากอาเง็กว่า อั๊วมีลูกสาว อั๊วก็ทนรอไม่ไหว ต้องมาหาอีให้ได้" เคี้ยงพึมพำ "อั๊วมีลูกสาว อั๊วไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ"
"เรื่องมันเป็นมายังไง"
"อาเง็กเป็นเมียคนแรกของอั๊ว แต่อั๊วไม่ได้หยุดตรงแค่ที่อี อั๊วก็มีเมียสองเมียสามไปเรื่อย แต่อั๊วยกย่องอาเง็กเหนือกว่าเมียคนอื่น แต่อีก็ยังไม่ยอม อีให้อั๊วหยุดทั้งเรื่องผู้หญิงทั้งเรื่องแก๊ง เรียกว่า อีเกลียดทุกอย่างที่เป็นอั๊วนั่นแหละ อีหนีไปทั้งที่กำลังท้องลูกอั๊วอยู่ อีปิดบังไม่ให้อั๊วรู้เรื่องอาจูมายี่สิบปี ก็เพื่อที่จะแก้แค้นอั๊ว"
"เมียลื้อไม่ได้คิดแก้แค้นลื้อหรอก เพียงแต่อีอยากให้ลูกมีชีวิตมีอนาคตที่ดี" ตงบอก
"เป็นลูกสาวหัวหน้าแก๊งเต่ามังกรไม่ดีตรงไหน"
"ทุกวันนี้คนที่ยอมก้มหัวให้ลื้อเพราะเงินของลื้อเท่านั้น ลื้อมีเกียรติมีศักดิ์ศรีที่ทำให้คนก้มหัวให้อย่างเต็มใจไหมล่ะ ถ้าลื้อไม่ทำให้ลูกเมียนับถือ ลื้อไม่มีวันได้วันได้ครอบครัวกลับคืนมาแน่"
"แล้วอั๊วก็ยังสั่งคนให้ไปฉุดอาจู อั๊วตั้งใจหยามเกียรติทรงกลด แต่กลับเป็นการย่ำยีศักดิ์ศรีลูกสาวของตัวเอง"
เคี้ยงเริ่มรู้สึกผิดขึ้นเรื่อยๆ
"แต่ในเมื่อเสี่ยเคี้ยงกับคุณจูเป็นพ่อลูกกัน เรื่องที่เจ้าสาวถูกชิงตัวก็คงไม่เป็นที่ครหานินทาอีก ถือว่านายน้อยไปรับเจ้าสาวที่บ้านพ่อตา..แต่เรื่องระหว่างนายน้อยกับเสี่ยนี่สิ"
"อั๊วไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวเลย ! เฮียตง! อั๊วควรทำยังไงดี"
เง็กเดินมาจากทางห้องนอนทรงกลด
"อาจูเป็นยังไงบ้าง อั๊วอยากจะพูดกับอี"
"อาจูไม่มีวันที่จะเห็นลื้อเป็นพ่อหรอก อย่ามายุ่งกับอี ไม่งั้นอั๊วไม่เอาลื้อไว้แน่"
เง็กค้อมหัวให้ตง
"ขอบคุณในความเมตตาของท่านเจ้าสัวที่รับอาจูเป็นลูกสะใภ้..ขอบคุณจริงๆ"
เง็กรู้สึกขอบคุณตงที่รับอาจูเป็นลูกสะใภ้ทั้งที่มีเรื่องอื้อฉาว แต่เรื่องอดีตที่เหลียง พ่อของเว่ยที่ธุรกิจล้มเหลวหมดตัวจนฆ่าตัวตายเพราะตงไม่ช่วยเหลือก็ทำให้เง็กคาใจอยู่ เพราะทั้งเง็กกับซิ่วเอ็งคิดเองว่า ตงทำให้เหลียงล้มละลายหมดตัว
เง็กค้อมหัวให้อีกครั้งแล้วเดินออกไป ตงกับปอมองตาม รู้สึกเง็กแปลกๆทำท่าเหมือนรู้จักไงไม่รู้ "อาเง็กๆๆ"
เคี้ยงหมดสภาพเจ้าพ่อ ท่าทางเลิ่กลั่กๆรีบตามเง็กไป
"แก๊งเขี้ยวสิงห์มาเกี่ยวดองกับแก๊งเต่ามังกรจนได้ จากศัตรูกลับเป็นครอบครัวเดียวเสียอย่างนั้น แต่ไม่รู้ว่านายน้อยจะยอมรับได้แค่ไหนนะครับ"
"อยู่ที่มันรักอาจูหรือรักตัวเองมากกว่ากัน"
บรรยากาศบ้านทรงกลดในเวลากลางคืน อาจูนั่งอยู่ที่ริมขอบเตียงอย่างสงบเสงี่ยม เธอมองไปรอบๆห้องที่จัดแต่งเป็นห้องหออย่างสวยงามแต่ช่างเงียบเหงา ทรงกลดเดินเข้ามาเงียบๆมาหยุดอยู่ด้านหลังอาจู เขาเอื้อมมือจะไปแตะไหล่อาจูแล้วก็เปลี่ยนใจ
ทรงกลดยังทำใจรับอาจูที่เป็นลูกเคี้ยงไม่ได้
อาจูหันมาเห็นทรงกลดเข้า
"คุณที"
อาจูเดินไปหาทรงกลด ต่างคนต่างมองหน้ากันอย่างไม่รู้จะก้าวข้ามผ่านปัญหานี้ไปได้ยังไง
ทรงกลดมองอาจูที่สวยสดในชุดเจ้าสาว เขาเอื้อมมือจนเกือบแตะหน้าอาจูแล้วลดมือลง
"คืนนี้เธอนอนที่นี่ ฉันจะไปนอนที่อื่นเอง"
"ฉันเข้าใจค่ะ"
"คนอื่นจะคิดว่า เราสองคนแต่งงานกันเพราะอะไรก็ตามแต่ สำหรับฉัน..ฉันแต่งงานเพราะฉันอยากใช้ชีวิตอยู่กับเธอ แต่ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่า ฉันจะทำได้มั้ย เธอไม่ใช่อาจูคนเดิมแล้ว"
"ใช่ค่ะ ฉันไม่ใช่อาจูคนเดิมแล้ว ฉันก็เพิ่งรู้จากอาม้าว่า ชื่อเต็มๆของฉันคือ “จิวป๋อจู” ไข่มุกที่มีค่า..แต่ตอนนี้ฉันคงไร้ค่าสำหรับคุณไปแล้ว"
"อาจู"
อาจูเดินออกห่างจากทรงกลด เขายังคงคิดอะไรไม่ออกไม่รู้จะทำยังไงต่อไป
"ฉันขอเวลา..อีกหน่อย..ฉันไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน แต่ฉันก็หวังว่าจะมีวันนั้น วันที่ฉันสามารถมองเธอได้อย่างเต็มตา เชื่อได้อย่างเต็มหัวใจว่า เธอยังเป็นอาจูของฉันคนเดิม"
ทรงกลดเดินออกไป อาจูนั่งลงบนเตียงอย่างหมดแรง
หลังบ้านทรงกลด เช้าวันใหม่ ทรงกลดเล็งไปที่เป้าหมายแล้วยิงเปรี้ยงๆจนหมดกระสุน
อันเดินมาหยุดยืนอยู่ด้านหลังรออย่างใจเย็น ทรงกลดจะบรรจุกระสุนใหม่เพื่อยิงต่อ
"นายน้อยครับ"
ทรงกลดชะงักฟังอันนิดเดียวแล้วก็ยิงปืนต่อไปจนกระสุนหมดแต่ก็ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นเลย
"เป็นไงครับ ดีขึ้นมั้ย"
"ฉันควรทำไงดี"
"ก่อนหน้านี้นายน้อยไม่สนใจด้วยซ้ำว่า การแต่งงานครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะฝีมือใคร"
"มันไม่เหมือนกัน อาจูเป็นลูกของเสี่ยเคี้ยง! ฉันไม่อยากเชื่อเลย"
"แล้วสำคัญตรงไหนครับ ในเมื่อคุณจูเป็นผู้หญิงที่นายน้อยอยากอยู่ด้วยตลอดชีวิต"
ทรงกลดนิ่งคิด อันตอกไปอีกดอกด้วยคำพูดของทรงกลดเอง
"ใช้สมองให้น้อย..ใช้หัวใจคิดแทนบ้าง แล้วนายน้อยจะรู้เองว่า ควรจะทำยังไงกับเรื่องนี้"
ทรงกลดนิ่งคิด
ทรงกลดเปิดประตูเข้ามาแล้วกวาดตามองหาอาจูแล้วต้องชะงัก เธอยืนนิ่งอยู่โดยมีกระเป๋าเดินทางวางอยู่ที่พื้น
"อาจู"
"นี่เป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเราสองคน"
อาจูคว้ากระเป๋าเดินทางแล้วจะเดินออก แต่ทรงกลดคว้าแขนอาจูไว้
"ฉันบอกแล้วไงว่า ฉันขอเวลา"
"คุณไม่มีวันทำใจเรื่องนี้ได้หรอกค่ะ ฉันเป็นลูกสาวของเสี่ยเคี้ยง ไม่มีอะไรที่จะเปลี่ยนไปเป็นอื่นไปได้ ที่จริงเราสองคนก็แต่งงานกันเพราะความจำเป็นแต่แรกอยู่แล้ว ยังไงเรื่องก็ต้องจบแบบนี้"
"ฉันเต็มใจแต่งงานกับเธอ"
"ฉันขอบคุณค่ะที่คุณยอมแต่งงานเพื่อรักษาเกียรติให้ฉัน คุณทำเพื่อฉันมากพอแล้ว ฉันไปจากที่นี่จะเป็นสิ่งเดียวที่ฉันจะได้ตอบแทนคุณบ้าง ลาก่อนนะคะ คุณทีW
อาจูถือกระเป๋าเดินทางออกไปอย่างตัดสินใจเด็ดเดี่ยว
"อาจู"
ทรงกลดมองตามอาจูอย่างนึกไม่ถึง
อาจูถือกระเป๋าเดินทางเดินตรงแน่วแน่ออกไปจากตัวบ้าน ทรงกลดเดินออกมาหยุดมอง เห็นอาจูเดินไกลออกไปทุกทีๆ อันเดินเข้ามาหาทรงกลด
"คุณจูไม่ยอมให้ไปส่ง"
ทรงกลดยังคงมองอาจูนิ่งอยู่
"นายน้อยจะปล่อยให้คุณจูไปจริงๆหรือครับ"
"อาจูเค้าตัดสินใจแล้ว"
"ลองคิดดูให้ดีๆนะครับ ถ้าหากว่านายน้อยจะไม่ได้เห็นหน้าคุณจูอีก..ตลอดชีวิต..นายน้อยจะทนได้หรือเปล่าครับ"
อาจูหันมามองทรงกลดเพียงแวบเดียวแล้วเดินต่อไป
ทรงกลดพึมพำ
"ไม่ได้เห็นหน้าอีก..ตลอดชีวิต"
เขาใจหายวาบที่ต้องเสียอาจูไปตลอดชีวิต
อาจูเดินออกจากซอยบ้านทรงกลดไปสู่ถนนใหญ่ พลางคิดถึงคำพูดของทรงกลดที่ที่ขอเวลา... เธอมุ่งมั่นเดินต่อไปอย่างคนตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว
ทรงกลดนิ่งคิดหนักเรื่องอาจูอยู่ในรถ อันขับรถให้ทรงกลดอยู่ เหลือบมองทรงกลดจากกระจกรถ
"เข้าบริษัทหรือครับ"
"ขับไปเรื่อยๆ ก่อน"
ทรงกลดนิ่งคิดหาทางที่รับอาจูกลับ
อาจูถือกระเป๋าเดินทางเดินมาตามทางจนถึงหน้าบ้าน เธอหยุดยืนอยู่หน้าบ้านอย่างหวาดหวั่นว่าจะเผชิญหน้ากับทุกคนยังไง
สุดท้าย เธอตัดสินใจเดินเข้าไปในบ้านพร้อมเจอกับปัญหาที่จะเกิดขึ้น
เว่ยวิ่งเข้ามาหาอาจูที่เดินเข้าไปในบ้าน
เว่ยดีใจ
"แจ้จู! ทำไมเพิ่งมาล่ะ"
อาจูงงกับท่าทางดีใจของเว่ย เง็กเดินเข้ามาหาอาจูอย่างไม่แน่ใจนัก
อาจูรีบแก้ตัว
"ม้า..หนูขอโทษ..หนูจำเป็นจริงๆ"
"มาเก็บข้าวของที่เหลือเรอะ ไม่ต้องหรอก ม้าเก็บให้หมดแล้ว"
อาจูงง
"เก็บข้าวของอะไร"
ซิ่วเอ็งเดินยิ้มออกมา
"เก็บข้าวของไปอยู่บ้านอาทรงกลดน่ะสิ"
อาจูยืนงงไม่เข้าใจจนกระทั่งเพิ่งเห็นว่าทรงกลดกับอันอยู่ในบ้านอยู่แล้ว อาจูมองไปรอบๆบ้านเห็นกระเป๋าเดินทางพร้อมกล่องข้าวของเตรียมพร้อมย้ายบ้าน
"คุณที"
"ฉันมารับครอบครัวของเธอไปอยู่ด้วย"
"เราตกลงกันแล้วนะคะ คุณที"
"ฉันไม่ได้ตกลงอะไรกับเธอด้วย เธอคิดเองเออเองคนเดียว"
อันยิ้ม
"นายน้อยรู้ว่า คุณจูเป็นห่วงครอบครัว ย้ายไปอยู่ด้วยกันอย่างนี้ คุณจูจะได้สบายใจไงครับ"
"ไป กลับบ้านเรากัน"
"ฉันไม่กลับ ม้า..หนูจะย้ายกลับมาอยู่บ้าน"
ซิ่วเอ็งขัดทันที
"ไม่ได้! ลื้อแต่งงานแล้ว ลื้อก็ต้องอยู่บ้านผัวลื้อ"
ซิ่วเอ็งบีบต้นแขนอาจูไว้แน่นและจ้องหน้าอาจูอย่างเอาเรื่อง พร้อมสั่งเสียงเข้ม
"กลับไปกับอาทรงกลด และเราทุกคนจะย้ายไปอยู่กับลื้อด้วย ตอนนี้ลื้อเป็นเมียอาทรงกลดแล้ว ลื้อต้องเชื่อฟังอี เข้าใจมั้ย"
ทรงกลดยิ้ม
"ชัดเจนแล้วใช่มั้ย อาจู"
ทรงกลดดึงกระเป๋าเดินทางจากอาจูมาถือไว้
ทรงกลดบอกกับอั
"ฉันจะพาอาจูกลับบ้านเอง แกช่วยจัดการทางนี้ให้เรียบร้อย แล้วค่อยไปหาหยกก็แล้วกัน"
"ผม..ผมไม่ได้นัดกับหยกไว้"
ทรงกลดจัดการเรื่องอาจูได้แล้วก็ช่วยจัดการเรื่องอันกับหยกมณีไปด้วยเสียเลย อยากให้อันมีโอกาสพบหยกมณีบ้างเมื่อมีเวลา
"ไม่ได้นัดก็ไปเจอได้นี่ ... ไป กลับบ้านของเรากัน"
ทรงกลดดึงแขนอาจูไปโดยไม่ยอมให้โอกาสอาจูได้คัดค้านอีก อันยกกระเป๋าที่เหลือตามไป
"ไปเร็ว ม้า ผมอยากเห็นบ้านแก๊งเขี้ยวสิงห์แล้ว"
เว่ยดึงเง็กออกไป ซิ่วเอ็งยิ้มอย่างพอใจมาก
จบตอนที่ 6