xs
xsm
sm
md
lg

เลือดมังกร : สิงห์ ตอนที่ 4

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เลือดมังกร : สิงห์ ตอนที่ 4

หยกมณีเดินเข้ามาในร้านฉั่วเทียนเหลา พนักงานต้อนรับ 2 คนที่ยืนอยู่บริเวณทางเข้า หันไปมองเธออย่างแปลกใจ
 
"วันนี้แจ้ลาหยุดไม่ใช่เหรอ" พนักงาน 1 บอก
"ฉันเปลี่ยนใจแล้ว"
หยกมณีกวาดตามองไปรอบๆร้านเพื่อหาว่ามีใครแปลกหน้ามาบ้างหรือเปล่า
พนักงาน 2 ถาม "มองหาใครเหรอ แจ้หยก"
"ดูว่ามีลูกค้าขาประจำมาหรือเปล่า มีแต่ลูกค้าหน้าใหม่เนอะ"
"หน้าแปลกๆด้วย นั่นมากันอีกแล้ว"
นักเลง 2 คนเดินเข้ามาด้วยท่าทางคึกคะนอง พนักงาน 2 ปราดเข้าไปต้อนรับ
"จองโต๊ะไว้หรือเปล่าครับ"
นักเลง1บอก
"เราจ้องห้องพิเศษไว้ ไอ้น้อง"
พนง.2บอก
"ทางนี้เลยครับ"
พนง.2 เดินนำนักเลงทั้งสองคนเดินไป
"เป็นพวกแก๊งไหน" หยกมณีถาม
พนักงาน 1 บอก
"ไม่ใช่คนที่นี่ หน้าตาซิงตึ๊ง(บ้านนอก)อย่างนี้ ไม่น่ามีเงินมากินอาหารเหลาได้เลย"
หยกมณีมองตามนักเลงอย่างวิเคราะห์

เหมยลี่มองจากหน้าต่างในบ้านออกไปทางหน้าตัวบ้าน เห็นลูกน้องแก๊งขี้ยวสิงห์ 4-5 คนยืนหน้าเคร่งเครียดรวมกันเพื่อเตรียมตัวรอฟังคำสั่ง เธอผละออกจากหน้าต่าง เดินกลับมาหาหมงที่นั่งลุ้นอย่างแอบตื่นกลัว
"นี่มันมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า หมง ทำไมนายใหญ่ถึงไม่ให้เธอไปด้วย"
"ไม่มีอะไรหรอกน่า"
หมงหวั่นใจอยู่เหมือนกันแต่ยังทำปากเก่ง เหมยลี่ร้อนรนนั่งไม่ติดด้วยความกลัวว่าแผนจะพลาด
"แต่เธอเป็นทายาทของแก๊งเขี้ยวสิงห์นะ ทำไมนายใหญ่ถึงไม่สั่งให้เธอทำอะไรเลย หรือว่านายใหญ่ไม่ไว้วางใจเธอ นี่เธอทำอะไรให้นายใหญ่สงสัยหรือเปล่า แผนการครั้งนี้จะต้องสำเร็จใช่มั้ย หมง ลูกน้องของเธอไว้ใจได้แค่ไหน ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น พวกมันจะไม่ซัดทอดถึงเราใช่มั้ย"
"หยุดพูดได้แล้ว! แผนจะแตกก็เพราะความปากมากของเธอนี่แหละ"
"ก็ฉันกลัวนี่...ลูกน้องของเธอไม่ส่งข่าวมาเลย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น"
"ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามแผน ไม่ว่าใครก็ช่วยไอ้ทรงกลดไม่ได้ ยังไงวันนี้มันก็ต้องตาย"
หมงมุ่งมั่นตอกย้ำเพื่อให้ความมั่นใจกับตัวเอง

หยกมณียืนรออยู่ที่บันไดชั้นบน อันเดินเร็วๆขึ้นบันไดมา ตรงเข้ามาหาหยกมณี
"ห้องนี้ เฮีย"
หยกมณีเดินนำอันมาที่หน้าห้องวีไอพีพร้อมกับบอกข้อมูลเพิ่มเติม
"ไอ้พวกนี้เป็นพวกนักเลงข้างถนนไม่ได้อยู่แก๊งไหน แต่ไอ้คนที่สั่งเปิดห้องพิเศษ เห็นว่ามันไปรับงานใหญ่มา ได้เงินมาเป็นพัน หยกหลอกถามยังไง มันก็ไม่ยอมบอกว่าไปทำอะไรมา บอกแต่ว่า พรุ่งนี้มีข่าวใหญ่แน่"
อันผลักประตูเข้าไปในห้อง หยกมณีรีบตามไปติดๆ
นักเลง 4-5 คนกำลังชนแก้วอย่างครื้นเครง
นักเลง1 บอก
"เอ้า! หมดแก้วๆ วันนี้เลี้ยงไม่อั้น"
กลุ่มนักเลงชะงักค้างทันทีเมื่อเห็นอันเปิดประตูผลัวะเข้ามา
"เฮียค่อยๆถามนะ อย่าใช้กำลัง"
หยกมณีพูดไม่ทันจบประโยค อันก็พุ่งเข้าไปจับคอเสื้อนักเลง1แล้วกระชากมาอัดข้างฝาทันที
"ไปได้เงินมาจากใคร"
นักเลง1ถาม
"เกี่ยวอะไรกับมึง"
เสียงสับไกปืนดังกริ๊ก นักเลง1 ค่อยเหลือบตามองลงที่ท้องตัวเอง อันจ่อปืนอยู่ที่ท้องของนักเลง1, นิ้วของอันเตรียมเหนี่ยวไกปืนได้ทุกเมื่อ
"ทีนี้ตอบได้หรือยัง"
"ผม ผมไม่รู้จริงๆ ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะ แค่ไปชี้ตัว"
"ชี้ตัว ชี้ตัวใคร"
นักเลง1 จ้องหน้าอันอย่างเพิ่งจำหน้าได้ว่าเป็นมือขวาของทรงกลด
"เฮีย..เฮียอัน..เฮียอันแก๊งเขี้ยวสิงห์"
"ชี้ตัวใคร"
นักเลง1ปากสั่นบอก
"ชี้ตัวนายน้อยของแก๊งเขี้ยวสิงห์"
อันค่อยๆปล่อยมือจากนักเลง1 ที่เข่าอ่อนจนต้องทรุดตัวพร้อมยกมือขึ้นไหว้ท่วมหัวอย่างกลัวเกรง
"เฮียอย่าทำอะไรผมเลยนะ"
"มึงไปชี้ตัวให้ใคร"
"ผมไม่รู้จริงๆครับ ผมชี้ตัวให้พวกมันรู้ว่า นายน้อยคนไหน แล้วผมก็ไปรับเงินที่หลังศาลเจ้า นอกนั้นผมไม่รู้เรื่องอะไรเลย ผมสาบานได้"
"รับเงินที่ศาลเจ้า...ไอ้อิก"

อันมั่นใจว่าเป็นฝีมือของอิกแน่นอน

ตงเทน้ำร้อนลวกป้านน้ำชาอย่างใจเย็น แล้วรินน้ำชาใส่ถ้วยน้ำชาสองใบ ส่งให้เคี้ยงที่รับไปจิบอย่างไม่เต็มใจ
 
ตงจิบน้ำชาอย่างนิ่งสงบ ขณะที่เคี้ยงอารมณ์ปะทุเดือดอยู่ข้างในแต่ทำอะไรไม่ได้
ตงกับเคี้ยงต่างมองปอที่กำลังสอบถามอิกเพื่อหาเบาะแสตามหาทรงกลด
"ผมไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น" อิกบอก
"ลื้อไปจ้างคนที่ไหนมาช่วยขนอะไหล่เถื่อน"ปอถาม
"เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรด้วย"
เคี้ยงผุดลุกขึ้นยืนทันที
"นั่นสิ! ถามเรื่องนี้ทำไม!"
"ก็ถ้าไอ้พวกที่จับตัวทรงกลดไปไม่ใช่ฝีมือของคนแก๊งสมาคมของเรา ก็เป็นต้องฝีมือของคนนอก แล้วจะมีใครรู้เรื่องนี้ดีไปกว่าพวกลื้อล่ะ"
"ผมก็จ้างพวกจับกังแถวท่าน้ำมาช่วยงานบ้างบางครั้งบางคราว ผมมีงานต้องรีบไปทำ ถ้าอยากรู้อะไร ก็ถามลูกน้องผมแล้วกัน"
อิกรวบรัดตัดความแล้วรีบจะเดินออกไป แต่ปอยืนขวางทางไว้ถามนิ่มๆ
" านที่ไปทำน่ะ มันงานอะไร ถึงได้รีบร้อนนัก"
"งานของแก๊งเต่ามังกร"
อิกจ้องหน้าปออย่างไม่เกรงใจ ปอถอยห่างออก อิกผลุนผลันออกไปทันที
เคี้ยงบอก
"เอ้าๆ จะถามอะไรก็รีบถาม จะได้จบๆซะที"
เคี้ยงหันมามองตงอย่างไม่พอใจ แต่ไม่กล้าหือนัก
"นี่เห็นแก่เฮียหรอกนะ ถ้าเป็นคนอื่น อั๊วไม่ยอมให้มาซักเหมือนอั๊วเป็นจำเลยอย่างนี้หรอก!"
"อั๊วก็เห็นแก่ลื้อเหมือนกัน อาเคี้ยง ถ้าเป็นคนอื่น อั๊วยิงแล้วค่อยถาม"
ตงเชือดนิ่มๆเข้าให้จนเคี้ยงต้องถอยกลับไปนั่งจิบน้ำชาตามเดิม ตงนิ่งขรึม

อิกเดินออกมาพร้อมกับสมุน 2 คนที่หน้าบ้านเสี่ยเคี้ยง
"ไม่ต้องตามมา" อิกบอก
สมุนแก๊ง1ถาม
"เฮียจะไปไหน"
"ไปโรงฝิ่น"
สมุนแก๊ง2 อยากยาขึ้นมาทันที
" งั้นขอไปด้วยนะ เฮีย"
อิกดุ
"บอกว่าไม่ต้องตาม!"
สมุนแก๊งชะงัก ไม่กล้าตอแยเมื่อเห็นอิกทำหน้าเข้มแล้วเดินผละออกไป อิกเดินเร็วๆจนเมื่อพ้นสายตาของสมุนแก๊งก็เลี้ยวไปอีกทางทันที
อันเดินออกมาจากมุมที่ซ่อนตัวอยู่ อิกหันมองหน้ามองหลังอย่างระวังตัว อันหลบวูบได้โดยอิกไม่ทันเห็น อิกรีบเดินต่อไปอย่างเร่งรีบ อันตามอิกไปอย่างระมัดระวังตัว

ทรงกลดเดินสำรวจไปรอบๆแต่ไม่มีทางที่จะหนีรอดได้เลย เขาหันกลับมามองอาจูที่พยายามจะแกะเชือกที่ผูกมือออกอย่างทุลักทุเล เขาเดินกลับไปหาอาจูที่กระโดดเหยงๆ บิดตัวไปมาทำทุกวิถีทางที่จะแกะเชือกออกให้ได้
"อยู่นิ่งๆ! หันหลังมา"
"ฉันกำลังจะแกะออกแล้ว"
ทรงกลดรู้ทัน
"ยิ่งแกะยิ่งแน่นใช่มั้ยล่ะ บอกให้หันหลังมา"
อาจูยอมหันหลังให้ ทรงกลดขยับหันหลังชนกับหลังอาจู
อาจูยังคงขยุกขยิกพยายามจะบิดข้อมือให้หลุดออกจากเชือก
"อาจู"
ทรงกลดจับมือเธอไว้แน่นไม่ให้ขยุกขยิกได้อีก เขาค่อยๆแตะๆค่อยๆแกะเชือกที่มัดข้อมืออาจู เธอขยับตัวไปมาอย่างร้อนใจที่เขาแกะเชือกได้ช้าเหลือเกิน
"เร็วๆสิคะ คุณที"
"เธอก็อยู่นิ่งๆสิ"
"ฉันนึกออกแล้ว"
อาจูหันหน้ากลับมาอย่างเร็วจนหัวโขกเข้ากับคางของทรงกลดอย่างจัง
ทรงกลดเจ็บ
"โอ๊ย! ฉันจะตายเพราะเธอก่อนล่ะมั้งเนี่ย"
อาจูยิ้มอย่างเหนือกว่า
"คุณจำนิทานอีสปเรื่องราชสีห์กับหนูได้มั้ย"
"ฉันว่าเธอเป็นยัยเต่ามากกว่าเป็นหนูนะ อย่างเธอจะช่วยอะไรฉันได้"
"ฉันมีมีดอยู่ในกระเป๋า มีดที่คุณให้ฉันมาไงคะ"
อาจูเอี้ยวตัวโชว์กระเป๋ากางเกงด้านหลังให้ทรงกลดดู
"คราวนี้ยัยเต่าอย่างฉันได้ช่วยราชสีห์แล้ว! เร็วสิคะ คุณที"
ทรงกลดรีบดึงมีดพกออกจากกระเป๋ากางเกงของอาจูออกมา
"โชคดีจริงๆที่พวกมันไม่ได้ค้นตัวฉัน"
เสียงสมุนอิก2 ดังเข้ามา "กูบอกว่าไม่รอ ก็ไม่รอสิวะ"
สมุนอิก1 บอก "แต่พี่อิกบอกให้รอนะเว้ย"
ทรงกลดกับอาจูมองหน้ากันเมื่อได้ยินเสียงสมุนอิก1และ2กำลังจะกลับเข้ามา ทรงกลดรีบขยับหันหลังชนกับอาจูเพื่อที่จะตัดเชือกให้อาจูก่อน
"ไม่ทันแล้วล่ะ เอาอย่างนี้ฉันจะไปเบี่ยงเบนความสนใจพวกมันเอง"
"ไม่ได้"
"เถอะน่า เชื่อมือฉันสิ คุณช่วยแกะผมให้ฉันหน่อย"
อาจูหันหลังแล้วเขย่งตัวขึ้นสูงและเอาหัวไปชนกับคางทรงกลด แต่ทรงกลดยังยืนงงอยู่
"ช่วยดึงปิ่นออกหน่อย"
"แล้วจะให้ฉันดึงยังไง"
ทรงกลดค่อยนึกออกแล้วก้มลงจะใช้ปากดึงปิ่นออกจากมวยผมให้แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเอาจมูกแตะที่ผมของอาจูอย่างนุ่มนวล
 
เขาแอบหอมที่ผมยุ่งของอาจูเบาๆ ก่อนที่จะใช้ปากงับปิ่นแล้วดึงออกอย่างเร็ว

อาจูสะบัดผมตัวเองไปมาให้เข้าที่แล้วเดินไปขวางทางสมุนอิกทั้งสองไว้ได้ทัน
 
อาจูยิ้มหวาน
"เฮียคะ ฉันหิวน้ำค่ะ ขอน้ำกินหน่อยได้มั้ย"
สมุนอิก2 บอก
"เดี๋ยวก็ได้ไปนอนก้นทะเลแล้ว ไปกินเอาตอนนั้นก็แล้วกัน"
"เฮียจะฆ่าฉันจริงๆเหรอคะ ฉันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับแก๊งเขี้ยวสิงห์เลย เฮีย ปล่อยฉันไปเถอะนะ แล้วฉันจะไม่บอกใครเรื่องนี้เลย ฉันสาบานก็ได้!"
สมุนอิก2 บอก"กลับเข้าไป! ไป"
สมุนอิก 2 คว้าแขนอาจูเพื่อจะลากเข้าไปข้างใน แต่อาจูขืนตัวไว้เต็มที่
ทรงกลดยังคงพยายามตัดเชือกอยู่แต่เชือกยังไม่ขาด
อาจูยังคงออดอ้อน
"เฮีย..เฮียฆ่าผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างฉันได้ลงคอเชียวเหรอ"
สมุนอิก1ยิ้มหื่น
"นั่นสิ..ฆ่าทิ้ง ก็น่าเสียดาย"
สมุนอิก2 บอก
"เฮ้ย! อย่า! กูไม่อยากเสียเวลา"
"เสียเวลาซักเท่าไหร่เชียววะ! เดี๋ยวกูเสร็จธุระของกูแล้ว กูจัดการนังนี่เอง"
สมุนอิก 1 กระชากตัวอาจูมาแล้วลากตัวออกไป
อาจูตกใจสุดๆ
"คุณที"
ทรงกลดมองอาจูอย่างตกใจ ขยับจะไปหาอาจูแต่สมุนอิก 2 ก้าวมาขวางหน้าไว้
"คุณที! ปล่อยฉัน! ปล่อย"
ก่อนที่สมุนอิก1 ลากอาจูออกพ้นไปจากห้อง อาจูหันกลับมามองทรงกลดอย่างตื่นกลัว อาจูต้องตื่นตกใจยิ่งขึ้นเมื่อเห็นสมุนอิก2 ชักปืนออกมาเตรียมจ่อยิงทรงกลดอย่างเลือดเย็น
"คุณที"
ทรงกลดยืนจ้องสมุนอิก2 ที่เตรียมเหนี่ยวไกปืนอย่างไม่สะทกสะท้าน

สมุนอิก1 ลากอาจูมาอีกห้องแล้วเหวี่ยงอาจูลงไปที่พื้น อาจูกระเสือกกระสนลุกขึ้นแล้วรีบถอยร่นไปจนหลังชนข้างฝา สมุนอิกตรงรี่เข้ามากระชากตัวอาจูแต่อาจูเบี่ยงตัวหนี แต่สมุนคว้าได้แต่แขนเสื้อของอาจูจนแขนเสื้อฉีกขาดดังแควกตรงส่วนไหล่ เธอวิ่งหนีไปอีกมุม แต่สมุนอิกรีบไปคว้าตัวมาไว้ได้ทัน แล้วจับอาจูกดลงให้นอนลง ดิ้นรนไปมาแต่ดิ้นไม่หลุด

ทรงกลดยืนนิ่งและจ้องมองจนสมุนอิก2 เริ่มจะหวั่นนิดๆ
"ปืนที่แกถืออยู่น่ะ ปืนฉัน"
"แล้วไง"
"ก็ไม่แล้วไงหรอก"
ในทันที ทรงกลดพุ่งตัวเข้าใส่ก่อนที่สมุนจะได้ทันเหนี่ยวไกปืน ทั้งสองซัดกันนัวจนปืนในมือสมุนอิกหลุดกระเด็นออกไป สมุนตาลีตาเหลือกจะไปหยิบปืนมาแต่ถูกทรงกลดดึงตัวไว้
ทรงกลดซัดทั้งหมัดและเท้าจนสมุนอิกลงไปกองที่พื้น
ทรงกลดขยับเสื้อปัดฝุ่นออกจากตัวเล็กน้อยแล้วเดินไปหยิบปืนของตัวเองที่ถูกยึดไปก่อนหน้าเขาถือปืนแล้วมายืนค้ำหัวสมุนอิกที่นอนแผ่อยู่บนพื้นแต่ยังมีสติเลือนราง
"ปืนของฉัน!..ฉันก็ต้องเอาคืน"
สมุนอิกโงนเงนพยายามลุกขึ้นอีก ทรงกลดถีบซ้ำจนสมุนอิหงายหลังสลบเหมือด
"อาจู"
ทรงกลดนึกถึงอาจูที่ตกอยู่ในอันตรายได้

อาจูดิ้นรนอย่างเต็มแรง สมุนอิกทำอะไรไม่ได้มากกว่าพยายามจับอาจูให้หยุดดิ้น
"อย่าทำอะไรฉันเลย ฉันขอร้อง!"
"ถ้ายอมตามใจเฮีย เฮียอาจปล่อยน้องไปก็ได้"
อาจูหยุดดิ้น
"ฉันยอมเฮียแล้ว! ฉันยอมแล้ว"
สมุนอิกชะงักอย่างแปลกใจ อาจูได้โอกาสรีบกลิ้งตัวออกมาแล้วรีบลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล
"แต่เฮียต้องแก้มัดฉันก่อน เฮียจะทำธุระกับฉัน ทั้งๆที่ฉันอยู่ในสภาพแบบนี้ มันไม่ทุเรศไปหน่อยเหรอ"
สมุนอิกลังเลไม่แน่ใจ
"กลัวหัวหน้าเฮียจะว่าหรือไง"
"ใครหัวหน้า ฉันต่างหากเป็นหัวหน้ามัน"
อาจูหลอกล่อ
"แต่ฉันเห็นเค้าสั่งเฮียตลอดเลยนะ เฮียกลัวหัวหน้าก็ไม่เป็นไร เอ้า อยากทำอะไรก็ทำเลย"
อาจูจ้องสมุนอิกอย่างลุ้นใจระทึก สมุนตรงเข้าไปหาเธอ
อาจูเก็บงำความขยะแขยงไว้ รู้สึกเหมือนจะตายที่กำลังจะตกนรกทั้งเป็น สมุนอิกกระชากตัวอาจูให้หันหลังแล้วแก้เชือกที่มัดมือออกอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่มือทั้งสองเป็นอิสระ, อาจูก็ใช้แรงทั้งหมดชกเปรี้ยงเข้าที่หน้าสมุนจนผงะเล็กน้อยแค่เจ็บๆคันๆ, แต่อาจูสะบัดมือเร่าๆด้วยความเจ็บ
"เล่นผิดคนแล้ว น้อง"
สมุนอิกเริ่มโกรธที่โดนหลอกตรงรี่เข้าไปหาอาจู เธอคว้าอะไรได้ใกล้มือก็ขว้างใส่สมุนไปก่อน ฝ่ายสมุนยิ่งฮึดฮัดโมโหพุ่งไปคว้าตัวอาจูไว้ได้แล้วเหวี่ยงลงไปกองที่พื้น
สมุนอิกโผจะเข้าไปจัดการกับอาจู แต่ทรงกลดคว้าคอเสื้อไว้ได้ก่อน สมุนอิกคิดไม่ถึง ทรงกลดชกเปรี้ยงเข้าที่หน้าทันที จนสมุนมึนตึ๊บที่โดนเล่นงานอย่างไม่รู้ตัว เมื่อตั้งสติได้แล้วพุ่งเข้ามาเล่นงานทรงกลดทันที
แต่ทรงกลดชักปืนมาเล็งไปที่สมุนอิกอย่างรวดเร็วฉับไว
"ไว้ชีวิตผมเถอะครับ"
"ฉันไม่เคยฆ่าใคร แต่แกจะเป็นคนแรก! แกกล้าแตะต้องผู้หญิงของฉัน!"
"อย่าฆ่าผมเลย! ผมยังไม่อยากตาย"
ทรงกลดสับไกปืนเตรียมที่จะยิงเผาขนด้วยความโกรธ
อาจูรีบมาแตะแขนทรงกลดไว้เป็นการห้าม

"อย่าค่ะ! ฉันไม่อยากให้คุณทำบาป เรารีบหนีกันดีกว่า! ไปสิคะ คุณที"

ทรงกลดจ้องหน้าสมุนอิอย่างนิ่งคิดแล้วลดปืนลง สมุนถอนใจอย่างโล่งอก
 
เขายกปืนขึ้นอีกครั้งแล้วฟาดปืนเข้าที่หน้าสมุนอย่างแรงจนอีกฝ่ายร่วงผล็อยลงไปกับพื้น
ทรงกลดค้นตัวสมุนอิกที่สลบเหมือดไปแล้ว จนได้ปืนกระบอกเล็กของเขา
" ไม่เป็นไรใช่มั้ย"
ทรงกลดหันไปมองอาจูอย่างเป็นห่วงและเจ็บใจมากที่ทำให้อาจูต้องโดนลวนลาม
อาจูยืนยันเข้มแข็ง
"ฉันไม่เป็นไร"
ทรงกลดดึงมืออาจูมาจับไว้แน่นแทนความรู้สึกเสียใจ อาจูใช้มือทั้งสองกุมมือทรงกลดไว้
"ไม่ใช่ความผิดของคุณ...ฉันไม่เป็นไรจริงๆ"
ทรงกลดดึงอาจูเข้ามาใกล้ อาจูขืนตัวไว้นึกว่าทรงกลดจะดึงเข้าไปกอด แต่ทรงกลดเอาปืนกระบอกเล็กยัดใส่มืออาจูซะงั้น
"เอาไว้ป้องกันตัว"
อาจูหน้าเหวอที่ผิดคาด ทรงกลดจับมืออาจูไว้แน่นแล้วดึงตัวอาจูออกไป

ทรงกลดรีบพาอาจูออกมาจากบังกะโล สมุนอิก3และสมุนอิก4 ที่เดินมาจากทางชายหาดหลังจากที่ไปเตรียมเรือเพื่อเอาศพไปถ่วงน้ำ หันเห็นเข้าพอดี
สมุนอิก3 ร้อง "เฮ้ย"
ทรงกลดรีบดึงอาจูออกวิ่งเข้าไปทางด้านหลังบังกะโลที่เป็นป่ารกชัฏ สมุนสาดกระสุนตามหลังทั้งคู่ดังเปรี้ยงปร้างๆ
ทรงกลดพาอาจูวิ่งหลบหลังต้นไม้จนหาจุดกำบังตัวได้เหมาะ
ทรงกลดยิงกระสุนสวนออกไปบ้าง สมุนทั้งสองแยกตัวหลบกันไปคนละทาง อาจูเงอะงะๆพยายามจะยิงบ้างแต่ยังใช้ปืนไม่เป็น
ทรงกลดดึงอาจูวิ่งออกไปเมื่อได้จังหวะช่วงหยุดยิงชั่วอึดใจ
สมุนอิก3 โผล่ออกมายิงเข้าที่ต้นแขนซ้ายของทรงกลดแต่โดนแค่ถากๆ
"คุณที"
ทรงกลดชะงักแค่แวบเดียวแล้วรีบพาอาจูวิ่งๆออกไปไม่หยุด
สมุนอิกจะวิ่งตามไปแต่กระสุนแหวกอากาศเปรี้ยงเข้าที่ใดที่หนึ่งใกล้สมุนทั้งสองคนมาก
สมุนอิก4 ถาม "ใครวะ!"
สมุนอิกทั้งสองมองหน้ากันเลิ่กลั่กๆไม่รู้ที่มาของกระสุนปริศนา
อิกโผล่พรวดมาจากด้านหลัง
"เฮ้ย! เกิดอะไรขึ้น"
สมุนทั้งสองมองอิกอย่างเกรงกลัวจนลืมเรื่องกระสุนปริศนาไปเลย อิกเครียดจัด

ทรงกลดพาอาจูวิ่งหนีเข้าไปเรื่อยๆในป่า อาจูดึงมือให้ทรงกลดหยุดวิ่ง
"หยุดก่อนค่ะ เลือดคุณไหลไม่หยุดเลย"
ทรงกลดมองที่ต้นแขนซ้ายตัวเองที่มีเลือดไหลเป็นทาง
"ไม่ต้อง!"
อาจูสั่งกลับบ้าง
"อยู่นิ่งๆ"
อาจูดึงผ้าเช็ดหน้าของตัวเองออกมาแล้ว เอามาพันต้นแขนซ้ายของทรงกลดแล้วมัดแน่นเพื่อห้ามเลือด
ทรงกลดมองไปที่พื้นเห็นเลือดของตัวเองหยดเป็นทาง
ทรงกลดใช้เท้าเกลี่ยใบไม้และฝุ่นที่พื้นเพื่อกลบรอยเลือดเท่าที่ทำได้
"ไปกันได้แล้ว ไป"
"พวกมันตามมาไม่ทันแล้ว เราหนีรอดแน่ๆ"
ทรงกลดไม่ตอบแต่มองทางเดินที่มีเลือดหยดเป็นร่องรอยให้พวกอิกตามมาโดยง่าย
"ไปกันต่อ ไป"
ทรงกลดไม่พูดอะไรเพราะไม่ต้องการให้อาจูไม่สบายใจ
ทรงกลดเดินนำอาจูออกไปแล้วต้องหันมามองอาจูที่กำลังข้ามขอนไม้อย่างคนไม่ถนัดในการเดินป่า ทรงกลดจับมืออาจูให้เดินไปด้วยกัน
"เร็วๆหน่อย ยัยเต่า"
ทรงกลดจับมืออาจูเพื่อพาเดินออกไป

อิกเดินนำหน้ามาอย่างฉุนเฉียว สมุน 1และ2 ตามมาสมทบด้วย ทั้งคู่ต่างมีบาดแผลฟกช้ำดำเขียว รวมเป็นสมุนทั้ง 4 คนกลุ่มลักพาตัว มาช่วยกันตามไล่ล่าทรงกลด สมุนเหล่านี้ไม่ใช่สมุนแก๊งเต่ามังกร เป็นนักเลงต่างถิ่นที่อิกจ้างมาใช้งานส่วนตัว เปลี่ยนงานก็จ้างคนใหม่
"ปล่อยให้หนีไปได้ไงวะ"
อิกกวาดตามองสมุนทั้งสี่อย่างโกรธจัด
"ถ้าตามจับมันกลับมาไม่ได้ล่ะก็ พวกมึงตาย"
สมุน 2 บอก
"นายก็ไม่บอกก่อนนี่ว่า มันเป็นนายน้อยเขี้ยวสิงห์ ผมจะได้เอาคนมาเยอะกว่านี้"
"แล้วทำไมกูต้องบอก! พวกมึงมีหน้าที่ทำตามที่กูสั่งเท่านั้น"
สมุนอิก1บอก
"มันผิดแผนตั้งแต่จับตัวผู้หญิงของมันมาด้วยแล้วล่ะครับ นาย"
"จับตัวผู้หญิงของมันมาด้วย..งั้นมันหนีไปไม่ไกลแน่ แยกย้ายกันไปตามหา"
สมุน 3และ4 เดินแยกออกไป อิกเดินนำสมุนอิก1และ2 ไปอีกทาง
อิกชะงักเมื่อเห็นหยดเลือดที่พื้นแล้วก้าวเดินต่อไปอีกก็เจอหยดเลือดที่พื้นอีกหนึ่งจุด
อิกยิ้ม
"มึงไม่รอดแน่ ไอ้ทรงกลด"

อิกเดินพรวดๆนำหน้าไป มีสมุนอิกทั้งสองตามหลังไปติดๆ

หมายเหตุ - แก๊งในฝ่ายอธรรมจะใช้คำว่า “สมุน” ขณะที่แก๊งธรรมะจะใช้คำว่า “ลูกน้อง”

เลือดมังกร : สิงห์ ตอนที่ 4 (ต่อ)

ทรงกลดพาอาจูวิ่งหนีต่อไปโดยไม่มีการหยุดพัก อาจูเริ่มเหนื่อยหอบจนหายใจไม่ทันต้องอ้าปากหายใจทางปาก
 
"คุณ คุณที"
ทรงกลดหยุดเดินแล้วหันกลับมามองอาจูที่ยืนหอบแฮ่กๆอ้าปากพะงาบๆ ทรงกลดดึงอาจูให้มาหลบพักที่หลังต้นไม้ใหญ่
"พักก่อนก็ได้"
อาจูมองไปทางด้านหลังไกลๆเห็นควันไฟลอยขึ้นมาเลยชี้ให้ทรงกลดดู
"คุณทีคะ"
ทรงกลดมองตามที่อาจูชี้
"คงจะมีหมู่บ้านแถวๆนั้น"
"งั้นเรารีบไปหาคนมาช่วย" อาจูบอก
อาจูหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง รีบลุกขึ้นจะหนีต่อ แต่ทรงกลดดึงมืออาจูไว้
"เราให้คนอื่นมาเดือดร้อนไปกับเราไม่ได้"
อาจูทรุดตัวลงนั่งใหม่แล้วมองทรงกลดอย่างชื่นชม
"มองอะไร"
"คุณเป็นคนดีจริง"
"ก่อนหน้านี้เธอเห็นฉันเป็นคนเลวงั้นสิ"
"อาม้าบอกว่า พวกแก๊งเจ้าพ่อหาดีไม่ได้ซักคนเดียว"
อาจูรีบชิงพูดก่อนที่ทรงกลดจะแก้ตัวให้กับแก๊งเขี้ยวสิงห์
"ฉันรู้ๆ ฉันรู้แล้วค่ะว่า แก๊งเขี้ยวสิงห์ของคุณเป็นแก๊งฝ่ายธรรมะ"
"ฉันไม่ใช่"
อาจูขัด
"ไม่ใช่คนของแก๊งเขี้ยวสิงห์ คุณพูดอย่างนี้ตั้งหลายครั้งแล้ว ถ้าคุณไม่ใช่คนของแก๊งคงไม่มีใครไล่ฆ่าอย่างนี้หรอกค่ะ ทำไมคุณไม่เข้าร่วมแก๊งเขี้ยวสิงห์ซะ แล้วก็กำจัดพวกแก๊งเลวๆให้หมดไป คนดีๆอย่างเราจะได้อยู่อย่างสงบสุขซักที คุณมีปัญหาอะไรกับพ่อเหรอ พ่อคุณถึงไม่ให้คุณเข้าร่วมแก๊ง"
"หายเหนื่อยแล้วใช่มั้ย"
ทรงกลดลุกขึ้นอย่างตัดบทไม่อยากพูดเรื่องพ่อ
"คุณที..ถึงเรารู้จักกันไม่นาน แต่คุณไว้ใจฉันได้นะ"
"ไปต่อกันเถอะ"
ทรงกลดเดินนำอาจูออกไปเงียบๆ ทิ้งภาพที่อาจูมองตามอย่างเข้าใจว่า ทรงกลดมีปมในใจอยู่

ทรงกลดเดินเร็วๆเพื่อหาทางออกไปทางถนนใหญ่ อาจูเดินตามหลังมา
"ทางนั้นน่าจะเป็นทางออกไปถนนใหญ่"
"แผลคุณเป็นไงบ้าง เจ็บแผลมั้ยคะ"
"ฉันไม่เป็นไรมากหรอก แค่โดนถากๆเอง"
ทรงกลดมองแผลที่ต้นแขนซ้ายแล้วเพิ่งเห็นว่าเลือดซึมออกมาอีกครั้ง เขามองเลือดที่ซึมแล้วหยดไปถึงมือและปลายนิ้วแล้วเลือดก็หยดลงพื้นทีละหยดๆ บนสีหน้าของเขา บ่งบอกถึงคำพูดประมาณว่า “แม่งเอ๊ย/ฉิบหายแล้ว”
เสียงสมุนอิกดังแว่วๆ มาแต่ไกล
"ทางนี้ครับ นาย"
อาจูหันขวับไปมองทรงกลดทันทีอย่างตกใจ เขาดึงเธอหลบเข้าหลังต้นไม้ใหญ่ทันที

อิกกับสมุนทั้งสองคนเดินแหวกพงหญ้ามาแต่ไกล
"รอยเลือดหายไปไหนแล้ววะ"
สมุนทั้งสองต่างเดินแยกกันหารอยเลือดของทรงกลด
สมุน 2 บอก"มีเลือดที่พื้นตรงนี้ครับนาย"
อิกเดินไปดูรอยเลือดตามที่สมุน2 ชี้ อิกมองไปรอบๆ เลือกว่าจะไปทางไหนต่อที่จะนำไปถึงตัวทรงกลดกับอาจู
หลังต้นไม้ใหญ่ ทรงกลดรีบใช้มือและปากกัดดึงผ้าพันแผลให้รัดแน่นเข้าอีกให้แน่ใจว่าเลือดจะไม่ไหลซึมอีก
อาจูรีบช่วยทรงกลดรัดผ้าพันแผลให้แน่นที่สุด แม้จะเจ็บแผลแต่กัดฟันแน่นโดยไม่แสดงสีหน้ามากนัก ทรงกลดดึงปืนออกมาเตรียมพร้อม
ทรงกลดมองอาจูที่ถือปืนเตรียมพร้อม ท่าทางจะวางใจไม่ได้เลย
อิกกวาดตามองหาร่องรอยอีกครั้งแล้วเห็นหยดเลือดอีกหยดบนพื้น อิกยิ้มอย่างมีชัยแล้วค่อยๆก้าวเดินไปที่หยดเลือดจุดต่อไป

ทรงกลดมองอิกกับสมุนทั้งสองอย่างชั่งใจว่าจะกำจัดยังไงดี เขาตรวจดูปืนอีกครั้งแล้วพบกว่ากระสุนเหลือเพียงนัดเดียว!

ณ ฉั่วเทียนเหลา หยกมณีร้องเพลงท่อนสุดท้ายด้วยสีหน้ากังวลใจแต่ฝืนร้องจบจนได้
 
ลูกค้าผู้ชาย 4-5 คนยืนออที่หน้าเวทีเพื่อคล้องสร้อยทองให้ หยกมณีเดินออกจากเวทีทันที ปล่อยให้ลูกค้าชายถือสร้อยทองรอเก้อเป็นแถวๆ
พนักงาน1 ตรงรี่มาหาหยกมณีที่ข้างเวที
"ว่าไง มีข่าวอะไรมั้ย"
"ไม่มีเลยครับ แจ้หยก วันนี้ไม่เห็นคนแก๊งเขี้ยวสิงห์ซักคนเดียว"
"ถ้าเห็นคนของเฮียอันมาล่ะก็ รีบมาบอกฉันทันทีเลยนะ"
"เออ แจ้หยก..มีคนมาถามหาแจ้แน่ะ"
"บอกไปว่า ฉันกลับไปแล้ว วันนี้ฉันไม่มีอารมณ์ที่จะไปรินเหล้าเอาใจใคร"
"ไม่ใช่ลูกค้า"
"ไม่ใช่ลูกค้า แล้วใครถามหาฉัน"
หยกมณีสงสัยว่าเป็นใครกันที่มาหาเธอ

พนักงาน1 เดินนำหยกมณีมาที่หน้าร้าน
"ดื้อด้านมากเลยครับ ผมไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมไป บอกว่าจะต้องเจอแจ้หยกให้ได้"
เว่ยเดินเตร่รออยู่อย่างกระวนกระวาย พอเห็นหยกมณีก็รีบตรงเข้าไปหา
"ผมชื่อเว่ยครับ เป็นน้องชายของแจ้จู"
"แจ้จำเธอได้" หยกมณีบอกพนักงาน "ไปได้แล้ว ฉันจัดการต่อเอง"
พนักงานเดินกลับเข้าร้านไป
"ได้ข่าวแจ้จูบ้างหรือยังครับ"
"ยังไม่มีใครส่งข่าวมาเลย แต่ไม่ต้องห่วงนะ เฮียอันได้เบาะแสแล้ว เฮียเค้ากำลังตามไปช่วยนายน้อยกับอาจูอยู่ ทุกคนจะต้องกลับมาอย่างปลอดภัย"
เว่ยยังไม่เชื่อ
"จริงๆนะครับ"
"จริงสิ แจ้จะโกหกเว่ยทำไมล่ะ"
"เรื่องนี้เป็นความผิดของผมคนเดียว ถ้าผมไม่พาทุกคนไปทางลัด เฮียทรงกลดกับแจ้จูก็คงไม่ถูกจับตัวไป ผมกลัว..กลัวจริงๆว่า แจ้จูจะเป็นอะไรไป"
"แจ้ก็กลัว...แจ้เจอเรื่องแบบนี้ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แจ้กลัวที่สุดว่า จะมีวันใดวันหนึ่งที่คนของเราจะไม่กลับมา แต่แจ้เชื่อนะว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะต้องคุ้มครองคนดี เว่ยต้องเข้มแข็งนะ เข้มแข็งเพื่อแจ้จู"
"ครับ ผมจะเข้มแข็"
"แล้วก็ไม่ต้องรู้สึกผิดด้วย เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ไม่ใช่ความผิดของเว่ย ทุกคนต้องขอบคุณเว่ยด้วยซ้ำ ถ้าไม่มีเว่ย เฮียอันคงไม่รู้เรื่องเร็วขนาดนี้ สบายใจได้แล้วนะ"
"ผมคงยังสบายใจไม่ได้จนกว่าจะได้เห็นหน้าแจ้จู...ทุกคนจะกลับมาเมื่อไหร่ครับแจ้หยก กลับมาวันนี้เลยหรือเปล่า"
"แจ้ก็ไม่รู้..วันนี้หรือพรุ่งนี้ไม่มีใครรู้ทั้งนั้น แต่ทุกคนจะต้องกลับมา ทุกคนจะต้องกลับมา ต้องกลับมาแน่ๆ"
หยกมณีโอบไหล่เว่ยอย่างปลอบใจ
หยกมณีพึมพำกับตัวเอง
"เฮียต้องกลับมานะ"
หยกมณีกังวลใจไม่น้อยไปกว่าเว่ย แต่ต้องทำตัวเข้มแข็งไว้ไม่ให้เว่ยใจเสีย

อิกเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงรอยหยดเลือดร่องรอยท้ายสุดก่อนที่ร่องรอยจะหายไป
ทรงกลดกับอาจูยังหลบอยู่หลังต้นไม้อย่างลุ้นๆ
"เราหนีกันเถอะค่ะ คุณที"
"ถ้าเราขยับตัว พวกมันจะรู้ทันที เธอก็หมดแรงแล้ว ไงก็คงหนีไม่พ้น"
"ฉันยังมีแรงอยู่! แต่ถ้าคุณเลือกที่จะสู้ ฉันก็จะอยู่สู้กับคุณ"
อาจูชูปืนขึ้นอย่างมาดมั่น ทรงกลดรีบดึงปืนออกจากมืออาจู
อาจูโวยทันที
"คุณที"
ทรงกลดเอาปืนไปปคว้าไม้ท่อนเล็กๆมายัดใส่มืออาจูแทน
"สำหรับเธอ ท่อนไม้หรือว่าปืนก็ไม่ต่างกันหรอก"
"นี่คุณที"
ทรง จุ๊ปากให้เบาเสียง
"เบาๆหน่อย"

ทรงกลดรีบตรวจกระสุนในปืนกระบอกเล็กแล้วพบว่าปืนมีกระสุนเต็มรังเพลิง

อิกและสมุนทั้งสองก้าวย่างมาช้าๆพร้อมดึงปืนออกมาเตรียมพร้อม
 
สอดส่ายสายตาเพื่อมองหาร่องรอยของเลือดต่อไป อิกเดินไปทางที่จะพบหยดเลือดร่องรอยต่อไปที่จะนำไปถึงต้นไม้ใหญ่
ทรงกลดถือปืนในท่าเตรียมพร้อมที่จะโผล่ออกไปยิงอิก อิกก้าวไปทีละก้าวๆ ทรงกลดนิ่งฟังนับจังหวะการก้าวเท้าและเสียงที่ดังใกล้เข้ามาทุกทีๆ อาจูยึดท่อนไม้ไว้มั่นไม่รู้จะช่วยทรงกลดยังไงแต่ก็จะสู้ด้วยคน
อิกกำลังก้าวไปพบหยดเลือดรอยต่อไปและจะไปทางทรงกลดได้ถูกทาง
ทันใดฝนตกลงมาห่าใหญ่อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย น้ำฝนหลั่งไหลลงมาชะล้างรอยเลือดจนหมดสิ้น
"เฮ้ย! อะไรวะ"
ฝนตกหนักขึ้นทุกทีแบบมืดฟ้ามัวดิน เสียงดังสนั่นมองหนทางไม่เห็น ทรงกลดได้โอกาสรีบคว้ามืออาจูแล้วพาออกไปทันที อิกกับสมุนทั้งสองคลำหาทางท่ามกลางสายฝนที่เทลงมาไม่ขาดสายเหมือนคนตามืดบอด

ทรงกลดพาอาจูเดินลัดเลาะมาตามทางท่ามกลางสายฝนที่เทกระหน่ำไม่ลืมหูลืมตา เขาหันไปเห็นศาลเจ้าร้างอยู่ห่างออกไปดูเลือนลาง
"ทางนั้น"
"ทางไหน"
"ตามมาแล้วกัน"
"ช้าๆหน่อยค่ะ"
"จับมือฉันไว้..อย่าปล่อยเป็นอันขาด!"
ทรงกลดกับอาจูต่างจับมือกันอย่างแนบแน่น เขาหันมามองอาจูที่ยืนหนาวตัวสั่นแต่กลับอุ่นใจที่อยู่ในมือของทรงกลด เขาพาเธอเดินตรงไปที่ศาลเจ้าร้างท่ามกลางฝนตกกระหน่ำ

ฝนยังตกต่อเนื่องแต่เบาบางลงบ้าง ทรงกลดยังยึดมืออาจูไว้ ตาก็มองสำรวจมองไปรอบๆศาลเจ้าร้าง
"ปล่อยมือฉันได้แล้วค่ะ"
ทรงกลดหันมามองอาจูด้วยสีหน้าไม่รับรู้ ทำเป็นไม่ได้ยินทั้งที่ได้ยินชัดสองหู
"ว่าไงนะ"
อาจูรู้ทัน
"ปล่อย-มือ-ฉัน-ได้-แล้ว ไม่ต้องกลัวว่า เราจะพลัดหลงกันแล้วมั้งคะ คุณที"
ทรงกลดบุ้ยใบ้ให้อาจูมองไปรอบๆศาลเจ้าร้างที่ดูวังเวงน่ากลัวอยู่
"แล้วไม่กลัวเหรอ"
"ไม่กลัว"
อาจูดึงมือตัวเองออกจากทรงกลด
"คืนนี้เราต้องค้างคืนที่นี่ พรุ่งนี้เช้าค่อยหาทางออกไปถนนใหญ่"
"คุณบาดเจ็บ..คุณรออยู่นี่แหละ ฉันไปดูรอบๆเอง"
อาจูเดินออกไปทันทีอย่างแข็งขัน ทรงกลดมองตามอย่างขำๆ
ทรงกลดเดินไปดูตามหน้าต่างประตูและช่องทางหนีทีไล่ไว้ก่อน

สายฝนที่โปรยปรายเบาๆ อาจูหอบเสื้อผ้าและผ้าห่มออกมาจากด้านในศาลเจ้าร้างที่ไม่มีเทวรูปเลย เธอชะงักเขานั่งอยู่หน้ากองไฟที่ก่อขึ้นเรียบร้อยแล้ว เขายิ้มให้อาจูด้วยสีหน้าว่าเหนือกว่า
"ได้อะไรมาบ้าง"
"ก็อย่างที่เห็น คืนนี้เราไม่ต้องนอนหนาวกันแล้ว"
อาจูวางผ้าห่มลงที่พื้นแล้วเลือกดูชุดเสื้อผ้าที่ได้มา
ทรงกลดทำคุย
"มีแค่กองไฟของฉันก็พอแล้ว"
"แล้วคุณจะนอนทั้งที่ใส่เสื้อผ้าเปียกๆได้ไง คุณคงไม่ถือใช่มั้ย นี่เป็นชุดไว้ทุกข์ ผ้าห่ม** นี่คงมาจากงานศพ"
อาจูชูชุดผ้าดิบสีขาวตุ่นๆสองสามชุดในมือให้ดู
"เวลานี้แล้วจะมาถืออะไรอีก"
"อาม่าของฉันถือทุกเรื่องเลย ตอนเด็กๆฉันเผลอติดโบว์สีขาว ฉันถูกทำโทษให้ยืนหน้าบ้านทั้งคืนเลย คนเราน่ะทุกข์สุขอยู่ที่ใจ ฉันเคยเห็นคนไปงานศพใส่ชุดขาวแต่นั่งคุยสนุกเหมือนไปงานแต่งงาน..นั่นคุณทำอะไร"
อาจูเล่าเจื้อยแจ้วแล้วต้องตกใจตาโตเมื่อเห็นทรงกลดเริ่มถอดเสื้อที่เปียกชุ่มออก
"เปลี่ยนเสื้อผ้าไง รีบเปลี่ยนสิ เดี๋ยวก็เป็นปอดบวมหรอก"
อาจูรีบหันหลังให้แล้วโยนเสื้อผ้าชุดขาวไปที่ทรงกลด
"ไม่มาช่วยดูแผลให้ฉันหน่อยเหรอ"
"ไม่"
ทรงกลดถอดเสื้ออย่างสบายอารมณ์ แกล้งร้อง "โอ๊ย!"
อาจูหันขวับกลับมามองทรงกลด
"เจ็บแผลหรือคะ"
อาจูกลับพบทรงกลดยิ้มแฉ่งให้ เปลือยอกแม้มือยังถือเสื้อผ้าดิบอยู่แต่ยังไม่ยอมเปลี่ยน
ทรงกลดยิ้ม
"เจ็บมากเลย"

"คุณที!"

อาจูหันกลับไปทันที ทรงกลดเปลี่ยนเสื้อกางเกงอย่างรวดเร็ว
 
"เลือดหยุดไหลแล้ว แต่คงต้องทำแผลใหม่ ทำให้ทีสิ"
อาจูยังยืนนิ่งกอดเสื้อผ้าอีกชุดอยู่
ทรงกลดสั่งอีกครั้ง
"ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมาทำแผลให้หน่อย"
ทรงกลดเดินไปจับตัวอาจูให้หันหน้ากลับมา อาจูหลับตาเพราะกลัวว่าจะเห็นทรงกลดโป๊
"ลืมตาได้แล้ว"
อาจูค่อยๆหรี่ตาแล้วค่อยๆลืมตาขึ้น ถอนใจอย่างโล่งอกที่ทรงกลดใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย
"เสียดายเหรอ"
"เสียดายอะไร"
"ก็เสียดายที่ไม่ได้เห็นฉัน...โป๊!"
อาจูค้อนให้แล้วรีบเดินออกไปหาที่เปลี่ยนเสื้อผ้าแต่ทรงกลดดึงตัวไว้
"เปลี่ยนตรงนี้แหละ"
"นี่คุณที!"
ทรงกลดเดินไปดึงผ้าผืนใหญ่ที่ปูบนโต๊ะหมู่บูชาที่มีอยู่ออกมาอย่างรวดเร็ว เขาขึงผ้าปูโต๊ะกั้นเป็นสัดส่วนเหมือนเป็นฉากกั้นสำหรับแต่งตัว
"ทีนี้เปลี่ยนเสื้อผ้าได้หรือยัง ยัยเต่า"
อาจูกอดเสื้อผ้าไว้แล้วเดินไปที่หลังผ้าปูโต๊ะที่ขึงอยู่อย่างอิดออดเล็กน้อย
อาจูตะโกนเตือน
"คุณที"
"เชื่อใจกันหน่อยสิ"
ทรงกลดหันไปมองอย่างขำๆ
อาจูเริ่มถอดเสื้อออกเห็นเป็นเงาดำลางๆอยู่หลังผ้าห่มที่ขึงอยู่ ดูเย้ายวนได้เหมือนกัน
ทรงกลดรีบหลังให้ทันทีแล้วตัวเองต้องเป็นฝ่ายถอนหายใจอย่างอดเสียดายไม่ได้!

** คนจีนส่งป้ายผ้าที่ติดอักษรกระดาษเป็นบทกลอนสรรเสริญผู้ตายให้ ส่วนใหญ่ใช้ผ้าขนหนูผืนใหญ่มาก เมื่อเอาตัวอักษรกระดาษออกแล้วเอาไปใช้ประโยชน์ทีหลังได้

กลางคืนต่อเนื่อง หน้าบ้านอาจู ซิ่วเอ็งถือจานขนมหวานของไหว้พระจันทร์ยกขึ้นยกลงสามครั้ง**เพื่อไหว้ลา
ซิ่วเอ็งหันไปมองเง็กที่นั่งจับเจ่าอย่างเป็นทุกข์
"อาเง็ก! มาช่วยกันหน่อย"
ซิ่วเอ็งวางจานขนมหวานลงบนโต๊ะแล้วเดินไปหาเง็กอย่างไม่พอใจ
"อาเง็ก"
"อั๊วจะไปแจ้งตำรวจ"
"ไม่ได้! เดี๋ยวชาวบ้านก็รู้กันทั่วหรอกว่า อาจูหายไปกับผู้ชาย"
"อาจูถูกจับตัวไปนะ ม้า ไม่ได้หนีตามผู้ชายไป" เว่ยบอก
เง็กเดินออกไปโดยไม่ฟังซิ่วเอ็งแล้ว แต่ซิ่วเอ็งจับแขนเง็กไว้แน่นมีแรงเกินหญิงแก่ธรรมดา
"ลื้อเป็นลูกสะใภ้อั๊ว ลื้อต้องเชื่อฟังอั๊ว"
"เฮียเหลียงตายไปนานแล้ว"
"ลื้อกล้าพูดอย่างนี้กับอั๊วเหรอ! ถ้าเก่งจริงออกไปจากบ้านอั๊วเลย ออกไปสิ กลับไปหาผัวเก่าลื้อเลย ไป! นี่ถ้าอาเหลียงหาเมียดีๆ ไม่ใช่แม่ม่ายลูกติดที่นำแต่ความซวยมาให้อย่างลื้อ! อีก็คงไม่ตาย"
"เฮียเหลียงตายเพราะทำตัวเอง! ม้าอย่าไปโทษใครเลย หรือถ้าจะโทษก็โทษตัวเองที่เลี้ยงอีให้เป็นผู้ชายขี้ขลาด!"
ซิ่วเอ็งไม่สนใจไยดีอาจู แม้อาจูตกอยู่ในอันตราย ทำให้เง็กเลือดขึ้นหน้าฮึดต่อกรกับซิ่วเอ็งทั้งๆที่ทำตัวเป็นลูกสะใภ้ทาสได้มาตลอด
"อาเง็ก"
ซิ่วเอ็งเงื้อมือขึ้นจะตบเง็ก แต่เว่ยเข้ามาได้ทันและถลันเข้ามาดึงซิ่วเอ็งไว้
"ม่า! อย่า"
"อาเว่ย"
เง็กไม่แยแสซิ่วเอ็งอีก รีบเข้าไปดึงเว่ยมาซักถามอย่างร้อนใจ
"ได้ข่าวอาจูหรือยัง"
"ไปคุยกันในบ้านเถอะ ม้า ชาวบ้านแถวนี้ปากมากจะตาย"
เว่ยดึงเง็กให้เดินเข้าไปในบ้านด้วยกัน แต่แล้วต้องชะงักเพราะซิ่วเอ็งรั้งไว้
"เดี๋ยวก่อน มาช่วยกันเก็บของไหว้ก่อน"
"ถ้าม่าไม่เห็นความสำคัญของชีวิตคนอื่น ไหว้พระไหว้เจ้าไปก็ไม่มีประโยชน์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่คุ้มครองคนใจร้ายหรอกนะ ม่า"
เง็กดึงเว่ยเข้าไปในบ้าน ซิ่วเอ็งค่อยๆยกของไหว้เจ้าขึ้นมาเฮี่ยงทีละชิ้นๆอย่างเย็นชา

**วิธีนี้เรียกว่า “เฮี่ยง” คือ การไหว้ลาก่อนที่จะเก็บของไหว้เจ้าทุกครั้ง โดยยกของไหว้ระดับหน้าอกแล้วยกขึ้นสูงระดับหน้าผาก,ยกขึ้นลงสามครั้งเป็นอันเสร็จพิธีและต้องเฮี่ยงของไหว้ทุกอย่างก่อนเก็บ

เลือดมังกร : สิงห์ ตอนที่ 4 (ต่อ)

เง็กยังคงระทมทุกข์ด้วยความเป็นห่วงอาจู เว่ยโอบแม่ไว้อย่างปลอบใจ
 
"นี่ถือว่าเป็นข่าวดีแล้วนะ ม้า"
"มีคนไปช่วยแล้วก็จริง แต่เรายังไม่รู้แน่นี่ว่า อีจะไปช่วยสองคนนั้นมาได้หรือเปล่า"
"ต้องช่วยได้สิ เฮียอันเป็นมือหนึ่งของแก๊งเขี้ยวสิงห์ แล้วเมื่อกี๊ผมก็ไปแอบดูที่บ้านเฮียทรงกลดมา ผมเห็นคนเดินเข้าเดินออกกันให้ควั่กเลย แสดงว่า คนแก๊งเขี้ยวสิงห์กำลังช่วยกันตามหาเฮียทรงกลดอย่างเต็มที่ คนอย่างเถ้าแก่ตงไม่มีวันยอมเสียลูกชายไปหรอก ! เฮียทรงกลดต้องปลอดภัยกลับมาพร้อมกับแจ้จูแน่นอน!"
"อาเว่ย ลื้อจะรู้เรื่องพวกแก๊งเจ้าพ่อมากไปแล้ว ม้าบอกแล้วว่าให้อยู่ห่างๆคนพวกนี้ไว้"
"นี่เรากำลังพูดเรื่องแจ้จูอยู่นะ ไม่ใช่พูดเรื่องผมซักหน่อย ม้าไม่ต้องกลัวไป ยังไงก็ไม่มีใครรับผมเข้าแก๊งหรอก ถ้าจะมีแก๊งไหนที่ผมพอจะเข้าได้ ก็คงเป็นแก๊งหงส์ดำ เห็นว่าเด็กกี่ขวบเถ้าแก่สุงรับไว้ฝึกงิ้วได้หมด"
"อาเว่ย!"
"ผมพูดเล่นน่า ม้า ม้าจะได้ไม่เครียดเรื่องแจ้จู"
ซิ่วเอ็งถือจานของไหว้พระจันทร์เต็มสองมือเดินเข้ามา เง็กกับเว่ยหันไปมอง บรรยากาศเริ่มอึดอัดน่ากระอักกระอ่วนใจ
"คนแก๊งเขี้ยวสิงห์มีแต่คนมีฝีมือ เดี๋ยวก็ตามเจอ ไม่ต้องห่วง"
เง็กกับเว่ยมีทีท่าอ่อนลงเมื่อเห็นซิ่วเอ็งดูจะง้องอนอยู่ในที เว่ยเดินไปดึงจานของไหว้มาจากซิ่วเอ็งเพื่อช่วยเอาไปวางบนโต๊ะให้
"ม่าไปนั่งเถอะ เดี๋ยวผมไปเก็บของไหว้ให้เอง..ม่า..ผม..(ขอโทษ)"
ซิ่วเอ็งตัดบทก่อน เพื่อไม่ให้เว่ยต้องขอโทษ ที่ซิ่วเอ็งยอมอ่อนให้เว่ยเพราะนับวันเว่ยยิ่งห่างเหินไปทุกที
"ไปๆ ไปรีบเก็บของไหว้ ไป"
เว่ยรีบเดินออกไป ซิ่วเอ็งเดินมาลูบไหล่เง็กเบาๆ
"ไม่ใช่ว่า อั๊วไม่ห่วงอาจู แต่อั๊วไม่อยากให้ลื้อทำอะไรหุนหัน อั๊วเคยเสียลูกชายมาก่อน อั๊วรู้ว่า ลื้อรู้สึกยังไง คืนนี้อั๊วจะสวดมนต์ให้อาจูกลับมาอย่างปลอดภัย"
เง็กน้ำตารื้นพลางพยักหน้ารับอย่างพูดไม่ออก ยิ่งคิดก็ยิ่งเป็นห่วงอาจู
"อั๊วต้องได้เห็นหน้าลูกอีกครั้งใช่มั้ย ม้า"
ซิ่วเอ็งพยักหน้าช้าๆลูบไหล่เง็กอย่างปลอบใจแต่ตามีประกายสะใจและเหี้ยมโหด

ซิ่วเอ็งเปิดประตูห้อง แล้วค่อยๆก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้ารูปถ่ายของเหลียง ซิ่วเอ็งหยิบสร้อยประคำขึ้นมานับพลางสวดมนต์เบาๆ พึมพำอย่างเป็นสุข
"อั๊วเคยเสียลูกชาย อั๊วรู้ว่า ลื้อรู้สึกยังไง อึ้งตงกัว… อั๊วรู้ว่า ลื้อรู้สึกยังไง อั๊วขอให้ลูกชายลื้อตายอย่างทรมาน ตายทรมานกว่าอาเหลียงร้อยเท่าพันเท่า ขอให้มันตาย...ตาย...ตาย อาเง็ก ลื้อไม่ได้เจอหน้าลูกสาวลื้ออีกหรอก แต่...อั๊วจะช่วยสวดมนต์ส่งอีขึ้นสวรรค์ให้"
ซิ่วเอ็งพึมพำสวดมนต์แทนที่น่าศรัทธาแต่กลับน่าขนลุกแทน

ท่ามกลางความเงียบเหงาวังเวงภายในบ้าน ทตงสูดดมยานัตถุ์เพื่อคลายความเครียด ปอถือถ้วยน้ำชามาวางไว้บนโต๊ะให้
"ไปนอนได้แล้ว ไป"
"ผมจะรอฟังข่าวดีพร้อมกับนายใหญ่"
"ข่าวดี...อั๊วกลัวว่าจะเป็นข่าวร้ายซะมากกว่า"
"นายใหญ่อย่าพูดอย่างนั้น อาอันต้องไปช่วยนายน้อยได้ทันเวลาแน่นอน"
"พวกมันตั้งใจเอาทรงกลดถึงตายแน่ ! เรื่องที่อั๊วกลัวที่สุดก็เกิดขึ้นจนได้!"
ตงตบโต๊ะอย่างเจ็บใจตัวเองที่ปกป้องลูกชายไม่ได้
"ทำไมคราวนี้อาอันใจร้อนอย่างนี้ ทุกทีก็เห็นทำอะไรรอบคอบ คิดอะไรของอี ทำไมถึงบุกไปช่วยทรงกลดคนเดียว ทำไมไม่เอาคนของเราไปช่วย"
"ผมขอโทษแทนลูกด้วยครับ แต่ผมเชื่อว่า อาอันต้องแน่ใจแล้วจริงๆ ถึงได้ตัดสินใจไปช่วยนายน้อยตามลำพัง อาอันรู้จักนายน้อยดียิ่งกว่าใคร ไม่ว่าศัตรูของนายน้อยครั้งนี้จะเป็นใคร อาอันต้องจัดการมันได้แน่"
"อั๊วรู้..คนแก๊งเขี้ยวสิงห์สิบคนก็ไม่เท่าอาอันคนเดียว ถ้าใครที่จะช่วยทรงกลดได้ ก็คงมีแต่อาอันคนเดียว แต่อั๊วเป็นห่วง ถ้าหากอาอันช่วยไม่ได้..อีจะเอาชีวิตไปทิ้งเสียเปล่าๆ"
"การปกป้องนายด้วยชีวิต ไม่เรียกว่าเอาชีวิตไปทิ้งหรอกครับ นายใหญ่ เรียกว่า อาอันได้ทำหน้าที่ของตัวเองได้เสร็จสมบูรณ์แล้วต่างหาก"
"ไม่ใช่ ตอนนี้ไม่มีนายไม่มีลูกน้อง มีแต่พ่อกับลูก เราสองคนไม่ต้องอยู่จนถึงเห็นหน้าหลานหน้าเหลนหรอก ขอแค่ได้ตายก่อนลูก ขออย่าได้ต้องมาจัดงานศพให้ลูกตัวเองเลย"

ตงนิ่งเครียดอย่างเป็นห่วงทรงกลดเหลือเกิน

พระจันทร์เต็มดวงสุกประกายบนท้องฟ้าสีดำมืดมิดเหนือศาลเจ้าร้าง
 
เสื้อผ้าของทรงกลดและอาจูแขวนคู่กันตากอยู่ริมหน้าต่างของศาลเจ้า ปืนสองกระบอกของทรงกลดวางเคียงคู่กัน
อาจูใช้ผ้าดิบที่ฉีกจากชุดไว้ทุกข์มาพันแผลให้ทรงกลดจนเสร็จ
ทรงกลดมองเธออย่างเพลิดเพลินเมื่อได้อาจูมาพันผ้าพันแผลอย่างใกล้ชิด
"เธอเลยอดเที่ยววันไหว้พระจันทร์เลย"
"ตอนนี้ฉันคิดแต่เรื่องวันพรุ่งนี้แล้วล่ะค่ะ"
"วันนี้ยังไม่ผ่านไปเลย เรายังไหว้พระจันทร์ด้วยกันทันนะ"
ทรงกลดดึงอาจูให้ลุกขึ้นแล้วพาไปหยุดอยู่ที่ริมหน้าต่าง เขาคุกเข่าลง เธอยังยืนงงอยู่, แล้วเขาก็ดึงเธอให้คุกเข่าเคียงคู่กัน
ทรงกลดกับอาจูเงยหน้าขึ้นมองพระจันทร์เต็มดวงบนท้องฟ้า
อาจูหลับตาแล้วพนมมือเพื่ออธิษฐานขอพร ทรงกลดมองอาจูเพื่อดูว่าจะอธิษฐานขอพรไปได้นานแค่ไหน
อาจูลืมตาแล้วมือยังพนมไว้อยู่แล้วมองพระจันทร์ชั่วครู่ ก้มหัวไหว้พระจันทร์อีกครั้งเป็นอันเสร็จพิธี
"ฉันไหว้เสร็จแล้ว"
"เธออธิษฐานขออะไร"
ทรงกลดแกล้งจ้องหน้าอาจูอย่างจริงจัง
"เธอสวยอยู่แล้ว คงไม่ต้องขอให้สวยเหมือนพระจันทร์หรอกมั้ง"
"ฉันไม่ได้ขอพรให้ตัวเอง ฉันขอให้ทุกคนในครอบครัวของฉันมีความสุข..แล้วก็ ขอให้คุณปลอดภัย และขอให้คุณได้มีชีวิตอย่างที่คุณต้องการ"
ทรงกลดมองอาจูอย่างตื้นตันใจ
การที่อาจูฝ่าฟันเสี่ยงตายอยู่เคียงข้างกับทรงกลดกันมาทำให้เขาพูดสิ่งที่ไม่คิดจะพูดกับใคร
"ขอบใจนะ อาจู ฉันจะพยายามไม่ตายเร็วเพื่อเธอ ส่วนเรื่องมีชีวิตอย่างที่ต้องการนี่ ฉันเองยังไม่รู้เหมือนกันว่า ฉันต้องการอะไรมีชีวิตแบบไหน ฉันไม่รู้ว่า ฉันคิดถูกหรือคิดผิดที่กลับมาเมืองไทย แต่ฉันอยากกลับมาเห็นหน้าพ่อ อยากเห็นอยากรู้ว่า พ่อมีความรู้สึกยังไงที่ต้องเสียแม่ไป..แต่ไม่มีแม้แต่คำว่า”เสียใจ”จากปากพ่อ"
อาจูมองทรงกลดอย่างคิดไม่ถึงว่าทรงกลดจะมีเรื่องเจ็บปวดขนาดนี้
"เมื่อสิบปีก่อนพ่อกับแม่ฉันแยกทางกัน พ่อบีบบังคับให้ฉันกับแม่ไปอยู่ที่อเมริกาเพื่อที่พ่อจะได้แต่งงานใหม่ พอแม่ตาย...ฉันถึงกลับมา กลับมาขัดขวางทุกอย่างที่เป็นความสุขของพ่อ"
"พ่อคุณก็เลยไม่ยอมให้คุณยุ่งเกี่ยวกับแก๊งเขี้ยวสิงห์ แต่ท่านอาจจะเห็นว่าคุณไม่เหมาะกับงานของแก๊งมั้งคะ"
"เธอคิดอย่างงั้นจริงๆเหรอ ระหว่างฉันกับไอ้หมง ใครเหมาะที่จะเป็นหัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์คนต่อไป ว่าไง เธอคิดว่าไอ้หมงเหมาะสมมากกว่าฉันงั้นเหรอ"
อาจูนิ่งเงียบไปเพราะดูยังไงทรงกลดก็เหมาะกว่า
"ฉันคิดออกแล้ว ถ้าพ่อไม่อยากให้ฉันเกี่ยวข้องกับแก๊งเขี้ยวสิงห์ ฉันแย่งตำแหน่งหัวหน้าแก๊งจากไอ้หมงซะเลยจะดีกว่า คราวนี้สนุกแน่!"
"ฉันไม่เชื่อว่า คุณคิดแค่นั้นหรอกค่ะ ฉันคิดว่า คุณมีความเป็นสิงห์พอที่จะเป็นหัวหน้าแก๊ง คุณเป็นผู้นำที่ดีได้..ฉันเชื่อในตัวคุณค่ะ คุณทรงกลด"
ทรงกลดเมินหน้าหนีอย่างหนีความจริง
"ฉันเป็นได้แค่ลูกที่ไม่เอาไหนของพ่อเท่านั้นแหละ ฉันจะไม่พูดเรื่องนี้อีก ฉันเล่าเรื่องที่เธออยากรู้แล้ว ห้ามถามห้ามพูดเรื่องแก๊งเขี้ยวสิงห์อีก"
ทรงกลดเดินหนีความจริงเรื่องพ่อที่ไม่อยากตอกย้ำให้ปวดใจอีก
อาจูมองตาม ยิ่งรู้จักทรงกลดก็ยิ่งเห็นแง่มุมหลากหลาย ทรงกลดเป็นสิงห์หนุ่มที่มีทั้งความแข็งแกรงและความอ่อนไหว ทำยังไงอาจูก็สลัดความรู้สึกอยากช่วยให้ทรงกลดได้เข้าแก๊งเขี้ยวสิงห์ เพราะเชื่อว่านี่คือ
 
ชีวิตที่ทรงกลดต้องการแม้ปากจะบอกว่า ต้องการเพื่อต่อต้านพ่อก็ตาม!

ทรงกลดยืนนิ่งคิดเรื่องราวของตัวเองกับตงที่ผ่านมา อาจูเดินเข้ามาหยุดที่ด้านหลัง
 
"คุณที..ฉันขอโทษนะคะ ถ้าฉันทำให้คุณไม่สบายใจ ต่อไปฉันจะไม่พูดเรื่องแก๊งเขี้ยวสิงห์อีก แต่ฉันคงอยู่กวนใจคุณไปได้ไม่นานหรอก"
ทรงกลดหันขวับมามองอาจูทันที
"หมายความว่าไง"
"กลับไปนี่ ฉันไม่รู้ว่าม้าจะว่าไงบ้าง แต่ให้เรากลับไปได้ซะก่อน แล้วค่อยคิดแล้วกันนะคะ"
ทรงกลดเดินเข้าไปจับมืออาจูไว้อย่างรู้สึกผิด
"ที่จริงฉันเป็นฝ่ายที่ต้องขอโทษเธอมากกว่า เธอต้องมาตกอยู่ในอันตรายก็เพราะฉันคนเดียว ฉันสัญญานะว่า ฉันจะพาเธอกลับไปหาครอบครัวของเธอให้ได้"
"ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกค่ะ เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการตัดสินใจของฉันเอง"
ทรงกลดจับได้ทันที
"เธอหนีไปได้แล้ว แต่ย้อนกลับมาอีกใช่มั้ย"
อาจูยอมรับเสียงอ่อย
"ก็..ก็ฉันไม่คิดว่าพวกมันจะมากันหลายคนนี่คะ"
"ไม่ต้องมาแก้ตัวเลย ขัดคำสั่งฉันอย่างนี้ ฉันจะลงโทษเธอยังไงดี"
"ฉันยอมให้คุณหักเงินเดือนก็ได้ เอ้า!"
ทรงกลดสั่ง
"หลับตา!"
อาจูมองทรงกลดอย่างดื้อๆ
"บอกให้หลับตา"
ทรงกลดจ้องกลับอย่างดุๆจนอาจูจำต้องหลับตา
"ทำไมต้องหลับตาด้วย"
อาจูหลับตาด้วยสีหน้าลุ้นๆว่าจะโดนลงโทษยังไง
ทรงกลดนิ่งเงียบไม่ตอบแต่ก้มหน้าลงใกล้..ใกล้จนลมหายใจรดหน้าอาจูอย่างแผ่วเบา
อาจูหัวใจเต้นตึกๆ
"คุณที"
อาจูลืมตาขึ้นทันทีแล้วพบว่าหน้าทรงกลดเข้ามาใกล้จนปากแทบจะแตะกันอยู่แล้ว
อาจูสั่นๆอย่างขวยเขิน
"คุณ คุณคิดจะทำอะไร"
ทรงกลดยิ้มเจ้าเล่ห์
"ฉันดูให้แน่ใจว่า เธอจะขี้โกงหรือเปล่า เห็นมั้ย แล้วเธอก็ขี้โกงจริงๆ เอ้า! หลับตาใหม่"
"ไม่! นี่ไม่ใช่เวลางาน ฉันไม่จำเป็นต้องเชื่อฟังคำสั่งคุณ"
อาจูจะเดินหนีแต่ทรงกลดดึงอาจูไว้ได้ทัน แล้วยึดไหล่อาจูด้วยมือทั้งสองข้าง
"แต่ต่อไปนี้เธอต้องเชื่อฟังคำสั่งฉัน ห้ามมาเสี่ยงชีวิตกับฉันเด็ดขาด เข้าใจมั้ย ถ้าไม่ลงโทษ ก็คงไม่ฟังกัน"
ทรงกลดยึดตัวอาจูจนดิ้นหนีไปไม่ได้ แล้วแกล้งทำท่าจะจูบปากเพื่อลงโทษ อาจูเบนหน้าหนีอย่างเสียวไส้หวิวๆที่สุด แต่แล้วทรงกลดก็แค่จูบที่หน้าผากอาจูเบาๆ
"ลงโทษแค่นี้ก่อนแล้วกัน"
อาจูหยุดนิ่งอึ้งชะงักไปชั่วขณะวาบหวามในหัวใจจนทำอะไรไม่ถูก
"หรือว่าลงโทษหนักๆไปเลย"
ทรงกลดรั้งตัวอาจูเข้ามากอดอีกครั้ง อาจูเริ่มตั้งตัวได้ ดิ้นรนไม่ยอมให้กอด
"คุณที"
ทรงกลดแกล้งยื้อกับอาจูไปพักเดียวก็ต้องชะงักเมื่อรู้สึกว่ามีการเคลื่อนไหวอะไรบางอย่าง
"ปล่อยฉันค่ะ คุณที"
"เงียบก่อน!"
อาจูหยุดดิ้นรนพร้อมๆกับที่ทรงกลดคลายมือ แล้วมองไปรอบๆอย่างระแวดระวัง
"กลับไปข้างใน"
อาจูทำท่าจะเถียง แต่เห็นทรงกลดดูจริงจังเลยก็รีบกลับเข้าไปศาลเจ้าโดยเร็ว
ทรงกลดมองไปรอบ แม้เห็นแต่ความมืดแต่ก็รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้น

อาจูรีบกลับเข้ามาในศาลเจ้าแล้วก็อดมองออกไปข้างนอกอย่างอดห่วงทรงกลดไม่ได้
เธอมองซ้ายมองขวาหาอาวุธที่จะช่วยทรงกลดได้ จนเหลือบไปเห็นปืนสองกระบอกที่วางอยู่แล้วใจหายที่ทรงกลดไม่มีปืนติดตัว

ทรงกลดเดินไปทิศทางที่แน่ใจว่ามีการเคลื่อนไหวของคนหรืออะไรบางสิ่งบางอย่าง เขาแตะเอวที่เคยมีปืนอยู่แล้วต้องขัดใจที่ลืมติดปืนมาด้วย ทรงกลดก้มลงหยิบท่อนไม้ใกล้มือที่พอจะใช้ป้องกันตัวได้ขึ้นมา เขาค่อยๆเดินออกไปช้าๆ และเตรียมพร้อมกับการจู่โจม
เสียงสับไกปืนดังขึ้นเบาๆมาจากมุมมืด เขาชะงักกึก เมื่อรู้ตัวแล้วว่าเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบอยู่

เจ้าของปืนยืนในเงามืดค่อยๆเดินออกมาพร้อมถือปืนในมือ

ฝ่ายตงยืนอยู่หน้าแท่นบูชาที่มีป้ายชื่อบรรพบุรุษที่ล่วงลับ ในกลุ่มนี้ ไม่มีป้ายหรือแม้แต่รูปของ วรดี แม่ของทรงกลด
 
ตงค่อยๆคุกเข่าลงแล้วก้มหัวจดพื้นเพื่อแสดงความเคารพอย่างช้าๆสามครั้ง ยกมือขึ้นพนมแล้วมองตรงไปที่แท่นบูชา
"ขอให้บรรพบุรุษปกป้องคุ้มครองลูกหลานของเรา"
ตงเหม่อมองไปทางอื่นเมื่อนึกถึงวรดีแม่ของทรงกลด
"วรดี ช่วยพาทรงกลดกลับมาให้อั๊วด้วย"
ตงนิ่งเครียดและยังคุกเข่าอยู่ในความมืดสลัวอยู่อย่างนั้น

ฝ่ายเง็กก้มหน้าสอยกระโปรงให้อาจูอย่างไม่หยุดมือเพื่อให้ลืมความเครียด เธอหันไปมองที่นอนที่ว่างเปล่าของอาจูแล้วก็ไม่สามารถหักห้ามความทุกข์ใจไปได้
"อาจู"
เว่ยนอนหลับอยู่ข้างตัวเง็ก พลิกตัวมานอนเบียดเง็ก
เง็กลูบหัวลูกชายเบาๆอย่างทำใจให้เข้มเข็ง
"พรุ่งนี้แจ้จูของลื้อต้องกลับมา"
เง็กน้ำตาร่วงเพราะยังไม่รู้ว่าอาจูเป็นตายร้ายดียังไงในตอนนี้

ซิ่วเอ็งยังคงสวดมนต์เคาะกระดองเต่าอยู่หน้าภาพเทพเจ้าเตาไฟ
"ถึงเวลาแล้ว..ถึงเวลาแล้ว วันนี้แหละ วันตายของลูกมัน"
ซิ่วเอ็งเคาะกระดองเต่าถี่ๆและสวดมนต์เสียงดังขึ้นๆ

บริเวณหน้าศาลเจ้า ทรงกลดกระชับท่อนไม้ในมือแล้วค่อยๆ ถอยออกห่างมาเพื่อเตรียมรับมือ เจ้าของปืนเดินออกมาจากมุมมืดกำลังถึงจุดที่แสงจันทร์จะส่องให้เห็นหน้าว่าเป็นใคร แต่ทรงกลดตัดสินใจพุ่งชนเสียก่อน โดยใช้ท่อนไม้ฟาดมือชายลึกลับจนปืนหลุดมือกระเด็นไปไกล
ชายลึกลับเซกลับเข้าไปในมุมมืด ทรงกลดตามไปจะซัดด้วยท่อนไม้ต่อ
ชายลึกลับหลบได้ทันอย่างคนรู้ทางกันแล้วหันกลับมาแย่งท่อนไม้จากทรงกลด ทั้งคู่ซัดกันด้วยมือเปล่าในมุมมืด
สุดท้ายทรงกลดกระชากคอเสื้อชายลึกลับไว้ได้ ทั้งคู่หลุดออกมาจากมุมมืดสู่จุดที่มีแสงสว่างสลัวๆ
ทรงกลดเงื้อมือจะชกหน้าเข้าให้ แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าเป็นอัน
"อาอัน"
ทรงกลดปล่อยมือจากอัน
"เล่นอะไรของแก"
"ไม่ได้เล่น! แค่อยากรู้ว่า นายน้อยจะสู้กับผมด้วยมือเปล่าได้ยังไง"
"แล้วเป็นไงล่ะ สุดท้ายฉันก็ชนะแกเหมือนทุกครั้ง"
"คราวนี้ผมอ่อนข้อให้ต่างหาก นายน้อยไม่เคยให้ปืนอยู่ห่างตัวเลย เวลาอย่างนี้ไม่น่าประมาท" อันยิ้มมีนัย "ผมว่า มันต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ!"
ทรงกลดระแวงหน่อยๆ
"แกมาถึงนานแล้วหรือยัง"
"ก็นานพอที่ได้เห็นนายน้อยกับคุณจู."
ทรงกลดรีบเปลี่ยนเรื่อง
"แล้วแกตามหาฉันเจอได้ยังไง"
"ผมสะกดรอยตามไอ้อิกมา ผมพยายามจะสกัดมันไว้ แต่พวกมันมากกว่าก็เลยได้แต่ตามหลังพวกมันมาเรื่อยๆ ตอนนี้พวกมันไปทางหมู่บ้านชาวเลโน่น ไม่น่าจะย้อนกลับมาทางนี้อีก"
"มีแกคนเดียวเท่านั้นที่รู้ทันฉันว่า ฉันจะเลือกหนีไปทางไหน"
ทรงกลดตบไหล่อันอย่างพอใจ
"ผมแค่รู้ทัน แต่ไม่รู้ใจใช่มั้ยครับ เพราะคนรู้ใจอยู่โน่น"
อันทำบุ้ยใบ้ไปทางข้างในศาลเจ้าร้าง
อันพูดแหย่
"ผมต้องขอโทษจริงๆที่มาขัดจังหวะ นายน้อยจะลงโทษผมยังไง ผมยอมทั้งนั้น! ผมคงไม่ต้องหลับตาก่อนใช่มั้ยครับ"
ทรงกลดเก้อเขินที่รู้ว่าอันได้เห็นอะไรไปบ้าง เขาตบไหล่อันอีกครั้งและหนักกว่าเดิม
"โชคดีนะที่ตอนนี้ฉันไม่มีปืนอยู่ในมือ"
ทรงกลดมองอันอย่างหมายหัวแต่อันยิ้มเฉยอย่างไม่เกรงกลัว โดยอันเดินตามหลังทรงกลดมา ทำให้ภาพดูคล้ายๆกับว่าทรงกลดถูกอันควบคุมตัวมา
"หยุดเดี๋ยวนี้นะ"
ทรงกลดกับอันหันไปตามเสียงแล้วต้องอมยิ้ม
อาจูถือปืนไว้ สองมือสั่นเทาด้วยความตื่นเต้น อาจูถือปืนแบบง่อนแง่นๆและเมื่อเห็นว่าเป็นอันเข้ามากับทรงกลดก็แปลกใจ
"คุณอัน"
ทรงกลดกับอันเข้าประชิดตัวอาจูแล้วปลดอาวุธดึงปืนมาทีละกระบอกอย่างง่ายดายในพริบตา
"ดีนะที่ปืนไม่มีกระสุน"
อาจูเหวอ
"อ้าว! ไม่มีกระสุนหรอกเหรอคะ แล้วนี่คุณอันมาได้ยังไงคะ"
"เรื่องนั้นไม่สำคัญเท่ากับว่าเราจะออกไปจากที่นี่ได้ยังไง"
อันหันไปทางทรงกลดเป็นการปรึกษา
"ถึงพวกไอ้อิกจะตามนายน้อยไปผิดทาง แต่เราก็ไม่รู้ว่า มันจะวางคนรอดักเราไว้ที่จุดไหนบ้าง"
"ลำพังเราสองคนคงหลบหลีกพวกมันไปได้ แต่นี่เรามีผู้หญิงมาด้วย ฉันว่ารอให้เช้าก่อนดีกว่า แล้วค่อยหาทางไปจากที่นี่"
อาจูน้อยใจ
"นี่คุณหาว่าฉันเป็นภาระของคุณเหรอคะ"
"ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เพียงแต่มีเธอมาด้วย เราก็ต้องระวังตัวมาก
กว่าเดิมเท่านั้นแหละ"
"ก็ความหมายเดียวกันแหละ ฉันเป็นตัวถ่วงที่ทำให้พวกคุณหนีไปตอนนี้ไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน คุณก็ไม่คงถูกจับตัวมา ฉันมีแต่สร้างปัญหาให้คุณ ปกป้องตัวเองก็ไม่ได้ แต่ฉันจะบอกให้นะว่า ฉันดูแลตัวเองได้ เชื่อมือกันซักนิดก็ไม่มี"
ทรงกลดเอาปืนกระบอกเล็กยัดใส่มืออาจูเพื่อให้หยุดพูด
"ฉันยกให้"
อันมองทรงกลดอย่างไม่เห็นด้วย
"ฉันไม่เชื่อมือเธอหรอก แต่เชื่อใจ"

อาจูยิ้มกว้างอย่างดีใจที่ทรงกลดวางใจในที่สุด อันแอบส่ายหน้าใส่ทรงกลดอย่างไม่เห็นด้วย

เลือดมังกร : สิงห์ ตอนที่ 4 (ต่อ)

อาจูนั่งหน้าตาเหรอหรามองทรงกลดกับอันที่กำลังตรวจเช็คปืนของตัวเองอยู่ อาจูจ้องมองเขาที่กำลังบรรจุกระสุนให้ดูเป็นตัวอย่าง
 
"นี่...ใส่กระสุนแบบนี้"
ทรงกลดใส่กระสุนจนเสร็จสรรพแล้วส่งปืนกระบอกเล็กให้กับอาจู อาจูรีบลุกขึ้นยืนแล้วยกปืนขึ้นเล็งทำท่าจะลองยิงทันที
"เดี๋ยวๆ เดี๋ยวก่อน..เอากระสุนออกก่อนดีกว่า"
ทรงกลดรีบดึงปืนกลับมาเพื่อเอากระสุนออกหมด
ทรงกลดส่งปืนให้อาจูใหม่ เธอจับปืนอย่างคนที่จับปืนไม่เป็นด้วยท่าทางเก้ๆกังๆ
"จับปืนให้มั่นๆ แบบนี้"
ทรงกลดเอามือโอบรอบตัวอาจูไว้แล้วเอามือทาบลงไปที่มืออาจูพยายามช่วยยึดปืนให้มั่นคง
"จับปืนแบบนี้ แล้วเล็งไปข้างหน้า"
อันมองทรงกลดที่สอนการยิงปืนให้อาจูอย่างแนบชิดเหลือเกิน จนต้องกระแอมไอออกมาเพื่อให้รู้ตัว อาจูรีบเบี่ยงตัวออกจากอ้อมกอดของทรงกลด
"ผมไปนอนข้างนอกนะครับ จะได้เฝ้ายามไปด้วย"
"เฮ้ย! ไม่ต้อง"
"ปากตรงกับใจหน่อยครับ นายน้อย"
อันเดินยิ้มออกไปอย่างขำๆ อาจูถอยห่างออกจากทรงกลดไปอีกอย่างเก้อเขิน เขาก้าวไปดึงตัวเธอให้มาใกล้ๆตัว
"หนีไปไหน จะเรียนไม่เรียน"
ทรงกลดดึงตัวอาจูมาโอบตัวไว้หลวมๆ สอนการยิงปืนแบบใกล้ชิดอย่างเนียนๆไป อาจูเงยหน้าทรงกลดที่ก้มหน้าลงมาใกล้ๆ เขายิ้มให้อย่างไม่รู้ไม่ชี้
ทรงกลดดันหน้าอาจูให้หันมองตรงไปข้างหน้า
"มองตรงไปข้างหน้า สมมุติว่าแจกันตรงนั้นเป็นเป้าหมาย เล็งตรงไป"
ทรงกลดจับมืออาจูไว้ให้เล็งปืนไปยังแจกันที่หลงเหลืออยู่ในศาลเจ้าร้าง
ทรงกลดปล่อยมือจาก อาจูยืนนิ่งและเล็งปืนอย่างแน่วแน่ แล้วเหนี่ยวไกปืนแล้วยิงออกไปยิ้มอย่างมั่นใจขึ้นเมื่อรู้สึกเริ่มคุ้นเคยกับปืน
"ไม่ยากอย่างที่คิด"
"เราใช้ปืนเมื่อจำเป็นเท่านั้น แล้วฉันก็หวังว่า เธอจะไม่ต้องใช้มัน เพราะฉันมีหน้าที่ที่จะต้องปกป้องเธออยู่แล้ว"
"ฉันบอกแล้วว่า ฉันปกป้องตัวเองได้"
"ฉันรู้ว่า เธอเก่ง แต่ฉันอยากปกป้องและดูแลเธอ ไม่ใช่แค่วันนี้ แต่ตลอดไป"
ทรงกลดดึงเธอเข้ามากอดไว้

หน้าศาลเจ้าร้างในคืนพระจันทร์เต็มดวง อันเดินสำรวจตรวจดูความปลอดภัยโดยรอบแล้วมาหยุดประจำการอยู่ที่ประตูหน้าทางเข้า เขายืนนิ่งมองไปที่พระจันทร์เต็มดวงบนท้องฟ้า
อันหลับตาราวกับได้ยินเสียงเพลงเศร้านั้น

เครื่องเล่นแผ่นเสียงกำลังเล่นเพลงเศร้าสร้อยนั้น หยกมณีหยิบกลีบดอกกุหลาบสีชมพูที่แห้งกรอบใส่ลงในกล่องไม้เล็กๆทีละกลีบๆ พลางเพลงเบาๆตามเสียงเพลงจากแผ่นเสียง เธอเก็บกลีบดอกกุหลาบใส่กล่องจนหมดแล้วถือกล่องไม้ไปยืนที่ริมหน้าต่าง
หยกมณีแหงนหน้ามองพระจันทร์แล้วกอดกล่องไม้ไว้แนบที่หัวใจ
"เฮีย..หยกรออยู่นะ"
หยกมณีหลับตาฟังเสียงเพลงรักหวานเศร้าที่ยังคงดังคลออยู่

ภายในห้องนอน หมงยืนนิ่งคิดด้วยความเครียดกับการรอคอยฟังข่าวทรงกลด
เหมยลี่เปิดประตูเดินเข้ามา หมงหันไปมองอย่างไม่พอใจ
"เข้ามาทำไม"
"ไม่มีใครเห็นหรอกน่า คนของเธอส่งข่าวมาบ้างหรือยัง"
"ยัง! ป๊าระดมคนออกไปตามหาทรงกลด แต่ไม่มีใครได้เบาะแสอะไรกลับมาเลย แสดงว่าพรุ่งนี้เราคงจะได้ข่าวดี"
"เธอจะมาคาดการณ์เอาเองอย่างนี้ไม่ได้ นี่เธอไม่คิดจะทำอะไรบ้างเลยเหรอ"
"เธอจะให้ฉันทำอะไร ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ตอนนี้ไอ้ทรงกลดอยู่ที่ไหน"
"แล้วเธอรู้อะไรบ้าง เธอไม่บอกว่าเธอร่วมมือกับใคร ก็ไม่เป็นไร แต่ระวังเถอะ เธอจะโดนตลบหลังเอา เรื่องแบบนี้ไว้ใจใครได้ที่ไหน ถ้างานครั้งนี้ไม่สำเร็จ เราก็อย่าเสี่ยงอีกเลยนะ"
"เธอเป็นคนเร่งให้ฉันกำจัดไอ้ทรงกลดเอง"
"ก็ตอนนั้นฉันไม่แน่ใจนี่ว่า นายใหญ่จะให้เธอขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งหรือเปล่า แต่ตอนนี้เหตุการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว เธออดทนรออีกไปซักหน่อย"
"ฉันจะไม่อดทนอีกต่อไปแล้ว ฉันทำงานรับใช้ป๊ามาเป็นสิบปี ถึงเวลาที่ฉันจะต้องได้รับผลตอบแทนแล้ว ไม่มีไอ้ทรงกลดซักคน ฉันจะได้ทุกอย่างที่ฉันต้องการ ถ้าฉันไม่ได้ อย่าหวังว่าแก๊งเขี้ยวสิงห์จะอยู่ได้"
"อย่างเธอจะทำอะไรได้"
"ฉันทำเองไม่ได้ แต่ฉันยืมมือคนอื่นได้นี่ แก๊งเขี้ยวสิงห์มีศัตรูรอบด้าน หนำซ้ำ ยังจะขึ้นครองอำนาจต่อจากแก๊งหงส์ดำ ใครๆก็อยากช่วยฉันกำจัดทั้งนั้น แก๊งใหญ่ๆอย่างนี้ เวลาล้ม..ล้มดังซะด้วยสิ!"

หมงเริ่มคลายใจที่เตรียมแผนสำรองต่อไปได้

อาจูนั่งห่มผ้าอยู่หน้ากองไฟแต่ก็ยังหนาวอยู่ ทรงกลดเดินมานั่งข้างๆ เธอขยับตัวออกห่างอย่างเก้อๆเขินๆ
 
ทรงกลดเอามือยื่นออกไปผิงไฟ
"ไม่คิดจะแบ่งผ้าห่มกันบ้างเหรอ"
"แบ่งยังไงคะ เรามีผ้าห่มแค่ผืนเดียว"
"ไม่เห็นจะยาก"
ทรงกลดขยับตัวอย่างเร็วเข้าไปซุกตัวใต้ผ้าห่มเดียวกับอาจูทันที
อาจูขยับตัวออกแต่ทรงกลดดึงตัวไว้แล้วพันผ้าให้แน่นจนอาจูขยับหลุดไปไม่ได้
ทรงกลดแหย่
"เป็นอะไรไป ทำไมไม่กล้ามองหน้าฉัน"
อาจูหันขวับมาจ้องหน้าทรงกลดทันที
"ล้อฉันเล่นอย่างนี้ สนุกมากใช่มั้ยคะ คุณถือว่าเป็นผู้ชาย พูดอะไรก็พูดได้โดยไม่ต้องคิด แต่รู้มั้ยว่า ฉัน...ฉัน"
"คิด!"
"ฉันไม่ได้คิด! ฉันไม่เชื่อคำพูดของคุณ คุณเห็นฉันเป็นของเล่น นึกสนุกอยากทำอะไรก็ทำ อยากพูดอะไรก็พูด"
"เธอรู้ว่า ฉันพูดจริง แต่เธอเองต่างหากที่ไม่กล้าที่จะเชื่อ"
ทรงกลดจ้องไปที่ตาของอาจูเพื่อบอกความรู้สึกโดยไม่ต้องพูดต่ออีก
"เป็นไปได้ไง..เราเพิ่ง"
"เวลาไม่ใช่เงื่อนไขสำหรับเราสองคน แต่ถ้าเธอเห็นว่าเร็วเกินไป เรายังมีเวลาทำความรู้จักกันไปอีกนาน นอนเถอะ ง่วงแล้ว"
ทรงกลดแกล้งล้มตัวลงนอน ทำให้อาจูต้องล้มลงไปนอนด้วยเพราะพันอยู่ในผ้าห่มเดียวกัน
"คุณที"
ทรงกลดกับอาจูนอนแนบชิดจนหน้าแทบจะชนกัน
"ตาเธอสวยเหมือนไข่มุก สวยสมชื่อ อาจู"
ทรงกลดเริ่มจะบังคับใจตัวเองไม่ได้ ขยับเข้าไปใกล้และใกล้อีกจนปากทรงกลดเกือบจะแตะปากของอาจู
"เรายังมีเวลาทำความรู้จักกันไม่ใช่เหรอคะ"
ทรงกลดชะงักกึกอย่างได้สติ
"ได้ รอให้เราหนีรอดไปได้ก่อน ต่อไปเธอจะต้องอยู่ข้างๆฉัน ไม่ใช่ในฐานะผู้ช่วยนายน้อย แต่ในฐานะผู้หญิงของนายทรงกลด! Good night"
ทรงกลดจูบหน้าผากอาจูเบาๆแล้วหลับตานอนง่ายๆอย่างนั้น
อาจูนิ่งอึ้งไปแล้วได้สติพยายามคลายผ้าห่มออกแล้วขยับตัวให้ห่างจากทรงกลดที่สุด แต่ดึงผ้าห่มให้หลุดออกไม่ได้เพราะทรงกลดนอนทับปลายผ้าอีกด้านไว้อยู่ อาจูได้แต่หลับตาแล้วหันหลังให้ทรงกลด
อาจูอดที่จะตะแคงตัวหันกลับมามองทรงกลดจากด้านหลังไม่ได้
ทรงกลดหันหน้ากลับมามองอาจูโดยที่อาจูตั้งตัวไม่ทัน
"นอนซะ"
ทรงกลดมองอาจูยิ้มๆ แล้วรีบตะแคงตัวกลับไปทันทีแล้วหลับตาแต่ยังไงก็หลับไม่ลง
อาจูลืมตาโพลงทันทีที่รู้สึกว่าทรงกลดกำลังเคลื่อนไหว เธอเริ่มลุ้นใจระทึกอีกครั้งแล้วค่อยๆหันไปมองทางด้านหลัง แต่กลับพบว่าที่ทรงกลดขยับตัวไม่ได้ขยับมาใกล้ แต่ขยับลุกออกไปนั่งอยู่ข้างกองไฟ
อาจูนอนห่มผ้าคนเดียวมองไปที่ทรงกลดอย่างรู้สึกอบอุ่นที่หัวใจ

บรรยากาศเช้ามืดของศาลเจ้าร้าง อันนั่งหลับตาพิงประตูทางเข้าของศาลเจ้าอยู่
เสียงสวบสาบของการเคลื่อนไหวดังขึ้นเพียงเบาๆ อันลืมตาขึ้นทันที แต่ก็เห็นเพียงแมวที่วิ่งผ่านหน้าไป

อันมองไปรอบๆอย่างแน่ใจแล้วว่าพวกของอิกไม่มีวี่แววว่าจะโผล่มา

ทรงกลดเปลี่ยนใส่ชุดเดิมมีรอยเปื้อนเลือดที่ถูกยิง ยืนอยู่หน้าผ้าที่ขึงกั้นเป็นที่เปลี่ยนชุด
 
"เสร็จหรือยัง"
อาจูกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างเร็วหลังผ้าที่กั้นกลาง
"จะเสร็จแล้วค่ะๆ"
"เร็วๆ"
ทรงกลดแกล้งเร่งอาจูยิกๆ
"เสร็จแล้วๆ"
ทรงกลดแกล้งเขย่งขายื่นหน้าชะโงกมองข้ามผ้ากั้นกลาง อาจูหันมามองแล้วตกใจแม้จะแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว
"คุณที"
อาจูถอยหลังหนีแล้วเสียหลัก มือดึงผ้าที่ขึงกั้นกลางไปด้วยแล้วล้มลงไปกองที่พื้น ทรงกลดรีบคว้าผ้าที่ขึงไว้หวังจะช่วยดึงอาจูไว้
แต่เมื่ออาจูล้มลงพร้อมดึงผ้าติดมือไปด้วยก็พาให้ทรงกลดต้องล้มตามไปอีกคน
ทั้งคู่กอดกันดิ้นขลุกขลักๆอยู่ด้วยกันบนพื้น
"ปล่อย! รีบไม่ใช่
"ไม่รีบแล้ว!"
อันเดินเข้ามาหยุดมองทรงกลดที่เล่นกับอาจูเหมือนเด็กๆอย่างหน่ายใจปนขำๆ
"รีบซักหน่อยก็ดีนะครับ"
ทรงกลดกับอาจูหันไปมองอันที่ยืนมอง อาจูรีบลุกขึ้นผละออกจากทรงกลด
"ได้ยาดีอย่างนี้ มิน่าแผลหายเร็ว!"
ทรงกลดค่อยๆลุกขึ้นอย่างรักษามาด ยิ้มให้อันอย่างไม่เก้อเขินแล้วตอนนี้
"ก็แน่อยู่แล้ว"
อาจูรีบเปลี่ยนเรื่อง
"ฉันพร้อมแล้ว ไปกันเถอะค่ะ"
ทรงกลดกับอันหันไปมองอาจูที่รีบดึงปืนออกมาอย่างพร้อมเต็มที่ อาจูชูปืนขึ้นแล้วทำปืนลั่นยิงเปรี้ยงใส่เพดานอย่างไม่ตั้งใจ
ทรงกลดกับอันสะดุ้งตกใจแล้วต้องมองหน้ากันด้วยความหวั่นใจว่าเสียงปืนจะดังไปถึงพวกอิกหรือไม่

ท่ามกลางบรรยากาศซอยบ้านอาจูของกลุ่มคนจีนหาเช้ากินค่ำ ซิ่วเอ็งส่งห่อยาให้กับลูกค้า
"ต้มกินวันละสามเวลาหลังอาหารนะ กินครั้งละชามเดียว ห้ามกินมากกว่านี้ ยาตัวนี้แรงมาก กินมากๆ ทำให้ชักได้ เข้าใจมั้ย"
ลูกค้าพยักหน้าหงึกๆรับรู้อย่างไม่ใส่ใจนัก ส่งเงินให้ซิ่วเอ็งแล้วเดินออกไป
ซิ่วเอ็งหันกลับจะเดินเข้าบ้าน พบว่าเว่ยยืนฟังอยู่แล้ว
"ยาอะไรเหรอ ม่า กินแล้วถึงกับชักเลยเหรอ"
"ยามีส่วนผสมของดอกอู่โถวกินแก้ปวดข้อปวดกระดูก แต่ถ้ากินมากไปก็จะเป็นพิษได้ ไม่แค่ชัก อาจจะถึงสลบไปเลย"
"แล้วทำไมม่าต้องจัดยาแรงๆอย่างนั้นให้เค้า เดี๋ยวเกิดกินผิดกินถูกขึ้นมาจะว่าไง"
"อั๊วก็เตือนอีแล้ว ถ้าอีไม่ระวัง ก็เรื่องของอี"
เว่ยมองซิ่วเอ็งอย่างไม่เห็นด้วย ทำให้ซิ่วเอ็งต้องรีบแก้ตัว
"ลื้อไม่ต้องห่วงไปหรอก ยาที่ขายไปกินทีเดียวหมดห่อก็ไม่ถึงตาย อั๊วไม่เคยขายยาซี้ซั้ว ยาอันตรายที่กินแล้วถึงตาย อั๊วไม่เคยขายให้ใคร"
"มียาแบบนั้นด้วยเหรอ"
"มีสิ..มีทั้งยาที่กินแล้วตายทันที หรือตายอย่างช้าๆ มีทั้งนั้น" ซิ่วเอ็งยิ้มเยือกเย็น
เง็กเดินออกมาเตรียมที่จะไปหาข่าวอาจู
"วันนี้อยู่ช่วยอาม่านะ เว่ย"
"ม้าแหละอยู่บ้านดีกว่า ไม่ได้นอนทั้งคืนจะเอาแรงที่ไหนไปหาข่าวแจ้จู ผมไปเอง รอฟังข่าวดีนะ ม้า"
เว่ยรีบออกไปทันที เง็กทรุดตัวลงนั่งอย่างอ่อนแรง
"ทำใจเผื่อไว้บ้างนะ อาเง็ก"
"ม้าอย่าพูดอย่างนี้สิ"
"เอาล่ะๆ ไม่พูดแล้วก็ได้ เหล่าเอี้ยปอห่อ* สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต้องคุ้มครองคนดีๆอยู่แล้ว"

ซิ่วเอ็งหันไปเกลี่ยยาที่ตากอยู่ในกระด้งอย่างนิ่งๆเงียบๆและยิ้มอย่างพอใจที่ยังไม่มีข่าวจากอาจู

* เหล่าเอี้ย - เทพเทวดา, ปอห่อ - ปกป้องคุ้มครอง

อันเดินนำหน้าออกมาจากทางศาลเจ้าร้าง ทรงกลดกับอาจูเดินตามหลังมาอย่างระมัดระวัง
 
อันหยุดชะงักเมื่อเห็นว่าข้างหน้ามีการเคลื่อนไหวผิดปกติ ทรงกลดดึงอาจูเข้าไปหลบหาที่กำบังทันที ส่วนอันแยกไปหลบอีกด้าน พร้อมๆกับปืนลั่นมาก่อนที่จะเห็นอิกกับสมุนสี่คนที่ดาหน้าเข้ามา
ทรงกลดกับอันช่วยกันยิงสกัดไม่ให้อิกเข้ามาใกล้ได้ ทั้งสองฝ่ายต่างยิงโต้กันไปมาอย่างไม่ได้หยุด อาจูถือปืนไว้มั่นแต่ไม่กล้าขยับทำอะไร
ทรงกลดตะโกนบอกอัน
"กลับไปที่ศาลเจ้ากันก่อน"
"ล่วงหน้าไปก่อนเลย"
อันยิงใส่อิกกับพวกเพื่อคุ้มกันให้ ทรงกลดรอจนได้จังหวะก็ดึงอาจูวิ่งออกไปทันที อันยิงตอบโต้พลางถอยหนีไปพลางแล้วยิงสมุนอิก 4 ล้มลงไปทำให้อิกกับสมุนหยุดชะงัก
อันได้โอกาสถอยหนีออกมาได้
ทรงกลดกับอาจูวิ่งกลับเข้ามาตั้งหลักในศาลเจ้าร้าง อันตามเข้ามาได้ในอีกชั่วอึดใจ
"ผมจัดการไปแล้วหนึ่ง ตอนนี้พวกมันเหลือกันแค่สามคน"
"อาจูไปหลบตรงโน้น ไป"
"แต่ฉันมีปืน"
"บอกให้ไป"
อาจูเดินไปหลบอยู่ห่างจากประตูและหน้าต่างของศาลเจ้า
ทรงกลดกับอันต่างแยกกันไปประจำอยู่ที่หน้าต่างคนละบานหรือคนละมุมเตรียมที่จะจัดการอิกกับสมุน
ทรงกลดกับอันบรรจุกระสุนจนเต็มรังเพลิง ทั้งคู่หันมามองหน้ากันอย่างมั่นใจ

อิกกับสมุน 3 คน ตามมาจนถึงหน้าศาลเจ้า
ทรงกลดหันไปมองอัน
"เฮ้ย! ฉันก่อน"
ทรงกลดยิงเปรี้ยงออกไปอย่างแม่น
กระสุนของทรงกลดแล่นไปที่ต้นขาของสมุนอิก3 อย่างฉับไวไม่ให้ทุกคนได้ตั้งตัว
สมุนอิทรุดฮวบลงไปกับพื้น อิกกับสมุนอีกสองคนแตกฮือหาที่หลบกระสุน
"ทำไงดีครับ นาย"
"ฆ่ามัน! ยังไงวันนี้มันก็ต้องตาย"
อิกกับสมุนทั้งสองยิงกับทรงกลดและอันที่อยู่ในศาลเจ้าอย่างสนั่นหวั่นไหว
ทรงกลดกับอันโผล่หน้าไปยิงโต้ตอบแล้วทรุดตัวลงเพื่อกลับมาบรรจุกระสุนใหม่
ทรงกลดบอก
"ให้ฉันจัดการไอ้อิกเอง!"
อาจูมองทรงกลดที่มีสีหน้าโหดผิดจากที่เคยเห็นแล้วทำให้รู้สึกไม่เหมือนทรงกลดที่รู้จัก
อิกโผล่หน้าออกจากที่กำบังเพื่อยิงใส่ทรงกลดอย่างไม่ยั้ง
สมุนอิก 2 บอก
"ลูกน้องมันตามมาช่วยแล้ว ไม่รู้จะมีใครแห่กันมาอีกนะ นาย"
สมุนอิก1บอก
"เราถอยดีกว่า"
"ไม่ถอยเว้ย! ไม่มันก็กูที่จะต้องตายไปข้างนึง"
สมุนอิก2 บอก"รมควันให้มันออกมามั้ย ทีนี้ก็เก็บทีละคนๆสบายๆ"
อิกนึกได้
"รมควันทำไมให้เสียเวลาวะ เผามันเลย!"
อิกยิ้มเหี้ยมอย่างสะใจ

อาจูก้มหัวลงต่ำเพื่อหลบกระสุนแล้ววิ่งตรงไปหาทรงกลด
"กลับเข้าไป ไป"
"คุณจะฆ่าพวกมันเหรอคะ"
"ฉันไม่มีทางเลือก"
"แต่เราน่าจะหาทางหนีได้ โดยที่ไม่ต้องฆ่าใคร ยังไงบ้านเมืองเราก็ยังมีกฎหมาย แล้วอีกอย่างถ้าเราฆ่าพวกมันตายหมด เราก็จะไม่รู้ว่าใครเป็นคนบงการ"
"นายน้อย!"
ทรงกลดกับอาจูหันไปมองอันที่กำลังเอาผ้าผืนใหญ่ปิดคลุมกิ่งไม้ติดไฟที่ถูกขว้างเข้ามาในศาลเจ้า
ทรงกลดกับอาจูรีบลุกขึ้นไปหาทางช่วยอันดับไฟ ไฟจากไม้ที่ถูกขว้างเข้ามาทำให้ไฟเริ่มไหม้หลายแห่งในศาลเจ้า ควันเริ่มลอยโขมงไปทั่วทั้งศาลเจ้า ทั้งสามช่วยกันเอาผ้าที่มีคลุมดับไฟเท่าที่ทำได้

สมุนอิก 2 คนกำลังช่วยกันขว้างกิ่งไม้ติดไฟใส่ศาลเจ้าร้าง อิกยืนดูผลงานอย่างพอใจ
ทรงกลดกับอันไม่สามารถจะทำอะไรได้ กิ่งไม้ติดไฟถูกขว้างไปบนหลังคาศาลเจ้า ไฟเริ่มลุกลามมากขึ้นทุกทีๆ
"ไอ้ทรงกลด! คราวนี้แกตายแน่! ไม่เหลือแม้แต่ซาก"
หลังคาบางส่วนของศาลเจ้าถล่มลงเพราะไฟเผาจนมอด อิกหันหลังเดินออกมาอย่างพอใจ
"นาย..แล้วลูกน้องผมล่ะ"
อิกหันไปมองสมุนอิก2 ที่เข้าไปประคองสมุนอิก3ที่โดนทรงกลดยิงเข้าที่ต้นขาที่เป็นจุดเส้นเลือดใหญ่ จนเลือดไหลทะลักเห็นได้ว่าอาการสาหัสมาก
"ทิ้งไว้นี่แหละ"
"นาย!"
"หมดประโยชน์แล้ว เอาไว้ทำไมวะ"
อิกยกปืนยิงเข้าที่หัวใจของสมุนอิก3 ตายในทันที
"มึงสองคนก็หมดประโยชน์แล้วเหมือนกัน"
อิกหันไปยิงสมุนอีกสองคนที่ยืนตกใจไม่คาดคิดว่าอิกจะฆ่าปิดปาก สมุน 2 คน โดนอิกยิงตายร่วงไปทีละคน อิกเก็บปืนแล้วเดินออกไปอย่างสบายอารมณ์

ทรงกลดกับอาจูช่วยกันเอาผ้าผืนใหญ่คลุมลงที่กิ่งไม้ซึ่งติดไฟ แต่ดับไม่ทันกับไฟที่เริ่มลามไปทั่วแล้ว ควันไฟเริ่มหนาทึบขึ้นทุกทีๆ
อาจูแสบตาจนมองอะไรไม่เห็น ไอสำลักควันไฟจนแทบจะหมดสติ ทรงกลดกดหัวอาจูให้ก้มต่ำลงเพื่อที่จะได้ไม่หายใจเอาควันเข้าไปมากกว่านี้ เขาหันไปมองอันที่พยายามจะพังผนังในส่วนที่เริ่มทลายลง
"เราหาทางหนีทางอื่นดีกว่า"
"ทางด้านหลังครับ"
อันเดินนำหน้าออกไป แต่ต้องชะงักเมื่อคานไม้ไฟลุกท่วมหล่นพลั่กมาตรงหน้า ทรงกลดประคองอาจูฝ่าควันไฟออกมา
อันมองไปรอบๆที่มีไฟลุกลามไปเป็นจุดๆ หาช่องว่างได้ยาก อาจูทรุดฮวบหมดสติเพราะสูดควันไฟเข้าไปจนขาดอ็อกซิเจน
"อาจู"
ทรงกลดรีบอุ้มอาจูขึ้นมาทันที
ทรงกลดเร่งอัน
"ทางไหน"
อันเดินนำทางไปหลบเลี้ยวหนีลูกไฟที่ร่วงหล่นจากเพดานไม่หยุด ทรงกลดอุ้มอาจูก้าวตามหลังอันไปติดๆ

อันเดินนำทางมาจนถึงทางด้านหลังศาลเจ้า ไฟลามมาตลอดทางจนทุกส่วนของสิ่งก่อสร้างที่ล้มครืนตามหลัง อันมาถึงประตูด้านหลังแต่ติดแม่กุญแจลูกใหญ่ไว้
อันถีบประตูเท่าไหร่ก็ไม่ขยับจนต้องหันไปหาท่อนเหล็กฟาดไปที่แม่กุญแจอย่างไม่ยั้งมือ
"เร็วเข้า"
เพดานศาลเจ้าส่วนสุดท้ายกำลังถล่มลงใส่คนทั้งสาม
อันฟาดไปที่แม่กุญแจด้วยแรงเฮือกสุดท้ายจนแม่กุญแจหักออก แล้วถีบประตูให้เปิดออกไปพุ่งตัวออกไปพร้อมกับทรงกลดที่อุ้มอาจูตามหลังไป
ทั้งสามหลุดพ้นรอดออกไปจากศาลเจ้าร้างได้ สิ่งก่อสร้างทุกสิ่งอย่างก็ล้มครืนถล่มทลาย
ทรงกลดอุ้มอาจูห่างออกมาจากศาลเจ้าแล้วค่อยๆวางลงกับพื้น
"อาจู! อาจู"
เขาตบหน้าเธอเบาๆแต่อาจูยังคงไม่มีสติอยู่ เขาก้มลงฟังเสียงลมหายใจของอาจูที่แผ่วเบาลงทุกทีๆ อันเดินตามมาหยุดมองอย่างเป็นห่วง
"ฟื้นสิ! อาจู"

ทรงกลดประคองอาจูขึ้นมาเขย่าตัวเบาๆ แต่อาจูก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นได้สติ เขากอดเธอไว้แนบอกอย่างใจเสียและเริ่มหมดหวัง
 
จบตอนที่ 4
กำลังโหลดความคิดเห็น