เลือดมังกร : สิงห์ ตอนที่ 5
ภายในบ้านเง็กถือธูป 5 ดอกไหว้อยู่หน้าตี่จู๋เอี้ย (ศาลพระภูมิแบบจีน)
เง็กพึมพำอธิษฐานขอให้อาจูกลับมาเร็วๆแล้วปักธูป 3 ดอกไว้ที่กระถางธูป แล้วถือธูปอีก 2 ดอกเดินใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวออกไปโดยผ่านหน้าซิ่วเอ็งที่กำลังบดยาสมุนไพรจีนอยู่
เง็กเดินปัดแก้วน้ำที่อยู่บนโต๊ะอย่างไม่ตั้งใจ แก้วน้ำร่วงตกไปที่พื้นแตกเป็นเสี่ยงๆ
"ลางร้าย..อย่างนี้มันลางร้าย" ซิ่วเอ็งโพล่ง
เง็กรีบรวบรวมสติแล้วก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว ซิ่วเอ็งมองตามแล้วบดยาต่ออย่างอารมณ์ดี
เง็กปักธูปที่หมึ่งซิ้ง หรือเทพเจ้าประจำประตู ตรงมุมซ้ายและมุมขวาของทางเข้าบ้าน แล้วชะเง้อมองไปที่ปากซอย แต่ไม่มีวี่แววของอาจูแม้แต่น้อย
เง็กก้มหน้าจะเดินกลับเข้าบ้านอย่างสิ้นหวัง
"ม้า!"
เง็กหันไปเห็นอาจูวิ่งเข้ามากอด
"ม้า! หนูกลับมาแล้ว"
"อาจู"
เง็กดีใจจนพูดไม่ออกได้แต่ลูบหน้าลูบไหล่ลูกสาว
"อาจู"
เง็กดันตัวอาจูออกห่างเพื่อสำรวจดูว่าสภาพลูกสาวเป็นยังไงบ้าง เห็นเสื้อผ้าขาด ผมหลุดลุ่ยหน้ายังมีรอยเปื้อนจากควันไฟเล็กน้อย
"หนูไม่เป็นอะไร ม้า"
ทรงกลดกับอันเดินตามมาด้วยในสภาพที่ไม่ต่างกับอาจูนัก
"ผมขอโทษด้วย"
เง็กตบหน้าทรงกลดฉาดใหญ่ทันที
"ลื้อทำให้ลูกสาวอั๊วเกือบตาย ไป! ไปให้พ้นเลยนะ อย่ามาให้อั๊วเห็นหน้าอีก"
อันขยับตัวจะไปหาเง็ก แต่ทรงกลดยกมือขึ้นห้ามด้วยท่าทีนิ่งเฉยพร้อมที่จะรับโทษจากเง็กอยู่แล้ว ซิ่วเอ็งได้ยินเสียงเง็กเอะอะโวยวายเลยเดินออกมาดู
ซิ่วเอ็งไม่ได้ยินดีสักนิดที่เห็นอาจูกลับมา กลับจ้องหน้าทรงกลดนิ่งอย่างจดจำว่านี่คือลูกของศัตรู
"ม้า! ไม่ใช่ความผิดของคุณทีนะ"
"เรื่องนี้เป็นความผิดของผมคนเดียว ผมยินดีทำทุกอย่างเพื่อชดใช้ความผิดครั้งนี้"
แต่เง็กไม่ฟัง
"อั๊วบอกให้ไปไง!"
"ผมไม่ไปจนกว่าซิ่มจะรับคำขอโทษจากผม"
"อั๊วไม่มีวันยกโทษให้คนแก๊งเขี้ยวสิงห์! ต่อไปนี้ลื้อห้ามมาเจอกับอาจูเด็ดขาด"
เง็กคว้ามืออาจูแล้วลากเข้าตัวบ้านโดยผ่านหน้าซิ่วเอ็งไป
"กลับเถอะครับ นายน้อย"
ทรงกลดยังยืนนิ่งอย่างเสียใจ
"นายน้อยครับ"
ทรงกลดเดินออกไป อันเดินตามหลังไปช้าๆ
"มันไม่ตาย! ทำไมมันไม่ตาย"
ซิ่วเอ็งมองตามหลังทรงกลดด้วยความเคียดแค้น
ในบ้านทรงกลด ตงยืนนิ่งอย่างรอคอยพร้อมกับปอที่ยืนอยู่เยื้องด้านหลังพร้อมลูกน้อง 4-5 คน เหมยลี่เดินเข้ามาหยุดเคียงข้างตงด้วยท่าทางร้อนรน
"นายใหญ่คะ เรื่องจริงหรือคะที่ว่านายน้อย"
ตงมองเหมยลี่อย่างดุๆจนเหมยลี่ต้องสงบปากสงบคำไป
หมงเดินตรงเข้ามาหาตงด้วยสีหน้าที่พยายามฝืนปั้นยิ้ม
"คนของเราได้ข่าวมาแล้ว เป็นข่าวดีครับ ป๊า"
เหมยลี่หน้าเสียทันทีที่ได้ยินข่าวว่าทรงกลดไม่ตาย
"แต่ฉันว่าเป็นข่าวร้ายซะมากกว่า"
ทุกคนหันไปมองทรงกลดกับอันที่เดินเข้ามา
หมงกับเหมยลี่พยายามซ่อนความผิดหวังไว้ แต่เหมยลี่ตีบทไม่แตกเท่าหมง
"นายน้อยทำไมพูดอย่างนั้นล่ะครับ" ปอถาม
ทรงกลดเดินไปหยุดตรงหน้าตงที่ยืนมองหน้าทรงกลดด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
"เสียใจด้วยนะครับ ป๊า ที่ผมยังไม่ตาย"
"อย่ามาพูดคำอัปมงคลในบ้านนี้ กลับมาอย่างปลอดภัยก็ดีแล้ว ทีหลังก็หัดรู้จักระวังตัว ทำให้คนทั้งบ้านวุ่นวายไปหมด"
ตงเดินออกไป ทิ้งให้ทรงกลดยืนโกรธที่ตงไม่ได้ความห่วงใยเลย
เหมยลี่เสียงเบา
"อาหมง"
หมงถลึงตาให้เหมยลี่ เขาเก็บอาการที่จะทำให้คนอื่นจับพิรุธได้
"พวกเราทุกคนดีใจที่เห็นนายน้อยกลับมานะครับ ... ดีมาก อาอัน ดีมาก!"
ปอตบไหล่อันอย่างชมเชยและดีใจที่ได้เห็นหน้าลูกชายอีกครั้ง
ทรงกลดหันมามองปอกับอันแล้วต้องสะท้อนใจ
ตงถือธูป 1 ดอกคุกเข่าอยู่หน้าแท่นบูชาป้ายบรรพชน พึมพำขอบคุณที่บรรพชนช่วยปกป้องคุ้มครองทรงกลด
ตงลุกขึ้นไปปักธูปที่กระถาง ปอเดินเข้ามาหยุดรออยู่ด้านหลัง
"ไปเรียกทรงกลดมาไหว้ขอบคุณบรรพชน"
"นายน้อยออกไปข้างนอกแล้วครับ"
"ออกไปไหนอีก"
"ออกไปคิดบัญชีครับ"
"มันรู้เรอะว่า ใครเป็นคนบงการ"
"เห็นว่าจะไปบ้านเสี่ยเคี้ยงครับ"
ตงเหนื่อยใจที่ทรงกลดออกไปหาเรื่องอีกแล้ว
ทรงกลดกับอันในชุดใหม่ เดินมาหยุดที่หน้าบ้านเสี่ยเคี้ยง
อันค้าน
"นายน้อยครับ"
"ฉันรู้น่าว่า ไม่ใช่ฝีมือไอ้เสี่ยเคี้ยง ยังไงเราก็ว่างๆ ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว น่าจะเข้าไปเยี่ยมไอ้อิกมันซักหน่อย"
"อยากซัดหน้าใครซักคน ว่างั้น แต่ไงก็แก้ปัญหาไม่ได้หรอกนะครับ ยังไงนายน้อยคงไปหาคุณจูไม่ได้อีกแล้ว"
ทรงกลดชะงักนิ่งเมื่อนึกถึงปัญหาที่ยังแก้ไม่ตกเรื่องอาจู
อาจูมองเง็กกำลังเช็ดหน้าให้อยู่
"ม้า"
เง็กจับหน้าอาจูนิ่งเพื่อดูว่าบาดเจ็บอะไรมาบ้างแล้วแต้มยาแดงใส่แผลเล็กๆที่หน้าให้
"หนูขอโทษนะที่ทำให้ม้าเป็นห่วง หนูรับรองได้เลยว่า จะไม่เกิดเรื่องอย่างนี้อีก ให้หนูกลับไปทำงานเถอะนะ ม้า"
"ไม่ได้"
เว่ยวิ่งเข้ามา
"แจ้จู"
เว่ยโผเข้าไปกอดอาจูไว้อย่างดีใจ
"ผมนึกแล้วว่า แจ้จูจะต้องปลอดภัยกลับมา ยังไงเฮียทรงกลดก็จะต้องปกป้องแจ้จูได้แน่ แล้วเกิดอะไรขึ้น รู้หรือยังว่าไอ้พวกที่จับเฮียทรงกลดกับแจ้จูไป มันเป็นใครถ้ารู้ว่าเป็นแก๊งไหน เราต้องไปล้างแค้น"
"อาเว่ย! ห้ามพูดเรื่องแก๊งเจ้าพ่อในบ้านนี้"
เง็กมองอาจูกับเว่ยด้วยสายตาเฉียบขาด
"ม้าขอสั่งห้ามไม่ให้พวกลื้อไปยุ่งเกี่ยวกับคนแก๊งเจ้าพ่อไม่ว่าจะเป็นแก๊งไหนก็
ตาม"
"ม้าห้ามไม่ได้หรอก ยังไงแจ้จูก็ต้องกลับไปทำงานให้ครบสามเดือนตามสัญญาแล้วที่สำคัญแจ้จูรับเงินมาแล้วด้วย"
"เดี๋ยวม้าจัดการเอง"
ซิ่วเอ็งถือชามยาจีนมาส่งให้อาจู
"กินซะ ยาแก้ช้ำใน"
อาจูยิ้มอย่างขอบคุณและดีใจที่ซิ่วเอ็งดีด้วยเป็นครั้งแรกก็ว่าได้
"อาเง็ก..ลื้อจะทำอะไร ก็คิดให้ดีๆ"
"อั๊วคิดดีแล้ว ยังไงอั๊วก็ไม่ยอมให้อาจูกลับไปทำงาน"
เง็กมองอาจูอย่างเอาจริงเคร่งเครียด
"ห้ามไปเจอกับลูกชายแก๊งเขี้ยวสิงห์อีก ไม่งั้นลื้อกับอั๊วขาดกัน"
ซิ่วเอ็งหนักใจเพราะทรงกลดเป็นคนที่จะพาไปใกล้ตงได้
อาจูมองเง็กอย่างเกรงกลัวและหมดหนทางที่จะได้เจอทรงกลดอีก
เล้งเลื่อนซองเอกสารบนโต๊ะให้กับเคี้ยง
"ไม่ดีล่ะมั้ง"
เคี้ยงทำท่าเกรงใจแต่ก็รับซองเอกสารขึ้นมาเปิดดู...เป็นโฉนดที่ดิน
"ลื้อจะยกโรงงานให้อั๊วเปล่าๆ อย่างนี้ได้ไง"
"โรงงานเก่า อั๊วเก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร สู้ยกให้เฮียเอาไปใช้ประโยชน์ดีกว่า โรงงานนี้อยู่ใกล้ท่าเรือ เหมาะที่จะมีไว้ขนถ่ายสินค้าของเฮีย"
"อั๊วขอยืมใช้ชั่วคราว ไม่ต้องถึงกับยกโรงงานให้อั๊วหรอก" เคี้ยงบอก
"เฮียรับไว้เถอะ อั๊วอยากตอบแทนน้ำใจของเฮียมานานแล้ว แล้วอั๊วก็ไม่ใช่คนแก๊งเขี้ยวสิงห์ ยกของให้ใครแล้ว ไม่มีวันทวงคืนอย่างคนไม่มีสัจจะ"
"ที่อั๊วคืนโรงงานให้ทรงกลดไป ไม่ใช่ว่าอั๊วกลัวมันจะมาถล่มบ่อนอั๊วนะ อั๊วแค่ไม่อยากมีเรื่อง"
"อั๊วเห็นใจเฮียตงจริงๆที่มีลูกชายอย่างนี้ นับวันแก๊งเขี้ยวสิงห์ก็มีแต่เสื่อมเสียชื่อเสียง แต่นั่นแหละแก๊งอีเป็นใหญ่มานาน เราคงทำอะไรไม่ได้ อีกไม่นาน แก๊งเขี้ยวสิงห์จะได้คุมสมาคมเลือดมังกรของเรา อั๊วไม่อยากนึกเลยว่า เมื่อถึงตอนนั้นพวกเราจะเป็นยังไง"
"เราก็อย่าให้มันคุมได้สิ แต่เราจะทำยังไงกันดีล่ะ"
"อั๊วก็กำลังคิดหาทางอยู่"
"ลื้อว่าไง อั๊วว่าตาม เอาไงเอากัน"
อิกเดินเข้ามาเงียบๆแล้วไปยืนรวมกับสมุนแก๊งเต่ามังกรที่ยืนอยู่ห่างออกไป
เล้งหันไปสบตากับอิกแวบเดียวก็รู้ว่าแผนการกำจัดทรงกลดสำเร็จ
"อั๊วต้องไปแล้ว มีธุระต้องไปทำต่อ ...ต้องไปงานศพลูกชายเพื่อน"
เคี้ยงรีบลุกขึ้นยืนจะไปส่งเล้งอย่างเอาใจ
"ไม่ต้องไปส่งหรอก เฮีย"
"อาอิก! ไปส่งเสี่ยเล้ง"
"ครับ นาย"
เล้งค้อมหัวให้เคี้ยงแล้วเดินออกไป อิกเดินตามไป เคี้ยงหยิบโฉนดขึ้นมาดูอย่างพอใจ
เล้งกับอิกเดินออกมาด้วยกันจากตัวบ้านแล้วก็ต้องชะงัก ทรงกลดกับอันปักหลักยืนรออยู่
เล้งหันไปมองอิกอย่างโมโหผิดหวัง แต่ต้องกล้ำกลืนความโกรธไป
"ช่วยหลีกทางให้ด้วยครับ เสี่ย" ทรงกลดบอก
"มีอะไรก็ค่อยๆพูดกันก็ได้"
"งั้นผมให้โอกาสมันสั่งเสียก่อนตายก็ได้"
ทรงกลดชักปืนขึ้นมาจ่ออิก
"ทรงกลด..ฆ่าคนมันง่ายนิดเดียว แต่มันแก้ปัญหาอะไรไม่ได้หรอก ถ้าอาอิกทำผิดต่อลื้อ ก็ให้เฮียเคี้ยงเป็นคนจัดการดีกว่า อย่าทำอะไรข้ามหน้าข้ามตาผู้ใหญ่"
"ผมไว้ชีวิตมันก็ได้ ถ้าหากมันยอมบอกว่า ใครบงการมัน"
อิกยืนนิ่งพยายามที่จะไม่เหลือบมองไปที่เล้ง
"ไม่มี"
ทรงกลดตบหน้าอิกด้วยปืนจนอิกเซไป
"ถ้ามันไม่ยอมบอกว่าใครเป็นคนบงการ มันก็ต้องตาย"
ทรงกลดเตรียมเหนี่ยวไกปืนจะระเบิดสมองของอิก เล้งเข้าขวางห้ามทรงกลดไว้
"อั๊วขอล่ะ"
"เสี่ยจะช่วยไอ้ชั่วนี่ทำไม"
"ถ้าลื้อฆ่าคน ลื้อจะไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป ลื้อจะกลายเป็นคนที่มือเปื้อนเลือด กลายเป็นคนบาป พ่อแม่เลี้ยงลื้อมาให้เป็นคนดีไม่ใช่เหรอ ทรงกลด"
"เสี่ยเล้งพูดถูกนะครับ นายน้อย เราจัดการมันด้วยวิธีของเราดีกว่า"
"โทษแกมันถึงตาย ไอ้อิก แต่ฉันจะทำให้แกอยากตาย แต่ไม่ตายจะดีกว่า"
เล้งมองอิกอย่างบังคับด้วยสายตาว่าให้ปิดปากเงียบไว้ ทรงกลดกับอันมองอิกอย่างเหนือกว่า
อันโยนตัวอิกลงไปกองกับพื้นตรงหน้าเคี้ยง
"นี่มันเรื่องอะไรกัน"
ทรงกลดเดินตามเข้ามา
"อ้าว! นึกว่าตายไปแล้ว"
"ผมไม่ยอมให้เสี่ยสมหวังง่ายๆหรอกครับ"
"แล้วนี่จะมาหาเรื่องอะไรอีก"
"ไอ้อิกสั่งคนให้ไปจับตัวนายน้อย"
"ลื้ออย่ามาใส่ร้ายคนของอั๊ว ! ไอ้อิก! ลื้อไม่ได้ทำใช่มั้ย"
อิกยืนก้มหน้านิ่ง
"ไอ้อิก! อั๊วไม่เกี่ยว อั๊วไม่ได้เป็นคนสั่ง" เคี้ยงบอก
"ผมทำของผมเอง ผมอยากแก้แค้นให้นายครับ"
"มันวางแผนที่จะฆ่านายน้อย ในฐานะที่เสี่ยเป็นเจ้านายของมัน ไม่คิดจะแสดงความรับผิดชอบซะหน่อยเหรอ" อันบอก
"ลื้อก็จับมันส่งตำรวจไปสิ แต่พวกลื้อไม่มีหลักฐานอะไรใช่มั้ยล่ะ"
"มันเสียเวลาน่ะ เสี่ย ที่เรามานี่ก็แค่จะช่วยสั่งสอนคนของเสี่ยให้ เสี่ยกับลูกน้องจะได้เรียนรู้ไปพร้อมๆกันว่า แก๊งดีๆเค้าสั่งสอนลูกน้องกันยังไง"
ทรงกลดเดินไปหยุดตรงหน้าอิก
"คุกเข่าขอขมาฉันเดี๋ยวนี้"
อิกกัดฟันกรอดๆด้วยความโกรธที่โดนหยามหน้า
"นาย"
อิกหันไปมองเคี้ยงที่เสียหน้าไม่แพ้กันที่โดนคนรุ่นลูกมาสั่งลูกน้องต่อหน้า
"ลื้อมันหาเรื่องใส่ตัวจริงๆ! ทำตามที่ทรงกลดบอก"
อิกคุกเข่าลงตรงหน้าทรงกลดแล้วก้มลงโขกหัวที่พื้นอย่างช้าๆสามครั้ง เคี้ยงเมินหน้าหนีอย่างเจ็บใจ ทรงกลดยิ้มกริ่มอย่างพอใจมากที่ได้สั่งสอนอิกและหักหน้าเคี้ยงไปด้วย
ค่ำต่อเนื่องมา หยกมณีเดินออกมาหน้าฉั่วเทียนเหลา ด้วยท่าทางเงียบเหงา
อันเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า
"เฮียอัน"
หยกมณีวิ่งไปกอดอันไว้แน่น
"เฮียอัน"
"มีอะไรก็พูดมา เรียกชื่ออยู่ได้"
"เฮียอัน"
หยกมณีนึกได้เปลี่ยนท่าทีดีใจเป็นโมโหได้ในทันที ทุบอกอันอย่างไม่นับทันที
"เฮ้ย! เดี๋ยวๆ นี่มันเรื่องอะไร"
อันรีบยึดมือหยกมณีไว้
"กลับมาแล้ว ทำไมไม่รีบมาหาหยก หา! รู้มั้ยว่า หยกห่วงเฮียแทบตาย"
"เฮียขอโทษ คราวหลังเฮียจะไม่ทำอย่างนี้อีก"
"ไม่มีคราวหลัง! เฮียอย่าทำให้หยกต้องกลัวอย่างนี้อีก"
"หยกก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้"
อันดึงหยกมณีมากอดไว้ เธอถอนใจเพราะรู้ว่าอันหลุดไปจากแวดวงแก๊งเจ้าพ่อไม่ได้
ท่ามกลางบรรยากาศซอยบ้านหยกมณีที่มีแสงสลัวๆจากไฟบ้านสองข้างทาง หยกมณีเดินเกาะแขนอันอย่างคลอเคลียเดินมาด้วยกัน
"หยกเริ่มเสียใจแล้วใช่มั้ยที่เฮียกลับมา"
"หยกไม่เสียใจเลยซักนิด หยกผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะแล้ว ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น หยกเชื่อว่าหยกก็รับมือได้ ขอแค่เราสองคนได้อยู่ด้วยกัน ไม่ต้องเห็นหน้ากันทุกวันก็ได้ ขอแค่ให้รู้ว่า..."
"เฮียยังมีลมหายใจอยู่"
"หยกรู้ว่า เฮียทิ้งนายน้อยไม่ได้ แต่เฮียต้องระวังให้มากๆ เพื่อหยก..เฮียทำได้มั้ย"
"เฮียระวังตัวอยู่แล้ว ถ้าเฮียตายไป ใครจะมาคุ้มครองนายน้อยแทนได้"
หยกมณีงอน
"คิดแค่นี้"
"แล้วก็ไม่มีใครดูแลหยกได้ดีกว่าเฮียด้วย และเฮียไม่ยอมให้ใครมาทำหน้าที่นี้แทนด้วย เฮียจะอยู่กับหยกให้นานที่สุด..เท่าที่จะทำได้"
"หยกอยากกลับไปเป็นเด็ก..ไม่ต้องคิดอะไร ไม่ต้องกลัวว่าอนาคตจะเป็นยังไง ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไปวันๆ"
"เราคิดแต่ความสุขของตัวเองไม่ได้หรอก เราต่างมีหน้าที่ที่จะต้องทำ หยกมีหน้าที่ร้องเพลงให้คนอื่นมีความสุข เฮียก็มีหน้าที่ปกป้องคุ้มครองนาย คนบางคนเกิดมามีชีวิตเพื่อคนอื่น"
"เหมือนเฮียอันมีชีวิตเพื่อนายน้อย"
อันโอบไหล่หยกมณีกระชับเข้ามาแน่น
"ไม่ใช่...เฮียมีชีวิตเพื่อหยกมณีต่างหา"
อันโอบไหล่หยกมณีพาเดินไปส่งที่บ้าน
อาจูเดินมาทรุดนั่งอย่างเงียบหงอยที่โต๊ะเขียนหนังสือ เปิดลิ้นชักหยิบกล่องที่อยู่ด้านในสุดออก เห็นปืนกระบอกเล็กที่ทรงกลดให้มาวางอยู่ในกล่อง
เธอนึกถึงภาพที่เขาสอนเธอยิงปืนอย่างใกล้ชิด เธอแตะปืนด้วยความคิดถึง
ฝ่ายทรงกลดนั่งนิ่งอยู่ที่โต๊ะในห้องนอน นึกถึงภาพที่เขาหอมที่ผมของอาจูก่อนทีจะช่วยดึงปิ่นออกให้
"เรื่องของเราจะไม่จบแบบนี้..ไม่..ไม่เป็นอันขาด"
ทรงกลดกำปิ่นของอาจูไว้แน่นอย่างไม่ยอมแพ้
คืนเดียวกัน ต่อเนื่องมา เคี้ยงที่กำลังสูบฝิ่นอัดเข้าไปเพื่อระบายความเครียด เล้งจิบเหล้าอย่างช้าๆคิดหาทางออกอยู่
"ลื้อช่วยจัดการให้ที อาเล้ง อั๊วไม่ต้องการเห็นหน้ามันอีก"
เคี้ยงชี้หน้าอิกที่ยืนก้มหน้าอยู่
"แต่ที่อาอิกทำไปก็เพราะจงรักภักดีกับเฮีย มันทนเห็นเฮียโดนทรงกลดหยามเกียรติครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ได้ เฮียยกโทษให้มันซักครั้งเถอะครับ"
"ถ้ามันแค่สั่งสอนไอ้ทรงกลดเบาะๆก็พอไหว นี่มันคิดเอาถึงตาย มันไม่รู้เหรอว่ามันเล่นอยู่กับใคร! ไอ้ทรงกลดมันไม่จบแค่นี้หรอก อั๊วรู้สันดานมันดี"
"อั๊วก็รู้จักเฮียตงดีเหมือนกัน" เล้งบอก
"ถ้าใครคิดฆ่าลูกชายอั๊ว อั๊วไม่เอาไว้หรอก ลื้อคิดว่า ลื้อจะทำอะไรได้"
เล้งยิ้มเยาะ
"เถ้าแก่ตงแห่งแก๊งเขี้ยวสิงห์ผู้ยึดมั่นคุณธรรมความดี แล้วเฮียจะแปลกใจที่มีคนดีสุดประเสริฐอยู่บนโลกใบนี้ แต่อั๊วคงช่วยได้แค่ชี้ทางให้"
เล้งหันไปมองอิกอย่างคาดโทษ
"ถ้าครั้งนี้ลื้อรอดไปได้ ก็ถือเป็นบุญของลื้อ แล้วอย่าได้ทำเรื่องผิดพลาดอย่างนี้อีกล่ะ"
อิกเงยหน้าขึ้นสบตากับเล้งแล้วต้องก้มหน้าไปอีกด้วยความเกรงกลัว เคี้ยงมองเล้งอย่างเริ่มมีความหวังว่าจะแก้ไขสถานการณ์นี้ไปได้
ท่ามกลางบรรยากาศบ้านทรงกลดในเวลาเช้า หมงกับตงเดินมาจากทางสนามหน้าบ้าน กำลังจะกลับเข้ามาในบ้าน
"ป๊านี่แข็งแรงจริงๆ เดินเป็นชั่วโมงๆไม่มีเหนื่อย ผมต้องขอซูฮกจริงๆ"
ทรงกลดกับอันเดินมาจากในบ้านเพื่อออกไปทำงาน แล้วชะงักมองหมงประจบประแจงตงอย่างรำคาญ
ตงรีบสั่งก่อนที่ทรงกลดจะเดินออกไป
"วันนี้ไม่ต้องไปทำงาน หมวดชานนท์ กำลังจะมาแล้ว"
"ผมไม่ต้องการความช่วยเหลือจากตำรวจ"
"ลื้ออย่ามาทำตัวเป็นศาลเตี้ย ! ใครผิดก็ว่ากันไปตามกฎหมาย"
"ไอ้อิกมันเป็นแค่ลูกสมุน มีคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ซึ่งไม่ใช่เสี่ยเคี้ยงเจ้านายของมัน แต่เป็นคนอื่น! ไม่ใกล้ไม่ไกลนี่แหละ"
ทรงกลดจ้องมองหมงอย่างกล่าวหา
"นี่นายน้อยกล่าวหาว่า ผมเป็นคนสั่งไอ้อิกลักพาตัวนายน้อยงั้นเหรอครับ ผมไม่มีวันทำร้ายคนในครอบครัวของเราหรอกครับ ไม่มีวัน"
"ฉันไม่เคยเห็นแกเป็นคนในครอบครัวของฉัน"
"ทรงกลด"
"นายน้อยยังไม่ทันพูดอะไรเลยนะครับ แต่ดูเหมือนคุณหมงจะร้อนตัวไปเอง" อันบอก
"ไหนๆแกก็หลุดปากออกมาแล้ว แกจะสารภาพความผิดซะเลยตอนนี้ หรือว่ารอให้ฉันลากไอ้อิกมา รับรองว่า ฉันมีวิธีเปิดปากมันได้แน่"
ปอเดินหน้าเครียดเข้ามา
"นายใหญ่ครับ เสี่ยเคี้ยงมาขอพบ"
ทรงกลดกับอันมองหน้ากันอย่างแปลกใจ
เลือดมังกร : สิงห์ ตอนที่ 5 (ต่อ)
เคี้ยงผลักอิกให้คุกเข่าลงต่อหน้าตงที่มีหมงกับปอยืนอยู่เบื้องหลัง ทรงกลดกับอันมองเคี้ยงอย่างไม่คาดคิด
"เฮียตง อั๊วขอโทษด้วยที่สั่งสอนลูกน้องไม่ดี อั๊วผิดไปแล้ว"
เคี้ยงทำท่าจะคุกเข่าลงแต่ตงรีบดึงตัวเคี้ยงไว้ก่อน
"ไม่ต้อง..เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของลื้อ อาอิกก็สารภาพแล้วว่า มันลงมือคนเดียว"
"แต่ผมไม่เชื่อ!"
เคี้ยงหันไปทางทรงกลดอย่างเหมือนรู้สึกผิดจริงๆ
"อั๊วขอรับรองว่า เรื่องนี้เป็นฝีมือของไอ้อิกคนเดียว อั๊วคิดอยู่ทั้งคืน แค่คุกเข่าขอโทษลื้อ มันยังไม่สาสมกับความผิดของมัน โทษของมันมีสถานเดียวคือ ตาย! ไอ้อิก"
อิกก้มลงเอาหัวโขกพื้นอย่างแรงเป็นการขอขมาและทำโทษตัวเองไปด้วย
"ผมขอโทษครับ นายน้อย! ผมสมควรตาย"
อิกก้มลงเอาหัวโขกพื้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนหน้าผากแตกเลือดไหล
"ไม่ต้องหยุด"
"พอได้แล้ว! อั๊วบอกให้พอ"
ปอกับอันเข้าไปช่วยดึงอิกไม่ให้ทำร้ายตัวเองต่อไป
"ไอ้อิก! อย่าคิดนะว่า แค่นี้เรื่องจะจบ"
"เรื่องต้องจบในวันนี้แหละ"
ตงเดินไปหยุดที่หน้าอิกแล้วมองหน้าอย่างวัดใจ
"อาอิก"
อิกรีบก้มหัวให้ตงจนจดพื้น
"ผมสำนึกผิดแล้วจริงๆครับ ผมจะไม่มีวันทำร้ายนายน้อยอีก ผมสาบาน"
"ลื้อพาลูกน้องกลับไปได้แล้ว อาเคี้ยง"
ตงเดินออกไปพร้อมกับปอ หมงรีบเดินตามตงไปอย่างโล่งใจที่สุด เคี้ยงหันไปสบตากับอิก เคี้ยงแทบจะกลั้นยิ้มไว้ไม่ได้เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผน
อิกค่อยๆลุกขึ้นยืนเคียงข้างเคี้ยง
เคี้ยงกวน
"ไม่ต้องไปส่งนะ พวกอั๊วกลับเองได้"
เคี้ยงกับอิกเดินออกไปอย่างสบายใจ ทรงกลดกับอันมองหน้ากันอย่างเดือดดาล
ตง ปอและหมงเดินออกมาด้วยกัน ทรงกลดเดินเร็วๆจนตามพ่อได้ทัน โดยมีอันเดินตามมาด้วย
"ป๊าเชื่อคำพูดมันได้ยังไง มันแสดงละครตบตาเราชัดๆ"
"อั๊วเชื่อ แต่ไม่ได้เชื่อทั้งหมด คนที่ทำเรื่องเลวๆมาตลอดชีวิต จะให้เปลี่ยนเป็นคนดีแค่ชั่วข้ามวัน คงเป็นไปไม่ได้ แต่เราก็ควรจะให้โอกาสคน"
อันแย้ง
"แล้วที่นายใหญ่บอกว่าจะส่งไอ้อิกไปให้ตำรวจจัดการ"
"อาอัน! ลื้อไม่มีสิทธิ์ถาม ทุกคนต้องทำตามคำสั่งนายใหญ่เท่านั้น"
"แต่อาอันก็พูดถูกนะครับ แปะปอ ยังไงไอ้อิกก็ควรจะได้รับโทษตามกฎหมาย" หมงบอก
"แกอย่ามาทำเป็นพูดดีหน่อยเลย อย่าคิดนะว่า แกจะพ้นความผิดไปได้"
"หยุดกล่าวหาอาหมงได้แล้ว! อาอิกรับสารภาพแล้ว ลื้อยังต้องการอะไรอีก ลื้อเกลียดอาหมงจนหน้ามืดตามัว ไม่รู้อะไรถูกอะไรผิดแล้ว ลื้อรู้มั้ยว่า ทำไมอั๊วถึงยอมปล่อยอาอิกไป เพราะอย่างน้อยอีก็ทำเพื่อเจ้านาย แล้วที่อีผูกใจเจ็บลื้อ ก็เพราะลื้อไปหาเรื่องก่อน"
"สรุปว่าผมแส่หาเรื่องเอง ถ้าผมตายก็สมควรแล้วใช่มั้ยครับ ได้! ถ้าป๊าจะให้จบ ผมก็จะยอมจบ ชีวิตผมมันไม่มีค่าพอที่ป๊าจะมาเสียเวลาด้วยอยู่แล้ว"
ทรงกลดมองตงอย่างปวดใจ
อาจูถือถังน้ำ เปิดประตูบ้านออก เพื่อให้เว่ยที่คอนหาบขนมจุ๋ยก้วยได้เดินออกมา
"แจ้หาบให้ดีกว่ามั้ย"
"ไม่ต้องเลย แจ้ ผมหาบเอง สบายมาก"
ซิ่วเอ็งกับเง็กเดินตามออกมา ซิ่วเอ็งแยกไปหยิบไม้กวาดมากวาดหน้าบ้าน
"ไปๆ รีบไป วันนี้สายมากแล้ว" เง็กบอก
"ม้าพักซักวันเถอะ วันนี้ไม่ต้องไปหางานที่ไหนหรอก เดี๋ยวขากลับหนูจะแวะไปรับเสื้อที่ตลาดมาเย็บเอง"
"ม้าจะให้ลื้อทำงานงกๆคนเดียวได้ไง ไปๆ ไปกันได้แล้ว"
เง็กตัดบทแล้วรุนหลังให้อาจูเดินตามเว่ยไป
หญิงเพื่อนบ้าน 3 คนจับกลุ่มคุยกันอยู่แล้วหันไปมองอาจู
เว่ยคอนหาบขนมจุ๋ยก้วยนำหน้าไป อาจูเดินไปอย่างรู้สึกว่าพวกเพื่อนบ้านจับตามองอยู่
หญิง1บอก
"ไหนว่าได้งานบริษัทใหญ่โตแล้วไง"
หญิง2พูดเสริม
"ก็เห็นมั้ยล่ะ ได้งานที่ไหนกัน"
"นี่ๆ..แล้วรู้เรื่องที่อีหายตัวไปกับผู้ชายหรือเปล่า"หญิง3 ว่า
อาจูชะงักกึกทันเมื่อได้ยินที่เพื่อนบ้านสุมหัวกันนินทาอย่างเผาขน เว่ยชะงักหันกลับมาจ้องกลุ่มเพื่อนบ้านอย่างโมโห
"ไม่นินทาคนซักวันจะตายมั้ย?! หา"
เง็กดึงอาจูให้เดินไปต่อ
"ไม่ต้องไปสนใจ! อาเว่ย! เดินไป ไป"
เว่ยฮึดฮัดไม่พอใจแต่ก็ยอมเดินออกไป อาจูก้มหน้างุดๆเดินออกไปกับเง็ก
ซิ่วเอ็งกำลังกวาดหน้าบ้านอยู่แต่เงี่ยหูฟังเพื่อนบ้านนินทาแล้วยิ้มอย่างนึกแผนการออก
ภายในบริษัท ทรงกลดนั่งนิ่งอยู่ที่โต๊ะทำงานอาจู อันเดินเอาแฟ้มเอกสารวางไว้บนโต๊ะให้
"เอกสารที่ต้องเซ็นวันนี้ครับ"
ทรงกลดเหลือบเห็นลูกคิดแล้วอดนึกถึงอาจูไม่ได้
"นายน้อยต้องคิดแก้ปัญหาทีละเรื่อง"
"เรื่องไอ้หมง คราวนี้คงต้องปล่อยมันไปก่อน"
"ไม่ต้องห่วง ผมจะหาหลักฐานมัดตัวมันให้ได้"
ทรงกลดดีดลูกคิดเบาๆสองสามครั้ง
"ส่วนเรื่องอาจู"
ทรงกลดลุกขึ้นทันทีทำเหมือนไม่อยากพูดถึงให้เศร้ากว่านี้
"ไปทำงานกันต่อ เอาเอกสารไปเซ็นที่ห้องไป" ทรงกลดบอก
อันหยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมาเดินนำหน้าเพราะนึกว่าทรงกลดจะกลับไปทำงานที่ห้อง
"เรื่องคุณจู..นายน้อยก็คงต้องปล่อยไปเหมือนกัน"
อันชะงักหันกลับมามองแล้วพบว่าทรงกลดหายตัวไปแล้ว
"แต่ยังไงก็ไม่ยอมปล่อย"
อันรู้ทันว่าทรงกลดหายตัวไปไหน
อาจูนับเงินในกระป๋องที่มีอยู่อย่างน้อยนิดอย่างใจเสีย เว่ยส่งกล่องอาหารกลางวันให้อาจู
"กินข้าวกัน แจ้"
"แจ้กินไม่ลงหรอก ทำไมวันนี้ขายไม่ดีเลย"
"ค้าขายก็อย่างนี้แหละ ขายดีบ้างไม่ดีบ้าง แจ้ไม่ต้องห่วงเรื่องเงินหรอก เดี๋ยวรอให้ม้าใจเย็นลงก่อน แล้วค่อยขอม้ากลับไปทำงานกับเฮียทรงกลดใหม่"
"ม้าไม่มีวันยอมหรอก"
"เดี๋ยวผมจะแอบบอกให้ม่าช่วยพูดให้นะ ม่าเองก็อยากให้แจ้กลับไป"
เว่ยชะงักหยุดพูดไปเสียเฉยๆ มองข้ามไปทางด้านหลังอาจู เห็นทรงกลดยืนแอบมองมาทางอาจูแล้วทำท่าบุ้ยใบ้ไม่ให้เว่ยกระโตกกระตากไป
"มีอะไร"
อาจูจะหันไปมองตามสายตาของเว่ย แต่เว่ยรีบดึงอาจูกลับมา
"ไม่มีอะไรๆ กินข้าวเถอะ แจ้"
เว่ยแอบเหลือบมองไปทางทรงกลดที่กำลังทำท่าบุ้ยใบ้ชี้ตัวเองแล้วชี้ไปทางศาลเจ้า เว่ยตีความตาม แล้วพยักหน้า เริ่มเข้าใจ
"อย่าเพิ่งกิน"
เว่ยกลับลำรีบดึงกล่องอาหารกลางวันจากอาจูที่กำลังจะเริ่มตักกิน
"ผมรู้แล้วว่า ทำไมวันนี้เราขายไม่ดี เราลืมไหว้เจ้าไง แจ้เข้าไปไหว้ให้หน่อย ไป"
เว่ยรีบฉุดอาจูให้ลุกขึ้นมา
"เราก็ไหว้มาจากที่บ้านแล้วไง"
"ไปเถอะ แจ้ ไปๆ เชื่อผม รับรองเดี๋ยวขายดีแน่ๆ"
อาจูโดนเว่ยรุนหลังให้เดินออกไปโดยไว
อาจูเดินมาคุกเข่าอยู่หน้าเทวรูปเทพเจ้าไฉ่ซิ่งเอี๊ย ทรงกลดเดินมาคุกเข่าเคียงข้างอาจู แต่อาจูยังหลับตาพนมมือพึมพำขอพรยืดยาว
อาจูลืมตาขึ้นเมื่อรู้สึกว่ามีคนมองมาตลอดเวลา เธอหันไปเห็นทรงกลดที่คุกเข่าอยู่เคียงข้างและกำลังมองมา
ทรงกลดหันกลับไปมองเทพเจ้าไฉ่ซิ่งเอี๊ย
"ท่านศักดิ์สิทธิ์จริงๆ เธออธิษฐานขอให้ได้เจอฉัน แล้วก็ได้เจอจริงๆ"
"ฉันอธิษฐานขอให้ทำมาค้าขึ้นต่างหากล่ะคะ"
อาจูรีบลุกขึ้นเพื่อเดินหนีไป แต่ทรงกลดรีบลุกขึ้นไปขวางทางไว้
"อาจู"
"เราอย่าเจอกันอีกเลยค่ะ คุณที"
"เธอไม่ต้องกลับไปทำงานกับฉันก็ได้ แต่ขอให้ฉันได้มาเจอเธอบ้างได้มั้ย"
"ฉันไม่อยากทำให้อาม้าต้องไม่สบายใจค่ะ"
"ฉันจะต้องทำยังไง อาม้าของเธอถึงจะเปลี่ยนใจ"
"ไม่มีอะไรเปลี่ยนใจม้าได้หรอกค่ะ..และไม่มีอะไรเปลี่ยนใจฉันได้เหมือนกัน อาม้าของฉันลำบากมาทั้งชีวิต แทบจะหาความสุขไม่ได้ อะไรที่ทำให้อาม้าได้ ฉันจะต้องทำ หวังว่าคุณคงจะเข้าใจนะคะ"
อาจูเดินออกไป ทรงกลดยืนอย่างผิดหวัง
อาจูเดินจะออกมาจากทางด้านในศาลเจ้า ทรงกลดเดินมาจนทันแล้วดึงแขนไว้ไม่ให้เดินหนีไป
"ฉันเข้าใจ...แต่ฉันจะไม่ยอมแพ้ ฉันบอกว่า ฉันจะดูแลเธอ ฉันก็จะต้องทำตามที่ฉันพูดเหมือนกัน หรือว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เราผ่านมาด้วยกันไม่มีความหมายอะไรกับเธอเลย"
"พอเวลาผ่านไป คุณก็จะลืมทุกอย่างเอง"
"เธอตอบคำถามฉันมาก่อน เรื่องของเราไม่มีความหมายเลยใช่มั้ย"
ทรงกลดดึงอาจูมาใกล้แล้วก้มหน้าสบตา
"มองตาฉัน…แล้วตอบมา"
อาจูแข็งใจสบตากับทรงกลดอย่างขอร้องเพราะตอบไม่ได้จริงๆ
"คุณที"
เง็กเดินเร็วๆเข้ามาขัดจังหวะ
"อาจู"
อาจูรีบเบี่ยงตัวออกจากทรงกลดทันที
เง็กเดินไปประจันหน้ากับทรงกลดอย่างเอาเรื่อง
"เจอลื้อก็ดีแล้ว! อั๊วกำลังจะไปหาลื้ออยู่พอดี"
เง็กควักซองเงินเดือนออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วยัดใส่มือทรงกลด
"เอาเงินของลื้อคืนไป ต่อไปนี้ก็ไม่มีอะไรติดค้างกันแล้ว"
เง็กจับมืออาจูแล้วจะลากพาตัวไป แต่ทรงกลดรีบขวางทางไว้
"ซิ่มเชื่อผมเถอะนะครับ ต่อไปผมจะไม่ให้อาจูต้องตกอยู่ในอันตรายอีก ผมรับปากได้เลยว่า ผมจะช่วยปกป้องดูแลอาจู"
"ไม่ต้องมายุ่งกับลูกสาวอั๊ว"
"ให้โอกาสผมได้พิสูจน์ตัวเอง ผมไม่ได้เป็นอย่างที่ซิ่มคิด ผมไม่ได้เป็นคนของแก๊งไหน ผมไม่เคยทำร้ายใคร ไม่เคยทำผิด"
"ไม่ต้องพูดต่อ ยังไงอั๊วก็จะไม่ให้ลื้อเจอกับอาจูอีก"
"คนอย่างผมเดินหน้าแล้วไม่เคยถอยหลัง ถึงซิ่มจะห้ามอาจูได้ แต่ห้ามผมไม่ได้ ผมจะไม่มีวันปล่อยอาจูไป"
เง็กมองทรงกลดอย่างโกรธมากขึ้นไปอีก รีบลากตัวอาจูออกไปทันที
เง็กลากตัวอาจูกลับมาหาเว่ยที่หาบขนมจุ๋ยก้วย
"ไป! กลับบ้าน"
"เรายังขายไม่หมดเลย ม้า" เว่ยบอก
"วันนี้ไม่ต้องขาย"
เง็กหันไปเห็นทรงกลดเดินตามออกมาเลยรีบคว้าถังน้ำพร้อมกับลากอาจูเดินออกไปทันที
"รอด้วยๆ"
เว่ยรีบจัดแจงเก็บข้าวของแล้วคอนหาบขนมจุ๋ยก้วยตามไป
เว่ยพะว้าพะวงหันไปมองทรงกลดอย่างเห็นใจ
"ขอโทษด้วยนะครับ เฮีย คราวนี้ผมห้ามม้าไว้ไม่ทันจริงๆ ไว้วันหลังเจอกันใหม่นะครับ"
เง็กหันขวับมาจ้องหน้าทรงกลดอย่างมาดหมายในใจไว้แล้วว่าจะจัดการเรื่องนี้ต่อยังไง
เง็กพึมพำ
"ไม่มีวันหลังอีกแล้ว"
เง็กลากตัวอาจูเดินต่อไป อาจูหันมามองทรงกลดแล้วตัดใจหันหน้ากลับไป เว่ยรีบเร่งคอนหาบขนมจุ๋ยก้วยเดินตามหลังเง็กและอาจู
ทรงกลดมองตามอาจูไปอย่างหนักใจ
อันเดินออกมา พนักงานชาย 2 คนถือแฟ้มเอกสารเดินไล่หลังมา
พนักงาน 1 บอก "คุณอันครับ"
"รู้แล้วๆ เอาไปวางบนโต๊ะ เดี๋ยวฉันจะให้นายน้อยเซ็นเอง"
พนักงาน 2 บอก "เอกสารนี่ต้องเซ็นด่วนนะครับ"
"ก็ฉันกำลังจะไปตามนายน้อยอยู่นี่ไง"
อันเดินผละออกจากพนักงานชายทั้งสองคนมา
หยกมณีถือตะกร้าใบใหญ่เดินเข้ามาหยุดมองอันที่กำลังหน้ามุ่ย
หยกมณียิ้มขำ
"เจ้านายหายตัวอีกแล้วเหรอคะ เฮีย"
อันหันมามองหยกมณีแล้วต้องยิ้มอย่างอ่อนใจกับทรงกลด
"วันนี้คิดว่าไม่คลาดสายตาแล้วนะ เผลอแป๊บเดียว หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ แล้วนี่หยกมาทำไม"
หยกมณีชูตะกร้าให้ดู
"หยกทำอาหารกลางวันมาให้ค่ะ หรือว่าเฮียมีนัดกับสาวที่ไหนแล้ว"
"เฮียมีเวลาซะที่ไหน"
"เอ๊ะ หมายความว่าถ้าเฮียมีเวลา เฮียก็จะไปหาสาวๆที่อื่นเหรอ"
"ไม่ใช่อย่างนั้น เฮ้อ พูดผิดเป็นไม่ได้ หยกก็รู้ว่า ถ้าเฮียมีเวลา เฮียจะไปหาใครเป็นคนแรก"
อันแตะเอวให้หยกมณีเดินออกไปด้วยกัน แล้วพูดหยอกเล่น
"อย่าทำตัวเป็นผู้หญิงขี้หึงขี้ระแวงหน่อยเลย นี่ไม่ใช่ว่ามาหาเฮีย เพราะจะมาจับผิดหรอกนะ"
หยกมณีมองไปรอบๆที่มีแต่พนักงานผู้ชายทั้งนั้น
"หยกจะมาจับผิดอะไรเฮีย หยกอยากเจอหน้าเฮียต่างหาก แล้วก็อยากให้เฮียได้ชิมอาหารฝีมือของหยกด้วย"
หยกมณีเอามือคล้องแขนอันไว้อย่างมีความสุข ทั้งสองจะก้าวเดินต่อไปแต่แล้วก็ต้องชะงัก หมงเดินมาเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน
"เดี๋ยวไปที่ห้องทำงานฉันหน่อย มีเรื่องจะคุยด้วย"
หมงทำลีลามองอันกับหยกมณีอย่างมีนัยยะ
"แต่ถ้าตอนนี้ไม่ว่างก็ไม่เป็นไร เจ้านายกับลูกน้องนี่ไม่ต่างกันเลยนะ เรื่องผู้หญิงมาก่อนงานเสมอ แล้วนี่เจ้านายไม่อยู่เรอะ คงไม่ได้ไปเดินทะเร่อทะร่าให้โจรหน้าโง่ที่ไหนจับตัวไปอีกล่ะ"
"นายใหญ่สั่งไม่ให้พูดเรื่องนี้อีก หรือว่าคุณหมงไม่อยากให้เรื่องนี้จบ คุณหมงคงจะคิดเหมือนผม ไอ้คนชั่วตัวจริงยังลอยนวลอยู่...ใช่มั้ยครับ"
อันจ้องหน้าหมงอย่างเอาเรื่อง
"ไม่พูดก็ไม่พูด! อย่าลืมเตือนนายน้อยเรื่องประชุมบ่ายนี้ด้วยล่ะ"
หมงเดินออกไปโดยเร็ว อันกับหยกมณีมองตามไป
หยกมณีเปิดตะกร้าออกแล้วหยิบปิ่นโต2-3 ชั้นที่อยู่ในตะกร้าออกมาวาง
"น่ากินมั้ย เฮีย"
อันที่ยังคงคิดเรื่องหมงที่น่าจะเป็นคนบงการให้คนลักพาตัวทรงกลด
"เฮียอัน"
อันดึงตัวเองกลับมาสนใจอาหารตรงหน้า
"น่ากิน น่ากินมาก แต่ทีหลังไม่ต้องลำบากนะ เฮียไม่อยากให้หยกเหนื่อย"
"กลัวหยกเหนื่อยหรือว่าอาย"
"เฮียไม่เคยอายที่มีหยกเดินอยู่ข้างๆ ไม่อายที่จะบอกทุกคนว่า เราเป็นอะไรกัน ถ้าไม่เชื่อ..."
อันดึงมือหยกมณีมากุมไว้
"เราแต่งงานกันมั้ยล่ะ หยก"
"เรื่องแต่งงานไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับหยก เราได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างนี้ หยกก็พอใจแล้ว แต่ขอหยกมาแสดงตัวหน่อย ถ้าเผื่อใครอยากได้เฮียไปเป็นเขย จะได้รู้ว่า เฮียอันคนนี้มีเจ้าของแล้ว"
"นี่ไง! จับได้แล้ว! มานี่มีเจตนาอื่นแอบแฝงจริงๆ"
"หยกมีสิทธิ์ไม่ใช่เหรอ แล้วเฮียอย่ามาทำคุยเหมือนกับว่าแต่งงานหยกวันนี้พรุ่งนี้ก็ยังได้ ถ้าหากเฮียยังจับตัวคนบงการที่คิดฆ่านายน้อยไม่ได้ เฮียไม่มีใจคิดเรื่องอื่นหรอก แล้วนี่เฮียสงสัยใครอยู่"
"หยกอย่ายุ่งกับเรื่องนี้เลย มันอันตราย"
"คุณหมงใช่มั้ย ถ้าเฮียอยากรู้ใช่คุณหมงหรือเปล่า หยกช่วยได้นะ"
อันดุเบาๆ
"หยก"
หยกมณีนิ่งไม่ยอมรับปากว่าจะไม่ยุ่ง
อันสำทับ
"ได้ยินที่เฮียพูดมั้ย"
"ได้ยินแล้ว ไม่ยุ่งก็ไม่ยุ่ง"
ปากพูดว่าไม่ยุ่งแต่หยกมณีคิดแผนหาทางที่จะช่วยอันอย่างรวดเร็ว
"คิดอะไรอยู่!"
"ไม่ได้คิดอะไร! ตอนนี้ใครขี้ระแวงกันแน่"
หยกมณีเสไปจัดแจงตักกับข้าวใส่จานข้าวให้อันต่อ แต่อันยังจับพิรุธหยกมณีอยู่
หมงเดินกลับเข้ามาในบริษัท หยกมณีรอดักอยู่แล้วทำเป็นเดินออกมาเจอหมงอย่างบังเอิญ gTvถือตะกร้าอาหารอยู่ด้วย
หมงเดินสวนทางกับหยกมณีอย่างไม่ใส่ใจ
"คุณหมงไม่ต้องรีบหรอกค่ะ นายน้อยยังไม่กลับมาเลย"
หมงชะงักหันกลับมามองหยกมณีแล้วทำหน้าหน่ายใจกับทรงกลด
"ก็นึกอยู่แล้ว...นัดประชุมกับฉันทีไร ต้องทำตัวมีปัญหาทุกที"
"แต่คราวนี้นายน้อยติดธุระสำคัญจริงๆนะคะ เห็นว่า...นายน้อยได้หลักฐานแล้ว"
หยกมณีทำเป็นหลุดปากออกไปแล้วหยุดพูดทันที
"หลักฐานอะไร"
"หลักฐานที่จะมัดตัวคนที่บงการเฮียอิก เออ คุณหมงไปถามเฮียอันเอาเองเถอะค่ะ หยกพูดมากไม่ได้"
หยกมณีทำทีผละออกไป หมงดึงแขนหยกมณีไว้
"แต่ฉันคิดว่า ฉันทำให้เธอพูดได้"
"คุณหมงอย่าคิดว่าเงินจะซื้อได้ทุกอย่าง"
"แต่ถ้าเธอไม่ต้องการอะไรจากฉัน เธอคงไม่มาดักรอฉันหรอก ฉันรู้จักผู้หญิงอย่างเธอดี เธอทำได้ทุกอย่างเพื่อเอาตัวรอด ไม่งั้นเธอคงไม่มีผัวครบแทบทุกแก๊งหรอกมั้ง"
หยกมณีสะเทือนใจแต่อดกลั้นไว้ ทำหน้ายิ้มชื่นเข้าสู้
"คุณหมงรู้ทันหยกจนได้ งั้นก็คงจะรู้ว่า หยกไม่เคยช่วยใครโดยไม่ได้ผลตอบแทน ถ้าอยากรู้อะไรมากกว่านี้ คงรู้นะคะว่าจะไปหาหยกได้ที่ไหน"
หยกมณีเอานิ้วแตะปากแล้วแตะไปที่หน้าหมงเบาๆทิ้งรอยลิปสติกจางๆไว้แล้วเดินออกไป
ทรงกลดยืนนิ่งอยู่หน้าเทวรูปเทพเจ้าไฉ่ซิ่งเอี๊ย ซินแสง้วงเดินมาหยุดอยู่ทางด้านหลัง
"เทพเจ้าแห่งโชคลาภคุ้มครองผู้กล้าหาญเสมอ"
ทรงกลดหันกลับมามองซินแสง้วง
"ซินแส"
"แต่ไม่ว่าจะคิดการสิ่งใด ก็ขอให้พยายามถึงที่สุด ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง ก็สุดแล้วแต่ฟ้าลิขิต"
"ผมไม่คิดอย่างนั้น ถ้าเราพยายามถึงที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะยังไง เราก็ต้องได้สิ่งที่ต้องการ ผมไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาง่ายๆหรอกครับ ซินแส"
"อย่าลืมว่า คนเราไม่ได้ทุกสิ่งที่ต้องการ ถ้าลื้อต้องการให้คนยอมรับนับถือ ลื้อต้องพิสูจน์ด้วยความกล้าหาญ ไม่ใช่ความกล้าบ้าบิ่น"
ทรงกลดยังดื้อๆ
"ผมรู้ว่า ผมเป็นใคร ผมไม่ต้องการการยอมรับ...ไม่ว่าจากใคร"
"ใคร" ของทรงกลด หมายถึงตง พ่อของเขาเอง
ซินแสง้วงไม่ใส่ใจกับท่าทางแข็งขอของทรงกลด แต่คงพูดคล้ายทำนายโชคชะตาให้ต่อไป
"ส่วนเรื่องของความรัก"
ซินแสง้วงมองดูโหงวเฮ้งทรงกลดอย่างพิจารณา แล้วยิ้มอย่างปริศนา
"แปลก...แปลก คนเรา ก้าวพลาดครั้งเดียว ต้องเสียใจไปตลอดชีวิต แต่ลื้อก้าวพลาดแต่กลับทำให้เกิดเรื่องที่น่ายินดี น่าแปลกๆ"
ซินแสง้วงเดินยิ้มออกไป ทรงกลดงงงันอยู่
เลือดมังกร : สิงห์ ตอนที่ 5 (ต่อ)
ซินแสง้วงเดินมาคว้าไม้กวาดมากวาดลานหน้าศาลเจ้า ทรงกลดเดินตามมาถามอย่างข้องใจ
"ซินแสครับ ที่ว่าผมจะก้าวพลาด หมายความว่าไงครับ ผมจะทำอะไรผิดพลาดงั้นเหรอครับ"
"ที่จริงเรียกว่า ก้าวพลาด ก็ไม่ถูกต้องนัก เพราะลื้อไม่ได้เป็นคนทำเอง แต่เป็นฝีมือคนอื่น แต่นี่อาจจะเป็นเรื่องดี สิ่งที่ลื้ออธิษฐานขอจากเทพเจ้าไฉ่ซิ่งเอี๊ยจะเป็นจริงในไม่ช้านี้"
ทรงกลดแก้เก้อ
"ผมไม่ได้อธิษฐานขออะไร"
" ลื้อถึงวัยที่จะต้องคิดเรื่องคู่ครองอยู่แล้ว อยากรู้มั้ยล่ะว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นเนื้อคู่ของลื้อหรือเปล่า แต่นั่นแหละลื้อไม่เชื่อเรื่องโชคชะตาฟ้าลิขิตอยู่แล้วนี่"
ทรงกลดทำเป็นปากแข็ง
"ผมก็ไม่ได้อยากรู้"
"แต่มีเรื่องที่อั๊วอยากให้ลื้อรู้ไว้ อาทรงกลด...ลื้อเกิดมาเพื่อเป็นสิงห์ หัวใจของลื้อก็เป็นสิงห์ ถ้าโอกาสมาถึงลื้อเมื่อไหร่ อย่าได้ปฏิเสธหน้าที่ที่ลื้อต้องทำ"
"หน้าที่อะไรครับ"
"หน้าที่ของผู้นำ"
ทรงกลดยืนนิ่งคิดอยู่ พอจะถามต่อซินแสง้วงก็ตัดบทพูดเรื่องอื่นทันที
"เรื่องนี้ยังไม่ต้องคิดหรอก จัดการกับปัญหาตรงหน้าก่อน"
ซินแสง้วงเดินออกไป
"ปัญหา..ปัญหาอะไร"
อันเดินตรงเข้ามาหาทรงกลดด้วยความหนักใจ
"นายน้อยครับ"
ทรงกลดหันไปมอง อันที่มีลูกน้องอีก 4 คนตามมาเป็นพรวน ทรงกลดข้องใจมาก
ภายในห้องทำงาน ตงนั่งดูรายชื่อแขกอยู่ ปอยืนรอตงตรวจสอบอยู่ ทรงกลดเดินตรงเข้ามาพร้อมกับอัน
"ป๊า! ป๊าต้องยกเลิกคำสั่งเดี๋ยวนี้"
ทรงกลดหันไปชี้ลูกน้อง 4 คนที่เดินตามมาแต่หยุดอยู่ที่ประตู
อันสั่งลูกน้อง
"ออกไปก่อน"
ลูกน้อง 4 คนถอยห่างแล้วเดินออกไป
"ผมไม่ต้องการให้ใครมาคุ้มครอง"
"ลื้ออย่ามาทำอวดเก่ง ก็เห็นแล้วว่า ลื้อคนเดียวเอาตัวไม่รอด! อั๊วให้อาอันคอยอยู่กับลื้อ แต่ก็ยังเอาไม่อยู่ อั๊วก็ต้องทำแบบนี้แหละ"
"ผมจะเป็นจะตายไม่ได้เกี่ยวอะไรกับป๊า"
"ลื้อเป็นลูกชายของอั๊ว"
ทรงกลดชะงักไปนึกว่าตงจะพูดอะไรดีๆด้วย
"ลูกชายของหัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์! ถ้าอั๊วปล่อยให้ลื้อตายไป คนจะหมดความเชื่อถือ ไม่มีใครเกรงกลัวอีกต่อไป แล้วช่วงนี้ห้ามมีเรื่องเด็ดขาด แก๊งของเรากำลังมีงานสำคัญ"
"งานแต่งตั้งไอ้หมงขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊ง..ป๊ากำลังจะบอกว่า ให้ผมรักษาชีวิตไว้จนกว่าจะถึงวันงานใช่มั้ยครับ ถ้าหลังจากนี้ผมตายไปก็ไม่เป็นไรแล้ว"
ปอบอก
"ไม่ใช่อย่างนั้นครับ นายน้อย ยังไงชีวิตของนายน้อยก็มีความสำคัญต่อทุกคน ไม่มีใครอยากให้นายน้อยต้องเป็นอะไรไป"
"ผมฟังถูกแล้วล่ะครับ แปะ ที่ผมตายไม่ได้เพราะต้องรักษาชื่อเสียงของแก๊งเขี้ยวสิงห์ อย่าให้ใครมาลูบคมง่ายๆ ไม่ต้องห่วงนะ ป๊า ผมไม่พลาดเป็นครั้งที่สองแน่ ป๊าเตรียมงานฉลองหัวหน้าแก๊งคนใหม่ได้อย่างสบายใจเลยครับ"
ทรงกลดเดินออกไปทันที
"ยกเลิกคำสั่งเถอะครับ นายใหญ่ ไม่มีประโยชน์มีแต่จะสร้างปัญหา"
"ตามใจๆ มันอยากทำอะไรก็ตามใจมันเลย อั๊วจะไม่สนใจมันอีกต่อไปแล้ว"
"ขอบคุณครับ นายใหญ่"
อันเดินออกไป ตงถอนใจเฮือกอย่างหนักใจ
"นายใหญ่ไม่ต้องหนักใจไป เรายังมีทางอื่น"
ตงนิ่งมองปออย่างรอคำตอบ
หมงเพิ่งเดินเข้าบ้าน เหมยลี่โผล่เข้ามาแล้วรีบดึงหมงไปที่มุมลับตาทันที
เหมยลี่ตื่นเต้นดีใจ
"หมง! มีคนบอกเธอหรือยัง"
"บอกเรื่องอะไร"
"นายใหญ่กำหนดวันแต่งตั้งเธอแล้วนะ ตอนนี้กำลังเตรียมทำบัตรเชิญอยู่ เธอกำลังจะได้ขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์จริงๆแล้ว"
"ฉันยังไม่วางใจหรอก ตราบใดเรายังมีไอ้ทรงกลดคอยขวางทางเราอยู่"
"แต่ฉันเชื่อว่า คราวนี้นายใหญ่ไม่เปลี่ยนใจแน่ เธอได้ขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งเมื่อไหร่ ฉันจะไม่ยอมทำตัวแอบๆซ่อนๆอย่างนี้อีกต่อไป ฉันจะต้องได้เป็นนายหญิงของเธอ"
"รอไว้ให้ถึงเวลานั้นมาถึงก่อนเถอะ"
เหมยลี่ขยับไปใกล้หมงอีกแล้วเหลือบเห็นรอยลิปสติกจางๆที่แก้มของหมง
"นี่มันรอยอะไร! เธอไปกกผู้หญิงที่ไหนมา บอกมานะ มันเป็นใครๆ"
เหมยลี่ฟาดหมงไม่เลี้ยงจนหมงจะต้องรวบมือจับไว้อย่างรำคาญ
หมงลืมตัว
"ฉันมีผู้หญิงที่ไหนก็เรื่องของฉั"
"หมง! เธอจะทำอย่างนี้กับฉันไม่ได้นะ ไม่งั้นฉันจะเปิดโปงเรื่องทุกอย่าง"
หมงชะงักกึกต้องรีบแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไป
"ฉันไม่ได้ไปมีผู้หญิงที่ไหน พาลูกค้าไปเลี้ยงดูปูเสื่อเท่านั้น ฉันอยากจะยกย่องเธอออกหน้าออกตา แต่อย่าลืมสิ ถึงฉันได้ขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊ง เธอก็ยังเป็นเมียป๊าอยู่ ฉันจะทำอะไรได้"
เหมยลี่ชะงักกึกคิดไม่ถึงกับปัญหานี้
"แล้วเราจะทำยังไง"
"เดี๋ยวเราก็คิดออกเอง แต่เราสองคนต้องเชื่อใจกัน..เข้าใจมั้ย"
หมงดึงเหมยลี่เข้ามากอดไว้เพื่อให้หยุดคิดฟุ้งซ่าน แต่เหมยลี่ยังคงระแวงอยู่
หาบขนมจุ๋ยก้วยถูกกองไว้อยู่มุมหนึ่งพร้อมกับข้าวของชิ้นใหญ่ๆในบ้าน อาจูกับเว่ยยืนนิ่งมองไปที่ภาพตรงหน้าอย่างตั้งตัวไม่ติด เง็กกำลังเก็บข้าวของเครื่องใช้ในบ้านใส่กล่องแล้วมัดเชือกอย่างรีบเร่งเอาจริง
"ม้า..นี่ม้าทำอะไร"
"เราจะย้ายบ้าน" เง็กบอก
เว่ยถาม
"ทำไมย้ายปุบปับอย่างนี้ล่ะ ม้า แล้วเราจะย้ายไปอยู่ที่ไหน"
"พวกลื้อไม่ต้องรู้"
"นี่ม้าลงทุนย้ายบ้านหนีเฮียทรงกลดเลยเหรอ ม้าทำอะไรไม่คิดถึงใจแจ้จูบ้างเลย ไม่รู้ว่าแจ้จูจะได้งานดีๆอย่างนี้อีกเมื่อไหร่ หรือว่าม้าจะให้แจ้จูขายจุ๋ยก้วยไปจนวันตาย"
"พอได้แล้ว เว่ย"
"ถ้าเราย้ายบ้านไป แจ้จะไม่ได้เจอเฮียทรงกลดอีกเลยนะ" เว่ยบอก
อาจูตัดใจ
"แจ้รู้"
"เฮียทรงกลดเค้าชอบแจ้นะ แล้วแจ้ก็ชอบเค้าด้วยไม่ใช่เหรอ"
"อาเว่ย"
อาจูหันไปมองเง็กอย่างเกรงๆ
"ยังไงแจ้ก็จะไม่เจอเค้าอีก ไปเก็บของในห้อง ไป"
ซิ่วเอ็งก้าวเข้ามา
"ไม่ต้อง! อั๊วไม่ให้ย้าย" ซิ่วเอ็งบอก
"แต่อั๊วต้องพาอาจูไปจากที่นี่ ถ้าม้าไม่ไปด้วย ม้าก็อยู่กับอาเว่ยที่นี่ก็แล้วกัน"
"ม้า"
อาจูไม่คิดว่า แม่จะตัดสินใจเด็ดขาดขนาดนี้
ซิ่วเอ็งดึงเว่ยมาในครัว
"ม่าไม่ต้องพูดเลย ยังไงผมก็จะไปกับแจ้จู ผมทิ้งม้ากับแจ้จูไม่ได้จริงๆ"
"อั๊วก็ไม่ได้ให้ลื้อทิ้ง ถ้าต้องย้ายไปจริงๆ อั๊วก็จะไปด้วย"
"แล้วม่ามีอะไรจะพูดกับผม"
"ไปบอกเจ้านายอาจูเรื่องที่เราจะย้ายบ้าน"
"บอกไปก็ไม่มีประโยชน์ ยังไงเฮียทรงกลดก็มาเจอแจ้จูไม่ได้"
"เรื่องนั้นเดี๋ยวอั๊วจัดการเอง"
เว่ยมองซิ่วเอ็งอย่างแปลกใจ
"ไหนๆ ก็จะไม่ได้เจอหน้ากันอีก ก็น่าจะให้สองคนนั้นเจอหน้ากันเป็นครั้งสุดท้าย มีอะไรก็พูดจากัน จะได้ไม่มีอะไรค้างคาใจ ไม่งั้นเจ้านายอาจูไม่ยอมหยุดง่ายๆหรอก จะได้หมดเรื่องหมดราวเสียที"
"ม่า..ทำไมม้าถึงเกลียดพวกแก๊งเจ้าพ่อนัก ดูเหมือนว่าม้าจะเกลียดแก๊งเขี้ยวสิงห์มากกว่าแก๊งอื่นด้วย"
"แล้วซักวันลื้อจะรู้เอง! ไปๆ รีบไป ก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป"
เว่ยเดินออกไป ซิ่วเอ็งยิ้มอย่างพอใจที่แผนเริ่มไปได้หนึ่งขั้น
ทรงกลดโยนรูปถ่ายหญิงสาววัยยี่สิบ 4- 5 ใบลงบนโต๊ะจนเกลื่อนกระจาย
"ไม่! ผมไม่แต่งงาน"
ทรงกลดหันมองไปตงกับปอที่ยืนมอง คิดอยู่แล้วว่าทรงกลดจะต้องอาละวาด
"อั๊วไม่ได้ให้ลื้อแต่งงานในตอนนี้ แค่อยากให้ลื้อไปดูตัว" ตงบอก
ทรงกลดขัดทันที
"ไม่! ยังไงก็ไม่"
"นายน้อยอย่าเพิ่งรีบปฏิเสธ ถ้าได้ไปเจอตัว นายน้อยอาจจะถูกใจลูกสาวบ้านไหนก็ได้ ใครจะไปรู้" ปอบอก
"ถ้าผมจะแต่งงาน ผมจะแต่งงานกับผู้หญิงที่ผมเลือกเอง"
"นายน้อยมองใครไว้แล้วหรือครับ"
ทรงกลดอึกอักไปชั่วขณะเมื่อนึกถึงอาจู
"ลื้อมีใครแล้วงั้นเหรอ" ตงถาม
ทรงกลดไม่ตอบแต่กลับหาเรื่องเสียงั้น
"แล้วป๊านึกยังไง อยู่ๆจะจับผมแต่งงาน หรือนี่เป็นวิธีกำจัดผมไปจากชีวิต มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกครับ"
"อั๊วอยากให้ลื้อมีครอบครัว ลื้อจะได้รู้จักรับผิดชอบมากกว่านี้ จะทำอะไร จะได้คิดหน้าคิดหลัง วันไหนที่ลื้อมีครอบครัวรออยู่ที่บ้าน แล้วลื้อจะรู้ว่า ภาระหน้าที่ของผู้นำครอบครัวคืออะไร"
"ป๊าทำหน้าที่ผู้นำครอบครัวให้ได้ก่อนเถอะครับ ผู้ชายที่ทิ้งลูกเมียเพื่อไปหาความสุขใส่ตัว ไม่น่ามีสิทธิ์ที่จะสั่งสอนใคร"
ตงเงื้อมือจะตบหน้าทรงกลด
"นายใหญ่ครับ"
ทรงกลดยืนนิ่งอย่างไม่สะทกสะท้าน ตงค่อยๆลดมือลงอย่างสะกดอารมณ์
"มีธุระจะพูดกับผมแค่นี้ใช่มั้ยครับ"
ทรงกลดเดินออกไป ตงค่อยๆดึงขวดยานัตถุ์ออกมาเพื่อสูดเข้าไปอย่างช้าๆ
หมงเดินออกมาที่ประตูทางออก ลูกน้องคนขับรถยืนรออยู่
"ไปเอารถออกได้แล้ว"
ลูกน้อง1บถาม
"วันนี้คุณหมงจะเข้าบริษัทหรือไปโรงงานครับ"
หมงยิ้ม
"ไปฉั่วเทียนเหลา"
เหมยลี่มาทันได้ยินพอดี
"ไปทำไม"
หมงบอกกับลูกน้อง
"ยืนรออะไร ไปสิ"
ลูกน้องรีบเดินออกไปทันที เหมยลี่ตรงรี่ไปหาหมงอย่างระแวง
"เธอจะไปฉั่วเทียนเหลาทำไม"
อันเดินเข้ามาทันได้ยินคำว่าฉั่วเทียนเหลาเลยหยุดชะงัก
"พาลูกค้าไปเลี้ยง" หมงพูดเสียงเบาแต่เข้ม "อยากให้คนรู้ใช่มั้ย"
เหมยลี่เริ่มระวังตัวมองซ้ายมองขวา
"อย่าได้คิดทำอะไรออกนอกลู่นอกทางล่ะ ทำอะไรให้คิดด้วยว่า มีคนข้างหลังรออยู่ ... อย่าให้มีรอยลิปสติกติดกลับมาอีกล่ะ"
เหมยลี่มองอย่างคาดโทษแล้วเดินออกไป
"อยากรู้อะไร ก็ถามมา ไม่ต้องยืนแอบฟัง อย่างนี้เรียกว่าหน้าตัวเมียว่ะ"
อันก้าวออกมาประจันหน้ากับหมง
" ฉันมีนัดสำคัญที่ฉั่วเทียนเหลา อยากรู้ว่า ฉันนัดกับใคร ก็ตามไปดูสิ"
หมงได้ทีเยาะเย้ยใส่แล้วเดินออกไป อันมองตาม
ทรงกลดกับอันกำลังจะเดินเข้าบริษัท ฝ่ายอันยังคาใจเรื่องที่หมงไปฉั่วเทียนเหลา
"ก็ตามไปดูสิ จะได้หายสงสัย"
"ผมอาจจะคิดมากไปเอง..มันคงแค่อยากหาเรื่องผมเท่านั้น"
เว่ยวิ่งเข้ามา
"เฮียทรงกลด"
"มีเรื่องอะไร"
"เฮียไปกับผมก่อน เดี๋ยวผมจะเล่าไประหว่างทาง เร็วๆเข้า เฮีย เดี๋ยวจะไม่ทัน"
ทรงกลดหันไปสั่งอันอย่างรวบตึงทันที
"ฉันจะไปกับเว่ย ส่วนแกไปฉั่วเทียนเหลา"
"เรื่องไอ้หมงไว้ก่อนก็ได้ครับ นายน้อย"
"ฉันว่าไอ้หมงไม่ได้แค่อยากหาเรื่องแก มันตั้งใจท้าทายแกมากกว่า ทุกทีมันเคยกล้าซะที่ไหน แสดงว่าตอนนี้มันถือไพ่เหนือกว่า ไปฉั่วเทียนเหลา นี่คือคำสั่ง"
อันยังดื้อดึงจะเดินตามทรงกลดไป
"คำสั่งของฉันไม่ศักดิ์สิทธิ์แล้วหรือไง?"
ทรงกลดดึงเว่ยให้เดินออกไปด้วยกัน อันยืนนิ่งตัดสินใจ
หยกมณีรินเหล้าให้กับหมงแล้วจะเดินไปนั่งแต่หมงดึงหยกมณีให้นั่งลงที่ตัก
"ปล่อยหยกก่อนนะคะ"
หยกมณีพยายามจะขยับตัวหนี แต่หมงกอดไว้แน่น
"เธอรู้อะไรมา"
"หยกยังไม่เห็นตัวเลขเลยนะคะ"
หยกมณีแบมือที่ตรงหน้าหมง
"เขียนตัวเลขมาก่อน เขียนบนมือหยกก็ได้นะ ขอตัวเลขสวยๆหน่อย แล้วหยกจะบอกทุกอย่างที่หยกได้ยินมา"
หยกมณีเอามือลูบไล้หน้าหมงอย่างยั่วยวน
"หรือคุณหมงจะให้เป็นอย่างอื่นก็ได้นะ"
"เธอต้องการอะไร"
หยกมณีได้โอกาสขยับตัวออกจากหมงได้
"คุณหมงรู้อะไรมา ก็เล่าให้หยกฟังบ้าง แลกเปลี่ยนกัน..มีหลายแก๊งอยากจะรู้ว่า ตอนนี้สถานการณ์ของแก๊งเขี้ยวสิงห์เป็นยังไง"
"ที่เค้าว่ากันว่า ฉั่วเทียนเหลาเป็นแหล่งข่าวชั้นดี..ก็คงเป็นเพราะเธอนี่เอง เธออยากจะรู้อะไรล่ะ"
"มีคนอยากให้นายน้อยตาย..หยกได้ยินมาว่า เป็นคนในแก๊งเขี้ยวสิงห์เองที่อยู่เบื้องหลัง " หยกมณีทีเล่นทีจริง "แต่คงไม่ใช่เป็นคุณหมงหรอกมั้งคะ"
หยกมณีจ้องจับพิรุธจนหมงต้องรีบลุกขึ้นยืน
"เรากลับไปที่จุดเดิมที่เราตกลงไว้ดีกว่า ตกลงว่าเธอรู้อะไรมา บอกมาก่อน แล้วฉันจะตัดสินใจเองว่า ฉันจะจ่ายให้เธอได้แค่ไหน"
"อย่างนี้หยกก็เสียเปรียบน่ะสิคะ"
"อย่างนั้นยังไม่เรียกว่าเสียเปรียบหรอก"
ในทันใด หมงคว้าตัวหยกมณีเข้ามากอดซุกไซ้
"อย่างนี้สิถึงเรียกว่าเสียเปรียบ"
หมงดึงตัวหยกมณีไปที่มุมโซฟาในห้องแล้วกดตัวลงให้นอนลงไป หยกมณีดิ้นรนอย่างแรง
"ลืมถามไป เธอขายข่าว แล้วขายตัวด้วยหรือเปล่า"
หยกมณีกรีดร้อง
"ช่วยด้วย!"
หมงเอามืออุดปากหยกมณีไว้แล้วพยายามปลุกปล้ำต่อไป
อันเพิ่งมาถึงแล้วมองกวาดตาไปที่ชั้นล่างของฉั่วเทียนเหลา
อันจะเดินไปขึ้นบันไดเพื่อไปดูที่ห้องวีไอพี พนักงานเดินปราดเข้ามาหาอัน
"มาหาแจ้หยกหรือครับ คุณอัน"
อันแปลกใจ
"หยกมาทำงานแล้วเหรอ"
"วันนี้แจ้หยกเข้างานเร็วครับ เห็นว่ามีนัดกับแขกพิเศษ"
"ตอนนี้หยกอยู่ที่ไหน"
"ห้องพิเศษห้องใหญ่ข้างบนครับ"
อันพุ่งขึ้นไปชั้นบนทันที
หยกมณีดิ้นรนเพื่อให้หลุดจากเงื้อมมือของหมง
"ช่วยด้วย"
"หยุดแหกปาก! ฉันเป็นใคร! ไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วยเธอหรอก"
หยกมณีแอบเอื้อมมือไปดึงมีดที่ติดอยู่ที่ต้นขา
"ปล่อย! ฉันบอกให้ปล่อย"
"เธอคิดจะหลอกฉัน! เธอไม่ได้รู้อะไรมาเลย! นี่คือผลตอบแทนที่คิดจะเล่นกับคนอย่างฉัน"
หยกมณีเงื้อมีดจะแทง แต่หมงไหวตัวทันคว้ามือหยกมณีไว้แล้วบิดข้อมือจนมีดร่วงหล่นไป
หมงตบหน้าหยกมณีจนหน้าหัน
"อยากตายใช่มั้ย"
หยกมณียกเข่ากระทุ้งจนหมงเซเสียหลักไป เธอตะเกียกตะกายลุกขึ้นไป แต่ถูกหมงดึงตัวได้แล้วเหวี่ยงกลับมาที่โซฟาได้อีกครั้ง
อันวิ่งขึ้นมาชั้นสองแล้ววิ่งไปถีบประตูห้องวีไอพีจนเปิดออก อันวิ่งเข้าไปในห้องวีไอพีแต่พบห้องว่างเปล่าไม่มีใคร ได้ยินเสียงหยกมณีดังแว่วๆ
"ช่วยด้วย"
อันวิ่งออกไปทางต้นเสียงทันที
หมงโถมเข้าหาหยกมณีที่ดิ้นรนอย่างสุดชีวิต อันเตะประตูเปิดออกแล้ววิ่งพรวดเข้ามาทีเดียวถึงตัวหมง อันดึงตัวหมงออกมาแล้วชกเปรี้ยงเข้าให้เต็มแรงเกิด หมงเซออกไปไม่เป็นท่า อันตามเข้าไปซัดไม่เลี้ยงจนหมงสะบักสะบอม
"อย่า! อย่า"
หมงกลัวลนลานคลานหนีไปจนติดมุมห้อง อันตามไปจะกระทืบซ้ำ หยกมณีเข้ามาดึงอันไว้
"เฮีย! พอเถอะ"
อันหันไปเห็นสภาพบอบช้ำของหยกมณีก็ยิ่งโกรธแค้น อันเตะหมงไปอีกครั้งก็ยังไม่หนำใจ
"เฮีย! พอได้แล้ว! ฆ่าเค้าให้ตายก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา"
"ฉัน..ฉันขอโทษ..ฉันไม่ได้ตั้งใจ"
"ฉันจะเห็นแก่นายใหญ่ ฉันจะไว้ชีวิตแก แต่แกต้องหลบกระสุนฉันให้ได้เสียก่อน ฉันจะนับแค่หนึ่งถึงสาม หนึ่ง..."
อันดึงปืนออกมาแล้วเตรียมจะยิง
"สอง!"
หมงตาลีตาเหลือกลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไป
"สาม!"
หมงสะดุดล้มแล้วรีบวิ่งหนีหางจุกตูดไปพร้อมๆกับคำว่า”สาม” ของอัน
อันหันมามองหยกมณีด้วยความโกรธแต่นิ่งเงียบ
หยกมณีเอาผ้าเย็นอังที่หน้าบวมช้ำของตัวเองอยู่ อันนั่งมองไปทางอื่น ยังคงโกรธหยกมณีไม่หาย
"เฮีย..หยกขอโทษ หยกแค่อยากจะช่วยเฮีย"
"เฮียขอให้ช่วยงั้นเหรอ"
"หยกอยากช่วยเอง เรื่องของเฮียก็เหมือนเรื่องของหยก"
"ไม่ใช่ เรื่องของเฮียไม่เกี่ยวกับหยก อย่าทำอะไรลับหลังเฮียอย่างนี้อีก ถ้าพลาดไป มันได้ไม่คุ้มเสีย"
"คนอย่างหยกไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว"
"เลิกตีค่าตัวเองต่ำซะที ถ้าไม่เห็นค่าของตัวเอง แล้วใครจะเห็น"
"แล้วเฮียเห็นค่าของหยกจริงๆหรือเปล่า หรือเห็นเป็นแค่ของตาย... ที่จะกลับมาหาหยกเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะรู้ว่ายังไงหยกก็ต้องรอเฮีย"
"ถ้าเฮียไม่เห็นค่าของหยก เฮียก็ไม่กลับมา อย่าทำเรื่องโง่ๆอย่างนี้อีก อย่าคิดว่าจะปั่นหัวผู้ชายได้ทุกคน ถ้าจะช่วย ก็ช่วยอยู่เฉยๆ แค่นี้เฮียก็มีปัญหามากพอแล้ว"
"ถ้าหยกสร้างปัญหาให้เฮียนักล่ะก็ เฮียตัดหยกออกไปจากชีวิตก็ได้ ปัญหาของเฮียจะได้น้อยลง"
"ทำผิดแล้วยังจะพาลอีก"
"หยกทำพลาดต่างหาก หยกไม่ได้ทำผิด หยกอยากช่วยคนที่หยกรัก หยกยอมทำได้ทุกอย่าง ถ้าวันนี้หยกพลาดไป..แล้วไง หยกก็เป็นทางผ่านของผู้ชายอยู่แล้ว มีเพิ่มอีกซักคนจะเป็นอะไรไป"
"ถ้าคิดอย่างนั้น เราก็ไม่มีอะไรจะพูดกันแล้ว"
อันมองหยกมณีด้วยความโกรธแล้วเดินออกไป
"เฮียอัน"
หยกมณีนิ่งอึ้งรู้ตัวว่าพูดสิ่งเลวร้ายไป
ซิ่วเอ็งเก็บรวบรวมห่อยาใส่กล่องใหญ่ ขวดโหล ที่ชั่งยาและอุปกรณ์อื่นๆยังคงกองอยู่รวมกันเพื่อเตรียมเก็บเพื่อย้ายบ้าน
เง็กถือกล่องกระดาษมาวางไว้แล้วช่วยเก็บสมุนไพรและอุปกรณ์ต่างๆใส่กล่อง
"ไม่เป็นไรๆ อั๊วเก็บเองได้"
"ม้า...เมื่อกี้อั๊วพูดไม่ดีกับลื้อ อั๊วขอโทษด้วย อั๊วเป็นห่วงอาจูมากจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว"
"อั๊วเข้าใจๆ...เราควรอยู่ห่างจากพวกแก๊งเจ้าพ่อให้ไกลที่สุด ไม่งั้นชีวิตเราจะไม่เป็นสุข แต่ดูท่าทางเจ้านายอาจูคงไม่ยอมตัดใจง่ายๆ"
"ม้าอย่าไปเชื่ออาเว่ยนักเลย อีเป็นเด็กจะรู้อะไร"
"ถ้าอีไม่คิดอะไร อีจะดีกับอาจูขนาดนี้เรอะ แต่ที่สำคัญอยู่ที่คนของเรา ถ้าอีไม่เล่นด้วย ก็คงไม่มีอะไร แต่ลื้ออย่าลืมว่า อาจูยังเด็ก ไม่รู้ประสีประสาเรื่องผู้ชายโดนหลอกเอาได้ง่ายๆ"
"อั๊วคิดถูกแล้วที่ตัดสินใจย้ายบ้าน ไม่งั้นอาจูต้องกลายเป็นของเล่นให้ลูกชายอึ้งตงกัวแน่"
ซิ่วเอ็งเห็นเว่ยเดินเข้ามาหยุดอยู่ด้านหลังเง็ก เว่ยทำท่าบุ้ยใบ้ให้รู้ว่าทรงกลดมาแล้ว
"ดีแล้วๆ ที่ลื้อตัดไฟเสียแต่ต้นลม ลื้อรีบไปเก็บข้าวของไป เดี๋ยวอั๊วเอายาไปส่งแล้วจะไปช่วย"
ซิ่วเอ็งยกกล่องยากล่องใหญ่ดูหนัก
"หนักอย่างนี้ อั๊วไปส่งให้เอง ให้ไปส่งที่ไหนล่ะ ม้า"
ซิ่วเอ็งยิ้มอย่างพอใจ
เลือดมังกร : สิงห์ ตอนที่ 5 (ต่อ)
เว่ยดึงทรงกลดหลบไปที่มุมใกล้ๆหน้าบ้านอาจู ซิ่วเอ็งเดินมาส่งเง็กที่ยกกล่องยากล่องใหญ่ออกมา
"เอายาไปส่งที่บ้านอาย้งแล้วก็ช่วยแวะซื้อเหล้าเกาเหลียงมาให้ซักขวด อั๊วจะเอามาดองยา"
"ได้ๆ ไม่ต้องรอกินข้าวนะ ม้า สงสัยอั๊วจะกลับมาไม่ทัน"
เง็กมองไปทางมุมที่ทรงกลดกับเว่ยแอบอยู่พอดี
"มองอะไร"
"ทำไมอาเว่ยยังไม่กลับมาอีก"
"อีไปลาเพื่อนๆ ปล่อยๆไปเถอะ บ้านเราไม่ได้มีข้าวของอะไร เก็บเดี๋ยวเดียวก็เสร็จแล้ว ลื้อรีบไปรีบมาเถอะ เดี๋ยวจะมืดซะก่อน"
เง็กยกกล่องยาเดินออกไป
เว่ยดึงทรงกลดออกมาจากมุมที่แอบซ่อนตัว
"ม่านี่เก่งๆจริงๆ หลอกล่ออาม้าไปจนได้"
"ลื้อตามอาม้าลื้อไป คอยดูอีไว้ เดี๋ยวเกิดอีเปลี่ยนใจกลับมา"
"ไม่หรอกมั้ง"
"อั๊วบอกให้ไปก็ไปสิ"
เว่ยมองซิ่วเอ็งอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมเยอะนัก แต่ก็ยอมเดินออกไปโดยดี
"ขอบคุณม่ามากๆนะครับ"
"เข้าบ้านๆ"
ทรงกลดเดินเข้าไปในบ้าน ซิ่วเอ็งเดินตามอย่างช้าๆจ้องมองด้านหลังทรงกลดด้วยสายตาประสงค์ร้าย
อาจูกำลังเก็บเสื้อผ้าที่ตากไว้ใส่ตะกร้า ดึงผ้าปูเตียงผืนสุดท้ายออกแล้วพบว่าทรงกลดยืนอยู่ด้านหลังผืนผ้า
"คุณที"
"คนใจร้าย"
"คุณเข้ามาได้ยังไง"
อาจูมองไปทางหน้าบ้านอย่างกลัวว่าจะโดนเง็กจับได้
"ไม่ต้องห่วง..อาม้าเธอไม่อยู่"
"กลับไปซะเถอะค่ะ"
อาจูเดินหนีทรงกลด
"ทำไมใจร้ายกับฉันอย่างนี้"
ทรงกลดดึงตัวอาจูไว้
"เธอจะไปจากฉันโดยไม่บอกลากันซักคำเลยเหรอ"
"บอกลาหรือไม่บอกลา..ก็มีค่าเท่ากัน ยังไงเราก็ต้องจากกัน"
ทรงกลดดึงอาจูมากอดไว้จนตะกร้าผ้าหลุดจากมืออาจูแล้วกลิ้งล้มไป
"คุณที"
"ฉันไม่ให้เธอไป"
"แต่ยังไงฉันก็ต้องไปจากคุณ..เราจากกันด้วยความรู้สึกดีๆ ดีกว่ามั้ยคะ"
อาจูดันตัวทรงกลดออกไป
"อาจู..ทำไมเวลาของเราถึงได้มีน้อยอย่างนี้"
"เวลาของเรามีน้อย แต่มีค่านะคะ เพราะฉันจำทุกนาทีที่อยู่กับคุณได้ และจะจำได้ตลอดไป คุณสิจะจำฉันได้ไปอีกนานแค่ไหน"
"ฉันไม่มีวันลืมเธอหรอก อาจู...ไม่มีวัน!"
ทรงกลดดึงอาจูมากอดไว้แน่นเหมือนไม่อยากให้จากไปไหนแม้แต่วินาทีเดียว
ซิ่วเอ็งหยิบห่อสมุนไพรที่เก็บอยู่ในซอกลึกของตู้ยาออกมา แล้วแกะห่อสมุนไพรสีเข้มเหมือนสีใบชา เทใส่ผสมกับใบชาในกระป๋อง ซิ่วเอ็งยิ้มเยือกเย็นอย่างพอใจ
บริเวณหลังบ้าน ทรงกลดกอดอาจูไว้อยู่ เธอเรียกสติกลับคืนมาได้ แล้วผลักเขาออกไป
"กลับไปเถอะค่ะ คุณที"
อาจูเก็บตะกร้าเสื้อผ้าที่ตกกลิ้งที่พื้นขึ้นมาอย่างตัดใจ
"ฉันไม่กลับ"
"เดี๋ยวอาม้าก็กลับมาแล้วนะคะ"
"กลับมาก็ดี ฉันจะพูดให้อาม้าเธอเปลี่ยนใจเอง ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้เธอไป ฉันทำได้ทุกอย่างจริงๆ"
"คุณทำไม่ได้หรอกค่ะ"
"ทำไมจะไม่ได้"
"เพราะคุณเป็นลูกชายหัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์ ถึงแก๊งพ่อคุณจะเป็นแก๊งมีคุณธรรม ยังไงก็เป็นแก๊งเจ้าพ่ออยู่ดี ม้าฉันเกลียดคนอย่างพวกคุณเข้ากระดูกดำ วันนี้แค่มาเร็วกว่าที่เราคิดเท่านั้น"
"อาจู แล้วเรื่องของเราล่ะ"
"นี่เป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว เราหยุดเรื่องของเราซะตั้งแต่ตอนนี้ ก่อนที่เราจะเจ็บปวดกันไปมากกว่านี้ กลับไปเถอะนะคะ คุณที ฉันขอร้อง"
อาจูถือตะกร้าผ้าเดินออกไป ทรงกลดยังนิ่งอึ้งอยู่
อาจูถือตะกร้าผ้ามาวางไว้แล้วหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาพับเก็บ ทรงกลดเดินตามออกมา อาจูก้มหน้าพับเสื้อผ้าไปอย่างควบคุมอารมณ์
"ไม่ไปส่งนะคะ"
"ฉันยังไม่กลับ"
อาจูเงยหน้ามองทรงกลดอย่างอ่อนใจ
"เธออยากให้เราจากกันด้วยความรู้สึกดีๆไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ฉันรู้สึกแย่...แย่ที่สุดในชีวิต เธอทำให้ฉันรู้สึกดีได้เมื่อไหร่ ฉันถึงจะกลับ"
"คุณที! ฉันขอร้องคุณดีๆแล้วนะ"
อาจูตรงรี่จะไปลากตัวทรงกลดออกไป แต่ซิ่วเอ็งเดินเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน
"กินข้าวมาหรือยัง"
ทรงกลดยิ้มกว้าง
"ยังเลยครับ"
"งั้นกินข้าวก่อนแล้วค่อยกลับ"
"เดี๋ยวอาม้ากลับมาจะมีเรื่องกันเปล่าๆ"
"อาม้าลื้อกว่าจะกลับคงมืดค่ำโน่น อาจู...เจ้านายลื้ออีมีบุญคุณไม่ใช่น้อย อาหารมื้อนี้ถือว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณแล้วกัน แต่ไม่ต้องทำเผื่ออั๊วนะ อั๊วอยากนอนพัก..ก้มๆเงยๆทั้งวัน ปวดเมื่อยไปทั้งตัว"
ซิ่วเอ็งเดินกระย่องแย่งเข้าไปในห้องตัวเอง
ทรงกลดยิ้มกริ่ม
"ได้ยินที่อาม่าสั่งหรือเปล่า"
อาจูมองทรงกลดอย่างขัดใจจริงๆ
อาจูเดินเข้ามาในครัวดูว่ามีอะไรพอจะทำกินได้บ้าง ทรงกลดเดินตามเข้ามา
"เข้ามาทำไม ไปรอข้างนอก ถ้าเสร็จแล้ว ฉันจะยกออกไปให้เอง"
"ฉันช่วย"
อาจูแกล้งมองทรงกลดอย่างสำรวจ
"อย่างคุณจะช่วยอะไรได้"
"อย่าเพิ่งดูถูกกัน"
"งั้นคุณช่วยหุงข้าวแล้วกัน แล้วรู้หรือเปล่าว่า ก่อนหุงข้าวก็ต้องก่อเตาไฟก่อน"
ทรงกลดเหล่ๆมองอาจูเพราะรู้ว่าโดนกระทบเข้าให้ เขาถอดเสื้อแจ๊คเก็ตออกแล้วพับแขนเสื้อตรงไปที่เตาอั่งโล่
อาจูหันไปหยิบไชโป้วกับไข่และผักกาดขาวมาเตรียมไว้
อาจูหันไปมองทรงกลดที่เพิ่งจะกวาดขี้เถ้าซึ่งค้างอยู่ในเตาออกจนหมด อาจูดูน้ำหน้าว่า ทรงกลดจะทนอยู่ในครัวได้นานเท่าไรเชียว
ทรงกลดหันรีหันขวางหาเศษไม้เริ่มก่อไฟ แต่ขี้ไต้ในมืออาจูถูกยื่นมาตรงหน้าเสียก่อน
"จุดขี้ไต้ก่อน นายน้อยรู้จักขี้ไต้มั้ยคะ"
ทรงกลดฉวยขี้ไต้มาจากอาจูอย่างรักษาฟอร์ม
"กำลังหาอยู่พอดี"
ทรงกลดจุดไม้ขีดจนขี้ไต้ติดไฟแล้ววางเศษไม้เพื่อก่อไฟแล้วค่อยๆคีบถ่านใส่เข้าไป เขาใช้พัดๆใส่เตาไฟจนควันโขมงใส่หน้าจนไอสำลักควัน
อาจูเห็นหน้าทรงกลดเปื้อนเขม่าไฟแล้วอดยิ้มขำไม่ได้
"ขำอะไร"
"เปล่า ไม่ได้ขำซักหน่อย"
อาจูเมินหน้าหนีเพื่อกลั้นยิ้มไว้ เขาปาดเหงื่อที่หน้า หน้าที่มอมด้วยเขม่าไฟยิ่งมอมไปอีก
อาจูหลุดหัวเราะออกมา ทรงกลดมองมือตัวเองที่เปื้อนเขม่าไฟแล้วพอเดาว่า อาจูขำอะไรอยู่
"ขำนักใช่มั้ย"
ทรงกลดแกล้งเอามือป้ายหน้าอาจู
"คุณที"
อาจูโวยวายเบือนหน้าหนีแต่หนีไม่พ้นเพราะถูกทรงกลดจับหน้าด้วยสองมือ ทั้งสองต่างหยุดชะงัก มองหน้ากันนิ่ง ทรงกลดมองหน้ามอมๆของอาจูแล้วยิ้ม
"เป็นไงล่ะ ตอนนี้เราไม่ต่างกันเท่าไหร่แล้ว"
"คุณนี่เอาชนะได้ทุกเรื่อง"
"ฉันแพ้แต่เธอคนเดียว..ผู้หญิงอะไรทั้งปากแข็งทั้งใจแข็ง"
อาจูเบี่ยงตัวให้หลุดจากทรงกลด ไม่อยากพูดเรื่องนี้อีก
"รีบๆหุงข้าวเถอะค่ะ"
อาจูหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดหน้าตัวเอง ทรงกลดตามมาดึงผ้าเช็ดหน้าไปจากมืออาจู
"มา...ฉันเช็ดให้"
ทรงกลดเอาผ้าเช็ดหน้าแตะน้ำพอเปียกแล้วค่อยๆเช็ดหน้าให้อาจูอย่างช้าๆ
ทรงกลดส่งผ้าเช็ดหน้าคืนให้อาจู
"ทีนี้เธอก็ต้องเช็ดหน้าให้ฉันบ้าง"
อาจูนิ่งอย่างอิดออด
"อย่าลืมสิ..ความรู้สึกดีๆจะไม่เกิดขึ้น..ถ้าเธอไม่ทำดีกับฉัน"
อาจูเช็ดหน้าให้ทรงกลดอย่างเร็ว แต่ทรงกลดยึดมืออาจูไว้
"ช้าๆ..ฉันอยากอยู่กับเธออย่างนี้นานๆ"
อาจูเช็ดหน้าให้ทรงกลดช้าลงๆ ทั้งสองต่างมองสบตากันอย่างใกล้ชิด
อันเดินออกมาจากฉั่วเทียนเหลาเพื่อตรงไปที่จอดรถ ลูกน้องแก๊งเขี้ยวสิงห์ 2 คนเดินมาขวางทางอันไว้
"มีอะไร? ฉันต้องรีบไปหานายน้อย"
ลูกน้อง1บอก
"ขอโทษนะครับ เฮียต้องกลับไปกับพวกผมก่อน"
"ใครสั่งพวกแกมา"
"นายใหญ่ครับ"
"นายน้อยมีเรื่องงั้นเหรอ"
ลูกน้อง2บอก
"คราวนี้คนที่มีเรื่องไม่ใช่นายน้อย แต่เป็นเฮีย!"
อันนิ่งอึ้งไปเพราะพอเดาออกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น หยกมณีตามออกมาจากฉั่วเทียนเหลา ทันเห็นอันถูกลูกน้อง 2 คนควบคุมตัวไป
หยกมณีมองตามอันไปอย่างเป็นห่วง
ภายในบ้าน ตงสูดยานัตถุ์อย่างสุขุม ขณะที่ปอซ่อนความกระสับกระส่ายแทบไม่มิด อันเดินมาหยุดตรงหน้าตงกับพ่อ
"นายใหญ่"
เหมยลี่กับหมงยืนรออยู่เบื้องหลังตง เหมยลี่รีบดึงหมงออกมาทันที
"มาได้ซักที! นายใหญ่ต้องจัดการเรื่องนี้นะคะ"
อันหันไปมองหมงที่หน้าตายับเยินจากฝีมือตัวเอง
"ไม่เป็นไรครับ ป๊า เป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน"
"เข้าใจผิดอะไรกัน ถึงได้ลงไม้ลงมือขนาดนี้ แกกล้าทำร้ายคุณหมง! รู้มั้ยว่าโทษของแกคืออะไร! ไล่มันออกจากแก๊งเลยค่ะ นายใหญ่ ไล่มันออกไป"
ตงบอกกับเหมยลี่
"ถอยไป...อั๊วบอกให้ถอยไป"
ตงจ้องจนเหมยลี่ต้องถอยไปอยู่ด้านหลังและสงบปากสงบคำไป
"อาอัน..อธิบายมาเกิดอะไรขึ้น"
"ให้คุณหมงอธิบายดีกว่าครับ"
อันมองหมงอย่างท้าทาย หมงยิ้มให้อย่างไม่หวาดหวั่น
"ไม่มีอะไรหรอกครับ ป๊า อาอันเข้าใจผิดคิดว่าผมไปยุ่งกับผู้หญิงของเค้า"
เหมยลี่หันขวับมองหมงอย่างไม่พอใจทันที
"ผมไม่คิดว่า เป็นเรื่องเข้าใจผิด"
"อาอัน..แกมีคู่รักเป็นผู้หญิงกลางคืน แกก็ต้องทำใจ ถ้าแกหึงผู้ชายทุกคนที่ใกล้ชิดกับผู้หญิงของแก ชีวิตนี้แกไม่มีอันต้องทำอะไรล่ะ"
"พวกลื้อต่อยตีกันเพราะแค่เรื่องผู้หญิงงั้นเหรอ" ตงถาม
"ผมเปล่านะครับ ผมถูกอาอันต่อยอยู่ฝ่ายเดียว อาอันคงรู้สึกเสียเกียรติที่เห็นคู่รักของตัวเองมารินเหล้าให้กับคนอย่างผม ผมผิดเองแหละครับที่ไม่ปฏิเสธหยกมณีไปซะตั้งแต่ทีแรก"
อันกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ แต่ปอมองอันอย่างห้ามปราม
"ลื้อมีอะไรจะพูดมั้ย เรื่องมันเป็นอย่างที่อาหมงพูดหรือเปล่า"
"ไม่ว่าเรื่องจะเป็นยังไง อาอันก็ผิดที่ไปทำร้ายคุณหมง ขอโทษคุณหมงซะ" ปอบอก
"เตี่ย"
"อั๊วบอกให้ขอโทษยังไงล่ะ"
"ไม่เป็นไรหรอกครับ แปะปอ ผู้หญิงของใคร ใครก็รักก็หวง แต่อย่าทำอะไรขาดสติอย่างนี้อีกแล้วกัน ไม่น่าเลย มาเสียชื่อเพราะผู้หญิงหากินเพียงคนเดียว"
อันกัดฟันข่มความรู้สึกโกรธที่พุ่งขึ้นมา แต่อยู่ต่อหน้าตงเลยทำอะไรไม่ได้
"อาอัน"
ปอมองอันอย่างบังคับ อันจำต้องเดินไปหยุดตรงหน้าหมงแล้วค้อมหัวให้
"ผม..ผมขอโทษ!"
หมงตบไหล่อันเบาๆด้วยท่าทีมีเมตตา
"ไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้เอง ฉันยกโทษให้"
หมงมองอันอย่างมีชัยเหนือกว่า อันได้แต่นิ่งข่มอารมณ์ไว้
หมงเดินผิวปากอย่างสบายใจออกมา อันก้าวยาวๆเดินตามมาจนทันแล้วกระชากคอเสื้อให้หมงหันกลับมา อันขยุ้มคอเสื้อหมงไว้แน่น
"แกกล้าเหรอ" หมงถาม
ปอเดินเข้ามา
"อาอัน"
เสียงดุของปอทำให้อันที่เงื้อหมัดกำลังจะชกหน้าหมง ต้องลดมือลง
"ทำไมผมต้องก้มหัวให้คนอย่างมันด้วย"
"โกรธอะไรนักหนา โกรธที่ต้องก้มหัวให้ฉัน หรือว่าโกรธเรื่องหยกมณี..จะต้องโกรธทำไม ใครๆก็รู้ทั้งนั้นว่า ผู้หญิงทำงานกลางคืนก็ผู้หญิงโคมเขียวดีๆนี่เอง"
"ไอ้หมง"
"แปะปอครับ สงสัยจะต้องสั่งสอนลูกชายหน่อยแล้วล่ะมั้ง คราวนี้ผมยกโทษให้ก็ได้ แต่ถ้าอาอันยังกำเริบกับผมอย่างนี้อีก เราคงอยู่ร่วมกันไม่ได้เสียแล้ว"
ปอค้อมหัว
"ผมต้องขอโทษแทนอาอันด้วยครับ คุณหมง"
หมงพยักหน้าให้ปออย่างรับคำขอโทษ แล้วเดินออกไป
"เตี่ยไปขอโทษมันทำไม"
"ยังไงคุณหมงก็เป็นลูกชายของนายใหญ่..ลื้อไม่ควรไปทำร้ายอี"
"มันสมควรแล้ว ! มันรังแกหยก มันโดนแค่นี้ยังน้อยไป"
"นับวันลื้อจะเหมือนนายน้อยขึ้นทุกที แล้วนี่อั๊วจะวางใจให้ลื้อคอยปกป้องนายน้อยได้ยังไง ทำอะไรก็ให้รู้จักยับยั้งชั่งใจ คิดถึงผลที่ตามมาด้วย"
หยกมณีเดินเข้ามา
"เรื่องนี้เป็นความผิดของหยกเองค่ะ"
อันกับปอหันไปมองหยกมณีอย่างไม่คาดคิด
"อาอัน..พาอีออกไป เดี๋ยวนายใหญ่มาเห็นเข้า"
"แต่หยกอธิบายเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้นะคะ เฮียอันไม่ได้ทำอะไรผิดเลย เฮียต้องการช่วยหยกจากคุณหมงเท่านั้น"
"อั๊วรู้ว่า อาอันไม่ได้ทำอะไรผิด แต่เพื่อความสบายใจของนายใหญ่ ขอให้เรื่องยุติลงแค่นี้ ... อย่าให้มีปัญหาอย่างนี้เกิดขึ้นอีก"
ปอเดินออกไป หยกมณีมองอันอย่างรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก
ภายในครัว หม้อข้าวกำลังเดือดพล่านอยู่บนเตาอั่งโล่ ทรงกลดเอาทัพพีคนข้าวในหม้อ แล้วตักข้าวขึ้นมากินดูแล้วยิ้มอย่างมั่นใจว่าข้าวสุกแล้ว ทรงกลดปิดฝาหม้อแล้วเทน้ำข้าวออก เอาไม้ขัดฝาหม้อเพื่อเอาหม้ออังไฟเพื่อดงข้าวให้แห้ง
อาจูกำลังหั่นผักกาดขาว หันไปมองทรงกลดที่กำลังดงข้าวอย่างเก้ๆกังๆแล้วยิ้มขำ เขาตักข้าวขึ้นเป่าให้หายร้อนแล้วจะตักป้อนอาจู
"ลองชิมฝีมือฉัน"
อาจูเมินหน้าหนี แต่ทรงกลดก็ป้อนข้าวใส่ปากอาจูจนได้
ทรงกลดภูมิใจมาก
"อร่อยใช่มั้ยล่ะ"
"คุณคงหุงข้าวครั้งแรกในชีวิต"
"อร่อยหรือเปล่าล่ะ"
"ก็พอใช้ได้ แต่ข้าวแข็งไปหน่อย"
"จะชมซักคำก็ไม่ได้ แล้วนี่มีอะไรให้ฉันช่วยอีก"
"คุณช่วยออกไปรอข้างนอกได้มั้ยคะ คุณทำครัวของฉันเลอะเทอะไปหมดแล้ว"
"ไม่..วันนี้ฉันจะใช้เวลาอยู่กับเธอทุกวินาที"
ทรงกลดเข้ามาเบียดอาจูเพื่อช่วยหั่นผักกาดขาว
ทรงกลดแย่งช่วยอาจูทำกับข้าวอย่างใกล้ชิดสนิทสนม
อาจูผัดไชโป้วใส่ไข่ ทรงกลดแย่งตะหลิวไปช่วยผัด อาจูต้มแกงจืดผักกาดขาว ทรงกลดช่วยใส่ผักใส่วุ้นเส้น อาจูทำกับข้าวสองอย่างเสร็จสิ้น หันมาอีกทีเห็นทรงกลดยืนถือผ้าเช็ดหน้าอยู่
อาจูส่ายหน้าพลางถอยหลังแต่หนีไม่ทันเพราะทรงกลดดึงตัวไว้แล้วเช็ดเหงื่อที่หน้าให้อาจูอย่างเบามือ
ทรงกลดกับอาจูช่วยกันยกชามข้าว จานชามกับข้าวมาจัดบนโต๊ะ
บนโต๊ะมีชามข้าว 1 ใบ พร้อมจานไชโป้วผัดไข่และชามแกงจืดผักกาดขาว
"กับข้าวบ้านฉันก็มีแค่นี้นะคะ กินได้หรือเปล่า"
อาจูวางช้อนและตะเกียบลงบนโต๊ะให้ทรงกลด
"มากินด้วยกันสิ"
"ฉันไม่หิว คุณรีบๆกินเถอะค่ะ"
ทรงกลดนั่งกอดอกนิ่งอย่างดื้อๆ อาจูถอนใจแล้วตักข้าวมาอีกชามเพื่อนั่งกินข้าวกับทรงกลด
"คุณนี่เอาแต่ใจตัวเองจริงๆ"
ทรงกลดรวบมืออาจูไว้
"ถ้าฉันเอาแต่ใจจริงๆ ฉันพาเธอหนีไปด้วยกันแล้ว เรายังมีโอกาสนะ...อาจู"
อาจูดึงมือออกจากทรงกลด
"ฉันไม่มีวันทำให้อาม้าเสียใจ คุณเองก็เหมือนกัน คุณไม่มีวันทำให้ครอบครัวผิดหวัง แค่เราได้พบกันได้รู้จักกัน...แค่นี้ฉันก็พอใจแล้วล่ะค่ะ"
"อาจู"
"เราอย่าพูดเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยนะคะ เดี๋ยวจะกินข้าวไม่อร่อย"
อาจูคีบไชโป้วใส่ชามข้าวให้ทรงกลด
อาจูพยายามร่าเริง
"รับรองไชโป้วผัดไข่ฝีมือฉันจะต้องทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นแน่นอน"
ทรงกลดยิ้มขื่นๆพุ้ยข้าวกินอย่างฝืดคอ แม้อาหารจะอร่อยแค่ไหนแต่ก็กินไม่ลง อาจูหันไปชงชาร้อนให้
ซิ่วเอ็งแง้มประตูห้องออกมาแอบดูแล้วยิ้มอย่างมาดหมาย
ใบชาที่ผสมกับสมุนไพรของซิ่วเอ็งถูกอาจูโปรยปรายลงกาน้ำชา เทน้ำชาร้อนลงถ้วยแล้วส่งถ้วยน้ำชาที่มีไอกรุ่นๆส่งให้ทรงกลด ทรงกลดรับถ้วยน้ำชามาแล้วเป่าให้คลายร้อน
ซิ่วเอ็งมองอย่างลุ้นๆแต่แล้วก็ต้องผิดหวัง เมื่อทรงกลดวางถ้วยน้ำชาลง
"ฉันขอน้ำเปล่าดีกว่า"
อาจูรินน้ำเปล่าใส่แก้วส่งให้
ทรงกลดกับอาจูนั่งกินข้าวด้วยกันอย่างเงียบๆดูเศร้าๆต่อไป
อันเดินออกมาส่งหยกมณี
"นายใหญ่ควรจะรู้ความจริงว่า เกิดอะไรขึ้น ให้หยกไปอธิบายให้นายใหญ่ฟังดีกว่า"
"ไม่ต้อง เตี่ยพูดถูกแล้ว เรื่องนี้ควรยุติได้แล้ว"
"แล้วเฮียก็กลายเป็นคนผิดไป อย่างนี้ไม่ยุติธรรมเลย
"เฮียเป็นลูกน้อง ไปทำร้ายเจ้านายก็ถือว่าผิดอยู่แล้ว"
"แต่เฮียทำไปก็เพราะหยก นี่เราทำอะไรไม่ได้เลยหรือคะ"
"ไม่ใช่เรา! ห้ามหยกยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก กลับไปได้แล้ว เดี๋ยวเฮียให้คนไปส่ง"
"แล้วเฮียจะไปไหน"
อันเดินแยกไปโดยไม่ตอบ หยกมณีรีบตามไปขวางทางไว้
"เฮียยังโกรธหยกอยู่เหรอ"
"เฮียจะไปทำงาน"
"เฮียตอบมาก่อน เฮียยังโกรธหยกอยู่เหรอ"
"หยกรู้ตัวหรือยังล่ะว่า ทำผิด หรือยังคิดว่า แค่ทำพลาดไปเท่านั้น ถ้ารู้ตัวว่าทำผิดเมื่อไหร่ ก็ค่อยมาคุยกัน"
อันเดินเร็วๆออกไป
"เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งไป ไม่ให้โอกาสพูด..แล้วหยกจะรับผิดยังไงล่ะ"
หยกมณีได้แต่ยืนน้อยใจ
ซิ่วเอ็งแอบมองทรงกลดกับอาจูอย่างร้อนใจที่เห็นว่าไม่ได้เป็นไปตามแผนแล้ว อาจูเก็บจานชามบนโต๊ะรวมไว้ในถาดเป็นอันเสร็จสิ้นการกินอาหารเย็นแล้ว
ทรงกลดจิบน้ำเปล่าทำไม่รู้ไม่ชี้กับสายตาอาจูที่มองมา
อาจูทำท่าจะไล่
"คุณทีคะ"
"ฉันยังไม่ได้กินของหวานหลังอาหารเลย เรามาทำของหวานกินกันดีกว่า"
ทรงกลดกระวีกระวาดลุกขึ้น แต่ถูกอาจูพูดขัดเสียก่อน
" บ้านนี้ไม่กินขนมหวานค่ะ มีแต่ขนมแบบนี้ คุณคงไม่กิน"
อาจูหยิบขวดโหลขนมจันอับวางตรงหน้าทรงกลด
"ของชอบฉันเลยล่ะ"
ทรงกลดรีบหยิบฟักเชื่อมออกมากินทันทีแล้วต้องสำลักเพราะความหวานจัด อาจูถอนใจเฮือกแล้วรินน้ำชาให้ ซิ่วเอ็งมองทรงกลดที่กำลังจิบน้ำชาผสมสมุนไพรด้วยสายตาลุกวาว
ทรงกลดยื้อเวลาโดยการกินขนมไปจิบน้ำชาไปทั้งที่ไม่ได้ชอบกินขนมเลย
อาจูรินน้ำชาดื่มเพื่อฆ่าเวลา อาจูชะงักนิดนึงเมื่อรู้สึกว่าชามีกลิ่นแปลกออกไป แต่ยังไม่เอะใจ
มัวแต่ลุ้นมองทรงกลดอย่างอดทนว่าจะยื้อไปได้ถึงไหน
ทรงกลดกับอาจูต่างนั่งดื่มชาแล้วมองเอาเชิงกัน ดูสิว่าใครจะยอมแพ้ก่อน ซิ่วเอ็งยิ้มอย่างพอใจที่เริ่มเห็นผลสำเร็จรออยู่ข้างหน้า
บนโต๊ะอาหาร ตงจิบน้ำชาหลังจากกินข้าวเย็นเรียบร้อยแล้ว แล้ววางถ้วยน้ำชาลงบนโต๊ะ ตงลุกขึ้นจากโต๊ะ หมงและเหมยลี่ที่นั่งกินข้าวร่วมโต๊ะอยู่ พากันลุกขึ้นตาม
ปอพยักหน้าให้คนรับใช้ 2 คนเข้ามาเก็บโต๊ะ
"ทรงกลดยังไม่กลับเรอะ"
"อาอันไปตามอยู่ครับ" ปอบอก "ไม่รู้อาอันไปตามถึงไหนนะครับ ไม่คิดเลยว่านายน้อยจะกลัวการแต่งงานถึงขนาดนี้"
"ไอ้ลูกคนนี้ทำให้อั๊วต้องเสียคำพูดกับผู้ใหญ่"
ตงหันไปมองหมง
"ที่จริงลื้อก็น่าจะแต่งงานได้แล้ว พรุ่งนี้ลื้อไปดูตัวแทนทรงกลดก็แล้วกัน" ตงบอก
เหมยลี่โพล่งลืมตัว
"ไม่ได้นะคะ"
"ลื้อมีปัญหาอะไร"
"เออ..เออ ก็ดูหน้าคุณหมงสิคะ จะให้ไปดูตัว ทั้งๆที่หน้าตายับเยินอย่างนี้เหรอค"
"งั้นก็รอไปอีกซักวันสองวันแล้วกันนะครับ นายใหญ่" ปอบอก
"จะรีบร้อนอะไรนักหนา ดูเหมือนอยากให้คุณหมงแต่งงานเสียจริงๆนะ ทำเหมือนมีส่วนได้ส่วนเสีย ได้ส่วนแบ่งจากแม่สื่อมาเท่าไหร่ล่ะ"
"ผมไม่มีส่วนได้ส่วนเสียหรอกครับ ผมทำตามคำสั่งของนายใหญ่เท่านั้น ดูเหมือนคุณเหมยลี่จะเป็นกังวลเรื่องนี้มากนะครับ"
"ฉันก็ห่วงแทนนายใหญ่น่ะสิ ไม่ใช่ผู้หญิงคนไหนก็มาเป็นลูกสะใภ้บ้านนี้ได้ เราต้องเลือกเฟ้นกันหน่อย แล้วที่สำคัญเรายังไม่ถามเจ้าตัวเลยว่า อยากแต่งงานหรือเปล่า เรื่องแบบนี้บังคับฝืนใจกันไม่ได้หรอกนะ"
"ว่าไง อาหมง อั๊วก็ไม่อยากโดนหาว่าลำเอียง ปล่อยให้ทรงกลดทำตามใจชอบ แต่กลับมาบังคับลื้อ"
"แล้วแต่ป๊าเลยครับ ผมยินดีทำตามความต้องการของป๊าทุกอย่าง"
เหมยลี่มองหมงอย่างไม่พอใจ
จบตอนที่ 5