เลือดมังกร : สิงห์ ตอนที่ 7
อิกเดินนำทางเคี้ยงเข้ามาเพื่อไปบ้านอาจูพร้อมสมุน 2 คนตามหลังมา
เคี้ยงมองสภาพสองข้างทางที่เป็นแหล่งชนชั้นขายแรงงานแล้วต้องสะท้อนใจที่เห็นเง็กลำบากอย่างนี้
"มาถูกบ้านแน่เหรอวะ ไอ้อิก"
"ไม่ผิดแน่นอนครับ นาย"
อิกพาเคี้ยงมาหยุดอยู่หน้าบ้านอาจูที่ปิดประตูเงียบสนิท
"บ้านหลังนี้แหละครับ"
เคี้ยงเงื้อมืออย่างเกรงๆไม่กล้าเคาะประตูเมื่อนึกถึงความโกรธแค้นของเง็กเมื่อวาน
เมื่อวาน ... เคี้ยงตามเง็กออกมาจากข้างในบ้าน
"อาเง็กๆ"
เคี้ยงรีบดึงแขนเง็กไว้ไม่ให้เดินหนีไป แต่ถูกเง็กสะบัดแขนออก
"ลื้อมีอะไรจะพูดอีก! ลื้อทำลายวันสำคัญที่สุดในชีวิตของอาจู"
"แล้วอั๊วจะรู้มั้ยล่ะว่า เจ้าสาวของทรงกลดเป็นลูกสาวอั๊ว แล้วนี่ถ้าไม่เกิดเรื่อง อั๊วก็จะไม่มีวันรู้ว่า อั๊วมีลูกสาว ลื้อตั้งใจจะปิดเรื่องนี้ไปจนตายงั้นใช่มั้ย"
"ใช่! ถ้ามีพ่ออย่างลื้อ อาจูไม่มีพ่อซะดีกว่า"
"พ่ออย่างอั๊วไม่ดีตรงไหน อั๊วเป็นถึงหัวหน้าแก๊งเต่า"
"แก๊งที่ทำแต่เรื่องเลวๆ เปิดบ่อนเปิดโรงฝิ่นทำให้คนตายนักต่อนัก คนมากชู้หลายเมียอย่างลื้อคงมีลูกยั้วเยี้ยเต็มบ้าน ไปอยู่กับลูกเมียลื้อ ไป อย่ามายุ่งกับอาจู"
"อั๊วไม่มีลูก"
เง็กชะงักมองเคี้ยงอย่างไม่อยากเชื่อ
"แล้วตั้งแต่ลื้อหนีไป เมียเล็กๆอั๊วก็เลิกไปหมด"
"นี่แหละที่เรียกว่าสวรรค์ลงโทษ สุดท้ายคนมักมากอย่างลื้อก็อยู่คนเดียวไปจนวันตาย ! ลื้อจะไปไหนก็ไป อย่ามาให้อั๊วเห็นหน้าอีก"
เง็กเดินหนีออกไป
เคี้ยงยังเงื้อง่าจะเคาะประตูแต่ไม่กล้า พอเห็นอิกมองมาอย่างสงสัย เคี้ยงลดมือลงอย่างเสียฟอร์มแล้วถอยออกมาสั่งอิกแทน
"เรียกเจ้าของบ้านให้หน่อยสิ"
อิกทุบประตูโครมๆ
"มีใครอยู่มั้ย"
"เฮ้ย! เบาๆหน่อยสิวะ"
ป้าเพื่อนบ้านออกมาเมียงมอง
"มาหาใคร ไม่มีใครอยู่แล้ว"
เคี้ยงถาม
"แล้วไปไหนกันหมด"
"ย้ายบ้านออกไปแล้ว"
"อาเง็กถึงกับย้ายบ้านหนีเชียวเรอะ" เคี้ยงว่า
"บ้านนี้เค้าย้ายไปไหนรู้หรือเปล่า"
"ย้ายไปอยู่บ้านลูกเขยแก๊งเจ้าพ่อ ย้ายไปทั้งบ้านตั้งแต่เช้าแล้ว"
ป้าเพื่อนบ้านเดินออกไป
"บ้านลูกเขยแก๊งเจ้าพ่อ ก็บ้านแก๊งเขี้ยวสิงห์.. ตอนนี้อั๊วเป็นพ่อตาทรงกลดไปแล้ว สวรรค์เล่นตลกกับอั๊วจริงๆ"
เคี้ยงไม่รู้จะตามง้องอนเง็กยังไงต่อดี
ซิ่วเอ็ง เง็กและเว่ยยืนรออยู่พร้อมกระเป๋าเดินทางและกล่องข้าวของวางอยู่ที่พื้นโถงห้อง บ้านทรงกลด เว่ยเดินสำรวจไปรอบๆบ้านอย่างตื่นตาตื่นใจ เง็กไม่เห็นด้วยกับการย้ายมาอยู่ครั้งนี้
"ม้า..เราอยู่ของเราเองได้ ทำไมต้องมาพึ่งพาอาศัยคนอื่นด้วย"
"คนอื่นที่ไหนกัน นี่ก็บ้านลูกเขยลื้อ แล้วอาทรงกลดเป็นคนไปรับเรามาเอง ไม่ใช่ว่าเราไปขอร้องซะที่ไหน"
"แต่เราจะทำให้อาจูมีปัญหา"
"ปัญหาอะไร บ้านออกจะใหญ่โต เลี้ยงคนเพิ่มอีกสองสามคนจะเป็นอะไรไป"
"นั่นแหละปัญหา ลูกสาวแต่งออกก็เป็นคนนอกไปแล้ว ธรรมเนียมของบ้านเรา ฝ่ายผู้ชายไม่ต้องมาดูแลครอบครัวเมีย."
"ก็ฝ่ายผู้ชายเต็มใจ ลื้อจะคิดมากทำไม ไม่อยากให้อาเว่ยอยู่สุขสบายหรือไง"
"ม้าลืมเรื่องในอดีตไปหมดแล้วเหรอไง"
"ลื้อหมายถึงเรื่องอาเหลียงกับอึ้งตงกัวงั้นเหรอ"
เว่ยเดินกลับมาทันได้ยินพอดี
"ป๊าผมมีเรื่องอะไรกับป๊าของเฮียทรงกลดงั้นเหรอ"
"ไม่มีอะไรๆ คนเคยรู้จักนับถือกันเท่านั้น... ลื้อลืมเรื่องเก่าๆได้แล้ว อาเง็ก คนก็ตายไปแล้ว คิดมากไปก็เท่านั้น ตอนนี้ลื้อสนใจแต่อนาคตของอาเว่ยก็พอ"
ซิ่วเอ็งทำทีเหมือนลืมเรื่องอดีตแล้วจริงๆทั้งที่ตัวเองเจ็บแค้นมากและรอการแก้แค้นตงอยู่
ตงรับรู้เรื่องที่ทรงกลดให้ครอบครัวอาจูมาอยู่ในบ้าน คนอื่นๆต่างรอฟังคำอนุญาตจากตง
แต่เหมยลี่รีบเสนอหน้าคนแรกอย่างทนไม่ไหว
"นายใหญ่ไม่ต้องคิดเลยค่ะ ยังไงก็ให้อยู่ที่นี่ไม่ได้ อะไรกันอยู่ๆก็ยกโขยงมาโดยไม่มีการขออนุญาตกันก่อน ทำอย่างนี้ใช้ได้ที่ไหน"
"ขอโทษจริงๆค่ะ ที่เรามากันอย่างกะทันหันอย่างนี้ ถ้าทางนี้ไม่สะดวก พวกเราก็เข้าใจค่ะ"
อาจูจะเดินออกไป แต่ทรงกลดดึงอาจูไว้
"เรื่องนี้เป็นความผิดของผมเองที่ทำไปโดยพลการ แต่ผมมีเหตุผลของผม ถ้าป๊าไม่อนุญาต ผมจะหาที่อยู่ใหม่ให้ครอบครัวอาจูเอง ไม่มีปัญหา"
"เหตุผลของลื้อคืออะไร"
ทรงกลดทำกวนใส่
"เหตุผลส่วนตัวครับ"
ปอช่วยแก้ให้
"ที่นายน้อยอยากจะรับครอบครัวคุณจูมาอยู่ด้วย คุณจูจะได้ดูแลครอบครัวได้น่ะครับ นายใหญ่"
หมงบอก
"ไม่น่าจะมีปัญหานะครับ ป๊า ไหนๆเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว"
ตงถามปอ
"ตึกเล็กยังว่างอยู่ใช่มั้ย"
เหมยลี่จะค้าน
"นายใหญ่คะ!"
"ให้ทุกคนไปอยู่ที่ตึกเล็ก แล้วหาคนให้คอยดูแลซักคนสองคนW
เหมยลี่อ้าปากจะคัดค้านแต่หมงมองห้ามไว้ด้วยสายตา
"ครับ นายใหญ่" ปอรับคำ
"ขอบคุณครับ ป๊า"
ทรงกลดยิ้มอย่างพอใจ ในขณะที่อาจูยังไม่สบายใจนัก
ปอเดินนำทุกคนเข้ามาในตึกซึ่งเป็นเรือนรับรองแขกหลังเล็กที่แยกจากบ้านใหญ่
"ตามสบายเลยนะครับ คิดซะว่านี่เป็นบ้านของทุกคน" ทรงกลดบอก
"บอกตรงๆว่า อั๊วไม่สบายใจที่ต้องมาอยู่ที่นี่ แค่ลื้อเลี้ยงดูอาจูให้ดีก็พอแล้ว"
"เราก็ตกลงกันแล้ว ยังจะมาพูดซ้ำพูดซากอยู่ทำไม เราแก่แล้วก็ต้องให้ลูกหลานเลี้ยงดูก็ถูกต้องแล้ว" ซิ่วเอ็งบอก
"ผมแต่งงานกับอาจูแล้ว ผมมีหน้าที่ดูแลทั้งอาจูและครอบครัว ม้าคิดซะว่า ผมเป็นลูกชายอีกคนก็แล้วกันครับ"
"แล้วพอผมเรียนจบทำงานหาเงินเองได้ ผมจะดูแลทุกคนต่อจากเฮียทรงกลดเอง" เว่ยบอก
"ตอนนี้เราอยู่กันที่นี่ไปก่อนนะ ม้า เราคงไม่ต้องอยู่ที่นี่ตลอดไปหรอก ไม่มีใครรู้ว่า จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงในวันข้างหน้า"
ทรงกลดมองอาจูดุๆ
"ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแน่ เราแต่งงานกันแล้ว เราจะเป็นครอบครัวเดียวกันตลอดไป"
มุ่ยกับคนรับใช้อีกคนช่วยกันยกกระเป๋าเดินทางและกล่องข้าวของเข้ามา
"ผมจะให้อามุ่ยคอยรับใช้อยู่ที่นี่นะครับ นายน้อย" ปอบอก
มุ่ยก้มหัวให้ทุกคน ซิ่วเอ็งมองมุ่ยอย่างประเมินทันทีว่ามีพิษมีภัยไหม
"ไปดูห้องหับกันก่อนดีมั้ยครับ"
"ไปเลือกห้องได้เลย อาเว่ย ว่าจะนอนห้องไหน"
"ผมมีห้องนอนของตัวเองด้วยเหรอ! สุดยอด"
ปอกับมุ่ยเดินนำออกไปพร้อมคนรับใช้ที่ช่วยยกข้าวของ เว่ยรีบดึงเง็กตามไปอย่างตื่นเต้น ซิ่วเอ็งเดินตามไปช้าๆ อาจูจะเดินออกไป แต่ทรงกลดรั้งตัวไว้
ทรงกลดยิ้มกริ่ม
"เธอไม่ต้องไปหรอก ก็รู้อยู่แล้วเธอต้องนอนห้องไหน"
อาจูยิ้มกวน
"คุณรับครอบครัวฉันมาอยู่ที่นี่ เพื่อให้ฉันได้ดูแลไม่ใช่เหรอคะ ฉะนั้น ฉันจะพักที่นี่เพื่อดูแลครอบครัวค่ะ ขอบคุณในความกรุณานะคะ คุณที"
อาจูเดินตามทุกคนเข้าไป ทรงกลดเหวอ
เหมยลี่เดินตามตงมาที่ห้องทำงาน
"นายใหญ่คะ เหมยลี่รู้ว่า ไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดอะไรในบ้านหลังนี้ แต่เรื่องนี้เหมยลี่ต้องขอพูดค่ะ"
หมงเดินตามเข้ามาและแอบส่งสายตาไม่ให้เหมยลี่พูดมากไป
"ไม่เอาน่า คุณเหมยลี่ อย่าพูดเรื่องที่ทำให้ป๊าไม่สบายใจ"
"ลื้อมีอะไรก็ว่ามา"
"เหมยลี่ไม่ได้รังเกียจครอบครัวอาจูหรอกนะคะ แต่การที่ครอบครัวอาจูมาอยู่ที่นี่ก็เท่ากับนายน้อยได้ตึกเล็กไปครอบครองแล้ว ต่อไปก็ไม่รู้ว่าจะขออะไรจากนายใหญ่อีก"
"ไม่ใช่ว่าทรงกลดอยากได้อะไร แล้วจะได้ง่ายๆ ทุกอย่างต้องผ่านอั๊วทั้งนั้น"
"แต่ยังไงนายน้อยก็ได้เปรียบกว่า ตรงที่เป็นลูกชายแท้ๆของนายใหญ่ แต่คุณหมงไม่มีหลักประกันอะไรเลย แม้แต่การแต่งตั้งขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์ นายใหญ่ก็ยังไม่ได้ทำเป็นลายลักษณ์อักษร ไม่รู้ว่าพอถึงเวลาแต่งตั้ง...นายใหญ่จะเปลี่ยนใจหรือเปล่า"
"เราคุยเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้ว ผมก็ขอยืนยันเหมือนเดิม ผมเคารพในการตัดสินของป๊าทุกอย่าง..ชีวิตนี้ผมมีโอกาสได้ทำงานรับใช้ป๊า ผมก็โชคดีมากแล้วล่ะครับ" หมงบอก
"อาหมง..ลื้อไม่ต้องห่วง ลื้อมีสิทธิ์ทุกอย่างเท่าๆกับทรงกลด! แล้วเรื่องการแต่งตั้งหัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์..อั๊วไม่เปลี่ยนใจแน่"
หมงแอบซ่อนความพอใจอย่างยากเย็น ตงหันมามองเหมยลี่อย่างพิจารณา
"ลื้อนี่ปกป้องผลประโยชน์ให้อาหมงยิ่งกว่าเจ้าตัวอีกนะ เหมยลี่"
"เหมยลี่..เออ..ปกป้องนายใหญ่ต่างหากล่ะคะ กลัวคนจะหาว่านายใหญ่ไม่มีความยุติธรรมน่ะค่ะ"
ตงมองทั้งคู่แล้วเดินออกไป หมงกับเหมยลี่มองหน้ากันอย่างอดเสียวสันหลังไม่ได้
หยกมณีถือถุงชอปปิ้งเต็มสองมือเดินเข้ามาในบ้านมาแล้วชะงักเมื่อเห็นอันนั่งจิบน้ำชารออยู่แล้ว
เธอทำเป็นไม่สนใจอัน รื้อเสื้อผ้าออกจากถุงมาทาบตัวดูกระจกไปมา
อันก็ยังจิบน้ำชาใจเย็นต่อไป หยกมณีรื้อของไปและถามอันโดยไม่มองหน้า
"เฮียมาทำไม"
"นายน้อยสั่งให้มา"
"นึกอยู่แล้วเชียว"
"ถึงนายน้อยไม่ได้สั่ง เฮียก็ต้องหาเวลามาหาหยกจนได้แหละ เฮียขอโทษที่ไม่ยอมฟังหยก ไม่งั้นคุณจูคงไม่ต้องถูกจับตัวไป"
"ฉะนั้นต่อไปเฮียควรจะฟัง"
อันขัด
"ไม่มีต่อไปแล้ว ยังไงหยกก็ห้ามไปยุ่งเกี่ยว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแก๊งไหนก็ตาม"
"หยกอยู่เฉยๆไม่ได้หรอกค่ะ ถ้ามีอะไรช่วยแก๊งฝ่ายเราได้ หยกก็ต้องช่วย นอกจากจะให้หยกลาออกจากฉั่วเทียนเหลา แล้วอยู่บ้านเป็นคุณนายให้เฮียเลี้ยง เอาอย่างนั้นมั้ยล่ะ"
"ได้ ไม่มีปัญหา"
"แต่เฮียก็ต้องลาออกจากแก๊งเขี้ยวสิงห์ด้วยนะ"
อันนิ่งไปอย่างรู้ว่าทำไม่ได้แน่นอน
หยกมณีรู้ทัน
"ยังไงเฮียก็ทิ้งนายน้อยไม่ได้... กลับไปซะเถอะค่ะ เราไม่มีอะไรจะพูดกันแล้ว"
หยกมณีเดินหนีไปอย่างน้อยใจ
หยกมณีเดินหนีออกมาอีกมุมของบ้าน อันเดินตามมาอย่างไม่เข้าใจ
"หยก...ทำไมเราต้องมาทะเลาะด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างนี้"
"ไม่เป็นเรื่องยังไง เรากำลังคุยเรื่องอนาคตเราสองคนอยู่นะ"
"หยกก็แค่สมมติขึ้นมาเท่านั้น ยังไงหยกก็ไม่มีทางที่จะเลิกร้องเพลงได้"
"ถ้าหยกจะบอกว่า หยกทำได้ทุกอย่างเพื่อที่เราจะได้อยู่ด้วยกันล่ะ หยกอยากร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเฮีย อยากใช้ชีวิตกับเฮียทุกวัน หยกไม่อยากเป็นฝ่ายรอ..รอโดยไม่รู้ว่า เฮียจะมาหาเมื่อไหร่"
"ต่อไปเฮียจะมาหาหยกให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้"
"นี่ไม่ใช่คำตอบที่หยกต้องการ ที่เฮียเคยขอแต่งงาน ก็แค่พูดเล่นๆงั้นสิ เพราะยังไงชีวิตของเฮียก็ให้แก๊งเขี้ยวสิงห์ไปแล้ว"
"เรื่องแต่งงาน เฮียไม่ได้พูดเล่น หยกคงคิดว่า ถ้าหากเราแต่งงาน ชีวิตเราจะเปลี่ยนไป...แต่อย่าลืมว่า เฮียมีหน้าที่ที่จะต้องทำ"
"ไม่ว่าเราจะแต่งงานกันหรือไม่ หยกก็ต้องเป็นฝ่ายรอให้เฮียมาหา หยกไม่มีค่าพอที่จะทำให้เฮียเปลี่ยนชีวิตตัวเอง ผู้หญิงกลางคืนอย่างหยกไม่น่าฝันไปไกลว่าจะมีผู้ชายดีๆจะให้ชีวิตทั้งชีวิตกับเรา"
"หยก"
"ถึงเวลาที่เราต้องเลิกหลอกตัวเองแล้วล่ะค่ะ เฮียไปหาผู้หญิงดีๆที่เหมาะสมกว่าหยกดีกว่า"
หยกมณีตัดรอนอันแล้วเดินออกไป อันไม่คิดว่าหยกมณีจะตัดเยื่อใยได้ทันที
เว่ยลากตัวอาจูออกมาจากตึกเล็ก
"มีอะไรเหรอ ลากแจ้ออกมาทำไม เรายังจัดข้าวของไม่เสร็จเลย"
"ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ผมได้มาอยู่บ้านแก๊งเขี้ยวสิงห์ แจ้จู..แจ้ช่วยพาผมดูรอบๆบ้านหน่อยสิ ห้องประชุมลับอยู่ตรงไหน แล้วที่นี่มีห้องใต้ดินเหมือนในหนังหรือเปล่า"
"แจ้ไม่รู้ เว่ยไม่ควรเดินเพ่นพ่านไปทั่วนะ ยังไงเราก็เป็นแค่คนอาศัย"
"ใครบอกล่ะ"
ทรงกลดเดินเข้ามา
"ตอนนี้เราทุกคนเป็นคนในครอบครัวเดียวกันแล้ว"
ทรงกลดคว้ามืออาจูไว้ก่อนที่จะเดินหนี
"อยากดูรอบๆบ้านเหรอ ฉันพาไปเอง"
"ไม่ใช่ฉัน อาเว่ยต่างหากที่อยากดู"
อาจูหันไปมองหาอาเว่ยอีกที เว่ยกำลังถอยจะกลับไปเข้าตึกเล็ก
"ไว้วันหลังก็ได้ครับ ผมไปช่วยอาม้าจัดบ้านดีกว่า ไปล่ะ"
เว่ยถอยหลังปรู๊ดปร๊าดกลับเข้าตึกเล็กแล้วปิดประตูทันที
อาจูรีบดึงมือออกจากทรงกลดอย่างรู้ทัน
"คุณใช้อาเว่ยมาหลอกฉัน..คิดเหรอว่า จะได้ผล ยังไงฉันก็จะอยู่กับครอบครัวฉันที่นี่ตามที่คุณต้องการไงคะ"
"ฉันขอโทษที่พาทุกคนมาอยู่ที่นี่โดยไม่บอกเธอก่อน แต่นี่เป็นวิธีเดียวที่เธอจะไม่มีวันไปจากฉัน"
"คุณที คนเราไม่มีใครได้ทุกอย่างที่ต้องการหรอกค่ะ"
อาจูเดินหนีแต่ทรงกลดคว้าจับแขนไว้ก่อน
"ฉันนี่แหละจะเป็นคนแรกที่จะได้ทุกอย่างที่ต้องการ"
ทรงกลดรวบตัวอาจูขึ้นอุ้มทันที
"คุณที"
"ฉันคงขอใช้ธรรมเนียมฝรั่งซักหน่อย อุ้มเจ้าสาวเข้าห้องหอ"
อาจูดิ้นรนไม่อยากให้ทรงกลดอุ้มไปโดยง่าย แต่ทรงกลดกอดอาจูไว้แน่นอย่างไม่ยอมเหมือนกัน
"น่าเกลียด! เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า"
"เจ้าบ่าวอุ้มเจ้าสาวน่าเกลียดตรงไหน ที่จริงฉันข้ามขั้นตอนไปหน่อย ก่อนที่เจ้าบ่าวจะอุ้มเจ้าสาว เราจะต้อง..."
ทรงกลดก้มหน้าไปใกล้หน้า อาจูตกใจจนหยุดดิ้นรน ทรงกลดก้มลงไปเกือบจะได้จูบปากอาจูอยู่แล้วเชียว
เสียงปอกระแอมไอ
"ฮะแอ้มๆ"
ทรงกลดชะงักหันไปเห็นปอยืนอยู่ทำเมินๆไม่กล้ามองมาตรงๆพลางกระแอมไอแค่กๆ
อาจูได้จังหวะรีบดิ้นรนจนหลุดออกจากทรงกลด
"มีอะไรครับ แปะปอ"
"นายใหญ่ขอเชิญไปพบครับ"
"ทำไมต้องตอนนี้ด้วย! อาจู"
ทรงกลดหันไปอีกที อาจูเดินหนีพรวดๆเข้าตึกเล็กไปอย่างเขินอาย ทรงกลดเซ็งสุดๆหันมามองปอที่ทำเป็นไม่รู้เรื่องว่าขัดจังหวะ
ตงเปิดแฟ้มโครงการนำเข้ารถญี่ปุ่นของทรงกลดอ่านดูอีกรอบ ทรงกลดเดินเข้ามาพร้อมกับปอ
ตงเลื่อนแฟ้มโครงการไปตรงหน้าทรงกลด
ทรงกลดมองแฟ้มบนโต๊ะอย่างเฉยเมย คิดว่าคงไม่ได้รับอนุมัติเหมือนเดิม
"ผมไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอกนะครับ ป๊า ถ้าป๊าไม่อนุมัติ ผมจะไปกู้เงินธนาคาร"
"ใครบอกว่า อั๊วไม่อนุมัติ"
ทรงกลดคิดไม่ถึง
"ว่าไงนะ ป๊า"
"คราวนี้อั๊วอนุมัติ แต่แค่โครงการนำเข้ารถญี่ปุ่นเท่านั้น ส่วนโครงการประกอบรถเอาไว้ก่อน แต่อั๊วมีเงื่อนไข...โครงการนี้ขึ้นอยู่กับลื้อคนเดียว ไม่ว่าผลออกมาเป็นยังไง ลื้อจะต้องรับผิดชอบ"
"ผมรับผิดชอบอยู่แล้ว แล้วทำไมป๊าถึงเปลี่ยนใจได้"
"อั๊วเห็นความพยายามของลื้อ ไม่ใช่ไม่เห็น ห่วงก็แต่ความใจร้อนของลื้อเท่านั้น แต่งงานแล้ว เมียลื้อคงจะดึงๆลื้อไว้ได้บ้าง"
ตงหันไปเห็นปออมยิ้มขำ
"มีอะไร อาปอ"
"นายน้อยยังใจร้อนไม่เปลี่ยน เจ้าสาวไม่ยอมเข้าหอ ถึงกับจะอุ้มกันเลยนะครับ"
ทรงกลดเสียฟอร์ม
"แปะปอ! …ปัญหาเรื่องนี้เป็นเพราะเสี่ยเคี้ยงคนเดียว!"
ตงมองทรงกลดที่ยังหาทางให้อาจูเข้าหอไม่ได้
ทรงกลดกับตงเดินมาด้วยกัน , ปอเดินตามหลังมา
"ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะลื้อต่างหาก ลื้อออกจากห้องหอในคืนแต่งงาน นอกจากลื้อจะทำผิดธรรมเนียมประเพณีแล้ว ลื้อยังทำผิดต่อเจ้าสาวของลื้อด้วย ทำอย่างนี้ฝ่ายผู้หญิงจะรู้สึกยังไง"
"ก็ตอนนั้นผมยังทำใจไม่ได้นี่ครับ แต่ตอนนี้ผมคิดได้แล้ว ขอให้ผมได้แต่งงานอยู่กับอาจู เรื่องอื่นไม่ได้สำคัญอะไรแล้ว"
"กว่าจะคิดได้ เจ้าสาวก็ไม่ยอมเข้าหอกับลื้อแล้ว ลื้อคิดจะทำยังไงต่อไป"
"เดี๋ยวผมก็คิดออกน่า"
ทุกคนเดินมาถึงหน้าตึกเล็ก
"เรามาที่นี่ทำไมครับ ป๊า"
"นายใหญ่ก็มาช่วยแก้ปัญหาที่นายน้อยยังคิดไม่ตกไงล่ะครับ"
เง็กเปิดประตูออกมาเพราะได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่หน้าตึก
เง็กเพิ่งได้ปะหน้ากับตงอย่างจริงจังเลยงกเงิ่กๆทำอะไรไม่ถูก
"ใครมา อาเง็ก" ซิ่วเอ็งถาม
ซิ่วเอ็งตามออกมาดู พอเห็นตงก็ชะงักก่อนที่จะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
ซิ่วเอ็งค้อมหัวให้
"นายใหญ่"
"เราคนกันเองแล้ว ตามสบายเถอะ อั๊วขอโทษที่ไม่ได้มาต้อนรับเมื่อเช้า เป็นยังไงอยู่กันได้มั้ย ขาดเหลืออะไรหรือเปล่า"
ตงยิ้มให้อย่างมีเมตตา ซิ่วเอ็งพยายามยิ้มให้อดกลั้นความเกลียดชังไว้อย่างแนบเนียน
เง็กรินน้ำชาให้กับทุกคน ปอยืนอยู่เยื้องหลังของตง
ตงจิบน้ำชาแล้วยิ้มอย่างพอใจ
"ชาที่นี่หอมมาก"
"นี่เป็นชาสมุนไพรที่อั๊วเป็นคนปรุงเอง ถ้านายใหญ่ชอบล่ะก็ ต่อไปจะปรุงเผื่อไว้ให้"
"ไม่ต้องๆ ลำบากเปล่าๆ"
ซิ่วเอ็งแอบซ่อนความผิดหวังที่จะไม่ได้ปรุงชาให้ตงได้กิน
อาจูกับเว่ยยืนแอบๆอยู่ เว่ยชะเง้อมองตงอย่างตื่นเต้น
"หัวหน้าแก๊งมาเอง..ต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆเลย แจ้จู"
"นายใหญ่มาเยี่ยมตามมารยาทเท่านั้นแหละ"
"แต่ผมเชื่อว่า ต้องมีอะไรมากกว่านั้น"
ทรงกลดมองไปรอบๆบ้าน ทำให้อาจูต้องดึงเว่ยให้ขยับหลบไปอีก
"เห็นว่าอาจูมีน้องชายด้วย"
เง็กหันไปเรียกเว่ย
"อาเว่ย ออกมานี่หน่อย" เง็กเรียก
"อาจูด้วย ออกมาได้แล้ว"
อาจูหน้าม่อยที่ทรงกลดรู้ทันว่าแอบดูอยู่ อาจูเดินออกจากมุมที่หลบอยู่พร้อมกับเว่ย
เว่ยค้อมหัวให้ตงกับปอทันทีอย่างรู้งาน
"นายใหญ่...แปะปอ"
ตงกับปอมองเว่ยอย่างเอ็นดูและถูกชะตา
"ทีนี้เราสองครอบครัวก็ได้รู้จักกันเสียที ถึงแม้งานแต่งงานของทรงกลดกับอาจูจะมีอุปสรรคบ้าง แต่ยังไงก็ถือว่าทั้งสองคนได้แต่งงานถูกต้องตามประเพณีแล้ว แต่งานแต่งครั้งนี้จะเสร็จสมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่อเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวได้เข้าห้องหอ"
"คุณทรงกลดต้องการเวลาที่จะทบทวนเรื่องนี้ใหม่ค่ะ หนูก็เห็นด้วย"
"ไม่ต้องทบทวนอะไรแล้ว แต่งงานเป็นผัวเมียกันแล้ว จะต้องมาทบทวนอะไรอีก"
"แต่..แต่ยังไงหนูก็ต้องขอเวลา"
"ไม่มีเวลาแล้วครับ วันนี้เป็นวันฤกษ์ดี ถ้าพ้นจากวันนี้ไปแล้ว อีกสามปีแน่ะครับกว่าจะมีฤกษ์ดีอย่างนี้อีก ส่งตัวคืนนี้แหละครับดีที่สุด"
อาจูเกาะแขนเง็กไว้อย่างขอร้อง
"ม้า"
"ลื้อจะมางอแงเป็นเด็กๆไม่ได้แล้ว แต่งงานแล้วก็ต้องเป็นผู้ใหญ่แล้ว แล้วแต่นายใหญ่ ถ้ามีฤกษ์ส่งตัวคืนนี้ก็ต้องเป็นคืนนี้"
"อาเว่ย...พร้อมหรือยัง"
"พร้อมครับ"
ทรงกลดมองอาจูยิ้มๆอย่างเหนือกว่า ยังไงอาจูก็หนีไม่พ้นแน่
เว่ยถือตะเกียงเดินเข้ามาอย่างภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่เสร็จสมบูรณ์ ปอถือกระเป๋าเดินทางของอาจูเดินนำทุกคนมาถึงหน้าห้องนอนแล้วเปิดประตูเข้าไป
"อาเว่ย เอาตะเกียงวางไว้เลย"
ปอวางกระเป๋าของอาจูไว้ข้างเตียง
ทรงกลดกับอาจูเดินมาหยุดที่ประตู อาจูยังไม่ยอมข้ามธรณีประตูมา
"หรือว่าจะให้อุ้ม"
ทรงกลดทำท่าจะอุ้มจนอาจูต้องยอมเดินเข้าไปในห้องนอนเอง
เว่ยยังคงจัดตั้งตะเกียงไม่เสร็จ วางตรงไหนก็ไม่ถูกไปหมด ปอต้องยกตะเกียงวางไว้ใกล้หัวเตียง
"วางตรงนี้ก็ได้ครับ ... ตะเกียงต้องติดไฟทั้งคืนอย่าให้ดับนะครับ" ปอบอก
"อย่าให้ดับเชียวน้า ผมอุตส่าห์ประคับประคองมาสองวันสองคืน ไม่มีดับเลย"
ทรงกลดตบไหล่เว่ย
"ขอบใจมาก เว่ย ไม่มีเว่ยนี่ เฮียไม่รู้จะพึ่งใครเลยนะเนี่ยW
"แล้วนี่เฮียลืมอะไรหรือเปล่าครับ"
ปอหยิบซองแดงส่งให้เว่ย เว่ยยกมือไหว้แล้วรีบตะครุบรับ
"ขอบคุณครับๆ หมดหน้าที่ผมแล้ว ผมไปนะครับ"
เว่ยวิ่งปรู๊ดปร๊าดออกไปทันที
"เดี๋ยวสิ เว่ย"
"หมดหน้าที่ของผมแล้วเหมือนกัน นอกจากเรื่องตะเกียงแล้ว ตามธรรมเนียมของเราเจ้าบ่าวเจ้าสาวห้ามออกจากห้องหอจนกว่าจะเช้านะครับ"
ปอเดินออกไปแล้วปิดประตู ทรงกลดกับอาจูยืนมองหน้ากันอยู่
เลือดมังกร : สิงห์ ตอนที่ 7 (ต่อ)
ปอเดินมาหาตงที่ยืนรออยู่
"ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับ นายใหญ่"
ตงขำ
"แม้แต่จะพาเจ้าสาวเข้าหอยังต้องให้พ่อช่วย แล้วอั๊วจะพึ่งไอ้ลูกชายคนนี้ได้มั้ยล่ะเนี่ย"
"โธ่ นายใหญ่ ผู้ชายเราให้เก่งกล้าแค่ไหน สุดท้ายก็แพ้ผู้หญิงทุกคน โดยเฉพาะผู้หญิงที่ตัวเองรัก"
"ใช่ สุดท้ายก็ต้องแพ้ ต้องยอมทำทุกอย่างเพื่อคนที่เรารัก"
เหมยลี่เปิดประตูแล้วย่องออกมาจากห้องนอนหมงได้แค่ครึ่งตัวก็ตกใจเมื่อเห็นตงกับปอยืนคุยกันโดยหันหลังให้
ตงหันไปมองด้านหลัง แต่เหมยลี่ผลุบกลับเข้าห้องไปแล้ว,เห็นแต่ชายเสื้อผ้าคลุมของเหมยลี่ผลุบตามไป
ปอมองตามสายตาของตง
"มีอะไรหรือครับ นายใหญ่"
"ไม่มีอะไร อั๊วคงตาฝาดไป เออ เรื่องโครงการใหม่ของทรงกลด บอกอาอันให้ช่วยด้วย มีปัญหาอะไรให้รีบบอกทันที"
"ครับ นายใหญ่"
ตงหันไปมองที่ห้องนอนหมงอีกครั้ง แต่ยังไม่คิด ตงกับปอเดินออกไป
หมงกับเหมยลี่ยืนเบียดกันหน้าอยู่หน้าประตูอย่างใจไม่ดี
"ป๊าเห็นหรือเปล่า"
"ไม่เห็นหรอกมั้ง"
"มั้งได้ไง เห็นหรือไม่เห็น ฉันบอกเธอแล้วว่าให้ระวังตัวให้ดี"
"ฉันก็ระวังอยู่นี่ไง ไม่งั้นก็โดนจับได้ไปนานแล้ว หมง..ฉันเบื่อสภาพหลบๆซ่อนๆ แบบนี้เต็มทนแล้ว เธอไม่ต้องรอให้นายใหญ่แต่งตั้งขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งหรอก"
"หมายความว่าไง"
"เธอควรยึดตำแหน่งนายใหญ่แก๊งเขี้ยวสิงห์มาเป็นของเธอให้เร็วที่สุด เมื่ออำนาจอยู่ในมือเธอแล้ว ฉันจะได้เป็นนายหญิงของเธออย่างเปิดเผย โดยไม่มีใครกล้าว่าอะไร นี่เป็นทางออกเดียวของเรา"
"แล้วฉันจะยึดอำนาจจากป๊าได้ยังไง ทุกคนเป็นคนของป๊า แม้แต่ที่จะแต่งตั้งฉันขึ้นแทนป๊า ยังมีเสียงคัดค้านครึ่งต่อครึ่งเลยนะ"
"ที่ผ่านมาเราคิดกำจัดผิดคน นายน้อยไม่ใช่เป้าหมายที่แท้จริง แต่เป็นนายใหญ่ต่างหาก"
"เหมยลี่!"
"เรื่องของเราคงเป็นความลับไปอีกไม่นานหรอก ฉะนั้นเราต้องรีบลงมือ คราวนี้ฉันไม่กลัวแล้ว หมง เพื่อรักษาชีวิตของเราสองคนไว้ ฉันยอมทำทุกอย่างแม้กระทั่งต้องฆ่าใครก็ตาม"
หมงนิ่งอึ้งไป
ทรงกลดมองอาจูที่ยืนคว้างอยู่กลางห้อง ทรงกลดขยับเดินเข้าไปใกล้อาจู แต่อาจูเสเดินไปเปิดกระเป๋าเดินทาง อาจูหยิบชุดนอนออกมาแล้วมองซ้ายมองขวาแล้วทำท่าจะเดินออกนอกห้อง
ทรงกลดไปยืนขวางทางไว้
"แปะปอสั่งไว้ว่าไง เจ้าบ่าวเจ้าสาวห้ามออกจากห้องหอจนกว่าจะเช้า"
"คุณยังคิดอยู่หรือคะว่า นี่เป็นการแต่งงานจริงๆของเรา"
ทรงกลดดึงอาจูมาใกล้
"มาใกล้ๆฉันสิ แล้วเธอจะรู้ว่านี่เป็นการแต่งงานจริงๆ เธอไม่ได้ฝันไปหรอก เธอเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลกที่ได้แต่งงานกับฉัน"
อาจูประชด
"ค่ะ ฉันโชคดีมากที่ได้แต่งงานกับคุณ ก่อนแต่งงานกัน เราเจอเรื่องตื่นเต้นตั้งหลายครั้ง ถูกจับลักพาตัวบ้าง หนีผู้ร้ายเข้าป่า วิ่งหลบกระสุนไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แล้วนี่เราแต่งงานกันแล้ว เราต้องเจออะไรอีกบ้างคะ"
ทรงกลดดึงอาจูเข้ามากอด
"เธอจะไม่เจออันตรายใดๆอีก ฉันจะปกป้องดูแลเธอเอง..อาจู..ถึงการแต่งงานครั้งนี้จะเกิดขึ้นเพราะอะไรก็แล้วแต่ ขอให้เธอเชื่อฉันว่า ฉันยินดีและเต็มใจที่จะได้เธอมาเป็นเจ้าสาวของฉัน"
ทรงกลดกอดอาจูแล้วพาล้มลงนอนบนเตียง
"เธอไม่ยอมเปลี่ยนชุด งั้นเรานอนทั้งชุดนี้ก็แล้วกัน"
"คุณที"
ทรงกลดกับอาจูนอนหันหน้าเข้าหากัน หน้าใกล้ชิดกันมาก เขาขยับเข้าไปจะจูบเธอที่ใจเต้นตึกตักๆอยู่แต่ก็ดึงสติมาได้
"คุณเห็นฉันเป็นอาจูคนเดิมแล้วเหรอคะ"
ทรงกลดชะงัก อาจูรีบถอยห่างมาแล้วลุกออกจากเตียง
"เรื่องที่ฉันเป็นลูกสาวเสี่ยเคี้ยงไม่ได้เป็นปัญหากับคุณแล้วหรือคะ"
"ไม่มีปัญหา เธอไม่คิดจะไปเกี่ยวข้องกับเสี่ยเคี้ยงไม่ใช่เหรอ"
"คุณไม่มีปัญหา แต่ฉันมี ฉันขอเวลา"
"นี่เธอจะเอาคืนฉันหรือไง บอกให้รู้ก่อนนะ คืนนี้จะไม่มีใครได้เดินออกไปจากห้องนี้เด็ดขาด"
"ฉันไม่ออกไปจากห้องนี้หรอกค่ะ แต่เราควรอยู่ห่างๆกันไว้ก่อน จนกว่าฉันจะทำใจกับการแต่งงานครั้งนี้ได้"
อาจูหยิบหมอนเตรียมจะนอนที่พื้น ทรงกลดอุ้มอาจูตัวลอยจากพื้นมาวางบนเตียง
"ถ้าจะทำใจก็มาทำใจด้วยกัน!"
ทรงกลดล้มลงนอนแล้วกอดอาจูไว้
"ฉันจะรอ..รอจนกว่าเธอจะเชื่อใจฉัน ฉันจะไม่มีวันปล่อยเธอไปจากชีวิตฉัน เธอต้องอยู่ข้างๆฉันแบบนี้ตลอดไป"
ทรงกลดหอมหน้าผากอาจูเบาๆ อาจูกลัวใจตัวเองจนรีบนอนหันหลังให้ทันที
ทรงกลดขยับเข้าไปใกล้อีกนิด อาจูเอาหมอนข้างมาวางกางกั้นไว้ฉับแล้วกลับไปนอนท่าเดิม
ทรงกลดแกล้งถอนใจดังๆ แล้วเอาหมอนข้างมากอดแทนอาจู แต่ตายังคงมองไปที่อาจูนิ่งอย่างน้อยก็มีความสุขที่ได้อยู่ใกล้อาจู
บรรยากาศตอนเช้าอากาศสดใสของบ้านทรงกลด
เว่ยเดินมากับตงและปอที่กลับจากการเดินออกกำลังกาย เว่ยทำท่าออกกำลังกายแบบไทชี่ ไปมาอย่างผิดๆถูกๆ
"ไม่ใช่ๆ ต้องแบบนี้" ตงบอก
ตงจับมือเว่ยให้ทำท่าให้ถูกต้อง แล้วก็ต้องรำไทชี่ให้ดูหนึ่งท่าง่ายๆ เว่ยรำไทชี่ตามอย่างสนุก ปอมองตงที่ดูแจ่มใสเมื่อได้มีเด็กพลังเยอะอย่างเว่ยอยู่ด้วย
"หัวไวมาก สอนครั้งเดียว ก็จำได้ เรียนถึงชั้นไหนแล้วล่ะ"
"ป.6 ครับ"
"เรียนให้สูงๆนะ เรียนจบมหาวิทยาลัยไปเลย อั๊วจะส่งเสียให้ลื้อเรียนเอง"
"ขอบคุณครับ นายใหญ่ แต่ผมจะลองสอบชิงทุนของโรงเรียนดูก่อน"
"ก็ถือว่าเป็นทุนจากอั๊วไงล่ะ พอเรียนจบก็มาทำงานกับอั๊วเป็นการชดใช้ทุนที่ได้ไปอย่างนี้ดีไหมล่ะ"
"ผมเรียนจบแล้วก็ได้ทำงานกับนายใหญ่ ได้ทำงานให้แก๊งเขี้ยวสิงห์หรือครับ"
"ไม่ใช่ๆ ทำงานที่บริษัทตงวานิชสิ"
"โธ่ นึกว่าผมจะได้เข้าแก๊ง"
"อย่างลื้อจะไปทำอะไรได้ อาเว่ย"
"ผมก็เป็นมือขวาหัวหน้าแก๊ง เออ...นั่นงานของเฮียอัน งั้นผมขอเป็นผู้ช่วยเฮียอันก็ได้ ต่อไปเฮียทรงกลดเป็นหัวหน้าแก๊ง คงมีเฮียอันคนเดียวไม่ได้แน่"
ตงกับปอมองหน้ากัน แต่ไม่ค้านที่เว่ยเข้าใจไปเองว่าทรงกลดจะได้เป็นหัวหน้าคนต่อไป
ตงไม่ตอบอะไรแต่หยิบยานัตถุ์ขึ้นมาสูดดมเลี่ยงที่จะพูดต่อ
ซิ่วเอ็งเดินเข้ามา
"อาเว่ย..อยู่นี่เอง ลื้อเที่ยวเดินเพ่นพ่านอย่างนี้ไม่ได้นา"
"อั๊วเป็นคนชวนอาเว่ยเอง แล้วตอนนี้เราก็เป็นคนครอบครัวเดียวกันแล้ว ไม่ต้องเกรงอกเกรงใจกันเลย"
เหมยลี่เดินเข้ามาสมทบพลางส่งยิ้มหวาน
"ใช่ค่ะ ไม่ต้องเกรงใจ ถือว่าบ้านนี้เป็นบ้านของทุกคน"
ซิ่วเอ็งจ้องมองตงที่กำลังสูบยานัตถุ์อย่างสนใจ
"ลื้อมาก็ดีแล้ว งั้นพาอาซิ่มกับอาเว่ยเดินดูรอบๆบ้านสิ"
"ได้ค่ะ นายใหญ่"
ตงกับปอเดินเข้าบ้านไป เหมยลี่หันมามองซิ่วเอ็งและเว่ยเปลี่ยนสีหน้าจากเรียบเฉยออกจะรำคาญ
"เราไม่รบกวนคุณนายดีกว่า"
เหมยลี่เดินไปขวางทางซิ่วเอ็งไว้
"ยังไปไหนไม่ได้ ถ้าคิดจะอยู่บ้านนี้ ก็ต้องทำตัวให้มีประโยชน์ อย่าทำตัวเป็นกาฝากไร้ค่า"
เหมยลี่เดินออกไป ซิ่วเอ็งนิ่งข่มใจทำตัวไม่มีพิษสง
อาจูค่อยๆเปิดประตูห้องเข้ามา เมื่อไม่เห็นว่าทรงกลดอยู่ในห้องก็เดินเข้าห้องไปหยิบเสื้อผ้าของทรงกลดที่ทิ้งอยู่บนเตียงเก็บใส่ตะกร้า แล้วหันไปจัดเตียง
ทรงกลดย่องมาจากมุมที่แอบอยู่เข้ามากอดอาจูจากด้านหลัง
"หายไปไหนมา"
"ปล่อยค่ะ คุณที"
"เธอไม่ต้องทำงานพวกนี้หรอก เป็นหน้าที่ของคนรับใช้"
"ตอนนี้เป็นหน้าที่ของฉันต่างหาก"
"หน้าที่เมียที่ต้องคอยดูแลฉันน่ะเหรอ งั้นดีล่ะ"
ทรงกลดจับอาจูให้หันหน้ามาหา
"ช่วยผูกไทให้หน่อย"
"ฉันผูกไม่เป็น"
"งั้นสอนให้"
ทรงกลดจับอาจูหันหลังแล้วเอาเน็คไทที่คล้องคอตัวเองอยู่มาคล้องคออาจู ทรงกลดเอาสองมือเอื้อมมาผูกเน็คไทให้อาจูดู แลดูทรงกลดกำลังกอดอาจูไว้กลายๆ
"ซ้ายทับขวาก่อน แล้วทบไปทางด้านหลังแบบนี้"
ทรงกลดผูกเน็คไทให้อาจูไป หน้าก็ยิ่งใกล้ชิดอาจูไปทีละนิดๆจนหน้าแนบชิดกัน
"แค่นี้ก็เสร็จ...ไม่ยาก"
"ยาก ฉันทำไม่ได้หรอกค่ะ"
"ไม่เป็นไร ฉันจะสอนเธอจนกว่าเธอจะผูกเป็น สอนอย่างนี้ให้เธอทุกวันเลย"
"ไม่ต้องค่ะๆ เดี๋ยวฉันหัดเองได้ ฉันหัวไว เดี๋ยวก็เป็น"
อาจูรีบเอาเน็คไทออกมาคล้องคอให้ทรงกลดแล้วค่อยๆเลื่อนปมที่ทรงกลดผูกให้ก่อนแล้ว
อาจูรีบจัดเน็คไทให้ทรงกลดอย่างเร็ว ทรงกลดมองหน้าอาจูอย่างเพลิดเพลิน
"นี่เป็นหนึ่งในหน้าที่ของเธอนะ อาจู"
"ค่ะ เรื่องดูแลเสื้อผ้าให้คุณ เป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้ว"
"ดูแลฉันไม่ยากหรอก แค่ทำตามใจฉันก็พอ"
"ฉันตามใจคุณทุกเรื่องไม่ได้หรอกนะคะ ถ้าเป็นหน้าที่ที่ฉันต้องทำจริงๆ ฉันก็ทำให้ได้"
อย่างรวดเร็วทรงกลดหอมแก้มอาจูฟอดใหญ่
"คุณที"
"นี่เป็นอีกหนึ่งหน้าที่ที่เธอต้องทำ ให้สามีจูบลาก่อนไปทำงานทุกเช้า"
ทรงกลดเดินยิ้มกริ่มออกไป อาจูยืนทำหน้าไม่ถูกอยู่
มุ่ยต้มยาจีนอยู่ คนรับใช้ 2 คนกำลังจัดเตรียมอาหารเช้าใส่ถาด
ซิ่วเอ็งล้างจานชามพลางมองมุ่ยต้มยาอย่างสนใจ มุ่ยกำลังใส่สมุนไพรลงในหม้อเพิ่ม ซิ่วเอ็งรีบเข้ามาขัด
"อย่าเพิ่งใส่ๆ ซัวยิ้งนี่ต้องใส่ทีหลังเลย รอให้ยาในหม้อเดือดซักสิบห้านาที แล้วค่อยใส่ซัวยิ้ง แล้วต้มต่ออีกห้านาที ถ้าลื้อต้มพร้อมกับยาตัวอื่นๆ ตัวยาจะระเหยไป กินไปก็บ่มิไก๊ (ไม่มีประโยชน์) แล้วยังไม่ได้ใส่โสมลงไปใช่มั้ย"
"ยังไม่ได้ใส่"
"โสมนี่ต้องต้มต่างหากล่ะ ต้มรวมกับยาตัวอื่นไม่ได้"
เหมยลี่เดินเข้ามาทันได้ยินซิ่วเอ็งพูดเรื่องยา
"พูดอย่างกับเป็นหมอยางั้นแหละ รู้จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ยานี่ต้มให้นายใหญ่นะมาทำซี้ซั้วไม่ได้"
"ถ้าอั๊วรู้ไม่จริง อั๊วไม่กล้าพูดหรอก ที่บ้านอั๊วขายยาตั้งแต่อยู่ที่เมืองจีนแล้ว อั๊วเองก็ปรุงยาขายยามาเป็นสี่สิบปีแล้ว"
เหมยลี่มองซิ่วเอ็งแล้วเริ่มเห็นว่าใช้ซิ่วเอ็งเป็นประโยชน์ได้
"งั้นดีเลย แล้วนี่คนอื่นทำอะไรอยู่ ทำไมมีอาซิ่มคนเดียวล่ะ อามุ่ย ไปเรียกมาให้หมด" เหมยลี่บอกกับคนรับใช้ 2 คน "พวกแกไปได้แล้ว วันนี้เราได้คนงานมาใหม่"
"เรียกใคร มาทำอะไรเหรอคะ" มุ่ยถาม
"ไปเรียกลูกสะใภ้คนใหม่กับญาติโกโหติกามาที่นี่ให้หมด ในเมื่อไม่รู้จักหน้าที่ก็ต้องสั่งสอนกันหน่อยแล้ว"
เหมยลี่ท่าทางเอาเรื่อง
ตงนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ บนโต๊ะอาหาร เหมยลี่เดินนำมุ่ยที่ถือถาดมีถ้วยยาใบใหญ่ตามเข้ามา
"ยาบำรุงก่อนอาหารค่ะ นายใหญ่"
"ขอบใจ"
ตงยกถ้วยยามาจิบอย่างเบื่อๆแล้วเมื่อจิบไปเรื่อยๆก็รู้สึกว่ารสชาติดีต่างกับที่เคยกิน
"อืมม..วันนี้ยารสชาติดี"
"เหมยลี่สั่งให้อามุ่ยต้มยาให้นานอีกนิดนึง..รสชาติดีขึ้นเลยใช่มั้ยคะ"
"ลื้อรู้เรื่องต้มยาตั้งแต่เมื่อไหร่"
มุ่ยพูดประสาซื่อๆ
"เพิ่งรู้วันนี้"
"อามุ่ย"
"รู้จากใคร"
"คุณซิ่วเอ็งค่ะ นายใหญ่ อีสอนให้ต้มยาอย่างถูกต้อง ยาก็เลยมีรสชาติดีขึ้น และมีกลิ่นหอมด้วย อีเก่งเรื่องยาจีนมากๆเลย ถามอะไรตอบได้หมด" มุ่ยบอก
"เหมยลี่รู้ว่าอาซิ่มเก่งเรื่องยาจีน ก็เลยสั่ง..เอ๊ย..ขอให้ต่อไปก็ช่วยคุมอามุ่ยเรื่องต้มยาให้นายใหญ่แล้วนะคะ"
มุ่ยแอบทำหน้าหน่ายที่เหมยลี่พูดดีใส่ตัวจนได้
ปอเดินหน้าเครียดเข้ามาทำให้ตงรู้ได้ว่ามีเรื่อง
"มีอะไร อาปอ"
ปอเหลือบมองเหมยลี่อย่างไม่พอใจนัก
"นายใหญ่ไปดูเองดีกว่าครับ"
ตงหันไปมองเหมยลี่ที่ทำหน้าไม่รับรู้อะไร
อาจูกับเว่ยช่วยกันจัดจานอาหารเช้าใส่ถาดเตรียมเอาขึ้นโต๊ะ ซิ่วเอ็งกับเง็กช่วยกันล้างหม้อกระทะ จานชาม ตงกับปอเดินเข้ามาจึงเห็นภาพทุกคนกำลังทำงานครัวกันอย่างวุ่นวาย
ทุกคนหยุดชะงักเมื่อเห็นตงเดินเข้ามา
ตงหันไปมองเหมยลี่ที่เดินตามเข้ามาอย่างช้าๆ
"ฝีมือของลื้อใช่มั้ย"
"คืออย่างนี้นะคะ นายใหญ่ ครอบครัวอาจูมาอาศัยอยู่บ้านเรา ถ้าได้ทำตัวให้เป็นประโยชน์ ช่วยทำงานบ้านนิดๆหน่อยๆ ทุกคนก็จะอยู่อย่างสบายใจที่ได้ ทำอะไรตอบแทนบุญคุณเราบ้าง"
"พวกอีไม่ใช่คนอาศัยถึงต้องทำงานตอบแทนอะไร"
"ไม่เป็นไรค่ะ นายใหญ่ เรายินดีทำงานรับใช้ทุกคนในบ้าน งานแค่นี้เอง"
"ไม่ได้ ห้ามพวกลื้อทำงานเด็ดขาด อาจู...หน้าที่ของลื้อคือดูแลทรงกลดคนเดียว เหมยลี่...ลื้อทำเกินไปแล้ว ขอโทษทุกคนเดี๋ยวนี้"
"ทำไมต้องขอโทษคะ เหมยลี่ทำไปเพราะความหวังดี"
"อั๊วบอกให้ขอโทษ"
"ไม่เป็นไรหรอก เรื่องเล็กๆน้อยๆแค่นี้เอง แล้วก็แล้วกันไปล่ะกัน" เง็กว่า
ซิ่วเอ็งบอก
"นั่นสิ..อั๊วก็เห็นด้วยกับคุณเหมยลี่ ให้พวกอั๊วกินอยู่อย่างสุขสบายไปวันๆก็ไม่สบายใจเหมือนกัน ได้ช่วยงานบ้านเล็กๆน้อยๆก็ยังดี"
"ที่ทรงกลดไปรับพวกลื้อมาอยู่ที่นี่ก็เพื่อจะให้อยู่อย่างสุขสบาย ขอให้รู้ไว้ว่า เจ้าของบ้านนี้คืออั๊วคนเดียว ไม่ต้องไปฟังคนอื่น"
ตงหันไปมองเหมยลี่อย่างเอาเรื่อง
"ครอบครัวอาจูถือเป็นครอบครัวเดียวกับเราแล้ว ถ้าลื้อยอมรับไม่ได้ ลื้อจะไปหาครอบครัวใหม่อยู่ อั๊วก็ไม่ว่าอะไร"
"นายใหญ่"
เหมยลี่เจ็บปวดใจที่ตงไม่แยแสเอาเสียเลย
ภายในห้องประชุมของบริษัทตงวานิช ทรงกลดนั่งเป็นประธานอยู่หัวโต๊ะ อันนั่งอยู่ข้างๆพร้อมพนักงานเต็มห้องประชุม
"เราต้องลงมืออย่างเร่งด่วน เพราะทางกลุ่มเกียรติวาณิชย์ก็เริ่มสนใจที่นำเข้ารถญี่ปุ่นเหมือนกัน แต่ทางเราพร้อมกว่าทุกอย่าง เราจะต้องเป็นบริษัทแรกที่ทำโครงการนี้สำเร็จ"
หมงเปิดประตูเข้ามา
"มีประชุมด่วนอะไรหรือครับ ทำไมผมไม่รู้"
ทรงกลดลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับหมง
"ที่แกไม่รู้ เพราะว่างานนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับแก"
หมงเหลือบมองแฟ้มเอกสารบนโต๊ะประชุม
"นี่นายน้อยยังไม่ล้มเลิกความคิดนี้อีกหรือครับ โครงการนี้ยังไงป๊าก็ไม่อนุมัติหรอกครับ นี่คงดันทุรังลงมือทำเอง แล้วจะหาเงินทุนจากไหน หรือจะไปกู้เงินธนาคาร ยังไงก็กู้ไม่ผ่านครับ นายน้อยควรสะสมประสบการณ์ทำงานไปก่อน แล้วค่อยมาจับโครงการใหญ่ๆอย่างนี้"
อันยิ้มขำที่หมงไม่ได้รู้อะไรเสียเลย
"แต่ผมคิดว่า นายน้อยมีประสบการณ์มากพอแล้วครับ ขอโทษนะครับ อาจจะมากกว่าคุณหมงด้วยซ้ำ"
" ฉันไม่ได้พูดกับแก ... ผมเตือนด้วยความหวังดีนะครับ"
"ฉันไม่ต้องการความหวังดีของแก ออกไปได้แล้ว"
"แต่ถ้านายน้อยต้องการให้ผมช่วย...ผมก็รู้จักนายธนาคารอยู่หลายคน"
"ไม่จำเป็น เพราะฉันได้เงินทุนมาแล้ว เงินทุนของบริษัทตงวานิช!"
หมงนิ่งอึ้งไป
ทรงกลดยิ้ม
"ป๊าอนุมัติโครงการของฉันแล้วว่ะ ไม่น่าเชื่อว่า แกจะตกข่าวนี้ ไม่สมกับเป็นท่านประธานบริษัทตงวานิชเลย"
ทรงกลดมองหมงอย่างสาแก่ใจมาก
หมงเปิดประตูห้องทำงานผลัวะเข้ามาอย่างรีบร้อนแล้วนึกได้ รีบสงบสติโดยเร็ว ตงกับปอหันไปมองหมงอย่างแปลกใจ
"ขอโทษครับ ป๊า เออ...คือ..ผมตื่นเต้นแทนนายน้อยน่ะครับ ผมไม่คิดเลยว่า ป๊าจะยอมอนุมัติโครงการของนายน้อย"
"ลื้อไม่เห็นด้วยงั้นเรอะ"
"ไม่ใช่ครับ ผมเห็นด้วยครับ ผมยินดีกับนายน้อยมากที่ได้จับโครงการใหญ่ๆแบบนี้ แต่โครงการนี้ก็มีความเสี่ยงสูงอยู่นะครับ ถ้าจะให้ดีขอให้ผมได้มีส่วนช่วยบ้าง ผมจะได้เป็นหูเป็นตาให้ป๊ายังไงล่ะครับ ถ้าเกิดปัญหาอะไรขึ้น เราจะได้แก้ทัน"
"คุณหมงพูดอย่างนี้เหมือนไม่เชื่อมือนายน้อย" ปอว่า
"ผมอยากเรียนรู้งานจากนายน้อยต่างหาก ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อมือ"
"ลื้อไม่ต้องไปช่วยทรงกลดหรอก ให้อีรับผิดชอบโครงการนี้คนเดียว จะได้ไม่มีเวลาไปมีเรื่องกับใครอีก เออ..มีอีกเรื่อง..เรื่องเหมยลี่"
หมงแอบสะดุ้งเล็กๆ
"คุณเหมยลี่ทำไมหรือครับ"
"ช่วยปรามๆอีให้หน่อย อย่าให้ไปยุ่งวุ่นวายกับครอบครัวอาจูอี"
"ได้ครับ ป๊า"
หมงแอบถอนใจโล่งอก
ค่ำแล้ว บริษัทตงวานิช ไม่มีพนักงานแล้ว ทรงกลดกับอันนั่งอ่านเอกสารกองใหญ่ในห้องประชุม
อันเงยหน้าจากกองเอกสารแล้วยืดแขนขึ้นบิดตัวไปมาอย่างเมื่อยขบ
"วันนี้พอแค่นี้เถอะครับ นายน้อย"
"ยัง"
ทรงกลดยังคงตรวจเอกสารอย่างเคร่งเครียด
"กลับบ้านเถอะครับ นายน้อยมีคนรออยู่นะครับ"
อาจูถือปิ่นโตอาหารเดินเข้ามาหยุดที่หน้าประตูที่เปิดแง้มไว้อยู่แล้ว
"ถ้าแกหมายถึงอาจูล่ะก็ เค้าคงไม่สนใจว่าฉันจะกลับบ้านหรือเปล่า"
"แต่ผมว่าคุณจูสนใจนะครับ"
อันหันไปมองทางประตู ทรงกลดหันมองตามสายตาของอัน
"อาจู"
อาจูเดินเข้ามาเอาปิ่นโตอาหารไว้บนโต๊ะ
"คุณอันโทรไปบอกว่า จะกลับดึก แปะปอก็เลยให้เอาอาหารเย็นมาให้ เพราะรู้ว่า นายน้อยคร่ำเครียดทำงานทีไร ไม่กินข้าวกินปลาทุกที ฉันกลับก่อนนะคะ คนรถรออยู่"
ทรงกลดคว้าแขนอาจูไว้ไม่ให้ไป
"อาอันไปบอกคนรถว่ากลับไปได้ ฉันจะพาอาจูกลับเอง แล้วแกก็กลับไปได้แล้ว"
อันทำท่าจะคัดค้านแต่เห็นท่าทางทรงกลดอยากอยู่กับอาจูสองคน
"ครับ นายน้อย"
อันเดินออกไป
"คุณทำงานต่อเถอะค่ะ ฉันไม่รบกวนคุณแล้ว"
ทรงกลดยังยึดตัวอาจูไว้ไม่ให้ไป
"ที่ฉันพูดน่ะถูกหรือเปล่า ไม่ว่าคืนนี้ฉันจะกลับบ้านหรือเปล่า เธอก็ไม่สนใจเธออาจจะดีใจด้วยซ้ำที่ฉันไม่กลับบ้าน ใช่หรือเปล่า อาจู"
"ยังไงฉันก็จะรอจนกว่าคุณจะกลับถึงบ้านค่ะ"
"ทำตามหน้าที่ของเธองั้นสิ"
"ค่ะ เป็นอีกหนึ่งหน้าที่ของฉัน"
ทรงกลดปล่อยมือจากอาจูอย่างน้อยใจ
"หน้าที่..อะไรๆก็หน้าที่..มีอะไรที่เธอไม่ได้ทำเพราะหน้าที่บังคับบ้างหรือเปล่า"
"ไม่รู้สิคะ นึกไม่ออก"
ทรงกลดตัดใจไม่ตื๊ออาจูอีก กลับไปที่กองเอกสารเพื่อรวบรวมไว้ลวกๆด้วยสีหน้ายุ่งๆเหนื่อยๆ
"รอเดี๋ยวนะ"
"มีอะไรให้ฉันช่วยมั้ยคะ"
"ช่วยเป็นกำลังใจให้ฉันทำโครงการนี้สำเร็จก็พอ..แต่ถ้าคิดจะช่วยเพราะเป็นหน้าที่..ก็ไม่ต้องหรอก"
"ฉันอยากช่วยงานคุณจริงๆค่ะ ไม่ใช่ช่วยเพราะเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ แต่ฉันอยากเห็นคุณประสบความสำเร็จ..ฉันอยากเห็นคุณมีความสุข"
ทรงกลดก้าวยาวๆไปดึงอาจูมากอดโดยอาจูไม่ทันตั้งตัว
"ได้กอดเธออย่างนี้..ฉันก็มีความสุขแล้ว...อาจู"
ทรงกลดกอดอาจูไว้อย่างมีความสุขเต็มเปี่ยมหัวใจ
เลือดมังกร : สิงห์ ตอนที่ 7 (ต่อ)
เง็กจัดหมอนจัดผ้าห่มเตรียมเข้านอน เว่ยถือหมอนโถมตัวเข้ามานอนบนเตียงด้วยคน
"คืนนี้ผมขอนอนด้วยนะ ม้า"
"แล้วทำไมไม่นอนห้องตัวเอง กลัวอะไรขึ้นมา"
" ไม่ได้กลัว สงสัยบ้านจะเงียบไป นอนไงก็ไม่หลับ เลยมานอนเป็นเพื่อนม้าดีกว่า แล้วเมื่อคืนม้านอนหลับหรือเปล่า"
"ก็หลับๆตื่นๆ บ้านคนอื่นยังไงก็ไม่เหมือนบ้านเรา"
"อยู่ไปซักพักเดี๋ยวก็ชินเองแหละ ม้า นายใหญ่ใจดีจะตาย ผมคิดว่าคนเป็นหัวหน้าแก๊งต้องหน้าเหี้ยมๆดุๆซะอีก"
"คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ"
เว่ยลุกขึ้นมานั่งอย่างข้องใจ
"ทำไมม้าไม่บอกนายใหญ่ไปล่ะว่า ป๊าผมเคยรู้จักกับนายใหญ่"
เง็กตอบเลี่ยงๆ
"ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร แล้วลื้อไม่ต้องไปบอกเรื่องนี้กับใครล่ะ เดี๋ยวคนจะหาว่าเราไปตีเสมอ " เง็กพึมพำ "หนียังไง ก็หนีกันไม่พ้น"
เง็กไม่ค่อยสบายใจนักกับการมาอาศัยบ้านแก๊งเขี้ยวสิงห์
ซิ่วเอ็งกำลังเช็ดรูปถ่ายของเหลียงอย่างทะนุถนอม แล้วเอาขึ้นมาแขวนบนผนัง
"อาเหลียง..อีกไม่นานแล้ว...อีกไม่นาน"
ซิ่วเอ็งยิ้มอย่างสงบจนน่าขนหัวลุก
ทรงกลดยังคงกอดอาจูไว้อยู่
"ขอบใจนะ อาจู มีเธอคอยเป็นกำลังใจอย่างนี้ งานฉันจะต้องสำเร็จแน่"
อาจูดันตัวทรงกลดออกไปอย่างเขินๆ
"ฉันอยากช่วยงานคุณจริงๆนะคะ คุณที"
ทรงกลดมองอาจูยิ้มๆอย่างไม่คิดว่าอาจูจะช่วยอะไรได้
"คุณไม่คิดว่า ฉันจะช่วยงานคุณได้ล่ะสิ แล้วคุณจ้างฉันเป็นผู้ช่วยทำไมคะ"
ทรงกลดเอามือเหนี่ยวเอวอาจูให้มาอยู่ใกล้ตัว
ทรงกลดยิ้มกริ่ม
"คงเป็นเพราะ..ฉันอยากจะเห็นหน้าเธอทุกวัน"
"ที่แท้คุณก็จ้างฉันไว้ดูเล่น ไม่ได้เห็นความสามารถของฉันเลย ฉันทำงานให้คุณได้มากกว่าที่คุณคิด"
อาจูเข้าไปแยกแฟ้มเอกสารที่ทรงกลดรวบไว้อย่างลวกๆ มีทั้งเอกสารที่เป็นบัญชีตัวเลข เอกสารสัญญาภาษาอังกฤษ เอกสารแบบรถยนต์ ฯลฯ ได้อย่างรวดเร็วเรียบร้อย
"สัญญาฉบับเก่าน่าจะแยกไว้ต่างหาก ส่วนเอกสารนี่เป็นเอกสารที่ต้องใช้งาน ถึงภาษาอังกฤษฉันจะไม่ดีมาก แต่ก็พออ่านออกเขียนได้ ฉันน่าจะช่วยแบ่งเบางานคุณได้บ้าง"
อาจูพูดไปจัดแยกแฟ้มเอกสารไป ทรงกลดจับอาจูให้หยุดทำงาน
"เชื่อแล้วๆ ว่
"คุณที"
ทรงกลดดึงอาจูเข้ามากอดอย่างอ้อน
"ฉันไม่อยากจะรอแล้วนะ...อาจู"
ทรงกลดกอดอาจูไว้แนบแน่น
อันยืนรอทรงกลดกลับมาตามหน้าที่ที่ต้องทำเสมอ หมงเดินเข้ามาแล้วหลบวูบเมื่อเห็นอันยืนอยู่ แต่ไม่พ้นสายตาอัน หมงเดินหลบออกไปอย่างมีพิรุธและคิดว่าอันคงไม่ทันเห็น
อันยืนเฉยทำเหมือนไม่เห็น ยิ่งเห็นท่าทางลับๆล่อๆของหมงยิ่งทำให้สงสัย
หมงเดินมาอย่างระมัดระวังแล้วเปิดประตูเข้าห้องทำงานไป อันเดินตามมาห่างๆ พอเห็นหมงแค่มาที่ห้องทำงานก็คิดว่าไม่มีอะไร
"แค่นี้ต้องทำลับๆล่อๆ"
อันกำลังจะเดินออกไปแต่ต้องชะงักเมื่อเห็นเหมยลี่รีบร้อนเดินมาที่หน้าห้องทำงาน เหมยลี่มองซ้ายมองขวา อันหลบไปได้ทันก่อนที่เหมยลี่จะเห็นเข้า
เหมยลี่เปิดประตูเข้าห้องทำงานไป
อันมองหมงกับเหมยลี่ที่พากันเข้าห้องทำงานยามดึกอย่างแคลงใจ
หมงกำลังค้นโต๊ะทำงานของตงอยู่ เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นเหมยลี่เดินเข้ามา
"เข้ามาทำไม"
"ก็เข้ามาช่วยน่ะสิ หาเจอหรือยัง"
"ยัง ในตู้เซฟก็ไม่มี ไม่รู้ป๊าเก็บพินัยกรรมไว้ไหน"
"เราต้องหาพินัยกรรมให้เจอนะ หมง ก่อนที่เราจะลงมือจัดการกับนายใหญ่ เราต้องแน่ใจซะก่อนว่า นายใหญ่แบ่งมรดกให้เธอกับนายน้อยเท่ากัน"
"ฉันไม่ต้องการแค่ครึ่งเดียว แต่ฉันต้องการทั้งหมด! ถึงจะคุ้มค่ากับชีวิตฉันที่ยกให้แก๊งเขี้ยวสิงห์"
"ถ้าอย่างงั้นเธอก็ต้องขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์ให้เร็วที่สุด"
"เธอมีแผนการแล้วงั้นเหรอ"
"เข้ามาใกล้ๆสิ"
หมงขยับเข้าไปใกล้ เหมยลี่กระซิบเบาๆที่หู บอกเรื่องที่จะวางยาตง
หมงยิ้มพอใจ
"อย่างนี้ต้องตกรางวัลให้ซะแล้ว"
หมงดึงเหมยลี่มากอดนัวเนีย
"ฮื่อ..ไม่เอาน่า หมง..ไม่ใช่ที่นี่"
หมงไม่ฟังยังกอดรัดฟัดเหวี่ยง เหมยลี่อย่างย่ามใจว่าไม่มีใครมาเห็นแน่
อันเดินออกมาจากทางห้องทำงาน ทรงกลดกับอาจูถือปิ่นโตเดินกลับเข้าบ้านมา เขาจับมือเธอไว้แน่นยิ้มกริ่มมาตลอดทาง
ทรงกลดชะงักเมื่อเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของอัน
ทรงกลดบอกกับอาจู
"กลับห้องไปก่อน เดี๋ยวฉันตามไป"
อาจูมองออกว่าอันมีเรื่องต้องคุยกับทรงกลด จึงเดินออกไปโดยไม่ถาม
"มีอะไร"
"ผมก็ไม่แน่ใจว่า มันจะมีอะไรหรือเปล่า"
"เกี่ยวกับไอ้หมงหรือเปล่าล่ะ"
"ครับ"
ทรงกลดเชื่อสัญชาตญาณของอันที่มีเรื่องสงสัยหมง
"งั้นต้องมีอะไรแน่ ตอนนี้มันอยู่ที่ไหน"
อันเดินนำทรงกลดไป
ทรงกลดกับอันเดินมาถึงที่หน้าประตู
"ที่จริงมันก็มีสิทธิ์เข้าออกห้องนี้ได้อยู่แล้ว"
"แต่ไม่ใช่เวลานี้ และมีบางอย่างที่ผมสงสัย"
อันกระดากปากที่จะพูดเรื่องเหมยลี่
"ถ้าอย่างงั้นก็เข้าไปถามมันเลยว่า มันมีแผนชั่วอะไรอีก"
ทรงกลดเปิดประตูเข้าไป อันเดินตามหลัง ทรงกลดกวาดตามองไปรอบๆไม่เห็นว่ามีใครอยู่ในห้อง แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นรองเท้าแตะเหมยลี่
ทรงกลดเดินตรงไปที่รองเท้าที่กระเด็นมาอยู่ปลายโซฟา, ขยับมองไปที่พื้นหลังโซฟายาวก็ต้องนิ่งกึก
หมงกับเหมยลี่กอดกันกลมหลบอยู่ที่พื้นหลังโซฟา,เสื้อผ้าทั้งสองหลุดลุ่ย ดูปราดเดียวก็รู้ว่ากำลังทำอะไรกันอยู่ หมงรีบผละออกจากเหมยลี่โดยเร็ว
"หญิงร้ายชายชั่ว"
"นายน้อย"
ทรงกลดกระชากคอเสื้อหมงอย่างโกรธแค้น
"แกสวมเขาให้ป๊ามานานแค่ไหนแล้ว"
"นายน้อยกำลังเข้าใจผิด ขอให้ผมได้อธิบายก่อน"
"จับได้คาหนังคาเขาอย่างนี้ แกยังมีหน้ามาแก้ตัวอีกเหรอ ไอ้หมง"
ทรงกลดขยุ้มคอเสื้อหมงแทบจะขาดคามือ หมงเริ่มได้สติ เห็นว่ายังไงก็โดนทรงกลดเล่นงานไม่เลี้ยงอยู่แล้ว
"ครับ ผมไม่มีอะไรจะแก้ตัว"
"แกไปหาป๊ากับฉันเดี๋ยวนี้!"
หมงปัดมือทรงกลดออกไปอย่างไม่แยแส
"จะไปก็ไปคนเดียว"
"คุณหมง! ถ้าคุณยังมีความเป็นลูกผู้ชายหลงเหลืออยู่ คุณควรไปสารภาพผิดกับนายใหญ่ซะ หรือว่าจะให้เราไปบอกกับนายใหญ่เอง" อันถาม
"แล้วคิดเหรอว่า นายใหญ่จะเชื่อ"
"ไอ้หมง"
"ป๊ารักผมเหมือนลูกแท้ๆ รักยิ่งกว่านายน้อยซะอีก** ไม่งั้นผมคงไม่ได้เป็นทายาทสืบตำแหน่งหัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์หรอก ก็ลองดูว่าระหว่างลูกที่ทำงานรับใช้ป๊ามานับสิบปีอย่างซื่อสัตย์กับลูกนอกคอกอย่างนายน้อย ป๊าจะเชื่อใคร"
"ยังไงคราวนี้แกไม่รอดแน่ ไอ้หมง"
ทรงกลดเดินเร็วออกไปพร้อมกับอัน เหมยลี่ผวาไปเกาะแขนหมงไว้
"นายน้อยไปฟ้องนายใหญ่แล้ว เราจะทำยังไงดี หมง"
"เราก็ต้องเตรียมตั้งรับให้ดีน่ะสิ"
หมงหวั่นใจอยู่แต่ก็หาทางที่จะรับมือกับเรื่องนี้
** หมงรู้อยู่เต็มอกว่า ตงให้หมงขึ้นเป็นหัวหน้าเพื่อรับกระสุนแทนทรงกลด ไม่ได้รักเขาเท่าทรงกลด
ทรงกลดกับอันเดินมาจากทางห้องทำงานเพื่อไปที่ห้องนอนตง
"นายน้อยครับ ที่คุณหมงพูดก็มีส่วนถูกนะครับ"
"แกคิดว่า ป๊าจะไม่เชื่อคำพูดฉันงั้นเหรอ"
"แค่คำพูดของเราสองคนอาจจะไม่มีน้ำหนักพอ นายใหญ่เลี้ยงคุณหมงเหมือนลูกในไส้ ยากที่นายใหญ่จะเชื่อว่ามีเรื่องเลวทรามอย่างนี้เกิดขึ้นในบ้านหลังนี้"
"แล้วเราต้องทำยังไง ต้องพาป๊าไปจับพวกมันคาเตียงงั้นเหรอ ป๊าถึงจะเชื่อ! ไม่รู้ล่ะ ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องบอกป๊าเรื่องนี้"
"นายน้อยต้องคิดไว้หลายๆด้าน ถ้านายใหญ่เชื่อเรา คนที่ทำเรื่องชั่วๆจะต้องได้รับกรรมอย่างสาสมแน่ แต่คิดเหรอว่าพวกมันจะยอมโดนเล่นงานฝ่ายเดียว พวกมันอาจใช้เรื่องอัปยศนี้ทำลายชื่อเสียงของนายใหญ่"
"ฉันจะจัดการเรื่องนี้อย่างรอบคอบที่สุด"
ทรงกลดคิดหนักว่าจะจัดการบอกเรื่องนี้กับพ่อยังไงดี
ภายในห้องนอน อาจูเดินไปเดินมาอย่างตัดสินใจไม่ถูก
ทรงกลดเปิดประตูเข้ามา, อาจูเด้งลุกจากเตียงทันที เขายังคงเครียดเรื่องหมงเป็นชู้กับเหมยลี่จนไม่มีอารมณ์โรแมนติคแล้ว
อาจูคว้าชุดนอนขึ้นมาอย่างแก้เขิน
"ฉัน...ฉันไปอาบน้ำก่อนนะคะ"
ทรงกลดพยักหน้ารับ อาจูชะงักมอง เห็นว่าทรงกลดหน้าเคร่งเครียด เขาทรุดตัวนั่งลงบนเตียงอาจูเดินไปนั่งข้างๆ
"มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ"
ทรงกลดพยักหน้ารับ อาจูรู้ได้ว่าทรงกลดกำลังแบกปัญหาหนักอึ้งอยู่
อาจูค่อยๆเอื้อมไปแตะมือทรงกลด
"อย่าเก็บปัญหาไว้คนเดียว ถ้ามีอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้"
"ไม่เป็นไร เธอไม่ต้องช่วยอะไร อยู่ข้างๆฉันก็พอแล้ว"
ทรงกลดโอบไหล่อาจูไว้ อาจูค่อยๆเอนตัวซบไหล่เพื่อให้ทรงกลดอุ่นใจว่ามีเธออยู่ข้างๆ
บรรยากาศเช้าวันใหม่ของบ้านทรงกลด ตงนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ หมงกับเหมยลี่นั่งประกบข้างซ้ายขวา
ปอกำกับคนรับใช้1ให้เริ่มเสิร์ฟอาหารเช้า แล้วหันไปเห็นทรงกลดกับอันเดินเข้ามา
ปอดีใจ
"นายน้อย วันนี้ต้องเป็นวันดีแน่ นายน้อยลงมากินข้าวเช้าด้วย นี่นายน้อยสั่งอามุ่ยไว้หรือครับ วันนี้อีถึงได้ทำอาหารเช้าแบบฝรั่งไว้ให้"
ทรงกลดจ้องหน้าหมงกับเหมยลี่ที่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้แนบเนียน
"ไม่ใช่นายน้อยหรอกค่ะ เหมยลี่ต่างหากที่เป็นคนสั่ง เพราะรู้ว่า วันนี้นายน้อยต้องมาร่วมโต๊ะกับเรา เชิญนั่งค่ะ นายน้อย"
เหมยลี่เตรียมพร้อมมาอย่างดี ไม่มีท่าทีเกรงกลัว
"นั่งสิ อาอันด้วย มานั่งกินด้วยกัน"
"ผมมีเรื่องสำคัญจะพูดกับป๊า ผมจะไปรอที่ห้องทำงานนะครับ"
"คุยกันตรงนี้แหละ เพราะเรื่องที่นายน้อยจะคุยกับป๊า เป็นเรื่องของผมกับคุณเหมยลี่ใช่มั้ยล่ะครับ มีอะไรพูดมาเลยครับ พูดต่อหน้าทุกคนที่นี่ ผมพร้อมรับฟังคำกล่าวหา"
ปอหันไปพยักหน้าให้คนรับใช้1 ออกไป
"คงเรียกว่าคำกล่าวหาไม่ได้หรอกมั้งครับ คุณหมง เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน มันชัดเจนแจ่มแจ้งขนาดนั้น ดิ้นยังไงก็ดิ้นไม่หลุดหรอกครับ" อันบอก
"เกิดอะไรขึ้นเมื่อคืน" ตงถาม
"เกิดเรื่องอัปรีย์ในบ้านนี้น่ะสิครับ ผมจับได้ว่า ไอ้หมงกับเหมยลี่เป็นชู้กัน"
เหมยลี่/หมงทำตกใจ
"นายน้อย"
ตงนิ่งอึ้งตะลึง
ซิ่วเอ็งต้มยาอยู่ในครัว มุ่ยเก็บยาที่เหลือห่อกระดาษไป แต่ตาคอยมองวิธีต้มยาของซิ่วเอ็ง
ซิ่วเอ็งทำเป็นสอนวิธีต้มยาให้มุ่ยอย่างใจดี
"เทน้ำพอท่วมยาก็พอ อย่าเทเยอะหรือน้อยเกินไป แล้วแช่ยาไว้ซัก 10-20 นาทีแล้วถึงต้ม ปล่อยทิ้งไว้เดือดซักห้านาที แล้วเอาโสมที่เราต้มไว้แล้วเทรวมไป แล้วต้มต่ออีกห้านาที"
"อั๊วก็โง่เอายาต้มรวมกันหมดทีเดียวมาตลอด โสมราคาแพงก็ละลายหายหมด เสียของจริงๆ" มุ่ยบอก
ซิ่วเอ็งยิ้ม
"ไม่เป็นไร อั๊วจะคอยช่วยลื้อเอง ต่อไปนายใหญ่จะได้กินยาดีๆมีประโยชน์ จะได้มีสุขภาพแข็งแรงอายุยืนเป็นร้อยปี"
มุ่ยหันไปเห็นเง็กล้างถ้วยชามอยู่
"คุณเง็ก ไม่ต้องๆ วางไว้ เดี๋ยวให้เด็กๆมาล้าง นายใหญ่สั่งไว้แล้วนา"
"โอ๊ย จะไม่ให้ทำอะไร อั๊วก็เป็นง่อยพอดี คนเคยทำงาน อยู่เฉยๆไม่ได้หรอก"
"ลื้อไม่ต้องมาช่วยงานในครัวหรอก อั๊วคนเดียวก็พอแล้ว ลื้อไปดูแลทำความสะอาดตึกเล็กแล้วกัน อามุ่ยจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาดูแลเรา"
มุ่ยยิ้มรู้สึกถูกชะตากับซิ่วเอ็งมากขึ้น
คนรับใช้1 เดินหน้าตื่นเข้ามาหามุ่ย ทำท่าคันปากมากๆ
"เกิดเรื่องใหญ่แล้วๆ"
"จะมีเรื่องอะไร นายน้อยทะเลาะกับนายใหญ่อีกแล้วใช่มั้ยล่ะ"
"แต่คราวนี้เรื่องใหญ่จริงๆ นายน้อยหาว่า คุณหมงกับคุณเหมยลี่มีอะไรกัน" เด็กรับใช้พูดเสียงเบาพลางเอามือป้องปาก
ซิ่วเอ็งเอียงหูแอบฟังอย่างตั้งใจ มุ่ยตีคนรับใช้1 ให้หยุดพูด
"เช้าฉุ่ย!! (ปากเสีย/เหม็น) ลื้อเอาที่ไหนมาพูด"
"อั๊วได้ยินนายน้อยพูดจริงๆนะ"
"ลื้อเงียบไปเลยนะ ห้ามพูดเรื่องนี้อีก ถ้วยชามกองอยู่นั่น ไปล้างซะ"
ซิ่วเอ็งยิ้มอย่างพอใจที่รู้ว่าตงมีปัญหาเรื่องหมงกับเหมยลี่
ตงลุกขึ้นอย่างโกรธจัดที่ทรงกลดกล่าวหาเรื่องร้ายแรง
"ลื้ออย่ามาพูดพล่อยๆ"
"ที่ผมพูดไปทั้งหมดเป็นเรื่องจริง"
หมงกับเหมยลี่ลุกขึ้นเพื่อยืนหยัดสู้กับทรงกลดอย่างหน้าด้านๆ ตงหันมามองหมงกับเหมยลี่ที่ปั้นสีหน้าเจ็บปวดเหลือทนเหมือนถูกทรงกลดให้ร้าย
"ผมอธิบายไป ป๊าก็คงไม่เชื่อ"
"ก็พูดมาสิ"
"เมื่อคืนผมนอนไม่หลับเป็นห่วงเรื่องโครงการของนายน้อย ผมก็เลยอยากอ่านทบทวนโครงการของนายน้อยอีกครั้ง ก็เลยลงมาที่ห้องทำงาน"
"เหมยลี่เห็นใครแวบๆเดินเข้าห้องทำงานไป ก็คิดว่าเป็นนายใหญ่ เหมยลี่เลยตั้งใจจะตามนายใหญ่ไปนอน เหมยลี่ไม่อยากให้นายใหญ่ทำงานหักโหมเกินไป แต่กลับเป็นคุณหมงที่ทำงานอยู่ เราคุยกันแค่สองสามคำ อยู่ๆนายน้อยก็เปิดประตูเข้ามา แล้วด่าว่าคุณหมงกับเหมยลี่เสียๆหายๆ"
"หยุดโกหกได้แล้ว! อย่าลืมนะว่า ฉันมีอาอันเป็นพยาน" ทรงกลดบอก
"โธ่ นายน้อยสั่งอาอันไปตายยังได้เลย แค่ช่วยเจ้านายโกหกเล็กๆน้อยๆ ทำไม อาอันจะทำไม่ได้"
"ผมไม่เคยช่วยเจ้านายในทางที่ผิด และที่สำคัญผมไม่มีวันโกหกนายใหญ่ผู้มีพระคุณที่สุดในชีวิต"
"ผมว่าเรื่องนี้เป็นการเข้าใจผิดมากกว่าครับ นายน้อยเห็นผมกับคุณเหมยลี่อยู่ด้วยกันตอนดึกๆ ก็ตีความไปในแง่ร้าย โธ่ ผมเหรอจะกล้าแตะต้องผู้หญิงของป๊า"
"นายใหญ่เชื่อเหมยลี่เถอะนะคะ เหมยลี่ไม่มีวันทำเรื่องต่ำช้าอย่างนั้นแน่ๆ นายน้อยแค่เห็นเหมยลี่อยู่กับคุณหมงก็คิดไปเอง ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น"
ตงยังยืนนิ่งคิดด้วยสีหน้าที่ดูไม่ออกว่าเชื่อฝ่ายไหน
อาจูเดินเข้ามาเห็นสถานการณ์ไม่ดี เลยหยุดฟังอยู่ห่างๆและพอจับใจความได้
"นอนกอดกันกลมอย่างนั้น นั่นเหรอที่เรียกว่า ไม่มีอะไร!"
"นายใหญ่ไม่เชื่อเหมยลี่ใช่มั้ยคะ งั้นก็มีทางเดียวที่จะพิสูจน์ว่า เหมยลี่ไม่ได้ทำผิดต่อนายใหญ่ เหมยลี่ขอพิสูจน์ด้วยความตาย"
เหมยลี่ไปคว้ามีดบนโต๊ะมากรีดข้อมือตัวเอง
"คุณเหมยลี่"
ปอเข้าไปยื้อยุดเหมยลี่ที่ดิ้นรนกรีดข้อมืออีกสองสามครั้งพอให้เลือดออกซิบๆ
"คุณเหมยลี่! อย่าค่ะ"
อาจูเข้าไปห้ามเหมยลี่อีกคน ปอดึงมีดออกจนได้
เหมยลี่ทรุดตัวลงกับพื้นร้องไห้คร่ำครวญ
"ปล่อยให้เหมยลี่ตายเถอะค่ะ เหมยลี่ไม่มีหน้าไปพบใครแล้ว"
"อาจู พาเหมยลี่ไปทำแผล" ตงสั่ง
เหมยลี่ทำตัวระทดระทวยเดินไม่ไหวจนอาจูต้องประคองออกไป หมงมองตงอย่างวัดใจแล้วค่อยๆคุกเข่า
"ผมจะต้องทำยังไง ป๊าถึงจะเชื่อคำพูดของผม แม้ป๊าจะให้ผมตาย ผมก็พร้อมที่จะตาย เพื่อรักษาเกียรติยศและศักดิ์ศรีของป๊า"
"ลุกขึ้น แล้วตามอั๊วไปที่ห้องทำงาน"
ตงกับปอเดินนำออกไป หมงลุกขึ้นแล้วหันไปยิ้มให้ทรงกลดอย่างเหนือกว่า
หมงเดินออกไป ทรงกลดกับอันมองหน้ากันอย่างไม่แน่ใจว่าตงคิดอะไรอยู่
ตงกับปอเดินเข้ามาในห้องทำงาน หมงเดินตามเข้ามาอย่างระวังตัว
"ลื้อบอกว่า ลื้อนอนไม่หลับเพราะห่วงโครงการของทรงกลดใช่มั้ย"
ทรงกลดกับอันเดินตามเข้ามา
"ลื้อเป็นห่วงเรื่องอะไร ลื้อคิดว่าโครงการนี้จะมีปัญหาอะไรงั้นเหรอ"
ปอรู้ใจตงที่กำลังทดสอบหมงอยู่
"รบกวนคุณหมงช่วยหยิบแฟ้มโครงการออกมาที แล้วเรามาดูกันว่า โครงการของนายน้อยมีปัญหาอะไรที่ต้องเป็นห่วง"
หมงเริ่มเหงื่อแตกนิดๆเพราะไม่แน่ใจว่าตงเก็บแฟ้มโครงการไว้ที่ตรงไหน !?
"มันคงหาเจอหรอก มันใช้เรื่องโครงการผมเป็นข้ออ้างเท่านั้น"
หมงเดินไปที่ตู้ใส่เอกสาร ตงกับปอมองหน้ากัน ต่างรู้ว่าเอกสารไม่ได้อยู่ในตู้
ทรงกลดกับอันเห็นสีหน้าตงก็รู้ว่า คิดยังไง ทั้งสองเริ่มคิดว่าเป็นต่อแล้ว !!
แต่หมงทันเห็นสีหน้าตง เลยเสี่ยงเดินกลับมาที่โต๊ะทำงานแล้วคว้าแฟ้มโครงการที่วางอยู่ใต้สุดในตะแกรงเอกสารอย่างแอบโล่งใจที่มั่วจนหาเอกสารเจอ
"ผมขอโทษด้วยนะครับ เมื่อคืนผมรีบร้อนไปหน่อย เลยเก็บแฟ้มไม่เรียบร้อย"
หมงแอบปาดเหงื่อแล้วทำเนียนเล่นละครตบตาต่อไป
"ส่วนเรื่องที่ผมเป็นห่วงก็คือ ในสัญญาไม่ได้กำหนดให้เราเป็นผู้จัดจำหน่ายเพียงบริษัทเดียว ถ้าหากเราเกิดมีคู่แข่งขึ้น อาจจะมีการตัดราคากันได้นะครับ"
"ออกไปได้แล้ว"
หมงมองตงอย่างซาบซึ้ง ก้มหัวคำนับแล้วคำนับอีก
"ขอบคุณครับ ป๊า ขอบคุณสำหรับความไว้วางใจ ขอบคุณครับ"
หมงเดินออกไปอย่างผู้ชนะ เดินผ่านหน้าทรงกลดกับอันแล้วอดยิ้มหยันไม่ได้
"ป๊า ! แค่นี้ไม่ได้พิสูจน์อะไรได้ ผมเชื่อว่าเรื่องที่เกิดเมื่อคืนไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก ดีไม่ดีเหมยลี่อาจจะเป็นเมียไอ้หมงก่อนที่จะมาอยู่กับป๊าด้วยซ้ำ!"
"หยุดได้แล้ว! อั๊วรู้ว่า ลื้อเกลียดอีสองคน แต่ไม่คิดเลยว่า ลื้อจะเกลียดจนกล้าใช้วิธีต่ำทรามอย่างนี้"
"ผมไม่ได้ใส่ร้ายมันสองคน ป๊าเลือกที่จะเชื่อคำโกหกก็เพื่อความสบายใจของตัวเอง ป๊าอยากเก็บเรื่องอัปยศนี้ไว้ในบ้าน ไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่า ตอนนี้ป๊าถูกลูกรักเหยียบย่ำจนป๊าไม่เหลือศักดิ์ศรีแล้ว"
"พอได้แล้ว"
อันเตือน
"นายน้อยครับ"
ทรงกลดโพล่งต่ออย่างโกรธจัด หยุดไม่ได้แล้ว
"หรืออีกเหตุผลก็คือ ป๊าคงรักไอ้หมงมันมาก ยกตำแหน่งหัวหน้าแก๊งให้มันแล้ว ยังไม่หนำใจ ก็เลยยกเมียให้มันไปด้วย"
ตงตบหน้าทรงกลดฉาดใหญ่ เป็นเวลาเดียวกับที่อาจูก้าวเข้ามา อาจูชะงักด้วยความตกใจ
"คนที่เหยียบย่ำศักดิ์ศรีอั๊วไม่ใช่อาหมง แต่เป็นลื้อ"
ทรงกลดจ้องมองตงด้วยความผิดหวังและเสียใจ ยิ่งเห็นอาจูมาเห็นในสภาพนี้ก็ยิ่งเจ็บ
ตงเดินออกไปพร้อมกับปอ ปอหันมองทรงกลดอย่างเห็นใจแต่พูดอะไรไม่ได้
"คุณที"
ทรงกลดยกมือห้ามไม่ให้อาจูพูดต่อ เดินลิ่วๆออกไปจากห้อง
อาจูกับอันมองหน้ากันอย่างไม่รู้จะแก้ปัญหายังไง
ทรงกลดเดินเครียดโกรธออกมา อาจูกับอันเดินตามหลังมา
"เรื่องนี้เองที่ทำให้คุณทีนอนไม่หลับทั้งคืน แล้วเราจะทำยังไงต่อไปคะ"
"เราคงทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะครับ"
ทรงกลดหยุดกึกหันกลับมา
"ทำไมเราจะทำอะไรไม่ได้ อาทิตย์หน้าป๊าจะเรียกประชุมใหญ่ แกไปหยั่งเสียงกรรมการของแก๊งดูว่าใครเห็นด้วยกับป๊าบ้าง"
"เรื่องเลือกหัวหน้าแก๊งคนใหม่น่ะหรือครับ"
"ใช่ เราจะปล่อยให้ไอ้หมงขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์ไม่ได้"
อันรู้ว่าทรงกลดหมายถึงว่าเขาจะขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งเสียเอง !!
"นายน้อยแน่ใจนะครับ"
"ฉันแน่ใจ! ฉันจะเป็นหัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์คนต่อไป แล้วเมื่อเวลานั้นมาถึง ใครที่ทำเรื่องชั่วช้าไว้จะอยู่บ้านนี้ไม่ได้อีกต่อไป"
อันค้อมหัวรับอย่างเห็นด้วยแล้วเดินออกไปทันที
"คุณทีคะ...คุณเป็นยังไงบ้าง"
อาจูแตะแก้มทรงกลดโดนตงตบอย่างเบาๆ ทรงกลดจับมืออาจูไว้
"ฉันไม่เป็นไร"
ทรงกลดจูบมืออาจูเบาๆอย่างขอบคุณที่เป็นห่วง
แต่เว่ยวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาทำลายบรรยากาศเสียก่อน
"แจ้จู! แจ้จู! ไปที่ตึกเล็กเร็วเข้า อาม้า..อาม้าโมโหใหญ่แล้ว"
"มีเรื่องอะไร"
"ไปด้วยกันก่อน เฮียทรงกลดด้วย ไปช่วยกันหน่อย"
เว่ยลากทรงกลดกับอาจูออกไป
เคี้ยงกำลังเดินตามตื๊อเง็กอยู่ อิกกับสมุน 2 คนยืนมองห่างออกไป เง็กกำลังกวาดใบไม้ใบหญ้าโดยไม่ฟังเคี้ยงแม้แต่น้อย
"อาเง็ก"
"อั๊วบอกให้ลื้อกลับไป! หูแตกหรือยังไง"
"อั๊วไม่กลับ ยังไงก็ไม่กลับ จนกว่าลื้อจะยอมกลับไปกับอั๊ว"
"อั๊วยอมตายดีกว่ากลับไปอยู่กับผู้ชายเฮงซวยอย่างลื้อ"
เคี้ยงยื้อไม้กวาดไว้เพื่อให้เง็กหยุด
"อาเง็ก..ลื้อดูอั๊วดีๆ อั๊วเป็นอาเคี้ยงคนใหม่แล้ว อั๊วเลิกกินเหล้าเลิกเที่ยวผู้หญิง อั๊วตั้งใจกลับตัวเป็นผู้เป็นคนกับเขา เพื่อลื้อคนเดียว"
"เพื่ออั๊วคนเดียว แล้วที่อั๊วหนีออกมา ลื้อเคยคิดตามหาอั๊วบ้างมั้ย"
"อั๊วให้ลูกน้องไปตามแล้ว แต่ตามยังไงก็ไม่เจอ มารู้ข่าวอีกที ก็ตอนลื้อมีผัวใหม่ไปแล้ว อั๊วได้แต่ทำใจว่า อั๊วคงไม่ได้ลื้อกลับคืนมา แต่ตอนนี้สวรรค์เป็นใจให้เราได้เจอกัน ได้เจอทั้งเมียทั้งลูกสาว"
"อาจูเป็นลูกอั๊วคนเดียว ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับลื้อ ไป กลับไป อั๊วไม่อยากเห็นหน้าลื้อ ถ้าไม่กลับไปดีๆ อั๊วจะตีด้วยไม้กวาด ให้ซวยไปสามวันเจ็ดวันเลย"
เง็กเงื้อไม้กวาดฟาดหัวเคี้ยง แต่ทรงกลดกับอาจูเอามายึดไว้เสียก่อน
"เสี่ยกลับไปเถอะค่ะ"
อิกเห็นสภาพเคี้ยงตามง้อเง็กแล้วรู้สึกอนาถใจ ยิ่งทรงกลดมาเห็นสภาพเคี้ยงยิ่งน่าอับอาย
"กลับกันก่อนเถอะครับ นาย"
เคี้ยงไม่ฟังอิก มัวแต่พยายามตื๊อสองแม่ลูกให้ได้
"อาจู..อั๊วทำผิดต่ออาม้าของลื้อ แต่เรื่องลื้อ อั๊วไม่รู้จริงๆ ถ้าอั๊วรู้ว่า อาเง็กมีลื้อติดท้องไป อั๊วจะไปตามหาลื้อแน่ๆ ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินหา อั๊วก็ต้องหาให้เจอ"
"อ้อ! ที่ลื้อมานี่ก็เพราะอาจู นี่ลื้อคงเห็นอาจูเป็นลูกสะใภ้คนใหญ่คนโต เลยจะมาหาผลประโยชน์จากอาจู ลื้อมันไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ"
"ไม่จริง! อั๊วมาเพราะลื้อคนเดียว สำหรับอาจู...ไม่ต้องรับอั๊วเป็นพ่อก็ได้ แต่ขอให้รู้ว่า ถ้าลื้อมีปัญหาเดือดร้อนอะไร ลื้อมาหาอาป๊าคนนี้ได้ทุกเมื่อ"
อาจูเมินหน้าไม่ใส่ใจคำพูดของเคี้ยง
"คงไม่มีวันนั้นหรอกครับ เพราะผมจะดูแลอาจูอย่างดีที่สุด เสี่ยกลับไปเถอะครับ อย่าทำให้อาม้าต้องลำบากใจดีกว่า"
"ทรงกลด..ลื้อต้องเข้าใจสิ ผู้ชายอย่างเราไม่มีวันปล่อยผู้หญิงที่เรารักไป บอกมาเลยว่า อั๊วจะต้องทำยังไง อาเง็กถึงจะยกโทษให้อั๊ว หรือจะให้อั๊ว"
เคี้ยงทำทีจะคุกเข่าต่อหน้าเง็ก อิกรีบดึงเคี้ยงไว้ก่อน
"อย่าครับ นาย"
เว่ยนึกสนุกเขย่งตัวขึ้นแอบกระซิบแผนการให้ทรงกลดฟัง
"เดี๋ยวก่อนครับ เสี่ย ผมมีวิธีแล้ว"
ทุกคนนิ่งงงยังไม่รู้ว่าวิธีของทรงกลดคืออะไร ยกเว้นทรงกลดกับเว่ยที่ยิ้มอย่างรู้กัน
เลือดมังกร : สิงห์ ตอนที่ 7 (ต่อ)
ทรงกลดกับอาจูยืนรอดูเหตุการณ์อยู่หน้าศาลเจ้า
"คุณคิดว่า วิธีนี้จะทำให้อาม้าใจอ่อนลงหรือคะ"
ทรงกลดยิ้มขำ
"ไม่รู้สิ"
"อ้าว! นี่คุณกับอาเว่ยคิดทำอะไร เสี่ยเคี้ยงเขาเป็นถึงหัวหน้าแก๊งเต่ามังกรเชียวนะคะ เดี๋ยวก็มีปัญหากันหรอก"
"นี่ไม่ใช่เรื่องของแก๊ง แต่เป็นเรื่องของผู้ชายคนนึงที่พยายามจะชนะใจผู้หญิงที่เขารัก ไม่น่าเชื่อนะ ความรักจะเปลี่ยนคนได้ขนาดนี้"
"คุณทีคะ เออ ที่เสี่ยเคี้ยงพูดน่ะค่ะ"
"พูดว่าอะไรล่ะ เสี่ยเคี้ยงพูดพล่ามตั้งหลายเรื่อง เรื่องไหนล่ะ"
อาจูงอนนิดๆ)
"ช่างเถอะค่ะ ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร"
ทรงกลดยิ้มเพราะรู้ว่าอาจูหมายถึงเรื่องไหน
"ผู้ชายอย่างเราไม่มีวันปล่อยผู้หญิงที่เรารักไป คำพูดนี้ที่ยังคาใจเธออยู่ใช่มั้ยล่ะ เธอคงไม่ถามนะว่า ผู้หญิงคนนั้นของฉันคือใคร"
"ฉันไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง เรารู้จักกันไม่นาน แล้วก็ต้องมาแต่งงานเพื่อรักษาเกียรติของครอบครัว ไม่ได้แต่งงานเพราะว่าเรารักกัน"
"เธอคิดอย่างนั้นจริงๆเหรอ...อาจู"
ทรงกลดรวบสองมืออาจูไว้
"ไม่มีผู้หญิงคนไหนอีกแล้วในโลกนี้ที่จะทำให้ฉันคุกเข่าลงได้ มีเธอคนเดียว..อาจูฉันไม่มีวันปล่อยให้เธอไปจากฉันเด็ดขาด..แล้วเธอล่ะ"
"คุณเอาครอบครัวฉันเป็นตัวประกัน แล้วอย่างนี้ฉันจะหนีคุณไปไหนได้ล่ะคะ"
"โธ่ พูดอะไรที่หวานๆกว่านี้ไม่ได้หรือไง ไม่เป็นไร รอไว้คืนนี้ก็ได้ นอกจากพูดหวานๆ แล้วก็ต้องทำทุกอย่างตามใจฉันด้วย"
อาจูปิดปากทรงกลดไม่ให้พูดมีนัยยะในเรื่องเข้าหออีกต่อไป
อาจูเขิน
"พอค่ะ ห้ามพูดต่อ นี่เราอยู่กันที่ไหน เห็นหรือเปล่า"
อาจูหันไปเห็นเสี่ยเคี้ยงมาแล้ว ทรงกลดมองตาม ทั้งคู่กลั้นหัวเราะไว้แทบไม่ได้
เคี้ยงกำลังคอนหาบขนมจุ๋ยก้วยอย่างทุลักทุเล โดยมีสมุน 2 คนช่วยประคองหาบหน้าหลัง
เง็กกับเว่ยเดินหลังมา
"ลื้อเล่นอะไรของลื้อ หา อาเว่ย"
"นี่แหละเขาเรียกว่าวัดใจ ดูซิว่า เสี่ยเขาอยากขอคืนดีกับม้าจริงๆหรือเปล่า"
เคี้ยงคอนหาบขนมเซไปเซมาอย่างน่าเสียวไส้ว่าจะเทกระจาดเอาได้ สมุน 2 คนช่วยกันประคับประคองหาบ พร้อมกับถือถังน้ำ เก้าอี้เดินตามมา
เว่ยผละจากเง็กเข้าไปหาเคี้ยง
"ตะโกนขายของด้วยสิครับ" เว่ยตะโกนให้ดูเป็นตัวอย่าง "จุ๋ยก้วยครับ จุ๋ยก้วยร้อนๆ มาแล้วครับ"
เคี้ยงอาย)
"จุ๋ย...จุ๋ยก้วย....จุ๋ยก้วยมาแล้วครับ"
"ตั้งขายตรงนี้ครับ เสี่ย"
"ต้องขายจริงๆด้วยเหรอ แค่หาบมาตลอดซอย อั๊วก็ว่าพอแล้วนะ"
"ไม่ได้ครับ เสี่ย แล้วก็ไม่ใช่ว่าขายนิดหน่อยพอเป็นพิธี เสี่ยต้องขายจุ๋ยก้วยให้หมดด้วย เสี่ยจะได้รู้ว่า อาม้าผมต้องลำบากแค่ไหน" เว่ยกระซิบ "ทำท่าเหนื่อยๆไว้ เสี่ย อาม้าจะได้เห็นใจไงล่ะครับ"
เว่ยผละออกจากเคี้ยงมาหาเง็ก
"ลื้อพูดอะไรกับอี"
"เปล่า แค่สอนว่าขายยังไง กระทงละกี่ตังค์ แค่นั้นแหละ ม้า"
ทรงกลดกับอาจูเดินมาร่วมวงกับเง็กและเว่ย ทั้งหมดมองเคี้ยงที่ไม่มีสภาพเสี่ยใหญ่หลงเหลืออยู่
เคี้ยงตักขนมขายอย่างเงอะงะๆ ตักไช้โป๊วหกบ้าง ถอนเงินเกิน ไม่รับเงินบ้าง อิกเดินมาหยุดมองเคี้ยงที่ชุลมุนกับการขายจุ๋ยก้วยแล้วต้องส่ายหน้า เดินออกไปอย่างเซ็ง
ลูกค้าเริ่มรุมเข้ามาซื้อมากขึ้นเป็นสิบคน สมุน 2 คนก็ขายของไม่เป็น อาจูกับเว่ยทนไมไหวเข้าไปช่วยเคี้ยงขายขนม
เคี้ยงมองอาจูที่ตักขนมใส่กระทงอย่างคล่องแคล่วส่งให้ลูกค้า เว่ยเป็นคนรับเงินแล้วทอนเงินกลับไป ช่วยทำงานอย่างเป็นระบบอย่างคนเชี่ยวชาญการขาย
เคี้ยงมองอาจูไม่วางตา แม้ไม่ได้เลี้ยงลูกมาแต่ได้มีลูกสาวในตอนนี้ก็ทำให้ชื่นใจไม่น้อย
เง็กยังเมินหน้า
"ม้าอย่าเพิ่งใจอ่อนนะครับ สำหรับเสี่ยเคี้ยง เราต้องใช้เวลาพิสูจน์อีกนาน"
"ถึงอีจะบุกน้ำลุยไฟก็พิสูจน์อะไรไม่ได้ คนมันขาดกันไปแล้ว"
เว่ยเก็บเงินสตางค์ใส่กระป๋องแล้วปิด
"ขายหมดแล้ว ปิดร้านได้"
เคี้ยงควักผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดหน้าเช็ดคออย่างเหนื่อยอ่อน อาจูมองเคี้ยงแล้วใจอ่อนลงนิดนึง
เง็กเก็บทำความสะอาดหาบขนมจุ๋ยก้วยที่กระจุยกระจาย เว่ยนับเงินในกระป๋องจนครบ
"วันนี้เราขายได้เท่าไหร่"
"ยี่สิบบาท" เว่ยบอก
"อะไรกัน! ขายเหนื่อยแทบตายได้แค่ยี่สิบ เด็กโรงบ่อนอั๊ววิ่งซื้อโอเลี้ยงให้ลูกค้าแป๊บๆก็ได้ยี่สิบสามสิบบาทแล้ว"
เง็กชะงักกึกอย่างไม่พอใจ ก้มลงจะคอนหาบเดินออกไป
"ลื้อจะทำอะไร อาเง็ก"
"เอาหาบไปคืนเจ้าของน่ะสิ คุณทรงกลดพาทุกคนกลับบ้านไป เสร็จธุระแล้ว อั๊วกลับเอง ไม่ต้องรอ"
เง็กคอนหาบอย่างชำนาญแล้วเดินออกไปโดยเร็ว
เคี้ยงยืนหน้าเหวออยู่กับลูกสมุน 2 คน ทรงกลดเดินเข้าไปหาเคี้ยง
"ตามไปซิครับ เสี่ย ตื๊อๆเข้าไป เดี๋ยวม้าก็ใจอ่อนเอง"
"ใช่ๆ ต้องตามไป ขอบใจนะ ขอบใจ"
เคี้ยงตบไหล่ทรงกลดอย่างขอบคุณ
เล้งกับอิกยืนอยู่ห่างออกไปทางศาลเจ้า ได้เห็นความสัมพันธ์ของเคี้ยงกับทรงกลดที่เปลี่ยนไป
เคี้ยงเดินจ้ำอ้าวตามไป สมุน 2 คนขยับจะตาม
"ไม่ต้องตาม"
เคี้ยงรีบเดินตามไปอย่างรวดเร็ว
"นี่ตกลงคุณเข้าข้างเสี่ยเคี้ยงแล้วหรือคะ" อาจูถาม
"เปล่า แค่อยากเห็นเต่ามังกรกลายเป็นลูกเต่าหัวหดเท่านั้นแหละ"
เว่ยขำ
"ลูกเต่าหัวหด สั่งให้ไปซ้ายไปขวาได้"
"ฉันเป็นลูกเสี่ยเคี้ยง ฉันก็เป็นลูกเต่าด้วยงั้นสิ"
"เธอไม่ใช่ลูกเต่า แต่เป็นยัยเต่าต้วมเตี้ยมของฉันต่างหาก"
ทรงกลดบีบจมูกอาจูอย่างหมั่นเขี้ยวหยอกๆ
เคี้ยงแย่งหาบขนมจุ๋ยก้วยจากเง็กมาคอนเอง
"อั๊วหาบให้เองๆ"
"ไม่ต้อง!"
เคี้ยงแย่งหาบมาคอนไว้เองจนได้แต่แล้วเดินไปไม่กี่ก้าวก็ทำหาบตกกระจาย
"ยิ่งช่วยก็ยิ่งยุ่ง ไม่ต้องมาช่วยแล้ว จะไปไหนก็ไป"
"อาเง็ก...ลื้อเกลียดอั๊วถึงขนาดนี้เชียวเหรอ"
"เราต่างก็ไปมีชีวิตของตัวเองแล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่เราต้องกลับมาเจอกันอีก"
"อั๊วไม่มีลูกไม่มีเมีย ญาติพี่น้องก็อยู่ซัวเถาหมด ถ้าอั๊วตายไป ก็คงจัดงานศพไม่ต่างกับงานศพผีไม่มีญาติ ลื้อจะหาว่าอั๊วเห็นแก่ตัวก็ได้ อั๊วไม่อยากตายคนเดียว เวลานั้นอั๊วอยากมีเมียมีลูกหลานอยู่ล้อมรอบตัว"
"ในเมื่อลื้ออยู่ตัวคนเดียว แล้วลื้อยังละโมบโลภมากเปิดบ่อนเปิดโรงฝิ่นทำไม ได้เงินมาเท่าไหร่ก็ไม่มีความหมาย ลื้อบอกว่า ลื้อเป็นคนใหม่ ถ้าหากลื้อยังหากินกับของผิดกฎหมาย ลื้อก็เป็นเสี่ยเคี้ยงหน้าเงินคนเดิมนั่นแหละ"
"ก็เงินมันดี..แล้วใครๆก็ทำทั้งนั้น..ถึงอั๊วไม่ทำ คนอื่นก็ทำอยู่ดี"
"อย่ามาอ้างข้างๆคูๆ แก๊งดีๆที่ทำงานถูกกฎหมายรวยๆก็มีเยอะแยะ แล้วคนทำชั่ว แล้วลื้อต้องชั่วตามงั้นเหรอ ถ้าลื้อยังเลิกทำงานผิดกฎหมายไม่ได้ ก็ไม่ต้องมาให้อั๊วเห็นหน้าอีก"
เง็กคอนหาบขนมออกไปอย่างคล่องแคล่ว เคี้ยงคิดหนัก
หยกมณีเดินมาส่งเสี่ยจากชั้นบน เสื่ยคนนี้เป็นเจ้าของฉั่วเทียนเหลา สาขาฮ่องกง หยกมณียกมือไหว้
"ขอบคุณนะคะ เสี่ย หยกรู้สึกเป็นเกียรติมากเลยที่เสี่ยมาด้วยตัวเองอย่างนี้"
"ถ้ายังไงคุณหยกลองไปที่ร้านเราก่อน ไปเที่ยวฮ่องกงซักสองสามวัน ก่อนการตัดสินใจ อย่างนี้ดีมั้ยครับ"
"หยกขอเวลาคิดดูก่อนนะคะ"
"ไปฮ่องกงวันอาทิตย์นี้เลยก็ได้นะครับ"
"เสี่ยนี่ใจร้อนจริงๆ เอาอย่างนี้หยกตัดสินใจได้เมื่อไหร่ หยกจะรีบให้คำตอบเสี่ยทันที"
หยกมณีชะงัก ที่เห็นอันคุยงานกับชายวัย40 ชายเหล่านี้คือกรรมการแก๊งเขี้ยวสิงห์ จำนวน 3-4คนอยู่ ทรงกลดให้อันมาล็อบบี้
อันเห็นหยกมณีคุยยิ้มแย้มกับเสี่ยก็รู้สึกขัดตาไม่น้อย
หยกมณีรีบตั้งสติทำเป็นไม่สนใจอัน
"เรื่องนี้อาจจะตัดสินใจง่ายกว่าที่หยกคิดก็ได้ แล้วหยกจะติดต่อไปนะคะ ขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ"
หยกมณีไหว้อย่างชดช้อย เสี่ยตบไหล่หยกมณีเบาๆแล้วเดินออกไป
แม้ว่าอันจะคุยงานแต่ตาจับอยู่ที่หยกมณีตลอดเท่าที่ทำได้
ชาย1บอก
"อั๊วว่าให้นายใหญ่เป็นหัวหน้าแก๊งต่อไปดีกว่า ช่วงเวลาแบบนี้ไม่ควรจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไร"
ชาย2บอก
"นั่นสิ ใครเป็นคนสั่งให้ถล่มโรงงิ้ว เรายังหาตัวการไม่ได้เลย ถ้าให้คนรุ่นใหม่ขึ้นมาเป็นหัวหน้า มันจะได้เรื่องเรอะ"
อิกเดินเข้ามาในร้าน แล้วดึงหยกมณีไปนั่งด้วย อันแทบนั่งไม่ติดแต่พยายามเจรจาต่อ
"แต่นายใหญ่ยืนยันว่าจะวางมือนะครับ ผมหวังแต่ว่า เราจะเลือกหัวหน้าแก๊งคนใหม่ที่มีความสามารถ ถ้าดูจากผลงานแล้ว เราก็เห็นๆอยู่ว่า ใครสร้างผลงานมาตลอด เรื่องคนบงการถล่มโรงงิ้วเมื่อวันสารทจีน นายน้อยยังคงให้คนคอยสืบอยู่"
ชาย1บอก
"นั่นสิ สืบจนไปมีเรื่องกับแก๊งเต่ามังกรเลยไม่ใช่เรอะ"
"แต่ก็ทำให้เราจับได้ว่าเสี่ยเคี้ยงขายอะไหล่เถื่อน ไม่งั้นร้านเซียงกงของคนในแก๊งเราคงได้เจ๊งกันถ้วนหน้า ถึงตอนนี้แล้ว ทุกคนคงทราบดีว่า ไม่มีใครอื่น นอกจากนายน้อยที่เหมาะจะเป็นหัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์ที่สุด! ฝากพิจารณาด้วยนะครับ"
อันลุกขึ้นยืนค้อมหัวให้กรรมการแก๊งทุกคนแล้วเดินออก
หยกมณีนั่งจิบเหล้ากับอิกอยู่ ต่างครุ่นคิดปัญหาของตัวเอง
"แปลก..ทำไมวันนี้เฮียดูเงียบกว่าปกติ"
"มีเรื่องต้องคิด หยกก็แปลกไปเหมือนกัน"
"หยกก็มีเรื่องต้องคิดเหมือนกัน"
"คิดเรื่องอะไรอยู่"
"เรื่องการเปลี่ยนแปลงของชีวิต เฮียอิกล่ะ"
"เรื่องเดียวกัน"
"คนเราก็มีอยู่ไม่กี่เรื่องไม่เรื่องงานก็เรื่องความรัก"
"เรื่องงาน..เฮียมีจุดหมายอยู่แล้ว เฮียจะได้ทำงานกับคนจริง-ใจถึง เฮียอยู่แก๊งเต่ากระจอกไปอีกไม่นานหรอก ส่วนเรื่องความรัก..."
อิกแตะมือหยกมณีแล้วไล้หลังมือไปมา
"เฮียก็รอให้หยกเปลี่ยนใจ ที่ผ่านมา เฮียทำบุ่มบ่ามไปหน่อย แต่เฮียจะไม่ทำอย่างนั้นอีกแล้ว..เฮียจะให้เกียรติหยก เหมือนหยกเป็นเจ้าหญิงของเฮียเลยทีเดียว"
หยกมณีขำ
"ไปหัดพูดคำพวกนี้มาจากไหนคะ เฮียอิก"
อันเดินเข้ามาแทรกกลาง
"กลับบ้านได้แล้ว หยก"
อัน/อิกโฑล่งพร้อมกัน
"เฮียไปส่งเอง"
หยกมณีหัวเราะ
"งั้นโยนหัวโยนก้อยก็แล้วกัน เฮียอันก้อย เฮียอิกหัวนะ"
หยกมณีหยิบเหรียญออกมาโยนแล้วตะครุบเอามือปิดไว้แล้วค่อยๆแง้มดู
"หัว! ต้องขอรบกวนเฮียอิกหน่อยนะคะวันนี้ หยกกลับนะคะ เฮียอัน"
หยกมณีวางเหรียญลงบนโต๊ะแล้วเดินไปคล้องแขนอิกออกไป อิกหันมาโบกมือให้อันอย่างเหนือกว่า
อันมองตามหยกมณีแล้วก้มลงมองเหรียญที่เป็นด้านก้อยวางอยูบนโต๊ะ
ทรงกลดกับอาจูเดินมาส่งเว่ยที่ตึกเล็ก
"อย่างนี้ผมก็อยู่คนเดียวซิครับ ไม่รู้อาม้าจะกลับมากี่โมง อาม่าก็อยู่แต่ในครัวทั้งวัน เราหาอะไรสนุกๆทำดีกว่าครับ เฮีย"
"ไม่มีอะไรทำ ก็อ่านหนังสือไป อีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะเปิดเทอมแล้ว"
"ใครเขาอ่านหนังสือล่วงหน้ากัน ผมไม่ใช่พวกบ้าเรียนเหมือนแจ้จูนะ เฮียทรงกลด ผมขออะไรอย่างนึงได้ไหมครับ"
ทรงกลดยิ้มเอ็นดู
"อะไร"
"ช่วยสอนผมยิงปืนได้มั้ยครับ"
"ได้"
"ไม่ได้!"
อาจูดึงเว่ยมาใกล้ตัวทันที
"ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ แจ้จู อีกนิดเดียวผมก็สูงกว่าแจ้แล้ว ให้ผมได้เรียนยิงปืนเถอะ ผมจะได้ปกป้องทุกคนได้ยังไงล่ะ ตอนนี้เราอยู่ในแก๊งเขี้ยวสิงห์ ถึงเราจะไม่ใช่คนในแก๊ง แต่คนอื่นก็มองเราเป็นคนในแก๊งเขี้ยวสิงห์ไปแล้ว"
"แต่ยังไงแจ้ก็ไม่ให้เว่ยเรียนยิงปืน มันอันตรายเกินไป"
"ไม่เรียนยิงปืน เรียนอย่างอื่นก็ได้ แล้วเฮียจะสอนศิลปะการต่อสู้ให้ สู้ด้วยมือเปล่าสนุกกว่าใช้ปืนเยอะ"
ทรงกลดดึงเว่ยมาตอนทีเผลอแล้วจับเว่ยทุ่มลงพื้นให้ดู
"อย่างนี้เป็นต้น"
ทรงกลดดึงคอเสื้อเว่ยมาใกล้ๆ
ทรงกลดกระซิบ
"แล้วค่อยแอบไปเรียนยิงปืนกัน"
"ฉันได้ยินนะ!"
อาจูเดินไปดึงเว่ยออกมาจากทรงกลด
"คุณชอบทำเรื่องเสี่ยงๆ ก็ไปเสี่ยงคนเดียว อย่าลากน้องชายฉันไปเสี่ยงด้วย ถ้าคุณคิดเป็นหัวหน้าแก๊งจริงๆล่ะก็ คุณจะต้องคิดให้รอบคอบกว่านี้ ไม่ใช่นึกสนุกอยากทำอะไรก็ทำ คุณเก่งคุณเอาตัวรอดได้ แต่คนรอบข้างคุณล่ะ เขาจะเอาตัวรอดไหม ถ้าใครซักคนเป็นอะไร คุณจะรับผิดชอบไหวมั้ย"
"ทำไมเธอต้องจริงจังนัก ก็แค่เรียนยิงปืน ให้ฉันสอนอาเว่ย ดีกว่าเด็กไปแอบเรียนเอง อย่างนั้นจะอันตรายยิ่งกว่า"
"ยังไงก็ไม่ให้เรียน คุณจะใช้ชีวิตยังไงก็เรื่องของคุณ แต่อาเว่ยจะต้องมีชีวิตอย่างเด็กธรรมดา ฉันต้องได้เห็นอาเว่ยกลับบ้านอย่างปลอดภัยทุกวัน"
"ฉันเข้าใจแล้ว..สรุปก็คือถ้าฉันจะตายก็เป็นเรื่องของฉัน แต่ชีวิตอาเว่ยสำคัญกว่า ไม่ใช่เฉพาะอาเว่ยหรอก ไม่ว่าใครก็สำคัญกว่าชีวิตฉันทั้งนั้น"
ทรงกลดเดินออกไป อาจูนิ่งอึ้งไม่คิดว่าทรงกลดจะใจน้อยขนาดนี้
เหมยลี่นอนบนเตียงเหมือนคนป่วยหนัก ซิ่วเอ็งถือล่วมยาและมุ่ยถือถาดถ้วยยาจีนเข้ามา
"เปลี่ยนผ้าพันแผลหน่อยนะฮะ คุณนาย"
ซิ่วเอ็งเปลี่ยนผ้าพันแผลข้อมือของเหมยลี่ที่มีรอยกรีดไม่กี่รอย มุ่ยวางถ้วยยาไว้ที่หัวโต๊ะแล้วชะโงกมองแผลของเหมยลี่อย่างสนใจ
"ฉันต้องกินยาอีกแล้วเหรอ ฉันเบื่อจะแย่อยู่แล้วนะเนี่ย"
"ยานี่ดีนะฮะ คุณนาย นอกจากกินแก้อักเสบแล้วยังทำให้แผลสมานตัวเร็ว"
"ทำให้ไม่มีแผลเป็นด้วยใช่มั้ย"
มุ่ยบอก
"แผลนิดเดียวอย่างกับโดนมดกัด ไม่เป็นแผลเป็นหรอก"
"อามุ่ย ออกไปได้แล้ว ให้อาซิ่มอยู่คนเดียวก็พอ"
มุ่ยเดินออกไป ซิ่วเอ็งเปลี่ยนผ้าพันแผลให้เสร็จ ก็ประคองถ้วยยาให้เหมยลี่จิบยาไปทีละนิดๆ
"ฉันได้ยินมาว่า ดอกไม้ก็เอามาทำยาได้ จริงเหรอ ซิ่ม"
"จริงฮ่า อย่างเล่าเอี้ยงฮวย คนไทยเรียกว่า ดอกลำโพง ใบเอามาพอกรักษากลากเกลื้อนได้ แต่ต้องระวังๆไว้ผลของมันมีพิษ เหมือนกับดอกยี่โถ ใบเอามาทำยาบำรุงได้ แต่ถ้ากินมากเกินไป มันจะกลายเป็นยาเบื่อหนู กินแล้วถึงตายเชียว"
เหมยลี่พึมพำ
"ดอกยี่โถใช้ทำเป็นยาบำรุงกำลัง แต่ห้ามกินมากเกินไปใช่มั้ย คุยกับอาซิ่มแล้วได้ความรู้เยอะเชียว วันหลังมีอะไรสงสัย ฉันจะถามใหม่นะ ไปได้แล้ว ไป ขอบใจนะ"
ซิ่วเอ็งค้อมหัวให้ทำเป็นไม่รู้เรื่องว่าถูกหลอกถาม เดินออกไปอย่างสงบเสงี่ยม เหมยลี่จิบยาในถ้วยไปเรื่อยๆจนหมดถ้วย
"ได้ยินหรือยัง หมง"
หมงเดินออกมาจากหลังตู้ที่ซ่อนตัวได้มิดชิด
"ได้ยินแล้ว เธอลงมือได้เลย!"
หมงกับเหมยลี่มองหน้ากันตกลงอย่างไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว
หยกมณีกับอิกเดินมาตามทางด้วยกัน อิกพยายามจะจับมือจะโอบ แต่หยกมณีหลบหลีกได้อย่างแนบเนียนเอามือกอดกระเป๋าบ้าง เอามือลูบผมไปบ้าง โดยไม่ให้อิกได้จูงมือหรือแตะตัวได้
"ถึงบ้านหยกแล้วค่ะ"
อิกกำลังจะก้าวเข้าไปในบ้าน แต่อันโผล่เข้ามาขวางทางไว้ก่อน
"ส่งแค่นี้ก็พอแล้ว"
"ไอ้อัน"
"เฮียมีสิทธิ์อะไรคะ นี่บ้านของหยกนะ"
อันมองอิกอย่างเอาเรื่อง
"ถ้าไม่อยากมีเรื่องก็กลับไป"
"เฮียอิกกลับไปก่อนเถอะค่ะ แล้ววันหลังเราค่อยนัดเจอกันใหม่ เจอกันคราวหน้าเฮียกับหยกคงถึงจุดหมายที่เราต้องการแล้ว เราจะได้มาฉลองด้วยกัน แล้วเจอกันค่ะ เฮียอิก"
หยกมณีโบกมือลาแต่อิกดึงมือหยกมณีมาจูบฟอดใหญ่
"แล้วเจอกัน ... นี่ฉันเห็นแก่หยกหรอกนะ ไอ้อัน"
อิกเดินออกไป หยกมณีแกล้งยืนมองอิกจนเดินลับตาแล้วถึงยอมเดินเข้าบ้าน อันรีบเดินตามไป
หยกมณีเดินเข้ามาในบ้าน,วางกระเป๋าถือ,ทำตัวเหมือนไม่เห็นอันเดินตามเข้ามา อันดึงตัวหยกมณีให้หันมาประจันหน้ากัน
"เมื่อกี้พูดอะไรกับไอ้อิกมัน"
"พูดไป เฮียก็ไม่เข้าใจหรอกค่ะ เพราะจุดหมายในชีวิตอย่างเดียวของเฮียก็คือ ปกป้องชีวิตของนายน้อย"
"ไม่ใช่..จุดหมายของเฮียคือการได้อยู่กับหยกด้วย"
"แต่ไม่ใช่อยู่ด้วยกันแบบนี้ เจอกันเมื่อเฮียอยากเจอเท่านั้น หยกมีจุดหมายใหม่แล้วล่ะค่ะ"
"ไอ้เสี่ยคนใหม่นั่นงั้นเหรอ"
"ผู้ชายที่เฮียเห็น เขาชื่อเสี่ยถิงฟง เขาเป็นเจ้าของร้านอาหารที่ฮ่องกง เขามาจ้างให้หยกไปร้องเพลงที่ร้านเขา ได้ค่าจ้างมากกว่าที่ฉั่วเทียนเหลาสองเท่า เฮียคิดว่า หยกควรจะรับงานนี้มั้ยคะ"
"หยกควรจะตัดสินใจเอง"
หยกมณีมองอันอย่างผิดหวังที่ไม่คิดจะยื้อเธอไว้
"หยกนึกแล้วว่า เฮียจะต้องตอบแบบนี้"
"เฮียไม่สามารถไปกำหนดชีวิตคนอื่นได้ ยิ่งหยกจะไปได้งานที่ดีกว่า มีชีวิตที่ดีขึ้น ถ้าเฮียห้ามหยก เฮียก็จะเป็นคนเห็นแก่ตัว"
"เฮียควรจะห้ามหยก เฮียเลิกเป็นคนดีซะที เฮียต้องรู้จักเห็นแก่ตัว ดึงหยกไว้ให้อยู่กับเฮียให้ได้ ไม่ใช่ทำเหมือนมีหรือไม่มีหยกก็ได้ งั้นก็ดีแล้ว หยกจะไปร้องเพลงที่ฮ่องกง เฮียเคยหนีไปจากหยกแล้ว คราวนี้ขอหยกเป็นคนไปจากเฮียบ้าง แต่หยกจะไม่ใจร้ายใจดำเหมือนเฮีย วันไหนที่หยกไป หยกจะไปบอกลา..ด้วยตัวเอง"
อันนิ่งอึ้งเหมือนถูกทุบหัว หยกมณีน้ำตาซึมอย่างน้อยใจแล้วเดินผละออกไปจากอันทันที
ภายในห้องนอน อาจูในชุดนอนมีเสื้อคลุม เดินเกรงๆเข้ามาในห้อง
ทรงกลดนอนนิ่งอยู่มุมของตัวเอง อาจูกลั้นหายใจเดินช้าๆแล้วล้มตัวลงนอนบนเตียง
อาจูขยับนอนห่างติดขอบเตียงให้ไกลจากทรงกลดที่สุดเท่าที่จะทำได้
"เดี๋ยวก็ได้ตกเตียงหรอก ขยับเข้ามา"
ทรงกลดยื่นมือไปดึงอาจูเข้ามาใกล้โดยที่ยังหลับตาอยู่
ทรงกลดนอนหันหลังให้อาจูและนอนนิ่งๆจนอาจูต้องอึดอัดใจไปเอง
"คุณโกรธฉันเหรอคะ"
"เปล่า"
"ฉันขอโทษนะคะ"
"บอกว่าไม่ได้โกรธ..แค่เสียใจ..นิดหน่อย"
อาจูเอื้อมมือไปอย่างกล้าๆกลัวๆแตะที่แขนของทรงกลด
"ฉันไม่เคยคิดว่าชีวิตของคุณไม่มีค่า"
ทรงกลดพลิกตัวกลับมาทันทีโดยอาจูไม่ทันระวังตัว ทรงกลดดึงอาจูมากอดไว้
"คุณที"
"จริงเหรอ แล้วชีวิตฉันมีค่าแค่ไหน"
"ชีวิตของคุณมีค่ามากกว่าลูกสาวแม่ค้าอย่างฉัน"
"สำหรับฉัน...ชีวิตเธอมีค่าที่สุด อาจู..เธอจะให้ฉันรอไปถึงเมื่อไหร่"
อาจูโต้ตอบทันควันเหมือนกัน
"ฉันง่วงแล้ว"
อาจูขยับตัวหนีออก แต่ทรงกลดยังรั้งอาจูให้อยู่ในอ้อมกอด
"โธ่..อาจู เราควรรีบมีหลานให้ป๊านะ"
"คุณที!"
ทรงกลดทีเล่นแต่คิดจริง
"เผื่อว่าป๊าจะได้เกลียดฉันน้อยลง"
"นายใหญ่ไม่ได้เกลียดคุณหรอกค่ะ ท่านเป็นห่วงและรักคุณ..แล้ววันนึงคุณจะรู้เอง"
"เลิกพูดเรื่องป๊าเถอะ ในชีวิตฉัน..มีเธอคนเดียวก็พอแล้ว...ฉันขอกอดเธอไว้อย่างนี้นะ วันนี้แค่กอดแค่นี้..แต่พรุ่งนี้"
อาจูขยับตัวออก
"จะกอดให้แน่นยิ่งกว่านี้อีก ! รอ..ต้องรอ..รอ..ต่อไป"
ทรงกลดกอดอาจูไว้ในอ้อมกอดและชวดการเข้าหอจริงๆไปอีกหนึ่งคืน
บรรยากาศบ้านทรงกลดในเช้าวันใหม่ คนรับใช้ 2 คนกำลังจัดเตรียมข้าวต้มอยู่
มุ่ยตักยาใส่ถ้วยโดยมีซิ่วเอ็งคอยกำกับอยู่ด้วยสีหน้าปราณี ซิ่วเอ็งดมกลิ่นยาแล้วพยักหน้าว่าใช้ได้ มุ่ยถือถาดใส่ถ้วยยาเดินออกไป
มุ่ยถือถาดใส่ถ้วยยาร้อนฉุยเดินออกมาจากทางครัว เหมยลี่ยืนรออยู่แล้ว รีบก้าวมาดักหน้ามุ่ยไว้
"ยาของนายใหญ่ใช่มั้ย เดี๋ยวฉันเอาไปให้นายใหญ่เอง"
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ"
"ฉันบอกว่า ให้เอายามา"
มุ่ยส่งถาดใส่ถ้วยยาให้กับเหมยลี่ไปอย่างงงๆ
เหมยลี่ถือถาดใส่ถ้วยยาเดินออกไป
เหมยลี่เอาถ้วยยาวางไว้ตรงหน้าตง ปอเพิ่งเข้ามาเอาหนังสือพิมพ์จีนวางไว้ให้
"ยาบำรุงก่อนอาหารค่ะ นายใหญ่ ฝีมืออาซิ่มซิ่วเอ็งค่ะ"
เหมยลี่อดไม่ได้ที่จะจ้องอย่างรอคอย ตงหยิบหนังสือพิมพ์ออกมาอ่านผ่านๆรอบหนึ่ง
"อาซิ่มบอกว่า ต้องดื่มตอนอุ่นๆนะคะ"
ตงยกถ้วยยาขึ้นมาค่อยๆจิบไปทีละนิดๆ
ปอมองเหมยลี่อย่างสงสัยที่ยืนทื่อมองตงดื่มยาอย่างไม่ให้คลาดสายตา เหมยลี่หันมาเห็นปอเลยรู้ตัว รีบลงนั่งแล้วจัดช้อนตะเกียบโน่นนี่บนโต๊ะไป
ตงวางถ้วยยาที่ดื่มจนเกลี้ยง
"รสชาติดีกว่าวันก่อนอีก"
"เรานี่โชคดีจริงๆที่ได้มีหมอยาเก่งๆในบ้าน ต่อไปนายใหญ่จะต้องแข็งแรงไม่แพ้หนุ่มๆเลยนะคะ"
ตงหยิบถ้วยน้ำชามาจิบล้างคอแล้วอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ
ซิ่วเอ็งก้าวออกมาจากมุมที่หลบอยู่แล้วยิ้มอย่างพอใจเพราะรู้ว่าเหมยลี่กำลังวางยาตงอยู่
ที่โรงฝิ่น เล้งวางกำลังจัดแจงยัดฝิ่นใส่กล้องสูบฝิ่นอย่างประณีต อิกกับหมงกำลังรายงานผล
"อย่างที่นายเห็นนั่นแหละครับ ไอ้เสี่ยเคี้ยงมันกลายเป็นเต่าหดหัวไปแล้ว มันหยุดงานทุกอย่างไว้ก่อน ไม่รู้ว่า มันคิดทำอะไร ผมเห็นมันวุ่นอยู่กับเรื่องง้อเมียเก่าอย่างเดียว ผมไม่ไหวแล้วนะ นาย ผมขอกลับมาทำงานกับนายดีกว่าครับ" อิกบอก
"ใจเย็นๆ ถึงเสี่ยเคี้ยงจะทั้งโง่ทั้งขี้ขลาด แต่อย่าลืมว่า มันมีโรงบ่อนโรงฝิ่นไม่ได้น้อยไปกว่าอั๊วเลย แถมบริษัทขายอะไหล่รถอีก ถือได้ว่าแก๊งเต่ามังกรรวยลำดับต้นๆของสมาคมฯเลยทีเดียว แล้วอย่าลืม! อั๊วยังต้องการคะแนนเสียงจากมันอีก ไอ้อิก ยังไงลื้อก็ต้องอยู่ใกล้ๆมันไว้"
"แล้วถ้าทางหากไอ้เสี่ยเคี้ยงมันเอียงเอนไปทางแก๊งเขี้ยวสิงห์ล่ะครับ นาย มีทีท่าว่าจะเป็นไปได้ด้วย เพราะสองแก๊งมันดองกันไปแล้ว เสี่ยเคี้ยงอ่อนให้ไอ้ทรงกลดอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว"
"ถ้าเสี่ยเคี้ยงย้ายข้างเมื่อไหร่ เราคงต้องหาหัวหน้าแก๊งเต่ามังกรคนใหม่"
"แล้วเราจะทำให้ไอ้เสี่ยเคี้ยงสละตำแหน่งยังไงล่ะครับ นาย"
"ไม่เห็นจะยาก ฆ่ามันซะ แล้วลื้อขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งเต่ามังกรแทน!"
อิกงงไปพักนึงแล้วยิ้มกว้างอย่างพอใจแกมโหดเหี้ยมสามารถฆ่าเคี้ยงได้ทุกเมื่อ
"ผมพร้อมทำตามที่นายสั่งทุกเมื่อ"
"แล้วลื้อล่ะ อาหมง มีข่าวดีให้อั๊วบ้างหรือเปล่า"
"ข่าวดีครับ อีกไม่เกินสามวัน ผมจะได้เป็นหัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์อย่างเป็นทางการ"
"เฮียตงยอมตัดใจสละบัลลังก์แล้วเหรอ"
"ป๊าตงไม่ได้สละตำแหน่งเองหรอกครับ ผมเป็นคนที่ทำให้ป๊าต้องสละตำแหน่งให้ผมเอง ป๊าผมแก่มากแล้ว ได้เวลาพักผ่อนแล้วล่ะครับ แล้วอีกไม่นานไอ้ทรงกลดก็จะได้ตามพ่อมันไป!"
เล้งยิ้มอย่างกระหยิ่มใจที่ทางไปสู่นายกสมาคมฯเริ่มจะเป็นจริงแล้ว
จบตอนที่ 7