เลือดมังกร : สิงห์ ตอนที่ 8
ตงกับปอเดินออกมาจากในบ้านเพื่อเดินย่อยอาหารหลังมื้อเย็น เหมยลี่เดินตามหลังมาอย่างกระตือรือร้น
"นายใหญ่คะ เดี๋ยวอย่าลืมกินยาหลังอาหารนะคะ"
"กินยาอะไรเยอะแยะ เมื่อเช้าก็กินไปแล้ว"
"นี่ยาตัวใหม่ค่ะ นายใหญ่ อาซิ่มซิ่วเอ็งบอกว่า ยาตัวนี้ดีมากๆเลยนะคะ"
"อะไรที่น้อยไปหรือมากไป ไม่ดีทั้งนั้น เอาให้มันพอดีๆ จะดีกว่านะครับ คุณเหมยลี่" ปอบอก
เหมยลี่แอบค้อนใส่ปอที่ขัด หมงกลับมาจากข้างนอกเดินเข้ามา
"วันนี้กลับช้านะ" ตงบอก
หมงยิ้มอย่างไม่มีพิรุธ
"ไปโรงงานมาน่ะครับ ป๊า ได้ยินว่า ป๊าไม่ยอมกินยาเหรอครับ กินเถอะครับ ป๊า ยาบำรุงทั้งนั้น ผมยังว่าจะขอให้อาซิ่มซิ่วเอ็งช่วยจัดยาให้เลย"
ทรงกลดกับอันกลับจากทำงานเดินเข้ามาแล้วต้องชะงักที่เห็นทุกคนอยู่พร้อมหน้าโดยเฉพาะหมงและเหมยลี่ที่ทำเหมือนไม่มีเรื่องอื้อฉาวเกิดขึ้น
ทรงกลดกับตงมองหน้ากันอย่างหมางเมินทั้งคู่
ตงรู้สึกผิดเหมือนกันที่ทำรุนแรงกับทรงกลด
ทรงกลดเรียกด้วยน้ำเสียงห่างเหิน
"ป๊า..แปะปอ"
"เดี๋ยวผมเรียกเด็กตั้งโต๊ะให้นะครับ" ปอบอก
"ไม่ต้องครับ ผมกับอาอันจะไปกินที่ตึกเล็ก"
"จะมีซักวันมั้ยที่ลื้อจะอยู่กินข้าวกับครอบครัว" ตงถาม
"ถ้าครอบครัวของป๊าหมายถึงสองคนนั่นด้วยล่ะก็"
ทรงกลดจ้องมองหมงกับเหมยลี่อย่างรังเกียจ
"คำตอบของผมก็คือ ไม่มีวัน"
อันได้แต่มองทรงกลดอย่างปรามๆ ทรงกลดเดินลิ่วๆออกไป ปอพยักหน้ากับอันให้ตามไป
"ไอ้ลูกคนนี้"
ตงมองตามทรงกลดอย่างไม่รู้จะจัดการยังไงแล้ว หมงมองสองพ่อลูกที่บาดหมางใจอย่างสาแก่ใจ
อาจูกับเว่ยเดินเข้ามาหาทรงกลดกับอันที่รออยู่
เว่ยเริงร่า
"เชิญครับ เฮีย อาหารเย็นพร้อมแล้ว"
ทรงกลดหันไปมองอาจูที่มีสีหน้าไม่สบายใจนัก
"มีอะไรก็พูดมา"
"คุณทำอย่างนี้จะทำให้นายใหญ่ไม่สบายใจนะคะ"
"ที่ฉันต้องทนอยู่บ้านเดียวกับคนพวกนั้น ฉันก็กล้ำกลืนฝืนใจมากแล้ว ฉันทำตามที่ป๊าขอไม่ได้หรอก"
"อาม้าไม่สบายใจน่ะค่ะ ตั้งแต่ฉันแต่งงานเข้าบ้าน ฉันไม่ได้ทำหน้าที่สะใภ้เลย.. ตามธรรมเนียมแล้ว..ฉันมีหน้าที่ดูแลครอบครัวของคุณ"
"ไม่จำเป็น! ป๊าก็มีเหมยลี่แล้ว เธอดูแลฉันคนเดียวก็พอ"
"คุณจูไม่ต้องคิดมากไปหรอกครับ ตั้งแต่กลับมาอยู่ที่บ้านนี้ นายน้อยแทบจะไม่เคยกินข้าวที่บ้าน เรื่องกินข้าวร่วมโต๊ะกับนายใหญ่..ลืมไปได้เลย"
"ไม่ได้นะคะ คุณทำอย่างนี้ คุณกับนายใหญ่ก็จะยิ่งห่างเหินกัน ปัญหาเรื่องคุณหมงกับคุณเหมยลี่วางไว้ก่อนไม่ได้เหรอคะ ไม่ใช่ความผิดของนายใหญ่นะคะที่ไม่เชื่อคุณ"
เว่ยตาโตยืนฟังแต่ไม่เข้าใจว่าผู้ใหญ่เขาคุยอะไรกัน
"ฉันนึกว่า เธอจะเข้าใจฉันซะอีก ถ้าฉันทำให้ทุกคนไม่สบายใจล่ะก็ ฉันไปกินข้าวที่อื่นแล้วกัน"
ทรงกลดจะเดินออกแล้วนึกได้หันมาหาอาจู
"เธอไม่ต้องห่วงว่าไม่ได้ทำหน้าที่ลูกสะใภ้ที่ดีหรอก ห่วงเรื่องที่เธอไม่ได้ทำหน้าที่ภรรยาได้อย่างครบถ้วนจะดีกว่า"
ทรงกลดเดินออกไปอย่างหงุดหงิดใจ
"ช่วงนี้นายน้อยมีปัญหาเข้ามาล้อมหลายด้าน หวังคุณจูจะเข้าใจนะครับ"
อันเดินตามทรงกลดไป อาจูมองตามอย่างอ่อนใจ
"ช่วงนี้ขี้งอนยิ่งกว่าผู้หญิง"
"ก็แจ้จูไม่เข้าข้างเฮียทรงกลด เฮียเค้าก็ต้องงอนสิ ถ้าเฮียเค้ากลับมา ก็ต้องรีบง้อนะ ไม่งั้นเฮียทรงกลดออกไปกินข้าวนอกบ้านทุกวัน คนที่แย่จะเป็นแจ้นั่นแหละ"
อาจูเริ่มกลุ้มใจกับอาการขี้หงุดหงิดของทรงกลด
อันรินเหล้าให้กับทรงกลดที่ยังขุ่นใจอยู่
"คุณจูเค้าหวังดีน่ะครับ นายน้อย"
"ฉันรู้น่า ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า หมู่นี้ทำไมฉันหงุดหงิดง่ายนัก"
"คงเป็นเพราะเรื่องที่คุณจูยังทำหน้าที่ภรรยาไม่ครบถ้วนมั้งครับ"
ทรงกลดเสียหน้า
"ไอ้อัน"
อันขำ
"ผมเดาเอานะเนี่ย เรื่องจริงหรือครับ" อันแกล้งทำเสียงเบาลง "นี่นายน้อยกับคุณจูยังไม่เข้าหอกันจริงๆหรือครับ"
"ยุ่งเรื่องคนอื่น เรื่องตัวเองยังเอาตัวไม่รอด ยังไงอาจูก็ต้องเป็นของฉันซักวัน แต่แกสิ..."
ทรงกลดพยักหน้าให้อันมองตาม หยกมณีกับอิกเดินเข้าร้านมาด้วยกัน
"ถ้าตัดสินใจไม่ได้ซักที แกจะต้องเสียผู้หญิงของแกไป!"
อันหันไปมองหยกมณีอย่างเจ็บหัวใจจี๊ดๆ
หยกมณีกับอิกนั่งลงอีกโต๊ะที่ห่างออกไปโดยไม่สนใจที่จะมองมาที่อัน
อันได้แต่จ้องมองหยกมณีที่ดูเหมือนจะกลายเป็นคนแปลกหน้ากันไปแล้ว
หยกมณีส่งเมนูเล่มหนึ่งให้อิก แล้วเปิดดูเมนูที่อยู่ในมือ
"วันนี้เฮียอยากกินอะไร สั่งได้เต็มที่ หยกเลี้ยงเอง"
"หยกจะไปจริงๆเหรอ"
อิกดึงมือหยกมณีมากุมไว้
"ไม่ไปไม่ได้เหรอ หยกไม่อยู่นี่ เฮียคิดถึงแย่เลย"
หยกมณีกำลังจะดึงมือกลับแต่ปรายตาไปเห็นอันจ้องมองมา ก็เลยยอมให้อิกกุมมือต่อ
"เฮียจะคิดถึงหยกไปได้นานแค่ไหนเชียว นักร้องใหม่ที่จะมาแทนหยกน่ะ ทั้งสวยกว่าสาวกว่า..แล้วเดี๋ยวทุกคนก็จะลืมหยกไปเอง"
หยกมณีพูดกับอิกแต่ตามองไปที่อันแล้วหักใจหันกลับมาที่อิก
"เฮียไม่มีวันลืมหยก เฮียจะต้องทำยังไง หยกถึงจะไม่ไป ถ้าหยกเดือดร้อนเรื่องเงิน เฮียช่วยได้นะ"
"เฮียช่วยหยกไม่ได้หรอกค่ะ หยกอยากเริ่มชีวิตใหม่"
"หยกเริ่มชีวิตใหม่กับเฮียที่เมืองไทยก็ได้นี่..แต่งงานกับเฮียนะ หยก"
อิกจับมือและมองหยกมณีอย่างเว้าวอน
ทรงกลดตบไหล่อันเพื่อเรียกสติ
"เฮ้ย ! อยู่เฉยได้ไงวะ รีบไปเอาผู้หญิงของแกคืน"
"หยกเลือกทางเดินใหม่แล้ว ผมคงห้ามเค้าไม่ได้"
"แกห้ามได้ แต่แกเลือกที่จะไม่ทำ"
ทรงกลดจ้องหน้าอันอย่างรู้ใจและเข้าใจดีถึงความภักดีต่อหน้าที่ของอัน
"อาอัน! แกมีสิทธิ์เลือกทางเดินชีวิตของแกเหมือนกัน"
"หน้าที่ของผมต้องมาก่อน"
"หน้าที่ของแกในตอนนี้คือดูแลหยกมณี... ฉันไม่เคยเห็นแกเป็นแค่ลูกน้อง แกเป็นทั้งพี่ทั้งเพื่อน นับตั้งแต่วันนี้ไม่มีใครมีหน้าที่ต้องคุ้มครองใคร แต่เราจะดูแลกันเหมือนคนในครอบครัว"
"ถ้าหากนายน้อยคิดจะชิงตำแหน่งหัวหน้าแก๊งจากคุณหมง นายน้อยก็จะยิ่งตกอยู่ในอันตราย""ฉันระวังตัวอยู่แล้ว แกไม่ต้องห่วง ห่วงตัวเองเถอะ อย่าปล่อยให้ผู้หญิงที่แกรักหลุดมือไป"
อันหันไปมองหยกมณีที่โดนอิกยึดมือไว้แน่น
"ไม่อย่างนั้นสิบปีที่รอคอยกันมาก็สูญเปล่า"
อันคิดหนัก
หยกมณีดึงมือออกจากอิก
"เฮียอย่ามาพูดเล่น เดี๋ยวหยกเอาจริงหรอก"
"เฮียพูดจริง เฮียอยากแต่งงานกับหยกจริงๆ"
อันเดินมาหาหยกมณี ทันได้ยินประโยคสุดท้ายที่อิกขอหยกมณีแต่งงาน
"หยก..เฮียมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย"
"เราไม่มีอะไรจะพูดกันแล้ว อะไรที่อยากพูด หยกก็พูดไปหมดแล้ว"
หยกมณีลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับอัน
"เราสองคนไม่มีอะไรต่อกันแล้ว ไปกันเถอะค่ะ เฮียอิก"
หยกมณีเดินลิ่วๆออกไป อิกลุกขึ้นมองอันอย่างเหนือกว่า อิกตบไหล่อันอย่างกวนๆ
"ตัดใจซะเถอะวะ ผู้หญิงเค้าเลือกแล้ว"
อิกเดินตามหยกมณีอย่างสะใจยิ่งนัก อันยืนอึ้ง
ทรงกลดดื่มเหล้าไม่หยุดอยู่ที่โต๊ะ อันเดินหน้าจืดเข้ามาด้วยท่าทางเสียความมั่นใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อันนั่งจ่อมลงแล้วคว้าแก้วเหล้ามาดื่มอั๊กๆเหมือนดื่มน้ำเปล่า ทรงกลดยิ้มขำไม่เคยเห็นอันจ๋อยอย่างนี้มาก่อน
ทรงกลดรินเหล้าให้อันและให้ตัวเองด้วย ทั้งสองยกแก้วเหล้าขึ้นชนกัน
"ดื่มให้อะไรดีวะ"
"ดื่มให้ผู้ชายขี้ขลาดสองคน"
ทรงกลดชะงักโวยวาย
"ฉันน่ะเหรอขี้ขลาด ฉันไม่ได้ปล่อยให้ผู้หญิงโดนแย่งไปต่อหน้าต่อตาเหมือนแก"
"แต่งงานแล้วเหมือนไม่ได้แต่ง ไม่เรียกว่าขี้ขลาดหรือครับ หรือเรียกว่าไม่เอาไหนดี"
อันเริ่มมึนๆจนกล้าหยอกนายแรงๆ ทรงกลดเริ่มมึนๆแล้วเหมือนกัน
"แกไปชิงหยกกลับมาเป็นของแกให้ได้ ส่วนฉันกับอาจูคืนนี้รู้กัน! แล้ว มาดูซิว่า ใครขี้ขลาดกันแน่!"
"ได้เลย!"
ทรงกลดกับอันชูกำปั้นแล้วเอากำปั้นชนกันเป็นการรับคำท้า
หยกมณีเดินน้ำตาซึมออกมาจากทางฉั่วเทียนเหลา อิกเดินตามมาโอบไหล่หยกมณีไว้ หยกมณีเมินหน้ารีบเช็ดน้ำตา ใจยังคงตัดขาดจากอันไม่ได้
"หยก..เรื่องแต่งงาน เฮียพูดจริงๆนะ"
หยกมณีปัดมืออิกที่โอบตัวให้พ้นออกไป
"เฮียถามตัวเองก่อนเถอะ ที่เฮียขอแต่งงานกับหยกเพราะอะไร"
อิกพูดลื่นไหล
"ก็เพราะเฮียรักหยกไง"
"เฮียรักหยกหรือแค่อยากเอาชนะเฮียอัน"
อิกนิ่งชะงักไปทันทีเพราะสิ่งที่หยกมณีมีส่วนถูก
อิกยังดึงดันพร่ำเพ้อ
"เฮียรักหยกจริงๆ!"
หยกมณีลองใจ
"ถ้างั้นเฮียก็ต้องตามไปอยู่กับหยกที่ฮ่องกง"
อิกมั่วๆไปก่อน
"เออ..ยังไงก็ได้ เฮียแล้วแต่หยกเลย แต่เราต้องรีบแต่งงานกันก่อนที่หยกจะไปฮ่องกง เฮียจะจัดงานแต่งของเราให้ใหญ่โตให้ดังสนั่นเมืองเลย"
หยกมณีรู้ทัน
"เฮียจะใช้โอกาสนี้เยาะเย้ยเฮียอันใช่มั้ยล่ะ หยกเป็นแค่เครื่องมือแก้แค้นของเฮียเท่านั้น คนอย่างเฮียไม่มีทางทิ้งแก๊งของตัวเองไปได้ ที่ขอแต่งงานกับหยกก็เพื่อหักหน้าเฮียอัน"
"เฮียชอบหยกจริงๆ"
"แต่หยกไม่ได้คิดอะไรกับเฮียเลย ส่งหยกแค่นี้ก็พอค่ะ"
อิกกระชากตัวหยกมณีไว้
"เธอก็ใช้ฉันเป็นเครื่องมือเหมือนกัน"
"ค่ะ เราสองคนไม่ต่างกันเลย เราอยากให้เฮียอันต้องเจ็บปวด แต่หยกขอหยุดไว้แค่นี้ หมดเวลาที่จะเล่นสนุกกับชีวิตคนอื่นแล้วค่ะ"
หยกมณีมองมืออิกที่กำแขนเธอไว้แน่นแล้วจ้องหน้าอิกอย่างเอาจริง
"ปล่อยค่ะ ถ้าหยกร้องเรียกให้คนช่วย เฮียจะเสียหน้านะ"
อิกได้แต่ฮึดฮัดปล่อยหยกมณีให้เดินออกไป อิกที่ผิดหวัง
หยกมณีเดินมาตามทางอย่างหงอยเหงา เดินสวนกับเด็กถือตะกร้าขายดอกกุหลาบ
หยกมณีมองดอกกุหลาบแล้วอดคิดถึงอันไม่ได้
หยกมณีเดินเศร้าต่อไป เด็กขายดอกไม้วิ่งกลับมาที่หยกมณีแล้วยื่นดอกกุหลาบให้
"ให้ฉันเหรอ"
เด็กขายดอกไม้ยัดดอกกุหลาบให้หยกมณีโดยไม่พูดไม่จาแล้ววิ่งปรู๊ดออกไป
หยกมณีมองดอกกุหลาบในมือแล้วเดินต่อไปอย่างอ้างว้างโดดเดี่ยว
อาจูนั่งรอทรงกลดจนหลับสัปหงกต้องสะดุ้งตื่นเพราะมุ่ยมาสะกิดเบาๆ
"นายหญิงฮ่ะ นายหญิง"
เหมยลี่กำลังเดินผ่านไปสะดุดหูทันที
"แกเรียกใครนายหญิง"
เหมยลี่มองอาจูอย่างเอาเรื่อง
"เธอสั่งให้อามุ่ยเรียกเธอว่านายหญิงงั้นเหรอ"
"เปล่าค่ะ ฉันไม่เคยสั่ง"
เหมยลี่พูดกับมุ่ย
"งั้นแกสะเออะเรียกเองงั้นสิ"
มุ่ยตอบโดยซื่อ
"ก็คุณจูเป็นเมียของนายน้อย เรียกว่านายหญิงไม่ถูกเหรอฮ่ะ"
"บ้านนี้มีฉันเป็นนายหญิงคนเดียวเท่านั้น"
มุ่ยทื่อๆ
"แต่ก็ไม่เห็นมีใครเรียกคุณเหมยลี่ว่านายหญิงเลยนี่ฮ่ะ"
"นังมุ่ย!"
"ฉันขอโทษแล้วกันนะคะ ที่ทำให้คุณเหมยลี่ไม่สบายใจ ขอโทษจริงๆค่ะ"
เหมยลี่รู้สึกเหนือกว่าอาจูได้ก็มีสีหน้าดีขึ้น
"แล้วมาทำอะไรดึกๆดื่นๆอย่างนี้ อ้อ ! นายน้อยคงยังไม่กลับบ้านสินะ น่าแปลก..นึกว่าแต่งงานแล้วนายน้อยจะเปลี่ยน แต่นั่นแหละคนเคยเที่ยวจะให้หยุดง่ายๆได้ยังไง ทำใจหน่อยนะ อาจู ผู้ชายก็อย่างนี้แหละ ถึงมีอาหารเหลารออยู่ที่บ้าน แต่ก็อดไปกินของข้างทางไม่ได้"
อาจูนิ่งอดกลั้นไม่ตอบโต้ เหมยลี่ใส่ไฟจนพอใจแล้วเดินออกไป
"นายน้อยกลับดึกอย่างนี้บ่อยมั้ย อามุ่ย"
"ก็บ่อยนะฮ่ะ มีเรื่องทะเลาะกับนายใหญ่ทีไร ก็กลับดึกทุกทีหรือบางทีก็ไม่กลับบ้านเลย นี่คงมีเรื่องกับนายใหญ่อีกมั้งฮ่ะ"
อาจูนิ่งอึ้งคราวนี้ทรงกลดมีเรื่องกับเธอไม่ใช่กับนายใหญ่
หยกมณีถือดอกกุหลาบเดินมาถึงหน้าบ้านแล้วต้องชะงัก ตะกร้าดอกกุหลาบจากเด็กขายดอกไม้ แขวนอยู่หน้าบ้าน อันก้าวเดินเข้ามาให้หยกมณีเห็น
"เฮียอัน"
หยกมณีมองอันอย่างคาดไม่ถึง
หยกมณีเดินนำเข้ามาในบ้านแล้ววางดอกกุหลาบลงบนโต๊ะอย่างไม่แยแส อันถือตะกร้าดอกกุหลาบตามเข้ามาอย่างง้องอน
"หยก"
"หยกบอกแล้วไงว่า เราไม่มีอะไรจะพูดกันแล้ว"
อันวางตะกร้าดอกกุหลาบแล้วเข้าไปรวบตัวหยกมณีมากอดไว้
"ปล่อย"
"หยกพูดทุกอย่างที่อยากพูดแล้ว ทีนี้ให้เฮียพูดบ้าง"
"ปล่อย ! หยกไม่อยากฟัง เฮียก็พูดแบบเดิมๆ เฮียทำทุกอย่างได้เพื่อหยก - เฮียมาหาหยกได้ทุกเมื่อที่หยกต้องการ แต่สุดท้ายเฮียไม่เคยทำตามที่พูดได้เลย"
"แต่คราวนี้เฮียทำได้แน่ ถ้าเฮียทำตามที่พูดไม่ได้ ขอให้มีอันเป็นไป"
หยกมณีดิ้นรนจากอ้อมกอดของอันต้องหยุดชะงักทันทีแล้วเอามือปิดปากอันไว้
"อย่าพูดแบบนี้! หยกไม่ชอบ"
"แต่เรื่องที่หยกจะไปทำงานที่ฮ่องกง เฮียไม่ห้ามหรอกนะ"
หยกมณีผลักอันออกไปอย่างเสียใจ
"แต่ถ้าหยกจะแต่งงานกับไอ้อิกล่ะก็ ข้ามศพเฮียไปก่อน"
หยกมณีหันกลับมามองอันอย่างดีใจที่ยังรู้จักหวงเธอ
หยกมณียังทำงอน
"ชีวิตของหยก เฮียยุ่งอะไรด้วย"
"เราสองคนเป็นของกันและกันแล้วนะ หยก"
อันดึงหยกมณีเข้ามากอดอีกครั้ง คราวนี้หยกมณีอ่อนลงให้
"ไม่ต้องมาพูดให้ดูดี หยกเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งของเฮียเท่านั้น"
"หยกเป็นผู้หญิงคนเดียวของเฮีย"
หยกมณีทำจมูกฟุดฟัด
"นี่เหล้าพูดหรือเฮียอันพูด"
"เฮียไม่ได้เมา แต่เจ้านายเฮียไม่รู้จะถึงบ้านหรือเปล่า"
หยกมณีแปลกใจ
"เฮียไม่ได้ไปส่งนายน้อยเหรอคะ"
"เฮียยังไม่บอกเหรอว่า เฮียถูกไล่ออกแล้ว"
อันยิ้มอย่างมีความสุขขัดกับคำพูดอย่างมาก
อาจูเริ่มวุ่นวายใจจนต้องเดินไปเดินมา มุ่ยถือถ้วยน้ำชามาวางไว้ให้
"นายหญิงไปนอนเถอะ ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวนายน้อยก็กลับ"
อาจูเตือน
"อามุ่ย"
"ขอโทษฮ่ะ ขอโทษ ไม่รู้เป็นไง อยู่ๆก็ติดปากเรียกนายหญิง ก็คุณจูเหมาะเป็นนายหญิงจริงๆนี่ฮ่ะ"
ทรงกลดเดินเป๋ไปเป๋มาเข้ามา
"คุณที"
อาจูเข้าไปประคองทรงกลดก่อนที่จะทรุดฮวบลงไป
"อามุ่ยมาช่วยกันหน่อย"
มุ่ยมองทรงกลดเมากลับมาอย่างแปลกใจแล้วรีบเข้าช่วยอาจูประคอง
"กลิ่นเหล้าหึ่งเลย"
อาจูกับมุ่ยประคองตัวทรงกลดเดินออกไป
อาจูกับมุ่ยหิ้วปีกทรงกลดเข้ามาแล้วทิ้งตัวเขาลงนอนแผ่บนเตียง อาจูกับมุ่ยมองทรงกลดที่ยังครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่
"ทิ้งไว้อย่างนี้ไม่ได้นะฮ่ะ คุณจู ดื่มหนักมาอย่างนี้ พรุ่งนี้ได้ปวดหัวตายเลย"
"แล้วทำไงดีล่ะ"
"ต้มยาให้กินแก้สร่างเมาตอนนี้ก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยกินยาบำรุงอีกมื้อ รับรองนายน้อยได้กระชุ่มกระชวยเหมือนไม่ได้ไปกินเหล้ามาเลยฮ่ะ"
"นั่นสิ ถ้าพรุ่งนี้ตื่นไปทำงานไม่ไหว นายใหญ่ได้ตำหนิแน่ ตอนนี้ฉันไม่อยากให้มีเรื่องต้องทะเลาะกันเลย รบกวนอามุ่ยช่วยต้มยาให้หน่อยนะ"
"ได้ฮ่ะ นายหญิง"
มุ่ยเดินออกไปโดยอาจูไม่ทันจะทัดทานที่เรียกนายหญิง อาจูมองทรงกลดที่นอนอย่างหมดสภาพอยู่บนเตียง
หยกมณียังคงทำหน้าไม่เชื่อเรื่องที่อันถูกไล่ออก แต่อันพยักหน้าหนักแน่นว่าพูดเรื่องจริง
"หยกไม่อยากจะเชื่อ"
"เฮียยังทำงานที่บริษัทเหมือนเดิม แต่ไม่ต้องอยู่กับนายน้อยตลอดเวลาแล้ว"
"แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นกับนายน้อยล่ะคะ"
"ตกลงหยกจะเอายังไงเนี่ย"
"หยกเป็นห่วงนายน้อย เฮียอันฝีมือดีที่สุดแล้ว มีเฮียคนเดียวที่คุ้มครองนายน้อยได้ ยิ่งตอนนี้เป็นช่วงเปลี่ยนของสมาคมเลือดมังกร ทายาทหัวหน้าแก๊งทุกคนอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัย"
อันดึงหยกมณีมากอดไว้
"เพราะอย่างนี้เฮียถึงรักหยก หยกนึกถึงคนอื่นเสมอ"
"หยกเป็นคนเห็นแก่ตัวต่างหาก หยกอยากได้เฮียเป็นของหยกคนเดียว"
"แต่หยกก็ยังอดห่วงนายน้อยไม่ได้ งั้นเฮียขอเวลาสามเดือน เฮียขอช่วยนายน้อยได้ขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์ก่อน เมื่อทุกอย่างลงตัวเมื่อไหร่ เฮียจะยกชีวิตทั้งชีวิตให้หยกไปเลย"
"สามเดือน"
"ช้าไปงั้นเหรอ"
"เร็วไปต่างหาก แล้วหยกจะเตรียมงานแต่งงานทันได้ยังไง"
อันหยอก
"นี่เฮียขอหยกแต่งงานแล้วเหรอ"
"ใช่ค่ะ หยกถือว่า นี่เป็นการขอแต่งงานของเฮีย"
"งั้นเราก็เข้าหอกันได้แล้วสิ"
อันอุ้มหยกมณีขึ้นทันทีอย่างไม่ให้ตั้งตัว
"เฮียอัน"
อันยิ้มกริ่มอุ้มหยกมณีออกไป
อาจูประคองทรงกลดขึ้นมาเพื่อให้ดื่มยาชามใหญ่ ทรงกลดเบือนหน้าหนีทั้งๆที่ยังหลับตาอยู่
"ไม่เอา ทั้งเหม็นทั้งขม"
"ยังไงก็ต้องดื่มค่ะ ดื่มให้หมดด้วย"
ทรงกลดยังดื้อปิดปากแน่นจนอาจูต้องหยิกเอวอย่างแรง
"โอ๊ย"
ทรงกลดเปิดปากร้องปั๊บ อาจูกรอกยาใส่ปากทรงกลดอย่างรวดเร็วจนเกือบสำลัก
"คนใจร้าย!"
"เมากลับมาอย่างนี้ก็ต้องเจอยาขมๆแบบนี้"
อาจูผละออกมาอย่างเร็วจนทรงกลดคว้าตัวไว้ไม่ทัน
"ยานี่กินแล้วจะรู้สึกร้อนๆข้างในนะคะ"
"ร้อนจริงๆด้วย"
ทรงกลดถอดเสื้อโยนทิ้งเหลือแต่เสื้อกล้ามข้างใน อาจูยื่นผ้าขนหนูให้ทรงกลด
"เช็ดตัวซะหน่อยก็จะดีขึ้นเอง"
"เช็ดตัวให้หน่อยสิ"
ทรงกลดนั่งนิ่งๆอย่างดื้อๆ จนอาจูต้องยอมเช็ดตัวให้ทรงกลด เขาหรี่ตามองอาจูที่เช็ดตัวให้อย่างตั้งอกตั้งใจแต่ก็ระวังตัวอยู่ อาจูเผลอแป๊บเดียวก็โดนทรงกลดดึงตัวมากอดไว้
"ร้อนไม่ใช่เหรอคะ"
"ร้อน..ร้อนรุ่มอยู่ข้างใน..นี้"
ทรงกลดดึงมืออาจูมาแตะที่อกด้านซ้ายตรงที่หัวใจ
"ทำไมเธอถึงใจแข็งกับฉันอย่างนี้"
"แล้วทำไมคุณถึงใจร้อนนักล่ะคะ ฉันพูดผิดนิดเดียวก็โกรธปึงปัง"
"ฉันขอโทษ..ฉันจะไม่ทำตัวแบบนี้อีกแล้ว ยกโทษให้ฉันนะ..นะ..อาจู"
ทรงกลดกอดอาจูอย่างออดอ้อน
มุ่ยถือถาดใส่ชามยาจีนเดินมาถึงหน้าห้องนอน มุ่ยแง้มประตูมองเข้าไปเห็นทรงกลดกำลังกอดอาจูงอนง้ออยู่
"ไม่ต้องกินยาอีกแล้วล่ะมั้ง ได้ยาดีแล้วนี่"
มุ่ยเดินยิ้มออกไปอย่างรู้งาน
อาจูยังทำเฉยเหมือนไม่ได้ยินที่ทรงกลดขอให้ยกโทษให้ อาจูแตะหน้าผากทรงกลด
"ตัวไม่ค่อยร้อนแล้ว รู้สึกดีขึ้นแล้วใช่มั้ยคะ"
อาจูเบี่ยงตัวออกจากอ้อมกอดของทรงกลด แต่ทรงกลดยังดึงมืออาจูยื้อไว้ได้
"อาจู"
"ยกโทษให้ก็ได้ค่ะ ต่อไปก็ห้ามดื่มเหล้าจนเมาไม่ได้สติแบบนี้อีก"
"ได้..เธอให้ฉันทำอะไร ฉันทำให้ได้ทั้งนั้น"
อาจูได้โอกาสรีบนึกใหญ่
"ห้ามใจร้อน ห้ามเอาแต่ใจตัวนัก ต้องรู้จักฟังคนอื่น แล้วก็ต้องดีกับนายใหญ่ให้มาก"
ทรงกลดชะงัก
"ข้อสุดท้ายนี่..ขอคิดดูก่อน"
อาจูอ่อนใจ
"คุณที"
"ฉันทำดีแค่ไหน ป๊าก็ไม่เคยเห็นความดีของฉัน ยิ่งไปกล่าวหาลูกรักของป๊า ป๊าก็คงยิ่งเกลียดฉัน ป๊าทำทุกวิถีทางให้ฉันออกไปจากบ้านนี้...ป๊าไม่เคยเห็นฉันเป็นลูก"
อาจูใจอ่อนยวบเมื่อเห็นทรงกลดขมขื่นใจกับพ่อตัวเอง
"แต่เพื่อเธอ..ฉันจะพยายาม ทำตัวเป็นลูกที่ดีกว่านี้"
"แล้วซักวันคุณกับนายใหญ่จะต้องเข้าใจกันค่ะ คุณที"
ทรงกลดดึงอาจูเข้ามากอด อาจูเริ่มใจอ่อนแล้วไม่ขัดขืนยอมให้ทรงกลดเพื่อให้กำลังใจ
"ฉันไม่รู้ว่า วันนั้นจะมาถึงหรือเปล่า แต่ฉันก็ยังโชคดีที่วันนี้ฉันมีเธอ..อาจู เธอจะขอให้ฉันทำอะไร กี่ร้อยข้อก็ได้ แต่ฉันขอเธอเพียงอย่างเดียว"
ทรงกลดกอดอาจูแน่นขึ้นไปอีก ก้มหน้าใกล้หน้าอาจูลมหายใจรดแก้มอาจูเบาๆ
"รู้ใช่มั้ยว่า ฉันจะขออะไร"
อาจูเบนหน้าหนีอย่างขวยเขิน..
"เราแต่งงานกันแล้วนะ"
อาจูอ้อมแอ้มๆ พูดไม่ออกที่อาจูยินยอมที่จะเป็นของทรงกลดแล้ว
"อาจู"
ทรงกลดพาอาจูไปนอนลงที่เตียงอย่างนุ่มนวล, ทรงกลดก้มลงมองใกล้ๆ ตาสบตากัน
"ลูกคนแรกของเราลูกสาวหรือลูกชายดี"
อาจูยิ่งเขินอาย
"คุณที"
ทรงกลดก้มลงจูบอาจูอย่างมีความสุขจนล้นปรี่ ที่สุดก็ได้เข้าหอกับอาจูอย่างสมหวัง..
เลือดมังกร : สิงห์ ตอนที่ 8 (ต่อ)
บ้านทรงกลดในบรรยากาศเช้าวันใหม่ที่สดใส ทรงกลดกับอาจูที่นอนกอดกันอยู่บนเตียง
อาจูค่อยๆตื่นขึ้นแล้วพบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของทรงกลด เหมือนโลกใหม่ที่ทั้งคู่เคียงข้างกัน
อาจูยื่นหน้าไปมองทรงกลดใกล้ๆเช็คว่าแกล้งหลับหรือเปล่า แต่ทรงกลดยังหลับตานิ่งอยู่
เธอมองหน้าหล่อใจละลายของทรงกลดเพลิน
"มองอะไร"
อาจูสะดุ้งเมื่อจู่ๆทรงกลดก็ลืมตาตื่นขึ้นแล้วยื่นหน้าไปจนจมูกทั้งสองแทบชนกัน
"เปล่าค่ะ...ไม่ได้มองซักหน่อย"
อาจูถอยห่างออกมาอย่างเก้อเขิน
"อยากมอง..ก็มามองใกล้ๆ มา"
ทรงกลดดึงอาจูเข้ามากอดอย่างมีความสุข
"สายแล้วนะคะ"
"ยังเช้าอยู่เลย วันนี้ฉันโดดงานดีกว่า"
"ไม่ดีค่ะ"
"ฉันขอนอนกอดเมียซักวันไม่ได้เหรอ"
อาจูเก้อเขินกับคำว่าเมียของทรงกลดที่พูดได้อย่างลื่นปาก
"ไม่ได้ค่ะ ลุกขึ้นค่ะ เร็วๆ"
ทรงกลดกอดอาจูไว้ แต่อาจูพยายามผลักทรงกลดออกไป ยื้อกันไปมาขลุกขลักกันใต้ผ้าห่ม
แต่ที่สุดอาจูก็แพ้แรงทรงกลดโดนทรงกลดจับตัวกดลงบนเตียง
"ห้านาที! ขอแค่ห้านาทีเท่านั้น"
ทรงกลดกอดอาจูไว้จนได้ อาจูแพ้สู้แรงไม่ได้ยังไงก็ต้องยอมให้กอด
อาจูยอมให้ทรงกลดกอดนิ่งๆ มือไล้ผมยาวสวยของอาจู
"ฉันอยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้จริงๆ"
ทรงกลดหอมแก้มอาจูอย่างชื่นหัวใจ
ในครัว หม้อยาสมุนไพรที่กำลังเดือดพล่านอยู่บนเตา ซิ่วเอ็งยกหม้อยามาเทใส่ชามโดยมีผ้าขาวกรองไว้ชั้นหนึ่ง
เหมยลี่ยืนมองซิ่วเอ็งต้มยาอย่างพอใจ
"ยาตัวใหม่นี่ดีจริงๆใช่มั้ย"
"ดีสิ ไม่ดีอั๊วไม่แนะนำหรอก นายใหญ่ชอบสูดยานัตถุ์ มันไม่ดีต่อปอด ทำให้ไอบ่อยๆ กินยาหม่าฮวงนี่จะช่วยแก้ไอแล้วก็แก้หวัดได้ด้วย แต่อั๊วต้องเป็นต้มเองเท่านั้น"
ซิ่วเอ็งหันไปสำทับมุ่ยที่ยืนเป็นลูกมือให้อยู่
ซิ่วเอ็งเตือนเหมือนหวังดี
"ยาหม่าฮวงนี่ใช้ผิดนิดเดียว..ถึงตาย"
"ยาแปลกๆอย่างนี้ อั๊วไม่กล้าต้มเองหรอก"
เหมยลี่เผลอยิ้มอย่างดีใจที่ได้ยินคำยืนยันว่าถึงตาย
ซิ่วเอ็งสังเกตเห็นสีหน้าหมายมาดของเหมยลี่ แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้
"ต้มเสร็จแล้วใช่มั้ย ฉันเอาไปให้นายใหญ่เอง"
เหมยลี่รีบวางพัดแล้วเข้ามาแย่งชามยาก่อนที่มุ่ยจะทันยกไป เธอวางชามยาลงบนถาดแล้วรีบยกออกไปโดยเร็ว มุ่ยมองตามเหมยลี่อย่างแปลกใจยิ่งขึ้นทุกทีๆ
"แปลก! เมื่อก่อนงานบ้านงานครัวไม่เคยแตะ แต่นี่มากำกับดูคุณซิ่วเอ็งต้มยาทุกมื้อเลย"
"นายใหญ่มีอายุแล้ว คุณเหมยลี่ก็คงเป็นห่วงตามประสาเมีย"
"อ้าว! คุณเหมยลี่ลืมพัดไว้"
มุ่ยหยิบพัดของเหมยลี่แล้วเดินออกไป ซิ่วเอ็งเก็บกวาดหม้อยาไปและยิ้มอย่างเยือกเย็น
เหมยลี่เดินถือถาดชามยาจีนออกมาจากทางครัวแล้วรีบหลบเข้ามุม มุ่ยเดินตามมาได้ทันเห็น
เหมยลี่หยิบขวดยาสมุนไพรพิษแล้วเทยาใส่ลงในชามยา
มุ่ยเดินใกล้เข้ามาพอทันเห็นเหมยลี่เทยาพิษลงชามยาจนหมดขวด
"คุณเหมยลี่ฮ่ะ"
เหมยลี่สะดุ้งเฮือกไม่ทันได้ซ่อนขวดยาเลยแอบโยนทิ้งใส่กระถางต้นไม้แถวๆนั้น
"มีอะไร"
"คุณลืมพัดฮ่ะ"
"เรียกซะเสียงดัง ทำเอาตกอกตกใจ"
มุ่ยลองเรียกใหม่ ไม่ได้ตั้งใจกวน แต่ก็เหมือนกวน
มุ่ยลองเรียกใหม่
"คุณเหมยลี่ อย่างนี้ดังหรือฮ่ะ มุ่ยว่าไม่ดังนะ นี่พัดของคุณ"
มุ่ยส่งพัดคืนให้
"ไม่เห็นหรือไงว่า ฉันถือชามยาอยู่ เอาไปเก็บที่ห้องฉัน แล้วเมื่อกี๊นี้แกเห็นอะไรหรือเปล่า"
มุ่ยทำไม่รู้
"เห็นอะไรหรือฮ่ะ"
เหมยลี่ไม่แน่ใจว่ามุ่ยเห็นว่าเธอแอบใส่ยาเพิ่มลงในชามยาหรือเปล่า
"ไม่มีอะไร"
เหมยลี่เดินจ้ำอ้าวออกไปอย่างเร็ว มุ่ยรอให้เหมยลี่ลับตาไปก่อนด้วยท่าทีเฉยๆไม่มีพิรุธ
แล้วก้มหาหยิบขวดยาที่เหมยลี่แอบทิ้งไปมุ่ยมองขวดยาอย่างสงสัย
ทรงกลดกับอาจูเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเรียบร้อย
ทั้งสองยืนหันหน้าเข้าหากัน อาจูพยายามที่จะผูกเน็คไทให้ทรงกลดอยู่ แต่ยังไม่เชี่ยวชาญเลยผูกผิดๆถูกๆ
"เธอต้องมายืนตรงนี้"
อาจูยืนผูกไทให้ที่ด้านหน้า ทรงกลดดึงอาจูให้มายืนอยู่ด้านหลังเขา ทรงกลดย่อตัวลง
เขาเอามือทั้งสองของเธอให้โอบมาข้างหน้าแล้วจับมืออาจูสอนให้ผูกไทใหม่อีกครั้ง
สอนครั้งแรกทรงกลดกอดอาจูจากด้านหลังเพื่อสอนผูกไท สอนครั้งนี้อาจูเป็นคนต้องกอดทรงกลดจากด้านหลังบ้าง
"ต้องผูกแบบนี้ๆ..ซ้ายทับขวาก่อน"
"ฉันจำได้ค่ะ"
ทรงกลดแกล้งยื้อมืออาจูไว้เพื่อให้อาจูได้กอดเขาไปได้นานๆ
"เดี๋ยว...ยังสอนไม่เสร็จ"
"บอกว่า จำได้แล้วไงคะ"
อาจูรีบผูกไทให้ทรงกลดอย่างรวดเร็วแล้วปล่อยมือแล้วมายืนข้างหน้าทรงกลดเพื่อจัดไทให้เข้าที่
"เสร็จแล้ว"
อาจูมองฝีมือผูกไทของตัวเองอย่างภูมิใจ
"เอาล่ะ ไปทำงานได้แล้วค่ะ"
อาจูรุนหลังให้ทรงกลดเดินออกไป แต่เขากลับหันมากอดเธอไว้ทำดื้อใส่
"วันนี้ไม่อยากทำงาน"
"ไหนบอกว่าฉันขออะไร คุณทำให้ได้ทุกอย่าง"
"ก็ได้ๆ ไม่รู้นะเนี่ย แต่งงานแล้วฉันจะกลายเป็นคนกลัวเมีย"
ทรงกลดกำลังจะเดินออกไปแต่แล้วอาจูก็นึกเรื่องตงขึ้นมาได้
"เดี๋ยวค่ะ คุณที..เรื่องที่คุณรับปากฉันเมื่อคืน จำได้มั้ยคะ"
ทรงกลดมองอาจูอย่างคาดเดาว่าต้องเป็นเรื่องตงแน่
ตงดื่มยาจนหมดแล้ววางชามยาลง ปอรับชามยาส่งไปให้คนรับใช้ หมงกับเหมยลี่มองตงกินยาแล้วแอบมาสบตากันอย่างพึงใจ
"กินยาจน"
"ป๊าอย่าเบื่อเลยครับ ยาบำรุงกินแล้วสุขภาพจะได้แข็งแรง อาม่าคุณจูก็อุตส่าห์ต้มยาให้ทุกวัน เดี๋ยวคนทำจะเสียน้ำใจนะครับ" หมงบอก
ปอกำกับคนรับใช้ 2 คนให้เสิร์ฟอาหารเช้าที่เป็นข้าวต้มกับกับข้าว 3-4 อย่าง
ทรงกลดกับอาจูเดินเข้ามา ทุกคนที่โต๊ะอาหารมองไปที่ทรงกลดอย่างคาดเดาไม่ถูก
ตงมองทรงกลดคิดว่ามาคุยธุระ
"มีอะไร เดี๋ยวค่อยคุยกัน ให้กินข้าวเสร็จก่อน"
"ผมไม่มีธุระอะไรกับป๊าหรอกครับ..ผม"
ทรงกลดรีรออึกอักจนอาจูต้องจ้องมองบังคับด้วยสายตาให้เขาพูดต่อ
"ผม..ผมมาขอกินข้าวเช้าด้วย"
"ขอโทษนะคะที่เราลงมาช้าไปหน่อย"
ตงดีใจแต่ยังรักษาฟอร์มทำหน้าเฉยใส่
"ก็นั่งลงสิ ยืนอยู่ทำไม"
ปอดีใจ
"เชิญครับ นายน้อย เชิญครับ คุณจู"
ปอรีบขยับเก้าอี้ให้ทรงกลดกับอาจูนั่งลง ทรงกลดนั่งลง ต้องประจันหน้ากับหมงและเหมยลี่ที่นั่งตรงข้าม อาจูแตะแขนกทรงกลดเป็นการเตือนให้ข่มใจไว้
ปอรีบจัดข้าวต้มมาวางไว้ให้ทรงกลดกับอาจูด้วยตัวเอง
"เอ้า กินๆ จะได้รีบไปทำงาน"
ทุกคนรอตงเริ่มกินก่อน แล้วถึงจะกินได้
ทรงกลดใช้ตะเกียบเขี่ยข้าวต้มไปมากินไม่ลงที่เห็นหน้าหมงกับเหมยลี่ที่ยังลอยหน้าอยู่ได้ เหมยลี่คีบกับข้าวให้ตงอย่างเอาใจแล้วปรายตามองทรงกลด ทำหน้าสะใจที่ทรงกลดทำอะไรไม่ได้
อาจูคีบกับข้าวใส่ชามของทรงกลด
"คุณทีคะ"
ทรงกลดจำใจกินข้าวต้มไป
"อาจู"
อาจูหันไปมองตง
"ขอบใจ!"
ตงยิ้มให้อาจูเพราะรู้ว่าเป็นอาจูที่ทำให้ทรงกลดยอมลงมาร่วมโต๊ะด้วย
อาจูยิ้ม ค้อมหัวให้ตง ดีใจที่ทำให้ตงมีความสุข
เหมยลี่ปรายตามองอาจูอย่างหมั่นไส้ อดไม่ได้ที่จะหันไปกระซิบกับหมงเสียงเบา
"ประจบสอพลอทั้งโคตรเหง้า"
หมงส่ายหน้าไม่ให้เหมยลี่แสดงออกมากนัก ยังคงใจเย็นกินข้าวไปอย่างปกติ
ตงเริ่มมีอาการผิดปกติ มือทั้งสองเริ่มอ่อนแรงจนทำตะเกียบร่วงหล่นลงพื้น
"อุ๊ยตายแล้ว นายใหญ่เป็นอะไรไปคะ"
เหมยลี่รีบจัดมือตงมาบีบๆนวดๆ
"อยู่ๆมือก็ไม่มีแรง..เออๆ..ดีขึ้นแล้ว"
หมงจ้องตงดูอาการแล้ว แน่ใจว่ายาเริ่มออกฤทธิ์แล้ว ตงดึงมือออกจากเหมยลี่ ปอเอาตะเกียบคู่ใหม่มาวางไว้ให้ ทรงกลดขยับจะถามด้วยความเป็นห่วง แต่ปอชิงถามเสียก่อน
"ไปหาหมอมั้ยครับ นายใหญ่"
"ไม่ต้อง แค่มือชาแค่นี้เอง กินข้าวๆ"
ตงกินข้าวต่อไป แล้วคีบกับข้าวให้ทรงกลด ทรงกลดเงยหน้ามองตงอย่างแปลกใจ
"ขอบคุณครับ"
ตงกินข้าวต้มต่อไม่สนใจทรงกลดอีก แต่แค่คีบกับข้าวให้ก็ทำให้ทรงกลดเต็มตื้นได้
ตงมองภาพตรงหน้าอย่างพอใจ ไม่ได้รู้เลยว่านี่จะเป็นการกินข้าวพร้อมหน้าครั้งสุดท้าย
อาจูเดินออกมาส่งทรงกลดออกไปทำงาน
ทรงกลดยื่นคำขาด
"วันนี้วันเดียว!"
"ถ้าคุณทำตัวดีได้แค่วันเดียว อย่างนี้ก็อย่ารับปากฉันดีกว่า"
"ฉันทนเห็นหน้าสองคนนั้นไม่ได้จริงๆ เอาอย่างนี้ฉันทำงานเสร็จแล้วจะตรงกลับบ้านทุกวัน ไม่เถลไถลไปไหนเลยตลอดชีวิต"
"คนละเรื่องกันเลย ทดแทนกันได้ที่ไหนกัน"
ทรงกลดรีบตัดบท
"อาอันมาแล้ว ฉันไปทำงานล่ะ"
อันใส่ชุดเดิมเพิ่งกลับเข้ามาในบ้าน
"นี่มันชุดเมื่อคืนนี่หว่า"
"เมื่อคืนคุณอันไม่ได้กลับบ้านเหรอคะ"
ทรงกลดขยับเข้าไปใกล้อันเพื่อไม่ให้อาจูได้ยิน
"ทั้งคืนเลยเหรอ แก"
อันยิ้มเฉยไม่ตอบอะไร ทรงกลดเข้าใจได้ทันทีว่าอันง้อหยกมณีสำเร็จ
"เมื่อคืนนายน้อยเมามาก...กลับมาคงหลับเป็นตาย"
อันแกล้งแหย่ พูดเป็นนัยว่าทรงกลดคงไม่ได้เข้าหอกับอาจูอีกตามเคย
"ใครว่าล่ะ"
ทรงกลดโอบไหล่อาจูไว้แล้วยิ้มฟิน หัวใจพองโตมีความสุข อาจูเมินๆหน้ามองที่อื่นอย่างขวยเขิน
อันมองทรงกลดก็รู้ว่าเมื่อคืนทรงกลดมีความสุขแค่ไหน
"ฉัน...ฉันขอตัวไปดูอาม้าก่อนนะคะ"
ทรงกลดดึงอาจูไว้ยังไม่ให้ไป
"เดี๋ยวก่อน... อาจู ลืมอะไรหรือเปล่า"
"อะไรหรือคะ"
"แค่เดินมาส่งยังไม่พอ"
ทรงกลดหอมแก้มอาจูฟอดใหญ่โชว์ให้อันเห็น
"คุณที"
อาจูยืนตัวแข็งเขินอายอันที่มองทรงกลดอย่างขำๆ
ทรงกลดบอกกับอัน
"ไปๆ ไปทำงานได้แล้ว"
ทรงกลดเดินนำอันออกไป ทั้งสองเดินออกไปแล้วหันมาพยักหน้าให้กันด้วยสีหน้าแช่มชื่นทั้งคู่
มุ่ยเดินเข้าเมียงๆมองๆอาจูเหมือนมีเรื่องอยากพูดกับอาจู อาจูหันไปเห็นมุ่ยท่าทางกังวลใจตัดสินไม่ถูก
"มีอะไรเหรอ อามุ่ย"
อาจูรอฟังว่ามุ่ยจะบอกอะไร
ภายในครัว ซิ่วเอ็งกำลังเช็ดหม้อต้มยาที่ล้างสะอาดแล้ว อาจูกับมุ่ยเดินตรงมาหาซิ่วเอ็ง
"ม่า..ดูให้หน่อยว่านี่ยาอะไร"
อาจูส่งขวดยาของเหมยลี่ให้ซิ่วเอ็ง
ซิ่วเอ็งเทเศษยาที่ยังอยู่ก้นขวดนิดหน่อยลงบนฝ่ามือแล้วเขี่ยๆและดมเศษผงของยา
"ยาทำจากใบดอกยี่โถ"
"ยาตัวนี้กินแล้วตายนี่ฮ่ะ แล้วทำไม..ทำไมคุณเหมยลี่ใส่ยานี่ให้นายใหญ่กิน"
อาจูตกใจ
"ยาตัวนี้กินแล้วตายจริงๆเหรอ ม่า"
"ลื้อก็ไปฟังอามุ่ยอีทำไม นี่มันยาบำรุงร่างกาย"
"แต่ก็เป็นยาอันตรายใช่มั้ย" อาจูถาม
"ไม่ว่ายาอะไร ก็อันตรายทั้งนั้น ถ้ากินมากเกินไปก็ถึงตายหมด"
"แล้วทำไมคุณเหมยลี่ต้องใส่ยาบำรุงนี่เพิ่มด้วยล่ะ ยาหม่าฮวงของคุณซิ่วเอ็งก็แรงอยู่แล้ว แล้วที่สำคัญทำไมต้องทำหลบๆซ่อนๆ"
"ยาขวดแค่นี้กินไปก็ไม่เป็นอะไรหรอก คุณเหมยลี่ก็คงอยากให้ยาได้ผลเร็วๆ ท่าทางอีจะเป็นคนใจร้อน"
ซิ่วเอ็งถือโอกาสรีบเก็บขวดยาใส่กระเป๋าไป
อาจูรู้สึกไม่เข้าที กำลังจะออกไปแต่ซิ่วเอ็งดึงแขนไว้เสียก่อน
"ลื้อจะไปไหน"
"งั้นหนูไปเตือนคุณเหมยลี่ว่าอย่าทำแบบนี้"
"ลื้อไม่ต้องไปยุ่งเรื่องของครอบครัวคนอื่น อย่าลืมว่า อีเป็นเมียนายใหญ่ ลื้อเป็นแค่ลูกสะใภ้! เดี๋ยวอั๊วจะเตือนอีให้เอง"
ซิ่วเอ็งบีบแขนอาจูอย่างแรงเป็นการเตือนที่เอาจริง
"แล้วไม่ต้องไปบอกผัวลื้อล่ะ เดี๋ยวได้มีเรื่องให้ทะเลาะกันอีก ลื้อก็เหมือนกัน อามุ่ย อย่าปากมาก"
"แต่บอกแปะปอให้รับรู้ไว้ก็ดีนะ ม่า"
"ไม่ต้องบอกใครทั้งนั้น ! ถ้าขัดคำสั่งอั๊ว รู้ใช่มั้ยว่า ลื้อจะเจอกับอะไร"
ซิ่วเอ็งจ้องอาจูด้วยสายตาเฉียบขาดดุดันจนขนหัวลุก
บริเวณหน้าตึกเล็ก เว่ยยืนกางแขนกางกั้นไม่ให้เคี้ยงเข้าตึก
"กลับไปซะเถอะครับ ยังไงอาม้าก็ไม่ยอมออกมาเจอเสี่ยหรอก"
"เป็นเด็กเป็นเล็กเรียกอั๊วอย่างนี้ได้ยังไง ลื้อต้องเรียกอั๊วว่า อาเจ็ก สิ ไม่มีใครสอนหรือยังไง หา อาตี๋"
"ผมชื่อ เว่ย ไม่ได้ชื่อ อาตี๋ เสี่ยกลับไปซะเถอะ ที่นี่ไม่มีใครต้อนรับ"
"อาตี๋นี่ อั๊วสอนดีๆ ก็ไม่ฟัง นี่นะ ถ้าลื้อเป็นลูกอั๊วนะ อั๊วจะเอาสบู่ล้างปาก"
เง็กเดินออกมาจากในตึกได้ทันที่เคี้ยงสั่งสอนเว่ยพอดี
"ลื้อไม่มีบุญได้เป็นพ่อหรอก"
"ก็อาจูไง ลูกอั๊ว"
"ไม่ใช่! อาจูเป็นลูกอั๊วคนเดียว"
"พูดอย่างนี้พูดให้ตายก็ไม่รู้เรื่องกันล่ะ"
"อั๊วพูดไม่รู้เรื่อง ลื้อกลับไปสิ ไป กลับไป ไป"
"อั๊วไม่กลับ"
"กลับไปซะ! ชาตินี้ชาติหน้าอั๊วก็ไม่อยากเจอลื้ออีก"
ตงกับปอเดินเข้ามา
"อาเง็ก"
เง็กกับเคี้ยงหันไปมองตงด้วยความเกรงใจ
"ลื้อไล่อาเคี้ยงกลับไป เดี๋ยวพรุ่งนี้อีก็มาใหม่อยู่ดี สู้หันหน้าเข้าหากัน แล้วคุยกันให้รู้เรื่อง จะไม่ดีกว่าเหรอ"
ตงพูดแล้วทุกคนต้องฟัง
เว่ยรินน้ำชาให้ผู้ใหญ่ยกเว้นปอที่ยืนเยื้องหลังตงอยู่
เว่ยรินน้ำชาให้ตง
"น้ำชาครับ นายใหญ่"
เว่ยรินน้ำชาให้เคี้ยงเป็นคนต่อไป
"น้ำชาครับ ...อาเจ็ก"
"ดีมาก อาตี๋ เออ อาเว่ย"
เว่ยรินน้ำชาให้เง็กเป็นคนสุดท้าย
"อาเว่ย..กลับไปที่ห้อง ไป"
"ให้อาเว่ยอยู่เถอะ อีควรจะอยู่ฟังด้วย ครอบครัวลื้อไม่ควรมีความลับต่อกันแล้ว อาเว่ยเป็นลูกชาย..อีกหน่อยก็ต้องเป็นหัวหน้าครอบครัว อีควรจะอยู่รับรู้ด้วย"
เว่ยรู้สึกยืดที่ตงให้อยู่ด้วย เว่ยเดินไปยืนข้างปอเหมือนเป็นคนของตง
ตงถาม
"ลื้อต้องการอะไร"
"อั๊วอยากรับตัวอาเง็กไปอยู่ด้วย"
เง็กโพล่งทันที
"อั๊วไม่ไป"
"อั๊วรู้..แม้แต่หน้าอั๊ว ลื้อก็ยังไม่อยากมอง แล้วลื้อจะกลับไปอยู่กับอั๊วได้ยังไง"
เคี้ยงหน้าสลดลง ทำให้เง็กลดอารมณ์โกรธลงได้บ้าง
"ตอนนี้อั๊วขอแค่ให้ลื้อยกโทษให้อั๊วก็พอ..ถ้าเรากลับไปเป็นผัวเมียกันเหมือนเดิมไม่ได้ เราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้"
ตงบอก
"ไม่เคยมีใครที่ไม่เคยทำผิด ที่สำคัญทำผิดแล้วสำนึกตัวได้ ก็ถือว่า ดีมากแล้ว ชีวิตคนเรามันสั้นนักนะ ถ้าไม่รีบทำในสิ่งที่ควรทำในตอนนี้ ลื้ออาจจะเสียใจทีหลัง"
เง็กมองหน้าเคี้ยงนิ่ง
"ลื้อจะให้อั๊วยกโทษให้ลื้อวันนี้พรุ่งนี้ไม่ได้หรอก อั๊วยังลืมเรื่องในอดีตไม่ได้.. อั๊วยังเห็นลื้อเป็นเพื่อนไม่ได้ แต่อั๊วก็จะไม่เห็นลื้อเป็นศัตรูอีก"
"แค่นี้อั๊วก็พอใจแล้ว อั๊วจะพยายามเปลี่ยนเป็นคนใหม่นะ อาเง็ก ลื้อคอยดูต่อไปก็แล้วกัน"
"แล้วไม่ต้องมาที่นี่บ่อยนัก เกรงใจนายใหญ่บ้าง"
"ไม่เป็นไร อยากมาเมื่อไหร่ มาได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ"
ปอบอก
"นายใหญ่เปิดทางให้อย่างนี้ เสี่ยเคี้ยงได้มาทุกวันแน่"
เคี้ยงมองตงอย่างขอบคุณและสบายใจขึ้นมาก
ตงกับปอเดินกลับออกมาส่งเคี้ยง
"ตอนนี้ก็เหลืออาจูอีกคน...ถึงอาจูรู้ว่าอั๊วเป็นพ่ออี อีก็ไม่สนใจไยดี อีทำเฉยๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นี่ถ้าอีเอาไม้กวาดไล่ตีอั๊วเหมือนอาเง็ก ยังจะดีซะกว่าอย่างน้อยอั๊วก็รู้ว่า อีคิดยังไง" เคี้ยงว่า
"ใจเย็นๆ ยังไงความเป็นพ่อลูกก็ตัดขาดจากกันไม่ได้หรอก วันนี้อียังไม่ยอมรับว่าลื้อเป็นพ่อ แต่ซักวันนึงอีจะต้องยอมรับแน่ เชื่ออั๊ว"
"เป็นความผิดของอั๊วเอง พออั๊วรู้ว่า อาเง็กแต่งงานใหม่กับอาเหลียง อั๊วก็นึกว่าอีอยู่สุขสบายไปแล้ว เลยไม่ได้ให้ลูกน้องตามต่อ ไม่คิดเลยว่าอาเหลียงจะอายุสั้น อาเง็กก็เลยต้องทนลำบากเลี้ยงลูกสองคนมาเป็นสิบปี"
"อาเหลียง" ตงพึมพำ
"อาเหลียงที่คุมบ่อนให้แก๊งหนูไฟยังไงล่ะ เฮียต้องรู้จักสิ อีเคยมาช่วยงานเฮียที่เซียงกงอยู่พักใหญ่ อั๊วยังเคยได้ข่าวว่า ที่อีไปเปิดร้านขายอะไหล่ได้ก็เพราะ เฮียเป็นคนให้เงินไปตั้งตัวไม่ใช่เหรอ"
"อาเหลียง..อั๊วจำอีได้..นี่อีเป็นพ่อของอาเว่ยหรอกเหรอ"
"อ้าว! นี่เฮียไม่รู้เรื่องเลยเหรอ อั๊วก็นึกว่า เฮียรู้แล้ว"
"ผมว่า มันแปลกๆอยู่นะครับ ที่ไม่มีใครบอกเราเรื่องนี้เลย"
"ไม่มีอะไรล่ะมั้ง อาเง็กคงไม่รู้ว่า อาเหลียงเคยทำงานให้อั๊ว"
ปอยังคงมองตงอย่างไม่เห็นด้วย รู้สึกว่ามีอะไรทะแม่งๆอยู่
ซิ่วเอ็งยื่นห่อยาให้เหมยลี่
"ยาหม่าฮวงนี่ต้องใช้อย่างระวังนะฮ่ะ"
"ฉันระวังอยู่แล้วน่า"
"แต่ก็ยังระวังไม่พอ"
ซิ่วเอ็งชูขวดยาใบเล็กให้เหมยลี่ดู
"นี่แกไปเอามาจากไหน"
"ลื้อซุ่มซ่ามทำหล่นที่ไหนล่ะฮ่ะ"
เหมยลี่จะดึงขวดยาจากมือซิ่วเอ็ง แต่ซิ่วเอ็งยัดขวดยาเก็บใส่เสื้อไปเสียก่อน
"อั๊วรู้ว่า ลื้อกำลังทำอะไรอยู่"
"นี่..นี่แกคิดจะมาขู่กรรโชกฉันเหรอ บาทเดียวฉันก็ไม่ให้! อย่านึกว่า ฉันไม่รู้ ที่แกสาระแนบอกฉันให้รู้เรื่องยาพิษ แกก็คงคิดแผนชั่วอยู่เหมือนกัน ถ้านายใหญ่เป็นอะไรไป ก็เพราะแกนั่นแหละ"
เหมยลี่ตกใจที่หลุดปากบอกไปเรื่องวางยาตง
"อั๊วยังไม่ได้พูดถึงนายใหญ่ซักคำ แล้วใครจะสงสัยอั๊ว อั๊วไม่ได้มีเรื่องอะไรกับนายใหญ่ แต่ลื้อกับคุณหมงนี่สิ"
ซิ่วเอ็งยิ้มอย่างเหนือกว่า
"แต่แกเป็นคนต้มยาให้นายใหญ่กิน"
"นั่นน่ะสิฮ่ะ งั้นเราสองคนต่างก็ต้องปิดปากให้เงียบ แล้วถ้าอยากให้แผนของลื้อสำเร็จก็อย่าใจร้อน..เราต้องวางยาไปทีละนิดๆ ให้ยาค่อยๆออกฤทธิ์ ไม่ใช่อย่างที่ลื้อทำอยู่ตอนนี้"
"นี่แสดงว่ายาที่แกต้มให้นายใหญ่กิน..ก็พอที่จะทำให้นายใหญ่ตายแล้วใช่มั้ย แล้วทำไม..ทำไมแกถึงช่วยฉัน"
"อั๊วก็เป็นคนชอบช่วยเหลือคนอื่นอย่างนี้แหละ"
ซิ่วเอ็งเดินหัวเราะออกไป เหมยลี่ขนลุกเกรียวที่ซิ่วเอ็งดูอำมหิตเงียบอย่างไม่คาดคิด
เช้าวันใหม่ ตงกำลังดื่มยาชามใหญ่อยู่ ซิ่วเอ็งถือถาดยืนรออยู่อย่างนอบน้อม ปอมองตงดื่มยาจนหมด ซิ่วเอ็งรีบไปรับชามยามาวางไว้บนถาด
ตงจัดแจงหยิบกล้องยานัตถุ์มาจัดแจงยัดยาจากขวดใส่ไปเพื่อสูดยานัตถุ์ต่อ
"แล้วอย่างนี้กินยาไปจะมีประโยชน์หรือครับ นายใหญ่ สูดยานัตถุ์เดี๋ยวก็ได้ไออีก"
"อั๊วก็ไอนิดๆหน่อยๆเอง ลื้อนั่นแหละทำเป็นเรื่องใหญ่ ให้อาซิ่มต้องต้มยาเพิ่ม"
ซิ่วเอ็งทำท่าจะเดินออกไปแต่ต้องชะงักเพราะตงเรียกไว้
"เดี๋ยวอย่าเพิ่งไป..อั๊วยังไม่ได้ขอบคุณอาซิ่มเลย ที่ต้องเหนื่อยต้มยาให้อั๊วกินทุกวัน ถ้ายังไงให้อามุ่ยทำแทนก็ได้"
"ไม่เป็นไรฮ่ะ ไม่ได้เหนื่อยอะไรเลย อั๊วก็ต้มยาทุกวันอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ต้มยาบำรุงให้อาจูกินอยู่ นายใหญ่จะได้หลานชายเร็วๆไงฮ่ะ"
"อาซิ่มนี่รู้ใจจริงๆ ถ้ามีหลานชาย อั๊วก็อยากมีหลานชายเหมือนอาเว่ยนี่แหละ เสียดายแทนอาเหลียงจริงๆที่ไม่ได้อยู่เห็นลูกชายโต"
ซิ่วเอ็งชะงักกึกแล้วต้องรีบปรับสีหน้า
"นายใหญ่รู้แล้วหรือฮ่ะ ที่เราไม่บอกเรื่องอาเหลียง ก็เพราะเราไม่แน่ใจว่า นายใหญ่จะจำอาเหลียงได้หรือเปล่า"
"จำได้สิ ทำไมจะจำไม่ได้ เราเก็บเศษเหล็กขายมาด้วยกันจนมาช่วยกันเปิดร้านขายอะไหล่"
"เรียกว่าช่วยกันก็ไม่ถูกนะครับ นายใหญ่เป็นเจ้าของร้านแล้วเรียกคุณเหลียงมาช่วยงานต่างหากครับ ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่า คุณเหลียงเป็นอะไรตาย"
"เรื่องก็ผ่านมานานแล้ว อย่าพูดถึงมันเลย แต่ขอให้รู้ไว้ว่า อาเหลียงไม่เคยลืมนายใหญ่เลยจนลมหายใจสุดท้าย..อั๊วดีใจจริงๆที่สวรรค์ให้ครอบครัวอั๊วได้มาอยู่ที่นี่ อั๊วจะได้มีโอกาสชดใช้บุญคุณของนายใหญ่เสียที"
ซิ่วเอ็งยิ้มอ่อนน้อมแล้วค้อมหัวให้นายใหญ่ แต่ก่อนที่จะเดินออกไปก็ทิ้งท้ายว่า
"นายใหญ่ไม่ต้องเบื่อกินยาแล้วนะฮ่ะ ยาชามนี้กินแล้วอาการไอจะหายขาดและนี่จะเป็นยา...ชามสุดท้าย"
ซิ่วเอ็งถือถาดชามยาเดินกระย่องกระแย่งออกไปเหมือนยายแก่ไม่มีพิษมีภัย
ตงกับปอมองตาม ตงเชื่อทุกคำพูดของซิ่วเอ็งสนิทใจ แต่ปอยังรู้สึกคาๆใจยังไงอยู่
เลือดมังกร : สิงห์ ตอนที่ 8 (ต่อ)
เว่ยกำลังวาดลวดลายท่าไทเก๊กอยู่แล้วหยุดเพื่อรอตงสอนต่อ ตงวาดมือออกไปเพื่อทำท่าต่อไป เว่ยทำตามตงได้อย่างไว
"แปะปอทำด้วยซิครับ"
"ไม่ล่ะครับ คนแก่ถึงจะรำไทเก๊ก อย่างแปะปอต้องตีกอล์ฟครับ"
"มาๆ มาครับ มาออกกำลังกายด้วยกัน"
เว่ยไปดึงปอมาร่วมวงรำไทเก๊กด้วย
ตงออกลวดลายท่าต่อไปอย่างเท่ๆ เว่ยกับปอรำไทเก๊กตามด้วยบรรยากาศผ่อนคลายสนุกๆ
ทรงกลดกับอันเดินเข้ามา ตงหยุดทันทีที่เห็นหน้าเคร่งขรึมของทรงกลด
"มีอะไร"
"ป๊าเรียกประชุมแก๊งเขี้ยวสิงห์วันพรุ่งนี้หรือครับ"
"อั๊วต้องบอกลื้อกี่ครั้งว่า ลื้อไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับแก๊งเขี้ยวสิงห์"
ทรงกลดไม่ฟัง
"พรุ่งนี้ป๊าจะประกาศแต่งตั้งไอ้หมงเป็นหัวหน้างั้นหรือครับ"
"ใช่ แล้วลื้อจะทำไม"
"ผมจะขอเข้าชิงตำแหน่งหัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์"
"ลื้อไม่มีสิทธิ์! คนที่จะเป็นหัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์ได้ต้องผ่านความเห็นชอบจากอั๊วคนเดียว"
อันถาม
"แต่ถ้ากรรมการทุกคนของแก๊งไม่เห็นชอบกับนายใหญ่ล่ะครับ"
ปอบอก
"อาอัน! ลื้ออย่าทำอะไรข้ามหัวนายใหญ่ ไม่ว่ายังไงคนที่มีอำนาจที่สุดก็ต้องเป็นนายใหญ่"
"ไม่ใช่ครับ คนที่มีอำนาจได้ต้องได้รับการยอมรับจากทุกคนในแก๊งต่างหาก แล้วตอนนี้ทุกคนในแก๊งก็ต้องการให้ผมขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊ง ไม่ใช่ไอ้หมง!" ทรงกลดบอก
"ลื้อคิดจะโค่นอำนาจอั๊วเรอะ! ไอ้ทรงกลด!"
ตงนิ่งชะงักเหมือนหัวใจกระตุกอย่างแรง เจ็บแปลบไปทุกส่วนของร่างกาย ร่างเกร็งไปทั้งตัวหายใจไม่ออก พูดไม่ได้แล้วทรุดฮวบลงทันทีโดยไม่มีใครรับตัวได้ทัน
"ป๊า!"
ทรงกลดกับอันตรงเข้าไปประคองตง
"ผมจะไปตามหมอ"
ปอวิ่งออกไป เว่ยตกใจที่เห็นตงนอนแน่นิ่งไป เว่ยวิ่งตามปอออกไป
"ป๊า!"
ทรงกลดประคองตงไว้โดยไม่รู้จะทำยังไงดี ตกใจสุดชีวิตที่เห็นพ่ออยู่ในสภาพเหมือนคนป่วยเข้าขั้นโคม่าโดยไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว
หน้าห้องนอน อาจูกับเว่ยยืนรออย่างกระวนกระวาย ลูกน้องแก๊ง 3-4 คน คนรับใช้ 2 คน ยืนรอฟังข่าวอยู่ห่างๆ
อันเดินออกมาจากห้องด้วยสีหน้าเคร่งเครียด อาจูกับเว่ยรีบเดินเข้าไปหาอันทันที
"หมอว่ายังไงบ้างคะ"
อันยังไม่ทันจะตอบ หมงกับเหมยลี่ก็รี่เข้ามา ทำเหมือนร้อนใจเต็มทน
"อาอัน! ป๊าเป็นยังไงบ้าง"
เหมยลี่ถาม
"นายใหญ่ไม่ได้เป็นอะไรมากใช่มั้ย"
"หมอบอกว่า ป๊าเป็นอะไร มีอะไรก็พูดมา ยืนบื้ออยู่ได้" หมงบอก
อันหันไปมองลูกน้องกับคนรับใช้ที่รอฟังอยู่ รู้ว่าไม่ควรให้คนอื่นมารับรู้เรื่องอาการของตง
อันสั่งคนรับใช้
"ไปตามอามุ่ยมาเดี๋ยวนี้!"
"ผมไปตามให้เองครับ"
เว่ยวิ่งออกไปอย่างคล่องแคล่วอาจูรู้สึกใจไม่ดีเมื่อเห็นอันมีสีหน้าเคร่งเครียดมาก
ทรงกลดอยู่ข้างเตียงที่มีตงนอนไม่ได้สติอยู่ ทรงกลดเงยหน้ามองปออย่างไม่อยากเชื่อว่าตงถูกวางยาพิษ หมอจีน ซึ่งอาวุโสน้อยกว่าซิ่วเอ็ง จับแมะชีพจรตง
"อั๊วตรวจไม่ผิดหรอก"
"ซินแสช่วยตรวจใหม่อีกครั้งได้มั้ยครับ"
"ให้อั๊วตรวจอีกกี่ครั้ง อั๊วก็ตอบเหมือนเดิม"
อาจูกับอันเดินเข้ามา
"เถ้าแก่ตงโดนยาพิษ"
อาจูตกใจหันไปมองตงที่นอนหน้าซีดเผือดอยู่บนเตียง
"นายใหญ่จะโดนยาพิษได้ยังไง" ปอถาม
"อย่างนี้ต้องโดนใครแอบวางยาแน่"
หมงกับเหมยลี่เดินตามเข้ามา,ได้ยินเต็มสองหูแต่ทำเหมือนไม่ได้ยินชัด
หมงทำเป็นตกใจ
"อะไรนะ ใครแอบวางยาใคร นายใหญ่ถูกวางยางั้นเหรอ"
"นี่ไม่ใช่ยาพิษธรรมดาๆด้วย แต่เป็นยาพิษร้ายแรง"
อาจูเดินไปอยู่เคียงข้างทรงกลดเพื่อเป็นกำลังใจให้
"โธ่...นายใหญ่!"
เหมยลี่โผเข้าไปจะไปหาตง แต่ปอยืนขวางไว้
"นายใหญ่ยังไม่ได้สติครับ"
เหมยลี่ได้แต่เสแสร้งคร่ำครวญอยู่ห่างๆ
"นายใหญ่! นายใหญ่ต้องไม่เป็นอะไรนะคะ"
หมงบอก
"นายใหญ่โดนวางยาพิษ แล้วทำไมทุกคนยังทำเฉยอยู่อีก ซินแสก็รีบๆรักษาเข้าสิ ถ้าป๊าผมเป็นอะไรไป ผมเอาเรื่องแน่"
"เราต้องหาให้ได้ก่อนว่านายใหญ่โดนยาพิษอะไร ซินแสถึงจะรักษาได้"
"และที่สำคัญเราต้องจับให้ได้ว่า ใครเป็นคนวางยาป๊า"
หมงกับเหมยลี่ยังรักษาอาการไว้ได้ไม่เป็นพิรุธ ทรงกลดมองไปที่อันเพราะได้สั่งการไปแล้ว
หมอจีนเอาเข็มเงินจุ่มลงในชามยาจนชุ่มแล้วยกขึ้นมาอย่างช้าๆ เข็มเงินเปลี่ยนเป็นสีดำ
หมอจีนวางเข็มเงินลงบนถาดที่มีเข็มเงิน 2 เล่มที่เป็นสีดำอยู่แล้ว ยังมีชามยาอีก 2 ชามวางอยู่
ทรงกลดกับอันมองชามยา 3 ชามที่มีพิษวางเรียงรายกับชามอาหารอื่นๆ ที่ไม่มีพิษ
"ยาพิษอยู่ในยาบำรุงของป๊างั้นเหรอ ซินแส"
"ใช่ แล้วก็ไม่ใช่ยาพิษชนิดเดียวด้วย แต่มียาหลายชนิดปนเปกันอยู่"
"ใครเป็นคนดูแลเรื่องยาบำรุงให้ป๊า!"
อันหันไปถาม
"อามุ่ย"
มุ่ยยืนตกใจตัวสั่นอยู่ข้างอาจู หมงกับเหมยลี่เตรียมพร้อมที่จะรับมือ
"ว่าไง อามุ่ย"
"คุณซิ่วเอ็งเป็นคนต้มยาให้นายใหญ่ฮ่ะ แต่..แต่ว่า..."
มุ่ยจะบอกความลับบางอย่าง แต่เหมยลี่โวยแทรกทันที
"อาซิ่มเป็นคนวางยานายใหญ่"
หมงสั่งอัน
"ไปจับตัวอาซิ่มมาเดี๋ยวนี้"
ซิ่วเอ็งเดินเข้ามาอย่างใจเย็น
"จับตัวมันไว้! เร็ว"
หมงจะเข้าไปเอาเรื่องซิ่วเอ็ง แต่ทรงกลดขวาง ปกป้องซิ่วเอ็งไว้
"แกจะบ้าหรือไง อาม่าจะวางยาป๊าทำไม ต้องเป็นฝีมือคนอื่นแน่"
"นายน้อยอย่าหาเรื่องใส่ความกันดีกว่า" หมงบอก
"นายน้อยยังไม่พูดซักคำว่า คุณหมงเป็นคนวางย ไม่น่าจะต้องร้อนตัว" อันบอก
"อามุ่ยรู้ค่ะว่า ใครเป็นคนวางยา" อาจูโพล่งขึ้น
ทุกคนหันไปมองอามุ่ยเป็นตาเดียว อาจูจับมือมุ่ยอย่างให้กำลังใจ
"คุณ... คุณเหมยลี่ฮ่ะ คุณเหมยลี่เป็นคนทำ มุ่ยเห็นกับตาว่าคุณเหมยลี่แอบใส่"
เหมยลี่กรี๊ดกลบเกลื่อน
"นังมุ่ย!"
เหมยลี่ตรงไปจับตัวมุ่ยเขย่าตัวอย่างโกรธแค้น
"แกใส่ร้ายฉันทำไม"
ซิ่วเอ็งบอก
"อามุ่ยไม่ได้ใส่ร้าย คุณเหมยลี่เป็นคนใส่ยาพิษให้นายใหญ่กิน"
"ไหนล่ะหลักฐาน"
ซิ่วเอ็งหยิบขวดยาใบเล็กของเหมยลี่ออกมาวางไว้บนโต๊ะ
"ไม่ใช่ของฉัน!"
ซิ่วเอ็งหยิบห่อยาออกมาวางไว้พร้อมกับกระดาษจดชื่อยาลายมือของเหมยลี่
"ยาพวกนี้ลื้อสั่งให้อั๊วไปหามาให้ แล้วนี่ก็ใบสั่งยาของลื้อ!"
อันรีบหยิบห่อยาส่งให้หมอจีนตรวจดูทันที
"นี่มันยาพิษทั้งนั้น"
ทรงกลดสั่งการเรียก
"อาอัน"
อันเข้าไปประกบเหมยลี่ไว้ทันที
"ฉันไม่ได้ทำ ฉันไม่ได้วางยานายใหญ่! ฉันไม่ได้ทำ"
อันพาตัวเหมยลี่ออกไป แม้เหมยลี่จะดิ้นรนแต่ก็สู้แรงอันไม่ได้
"ช่วยด้วย! หมง! ช่วยด้วย"
หมงยืนหน้าซีดอย่างเสียวไส้ว่า เหมยลี่จะหลุดปากอะไรออกมา
ทรงกลดเดินตามไปเพื่อจัดการเหมยลี่ หมงแจ้นตามไปทันที
อาจูมองซิ่วเอ็งที่ดูเยือกเย็นราวกับไม่มีเรื่องร้ายแรงได้เกิดขึ้น
อันจับตัวเหมยลี่โยนเข้าไปในห้องเก็บของ ทรงกลดเดินตามเข้ามาพร้อมหมง เหมยลี่ตกใจกลัวเริ่มสติแตก
"ฉันไม่ได้ทำ ฉันไม่ได้ทำจริงๆ นังแก่กับนังมุ่ยมันร่วมมือกันใส่ร้ายฉัน"
เหมยลี่ตรงเข้าหาหมงเพื่อขอความช่วยเหลือ
"หมง"
หมงตบหน้าเหมยลี่ฉาดใหญ่เพื่อให้หยุดพูด
"เลวจริงๆ"
เหมยลี่งงงันไม่คาดคิดว่าหมงจะทรยศ
"ฉันไม่คิดเลยว่า เธอจะทำเรื่องเลวๆได้ขนาดนี้"
เหมยลี่ได้สติ
"ถ้าฉันเลว แกก็ชั่ว ! อย่านึกนะว่า แกจะเอาตัว(รอดไปได้)"
เหมยลี่พูดไม่ทันจบประโยค หมงรี่เข้าไปบีบคอเหมยลี่ ทำเป็นคั่งแค้น
" ยังไม่สำนึกอีก! คนชั่วช้าเนรคุณ! อย่าอยู่ต่อไปเลย"
หมงบีบคอเหมยลี่เพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน เหมยลี่ดิ้นรนตาเหลือก
อันรีบดึงหมงออกมาก่อนที่หมงจะบีบคอเหมยลี่ตาย
"คุณหมง"
เหมยลี่พอหลุดจากเงื้อมมือหมงได้ก็ตัวอ่อนทรุดฮวบหมดสติไป อันเข้าไปตรวจชีพจรเหมยลี่
"ยังไม่ตายครับ"
"แล้วนายน้อยจะทำยังไงต่อไปครับ ผมว่า เราจัดการกันภายในดีกว่า อย่าให้เรื่องถึงตำรวจเลย ไม่งั้นป๊าจะเสียชื่อเสียงเอา"
"ฉันยังไม่ส่งเหมยลี่ให้ตำรวจในตอนนี้"
หมงยิ้มอย่างโล่งอกที่ยังพอมีเวลาจัดการเหมยลี่ได้ ทรงกลดจ้องหมงเพื่อจับผิด
"ฉันจะสอบปากคำเหมยลี่เอง แกเตรียมตัวไว้ให้ดีเถอะ"
"ผม..ผมเกี่ยวอะไรด้วย"
ทรงกลดกระชากคอเสื้อหมงอย่างคนที่อดกลั้นมานานแล้ว
"ในบ้านนี้คนที่อยากให้ป๊าตาย มีแกกับเหมยลี่เท่านั้น ฉันได้คำสารภาพผิดของเหมยลี่เมื่อไหร่ แกตายแน่! ไอ้หมง"
ทรงกลดปล่อยมือโดยผลักหมงออกไป แล้วเดินออกไปพร้อมกับอัน
หมงมองเหมยลี่ที่ยังหมดสติอย่างร้อนรน พยายามหาทางออก
อาจูนิ่งคิดเรื่องซิ่วเอ็ง เมื่อครั้งที่เธอจับได้ว่าซิ่วเอ็งวางยาเธอกับทรงกลด ตอนนั้น ซิ่วเอ็งไม่สะดุ้งสะเทือนใดๆ
"อั๊วเป็นคนวางยาลื้อกับทรงกลดเอง"
ซิ่วเอ็งมีสีหน้าที่น่ากลัว
"อั๊วทำลายชีวิตลื้อได้ อั๊วก็ทำลายชีวิตคนอื่นๆได้อีก ไม่ห่วงอาม้าลื้อหรือไง"
อาจูไม่วางใจซิ่วเอ็ง แต่ยังไม่แน่ใจนักว่าซิ่วเอ็งเกี่ยวข้องกับเรื่องวางยาตงแค่ไหน เง็กถือตะกร้าเสื้อผ้าเดินเข้ามา
"นายใหญ่เป็นยังไงบ้าง อาจู" เง็กถาม
"ซินแสกำลังรักษาอยู่จ้ะ ม้า"
"ทำไมเกิดเรื่องแบบนี้ได้ก็ไม่รู้"
"หนูก็ไม่อยากเชื่อเลยว่า คนเราจะโหดเหี้ยมฆ่ากันง่ายๆอย่างนี้ แต่คุณเหมยลี่ ไม่น่าจะรู้เรื่องยาพิษนะ ม้า คนในบ้านนี้มีคนเดียวที่รู้เรื่องยาดีที่สุด"
"อาจู! พูดอะไรก็ต้องคิดก่อน"
"ม้าไม่รู้อะไร ม่าน่ะเคยวางยา..."
อาจูพูดแค่นั้นก็ชะงักไม่กล้าบอกเรื่องซิ่วเอ็งเคยวางยาเธอกับทรงกลด
"เออ..ม่าน่าจะรู้เรื่องที่คุณเหมยลี่คิดจะวางยานายใหญ่ หรืออย่างน้อยก็น่าจะสงสัยอะไรบ้าง แต่ม่าก็ปิดปากเงียบไม่พูดอะไรเลย"
"อาจู! พูดอย่างนี้ เดี๋ยวคนจะเข้าใจอาม่าผิด แค่ลื้อคิดสงสัยอาม่าก็บาปแล้ว ไม่เอาๆ ไม่ต้องพูดเรื่องนี้อีก เราจับคนผิดได้แล้ว ก็ถือว่าจบเรื่องไป"
อาจูมองเง็กอย่างอัดอั้นที่บอกเรื่องที่สงสัยซิ่วเอ็งไม่ได้
ซิ่วเอ็งกำลังต้มยาจีนง่วนอยู่อย่างใจเย็น อาจูเดินเข้ามาหา มองซิ่วเอ็งอย่างคลางแคลงใจ
"ม่า..ม่าไม่ได้รู้เห็นเป็นใจกับคุณเหมยลี่ใช่มั้ย"
"นี่ลื้อหาว่า อั๊วร่วมมือกับอีงั้นเรอะ"
ซิ่วเอ็งวางมือจากการต้มยา เดินมาจ้องหน้าเอาเรื่องอาจู
"ก็..ก็ม่าเป็นคนหายาให้คุณเหมยลี่...ม่าก็รู้ดีว่า ยาพวกนั้นเป็นยาพิษทั้งนั้น"
"ยาพวกนั้น ถ้าใช้ดีๆ ก็เป็นยาบำรุง อั๊วไม่รู้ว่า อีจะเอาไปใช้ฆ่านายใหญ่"
"ม่าไม่รู้จริงๆเหรอ"
"อั๊วไม่รู้! อั๊วจะทำร้ายนายใหญ่ไปทำไม อีดีกับบ้านเรา แล้วยังรับปากจะส่งอาเว่ยให้เรียนสูงๆ ที่อั๊วต้มยาให้อีกินทุกวันก็เพื่อตอบแทนบุญคุณ ลื้อมันหลานเนรคุณ! มากล่าวหาว่าอั๊วคิดฆ่านายใหญ่ได้ยังไง"
ซิ่วเอ็งคว้าไม้ขัดหม้อแถวนั้นฟาดใส่อาจู
"หลานอกตัญญู! อย่างนี้ต้องตีให้ตาย"
อาจูหลบหลีกไม่ให้ถูกตีแต่ก็โดนตีไปหลายครั้ง
"หนูขอโทษ! หนูแค่อยากถามให้สบายใจ…หนูขอโทษ..หนูขอโทษจริงๆ"
ซิ่วเอ็งหันไปเห็นยาเดือดพล่านก็เลยโยนไม้ขัดหม้อทิ้ง
"ไปไหนก็ไป ไปให้พ้นๆ หน้า ไป อั๊วไม่มีเวลาแล้ว"
"ม่าต้มยาอะไรอยู่"
"ก็ต้มยาถอนพิษให้นายใหญ่น่ะสิ"
อาจูมองซิ่วเอ็งอย่างนึกไม่ถึง
ทรงกลดประคองตงเพื่อป้อนยาโดยมีอันช่วยอีกคน หมงทำท่าฮึดฮัดไม่พอใจ
"ยาของอาซิ่มจะได้ผลเหรอ ยังไงผมก็เชื่อมือซินแสมากกว่า"
อาจูยืนมองซิ่วเอ็งที่ยืนสงบเสงี่ยมไม่ตอบโต้หมง
ปอหันไปมองหมอจีนที่กำลังเก็บเข็มใส่กล่อง
"อั๊วฝังเข็มระงับพิษให้ไปแล้ว ตามด้วยยาถอนพิษของอาซิ่ม เถ้าแก่น่าจะดีขึ้นในวันสองวันนี้"
หมงแอบผิดหวังแต่ก็ยังแสดงละครต่อไป
"แต่ยังไงผมก็ไม่วางใจหมอกลางบ้านอย่างอาซิ่ม"
ปอบอก
"ซินแสตรวจสอบยาของคุณซิ่วเอ็งแล้ว ตัวยามีสรรพคุณช่วยถอนพิษได้หมดทุกชนิด เพราะอีรู้ว่านายใหญ่กินยาอะไรไปบ้าง คุณหมงวางใจได้"
"แต่ยังไงผมก็ไม่วางใจ พานายใหญ่ไปโรงพยาบาลดีกว่า"
ทรงกลดเสียงเข้ม
"ออกไป"
ทรงกลดจ้องหมงอย่างมีอำนาจเหนือกว่า เพราะทนฟังคำตลบแตลงของหมงอยู่นานแล้ว
"ออกไป! แกไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจอะไรทั้งนั้น ออกไปได้แล้ว"
"เชิญครับ คุณหมง" อันบอก
หมงทำท่าจะเถียง แต่มองไปมีแต่ฝ่ายตรงข้ามทั้งนั้น ยิ่งอันมาประกบตัวก็ยิ่งไม่กล้าขยับ
"ก็ได้!"
หมงเดินออกไป ทำเป็นฉุนจัด
ทรงกลดหันไปมองตงอย่างกังวลใจอยู่ อาจูแตะแขนทรงกลดให้กำลังใจ
"นายใหญ่จะต้องหายดีค่ะ คุณที"
"ใช่ นายใหญ่จะต้องไม่เป็นอะไร คนดีสวรรค์ต้องคุ้มครอง"
ทรงกลดยังคงมองตงอย่างเป็นห่วงมาก
หมงรีบเร่งมาถึงหน้าห้องเก็บของแล้วพบว่า ห้องถูกคล้องด้วยแม่กุญแจ ล็อคไว้
"โธ่เว้ย!"
มือซิ่วเอ็งส่งลูกกุญแจให้ หมงเงยหน้าขึ้นเห็นเป็นซิ่วเอ็ง
"อั๊วรู้ว่า ลื้อคิดจะทำอะไร"
"ฉันคิดจะทำอะไร ก็เรื่องของฉัน"
หมงจะเดินหนีแต่แล้วก็ต้องชะงัก
"อั๊วช่วยลื้อได้นะ เหมือนกับที่อั๊วช่วยลื้อเรื่องนายใหญ่ยังไงล่ะ"
มุ่ยถือถาดอาหารจะเอามาให้เหมยลี่ต้องหยุดชะงักแอบฟัง
"พูดอะไร ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย"
"อั๊วเข้าใจความจำเป็นของพวกลื้อ ถ้าอีไม่ตาย พวกลื้อก็ต้องตาย เรื่องที่ลื้อเป็นชู้กับเมียนายใหญ่ มันไม่ได้เป็นความลับอีกต่อไปแล้ว ไม่ช้าไม่นานนายใหญ่ก็ต้องยอมรับความจริง เมื่อถึงเวลานั้นลื้อชะตาขาดแน่"
"แล้วซิ่มจะช่วยฉันทำไม"
"อั๊วก็ต้องการปิดปากอาเหมยลี่เหมือนกัน ถ้าอีเปิดปากเมื่อไหร่ อีได้ลากทุกคนลงเหวไปกับอีแน่"
"แล้วเราจะทำยังไง ไอ้ทรงกลดมันคอยจ้องเล่นงานฉันอยู่"
"อั๊วมีวิธีก็แล้วกัน แต่ลื้อต้องช่วยออกแรง"
มุ่ยฟังหมงกับซิ่วเอ็งจนรู้ความจริงทั้งหมด ตกใจถอยหลัง ทำถาดอาหารกระทบผนังจนเกิดเสียง
หมงกับซิ่วเอ็งหันขวับ ซิ่วเอ็งทันเห็นหลังมุ่ยที่เดินหนีไปไวๆ
"นั่นใครน่ะ ใคร"
"อั๊วจัดการเอง"
ซิ่วเอ็งผละออกไปทันที หมงเริ่มร้อนใจ
มุ่ยถือถาดอาหารกลับเข้ามาในครัว วางถาดลงแล้วกุมอกซ้ายเพราะหัวใจเต้นโครมคราม
"ทำยังไงดีๆ! ต้องไปบอกคุณจู ไม่สิ ไปบอกอาปอก่อน"
มุ่ยหันมาอีกทีก็ปะทะเข้ากับซิ่วเอ็งที่โผล่เข้ามาอย่างเงียบเชียบ
"ลื้อจะบอกใคร เรื่องอะไรเหรอ อามุ่ย"
"คุณซิ่วเอ็ง ทำไม! คุณช่วยพวกนั้นทำร้ายนายใหญ่ทำไม"
"ลื้อรู้ไปก็ไม่มีประโยชน์"
"แต่ตอนนี้อั๊วก็รู้มากพอแล้ว อั๊วจะไปบอกความจริงกับทุกคน พวกลื้อจะต้องรับกรรมในสิ่งที่ทำลงไป"
มุ่ยผละจะรีบออกไป แต่ถูกซิ่วเอ็งฟาดด้วยหินบดยาจนหัวแตกและล้มลงไปนอนกับพื้น ตามด้วยการกรอกยาพิษกรอกใส่ปากมุ่ยที่ยังพอมีสติอยู่
"อย่า! อย่า"
มุ่ยส่ายหน้าหนีแต่สู้แรงซิ่วเอ็งไม่ได้ ยาพิษถูกกรอกจนหมดขวด ซิ่วเอ็งถอยออกมาดูผล มุ่ยเริ่มชักกระตุก ตาค้าง ปากอ้าพะงาบๆหายใจไม่ออกแล้วแน่นิ่งไป
ซิ่วเอ็งโล่งใจที่กำจัดมุ่ยได้สำเร็จ ก่อนจะลากดึงตัวมุ่ยออกไป
กลางคืนต่อเนื่อง ทรงกลดนั่งอยู่ข้างเตียงตงด้วยความหวังว่าพ่อจะฟื้นขึ้นมา ปอรับกะละมังใบเล็กใส่น้ำอุ่นจากอันที่เดินถือเข้ามาให้
"อามุ่ยไปไหนซะล่ะ" ปอถาม
"คงอยู่ตึกเล็กมั้งครับ" อันบอก
ปอวางกะละมังไว้ข้างเตียง เอาผ้าขนหนูผืนเล็กชุบน้ำแล้วบิดให้แห้งพอหมาดๆ ทรงกลดดึงผ้าขนหนูจากปอมา
"ผมเองครับ แปะปอไปนอนพักเถอะ เหนื่อยมาทั้งวัน แกด้วย อาอัน"
"ผมอยู่ด้วยดีกว่าครับ" ปอบอก
"ผมอยู่เป็นเพื่อนนายน้อยเอง เตี่ยไปพักเถอะ"
"ไปพักทั้งสองคนแหละ ทำไม กลัวว่า ถ้าป๊าฟื้นขึ้นมาแล้วเห็นหน้าฉัน แล้วจะล้มไปอีกรอบหรือไง"
ปอบอก
"ถ้านายใหญ่ฟื้นขึ้นมา คนที่นายใหญ่อยากเห็นหน้าเป็นคนแรกก็คือ นายน้อยแหละครับ"
"งั้นผมจะไปจัดการเรื่องคุณเหมยลี่"
"ไม่ต้อง ฉันขอจัดการเรื่องนี้เอง ไปๆ ไปนอนได้แล้ว แปะปอ ไปพักเถอะครับ ผมขอเฝ้าป๊าเอง ยังไงคืนนี้ผมก็นอนไม่หลับอยู่แล้ว"
ปอพยักหน้าให้อันเดินออกไปด้วยกัน
ทรงกลดใช้ผ้าขนหนูเช็ดตัวให้ตงอย่างอ่อนโยน
เหมยลี่นั่งซุกอยู่มุมหนึ่งของห้อง ประตูห้องเปิดออก เหมยลี่ถดตัวหนีด้วยความกลัว
หมงถือถาดจานอาหารเข้ามา แล้วต้องรีบวางถาดอาหารแทบไม่ทัน เพราะเหมยลี่พุ่งเข้าไปทุบตีหมงอย่างโกรธแค้น
"ไอ้หมง! ไอ้คนทรยศ! แกหักหลังฉัน! ฉันจะฆ่าแกๆ!"
หมงต้องจับมือเหมยลี่ไว้ให้หยุด
"ฟังฉันก่อน เหมยลี่"
"ไม่ฟัง! แกอย่าคิดนะ แกจะหนีเอาตัวรอดไปได้ ฉันจะแฉเรื่องของแกให้หมด ทั้งเรื่องที่แกพยายามฆ่านายน้อยไม่รู้กี่ครั้ง เรื่องที่แกเป็นชู้กับฉัน"
หมงพูดขัดเสียงดัง
"ฉันไม่ได้คิดเอาตัวรอดคนเดียว ฉันต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อนถ้าเราโดนจับทั้งคู่ แล้วจะมีประโยชน์อะไร ฉันต้องเล่นละครตบตาคนอื่นให้ตายใจ เพื่อรอโอกาสมาช่วยเธอยังไงล่ะ"
เหมยลี่หยุดอาละวาดมองหมงอย่างตริตรอง
"ที่จริงฉันหนีเอาตัวรอดไปตอนนี้เลยก็ได้ แต่ฉันไม่หนี เพราะฉันจะพาเธอไปด้วยฉันทิ้งเธอไปไม่ได้ เหมยลี่"
หมงดึงเหมยลี่เข้ามากอดแสดงละครได้สุดแนบเนียน
"ฉันรักเธอนะ เหมยลี่ เธอเป็นถึงผู้หญิงของหัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์..เธอไม่รู้หรอกว่า ฉันต้องใช้ความกล้าแค่ไหนเพื่อที่จะได้ตัวเธอมาเป็นของฉัน"
เหมยลี่อ่อนลง
"แล้วเธอจะช่วยฉันยังไง"
"เราจะหนีไปด้วยกัน..หนีกันไปตอนนี้ เธอกินข้าวซะ จะได้มีแรง เราคงต้องเดินทางกันทั้งคืน"
"ฉันกินอะไรไม่ลง เราไปกันเลยเถอะ หมง"
"งั้นก็ดื่มน้ำส้มซะหน่อยก็ได้ ดื่มอะไรหวานๆจะได้สดชื่นมีแรง น่า..เชื่อฉัน เรายังพอมีเวลา ไม่ต้องห่วง..."
หมงยกแก้วน้ำส้มคะยั้นคะยอให้เหมยลี่ดื่มจนหมดแก้ว
"ดื่มแล้ว..รู้สึกดีขึ้นจริงๆ ด้วย ... เราจะหนีไปตัวเปล่าๆไม่ได้นะ ฉันมีทั้งเงินสดและเครื่องเพชรเครื่องพลอยที่เก็บเอาไว้"
หมงยิ้มมีนัย
"เธอไม่ต้องห่วง ที่ที่เธอกำลังจะไปไม่จำเป็นใช้เงินใช้ทอง ถ้าเธอต้องการฉันจะส่งตามไปให้"
เหมยลี่เริ่มมึนงง
"เธอพูดอะไรของเธอ."
เหมยลี่เริ่มตาพร่ามัว เบลอๆ และชักเอะใจมองแก้วน้ำส้มที่มียาพิษตกตะกอนอยู่ก้นแก้ว
"หมง! ! แก..แกวางยาฉันใช่มั้ย"
ซิ่วเอ็งก้าวเข้ามาในห้อง
"นังแก่! นังงูพิษ! พวกแก..พวกแกสองคนคิดจะทำอะไรฉัน"
เหมยลี่เริ่มถูกยาพิษจู่โจมจนปวดหัว จลงไปดิ้นกับพื้นอย่างทรมาน หมงมองอย่างแอบสยองอยู่เหมือนกัน แต่ซิ่วเอ็งมองเหมยลี่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
อันกับปอเดินออกจากทางห้องนอนตง
"ผมว่า ผมไปดูคุณเหมยลี่ซักหน่อยดีกว่านะ เตี่ย"
"ทำตามที่นายน้อยสั่งเถอะ"
อันแหย่
"เตี่ยเคยขัดคำสั่งนายใหญ่ซักครั้งในชีวิตมั้ยครับ"
"ไม่เคย"
"ผมก็คิดว่างั้น เตี่ยสละชีวิตเพื่อนายใหญ่ได้ เรื่องขัดคำสั่งคงไม่ต้องพูดถึง"
"ลื้อเองก็ต้องรู้หน้าที่ของลื้อ ถึงนายน้อยไม่ยอมให้ลื้อคอยติดตาม แต่ลื้อก็ห้ามทิ้งหน้าที่ของลื้อ"
"ผมไม่เคยคิดทิ้งหน้าที่ ยิ่งเกิดเรื่องกับนายใหญ่อย่างนี้ ผมก็จะต้องปกป้องนายน้อยอย่างเต็มความสามารถ"
"แล้วหยกมณี...ผู้หญิงของลื้อล่ะ"
อันนิ่งอึ้งไป
"ลื้อจะมีเมีย อั๊วไม่ว่าหรอก แต่ต้องรู้จักจัดลำดับความสำคัญก่อนหลัง ลื้อคงรู้ว่า หน้าที่ต้องมาก่อนเรื่องส่วนตัวเสมอ อย่าทำให้นายใหญ่ผิดหวัง"
ปอตบไหล่อัน มองอย่างไว้วางใจโดยไม่ต้องพูดออกมา
"ครับ เตี่ย"
ปอเดินออกไป อันแอบหนักใจนิดๆที่ต้องแบ่งชีวิตให้ทั้งเรื่องงานและความรัก
เลือดมังกร : สิงห์ ตอนที่ 8 (ต่อ)
เหมยลี่เริ่มสงบขึ้น อาการปวดหัวเริ่มลดลง แต่เกิดอาการงงๆเบลอๆสายตาเลื่อนลอย เพ้อ
"นายใหญ่"
หมงหันมามองซิ่วเอ็งอย่างแปลกใจ
"ซิ่มใส่ยาอะไรให้เหมยลี่กิน"
"ลื้ออยู่เฉยๆ รอดูต่อไป"
"สงสัยยาของซิ่มคงไม่ได้ผล รีบทำอะไรเข้าซักอย่าง ทำให้มันตายซะ"
ซิ่วเอ็งเดินเข้าไปใกล้เหมยลี่โดยไม่สนใจหมงที่เริ่มตื่นตระหนกกลัว
"นายใหญ่..เหมยลี่ผิดไปแล้ว"
"ใช่ ลื้อทำผิดอย่างร้ายแรง! ทำเรื่องเลวทรามต่ำช้า"
"ยกโทษให้เหมยลี่ด้วย"
"ไม่มีใครยกโทษให้ผู้หญิงแพศยาอย่างลื้อ ! ลงโทษตัวเองซะ"
ซิ่วเอ็งยื่นมีดให้เหมยลี่รับไป
"ลงโทษตัวเองซะ"
"ลงโทษตัวเองซะ"
เหมยลี่เกิดอาการประสาทหลอนจากยาพิษของซิ่วเอ็ง เลยทำตามซิ่วเอ็งพูดอย่างคนไม่มีสติ
"โทษของลื้อคือ ตาย! เท่านั้น! ลื้อต้องตาย! ตาย..ตาย"
"ตาย..ตาย..ต้องตาย..ต้องตาย"
เหมยลี่พึมพำตามซิ่วเอ็งพร้อมกับใช้มีดกรีดข้อมือตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หมงยืนมองเหมยลี่ที่มีเลือดอาบข้อมืออย่างตื่นตะลึง
"นายใหญ่...ยกโทษให้เหมยลี่ด้วย ตาย..เหมยลี่ต้องตาย"
ซิ่วเอ็งเดินเข้ามายืนเคียงข้างหมง
"เข้าใจหรือยังล่ะ ใช้ยาหลอนประสาทให้อีฆ่าตายเองอย่างนี้ ก็จะไม่มีใครสงสัยหรือพาดพิงมาถึงเราได้"
หมงทึ่งปนสะพรึงกลัวซิ่วเอ็ง ทั้งสองหันไปมองเหมยลี่ที่ทรุดลงจมกองเลือดไปแล้ว
ทรงกลดยังคงเฝ้าตงอยู่ที่ข้างเตียง อาจูถือถาดชามโจ๊กเดินเข้ามาวางไว้ที่โต๊ะหัวเตียง
"คุณที"
ทรงกลดจ้องมองตงอย่างรอคอยทุกวินาที รอให้พ่อฟื้นขึ้นมา
ทรงกลดใจคอไม่ดี
"ป๊านอนนิ่ง..ไม่ขยับตัวแม้แต่นิดเดียว"
"ซินแสบอกว่า ต้องใช้เวลานะคะ คุณทีไปนอนพักบ้างเถอะค่ะ ฉันเฝ้านายใหญ่ให้เอง"
"ไม่...ฉันจะรอจนกว่าป๊าจะฟื้น"
"งั้นกินอะไรซักหน่อยนะคะ"
"ไม่หิว ไม่กิน"
"ยังไงก็ต้องกินค่ะ เดี๋ยวคุณก็ได้ไม่สบายไปอีกคน"
ทรงกลดหันหน้ามาหาอาจู
"ไม่..กิน"
อาจูอาศัยจังหวะที่ทรงกลดเปิดปากพูด ป้อนโจ๊กใส่ปากทรงกลดเสียเลย
"อาจู!"
อาจูไม่กลัวเสียงดุของทรงกลดยังคงตั้งหน้าตั้งตาตักโจ๊กเพื่อป้อนต่อ
"กินซักนิดซักหน่อยก็ยังดีนะคะ กินซักครึ่งชามก็พอ"
ทรงกลดส่ายหน้า
"งั้นห้าคำ"
ทรงกลดส่ายหน้าอีก
"งั้นสามคำก็ยังดี นะคะ คุณที นะคะ"
ทรงกลดพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ อาจูดีใจรีบป้อนโจ๊กให้อีก
"1คำ 2 คำ"
ทรงกลดกินเสร็จรีบเบือนหน้าหนีทันที
"ยังไม่ครบสามคำเลย"
"รวมคำแรกที่กินไปก็ครบแล้วไง"
"คุณทีขี้โกง"
ทรงกลดยิ้มขำกับท่าทางกระเง้ากระงอดของอาจู
"คุณทียิ้มออก ฉันค่อยสบายใจหน่อย ยิ้มไว้นะคะ ยังไงนายใหญ่จะต้องหายดีอย่างแน่นอน"
อาจูวางชามโจ๊กลงแล้วเอาใช้นิ้วชี้ทั้งสองนิ้วแตะริมฝีปากทรงกลดให้ยืดออกเป็นรอยยิ้มที่ฉีกกว้างขึ้น
"ยิ้มไว้ค่ะ แล้วทุกอย่างก็จะดีเอง"
ทรงกลดจับมืออาจูออกไปแล้วหยิกแก้มอาจูทั้งสองข้าง
"รอยยิ้มของเธอต่างหากที่ทำให้ทุกอย่างดีขึ้น"
ทรงกลดดึงอาจูเข้ามากอดอย่างรู้สึกอุ่นใจขึ้นที่มีอาจูอยู่เคียงข้าง
อาจูมองไปที่ตงที่เริ่มขยับมือเล็กน้อย
"คุณที"
ทรงกลดหันไปตามสายตาของอาจู ทรงกลดรีบตรงเข้าไปหาตง
ตงเริ่มขยับมือไปมา ทรงกลดคว้ามือตงมากุมไว้อย่างมีความหวัง
"ป๊า..ป๊าครับ"
ตงค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างมึนๆงงๆ เห็นทรงกลดอย่างลางเลือน
"ทรง...กลด..."
ทรงกลดจับมือตงไว้แน่นด้วยความดีใจโล่งใจที่สุด
ซิ่วเอ็งยิ้มราวกับรับรู้จากการคำนวณแล้วว่าตงฟื้นคืนสติแล้ว
"นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น"
ซิ่วเอ็งบดยาไปหัวเราะเบาๆอย่างพอใจ แล้วตักยาที่บดเป็นผงใส่ขวดแก้วใบเล็กซึ่งเป็นขวดยานัตถุ์ของตง นางถือขวดยาพิษขึ้นส่องดูกับไฟอย่างพอใจ
บรรยากาศบ้านทรงกลดในตอนเช้า ปอเข็นรถเข็นตงผ่านกลุ่มลูกน้อง 3-4 คนและคนรับใช้ 2 คน ทุกคนต่างพากันค้อมหัวให้อย่างดีใจที่เห็นตงหายดี
เว่ยวิ่งเร็วจี๋เข้ามาแล้วเบรกแทบไม่ทันเกือบชนกับรถเข็นตง
"นายใหญ่หายดีแล้วจริงๆด้วย"
ตงกับปอยิ้มเอ็นดูเว่ย
"รู้ข่าวเร็วจริงๆ" ปอบอก
อาจูกับเง็กเดินตามเข้ามา เว่ยค้อมหัวให้ตง
"ยินดีด้วยนะครับ นายใหญ่"
เง็กบอก
"ยินดีด้วยนะฮ่ะ อั๊วช่วยอะไรไม่ได้ นอกจากสวดมนต์ขอพรให้เจ้าแม่กวนอิมคุ้มครองนายใหญ่ให้ปลอดภัย"
ตงยังไม่มีแรงมากนัก
"ขอบใจ..ขอบใจ"
ปอเข็นรถเข็นตงเพื่อไปที่โต๊ะอาหาร อาจู เง็ก และเว่ยเดินตามหลังไป หมงโผล่พรวดเข้ามาคุกเข่าลงหน้าตง
"ป๊า! ผมดีใจจริงๆ ที่ป๊าไม่ได้เป็นอะไร ผมแทบเป็นบ้า ตอนที่รู้ว่าป๊าถูกวางยาพิษ แล้วผมช่วยอะไรป๊าไม่ได้เลย ผมขอโทษนะครับ ผมขอโทษ"
"ลุกขึ้น" ตงบอก
หมงแสดงละครต่อยังคุกเข่าอยู่ราวกับรู้สึกผิดเสียเหลือเกิน
ทรงกลดกับอันเดินเข้ามา
"ป๊าบอกให้ลุกขึ้นยังไงล่ะ ไอ้ที่พูดไป มีอะไรที่เป็นความจริงบ้างหรือเปล่า"
หมงลุกขึ้นมายืนประจันหน้ากับทรงกลด
"ผมพูดด้วยความจริงใจทุกคำ ถ้านายน้อยจะไม่เชื่อ ผมก็ช่วยอะไรไม่ได้"
ทรงกลดไม่สนใจฟังหมงแม้แต่น้อย, หันไปหาตงอย่างจริงจัง
"เรื่องเหมยลี่..ป๊าจะให้แจ้งตำรวจเลยหรือจะให้ผมสอบปากคำก่อน"
ตงนิ่งเครียดเจ็บปวดใจ รับรู้เรื่องเหมยลี่เป็นคนวางยาพิษแล้ว
ซิ่วเอ็งทำเป็นหน้าตื่นเข้ามา แสร้งทำตกใจ ปากสั่น จนพูดไม่รู้เรื่อง
" นายใหญ่ฮ่ะ นายใหญ่ คุณเหมยลี่ฮ่ะ คุณเหมยลี่"
อันถาม
"เกิดอะไรขึ้นครับ"
"ไปดูเองเถอะฮ่ะ"
ทรงกลดกับอันรีบเดินออกไป ซิ่วเอ็งดึงอาจูไว้เพื่อสั่งไม่ให้เง็กและเว่ยตามไป
"พวกลื้อไม่ต้องไป"
หมงละล้าละลังทำเป็นห่วงตงที่ยังไม่ออกคำสั่ง
ตงนิ่งขรึมรอรับเหตุการณ์ที่จะเจออย่างสุขุมเยือกเย็น
ประตูห้องเก็บของเปิดออกกว้างอยู่แล้ว ทรงกลดกับอันรีบเร่งเข้ามาแล้วต้องชะงักกึก
ปอเข็นรถเข็นตงเข้ามาแล้วต้องพลอยชะงักตามไปด้วย
เหมยลี่นอนตาค้างในมือขวายังกำมีดไว้แน่น เลือดไหลอาบจากข้อมือซ้ายแห้งกรัง ทรงกลดกับอันเข้าไปตรวจสอบศพเหมยลี่
หมงกับซิ่วเอ็งเพิ่งตามเข้ามา
"อั๊วเอาข้าวเช้ามาให้ ก็เห็นอีเป็นแบบนี้แล้ว" ซิ่วเอ็งทำเป็นกลัว "อี..อีตายแล้วใช่มั้ยฮ่ะ"
"คุณเหมยลี่ตายแล้วครับ นายใหญ่ ดูเหมือนว่าจะฆ่าตัวตาย"
"แล้วมีดนี่มาจากไหน"
หมงกับซิ่วเอ็งลอบมองหน้ากัน ไม่ทันคิดถึงเรื่องนี้
"ก็คงหาจากในห้องนี้แหละ ดูซิ ห้องรกจะตาย หามีดซักเล่มไม่น่าจะยาก นี่เหมยลี่คงจะฆ่าตัวตายหนีความผิด"
"หรือไม่ก็ถูกฆ่าปิดปาก"
ทรงกลดจ้องหมงอย่างกล่าวหาตรงๆไม่อ้อมค้อม
"ไม่มีทางที่เหมยลี่จะกล้าลงมือคนเดียว"
ตงมองหมงนิ่งอย่างพิจารณาแต่ยังไม่อยากปักใจเชื่อนัก
ซิ่วเอ็งรีบช่วยหมงเบี่ยงเบนความสนใจมาที่ตัวเอง
"ถ้าอย่างนั้นอั๊วก็มีส่วนร่วมมือกับคุณเหมยลี่ เพราะอั๊วเป็นคนหายามาให้อีเอง ในเมื่ออั๊วทำผิด อั๊วก็ยินดีรับโทษทุกอย่าง"
ปอบอก
"ไม่ใช่ความผิดของคุณซิ่วเอ็งเลย คุณซิ่วเอ็งโดนคุณเหมยลี่หลอกใช้ต่างหาก"
"ผมไม่ได้โทษอาม่านะครับ อาม่าเป็นคนช่วยชีวิตป๊าไว้ บุญคุณครั้งนี้ตอบแทนยังไงก็ไม่หมด ผมจะจดจำไว้จนวันตายเลยครับ"
ตงบอก
"ขอบคุณอาซิ่มมาก..ไม่งั้นอั๊วก็คงตายไปแล้ว"
ซิ่วเอ็งค้อมหัวให้ตงกับทรงกลดอย่างนอบน้อม
"แล้วเรื่องเหมยลี่จะให้ทำยังไงต่อไปครับ นายใหญ่" อันถาม
"โทร.บอกผู้กองชานนท์ ให้อีช่วยจัดการเรื่องนี้ให้เงียบที่สุด"
"ป๊าครับ เรื่องนี้ยังจบไม่ได้"
ตงจ้องศพเหมยลี่อย่างสังเวชใจ
"พาอั๊วออกไป อาปอ"
ปอเข็นรถเข็นตงออกไป หมงเดินลอยชายตามตงไป ทรงกลดกับอันมองหน้ากันอย่างจำนน ที่เอาเรื่องหมงไม่ได้
อาจูเดินออกมาส่งเง็กกับเว่ย พอดีกับเคี้ยงเดินเข้ามาพร้อมกับอิก เว่ยรีบเดินมากางกั้นเง็กกับอาจูไว้ทันที
"มาทำไมตอนนี้ บ้านเรากำลังมีเรื่องวุ่นวายอยู่"
เง็กดุ
"อาเว่ย! เรียก อาเจ็ก ก่อน" เง็กบอก
"เจ็กเคี้ยง"
เคี้ยงยิ้มและรออาจูจะเรียกเขาว่าอะไร อิกยืนเยื้องหลังเคี้ยง ทำท่าหน่ายๆที่เคี้ยงมาง้องอนลูกเมีย
"อาจู!"
"เสี่ยเคี้ยง"
เคี้ยงห่อเหี่ยวใจที่อาจูไม่ยอมเรียกว่า “ป๊า”และมองเคี้ยงเหมือนคนแปลกหน้า
"ม้ากับเว่ยเข้าไปก่อนนะ หนูกลับไปที่ตึกใหญ่ดีกว่า"
อาจูผละออกไปโดยไม่ชายตามองเคี้ยงแม้แต่น้อย
"เฮียมีธุระอะไร"
"อั๊วผ่านมาแถวนี้ ก็เลยแวะเอาของเล็กๆน้อยๆมาฝาก"
อิกถือตะกร้าใหญ่บึ้ม มีแอ๊ปเปิ้ล สาลี่ ลูกพลับหรืออาหารกระป๋องจากเมืองนอก
"ของแพงๆอย่างนี้ อั๊วคงรับไว้ไม่ได้"
เง็กยังพูดไม่ทันขาดคำ เว่ยรับตะกร้าของจากอิกมาทันที แล้วตัดบท
"ขอบคุณครับ เจ็กเคี้ยง เจ็กมีธุระกับอาม้าแค่นี้ใช่มั้ยครับ"
อิกไม่ชอบใจที่เว่ยทำทีไล่เคี้ยงไปอย่างไม่เกรงใจ
"รู้มั้ยว่า พูดอยู่กับใคร" อิกถาม
"รู้ ! ผมพูดอยู่กับเสี่ยเคี้ยง หัวหน้าแก๊งเต่ามังกร แก๊งที่ทำการค้าผิดกฎหมายทุกรูปแบบ ถ้าแก๊งเขี้ยวสิงห์เป็นสีขาว แก๊งเต่ามังกรก็เป็นสีดำ"
"พูดมากไปแล้ว อาเว่ย ไปได้แล้ว ไป"
เว่ยมองอิกอย่างไม่กลัวแล้วถือตะกร้าของเดินเข้าไปในตึกเล็ก
"อั๊วขอโทษแทนอาเว่ยด้วย" เง็กบอก
"ไม่เป็นไร อั๊วไม่ถือ เด็กกล้าๆอย่างนี้ อั๊วชอบ..เรื่องที่ลื้ออยากให้อั๊วเลิกทำการค้าผิดกฎหมาย"
อิกนิ่งฟังหูผึ่ง
"อั๊วคงยังเลิกไม่ได้ในตอนนี้ อั๊วมีลูกน้องที่จะต้องดูแลเป็นร้อย แต่อั๊วจะค่อยๆเลิกก็แล้วกันนะ เมื่อไหร่ที่อั๊วมือสะอาด อั๊วจะกลับมาหาลื้ออย่างเต็มภาคภูมิ ลื้อรออั๊วได้มั้ย อาเง็ก"
อิกมองเคี้ยงอย่างหมดศรัทธาและทำให้ตัดสินใจได้ว่าเคี้ยงไม่เหมาะที่จะเป็นหัวหน้าแก๊งอีกต่อไป
"ที่อั๊วอยากให้ลื้อกลับตัวกลับใจไม่ใช่เพื่ออั๊ว แต่เพื่อตัวลื้อเอง ทั้งโรงฝิ่นทั้งบ่อนของลื้อฆ่าคนตายไปแล้วไม่รู้กี่ร้อยกี่พันคน ลื้อไม่รู้หรอกว่า ลูกเมียของคนที่ติดฝิ่นติดบ่อนต้องทุกข์ทรมานขนาดไหน"
เง็กนึกถึงตัวเองที่เหลียงติดการพนันที่บ่อนจนหมดตัวและฆ่าตัวตาย
"ถ้าแก๊งเต่ามังกรมาอยู่ฝ่ายเดียวกับแก๊งเขี้ยวสิงห์ อาจูจะรับอั๊วเป็นพ่อมั้ย"
"อั๊วไม่รู้ ลื้อต้องไปถามอีเอง ต่อไปไม่ต้องผ่านมาแถวนี้บ่อยๆล่ะ"
เง็กเดินออกไป เคี้ยงรู้สึกว่าการง้องอนลูกเมียไม่คืบหน้าเลย เง็กแอบหันกลับมามองเคี้ยง
เคี้ยงนิ่งคิดแล้วฮึดสู้เพื่อเอาลูกเมียกลับคืนมาให้ได้
อาจูเดินมาจากทางตึกเล็กเพื่อไปทางบ้านใหญ่ เคี้ยงเดินเร็วๆจนตามอาจูได้ทันแล้วรีบไปขวางหน้าไว้
"อาจู"
"เสี่ยจะกลับแล้วเหรอคะ คงไม่ไปส่งนะคะ"
อาจูเดินหลีกเคี้ยงจะเดินออกไป แต่เคี้ยงไปขวางหน้าไว้อีก
"เดี๋ยว..เดี๋ยว..อย่าเพิ่งไป..เรายังไม่มีโอกาสได้คุยกันเลย"
"อาม้าเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้หนูฟังแล้ว หนูรู้..ไม่ใช่ความผิดของเสี่ย อาม้าหนีเสี่ยมาเอง แล้วหนูก็ยอมรับความจริงได้ ว่าเสี่ยเป็นพ่อหนู แต่หนูทำอะไรให้เสี่ยมากกว่านี้ไม่ได้"
"แม้แต่เรียกอั๊วว่า “ป๊า” ก็ไม่ได้งั้นเหรอ"
อาจูนิ่งไม่ตอบ เป็นการยอมรับว่าเรียกไม่ได้จริงๆ
"ลื้อรู้มั้ยว่า อั๊วเคยบอกอาเง็กว่า ถ้าเรามีลูกชายจะให้ชื่อว่า อาฮก ถ้ามีลูกสาวก็ให้ชื่อว่า ป๋อจู...จิวป๋อจู อั๊วไม่นึกเลยว่า อั๊วจะมีบุญวาสนาได้มีลูกสาวที่เพียบพร้อมอย่างลื้อ..สมชื่อ ป๋อจู ไข่มุกที่มีค่าจริงๆ เออ...อั๊วมีอะไรจะให้"
เคี้ยงง่วนหยิบสร้อยเต่ามังกรออกมา แต่อาจูขัดขึ้นเสียก่อน
"ยังไงหนูก็เป็นอาจูคนเดิม ไม่มีวันที่หนูจะเป็นจิวป๋อจูของเสี่ยได้หรอกค่ะ"
อาจูเดินออกไป เคี้ยงถือสร้อยที่จี้เป็นรูปเต่ามังกรค้างกลางอากาศ
เง็กเข้ามาแอบมอง เห็นหน้าจ๋อยๆของเคี้ยงแล้วก็รู้สึกเริ่มเห็นใจสงสาร
"ป๋อจู...ป๊าอยากให้สร้อยเต่ามังกรกับลื้อ..ให้ลื้อเก็บไว้ดูต่างหน้า แต่หน้าป๊าลื้อก็ยังไม่อยากจะมอง"
เคี้ยงรำพึงรำพันทั้งๆที่อาจูเดินออกไปแล้ว อิกก้าวเข้ามามองเคี้ยงอย่างสมเพช
ซิ่วเอ็งกำลังต้มยาจีนอยู่ คนรับใช้ 2 คนเตรียมอาหารกลางวันอยู่อีกมุม ทั้งสองซุบซิบเรื่องเหมยลี่กันอยู่
คนรับใช้1บอก
"เกิดอะไรขึ้น อยู่ดีๆ ทำไมอีถึงฆ่าตัวตาย"
คนรับใช้2 บอก
"ก็ที่นายใหญ่ไม่สบายยังไง"
ซิ่วเอ็งพูดเสียงดัง
"เรื่องของเจ้านายไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกลื้อ หยุดซุบซิบนินทา แล้วรีบทำงานเข้า จะเที่ยงอยู่แล้ว"
ปอเดินเข้ามามองหามุ่ย
"ใครเห็นอามุ่ยบ้าง"
คนรับใช้1บอก "ไม่เห็นค่ะ"
คนรับใช้2 บอก "ที่ตึกเล็กก็ไม่อยู่นะคะ"
ซิ่วเอ็งเช็ดมืออย่างใจเย็นแล้วเดินมาหาปอ
"อามุ่ยขอลากลับบ้านไปเมื่อเช้านี้ เห็นว่าญาติป่วยหนัก"
อาจูเดินเข้ามาชะงักหยุดฟังอยู่ห่างๆ
"อามุ่ยอยู่ตัวคนเดียว ไม่มีญาติที่ไหน"
อาจูจ้องมองซิ่วเอ็งว่าจะตอบยังไง ซิ่วเอ็งชะงักนิดเดียวแล้วรีบตอบทันที
"อ้าว! นี่อีโกหกอั๊วเหรอเนี่ย ทำไมต้องโกหกกันด้วย"
"อามุ่ยมีปัญหาอะไร ทำไมไม่มาคุยกันก่อน"
"หรือว่าที่อามุ่ยเปิดโปงจนทำให้คุณเหมยลี่ฆ่าตัวตาย อีก็เลยรู้สึกไม่สบายใจ คงอยากไปพักสงบสติอารมณ์ที่ไหนซักที่ล่ะมั้ง"
"อีมาขออั๊วดีๆก็ได้ ทำไมหนีไปโดยไม่บอกไม่กล่าว นี่ไม่ใช่นิสัยของอามุ่ยเลย แปลกจริง"
ปอเดินออกไป ซิ่วเอ็งแอบถอนใจอย่างโล่งอกแล้วต้องชะงักที่เห็นอาจูมองมาอย่างแคลงใจ
ตงเทยานัตถุ์ใส่ที่สูด แล้วสูดยาเข้าจมูกอย่างชื่นใจ ปอวางถ้วยน้ำชาให้แล้วต้องส่ายหัว"เพิ่งหายป่วยแท้ๆ"
"ก็คนมันเลิกไม่ได้จริงๆ จะให้ทำยังไง"
"ตอนนี้นายใหญ่รู้สึกยังไงบ้างครับ"
"ยังไม่ค่อยมีแรงเท่าไหร่ อาซิ่มบอกว่า คงเป็นเดือนกว่าอั๊วจะแข็งแรงอย่างเดิม อั๊วไม่มีแรงสอนไทเก๊กอาเว่ยแล้ว ฝากให้ลื้อสอนแทนที" ตงยิ้มขำเมื่อนึกถึงเว่ย
"ได้ครับ นายใหญ่เก็บแรงไว้สอนไทเก็กหลานชายคนแรกก็แล้วกัน"
ตงยิ้ม
"หลานชายหรือหลานสาวก็ได้..คงอีกไม่นานเกินรอ"
ทรงกลดกับอันเดินหน้าเครียดเข้ามา
"ป๊าครับ"
ทรงกลดหันไปมองหน้าอัน ต่างไม่อยากจะบอกข่าวร้ายกับตงที่เพิ่งเจอเรื่องหนักมา
"มีอะไรก็พูดมา"
"เกิดอะไรขึ้นครับ นายน้อย"
"แปะสุงตายแล้วครับ ป๊า"
ตงนิ่งอึ้งไปหลายอึดใจ ไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นจริง
"เฮียสุง...เฮียสุงตายยังไง"
"เถ้าแก่สุงถูกฆ่าตายครับ"
"ถ้าป๊าไปไม่ไหว..ผมไปงานศพแทนป๊าเอง"
"ไม่ได้! อั๊วต้องไป..อั๊วต้องไปเคารพศพพี่ใหญ่ของอั๊ว..เป็นครั้งสุดท้าย"
ตงเจ็บปวดที่สูญเสียสุงที่เปรียบเหมือนพี่ใหญ่ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขมาอย่างยาวนาน
เช้าวันใหม่ ทรงกลดกับตงมาร่วมงานศพสุง โดยมีภรพ ธาม คณินและหงส์ร่วมอยู่ในงาน
ตงน้ำตาไหลอยู่หน้าสุสานสุงและทรงกลดกับเพื่อนๆที่อยู่ในงานศพ
ทรงกลด ภรพ ธาม คณินและหงส์นั่งอยู่ที่โต๊ะกลางร้านฉั่วเทียนเหลา ไม่มีลูกค้าโต๊ะอื่นเลย
คณินลุกขึ้นยืนเปิดการประชุมแบบสบายๆ
"ก่อนอื่นเราต้องแสดงความยินดีกับนายน้อยแก๊งเขี้ยวสิงห์ก่อน ที่ได้สละโสดเป็นคนแรก"
คณินรินเหล้าให้ทรงกลด ภรพ ธามแล้วจะรินให้หงส์ แต่ธามเอามือปิดแก้วไว้ไม่ให้หงส์ดื่มเหล้า
ธามมองคณินอย่างเตือน คณินหดมือกลับแล้วรินเหล้าให้ตัวเองแทน
ทรงกลดมองไปทางหงส์ที่ยังไว้ทุกข์ให้สุงผู้เป็นพ่ออยู่
"นี่มันใช่เวลาหรือเปล่า"
"อย่าให้เรื่องของหงส์ทำให้พวกเฮียหมดสนุกเลยนะ"
"นั่นสิ เพื่อนมีเมียทั้งที ไม่ฉลองกันหน่อยหรือไง" คณินบอก
"เอาไว้ฉลองทีเดียวตอนทรงกลดได้ขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์ดีกว่า" ภรพว่า
"แต่ข่าวออกมาว่า เจ็กตงจะให้นายหมงขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งไม่ใช่เหรอ" ธามบอก
"ป๊าตั้งใจไว้ว่างั้น แต่ยังไงฉันก็ไม่ยอมให้ไอ้หมงขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งอย่างเด็ดขาด"
"แกเหมาะเป็นหัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์ที่สุดแล้ว" ภรพบอก
"แล้วเฮียก็เหมาะที่จะเป็นนายกสมาคมฯแทนป๊าของหงส์ด้วย"
คณินบอก
"ใครๆก็รู้ว่า แก๊งที่จะได้เป็นนายกสมาคมฯต่อจากแก๊งหงส์ดำ ก็คือ แก๊งเขี้ยวสิงห์ เราห้าแก๊งก็ห้าเสียงเข้าไปแล้ว ขออีกแค่หกเสียง ไม่น่าจะยากอะไร"
ธามนิ่งคิด รู้ว่าเสี่ยเล้งเป็นคู่แข่งที่น่ากลัว
"ฉันจำเป็นต้องขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์ แต่เรื่องตำแหน่งนายกสมาคมเลือดมังกร ฉันยังไม่ตัดสินใจ"
ธามบอก
"ยังไงแกก็ต้องขึ้นเป็นนายกสมาคมฯคนต่อไป ไม่งั้นนโยบายกวาดล้างธุรกิจผิดกฎหมายที่เราตั้งเป้าหมายไว้ ก็จะไม่เป็นผล"
ภรพตบไหล่ทรงกลด
"นี่เป็นภาระหน้าที่ที่แกจะต้องทำ ! ทรงกลด"
ทรงกลดหนักใจแต่ก็ยอมรับภาระหน้าที่อันหนักหน่วงนี้ไว้
อันยืนอยู่ที่ทางเข้าของร้านเพื่อกันคนนอกเข้าร้าน หยกมณีแอบมาข้างหลังโดยที่อันรู้ตัวอยู่แล้วแล้วเอามือปิดตาอันไว้
"ใครเอ่ย"
"น้องโบตั๋น"
อันแกล้งเอ่ยชื่อนักร้องอีกคนในฉั่วเทียนเหลา หยกมณีทุบไหล่อันเต็มแรง
"นี่แน่ะ น้องโบตั๋น"
อันจับมือหยกมณีไว้ ไม่ให้ทำร้ายร่างกายโดยง่าย
"ล้อเล่นก็ไม่ได้ ขี้งอนแล้วยังขี้หึงอีกนะ เรา"
"หยกบอกแล้วว่า หยกนิสัยไม่ดี เฮียจะถอนตัวตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว หยกได้ฤกษ์แต่งงานมาแล้ว"
หยกมณีชูกระดาษสีแดง ที่เขียนฤกษ์วันแต่งงาน โบกไปมา
อันพูดแหย่
"ปลายปีหน้าใช่มั้ย"
"ปลายปีนี้ต่างหาก อีกสามเดือน เฮียเตรียมตัวให้พร้อมล่ะ"
"ได้ เฮียพร้อมทุกเมื่อ หยกจะไปสู่ขอเฮียเมื่อไหร่ก็ได้"
"ยังจะมาพูดเล่นอีก เราจะแต่งงานกันจริงๆนะ เฮีย หยกไม่ต้องการสินสอด ไม่ต้องการงานแต่งงานใหญ่โต ขอให้หยกได้แต่งงานกับเฮียอย่างถูกต้อง ขอให้ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของเฮียก็"
อันโอบไหล่หยกมณีไว้
"ไม่ต้องห่วง เราจะต้องได้แต่งงานกันแน่ เฮียคุยกับเตี่ยแล้ว เตี่ยไม่ขัดข้องอะไร อีกไม่กี่วันสมาคมเลือดมังกรจะเปิดประชุมใหญ่ นายใหญ่จะต้องตัดสินใจเรื่องหัวหน้าแก๊งคนใหม่"
"ถ้านายน้อยได้ขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์ งานเฮียยิ่งหนักไม่ใช่เหรอ"
"งานเบาลงต่างหาก เพราะเฮียจะได้ขึ้นเป็นหัวหน้าบอดี้การ์ด เฮียก็ใช้งานลูกน้องไปสิ จริงมั้ย"
หยกมณียิ้มพอใจ แต่อันพยายามคิดไปทางดีไว้ก่อน
ทรงกลดเดินออกมาจากโต๊ะ ธามเดินตามมาอย่างเป็นห่วง
"ทรงกลด"
"เรื่องตำแหน่งนายกสมาคมฯ ถ้าแกไม่เห็นด้วย ก็บอกมาได้เลย" ทรงกลดบอก
"ฉันเห็นด้วย แต่ไม่คิดว่าแกจะได้ตำแหน่งมาง่ายๆ ยุคนี้เป็นเรื่องของผลประโยชน์มาก่อนความถูกต้อง แล้วคู่แข่งของแกคราวนี้มีทั้งเงินและอำนาจ"
"ใครวะ"
"เสี่ยเล้ง"
ทรงกลดนิ่งอึ้งไป ไม่เคยมีปัญหากับเสี่ยเล้ง ขณะที่ธามมีเสี่ยเล้งเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่ง
"เจ็กเล้งไม่เคยมีท่าทีว่าอยากขึ้นมาเป็นใหญ่เลยนี่หว่า"
"ไม่มีใครรู้จักเสี่ยเล้งดีเท่าฉันแล้ว แกอย่าได้ประมาท"
"ไม่ต้องห่วง งานนี้ฉันทุ่มสุดตัว ความดีต้องชนะความชั่วสิวะ"
ธามยิ้มขมขื่น
"ก็ไม่เสมอไป คนดีๆตายด้วยฝีมือคนชั่วๆมานักต่อนักแล้ว"
"ถ้าฉันแพ้การเลือกตั้งนายกฯ ครั้งนี้ ฉันก็ยินดีที่จะอยู่กับความพ่ายแพ้ แต่ไม่ยอมอยู่ข้างความไม่ถูกต้อง แต่เราต้องชนะว่ะ ธาม เราต้องชนะ"
ทรงกลดตบไหล่ธามอย่างมั่นใจ
อันถือกระดาษจดรายการเตรียมการแต่งงานยาวเหยียดของหยกมณี อันก้มลงอ่านแล้วอ่านอีกแล้วเงยหน้ามองหยกมณี
"เรามีเรื่องต้องเตรียมตัวเยอะขนาดนี้เลยเหรอ หยก ไหนว่าเราจะจัดงานเล็กๆไง"
"ก็นี่แหละงานเล็กๆ แต่เราต้องจัดพิธีอย่างถูกต้องตามประเพณี ถ้าเฮียคิดว่ามันลำบากนัก เราไปจดทะเบียนที่อำเภอก็พอ ไม่ต้องมีงานแต่ง"
"ก็ดีนะ"
"หยกประชด"
"เฮียก็พูดเล่น หยกอยากจัดงานแต่งยังไง ตามใจหยกทุกอย่าง"
"หยกไม่เคยคิดเลยว่า ชีวิตนี้หยกจะได้แต่งงานกับเค้า ขอบคุณเฮียมากที่ทำให้ความฝันของหยกเป็นความจริง..วันนั้นหยกจะต้องมีความสุขมาก"
ทรงกลดเดินเข้ามา หลังจากยืนฟังตั้งแต่ต้น
"ถ้างั้นจัดงานแต่งใหญ่ๆไปเลย อาอันแต่งงานทั้งทีจัดงานเล็กๆได้ยังไง ฉันจะเป็นเจ้าภาพให้เอง"
ทรงกลดตบไหล่อันจนไหล่ทรุด
"เป็นเพื่อนกันหรือเปล่าวะ ไม่บอกกันเลยนะ"
"ผมกับหยกเพิ่งตกลงกันน่ะครับ"
"ยินดีด้วยนะ หยก ฉันขอตัวอาอันช่วยงานอีกซักหน่อย แล้วจะยกอาอันให้เป็นสิทธิ์ขาดของเธอเลย"
หยกมณียกมือไหว้ พูดเสียงใส
"ขอบคุณค่ะ นายน้อย"
"อ้าว! ไม่ถามกันก่อนซักคำหรือครับ นายน้อย"
ทรงกลดยิ้มขำ
หยกมณีถือกระดาษฤกษ์วันแต่งเดินเข้ามาพลางดูฤกษ์แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างสุขใจ อิกกระตุกใบฤกษ์ไปจากมือหยกมณี
"ฤกษ์วันแต่งงาน คิดดีแล้วเหรอ หยก ไอ้อันมันเป็นแค่ลูกน้องกระจอกๆ"
"เฮียอันเป็นมือขวาของนายน้อยแก๊งเขี้ยวสิงห์"
"แต่เฮียเป็นมือขวาของหัวหน้าแก๊งเต่ามังกร ศักดิ์ศรีเหนือกว่ามันเยอะ"
"อีกไม่นานนายน้อยจะต้องได้ขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊ง"
อิกชักสนใจ
"ไม่ใช่คุณหมงงั้นเรอะ แล้ววันนี้ใครเป็นคนสั่งปิดฉั่วเทียนเหลา"
หยกมณีปิดปากเงียบทันที
"ถ้าอยากรู้ เฮียคงต้องไปสืบข่าวจากคนอื่น"
"หยกอย่าคิดเป็นศัตรูกับเฮียดีกว่า อีกไม่นานเฮียก็จะได้เลื่อนตำแหน่งได้ขึ้นเป็นใหญ่กับเค้าแล้ว"
"เฮียจะย้ายแก๊งงั้นเหรอ"
อิกยิ้มไม่ตอบคำถามตรงๆ
"หยกไปคิดดูใหม่ จะแต่งงานกับลูกน้องที่ไม่มีอนาคตอย่างไอ้อันหรือว่าแต่งงานกับเฮียที่มีตำแหน่งหัวหน้าแก๊งรออยู่"
อิกโยนกระดาษฤกษ์แต่งงานทิ้ง แล้วเดินออกไป หยกมณีสงสัยที่อิกคุยโม้
ตงนั่งบนรถเข็น ในมือถือขวดยานัตถุ์ นิ่งคิดเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้น เมื่อทรงกลดเปิดโปงเรื่องหมงเป็นชู้กับเหมยลี่
"เกิดอะไรขึ้นเมื่อคืน"
"เกิดเรื่องอัปรีย์ในบ้านนี้น่ะสิครับ ผมจับได้ว่า ไอ้หมงกับเหมยลี่เป็นชู้กัน"
ตงนิ่งทบทวนดูใหม่อีกครั้ง
ทรงกลดจ้องหมงอย่างกล่าวหาตรงๆไม่อ้อมค้อม
"ไม่มีทางที่เหมยลี่จะกล้าลงมือคนเดียว"
ตงทบทวนเรื่องหมงกับเหมยลี่และเรื่องที่ถูกวางยาพิษ
ปอเดินเข้ามาเอาผ้าห่มมาห่มที่ตักตงให้
"วันนี้อากาศเย็นนะครับ"
"ความตายอยู่ใกล้ตัวจนเราคิดไม่ถึง"
"เรื่องเถ้าแก่สุง...นายใหญ่อย่าคิดมากเลยนะครับ"
"เพราะอะไรเหมยลี่ถึงต้องการจะฆ่าอั๊ว"
หมงย่องเข้ามายืนแอบฟัง
ตงพูดเสียงเรียบ
"เรื่องหมงกับเหมยลี่เป็นความจริงใช่มั้ย"
ปอนิ่งอึ้งไม่กล้ารับไม่กล้าปฏิเสธ ขณะที่หมงตกใจที่ตงเริ่มสงสัย
"อั๊วสอนคนแก๊งเขี้ยวสิงห์เสมอว่า ศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด แต่ไอ้ศักดิ์ศรีนี่แหละที่ทำให้อั๊วตามืดบอดไม่ยอมรับความจริง ถึงเวลาแล้วที่อั๊วจะต้องวางตำแหน่งชื่อเสียงลง แล้วยอมรับความจริง"
"เรื่องการแต่งตั้งหัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์ นายใหญ่ตัดสินใจใหม่แล้วใช่มั้ยครับ"
"พรุ่งนี้อั๊วจะประกาศแต่งตั้งให้ทรงกลดเป็นหัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์!"
หมงผิดหวังแล้วเริ่มโกรธแค้น รีบผละออกไป ตงตัดสินใจแน่วแน่แล้ว
หมงลากซิ่วเอ็งมาที่มุมลับตาคน
หมงพูดรัวเร็ว
"ป๊าจะฆ่าฉัน ป๊าจะต้องฆ่าฉันแน่ๆ ซิ่มต้องช่วยฉัน! เราคงจะใช้แผนเดิมไม่ได้ ทีนี้เราจะทำยังไงดี ทำไงดี"
"เกิดอะไรขึ้น ค่อยๆพูดก็ได้"
"ป๊าเชื่อไอ้ทรงกลดแล้ว เรื่องที่ฉันเป็นชู้กับเหมยลี่ แล้วคงคิดว่า ฉันร่วมมือกับเหมยลี่วางยาป๊า ไม่มีทางที่ป๊าจะปล่อยฉันไว้ คราวนี้ฉันต้องตายแน่ๆ"
"ใจเย็นๆ อั๊วจัดการให้ลื้อแล้ว"
"จัดการอะไร ฉันไม่เห็นว่าซิ่มจะทำอะไรเลย"
"ถ้าอั๊วทำให้ลื้อเห็น คนอื่นก็ต้องเห็นด้วยใช่มั้ยล่ะ เชื่ออั๊ว นายใหญ่ทำอะไรลื้อไม่ได้แน่ๆ"
"ซิ่มหาทางฆ่าป๊าได้แล้วเหรอ"
"อั๊วไม่ปล่อยให้อีตายหรอก มันสบายเกินไป อีต้องทรมานก่อน ทรมานจนอยากจะตายเอง อย่างนั้นมันถึงสาสมกับสิ่งที่อีทำลงไป"
หมงมองซิ่วเอ็งอย่างไม่เข้าใจอะไรเลย
ทรงกลดกับอันเดินเข้ามา
"ป๊าเรียกฉันไปพบ มีอะไร"
"ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่เตี่ยบอกว่า เป็นข่าวดี"
ปอเข็นรถตงเข้ามา
"เข็นเร็วๆหน่อย หยุดๆ อั๊วเดินเองดีกว่า"
ตงลุกขึ้นจากรถเข็น เดินช้าๆตรงไปหาทรงกลด
ทรงกลดกับตงเดินเข้าหากัน ทรงกลดรีบสาวเท้าเดินเร็วขึ้น
"มีอะไรหรือครับ ป๊า"
ตงหยุดชะงักเมื่อรู้สึกตัวชาไปทั่วร่าง ขวดยานัตถุ์ร่วงหล่นลงพื้นแตกละเอียด
"ป๊า"
ตงตัวแข็งทื่อล้มทั้งยืนโดยที่ทรงกลดรับไว้ได้ทัน
อัน/ปอโพล่งเรียก
"นายใหญ่!"
ตงตาค้าง ตัวเกร็งอยู่ในอ้อมกอดของทรงกลด
"ป๊า"
ทรงกลดประคองตงไว้อย่างตกใจ
ตงนอนอยู่บนเตียง ลืมตาแต่ตัวแข็งนิ่งไม่กระดิก หมอจีนกำลังตรวจชีพจรอยู่
ทรงกลดรอฟังคำตอบจากหมอจีนอย่างกังวลใจ
"คราวนี้อั๊วจนปัญญาจริงๆ อั๊วไม่รู้จริงๆว่า เถ้าแก่เป็นอะไร"
อันกับปอมองหน้ากันอย่างร้อนใจ
"แต่ซินแสต้องรักษาป๊าให้หายนะครับ"
"อั๊วจะรักษายังไง อั๊วไม่รู้ว่า อีเป็นอะไร"
อาจูกับซิ่วเอ็งถือถาดชามยาจีนมาคนละถาด
"อั๊วฝังเข็มให้ก็แล้ว ให้กินยาของอาซิ่มไปไม่รู้กี่ขนาน ก็ไม่ได้ผลอะไรเลย อั๊วบอกตรงๆ ลื้อต้องพาไปหาหมออื่นแล้ว"
หมอจีนเก็บเครื่องมือใส่กระเป๋าแล้วหันมาค้อมหัวให้ตง
"อั๊วขอโทษจริงๆ เถ้าแก่ สุดความสามารถอั๊วแล้วจริงๆ"
หมอจีนเดินออกไป อาจูหันไปปลอบทรงกลด
"เดี๋ยวนายใหญ่กินยาของอาม่าแล้วคงจะดีขึ้น"
ทรงกลดหันมามองซิ่วเอ็งที่ทำหลบตาอยู่
"อาม่าครับ...ป๊าผมเป็นอะไร อาม่ารักษาป๊าได้ใช่มั้ย"
"อาการของนายใหญ่เป็นอาการของคนเป็นอัมพาต เป็นอัมพาตไปทั้งตัว"
ซิ่วเอ็งเดินเข้าไปใกล้ตง โดยหันหลังให้ทุกคน แล้วยิ้มอย่างพอใจใส่ตงโดยที่คนอื่นๆในห้องไม่เห็น
"ขยับเขยื้อนไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้ว..แต่หูยังฟังได้ยิน ตายังมองเห็น แต่ปากพูดไม่ได้..อั๊วเคยเห็นคนมีอาการอย่างนี้มาแล้ว"
"แล้วต้องรักษายังไง"
ซิ่วเอ็งหันกลับมามองทรงกลดเปลี่ยนสีหน้าเป็นสลด
"โรคอย่างนี้เรียกว่าโรคเวรโรคกรรม ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้ยังไง รักษาไม่มีทางหายยาของอั๊วคงช่วยได้แค่ประทังไม่ให้เป็นอะไรไปมากกว่านี้"
"ป๊า"
อาจู อันและปอนิ่งอึ้งหาคำพูดมาปลอบทรงกลดไม่ได้ ตงจ้องมองซิ่วเอ็งอย่างสงสัยในรอยยิ้มแปลกประหลาด
ทรงกลดเดินมาทรุดตัวลงที่เก้าอี้อย่างหมดแรง อาจูเดินเข้ามาหาทรง
"รักษาไม่มีทางหาย..ป๊าจะเป็นอย่างนี้ไปตลอดชีวิต..งั้นเหรอ"
"คุณที"
อาจูตรงเข้าสวมกอดทรงกลดเพื่อปลอบใจ
"อย่าเพิ่งหมดหวังนะคะ"
"เรายังไม่หมดหวังงั้นเหรอ"
"ยังค่ะ เราจะช่วยกันหาทางรักษานายใหญ่ให้หาย นายใหญ่จะต้องกลับมาเหมือนเดิม"
อาจูพูดไปน้ำตาไหลไปเพราะใจเสียไม่รู้ว่าตงจะหายได้จริงหรือเปล่า
"เราอย่าโกหกตัวเองเลย อาจู"
ทรงกลดเช็ดน้ำตาให้อาจู รู้ว่าอาจูพยายามปลอบแต่ตัวเองก็ร้องไห้เสียเอง
"คุณที..เราจะทำยังไงกันดี"
"เราต้องกล้ายอมรับความจริง ไม่ว่าความจริงจะทำให้เราเจ็บปวดแค่ไหนก็ตาม..ฉันไม่เข้าใจอย่างเดียว ทำไมเราต้องเจอเรื่องร้ายๆแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า หรือว่าเธอคือเรื่องดีๆเรื่องเดียวที่เกิดขึ้นในชีวิตฉัน"
ทรงกลดกอดอาจูไว้แล้วหลับตาอย่างไม่ขอรับรู้อะไรแม้เพียงครู่เดียวก็ยังดี....
จบตอนที่ 8