เลือดมังกร : สิงห์ ตอนที่ 9
เช้าวันใหม่ ในบรรยากาศเงียบสงบกว่าปกติของบ้านทรงกลด
กรรมการแก๊งนับสิบคนทยอยเดินเข้าไปในบ้าน ทรงกลดเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งขรึมพร้อมที่จะเป็นผู้นำเพื่อจัดการปัญหาทุกเรื่องที่กำลังดาหน้าเข้ามา มีอันกับปอเดินตามหลัง
ทรงกลดหยุดยืน แต่ดูมีอำนาจต่อหน้ากลุ่มกรรมการแก๊งรุ่นอาวุโสทั้งหลาย อันกับปอหยุดยืนเยื้องหลังขนาบซ้ายขวาของทรงกลด
ปอประกาศ
"ผมขอประกาศให้ทุกคนรู้ว่า นับตั้งแต่นี้ต่อไป นายน้อยทรงกลดจะขึ้นดำรงตำแหน่งหัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์ มีอำนาจหน้าที่เทียบเท่านายใหญ่ทุกประการ"
กรรมการนิ่งฟังไม่โต้แย้ง ความเป็นลูกชายแท้ๆของทรงกลดมีสิทธิ์ที่จะขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งอยู่แล้ว
"ผมจะทำหน้าที่หัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์จนกว่านายใหญ่จะหายจากอาการป่วย ทุกอย่างจะเป็นไปตามเดิม ผมขอให้ทุกท่านร่วมแรงร่วมใจทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปเพื่อแก๊งของเรา ผมขอรับรองว่า ผมจะทำงานแทนนายใหญ่อย่างสุดความสามารถ!"
กรรมการแก๊งก้มหัวยอมรับทรงกลด แต่แล้วทุกคนก็ต้องชะงัก
" นั่นมันหน้าที่ของผมไม่ใช่หรือครับ นายน้อย!"
ทุกคนหันไปมอง หมงเดินกร่างเข้ามาอย่างเอาเรื่อง
อันและลูกน้อง 4-5 คนขยับตัวเตรียมพร้อมจะปกป้องทรงกลด แต่ทรงกลดยกมือขึ้นห้าม
หมงเดินเข้ามาประจันหน้ากับทรงกลด
"คนที่ขึ้นรับตำแหน่งแทนนายใหญ่ต้องเป็นผม"
"นายน้อยเป็นลูกชายคนเดียวของนายใหญ่ ไม่มีใครเหมาะสมที่จะขึ้นรับตำแหน่งแทนนายใหญ่เท่านายน้อยอีกแล้ว" อันบอก
"ฉันก็เป็นลูกของป๊าเหมือนกัน! ที่สำคัญป๊ารับปากฉันไว้แล้วว่า จะยกตำแหน่งหัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์ให้กับฉัน"
"แกไม่ใช่ลูกของป๊าอีกต่อไปแล้ว นับตั้งแต่วันที่แกทำเรื่องชั่วๆในวันนั้น"
หมงตั้งใจโวยเสียงดัง
" ฉันทำเรื่องชั่วๆอะไร พูดออกมาเลยสิ หรือจะให้ฉันพูดเองว่า ฉันทำอะไรลงไป! คนจะได้รู้ว่าแก๊งเขี้ยวสิงห์มันเน่าเฟะแค่ไหน"
ทรงกลดหันไปมองอันโดยไม่ต้องสั่ง อันตรงเข้าจับตัวหมงที่พยายามขัดขืนแต่สู้แรงอันไม่ได้
"เฮ้ย! ปล่อย! ไอ้อันปล่อยฉัน"
อันล็อกตัวหมงพาตัวออกไป พร้อมลูกน้อง 2 คนเดินตามไปด้วย
ทรงกลดหันกลับมาที่กลุ่มกรรมการบริษัท ดำเนินการประชุมต่อโดยไม่ใส่ใจการอาละวาดของหมง
"ผมขอให้คำมั่นว่า แก๊งเขี้ยวสิงห์ของเรายังมุ่งมั่นทำในสิ่งดีงาม ฉะนั้นคนเลวจะอยู่แก๊งของเราไม่ได้"
ทรงกลดมุ่งมั่นที่จะสานงานของตงต่อไปและคนเลวที่ต้องกำจัดคนแรกคือหมง!
อันล็อกตัวหมงออกมาอีกมุมหนึ่งของบ้านที่ห่างจากที่ประชุม
"ปล่อย! ไอ้ขี้ข้า! ฉันเป็นลูกป๊า! ฉันเป็นเจ้านายแก"
อันกระชากคอเสื้อหมงเข้ามาใกล้
"คนอย่างแก! เป็นได้แค่ไอ้สวะเท่านั้นแหละ"
ทรงกลดกับปอเดินตามมา
"ปล่อยมัน!"
อันปล่อยมือจากหมง ลูกน้อง 2 คนถอยห่างออกไป
หมงยังไม่
"แกคิดว่าจะปิดปากฉันได้งั้นเหรอ"
หมงก้าวเข้าไปหาทรงกลดอีก แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นปืนของทรงกลดจ่อมาที่อกอย่างเงียบเชียบ
"ฉันคิดว่าได้"
ทรงกลดสับไกปืนเตรียมจะยิงหมงที่เริ่มหน้าซีดขาสั่น
"ฉันรู้ว่า แกไม่ได้แค่สวมเขาให้ป๊าเท่านั้น แกยังคิดฆ่าป๊าด้วย! โทษของแกมีแต่ตายสถานเดียวเท่านั้น"
อันยืนหน้านิ่งเพราะรู้ว่าห้ามนายไม่ได้แน่ แต่ปอรีบขยับเข้ามาห้าม
"อย่าครับ นายน้อย เห็นแก่นายใหญ่เถอะนะครับ นายใหญ่เลี้ยงคุณหมงมาเหมือนลูก"
ทรงกลดไม่ฟังปอ เหนี่ยวไกปืนจะยิงหมงภายในเสี้ยววินาที
อาจูโผเข้ามากลางวง
"คุณ"
ทรงกลดชะงักกึก หันไปมองอาจูที่ตกใจกับท่าทางเหี้ยมเกรียมของทรงกลดที่ไม่เคยเป็นขนาดนี้มาก่อน
"อย่าให้มือคุณต้องเปื้อนเลือดเลยนะคะ คุณจะต้องขึ้นรับตำแหน่งหัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์อย่างเต็มภาคภูมิและขาวสะอาด"
เพราะอาจูจึงทำให้ทรงกลดลดปืนลง หมงเข่าอ่อนทรุดฮวบลงไปคุกเข่าลงหน้าทรงกลด
"ผมสำนึกผิดแล้วครับ นายน้อย ไว้ชีวิตผมด้วย"
ทรงกลดสั่งลูกน้อง
"ลากตัวมันออกไป"
"ก่อนไป ผมขอลาป๊าก่อนได้มั้ยครับ ได้โปรดเถอะครับ นายน้อย"
อาจูมองทรงกลดอย่างขอร้องแทน ทรงกลดนิ่งคิด
ตงกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง ตงจ้องซิ่วเอ็งที่กำลังเก็บชามยาวางลงถาดเพื่อไปเก็บ หมงเดินลากขาเข้ามาช้าๆ ซิ่วเอ็งมองสภาพหมงก็รู้ว่าเป็นหมาจนตรอกไปแล้ว หมงเดินไปคุกเข่าที่หน้าเตียงตง ทรงกลด อาจู อันและปอเดินตามมา อาจูขยับไปช่วยซิ่วเอ็งเก็บชามยา
หมงเล่นละคร
"ผมมาลาป๊า"
ตงขยับนิ้วได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ได้แต่รับรู้ด้วยสายตาที่เจ็บปวด หมงก้มลงจนหัวแตะพื้นสามครั้งเป็นการแสดงคารวะ
"ผมขอคารวะป๊าเป็นครั้งสุดท้าย"
ทุกคนเริ่มตายใจเพราะคิดว่าหมงเริ่มรู้สำนึกแล้ว แต่แล้วหมงกลับลุกขึ้นยืนด้วยทีท่าแข็งกร้าว
"ขอบคุณที่เลี้ยงดูผมมา แต่อย่าหวังว่า ผมจะตอบแทนบุญคุณป๊า ป๊าไม่ได้เลี้ยงผมเป็นลูก แต่ป๊าตั้งใจเลี้ยงผมไว้รับกระสุนแทนมัน"
หมงหันไปชี้หน้าทรงกลดอย่างคั่งแค้น ปอมองตงที่ได้แต่กลอกตารับรู้ มีเพียงสองคนนี้ที่รู้ความจริงข้อนี้
"ไอ้หมง"
หมงพร่ำพรูความในใจใส่ตงเป็นครั้งสุดท้ายอย่างไม่กลัวเกรงอะไรอีก
"ไหนล่ะตำแหน่งหัวหน้าแก๊ง ไหนล่ะทรัพย์สมบัติที่จะให้ผม ไม่มีเลย! ผมหมดประโยชน์แล้ว ก็กลายเป็นแค่หมาตัวนึง แต่ไม่เป็นไรหรอก ป๊า เพราะสิบปีที่ผ่านมา ผมได้ฉกฉวยทั้งเงินทั้งอำนาจ แล้วก็เมียป๊าด้วย! ผมกับเหมยลี่เป็นชู้กัน! นอนด้วยกันใต้จมูกป๊านี่แหละ ทีนี้คงหายโง่แล้ว"
"ไอ้ชาติชั่ว"
ทรงกลดโผเข้าไปจะกระชากตัวหมง แต่หมงถอยหลังหนีไปทางซิ่วเอ็ง ชั่วพริบตาที่ไม่มีใครทันได้เห็น ซิ่วเอ็งแอบส่งมีดปอกผลไม้ให้หมงฉวยไป
หมงเข้าคว้าตัวอาจูไว้พร้อมเอามีดจ่อไว้
ทรงกลด อันและปอต่างชะงักที่เห็นอาจูตกเป็นตัวประกันโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
"ไอ้หมง! ปล่อยอาจูเดี๋ยวนี้"
หมงยิ้มเยาะไม่กลัวคำขู่ รีบลากอาจูออกไปโดยเร็ว ทรงกลดกับอันรีบตามไปทันที ปอตามไปด้วย
ซิ่วเอ็งมองตงอย่างพอใจที่ตงทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากมองดูเหตุการณ์อย่างทรมานใจ
หมงกระชากตัวอาจูผ่านหน้าลูกน้องแก๊ง 3-4 คนที่ไม่กล้าเข้าช่วยอาจู หมงลากอาจูออกไปถึงหน้าตัวบ้าน
ทรงกลดกับอันวิ่งตามมาจนทัน
ทรงกลดกับอันดึงปืนออกมาจ่อขู่หมงแทบจะพร้อมกัน
"ปล่อยอาจู! ถ้าไม่ปล่อย! แกตาย"
"แล้วแกคิดว่า เมียแกจะรอดงั้นเหรอ"
ทรงกลดกับอันมองหน้ากัน หาทางช่วยอาจู
ทรงกลดมองหน้ากับอันแล้วต้องส่ายหน้าเพราะเป็นห่วงอาจูมากเกินไป
"ฉันทำไม่ได้"
ปอตามมาจากในบ้าน เง็กกับเว่ยมาจากทางตึกเล็ก
"ยิงสิ ทำไม ไม่กล้างั้นเหรอ! งั้นแกรอดูเมียแกตายก็แล้วกัน"
หมงล็อกคออาจูไว้แน่น แล้วขยับมีดในมือเตรียมที่จะเชือดคออาจู
"อาจู!"
เง็กถลาจะเข้าไปช่วยแต่เว่ยดึงตัวไว้
"ฆ่าแกให้ตายยังไม่สะใจเท่านี้เลยว่ะ แกได้ขึ้นเป็นใหญ่ แต่แกจะมีศัตรูเพิ่มไม่รู้กี่เท่า ถึงฆ่าแกไม่ได้ แต่คนรอบข้างแกจะตายแทน แล้วคนที่จะตายคนแรกก็คือ คนที่แกรักที่สุด!"
หมงกดมีดลงไปที่ต้นคออาจูจนเลือดไหลซิก ทรงกลดได้ขบกรามแน่นด้วยความเจ็บใจ
"นายน้อย"
อันเตือนสติทรงกลดให้หนักแน่นและลงมือโดยเร็ว
ทรงกลดกับอันลดปืนลงและพร้อมรอให้หมงตายใจแล้วจะยิงเข้าใส่
เสี้ยววินาทีที่หมงชะงักแปลกใจที่ทรงกลดลดปืนลง อาจูตัดสินใจงับกัดแขนหมงที่ล็อกคอเธอไว้
"โอ๊ย"
ทรงกลดอาศัยจังหวะนี้ยิงเข้าไปที่ไหล่ของหมงจนต้องทิ้งมีดไป
อาจูหลุดออกจากหมงได้แต่บังตัวหมงไว้จนทรงกลดและอันยิงหมงไม่ถนัด, หมงรีบวิ่งหนีออกไป
ทรงกลดรีบไปดึงตัวอาจูมา โดยเง็กกับเว่ยรีบมาช่วยรับอาจูไป
ทรงกลดกับอันเล็งปืนพร้อมก้าวไปเพื่อไล่ยิงหมงที่วิ่งหนีสุดชีวิต
"นายน้อยครับ! นายน้อย!"
ทรงกลดกับอันลดปืนลงอย่างเสียอารมณ์
"แปะปอจะห้ามทำไม"
"คนไร้ค่าอย่างนั้น อย่าฆ่าให้เสียเกียรติ"
"มันกลายเป็นหมาจนตรอกไปแล้ว เดี๋ยวมันได้มาแว้งกัดทีหลังได้นะ เตี่ย"
"อย่าทำให้นายใหญ่ต้องเสียใจยิ่งกว่านี้เลย"
ทรงกลดกับอันจำต้องยอมฟังปอ ทรงกลดนึกขึ้นได้รีบหันไปทางอาจูที่มีเง็กกับเว่ยประคองตัวไว้อยู่
ทรงกลดรู้สึกเจ็บปวดใจที่อาจูต้องมาเจ็บตัวครั้งนี้
ทรงกลดใช้สำลีที่ชุ่มยาเช็ดแผลที่คอให้อาจู
"เจ็บมากมั้ย"
อาจูฝืนยิ้มให้ทรงกลด
"ไม่เจ็บค่ะ ไม่เจ็บจริงๆ"
ทรงกลดเช็ดแผลอย่างเบามือ แต่อาจูอดนิ่วหน้าด้วยความเจ็บไม่ได้
"นี่นะ ไม่เจ็บ"
เง็กถือล่วมยาเดินเข้ามากับเว่ย
"อั๊วทำแผลให้อาจูเอง"
"ผมทำให้ดีกว่าครับ"
เง็กดุ
"อั๊วทำเอง"
ทรงกลดต้องขยับตัวให้เง็กเข้ามาทำแผลให้แทน
"ใส่ยาเลยได้ยังไง ต้องล้างแผลให้สะอาดก่อน"
เง็กล้างแผลให้อาจูด้วยสำลีชุ่มแอลกอฮอล์ อาจูอดซี๊ดปากเบาๆด้วยความแสบแผลไม่ได้
"เจ็บใช่มั้ยล่ะ"
อาจูรีบส่ายหน้าและฝืนยิ้มให้เง็กทันที
"แสบนิดหน่อยเอง ม้า"
"โห..นี่แจ้จูเจ็บตัวมากี่ครั้งแล้วเนี่ย ถ้านับตั้งแต่โดนจับตัวไปพร้อมกับเฮียทรงกลดวันไหว้พระจันทร์ วันส่งตัวเจ้าสาว หนึ่ง..สอง..สาม" เว่ยพูดพลางนับนิ้ว
อาจูปราม
"อาเว่ย!"
อาจูมองทรงกลดอย่างเป็นห่วงความรู้สึก
เง็กตั้งหน้าตั้งตาทำแผลให้อาจูด้วยสายตาที่เจ็บปวดยิ่งกว่าลูกสาวเจ็บแผลซะอีก
ทรงกลดมองเง็กที่ไม่ต่อว่าสักคำเดียวแต่เจ็บลึกยิ่งกว่าคำพูดใดๆ
ซิ่วเอ็งเอาน้ำมันนวดมือตงด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่ได้รับรู้ที่อาจูถูกหมงจับตัวไป ตงจ้องมองซิ่วเอ็งอย่างหวาดหวั่น นิ้วมือของตงเริ่มขยับได้มากขึ้นและมีแรงยกมือขึ้นได้
ซิ่วเอ็งยิ้มเยาะ
"อย่าเพิ่งดีใจไป ลื้อไม่มีวันกลับไปเหมือนเดิมหรอก"
ปอเดินเข้ามา ซิ่วเอ็งหันไปยิ้มดีใจกับปอด้วยสีหน้าจอมปลอม
"นายใหญ่ขยับมือได้แล้ว ถ้าค่อยๆรักษาไป อีคงจะดีขึ้นเรื่อยๆ แต่คงต้องใช้เวลา"
"ฝากนายใหญ่ด้วยนะครับ คุณซิ่วเอ็ง"
ตงกลอกตาพยายามส่งสัญญาณห้ามปอ แต่ปอตีความไปอีกเรื่อง
"คุณจูปลอดภัยแล้วครับ นายใหญ่ ส่วนคุณหมงหนีไปได้ โดนนายน้อยยิงแค่ถากๆ คงไม่เป็นไรมาก"
ซิ่วเอ็งหูผึ่งทันทีที่รู้ว่าหมงถูกยิง ตงสีหน้าสลดลง ไม่คิดว่าเรื่องจะมาเป็นแบบนี้
"นายใหญ่ตัดสินใจถูกแล้วล่ะครับ ที่แต่งตั้งให้นายน้อยขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊ง ผมเชื่อว่า นายน้อยเป็นผู้นำที่มีความสามารถ ไม่ทำให้นายใหญ่ผิดหวังอย่างแน่นอน"
ตงมองตรงไปที่ตู้ในห้อง ปอมองตามแล้วเข้าใจความหมายของตง ปอเดินไปเปิดตู้ออกแล้วหยิบกล่องใส่สร้อยเขี้ยวสิงห์ออกมา
ซอยเปลี่ยวแถวบ้านทรงกลด เวลาค่ำต่อเนื่อง ซิ่วเอ็งใส่เสื้อสีมืดๆตุ่นๆกำลังมุ่งหน้าไปตามซอยเปลี่ยวที่ไร้ผู้คน หมงในสภาพบาดเจ็บมีเศษผ้าพันแผลที่ไหล่ไว้ลวกๆ ถอยหนีหัวซุกหัวซุนไปตามซอกมุมของซอย
หมงได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้ ก็ยิ่งตื่นกลัวขยับหนีจนหลังชนซอกกำแพง
หมงหันซ้ายหันขวาหาทางหนีแล้วเงยหน้ามองเจ้าของเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามา
ซิ่วเอ็งตามหมงมาจนเจอ
"อาซิ่ม! ตามมาเจอฉันได้ยังไง?"
ซิ่วเอ็งมองหยดเลือดที่หยดเป็นรอยตามพื้นแทนคำตอบ หมงยิ่งขวัญผวามองไปด้านหลังซิ่วเอ็งว่ามีใครตามมาเจออีกหรือไม่
"ไม่ต้องห่วง ไม่มีใครตามหาลื้อ"
ซิ่วเอ็งยื่นห่อยาเล็กๆให้หมง
"ยานี่ไว้ใส่แผล" ซิ่วเอ็งตรวจดูแผลให้ "แผลแค่นี้ไม่กี่วันก็หาย"
"ขอยาพิษให้ฉันดีกว่า ชีวิตฉันไม่มีอะไรเหลือแล้ว"
"ลื้อยังตายไม่ได้ หลบไปอยู่ที่ไหนซักพัก แล้วก็อดทนรอไปก่อน"
"รออะไร"
"รอวันแก้แค้นน่ะสิ! อีกไม่นานเกินรอ"
ซิ่วเอ็งยิ้มเหี้ยมเกรียมอย่างมีแผนไว้แล้ว
โถงบ้านทรงกลด เช้าวันใหม่ หลายมุมของบ้านประดับประดาด้วยป้ายคำมงคลและดอกไม้เพื่อพิธีมอบตำแหน่งหัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์ให้ทรงกลด
ลูกน้องแก๊งเขี้ยวสิงห์นับสิบๆคนยืนเป็นแถวยาวสองแถวคับคั่งเต็มโถง
ตงนั่งเป็นประธานอยู่ อันกับปอยืนเยื้องด้านหลังพร้อมกับกรรมการแก๊งอาวุโสยืนเรียงรายอยู่
ทรงกลดก้าวเข้ามาปรากฏตัวขึ้น มองตรงไปที่ตงที่นั่งรออยู่
ทรงกลดก้าวช้าๆตรงไปหาตง เดินผ่านลูกน้องแก๊งที่ต่างค้อมหัวให้ทรงกลดเป็นทิวแถว
เมื่อสิบปีที่แล้วที่ตงกระชากสร้อยเขี้ยวสิงห์จากคอทรงกลดไป
"ต่อไปนี้ลื้อไม่ใช่คนของแก๊งเขี้ยวสิงห์แล้ว"
ทรงกลดตกใจ
"ป๊า"
"ลื้อสองคน...ไปแล้ว..ไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก"
ทรงกลดจำภาพที่โดนพ่อไล่ออกจากแก๊งเขี้ยวสิงห์อย่างไม่รู้ลืม
ทรงกลดก้าวมาถึงตรงหน้าของตง ปอหยิบกล่องมาแล้วเปิดออก ตงเอื้อมมืออันสั่นเทาไปหยิบสร้อยเขี้ยวสิงห์ออกมาแล้วพยายามจะสวมให้ทรงกลดแต่ไม่มีแรงพอ
ทรงกลดเป็นฝ่ายต้องรับสร้อยเขี้ยวสิงห์มาสวมเอง
ตงขยับปากจะพูดอวยพรให้ทรงกลดแต่ยังพูดไม่ได้
"แล้ววันนี้ก็มาถึงจนได้นะครับ ป๊า"
ทรงกลดขยับไปยืนเคียงข้างตงด้วยสีหน้าเฉยชาเพราะไม่คิดว่าตงเห็นด้วยกับการเป็นหัวหน้าแก๊ง
ปอค้อมหัวให้ทรงกลด
"ยินดีด้วยครับ นายน้อยเป็นหัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์อย่างสมบูรณ์แล้ว"
อันและกรรมการแก๊งอาวุโสพากันค้อมหัวให้ทรงกลดตาม
"ยินดีด้วยครับ พวกเรายินดีที่จะทำงานรับใช้นายน้อยด้วยชีวิต"
ลูกน้องแก๊งทั้งหลายค้อมหัวคำนับทรงกลดอย่างศิโรราบ
"เชิญครับ นายหญิง"
อาจูในชุดหรูดูดีในฐานะนายหญิงแห่งแก๊งเขี้ยวสิงห์ก้าวเข้ามาอย่างประหม่า เธอเดินมายืนเคียงข้างทรงกลด ลูกน้องแก๊งพากันค้อมหัวให้กับอาจู
อาจูเหลือบมองทรงกลดที่เคร่งขรึมกับภาระหน้าที่หนักอึ้งที่แบกรับไว้ เธอเอื้อมมือไปจับมือทรงกลดอย่างให้กำลังใจ ทรงกลดหันมามองอาจูแล้วบีบมืออาจูเบาๆ
ทรงกลดมองอาจูที่จะต้องปกป้องเธอไว้ เป็นอีกหนึ่งหน้าที่ที่หนักหนาไม่แพ้การเป็นหัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์
ทรงกลดกับอาจูยืนเคียงคู่กันท่ามกลางสมาชิกแก๊งเขี้ยวสิงห์คับคั่งเต็มโถง
เว่ยเข็นรถเข็นตงไปตามทางในสวนหน้าบ้าน เว่ยหยุดเข็นรถแล้วไปช่วยขยับผ้าห่มที่คลุมตักตงให้เข้าที่ ตงยกมือขึ้นตบไหล่เว่ยเบาๆอย่างเอ็นดู
"สีหน้านายใหญ่ดูดีขึ้นนะครับ งั้นวันหลังผมจะพานายใหญ่ออกมาข้างนอกบ่อยๆ"
ตงพยักหน้าน้อยๆอย่างพอใจ
"นายใหญ่ไม่ต้องกังวลนะครับ อาม่าเป็นหมอยาที่เก่งที่สุดในโลก รับรองอีกไม่นานนายใหญ่จะต้องหายเป็นปกติ"
ตงนิ่งขึงไปเพราะรู้ว่าซิ่วเอ็งแอบแฝงความชั่วร้ายอยู่
เว่ยจะกลับไปเข็นรถต่อ แต่ทรงกลดแทรกเข้ามาจับรถเข็นไว้
เว่ยยิ้มกว้าง
"เฮียทรงกลด"
เว่ยนึกได้ รีบขยับตัวตรงแล้วค้อมหัวแสดงความคารวะอย่างสูงอย่างรู้งาน
"ยินดีด้วยนะครับ ท่านหัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์"
"ไม่ต้องเรียกซะเต็มยศก็ได้"
"ต่อไปผมก็ต้องเรียกเฮียว่านายใหญ่ใช่มั้ยครับ แล้วจะเรียกนายใหญ่ว่าไงดี"
เว่ยหันไปมองตงอย่างสับสนว่าจะเรียกซ้ำกันยังไง
"เรียกเฮียเหมือนเดิมนั่นแหละ เฮียเข็นเอง เว่ยไปพักได้แล้ว ไป"
เว่ยจะผละออกไปแล้วนึกได้หันกลับมาค้อมหัวให้ทรงกลดอีกครั้งก่อนวิ่งจู๊ดออกไป ทรงกลดยืนนิ่งอยู่หลังตงที่ไม่สามารถเอี้ยวมามองลูกชายได้
ทรงกลดเข็นรถเข็นตงมาหยุดอยู่ในสวนสวยสงบ ทรงกลดมองไปรอบๆอาณาบริเวณบ้านที่กว้างใหญ่
"บ้านเรากว้างขวางใหญ่โตจริงๆนะครับ ป๊า แต่กลับไม่มีที่ว่างพอให้ผมกับแม่"
ทรงกลดเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าตง
"ป๊าคงผิดหวังที่แผนการทุกอย่างต้องพังทลายลง ลูกชายที่อยากกำจัดทิ้งกลับได้ขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์"
ตงขยับจะค้านแต่ก็พูดอะไรไม่ได้ ทรงกลดไม่รับรู้สายตาที่เจ็บปวดของตงเลย
"แต่ป๊าไม่ต้องเป็นห่วง ป๊ายังคงเป็นนายใหญ่ของแก๊ง ไม่มีใครแย่งตำแหน่งนี้ไปจากป๊าได้ ผมแค่ช่วยดูแลแก๊งแทนป๊าชั่วคราว ผมไม่ได้บ้าอำนาจอยากเป็นใหญ่อย่างป๊า สำหรับผม..คนที่ผมรักจะต้องมาก่อน แต่ป๊าคงไม่เข้าใจ..เพราะ คนอย่างป๊าไม่เคยรักใคร..นอกจากตัวเอง"
ทรงกลดหยุดมองตงที่ได้แต่ยกมือโบกไปมาเพื่อแก้ความเข้าใจผิดของทรงกลด ปอเดินเข้ามาอย่างเงียบๆ ได้ฟังความรู้สึกที่เจ็บปวดของทรงกลด
"เมื่อไหร่ที่ป๊าเห็นใครที่เหมาะสมกว่าผม..ก็บอกมาได้เลย ผมพร้อมสละตำแหน่งหัวหน้าแก๊งให้ .แล้วผมจะไปจากที่นี่ และไม่มีวันกลับมาอีก"
ทรงกลดหันไปเห็นปอยืนมองมา
"นายน้อยครับ"
ทรงกลดเดินออกไปโดยไม่ฟังเสียงทัดทานของปอ
"ถึงเวลาที่เราควรจะบอกความจริงกับนายน้อยแล้วนะครับ"
ตงส่ายหน้าอย่างเห็นว่าไร้ประโยชน์ ตงได้แต่น้ำตาคลอมองตามหลังทรงกลดไป
บ้านเสี่ยเล้งแห่งแก๊งมังกรดำในเช้าวันเลือกตั้งนายกสมาคมเลือดมังกรคนใหม่ เล้งเดินนำหน้าออกมาด้วยความอหังการว่าจะได้ขึ้นเป็นนายกฯ, สมุน 3-4 คนเดินตามหลัง
"ในที่สุด! วันของอั๊วก็มาถึง"
เล้งเดินต่อไปแล้วต้องชะงักเมื่อเห็นหมงยืนแอบอยู่ซอกมุมหน้าบ้าน
"ไอ้นี่..ทำเสียฤกษ์หมด"
หมงแข็งใจเดินเข้ามาหาเล้ง ทำเหมือนสภาพปกติไม่ได้บาดเจ็บมา
"เสี่ยครับ"
"อั๊วรู้แล้ว! ลื้อมันไม่ได้เรื่อง! ตำแหน่งหัวหน้าแก๊งอยู่ในมือแล้วแท้ๆ ยังทำหลุดมือไปได้"
"ก็ถ้าไอ้อิกกำจัดไอ้ทรงกลดสำเร็จ ผมคงไม่มายืนอยู่ตรงนี้หรอกครับ"
"แล้วทำไมลื้อไม่กำจัดทรงกลดซะเอง คนขี้ขลาดอย่างลื้อ ไม่เหมาะที่จะอยู่กับอั๊ว"
เล้งมองหมงอย่างหมดประโยชน์แล้ว หมงรีบคุกเข่าอ้อนวอนขอร้องเล้ง
"ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะครับ"
เล้งเดินหลีกหมงไปอย่างไม่แยแส
"ขอให้ผมได้รับใช้เสี่ย คราวนี้ผมจะไม่ทำให้เสี่ยผิดหวังแน่นอน เพราะตอนนี้ชีวิตนายใหญ่อยู่ในกำมือของผม"
เล้งชะงักแล้วหันกลับมามองหมง
"น่าสนใจ..ไว้อั๊วกลับมา แล้วค่อยคุยกันต่อ"
เล้งเดินออกไปกับสมุน 2 คน ทิ้งภาพหมงโล่งใจที่เล้งยอมรับให้อยู่ด้วยแล้ว
เวลาเดียวกัน ทรงกลดกับอันกำลังจะไปสมาคมฯ อาจูเดินตามมาส่งทรงกลดด้วย ทั้งสามเดินมาถึงประตูทางออกก็พบเง็ก เว่ย ลูกน้องแก๊งและคนรับใช้ยืนเรียงรายมาส่ง
ทรงกลดถอนใจ
"ฉันบอกแล้วไงว่า ให้ทำทุกอย่างเหมือนเดิม ไม่ต้องทำอะไรให้เอิกเกริก"
"ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมแล้วนี่ครับ ตอนนี้นายน้อยเป็นผู้นำของพวกเราอย่างเต็มตัวแล้ว และอีกอย่างวันนี้เป็นวันสำคัญของนายน้อย"
เว่ยเสริม
"วันเลือกตั้งนายกสมาคมเลือดมังกรคนใหม่! ผมเชื่อมั่นว่า นายน้อยจะต้องได้รับเลือกเป็นนายกสมาคมฯอย่างแน่นอน ผมขอแสดงความยินดีล่วงหน้าไว้เลย"
อาจูบอก
"ประจบยังไง นายน้อยก็ไม่รับเว่ยเข้าแก๊งเขี้ยวสิงห์หรอกนะ"
"ผมไม่ได้ประจบ ผมพูดเรื่องจริง แก๊งเขี้ยวสิงห์ของเราเป็นตัวเก็งอันดับหนึ่งมาตลอด ถึงนายน้อยจะเพิ่งขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊ง แต่ผมเชื่อว่า จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง"
"พอได้แล้ว อาเว่ย เรื่องนี้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ไม่ใช่เรื่องของ... ยังไงอั๊วก็ขอให้นายน้อยโชคดี..นายน้อยคิดดีทำดี ย่อมได้รับสิ่งดีๆตอบแทน"
เง็กส่งยันต์จีนให้ทรงกลด
"เอาฮู้นี่ติดตัวไว้ปกป้องตัวเองและคนรอบข้างจากอันตราย..."
"ขอบคุณครับ อาม้า"
ทรงกลดรู้ทันเง็กที่ตอกย้ำให้รู้ว่าทรงกลดทำให้อาจูพลอยอยู่ในฐานะที่เสี่ยงอันตรายไปด้วย
อาจูไม่ทันรู้นัยยะของเง็กแต่กลับดีใจที่แม่ดีต่อทรงกลดมากขึ้น
อาจูคล้องแขนทรงกลดเดินออกไปด้วยกัน อันหยุดเดินตามปล่อยให้ทรงกลดได้อยู่กับอาจูสองต่อสองคน
อาจูจับมือทรงกลดไว้อย่างให้กำลังใจเต็มเปี่ยม
"ฉันขอให้คุณโชคดีนะคะ คุณที อย่างที่ฉันเคยอธิษฐานในคืนวันไหว้พระจันทร์ ฉันขอให้คุณได้มีชีวิตอย่างที่คุณต้องการ"
ทรงกลดหอมหน้าผากอาจูเบาๆ
"ขอบใจ"
ทรงกลดหันหลังเดินออกไปแล้วสีหน้าก็เปลี่ยนด้วยความหนักใจ อันเดินตามหลังมา
"ฉันไม่มีวันได้มีชีวิตอย่างที่ต้องการอีกต่อไปแล้ว"
อันนิ่งเข้าใจทรงกลดที่จะต้องรับภาระที่หนักกว่าเดิมนั่นคือตำแหน่งนายกสมาคมเลือดมังกร
อาจู เง็กและเว่ยพากันเดินกลับไปที่ตึกเล็ก อาจูดึงเว่ยมากอดคอแรงๆอย่างหมั่นไส้
"แก๊งเขี้ยวสิงห์ของเรา เหรอ เว่ย..ไม่มากไปหน่อยเหรอ"
"ผมมีพี่เขยเป็นถึงหัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์ ถึงผมจะไม่ได้เป็นสมาชิกของแก๊ง ก็ถือว่าเป็นคนในแก๊งคนนึงน่า แจ้จู"
"ไม่ใช่! ยังไงลื้อก็ไม่ใช่คนของแก๊งไหน อย่าพูดอย่างนี้ให้อั๊วได้ยินอีก"
"โธ่! ม้า! ยังไงเราก็หนีไม่พ้นอยู่แล้ว ทั้งอาป๊าผมอาป๊าแจ้จูก็เป็นคนแก๊งเจ้าพ่อ ว่าแต่เสี่ย..เออ.เจ็กเคี้ยงจะช่วยสนับสนุนเฮียทรงกลดขึ้นเป็นนายกฯหรือเปล่า ม้า"
"ลื้อไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง"
"แต่เรื่องนี้สำคัญนะ ม้า เรื่องนี้จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า เจ็กเคี้ยงตั้งใจจะกลับตัวจริงๆหรือเปล่า"
"เสี่ยเคี้ยงจะตัดสินใจยังไง แจ้ก็ไม่สนใจ เราไม่มีอะไรที่จะเกี่ยวข้องกันอีก"
"แจ้จูไม่สนใจไม่ได้หรอก ถ้าเจ็กเคี้ยงไม่เลือกที่จะอยู่ฝ่ายเรา ก็เท่ากับตัดโอกาสตัวเองที่จะได้ครอบครัวกลับคืนไป"
เง็กกับอาจูนิ่งอึ้งไป รู้อยู่ลึกๆว่ายังไงก็ตัดความเป็นสายเลือดกับเคี้ยงไม่ได้
ฝ่ายเคี้ยงนิ่งคิดหนักเรื่องเลือกตำแหน่งนายกสมาคมฯในวันนี้ อิกเดินมาหยุดอยู่เบื้องหลังเคี้ยงพร้อมสมุน 2 คนที่เตรียมออกเดินทางไปสมาคมฯ
"รถพร้อมแล้วครับ นาย"
เคี้ยงยังคิดหนัก
"เดี๋ยวค่อยไปก็ได้"
"เรารีบไปกันดีกว่านะครับ"
"มีอะไร"
"นายจะต้องไปพบเสี่ยเล้งก่อนเข้าประชุมไม่ใช่หรือครับ"
เคี้ยงนิ่งอึ้งไปยังคิดไม่ตกว่าจะเลือกใครเป็นนายกฯดี
"นายรับปากเสี่ยเล้งไว้แล้ว อย่าเสียคำพูดเลยนะครับ เสี่ยเล้งเป็นคนถือเรื่องสัจจะเป็นที่สุด ใครที่เคยผิดคำพูดกับเสี่ยเล้ง จบไม่สวยซักรายเดียว"
เคี้ยงนิ่งอึ้งเมื่อถูกอิกเตือนแกมข่มขู่แทนเล้ง
สมาคมเลือดมังกรที่โอ่อ่าดูยิ่งใหญ่ ทรงกลดกับอันเดินเข้ามา ตามมาด้วยภรพ ธาม คณินมาหยุดเจอกันกลางโถง หงส์เดินมาเป็นคนสุดท้าย โดยมีหลงเดินตามหลังมาเป็นผู้คุ้มครอง
สายตาของภรพ ธาม คณินและหงส์ต่างพุ่งมองไปที่ทรงกลด
อันกับหลงมองหน้ากัน เป็นการพบกันครั้งแรกโดยที่หลงรู้จักอันอยู่ฝ่ายเดียว
ทรงกลดยืนนิ่งรับรู้ถึงการช่วงชิงตำแหน่งนายกฯที่กำลังรออยู่และต้องให้ได้ตำแหน่งนี้มา
ทรงกลดเดินขึ้นชั้นบนไปที่ห้องประชุมอย่างแน่วแน่ ตามด้วยภรพ ธาม คณินและหงส์ ส่วนอันและหลงหยุดอยู่ที่โถงเพราะหัวหน้าแก๊งเท่านั้นที่เข้าห้องประชุมใหญ่ได้
อีกมุมหนึ่งของสมาคมเลือดมังกร เล้งยืนนิ่งดูสบายๆซ่อนความเคร่งเครียดไว้มิดชิด โดยมีสมุน 2 คนอยู่ด้วย เคี้ยงเดินหน้าเครียดเข้ามาพร้อมอิกและสมุนแก๊ง
"เฮียเคี้ยง"
เล้งเรียกเคี้ยงเหมือนยกย่องให้เกียรติ แต่น้ำเสียงข่มอยู่ในที
"อาเล้ง โทษทีที่มาช้าไปหน่อย เรารีบเข้าประชุมกันเลยดีมั้ย"
เคี้ยงพยายามหลีกเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับเล้ง
"การค้าของเฮียเป็นยังไงบ้าง อั๊วเพิ่งได้โกดังใกล้ท่าเรือมา ถ้าหากเฮียคิดจะขยายกิจการ แค่โรงงานที่อั๊วเคยยกให้เฮียคงจะไม่พอสำหรับเก็บสินค้าของเฮียแล้วล่ะมั้ง"
เคี้ยงรู้ว่า เล้งกำลังทวงบุญคุณที่เคยให้โรงงานไปขนถ่ายอะไหล่เถื่อน
"ขอบใจ แต่อั๊วว่าจะไม่ค้าขายอะไหล่เถื่อนแล้ว อั๊วมันแก่แล้ว ไม่อยากทำการค้าที่มันเสี่ยงคุกเสี่ยงตาราง"
อิกไม่พอใจ ได้แต่สบตาฟ้องเล้งให้เห็นว่าเคี้ยงเปลี่ยนไปขนาดไหน
"แต่ยังไงก็ขอบใจที่นึกถึงอั๊วนะ อาเล้ง"
เคี้ยงตบไหล่เล้งทำสนิทสนมกลบเกลื่อนแล้วทำท่าจะเดินออกไปแต่แล้วก็ต้องชะงัก
"เฮียเลิกทำการค้าแต่คงไม่คิดจะยุบแก๊งเต่ามังกรหรอกใช่มั้ย"
เคี้ยงหันกลับมามองเล้งอย่างไม่เข้าใจ
"ตอนนี้ใครๆก็พูดกันว่า แก๊งเต่ามังกรกลายเป็นเต่าหดหัวไปซะแล้ว เพราะไปซุกใต้ปีกแก๊งเขี้ยวสิงห์ แต่อั๊วยังไม่อยากเชื่อข่าวลือนัก คนอย่างเฮียเคี้ยงคงไม่ยอมสยบใต้เท้าใครง่ายๆ แล้วยิ่งเรื่องผิดคำพูดแล้ว ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่"
"อั๊วจำได้..อั๊วเคยรับปากว่าจะสนับสนุนลื้อขึ้นเป็นนายกสมาคมฯ"
"ขอบคุณที่เฮียยังจำได้ งานนี้อั๊วหวังพึ่งเฮียล่ะนะ หวังว่าเฮียคงไม่ทำให้น้องชายคนนี้ต้องผิดหวัง เพราะเวลาที่อั๊วผิดหวัง อั๊วมักทำอะไรที่ไม่มีใครคาดคิดเสมอ"
เล้งค้อมหัวให้เคี้ยงแล้วเดินออกไป เคี้ยงที่ยืนนิ่งอย่างลำบากใจ
ทรงกลดเดินนำภรพ ธาม คณินและหงส์เดินเข้ามาอย่างมั่นคงทุกฝีก้าว เล้งเดินนำเคี้ยง เต็ก เกาและอ๋าเข้ามาเจอกับกลุ่มทรงกลดที่หน้าห้องประชุม
กลุ่มทรงกลดจำต้องหยุดก้มหัวให้กับกลุ่มเล้งที่อาวุโสกว่า
"เชิญครับ"
"ขอบใจๆ"
เล้งปั้นยิ้มและตบไหล่ทรงกลดอย่างผู้ใหญ่ใจดีแต่มีนัยยะคือข่มทรงกลดไว้,เดินนำเข้าห้องประชุมไป
ธาม แก๊งกระทิงจับจ้องเล้ง แก๊งมังกรดำอย่างคนเป็นศัตรูคู่อาฆาตกัน ส่วนหงส์มีเรื่องกินใจกับเต็ก แก๊งกระทิง และเกา แก๊งค้างคาว
ภรพ แก๊งเสือกับคณิน แก๊งเหยี่ยวแดงรับมือกับหัวหน้าแก๊งอาวุโสอย่างสบายๆตามนิสัยคนรักอิสระ
เคี้ยง แก๊งเต่ามังกรเดินไปโดยไม่สบตาทรงกลด แก๊งเขี้ยวสิงห์ ผู้เป็นลูกเขย เขาเดินตามเล้งเข้าไปในห้องประชุมพร้อมเต็ก เกาและอ๋า แก๊งหมูป่า
ทรงกลด ภรพ ธาม คณินและหงส์พร้อมใจกันเดินเข้าไปในห้องประชุมอย่างมั่นใจ
หัวหน้าแก๊งอีก 10 แก๊งที่เหลือตามเข้าไป
ประตูบานใหญ่ของห้องประชุมปิดลงอย่างเงียบเชียบ
ภายใน ห้องประชุมใหญ่ของสมาคม เลือดมังกร บรรยากาศเคร่งขรึมบรรดาหัวหน้าแก๊งทั้ง 20 แก๊งที่ขับเคลื่อนธุรกิจการค้าของถิ่นมังกรยืนก้มหัวนิ่งสงบเพื่อไว้อาลัยให้กับสุงนายกฯคนเก่าที่ล่วงลับ
เต็ก แก๊งกระเรียน ผู้อาวุโสสุดเป็นผู้ดำเนินการประชุม ยืนอยู่กลางที่ประชุมที่แบ่งฝ่ายอย่างชัดเจน
ทรงกลดยืนอยู่กลางแก๊งเพื่อนอยู่ฟากหนึ่ง ส่วนเล้งอยู่กับเหล่าแก๊ง 15 แก๊งทั้งหมดอยู่อีกฟาก
เป็นการแบ่งแยกกลุ่มเลือดใหม่ฝ่ายธรรมะ กับกลุ่มคนรุ่นเก่าฝ่ายอธรรมและฝ่ายที่ยังไม่เลือกข้าง
"พวกเราขอไว้อาลัยให้พี่ใหญ่สุง..ขอให้พี่ใหญ่ไปสู่สรวงสวรรค์ด้วยเถิด"
หงส์นิ่งอย่างใจแข็ง มีธามยืนอยู่เคียงข้าง
เต็กขยับตัวเพื่อดำเนินการประชุมการเลือกนายกฯต่อไป
"มังกรไม่อาจไร้หัวได้ สมาคมเลือดมังกรของเราก็ว่างเว้นนายกฯไม่ได้เช่นกัน วันนี้ที่พวกเรามาพร้อมหน้าพร้อมตากันก็เพื่อที่จะเลือกสรรนายกฯคนใหม่แทนพี่ใหญ่สุง.."
ธามบอก
"พวกเราก็รู้กันดีอยู่แล้วว่า แปะสุงได้มอบหมายตำแหน่งนายกฯให้กับหัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์ไว้แล้ว ผมไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องสรรหานายกฯ คนใหม่ให้เสียเวลา"
เกาขัดทันที
"นั่นเพราะคนที่เป็นหัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์คือเถ้าแก่ตง แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว คนหนุ่มอ่อนหัดไร้ประสบการณ์อย่างทรงกลดจะขึ้นเป็นนายกฯได้ยังไง ... ลื้อเพิ่งมาใหม่ ไม่รู้อะไร อย่าออกความคิดเห็นดีกว่า!"
ภรพบอก
"คนใหม่คนเก่าหรือคนหนุ่มคนแก่มีสิทธิ์มีเสียงเท่าเทียมกันครับ เถ้าแก่เกา และผมคิดว่าทรงกลดมีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะขึ้นเป็นนายกฯคนใหม่ได้"
คณินบอก
"ตอนนี้ผมมองไป.." คณินมองไปรอบๆอย่างกวนๆ "ก็ยังไม่เห็นหัวหน้าแก๊งคนไหนเหมาะสมที่จะขึ้นเป็นนายกฯของเราได้เลย หรือใครคิดว่าแน่กว่าแก๊งเขี้ยวสิงห์ก็ก้าวเข้ามา"
ทรงกลดเหล่มองคณินอย่างอ่อนใจที่จะทำให้เสียคะแนนมากกว่าได้คะแนน
ทรงกลดกัดฟันกระซิบ
"ไอ้คณิน"
เลือดมังกร : สิงห์ ตอนที่ 9 (ต่อ)
เล้งก้าวออกมาข้างหน้าอย่างช้าๆและมั่นใจ ธามหันไปสบตากับทรงกลดอย่างที่เคยเตือนไว้ก่อนแล้ว
"อั๊วก็ไม่ได้คิดว่าอั๊วแน่ แต่อั๊วเชื่อว่า อั๊วมีสติปัญญาความสามารถพอที่จะรับภาระต่อจากเฮียสุงได้ ... อาทรงกลด อั๊วยังไม่ได้ยินเสียงลื้อเลยมีแต่เพื่อนๆลื้อที่ช่วยออกเสียงสนับสนุน ว่าแต่ลื้ออยากทำหน้าที่ผู้นำถิ่นมังกรจริงๆหรือ เอาเวลาไปดูแลอาป๊าลื้อไม่ดีกว่าเรอะ"
เคี้ยงจับจ้องทรงกลดแอบลุ้นไม่ให้ทรงกลดก้าวออกมา แต่เขาก้าวออกมาประจันหน้ากับเล้งอย่างไม่เกรงกลัว
"ผมพร้อมที่ปฏิบัติตามความต้องการของแปะสุงที่จะให้หัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์ขึ้นเป็นนายกสมาคมเลือดมังกรคนต่อไป! ไม่ว่าผมจะต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคใดๆก็ตาม"
เต็ก แก๊งกะเรียนบอก
"ในเมื่อมีหัวหน้าแก๊งที่อาสารับหน้าที่นายกสมาคมฯสองคน เราคงมีทางออกเดียว นั่นคือ การลงคะแนนเสียงว่าจะเลือกใครขึ้นเป็นนายกฯ คนหนุ่มไฟแรงหรือผู้อาวุโสที่เพียบพร้อม!"
เต็กลำเอียงเห็นๆเพราะอยู่ข้างเล้ง
ทรงกลดเผชิญหน้ากับเล้งท่ามกลางหัวหน้าแก๊งสมาชิกสมาคมเลือดมังกร
บริเวณโถง อันยืนตัวตรงนิ่ง แต่ปรายตามองสมุนของเล้งแปลกหน้าที่ป้วนเปี้ยนไปมา3-4 คน
อิกเดินเข้ามาขวางหน้าก่อนที่อันจะไปดูหน้าพวกสมุนของเล้งให้แน่ใจว่าเป็นพวกไหน
อิกกวนใส่อัน
"ขอแสดงความยินดีด้วย"
"การประชุมยังไม่เลิก"
"ไม่ใช่เรื่องนายกสมาคมฯคนใหม่ แต่เป็นเรื่องแกกับหยกต่างหาก เห็นว่าจะมีข่าวดีเร็วๆนี้"
"ดูเหมือนแกจะสนใจเรื่องหยกเกินไปแล้ว"
"ก็ถ้าหยกไม่ใช่ผู้หญิงของแก ฉันคงไม่สนใจหรอกว่ะ แกกับเจ้านายแกขวางทางทำมาหากินคนอื่น คิดเหรอว่า แกจะแต่งงานมีความสุขเหมือนคนอื่นได้ง่ายๆ"
"แกไม่ได้โกรธแค้นแทนเสี่ยเคี้ยง..นักเลงขายตัวอย่างแก..รออยู่กับฝ่ายที่ชนะเท่านั้น สืบหาไม่ยากหรอกว่า เจ้านายใหม่แกเป็นใคร"
อันลองบลั๊ฟอิกดู แต่อิกสะดุ้งระแวงว่าอันจะรู้ว่าทำงานรับใช้เล้งอยู่
อิกเข้าประชิดตัวแล้วดึงมีดขึ้นจ่อที่ท้องของอันในทันที
"แกรู้อะไรมา"
"ในนี้ห้ามพกอาวุธ"
"ไม่พกก็โง่สิวะ แกจะได้ตายเพราะความโง่ของแก"
หลงผู้ติดตามคุ้มครองหงส์ จ่อปลอกมีดที่หลังของอิกอีกต่อ,อิกเอี้ยวตัวไปดูเห็นว่าเป็นหลงที่ประกบอยู่ด้านหลัง
"พูดอย่างนี้ไม่สวยนะ เฮีย หาว่าคนเคารพกฎกติกาเป็นคนโง่ได้ยังไง"
"แล้วแกล่ะ"
"แล้วใครบอกว่าผมพกอาวุธล่ะ"
อิกหันไปมองให้ชัดๆว่าหลงใช้อะไรจ่อหลังอยู่ โดยไม่ต้องนัดกัน อันกับหลงช่วยกันจัดการกับอิกในทันที จนอันยึดมีดของอิกมาได้
อิกถูกศอกถูกเข่าจากอันและหลงจนกองลงไปกับพื้น
หลงยกมีดที่มีแต่ปลอก ไม่มีใบมีดให้อันดู
"ผมก็เป็นคนเคารพกฎกติกาเหมือนกันครับ เฮียอัน"
อันแปลกใจที่หลงรู้จักชื่อเขา
"ไม่มีใครไม่รู้จักมือขวาของนายน้อยแก๊งเขี้ยวสิงห์หรอกครับ ผมชื่อ อาหลงครับ"
"ยินดีที่ได้รู้จัก..อาหลง"
อันยื่นมือให้หลงจับอย่างยินดี อิกขยับเขยื้อนตัวแต่ถูกอันเอาเท้ายันกลับไปนอนอย่างเดิม
ภายในห้องประชุมใหญ่สมาคมฯ ทรงกลดยืนนิ่งท่ามกลางเพื่อนๆ ภรพ ธาม คณินและหงส์ที่หันคุยปรึกษากัน
กลุ่มเล้ง เกา เต็กและอ๋ายืนรวมกัน เคี้ยงยืนห่างออกมา หัวหน้าแก๊งอื่นๆหันหน้าปรึกษากัน
คณินบอก
"นี่มันสงครามระหว่างคนรุ่นใหม่กับคนรุ่นเก่าชัดๆ"
ธามมองไปที่หัวหน้าแก๊งที่มีแต่รุ่นอาวุโส
ภรพขำๆ
"อย่างน้อยเราก็มีตั้งห้าเสียง ขาดอีกแค่หกเสียงเอง"
"หงส์เชื่อมั่นในตัวเฮีย ยังไงฝ่ายเราต้องชนะ! ถ้าเฮียคณินไม่ทำเสียเรื่องซะก่อน"
"เฮียไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย ... ใจสู้ซะอย่าง ไม่ต้องไปกลัว"
ทรงกลดนิ่งฟังเก็บข้อมูลเพื่อนๆไปแล้วหันไปมองธามเป็นคนสุดท้าย
"ถ้าแกยังเชื่อว่า ความดีต้องชนะความชั่ว แกก็จะชนะ!" ธามบอก
เต็กจัดแจงวางไม้ติ้วสีดำและสีทอง อย่างละ 20 อันไว้บนโต๊ะพร้อมกับกระถางกระเบื้องสองใบ
"ก่อนที่เราจะเริ่มลงคะแนนเสียง เราคงอยากจะให้เสี่ยเล้งกล่าวอะไรซักหน่อย"
เล้งก้าวออกมายืนต่อหน้าหัวหน้าแก๊งทุกคนอย่างมั่นใจแต่นอบน้อมในที
"ถ้าทุกคนมอบความไว้วางใจให้อั๊วขึ้นเป็นนายกสมาคมเลือดมังกร อั๊วขอให้คำมั่นว่า พวกเราทุกคนจะใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุขและมั่งคั่งยิ่งกว่าเดิม"
เสียงฮือฮาพอใจดังมาจากกลุ่มที่สนับสนุนเล้ง
"เอาล่ะ เรามาเริ่มลงเสียงกันได้เลย" เต็กบอก
ภรพบอก
"เดี๋ยวสิครับ ทรงกลดก็มีอะไรจะกล่าวกับทุกคนเหมือนกัน"
ทรงกลดก้าวออกมาแล้วกวาดสายตามองตาหัวหน้าแก๊งทีละคน
"ความมั่งคั่งไม่ใช่คำตอบของชีวิต โลกนี้ความดี ความเลว มีคุณธรรมคอยกำกับไว้ สิ่งที่จะทำให้พวกเราทุกแก๊งที่แตกต่างทางความคิดอยู่รวมกันอย่างสุขสงบได้ ก็คือคุณธรรมในหัวใจของทุกท่าน สำหรับผมอำนาจจึงต้องมาพร้อมกับคุณธรรมเสมอ!"
เกากล่าวลอยๆ
"คุณธรรมมันกินได้ก็ดีสิ"
คำพูดของเกาเรียกเสียงหัวเราะจากเต็กและอ๋า แต่หัวหน้าแก๊งอื่นๆเริ่มนิ่งและฟังทรงกลด
"เอ้าๆ เรามาเริ่มลงคะแนนเสียงกันเลย ใครเลือกเสี่ยเล้ง ก็หยิบไม้ติ้วสีดำใส่ลงในกระถาง..ส่วนไม้ติ้วสีทอง" เต๊กบอก
เล้งบอก
"เดี๋ยวก่อน! อั๊วขอสละสิทธิ์ไม่ออกเสียง! อั๊วไม่หน้าหนาพอที่จะเลือกตัวเอง"
เล้งเดินไปหยิบไม้ติ้วสีดำออกแล้วหักครึ่งโยนทิ้งไป ทำแมนๆเพื่อเรียกคะแนนเสียงกลับมา
ทรงกลดขยับจะไปหยิบไม้ติ้วสีทองบ้าง แต่ภรพกับคณินพร้อมใจกันดึงทรงกลดไว้ทันที เขาไม่ฟังเพื่อนเดินไปหยิบไม้ติ้วสีทองไว้
เล้งมองทรงกลดอย่างผู้ใหญ่มองผู้น้อย,ยังไงบารมีเล้งก็สู้กับทรงกลดได้ไม่ยาก
อันกับหลงเดินมาด้วยกันอีกมุมหนึ่งของโถง
"ขอบใจนะ อาหลง"
"ไม่เป็นไรครับ เฮียอัน ผมเป็นเกียรติอย่างมากที่มีโอกาสได้รู้จักเฮีย"
"นายน่าจะรู้สึกผิดหวังมากกว่า"
"โธ่ คนเรามันพลาดกันได้ ใครจะนึกว่า คนเรามันจะกล้าฆ่ากันได้ทุกที่ เฮียน่าจะเอาเรื่องไอ้หมอนั่นนะ ปล่อยมันไปง่ายๆอย่างนั้นได้ยังไง"
"ขอเอาคืนมันแบบตัวต่อตัวดีกว่า อีกไม่นานหรอก ว่าแต่นายอยู่แก๊งหงส์ดำมานานแค่ไหนแล้ว"
"โห! เฮียนี่หูตาไวจริงๆ ไม่มีใครสังเกตเห็นผมซักคน ผมเหมือนเห็บเหาเกาะคุณหนูหงส์มาตลอด"
อันคว้าจับข้อมือหลงเข้าหมับ หลงสะบัดมือออกได้ทันควันแล้วกลับกดตัวอันไว้ได้แต่ถูกอันสะบัดออกไป
"ฝีมืออย่างนี้ ไม่ได้เป็นแค่เห็บเหาหรอก คุณหนูหงส์โชคดีที่มีมือขวาอย่างนาย ดูแลคุณหนูให้ดีๆล่ะ ยิ่งในเวลานี้ยิ่งไม่น่าไว้ใจ มีนักเลงแปลกถิ่นเข้ามาเยอะ ผิดปกติ แต่ฉันคงไม่ต้องเตือนนาย"
"อย่าหาว่าผมอาจเอื้อมเลยนะครับ ดูๆไปเรามีอะไรคล้ายๆกัน เรามีคนที่ต้องปกป้องด้วยชีวิตเหมือนกัน ไม่มีวันที่จะได้ใช้ชีวิตปกติสุขเหมือนคนอื่น และที่สำคัญเราไม่มีวันก้าวออกไปวังวนนี้ อย่างที่เค้าว่า วงการนักเลง เข้าแล้วไม่มีใครออกได้"
อันนิ่งอึ้งไปเมื่อนึกถึงการแยกตัวไปแต่งงานกับหยกมณีและมีชีวิตที่ปกติสุข
ในบรรยากาศการลงคะแนนเสียงโดยหัวหน้าแก๊งต่างๆต่างจับตัวกันเป็นกลุ่มๆ
เต็กดำเนินการลงคะแนนเสียงต่อไปโดยฝ่ายทรงกลดและฝ่ายเล้งผลัดกันมาหยิบไม้ติ้วโยนใส่กระถาง
"อาภรพ..แก๊งเสือ" เต๊กประกาศบอก
ภรพเดินมาหยิบไม้ติ้วสีทองโยนใส่กระถาง
"เสี่ยเกา...แก๊งค้างคาว"
เกาโยนไม้ติ้วสีดำใส่กระถาง
"อาธาม..แก๊งกระทิง"
ธามหยิบไม้ติ้วสีทองโยนใส่กระถาง
คณินล้อเต็ก
"อาคณิน..แก๊งเหยี่ยวแดง"
คณินหยิบไม้ติ้วสีทองแล้วถอยไปไกลๆแล้วโยนพุ่งปรู๊ดใส่กระถางอย่างลีลาเยอะเกิน
เต็กมองคณินอย่างเคืองๆ
"เสี่ยอ๋า..แก๊งหมูป่า"
อ๋าโยนไม้ติ้วสีดำใส่กระถาง
"อาหงส์..ตัวแทนแก๊งหงส์ดำ"
หงส์ยังเป็นตัวแทน เพราะยังไม่ได้ขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊ง หงส์โยนไม้ติ้วสีทองใส่กระถาง
หัวหน้าแก๊งแต่ละคนโยนไม้ติ้วลงเสียงให้ทรงกลดหรือเล้ง ทั้งคู่ต่างขับเคี่ยวเรื่องคะแนนกันไปมา
บันลือแก๊งมังกรทองมองหน้ากับภรพก่อนที่จะตัดสินใจเลือกไม้ติ้วสีทอง ณ เวลานี้ ทรงกลดได้ 5 เสียง เล้งที่ยังอยู่ที่ 2 เสียง ก่อนที่แก๊งฝ่ายเล้ง อันได้แก่ หยงเป่าแก๊งอินทรี,เหวินเต๋อแก๊งกิเลน,ปิงแก๊งพังพอน,เก๋อแก๊งกระต่ายป่า ต่างพากันโยนไม้ติ้วสีดำให้อีก4เสียง ผลคะแนน เล้งได้ 6 เสียง
ทรงกลดได้อีก 4 เสียงจาก จงแก๊งหนูไฟ,กวงแก๊งจิ้งจอกขาว,กิมแก๊งม้าป่า,ลิ้มแก๊งหมีขาว ทรงกลดนำเล้งอยู่ 9 เสียงต่อ 6 เสียง
คณินยิ้มอย่างมีชัยชนะ แต่ต้องหุบยิ้มลงเมื่อกริชโยนไม้ติ้วสีดำให้เล้ง
เต็กบอก
"อั๊วยังไม่ลงคะแนนนี่หว่า"
หงส์จับตามองเต็กอย่างหวังลึกๆว่าเต็กจะเลือกฝ่ายธรรมะ แต่เต็กกลับหยิบไม้ติ้วสีดำโยนลงกระถางอย่างไม่รอช้า
ทรงกลดกับเล้งมองหน้ากันแล้วหันไปมองเคี้ยง
ตอนนี้ทรงกลดนำเล้งอยู่ 9 เสียงต่อ 8 เสียง รอเพียงคะแนนเสียงจากเคี้ยงคนเดียว
"เรานำแล้ว 9 ต่อ 8 ชนะใสๆ"
เคี้ยงเดินไปเช็ดเหงื่อไปแล้วเอื้อมมือไปหยิบไม้ติ้ว ทุกคนลุ้นจนต้องกลั้นหายใจ เคี้ยงหันมามองหน้าทรงกลดกับเล้งอย่างชั่งใจแล้วตัดสินใจหยิบไม้ติ้วสีดำโยนลงกระถาง
"ไอ้หยา! คะแนนเสียงเท่ากัน" เต็กบอก
"ใครว่าเท่ากัน"
ทุกคนหันไปมองทรงกลดที่ไม้ติ้วสีทองอยู่ในมือแล้ว ไม้ติ้วสีทองพุ่งจากมือทรงกลดลอยละลิ่วลงกระถางอย่างสวยงามเป็น 10 คะแนนเสียง
เล้งหน้าถอดสีไม่คิดว่าทรงกลดจะกล้าเล่นไม้นี้
เกา เต็กและอ๋ารวมทั้งแก๊งที่ลงคะแนนให้เล้งพากันอึ้งโกรธตามๆกัน
คณินโวดัง
"คะแนนเสียง 10 ต่อ 9 ทรงกลดชนะการเลือกตั้ง!"
เล้งฝืนยิ้ม จับมือทรงกลด
"ยินดีด้วย ท่านนายกสมาคมเลือดมังกร"
ทรงกลดจับมือกับเล้งอย่างหนักแน่น เล้งปากยิ้มแต่ตามีแววอาฆาตว่าเรื่องไม่จบลงแค่นี้แน่!
อาจูนั่งตรวจบัญชีอยู่ที่โต๊ะทำงาน ปอยกสมุดบัญชีตั้งใหญ่มาวางไว้บนโต๊ะ
"ผมต้องขอโทษจริงๆที่ต้องรบกวนนายหญิง"
"ฉันต้องขอบคุณแปะปอต่างหากที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองมีประโยชน์กับเค้าบ้าง ไม่งั้นวันๆฉันแทบไม่มีอะไรทำเลย"
"หน้าที่ดูแลนายน้อยก็นับว่าหนักเอาการอยู่แล้วล่ะครับ นายหญิง"
อาจูยิ้มเขินรู้สึกกระดากกับคำว่านายหญิง
"แปะปอ..เรียกฉันเหมือนเดิมดีกว่านะ"
"อีกหน่อยก็ชินครับ คุณจูเป็นนายหญิงของเรา จะให้เราเรียกเป็นอื่นได้ยังไง ผมรบกวนขอแค่สรุปบัญชีรายรับรายจ่ายของแก๊งเราปีนี้ปีเดียวนะครับ"
อาจูเปิดสมุดบัญชีที่ปอยกมาเพิ่มแล้วหันมองไปรอบๆโต๊ะ
"หาอะไรครับ"
"หาลูกคิดน่ะค่ะ"
"อยู่ในลิ้นชักครับ นายหญิงไม่ต้องเกรงใจนะครับ โต๊ะทำงานตัวนี้เป็นของนายน้อยแล้ว ก็เท่ากับเป็นของนายหญิงด้วย"
อาจูเปิดลิ้นชักทีละชั้นเพื่อหาลูกคิด ปอยืนมองอย่างลุ้นๆ
"นายหญิงครับ"
อาจูตอบปอไปก็เปิดลิ้นชักหาลูกคิดไป
"มีอะไรให้ช่วยอีก บอกมาเลยค่ะ ไม่ต้องเกรงใจ"
"ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมขอให้นายหญิงอยู่เคียงข้างนายน้อยไว้นะครับ ตอนนี้ นายหญิงเป็นกำลังใจสำคัญที่สุดของนายน้อย"
อาจูเงยหน้ามองปออย่างสงสัย แต่ปอค้อมหัวให้แล้วเดินออกไปแล้ว
อาจูเปิดลิ้นชักหาลูกคิดต่อไปจนเปิดลิ้นชักสุดท้ายแล้วต้องนิ่งชะงักอย่างแปลกใจ อาจูหยิบจดหมายปึกใหญ่ที่ผูกรวมไว้ด้วยริบบิ้นขึ้นมาดู
ปอแอบยืนมองอยู่ที่ประตูอย่างพอใจแล้วเดินออก อาจูมองหน้าซองจดหมายแล้วต้องนิ่งคิดอย่างสงสัย
ทรงกลดเดินไปหาเต็กอย่างสง่างามเพื่อรับกล่องตราประทับสมาคมเลือดมังกร เขาหยิบตราประทับรูปมังกรขึ้นชูแสดงถึงชัยชนะที่ได้รับ
คณินนำตบมือเป็นคนแรกแถมเป่าปากปี๊ดๆอย่างดีใจ ทำให้หัวหน้าแก๊งคนอื่นๆตบมือตามเสียงสนั่น
"เพื่อนเราได้เป็นนายกฯแล้วเว้ย!"
ทรงกลดมองไปที่กลุ่มแก๊งเพื่อน-ภรพ ธาม คณินและหงส์ที่พากันตบมืออย่างปลื้มดีใจที่ชนะ
เล้งจำใจตบมือด้วยสีหน้านิ่งๆ เต็กและเกาตบมือแกนๆอย่างไม่พอใจ เคี้ยงแอบโล่งใจที่เรื่องจบลงได้ดี
ธามมองเล้งอย่างยิ้มที่เหนือกว่า เล้งมองตอบด้วยสีหน้าที่ยังไม่ยอมแพ้
"นี่มันโกงกันชัดๆ" เกาบอก
เล้งยกมือห้ามไม่ให้เกาพูดต่อ แต่เดินไปประจันหน้ากับทรงกลด เสียงตบมือเริ่มเงียบลง
"ตอนนี้เราก็ได้นายกสมาคมฯคนใหม่แล้ว ไม่ทราบว่า ท่านนายกฯมีแผนการหรือนโยบายไว้แล้วหรือเปล่า สมาคมฯของเราจะไปในทิศทางไหนต่อไป แต่ถ้ายังไม่พร้อมที่จะประกาศนโยบายในวันนี้ ก็ไม่เป็นไร..แต่การทำงานใหญ่จะมาคิดวันต่อวัน เห็นจะไม่ได้นะ อาทรงกลด" เล้งเตือนแต่แอบดูแคลน
"ผมวางนโยบายของสมาคมเราไว้แล้ว ผมขอสานต่อเจตนารมณ์ของแปะสุง ทำความดีทดแทนบุญคุณแผ่นดินไทย! เริ่มต้นด้วยการยุติธุรกิจผิดกฎหมายทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นโรงฝิ่น โรงน้ำชา บ่อนการพนันและการลักลอบขายสินค้าเถื่อน นี่คือ นโยบายถิ่นมังกรสีขาว..นโยบายที่จะทำให้แผ่นดินนี้น่าอยู่..เพื่อลูกหลานของเรา"
เล้งขำ
"นโยบายขายฝัน!"
"ถ้าทำได้ ก็ทำไปนานแล้ว ไม่ต้องรอให้เด็กเมื่อวานซืนอย่างลื้อมาเป็นนายกฯ หรอก อั๊วคนนึงล่ะที่ไม่เอาด้วย" เกาบอก
"อั๊วก็ไม่เอา" เต็กว่า
แก๊งอธรรมอื่นต่างเซ็งแซ่
"อั๊วก็ไม่เอา! อั๊วก็ไม่เอา"
อ๋าเสียงดังสุด)
"อั๊วก็ไม่เห็นด้วย โรงน้ำชาของอั๊วผิดกฎหมายยังไงวะ"
"โรงน้ำชามันก็ซ่องชัดๆ ทำไมต้องถาม" คณินบอก
อ๋าเอาเรื่อง
"ลื้อว่าไงนะ"
"เสี่ยอ๋าใจเย็นๆ" เล้งบอก
"ไม่เย็นแล้ว คิดว่าใหญ่นักเหรอวะ จะมาตัดทางทำมาหากินแก๊งอื่น ใครจะเลิกก็เลิกไป แต่อั๊วไม่เลิก อั๊วไม่ต้องอยู่สมาคมเลือดมังกรก็ได้"
"เฮ้ยๆ เดี๋ยวๆ ไปกันใหญ่แล้ว เรามาซาวเสียงกันดีกว่า ใครเห็นด้วยกับนโยบาย" เล้งทำเสียงขำๆอย่างดูแคลน "ถิ่นมังกรสีขาวของท่านนายกฯบ้าง"
คณินเป่าปากเสียงดังแต่เป็นเสียงเดียวที่ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบกริบของหัวหน้าแก๊งคนอื่นๆ
ทรงกลดเดินมายืนประจันหน้ากับเล้ง
ภรพ ธาม คณินและหงส์เดินมาหนุนหลังให้ทรงกลด
เต็ก เกา อ๋าและแก๊งที่โหวตให้เล้งเดินมารวมกลุ่มกับเล้งและแก๊งอื่นๆทุกแก๊ง
ยกเว้นเคี้ยง บันลือและกริชที่ไม่สนับสนุนที่ทรงกลด หักดิบแต่ก็ไม่เข้าข้างเล้ง ยังดูสถานการณ์ก่อน
"เสียงส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับลื้อ ถ้าอย่างนั้นการที่ลื้อจะเป็นนายกฯต่อไปก็คงเป็นเรื่องยากแล้ว เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน อั๊วให้เวลาลื้อหนึ่งเดือน ถ้าลื้อทำให้ทุกแก๊งยอมทำนโยบายของลื้อได้ ลื้อก็เป็นนายกฯต่อไป แต่ถ้าทำไม่ได้..ตำแหน่งนายกสมาคมต้องเป็นของอั๊ว"
ธามถาม
"แค่เดือนเดียว น้อยไปหรือเปล่า"
"ได้! ตกลงตามนี้ การเริ่มต้นเป็นเรื่องยากเสมอ แต่การเริ่มต้นที่มีความมุ่งมั่น มีอุดมการณ์..ชัยชนะจะรอเราอยู่ที่ปลายทาง"
ทรงกลด ภรพ ธาม คณินและหงส์มีสีหน้าเคร่งเครียดต่างกับตอนที่ทรงกลดได้ขึ้นเป็นนายกฯอย่างสิ้นเชิง
แม้ทุกคนมั่นใจและมุ่งมั่นแต่ก็ยังกังวลใจกับการโน้มน้าวแก๊งอื่นๆให้ทำตามนโยบายถิ่นมังกรสีขาว
กลุ่มของทรงกลดเผชิญหน้ากับกลุ่มของเล้งอย่างไม่มีใครยอมถอย
ทรงกลดเดินหน้าเครียดลงมาจากชั้นบน อันปราดไปหาทันที
"นายน้อย"
"แกคงรู้แล้วทั้งข่าวดีและข่าวร้าย"
"ผมถือว่าเป็นข่าวดีทั้งสองข่าว เรื่องที่นายน้อยได้รับเลือกเป็นนายกสมาคมฯเป็นเรื่องน่ายินดีอยู่แล้ว ส่วนเรื่องนโยบายที่ยังไม่ผ่าน ถือว่า เป็นบททดสอบแรกของนายน้อยที่ยังไงก็ต้องผ่านไปได้"
"หงส์บอกว่าเสี่ยเล้งมีคนใหญ่คนโตหนุนหลังอยู่"
"นายเมฆินทร์"
เมฆินทร์คนนี้เป็นนัการเมือง
"ไอ้นี่จะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้หลายแก๊งไม่กล้ามาอยู่ฝ่ายเรา แล้วก็อีกหลายแก๊งที่รวยไม่รู้จักพอ เห็นแก่ผลประโยชน์ตัวเองยิ่งกว่าอะไร ฉันไม่รู้ว่าพวกเราจะโน้มน้าวแก๊งพวกนี้ให้เลิกเห็นผิดเป็นชอบได้ยังไง"
"เราลองเริ่มจากแก๊งเต่ามังกรก่อนเลยดีมั้ยครับ"
เคี้ยงเดินมากับอิกและสมุน 2 คน สภาพอิกนั้น สะบักสะบอมเล็กน้อย และไม่กล้าสบตาอันนัก
เคี้ยงโบกมือให้อิกกับสมุน 2 คนถอยห่างออกไป
"อาทรงกลด..ลื้อต้องเข้าใจนะ อั๊วเป็นลูกผู้ชาย..อั๊วต้องรักษาคำพูด..ใครจะไปรู้ว่า อั๊วจะได้ลื้อเป็นลูกเขย ไม่งั้นอั๊วก็ไม่รับปากอาเล้งไปหรอก"
"เรื่องนั่นช่างเถอะครับ แต่เรื่องหยุดทำธุรกิจผิดกฎหมาย เสี่ยจะว่าไง"
"แค่เดือนเดียว ลื้อจะล้มทั้งกระดาน มันเป็นไปได้ยากนา มันเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของคนเป็นร้อยเป็นพัน"
"แต่ถ้าเราไม่เริ่มต้นวันนี้ แล้วเราจะเริ่มต้นเมื่อไหร่ล่ะครับ" ทรงกลดคาดคั้นเคี้ยง "แก๊งเต่ามังกร
จะร่วมมือกับทางเรามั้ย ผมขอถามแค่นี้!"
"อั๊วเลิกทำการค้าผิดกฎหมายแน่"
อิกเงี่ยหูฟังทันที
"เลิกแน่ๆ แต่เลิกได้เมื่อไหร่ อั๊วไม่รู้! ลื้อทำให้อาจูเรียกอั๊วว่า อาป๊าได้ บางทีอั๊วอาจจะช่วยลื้อ! แต่ตอนนี้อั๊วขอเอาตัวเองรอดก่อน"
เคี้ยงเดินออกไปดื้อๆเพราะหนทางเลิกทำการค้าผิดกฎหมายยังอีกยาวไกล
อิกกับสมุน 2 คนเดินตามเคี้ยงไป อิกหันกลับมามองอันอย่างอาฆาตก่อนไป
ทรงกลดเดินออกไปอีกทาง อันขยับเดินตาม
"ฉันขอคิดอะไรคนเดียวเงียบๆ..แกไปพักเถอะ ต่อไปแกคงไม่มีเวลาได้พักอีก"
"สถานการณ์ตอนนี้ไม่น่าไว้ใจนะครับ นายน้อย"
ทรงกลดมองอันด้วยสายตาออกคำสั่ง, อันถอยหลังไป หัวหน้าแก๊งเขร่ยวสิงห์คนใหม่เดินออกไปอย่างหนักใจ
อันหอบถุงอาหารสดเต็มสองมือเดินเคียงคู่มากับหยกมณีที่พูดจ้อไม่หยุด แต่อันเดินนิ่งคิดปัญหาของทรงกลดจนไม่ได้ฟังว่าหยกมณีพูดอะไร
"โล่งใจไปที หยกลุ้นแทบตาย กลัวว่านายน้อยจะแพ้เสี่ยเล้ง เห็นว่าชนะคะแนนแค่เสียงเดียวเท่านั้น ป่านนี้เสี่ยเล้งคงตีอกชกหัวที่ต้องมาตกม้าตายอย่างนี้ แล้วมีอะไรให้หยกช่วยหรือเปล่าคะ เฮีย"
อันเดินต่อไปโดยไม่ได้ฟังหยกมณี
"เฮียอัน"
อันชะงัก
"มีอะไร เราลืมซื้ออะไรเหรอ"
"เฮียหนักใจมากเลยเหรอ ถ้าอย่างนั้นคราวนี้เฮียจะต้องยอมให้หยกช่วย หยกจะไปสืบให้ว่าแก๊งไหนมีจุดอ่อนตรงไหน เราก็ใช้จุดอ่อนนั้นมาเป็นประโยชน์ งานนี้ไม่ได้เล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกลล่ะ เราจะมัวเป็นคนดีมีคุณธรรมไม่ได้แล้ว"
"นายน้อยไม่มีวันยอม แล้วเฮียก็ยืนยันคำเดิม หยกห้ามมายุ่งกับงานของเฮีย"
"นอกจากปัญหาของเรื่องสมาคมฯแล้ว เฮียยังมีปัญหาอะไรอีกหรือเปล่า"
หยกมณีมองอันอย่างคาดคั้น เมื่อเห็นอันใจลอยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
"ไม่มี"
หยกมณีไม่เชื่อสักนิดเดียว
ภายในบ้านหยกมณี ถุงอาหารสดวางลงบนโต๊ เนื้อหมูห่อใบตอง แตงกวา พริกหยวก มะเขือเทศ กระเทียม สับปะรดและเครื่องปรุงสำหรับทำหมูผัดเปรี้ยวหวานถูกวางเรียงรายบนโต๊ะ
อันหั่นหมูอย่างเชี่ยวชาญ หั่นแตงกวา มะเขือเทศ หอมใหญ่ พริกหยวก สับปะรดผักสีสดๆ
อันโยนกระเทียมลงไปในกระทะที่ร้อนฉ่า ตามด้วยตามหมูที่หั่นแล้วและตามด้วยผักสีสดๆต่างๆ
อันที่ผัดหมูเปรี้ยวหวานอย่างเชี่ยวชาญ ส่วนหยกมณีนั่งจิบไวน์ดูอันทำอาหารอย่างเพลิดเพลิน
อันวางจานหมูผัดเปรี้ยวหวานลงบนโต๊ะ และตามด้วยจานกับข้าวอีก 2-3 จาน
หยกมณีวางชามข้าวลงพร้อมช้อนและตะเกียบเป็นอันจัดโต๊ะเสร็จ
ทั้งคู่นั่งลงที่โต๊ะ หยกมณีรีบคีบหมูใส่ชามข้าวให้อัน
หยกมณีมองอันพุ้ยข้าวกินแล้วยิ้ม
"เวลาเราอยู่ด้วยกันอย่างนี้..หยกรู้สึกเหมือนเราแต่งงานกันแล้วทุกที"
"งั้นเราไม่ต้องจัดงานแต่งงานแล้วสิ"
"ไม่ได้! ยังไงหยกก็ต้องมีงานแต่งงาน ถ้าหยกไม่ได้แต่งงานกับเฮีย หยกก็จะไม่แต่งงานตลอดชีวิต อีกไม่นานเฮียก็จะได้กลับบ้านมากินข้าวกับหยกทุกวัน"
อันกินข้าวช้าลงจนหยุดกิน หยกมณีพุ้ยข้าวกินต่อโดยไม่รู้ว่าอันมองมาอย่างยุ่งยากใจ
"นายน้อยก็ได้ขึ้นเป็นนายกฯแล้ว อีกเดือนนึงก็ปัญหาทุกอย่างก็จะต้องจบลง แล้วนายน้อยก็จะคืนเฮียกลับมาให้หยก"
อันเริ่มยอมรับกับตัวเองว่าเรื่องที่จะแต่งงานแล้วมีชีวิตปกติเป็นไปได้ยาก
เขาคิดถึงหลง ซึ่งพูดโดยที่ไม่รู้ว่ากระทบใจอันอย่างแรง
"ไม่มีวันที่จะได้ใช้ชีวิตปกติสุขเหมือนคนอื่น และที่สำคัญเราไม่มีวันก้าวออกไปวังวนนี้ อย่างที่เค้าว่า วงการนักเลง เข้าแล้วไม่มีใครออกได้"
หยกมณีจ้องมองอันที่วางตะเกียบลงบนโต๊ะแล้ว นิ่งและคิดหนัก
"เฮียอัน..เราจะไม่ได้แต่งงานกันใช่มั้ย"
หยกมณีวางตะเกียบลงบนโต๊ะแล้วเดินออกไปเงียบๆ
หยกมณีเดินมายืนกลั้นน้ำตาแล้วก็กลั้นไว้ไม่ได้ อันเดินเข้ามาเห็นหยกมณีน้ำตาไหลพราก
"หยก"
"หยกเห็นหน้าเฮียก็รู้แล้ว..เฮียไม่มีความสุข..เฮียแต่งงานกับหยกไม่ได้"
หยกมณีรีบเช็ดน้ำตา พยายามทำเป็นเรื่องเล็กแม้จะเจ็บปวดแค่ไหน
"ไม่แต่งก็ได้ ไม่เป็นไร เฮียไม่อยากผูกมัดกับหยก หยกเข้าใจ"
อันดึงหยกมณีมากอด
"หยกยังไม่เข้าใจ ไม่ใช่ว่า เฮียไม่อยากผูกมัด ก่อนหน้านี้เฮียพยายามหนีความจริง แต่ที่สุดเฮียก็หนีความจริงไม่พ้น..เฮียไม่มีวันทิ้งหน้าที่ของตัวเองไปได้"
"เฮียไม่ได้เกิดมาเพื่ออยู่กับหยก แต่เฮียไม่มีที่ว่างให้หยกบ้างเลยเหรอ ไม่มีเลยแม้แต่นิดเดียวเลยเหรอคะ"
อันปล่อยหยกมณีออกไปจากอ้อมกอด
"หยกยังต้องการผู้ชายเห็นแก่ตัวอย่างเฮียอีกเหรอ ถึงเราแต่งงานกัน ก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง หรืออาจยิ่งแย่กว่าเดิม เฮียไม่มีเวลาให้ หนำซ้ำอาจจะทำให้หยกเสี่ยงอันตรายกับเฮียไปด้วย"
"หยกไม่เคยกลัวตาย! แล้วเฮียจะมาหาหยกอาทิตย์ล่ะครั้งเดือนล่ะครั้งปีล่ะครั้ง หยกก็ไม่ว่า ขอแต่ให้หยกมีเฮียก็พอ"
อันไม่ตอบอะไรแต่มองด้วยสายตาที่ตัดขาดได้แล้ว อันเดินออกไปแล้วต้องชะงัก
"แล้ววันนี้ที่เฮียทำดีกับหยกเพื่ออะไร..เพื่อเลี้ยงลาครั้งสุดท้ายเหรอคะ"
"ลาก่อน..หยก"
อันเดินออกไป หยกมณีทิ้งตัวลงกองกับพื้นแล้วร้องไห้ปานว่าจะขาดใจ
ทรงกลดกลับมาถึงบ้านแต่ยังไม่เข้าไปในบ้าน ยืนนิ่งคิดหนักกับปัญหาที่จะต้องชนะใจหัวหน้าแก๊งทุกแก๊งภายในหนึ่งเดือน
อาจูถือซองจดหมายปึกใหญ่เดินเข้ามาหาทรงกลด
"คุณที"
ทรงกลดปรับสีหน้าให้คลายเคร่งเครียดลง ยิ้มเหมือนไม่มีปัญหาอะไร พูดล้อเล่นว่า
"ว่ายังไงครับ...นายหญิง"
ทรงกลดยังไม่ทันสังเกตสีหน้ากังวลใจของอาจู ก้าวยาวๆไปหา
"วันนี้ฉันออกไปประชุมในฐานะหัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์ แล้วกลับมาพร้อมตำแหน่งนายกสมาคมฯ ช่วงนี้แก๊งเรามีเรื่องให้ฉลองไม่ได้หยุดหย่อ"
ทรงกลดก้าวเข้าไปใกล้อาจูแล้วชะงักเมื่อเห็นอาจูไม่ได้สนใจเรื่องตำแหน่งนายกฯของเขาเลย
"มีอะไร"
"คุณเคยเล่าให้ฉันฟังว่า นายใหญ่ส่งคุณกับคุณแม่ไปอยู่อเมริกานานเป็นสิบปี"
"ฉันถามว่า..มีอะไร"
"นายใหญ่ตัดขาดจากคุณ...ไม่เคยติดต่อไปเลย แม้แต่งานศพคุณแม่คุณ นายใหญ่ก็ไม่ยอมไปจัดการ...ทุกอย่างที่คุณคิด มันไม่ใช่แล้วล่ะค่ะ คุณที"
อาจูยื่นปึกจดหมายที่วรดีเขียนถึงตงให้ทรงกลด
"ฉันพบจดหมายที่คุณแม่คุณเขียนถึงนายใหญ่ และฉันเชื่อว่า จะต้องมีจดหมายของนายใหญ่"
"ไม่จริง"
"ฉันขอโทษนะคะ ฉันถือวิสาสะอ่านจดหมายบางส่วนของคุณแม่คุณแล้ว"
"ไม่จริง! ฉันไม่อยากเชื่อ!"
ทรงกลดเปิดจดหมายของวรดีออกมาอ่านอย่างคร่าวๆ
ทรงกลดเปิดจดหมายอ่านไม่จบสักฉบับแล้วเปิดจดหมายอีกฉบับอ่านอย่างว้าวุ่นใจ
จ่าหน้าซองถึง -คุณตง ตงวานิช 48 ถนนจักรวรรดิ อำเภอสัมพันธวงศ์ Bangkok Thailand
ทรงกลดเปิดประตูโผละเข้ามาในห้องเก็บของอีกห้องหนึ่ง ที่ไม่ใช่ห้องที่เคยขังเหมยลี่ เขาตรงเข้าไปยังกองกล่องของใช้ของวรดีแล้วเริ่มค้นหาจดหมายของตง
อาจูเข้ามาจะช่วยทรงกลดค้นหาจดหมาย
"ไม่ต้อง ไม่เป็นไร ฉันหาเอง"
ทรงกลดรีบค้นอย่างใจเต้นระรัว ไม่อยากคิดว่า เรื่องที่อาจูบอกจะเป็นเรื่องจริง เขาค้นข้าวของจนกระจุยกระจายเต็มห้องแล้วก็พบกล่องไม้ที่ซุกอยู่ข้างในสุด
ทรงกลดหยิบกล่องออกมาเปิดช้าๆ แล้วหยิบปึกจดหมายที่ผูกโบอย่างประณีตออกมา
ในกล่องไม้ยังมีปึกจดหมายอยู่อีกหลายปึกด้วยกัน
ทรงกลดดึงโบทิ้งไปแล้วมองหน้าซองจดหมายทีละซองๆที่เป็นลายมือของตงจ่าหน้าถึงวรดี - Mrs.Woradee Tongvanich Po.Box 2268,Chicago, IL. 60622 U.S.A
ทรงกลดทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแรง ยังไม่กล้าที่จะเปิดจดหมายอ่าน
ภายในบ้าน เล้งนั่งจิบเหล้าอย่างครุ่นคิดเรื่องที่จะโค่นล้มทรงกลดและแก๊งเพื่อน หมงกับอิกยืนอยู่กับสมุนแก๊ง 2-3 คนที่ยืนประดับบารมีเล้งอยู่
"เสี่ย..เออ..นายไม่ต้องเป็นกังวลเลยครับ ยังไงก็ไม่มีแก๊งไหนเอาด้วยกับนโยบายบ้าๆของไอ้ทรงกลด" หมงบอก
"มันเกลี้ยกล่อมได้อย่างมากก็แก๊งสองแก๊ง ไงพวกเราก็เป็นเสียงข้างมาก ต้องล้มพวกไอ้ทรงกลดได้อยู่แล้ว นายจะต้องได้ขึ้นเป็นนายกฯแน่" อิกบอก
"ท่าทีเสี่ยเคี้ยงเป็นยังไง" เล้งถาม
"ดูมันเกรงใจลูกเขยมันอยู่ แต่ก็ยังไม่กล้ารับปากอะไร"
"เพราะอย่างนี้อั๊วถึงประมาทไม่ได้! ถ้าเกิดมีแก๊งไหนเปลี่ยนใจขึ้นมา สถานการณ์อาจจะเปลี่ยนไปได้อีก อั๊วจะไม่ยอมให้พลาดเหมือนอย่างวันนี้"
"แก้ปัญหาได้ง่ายๆเลยครับ นาย ฆ่าไอ้ทรงกลดซะ" หมงบอก
"ไม่มีไอ้ทรงกลด ก็ยังมีไอ้ภรพ ไอ้ธาม แล้วก็ไอ้กะล่อนคณินอีก..หมดรุ่นพ่อมันไปแล้ว ก็ดันมีรุ่นลูกมาเป็นเสี้ยนหนามตำใจอั๊วอีก"
เล้งตัดสินใจสั่งงานอย่างเหี้ยมเกรียม
"กำจัดพวกมันให้หมด คราวนี้อย่าให้เหลือรอดแม้แต่คนเดียว"
เล้งบีบแก้วเหล้าจีนแหลกคามือ
ปึกจดหมายของตงวางอยู่บนโต๊ะ มี 2-3 ฉบับที่เปิดอ่านแล้ววางไว้อยู่ ทรงกลดอ่านจดหมายของตงด้วยความสะเทือนใจที่สุด
"อาดี..เฮียตัดสินใจถูกแล้วที่ส่งลื้อกับทรงกลดไปอยู่ที่โน่น อาเช็ง ตายในกองเพลิงพร้อมครอบครัว หนำซ้ำยังโดนใส่ร้ายว่าค้าทองเถื่อนอีก เรื่องนี้ฝีมือของแก๊งไหนก็ยังไม่รู้ ทรงกลดคงต้องเสียใจเรื่องที่ชลธีตายอย่างน่าอนาถ ลื้อเห็นหรือยังว่าโลกของแก๊งเจ้าพ่อมันโหดร้ายแค่ไหน เฮียถึงไม่ยอมที่จะให้ลื้อกับลูกต้องผจญเวรกรรมไปกับเฮียด้วย ลื้ออยู่กับลูกให้สุขสบาย ไม่ต้องเป็นห่วงเฮีย"
เช็ง ที่ตงกล่าวถึงนั้นเป็น พ่อของธาม และ ชลธี เป็นชื่อเก่าของธาม
ทรงกลดเงยหน้าขึ้นจากจดหมาย ได้รับรู้ความจริงแล้วว่า ตงส่งเขาและแม่ไปอยู่อเมริกาทำไม !? อาจูนั่งอยู่เคียงข้าง เอื้อมมือไปแตะแขนทรงกลดเพื่อปลอบใจ
ทรงกลดอดกลั้นอารมณ์ที่พลุ่นพล่าน หยิบจดหมายอีกฉบับมาอ่าน
"เฮียสุงยังคงยืนยันให้เฮียขึ้นเป็นนายกสมาคมฯแทน ยังไงเฮียคงขัดเฮียสุงไม่ได้ เฮียจำต้องรับภาระเพื่อพี่น้องของเรา ยิ่งเป็นใหญ่ศัตรูก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ความตายดูเหมือนเข้าใกล้เฮียทุกที เฮียไม่กลัวตาย..แต่ก่อนตายเฮียหวังว่าจะได้เห็นหน้าลื้อกับทรงกลดอีกซักครั้ง"
ทรงกลดเงยหน้ามองอาจูด้วยตาแดงกล่ำอย่างคนกลั้นน้ำตาไว้สุดๆ
"จำที่คุณหมงกล่าวหานายใหญ่ได้มั้ยคะ คุณที นายใหญ่ไม่ได้เลี้ยงคุณหมงเป็นลูก..แต่เลี้ยงไว้เพื่อรับกระสุนแทนคุณ"
ทรงกลดกระจ่างใจกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ตงทำลงไปเพื่อปกป้องชีวิตเมียและลูก
ภายในห้องนอน ตงนั่งอยู่บนรถเข็น ปอเข็นรถไปชิดกับเตียงเพื่อเตรียมพยุงตงเข้านอน
ทรงกลดถือปึกจดหมายก้าวเร็วๆเข้ามา ตงเงยหน้าขึ้นมองทรงกลดแล้วมองไปที่ปึกจดหมายในมือลูก
อาจูเดินตามเข้ามา ทรงกลดยืนจ้องพ่อด้วยสายตาอ่อนโยนและสะเทือนใจ
ทรงกลดวางปึกจดหมายลงบนเตียงให้ตงรับรู้ว่า เขาได้รับรู้ทุกอย่างแล้ว !
ทรงกลดทิ้งตัวคุกเข่าลงต่อหน้าตง ปอรู้ว่าทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ต้องการแล้ว
"เราออกไปรอข้างนอกเถอะครับ นายหญิง"
อาจูมองทรงกลดอย่างเป็นห่วง แต่ก็ยอมเดินออกไปพร้อมกับปอ
ทรงกลดใจแทบขาด
"ป๊า"
ตงพยายามยกมือขึ้นแตะหัวของทรงกลดแต่ก็เอื้อมไปไม่ถึงเพราะแรงยังไม่มี
"ทำไมไม่บอกความจริง..แม่บอกผมหลายครั้งว่า ป๊าไม่ได้ทิ้งเราๆ แต่ผมไม่เคยเชื่อ ป๊ากระชากสร้อยเขี้ยวสิงห์ไปจากผม สั่งผมไม่ให้มาเหยียบที่นี่อีก แล้วผมจะเชื่อได้ยังไงว่า ป๊ายังเห็นผมเป็นลูก!"
ทรงกลดกำสร้อยเขี้ยวสิงห์ที่คอไว้แน่น
"แต่ตอนนี้ผมเชื่อหมดหัวใจแล้ว..ผมเป็นลูกของป๊า"
ทรงกลดถดตัวเข้าไปใกล้จนชิดรถเข็นของตง
ตงน้ำตาไหล พยายามยกมือไปหาลูก ทรงกลดรวบมือตงแล้วบีบไว้แน่น
"ยกโทษให้ผมด้วย! ยกโทษให้ไอ้ลูกโง่เง่าคนนี้ด้วย"
ตงเสียงขลุกขลักพยายามเรียก "อา..ที"
ทรงกลดเต็มตื้นที่พ่อยกโทษให้ "ป๊า"
ทรงกลดน้ำตาไหลพรากเพราะชื่อ “ที” เป็นชื่อที่แม่และอาจูเรียกเท่านั้น ตงไม่เคยยอมเรียกชื่อนี้ของทรงกลด
อาจูที่ยังไม่ยอมไปจากห้อง หยุดยืนที่ประตู ยิ้มทั้งน้ำตาที่พ่อลูกได้เข้าใจกันด้วยแค่ชื่อนี้เพียงชื่อเดียว
ทรงกลดปาดน้ำตาทิ้งแล้วพยายามที่จะยิ้มให้ตงที่ยังน้ำตาคลอและหยดลงแก้มไม่หยุด
"ป๊าปกป้องผมมานานแล้ว ต่อไปนี้ผมจะดูแลปกป้องป๊าและทุกคนเอง ผมจะทำหน้าที่แทนป๊า"
ตงส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย
"ผมทำได้ ป๊า ตอนนี้ผมเป็นนายกสมาคมเลือดมังกรแล้ว ผมยินดีรับภาระหน้าที่นี้เพื่อพี่น้องของเรา ป๊าไม่ต้องเป็นห่วงผม..ไม่มีศัตรูหน้าไหนที่จะมาแตะต้องผมได้ ป๊าอย่าลืมสิว่า..ผมเป็นลูกชายของอึ้งตงกัว! หัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์"
ทรงกลดก้มหัวลงคารวะตงสามครั้งด้วยความรักและเคารพสูงสุด
"ผมให้คำมั่นกับป๊า..ผมจะไม่มีวันทำให้ป๊าผิดหวัง"
ทรงกลดเข้ากอดตงไว้ ตงมีแรงแค่เอามือแปะอยู่ที่ไหล่ของทรงกลดและแตะไว้อยู่อย่างนั้น
ทรงกลดเดินออกมาจากห้องนอนตง แม้ทุกอย่างกระจ่างแจ้งแต่ภาระหน้าที่ก็ดูเหมือนจะหนักอึ้งขึ้นทุกที จากความคิดที่จะไปจากบ้านได้ทุกเมื่อกลับเปลี่ยนเป็น "ต้องอยู่ที่นี่" เพื่อปกป้องแก๊งเขี้ยวสิงห์ตลอดไป
อาจูก้าวเข้ามา ไม่อาจจะไปไหนได้เมื่อรู้ว่าทรงกลดต้องเผชิญกับเรื่องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต
"คุณที"
ทรงกลดยิ้มแต่ไม่สดใสนัก
"ฉันไม่เป็นไร"
"ฉันรู้ว่า คุณเป็นคนเข้มแข็งค่ะ คุณที"
"ถ้าไม่มีเธอ ฉันอาจจะลืมชื่อนี้ไปแล้ว"
อาจูก้าวเข้าไปหาทรงกลดแล้วกอดทรงกลดไว้อย่างนิ่มนวล
"คุณไม่มีวันลืมชื่อนี้หรอกค่ะ คุณที คุณไม่มีวันลืมความรักของคุณแม่ที่มีต่อคุณ และจะไม่มีวันลืมวันนี้"
"วันที่ฉันได้รู้ว่า ป๊ารักฉันมากแค่ไหน ฉันไม่เคยรู้ว่า ความรักทำให้คนยอมเสียสละได้ขนาดนี้ ฉันไม่รู้ว่า ฉันจะทำได้ถึงครึ่งของป๊าหรือเปล่า"
อาจูถอยออกมาจากอ้อมกอดของทรงกลดแล้วมองตาเขา
"คุณจะต้องทำได้ค่ะ..คุณที เพราะคุณมีอาจูคนนี้อยู่ด้วย อาจูผู้ช่วยมือหนึ่งของคุณไงค่ะ อาจูที่จะยืนอยู่ข้างๆคุณตลอดไป"
ทรงกลดยิ้มรับแล้วดึงอาจูเข้ามากอด แต่กลับนิ่งคิดทบทวนบางอย่าง เริ่มห่วงอาจูจะเสี่ยงอันตรายไปด้วย อาจูคิดว่าทุกอย่างจบลงอย่างสวยงามคงเป็นไปไม่ได้ เธอรับรู้ถึงความหนักใจของทรงกลด
บ้านทรงกลดในเช้าวันใหม่ ลูกน้องแก๊ง 3-4 คนยืนอยู่เหนือร่างผู้ชายนอนคว่ำหน้าอยู่
ทรงกลดกับอันเดินออกมา อันพยักหน้าให้ลูกน้องแก๊ง ลูกน้องแก๊ง 2 คนช่วยกันพลิกศพให้นอนหงาย
"เสี่ยอ๋า แก๊งหมูป่า!" อันว่า
อ๋าถูกยิงที่หัวใจสามนัดตายคาที่ เขาจ้องมองศพอ๋าอย่างนิ่งคิด
"ไม่มีใครเห็นเหตุการณ์เลยงั้นเหรอ"
"ศพคงถูกเอามาทิ้งไว้ตั้งแต่เช้ามืดตอนที่มีการเปลี่ยนเวรยาม ตอนนี้ข่าวนี้คงแพร่สะพัดรู้ไปหมดทุกแก๊งแล้วล่ะครับ นายน้อย"
"รู้ว่าอะไร รู้ว่า ถ้าใครคัดค้านนโยบายของฉันก็ต้องตายเหมือนหมาอย่างนี้ทุกคนงั้นสิ! คนที่สั่งฆ่าเสี่ยอ๋า มันตั้งใจที่จะโยนความผิดให้เรา คนที่คัดค้านเรื่องผิดกฎหมายกลับฆ่าคนอย่างเลือดเย็น ต่อไปไม่มีแก๊งไหนฟังเราแน่" ทรงกลดว่า
"ฝ่ายศัตรูเล่นหนักขึ้นทุกที เราต้องเตรียมรับไว้ให้ดี นี่เป็นศพแรก เรายังไม่รู้ว่าจะมีอีกกี่ศพ ตอนนี้เราอยู่ที่แจ้งที่โดนเล่นงานได้ทุกเมื่อ ถ้าหากป้องกันได้ก่อน เราต้องรีบป้องกันนะครับ นายน้อย"
"ฉันรู้! ฉันรับปากป๊าไว้แล้ว ฉันต้องทำให้ได้ ฉันจะปกป้องคนของเราทุกคนเอง"
ทรงกลดเครียดหนักกับสถานการณ์ที่เริ่มมีการนองเลือดขึ้นแล้ว!
เลือดมังกร : สิงห์ ตอนที่ 9 (ต่อ)
ภายในศาลเจ้า
เล้งประนมมือคุกเข่าต่อหน้าเทวรูปเจ้าแม่กวนอิมด้วยสีหน้าดูสงบราวกับเป็นคนมีศีลมีธรรม ก่อนลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าปลอดโปร่งที่แผนการโค่นล้มทรงกลดและแก๊งเพื่อนเริ่มไปได้ดีโดยประเดิมเริ่มต้นด้วยการฆ่าอ๋า โดยเล้งให้คนไปล่อเสี่ยอ๋าให้ไปหาและยิงที่หัวใจสามนัดด้วยตัวเอง
เล้งเดินออกไปไม่ทันเห็นซินแสง้วงที่ยืนมองพิจารณาภาพวาดฝาผนังอยู่
ง้วงกล่าวขึ้นลอยๆ
"ทะเลทุกข์ไร้ขอบเขต กลับใจคือฟากฝั่ง"
เล้งชะงัก มองซินแสง้วงอย่างรู้ทัน พลางค้อมหัวให้อย่างมีสัมมาคารวะ
"ซินแสมีอะไรที่จะชี้แนะ..ก็ว่ามาได้เลย"
ง้วงถ่อมตัวฃ
"อั๊วไม่มีอะไรจะชี้แนะหรอก..เสี่ยกำลังทำอะไรอยู่ ก็รู้อยู่แก่ใจดี"
เล้งยิ้ม
"แต่อั๊วก็ยังอยากรู้ว่า ที่ซินแสพูดเมื่อกี๊หมายความว่ายังไง รู้ไว้ก็ไม่เสียหายอะไรนี่"
เล้งยิ้มให้แต่เหมือนท้าทายซินแสง้วงว่าอยากสั่งสอนก็ว่ามา
"ทะเลทุกข์ไร้ขอบเขต กลับใจคือฟากฝั่ง... คนที่ก่อกรรมทำเข็ญ ถ้ากลับตัวกลับใจเสีย ย่อมมีทางเดินต่อไป ไม่ต้องจมอยู่ในทะเลแห่งความทุกข์อย่างไม่มีที่"
เล้งฟังด้วยสีหน้านิ่งเฉยไม่สะดุ้งสะเทือน
"แต่คนบางคนเลือกแล้วว่าจะไปทางไหน และไปจนเกือบถึงเป้าหมายอยู่แล้ว จะให้หันหลังกลับ เห็นจะเป็นไปไม่ได้ คนที่เดินไปทางสู่เงินและอำนาจ มีแต่สุขไม่มีทุกข์ ที่จริงที่ซินแสพูดนี่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับอั๊วเลย แต่ยังไงก็ขอบคุณที่ให้ความรู้"
เล้งค้อมหัวให้แล้วเดินออกไปพร้อมสมุน 2 คนที่ยืนรออยู่
"หลงลาภยศ..หลงอำนาจ.. อีกไม่นานหายนะก็ตามมา"
ซินแสง้วงมองตามเล้งอย่างเข้าใจชีวิตว่าคนชั่วจะมีจุดจบอย่างไร
บ้านเสี่ยเล้ง หมงกับอิกยืนรออยู่ เล้งเดินเข้ามา มีสมุน 2 คนเดินตามหลัง
"มีการเคลื่อนไหวอะไรบ้าง"
"ตอนนี้เสี่ยอู๋ขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งหมูป่าแทนเสี่ยอ๋าพี่ชายแล้ว เสี่ยอู๋ประกาศจะล้างแค้นแทนพี่ชายให้ได้ ไม่ว่าไอ้หน้าไหนใหญ่แค่ไหนก็ตามที่เป็นคนบงการฆ่า" อิกบอก
"ก็คงหมายถึงไอ้ทรงกลดนั่นแหละ เวลานี้ใครๆก็คิดว่า เป็นฝีมือของแก๊งเขี้ยวสิงห์ทั้งนั้น ทำตัวเป็นคนดีมีคุณธรรมแต่มือเปื้อนเลือด ต่อไปใครจะไปเชื่อคำพูดมัน" หมงบอก
"ไม่มีใครทำตามนโยบายเพ้อฝันของมันหรอก ไม่ต้องรอถึงเดือน ไอ้ทรงกลดได้กระเด็นจากตำแหน่งนายกสมาคมฯ แน่"
"ใครบอกว่าต้องรอเป็นเดือน วันสองวันนี้แหละ ที่อั๊วจะได้ขึ้นเป็นนายกฯแทนมัน"
เล้งหัวเราะเบาๆอย่างน่ากวนโทสะ
ทรงกลดยืนนิ่งคิดหนักถึงสถานการณ์ที่พบศพเสี่ยอ๋าอยู่หน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์ อันเดินเร็วๆเข้ามาด้วยสีหน้าเป็นกังวล
"นายน้อยครับ ตอนนี้หลายแก๊งกำลังรวมตัวเรียกร้องให้นายน้อยจับคนที่ฆ่าเสี่ยอ๋ามาให้ได้ ถ้าเราหาคนผิดไม่ได้ ทุกคนก็ต้องคิดว่าเป็นฝีมือของแก๊งเรา"
"ทางตำรวจว่ายังไงบ้าง"
"ทางตำรวจมุ่งประเด็นมาที่ปมขัดแย้งของสมาคมเลือดมังกร ซึ่งผู้ต้องสงสัย ก็ไม่พ้นนายน้อยอยู่ดี"
อาจูเดินเข้ามาแล้วต้องชะงักเมื่อเห็นทรงกลดดูเคร่งเครียด
"ใครที่ได้ผลประโยชน์จากการตายของเสี่ยอ๋า ไอ้คนนั้นแหละที่เป็นคนบงการฆ่า ... เสี่ยเล้ง ต้องเป็นเสี่ยเล้งแน่ ถ้ามันตายคนเดียว เรื่องก็จบ"
"แต่เรายังไม่มีหลักฐานนะครับ นายน้อย ถ้าเราถล่มแก๊งมังกรดำ ก็เท่ากับเราทำผิดกฎหมายซะเอง ทั้งๆที่เราพยายามเรียกร้องให้ทุกแก๊งทำการค้าถูกกฎหมาย"
"เกิดเรื่องอย่างนี้ การที่จะเกลี้ยกล่อมให้ทุกแก๊งทำตามนโยบายถิ่นมังกรสีขาว..ก็ยิ่งห่างไกลความจริงทุกที เราต้องเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาให้เร็วที่สุด"
"ผมไม่คิดว่า เสี่ยเล้งจะหยุดแค่นี้ ต่อไปนี้ทางเราต้องตั้งรับให้ดี"
"แต่เราจะตั้งรับอย่างเดียวไม่ได้ เราต้องหาทางล่อมันออกมา จับให้มั่นคั้นให้ตายไปเลย ทุกแก๊งจะได้รู้ความจริงว่าใครอยู่เบื้องหลังแผนการชั่วๆนี่ แกไปจับตาการเคลื่อนไหวของแก๊งมังกรดำไว้"
"ครับ นายน้อย"
อันรีบเดินออกไป ทรงกลดหันไปเจออาจูที่ยืนมองมาอยู่
"คุณคิดจะทำอะไรหรือคะ คุณที"
ทรงกลดเดินหนีออกไป ไม่อยากตอบคำถาม อาจูรีบตามไปจนเริ่มรู้สึกหน้ามืดไปวูบหนึ่ง
อาจูรีบรวบรวมสติแล้วตามทรงกลดไป
ทรงกลดเดินหนีจะออกไปข้างนอก แต่อาจูตามมาดึงตัวเขาไว้
"คุณที..คุณมีแผนการอะไรคะ อย่าคิดทำอะไรเสี่ยงๆเลยนะคะ คุณไม่ได้เป็นคนฆ่าเสี่ยอ๋า อีกไม่นานความจริงก็จะปรากฏออกมาเอง ไม่มีใครที่จะปิดความชั่วของตัวเองได้ตลอดไปหรอกค่ะ"
"นี่เป็นเรื่องของแก๊งเขี้ยวสิงห์..ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอเลย"
"ฉันเป็นภรรยาของหัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณ ก็ต้องเกี่ยวกับฉันทั้งนั้น รับปากฉันนะคะว่า คุณจะไม่เอาตัวเองไปเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย"
"ฉันรับปากเธอไม่ได้"
"คุณที...ไม่ว่าใครจะกล่าวหาคุณว่ายังไง คุณก็ยังมีฉันที่เชื่อมั่นในตัวคุณ ฉันจะอยู่ข้างๆคุณเสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ตัวเองเลย"
"ฉันไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่ฉันทำเพื่อแก๊งเขี้ยวสิงห์ และที่สำคัญตอนนี้ฉันเป็นนายกสมาคมเลือดมังกร ฉันมีหน้าที่ที่ต้องทำ ไม่ว่าหน้าที่ของฉันจะยากลำบากแค่ไหน ฉันก็จะไม่ยอมถอย ถิ่นมังกรของเราต้องขาวสะอาดในรุ่นของเรานี่แหละ"
"แต่คุณก็ยังมีหน้าที่ที่จะต้องดูแลปกป้องครอบครัวของคุณ คุณไม่ต้องห่วงฉันก็ได้ แต่คุณต้องห่วงนายใหญ่..ท่านสูญเสียไม่ได้อีกต่อไปแล้วนะคะ"
"ฉันรู้ว่า ฉันกำลังทำอะไรอยู่..ถ้าเธอคิดจะช่วยฉันล่ะก็ ต่อไปนี้เธอต้องอยู่ห่างๆแก๊งเขี้ยวสิงห์ไว้"
"ก็เท่ากับให้ฉันอยู่ห่างๆคุณงั้นเหรอคะ"
"ใช่! อยู่ห่างๆฉันไว้"
อาจูน้อยใจ ที่ทรงกลดไม่อยากให้เธอได้อยู่เคียงข้างอย่างที่เคยเป็นมา
ภายในตึกเล็ก เง็กรีดผ้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย แม้มีเคี้ยงเดินพล่านไปมาอย่างกระวนกระวายใจอยู่ใกล้ๆ
"ลื้อใจเย็นอย่างนี้ได้ยังไง อาเง็ก มีคนโยนศพเสี่ยอ๋ามาทิ้งหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์แบบนี้เท่ากับประกาศสงครามชัดๆ ต่อไปต้องมีการนองเลือดแน่"
"แล้วยังไง"
"แล้วยังไง? พวกลื้ออยู่ที่นี่ก็ต้องตกอยู่ในอันตรายไปด้วยน่ะสิ เอาอย่างนี้พวกลื้อไปอยู่ที่บ้านอั๊วไปก่อน"
เว่ยเดินเข้ามาขัดจังหวะ
"เราไม่ไปหรอกครับ เราไม่มีวันที่จะทิ้งแก๊งเขี้ยวสิงห์เพื่อเอาตัวรอด นั่นมันวิธีของคนขี้ขลาดไร้คุณธรรม"
"แล้วพวกลื้อจะช่วยอะไรได้ มีแต่เป็นภาระให้ทรงกลดมากกว่า"
เง็กนิ่งฟัง เริ่มเห็นด้วยกับเคี้ยงในเหตุผลข้อนี้
"ผมฟังคำสั่งจากเฮียทรงกลดคนเดียว คนอื่นไม่มีสิทธิ์มาสั่งเราได้ โดยเฉพาะคนที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับเรา"
เง็กมองเคี้ยงจนละอายใจ
"ที่อั๊วไม่ได้ลงคะแนนเสียงให้อาทรงกลดก็เพราะอั๊วต้องรักษาสัจจะกับเสี่ยเล้ง ไม่ใช่ว่าอั๊วคิดจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับแก๊งเขี้ยวสิงห์"
"ลื้อเป็นพวกรออยู่ฝ่ายชนะเท่านั้น เมื่อไหร่ที่ลื้อตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดว่าจะอยู่ฝ่ายที่ถูกต้อง แล้วค่อยมาพูดกัน"
"เชิญครับ ผมไปส่ง"
เว่ยผายมือเป็นเชิงไล่ให้เคี้ยงกลับไป
"อย่าลืมว่าลื้อยังมีอั๊วนะ อาเง็ก...อั๊วเป็นที่พึ่งให้ลื้อได้เสมอ"
เว่ยเดินนำเคี้ยงออกไป เง็กใจอ่อนลง
หยกมณีนอนซมอยู่บนเตียงอย่างคนตรอมใจหมดอาลัยตายอยากนิ่งซึม น้ำตาไหลเมื่อนึกถึงอันที่ตัดขาดเธอไป
หยกมณีหันไปมองที่นอนข้างๆ,คิดไปเองว่าอันนอนอยู่ข้างๆ
"เฮียอัน"
หยกมณีกะพริบตาอีกครั้ง ภาพอันก็หายวับไป
"เฮียอัน"
หยกมณีขยับตัวลุกออกจากเตียง หวังว่าที่เห็นอันไม่ใช่ภาพฝัน เธอเดินไปมุมไหนของบ้านก็เห็นอันเคยอยู่ทุกมุม
ภาพเก่าๆที่อันเคยทำกิจวัตรต่างๆในมุมต่างๆของบ้าน อันเดินยิ้มเข้ามา อันทำอาหาร นั่งมองหยกมณีจัดดอกกุหลาบใส่แจกัน
หยกมณียืนคว้างกลางบ้านต้องยอมรับความจริงว่า ไม่มีอันอยู่ด้วยแล้วจริงๆ
ทุกภาพที่เห็นเป็นเพียงอดีตที่ไม่กลับมาอีก หยกมณีน้ำตาไหลไม่หยุด
ในห้องน้ำ หยกมณีมาหยุดที่อ่างล้างหน้า เงยหน้ามองตัวเองที่ซีดโทรมในกระจก หยกมณีเปิดก๊อกวักน้ำล้างหน้าเพื่อเรียกความเป็นตัวเองกลับมา
หยกมณีคว้าผ้าขนหนูมาเช็ดหน้าแล้วก็ชะงักเมื่อเห็นผ้าขนหนูของอันแขวนอยู่เคียงข้าง มองมาอีกทีก็เห็นหวี/มีดโกนหนวดของอันอยู่หน้ากระจก
หยกมณีคว้ามีดโกนของอันมาถือไว้ด้วยสีหน้ามุ่งมั่นอย่างคนตัดสินใจแล้ว
เช้าวันใหม่ อันเดินคุยงานลูกน้อง 4 คนที่ตามมา ภายในบริษัทตงวานิช
"ต่อไปเราต้องเพิ่มเวรยามตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงทั้งที่นี่และที่บ้าน แล้วนี่ได้ข่าวไอ้หมงบ้างหรือเปล่า"
ลูกน้อง1บอก
"ไม่มีเบาะแสอะไรเลยครับ ไม่รู้ว่ามันหนีไปกบดานที่ไหน"
ลูกน้อง2 บอก
"ถ้านายน้อยสั่งให้ตามไล่ล่าแต่แรก เราคงจับตัวไว้ได้แล้ว"
"ตามข่าวต่อไป งูพิษอย่างมัน ยังไงก็ต้องกลับมาแว้งกัดเราอีกแน่"
เด็กผู้หญิงถือดอกกุหลาบหนึ่งดอกมาส่งให้อัน
"พี่สาวคนนั้นให้เอามาให้"
อันรับดอกกุหลาบมาอย่างแปลกใจแล้วมองหาคนที่ส่งมาให้
หยกมณีถือตะกร้าดอกกุหลาบยืนอยู่ถนนฝั่งตรงข้าม อันถือดอกกุหลาบเดินข้ามถนนไปหาหยกมณี เธอมองอันอย่างเริ่มมีความหวังขึ้นหลังจากที่รวบรวมความกล้ามาหาอัน
อันเดินมาหยุดตรงหน้า ยัดดอกกุหลาบในมือใส่คืนตะกร้าในมือหยกมณีไป
"เรื่องของเราจบแล้ว เราอย่าเจอกันอีกเลย"
หยกมณีน้ำตาคลอ
"เฮียอัน"
อันทำใจแข็งหันหลังเดินออกไปทันที หยกมณีได้แต่มองอันที่เดินห่างออกไปทุกที หยกมณีหันกลับเดินไปอีกทาง อันค่อยหันกลับมามองหยกมณีอย่างตัดใจ
หยกมณีถือตะกร้ากุหลาบเดินไปอย่างใจลอยจนไม่รู้ตัวว่ากำลังจะข้ามถนน รถแล่นเร็วเข้ามาพร้อมกับที่หยกมณีก้าวลงถนน
รถกำลังแล่นเข้าชนหยกมณีอย่างจัง แต่ทันใดมืออันก็มาคว้าแขนหยกมณีหลุดมาได้ ตะกร้าดอกกุหลาบตกร่วงหล่นพื้นกระจายโดนรถทับไปอีกรอบ
หยกมณีเพิ่งได้สติกลับคืนมา อันจับตัวหยกมณีเขย่าไปมาอย่างโมโห
"นี่คิดจะทำอะไร"
"เราจบกันแล้วไม่ใช่เหรอ มาช่วยหยกไว้ทำไม ปล่อยให้หยกตายๆ ไปซะ จะได้หมดเรื่อง"
อันปวดใจ
"หยก! อย่าคิดทำอะไรโง่ๆ"
"หยกจะอยู่หรือตายก็มีค่าเท่ากัน สู้ให้หยกตายไปซะดีกว่า สิบปีที่แล้วเฮียจากไป เฮียยังทำร้ายหยกไม่พอใช่มั้ย เฮียถึงกลับมาฆ่าหยกทั้งเป็นอีกรอบ"
"หยกต้องเข้าใจ ชีวิตของเฮียแขวนอยู่บนเส้นด้าย แล้วเฮียจะปกป้องดูแลหยกได้ยังไง หยกยังมีโอกาสที่จะได้เจอผู้ชายดีๆ"
"หยกไม่ต้องการ! ผู้ชายคนเดียวที่หยกรักก็คือ เฮียอัน แต่เฮียไม่ได้รักหยกเลยถึงได้ทิ้งกันง่ายๆ ไม่ต้องมาปกป้องหยก แค่รักกันก็พอ หยกขอแค่นี้ ขอเศษเสี้ยวเวลาของเฮีย เฮียก็ยังให้ไม่ได้ นี่หรือรัก! เฮียไม่เคยรักหยกเลย! ไม่เคยเลยๆ!"
หยกมณีทุบอันไม่หยุดอย่างเจ็บช้ำน้ำใจที่ถูกบอกเลิกครั้งแล้วครั้งเล่า
อันคว้าตัวหยกมณีมาจูบจนเธอต้องหยุดนิ่งชะงักไป
"เฮียอัน"
หยกมณีไม่อยากเชื่อว่า อันกล้าจูบเธอกลางถนนอย่างนี้
อันมองหยกมณีโดยไม่สนใจผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา
"เชื่อหรือยังว่ารัก"
"ถ้ารักหยกจริง ก็อย่าทิ้งหยกไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หยกรับมือได้ นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่หยกจะขอร้องเฮีย ถ้าเฮียบอกว่า ไม่ ก็คือ ไม่ หยกจะไม่มาให้เฮียเห็นหน้าอีก"
หยกมณีมองอันอย่างร้องขอเป็นครั้งสุดท้าย หยกมณีค่อยๆถอยออกไปอย่างถอดใจ
อันดึงหยกมณีไว้ก่อนที่จะหลุดมือไป อันกอดหยกมณีไว้แน่น,สุดท้ายก็ตัดใจจากหยกมณีไม่ได้
"เฮียจะไม่ไปจากหยกอีก..เฮียสัญญา"
อันกอดหยกมณีไว้กันราวกันว่าจะไม่จากกันได้จริงๆ
ตงนอนขยับตัวไม่ได้อยู่บนเตียง แต่ตาคอยจับตามองซิ่วเอ็งตลอดเวลาที่กำลังจัดยา
ซิ่วเอ็งหันหน้ากลับมาพร้อมกับเข็มเล่มใหญ่ในมือ ยิ่งซิ่วเอ็งเดินเข้ามาใกล้ ตงก็ยิ่งหวาดกลัว
"อั๊วก็ไม่ได้ฝังเข็มให้ใครนานแล้ว มือมันชักไม่ค่อยเที่ยง...แต่ก็ลองดูล่ะนะ อั๊วจะพยายามรักษานายใหญ่ให้หายให้ได้"
ซิ่วเอ็งยิ้มเหี้ยมเกรียมขัดกับคำพูดตัวเอง ซิ่วเอ็งจับมือตงหงายขึ้นแล้วปักเข็มลงไป ตงสะดุ้งเฮือกด้วยความเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง
"เจ็บใช่มั้ย ลื้อยังไม่เจ็บเท่าที่อั๊วเคยเจ็บหรอก"
"ลื้อ...ลื้อ"
"เออ..อั๊วยังไม่ได้แสดงความยินดีกับนายใหญ่เลย ยินดีด้วยนะที่ลูกชายได้ขึ้นเป็นนายกคนใหม่ยินดีด้วยจริงๆ"
ซิ่วเอ็งกดเข็มลงไปจนเลือดซึม ทรงกลดกับปอเดินคุยกันเข้ามา
"ป๊าเป็นยังไงบ้างครับ"
ซิ่วเอ็งรีบถอนเข็มออกแล้วเอาผ้าเช็ดรอยเลือดออกทันที
"พอลุกขึ้นนั่งได้แล้ว พูดก็ได้เป็นคำๆ"
"เราส่งป๊าไปโรงพยาบาลดีกว่าครับ"
ปอท้วง
"นายใหญ่ไม่เชื่อมือหมอแผนใหม่ แล้วตอนนี้คุณซิ่วเอ็งก็ช่วยรักษาอยู่"
ปอมองซิ่วเอ็งอย่างเกรงใจ
"ไปหาหลายๆหมอสิดี นายใหญ่จะได้หายเร็วๆ"
"งั้นผมจะรีบติดต่อหาหมอเก่งๆ ระหว่างนี้ก็คงต้องรบกวนอาม่าดูแลป๊าไปก่อน"
ตงยกมือโบกส่ายไปส่ายมาพยายามห้ามไม่ให้ซิ่วเอ็งเข้าใกล้
"อา..ที...อาที..ไม่..เอา"
ทรงกลดจับมือตงไว้ ไม่เข้าใจที่ตงพยายามสื่อว่าไม่ให้ซิ่วเอ็งมาดูแล
"ยังไงป๊าก็ต้องไปโรงพยาบาลนะครับ ไปให้หมอตรวจให้ละเอียด เราจะได้หาทางรักษาป๊าได้ ป๊าต้องหายเป็นปกติครับ เชื่อผมนะครับ ป๊า"
ทรงกลดบีบมือให้กำลังใจตง อาจูกับเง็กถือถาดอาหารกลางวันเข้ามา
"ขอบคุณนะครับ ม่า ที่ช่วยดูแลป๊าให้"
"ไม่ต้องเกรงใจๆ เป็นหน้าที่ของอั๊วอยู่แล้ว"
ทรงกลดเดินออกไปโดยไม่สนใจมองอาจูแม้แต่น้อย อาจูได้แต่มองตามทรงกลด
เง็กสังเกตสีหน้าเป็นกังวลของอาจู
เง็กมองอาจูอย่างเข้าใจ
"อย่าคิดมากไปเลย ตอนนี้นายน้อยมีตำแหน่งใหญ่โตค้ำคออยู่ แล้วอาป๊าอีก็มาเป็นเสียอย่างนี้อีก อีไม่มีเวลาจะมาเอาอกเอาใจลื้อหรอก"
"หนูไม่ได้ต้องการให้คุณทีมาเอาใจนะ ม้า หนูแค่อยากให้คุณทียอมให้หนูรับรู้ปัญหาของเค้าบ้าง"
"ลื้อเป็นผู้หญิง ลื้อจะช่วยอะไรได้" เง็กบอก
"อย่างน้อยหนูช่วยรับฟังได้ แต่ตอนนี้คุณทีทำตัวห่างหนูไปทุกทีๆ..หนูไม่เข้าใจเลย"
เว่ยวิ่งเข้ามาด้วยท่าทีตื่นเต้น
"แจ้จูๆ พรุ่งนี้เฮียทรงกลดนัดประชุมใหญ่ ผมขอตามไปด้วยได้มั้ย"
"นัดประชุมอะไร แจ้ไม่รู้เรื่อง ... เห็นมั้ย ม้า เว่ยยังรู้เรื่องมากกว่าหนูอีก"
"ไปแอบฟังใครเค้ามาอีกล่ะ แล้วม้าบอกตั้งกี่ครั้งกี่หนแล้วว่า ห้ามไปยุ่งเกี่ยวกับ.."
เว่ยรู้ทันต่อประโยคให้
"...พวกแก๊งเจ้าพ่อ..ตอนนี้ไม่ยุ่งไม่ได้หรอก ม้า แล้วยิ่งช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานอย่างนี้ เราต้องหูตาไวเป็นพิเศษ ตกลงแจ้จูไม่รู้เรื่องที่เฮียทรงกลดนัดประชุมเหรอ"
อาจูจะเดินออกไป
"อย่าไปถามเลย ถ้านายน้อยไม่บอกลื้อ แสดงว่า อีไม่อยากให้ลื้อรู้ ลื้อดูเพลียๆนะ ไปพักเถอะ ไม่ต้องเดินไปส่งม้าหรอก"
"หมู่นี้เป็นอะไรก็ไม่รู้ หนูง่วงทุกบ่ายเลย"
"แล้วก็หิวได้ตลอด กินไม่หยุดปากเลย กินแต่ของหวานๆ ไม่กลัวอ้วนแล้วเหรอไง แจ้"
เง็กมองลูกสาวอย่างเพ่งพิศนิ่งคิด
"ดูเพลียๆ แต่มีน้ำมีนวล หน้าตาเปล่งปลั่ง.." เง็กถามจริงจัง "เลือดยังมาอยู่หรือเปล่า"
"อี๋ย..ม้าถามอะไรน่ะ" เว่ยว่า
"ม้า! ม้าคิดว่า หนูท้องงั้นเหรอ"
อาจูนิ่งอึ้งเมื่อนึกถึงอาการต่างๆที่เปลี่ยนแปลงของตัวเอง
ทรงกลดคุยโทรศัพท์กับธามเพื่อนัดเจอกัน
"ได้! แล้วเจอกัน"
ทรงกลดวางโทรศัพท์ลงแล้วหันมาทางอันที่ยืนรออยู่
"ฉันจะไปคุยกับธามเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันประชุม เราจะไม่เป็นฝ่ายรับฝ่ายเดียวเหมือนเมื่อครั้งที่โดนถล่มเมื่อวันสารทจีนอีก"
"แต่เราก็ต้องไม่ทำอะไรให้พวกมันผิดสังเกต"
"ไม่ต้องพาลูกน้องเราไป แค่พวกเราก็รับมือได้แล้ว...วันนี้แกดูแปลกๆ"
ทรงกลดจ้องหน้าอันที่มีความสุขกว่าปกติที่ได้คืนดีกับหยกมณี
อันเก้อๆเขินๆ
"ผมจะแต่งงานกับหยก"
"เรื่องนั้นรู้แล้ว"
"ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมก็จะแต่งงานใช้ชีวิตอยู่กับหยก"
"ถ้าแกอยากจะมีชีวิตที่สงบสุขเหมือนคู่แต่งงานคู่อื่น แกก็ต้องวางมือ"
"ถึงผมแต่งงานแล้ว ผมก็ยังรับใช้นายน้อยได้ต่อไป"
"คิดดูให้ดี แกจะทำให้หยกพลอยมาเสี่ยงอันตรายไปด้วย ฉันเองยังไม่แน่ใจเลยว่า ฉันจะทำหน้าที่ของตัวเองพร้อมๆกับปกป้องทุกคนไปด้วยได้นานแค่ไหน ทุกครั้งที่ฉันมองอาจู ฉันกลัวจริงๆ ว่าซักวันฉันอาจจะต้องเสียเธอไป"
ทรงกลดนิ่งอย่างหนักใจเรื่องปกป้องอาจูเป็นอย่างมาก
บรรยากาศเช้าวันใหม่ของบ้านทรงกลด อาจูจัดวางเสื้อแจ็คเก็ตและเน็คไทลงบนเตียงให้กับทรงกลด เขาเข้ามาใส่เน็คไทพร้อมสวมแจ๊คเก็คเรียบร้อยแล้ว
อาจูขยับจะไปจัดเน็คไทให้ แต่ทรงกลดเบี่ยงตัวออกไปหยิบปืนมาใส่ปลอก
"ไม่ต้อง"
"ฉันรู้ว่า ตอนนี้ภาระของคุณหนักขึ้นทุกที ถ้ามีอะไรที่ฉันจะช่วยได้..."
"ไม่มีอะไรที่เธอจะช่วยได้หรอก"
ทรงกลดเดินออกไป อาจูจะเดินตามไปแต่แล้วก็ชะงัก
"ไม่ต้องเดินไปส่ง"
ทรงกลดหมกมุ่น จดจ่อเรื่องที่จะล่อคนบงการออกมาถล่มฉั่วเทียนเหลาในวันนี้
อาจูมองทรงกลดที่เปลี่ยนไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ
อันยืนรอทรงกลดอยู่ ทรงกลดเดินเร็วๆออกมา มีอาจูเดินตามหลัง ทรงกลดหันไปมองอย่างไม่ชอบใจ
"บอกว่า ไม่ต้องไงล่ะ"
"คุณเคยบอกว่า ฉันมีหน้าที่ที่ต้องเดินมาส่งคุณทุกวัน"
"ฉันก็เคยบอกเธอว่า ให้เชื่อฟังคำสั่งของฉัน แล้วทำไมไม่ทำตาม"
"นั่นมันตอนที่ฉันเป็นผู้ช่วยคุณ แต่ตอนนี้ฉันเป็นภรรยาของคุณแล้วนะคะ หรือว่าในสายตาของคุณในตอนนี้ ฉันเป็นแค่ผู้ช่วยของคุณ"
"ฉันไม่มีเวลาพูดเรื่องไร้สาระกับเธอ ไป อาอัน"
ทรงกลดเดินนำหน้าอันไป
"คุณจะไปประชุมที่ไหน"
ทรงกลดเดินออกไปโดยไม่ตอบอาจู
"กลับมาแล้วค่อยคุยกันดีกว่านะครับ นายหญิง" อันบอก
อันรีบเดินตามทรงกลดไป เว่ยเข้ามาอย่างกระตือรือร้น มีเง็กคอยๆดึงตัวไว้
"เฮียทรงกลด! มาไม่ทันจนได้"
"ถึงมาทัน นายน้อยก็ไม่ยอมให้ลื้อไปด้วยหรอก เห็นเป็นเรื่องสนุกไปได้"
"เว่ยรู้ใช่มั้ยว่า คุณทีไปประชุมที่ไหน"
เว่ยคุยโอ่
"รู้สิ ผมไปสืบข่าวมาแล้ว"
"อาจู ! ลื้อคิดจะทำอะไร"
"หนูก็จะทำหน้าที่ของผู้ช่วยนายน้อยน่ะสิ ม้า"
อาจูดื้อดึงจะตามทรงกลดไปด้วยอารมณ์แปรปรวนของคนแพ้ท้อง
บรรยากาศเพิ่งเปิดร้านของฉั่วเทียนเหลา ทรงกลดกับอันเดินออกมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องวีไอพีที่ชั้น 2 ธามเดินเข้ามาอีกทางมาพบกับทรงกลดและอันตรงโถงกลางชั้น 2 ของร้าน
"ทุกอย่างเตรียมพร้อม"
ธามพยักหน้ารับแล้วต้องชะงักเมื่อมองไปที่ประตูทางเข้าชั้นล่าง
เล้งพร้อมลูกสมุน 2 คนเดินเข้ามาทำเหมือนมากินข้าวกลางวันในวันธรรมดาๆวันหนึ่ง
"เสี่ยเล้ง..นึกไว้อยู่แล้ว" ทรงกลดว่า
"ก็ถ้าหากวันนี้เกิดอะไรขึ้น จะได้ไม่มีใครสงสัยมัน เพราะมันถือว่าตัวเองเป็นเหยื่อเหมือนกัน" ธามบอก
มือปืนในคราบลูกค้าทยอยเดินเข้ามาในร้าน
"งั้นวันนี้เราไม่เสียแรงเปล่าแน่ แต่คงต้องเหนื่อยหน่อย"
"ใกล้เวลานัดแล้ว ระวังตัวนะครับ นายน้อย" อันบอก
อันเดินลงไปเพื่อออกไปเฝ้าสังเกตการณ์ที่หน้าร้านฉั่วเทียนเหลา
ทรงกลดกับธามจ้องเขม็งไปที่เล้งที่กำลังดื่มชาอย่างสบายอารมณ์
ณ ห้องวีไอพีชั้น2 ทรงกลดยืนนิ่งคิดอย่างหนักใจเมื่อรู้จากเพื่อนๆว่าไปล็อบบี้เสียงจากแก๊งอื่นๆได้น้อยมาก
หงส์รินน้ำชาให้กับภรพ ธามและคณินแล้วรินน้ำชาให้ตัวเองทีหลังสุด
คณินลุกขึ้นไปดึงทรงกลดกลับมาที่โต๊ะ
"เฮ้ย! ทรงกลด ไม่ต้องเครียดไป เรายังมีเวลา"
"ตอนนี้ได้มาแค่สามเสียงเอง แกสองคนมัวแต่ไปทำอะไร แต่ฉันว่า ไม่ได้ขยับทำอะไรเลยซะมากกว่า"
คณินกับภรพสบตากัน รู้ว่าเป็นเรื่องเครียดแต่ก็ยังชิลๆกันได้อยู่
ภรพบอก
"ฉันก็มีงานที่เกาะรังนกของฉัน เถอะน่า ฉันรับผิดชอบหน้าที่ในส่วนของฉันอยู่แล้วห่วงไอ้คณินมันดีกว่า"
คณินบอก
"พูดอย่างนี้ก็สวยสิวะ เรามาแข่งกันมั้ยล่ะว่า ใครจะได้คะแนนเสียงครบก่อนกัน"
ธามเอาจริง
"นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เวลาหมดลงไปทุกทีๆแล้ว"
คณินกับภรพเลิกทำเป็นเล่นแล้วนิ่งคิด
หงส์บอก
"หงส์สิแย่สุด ไม่มีแก๊งไหนยอมฟังหงส์เลย หงส์ไม่เหมาะที่จะทำหน้าที่ตัวแทนแก๊งหงส์ดำเลยจริงๆ"
"อย่าโทษตัวเอง แก๊งในส่วนที่หงส์ต้องรับผิดชอบ เป็นแก๊งฝ่ายเสี่ยเล้งทั้งนั้น แล้วยิ่งเสี่ยอ๋าถูกฆ่าตาย งานนี้ก็ยิ่งยากขึ้นไปอีก" ธามบอก
"ตอนนี้เรามีทั้งหมดแปดแก๊งที่ยอมรับนโยบายใหม่แล้ว ก็ขาดคะแนนเสียงอีกแค่สามแก๊งเท่านั้นก็ชนะแล้ว ไม่น่าจะยากอะไร" ภรพบอก
"ก็แค่เอาชนะใจเสี่ยเคี้ยง พ่อตาแกให้ได้เท่านั้นแหละ"
ทรงกลดนิ่งคิดยังไม่ยอมไปเจรจากับเคี้ยงเรื่องนี้
อันยืนหลบมุมยืนสังเกตการณ์อยู่หน้าฉั่วเทียนเหลา มือปืน 2-3 คนในคราบลูกค้าเดินเข้าร้านไป อิกใส่หมวกเดินปะปนกับกลุ่มลูกค้าเดินเข้าไปในร้าน อันชะงักมองอย่างไม่แน่ใจ อันจะเดินตามไปดูให้แน่ใจแต่ต้องชะงัก
"คุณอัน"
อันหันมาเห็นอาจูตามมาก็ทั้งแปลกใจและเป็นห่วง
"นายหญิงตามมาทำไมครับ"
"ฉัน...ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน"
อารมณ์พลุ่งพล่านของอาจูเริ่มสงบลงเมื่อมาพบตัวเองตามมาถึงฉั่วเทียนเหลาได้ไงก็ไม่รู้ ไหนๆก็มาแล้ว
"นายน้อยอยู่ข้างในใช่มั้ย"
"นายน้อยกำลังประชุมเรื่องสำคัญอยู่ครับ"
"ฉันอาจช่วยนายน้อยได้นะ ถ้าจำเป็นจริงๆฉันจะพูดกับเสี่ยเคี้ยงให้"
"นายน้อยคงไม่ต้องการให้นายหญิงยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ นายหญิงไม่ควรตามมาเลย นี่เกิดอะไรขึ้นครับ ปกติไม่เคยหุนหันพลันแล่นแบบนี้นี่ครับ"
"ฉัน...ฉันเป็นห่วงคุณที เค้าดูไม่มีความสุข ฉันมีส่วนที่ทำให้คุณทีไม่มีความสุขหรือเปล่าคะ"
อันตอบไม่ได้เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าทรงกลดเป็นห่วงอาจูจนอยู่ไม่เป็นสุข
ทรงกลดยังคงปรึกษากับคนอื่นๆเรื่องการล็อบบี้แก๊งอื่นให้เห็นด้วยกับนโยบายถิ่นมังกรสีขาว
คณินบอก
"ว่ายังไงล่ะ ท่านนายกฯ ถ้าได้คะแนนเสียงจากแก๊งเต่ามังกร ก็จะได้คะแนนเสียงจากแก๊งจิ้งจอกขาวมาด้วย เพราะสองแก๊งนี้ว่าไงว่าตามกันอยู่แล้ว"
"นั่นน่ะสิ แก๊งพ่อตาตัวเองไม่น่าจะเกลี้ยกล่อมยากเลยนี่หว่า" ภรพบอก
"เรื่องเสี่ยเคี้ยง เดี๋ยวฉันจัดการเอง แต่ยังไงแกสองคนก็ต้องรับผิดชอบหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายไปด้วย ธามยังได้คะแนนเสียงจากทั้งแก๊งกิเลนและแก๊งอินทรีมา"
"ส่วนแก๊งมังกรดำของเสี่ยเล้งลืมไปได้เลย ยังไงมันไม่มีทางเปลี่ยนใจแน่ ธุรกิจการค้าของมันผิดกฎหมายทั้งนั้น ถ้านโยบายใหม่ผ่าน แก๊งมันได้หายนะแน่" ธามบอก
"เราต้องชนะแบบคะแนนเสียงขาดลอย ไอ้แบบชนะแค่พอผ่าน มันไม่พอ ฉะนั้น เราต้องเกลี้ยกล่อมแก๊งอื่นๆให้ได้มากที่สุด"
คณินบอก
"แกยังได้มาแค่คะแนนเสียงเดียวเลย แก๊งหนูไฟที่อยู่ในอาณัติของแก๊งเขี้ยวสิงห์อยู่แล้ว แก๊งที่ฉันต้องไปเกลี้ยกล่อมโจทก์เก่าฉันทั้งนั้น แต่ไงฉันจะพยายามก็แล้วกัน"
"หงส์จะไปคุยกับเจ็กเต็กอีกครั้ง ส่วนเถ้าแก่เกาคงจะยาก..แก๊งหมูป่ายิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่"
"แล้วแก๊งมังกรทอง แก๊งพ่อตาแกล่ะ"
ภรพบอก
"เฮ้ย ! ยัง! (ยังไม่ได้เป็นพ่อตา)"
เสียงเคาะประตูดังขึ้นแล้วมือปืนในคราบบริกรชาย 2 คนก็เข็นรถอาหารตามๆกันเข้ามาพร้อมด้วยบริกรหญิง 1 คนที่มาทำทีเป็นหยิบถาดอาหารจากรถเข็น
ทรงกลดกับธามสบตากันแค่เสี้ยววินาที พร้อมๆกับที่มือปืนชาย 2 หญิง 1 ดึงปืนที่ซ่อนในรถเข็นออกมา
ทรงกลดคว่ำโต๊ะลงเป็นโล่กำบัง ธามคว้าตัวหงส์มาไว้ใกล้ตัว
ภรพกับคณินดึงปืนออกมาอย่างเตรียมพร้อมอยู่แล้ว
มือปืนชาย2 หญิง1 ยิงกราดใส่กลุ่มทรงกลดอย่างไม่ยั้ง กลุ่มทรงกลดยิงสวนกับกลุ่มมือปืน 3 คน
อาจูกับอันตกใจที่ได้ยินเสียงปืนยิงกันสนั่นดังมาจากในร้าน
"คุณที!"
"นายหญิง!"
อันดึงอาจูไม่ให้เข้าไปข้างในร้าน ลูกค้า 2-3 คนวิ่งหนีออกมาจากในร้าน มือปืนฝ่ายเล้งโผล่มายิงกราดใส่ ไม่ว่าหน้าไหนเอาตายหมด
"ไม่ต้องห่วงฉัน รีบไปช่วยคุณที"
อันไม่ฟัง รีบพาอาจูหลบกระสุนไปอีกมุมทันที
ทรงกลด ภรพ คณินและธามยิงสวนกับมือปืน 3 คนจนมือปืนล้มตายไปหมด หงส์หลบอยู่หลังธามตลอดเวลา จนเริ่มวางใจขยับจะหลุดออกจากไปจากธาม
" เดี๋ยวก่อน!" ธามบอก
ทรงกลดขยับจะออกไปดูลาดเลาข้างนอก แต่คณินไวกว่ากระโดดข้ามศพมือปืน 3 คนออกไป
คณินโผล่ออกไปจากห้องวีไอพีชั้น 2 ไม่กี่เสี้ยววินาที กระสุนนับสิบมาจากทุกทิศทุกทางทั้งชั้นล่างและชั้นบนพุ่งมาที่คณินดังเปรี้ยงปร้างไม่หยุด
"เฮ้ย!"
คณินหดตัวกลับเข้าห้องวีไอพีไป
"เป็นไง"
"พอไหว!"
คณินพูดไป ไม่อยากให้ผู้หญิงต้องใจเสีย แต่หงส์รู้ทัน
ทรงกลดมองทุกคนอย่างตัดสินใจว่าบุกออกไปเมื่อไหร่ดี
อันยังคงปกป้องอาจูอยู่มุมหนึ่งหน้าทางเข้าฉั่วเทียนเหลา อาจูขยับออกไปจากมุมที่หลบเพื่อมองไปข้างในร้าน ทำให้มือปืนเห็นอาจูเข้า ยิงเฉียดมา
อันรีบดึงอาจูกลับเข้ามาพร้อมกับยิงสวนออกไปจนมือปืนหงายหลังตายไป
"อยู่เฉยๆ"
อาจูจ๋อย
"รู้แล้ว"
อันพาอาจูลับเลาะไปหลบมุมที่ปลอดภัยขึ้น หมงโผล่มาจากฝั่งตรงข้ามคอยจับตาอันกับอาจูอย่างปองร้าย
ทรงกลด ภรพ ธามและคณินมองหน้ากันอย่างเอาจริงล่ะทีนี้
"สู้แค่ตาย!"
คณินแกล้งโอด
"ฉันยังตายไม่ได้ ฉันยังไม่มีเมีย"
"สู้ให้ชนะสิวะ"
"สู้สุดชีวิต!" ธามบอก
หงส์แทรกเข้ามารวมกลุ่มกับพี่ๆด้วย
"หงส์ก็จะสู้ด้วย"
ทรงกลดสั่ง
"ดูแลหงส์ด้วย"
"รู้น่า"
ธามจับมือหงส์กระชับไว้แน่น
"แล้วเจอกัน!"
ทรงกลดเตะประตูเปิดออก พุ่งทยานออกไปคนแรก ตามด้วยภรพ คณินและธามที่จับมือหงส์ไว้
ทรงกลดพุ่งยิงด้วยปืนคู่แล้วกระโดดข้ามไปที่เคาน์เตอร์เครื่องดื่มเพื่อยิงต่อสู้กับมือปืนฝ่ายเล้ง
ทรงกลดยิงสวนออกไปจนฝ่าด่านกลุ่มมือปืนออกไปได้
อันสอดส่องมองไปรอบๆเห็นมือปืนเล้งซุ่มอยู่รอบๆ อันหันมามองอาจูอย่างหนักใจที่ไม่สามารถช่วยทรงกลดได้เต็มที่
"ไปครับ"
"ไปไหน"
"ผมพานายหญิงกลับบ้านดีกว่า ยิ่งอยู่จะยิ่งเป็นอันตราย"
"ไม่ ฉันจะรอคุณที"
"นายหญิงครับ"
เสียงปืนดังเปรี้ยงปร้างขึ้นมาจนอาจูกับอันต้องหันไปมอง
ทรงกลดวิ่งฝ่าดงกระสุนออกมาจากฉั่วเทียนเหลา
"อยู่นี่นะครับ ห้ามขยับเป็นอันขาด"
อันพุ่งออกไปช่วยยิงเปิดทางให้ทรงกลดพ้นทางปืน ทรงกลดวิ่งตามอันไปที่หลบมุมแล้วพบว่าอาจูหลบอยู่
ทรงกลดโกรธ
"อาจู"
อันหันไปเห็นกลุ่มมือปืนเริ่มเคลื่อนไหวแล้วเห็นอิกวิ่งออกมาจากในร้าน
"พานายหญิงกลับไปก่อนครับ" อันบอก
ทรงกลดยังไม่ทันจะถามอะไร อันก็พุ่งออกไปตามดูอิกแล้ว ทรงกลดเพิ่งรู้ว่า อิกเป็นสมุนเล้ง
"มานี่!"
ทรงกลดคว้ามืออาจูพาวิ่งลัดเลาะออกไปอย่างร้อนใจ
เลือดมังกร : สิงห์ ตอนที่ 9 (ต่อ)
อันวิ่งตามไล่ล่าอิกจนเข้าไปในซอยร้านค้าที่พากันปิดร้านหนีเป็นแถว
สมุน 2 คนหันกลับมายิงใส่อันแต่ถูกอันยิงสวนกลับจนล้มลงไป
เหลืออิกคนเดียวหันหลังวิ่งหนีไปแต่หนีไม่ทัน
"หยุด! ไม่งั้นแกตาย"
อิกค่อยๆหันหน้ามามือขวาที่ถือปืนโดนยิงบาดเจ็บจนยิงปืนไม่ถนัด
"เป็นแกจริงๆ! เสี่ยเคี้ยงส่งแกมางั้นเหรอ"
"ไอ้เสี่ยเคี้ยง! มันมีปัญญาคิดอะไรเป็น"
"แกเป็นคนของเสี่ยเล้ง...เสี่ยเล้งเป็นคนสั่งให้ถล่มฉั่วเทียนเหลาใช่มั้ย"
อันเดินขยับไปใกล้ไปอีก อิกกำปืนไว้มือสั่นระริกด้วยความเจ็บปวด อิกถอยหลังไปชนกับร้านค้าแล้วดึงตัวแม่ค้าออกมาจับเป็นตัวประกัน
"เจ็บขนาดนั้น แกยิงไม่ไหวหรอก"
"ก็ลองดู! ปล่อยฉันไปดีๆ หรือว่า..."
อิกสับไกปืนอย่างยากเย็นเพื่อเหนี่ยวไกปืนใส่ตัวประกัน
อันชะงักอย่างไม่แน่ใจแค่แวบเดียว อิกผลักแม่ค้าตัวประกันโถมเข้าใส่อัน แล้ววิ่งหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต อันกว่าจะผลักแม่ค้าออกไปได้ อิกก็วิ่งไประยะหนึ่งแล้ว
อันวิ่งไล่ตาม แต่อิกวิ่งหนีซอกแซกไปมาแล้วปีนกำแพงรั้วออกไป
อันเล็งปืนตามหลังแต่ก็เล็งไม่ถนัดได้แต่ปล่อยให้อิกหนีลอยนวลไป
ทรงกลดจับมืออาจูวิ่งเข้าไปอีกซอย
"ตามมาทำไม"
"ฉันเป็นห่วงคุณ"
"ถ้าเป็นห่วง ก็ไม่ควรตามมา ! หาเรื่องจริงๆ"
อาจูประชด
"ก็ตอนนี้ฉันเป็นผู้ช่วยของคุณนี่ คุณไปไหน ฉันก็ต้องไปด้วยไม่ใช่เหรอคะ"
"นี่ไม่ใช่เวลามาประชดกัน"
"คุณที..คุณรู้มั้ยว่า คุณเปลี่ยนไป"
อาจูมองทรงกลดอย่างน้อยใจที่ระยะหลังๆหมางเมินไป
ทรงกลดไม่อาจบอกได้ว่าที่เคร่งเครียดมากขึ้นเพราะภาระหน้าที่ที่และเป็นห่วงอาจูที่สุด
ทรงกลดเหลือบไปเห็นสมุนเล้ง 2 คนแอบตามมาแล้วหลบมุมไป
"คุณที..อย่าลืมสิคะว่า คุณยังมีฉัน"
ทรงกลดรีบดึงอาจูให้หลบอยู่ด้านหลัง สมุนเล้ง 2 ยิงมาที่ทรงกลดทันที เขาเธอถอยร่นหาที่หลบ พลางยิงสวนไปไม่ยั้งมือ
ทรงกลดยิงใส่สมุนเล้ง 2 ที่ไล่ล่าตามมาจนล้มตายไปทั้งสองคน เขามัวแต่มองไปข้างหน้าเพื่อกำจัดสมุนเล้ง ยังไม่ทันระวังหลัง อาจูหันไปทางด้านหลัง เห็นหมงโผล่เข้ามาเงียบๆเตรียมเล็งปืนไปที่ทรงกลดอย่างหมาลอบกัด
"คุณที!"
ทรงกลดหันมองตามสายตาของอาจู หมงเหนี่ยวไกปืนยิงเปรี้ยงมาที่ทรงกลด แต่อาจูรีบผลักทรงกลดออกไปแล้วตัวเองขยับไปที่จุดที่ทรงกลดยืน
กระสุนปืนของหมงแล่นเฉียดไหล่อาจูไป,เลือดกระฉูดออกอย่างน่ากลัว
"อาจู!"
ทรงกลดพรวดออกไป ยิงใส่หมงอย่างโกรธคั่งแค้น
หมงยิงสวนมาไม่กี่นัดก็กลัวใจทรงกลดที่ตรงรี่เข้ามาอย่างไม่กลัวตาย
หมงหันหลังวิ่งโกยอ้าวไปอย่างไม่คิดชีวิต ทรงกลดกำลังจะยิงใส่กลางหลังหมงอยู่แล้วเชียว
"คุณที!"
เสียงเรียกของอาจูทำให้ทรงกลดเสียสมาธิ หมงวิ่งหนีได้ในจังหวะนี้อย่างน่าเสียดาย
ทรงกลดต้องหันขวับมาที่อาจูแล้วรีบตรงไปประคองไว้แล้วดึงผ้าเช็ดหน้ากดแผลไว้
"เป็นเพราะฉันคนเดียว"
ทรงกลดประคองอาจูอย่างเป็นห่วงมาก
เง็กนั่งนิ่งอย่างเคร่งเครียด เคี้ยงเดินไปมาอย่างกระวนกระวายใจ ปอยืนนิ่งอย่างสุขุมในบรรยากาศที่เคร่งเครียด
"เราอย่าเพิ่งคิดล่วงหน้าไปก่อนเลยนะครับ รอฟังข่าวจากคนของเราให้แน่ชัดอีกทีดีกว่า"
เคี้ยงบอก
"ไม่ต้องรอแล้ว ข่าวถล่มฉั่วเทียนเหลาเป็นเรื่องจริง มีคนตายเป็นเบือ!"
"อาจู..." เง็กใจเสีย
"ไม่มีใครแตะต้องนายหญิงได้แน่"
เว่ยบอก
"ตื่นนำหน้าทรงกลดที่ประคองอาจูเข้ามา อันเดินตามหลังมาอย่างไม่สบายใจ
เว่ยพลั้งปาก
"ม้า! แจ้จูถูกยิง"
เคี้ยงกับเง็กโผเข้าไปหาอาจูในทันที อาจูไปทำแผลที่รพ.มาแล้วแต่ยังใส่เสื้อตัวเก่าที่มีรอยเลือดและมีสายผ้าคล้องแขนประคองไว้อยู่
"แค่เฉียดๆเท่านั้นแหละ ม้า"
"นี่นะที่บอกว่า ไม่มีใครแตะต้องนายหญิงของลื้อได้"
เคี้ยงพูดใส่หน้าปอกับอันหมายจะกระทบทรงกลด
"ไปกับม้า"
เง็กหน้าเครียดพาตัวอาจูออกไปจากทรงกลด
ทรงกลดรู้สึกผิดมาก
"ม้าครับ"
เง็กจ้องหน้าทรงกลดอย่างโกรธมากที่ทรงกลดทำให้อาจูถูกยิง
"เป็นหัวหน้าแก๊งซะเปล่า ปกป้องเมียคนเดียวก็ไม่ได้ ถ้าลื้อไม่มายุ่งเกี่ยวกับอาจูตั้งแต่แรก ลูกสาวอั๊วคงไม่ต้องมาเจ็บตัวแบบนี้ คราวนี้โดนยิง ไม่รู้คราวหน้าจะโดนอะไรอีก ถ้าอาจูเป็นอะไร ต่อให้ลื้อมีร้อยชีวิตก็ชดเชยให้อั๊วไม่ได้"
เง็กพาอาจูเดินออกไป
"เฮียอย่าคิดมากนะครับ ม้ากำลังโกรธ เดี๋ยวก็หาย"
เว่ยรีบตามเง็กกับอาจูไป ทรงกลดยืนนิ่งอึ้งกับคำพูดเสียดแทงใจของเง็ก
"เราทำดีที่สุดแล้วครับ นายน้อย"
"ดีที่สุด ทำได้แค่นี้?! ถ้าลื้อไม่มีน้ำยา ลื้อคืนอาจูมาให้อั๊ว อั๊วจะดูแลลูกสาวอั๊วเอง"
อันมองทรงกลดอย่างแปลกใจที่ทรงกลดไม่ตอบโต้แต่กลับฟังและนิ่งคิด
"ตราบใดที่ลื้อยังจะเป็นนายกฯคิดทำการใหญ่ต่อไป ลื้อไม่มีทางปกป้องครอบครัวลื้อไปได้ตลอดหรอก อาทรงกลด อย่ารอให้เกิดการสูญเสียแล้วมาเสียใจทีหลังดีกว่า ตอนนี้แหละที่จะเป็นการพิสูจน์ว่า ลื้อรักตัวเองหรือว่ารักอาจูมากกว่ากัน"
อันมองทรงกลดที่นิ่ง คิดหนักและตัดสินใจได้ว่าจะทำยังไงกับอาจูต่อไป
เง็กโยนเสื้อเปื้อนเลือดของอาจูทิ้งลงถังขยะไป อาจูกำลังพยายามใส่เสื้อตัวใหม่อยู่อย่างระวังเพราะยังเจ็บแผลอยู่ เง็กเข้ามาช่วยอาจูใส่เสื้อและติดกระดุมให้อย่างเงียบๆ อาจูมองสีหน้าเง็กที่เงียบเฉยอย่างกลัวใจ
"ม้า..หนูไม่เป็นไรมากจริงๆ เจ็บกว่ามดกัดนิดเดียวเอง"
อาจูพยายามหมุนหัวไหล่โดยไม่นิ่วหน้าด้วยความเจ็บ
"ไม่ต้องมาโกหก แล้วลื้อเป็นอะไรไป ทำไมใจร้อนตามออกไปถึงโน่น"
"หนูก็ไม่รู้เหมือนกัน...อยู่ๆก็โกรธคุณทีขึ้นมา ทั้งโกรธทั้งน้อยใจ..พอไปถึงที่ฉั่วเทียนเหลา ถึงได้รู้ตัวว่า หนูไม่ควรไปเลย ที่หนูต้องมาเจ็บตัว ไม่ใช่ความผิดของคุณทีเลยนะ ม้า"
"คนท้องคนไส้อารมณ์ก็แปรปรวนอย่างนี้แหละ ม้าก็เคยเป็น..."
ซิ่วเอ็งกับเว่ยเดินเข้ามา เว่ยถือถาดชามใส่ยาจีนมาด้วย
ซิ่วเอ็งถามอย่างดุกร้าว
" ใครท้อง?! อั๊วถามว่าใครท้อง?"
เว่ยขำ
"ใครจะท้องได้ นอกจากแจ้จูล่ะ ม่า"
ซิ่วเอ็งหน้าขมึงทึงด้วยความผิดหวังโกรธแค้นตรงเข้าไปจับแขนอาจูไว้แน่นปานคีมเหล็ก
"ลื้อท้องเหรอ อาจู"
"ดูอาการแล้ว อาจูน่าจะท้อง ม้าช่วยแมะดูให้หน่อย จะได้แน่ใจ หรือว่าให้นายน้อยพาไปให้หมอฝรั่งตรวจดี หา อาจู" เง๊กบอก
"หนูยังไม่อยากให้คุณทีรู้เรื่องนี้ เดี๋ยวจะยิ่งเป็นห่วง"
ซิ่วเอ็งใช้ นิ้วชี้,นิ้วกลาง,นิ้วนาง แตะจับชีพจรข้อมือซ้ายในลักษณะทั้งคว่ำมือและหงายฝ่ามือ
แล้วซิ่วเอ็งย้ายมาแตะชีพจรข้อมือขวาด้วยวิธีเดียวกัน
"อาจูท้อง...อาจูท้องจริงๆ"
อาจูยิ้มกว้างอย่างดีใจที่เธอท้องแน่นอนแล้ว ซิ่วเอ็งเดินออกไปอย่างใจลอย
"อาจูท้อง...อาจูท้องจริงๆ"
ซิ่วเอ็งพูดพึมพำคำว่า อาจูท้อง..อาจูท้องจริงๆไปตลอดทาง
"ดูม่าไม่ค่อยดีใจเลยนะ ดูแปลกๆ" อาจูบอก
"ม่าคงโกรธล่ะมั้งที่เราเพิ่งมาบอก อาจู..ต่อไปนี้ลื้อต้องระวังเนื้อระวังตัวให้มากขึ้น จะทำอะไรก็ต้องคิดก่อนทำ ลื้อเป็นเมีย ยังไงก็ต้องเชื่อฟังผัว อย่าทำเกินหน้าที่" เง็กเตือน
"จ้ะ ม้า ต่อไปหนูจะทำหน้าที่เมียแล้วก็แม่ที่ดี..ของลูก..ลูกของหนูกับคุณที"
อาจูแตะท้องตัวเองอย่างมีความสุข
ซิ่วเอ็งนั่งหันหลังกำลังทุบอะไรบางอย่างอยู่หน้ากองไฟกองเล็กๆควันโขมง
ยันต์จีนที่เขียนชื่ออึ้งตงกัวถูกทุบด้วยรองเท้าแตะ อันเป็นวิธีสาปแช่งที่ต่ำสุดๆ
"อาจูท้อง! อึ้งตงกัวกำลังมีหลานสืบสกุล"
ซิ่วเอ็งใช้รองเท้าแตะทุบยันต์ชื่ต่อไปอย่างบ้าคลั่ง
"แต่ลูกอั๊วต้องมาตาย!"
ซิ่วเอ็งนิ่งขึงเมื่อนึกถึงความตายของเหลียงลูกชาย
10 ปีที่แล้ว ณ บ้านเช้าซอมซ่อ ซิ่วเอ็งกอดถุงข้าวสาร และเพิ่งเข้าบ้าน
"อาเง็กๆ มาเอาข้าวไปที อั๊วไปขอที่โรงเจมาให้แล้ว"
ซิ่วเอ็งเดินเข้าบ้านแต่มองหาไม่เจอใครแล้วรู้สึกสังหรณ์ใจที่บ้านวังเวงชอบกล
"อาเหลียง...อาเหลียง"
ซิ่วเอ็งรีบสาวเท้าเปิดห้องนอนเข้าไปแล้วเงยหน้าขึ้นมองที่สูง ถุงข้าวสารหลุดจากอ้อมกอดตกลงที่พื้นปากถุงเปิดออก ข้าวสารสีมอทะลักทลายออกมา
ปลายเท้าของเหลียงห้อยโตงเตงเพราะแขวนคอตาย
เสียงกรีดร้องโหยหวนเหมือนสัตว์บาดเจ็บของซิ่วเอ็งดังขึ้น
ซิ่วเอ็งร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดเมื่อนึกถึงภาพเหลียงผูกคอตาย เธอร้องไห้เสียงดังตัวสั่นเหมือนเหลียงเพิ่งตายเมื่อวาน เธอเอากำปั้นยัดปากตัวเองเพื่อไม่ให้เสียงดังเพราะบังคับตัวเองให้หยุดร้องโหยหวนไม่ได้
ซิ่วเอ็งกัดกำปั้นตัวเองจนมือห้อเลือด
ภาพซิ่วเอ็งกอดศพเหลียงที่ยังมีเชือกแขวนคอคาอยู่
"อาเหลียง! ทำไม?!! ทำไม"
เง็กถือชะลอมกระเทียมวิ่งเข้ามาแล้วต้องทิ้งชะลอมกระเทียมทิ้งไป
"เฮียเหลียง!"
เง็กตรงเข้าไปจะเอื้อมมือไปแตะตัวเหลียง แต่ซิ่วเอ็งปัดมือเง็กออกไป
"อย่ามาแตะต้องลูกชายอั๊ว!"
เง็กชะงักได้แต่มองและร้องไห้อย่างทำอะไรไม่ถูก
"อาเหลียง..อาเหลียงลูกชายของอั๊ว..ลูกชายของอั๊วคนเดียว"
ซิ่วเอ็งกอดศพเหลียงไว้แน่น เสียงร้องไห้โหยหวนค่อยๆเงียบลงๆ
ซิ่วเอ็งร้องไห้โหยหวนแล้วกลับเงียบลง ตาแข็งกร้าว ดึงกำปั้นออกจากปากแล้วเช็ดเลือดที่มือช้าๆ หันกลับไปเอารองเท้าแตะทุบยันต์อย่างช้าๆ
เธอเอายันต์โยนลงไปในกองไฟที่มีเศษผ้ายันต์เผาก่อนหน้านั้นแล้วนับสิบผืน
"อึ้งตงกัว..อีกไม่นาน..ลื้อจะต้องตามอาเหลียงไป!!"
ซิ่วเอ็งยิ้มสีหน้าเหี้ยมเกรียมอยู่หน้ากองไฟ
บรรยากาศสุขสงบของศาลเจ้าในยามเช้ามืด ทรงกลดเดินช้าๆ อย่างโดดเดี่ยวเข้ามาที่ลานหน้าศาลเจ้า นึกถึงเขากับอาจูทุกฉากตอน นับแต่เห็นกันครั้งแรก จนเหตุการณ์ที่เธอต้องมีส่วนในการเสี่ยงตาย หนแล้ว หนเล่าไปจนถึงล่าสุดที่ถูกถูกหมงยิงเฉียดไหล่ เรื่องราวทั้งหลายเป็นคำตอบให้เขาคิดว่า ว่าต้องทำยังไงต่อไป
ทรงกลดยืนนิ่งอยู่หน้าเทวรูปกวนอูปางบู๊ เสียงคำพูดขู่ของหมงก่อนหนีไปจากบ้านทรงกลดยังติดอยู่ในหัว
"ฆ่าแกให้ตายยังไม่สะใจเท่านี้เลยว่ะ แกได้ขึ้นเป็นใหญ่ แต่แกจะมีศัตรูเพิ่มไม่รู้กี่เท่า ถึงฆ่าแกไม่ได้ แต่คนรอบข้างแกจะตายแทน แล้วคนที่จะตายคนแรกก็คือ คนที่แกรักที่สุด"
ซินแสง้วงเดินเข้ามาหยุดมอง เข้าใจดีถึงภาระหน้าที่อันหนักหน่วงของสิงห์หนุ่ม
"ได้คำตอบแล้วหรือยังล่ะ ท่านนายกฯทรงกลด"
"ผมได้คำตอบแล้วครับ แต่ผมก็มีคำถามตามมาอีก"
ทรงกลดหันมามองง้วงอย่างขอคำชี้แนะ
"แล้วผมจะทำได้อย่างที่ตั้งใจไว้หรือเปล่า"
"การปกครองผู้คนเป็นงานหนัก เป็นงานของผู้เสียสละสุขส่วนตัว..ถ้าหากได้รับหน้าที่แล้ว ไม่ทำให้ดีถึงที่สุด ก็จะรับหน้าที่นี้ไปเพื่ออะไร"
ง้วงเดินออกไป ทิ้งให้ทรงกลดคิดต่อไปเอง
เง็กเดินออกมาแล้วทำหน้าหมางเมินเมื่อเห็นว่าเป็นทรงกลดที่ยืนรออยู่หน้าตึกเล็ก
"อาม้าครับ"
เง็กชะงักมองทรงกลดที่มีสีหน้าเคร่งเครียดเอาจริง
"ผมเคยรับปากม้าว่า ผมจะดูแลอาจูด้วยชีวิตของผมเอง ผมจะต้องทำให้ได้ครับ"
"พูดน่ะมันง่าย"
"ครับ พูดง่ายทำยาก ผมก็เลยต้องขอให้ม้าช่วยผมหน่อย"
เง็กมองทรงกลดอย่างแปลกใจกับคำขอร้อง
ฝ่ายอาจูกำลังตั้งอกตั้งใจขัดรองเท้าของทรงกลดจนเงาวับ
"ทำอะไรน่ะ"
อาจูเงยหน้ามองทรงกลดที่เพิ่งเข้ามาแล้วยิ้มให้อย่างภูมิใจผลงาน
"ทำหน้าที่แม่บ้านให้คุณไงคะ ต่อไปนี้ฉันจะไม่ถามอะไรให้จุกจิกกวนใจคุณอีก ฉันแต่งงานกับคุณแล้ว ฉันก็ต้องยอมรับความเป็นผู้นำครอบครัวของคุณ ฉันสัญญานะคะว่า ฉันจะเป็นผู้ตามที่ดี..คุณจะกินอะไรก่อนไปทำงานมั้ยคะ เดี๋ยวฉันไปดูในครัวให้นะคะ"
อาจูรีบร้อนจะเดินออกไป ทรงกลดดึงตัวไว้เบาๆ
"ไม่เจ็บแผลแล้วเหรอ"
"ไม่เจ็บแล้ว ไม่เจ็บแล้วจริงๆนะคะ"
"ฉันขอโทษ"
"ฉันสิคะที่ต้องขอโทษคุณ ถ้าฉันไม่ก้าวก่ายงานของคุณ ก็คงไม่เกิดเรื่องขึ้น ต่อไปนี้คุณไปทำหน้าที่ให้สบายใจเลย ฉันจะอยู่ดูแลบ้านให้คุณ ฉันจะอยู่ในที่ที่ฉันควรจะอยู่"
"พอได้แล้ว"
ยิ่งอาจูพูดก็ยิ่งทำให้เขาปวดใจ แม้อาจูยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ทรงกลดสบายใจ ก็ทำให้เขาเปลี่ยนใจที่จะส่งคืนอาจูให้เคี้ยงไม่ได้
"ฉันพูดอะไรผิดหรือคะ"
ทรงกลดดึงอาจูเข้ามากอดก่อนที่จะเห็นสีหน้าที่เจ็บปวดของเขา
"เปล่า..เธอไม่ได้พูดอะไรผิด"
ทรงกลดปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วทำยิ้มเริงร่า,ดันตัวอาจูออกไป
"ผูกเน็คไทให้หน่อยสิ"
อาจูยิ้มดีใจที่ทรงกลดกลับมาเป็นคนเดิมแล้ว เธอรีบหยิบเน็คไทมาผูกให้ทรงกลดอย่างเต็มใจ
ทรงกลดมองอาจูไม่วางตาตลอดเวลาที่เธอผูกเน็คไทให้
"วันนี้ฉันมีเวลาให้เธอทั้งวันเลย เรามาทำอะไรกันดี"
อาจูยิ้มกว้างอย่างมีเลศนัย
ทรงกลดมองไปที่มอเตอร์ไซด์ของตัวเองอย่างแปลกใจ
อาจูแต่งตัวใหม่อย่างสวยสดใส เธอพยักหน้ายืนยันว่าจะไปเที่ยวกันด้วยมอเตอร์ไซด์
"ฉันไม่ได้ซ้อนมอเตอร์ไซด์ของคุณนานแล้ว"
อาจูยื่นผ้าโพกผมที่ทรงกลดซื้อให้ ทรงกลดรับผ้ามาโพกผมให้อาจูอย่างบรรจงแล้วผูกปมผ้าให้
เขาอดไม่ได้ที่จะดึงเธอมากอดไว้เหมือนทุกอย่างจะทำเป็นครั้งสุดท้าย
ถนนชานเมืองทอดยาวสวยงามบรรยากาศสดชื่น ทรงกลดขี่มอเตอร์ไซด์โดยมีอาจูนั่งซ้อนท้ายมา เธอกอดเอวเขาไว้แน่น เธอซบหน้าลงที่ไหล่เขาอย่างมีความสุขและอบอุ่น
ทรงกลดขี่มอเตอร์ไซด์ไม่เร็วนักไปเรื่อยๆเหมือนไม่อยากให้ถึงจุดหมายเลย
เวลาต่อมา เขาจอดรถริมถนนที่มีทุ่งดอกหญ้าสวยๆ เขายืนมองอเธอท่ามกลางทุ่งดอกหญ้าราวกับจะเก็บภาพเธอไว้ เธอเพลิดเพลินกับการเก็บดอกหญ้าจนเต็มอ้อมแขนแล้วโยนขึ้นโปรยปรายเต็มอากาศ
เขาก้าวเข้าไปหาเธอแล้วช่วยดึงเศษดอกไม้ใบหญ้าที่ติดผมติดตัวอาจูออก
"ฉันไม่ได้เล่นเป็นเด็กๆอย่างนี้นานแล้ว"
"ฉันนึกว่า เธออยากไปเที่ยวไหนไกลๆ ไปทะเลไปภูเขา"
"ไปกลับวันเดียวเหนื่อยแย่สิคะ ตอนนี้ฉันทำอะไรหักโหมไม่ได้" อาจูนึกได้ รีบเปลี่ยนเรื่อง "วันนี้คุณขี่รถได้ช้ามากเลย ไม่สมกับเป็นหัวหน้าแก๊งเขี้ยวสิงห์ซักนิด..ถ้าอาเว่ยมาเห็นเข้า ต้องผิดหวังแน่ๆ"
"ก็ฉันมีอีกหนึ่งชีวิตที่จะต้องดูแล..แล้วฉันคงไม่อยากให้วันนี้จบลงเร็วเกินไป แต่ยังไงวันนี้ก็ต้องจบลง..."
"คุณที มีอะไรหรือเปล่าคะ หรือว่าห้ามถาม"
ทรงกลดยังตอบคำถามไม่ได้ ได้แต่ดึงอาจูเข้ามากอด
"วันนี้กอดบ่อยจัง"
"เพราะฉันไม่รู้ว่า ฉันจะได้กอดเธออีกเมื่อไหร่"
"คุณที"
"ฉันรักเธอ อาจู เชื่อฉันนะว่า ฉันรักเธอ"
ทรงกลดกอดอาจูไว้แน่นเป็นการกอดอำลาครั้งสุดท้าย
ทรงกลดขี่มอเตอร์ไซด์มาจอดที่หน้าบ้านเคี้ยง อาจูต้องลงจากมอเตอร์ไซด์ตามทรงกลดไปด้วย,อาจูมองทรงกลดอย่างแปลกใจ
"เรามาที่นี่ทำไมคะ
"ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป...ที่นี่คือบ้านของเธอ"
"คุณที! นี่หมายความว่ายังไง"
"เสี่ยเคี้ยงขอรับเธอไปดูแล แล้วฉันก็ตอบตกลงไปแล้ว"
"คุณตอบตกลงโดยไม่ถามฉันซักคำเหรอคะ"
ทรงกลดเดินตรงเข้าไปในบ้าน อาจูรีบตามเข้าไป
ทรงกลดเดินนำลิ่วๆเข้ามา โดยมีอาจูเดินมาตามอย่างโกรธจัด
"ทำไมคะ คุณที ทำไมคุณถึงตัดสินใจแบบนี้"
"ฉันทำเพื่อเธอ แล้วซักวันเธอจะเข้าใจเอง"
"คุณทำเพื่อตัวเองต่างหาก ฉันนึกว่า คุณกลับมาเป็นคุณทีคนเดิมแล้ว แต่ก็ไม่ใช่คุณเปลี่ยนไป..."
"ใช่ ฉันเปลี่ยนไป ตอนนี้ฉันเป็นนายกสมาคมเลือดมังกร ฉันมีภาระหน้าที่เกินกว่าจะมาดูแลส่วนเกินของชีวิตอย่างเธอ"
เคี้ยงกับเง็กเดินเข้ามา
"ฉันเป็นส่วนเกินของคุณไปแล้ว"
"เป็นส่วนเกิน เป็นภาระ เธอจะเรียกว่าอะไรก็ได้ งานฉันสำคัญเกินกว่าที่จะเอาเวลามาปกป้องเธอ ที่นี่คือที่ที่เธอควรอยู่ ไม่ใช่แก๊งเขี้ยวสิงห์ ต่อไปฉันจะได้ทำงานอย่างไม่มีห่วงอีก"
อาจูหมดใจ
"ฉันเข้าใจแล้วค่ะ"
ทรงกลดเพิ่งเห็นเคี้ยงกับเง็กยืนฟังอยู่
"ผมพาอาจูมาส่งแล้วครับ"
อาจูมองไปเมื่อเห็นเง็กก็ยิ่งแน่ชัดว่าต้องอยู่ที่บ้านเคี้ยงจริงๆ
"ฉันพาเธอมาส่งกลับคืนให้ครอบครัวเธอ นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดที่ฉันทำได้ในตอนนี้"
"ขอบคุณนะคะ ขอบคุณที่พาครอบครัวกลับมาให้ฉัน ขอบคุณสำหรับทุกอย่างในวันนี้ด้วย แต่ต่อไปถ้าคุณจะทิ้งผู้หญิงคนไหน ไม่ต้องแกล้งทำดีด้วย ไม่ต้องเสแสร้งบอกรัก พูดคำเดียวสั้นๆว่าลาก่อนก็พอ"
อาจูจ้องลึกเข้าไปในตาของทรงกลด ตอกย้ำให้เห็นว่าเธอเจ็บปวดแค่ไหน
"ลาก่อนค่ะ นายน้อย"
"ลาก่อน...อาจู"
ทรงกลดรีบหันหลังให้แล้วแข็งใจเดินออกไป
"คุณไม่ได้ทิ้งฉันแค่ชีวิตเดียว...คุณ"
อาจูมองตามด้วยน้ำตานองหน้าที่ทรงกลดทิ้งทั้งเธอและลูกไป
ทรงกลดเต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่ต้องตัดขาดจากอาจู เขาขี่มอเตอร์ไซด์มาอย่างเร็วตามทางโค้งของถนน แล้วจอดที่ริมถนน พรวดพราดลงจากมอเตอร์ไซด์อย่างพลุ่งพล่านในอารมณ์ ตะโกนไปในอากาศ
"ทำไม!? ทำไม"
ทรงกลดตะโกนระบายความเสียใจเจ็บปวดที่ชีวิตคู่ต้องมาลงเอยแบบนี้
ฝนตกพรูลงมา แต่ทรงกลดก็ยังยืนนิ่งอยู่ข้างมอเตอร์ไซด์ น้ำตาไหลพรากอย่างอดกลั้นไม่ไหว
อาจูยังคงนั่งอยู่ที่เดิมเหมือนเป็นหุ่นที่ไร้ชีวิต เคี้ยงกับเง็กเดินมาหยุดมองอยู่ห่างๆอย่างเป็นห่วง
"อาทรงกลดก็ไม่น่าพูดแรงขนาดนั้น" เคี้ยงบอก
"ถ้าไม่พูดอย่างนั้น อาจูไม่ยอมตัดใจหรอก"
"อั๊วไม่อยากได้พวกลื้อกลับมาด้วยวิธีนี้เลย"
"อั๊วแค่มาอยู่เป็นเพื่อนอาจูเท่านั้น ไม่ได้กลับมาหาลื้อ"
เคี้ยงรีบพยักหน้าหงึกๆยอมรับเพราะยังจัดการเคลียร์แก๊งตัวเองให้ขาวสะอาดยังไม่ได้
"ให้อาจูอยู่คนเดียวซักพักเถอะ"
เคี้ยงกับเง็กเดินออกไป
อาจูดึงผ้าโพกผมออกอย่างช้าๆ แล้วนึกถึงภาพเก่าๆที่เคยมีความสุขกับทรงกลด จนถึงคำพูดของเขา
"ฉันจะรอ..รอจนกว่าเธอจะเชื่อใจฉัน..ฉันจะไม่มีวันปล่อยเธอไปจากชีวิตฉัน...เธอต้องอยู่ข้างๆฉันแบบนี้ตลอดไป"
"ไม่มีผู้หญิงคนไหนอีกแล้วในโลกนี้ที่จะทำให้ฉันคุกเข่าลงได้ มีเธอคนเดียว..อาจู ฉันไม่มีวันปล่อยให้เธอไปจากฉันเด็ดขาด...แล้วเธอล่ะ"
อาจูน้ำตาไหลไม่หยุดยิ่งคิดถึงคำพูดทรงกลดที่ให้คำมั่นไว้ก็ยิ่งใจสลาย
ทรงกลดเดินเข้ามาในบ้านเหมือนคนที่ไม่มีวิญญาณ
ปอเข็นรถเข็นตงออกมาเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์ ตงมองทรงกลดที่ตัวเปียกปอนเดินไร้เรี่ยวแรงเข้ามา พลางนึกถึงคำพูดของพ่อที่เข่าไม่เคยสนใจ
"อั๊วอยากให้ลื้อมีครอบครัว ลื้อจะได้รู้จักรับผิดชอบมากกว่านี้ จะทำอะไร จะได้คิดหน้าคิดหลัง วันไหนที่ลื้อมีครอบครัวรออยู่ที่บ้าน แล้วลื้อจะรู้ว่า ภาระหน้าที่ของผู้นำครอบครัวคืออะไร"
"ป๊าทำหน้าที่ผู้นำครอบครัวให้ได้ก่อนเถอะครับ ผู้ชายที่ทิ้งลูกเมียเพื่อไปหาความสุขใส่ตัว ไม่น่ามีสิทธิ์ที่จะสั่งสอนใคร"
วันนี้... ทรงกลดเข้าใจตงทุกอย่าง ไม่มีอะไรค้างคาใจแล้ว
เขาเดินมาทรุดลงคุกเข่าหมดแรงต่อหน้าตง
"ป๊า..ผมเข้าใจแล้ว..ผมเข้าใจแล้วว่า ทำไมป๊าถึงทิ้งผมกับแม่..ผมเข้าใจแล้ว"
ทรงกลดก้มหน้าอย่างคนที่มีอารมณ์ทุกอย่างประดังประเดโถมเข้ามาในเวลาเดียวกัน
ตงเอื้อมมืออย่างช้าๆ ไปแตะที่หัวทรงกลดอย่างให้กำลังใจ
"อา..ที...อาที"
ทรงกลดเงยหน้าขึ้นด้วยน้ำตานองหน้าแสดงความอ่อนแอต่อหน้าตงอย่างอดกลั้นไม่ได้
ปอก้มหน้าลงอย่างเห็นใจ ทำทีเหมือนไม่เห็นน้ำตาของทรงกลด
ตงเองก็น้ำตาคลอเห็นใจและเข้าใจว่าทรงกลดกำลังเผชิญกับปัญหารอบด้านอย่างที่เขาเคยเจอ
ทรงกลดร้องไห้เฮือกสุดท้ายแล้วปาดน้ำตาทิ้งเพื่อที่จะก้าวรับภาระอย่างเต็มกำลัง!
ซิ่วเอ็งยืนอยู่หน้ารูปถ่ายเหลียง แล้วอยู่ๆน้ำตาก็ไหลด้วยความคิดถึงลูกอย่างที่สุด
"อาเหลียง..อาเหลียง"
ซิ่วเอ็งเอื้อมมือไปแตะที่รูปถ่ายเหลียงอย่างอ่อนโยน
"ไม่ต้องห่วง ใครที่ทำอะไรกับลื้อไว้ จะต้องชดใช้! นี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่ม้าจะทำให้ลื้อได้ อาเหลียง"
แล้วอยู่ๆซิ่วเอ็งก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเมื่อนึกถึงภาพตงถูกทรมานและฆ่าตาย
"อึ้งตงกัวใกล้ตายแล้ว! อีกไม่นานอั๊วจะส่งอีไปให้ลื้อ!" ซิ่วเอ็งเริ่มร้องไห้อีก "แล้วเมื่อไหร่อั๊วจะได้เจอลื้อ...ต้องฆ่ามันใช่มั้ย ไม่ใช่ๆ.. ต้องทรมานมันก่อน..ต้องทรมานมันให้ตาย"
ซิ่วเอ็งหัวเราะสลับกับร้องไห้ไปตามแต่หัวสมองที่คิดถึงเรื่องอะไร อาการทางจิตเริ่มฉายแววชัดเจนขึ้น
เคี้ยงพาอาจูกับเง็กเข้ามาดูห้องนอนที่จัดเตรียมไว้ให้อาจูเป็นอย่างดี
"ลื้อนอนห้องนี้นะ อาจู มีอะไรไม่ถูกใจบอกป๊าได้เลย"
อาจูเหลือบมองเคี้ยงที่เริ่มโมเมเรียกตัวเองว่าป๊า แต่เห็นท่าทีกระตือรือร้นของเคี้ยงแล้วก็ไม่อยากขัดคอ
"ของทุกอย่างนี่สั่งมาจากเมืองจีนหมดเลยนะ ดูสิ สีชมพูไปทั้งห้อง ชอบใช่มั้ยล่ะ"
"ม้าต่างหากที่ชอบสีชมพูไม่ใช่หนู"
เคี้ยงหน้าเหวอ ส่วนเง็กรู้สึกดีจนอดยิ้มไม่ได้แล้วรีบปั้นหน้าเฉย
เคี้ยงรีบแก้ตัว
"แต่ลื้อต้องชอบตุ๊กตาพวกนี้แน่ ผู้หญิงทุกคนชอบกัน"
เคี้ยงอวดตุ๊กตากังไส 7 นางฟ้าในห้อง
อาจูหลุดยิ้ม
"นั่นก็ของชอบของม้า"
เคี้ยงสบตาเง็กอย่างเก้อๆเขินๆราวกับคนหนุ่มคนสาว
อาจูมองพ่อแม่ตัวเองอย่างสะท้อนใจที่เธอไม่มีวันได้มีภาพอย่างพ่อแม่อีกแน่
"หนูชอบห้องนี้ ชอบทุกอย่างเลย ขอบคุณนะคะ"
"ให้อาจูอีพักเถอะ วันนี้คงเหนื่อยมามากแล้ว"
เคี้ยงกับเง็กจะเดินออกไป แล้วเคี้ยงนึกขึ้นได้หันกลับมาถามอย่างเอาใจ
"ลื้อไม่ชอบสีชมพู แล้วลื้อชอบสีอะไร"
อาจูหลุดปาก
"สีฟ้า"
เคี้ยงพยักหน้าหงึกหงักเพื่อจำไว้ แล้วพากันเดินออกไปกับเง็ก
อาจูนิ่งขึงไปกับคำว่าสีฟ้า พาลให้ต้องนึกถึงทรงกลดอีก
"เรียกฉันว่า ที"
" ที ที่แปลว่า ท้องฟ้า น่ะเหรอคะ"
" ใช่ ที ที่แปลว่า ท้องฟ้า"
อาจูทรุดลงน้ำตาคลอด้วยความเสียใจที่ไม่มีวันหายไปง่ายๆ
เคี้ยงเดินพาเง็กเข้ามาในห้องนอน ซึ่งมีกระเป๋าเดินทางใส่เสื้อผ้าของเง็กวางอยู่แล้ว
เคี้ยงเดินตามเข้ามาติดๆพลางแกะกระดุมเสื้อไปพลาง เพื่อเปลี่ยนชุดนอน
เง็กหันมาเห็นเข้าทำหน้าดุใส่ทันที
"ทำอะไร"
"จำไม่ได้เหรอ นี่ห้องนอนเรา"
"งั้นอั๊วไปนอนห้องอื่น"
เง็กหันไปจะคว้ากระเป๋าเดินทาง แต่เคี้ยงมายื้อยุดไว้ก่อน
"อาเง็ก เราจะอยู่ไปได้อีกซักกี่ปี อั๊วก็สำนึกผิดแล้ว เมื่อไหร่ลื้อจะยกโทษให้อั๊วซะที"
"อั๊วจะยกโทษให้ลื้อก็ต่อเมื่อลื้อหรืออั๊วตายไปข้างหนึ่ง"
"ถ้าอั๊วตาย ลื้อถึงจะยกโทษให้ใช่มั้ย งั้นได้"
เคี้ยงดึงปืนออกมาจากบั้นเอว แล้วเอาปืนยัดใส่มือเง็กทันที
เง็กเยาะ
"ลื้อรู้อยู่ว่า อั๊วไม่กล้า"
"ลื้อไม่กล้า แต่อั๊วกล้า"
เคี้ยงดึงปืนคืนมาสับไกปืนเตรียมที่จะยิงขมับตัวเอง เง็กจ้องเคี้ยงอย่างไม่เชื่อว่า เคี้ยงจะกล้ายิง
เคี้ยงเตรียมเหนี่ยวไกปืน
เง็กมองเคี้ยงที่ดูนิ่งและเอาจริงอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
"อย่า"
เง็กตรงไปแย่งปืนจากมือเคี้ยงแล้วโยนทิ้งไปอย่างใจหาย
"ห้ามทำไม ลื้ออยากให้อั๊วตายไม่ใช่เหรอ"
เง็กเฉไฉไป
"อั๊วไม่อยากให้อาจูต้องกำพร้าพ่อ"
"ลื้อยังเห็นว่าอั๊วเป็นพ่ออาจูอยู่ แล้วทำไมยังไม่ยอมกลับมาใช้ชีวิตอยู่กับอั๊วเหมือนเดิม อั๊วเลิกหมดแล้ว ทั้งเรื่องผู้หญิงทั้งเรื่องเหล้า แล้วอั๊วก็หยุดทำการค้าผิดกฎหมายตามที่ลื้อขอ อั๊วทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ลื้อกับอาจูกลับมา"
เง็กยังนิ่งไม่ยอมพูดดีด้วยจนเคี้ยงเริ่มท้อใจ
"ถึงอั๊วจะกลับใจได้แล้ว ลื้อก็ยังเห็นอั๊วเป็นผัวชั่วๆอยู่ใช่มั้ย"
เคี้ยงหันกลับจะออกไปจากห้องอย่างน้อยใจ
"เฮีย"
เคี้ยงหันกลับมามองเง็กที่เริ่มใจอ่อนยวบ
"เฮียไม่ใช่คนชั่ว เฮียแค่หลงผิดไป อั๊วเองก็ผิดที่ไม่ยอมอดทน เอาแต่ใจตัวเองเป็นใหญ่ ตั้งแต่อั๊วก้าวเท้าออกไปจากบ้านนี้ อั๊วไม่เคยมีความสุขแม้แต่วันเดียว..อั๊วทำตัวเอง..ทำให้อาจูต้องลำบาก"
เคี้ยงรีบเข้ามากอดเง็กไว้
"ลื้อไม่ผิด ไม่ผิดเลย เฮียผิดคนเดียว"
เง็กเผลอตัวปล่อยให้เคี้ยงกอดไว้สักพักเดียว พอนึกได้เง็กผลักเคี้ยงออกไปอย่างเก้อๆเขินๆ
"ร้อน ปล่อย"
"ไม่ปล่อย เฮียไม่มีวันปล่อยลื้อไปอีก ไม่มีวัน"
เคี้ยงยังคงกอดเง็กไว้ เง็กนิ่งพิงอกเคี้ยงด้วยความรู้สึกเหมือนได้กลับบ้านที่อบอุ่น
จบตอนที่ 9