เจ้านาง ตอนที่ 16 อวสาน
ตอนเช้า บุญสลักแต่งตัวจะไปทำงาน แต่ยังอ้อยอิ่ง ห่วงภรรยา
มนต์ทิพย์ยิ้มให้สามี ไม่ค่อยมีแรงเท่าไหร่
“ขอบคุณนะทิพย์ ที่ทำให้ผมมีความสุข ผมสัญญา จะดูแลคุณกับลูกให้ดีที่สุด”
“ขอบคุณนะคะ”
“ระหว่างที่ผมไปทำงาน นมผ่องจะคอยมาดูแลคุณนะครับ”
บุญสลักหอมแก้มมนต์ทิพย์ แล้วผละออกไป นมผ่องเข้ามาพร้อมอาหารบำรุงครรภ์
“คุณหนูไปทำงานเถอะค่ะ เดี๋ยวนมดูแลคุณทิพย์กับคุณหนูตัวน้อยๆ เอง ไม่ต้องห่วงนะคะ”
ทั้งสองยิ้มให้กัน มีความสุขมากๆ ทั้งคู่ บุญสลักไปทำงานอย่างมีความสุข ดูคอมพิวเตอร์ ดูพิมพ์เขียว เซ็นเอกสาร สีหน้าแช่มชื่น จิบกาแฟ ครุ่นคิด หยิบรูปถ่ายของมนต์ทิพย์ในวัยสาวขึ้นมาดู ยิ้มๆ
ถาดอาหารของนมผ่อง ไม่มีอะไรพร่องไปเลย นมผ่องมองมนต์ทิพย์อย่างเป็นห่วง
“ถ้าคุณทิพย์ไม่ทาน แล้วคุณหนูตัวน้อยของนมจะแข็งแรงได้ยังไง ฝืนนิดนะคะ เดี๋ยวนมป้อนให้ คุณทิพย์เก๊งเก่ง”
ผีเจ้าปรากฏที่มุมหนึ่ง นมผ่องไม่เห็นและไม่ได้ยิน
“อีพักตร์พริ้งมันกำลังมา”
มนต์ทิพย์ชะงัก
“นมคะ ทิพย์อยากกินข้าวต้มปลา นมช่วยทำให้ทิพย์หน่อยได้มั้ยคะ”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ เดี๋ยวนมให้แหวนจัดการให้”
“ผีมือป้าแหวนไม่อร่อย คุณนมช่วยทำให้ทิพย์หน่อยนะคะ”
“ได้ค่ะ ได้ เดี่ยวนมจะรีบไปจัดการให้เลยนะคะ”
นมผ่องรีบออกไป
“ฆ่ามันซะ”
“รอหน่อยเถอะ ผีเจ้า ฉันไม่ค่อยมีแรง ท่านก็รู้”
ผีเจ้าไม่พอใจ วูบหายเข้าผนังไป มนต์ทิพย์มองหน้าประตูที่เปิดค้างไว้ แช่มถือถ้วยยาบำรุงขึ้นมา มือสั่นๆ กลัว ไม่อยากทำ หันมองพักตร์พริ้งกับเขมิกาที่คอยกระตุ้นอยู่ห่างๆ แช่มตัดสินใจ เคาะประตู
“คุณทิพย์ขา แช่ม เอ่อ แช่มเอายาบำรุงเข้ามาให้ค่ะ”
มนต์ทิพย์ยิ้มเจ้าเล่ห์ ค่อยๆ ลุกขึ้น
“เอาเข้ามาสิจ๊ะ”
แช่มยิ้มกว้าง ดีใจที่มนต์ทิพย์ไม่โมโหใส่ หันมองพักตร์พริ้งกับเขมิกา สองคนโบกมือให้รีบเข้าไป แล้วคอยลุ้นอยู่หน้าห้อง
“ทำไมแช่มหายเข้าไปนานจังล่ะคะ คุณอา”
“นั่นน่ะสิ นังแช่ม เรียบร้อยหรือยัง”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
พักตร์พริ้งดีใจมาก จูงมือเขมิกาเข้าไปในห้อง เห็นแช่มยืนทื่อถือยายังเต็มถ้วย หามนต์ทิพย์ไม่เจอ
“นังแช่ม นังมนต์ทิพย์มันหายไปไหน”
“นั่นน่ะสิคะ ก็ไหนว่าเรียบร้อยแล้วไง”
มนต์ทิพย์มายืนอยู่ด้านหลังของทั้งสามที่หน้าประตูห้อง
“ข้าอยู่นี่”
พักตร์พริ้งกับเขมิกาหันขวับ มนต์ทิพย์ตาวาว
“ดี ในเมื่อไม่กิน ฉันจะจับกรอกปากแกเอง มา หนูเขม มาช่วยกัน ยังไงวันนี้อาก็ต้องจัดการไอ้เด็กนรกในท้องนังมนต์ทิพย์ให้ได้”
ทั้งสองตรงจะเข้าไปจับมนต์ทิพย์ แต่จู่ๆ ก็มีเงาดำเคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนทั้งสองชะงักขยับตัวไม่ได้
“คิดจะฆ่าทายาทกูรึ”
เขมิกากับพักตร์พริ้งพยายามจะขยับตัว แต่ขยับไม่ได้ กลัวมนต์ทิพย์มาก
“นังแช่ม มานี่”
แช่มเดินทื่อๆ เข้ามาหามนต์ทิพย์ รับรู้ทุกอย่าง แต่ขัดไม่ได้
“ป้อนยาให้นังเขม”
เขมิกาดิ้นรน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ แช่มพยายามขัดขืน แต่ก็ไม่อาจต้านอำนาจปอบ ยื่นถ้วยยาจ่อปากเขมิกา จู่ๆ ปิ่นเมืองก็ปรากฏกายขึ้น ผลักเขมิกาจนล้มลง ละอองคำในชุดเจ้านางปรากฏขึ้น จิกผมปิ่นเมือง มนต์ทิพย์โกรธ ตวัดตามอง
“อีปิ่นเมือง”
ปิ่นเมืองถูกผลักไป รีบบอกเขมิกา
“รีบออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ เขมิกา”
เขมิกาลุกขึ้นวิ่งหายไป พร้อมกับปิ่นเมืองที่หายตัววับไป เหลือพักตร์พริ้งที่กลัวมาก
ปิ่นเมืองหายไป ละอองคำตามไปติดๆ มนต์ทิพย์หันไปหาพักตร์พริ้ง
“ทีนี้ก็เหลือแต่มึงแล้วสิ อีพักตร์พริ้ง แช่ม”
แช่มสะดุ้ง กลัวมาก แต่ก็ต้องหันเอาถ้วยยามาจ่อที่ปากพักตร์พริ้ง พักตร์พริ้งเม้มปาก แช่มพยายามฝืน แต่ก็ต้านอำนาจปอบไม่ได้ สุดท้ายพักตร์พริ้งก็ดื่มยาพิษจนหมดถ้วย พอหมดถ้วย ปอบก็คลายมนต์ แช่มทิ้งถ้วยลงพื้น ชักมือกลับ หวาดกลัวมาก
“แช่มเปล่านะคะ คุณพักตร์ แช่มเปล่า”
“อีบ้า แกเอามาให้ฉันกินทำไม”
พักตร์พริ้งผลักแช่มล้มลง แล้วปรี่เข้าทำร้ายมนต์ทิพย์
“อีผีปอบ แกใช้มนต์ปอบทำร้ายฉันใช่มั้ย”
พักตร์พริ้งขย้อนออกมาเป็นเลือด มนต์ทิพย์ไม่ตอบโต้ เดินออกมานอกห้อง พักตร์พริ้งวิ่งออกมา ทันมนต์ทิพย์ที่กำลังจะก้าวลงบันได
“อย่าอยู่เลยมึง”
พักตร์พริ้งผลักมนต์ทิพย์ จนเสียหลัก จะล้ม นมผ่องถือถาดข้าวต้มมาถึงเชิงบันไดพอดี ตกใจมาก
“คุณทิพย์”
นมผ่องทิ้งถาด แตกกระจาย เกิดเสียงดัง ผีเจ้าวูบเข้าร่างนมผ่องแล้ววิ่งขึ้นไปรับมนต์ทิพย์ตรงกลางบันได ก่อนที่จะล้มฟาดบันไดตกลงมา แล้ววูบออก เข้าใส่พักตร์พริ้งที่ยืนหัวบันได
“จะฆ่าทายาทกูรึ อีพักตร์พริ้ง อีชาติชั่ว ตายซะเถอะ”
“ไม่”
ผีเจ้าบิดไส้พักตร์พริ้งจนท้องโป่งนูนโย้ไป พักตร์พริ้งร้องโหยหวน ดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด เลือดจากยาทะลักทางปาก ไหลออกเลอะขา พวงครามวิ่งออกมา “คุณพักตร์ คุณพักตร์เป็นอะไรคะ”
“คุณอา”
เขมิการีบหลบออกไป กลัวความผิด เพราะนึกถึงแต่เรื่องยาแท้งไม่คิดเรื่องปอบพวงครามวิ่งมาช่วยพักตร์พริ้ง
นมผ่องประคองมนต์ทิพย์ มนต์ทิพย์ ยิ้มร้ายสะใจ
ปิ่นเมืองหนีมาในที่เวิ้งว้าง ฟ้ามืดเหมือนกลางคืน เมฆดำลอยต่ำ หัวเราะหยัน ละอองคำปรากฏตัวตามมา
“ปิ่นเมือง เจ้าก็รู้ว่าอีเขมิกามันชั่วช้าเพียงใด แล้วเหตุใดที่เจ้าจึงเข้าข้างมัน”
“อย่างน้อยเขมิกาก็ไม่ได้เป็นปอบเยี่ยงเจ้า ข้าคิดเยี่ยงนี้ ข้าผิดหรือไม่เล่าละอองคำเหย อีมนต์ทิพย์หลานเจ้าก็รับผีต่างวงศ์ต่อจากเจ้าแล้ว เหตุใดเจ้าจึงไม่ไปผุดไปเกิดอีกเล่า”
“ข้าไม่ไป ข้าเป็นห่วงหลานข้า จำไว้อย่ายุ่งกับหลานข้า ไม่เช่นนั้นผีเจ้าจะจัดการกับเจ้า”
“ข้าไม่กลัวดอก จำใส่หัวไว้ด้วย หากข้ายังไม่เห็นความพินาศของเจ้า ข้าก็จะไม่ไปผุดไปเกิดเช่นกัน อีละอองคำเหย คนเยี่ยงเจ้ามันก็เห็นแก่ตัว ไม่อยากเป็นทาสผีต่างวงศ์ แต่ก็เอาลูกเอาหลานไปเป็นทายาทปอบ”
ปิ่นเมืองวูบหายไป ละอองคำมองหา โกรธจัด
กรุงเทพฯยามค่ำคืน แสงไฟสว่างไสว ภายในห้องผู้ป่วยในโรงพยาบาล บุญสลักคุยกับนมผ่อง พวงครามเฝ้าพักตร์พริ้งไม่ห่าง กำลังให้เลือดพักตร์พริ้งอยู่
“เด็กในท้องของทิพย์ก็ลูกผม อาพักตร์ไม่น่าทำแบบนี้เลย”
“กรรมมันก็ติดจรวดค่ะ คุณหนู ถึงต้องเป็นแบบนี้”
พักตร์พริ้งนอนซม หลับ บุญสลักกับนมผ่องเข้ามาสมทบกับพวงคราม
“เกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้ ทำไมบ้านเราถึงมีแต่เรื่อง”
“คนของเราก็ทำไม่ถูก ลูกคุณหนูก็หลานในไส้ คุณไม่อยากมีหลานหรือคะ”
พวงครามถอนใจ อ่อนลงมาก แต่ก็ยังทิฐิอยู่ มองพักตร์พริ้ง เสียงเคาะประตูห้องดัง คณิตหอบดอกไม้ช่อใหญ่เข้ามา
“สวัสดีครับ คุณพี่คงจะเป็นคุณพี่พวงคราม ผมคณิต เพื่อนคุณพักตร์ครับ ส่วนนี่ ก็คงจะเป็นหลานบุญสลัก”
“สวัสดีครับ”
บุญสลักสบตาแม่ หันมองนมผ่อง ทุกคนส่ายหน้าน้อยๆ พักตร์พริ้งลืมตาขึ้น“คุณคณิต นี่พักตร์ฝันไปหรือเปล่าคะ”
พวงครามผละออกมา คณิตเข้าประชิด จับมือกุมไว้
“ไม่ได้ฝันหรอกครับ พอได้รับโทรศัพท์ ผมก็รีบมาทันที เป็นห่วงคุณพักตร์ใจจะขาด”
“พักตร์นึกว่าจะไม่ได้พบหน้าคุณคณิตอีกแล้ว”
พักตร์พริ้งร้องไห้ คณิตโอบปลอบโดยไม่แคร์สายตาใคร พวงคราม บุญสลัก นมผ่องสบตากัน
กลางคืน แช่มนั่งหน้าเครียดอยู่กับแหวนภายในบ้าน
“ฉันว่าคุณทิพย์ต้องเป็นปอบแหงๆ”
“เอ็งเอาอะไรมามั่นใจวะ นังแช่ม”
“จู่ๆ ฉันจะเอายาพิษไปป้อนคุณพักตร์ได้ยังไง คุณพักตร์เองก็เถอะ ถ้าไม่ถูกมนต์ปอบ มีรึ เธอจะอ้าปากดื่มยาอั่กๆ น่ะ”
“ก็จริงของเอ็ง”
“คืนนี้แหละ ฉันจะพิสูจน์ให้ได้ว่าคุณทิพย์เป็นปอบ ป้าจะเอากับฉันด้วยมั้ย ฮึ”
“เอาสิวะ รวยก็รวยด้วยกัน”
บุญสลักกอดมนต์ทิพย์บนเตียง หอมแก้มไม่มีเบื่อ
“นอนเถอะค่ะ คุณเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”
“จะให้นอนทั้งวันทั้งคืนผมก็นอนได้ ขอให้ได้นอนกอดทิพย์เท่านั้น”
ทั้งสองล้มตัวนอน บุญสลักกอดภรรยาหอมไปทั่ว มนต์ทิพย์ยืนปลายเตียง มองบุญสลักหอมหมอนข้างอย่างแสนรัก จากนั้นก็รีบไปที่สนามหน้าบ้าน ยืนนิ่ง เฝ้ารอเวลา
ที่ห้องนอนแช่ม แหวนกับแช่ม กำลังรอเวลา ร้อนใจ นั่งไม่ติด
“ดึกป่านนี้ ปอบมันต้องออกหากินแล้วนี่ป้า”
“บ๊ะ ข้าไม่ใช่ปอบนะโว้ย จะรู้ได้ยังไง”
“เฮ้อ ไม่ได้เรื่องเล้ย”
เสียงหมาหอนดัง แช่ม แหวน มองหน้ากันทันที
“ออกมาแล้วแน่ๆ เลยป้า ไปเหอะ”
สองคนพยักหน้าให้กัน แล้วเปิดประตูห้องออกไป เดินย่องๆ หลบๆ หมอบๆ ไปตามทาง เสียงหมายังหอนตลอด ทั้งสองขนลุก มองซ้ายมองขวา มนต์ทิพย์ยืนอยู่ที่มุมหนึ่งไกลๆ แต่แช่มกับแหวนไม่เห็น สองคนมาถึงจุดหมาย ที่มีต้นไม้มีหนามถูกตัดกองไว้ล่วงหน้าแล้ว จากนั้นก็เอาต้นไม้เหล่านั้นมากองขวางประตูบ้านไว้ ทั้งสองปาดเหงื่อ
“เสร็จซะที กุหลาบจะหมดสวนอยู่แล้ว คุณพักตร์รู้ ถูกด่าตายแน่”
“เอาเถอะ มาถึงขั้นนี้แล้ว”
“เอาไงต่อล่ะป้า”
“ก็รอสิวะ ไปๆ”
สองคนรีบวิ่งไปหลบที่มุมหนึ่งในบ้าน
พักตร์พริ้งนอนหลับบนเตียง สีหน้าดีขึ้นมาก นมผ่องกับพวงครามนั่งที่โซฟา ดูทีวีไปพลาง เงาดำก็วูบผ่านเข้ามา พวงครามกับนมผ่องชะงัก นิ่งไป มนต์ทิพย์ปรากฏตัวที่ปลายเตียง พักตร์พริ้งค่อยๆ ปรือตาขึ้น มองซ้ายมองขวา เห็นมนต์ทิพย์ก็ถึงกับผงะ ชี้หน้า มือสั่นๆ
“แก อีผีปอบ”
พักตร์พริ้งเห็นผีเจ้า ยิ่งตกใจ ตาเบิกโพลง
“รู้ก็ดีแล้ว อีพักตร์พริ้ง คราวนี้เจ้าไม่รอดแน่ๆ”
ผีเจ้าหายเข้าไปในร่างมนต์ทิพย์ ตาแดงวาว พายุยังพัด ข้าวของปลิวกระจัดกระจาย
“แก อย่านะ”
มนต์ทิพย์ชูมือปอบขึ้น พักตร์พริ้งยิ่งกลัวมาก มนต์ทิพย์หายตัววับมาปรากฏข้างตัว
พักตร์พริ้งยิ่งตกใจ ปะป่ายมือไปทั่ว กลัวสุดขีด
“กลัวตายเป็นเหมือนกันรึ”
กายทิพย์แม่ชีน้อมปรากฏรขึ้น พักตร์พริ้งมองตาค้าง
“หยุดก่อกรรมเถอะมนต์ทิพย์ ตั้งจิตให้เข้มแข็ง เพื่อต่อสู้กับมารร้ายในตัวของเจ้า”
“อย่ามายุ่ง ไปให้พ้นนะอีชีแก่ อีพักตร์พริ้งมันก่อกรรมไว้มาก มันสมควรตาย”
“ใครทำสิ่งใด ก็จะได้รับสิ่งนั้น มนต์ทิพย์ กลับไปซะเถอะ”
“ไม่ ข้าไม่กลับ”
มนต์ทิพย์ตวัดมือ ฟาดพายุใส่แม่ชีน้อม แม่ชีน้อมหลับตา แสงสีทองปรากฏไปทั่วห้อง จนมนต์ทิพย์ร้อนไปทั้งตัว
“โอ๊ย”
มนต์ทิพย์ล้มลง หายวับไป แม่ชีน้อมโบกมือ
“ลืมซะให้หมดเถอะพักตร์พริ้ง ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น”
แสงสีทองสว่างไปทั่วห้อง ข้าวของกลับมาวางที่เดิม พักตร์พริ้งหลับตา เสียงทีวีกลับมาดังเหมือนเดิม นมผ่องกับพวงครามก็นั่งจ้องทีวีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แช่มนั่งสัปหงก แต่ก็คอยชะเง้อมองประตูเป็นระยะ แต่ก็ยังไม่มีวี่แววมนต์ทิพย์
พอหันมองแหวน เห็นแหวนหลับสนิท ก็ส่ายหน้า
“อาศัยอะไรไม่ได้เล้ย เจ๊แหวน นะเจ๊แหวน”
หมาหอนดังขรม มนต์ทิพย์ปรากฏกายที่สนามหญ้า ผีเจ้าปรากฏกายข้างๆ “ข้าหิว”
“ไว้พรุ่งนี้ข้าจะหาอาหารดีๆ ให้ผีเจ้า”
“แต่ข้าหิว เจ้าต้องเลี้ยงข้าให้ดี มนต์ทิพย์”
“รอหน่อยเถอะ ผีเจ้า”
มนต์ทิพย์จะเข้าบ้าน เห็นประตูบ้านเปิดค้างมีกองหนามสุมไว้ เธอโกรธมาก เพ่งมองไปทั่วๆ แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
“ท่านไม่ต้องรอจนถึงพรุ่งนี้แล้วล่ะ ผีเจ้า”
ผีเจ้ายิ้ม แลบลิ้นเลียริมฝีปาก จู่ๆ ลมพายุก็พัดกระหน่ำเข้าบ้าน แช่มสะดุ้งตื่นสุดตัว เขย่าแหวน แหวนหลับสนิท จึงลุกออกไปที่ประตู เห็นมนต์ทิพย์ยืนตาวาวแดงฉานก็ตกใจ
“ข้าเข้าไปไม่ได้ เจ้าก็ออกมาหาข้าสิ อีแช่ม”
แช่มสะดุ้งสุดตัว ถูกสะกดแล้ว ค่อยๆ เดินฝ่าพงหนามออกไป ยืนต่อหน้ามนต์ทิพย์
มนต์ทิพย์จับคอแช่มไว้ มนต์คลายออก แช่มตกใจสุดขีด
“ผีปอบ”
แช่มขยับไม่ได้ มนต์ทิพย์ชูมือปอบขึ้น เล็บยาวน่ากลัว
“เสียดาย ถึงจะรู้ว่าข้าเป็นปอบ แต่แกก็หมดโอกาสจะบอกใครๆ”
มนต์ทิพย์กระซวกไส้แช่ม ควักออกมาให้ดู แช่มตาโต ช็อก แหวนลุกออกมา ทันได้เห็นมนต์ทิพย์กระชากไส้แช่ม แหวนช็อก ร้องไม่ออก มนต์ทิพย์ตวัดตามอง แหวนสะดุ้ง ถูกสะกดอีกคน
แหวนถูกสะกดให้ใช้จอบขุดหลุม โดยมีศพแช่มนอนอยู่ข้างๆ มนต์ทิพย์ยืนคุมอยู่ไกลๆ แช่มถูกโยนลงหลุม แหวนใช้ดินกลบหลุม
“บอกทุกคนว่าอีแช่มมันขโมยของ แล้วหนีไป มันทำร้ายเจ้าจนปางตาย ไปนอนได้แล้ว”
แหวนเดินออกไป มนต์ทิพย์มองสะใจ
เสียงหัวเราะของมนต์ทิพย์ดังก้อง รุ้งแก้วกับอัปสรนั่งสมาธิอยู่ ทั้งสองสะดุ้ง ถอนจากสมาธิ
“ทิพย์ คุณน้า เกิดอะไรขึ้นคะ”
กายทิพย์แม่ชีน้อมปรากฏขึ้น แสงสีทองสว่างเจิดจ้า
“อำนาจฝ่ายต่ำครอบงำมนต์ทิพย์จนหมดสิ้นแล้ว”
“โธ่ ทิพย์ลูกแม่”
“ไม่มีทางจะช่วยหลานได้เลยเหรอคะ แม่ชี”
“ลำพังพวกเราอาจไม่สำเร็จ เว้นแต่”
“เว้นแต่อะไรหรือคะ”
“ละอองคำ”
ละอองคำนั่งคุดคู้อยู่ที่ตั่งเก่าๆ อย่างหมดอาลัย แม่ชีน้อมปรากฏกายขึ้น ละอองคำรับรู้ แต่ไม่สนใจจะมองว่าเป็นใคร
“เจ้าเองไม่ใช่รึ ละอองคำ ที่ร่ำร้องอยากจะพ้นทุกข์ ไยถึงไม่หมั่นปฏิบัติวิปัสสนา สร้างกุศล เพื่อจะได้ไปชดใช้กรรมอย่างที่ตั้งใจ”
“อย่ามายุ่งกับข้า”
“ในเมื่อล่วงรู้ถึงความทุกข์ทรมาน ไยเจ้าถึงทำร้ายหลานได้ลงคอ”
ละอองคำมองแม่ชีน้อมตาขวาง
“ตอนนี้มนต์ทิพย์กำลังถูกอำนาจฝ่ายต่ำครอบงำอย่างหนัก เจ้าอยากจะช่วยหลานหรือไม่ เจ้านางละอองคำ”
ละอองคำทอดสายตามองออกไป เศร้า รู้สึกผิด แต่ทิฐิแรง จึงไม่ตอบรับ แล้วหายวับไป แม่ชีน้อมส่ายหน้า
แดดยามเช้าสดใจ ที่ห้องโถงบ้านบุญสลัก ข้าวของกระจัดกระจาย บุญสลักลงบันไดมา ตกใจมาก ยืนนิ่ง ช็อก
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
พวงคราม บุญสลัก นมผ่อง มองแหวนซึ่งกำลังร้องไห้ เนื้อตัวเขียวเป็นจ้ำๆ
“แหวนก็นึกไม่ถึง ว่านังแช่มมันจะทำแบบนี้ ขโมยของยังไม่พอ แหวนเตือน มันก็ทำร้ายแหวนจนปางตาย”
“ไม่อยากเชื่อว่าแช่มจะทำได้ถึงขนาดนี้”
“คงจะกลัวความผิดเรื่อง เอ่อ”
พวงครามพยักหน้าให้นมผ่องพูด
“เรื่องคุณทิพย์กับคุณพักตร์น่ะค่ะ ถึงได้หนีไป”
“แหวนเพชรสร้อยเพชรแม่ หายไปตั้งหลายวงแน่ะ บุญสลัก”
“ช่างมันเถอะครับ ไม่มีใครเป็นอะไรก็ดีแล้ว”
คณิตประคองพักตร์พริ้งเข้ามา พักตร์พริ้งทำเป็นอ่อนแรงมากๆ
“คุณคณิตจะส่งเด็กที่บ้านมาช่วยสักระยะค่ะ คุณพี่ บ้านรกขนาดนี้ แถมยัยแหวนก็ยังเจ็บปางตายอีก”
นมผ่อง สบตาบุญสลัก ไม่ชอบหน้าคณิตทั้งคู่
“เกรงใจคุณคณิตน่ะสิคะ”
“คุณพี่อย่าเกรงใจเลยครับ ผมกับคุณพักตร์ก็ไม่ใช่คนอื่นกัน พรุ่งนี้ผมจะส่ง จันทร์ มาช่วยนะครับ คล่องงาน ไว้ใจได้ครับ”
คณิตสบตาพักตร์พริ้ง พักตร์พริ้งเขินมากจนน่าเกลียด ทุกคนมองหน้ากันเจื่อนๆ มนต์ทิพย์ยืนหลบอยู่ ยิ้มเจ้าเล่ห์
“ส่งมาเถอะ ไอ้พวกชั่ว ข้าจะจับกินให้หมด”
กลางคืน นมผ่องออกมาจากในบ้าน ปิดประตู เสียงหมาหอนดังขึ้น นมผ่องกำลังจะขึ้นบันได ปิ่นเมืองปรากฏกายด้านหลัง
“นมผ่อง ขึ้นไปที่ห้องพระ แล้วหยิบสร้อยพระมาสวมให้บุญสลัก เข้าใจมั้ย”
นมผ่องพยักหน้ารับ แล้วหันหลังกลับขึ้นบันได บุญสลักเดินออกมาหน้าบ้าน แขวนพระแล้ว มองหามนต์ทิพย์ แต่ไม่เจอ
“ทิพย์ คุณอยู่ที่ไหน”
บุญสลักเห็นคนเดินแว่บๆ ออกนอกรั้วไป ปิ่นเมืองเดินนำบุญสลักอยู่ไกลๆ ยิ้ม คอยเหลือบมอง บุญสลักเดินตาม คิดว่าเป็นมนต์ทิพย์ บุญสลักเดินมาถึงมุมหนึ่งชะงัก หมาหอนดังระงม เห็นด้านหลังมนต์ทิพย์กำลังกินไส้คนอย่างเอร็ดอร่อย ปิ่นเมืองโบกมือ ต้นไม้สั่น มนต์ทิพย์หันขวับกลับมาทันที บุญสลักช็อก ตาค้าง เห็นเต็มตาว่าเป็นมนต์ทิพย์ ไส้ยังคาปาก
ตอนเช้า รถแฟรงค์แล่นเข้ามาบ้านบุญสลัก จันทร์วิ่งออกไปเปิดประตู รถเข้ามาจอดหน้าบ้าน แฟรงค์เปิดประตูให้อัปสร
“เชิญครับ คุณน้า”
พวงครามกับพักตร์พริ้งนั่งคุยกันอยู่ ค้อนไปทางห้องมนต์ทิพย์ สบตากัน
“สายโด่งป่านนี้ก็ยังไม่ลงมา กกนังทิพย์อยู่ได้ น้องล่ะอยากจะให้มันแท้งๆ ไปซะให้รู้แล้วรู้รอด”
“บาปนะคะคุณพักตร์”
“บาปเบิบอะไรกันคะ มันยังไม่เป็นตัวด้วยซ้ำ”
“แต่คุณหมอว่าหลานมีชีวิตแล้วนะคะ”
“นี่อย่าบอกนะคะว่าคุณพี่ใจอ่อนยอมรับอีลูกหลานปอบนั่นมาร่วมญาติพงศ์วงศ์วารกับเราแล้ว พักตร์ไม่มีวันยอม”
พวงครามทำหน้าไม่ถูก ใจหนึ่งก็อยากมีหลาน แต่อีกใจก็เกรงใจพักตร์พริ้ง จู่ๆ พักตร์พริ้งก็ทำตาโต ตกใจ พวงครามหันมองตาม อัปสรกับแฟรงค์เดินตามหลังจันทร์มา
“คุณคะ มีแขก”
พักตร์พริ้งแหวใส่
“แกพามันเข้ามาได้ยังไง ฮึ อีโง่ สมกะเป็นขี้ข้าจริงๆ”
พักตร์พริ้งลุกทันที ปราดไปแทบจะถึงตัวอัปสร จันทร์ไม่พอใจ กำมือแน่นแต่อดทน ผละไป
“ยังจะมีหน้าโผล่มาอีกเรอะ กลับไปซะ บ้านนี้ไม่ต้อนรับ ฝันไปเถอะว่ามีหลานแล้วจะชนะใจฉันกับคุณพี่ได้”
“ฉันมาขอพบบุญสลักค่ะ บุญสลักยังไม่ออกไปทำงานใช่มั้ยคะ”
พวงครามลุกออกมา อึดอัด
“มีธุระอะไร”
“เรื่องทิพย์ครับ คุณแม่”
“ตั้งแต่รู้จักแม่นี่ บ้านนี้ก็มีแต่เรื่องร้อนไม่เว้นแต่ละวัน”
“ฉันขอเถอะนะคะ ยิ่งคุณเกลียดชังมนต์ทิพย์มากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งจะย้อนมาทำร้ายพวกคุณมากเท่านั้น”
“อุ๊ยตาย นี่หล่อนขู่ฉันรึ ไม่ต้องมาทำนักเลงโตที่นี่ ฉันไม่กลัวหรอกย่ะ กลับไปซะ”
บุญสลักลงบันไดมา
“ผมอยู่นี่ครับ”
บุญสลักกับอัปสรสบตากัน แล้วแยกมาคุยในสวนพร้อมกับแฟรงค์
“ผมไม่มั่นใจว่าจะทำได้สำเร็จ”
บุญสลักก้มมองพระในมือที่อัปสรเอามาให้
“แม่รู้ว่าบุญสลักรักทิพย์มาก”
บุญสลักนึกถึงภาพมนต์ทิพย์กำลังกินไส้
“ทิพย์จะเจ็บปวดมากมั้ยครับ”
“มากลูก แต่ก็ยังน้อยกว่าปล่อยให้ทิพย์ตกเป็นทาสของผีร้ายต่อไป”
“นายต้องเข้มแข็ง เราต้องช่วยทิพย์ให้ได้”
บุญสลักกับแฟรงค์มองหน้ากัน ยังหมางๆ จากเรื่องหึงหวงมนต์ทิพย์ บุญสลักถอนใจ ครุ่นคิด
เขมิกาเปิดประตูห้องโฉมเข้ามา โฉมเขม่นตามองหลานสาว
“จะไปบ้านโน้นเหรอเขม”
“ค่ะ คุณย่า ไม่นึกว่านังมนต์ทิพย์มันจะดวงแข็งขนาดนี้”
“ก็มันเป็นปอบ คงจะทำอะไรมันยากสักหน่อย แล้วสร้อยที่พ่อเขาให้ไปไหนเสียล่ะ ทำไมไม่คล้องไว้ นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะเขม ย่ารู้นะว่ามีวิญญาณบางดวงคอยช่วยเหลือเขมอยู่ แต่ย่ามาคิดอีกที คิดรอบคอบแล้ว เขม เราควรเลิกยุ่งกับเรื่องนี้ซะ”
“คุณย่าทราบ”
โฉมเริ่มสับสน พยักหน้า เขมิกาหยุดคิด
“ข้าจะปกป้องเจ้าเอง”
เขมิกามองหา แต่ไม่เห็นปิ่นเมือง
“ไม่เป็นไรมังคะคุณย่า”
“เขม ขึ้นชื่อว่าผีปอบ ฤทธิ์เดชมันร้ายนัก ถ้าเขมไม่ชอบสร้อยเส้นนั้นก็ไม่เป็นไร”
โฉมหยิบสร้อยโบราณออกมา
"สร้อยเส้นนี้ แม่ชีน้อมให้ย่าไว้ป้องกันละอองคำยายของนังมนต์ทิพย์ ย่าถึงรอดมาได้จนวันนี้"
"ย่าให้เขมสวมไว้นะลูก จะได้แคล้วคลาด ปลอดภัย แม่ชีองค์นี้น่ะ อภิญญาสูงนัก"
โฉมยกพระขึ้นจบที่หน้าผาก
เขมิการับสร้อยไว้อย่างเสียไม่ได้ แล้วกลับไปที่ห้อง วางสร้อยไว้ที่โต๊ะเครื่องแป้ง ไม่ไยดีนัก ปิ่นเมืองปรากฏร่างขึ้น หัวเราะ
“เจ้าทำถูกแล้วล่ะเขมิกา ถ้าแม่ชีนั่นมีอภิญญาสูงส่งจริง อีมนต์ทิพย์ก็คงไม่ต้องเป็นปอบฆ่าคนไม่เว้นแต่ละวัน”
“เขมจะไม่รออาพักตร์อีกแล้วนะคะ ในเมื่อเขมมีท่านคอยช่วยเหลือ เขมไม่มีทางแพ้นังมนต์ทิพย์ เขมต้องแย่งบุญสลักมาให้ได้ เขมไม่เชื่อคุณย่าหรอก”
“มันต้องอย่างนี้สิ เขมิกา”
ปิ่นเมืองมองเขมิกา เหยียดยิ้ม สมใจ
อัปสรเข้ามาในห้องนอนบุญสลัก นั่งเตียงข้างมนต์ทิพย์ ลูบผมลูกสาวอย่างห่วงใยมาก
“ทิพย์ เป็นยังไงบ้างลูก แพ้มากหรือเปล่า”
มนต์ทิพย์พลิกตัวหงุดหงิดใส่
“บอกแล้วไงว่าไม่ต้องมายุ่ง”
“ทิพย์ แม่เป็นห่วงหนูมากนะลูก”
“กลับไปซะ ทิพย์ดูแลตัวเองได้”
อัปสรร้องไห้
“แม่จะช่วยทิพย์ให้ได้ แม่สัญญา”
“ไปซะ อย่ามายุ่งกับกู ไม่งั้นกูจะกินให้หมดทั้งลูกทั้งหลานมึง เหมือนที่กูกินอีละอองคำแม่มึงมาแล้ว อีอัปสร”
อัปสรถอนใจ ไม่ร้อนรนเหมือนเก่า กายทิพย์ของแม่ชีน้อมกับรุ้งแก้วปรากฏขึ้น
"หยุดก่อกรรมซะเถอะ ผีเจ้า”
“ผีเจ้าฆ่าคนมากมาย บาปหนักเหลือเกิน”
“ข้าไม่เคยทำบาป อีละอองคำพี่สาวเจ้า กับอีมนต์ทิพย์หลานรักของเจ้าต่างหาก ที่มันทำบาป พวกมันฆ่าคนสังเวยข้า”
“ถ้าผีเจ้าคิดเช่นนี้ ข้าก็จนใจ คงไม่อาจฉุดรั้งท่านมาสู่ภพภูมิที่สูงขึ้นได้ แต่ข้าจะต้องช่วยมนต์ทิพย์ให้จงได้”
รุ้งแก้วกับแม่ชีน้อมลอยห่างออกไป
“ท่านขวางข้าไม่ได้ พุทธคุณย่อมชนะมารเสมอ”
“ปากดีนัก อีรุ้งแก้ว”
ผีเจ้าหายวับเข้าผนังไป อัปสรรีบพยักพเยิดไปทางประตู บุญสลักเข้ามา ถือสร้อยมาด้วย ยังกล้าๆ กลัวๆ มนต์ทิพย์สะดุ้ง รู้สึกร้อนไปหมด
“เกิดอะไรขึ้น แม่จะทำอะไร”
แสงทองวาบเข้ามา มนต์ทิพย์สะดุ้ง หันขวับกลับไป บุญสลักก็คล้องสร้อยที่คอเธอเรียบร้อยแล้ว มนต์ทิพย์ร้องโหยหวน เจ็บปวด ทรมานแสนสาหัส ดิ้นบนเตียงจนตกมาที่พื้น ทุรนทุราย กรีดร้อง
“โอ๊ย”
“ทิพย์ ลูก”
อัปสรกับบุญสลัก ยืนมองด้วยความปวดร้าว แฟรงค์เข้ามา รีบปิดห้อง กันเสียงไม่ให้ออกไป
“ทิพย์”
“ทิพย์”
บุญสลักเข้ากอดมนต์ทิพย์ที่ยังร้องครวญคราง ผีเจ้ากลับมา แค่ปรากฏร่าง ก็ร้อนวูบไปทั้งตัว
“นี่พวกเจ้าทำอะไรลงไป ทำอะไรลงไป ฝากไว้ก่อนเถอะ ฝากไว้ก่อน ข้าจะแก้แค้นพวกเจ้าทุกคน โอ๊ย”
ผีเจ้าหายวับไปอยู่ในกรวยดอกไม้เก่าๆ แต่ไม่มีใครทันสังเกตเห็น
พักตร์พริ้งเดินวนไปเวียนมา อยากรู้ว่าอัปสรกับแฟรงค์และบุญสลักขึ้นไปทำอะไรบนห้อง นมผ่องกับพวงครามมองพักตร์พริ้ง สบตากัน ส่ายหน้า
“ถ้านังแม่มันจะย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่อีกคนล่ะคะคุณพี่”
“คงไม่หรอกค่ะ บ้านช่องเขาก็มี”
“เกิดมันอ้างว่าห่วงลูกห่วงหลาน ทีนี้ เราก็หมดโอกาสน่ะสิคะ”
“โอกาสอะไรคะ คุณพักตร์”
นมผ่องถาม พักตร์พริ้งสบตาพวงคราม พวงครามหน้าเจื่อน นมผ่องรอฟังคำตอบ แต่ไม่มีใครพูดอะไร จู่ๆ เสียงมนต์ทิพย์ร้องก็ดังขึ้น ทั้งสามมองหน้ากัน พักตร์พริ้งออกไปชะเง้อหน้าประตู
“เสียงนังมนต์ทิพย์นี่คะ”
พวงครามกับนมผ่องเงี่ยหูฟัง แต่เงียบไปแล้ว
“เงียบไปแล้วค่ะ คุณพักตร์”
“นั่นสิคะ”
“พักตร์อยากรู้จังว่ามันร้องทำไม”
พักตร์พริ้งจะออกไป จันทร์สวนเข้ามา หน้าตาบูดบึ้ง เกลียดพักตร์พริ้งมาก
“คุณคณิตมาค่ะคุณพักตร์”
พักตร์พริ้งหน้าบาน เก็บอาการดีใจไม่อยู่ ลืมเรื่องมนต์ทิพย์หมดสิ้น
“เหรอจ๊ะ เชิญเข้ามาสิ คุณพี่”
พักตร์พริ้งจัดเสื้อผ้า ผมเผ้าให้เข้าที่ จันทร์เบ้ปาก หันกลับไปเห็นพวงครามมองอยู่ ก็หน้าเจื่อน
“น้องสวยแล้วใช่มั้ยคะ คุณพี่ มีอะไรบกพร่องหรือเปล่า นมผ่อง”
คณิตเข้ามา
“สวัสดีครับคุณพี่ ผมคิดถึงคุณพักตร์จะแย่”
“พักตร์ก็เหมือนกันค่ะ อุ๊ย ไปที่บ้านพักตร์ดีกว่าค่ะ ขอตัวก่อนนะคะคุณพี่”
พัตกร์พริ้งควงแขนคณิตออกไป พวงครามสบตานมผ่อง ส่ายหน้าทั้งคู่ ไม่ชอบคณิต จันทร์เม้มปากไม่พอใจ
เขมิกาเดินออกจากประตูบ้าน ชะงัก เกษมออกมาจากข้างใน
“จะไปไหนล่ะเขม ไม่อยู่กินข้าวเย็นกับพ่อสักวันเหรอลู”
เขมิกาหันมาทำหน้าไม่ถูก
“เขมนัดเพื่อนไว้น่ะค่ะ”
เขมิกาผละไป เกษมพูดขึ้น เขมิกาชะงัก
“พ่อรู้ว่าลูกรักบุญสลัก แต่เขมต้องนึกถึงศีลธรรมด้วยสิลูก”
“แต่เขมแพ้ไม่ได้ค่ะ คนอย่างเขมถ้าต้องการอะไร ก็ต้องได้”
“เดี๋ยวเขม ฟังพ่อก่อน”
เขมิกาไม่ฟัง เกษมเสียใจ เดินเข้าบ้านไป โฉมออกมาจากข้างใน
“ถ้าพ่อเกษมเคยมีความรักก็จะเข้าใจยัยเขม”
เกษมยิ้มเศร้า
“ผมจะไม่พูดสักคำถ้าผู้ชายคนนั้นเป็นขอทาน ยาจก หรือแม้แต่โจรกลับใจ แต่นี่บุญสลักมีเมียแล้ว และหนูทิพย์ก็กำลังตั้งท้อง ถึงผมจะรักลูกมากแค่ไหน แต่ผมก็ไม่อยากให้ใครตำหนิลูกผมได้”
เกษมเดินเข้าบ้านไปอย่างหัวเสีย โฉมมองตาดุ
“ท้องได้ก็แท้งได้ แกจะต้องชดใช้แทนอีละอองคำยายของแก”
มนต์ทิพย์นอนซมอยู่ในห้อง แต่หน้าสวยเพราะค่ำแล้ว ยังอยู่ในอำนาจผี แค่มีพระคุ้มครองชั่วคราว
“ทิพย์คันคอจังค่ะ บุญสลัก สงสัยจะแพ้สายสร้อย คุณช่วยถอดให้ทิพย์หน่อยสิคะ”
บุญสลักรีบเข้ามาช่วยดู
“ไม่เห็นมีผื่น ทิพย์คงคิดไปเอง อีกอย่าง คุณแม่กำชับนักหนาว่าห้ามถอดสร้อยเส้นนี้เด็ดขาด”
“แต่ทิพย์อึดอัด มันคันยุกๆ ยิกๆ น่ารำคาญ จะทำอะไรก็ไม่สะดวก”
“คุณจะทำอะไรบอกผมสิ เดี๋ยวผมทำให้”
มนต์ทิพย์ขัดใจแต่ต้องเก็บอาการ พลิกตัวไปอีกทาง บุญสลักเดินไปเปิดม่าน มองนอกหน้าต่างอย่างไร้จุดหมาย หันกลับมามองมนต์ทิพย์ นึกถึงภาพมนต์ทิพย์กำลังกินไส้
“ผมจะต้องช่วยคุณกับลูกให้ได้”
อัปสร พรเทพ รุ้งแก้วนั่งสมาธิอยู่ในห้องพระ สักครู่ อัปสรถอนสมาธิเป็นคนแรก จิตใจยังไม่นิ่ง พรเทพกับรุ้งแก้วถอนสมาธิออกมา
“หนูเป็นห่วงลูก”
“อาลงทุนปฏิบัติธรรมทั้งที่ไม่เคยทำมาก่อน ก็เพราะอยากช่วยหลานมนต์ทิพย์ แต่อาก็เชื่อกว่าตราบใดที่มนต์ทิพย์ยังคล้องพระ ปอบก็จะครอบงำยัยทิพย์ไม่ได้”
“เราทำบุญอุทิศให้ผีเจ้าได้มั้ยคะ จะต้องทำบุญใหญ่แค่ไหนหนูยอมทั้งนั้น”
รุ้งแก้วถอนใจ
“ผีพวกนั้นไม่ต้องการบุญหรอกนะ อัปสร แต่ต้องการชีวิตมนุษย์เพื่อสังเวยความหิวโหยของพวกมัน”
“ทำไมถึงเป็นแบบนั้นไปได้” พรเทพสงสัย
“เพราะเจ้าพี่เริ่มปรนเปรอมันแต่แรก”
“แล้วอย่างนี้หนูจะช่วยมนต์ทิพย์ได้ยังไง”
อัปสรเป็นทุกข์มาก
“ใช่ว่าจะไร้หนทางเสียเลย”
ทุกคนแหงนมอง กายทิพย์แม่ชีน้อมปรากฏขึ้น ล้อมรอบด้วยแสงสีทอง จู่ๆ เสียงร้องไห้ก็ดังขึ้น ทั้งหมดมองหน้ากัน
“แม่ ต้องเป็นแม่แน่ๆ ค่ะ”
เจ้านาง ตอนที่ 16 อวสาน (ต่อ)
อัปสรมั่นใจ ละอองคำนั่งร้องไห้ใต้ต้นไม้ใหญ่นอกกำแพงวัด
หมดสิ้นหนทาง กายทิพย์ของแม่ชีน้อม รุ้งแก้ว อัปสร พรเทพ ปรากฏไม่ห่าง ละอองคำตกใจ อัปสรสะเทือนใจ
“แม่”
“เจ้าพี่กำลังทุกข์ทรมานอยู่ใช่มั้ยเจ้าคะ”
ละอองคำเชิดหน้า ทิฐิ
“ไม่ต้องมายุ่งกับข้า”
“ละอองคำ ตอนนี้มนต์ทิพย์กำลังทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส ละอองคำจะไม่ช่วยหลานเชียวรึ”
ละอองคำหันขวับไปที่พรเทพ
“ข้าไม่ได้บังคับมัน”
“แต่เจ้านางละอองคำก็มีส่วนทำให้มนต์ทิพย์ต้องเป็นแบบนี้” แม่ชีน้อมแย้ง
“หลุดพ้นไปแล้ว ไยถึงยังมาวุ่นวายเรื่องของมนุษย์”
แม่ชีน้อมยิ้มเมตตา
“การบำบัดทุกข์ถือเป็นหน้าที่ของเรา เจ้านางเถอะ พร้อมหรือยังที่จะทำเพื่อหลาน”
“เจ้าพี่ช่วยหลานด้วยเถอะนะเจ้าคะ”
ละอองคำนิ่งเงียบอยู่นาน ทุกคนมองหน้ากัน รอคอย
“ข้าจะไปทำอะไรได้ ดูสารรูปข้าสิ”
ละอองคำทรุดโทรมมาก
“เราต้องขอร้องให้ผีปู่ย่ากลับมา เชิญท่านขึ้นหิ้งให้เหมาะสม โดยเฉพาะผีเจ้าพ่อ เจ้าฟ้าเมืองนาย”
“ข้าเคยบอกเจ้าแล้ว รุ้งแก้ว จะไม่มีเมืองนาย ไม่มีเจ้าฟ้าอีกต่อไป มีแต่ละอองคำกับรุ้งแก้ว สองพี่น้องผู้ซัดเซพเนจร มาจากเมืองเหนือ หากอยากช่วยมันนัก เจ้าก็จัดการเองเถอะ”
ละอองคำหายวับไป ทุกคนส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง
อัปสรประณมมือ ขอพรพระ น้ำตาเอ่อท้นเพราะสงสารมนต์ทิพย์ รุ้งแก้วมองอัปสรด้วยความสงสาร
“อย่าทุกข์เศร้าไปเลยอัปสร”
“แต่แม่ไม่ยอมช่วยหลาน”
“เจ้าพี่อ่อนลงมากแล้วล่ะอัปสร น้ารู้จักเจ้าพี่ดี เชื่อน้าเถอะ”
อัปสรฝืนยิ้ม แม้นในใจจะค้านว่าละอองคำไม่มีทางช่วยหลานแน่ๆ
มนต์ทิพย์เดินอยู่ในสวน ไม่มีพลังเพราะยังสวมสร้อยอยู่ ผีเจ้าปรากฏกายขึ้นไม่ใกล้ เกรงรัศมีองค์พระที่คอมนต์ทิพย์
“เจ้าจะปล่อยให้เป็นเยี่ยงนี้ไม่ได้นะ มนต์ทิพย์”
“ฉันกำลังหาทางอยู่ รอหน่อยเถอะผีเจ้า”
“อย่านานนัก ข้าหิว”
จู่ๆ ผีเจ้าหันขวับไป มนต์ทิพย์มองตาม ผีเจ้าหายวับไปแล้ว มนต์ทิพย์แอบหลังพุ่มไม้ แหวกกิ่งไม้ดู ยิ้มเยาะ เห็นพักตร์พริ้งกำลังออดอ้อนออเซาะคณิต
“คุณจะทิ้งพักตร์อีกแล้ว”
พักตร์พริ้งงอนๆ หันหน้าหนี คณิตเบ้ปาก ถอนใจอย่างเบื่อหน่าย แต่ก็รีบง้อ
“พูดอะไรยังงั้นล่ะครับ รู้มั้ยว่าคุณพักตร์คือยอดดวงใจของผม”
พักตร์พริ้งเขินมาก ยิ้มหน้าบาน
“แล้วทำไมไม่ค้างซะที่นี่ล่ะคะ
“ผมอยากทำแบบนั้นใจจะขาด แต่ผมทำให้คุณพักตร์เสียเกียรติไม่ได้หรอกครับ ใครมาพบเห็นเข้าคุณพักตร์ของผมจะเสียหาย”
“งั้น เราก็แต่งงานกันสิคะ ทีนี้ก็จะไม่มีใครมาว่าเราได้”
“คือ ผม เอ่อ ผม”
จันทร์แอบมองทั้งสองด้วยความโกรธ
“หมั่นไส้นัก ให้เรามาเป็นขี้ข้า แต่ตัวเองกลับมาเสพสุขกับอีแก่นี่ ถ้าไม่ใช่เรื่องงานเถอะ กูไม่มีทางยอม”
พักตร์พริ้งยังกระเง้ากระงอด คณิตต้องคอยตามง้อ
“ทำไมล่ะค่ะ หรือว่าคุณไม่ได้รักพักตร์”
“โธ่ รักสิครับ แต่ตอนนี้ธุรกิจของผมกำลังลุ่มๆ ดอนๆ ไม่มีทรัพย์สินอะไรจะมาเทียบคุณพักตร์ได้เลย ผมจะกล้าขอคุณแต่งงานได้ยังไง”
“แล้วคุณจะให้พักตร์รอถึงเมื่อไหร่ พักตร์เป็นผู้หญิงนะคะ”
“ขอเวลาผมสักระยะเถอะครับ คนดี ผมจะรีบจัดการแต่งงานของเราให้เร็วที่สุด”
พักตร์พริ้งถอนใจ แต่ก็ต้องยอม เดินไปส่งคณิตที่รถ รถคณิตแล่นออกไป พักตร์พริ้งหันกลับมา ตกใจ มนต์ทิพย์ยืนกอดอกมองอยู่ ยิ้มหยันๆ
“อันที่จริงคุณอาก็กำลังมีความรัก น่าจะเข้าใจหัวอกทิพย์ได้ดีกว่าใคร แล้วทำไมถึงอยากแยกผัวแยกเมียเขานัก ระวัง กรรมจะตามสนองเข้าสักวัน”
พักตร์พริ้งอายที่มนต์ทิพย์รู้ความลับ
“ไม่ต้องสะเออะเรื่องของฉัน ดูแลลูกในท้องของหล่อนให้ดีเถอะ”
“คุณอาอย่าห่วงเลยค่ะ ทิพย์กับลูกไม่เป็นอะไรง่ายๆ แน่ หลวงพ่อท่านศักดิ์สิทธิ์นัก เรื่องหนักก็จะกลายเป็นเบา เรื่องร้ายก็จะกลายเป็นดี”
“พระองค์นี้น่ะเหรอ”
“ค่ะ คุณแม่ย้ำนักหนาว่าห้ามถอด เพราะท่านได้มาจากพระเกจิตอนไปปฏิบัติธรรมน่ะค่ะ”
มนต์ทิพย์เดินจากไป ยิ้มเจ้าเล่ห์ พักตร์พริ้งมองตาม
“สักวัน ฉันจะถอดสร้อยแกออกให้ได้ นังมนต์ทิพย์ ทีนี้ล่ะ แกก็จะไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยคุ้มกะลาหัว”
พักตร์พริ้งถลึงตา ผีเจ้ายิ้มพอใจ
จันทร์ถอนสายตาจากพักตร์พริ้ง หมุนตัวกลับมาก็ตกใจ เห็นมนต์ทิพย์ยืนอยู่ไม่ห่าง กอดอกมองเธอด้วยสายตาดุ
“หึงเหรอ”
จันทร์หน้าเจื่อน รีบกลบเกลื่อน
“คุณพูดเรื่องอะไร”
มนต์ทิพย์เดินผ่านจันทร์ ปรายหางตา พูดลอยๆ เหมือนไม่ใส่ใจ
“อาพักตร์รวยขนาดนี้ ระวังเถอะ เสร็จงานแล้วจะถูกเฉดหัวทิ้ง”
จันทร์ก้มหน้างุด กำมือแน่น รีบผละไป มนต์ทิพย์มองตามเยาะๆ
รุ้งแก้วกับอัปสรเดินอยู่ในความมืด มองไปรอบๆ เวิ้งว้าง
“เจ้าพ่อเจ้าคะ เจ้าพ่อ เจ้าพ่อเจ้าคะ ลูกเองเจ้าค่ะ รุ้งแก้ว”
เจ้าฟ้าเมืองนายปรากฏกาย ยิ้มใจดี
“รุ้งแก้ว สบายดีหรือลูก”
รุ้งแก้วกราบเจ้าฟ้า อัปสรทำตาม
“ลูกสบายดีเจ้าค่ะ เจ้าพ่อ หลานอัปสร ลูกสาวของเจ้าพี่ละอองคำเจ้าค่ะ”
เจ้าฟ้าโกรธ หน้าตึงทันที
“อย่าเอ่ยชื่อคนอกตัญญูให้พ่อได้ยิน รุ้งแก้ว”
“โธ่ เจ้าพ่อเจ้าคะ เวลาก็ผ่านมาเนิ่นนาน ลูกอยากให้เจ้าพ่ออโหสิกรรมให้เจ้าพี่ ตอนนี้เจ้าพี่ก็ทุกข์ทรมานมากพอแล้ว”
“มันหาใช่ลูกข้าไม่ อย่าเอ่ยถึงมันอีก รุ้งแก้ว”
เจ้าฟ้าหายวับไป รุ้งแก้วกับอัปสรสบตากัน ส่ายหน้า จากนั้น อัปสรกับรุ้งแก้วถอนจากสมาธิ อัปสรน้ำตาคลอ หมดหนทาง
“หลานอย่าเพิ่งท้อใจ ยังไงน้าต้องขอร้องจนเจ้าพ่อใจอ่อน”
“แต่ท่านยังโกรธแม่มากนะคะ คุณน้า”
“นี่เป็นหนทางเดียวที่จะช่วยมนต์ทิพย์ได้ ยากเย็นแค่ไหนเราก็ต้องทำ”
อัปสรเสียใจมาก ปาดน้ำตา
ตอนเช้า รถเขมิกาแล่นเข้ามาจอดบ้านบุญสลัก แหวนรีบวิ่งออกมารับหน้า
“หายดีแล้วเหรอ ป้าแหวน”
“ค่ะ คุณเขม คุณผู้หญิงให้แหวนพักตั้งสองอาทิตย์”
“คุณบุญสลักอยู่มั้ย”
“คุณผู้หญิงต้องบังคับให้ไปทำงานน่ะค่ะ ไม่รู้จะหลงเมียอะไรขนาดนั้น”
เขมิกาชะงัก มองแหวน แหวนรู้ตัวรีบเอาหน้า
“นังนั่นไม่มีอะไรสู้คุณเขมของแหวนได้เลยแม้แต่นิดเดียว”
เขมิกาเข้าบ้านไป แหวนถอนใจ ตบปากตัวเองเบาๆ
“ปาก ปาก เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ นังแหวน”
เขมิกาเข้ามาในห้องรับแขก ทิ้งตัวนั่ง เสียใจมาก พวงครามคอยปลอบ
“ใจเย็นๆ เถอะ หนูเขม”
“เขมไม่เข้าใจเลยค่ะ ทำไมบุญสลักถึงหลงมันหัวปักหัวปำขนาดนี้”
นมผ่องสบตาพวงคราม ส่ายหน้าน้อยๆ
“ระยะหนึ่งเท่านั้นแหละจ้ะ หนูเขม เชื่ออา เป็นตายยังไงอาก็จะเอาตาบุญสลักกลับคืนมาให้ได้ ใช่มั้ยคะคุณพี่”
พวงครามพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ พักตร์พริ้งเผลอตัวค้อนให้เพราะพวงครามเริ่มไม่คล้อยตามตน
พักตร์พริ้ง เขมิกา และแหวน มองไปยังห้องบุญสลัก แล้วมองหน้ากัน
“คุณพี่คงโดนมนต์ปอบครอบงำ เดี๋ยวอานี่แหละ จะเป็นคนคลายมนต์ให้คุณพี่พวงครามเอง ไป เรารีบไปกันเถอะ”
ทั้งสามขึ้นบันไดไป พักตร์พริ้งหันมาบอกเขมิกา
“วันก่อนนังแม่มันมา ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น นังมนต์ทิพย์มันถึงร้องโหยหวนยังกะผีถูกน้ำมนต์”
เขมิกานึกถึงสิ่งที่ปิ่นเมืองบอก
“ตอนนี้นังมนต์ทิพย์มันสิ้นฤทธิ์ เพราะแม่มันแอบเอาพระมาคล้องคอไว้เพื่อกันอำนาจปอบ เป็นโอกาสดีของเจ้าแล้ว เขมิกา”
เขมิกายิ้มสะใจ จันทร์หน้างอ พักตร์พริ้งเห็นก็ดุใส่
“ทำหน้าให้มันดีๆ ไม่ได้หรือไง ฮึ ฉันจะฟ้องคุณคณิตว่าหล่อนไม่เต็มใจจะทำงานรับใช้ฉัน”
“ขอประทานโทษค่ะ”
“แล้วเสนอหน้ามานี่น่ะ มีอะไร”
“คุณคณิตมาพบคุณพักตร์ค่ะ”
พักตร์พริ้งหน้าบานทันที ไม่สนใจคนอื่นแล้ว
“อุ๊ย เอ่อ หนูเขม อามีแขกน่ะจ้ะ เชิญหนูเขมตามสบายนะจ๊ะ นังแหวน คอยช่วยคุณเขมล่ะ”
พักตร์พริ้งผละไปทันที เขมิกากับแหวนถอนใจ แล้วขึ้นมาถึงหน้าห้องมนต์ทิพย์ ค่อยๆ เปิดประตูเข้าไปอย่างเงียบเชียบ มนต์ทิพย์นอนหลับบนเตียง ไม่รู้เรื่อง
“ทำไมเหม็นอับยังงี้ ฮึ”
“แหวนเคยจะเปิดหน้าต่างให้ค่ะ โดนด่าแทบตาย”
ทั้งสองมองไปรอบๆ ห้อง เขมิกานึกถึงคำปิ่นเมือง
“หากรวยดอกไม้เก่าๆ นั่นให้เจอ แล้วเอาพระที่ย่าเจ้าให้ คล้องมันไว้”
เขมิกามองหาไปทั่วๆ มนต์ทิพย์ขยับตัว ทุกคนหยุดกึก คอยมองมนต์ทิพย์ไว้ ก่อนจะค่อยๆ มองหาต่อไป
“นั่นอะไร”
“พานอะไรของคุณทิพย์ก็ไม่รู้ค่ะ”
เขมิกายิ้ม
“แหวนเองค่ะ”
แหวนไม่รู้เรื่องรู้ราวปรี่เข้าไปหยิบ เขมิกาควักสร้อยพระจากกระเป๋าถือ เตรียมพร้อม แหวนหยิบพานขึ้นมา ก้มมอง สงสัย ผีเจ้าคว่ำหน้าอยู่ในกรวยดอกไม้ ค่อยๆ หงายหน้าเผชิญกับแหวน แลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างหิวโซ น่ากลัวน่าขยะแขยงมาก แล้วแสยะยิ้ม แหวนกรีดร้องสุดเสียง โยนพานทิ้ง แต่กรวยดอกไม้เกาะติด แล้วงับมือแหวน
“ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่ะ”
มนต์ทิพย์สะดุ้งตื่นตกใจที่แหวนกับเขมิกาอยู่ในห้อง แหวนสะบัดกรวยทิ้ง ฟันผีงับมือแหวนไม่ยอมปล่อย แหวนสะบัด เต้นเร่าๆ จนกรวยกระเด็นลอยไป จะงับเขมิกา เขมิกายกมือป้อง รัศมีจากองค์พระแผ่กระจาย จนกรวยกระเด็นตกไปอีกทาง
“โอ๊ย”
“เข้ามาทำอะไรในห้องฉัน”
มนต์ทิพย์วิ่งตามเขมิกากับแหวนออกมานอกห้อง ดึงเขมิกาไว้ได้ ขณะแหวนกรีดร้องวิ่งลงบันไดไป
“ผีหลอกๆๆ”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะเขมิกา เธอเข้ามาทำอะไรในห้องฉัน”
“ฉันก็จะเข้ามาดูว่าถ้าไม่มีผีปอบคอยช่วยแล้ว เธอจะเป็นยังไง”
“เธอพูดเรื่องอะไร”
เขมิกาเดินเข้าหา เผชิญหน้ากับมนต์ทิพย์
“ฉันรู้ว่าตอนนี้เธอไม่มีอำนาจอะไรหลงเหลืออีกแล้ว ถึงเวลาที่ฉันจะกำจัดไอ้เด็กเวรในท้องเธอให้สิ้นซากซะที”
“อย่านะ เธอจะทำอะไร”
เขมิกาปราดเข้าหามนต์ทิพย์ ยื้อยุด แล้วคล้องสร้อยที่เตรียมมาที่คอมนต์ทิพย์
“อย่านะ อย่า”
เขมิกากระชากมนต์ทิพย์ให้มาตรงบันได แล้วถีบมนต์ทิพย์จนกลิ้งตกลงมา มนต์ทิพย์คว้าเขมิกาไว้ได้ทัน แต่ปิ่นเมืองปรากฏตัวคว้าเขมิกาไว้ เขมิกาสะบัดมือ มนต์ทิพย์หงายลงมา ผีเจ้าปรากฏตัว ตกใจมาก
“ทายาทของข้า”
ผีเจ้าหายตัววาบเข้าไปช่วยมนต์ทิพย์ แต่ปะทะรัศมีจากองค์พระที่คอมนต์ทิพย์ทำให้กระเด็นออกมา หายวับไป มนต์ทิพย์ตกบันไดลงมาถึงชั้นล่าง ปิ่นเมืองและเขมิกายืนมองด้วยความสะใจ พวงครามกับนมผ่องวิ่งเข้ามาเห็นพอดี
“คุณทิพย์”
“หลานย่า”
มนต์ทิพย์หมดสติ ขาและพื้นมีเลือดแดงฉาน ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล บุญสลักกุมมือภรรยาตลอดเวลา เฝ้ามอง มนต์ทิพย์ก็ยังไม่ฟื้น
“ทิพย์”
มนต์ทิพย์ลืมตาช้าๆ
“ลูก ลูกไม่อยู่แล้วใช่มั้ยคะ”
มนต์ทิพย์สะอื้นหนัก บุญสลักซับน้ำตาให้
“อย่าเสียใจไปเลยทิพย์ ลูกเราไปสบายแล้ว”
มนต์ทิพย์ปล่อยโฮ
“เข้มแข็งนะทิพย์ กรรมจะตามสนองพวกเขา”
“เมื่อไหร่ล่ะคะ บุญสลัก ลูกเราทั้งคน ต้องมาจบชีวิตเพราะความริษยาของพวกมัน ถ้าทิพย์ไม่อ่อนแอแบบนี้ เราก็จะไม่เสียลูกไป”
บุญสลักกุมมือภรรยาแน่น พูดไม่ออก ปากคอสั่น เสียใจมาก
“ถอดสร้อยพระให้ทิพย์เถอะค่ะ”
“ไม่ได้หรอกทิพย์”
“คุณไม่ได้รักทิพย์ คุณถึงอยากเห็นพวกมันทำร้ายทิพย์จนตาย คราวนี้ลูก คราวหน้าก็คงเป็นทิพย์ ถ้าคุณรักทิพย์ ถอดสร้อยให้ทิพย์เถอะนะคะ ทิพย์ขอร้อง”
บุญสลักชั่งใจ มองหน้าภรรยา
“ถอดสร้อยให้ทิพย์เถอะค่ะ ก่อนที่ทิพย์จะต้องตายเพราะน้ำมือของพวกมัน”
บุญสลักสงสารมนต์ทิพย์มาก ตัดสินใจจะถอดสร้อย มนต์ทิพย์น้ำตาไหล จู่ๆ เสียงเคาะประตูดังเข้ามา บุญสลักชะงัก อัปสรเข้ามา โผเข้าหามนต์ทิพย์ รุ้งแก้ว พรเทพ ตามเข้ามา บุญสลักขยับไปยืนอีกมุม เฝ้าดูด้วยน้ำตา
“ทิพย์ ลูก เป็นยังไงบ้าง”
มนต์ทิพย์หันหน้ามา มองแม่ ตัดพ้อ
“เห็นหรือยังคะว่าพวกมันโหดร้ายกับทิพย์แค่ไหน”
อัปสรปล่อยโฮ
“แม่ขอโทษ ทิพย์ แม่ขอโทษ แม่ไม่ต้องการให้เป็นแบบนี้”
“ถอดพระให้ทิพย์ พวกมันต้องชดใช้”
“ไม่ทิพย์ แม่ไม่ยอมให้ลูกกลับไปอยู่ใต้อำนาจปอบอีกแล้ว”
“แม่จะปล่อยให้ทิพย์ตายด้วยน้ำมือของพวกมันหรือคะ”
มนต์ทิพย์เบือนหน้า น้ำตาไหล ประตูเปิดแย้มนิดๆ เขมิกาแอบตามมาดูผลงาน ยิ้มหยัน
“ในที่สุด ฉันก็ทำสำเร็จ”
เขมิกาปิดประตู เวลาต่อมา อัปสรเปิดประตูออกมาจากห้องมนต์ทิพย์ พรเทพ รุ้งแก้ว ตามมา
“หลานจะทำยังไงดีคะ”
“อย่าเสียใจไปเลย อัปสร หลานทำดีที่สุดแล้ว”
“น้าไม่อยากเชื่อ ทำไมถึงอำมหิตได้ขนาดนี้”
“ทิพย์เสียใจ แล้วก็แค้นใจมาก”
“เราต้องระวังให้มาก อานุภาพแห่งความแค้นและความเกลียดชังจะทำให้มารในตัวมนต์ทิพย์ทรงอำนาจ เราจะประมาทไม่ได้”
ทุกคนมองหน้ากัน
เขมิกาเดินมาที่รถ อารมณ์เบิกบานมาก
“แกไม่รอดแน่ นังมนต์ทิพย์”
ผีเจ้ามองเขมิกาด้วยความแค้น
“ฝากไว้ก่อนเถอะอีเขม”
ปิ่นเมืองปรากฏกายไม่ห่าง หัวเราะหยัน
“ไม่มีอีมนต์ทิพย์ซะคน เจ้าก็กลับไปเป็นผีชั้นต่ำไร้พิษสงเช่นเดิม น่าสมเพชนัก”
เขมิกาสตาร์ทรถ เคลื่อนออกมาช้าๆ ปิ่นเมืองหายวับไปนั่งในรถเขมิกา หันมองกลับมาที่ผีเจ้าอย่างเยาะเย้ย ผีเจ้าแค้นมาก
แหวนเกาะแขนจันทร์แน่น กลัวมาก ยังหวาดๆ จากตอนกลางวัน
“ฉันว่าป้าน่ะตาฝาด”
“ไม่ฝาดหรอกโว้ย ผีมันกัดมือข้าเนี่ย สลัดยังไงก็ไม่หลุด ฟันมันงี้โง้งเชียว น่ากลั๊วน่ากลัว”
จันทร์คว้ามือแหวนไปดู
“ไหนล่ะรอยฟัน ไม่เห็นจะมี นี่ป้า แก่แล้วตาฝ้าฟางล่ะสิ กะอีแค่เรื่องเจ้านายเขาแย่งผัวแย่งเมียกัน ป้าก็ทำตื่นเต้น เอาเรื่องผีมาผสมเข้าไปได้ เพ้อเจ้อ”
“หรือจะจริงอย่างเอ็งว่า”
“โอ๊ย จริงซะยิ่งกว่าจริงอีกป้า ฉันอยู่บ้านนี้มาเป็นสิบๆ คืน ไม่เห็นจะมีผีสักตัว ไร้สาระ ฉันไปปิดบ้านล่ะ จะได้รีบไปนอน เหนื่อยจะตายชัก บ้านออกใหญ่โต จ้างได้ คนใช้แค่สองคน จะงกอะไรนักหนา เดี๋ยวเถอะ เดี๋ยวได้เจอดีแน่”
“เอ็งว่าอะไรนะ ข้าฟังไม่ถนัด อะไรเดี๋ยวๆ”
“หูแว่วอีกแล้วป้า ไปๆ ไปนอนซะ จะได้หายฟุ้งซ่าน”
จันทร์แยกไป แหวนเกาหัว แยกไปอีกทาง เดินครุ่นคิดว่าตัวเองจะตาฝาดหรือไม่ บ่นพึมพำไปเรื่อยเปื่อย
“หรือข้าจะแก่จริงๆ วะ เอ หรือว่า ต้องเป็นนังแช่มแน่ๆ มันซ้อมข้าซะสมองกระทบกระเทือน ต้องใช่แน่ๆ อย่าให้เจอหน้านะมึง ข้าจะเอาคืนซะให้สาสม”
แหวนเดินผ่านสวนกลับห้องตัวเอง ผีเจ้าเดินตามมาติดๆ ยิ้มสะใจ แลบลิ้น หิวโซ
แหวนเข้าห้องไป ผีเจ้ายืนหน้าประตู หัวเราะเบาๆ
“มึงเชิญกูมาเองแท้ๆ อีแหวน กูกำลังหิวพอดี”
แหวนเปิดไฟ หันหน้ามาถึงกับผงะ เห็นผีเจ้าแสยะยิ้ม แลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างหิวโซ แหวนช็อก ตาค้าง ชี้มือช้าๆ สั่นๆ อ้าปากสั่นๆ แทบไม่ขึ้น
“กูเอง อีแหวน มึงไม่ได้ตาฝาดหรอก”
ผีเจ้าชูมือขึ้น เล็บยาน่ากลัว
“บังอาจทำลายทายาทของกู ตายซะเถอะมึง”
ผีเจ้ายื่นมือยาวๆ บีบคอแหวน แหวนตาค้าง ฮึดฮัดๆ แต่ร้องไม่ออก ผีเจ้ากระซวกที่ท้องแหวน แล้วควักไส้ออกมา หัวเราะลั่น
ตอนเช้า พวงครามกับนมผ่องใส่าบาตรเสร็จพากันเข้าบ้าน
“ฉันบาปเหลือเกิน นมผ่อง”
“อย่างน้อย คุณก็กลับตัวกลับใจได้ทัน” “แต่ฉัน จะสู้หน้าหนูมนต์ทิพย์ได้ยังไง”
“มีที่ว่างสำหรับคนที่สำนึกผิดเสมอ เชื่ออิฉันนะคะ”
ทั้งสองยิ้มให้กำลังใจกันและกัน พักตร์พริ้งรออยู่ เย้ยหยัน
“ใส่บาตรกรวดน้ำให้ผีหลานหรือคะ คุณพี่”
พวงครามสบตานมผ่อง นมผ่องส่ายหน้าไม่ให้พูดอะไร
“สมน้ำหน้ามัน เวรกรรมตามทันแท้ๆ มันจะผลักหนูเขม แต่ดันพลัดตกลงไปเอง”
“พอเถอะค่ะ คุณพักตร์ สายเลือดคุณพักตร์นะคะ ที่ต้องจบชีวิตลง คุณพักตร์ไม่เสียใจสักนิดเลยหรือคะ”
“เสียใจเหรอ นี่นมผ่อง สติยังดีอยู่หรือเปล่า ฉันนะอยากจะจัดงานปาร์ตี้ฉลองเสียด้วยซ้ำ”
นมผ่องแตะแขนพวงครามให้เข้าบ้าน เดินผ่านหน้าพักตร์พริ้งไป ไม่สนใจ
“คนบ้านนี้เป็นอะไรกันไปหมด เห็นปอบเป็นเทวดาไปได้ รอให้ตาสว่างก่อนเถอะ จะต้องมายกมือไหว้ขอบใจฉัน”
พักตร์พริ้งยิ้มสะใจมาก
ที่โรงพยาบาล แฟรงค์ยืนข้างเตียงมนต์ทิพย์ บุญสลักมองไม่วางตา ไม่ชอบใจ
“หายเร็วๆ นะทิพย์”
มนต์ทิพย์พยักหน้า ดีใจที่แฟรงค์มา
“หายแล้ว ทิพย์กลับไปอยู่บ้านคุณน้าเถอะนะ เชื่อแฟรงค์ แฟรงค์เป็นห่วง แฟรงค์ไม่อยากได้ยินข่าวร้ายๆ อีกแล้ว”
“ทิพย์เป็นเมียฉัน ต้องอยู่บ้านฉันสิ”
“แล้วนายคุ้มครองทิพย์ได้มั้ยล่ะ ก็เปล่า”
บุญสลักเหม็นหน้าแฟรงค์มาก จะต่อว่า แต่อัปสรรีบเข้าขวาง
“เอาเถอะๆ ให้ทิพย์ได้พักก่อนเถอะนะ”
นมผ่องกับพวงครามเข้ามา พอเห็นสภาพมนต์ทิพย์ ก็น้ำตาไหลพรากทั้งคู่ นมผ่องปราดเข้าไปที่เตียง ลูบหน้าตามนต์ทิพย์
“โถ แม่คุณของนม ขวัญเอ๊ยขวัญมานะคะ อย่าเสียใจไปเลยนะคะ คุณหนูตัวน้อยคงจะทำบุญมาเท่านี้ ไว้คุณแข็งแรง เธอก็จะกลับมาอีกค่ะ เชื่อนมนะคะ”
มนต์ทิพย์น้ำตาไหล จับมือนมผ่องแน่น จะพูดก็พูดไม่ออก กอดนมผ่องไว้
“เข้มแข็งนะคะ”
นมผ่องสบตามนต์ทิพย์
“คุณแม่มีอะไรจะพูดกะคุณทิพย์แน่ะค่ะ”
พวงครามร้องไห้ บุญสลักมายืนข้างแม่
“มนต์ทิพย์ แม่ขอโทษนะลูก ถ้าแม่เข้มแข็งกว่านี้ เราก็คงไม่ต้องเสียหลานไป แม่ทำไม่ดีกับหนูหลายอย่างแม่ขอโทษ”
มนต์ทิพย์เบือนหน้าไป ไม่ให้อภัย พวงครามสบตาบุญสลัก นมผ่อง ทั้งสองให้กำลังใจ อัปสรเข้ามาลูบหน้ามนต์ทิพย์
“อโหสิกรรมนะลูก ทิพย์”
“หนูจะโกรธแม่ก็ไม่ว่า แม่เองทำตัวไม่เป็นผู้ใหญ่ แม่ขอเริ่มต้นใหม่ แม่จะดูแลหนูให้ดี ให้สมกับเป็นลูกสะใภ้ของแม่”
มนต์ทิพย์มองบุญสลัก บุญสลักบีบมือภรรยาไว้ พยักหน้าให้ มนต์ทิพย์มองพวงคราม พยักหน้าให้ พวงครามกอดมือลูกสะใภ้ ร้องไห้ เสียงโทรศัพท์ดัง บุญสลักผละออกไปรับโทรศัพท์
“ครับคุณอา ว่าไงนะครับ ครับๆ ได้ครับ”
บุญสลักวางสายด้วยความอึดอัด อัปสรรู้แล้วว่าต้องมีอะไร
“คุณแม่พักผ่อนก่อนนะครับ นมครับ”
“ค่ะ มาค่ะคุณ”
นมผ่องประคองพวงครามไปที่มุมโซฟาห่างออกไป บุญสลักมองมนต์ทิพย์กับอัปสร ถอนใจ
“เกิดอะไรขึ้น บุญสลัก”
“ป้าแหวนตายแล้วครับ ตับไตไส้พุงไม่มีเหลือ”
อัปสรปิดปาก ตกใจมาก
“เป็นไปได้ยังไง”
มนต์ทิพย์มองหน้าบุญสลัก รอดูปฏิกิริยา บุญสลักจับมือมนต์ทิพย์แนบแก้ม ยิ้มให้กำลังใจ
“ไม่ใช่ทิพย์แน่นอน ผมมั่นใจ”
มนต์ทิพย์สะอื้นอีกครั้ง บุญสลักกอดภรรยาแน่น อัปสรปาดน้ำตา ผละออกไป
เขมิกาเปิดประตูเข้ามาในห้องโฉม โฉมยิ้มรับ วางมือจากหนังสือที่กำลังอ่านอยู่
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ ฮึ”
“บุญสลักรู้เรื่องที่มนต์ทิพย์เป็นปอบแล้วค่ะ เขมไม่รู้ว่ามันมีดีอะไร เขาถึงยังรักมันอยู่ได้”
โฉมโอบเขมิกา ปลอบ
“นังมนต์ทิพย์มันชั่งถอดแบบมาจากอีละอองคำ ยายของมัน”
“คุณย่าหมายความว่ายังไงคะ”
“พี่ฉัตร พ่อของนังอัปสร เป็นพี่ชายต่างพ่อของย่าเอง”
“จริงเหรอคะ”
“อีละอองคำมันเกลียดย่า มันจะฆ่าย่าตั้งหลายหน แต่สร้อยเส้นที่ย่าให้เขมไป กับแหวนวงนี้แหละ ช่วยย่าให้รอดมาได้ แต่มันก็ฆ่าผู้ชายทุกคนที่มาข้องแวะกับย่า ย่าได้แต่งงานกับคุณปู่ของเขม ก็ตอนที่อีละอองคำมันสิ้นฤทธิ์แล้ว ไม่นึกว่า มันจะกลับมาแผลงฤทธิ์สำแดงเดชได้อีก”
โฉมเกลียดชังละอองคำมาก
อัปสรกลับมาบ้าน ทิ้งตัวนั่งอย่างหมดแรง ปีบรีบเอาน้ำเข้ามาเสิร์ฟ
“คุณทิพย์เป็นยังไงบ้างคะคุณนาย”
“ปลอดภัยแล้วล่ะ ปีบ”
“ไม่น่าเลยนะคะ”
“ฉันหิวเหลือเกิน วันนี้ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยปีบ”
“คุณจะทานอะไรดีคะ มีแกงเลียงที่คุณชอบ เดี๋ยวปีบทอดปลาแดดเดียวให้นะคะ”
ปีบออกไป รุ้งแก้วจึงรีบถาม
“มีอะไรหรือ อัปสร”
“ป้าแหวน แม่บ้านบ้านโน้นน่ะค่ะ ถูกปอบกินเมื่อคืน”
“เป็นไปได้ยังไง ก็ยัยทิพย์นอนอยู่โรงพยาบาล”
“ไม่ใช่ทิพย์แน่ๆ ค่ะ บุญสลักเฝ้าทิพย์ทั้งคืน เพราะกลัวว่าทิพย์จะออกไปแก้แค้น”
“หรือว่าบุญสลักจะถูกยัยทิพย์สะกด” พรเทพถาม
“สร้อยพระล่ะ อัปสร”
“ทิพย์สวมอยู่ตลอดเวลาค่ะ ซ้ำยังมีสร้อยที่เขมิกาเอามาคล้องให้อีก”
“จริงสิ สร้อยโบราณของแม่ชีน้อม ต้องไม่ใช่มนต์ทิพย์แน่ๆ”
“ทิพย์บอกว่าก่อนเกิดเรื่อง เขมิกากับแหวนขึ้นไปบนห้อง แหวนร้องว่าถูกผีกัด ทิพย์ถึงได้ตื่นขึ้นมา”
รุ้งแก้วพยักหน้าเข้าใจ
“โธ่ เวรกรรมแท้ๆ แม่แหวน ผีเจ้าคงจะแฝงตัวไปกับแหวนตอนนั้นนั่นล่ะ”
ทุกคนครุ่นคิดถึงความร้ายกาจของผีเจ้าที่มีอำนาจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
โฉมนอนหลับสนิท มือสวมแหวนของแม่ชีน้อมตลอดเวลา กายทิพย์แม่ชีน้อมปรากฏขึ้น แสงเรืองรองสว่างรอบกาย
“โฉม โฉม”
โฉมงัวเงียตื่น มองซ้ายขวา เห็นกายทิพย์แม่ชีน้อม ตกใจ ลุกขึ้น กระถดตัวหนี
“แม่ชีเอง จำได้หรือไม่”
โฉมหยุดคิด ยิ้มออก
“จำได้เจ้าค่ะ ท่านน่ะเอง อิฉันคิดว่าท่านละสังขารไปแล้ว แม่ชีมาหาอิฉันด้วยกิจอันใดรึเจ้าคะ”
“เราตั้งใจจะมาเตือน สิ่งที่เจ้ากำลังทำมันบาปมหันต์”
“แล้วที่อีละอองคำมันทำร้ายอิฉันล่ะเจ้าคะ”
“เวร ย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร นี่แม่โฉมกลับสร้างกรรม ซ้ำยังดึงลูกหลานให้มาติดบ่วงกรรมนั้นด้วย ไม่กลัวหรือไง”
“ไม่กลัวเจ้าค่ะ อิฉันแค่ตอบแทนที่อีละอองคำมันทำกับอิฉันไว้เท่านั้น”
“แล้วไม่กลัวผีปอบจะตามมาล้างแค้นหรอกรึ”
“ไม่เจ้าค่ะ อิฉันมีแหวนศักดิ์สิทธิ์ไว้ป้องกันตัว จะต้องกลัวอะไร”
แม่ชีน้อมหันหลังให้ จะเดินไป แต่เปลี่ยนใจ หันกลับมาบอกโฉม
“ของศักดิ์สิทธิ์ของแม่ชี จะคุ้มครองผู้อยู่ในศีลในธรรมเท่านั้น หากไร้ซึ่งคุณธรรม แหวนวงนี้ก็เปรียบได้กับเศษเหล็กไร้ค่า”
“ไม่จริง ไม่จริง อิฉันไม่เชื่อ”
โฉมผุดลุกขึ้น แต่ยังร้องตะโกนอยู่ เธอมองไปรอบๆ ตกใจมาก เห็นแม่ชีน้อมหันมายิ้มให้ แล้วหายวับไป
“ไม่จริงหรอก ฉันก็แค่ฝันไป”
ถึงจะปลอบตัวเองแบบนั้น แต่โฉมก็มองแสงสีทอง ค่อยๆ ห่างออกไปจนเหลือเพียงจุดเล็กๆ ด้วยความเครียดขึง
รุ้งแก้วก้มกราบเจ้าฟ้า เจ้าฟ้าเบือนหน้าหนี
“นอกจากลูกแล้ว มนต์ทิพย์เป็นทายาทเมืองนายคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ เจ้าพ่อจะทนเห็นสายเลือดของเราต้องสิ้นสุดลงได้ฤาเจ้าคะ ตอนนี้ เจ้าพี่ละอองคำก็ทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส จากบาปกรรมที่ได้กระทำไว้ เจ้าพ่อจะไม่สงสารเจ้าพี่บ้างฤาเจ้าคะ”
“ถ้าตัวมันยังไม่สำนึกผิด พ่อก็คงทำอะไรไม่ได้ ผีปู่ย่าก็คงไม่ยอมให้อภัย”
รุ้งแก้วถอนหายใจ ก้มกราบเจ้าฟ้า
พวงครามกับอัปสรยืนรอที่หน้าบ้านบุญสลัก นมผ่องกับปีบยืนอยู่ด้วย รถบุญสลักแล่นเข้ามา ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส บุญสลักกุมมือมนต์ทิพย์ ยิ้มมีความสุขมาก
“ในที่สุด ทิพย์ก็ชนะใจคุณแม่ เราจะได้อยู่กันอย่างมีความสุขซะที”
มนต์ทิพย์ฝืนยิ้ม มองเห็นพักตร์พริ้งไกลๆ พักตร์พริ้งสะบัดหน้าหนี เดินเข้าบ้านไป มนต์ทิพย์จะก้าวลงจากรถ หยีตา สู้แดดแทบไม่ได้ แต่ก็ต้องฝืน
“ต้อนรับกลับบ้านนะลูก บ้านของเรา”
มนต์ทิพย์ฝืนยิ้ม อัปสรเข้าใจดี
“รีบเข้าบ้านกันเถอะจ้ะ แดดแรง เดี๋ยวทิพย์จะป่วยไปอีก”
มนต์ทิพย์สบตาแม่ ยิ้มนิดๆ บุญสลักประคองเข้าบ้านไป มนต์ทิพย์นอนซมบนเตียง ปีบคอยเอาใจ ป้อนข้าวป้อนน้ำ
“คุณทิพย์ขา ทานเยอะๆ นะคะ จะได้แข็งแรงเร็วๆ”
มนต์ทิพย์เบือนหน้าหนี รำคาญมาก อึดอัดจากสร้อยพระถึงสององค์
“ทิพย์อิ่มแล้วล่ะค่ะพี่ปีบ”
“แต่คุณทิพย์ทานไปนิดเดียวเองนะคะ”
พวงครามเข้ามา
“มานี่ ปีบ เดี๋ยวฉันป้อนเอง”
มนต์ทิพย์อึดอัด แต่ก็สงบคำเพราะรู้ว่าพวงครามพยายามทำดีไถ่โทษ
“ให้แม่ป้อนนะลูก ทานเยอะๆ จะได้แข็งแรง นะลูกนะ”
มนต์ทิพย์จำใจอ้าปาก ฝืนกินได้สองสามคำ แกล้งเกาที่คอ เหมือนคันมาก พวงครามมองงงๆ สงสัย
“คันเหรอลูก แล้วทำไมสวมสร้อยตั้งสองเส้นสามเส้น โอ๊ย เยอะเกินนะ แม่ว่า”
มนต์ทิพย์ยิ้มฝืนๆ แต่ก็ยิ่งเกาใหญ่
“ค่ะ แต่คุณแม่สั่งไว้ว่าห้ามถอด พระจะได้คุ้มครอง ทิพย์เลยไม่กล้าถอดน่ะค่ะ”
“ใช่ค่ะ คุณนายสั่งห้ามถอดเด็ดขาด กำชับปีบเป็นร้อยรอบเลยล่ะค่ะ”
“ทำไมใจร้ายกันจังเลย คนยิ่งป่วยไข้อยู่ ดูซิเนี่ย คันคะเยอเชียว”
พวงครามอยากเอาใจมนต์ทิพย์
“เอางี้ แม่จะถอดให้หนูเอง ถ้าใครจะว่าก็ให้มาว่าแม่นี่ แม่รับผิดชอบ”
“คุณผู้หญิงขา อย่าเลยค่ะ เดี๋ยวคุณอัปสรโกรธเอานะคะ”
“ไม่เป็นไร จะโกรธให้มาโกรธฉันนี่ หนูมนต์ทิพย์แพ้ขนาดนี้แล้ว ยังจะบังคับกันอยู่ได้ ทิพย์ ลูก แม่ทำไม่ดีกับหนูไว้หลายอย่าง แม่รู้ว่าหนูโกรธ ยังไม่ต้องให้อภัยแม่วันนี้ก็ได้ ดูกันไปนานๆ แม่จะทำทุกอย่างเพื่อไถ่โทษ แม่อยากให้หนูเห็นว่าแม่เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ”
พวงครามบรรจงถอดสร้อยจากคอมนต์ทิพย์ จบที่หน้าผาก แล้วถือไว้ มนต์ทิพย์ยิ้มเจ้าเล่ห์ เสียงฟ้าดังครืนๆ
คืนนั้น มนต์ทิพย์มายืนอยู่หน้าบ้านเขมิกา เสียงหมาหอนดัง มนต์ทิพย์ยิ้มเย็น ตวัดตามองหน้าต่างห้องเขมิกา เขมิกานอนหลับสนิท มนต์ทิพย์มองอย่างโกรธแค้น
“เขมิกา”
เขมิกาตกใจ สะดุ้ง ทะลึ่งพรวดขึ้น เห็นมนต์ทิพย์ยืนที่ปลายเตียงยิ่งตกใจ
“มนต์ทิพย์”
“ถึงเวลาแล้วที่แกจะต้องชดใช้”
“แก แกเข้ามาได้ยังไง”
เขมิกามองสร้อยพระ ดวงตามนต์ทิพย์น่ากลัวมาก จ้องมองอย่างอาฆาต
“ไม่มีใครต้านอำนาจข้าได้”
เขมิกาเปิดไฟหัวเตียง มองไปรอบๆ ไม่กลัวมาก ยังมั่นใจว่าปิ่นเมืองต้องคอยช่วยตน
“ปิ่นเมือง ช่วยฉันด้วย”
“อีสัมภเวสีนั่นช่วยแกไม่ได้หรอก”
มนต์ทิพย์หัวเราะหยัน เสียงปิ่นเมืองดังขึ้น
“ข้าอยู่นี่”
มนต์ทิพย์หันไป ดวงตาเปลี่ยนเป็นดวงตาปอบผีเจ้า
“ช่วยฉันด้วย”
เขมิกาวิ่งมาหาปิ่นเมือง
“ผีชั้นต่ำอย่างเจ้า ทำอันใดข้าไม่ได้ดอก”
เจ้านาง ตอนที่ 16 อวสาน (ต่อ)
ปิ่นเมืองตวัดมือ พายุก็พัดกระหน่ำ ข้าวของในห้องเขมิกากระจุยกระจาย
พุ่งเข้าใส่มนต์ทิพย์ มนต์ทิพย์ยกมือบังไว้ เขมิการีบเข้าไปหลบหลังปิ่นเมือง ปิ่นเมืองหัวเราะ แต่ไม่กี่อึดใจ ผีเจ้าซ้อนร่างมนต์ทิพย์อยู่ มนต์ทิพย์ฟาดมือ จนวิญญาณปิ่นเมืองกระเด็นไปอีกทาง
“โอ๊ย”
“คิดจะสู้กับข้ารึ ปิ่นเมือง”
ปิ่นถอยหลังจนใกล้ผนังแล้วเลือนหายไป
“ปิ่นเมือง ปิ่นเมือง ท่านอยู่ไหน อย่าทิ้งฉันไป”
มนต์ทิพย์หัวเราะ เดินเข้าหา ดวงตาน่ากลัว ประตูเปิดออก โฉมยืนอยู่ตกใจ
“เขม”
เขมิกาเห็นย่ารีบร้องบอกไปด้วยความเป็นห่วง
“คุณย่า หนีไป หนีไปค่ะ”
มนต์ทิพย์หันขวับมาที่โฉม ผีเจ้าแสยะยิ้มให้ โฉมผงะ
“รอดมือข้ามาได้จนแก่หัวหงอก แต่จิตใจเจ้าไม่ได้สูงขึ้นเลย วันนี้เจ้าไม่รอดแน่”
ผีเจ้าสิงร่างมนต์ทิพย์ มนต์ทิพย์แสยะยิ้ม เล็บงอกยาว กางจะจิกโฉม
“อีผีชั้นต่ำ แกทำอะไรฉันไม่ได้หรอก”
“โฉมหัวเราะ ชูแหวนในมือ ผีเจ้าหายเข้าร่างมนต์ทิพย์ เตรียมจะพุ่งเข้าใส่โฉม พอเห็นแหวน ก็ชะงัก
“ฉันมีของวิเศษป้องกันภูตผี กล้าดีก็เข้ามา”
มนต์ทิพย์เขม่นตามอง ชั่วพริบตา ปอบมนต์ทิพย์ยิ้มน่ากลัว แล้วหายวับไปยืนประจันหน้าโฉม โฉมตกใจมาก มองแหวนในมือด้วยสายตาตื่นตระหนก
“ไหนล่ะแหวนวิเศษ คนชั่วๆ อย่างแกไม่มีพระที่ไหนเสียเวลามาคุ้มครองหรอก”
โฉมนึกถึงคำเตือนของแม่ชีน้อม
“ของศักดิ์สิทธิ์ของแม่ชี จะคุ้มครองผู้อยู่ในศีลในธรรมเท่านั้น”
“อย่านะ อย่า”
“แค้นระหว่างเจ้ากับข้าถึงเวลาชำระแล้ว”
มนต์ทิพย์กระซวกเข้าท้องโฉม โฉมสะดุ้งสุดตัว มองหน้ามนต์ทิพย์อย่างอาฆาตแค้น
“อีผีชั่ว ขอให้แกตกนรก ไม่ได้ผุด ไม่ได้เกิด”
มนต์ทิพย์กระชากไส้โฉม โฉมหน้านิ่ว ร้องออกมาสั้นๆ เขมิกากรีดร้องสุดเสียง วิ่งออกไป ร่างของโฉมทรุดลงที่พื้น เลือดไหลทะลักนองพื้น มนต์ทิพย์ก้าวผ่านศพของโฉมไป เขมิกากรีดร้อง สะอึกสะอื้นหวาดกลัว เกษมวิ่งเข้ามา
“เขม เขม”
“คุณพ่อ”
เขมิกากอดเกษมไว้ ร้องไห้
“เป็นอะไร”
“คุณย่าตายแล้วค่ะคุณพ่อ คุณย่าตายแล้ว ฮือๆ”
เกษมหน้าเสีย เขมิกาพูดไม่เป็นคำ ร้องไห้สะอึกสะอื้น
“อีปอบมนต์ทิพย์มันฆ่าคุณย่า มันฆ่าคุณย่า”
มนต์ทิพย์ยืนอยู่ด้านหลัง มองด้วยสายตาอาฆาต ผีเจ้าซ้อนอยู่ด้านหลังแล้ววูบเข้าใส่ร่างมนต์ทิพย์ ดวงตาน่ากลัว เกษมหันมาพอดี ตกใจ
“มนต์ทิพย์”
“ตายตามแม่แกไปซะ”
มนต์ทิพย์พุ่งเข้าใส่เกษมทันที แสงสีทองสะท้อนวาบจากตัวเกษม เกิดแรงประทะ
เสียงดังสนั่น มนต์ทิพย์ล้มกลิ้ง เจ็บปวด มองเกษมด้วยสายตาอาฆาต แล้วหายวับไป
ตอนเช้า คณิตคลอเคลียพักตร์พริ้งไม่ห่าง ภายในบ้านของพักตร์พริ้ง
“อุ้ย พวกเครื่องเพชรเนี่ยฝากธนาคารไม่สะดวกหรอกค่ะ พักตร์ต้องใช้บ่อยๆ สู้เก็บไว้ที่บ้านไม่ได้”
คณิตทำตาโต สบตาจันทร์ที่แอบอยู่มุมหนึ่ง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
“ใครนะช่างโทรมาขัดเวลาความสุขของเรา”
คณิตกอดพักตร์พักตร์พริ้ง ไม่อยากปล่อย
“ขอพักตร์รับโทรศัพท์แป๊บนะคะ”
พักตรพริ้งผละไป คณิตได้โอกาส หันมองจันทร์ โบกมือให้จันทร์หลบไป จันทร์กระเง้ากระงอด แต่ก็ยอมทำตาม
“พักตร์เองค่ะ คุณเกษมมีอะไรหรือคะ”
เกษมแต่งชุดดำ เช่นเดียวกับเขมิกา
“คุณแม่เสียแล้วครับ”
“คุณพระช่วย เป็นไปได้ยังไง”
พักตร์พริ้งทิ้งโทรศัพท์ คณิตรีบเข้าประคอง
“คุณพักตร์”
คณิตพยาบาลพักตร์พริ้ง จันทร์วิ่งเอายาดมยาหอมมารมให้ จันทร์สบตาคณิต ไม่พอใจที่เห็นคณิตเอาใจพักตร์พริ้งมาก
ที่ศาลาสวดศพ เขมิกานั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ข้างๆ พักตร์พริ้ง เกษมนั่งซึมอยู่ พรเทพกับอัปสรเข้ามาในงาน เขมิกาเห็น รีบปรี่ไปหา
“ยังกล้ามางานคุณย่าอีกเหรอ”
“คุณย่าคุณเป็นอาของดิฉันค่ะ ท่านเป็นญาติผู้ใหญ่ของดิฉัน”
“ใครเขาคิดจะนับกับแก ออกไป ออกไปจากงานนี้ อย่าทำให้วิญญาณของคุณย่าต้องทุกข์ทรมานไปมากกว่านี้เลย”
เกษมรีบเข้ามาห้าม
“เขม ไม่เอานะลูก พ่อขอร้อง”
บุญสลักกับพวงครามและมนต์ทิพย์เข้ามาในงาน แขกในงานพากันมอง
เขมิกาที่ไล่อัปสร พรเทพไม่พอใจ
“เขาไล่เรา เราก็กลับเถอะ”
“ขอให้หนูกราบศพคุณอาโฉมก่อนค่ะ”
“ไม่ได้”
เขมิการ้องห้าม พักตร์พริ้งปรี่มาช่วยเขมิกา
“เจ้าภาพเขาไล่แล้วยังจะหน้าด้านอยู่อีกเหรอคะ รู้ไว้ด้วย คนที่ฆ่าคุณแม่โฉมน่ะลูกสาวแก”
“ไม่จริง อย่าใส่ร้ายทิพย์นะคะ”
พวงครามตกใจ รีบมาห้าม
“คุณพักตร์ เดี๋ยวใครเขาก็เข้าใจผิดหรอกค่ะ”
บุญสลักประคองมนต์ทิพย์ไว้ มนต์ทิพย์หน้าเศร้า
“ไม่เข้าใจผิดหรอกค่ะ หนูเขมเล่าให้พักตร์ฟังหมดแล้วค่ะคุณพี่ นังปอบนี่แหละฆ่าคุณแม่โฉมตายเมื่อคืน”
เสียงฮือฮาดังจากแขก พากันซุบซิบ เกษมเข้ามาห้าม
“ผมขอร้องครับ พระกำลังจะลงศาลามาสวดแล้ว”
มนต์ทิพย์ผละไป บุญสลักร้องเรียก
“ทิพย์ ทิพย์”
“บุญสลัก นี่คุณไม่เชื่อเหรอว่าเมียคุณน่ะเป็นผีปอบ”
“เหลวไหลน่าเขม”
บุญสลักตามไป พวงครามรีบตามไปอีกคน
“คุณพี่ก็เป็นไปกับเขาด้วย โดนมนต์ปอบเข้าให้แล้วรึคะ ถึงได้หลงใหลคิดว่ามันเป็นคนเหมือนเรา”
อัปสรร้องไห้ พรเทพประคองออกไป แฟรงค์ตามทั้งสองคนมา พรเทพกับอัปสรหันมา
“ผมไม่น่าไว้ใจให้บุญสลักดูแลทิพย์เลย เกิดเรื่องขึ้นจนได้”
“แน่ใจเหรอว่าเป็นฝีมือทิพย์”
“ทั้งเขมิกากับคุณเกษมอยู่ในเหตุการณ์ครับ”
อัปสรสะอื้นเบาๆ
“ความแค้นในใจของทิพย์จะยิ่งทำให้อำนาจผีแข็งแกร่งมากขึ้น หนูนึกไม่ออกจริงๆ ว่าเราจะช่วยทิพย์ได้ยังไง บุญสลักคงตกอยู่ในอำนาจของทิพย์ คุณพวงครามน่าจะปลอดภัย แต่สำหรับคุณพักตร์กับเขมิกา ทิพย์ไม่ปล่อยแน่”
แฟรงค์หน้าเสีย อัปสรสะอื้น พรเทพคอยปลอบ
“กลับไปพักผ่อนเถอะ แล้วค่อยหาวิธีช่วยหลานมนต์ทิพย์กัน”
มนต์ทิพย์นั่งซึมอยู่ที่ในห้องนอน บุญสลักยืนอยู่ใกล้ๆ
“อย่าคิดมากสิทิพย์”
“ทิพย์น่าจะเป็นฝ่ายถามคุณมากกว่า”
“ผมไม่เคยเชื่ออย่างที่ใครๆ พูดกัน เมื่อคืนผมก็นอนกอดคุณทั้งคืน แล้วคุณจะออกไปฆ่าคุณย่าโฉมได้ยังไง”
มนต์ทิพย์มองหน้าบุญสลัก ยิ้ม บุญสลักนั่งลงข้างๆ หอมที่ไหล่ภรรยาอย่างแสนรัก
“แล้วถ้าทิพย์เป็นอย่างที่ใครๆ เขาพูดกันล่ะคะบุญสลัก”
บุญสลักชะงักนิดหนึ่ง
“ต่อให้ทิพย์เป็นอะไร ผมก็จะยังรักทิพย์ตลอดไป”
มนต์ทิพย์หันมามองบุญสลัก ดวงตาซาบซึ้งแสนรัก
หอคำเมืองนายในมิติวิญญาณ เจ้าฟ้าเมืองนายนั่งที่บนตั่งทอง มีดาบสะหรีกัญไชยวางอยู่บนพาน ข้าไท เจ้าไทและขุนนางนั่งเฝ้าแหนอยู่
“เจ้าพ่อ เจ้าพ่อเจ้าข้า”
เจ้าฟ้ามองไปรอบๆ รุ้งแก้ววัยชราปรากฏขึ้นตรงหน้า
“รุ้งแก้ว”
รุ้งแก้ววัยชรากราบลงแล้วกลายร่างเป็นรุ้งแก้ววัยสาว
“ข้าเจ้าตามหาเจ้าพ่อ หมายจะขอพระเมตตาจากเจ้าพ่อเจ้าค่ะ”
“ถ้าจะพูดเรื่องอีละอองคำ เจ้าควรถามผีปู่ย่าเสียก่อน”
รุ้งแก้วร้องไห้ น้ำตาไหลพราก
“เจ้าพี่ละอองคำผิดไปแล้วเจ้าค่ะ เมตตาเจ้าพี่ละอองคำด้วย เพลานี้ เจ้าพี่กำลังทุกข์ทรมานมากเจ้าค่ะ อำนาจผีร้ายกำลังครอบงำเหลนมนต์ทิพย์ ข้าเจ้าจนปัญญาไม่รู้ว่าจะช่วยได้อย่างใด”
“มันก็คงติดสันดานชั่วมาจากยายของมัน ถึงได้ยอมรับนับถือผีต่างวงศ์เหมือนยายของมัน”
“ดวงวิญญาณของเจ้าพ่อมีบารมีมาก เจ้าพ่อต้องช่วยมนต์ทิพย์”
“ถ้าอีละอองคำมันหาสำนึกผิดไม่ ไม่ขอขมาลาโทษผีปู่ย่า ก็อย่าหมายว่าพ่อจะช่วย กลับไปได้แล้ว”
เจ้าฟ้าและทุกคนเลือนหายไป คุ้มเมืองนายในนิมิตหายไปด้วย รุ้งแก้วลืมตาขึ้นจากสมาธิ น้ำตาไหลพราก อัปสรอยู่ข้างๆ
“คุณน้า”
“เจ้าพ่อยังไม่ใจอ่อน แต่ไม่ต้องห่วงนะ น้าต้องช่วยมนต์ทิพย์ให้ได้”
อัปสรเม้มปากกลั้นสะอื้น น้ำตาพรั่งพรู
เกษมนั่งคุยกับเขมิกาอยู่ภายในห้องพระ
“พ่อขอนะเขม เลิกยุ่งกับคนบ้านโน้น บอกตรงๆ พ่อเป็นห่วง”
“แต่มันจ้องจะฆ่าเขมนะคะ คุณพ่อ มันไม่ปล่อยเขมไว้แน่”
เกษมถอนใจ หยิบสร้อยพระส่งให้
“สวมสร้อยพระ ห้ามถอดเด็ดขาด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เขมจะปลอดภัย เชื่อพ่อนะลูก”
เขมิกามองขันน้ำมนต์ ครุ่นคิด
“คุณพ่อคะ คุณพ่อได้น้ำมนต์นี่มาจากไหนหรือคะ”
“น้ำมนต์เจ็ดวัดลูก พระเกจิทั้งนั้น”
เขมิกาพยักหน้ารับรู้ แตะพระที่คอ มองไปที่ขันน้ำมนต์
บุญสลักกำลังขะมักเขม้นดูแบบงานบนโต๊ะ เขมิกาเข้ามา
“ไม่ดีใจเหรอคะที่เขมมา เราคนคุ้นเคยกันแท้ๆ อย่าลืมสิคะ งานที่คุณทำอยู่นี่ก็งานบริษัทของพ่อเขม”
บุญสลักหงุดหงิดขึ้นมาทันที
“ถ้าจะทวงบุญคุณกันอย่างนี้ ก็ไม่ต้องมา ทำไมไม่คิดบ้างว่าที่คุณทำมนต์ทิพย์แท้งลูก ผมควรโกรธคุณมั้ย เขมิกา”
“เขมไม่ได้ทำนะคะ ทิพย์ผลักเขม แล้วก็พลัดตกลงมาเอง ถึงเขมจะไม่ใช่คนดีนัก แต่เขมก็ฆ่าใครไม่ได้หรอกค่ะ เพราะเขมเป็นคน มีหัวใจ รู้ผิดรู้ถูก เขมเป็นคนค่ะ ไม่ใช่”
บุญสลักจ้องหน้าเขมิกา เขมิกาหยุดพูด แต่เดินไปด้านหลัง โอบบ่าอย่างสนิทสนม
“ยิ่งรู้ว่าเด็กในท้องทิพย์เป็นลูกคุณ เขมจะกล้าทำเหรอคะ เขมรักคุณยิ่งกว่าใครในโลกนี้”
มือเขมพรมน้ำมนต์จากขวดเล็กๆ ไปทั่วเสื้อสูทของบุญสลัก บุญสลักสะดุ้ง แต่เขมิกาไม่ปล่อยให้ถาม
“แล้วเขมจะมาหาใหม่นะคะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขมก็รักคุณค่ะ”
เขมิกาออกไป บุญสลักไม่เข้าใจว่าเขมิกามาทำอะไร
ตอนค่ำ บุญสลักเปิดประตูห้องนอนเข้ามา มนต์ทิพย์รีบลุกออกไปรับ
“เหนื่อยมั้ยคะ”
บุญสลักตรงเข้ามาโอบกอด ยังไม่ทันจะถึงตัว มนต์ทิพย์ก็รู้สึกร้อนวูบวาบ ตกใจ กระถดตัวหนี แสงสีทองเป็นประกายจากเสื้อบุญสลักที่โดนน้ำมนต์ มนต์ทิพย์อึ้ง โกรธมาก แต่รีบเก็บอาการ
“อาบน้ำก่อนนะคะ จะได้ลงไปทานข้าวกัน ทิพย์หิวแล้ว”
“แต่ผมยังไม่ได้กอดคุณให้หายคิดถึงเลยนะทิพย์”
มนต์ทิพย์รีบผละไปอีกทาง
“ไม่เอาค่ะ เหม็นเหงื่อไปทั้งตัว”
บุญสลักยอมแต่โดยดี ยิ้มหวาน มนต์ทิพย์ตาวาวโรจน์ เห็นภาพเขมิกาพรมน้ำมนต์ใส่เสื้อบุญสลัก
“มึงไม่ได้ตายดีแน่ อีเขม”
มนต์ทิพย์ยืนอยู่หน้าบ้านบุญสลัก มองไปที่บ้านพักตร์พริ้ง
“มึงโชคดีอีเขม วันนี้ยังไม่ใช่วันตายของมึง”
พักตร์พริ้งตกใจสุดขีด ถูกปืนจี้ให้นั่งนิ่งกับพื้นตัวสั่น หวาดกลัวมาก
“พวกแกเป็นใคร ต้องการอะไร”
หัวหน้าโจรย่างสามขุมเข้ามา ลูกน้องอีกสามคน ยืนตามจุด ถืออาวุธครบมือ
“เซฟอยู่ที่ไหน”
“เซฟอะไรที่ไหน ไม่มี”
คณิตกระชากผม พักตร์พริ้งหงายหน้า
“โกหก บอกมาซะดีๆ เก็บสมบัติไว้ที่ไหน”
“สมบัติอะไร ฉันไม่มี้ ไม่มี”
คณิตตบหน้าพักตร์พริ้งจนฟุบกับพื้น
“โอ๊ย”
“อย่าเล่นลิ้น เก็บเครื่องเพชรเครื่องทองไว้ที่ไหน บอกมาซะดีๆ หรืออยากตาย ฮึ อีแก่”
พักตร์พริ้งกลัวมากร้องไห้โฮ คณิตทำท่าจะตบซ้ำ
“อย่า กลัวแล้ว”
“ก็พาไปสิ เร็ว”
พักตร์พริ้งกลัวมาก เดินนำไปในห้องนอน ชี้ไปที่ตู้เซฟ
“นี่ไง”
“ก็เปิดสิ”
คณิตจะตบอีก พักตร์พริ้งผวา ร้องออกมาเบาๆ เปิดเซฟมือไม้สั่น ตู้เซฟเปิดออก คณิตถึงกับชะงัก ตาวาวด้วยความโลภ เห็นเพชรทองและเงินสดเต็มไปหมด พักตร์พริ้งเดินเลี่ยงออกมา โดยในมือมีโทรศัพท์ ขณะที่โจรกำลังรื้อค้นสมบัติ ลูกน้องโยนถุงผ้าให้ โทรศัพท์มือถือของโจรก็ดังขึ้น ตกใจทั้งโจรและพักตร์พริ้ง
“ใครโทรมาตอนนี้วะ”
โจรควักโทรศัพท์ขึ้นมาดู ตกใจ หันมองพักตร์พริ้ง หญิงสาวก็ตกใจ ลูกน้องสามคนหันมองเลิ่กลั่ก พักตร์พริ้งช็อคมาก
“คุณคณิต นี่คุณเองเหรอ ฉันโทรหวังจะขอความช่วยเหลือจากแก ที่แท้แกก็เป็นโจรมาปล้นฉัน”
“เออ กูเอง”
คณิตถอดหน้ากากออก พักตร์พริ้งเสียใจมาก ร้องไห้โฮปราดเข้าไปทุบตีคณิตด้วยความร้าวรานใจ
“คุณทำแบบนี้กับพักตร์ได้ยังไง พักตร์รักคุณ ต้องการเงินเท่าไหร่พักตร์ก็ประเคนให้ คุณหักหลังพักตร์ได้ยังไง”
“ปล่อย”
คณิตผลัก แต่พักตร์พริ้งม่ยอมปล่อย ยังคงฟูมฟาย คณิตตบหน้าหญิงสาว
“โอ๊ย อย่าทำพักตร์”
พักตร์พริ้งเซถลา น้ำตาร่วงพรู เสียใจมาก
“รู้ไว้ซะด้วยว่าฉันขยะแขยงแกจะตาย แก่แล้วยังไม่เจียม ทำตัวเป็นสาวน้อย สะดีดสะดิ้ง ไม่ต้องสำออย หยิบสมบัติใส่ถุงนี่ให้หมด”
คณิตสั่งลูกน้อง ลูกน้องเข้ามา จ่อปืนใส่พักตร์พริ้ง พักตร์พริ้งเสียดายของปราดมาผลักลูกน้อง ร้องลั่น
“อย่านะ อย่า”
คณิตตรงเข้าตบซ้ำ พักตร์พริ้งล้มลงไป ร้องไห้ ลูกน้องทั้งสามกวาดสมบัติหมดเซฟแล้วก็ส่งให้คณิต
“แล้วอย่าบอกใครล่ะ ไม่งั้นตายหมดบ้าน”
คณิตกับลูกน้องวิ่งหนีไป พักตร์พริ้งตามไป ร้องโวยวาย
“คุณคณิต กลับมา คุณจะทำอย่างนี้กับพักตร์ไม่ได้นะคะ”
พักตร์พริ้งวิ่งลงบันไดมา คณิตกับลูกน้องจะออกจากห้อง พักตร์พริ้งตรงไปกอดคณิตไว้
“สมบัติทั้งหมดนี่เป็นของคุณ แต่คุณไม่ต้องทำแบบนี้ พักตร์ให้คุณหมด ขออย่างเดียวคุณต้องรักพักตร์ มาอยู่กับพักตร์นะคะ”
เสียงหัวเราะของมนต์ทิพย์ดังมา ทั้งหมดมองไปรอบๆ มนต์ทิพย์ก้าวเข้ามาในบ้าน
สีหน้าและท่าทางวางอำนาจน่าหวาดกลัว พักตร์พริ้งโกรธ
“แก”
“แส่หาเรื่องเหรอวะ.สวยๆ อย่างนี้ ไม่กลัวเหรอ เฮ้ย พวกเอ็งจัดการ”
ทั้งสามคนกรูเข้าหา มนต์ทิพย์ตวัดมือเหมือนตบในอากาศ ทั้งสามกระเด็นไปคนละทาง คณิตยืนตะลึง ตัวสั่น
“หนูทิพย์ ช่วยอาด้วย ช่วยอาด้วยนะ”
“ช่วยแน่”
มนต์ทิพย์เลียริมฝีปาก ดวงตาผี น่ากลัว ลูกน้องสามคนเห็นท่าไม่ดี วิ่งหนีออกไป คณินร้อง
“เฮ้ยๆๆ กลับมาก่อนสิวะ”
“เศษสวะพวกนั้น หนีตายเอาตัวรอดไปหมดแล้ว”
คณิตหัวเราะ ทำใจดีสู้เสือ
“กะแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอเนี่ยนะ”
“ทิพย์บอกคุณอาแล้วไงคะ ว่าไอ้แมงดาที่มันมาติดพันคุณอา มันจะปอกลอกคุณอาจนหมดตัว คุณอาก็ไม่เชื่อ แต่อย่ากลัวไปเลยค่ะ ทิพย์จะจัดการให้เอง”
ผีเจ้าแสยะยิ้ม แลบลิ้น น่ากลัวมาก ทั้งพักตร์พริ้งและคณิตผงะ
“เฮ้ย ผี”
“มัน มันเป็นผีปอบค่ะคุณคณิต”
พักตร์พริ้งช็อกจนก้าวขาไม่ออก ขณะคณิตวิ่งปร๋อไปที่ประตู ผีเจ้าหายตัวไปดักหน้าไว้ คณิตชะงัก ตกใจ
“จะไปไหน”
“อย่า อย่าทำฉัน กลัวแล้ว กลัวแล้ว”
“ทีทำชั่ว ทำไมไม่กลัว”
“ไม่เอาแล้ว ไม่เอาแล้วก็ได้ ฉันคืนให้นะนะ ปล่อยฉันไปเถอะนะ”
มนต์ทิพย์หัวเราะหยัน ชูมือผี
“อย่ากลัวไปเลย ไส้คนชั่วอย่างเจ้า ข้ากินไม่ลงหรอก”
“ขอบใจนะ หนูทิพย์ ขอบใจ ฉันไปล่ะ”
“แต่ข้าจะควักตับไตไส้พุงของเอ็งมาให้หมามันกิน”
มนต์ทิพย์กระซวกท้องคณิต คณิตตาเหลือกโปน ร่างสะดุ้ง พักตร์พริ้งกรีดร้องลั่น มองภาพมนต์ทิพย์ควักไส้คณิตออกมากองจนขาดใจตาย พักตร์พริ้งกรีดร้องสุดเสียง
“คุณคณิต ฮือๆๆ”
พวงครามกับนมผ่องวิ่งออกมาจากห้อง ตกใจมาก เสียงกรีดร้องของพักตร์พริ้งดังตลอดเวลา
“เสียงคุณพักตร์ร้องทำไม เกิดอะไรขึ้น”
“คุณคะ อย่าเพิ่งออกไปค่ะ ให้อิฉันไปดูก่อน รออยู่นี่นะคะ”
พวงครามหันไปทางห้องบุญสลัก วิ่งไปทุบประตู นมผ่อง
“บุญสลัก ทิพย์ ตื่นเร็วเข้าลูก ทิพย์ บุญสลัก”
บุญสลักเปิดประตูออกมา
“เกิดอะไรขึ้นครับคุณแม่”
“อาพักตร์ลูก ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น หนูทิพย์ล่ะลูก”
“ทิพย์หลับอยู่ครับ”
“ไม่เป็นไร เรารีบไปกันเถอะ”
ทั้งสองรีบออกไป ภายในห้องมีแต่หมอนข้างที่ถูกคลุมด้วยผ้าห่ม แต่ไม่ใช่มนต์ทิพย์
พวงครามกับบุญสลักวิ่งเข้ามา ตกใจมาก นมผ่องยืนตัวสั่น พักตร์พริ้งนั่งข้างศพคณิต ควักไส้พุงคณิตเล่น กรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง ถุงเครื่องเพชรตกอยู่ เพชรทองกระจัดกระจาย
“คุณพักตร์ ตายจริง”
“คุณคณิต ผีปอบมันฆ่าคุณคณิตของพักตร์ คุณต้องไม่ตายนะคะ ลุกมาคุยกับพักตร์ก่อน คุณไม่ได้หักหลังพักตร์ใช่มั้ยคะ”
พักตร์พริ้งซบหน้ากับศพ มือก็เล่นไส้ไปด้วย พวงครามกับบุญสลักเบือนหน้าหนี สยองมาก รับไม่ได้
“ผมโทรแจ้งตำรวจก่อนนะครับคุณแม่”
“โอย ฉันจะเป็นลม”
มนต์ทิพย์เข้ามา
“เกิดอะไรขึ้นหรือคะ”
พวงครามกับนมผ่องรีบมาขวางมนต์ทิพย์ไว้
“หนูอย่าเข้าไปเลยลูก แม่ไม่อยากให้ทิพย์เห็น”
“ใช่ค่ะ คุณทิพย์ออกไปก่อนนะคะ ไปอยู่ที่บ้านเถอะค่ะ”
พักตร์พริ้งหันมาเห็นมนต์ทิพย์ ชี้หน้า
“อีผีปอบ อีปอบนี่มันฆ่าคุณคณิต”
บุญสลักมองมนต์ทิพย์ สงสัย แต่ไม่ปักใจว่าเป็นฝีมือภรรยา เพราะยังนอนกอดอยู่เมื่อครู่ จันทร์กรีดร้อง ทุกคนตกใจ จันทร์โผเข้ามา ชะงัก เมื่อเห็นศพคณิต
“คุณคณิต ฮือๆ ทำไมเป็นแบบนี้ คุณคณิต ตื่นสิ คุณคณิต ตื่น”
พักตร์พริ้งไม่พอใจ ผลักจันทร์
“อีบ้า แกมายุ่งอะไรด้วย นี่คุณคณิตผัวฉัน ออกไป อีขี้ข้า”
“เขาเป็นผัวฉัน คุณคณิตเป็นผัวฉัน”
“หา แกว่าอะไรนะนังจันทร์”
“รู้ไว้ซะด้วย เขาเป็นผัวฉัน เขาไม่ได้รักแก อีแก่ เขาทำดีกับแกก็เพื่อเงิน รู้ไว้ซะจะได้หายโง่”
พวงครามตกใจ
“ตายแล้ว นี่หล่อนเป็นนางนกต่อเหรอ บุญสลัก แจ้งตำรวจจับมันเลย เร็ว เร็วสิ”
จันทร์ได้สติรีบผละจากศพของคณิตวิ่งหนีไปอย่างเร็ว
“มันไปแล้วค่ะ นมไปโทรแจ้งตำรวจเองค่ะ”
นมผ่องแยกไป พวงครามมองพักตร์พริ้ง จะเป็นลม มนต์ทิพย์รับร่างพวงครามไว้
“คุณแม่ทำใจดีๆ นะคะ ทิพย์จะพาคุณแม่ไปพักผ่อนก่อนค่ะ”
มนต์ทิพย์มองพักตร์พริ้ง สะใจ ประคองพวงครามออกไป พักตร์พริ้งร้องไห้คร่ำครวญอยู่กับร่างของคณิต บุญสลักเข้ามาประคองอา
“อาพักตร์”
“อย่ามายุ่งกับฉัน ฉันจะอยู่กับคุณคณิตผัวฉัน ฮือๆๆ ตื่นมาพูดกับเมียสิคะคุณคณิต”
เช้าวันใหม่ พักตร์พริ้งลืมตาขึ้นบนเตียงคนไข้ในห้องพิเศษของโรงพยาบาล เธอตกใจ ผงะหนี
“นังมนต์ทิพย์ นังปอบ แกอย่าทำอะไรฉันนะ”
มนต์ทิพย์ยิ้มเหี้ยม
“คิดว่าจะรอดมือฉันได้เหรอ”
พักตร์พริ้งกระถดหนี สายน้ำเกลือกับสายช่วยชีวิตต่างๆ ระโยงระยางถูกกระชากด้วยความกลัวของพักตร์พริ้ง
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
นมผ่องวิ่งเข้ามา
“คุณพักตร์ขา”
“นม ดูคุณพักตร์ด้วย ทิพย์ไม่รู้จะช่วยยังไงแล้วค่ะ”
.“ตามหมอเถอะค่ะ คุณทิพย์ ทางนี้นมดูเอง”
“ค่ะนม”
มนต์ทิพย์ออกไป พักตร์พริ้งหอบหายใจเหนื่อย
“คุณพักตร์อยู่นิ่งๆ นะคะ เดี๋ยวจะกระเทือนถึงเด็กในท้อง”
“เด็กในท้อง แกพูดอะไรของแก หา นังผ่อง อีบ้า”
มนต์ทิพย์นั่งอยู่หน้าห้องพักคนไข้ พวงคราม แฟรงค์ บุญสลักเดินเข้ามา
“อาพักตร์อาละวาดเพิ่งสงบไปค่ะ ทันทีที่รู้ผลการตรวจจากหมอ”
“อาพักตร์เป็นอะไร”
“ท้องค่ะ”
ทุกคนตกใจ พวงครามถามเสียงสั่น
“อะไรนะ คุณพักตร์ท้องเหรอ ตายจริง แก่ยังงี้ท้องได้ไง นี่ก็ยังไม่รู้ว่าคุณพักตร์จะถูกตำรวจตั้งข้อหาฆ่าคนตายหรือเปล่า”
“อาพักตร์ให้การว่าเป็นฝีมือปอบ”
มนต์ทิพย์แกล้งเมินไปทางอื่น แฟรงค์ลอบมอง
“แต่แม่ไม่เชื่อ ถ้าเป็นปอบมันต้องกินไส้จนหมด นี่มันเล่นเอามากองไว้ข้างตัว ตำรวจเขาก็ไม่เชื่อเรื่องผีเรื่องสางอะไรทั้งนั้น เวรกรรมของคุณพักตร์แท้ๆ เลย”
มนต์ทิพย์ยิ้มสะใจ
“เข้าไปดูอาพักตร์กันเถอะครับ”
บุญสลักนำทุกคนเข้ามาในห้อง พักตร์พริ้งเห็นมนต์ทิพย์ก็โวยวายทันที
“ออกไป เอามันออกไป มันเป็นปอบ มันจะฆ่าฉัน ฮือๆๆ”
พักตร์พริ้งดิ้นรนจะหนี ทุกคนช่วยกันจับ
“คุณพักตร์ คุณพักตร์ ทำใจดีๆ ค่ะ ไม่มีใครทำอะไรคุณพักตร์ได้นะคะ คุณพักตร์”
“พักตร์กลัว ออกไป นังผีปอบ ออกไป”
“ทิพย์รอข้างนอกนะคะ อาพักตร์จะได้พักผ่อน ทิพย์เสียใจค่ะ มีแต่คนเข้าใจทิพย์ผิด”
มนต์ทิพย์ออกไป แฟรงค์มองตามสงสัย
“คุณพี่ คุณพี่ต้องเชื่อพักตร์นะคะ นังมนต์ทิพย์มันเป็นปอบ มันจะฆ่าพักตร์”
“สงบสติอารมณ์ก่อนเถอะค่ะ”
มนต์ทิพย์บอกกับบุญสลัก โดยมีแฟรงค์ยืนฟังอยู่
“ทิพย์จะกลับบ้านไปพักผ่อนค่ะ เตรียมอาหารให้คุณแม่ ก็ยังดีกว่าอยู่รกหูรกตาอาพักตร์ เดี๋ยวอาละวาดขึ้นมา คนจะยิ่งโทษทิพย์”
มนต์ทิพย์เดินไป บุญสลักทำท่าจะตามไป แต่แฟรงค์ฉวยมือบุญสลักไว้
“นายไม่สงสัยทิพย์บ้างเลยเหรอ”
บุญสลักไม่พอใจ
“ทิพย์ไม่ได้เป็นอย่างที่ใครพูดกัน คืนเกิดเหตุ ทิพย์นอนอยู่กับฉันแล้วแกก็เห็นนี่แฟรงค์ ทิพย์ใส่สร้อยตลอดเวลา พระที่ห้อยคออยู่คงไม่ทำให้ทิพย์เป็นปอบได้หรอก”
“นายแน่ใจเหรอ”
“แฟรงค์”
บุญสลักจะต่อย แต่แฟรงค์รีบผละออกห่าง
“ถ้านายยังเห็นฉันกับทิพย์เป็นเพื่อน อย่าพูดอย่างนี้อีก จำไว้”
บุญสลักเดินไป
ท้องฟ้าครึ้มเหมือนฝนจะตก มนต์ทิพย์อยู่ในบ้าน ได้ยินเสียงร้องไห้สะอื้นเบาๆ
“ใคร ใครร้องไห้อยู่แถวนี้”
ละอองคำปรากฏร่างขึ้น นั่งงอตัว ซบหน้าร้องไห้ ในสภาพทรุดโทรมมาก
“ยาย”
“ไปหายายรุ้งแก้ว ให้ยายช่วย หนูจะได้หลุดพ้นจากการเป็นทาสของผีเจ้า ยายขอโทษ ยายขอโทษ”
มนต์ทิพย์อึ้งไป แต่ไม่สนใจฟัง
“มันสายไปแล้วยาย ใครที่มันทำให้หนูเจ็บ มันต้องตาย”
“ให้ยายบาปคนเดียวเถอะ อย่าสร้างเวรสร้างกรรมอย่างยายเลย ต่อไป หนูจะทุกข์ทรมานไม่ต่างจากยาย เชื่อยายเถอะนะ”
มนต์ทิพย์มองยาย ดวงตาเปลี่ยนเป็นตาผี เสียงฟ้าร้องครืนๆ ดังมา
“อีละอองคำเหย คิดทรยศกูเหรอ”
เงาร่างผีเจ้าซ้อนร่างของมนต์ทิพย์ มนต์ทิพย์เดินเข้าหาละอองคำ ละอองคำหวาดกลัวมาก กระถดหนี
“ไม่ๆๆ ผีเจ้า สงสารข้ากับหลานเถอะ อย่าทำอะไรข้า”
มนต์ทิพย์ซึ่งมีผีเจ้าสิงอยู่ กระชากผมละอองคำจนหน้าหงาย ละอองคำร้องไห้คร่ำครวญ
“ผีเจ้า อย่าทำข้า อย่าทำข้า”
“จำไว้อีละอองคำ ถ้าคิดทรยศกับกูอีก กูจะทรมานมึงด้วยมือของหลานสาวสุดที่รักของมึงนี่แหละ ไป”
ละอองคำร้องไห้แล้วเลือนหายไป เงาร่างผีเจ้าหายไปด้วย มนต์ทิพย์ยืนตะลึง มองดูมือตัวเอง พลิกไปมา เสียงฝนตกอยู่ข้างนอกบ้านดังมา แล้วฟ้าผ่าเปรี้ยง แสงฟ้าสาดเข้ามาในบ้าน
คืนนั้น บุญสลักนอนกอดมนต์ทิพย์อยู่ มนต์ทิพย์ลืมตาขึ้น เอาแขนของบุญสลักออกจากตัว เดินออกไปข้างนอก บุญสลักนอนกอดหมอนข้าง เข้าใจว่าเป็นมนต์ทิพย์
ภายในห้องพักคนไข้ เปิดไฟไว้สว่างเพียงสลัวๆ นมผ่องนอนหลับสนิท พักตร์พริ้งนอนจมกองทุกข์ หมดอาลัยในชีวิต น้ำตาไหล เอามือแตะท้องเบาๆ
“ลูก”
“ลูก สายเลือดพวกสิบแปดมงกุฎ ลูกที่จะนำมาแต่ความอัปยศอดสู ต้องอับอายไปจนวันตาย ผีบรรพบุรุษจะต้องสาปแช่งแก อีพักตร์พริ้ง”
มนต์ทิพย์เดินเข้ามา หน้าตาดุ ยิ้มหยัน พักตร์พริ้งกระถดตัวหนี กลัวมาก หันมองนมผ่อง
“นมผ่อง นมผ่อง”
นมผ่องไม่รู้เรื่อง ฟุบหลับต่อ
“ไม่ต้องกลัว ฉันไม่ให้แกตายง่ายๆ หรอก แกจะต้องได้รับผลกรรมที่แกทำร้ายฉันแล้วก็ฆ่าลูกฉัน แกจะต้องทุกข์ทรมานกับชีวิตบัดซบของแกไปจนตาย”
มนต์ทิพย์หัวเราะ บิดมือไปมา พักตร์พริ้งสะดุ้งเฮือก ครวญครางด้วยความเจ็บปวด
“โอ๊ย เจ็บเหลือเกิน ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย”
“ไม่มีใครช่วยแกได้หรอก อีคนบาปหนา”
ผีเจ้าซ้อนในร่างมนต์ทิพย์ แล้ววูบใส่ร่างของพักตร์พริ้ง พักตร์พริ้งกรีดร้อง ดิ้นรน กลัวสุดชีวิต
“อย่านะ อย่า”
ท้องพักตร์พริ้งโย้ไปมา ขาสั่นฟาดกับเตียง ดิ้นรน หน้าเหยเก มนต์ทิพย์มองด้วยความสะใจ แล้วถอยออกไป ท้องของพักตร์พริ้งค่อยเป็นปกติ เหงื่อแตกพลั่ก หอบเหนื่อย
นมผ่องตื่นขึ้นมา
“คุณพักตร์เป็นอะไรคะ”
“อีปอบมนต์ทิพย์มันจะฆ่าฉัน ฉันเรียกแกลั่นห้อง แกก็ไม่ตื่น แกอยากเห็นฉันตายใช่มั้ย นังนมผ่อง ฮือๆๆ”
อัปสรนั่งซึม แฟรงค์กับพรเทพนั่งอยู่ด้วย
“ผมพยายามติดต่อทิพย์แล้วครับ แต่ไม่มีโอกาสเลย บุญสลักบอกว่าทิพย์ไม่ค่อยสบาย กลางวันเอาแต่นอน”
“กลางวันปอบมันจะไม่มีพลัง” รุ้งแก้วบอก
“สร้อยคอเส้นนั้นไม่ช่วยอะไรเลยเหรอคะคุณน้า สวมพระอยู่ตลอดทำไมปอบยังแฝงร่างทิพย์ได้”
ปีบอึกอัก พรเทพหันมาเห็น
“มีอะไรหรือเปล่าปีบ”
“สร้อยที่คุณทิพย์ใส่อยู่ คงไม่ใช่สร้อยพระหรอกค่ะ แต่เป็นเส้นอื่น”
“หมายความว่ายังไง”
“คุณพวงครามถอดสร้อยให้คุณทิพย์ค่ะ ปีบห้ามก็ไม่เชื่อ”
“ถึงว่าสิ”
ทุกคนหน้าเสียไป
แฟรงค์มาหาเขมิกาที่บ้าน เขมิกาเชิดหน้าบอกแฟรงค์
“เขมไม่กลัวมันหรอก คุณต่างหากที่ต้องระวังตัว แฟรงค์ อย่าคิดว่าหลงรักมันแล้ว ปอบมันจะไว้ชีวิต”
“ผมมาบอกคุณก็เพราะเป็นห่วง รู้ว่าทิพย์เขาอาฆาตคุณ ก็เลยจะบอกให้ระวังไว้”
“ขอบใจ แล้วจำไว้ด้วย เขมไม่มีวันแพ้มัน มันฆ่าคุณย่าของเขมตายยังไง เขมก็ต้องแก้แค้นมันให้ได้”
“ถ้าไม่เชื่อก็ตามใจ ผมเตือนคุณแล้วนะเขม”
แฟรงค์ออกไป เขมิกาจับสร้อยคอที่พ่อให้มาดูด้วยความมั่นใจ
พักตร์พริ้งนั่งซึมอยู่ในบ้าน จับท้องตัวเอง เขมิกานั่งอยู่ด้วย
“สมัยนี้ใครๆ เขาก็เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวกันทั้งนั้น อาพักตร์รวยจะตาย ไม่เห็นต้องแคร์ใคร เลิกเศร้า แล้วมาช่วยกันคิดว่าจะแก้แค้นคนที่มันทำให้ชีวิตอาพักตร์ต้องเป็นแบบนี้ดีกว่าค่ะ”
“แต่นังมนต์ทิพย์มันเป็นปอบ มันน่ากลัวมากนะหนูเขม”
“อย่าไปกลัว เราก็ต้องสู้กับมันสิคะ”
“เขม อาจะเอาอะไรไปสู้กับมัน”
เขมิกาส่ายหน้า มองพักตร์พริ้ง ด้วยสายตาผิดหวัง เหยียดหยาม พึมพำเบาๆ
“โง่เง่าแบบนี้สิ ถึงได้ถูกไอ้คณิตมันหลอกเอา ผู้ชายเต็มเมือง ดั๊นไปคว้าเอาพวกสิบแปดมงกุฏมาเป็นผัว น่าสังเวชแท้ๆ”
“หนูเขม อาบอกตรงๆ อากลัว อาไม่อยากยุ่งกับมันหรอก”
“คุณอาจะปล่อยให้คุณคณิตตายฟรีๆ หรือไง นี่ค่ะพระเครื่องของคุณพ่อ ท่านฝากมาให้คุณอา”
พักตร์พริ้งมองอย่างลังเล เขมิกาจึงเล่าเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระเครื่อง
“จะดีเหรอ”
“วันที่มันไปที่บ้านเขม มันฆ่าคุณย่าตาย แต่มันทำอะไรคุณพ่อไม่ได้ ก็เพราะพระเครื่องพวงนี้แหละค่ะ”
พักตร์พริ้งมองพระอย่างตื่นเต้น รับพระมาคล้องด้วยความดีใจ
“หนูเขมให้อาจริงๆ เหรอ”
“จริงสิคะ คุณพ่อท่านมีพระเก่าเยอะ ท่านให้เอามาให้คุณอาไว้ป้องกันตัวค่ะ สวมสร้อยพระนี้ไว้นะคะ รับรองว่านังมนต์ทิพย์มันทำอะไรอาพักตร์ไม่ได้แน่”
พักตร์พริ้งจับพระที่คอด้วยความอุ่นใจ เขมิกายิ้มร้าย
“อาอยากแก้แค้นนังมนต์ทิพย์”
“เขมมีวิธี แต่เราต้องร่วมมือกัน”
พักตร์พริ้งมองหน้าเขมิกา ดวงตาวาวโรจน์มีคำถาม
เจ้านาง ตอนที่ 16 อวสาน (ต่อ)
บุญสลักกำลังง่วนกับแบบแปลนบนโต๊ะทำงาน พักตร์พริ้งเดินเข้ามา
“มีเวลาให้อาสักครู่มั้ย บุญสลัก”
บุญสลักเงยหน้าขึ้นทันที เห็นเขมิกาตามพักตร์พริ้งเข้ามาด้วย
“ทำไมไม่คุยกันที่บ้านล่ะครับ”
“อากล้าซะที่ไหนล่ะ เราก็รู้อยู่ว่าอะไรเป็นอะไร”
“คุณอาหมายถึงเรื่องอะไรครับ”
“อารู้เรื่องมนต์ทิพย์หมดแล้ว แล้วอาก็คิดว่าบุญสลักควรจะได้รู้อย่างที่อารู้ด้วย”
บุญสลักมองเขมิกาทันทีด้วยสายตากล่าวหา ไม่พอใจ
“ถ้าคุณอาพักตร์จะกล่าวหาทิพย์ล่ะก็ ผมไม่อยากฟัง”
เขมิกาหน้าบึ้งไม่พอใจ
“ฟังอาก่อน อาหวังดีกับหลานนะ อาเจอเข้ากับตัวเองนะ”“เรื่องที่คุณคณิตตาย อาก็เห็นกับตา คุณอาครับ ผมไม่เชื่อ ทิพย์สวมพระอยู่ตลอดเวลา อีกอย่าง ทุกครั้งที่มีเรื่องเกิดขึ้นทิพย์ก็นอนอยู่กับผม”
“สร้อยเส้นนั้นเป็นของปลอมค่ะ แม่คุณหลงกลทิพย์ เลยช่วยถอดสร้อยพระออกจากคอของทิพย์เอง ถ้าไม่เชื่อก็ถามแม่คุณดูสิคะ”
บุญสลักอึ้งไป
“เป็นสร้อยปลอมที่สวมไว้เพื่อตบตาหลาน เพราะถ้าเป็นสร้อยพระจริง ก็ต้องมีอำนาจยับยั้งปอบได้”
บุญสลักถอนใจ เขมิกาหยิบขวดน้ำมนต์ขวดเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋าและสร้อยพระอีกสองเส้น
“น้ำมนต์เจ็ดวัดของคุณพ่อ ศักดิ์สิทธิ์มากค่ะ จำได้มั้ยคะ เขมเคยมาหาคุณ แล้วแอบพรมใส่เสื้อคุณวันนั้น ลองนึกดูดีๆ สิคะว่าน้ำมนต์นี่ได้ผลหรือเปล่า วันนั้นทิพย์ถูกตัวคุณได้มั้ย”
บุญสลักนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น ที่เขาจะกอดมนต์ทิพย์ แต่มนต์ทิพย์บ่ายเบี่ยง พักตร์พริ้งปาดน้ำตา แล้วจับมือบุญสลัก
“ถ้าหลานอยากให้หนูทิพย์พ้นจากอำนาจปอบ เราต้องช่วยกัน”
“พระองค์นี้เขมขอคุณพ่อมา ถ้าคล้องให้ทิพย์ได้สำเร็จ ผีปอบก็จะไม่สามารถใช้ร่างของทิพย์ไปฆ่าใครได้อีก”
“คิดดูให้ดีๆ นะบุญสลัก มนต์ทิพย์ต้องทรมานมากก็จริง แต่มันก็ดีกว่าปล่อยให้เมียของหลานออกไปฆ่าคนไม่ใช่รึ”
เขมิกาและพักตร์พริ้งเข้ามานั่งในรถ ยิ้มมีความสุขที่แผนการจะสำเร็จ
“หนูเขมแน่ใจเหรอว่าบุญสลักจะยอมร่วมมือกับเรา”
“เราจี้ถูกจุดแบบนี้ มีรึที่บุญสลักจะไม่อยากช่วยนังมนต์ทิพย์”
เขมิกาหัวเราะสะใจ พักตร์พริ้งยังกลัวอยู่ แตะพระที่คอเพื่อความอุ่นใจ
“ช่วงนี้อาพักตร์เครียดๆ ไปทำสปาหน่อยมั้ยคะ จะได้ผ่อนคลาย เดี๋ยวค่ำๆ เขมไปส่งที่บ้านค่ะ”
“ค่ำเลยเหรอคะ หนูเขม”
เขมิกาหัวเราะ
“จะกลัวอะไรล่ะคะ เราคล้องพระแบบนี้ นังปอบมนต์ทิพย์มันทำอะไรเราไม่ได้หรอกค่ะ เขมเจอมากับมันมาตั้งหลายหน มันทำอะไรเขมได้ที่ไหน”
“จริงเหรอหนูเขม ถ้าหนูเขมมั่นใจ อาก็จะไปทำสปา เผื่อจะผ่อนคลายขึ้นบ้าง”
“เขมอยู่ข้างคุณอาเสมอค่ะ”
พวงคราม อัปสร นมผ่อง แฟรงค์ ต่างนั่งหน้าเครียดอยู่ในบ้าน บุญสลักเข้ามา ตกใจนิดๆ ที่เห็นอัปสรกับแฟรงค์
“กลับมาแล้วหรือลูก”
“เอ่อ ครับ”
“แม่รู้เรื่องหมดแล้วนะลูก แม่เสียใจที่หลงกลถอดสร้อยให้ทิพย์ ยกโทษให้ฉันด้วยนะคะ คุณอัปสร”
“ดิฉันดีใจค่ะ ที่คุณพวงครามไม่รังเกียจยัยทิพย์”
“ไม่เลยแม้แต่นิดเดียวค่ะ”
“คุณทิพย์เป็นเด็กน่ารัก ที่เกิดเรื่องนี้ขึ้นก็คงจะเป็นกรรมเก่านั่นแหละค่ะ เราต้องช่วยเธอให้ได้”
“ใช่ครับนม ทีนี้ก็เหลือแต่นาย บุญสลัก จะตัดสินใจยังไง ยิ่งกันทิพย์ออกจากพวกเรา ทิพย์ก็จะยิ่งถูกอำนาจปอบครอบงำ ถึงเวลาแล้วเพื่อน ที่เราต้องช่วยทิพย์ให้ได้”
บุญสลักแตะพระในกระเป๋าเสื้อ ใช้ความคิด
บุญสลักเปิดประตูเข้ามาในห้อง มนต์ทิพย์ยิ้มหวาน จะเข้าหาสามี แต่ชะงัก เห็นที่มือบุญสลักมีพระเครื่อง ส่องแสงเรืองรอง มนต์ทิพย์ถอยหนี
“ทิพย์ ผมรักทิพย์นะ ทิพย์ต้องอดทน เราจะช่วยกันกำจัดผีร้ายให้ได้”
“ไม่นะ ถ้าคุณรักทิพย์ คุณต้องไม่ทำร้ายทิพย์”
บุญสลักยิ่งลังเล อัปสร พวงคราม แฟรงค์ นมผ่องเข้ามา
“ทิพย์ รับพระไว้นะลูก”
“ไม่ อย่านะ”
“ทิพย์ หยุดสร้างเวรสร้างกรรม อย่าเห็นผิดเป็นชอบเลยนะลูก” พวงครามช่วยพูด
“ผีปอบจะทำให้ชีวิตของลูกทุกข์ทรมาน เหมือนอย่างยายละอองคำ”
“เข้มแข็งสิทิพย์ อย่าให้ปอบครอบงำแกได้”
“ออกไปให้หมด ออกไป อย่ามายุ่งกับฉัน”
มนต์ทิพย์ถอยหลังจนไปปะทะผนัง บุญสลักปราดเข้าไปหามนต์ทิพย์อย่างรวดเร็ว แล้วคล้องพระ ผีเจ้าพุ่งเข้าใส่บุญสลัก เกิดแรงปะทะกับแสงแห่งพุทธคุณ บุญสลักล้ม
ผีเจ้าดิ้นทุรนทุราย หวีดร้อง
“โอ๊ย”
“ผีเจ้า”
ทุกคนผงะถอย หวาดกลัว ผีเจ้าตวาดใส่มนต์ทิพย์
“โอ๊ย ช่วยข้าด้วย มนต์ทิพย์ ช่วยข้าด้วย”
มนต์ทิพย์ตัดสินใจถอดสร้อยคอแล้วขว้างไปที่เตียงนอน ฉับพลันผีเจ้าหายวับซ้อนเข้าร่างมนต์ทิพย์ วิ่งฝ่าทุกคนออกไป นมผ่องร้องอย่างตกใจ
“คุณทิพย์”
“ทิพย์ ทิพย์”
บุญสลักคว้าสร้อยคอที่ถูกขว้างไปบนเตียง ทุกคนวิ่งตามไป
รถเขมิกาเล่นมา ทั้งเขมิกาและพักตร์พริ้งมีความสุขมาก
“ทำสปาแล้วรู้สึกดีขึ้นบ้างมั้ยคะ”
“เบาเนื้อเบาตัวขึ้นมากเลยจ้ะ”
“เขมอยากรู้จังค่ะ ว่าป่านนี้บุญสลักจะจัดการยังไงกับนังมนต์ทิพย์”
“คงจะร้องโหยหวนอย่างน่าสมเพช”
ผีเจ้ายืนอยู่ริมถนน มองทั้งสองด้วยสายตาอาฆาตแค้น
“เขมล่ะอยากจะจับมันเผาทั้งเป็น ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย”
“ดีจ้ะ หนูเขม”
รถแล่นผ่านไป ทั้งสองหันมาสบตากัน เหมือนเห็นอะไรผิดสังเกต เขมิกาหันกลับไป ตกใจ เห็นผีเจ้ายืนขวางถนนตัวใหญ่กว่าปกติ กางมือ หน้าตาดุดัน อ้าปากกว้าง เขมิกากรีดร้องสุดเสียง หักรถหลบด้วยความตกใจ รถพุ่งเข้าข้างทางชนกับเสาไฟฟ้าอย่างจัง ชาวบ้านที่อยู่บริเวณนั้นพากันวิ่งมา แล้วกรูกันไปที่รถของเขมิกา เปิดประตูรื้อค้นหาของมีค่าอย่างเร่งรีบ เขมิกากับพักตร์พริ้งตกใจ แต่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
“โอ๊ย พวกแกจะทำอะไร มีน้ำใจจะช่วยฉันบ้างมั้ย”
“หนูเขม หนูเขมเป็นยังไงบ้าง อย่านะ ออกไป”
ชาวบ้านไม่สนใจกวาดตาหาของมีค่าในรถ แสงไฟจากหน้ารถยังสาดไปข้างหน้า เขมิกาเห็นมนต์ทิพย์ยืนอยู่ไม่ไกล จ้องเขม็ง
“นังมนต์ทิพย์”
พักตร์พริ้งมองตาม ตกใจ รีบจับสร้อยที่คอ ชาวบ้านเห็น
“สร้อย เอามา ทองด้วยโว้ย”
ชาวบ้านกระชากสร้อยไป พักตร์พริ้งโวยวายกรีดร้อง
“อย่านะ อย่าเอาสร้อยฉันไปนะ เอามานี่ ไอ้ขโมย เอามา”
เขมิกาตกใจ เพราะตัวเองก็ถูกดึงสร้อยพระออกไปเหมือนกัน
“อย่านะ ไอ้พวกบ้า เอาสร้อยฉันคืนมานะ”
ชาวบ้านได้ของแล้วก็วิ่งหนีกันไป พักตร์พริ้งกับเขมิกาเสียดายของ ร้องไห้ มนต์ทิพย์แสยะยิ้มน่ากลัว เขมิกามองด้วยสายตาตระหนก มนต์ทิพย์เข้ามาหยุดที่หน้ารถ
“ในที่สุด มึงก็หนีกูไม่พ้น”
พักตร์พริ้งกับเขมิกากลัวลนลานมาก มนต์ทิพย์ยื่นมือผีออกมา จะถึงเขมิกา เสียงละอองคำดังขึ้น
“อย่ามนต์ทิพย์ อย่าทำ”
“ใคร ใครจะลองดีกับข้า”
ละอองคำปรากฏตัวรางๆ
“ยายเอง มนต์ทิพย์ ยายทำบาปคนเดียวก็พอแล้ว หลานอย่าฆ่าใครอีกเลย”
มนต์ทิพย์สับสนมาก ผีเจ้าโกรธ
“อีละอองคำ”
ทุกคนนั่งหน้าเครียด ขณะบุญสลักเดินไปมาเป็นหนูติดจั่น ถอนใจเป็นระยะ แฟรงค์หันมาถามอัปสร
“ทิพย์กำลังโกรธมาก แล้วเขาจะไปที่ไหนได้ครับคุณน้า”
“น้าก็นึกไม่ออก แต่น้ากลัวว่าทิพย์จะไปแก้แค้นใครเข้าอีก”
บุญสลักหยุดกึก มองหน้าทุกคน นึกได้
“อาพักตร์ กับเขม”
นมผ่องกับพวงครามมองหน้ากันหน้าซีด บุญสลักรีบโทรศัพท์หาพักตร์พริ้ง แต่ไม่มีคนรับสาย แฟรงค์พอจะเข้าใจแล้วว่ามนต์ทิพย์อาจไปหาสองคนนั่น
“เดี๋ยวฉันจะลองโทรเข้าเครื่องเขม”
“อาพักตร์ไม่รับสาย”
“คุณเขมก็เหมือนกัน”
“วันนี้อาพักตร์กับเขมไปพบผมที่ออฟฟิศ พระที่ผมเอามาสวมคอทิพย์เป็นของเขมครับ”
“คุณพระช่วย เราต้องรีบบอกให้สองคนนั่นรู้ตัวก่อน”
แฟรงค์พูดเบาๆ กระวนกระวาย
“อย่านะทิพย์”
แฟรงค์กดโทรศัพท์อีกครั้ง สองหนุ่มกดโทรศัพท์อย่างร้อนใจ
“น้าว่าเราน่าจะไปตามที่”
“ที่ไหนครับ”
เขมิกากับพักตร์พริ้งถูกผลักเข้ามาข้างในเรือนปั้นหยาของละอองคำ ล้มกลิ้งไปคนละทาง เลือดยังเกรอะกรังไปทั้งตัวและใบหน้า
“โอ๊ย”
“อย่า หนูทิพย์ อย่าทำอา”
“ไม่ต้องมานับญาติกับกู อีพักตร์พริ้ง กูอุตส่าห์ไว้ชีวิต มึงก็ยังไม่สำนึก มึงมันชั่วเข้ากระดูกดำจริงๆ”
พักตร์พริ้งคลานเข้าไปกอดขามนต์ทิพย์
“อาผิดไปแล้ว ก็เพราะนังเขมิกามันเป่าหูอาน่ะสิ อาถึงได้หลงผิด ยกโทษให้อานะหลานนะ มนต์ทิพย์หลานรักของอา”
“อ้าว อาพักตร์ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ เอาตัวรอด เห็นแก่ตัว”
“ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าอา หล่อนน่ะหาแต่เรื่องซวยๆ มาให้ฉันนังเขม”
เขมิกาโกรธ เลือดขึ้นหน้า
“พูดจากลับกลอกแบบนี้นี่เล่า ถึงได้ถูกไอ้คณิตมันหลอกให้ นังโง่”
“หนอย อีนี่”
ทั้งสองปรี่เข้าตบกัน มนต์ทิพย์ปล่อยให้ตะลุมบอนกันจนหนำใจ
“หยุด เลวเหมือนๆ กันน่ะแหละ ฮึ ข้าจะกินไส้พวกเจ้าให้หมดเกลี้ยง ไม่ให้เหลือตกถึงพื้นให้เป็นเสนียดจัญไรแผ่นดินเลย”
พักตร์พริ้งตาโต ชี้มือสั่นๆ ไปทางเขมิกา
“กินมันก่อนเลยหลาน มนต์ทิพย์ กินอีนังเขมิกาก่อนเลยจ้ะ”
“หุบปาก ข้าจะกินเจ้านี่แหละ”
มือมนต์ทิพย์ยืดยาวออกไปคว้าคอพักตร์พริ้งไว้ เสียงละอองคำดังขึ้น
“อย่า มนต์ทิพย์ อย่าทำ หลานจะตกนรก ทุกข์ทรมานเหมือนยาย ยายสำนึกผิดแล้ว อย่าทำ”
มนต์ทิพย์ชะงัก มองไปรอบๆ บ้าน เห็นละอองคำยืนอยู่มุมหนึ่ง เธอปล่อยมือจากพักตร์พริ้ง
“อย่าหลงผิดเหมือนยายนะมนต์ทิพย์ ผีมันหลอกใช้หลาน อย่าเชื่อผี จะได้ไม่ต้องรับกรรมอย่างยาย”
ผีเจ้าปรากฏกายขึ้น
“เจ้ากำลังใจอ่อนกับศัตรู มนต์ทิพย์”
“แต่ยาย”
พักตร์พริ้งกับเขมิการีบวิ่งหนีออกไป ร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว ทั้งสองวิ่งตรงไปที่ประตู แต่ประตูปิดใส่หน้า
“ช่วยด้วย”
“มีใครอยู่มั้ย ช่วยด้วย”
ทั้งสองช่วยกันทุบประตู จะผลักออกไป แต่ไม่สำเร็จ
มนต์ทิพย์มองผีเจ้าแล้วก็มองละอองคำที่นั่งร้องไห้อยู่ เธอจะเข้าไปหาละอองคำ
“ยาย”
มนต์ทิพย์จะเดินไปหาละอองคำ ผีเจ้าพูดขึ้นทันที
“ที่เจ้าเห็นน่ะเป็นภาพลวงตา ยายละอองคำของเจ้าสุขสบายดี อย่าไปหลงเชื่อ เจ้าก็เห็นแล้วนี่ว่าข้าทำให้เจ้าได้ทุกอย่าง เจ้ามีอำนาจมีทุกอย่าง ศัตรูก็ทำร้ายเจ้าไม่ได้”
“แล้วบาปกรรมที่ทิพย์ฆ่าคนล่ะ ผีเจ้า บาปกรรมที่ทิพย์อกตัญญูกับยายกับแม่ล่ะ ผีเจ้า”
“ไม่มีบาปมีกรรมอะไรทั้งนั้น อำนาจของข้ายิ่งใหญ่ ยิ่งเจ้าเลี้ยงข้าให้อิ่มหนำสำราญมากเท่าไหร่ เจ้าก็จะยิ่งมีอำนาจมากขึ้นเท่านั้น อย่าอ่อนแอสิ มนต์ทิพย์ พวกมันทำร้ายเจ้ายังไง พวกมันฆ่าแม้กระทั่งลูกในท้องของเจ้า พวกมันทำลายพิธีแต่งงานของเจ้า เจ้ายังคิดจะให้อภัยมันอีกรึ ลงไปจัดการกับมันสิ ข้าหิว ไปสิ”
มนต์ทิพย์มองผีเจ้า แล้วพยักหน้า ออกไปนอกห้อง ละอองคำร้องไห้โฮ
“อย่า มนต์ทิพย์ อย่าตกอยู่ในอำนาจของมัน”
ผีเจ้าตรงเข้าหาละอองคำ
“แส่หาเรื่อง อีละอองคำ นี่ถ้าข้าไม่หิวนะ ข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่”
ละอองคำเลือนหายไปต่อหน้าต่อตา ผีเจ้าตวัดสายตามองไปรอบๆ แลบลิ้นเลียปาก
เขมิกากับพักตร์พริ้งร้องออกมาด้วยความกลัว เมื่อเห็นมนต์ทิพย์ยืนอยู่ที่หน้าบันได
“กลัวแล้ว ทิพย์อย่าทำอะไรเขมนะ เราเป็นเพื่อนกัน จำไม่ได้เหรอ”
“ใช่ๆๆ อาก็รักหนูนะ อารักหนูที่สุด สงสารอาเถอะ อย่าทำอะไรอาเลยนะ”
“คิดเหรอว่ากูจะเห็นใจ”
ผีเจ้าปรากฏด้านหลังมนต์ทิพย์
“ฆ่ามัน ข้าหิว”
ผีเจ้าหัวเราะ แล้ววูบใส่ร่างมนต์ทิพย์ พลันทุกคนตกใจ เมื่อได้ยินเสียงบุญสลักดังมาจากข้างนอก
“ทิพย์ ทิพย์อยู่ในนั้นหรือเปล่า”
มนต์ทิพย์อึ้งไป ดวงตากร้าว หันมาทางพักตร์พริ้งกับเขมิกา
“บุญสลัก ช่วยอาด้วย”
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
มนต์ทิพย์ตวัดมือ ร่างของพักตร์พริ้งกับเขมิกากระเด็นไปกับพื้น กรีดร้องด้วยความตกใจ อัปสรทุบประตูบ้านอย่างแรง ร้องไห้
“ทิพย์ ทิพย์อยู่ที่นี่ใช่มั้ยลูกทิพย์ อย่าทำอะไรคุณพักตร์กับคุณเขมนะลูก มันบาป”
ประตูบ้านเปิดผลัวะ มนต์ทิพย์มองอัปสรเขม็ง อัปสรผงะ
“ทิพย์”
บุญสลักดีใจที่เห็นมนต์ทิพย์
“ทิพย์ ผมมารับกลับบ้าน กลับบ้านเรานะ”
มนต์ทิพย์ดวงตาอ่อนลง พักตร์พริ้งกับเขมิกาดีใจ วิ่งออกไป แต่ผีเจ้าตวัดมือเข้าหาตัวเอง ร่างทั้งสองวูบเข้ามาในบ้าน
“ว้าย”
พวงครามตกใจ เกาะแขนแฟรงค์ หน้าเสีย
“ใครก็ได้ ช่วยด้วย”
พักตร์พริ้งกับเขมิการ้องโวยวายมาจากในบ้าน
“คุณพี่ บุญสลัก ช่วยอาด้วย อีนังมนต์ทิพย์มันจะฆ่าอา”
“ช่วยเขมด้วย เขมกลัว”
มนต์ทิพย์หันไปตวาดเสียงดัง
“เงียบ”
ผีเจ้ายืนขวางพักตร์พริ้งกับเขมิกาไว้ ทั้งสองกลัวลนลาน
“อย่าทำพวกเขานะทิพย์ มันบาป ผมรักคุณนะทิพย์”
“ทิพย์ แกต้องฟังพวกเรานะโว้ย”
“ทุกคนเป็นห่วงลูกนะ”
“ถ้าไม่อยากตายก็อย่ามายุ่งกับข้า กลับไปซะให้หมด”
“เข้มแข็งสิทิพย์ แม่ขอร้อง อย่าทำบาปอีกเลยนะลูก”
บุญสลักยืนต่อหน้ามนต์ทิพย์
“ถ้าคุณหิวคุณก็กินผมเถอะ อย่าทำร้ายคนอื่นอีกเลย ผมรักคุณนะ ฆ่าผมสิ กินผมซะ ผมพร้อมเพื่อคุณนะทิพย์”
บุญสลักถอดสร้อยพระส่งให้แฟรงค์ แล้วก้าวเข้าไปหามนต์ทิพย์ ผีเจ้าตะลึง มนต์ทิพย์มองบุญสลัก สายตาเปลี่ยนเป็นตามนต์ทิพย์ มองบุญสลักด้วยความรัก น้ำตาไหลพราก
“ทิพย์ คุณรักผมใช่มั้ย”
“ค่ะ ทิพย์รักคุณ”
“ผมไม่อยากให้ทิพย์ทำบาปอีกแล้ว ฆ่าผมสิทิพย์ ชีวิตของผม ผมยอมเพื่อคุณ”
มนต์ทิพย์เริ่มลังเล ใจอ่อน เสียงผีเจ้าดังมา มนต์ทิพย์ได้ยินคนเดียว
“เจ้าจะใจอ่อนไม่ได้ มนต์ทิพย์ พวกมันกำลังหลอกเจ้า”
มนต์ทิพย์มองบุญสลักนิ่ง ลังเลน้ำตาไหลพราก บุญสลักโผเข้ากอดมนต์ทิพย์แน่น
“คุณต้องเข้มแข็ง”
จู่ๆ แฟรงค์ก็ส่งสร้อยคอที่บุญสลักเพิ่งถอดให้คืนบุญสลัก บุญสลักคล้องคอมนต์ทิพย์อย่างรวดเร็ว มนต์ทิพย์ผละออกจากสามี แล้วหวีดร้องสุดเสียง ล้มลงดิ้นรน บุญสลักตกใจ
“ทิพย์”
แฟรงค์ผละออกมา มองมนต์ทิพย์ด้วยความสงสาร รุ้งแก้วตัวสั่น ร้องไห้“โธ่ หลานยาย”
อัปสรปล่อยโฮ เช่นเดียวกับพวงครามและแฟรงค์ พักตร์พริ้งกับเขมิกายืนตะลึง ผีเจ้าวูบไปหา แต่โดนแสงพุทธคุณที่สว่างเรืองจากสร้อยสาดใส่ มนต์ทิพย์ดิ้นทุรนทุราย ร้องโหยหวน น่าสงเวช อัปสรร้องไห้โฮ สงสารลูก แล้วถลาเข้าไปประคอง
“ทิพย์ อดทนนะลูก”
ผีเจ้าในตัวมนต์ทิพย์ หวีดร้องโหยหวน ผลักอัปสรกระเด็น พักตร์พริ้งวิ่งมาหาพวงคราม กอดกันแน่น ร้องไห้ไปด้วย เขมิกาวิ่งออกไป ร้องเหมือนคนบ้า แต่ไม่มีใครสนใจ ทุกคนมัวแต่เป็นห่วงมนต์ทิพย์ เขมิกาวิ่งเตลิด แสงไฟจากหน้ารถ พุ่งมาที่เธอ เขมิกากรีดร้องด้วยความตกใจ รถจอดอย่างกะทันหัน เกษม พรเทพ รุ้งแก้ว ปีบออกมาจากในรถ
“คุณพ่อ ฮือๆๆ”
เขมิกาโผเข้ากอดเกษม ร้องไห้ รุ้งแก้วหันมาบอกพรเทพ
“เรามาถูกที่แล้วค่ะ”
“กลับไปค่ะคุณพ่อ กลับไป มันน่ากลัวมาก คุณพ่อมีพระ มีน้ำมนต์มาหรือเปล่าคะ”
เกษมพยักหน้า เขมิกายิ้มดีใจ รุ้งแก้วกับพรเทพมองหน้ากัน เศร้า
“เจ้าพี่ นี่เป็นโอกาสที่เจ้าพี่จะได้ช่วยเหลือทุกคนแล้วนะเจ้าคะ”
มนต์ทิพย์ดิ้นทุรนทุราย ร้องโหยหวน บุญสสักกอดด้วยความสงสาร
“ช่วยทิพย์ด้วย บุญสลัก โอ๊ย ทิพย์ทรมานเหลือเกิน เอาสร้อยพระออกไปจากคอทิพย์”
“อดทนนะทิพย์ ทิพย์ต้องหลุดพ้นจากอำนาจของผีร้ายให้ได้ ผมไม่อยากให้ทิพย์ต้องทำบาปอีกแล้ว”
“คุณใจร้าย คุณไม่รักทิพย์ คุณอยากเห็นทิพย์ตายไปต่อหน้าต่อตาหรือคะ โอ๊ย”
“ทิพย์ อดทนนะลูก”
“แม่ขา ทิพย์ ทิพย์จะไม่ไหวแล้ว”
เขมิกาวิ่งเข้ามา พร้อมขวดน้ำมนต์
“อีมนต์ทิพย์ อีผีปอบ จบสิ้นกันซะที”
ปิ่นเมืองปรากฏร่างขึ้น หัวเราะหยัน มองทุกอย่างตรงหน้าอย่างสะใจ
“อีผีชั้นต่ำ อีผีต่างวงศ์ ครานี้เจ้าไม่ได้ผุดได้เกิดแน่”
ผีเจ้าถลึงตามองเขมิกา
“อีเขม”
เขมิกาสาดน้ำมนต์ใส่มนต์ทิพย์ ท่ามกลางความตกใจของทุกคน ผีเจ้าร้อง
“โอ๊ย”
“ช่วยด้วย ทิพย์ร้อน ร้อนเหลือเกิน”
มนต์ทิพย์ดิ้นออกจากอ้อมกอดบุญสลัก แสงสีทองล้อมมนต์ทิพย์ไว้ดุจเปลวเพลิง
ทุกคนตกใจมาก บุญสลักถลาจะเข้าไปช่วย แต่แฟรงค์ดึงไว้
“อย่า บุญสลัก”
บุญสลักตะโกนสุดเสียง ห่วงภรรยามาก
“ทิพย์”
“มนต์ทิพย์ ลูก เข้มแข็งนะลูกนะ”
พวงครามสะอื้นไห้ไปด้วย บุญสลักสะบัดแฟรงค์ออกจนแฟรงค์ล้ม แล้วโผเข้าไปหามนต์ทิพย์
“ทิพย์ คุณต้องไม่เป็นอะไร อย่าเป็นอะไรนะทิพย์”
โดยไม่มีใครคาดคิด บุญสลักกระชากสร้อยพระออกจากคอมนต์ทิพย์อย่างรวดเร็ว อัปสรร้องห้าม
“อย่า”
รุ้งแก้ว พรเทพ ปีบ เกษม เข้ามาเห็นพอดี ทุกคนตกใจ รุ้งแก้วสะเทือนใจ เบือนหน้าร้องไห้ ผีเจ้าและมนต์ทิพย์ทะลึ่งพรวดขึ้น ลมพายุพัดแรง บุญสลักกระเด็นออกมา ล้มกลิ้ง
“อีเขม ตายซะเถอะมึง”
ผีเจ้าปล่อยผีบริวารนับสิบๆ ของตนออกมา แล้วพุ่งเข้าใส่เขมิกาอย่างรวดเร็ว
“โอ๊ย”
ทุกคนตกใจมาก ร่างของเขมิกากระเด็นออกไปนอกบ้าน มนต์ทิพย์ยืนคร่อมร่างเขมิกาที่ดิ้นทุรนทุราย แต่ก็หนีไม่สำเร็จ
“ทิพย์ อย่าลูก อย่า”
อัปสรถลาเข้ามาหาลูก มนต์ทิพย์ชูมือขึ้น หน้าเหี้ยมเกรียม โกรธมาก ละอองคำปรากฏร่างขึ้น
“อย่า ทิพย์ อย่าทำ เชื่อยาย อย่าทำ”
“ยายไม่ใช่หรือที่มอบอำนาจนี้ให้ทิพย์”
มนต์ทิพย์หัวเราะ แล้วกระซวกท้องเขมิกาอย่างแรง เขมิกาสะดุ้งเฮือก เลือดกระจายเต็มหน้า ทุกคนตกใจมาก เกษมร้องลั่น
“เขม”
ปิ่นเมืองสลดใจ
“เขมิกา”
มนต์ทิพย์กระชากไส้เขมิกาออกมาอย่างแรง ผีนับสิบๆ ตนพุ่งเข้ากินตับไตไส้พุงเขมิกาหมดในพริบตา ทุกคนเบือนหน้าหนี สยอง มีเพียงเกษมที่ถลาเข้าไปหาเขมิกาที่เนื้อตัวมีแต่เลือด
“เขมลูกพ่อ”
ประกายแสงจากสร้อยคอที่เกษมห้อยมาทำให้ผีบริวารของผีเจ้าผละหนีไปอย่างเร็วเกษมร้องไห้ ตะโกนเสียงสั่น
“เขม เขม”
เกษมร้องไห้กับศพของเขมิกา ทุกคนโศกสลด พักตร์พริ้งเห็นสภาพเขมิกาถึงกับสติแตกกระเจิง กรีดร้องวิ่งออกไปหน้าบ้าน
“อาพักตร์”
แฟรงค์กับบุญสลักวิ่งตามไป พวงครามตามไปอีกคน
“อาพักตร์ อย่าไป”
“หยุดก่อนครับ อาพักตร์”
บุญสลักกระโดดคว้าตัวพักตร์พริ้งไว้ได้ แฟรงค์เข้าช่วย พักตร์พริ้งดิ้นรน
“กลัว กลัวแล้ว กลัว ฮือๆๆ ไม่ๆๆ ไม่นะ กลัว โอ๊ย ผีปอบ กลัวแล้ว”
พลันพักตร์พริ้งก็ชูมือตัวเองขึ้นมา เล็บงอกยาวขึ้น จ้วงไปที่ท้องของตัวเอง หน้านิ่ว
“กรี๊ด”
พวงครามร้องไห้โฮ
“คุณพักตร์”
พักตร์พริ้งสะอึก แล้วขาดใจตายในอ้อมกอดของพวงคราม ทุกคนตกตะลึง ประตูกับหน้าต่างเรือนปั้นหยากระแทกปิดปึงปัง บุญสลักมองไปที่เรือนปั้นหยาแล้ววิ่งเข้าไป พลางร้องตะโกน
“ทิพย์”
ประตูปิด หน้าต่างปิดตามจนหมดทุกบาน เรือนปั้นหยาอยู่ในความมืด มีแต่เสียงร่ำไห้ดังมา
ผีเจ้ามองกราดไป บุญสลักอยู่ในอ้อมกอดของมนต์ทิพย์ ตาลอยเหมือนไร้สติ มนต์ทิพย์มองอย่างสงสาร สับสน
“ผู้ชายคนนี้จะรักกับเจ้าตลอดไป ไม่ต้องห่วงว่าเขาจะหนีไปไหน ข้าสะกดเขาไว้แล้วเขาจะอยู่กับเจ้าตลอดไป”
ผีเจ้าหัวเราะสะใจ แล้วเลือนหายไป มนต์ทิพย์กอดบุญสลักไว้ สับสน
ที่หน้าเรือนปั้นหยา เจ้าหน้าที่แบกศพของพักตร์พริ้งกับเขมิกา ซึ่งห่อผ้าขาวไว้ใส่รถของมูลนิธิ ตำรวจตรวจสอบที่เกิดเหตุ มีเชือกกั้นไว้ไม่ให้คนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปข้างใน ประตูหน้าต่างปิดสนิท บ้านมืดเหมือนร้างมาเป็นเวลานาน พวงครามร้องไห้ บอกกับตำรวจ“ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่ะ ลูกชายฉันอยู่ในนั้น ช่วยด้วย”
พวงครามร้องไห้โฮๆ แฟรงค์คอยปลอบอยู่ข้างๆ อัปสรน้ำตาไหลพราก สะเทือนใจ
“กลับบ้านเถอะ หาวิธีช่วยมนต์ทิพย์กับบุญสลักออกมา” พรเทพบอก
“ยังจะมีหวังอีกหรือคะ” อัปสรอย่างหมดหวัง
“มีสิ คืนพรุ่งนี้เราจะกลับมาที่นี่ใหม่ น้ายอมตายเพื่อหลานได้” รุ้งแก้วย้ำบอก
“น้ายอมตายเพื่อหลานได้”
รุ้งแก้วมองไปที่เรือนปั้นหยา สะเทือนใจ น้ำตาคลอ
“ถ้าเจ้าพ่อไม่ช่วยครานี้ ลูกหลานเชื้อเครือเมืองนายก็คงสิ้นสูญทั้งหมดแล้วเจ้าค่ะ หามีผู้ใดสืบทอดเชื้อเครืออีกไม่”
ที่ป่าช้า ละอองคำคร่ำครวญร้องไห้ น่าเวทนา ซบหน้ากับพื้นดิน
“มนต์ทิพย์ ยายขอโทษ ยายผิดเอง ยายผิดเอง เจ้าพ่อเจ้าข้า อภัยให้ลูกด้วยเถิด ช่วยลูกหลานด้วย ช่วยลูกหลานด้วยเจ้าข้า”
ปิ่นเมืองปรากฏกายขึ้น หัวเราะหยัน
“จักคร่ำครวญไปไยเล่าละอองคำ เพราะเจ้ามิใช่หรือที่รับผีต่างวงศ์มาเลี้ยง แล้วเอาผีปู่ผีย่าทิ้งเสีย คนเนรคุณเยี่ยงเจ้าจึงได้รับผลกรรมเยี่ยงนี้ กรรมยังตกไปยังลูกยังหลานของเจ้าอีก อีละอองคำ อีคนชั่ว อย่าหมายว่าเจ้าพ่อจักให้อภัยเจ้า”
“ไม่ใช่เพราะเจ้าดอกรึที่ทำให้ข้าต้องรับผีต่างวงศ์มาเลี้ยงดู”
“หากเจ้าไม่คิดแย่งเจ้าพี่ราบฟ้ากับมงกุฎมหาเทวีเจ้าจากข้าไป มีหรือที่ข้าจักแค้นเคืองเจ้า ละอองคำ ข้าบอกเจ้าแล้ว จำได้หรือไม่ ว่าเจ้าไม่มีวันชนะข้าได้ ข้ารอเวลาไม่ยอมไปผุดไปเกิด ก็เพื่อรอคอยเห็นวันที่เจ้าพินาศอับจนเยี่ยงนี้มานานแสนนาน สะสาแก่ใจข้านักอีละอองคำเหย”
ปิ่นเมืองหัวเราะเสียงดัง ฟ้าครืนๆ แล้วผ่าเปรี้ยง ผีเจ้าปรากฏกายขึ้น เงื้อมือเล่นงานปิ่นเมือง ปิ่นเมืองกระเด็นไป ละอองคำจับต้นไม้ใหญ่ไว้ ลมพายุพัดทั้งสองจนแทบจะปลิวไป ผีเจ้าหัวเราะลั่น
“ครานี้ เจ้าทั้งสองไม่พ้นมือข้าแน่ อีปิ่นเมือง ชอบสาระแนกับการของคนอื่นนัก ส่วนอีละอองคำ อีทรยศ คิดเอาใจออกห่างกู”
ผีเจ้าจ้องทั้งสอง ลมพัดกรูใส่ แสงฟ้าฟาดสายลงมา ฟ้าผ่าเปรี้ยง สายฟ้าพาดสายลงใส่ร่างของปิ่นเมืองกับละอองคำ ทั้งสองกรีดร้อง ขณะที่ผีเจ้าหัวเราะลั่น ในท่ามกลางแสงฟ้าที่ซัดกระหน่ำอยู่นั้น รัศมีสีทองลอยมาหยุดที่ตรงหน้าทุกคน แม่ชีน้อมออกมา ผีเจ้าผงะ
“ถือศีลแล้วก็ไปอยู่ในที่สงบ อย่ายุ่งกับการของผู้อื่น”
“ความเมตตาไม่อาจเลือกที่ เลือกชั้น เลือกมนุษย์หรือวิญญาณ เราขอเถอะนะผีเจ้า หยุดลดละเลิกความอาฆาตมาดร้ายเสีย เราจะ อุทิศบุญให้เจ้ามีบารมีเพิ่มมากขึ้น และหยุดก่อกรรมทำเข็ญเสียที”
“อยากลองดีกับข้ารึ”
แม่ชีน้อมมองวิญญาณทั้งสอง
“วิญญาณทั้งสองจงไปจากที่นี่ มีผู้รอคอยเจ้าอยู่ ไปสิ”
แม่ชีน้อมเพ่งไปที่ปิ่นเมืองกับละอองคำ ร่างทั้งสองเลือนหายไป ผีเจ้าโกรธมาก พุ่งตัวเข้าใส่แม่ชีน้อม แต่มิอาจเข้าใกล้ได้ เพียงกระทบกับรัศมีที่อยู่รอบกายแม่ชีน้อม ผีเจ้าก็กระเด็นออกมา
“โอ๊ย ข้าฝากไว้ก่อนเถอะ”
ผีเจ้าวูบหายไป แม่ชีน้อมหลับตา ดิ่งสู่ความสงบ
วิญญาณปิ่นเมืองกับละอองคำปรากฏที่หน้าตั่งทองของเจ้าฟ้า ข้าไท ขุนไทและขุนนางนั่งเฝ้าอยู่
“ปิ่นเมือง ละอองคำ”
ทั้งสองเงยหน้าขึ้น ละอองคำร้องไห้ กราบแทบบาท เจ้าฟ้าชักเท้าหนี ปิ่นเมืองเยาะ
“สาแก่ใจข้านัก เจ้าพ่อหาได้เมตตาเจ้าไม่”
“เจ้าพ่อ ข้าเจ้าผิดไปแล้วเจ้าข้า ข้าเจ้ารับเลี้ยงผีต่างวงศ์ เนรคุณต่อผีปู่ผีย่า ให้อภัยข้าเจ้าด้วยเถิด ครานี้ข้าเจ้ารู้แล้วว่ากรรมที่ข้าเจ้าได้ทำไว้กับบรรพบุรุษนั้นร้ายแรงนัก”
“ถือดีนักก็อย่าร้องไห้อ้อนวอนเลยอีละอองคำ หัวใจมึงทำด้วยอันใดจึงคิดเนรคุณต่อปู่ย่าได้เยี่ยงนี้ ข้าไม่มีวันให้อภัยเจ้า”
ปิ่นเมืองหัวเราะสะใจ ขุนไท ขุนนางและข้าไทต่างเศร้าสลด
“ข้าบอกเจ้าแล้ว จำได้หรือไม่ ละอองคำเหย เจ้าไม่มีวันชนะข้าได้ดอก ข้ายอมเป็นสัมภเวสีเร่ร่อนก็เพื่อรอคอยวันที่เจ้าอับจนทุกสิ่ง แล้ววันนี้ข้าก็ได้เห็นแล้ว”
ละอองคำเชิดหน้า ทิฐิเกิดขึ้น
“เมื่อเจ้าพ่อหาได้เมตตาข้าเจ้า ก็ปล่อยให้ลูกหลานตายสิ้น หมดเชื้อหมดเครือเมืองนาย ให้สลายไปกับแผ่นดินเมืองนายเถิดเจ้าค่ะ ข้าเจ้าขอกราบทูลลา ข้าเจ้าจะไปปกป้องหลาน ผู้เป็นเชื้อเครือคนสุดท้ายของเมืองนาย”
ละอองคำกราบลง แล้วยืนขึ้น แต่ร่างเซจะล้ม เจ้าฟ้าขยับตัวจะไปรับ แต่ไม่ทัน ละอองคำโรยตัวลงสู่พื้นแล้วเลือนหายไป
“ละอองคำ ละอองคำ”
ปิ่นเมืองตกใจ
“ปล่อยมันไปเถิดเจ้าข้า”
เจ้าฟ้าตวัดสายตามองปิ่นเมือง
“แผ่นดินเมืองนายสลายไปแล้วด้วยน้ำมือของพวกดั้งขอ แต่หาได้หายไปจากหัวใจของคนในแผ่นดินไม่ ปิ่นเมือง เจ้าก็เป็นลูกเจ้าฟ้า เหตุใดจึงไม่ตระหนักถึงเรื่องนี้”
“เจ้าพ่อ หมายความว่ากระไรเจ้าข้า”
“พวกเจ้ากุมตัวปิ่นเมืองไว้ ข้ากลับมาแล้ว ข้าจะลงอาญามันเอง”
เจ้าฟ้าคว้าดาบสะหรีกัญไชย เจ้าไทถวายบังคม
“พวกข้าพระบาทขอตามเสด็จไปกับพระองค์ด้วยพระเจ้าข้า”
เจ้าฟ้าเดินจากตั่งทอง แล้วเลือนหายไป เจ้าไทก้าวตาม เลือนหายไปหมด ปิ่นเมือง
พูดอย่างงงงัน
“ข้าหารู้ไม่ว่าเมืองนายยังมีอยู่ในโลกวิญญาณ รู้เยี่ยงนี้ข้าไม่ยอมเร่ร่อนเป็นสัมภเวสีทุกข์ยากอยู่ดอก”
อัปสรร้องไห้ ปีบกับแฟรงค์คอยปลอบใจอยู่ข้างๆ
“คุณน้าครับ อย่าร้อง หาทางช่วยเหลือทิพย์กับบุญสลักกันดีกว่า”
“จะให้น้าทำอย่างใด อำนาจของผีร้ายมันร้ายแรงนัก เธอก็เห็นนี่”
รุ้งแก้วเดินมา
“ทุกคนช่วยกันนั่งสมาธิ แม่ชีน้อมจะส่งพลังบุญของพวกเราไปช่วยมนต์ทิพย์กับบุญสลัก”
“คุณน้า จริงหรือเจ้าคะ”
ภายในเรือนปั้นหยา ผีเจ้าจ้องหน้ามนต์ทิพย์กับบุญสลัก
“จำไว้มนต์ทิพย์ ถ้าเจ้าทรยศข้าเหมือนที่ยายเจ้าทำ ข้าจะกินไอ้บุญสลัก”
มนต์ทิพย์ตกใจ รีบเอาตัวขวางบุญสลักไว้
“อย่านะ ผีเจ้า ข้ายอมทุกอย่าง อย่าทำอะไรเขา เขาคือคนที่ข้ารัก”
“ถ้าผีเจ้ากินเรา เราก็ยอม แต่ขอให้ปล่อยมนต์ทิพย์ไป”
“คิดต่อรองกับข้ารึ ไอ้บุญสลัก ข้าไม่โง่หรอก”
ผีเจ้ากระชากตัวบุญสลักมา กางมือจะจ้วงแทงที่ท้อง
“อย่า”
มนต์ทิพย์ผลักบุญสลักให้พ้นอันตราย แต่ผีเจ้าใช้มือข้างหนึ่งบีบคอบุญสลักไว้ ละอองคำปรากฏกายขึ้น
“อย่า ผีเจ้า อย่าทำเขา”
“กลับมาทำไม อีละอองคำ อยากเห็นลูกหลานตายต่อหน้าต่อตาใช่มั้ย หรือว่าหิว เอาสิ ข้าจะแบ่งไส้มันให้เจ้ากินด้วย จะได้รู้ว่าไส้ของลูกหลานเจ้ามันอร่อยแค่ไหน”
ผีเจ้าจะจ้วงที่ท้อง มนต์ทิพย์ร้องออกมาสุดเสียง
“อย่า ผีเจ้า ฆ่าฉันเถอะ อย่าทำอะไรเขา ปล่อยเขาไป ฉันสัญญาว่าฉันจะเป็นทาสของผีเจ้าไปตลอด ไม่คิดทรยศต่อผีเจ้า ฉันสัญญา”
มนต์ทิพย์ร้องไห้ บุญสลักพูดไม่ออก เพราะมือของผีเจ้าค้ำคออยู่ ปรายตามอง น้ำตาเอ่อคลอ พลันแสงฟ้าสว่างวาบ เจ้าฟ้าเมืองนาย เจ้าไท ปรากฏล้อมผีเจ้าไว้
“มากันให้หมด อยากดูไอ้บุญสลักตายใช่มั้ย”
ผีเจ้าหัวเราะดังก้อง สายฟ้าแลบอยู่เหนือเรือนปั้นหยา
ที่บ้านอัปสร ทุกคนนั่งสมาธิ แม่ชีน้อมยืนอยู่ด้านหลัง เหมือนคุมพลังของทุกคน รัศมีรอบกายของแม่ชีน้อมสว่างเรือง
“รวมจิตไปที่เรือนปั้นหยาของละอองคำ ส่งพลังบุญบารมีไปช่วยมนต์ทิพย์กับบุญสลัก”
ประกายบุญระยิบระยับอยู่รอบๆ ร่างกายของทุกคน
ผีเจ้าหัวเราะลั่น บีบคอบุญสลักอยู่ มนต์ทิพย์ร้องไห้ ละอองคำส่งสายตาไปยังเจ้าฟ้า
“เจ้าพ่อ ช่วยลูกหลานด้วยเจ้าข้า”
แสงฟ้าสาดเข้ามาในเรือน เจ้าฟ้าชูดาบสะหรีกัญไชยขึ้น
“วิญญาณของเจ้าจงดับสูญด้วยอานุภาพของดาบสะหรีกัญไชยของข้า”
ผีเจ้าตกใจ
“หา บริวารของข้า จัดการมัน”
บริวารกรูกันออกมาจากผนัง ตรงเข้าหาเจ้าฟ้า แต่เจ้าไทกวัดแกว่งดาบ บริวารล้มตาย ผีเจ้าเริ่มตกใจ มนต์ทิพย์วิ่งชนผีเจ้าอย่างแรง ร่างของบุญสลักหลุดออก กระเด็นไปทางหนึ่ง ละอองคำปราดไปขวางมนต์ทิพย์ ไม่ให้ผีเจ้าทำร้ายมนต์ทิพย์ได้
“อย่านะ”
ผีเจ้าวูบไปด้านหลังของบุญสลัก เงื้อมือจะจิกท้อง ประกายบุญที่ส่งมาจากแม่ชีน้อมส่องแสงระยิบระยับ แม่ชีน้อมปรากฏกายขึ้น
“อำนาจบุญจงปลดปล่อยดวงวิญญาณทุกดวงในเรือนหลังนี้ให้ไปสู่ภพภูมิแห่งกรรมที่เคยกระทำไว้เถิด”
บริวารพากันเงยหน้ามองแสงระยิบระยับแห่งบุญ แล้วเลือนหายไป ผีเจ้าตกใจ หันมาทางเจ้าฟ้า ดาบสะหรีกัญไชยในมือเจ้าฟ้าก็ฟาดลงมา แสงฟ้าส่องประกายจากปลายดาบเข้าสู่ร่างผีเจ้า
“โอ๊ย”
ผีเจ้าดิ้นทุรนทุราย
“พญามัจจุราช จงรับดวงวิญญาณแห่งมารร้ายของอีผีต่างวงศ์ไปลงทัณฑ์ในนรกภูมิเถิด”
มนต์ทิพย์กอดร่างของบุญสลักไว้ ทั้งสองโผเข้ากอดกัน
“ยายขอโทษนะมนต์ทิพย์ กราบเจ้าฟ้าเมืองนาย ทวดของเจ้าเสียสิ”
เจ้าไทนั่งลงถวายบังคมเจ้าฟ้า มนต์ทิพย์กับบุญสลักกราบลง
“หนูผิดไปแล้วที่เห็นผิดเป็นชอบ อภัยให้หนูด้วยค่ะ”
เจ้าฟ้ายิ้ม
“วิญญาณของทุกคนที่เมืองนายไม่ยอมไปผุดไปเกิดก็เพื่อรอคอยจะได้เห็นเชื้อเครือเมืองนายที่เหลืออยู่ ขอเจ้าจงจำไว้ แม้นแผ่นดินล่มสลายไปแล้ว แต่หัวใจที่สำนึกต่อแผ่นดินอย่าให้สิ้นสลายตามไปด้วย จงสำนึกตลอดเพลาว่าเจ้าคือหน่อเนื้อเชื้อเมืองนาย กลับไปบวงสรวงดวงวิญญาณผีปู่ผีย่าให้กลับมาคุ้มครองเจ้าและลูกหลานของเจ้าให้อยู่เย็นเป็นสุขตลอดไป”
“เจ้าค่ะ”
มนต์ทิพย์กับบุญสลักกราบลงด้วย ทุกคนเลือนหายไป มนต์ทิพย์มองหน้าบุญสลัก น้ำตาแห่งความปีติไหลพราก ทั้งสองโผเข้าหากัน ร้องไห้
“ทิพย์ขอโทษ ยกโทษให้ทิพย์ได้มั้ยคะบุญสลัก”
“ผมไม่เคยโกรธทิพย์ ผมไม่จำเป็นต้องยกโทษให้ ผมรักทิพย์นะ”
“ทิพย์ก็รักคุณค่ะ”
ที่คุ้มหลวงเมืองนาย ละอองคำกราบแทบบาทเจ้าฟ้า ปิ่นเมืองกราบตาม
“ไปใช้กรรมตามที่เจ้าได้ก่อไว้ เกิดชาติหน้าขอได้มาร่วมเป็นเชื้อเครือเดียวกันอีกนะลูกรัก”
ปิ่นเมืองกับละอองคำร้องไห้
บริเวณกู่เจ้าหลวงที่วัดแห่งหนึ่ง รุ้งแก้วยกพานที่มีขันดอกไม้ ขอขมาขึ้นเหนือหัว
มนต์ทิพย์กับบุญสลักถือเครื่องขมาลาโทษตามพิธีกรรมล้านนาไว้ อัปสรยืนอยู่ข้างรุ้งแก้ว น้ำตาไหลพราก ถือบายศรีอยู่ในอ้อมแขน
“ผีหลวงเมืองนาย ผีปู่ผีย่า เจ้าพ่อเจ้าข้า ข้าเจ้ารุ้งแก้ว ลูกสาวเจ้าพ่อ ขอไหว้สาขอขมากรรมให้ลูกให้หลาน อย่าได้ถือโทษโกรธเคืองที่ลูกหลานได้ล่วงเกินผิดพลาดไป ขอสมาลาโทษด้วยเจ้าข้า ยกโทษให้ลูกหลาน และโปรดคุ้มครองให้ลูกหลานอยู่เย็นเป็นสุขด้วยเถิดเจ้าข้า”
รุ้งแก้ววางพานขันดอกไม้ ทุกคนวางตาม ด้วยความสำนึกผิด
“คุณน้า หนูคิดถึงแม่”
“แม่และผีปู่ผีย่าไม่เคยทิ้งพวกเราหรอกอัปสร ตราบใดที่เรายังสำนึกว่าเราเป็นลูกหลานท่าน เราก็ยังเป็นลูกหลานท่านตลอดไป”
มนต์ทิพย์กับบุญสลักยืนอยู่ข้างกัน สบตากันหวานชื่น
จบบริบูรณ์