สะใภ้จ้าว ตอนที่ 11
จรวยกระเถิบชิดอีก พูดกระซิบกระซาบ
"ตอนนี้ คุณชายรอง เธอไปติดพันผู้หญิงคนใหม่ค่ะ"
ศรีจิตราเจื่อนไป
ศรีงง
"ค่ะ"
"เห็นว่าไปรับไปส่งขลุกอยู่ด้วยกัน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งหึงหวงตบตีกันด้วยนะคะ"
"อะไรนะคะ"
"ท่าทางแม่คนนั้นคงจะมีผัว ...เออ... มีคนรักอยู่อีกคน มันก็เลยมาหึงหวงคุณชายรอง ได้ยินว่าเป็นเด็กปั๊มต่ำ ๆ แม่นี่ก็คงเป็นพวกหญิงพาร์ตเนอร์นั่งชั่วโมง หรือไม่ก็นางบังเงาแน่ ๆ เลยค่ะ"
จรวยใส่ไข่เพิ่มอีกหลายฟอง ศรีจิตราเริ่มไม่เชื่อ
"โถ....รู้ไหมคะ ทำไมคุณชายรองถึงไปยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนชั่วอย่างงี้ได้"
"คุณจรวยบอกหน่อยซีคะ เพราะดูเหมือนคุณจรวยจะรู้จักผู้หญิงคนชั่วดี"
จรวยไม่รู้ว่าโดนด่า
"เธอก็คงทำเพื่อประชดคุณหญิงก้อย แรงฤทธิ์พิศวาสอย่างนี้ล่ะค่ะ ตัดไม่ตายขายไม่ขาดอีกหน่อย ก็คงมาคืนดีกัน เฮ้อ สงสารคุณศรี เรือนหอ เห็นทีจะร้างก็ไม่รู้"
"อนาคตใครจะรู้ได้คะ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด"
"แหม อยากเห็นหน้านังหญิงเสเพล คนนั้นจริง ๆ"
วันต่อมา ประตูห้องนอนถูกแง้มออก สาลินโผล่หน้ามายิ้มตาหยี
"จ๊ะเอ๋ พี่ศรี"
ศรีจิตรากำลังนั่งปักผ้าที่เก้าอี้นั่งยาว ริมหน้าต่าง สะดุ้งหันมา
"สา ตกใจหมด เข้ามาซี"
สาลินเดินมานั่งชิดพี่สาว
"ทำไมมาวันนี้ล่ะสา พี่นัดสาไว้พรุ่งนี้ไม่ใช่หรือ"
"วันเสาร์ห้องสมุดหยุดครึ่งวัน สามาก็ตรงมานี่เลย นี่พี่ศรีเราออกไปข้างนอกกันเถอะ"
"พี่ไม่ซื้อของแล้วนะสา"
"ไม่อยากไปซื้อของก็ไม่ต้องไปซีคะ เราไปที่อื่นก็ได้"
"พี่ต้องไปกราบทูลขอประทานพระอนุญาตก่อน"
"อุ้ย ไม่ต้อง สาขอประทานอนุญาตเรียบร้อยแล้ว ไปพี่ศรีไปอาบน้ำ"
สาลินรุนหลังพี่สาวไปหลังฉาก มาลา วรรณา โผล่เข้ามาทำท่าคล้ายตัวย่องตอดตรงไปยังตู้เสื้อผ้า สาลินเกาะฉากพูดกับศรีจิตรา มือโผล่มาข้างหลังโบกมือให้มาลา วรรณาเอาเสื้อผ้าศรีจิตราใส่กระเป๋าเล็ก
สาลินมายืนอยู่หน้าตำหนักใหญ่ รถแท็กซี่ตาผลจอดรออยู่ มองชะเง้อไปทางสวนด้านข้าง หวังว่าจะได้เห็นชายรองอีกสักครั้ง เสียงดังมาจากเบื้องหลัง
"ชะเง้อหาใครเหรอ"
สาลินสะดุ้ง
"หาลุงผลค่ะ"
"อ้อ นึกว่าชะเง้อหาฉัน"
"ต้องชะเง้อหาคุณทำไมไม่ทราบ บอกแล้วไงว่าอย่ามายุ่งกับฉันให้มาก"
"อ้อ เด็กปั๊มของเธอจะเข้าใจผิด"
"ฉันบอกแล้วไง ไม่มีเด็กปั๊มที่ไหนทั้งนั้นแหละ คนที่เขาหึงหวงฉันน่ะก็คือคุณ..."
"ฉันรู้แล้วล่ะว่า มีอีกหลายคนที่มารุมหึงหวงเธอ ไม่ต้องสาธยายหรอก"
สาลินทั้งเบื่อทั้งหมั่นไส้ หน้าเชิดปากยื่น ไม่บอกความจริงดีกว่า
"ที่ฉันต้องเข้ามาดูแล เพราะวันนี้เป็นวันที่ฉันนัดเธอมารับพี่สาว ลืมแล้วเหรอว่าฉันเป็นคนแนะนำเธอทุกอย่าง ทั้งเรื่องวันนัด วันพากลับ แนะแม้กระทั่งวิธีที่จะกราบทูลเด็จป้าให้ทรงอนุญาต"
"ขอบพระคุณเจ้าค่ะ เป็นบุญท่วมหัวท่วมหูดิฉันเหลือเกิน"
"ไม่ต้องมาทำประชดประชัน ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นกับเธอ"
"เข้าใจค่ะ แต่อยากบอกให้คุณเข้าใจไว้ด้วยว่า ถึงคุณไม่แนะนำ ฉันก็เสียวสวาดพอ"
ชายรองตกใจ
"พูดอะไรน่ะ เป็นสาวเป็นนาง"
"เสียวสวาด ภาษาลาวแปลว่าเฉลียวฉลาดค่ะ ฉันฉลาดพอที่จะคิดหาทางพาพี่ศรีไปได้ โดยไม่ต้องพึ่งคุณ เพราะฉะนั้นไม่ต้องมาทวงบุญคุณ อ้อ อย่าลืมซีคะ"
ชายรองอยากจะเขกหัวสักหนึ่งโป๊ก แต่ศรีจิตราออกมาพร้อมมาลา วรรณาที่ช่วยถือกระเป๋าให้ ตาผลรีบวิ่งมาช่วยแบกกระเป๋าไปที่รถแท็กซี่ มาลา วรรณายังรอ ๆ อยู่ ศรีจิตรามองท่าทีของสาลินกับกิตติอย่างแปลกใจเล็ก ๆ
"เออ คุณชายคะ ดิฉันขออนุญาตลาไปสักสองสามวัน"
คุณชายพูดอย่างอ่อนโยนผิดกับพูดกับสาลิน
"เมื่อกราบทูลขอเด็จป้าแล้วก็ไม่ต้องขออนุญาตจากฉันอีกหรอก ขอให้เธอเที่ยวให้สนุก"
"ขอบคุณค่ะ"
สาลินเลียนแบบศรีจิตรา
"คุณชายคะ ดิฉันขออนุญาตพาพี่สาวไปเที่ยวสักสองสามวันนะคะ"
ชายรองยิ่งหมั่นไส้ มาลา วรรณา หัวเราะคิกคัก
"ไม่ต้องมาขออนุญาตจากฉันหรอก เพราะเธอมันเสียวสวาดอยู่แล้ว"
มาลา/วรรณา สะดุ้งเฮือก "ว้าย !"
ศรีจิตราก้มหน้ากลั้นยิ้ม
"ขอบคุณค่ะคุณชายที่รู้ว่าดิฉันเสียวสวาด ไปค่ะพี่ศรี"
สาลินพาศรีจิตราไปที่รถ มาลา วรรณา รีบถามคุณชาย
"คุณชายขา ทำไมไปว่าคุณสาลินเขาอย่างนั้นล่ะคะ"
"แล้วเธอเสียวสวาดยังไงคะ อุ๊ย....ฟังแล้วหวาดเสียว"
"ภาษาลาว แปลว่าเฉลียวฉลาด ไม่รู้นะ ฉันพูดตามที่แม่น่ะ...เออ...ตามที่เขาพูดนั่นแหละ"
ชายรองกลับไปทางสวน มาลา วรรณา โล่งอก
"โล่งอก นึกว่าคำทะลึ่ง"
"นั่นซี...นี่หล่อน ทำไมท่าทีคุณรองกับคุณสาแปลก ๆ นะ" วรรณาบอก
"แปลกยังไง"
"เหมือนเพิ่งทะเลาะกันน่ะซี"
รถตาผลแล่นในถนนหน้าตำหนักใหญ่ศรีจิตราถามสาลิน
"เธอทะเลาะกับคุณรองอยู่รึเปล่า ยายสา"
"ทำไมเหรอคะ"
"ท่าทีคุณรองโกรธ ๆ แล้วดูปึ่งชายังไงพิกล"
"ก็ทะเลาะทุกครั้งที่เจอกันนั่นแหละ"
"ทะเลาะกันเรื่องอะไรเหรอ แล้ว....เจอกันกี่ครั้งแล้ว"
"ไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่ศรี"
"บอกพี่มาเถอะ"
"ก็เจอกันหลายครั้ง ทุกครั้งสาก็จะขอตาคุณชายไม่ให้เขาแต่งงานกับพี่ศรี"
"ตายจริง สากล้าพูดอย่างนั้นเชียว"
"ทำไมสาจะพูดไม่ได้ค่ะ ก็เขารักคนอื่นอยู่ สาน่ะอยากให้เขาคืนดีกับยายคุณหญิงคุณหยัง แม่กระชังก้นใหญ่คนนั้นเร็ว ๆ นี่แหละเราถึงได้ทะเลาะกันทุกครั้ง เอ๊ะ ตาคุณชายไม่เคยเล่าให้พี่ศรีฟังหรอกเหรอคะ"
"ไม่เคยจ้ะ"
สาลินหน้าง้ำ ศรีจิตราอึ้งไป เลยเปลี่ยนเรื่อง
"แล้วนี่เราจะไปไหนกันจ๊ะ ลุงผล"
"ลุง อย่าบอกนะ" สาลินบอก
"ฮ่ะ ฮ่ะ ครับ ไม่บอกครับ"
ผลหัวเราะคิกคัก
แท็กซี่ตาผล ขับไปตามถนนออกนอกเมือง ไปยังเมืองนนทบุรี สองข้างร่มรื่น มีบ้านเรือนไทยสลับบ้านตึกแถวเป็นระยะ ๆ สาลินและศรีจิตรานั่งอยู่เบาะหลัง สาลินมีท่าทางรื่นรมย์ ศรีจิตรานั่งอ่านนิทานไปเรื่อยๆ แล้วเงยหน้าขึ้น แปลกใจกับสภาพข้างทาง ที่มีสวนสลับตึกแถวเป็นระยะ
"สา...บอกได้รึยังจะพาพี่ไปไหน"
"พี่ศรีอ่านหนังสือนิ๊งนิ่ง สาคิดว่าพี่ศรีแอบหลับซะอีก"
"นั่นมันสาต่างหากล่ะ ที่ขึ้นรถแล้วชอบหลับ"
สาลินคิดปราดไป
นึกถึง... ที่เธอผวาตื่นในรถกิคุณชายรอง สาลินเชิดหน้า พูดแก้ตัว
"ฮึ เปล่าซักหน่อย"
รถแล่นเข้าประตูมา ศรีจิตรางุนงงเล็กน้อยเพราะที่มาครั้งก่อน ถนนใหม่ยังไม่ตัด แต่แล้วก็จำได้ หันมามองสาลินอย่างตื่นเต้นดีใจ
สาลินยิ้มภาคภูมิ ศรีจิตราเปิดประตูรถก้าวไป
ยายพิณโผผวามา เจ้าแกะยืนยิ้มแฉ่งยกมือไหว้ ยายพิณเข้ากุมมือศรีจิตรา
"อุ๊ย....คุณศรี คุณศรีของอิฉัน จำอิฉันได้หรือเปล่าคะ"
"โธ่เอ๋ย ยายพิณจำได้ซีคะ"
ศรีจิตรากอดยายพิณ ยายพิณน้ำหูน้ำตา สาลินลงมายืนมองอย่างสุขใจ
คุณตา คุณยายนั่งอยู่ที่นอกชาน ศรีจิตรากราบลงกับพื้น สาลิน ตาผล ยายพิณยืนดู
"ไหว้พระเถิดลูก" ตาบอก
คุณยายน้ำตาไหล ศรีจิตราน้ำตาคลอ
"มานี่ ขอยายดูหน้าชัด ๆ หน่อยซิ ยายศรี"
ศรีจิตราคลานไปใกล้ คุณยายจับไหล่เชยคางพิศดู สาลินคลานกระโดดกระเดกมาดูใกล้ๆ
"ทำไมต้องน้ำหูน้ำตาด้วยคะ ทีหนูไม่เห็นเป็นอย่างงี้มั่ง"
"ใครว่ายะ แกน่ะทำฉันน้ำตาตก อยู่ไม่เว้นแต่ละวัน"
"หนูคิดถึงคุณตาคุณยายจังเลยค่ะ เสียดายจังที่แม่ไม่ได้มาอยู่ด้วย"
" ใครบอกล่ะลูก"
ศรีจิตราตาโตหันไป อุ่นเรือนก้าวจากเรือนด้านใน หน้าตาสดใสกระจ่าง อุ่นเรือนมานั่งลง
"ยายศรี คิดถึงเหลือเกินลูก"
ศรีจิตรากราบลงกับตัก อุ่นเรือนน้ำตาคลอ ศรีจิตราน้ำตาเอ่อ
ยายพิณร้องไห้กระซิก ยกชายผ้าแถบเช็ดน้ำตา ตาผลยืนซึ้ง สาลินกลั้นน้ำตาไว้
"ทำไม แม่ไม่ไปเยี่ยมหนูบ้างคะ"
"แม่ไม่ค่อยว่างน่ะลูก"
คุณตาหน้าเคร่ง คุณยายซับน้ำตา
"ทำไมไม่บอกลูกล่ะ ว่าพี่ผัวเขาไม่ยอมให้ไป" ตาบอก
อุ่นเรือนหน้าม่อย
"เขากลัวลูกสาวบ้านสวนจะไปทำขายหน้าในวังไง"
ศรีจิตรากุมมืออุ่นเรือน
"คุณตา คุณยายขา ปล่อยคุณป้าไว้คนเถอะค่ะ" สาลินบอก
"แล้วแม่มานี่ได้ยังไงคะ"
"ก็ยายสาซิลูก ไปโกหกคุณป้าตั้งแต่เมื่อวาน แล้วรับแม่มาเลย"
"ใครว่าโกหกคะ เขาเรียกว่า กุศโลบายอันชาญฉลาด" สาลินบอก
"ย่ะ แม่เซียงเมี่ยง" ยายว่า ชื่อเซียงเมี่ยงเป็นนิทานคนฉลาดของทางอีสาน "ยายศรีขอยายดูใกล้ ๆ อีกที"
ศรีจิตราขยับมาใกล้ ยิ้มสดใส ดวงหน้าปลั่งเปล่ง
"แหมงามยังกะบุษบา พักตร์น้องนวลละอองปลั่งเปล่ง ดังบุหลันวันเพ็งประไพศรี"
พิณบอก "อรชรอ้อนแอ้นทั้งอินทรีย์ ดังกินรีลงสรงคงคาลัย"
"เออเนอะ ไม่เหมือนยายสา ตอนเด็กก็ขาวดี แต่ยิ่งอยู่ก็ยิ่งดำ" ตาบอก
สาลินค้อนขวับ ศรีจิตราขำ
"แต่หนูก็ งามงอนอ่อนระทวยนวยแน่ง ดำแดงผิวเนื้อสองศรี"
สาลินไม่ท่องกลอนเปล่า แต่ยกมือมาจีบ ตั้งวงใกล้หน้าตัวเองไปด้วย
"ผ่องพักตร์ผิวพรรณดังจันทรี นางในธานีไม่เทียมทันนะคะ"
"ย่ะ แม่จินตราวาตีศรีสวัสดิ์"
คุณตาหัวเราะ คุณยายค้อนแต่ก็ขำ ยายพิณหัวเราะน้ำหมากหก ตาผลหัวเราะ ศรีจิตราถอนใจนิด ๆ
อุ่นเรือนมองดูลูกสาวคนโตที่มีสีหน้าหนักใจเล็ก ๆ
รื่น โรย เข้ามารายงานจากมุมสวนในวังรัชนีกุล
สองคุณหญิงพี่น้องนั่งจิบกาแฟอยู่ หญิงกลางแต่งตัวสวยเตรียมออกไปข้างนอก รื่น โรยหัวเราะระริก
"คุณหญิงขา คุณชายมาค่ะ"
ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสงลุกพรวดทันที หญิงกลางสีหน้าเฉย ๆ อย่างรู้อยู่แล้วว่าใครมา
"หา....คุณชายกิตติมา ทำไมพวกแกไม่บอกฉันก่อน พี่กลาง หญิงขอไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ"
"เหรอจ๊ะ....แสดงว่าเธอคงใจอ่อน ลงมาต้อนรับเขาแล้วล่ะซี"
"ก็....คุณชายคงได้คิดแล้วล่ะค่ะ เขาถึงมาง้อหญิง หญิงก็ไม่เห็นว่าจะต้องทรมานเขาไปอีกทำไม"
รื่นบอก
"คุณหญิงขา คนที่มาไม่ใช่คุณชายรองค่ะ"
หญิงก้อยแว้ด
"อ้าว แล้วใคร"
ขาดคำ ชายเล็กเดินผิวปากเข้ามา พร้อมตะกร้าขนมจากนมย้อยเช่นเคย หญิงก้อยหน้าเสีย
"สวัสดีครับ หญิงกลาง หญิงก้อย ขนมจากนมย้อยครับ"
"ขอบคุณค่ะ "
"พร้อมเดินทางแล้วรึยังครับ"
"พร้อมแล้วค่ะ" หญิงกลางบอก
"อ้าว นี่นัดกันไว้เหรอ"
"ฮะ....เรานัดกัน หญิงกลางอยากไปดูของขวัญกับผ้าไหมน่ะครับ ผมเลยอาสาพาไปร้านพี่รอง หญิงก้อยสนใจไปด้วยกันไหม"
"อ้อ....คุณชายคงหาอุบายให้หญิงไปพบเขาซีนะ"
ชายเล็กเป็นงง
"ไม่มีวัน ถ้าเขาอยากมาคืนดี เขาต้องมาหาหญิงเอง ไม่ใช่ให้หญิงไปหาเขา เสียใจค่ะ"
ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสงสะบัด กลับเข้าตึกไป
"มันเรื่องอะไรกันครับ พี่รองไม่ได้ออกอุบายอะไรสักหน่อย อยู่ร้านรึเปล่ายังไม่รู้เลย"
"อย่าไปสนใจเลยค่ะ ไปกันเถอะ"
ศรีจิตราเปิดตะกร้าใบเล็กออกมา อุ่นเรือนปัดที่นอนในห้องสาลิน เอาฟูกมาเพิ่มเป็นสามเท่า ศรีจิตราเอาผ้ามาพาดราวพาดผ้า
"ยายสานี่จริง ๆ เลยนะคะ แอบไปขอประทานอนุญาตให้หนูค้างคืนที่นี่ แถมแอบไปจัดกระเป๋าตอนไหนก็ไม่รู้"
"ก็นี่แหละลูกยายสา วันๆมีแต่เรื่องเล่นสนุก" อุ่นเรือนบอก
"ไม่เหมือนหนูนะคะ วันๆมีแต่เรื่องน่าหนักใจ"
ศรีจิตราไม่ได้เศร้า แต่ไม่รู้จริง ๆว่าอะไรจะเกิดต่อไป อุ่นเรือนมานั่งข้างๆ
"เมื่อกี้ พอคุณยายพูดถึงจินตหราหนูก็อึ้งไป"
หมายถึงตอนที่ท่องโคลงกลอนกัน ... ซึ่งเป็นกลอนกล่าวชมนางจินตหรา
"ในวังทุกคนเขาเปรียบหนูเป็นบุษบา"
"แล้วก็เปรียบคุณหญิงก้อยเป็นจินตหราใช่ไหมลูก"
"หนูก็นึกอยู่แล้วว่าแม่ก็รู้เรื่องนี้"
"ยายสาเคยเล่าให้แม่ฟัง เร็ว ๆ นี้หนังสือพิมพ์ก็ลงข่าวตั้งไม่รู้กี่หน แต่ข่าวล่าสุดเขาว่า
เลิกรากันไปแล้วนะลูก"
"ค่ะ แต่ก็มีข่าวใหม่ว่า คุณชายไปชอบคนอื่นอีกนะคะ"
สาลินเดินจะเข้ามาในห้อง ได้ยินประโยคท้ายพอดีเลยแอบฟัง
ในห้อง อุ่นเรือนคุยต่อเนื่อง
"โธ่เอ๋ย จริงหรือลูก"
อุ่นเรือนโอบศีรษะลูกสาวมาแนบศีรษะตน
"แม่ขา เราต้องตอบแทนพระคุณ คุณป้า ด้วยความหวานอมขมกลืนแบบนี้หรือคะ"
"ลูกเอ๋ย อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้เลยลูก หนูเป็นเด็กดี พระจะช่วยคุ้มครองหนู"
"แต่หนูเคยได้ยินมาว่า พระจะช่วยคนที่ช่วยตัวเองก่อน ไม่ใช่หรือคะ"
อุ่นเรือนมองดูเห็นความเข้มแข็งบางอย่างปรากฏขึ้นในตัวลูกสาวคนโต
สาลินยังแอบฟังต่อเนื่อง
ภายในร้านผ้าไหมศุภรชายรองนั่งหน้าเครียดอยู่ต่อหน้าศุภร
"เฮ้ย....วันนี้จะไปกินข้าวแถวสุรวงศ์อีกรึเปล่า"
"ไม่....วันนี้วันหยุด เขาไม่ได้มาทำงาน เขาไปกับพี่สาวเขาแล้ว"
ชายรองพูดได้เท่านั้นก็ชะงัก เพราะหลุดปาก
"แกกำลังพูดถึงใครอยู่วะ ไอ้หม่อม"
"เออ ไม่มีอะไร เอาเป็นว่าฉันไม่ไปแถวนั้นอีกแล้ว อาหารไม่อร่อย ร้อน คนก็เยอะ
พอ ๆ กับแมลงวัน"
"เหรอ....แต่เดี๋ยวฉันคงไปทานร้านฝรั่งแถวนั้นสักหน่อย กับใครบางคน"
"ใคร"
"นั่นไง มาแล้ว"
คุณชายบดินทราชทรงพลพาหญิงกลางเข้ามาในร้าน สองหนุ่มลุกขึ้นต้อนรับทันที ชายรองแปลกใจเล็กน้อย หญิงกลางไหว้สองหนุ่ม
"สวัสดีค่ะคุณรอง คุณศุภร"
ศุภรทั้งดีใจ ทั้งเขิน
"สวัสดีครับ ร้านของผมถือเป็นเกียรติเหลือเกินที่ได้ต้อนรับคุณหญิง ขอบคุณมากนายเล็กที่พาคุณผู้หญิงมา"
"ไม่เป็นไรมิได้ครับ"
"ผมเพิ่งเปิด section ใหม่พอดีเลยครับ"
ชายรองหมั่นไส้ทั้งเพื่อน ทั้งน้อง
"มาครับ ผมพาชมของสวย ๆ ของร้านเรา คุณหญิงบอกความประสงค์มาเลยครับว่า ต้องการของขวัญแบบไหน ให้ใคร และ....สำคัญแค่ไหน"
"ความประสงค์แรกก็คือ อย่าเรียกฉันว่าคุณหญิงเลยค่ะ มันดูแก่เฒ่าชอบกล"
"แล้วจะให้เรียกว่าอะไรดีครับ"
"หญิงกลางไงเฮีย" ชายเล็กบอก
"หรือคุณกลางก็ได้ค่ะ"
"เป็นเกียรติกับผมเหลือเกิน ได้ครับคุณกลาง"
ศุภรพาหญิงกลางแยกไป พาไปดูส่วนของขวัญและของชำร่วยต่าง ๆ
"อ้อ....นัดหญิงกลางมาเจอเจ้าศุภร ทำตัวเป็นพ่อสื่อพ่อชักตั้งแต่เมื่อไหร่" ชายรองว่า
"โธ่....ก็เฮียศุภรเขาขอร้องผมนี่นา คนกำลังมีความรักเราต้องสนับสนุน นี่....เมื่อกี้เจอหญิงก้อยด้วย"
"เขาว่ายังไง"
"เขาบอกว่าถ้าพี่จะง้อคืนดีกับเขา ต้องไปหาเขาที่วังเท่านั้น"
ชายรองถอนใจอย่างเบื่อหน่าย เยื่อใยทั้งหลายเหมือนจะหมดไปแล้ว
สายน้ำรินไหลรี่ เรือสินค้ายังคงขึ้นล่อง เรือพายขายของพายไป ทุกอย่างดูแช่มช้าเงียบสงบที่ศาลาริมน้ำ
ศรีจิตราเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นซิ่นและเสื้อตัวสั้น นั่งพิงเสามองอย่างสุขใจ สาลินนุ่งกางเกงขาสั้น เสื้อเชิร์ต หน้าตาบูดบึ้ง
"ที่นี่สบายจังสา"
"แหม....พี่ศรีอย่าบอกนะว่าบ้านสวนสบายกว่าอยู่ในวัง"
"อยู่วังน่ะไม่สบายหรอกสา มีแต่คนจับจ้องทุกฝีก้าว แล้วก็มักจะมีข่าวเรื่อง เออ... คุณชายกับคุณหญิงก้อยมารบกวนให้ได้ยินอยู่บ่อย ๆ"
สาลินตาโต
"ว่าแล้วเชียวว่าต้องเป็นเรื่องว่าที่พี่เขยของสา คงไม่ใช่แค่ยายคุณหญิงก้อยใช่ไหมคะ เห็นว่ามีผู้หญิงคนอื่นอีก เมื่อกี้สาได้ยินที่พี่เล่าให้แม่ฟังแล้วนะ"
"แอบฟังอีกแล้วนะเรา"
"เป็นใครรู้ไหมพี่"
"ไม่รู้หรอก แต่เห็นว่าไปรับไปส่งกันอยู่บ่อย ๆ"
"ฮึ....นึกว่าเป็นพวกรักเดียวใจเดียวเสียอีก"
ศรีจิตรามองสาลินอย่างสังเกต เพราะทำท่าเหมือนหึงเสียเอง
"เล่ามาอีกซีคะ"
"ก็....รู้สึกว่าผู้หญิงคนใหม่นี่ไม่ได้ดีเด่อะไร"
"หา.....ผู้หญิงพรรค์อย่างว่าเหรอคะ"
"เบา ๆ สา น่าจะเป็นผู้หญิงใจแตก เพราะคบผู้ชายทีเดียวหลาย ๆ คน"
"ยี้ คบหญิงเสเพล อยากเห็นหน้ายายผู้หญิงคนนั้นจังเลยว่าสวยแค่ไหน สู้เราสองคนได้รึเปล่า"
สาลินค้อนลมแล้ง ไม่รู้ตัวสักนิดว่าหึงแทนพี่สาวจนออกนอกหน้า ศรีจิตราสังเกตขำ ๆ
โต๊ะเดิมที่ชายรองเคยนั่งในคอฟฟี่ช๊อปหรู
ศุภร หญิงกลางกำลังคุยกันออกรส ทานของหนักแล้ว กำลังทานของว่าง มีเค้กสองสามชิ้นและเครื่องดื่ม ชายเล็กนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ชายรองมองเหม่อไป นึกภาพในอดีต
สาลินอยู่ในชุดเหมด และทำน้ำหกใส่กางเกงตน
ที่โต๊ะ
"ไม่ได้หรอกค่ะ ดิฉันซื้อตั้งเยอะ คุณศุภรจะให้ฟรีได้ยังไง ขาดทุนหมด"
"โปรดรับไว้เถอะครับ ผมยินดี ผมจะมีความสุขมากที่คุณหญิงจะรับของกำนัลจากผม ถือเป็นของขวัญนะครับ"
"งั้นต้องถามหุ้นส่วนของคุณก่อนนะคะ คุณรองขา เห็นด้วยไหมคะ"
ทั้งสามมองชายรองที่ยังเหม่อลอย
"พี่รอง"
ชายรองสะดุ้ง
"ว่าไงนะ"
"เหม่อไปไหนแล้วพี่อหญิงกลางถามว่าเห็นด้วยไหมที่เฮียศุภรจะให้ของขวัญหญิงไม่คิดเงินเลย"
"จะเป็นไรไปล่ะ"
"มันเยอะนะคะ"
"เยอะกว่านี้ทางร้านเราก็ให้ได้ จริงมั้ยศุภร"
"ใช่ครับ"
"เออ...ผมขอตัวสักครู่"
ม.ร.ว.กิตติราชนรินทร์ลุกไปทันที
"สำเร็จแล้วเฮีย"
ศุภรยิ้ม หญิงกลางถามว่าอะไร ทั้งคู่ไม่ตอบ
ศุภรป้อต่อ
"รู้ไหมครับคุณหญิง เค้กที่นี่อร่อยสู้ของคุณหญิงไม่ได้เลยสักอย่างเดียว"
"ชมมากไปรึเปล่าคะ เพราะคุณเคยทานแต่เค้กสายรุ้งของฉันนะคะ"
ศุภรอึ้งไป บดินทร์ส่ายหน้าเอือม ๆ
"เออ....งั้นวันหลังผมต้องขอไปชิมเค้กรสชาติอื่น ๆ ของคุณหญิงบ้างแล้วล่ะครับ"
"ยินดีค่ะ เชิญที่วังนะคะ"
ศุภรเจื่อนไปทันทีเมื่อนึกถึงหม่อมวาณี หญิงก้อยและท่านจันทร์ บดินทร์ยิ้มขัน
ม.ร.ว.กิตติราชนรินทร์เดินมาหน้าห้องน้ำ ภาพความหลังก็เข้ามา
สาลินทะเลาะชายรองอีกครั้ง เอาน้ำราดเป้าครั้งที่สอง เขาอมยิ้มออกมา ก่อนจะถอนใจ และพยายามสลัดภาพสาลินออกไป
ในสวนวันใหม่ สองพี่น้องสอยมะม่วงอยู่ สาลินปีนต้นเป็นคนสอย ส่วนศรีจิตราเป็นคนรับเพราะมือเบากว่า สาลินวันนี้นุ่งซิ่นแต่ยกขึ้นเห็นขาเรียว ใต้ต้นเห็นใบไม้แห้งสุมกองเป็นพะเนินใหญ่
พวงมะม่วงสุกเหลืองทั้งพวง สาเอื้อมสอย
"อีกนิดเดียวได้พวงนี้ทั้งพวงเลยค่ะ"
"ระวังนะสา เดี๋ยวตก"
"ได้แล้วค่ะ"
มะม่วงสุก 2 ลูกตกหวือลง ศรียกตะกร้าใบใหญ่ใส่ผ้านิ่มปูไว้ รับได้อย่างชำนาญ
"ขอที่เหลือหน่อยเถอะ"
สาขยับตัวเอื้อมสุดแขน แล้วทันใดสาร้องวี๊ด หล่อนจากต้น ศรีจิตราร้องตาม
ใต้ต้นมะม่วง สานั่งแอ้งแม้งอยู่บนกองใบไม้ ใบไม้ที่ร่วงพรูตามมาจากต้นเต็มหัว
"ยายสา เป็นไง เจ็บตรงไหนบ้าง"
"ไม่เจ็บหรอกค่ะ แค่จุก"
ทั้งสองหัวเราะกัน
สองพี่น้องกลับมาที่เรือนไทย นั่งลง เห็นเบาะ หมอน หนังสือนิทานของชายเล็กและดอกไม้น่ารักในแจกัน สาลินคว้ามะม่วงมาดมสูดกลิ่นหอม
"ถ้าวันนี้เป็นไปตามแผนเดิม สาไปวังเสด็จ คุณป้าใหญ่คงจัดแจงให้สาเจอคุณชายเล็กแล้ว แต่สาเกิดพาพี่มานี่เสียก่อน"
"พี่ศรีก็ไปโทษคู่หมั้นพี่ศรีซี"
"คุณชายรอง เธอมาเกี่ยวอะไรด้วย"
"ก็ว่าที่พี่เขยสานั่นแหละ เขาเห็นคุณตาคุณยายบ่นถึงพี่ศรี เลยจัดแจงให้สาพาพี่ศรีมาเยี่ยม"
ศรีจิตราตาโต รู้สึกดีเมื่อรู้ว่า ชายรองมีน้ำใจ แต่สาลินปั้นปึ่ง
"จริงเหรอสา"
"จริงซีคะ เขาแนะนำเสร็จว่าไปรับวันไหน ไปส่งกลับวันไหน ไปกราบทูลเสด็จว่ายังไง ฮึ ตอนนั้นสายังนึกเลยว่า เขาเป็นคนดีมีน้ำใจ แต่ตอนนี้"
"ตอนนี้ทำไมเหรอ"
"ตอนนี้สาก็ไม่รู้แล้วซีว่า ว่าเขาทำเพื่ออะไร ฮึ ผู้ชาย ไว้ใจไม่ได้จริงๆ"
"ผู้ชายดี ๆ มีเยอะไป อย่างคุณชายเล็กเธอก็"
สาลินพูดแซง "ฮึ พี่ศรีรู้จักผู้ชายซักกี่คนกัน เลยเห็นดีเห็นงามไปหมด"
"แหม แล้วสาน่ะ รู้จักผู้ชายมากนักเหรอ"
"เยอะแยะไป ก็มีคุณตา ตาผล อีตาคุณชาย แล้วก็คุณพล ใช่แล้ว....ไว้พี่ศรีเจอคุณพลหน่อยเถอะ"
"มันจะเหมาะหรือสา"
"แหม... พี่ศรียังไม่ได้หมั้นกับเขาซักหน่อย ทำไมจะคบคนอื่นบ้างไม่ได้ ทีเขา.."
สาลินชะงัก ศรีจิตรามอง สาลินเอามะม่วงมาดมอีก แล้วลดลง
"พี่ศรี อนาคตมันไม่แน่ไม่นอน พี่ศรีมองดูคนอื่นไว้บ้างนะจ๊ะ"
ศรีจิตรามีแววประหลาดวูบขึ้นในดวงตา แล้วพยายามตัดออกจากความคิด
"พูดอะไรก็ไม่รู้สา เดี๋ยวพี่ไปเอามีดมาปอกมะม่วงดีกว่า"
ศรีจิตราแยกไป
สะใภ้จ้าว ตอนที่ 11 (ต่อ)
คุณชายเล็กแต่งตัวหล่อเดินผิวปากมาในสวน แล้วกระโดดข้ามท้องร่องไปเรื่อยๆ ทางเบื้องหลัง
ที่กอชบาด่าง พู่ระหงออกดอกพราว มีดอกไม้ ใบไม้ดูแปลกกว่าของจริง เคลื่อนขยับออก เห็นว่าคือ พุดซ้อน สวมเสื้อลายใบไม้ กับชบาทิพย์ใส่เสื้อลายดอกไม้ ดอกใหญ่ กางเกงยืด รองเท้าส้นสูงตามแฟชั่น
สองแม่ลูกสบตากัน พยักหน้าคล้ายมีแผนร้าย
ศาลาท้ายสวน ร่างระหง นั่งก้มหน้าอ่านหนังสืออยู่ ชายเล็กเดินมามองดู้แล้วอมยิ้ม เข้ามาหา
"สวัสดีครับ"
ร่างบอบบางร้องอุทานเบาๆหันขวับมา บดินทร์ยืนจังงัง ร้อง “เอิ๊บ”
ศรีจิตราแปลกใจมากลุกขึ้น
"คุณชายเล็ก"
"เอ้อ อ้า ง่า คุณศรีมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ"
"ดิฉันต่างหากที่ต้องถามว่า คุณชายเล็กมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง"
"เอ้อ....อ้า... ผมมาตรวจปั๊มน้ำมันยายซ้อนไงครับ"
"แต่ปั๊มอยู่ทางสวนโน้นต่างหาก แล้วคุณชายมาทำไมถึงนี่"
ชายเล็กหัวเราะแหะ ๆ เกาหัวคิดคำแก้ตัว แต่ศรีจิตราตาโต
"ผม ผมมาตามเจ้าพลน่ะครับ"
"คุณพลที่สนิทกับยายสาน่ะเหรอคะ"
"ใช่ครับ ผมมาตรวจปั๊มกับเจ้าพล เห็นยายซ้อนบอกว่ามันมาหาคุณสาที่นี่ ผมก็เลย
ลองตามมา ไม่นึกเลยว่าจะมาเจอคุณศรี บังเอิญจริง ๆ"
"อ๋อ.... ถ้าอย่างนั้นคุณชายนั่งก่อนนะคะ เดี๋ยวยายสามา ดิฉันแนะนำให้รู้จัก"
"ไม่เอาครับ"
"ทำไมคะ"
บดินทร์เอานิ้วใส่ปากกัด
"ผม...ผมอาย"
"คุณชายน่ะเหรอคะอาย"
"ทำไมฮะ คุณศรีเห็นผมเป็นคนยังไงถึงอายไม่เป็น"
"โธ่....ก็ดิฉันเห็นคุณชายรื่นเริงทั้งวัน ไม่เคยกลัวเกรงอะไร หรือ ใครนี่คะ"
"โธ่ แต่คราวนี้มันไม่เหมือนกันนี่ฮะ ก็รู้ ๆ อยู่ว่า 2 คุณป้า อยากจะจับคู่ผมกะคุณสา
ผมก็ต้องเขินแย่ซีฮะ"
ชายเล็กยังกัดนิ้วเอียงอายไปมา ศรีขำ
สาลินเดินมา กวัดแกว่งมีดแบบลิเก อีกมือถือจานข้าวเหนียวมูน
"พี่ศรีขา ได้ข้าวเหนียวมูนมาด้วยค่ะ"
ชายเล็กตาเหลือก ศรีจิตราหันไปมอง
"แน่ะ ยายสามาแล้วค่ะ"
"คุณศรีครับ"
ชายเล็กดึงศรีจิตราหันมา ศรีจิตราเซซบ
"อุ๊ย"
หลังพุ่มไม้ มีเถาตำลึงออกลูกแดง พุดซ้อนและชบาทิพย์ตาเหลือกโพลง บนหัวมีใบบอนคลุมอยู่
"ว้าย ปล้ำกันแล้ว" พุดซ้อนบอก
"ใครน่ะ สวยด้วย"
ศรีจิตราดันตัวออกหน้าแดง บดินทร์ไม่สังเกตพูดเร็วปรื๋อ
"คุณศรีอย่าเพิ่งให้ผมเจอเลย แล้วอย่าบอกนะฮะว่าเจอผมที่นี่"
"ทำไมคะ"
"ผมกับคุณสายังไงก็ต้องได้เจอกันแน่ในวันหน้า แต่วันนี้ผมไปก่อน ลานะฮะ"
ชายเล็กหันหลังวิ่งออกไปที่รั้ว คราวนี้ 2 แม่ลูกเตรียมตัวดี เอาใบบอนคลุมหัว ชายเล็กไม่ทันสังเกต วิ่งออกรั้วไป สองแม่ลูกยังหลบอยู่
ศรีจิตรามองตาม สาลินถือมีดกับจานข้าวเหนียวมูนเข้ามา
"วันนี้ คุณยายคั่วถั่วทองด้วยล่ะ พี่ศรี พี่ศรีมองอะไรเหรอ"
ศรีจิตราหันมา
"เปล่าจ้ะ"
สาลินนั่งลงแ วางจานและมีด ชะเง้อไปทางสวนพุดซ้อน
"แหม พอวันนี้ล่ะ อีตาพลไม่ยักมา จะให้รู้จักกับพี่ศรีเสียหน่อย"
ศรีจิตราตาปริบ ๆ สองแม่ลูกค่อย ๆ คลานออกรั้วไป ใบบอนยังอยู่บนหัว
สองแม่ลูกวิพากษ์วิจักษณ์วิจารณ์ โดยที่ยังมีใบบอนอยู่บนหัว
"ต๊ายวิ่งตูด เอ้ย วิ่งก้นเปิดไปอย่างนี้ ต้องมีอะไรแน่ ๆ"
ชบาทิพย์เศร้า
"คงกลัวพี่สาเห็นน่ะซีจ๊ะ..คะ เอ ผู้หญิงคนนี้เป็นใครนะแม่ สวยยังกะนางละคร"
"สวยอะไร ซีด ๆ จืดชืดเป็นน้ำยาเย็น"
"รู้แล้ว พี่สาวพี่สาแน่เลย ที่เป็นเมียคุณชายรถยาว แต่....ทำไมเขามาถึงเนื้อถึงตัวกับพี่
พลของหนู เอ๊ย...ของพี่พลล่ะ"
พุดซ้อนขนลุกเกรียวขยะแขยง
"จะอะไร ก็ใฝ่ต่ำน่ะซี อี เอ้ย ลูกชบา เหมือนนิยายต่ำ ๆ พวกลูกผู้ดีถูกเลี้ยงบนหอคอยงาช้าง แล้วได้กับคนขับรถ หรือไม่ก็คนสวน แต่แม่นี่หนักกว่าลดตัวมาเอาเด็กปั๊ม"
"ไม่จริง พี่พลเขาชอบพี่สาต่างหาก"
"แกจะไปรู้อะไร สันดานผู้ชายมันก็กะจะฟาดทั้งพี่ทั้งน้องนั่นแหละ ฉันน่ะรู้เช่นเห็นชาติดี เหมือนพ่อแกนั่นแหละ"
พุดซ้อนค้อนไปทิศหนึ่ง ชบาทิพย์อ้าปากค้าง
คืนนั้น ห้องทรงพระสำราญ วังวุฒิเวสม์ เสด็จพระองค์หญิงประทับบนโซฟา ศรีจิตรา สอางค์อยู่บนโซฟาห่างออกมา มีนางข้าหลวง 2-3 นาง หมอบเฝ้าอยู่ห่างๆ
"เป็นยังไงบ้างศรีจิตรา ไปเยี่ยมคุณตา คุณยาย"
"คุณตา คุณยายสบายดีเพคะ เป็นพระกรุณาเพคะที่ประทานพระอนุญาต"
"ถ้าน้องสาวเราไม่มาขอก็คงไม่ได้ไปหรอก น้องสาวเราน่ะมันเข้าที ไม่กลัวเกรงอะไรมาขออนุญาต แล้วยังขอให้ปิดเป็นความลับด้วย กะจะเซอร์ไพรส์เธอ"
"จริงเหรอเพคะ"
"แล้วยังขอแรงนังสองคนให้ช่วยด้วย"
มาลา วรรณาคลานเข่าถือพานผลไม้จากสวน ที่ปอกคว้าน ฝาน แต่งงดงามมา
"เพคะ หม่อมฉันจัดเสื้อผ้า" มาลาบอก
"หม่อมฉันจัดข้าวของเครื่องใช้เพคะ" วรรณาว่า
"ยายสานี่ จอมซนจอมวางแผนจริง ๆ เหมือนใครทรงทราบไหมเพคะ" สอางค์ว่า
"เหมือนใคร"
"จะเหมือนใคร ก็เหมือนองค์หญิงน่ะซีเพคะ"
สอางค์ยิ้มย่องผ่องใส เสด็จชะงัก ศรีจิตราตาโต มาลา วรรณาอ้าปากค้าง
"สมัยอยู่โรงเรียนแม่ชีนะ ทรงเป็นหัวโจกพาหม่อมฉันกับแม่สร้อยไปแกล้งใครต่อใครอยู่เรื่อย ขนาดมาแมร์แม่อธิการก็ไม่ทรงเว้น ทรงโดนถวายผาง ตั้ง 3 ที"
มาลา วรรณา นางข้าหลวงหัวเราะคิกคัก ศรีจิตราปิดปาก เสด็จทรงค้อนจิ้มผลไม้เสวย
"เรื่องตั้งล้านปีแล้วยังจะเอามาพูดอีก ส้มสูกลูกไม้นี่ของใคร"
"คุณตา คุณยายให้เอาผลไม้ที่สวนมาถวายเพคะ"
"รสชาติดี สอางค์ลองชิมดูซี"
"หม่อมฉันได้ชิมแล้วเพคะ แม่ศรีขนมาฝากตั้งหกเจ็ดชะลอม"
มาลาบอก "กินกันถ้วนทั่วทุกตัวคนแล้วเพคะ"
"กินข้าวเย็นไม่ลงแล้วเพคะ" วรรณาว่า
เสด็จทรงอึ้ง แล้วแย้มสรวล ดวงเนตรวางแผน
"เออ ดี ข้าได้กินเป็นคนสุดท้ายซีนะ เอ...เรากินของเขา เราก็ต้องตอบแทนบ้างซี สอางค์"
"อุ๊ย ใช่เพคะ"
"จัดเลี้ยงตอบแทนสาลินเสียหน่อย เสาร์หน้าก็แล้วกัน"
ศรีจิตรานิ่งนึก
" เรื่องเจอคุณชายเล็กอีกแล้วซีนะ"
"นี่แม่ศรี ของฝากจากสวนน่ะ เอาไปให้หม่อมกับชายรองที่ตำหนักเล็กบ้างซี ยังไม่เคยไปเลยไม่ใช่เหรอ"
สอางค์ มาลา วรรณา เป็นอึ้ง
"เพคะ"
สอางค์ถาม "อุ๊ย จะดีเหรอเพคะ"
"ดีซี จะได้ไปใกล้ชิดหม่อมอำพันบ้าง พรุ่งนี้วันหยุดอยู่ทั้งชายรอง ชายเล็ก"
เสด็จแย้มโอษฐ์ พักตร์มีแผนบางอย่าง
วันรุ่งขึ้น บนศาลาวัด บรรดาญาติธรรมนั่งทำกิจกรรมบนศาลา รอถวายอาหารเพล ตายาย และยายพิณนั่งร่วมวงอยู่วงหนึ่ง พุดซ้อนและชบาทิพย์นั่งอยู่อีกวงไม่ห่างนัก พุดซ้อนทำหน้าเศร้า
"วันนี้คงจะต้องทำบุญทำทานครั้งใหญ่ค่ะ"
ป้าคนหนึ่งถาม"ทำไมเหรอจ๊ะแม่พุดซ้อน"
"ไปเจอเรื่องไม่ดีไม่งามเข้าน่ะซีคะคุณป้า แหม...คนเราเดี๋ยวนี้แลกผัวแลกเมียกันไม่ละอายต่อบาปเลย"
ยายปริกถาม "ใครล่ะแม่ซ้อน"
"อย่าให้พูดเลยค่ะ เรื่องมันทำนองว่า นังน้องสาวคบอยู่กับไอ้เด็กปั๊ม กอดจูบลูบคลำกันในที่ลับตาคน พอนังพี่สาวกลับมาเยี่ยมบ้าน คล้อยหลังนังน้องไปนิดเดียว นังคนพี่กระโดดเข้ากอดรัดฟัดเหวี่ยง แลกลิ้นดูดปากกับไอ้เด็กปั๊มทันทีไม่อายผีสาง"
กลุ่มตา ยาย ยายพิณหันมาฟังทันที
"อุ๊ยตาย พี่แย่งผัวน้องงั้นเหรอ" ยายปริกว่า
"ก็ไม่เชิงนะคะ เพราะว่าที่คู่หมั้นของนังคนพี่ มาป้วนเปี้ยนรับส่งนังคนน้องอยู่บ่อย ๆ ใช่ไหมลูกชบา ไหนหัดเล่า เอ๊ย....ลองเล่าบ้างซิลูก"
"เออ ..." ชบาทิพย์เล่าตามที่ท่องมา "ก็....บางทีมาส่ง คนน้องก็อิดโรยหลับคารถเลยค่ะ ไม่รู้รถไป
ตกหลุมตกบ่อ กระเด้ง....แม่...หนูไม่อยากเล่าแล้ว"
"โถ... ละอายต่อบาป ดูซี ลูกชบายังไม่อยากเล่าเลยนะคะ แม่เล่าเอง ค่ะ ตกหลุม ตกบ่อกระเด้งกระดอนกันมาตลอดทางรึไง ถึงได้ดูอ่อนเปลี้ยเสียขนาดนั้น"
"ลูกสาวบ้านไหน ทำไมกาลี" ป้าว่า
"นั่นซี บอกได้ไหมว่าลูกสาวบ้านไหน" ยายปริกบอก
"ก็บ้านคุณยา...." ชบาทิพย์จะบอก
"อีชบา...อย่าพูดลูก...บาป....ก็...ละแวกนี้ล่ะค่ะ อย่าให้ดิฉันต้องเอ่ยนามเลย กาลกิณีมันจะขึ้นปาก"
"อ้อ กลัวไว้บ้างก็ดีนะแม่ซ้อน เพราะถ้านินทาผิด ๆ ถูก ๆ กาลกิณีไม่ได้ขึ้นแค่ปากมันขึ้นถึงหัวกบาลเลยล่ะ" ยายบอก
"แล้วถ้ามันไม่ใช่เรื่องจริงล่ะก็ ตายไปจะเป็นเปรต ปากฉีกไปถึงหูเลยนะแม่ซ้อน" ตาบอก
พุดซ้อนสะดุ้ง ชบาทิพย์รีบไหว้ท่วมหัว
"ที่มันพูดมา คือยายศรี ยายสาเลยนะคุณ" ตาบอก
"นั่นซีคะ คุณศรีก็เพิ่งกลับมาเยี่ยมบ้าน เด็กปั๊มก็ต้องคือคุณพล ไม่ใช่คนอื่นแน่ ๆ" ยายพิณว่า
"ยังจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน อย่าไปเอาเรื่องมันเลยคุณ" ยายบอก
"ถ้ามันว่าหลานเราจริง ๆ แค่ออกชื่อคำเดียว ฉันจะเอาปืนลูกซองมายิงกุดหัวมันจริง ๆ"
"คุณ วันนี้มาทำบุญ ไม่ได้มาทำบาป ปลง ๆ ซะเถอะ"
ทั้งสามยังมองไปที่ พุดซ้อนที่สงบเสงี่ยมไม่กล้าเมาท์ต่อ
ในตำหนักเล็ก ศรีจิตราไหว้หม่อมอำพัน และคุณชายามพี่น้อง สอางค์นั่งอยู่ข้าง ๆ ศรีจิตรา หม่อมอำพันรับไหว้อย่างค่อนข้างเชิดเล็กน้อย นมย้อยนั่งข้างสอางค์ เจียม น้อมและนางข้าหลวงสามสี่นางเฝ้าอยู่ห่าง ๆ จรวยนั่งหน้าเชิดร่วมอยู่ด้วย มาลา วรรณานั่งกับพื้นเชิดไม่แพ้กัน ที่พื้นข้างมาลา วรรณา วางตะกร้าใส่ผลไม้ และขวดโหลของดองและแช่อิ่มอย่างดีหลายชนิด
ม.ร.ว. ดิเรกราชวิทย์ทึ่งในความงามของศรีจิตรา เพราะเพิ่งเคยเห็นใกล้ ๆ เป็นครั้งแรก ชายรองกับชายเล็กมองท่าทีของหม่อมและสอางค์อย่างหวั่น ๆใจ
"สวัสดีจ๊ะ หนูศรี แหม....ขนอะไรมาเยอะแยะน่ะ อ้อ ของจากเรือกจากสวนนี่เอง"
อำพันปรายตาไปทางสอางค์
"ค่ะ มีทั้งผลไม้สดจากสวน มีทั้งของดองและแช่อิ่มด้วยค่ะ"
"โอ้โฮ....ของฝากจากเมืองนนท์ น่าทานทั้งนั้นเลยนะฮะ" ชายเล็กว่า
"ที่จริงไม่ต้องลำบากเลยนะ เพราะของสวนเทือกนี้ ในสวนหลังตำหนักก็มีออกดกดื่น เก็บกินไม่หวาดไม่ไหวอยู่แล้ว กลัวเหลือเอาไปเททิ้งเสียเปล่า ๆ"
ศรีจิตราหน้าเจื่อน จรวยแอบยิ้ม คุณชายทั้งสามมองหน้ากันอย่างอึดอัด
สอางค์บอก
"แหม....แต่ผลไม้จากสวนเมืองนนท์น่ะ ใคร ๆ เขาก็รู้ในสรรพคุณว่าอร่อยหอมหวานขนาดไหน ไม่ว่าจะมะม่วง ทุเรียน ละมุด พวกที่กินแล้วไม่รู้รสจนต้องเอาไปเททิ้งน่ะ น่าจะเป็นพวกที่นิยมกินของกาก ๆ เดน ๆ อยู่เป็นนิจ หรือไม่ก็พวกลิ้นหนาแบบลิ้นเสือ ลิ้นตะเข้นั่นแหละค่ะหม่อม"
อำพันแทบร้องกรี๊ดออกมา จรวยหน้าเชิด มาลา วรรณาก้มหน้ายิ้ม ศรีจิตราอึ้ง ชายรองรีบพูดกับนมย้อยที่หน้าเหรอหรา
"นมครับ.... เราไม่ลองเอาของแช่อิ่มมาทานดูหน่อยล่ะครับ"
ชายโตขานรับ"นั่นซี เห็นมีทั้งมะปรางริ้ว มีทั้งมะม่วง"
"ผมอยากกินทุกอย่างเลย"
"นั่นซีคะ งั้นเดี๋ยวนมไปจัดมาให้นะคะ"
นมย้อยลุกออกไป น้อม เจียม ช่วยลำเลียงตะกร้าเข้าห้องด้านในไป หม่อมอำพันแทบร้องห้าม ชายโตจับมือแม่ไว้ให้ใจเย็น อำพันแสร้งยิ้มออกมา
"เออ....หนูศรีจ๊ะ ว่าง ๆ มาเที่ยวเล่นที่ตำหนักเล็กบ้างก็ได้นะ ที่นี่มีดอกไม้ให้เก็บไว้ร้อยมาลัยเยอะแยะไม่แพ้ที่ตำหนักใหญ่ ทั้งดอกรัก มะลิ ดอกพุด แต่ไอ้พวกดอก...ใหญ่ ๆ บาน ๆ ไว้ใส่แจกันเอาหน้าน่ะ ที่นี่เราไม่นิยมปลูก"
สอางค์แทบจะกรี๊ดออกมาบ้าง จรวยแทบหัวเราะออกมา
"ค่ะ....ทางตำหนักใหญ่ก็ไม่นิยมปลูกดอกบางจำพวกเหมือนกัน เช่น ดอกจิก ดอกราชา ราชินี หรือไม้มงคลอย่างต้นโพธ์ ปลูกที่ไหนก็มีแต่ความสุขความเจริญ แต่พอแผลงไปเป็น โพดำ โพแดง มีแต่เสื่อม ทำมาค้าไม่ขึ้น เป็นได้ล่มจมเชียวล่ะหนูศรี"
หม่อมอำพันอยากจะลุกขึ้นมาร้องกรี๊ด ม.ร.ว. ดิเรกราชวิทย์จับมือไว้ หม่อมอำพันได้สติฉีกยิ้มหวาน
"แหม....คุณข้าหลวงใหญ่ขา จะกลัวเรื่องล่มจมทำไมคะ เมื่อก่อนครั้งยังสาวที่พลาดจากเสด็จพระองค์ชาย ตอนนั้นซีคะที่น่ากลัว แต่ตอนนี้หาทางดิ้นรนให้หลานสาวแทนตัวจนได้ ชาตินี้คงไม่ต้องกลัวล่มจมอีกแล้วละค่ะ มีแต่จะต่อยอดทำกำไรไปได้เรื่อย ๆ"
สอางค์ลุกพรวดขึ้น ตัวสั่นเทิ้ม สามหนุ่มรีบลุกตาม จรวยสะใจ มาลา วรรณาอ้าปากค้าง
"นี่....หม่อมพูดอย่างนี้หมายความว่า"
อำพันลุกพรวดตาม
"ก็อย่างที่เข้าใจนั่นแหละค่ะ เอ๊ะ หรือทำตัวเป็นเพลี้ยเป็นปลิงเกาะกินเสียจนเคยตัว เลยคิดอะไรไม่ออก"
"ศรีจิตรา กลับเดี๋ยวนี้"
ศรีจิตราลุกขึ้น "ค่ะ"
สอางค์เรียก "ชายรอง"
"ครับ คุณป้า"
"รีบสร้างเรือนหอให้เสร็จไว ๆ แล้วก็สร้างรั้วรอบขอบชิดเสียให้แน่นหนา"
"ทำไมล่ะครับคุณป้า"
"ป้าจะกราบทูลเสด็จ ไม่ให้ยายศรีเยี่ยมกรายเข้ามาแถวนี้ เพราะพวกไพร่สถุลสกุลกามันเยอะนัก มันจะเป็นเสนียดแก่ตัว"
หม่อมอำพันอ้าปากค้าง ชายโตกับชายเล็กรีบยึดไว้ไม่ให้โผเข้าไปตบสอางค์
นมย้อย น้อม เจียม ถือจานใส่ของแช่อิ่มออกมาพอดี ตะลึงงันไป
"อีกอย่าง แถวนี้....เหลือบริ้นไรที่มันชอบเกาะกินมันก็เยอะไม่ใช่น้อยหรอก ป้าจะกราบทูลเสด็จด้วยว่า เงินปีที่โปรดไว้จุนเจือคนที่นี่แต่กลับเอาไปถลุงในบ่อนจนแทบฉิบหายขายตัว สมควรให้ท่านทรงตัด ทรงงดเสียให้หมดสิ้น"
หม่อมอำพันหน้าเสีย
"มาลา วรรณา"
"เจ้าค่ะ"
"กลับตำหนัก เอาไม้หอมมาจุดไล่แมลงหวี่ แมลงวัน เหลือบริ้นเห็บเหาเสียด้วย"
มาลาปรายตามองไปทางจรวย "ถ้าเหลือบริ้นเห็บเหา"
"ต้องใช้น้ำมันขี้โล้ช่วยอีกแรงค่ะ" วรรณาบอก
"ดี....ส่วนไม้คดไม้งอ ไม้ชั้นเกลวราก ที่มีแต่เสี้ยนแต่ขวากหนาม ก็เอามาสะกระโจมเสีย"
มาลาถาม "สะกระโจมทำไมคะ"
"เอาไว้กันผีกระสือไง"
อำพัน นมย้อย น้อม เจียม จรวย อุทานออกมาพร้อมกัน สอางค์ยิ้มเหี้ยมสะบัดออกไป
"ดิฉันลาค่ะ" ศรีจิตราบอก
ศรีจิตรารีบไหว้ทุกคน มาลา วรรณา ยิ้มหวานให้ทุกคนแล้วดึงศรีจิตราออกไป
"มัน...มันว่าฉันเป็นอะไรนะ" หม่อมอำพันถาม
"ผีกระสือค่ะ หม่อม"
"แล้วมันหมายความว่ายังไงล่ะ"
น้อมพาซื่อ
"ผีกระสือมันชอบไปกินอาจมแถวส้วมไงคะ"
"ยายน้อม"
"โทษค่ะ"
"โอย....จะเป็นลม"
อำพันทรุดลงนั่ง
"ยาดม ยาดม"
อำพันถาม "จรวยตบมั้ย"
"ไม่ค่ะ จรวยเป็นผู้ดีแล้วค่ะ เป็นสะใภ้เอกด้วย"
ชายรองกับชายเล็กมองหน้ากันก่อนจะตามออกไป
คุณสอางค์มานั่งลมขึ้นอยู่ที่ศาลาหน้าตำหนักเล็กเหมือนกัน มาลา วรรณา ช่วยกันพัดวี ศรีจิตราให้ดมยาดม
"โอย....เจ็บใจนัก มาหาว่าฉันเกาะกินเสด็จท่าน ปากคอมันเราะรายเหลือเกิน"
"แต่มาลาว่าก็พอ ๆ กันแหละค่ะ"
"หา....ว่าใครพอ ๆ กัน"
"อ๋อ ว่าหม่อมกับ....กับนังจรวยน่ะค่ะ" มาลาบอก
"ยายจรวยไม่ได้ว่าอะไรฉันสักคำ"
"หมายถึงท่าทางมันน่ะค่ะ ท่าทางมันยโสโอหังไม่แพ้นายเลย" วรรณาบอก
สอางค์ยังงง ๆ กับคำแก้ตัวของ มาลา วรรณา คุณชายทั้งสองตามมาพอดี
"คุณป้าครับ ผมขอโทษแทนหม่อมด้วย"
"ไม่ต้องขอโทษหรอก ป้าก็ว่าหม่อมเขาไปพอแรงเหมือนกันแหละ แต่ไม่ไหว เรามาก็ด้วยอัธยาศัยไมตรี โดนเข้าแบบนี้ก็ไม่ต้องมาคบค้าสมาคมกันล่ะ เอิ้ก... แม่ศรีกลับเถอะ ป้าไม่ไหวแล้ว อยู่แถวนี้ลมสว้านมันขึ้น"
"มาลา วรรณา พาคุณป้ากลับก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันกับนายเล็กจะพาคุณศรีไปส่งเอง"
"อุ๊ย....ดีเลยค่ะ แม่ศรีอยู่คุยกับคุณชายนะ เรื่องเรือนหอ สงสัยอะไรก็ถามคุณชายเสีย"
สอางค์แช่มชื่นขึ้น มาลา วรรณาพาสอางค์ออกไป
"ดิฉันไม่รู้เลยนะคะว่าหม่อมกับคุณป้าจะไม่ถูกอัธยาศัยกันถึงขนาดนี้ "
"เป็นเรื่องปรกติน่ะครับคุณศรี สังเกตดี ๆ ซีครับ จะเห็นว่าทั้งสองตำหนักไม่ค่อยไปมาหาสู่กันเท่าไหร่" ชายเล็กว่า
"นั่นซีคะ"
"เอ....แล้วคุณศรีมีเรื่องเรือนหออะไรจะถามพี่รองเหรอครับ"
"เออ...ก็....ไม่มีอะไรหรอกค่ะ"
"ที่จริงนายเล็กรู้เรื่องเรือนหอดีกว่าฉัน นายช่วยตอบแทนทีละกัน"
"ได้ครับพี่ งั้น ผมไปส่งคุณศรีเองครับ"
ศรีจิตรามองอย่างรู้ ๆ ว่าชายรองต้องขอชิ่งตามระเบียบ
"เชิญครับคุณศรี"
บดินทร์พา ศรีจิตรากลับไปทางสวน กิตติมองตาม
หม่อมอำพันกำลังเอะอะใส่ทุกคน ชายโตยังนั่งปลอบอยู่ นมย้อยนั่งประจำที่ น้อมนวดไหล่ให้อำพัน จรวยนวดเท้า เจียมยกถาดทั้งของแช่อิ่ม ทั้งมะม่วงข้าวเหนียวมูนราดกะทิโรยถั่วทองน่าทานมาวาง
"หนอย มาว่าฉันเป็นกระสือ ถ้าฉันเป็นกระสือ นังคุณข้าหลวงก็ต้องเป็นปอบมาเกาะกินสมบัติเสด็จ"
"เหมือนกันเลยนะคะ" นมย้อยว่า
"ใช่ เหมือนกันเลย เอ๊ะ คุณนม ว่าใครเหมือนกัน"
"เออ... ก็เหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้องไงคะ แเพราะทางบ้านราชดำริก็ได้รับเงินจุนเจือจากเสด็จเหมือนกัน"
"จริงซี แล้วยังมีหน้ามาลำเลิกพวกเรา หนอย....จะให้ตัดเงินปี ไปตัดทางบ้านยายน้องสาวหล่อนก่อนเถอะ พวกทึนทึกหาผัวไม่ได้ก็อิจฉาตาร้อนแบบนี้แหละ "
"ใจเย็นครับหม่อม ทานของหวานอร่อย ๆ ดีกว่าครับ"
ชายโตหยิบจานข้าวเหนียวมูนส่งให้ หม่อมอำพันทานอย่างลืมว่าของใคร
"แหม อร่อย ลองทานซีลูก ใครซื้อมาล่ะ"
น้อมบอก "อ้าว ก็ของคุณศรีที่เอามาฝากนี่ไงละคะหม่อม"
หม่อมอำพันรีบกลืนชิ้นสุดท้าย
"ว้าย สงสัยฉันจะหิว ความจริงก็รสไม่ดีเท่าไร มะม่วงบ่มแก๊สเปรี้ยวเชียว" หม่อมจิ้มอีกชิ้นเอามาดม "บางลูกก็เหม็นโอ่ ท่าทางคงไม่ได้คัดได้เลือก"
ชายโตกับชายรอง นมย้อยอึ้ง ส่วนจรวยยิ้มสมใจ
"แหม.....จะเอาใจว่าที่แม่สามีสักที ไม่รู้จักคัดสรรให้ดีเสียก่อน นี่สมคงรีบร้อนขนมาให้ทั้งขนัดเลยละค่ะ"
ชายรองเย็นชา ชายโตเซ็ง นมย้อยตาเขียว อำพันยิ้มละไม
"ท่าจะจริง"
จรวยยิ้มประจบ อำพันมองหน้าจรวยแล้วหุบยิ้ม ดวงตาจงชัง ชักตีนหนีจากการนวด
"แต่ยังไง หนูศรีเขาก็ยังมีน้ำใจหามาฝากนะ อย่างน้อยเขาก็เป็นลูกหลานเจ้าสัว ทาง
คุณตาเป็นถึงคหบดี มีสวนปลูกผักผลไม้เป็นร้อยเป็นพันไร่ ไม่เหมือนนังบางคน ปลูกแต่กาฝาก"
จรวยคลานออกมา แล้วลุกพรวดขึ้น ทุกคนสะใจ
"เจียม ยายน้อม จัดของว่างให้ฉันกับคุณชายด้วย แต่ผลไม้ไม่ต้องจัดมา ฉันกินแล้ว
แพ้ มันคัน"
"คันอะไรคะ" เจียมถาม
"คันคอน่ะซี"
จรวยเดินฉับ ๆไป เจียมและน้อมลุกตาม หม่อมอำพันกินต่อเพราะลืมตัว ชายโต นมย้อย น้อม มองงง ๆ
"จริง ๆ นะตาโต ตั้งแต่เราเอานังนี่มาเป็นสะใภ้ แม่เสียไพ่ไม่หยุดไม่หย่อน สงสัยนังนี่แหละ อีตัวขัดลาภตัวจริง"
"โธ่ หม่อมครับ อย่าว่าจรวยเลยครับ เอ.....แล้วหม่อมทานต่อ ไม่เปรี้ยว ไม่เหม็นโอ่แล้วเหรอครับ"
"อุ๊ย....แม่กำลังโกรธน่ะลูก เลยลืมตัว ไป ไป เอาไปเททิ้งให้หมด"
หม่อมอำพันลุกขึ้นชั้นบน
"ไม่ต้องทิ้งหรอกครับนม ผมทานเอง"
ชายโคทานต่อสบายอารมณ์ นมย้อยขอชิมบ้าง
บดินทร์มาส่งศรีจิตราหน้าตำหนักใหญ่ ศรีจิตราหัวเราะขำ
"ทะเลาะกันขนาดนี้เชียวเหรอคะ"
"ครับ คุณป้าถึงกับประกาศว่าจะไม่เหยียบตำหนักเล็กอีกเลยนะครับ นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าคุณป้าจะยอมมาครั้งนี้ เพราะคุณศรีแท้ ๆ เชียว"
"เพราะเสด็จป้าต่างหากล่ะคะคุณเล็ก"
ทั้งสองมาลงนั่งคุยกันต่อที่โต๊ะสนามหน้าตึก เสด็จเสด็จออก ทอดเนตรทั้งสองอย่างที่เคย
"คุณศรีครับ เรื่องที่ผมไปพบคุณศรีที่บ้านสวนวันนั้น คุณศรีคงไม่บอกคุณสานะฮะ"
ศรีจิตราสายตาหยั่งเชิง
"ไม่บอกหรอกค่ะ แต่สงสัยว่าทำไมต้องปิดด้วย แล้วเมื่อไหร่คุณชายจะได้พบยายสาเสียที"
"อีกไม่นานหรอกครับ เราได้เจอกันแน่ ๆ"
ศรีจิตราเริ่มแน่ใจในสิ่งที่ตนสงสัยมากขึ้น เสด็จทรงยิ้มเป็นอย่างที่คิดจริง ๆ
วันต่อมา ในคอฟฟี่ช็อปหรู ที่โต๊ะด้านในชายรองกินอาหารอยู่กับศุภร ที่โต๊ะหน้าร้าน ไนเจล จิตริณี สาลิน กินอาหารเสร็จแล้ว บริกรกำลังเช็คบิล ไนเจลจ่ายเงิน จิตริณีลุกขึ้น คว้ากระเป๋าถือไปด้วย
"ขอเข้าเพาเดอร์รูมเดี๋ยวนะคะ"
จิตริณีเดินไป กิตติและศุภรก็กินอิ่มจิบน้ำ แล้วมองหาบริกร
"อ้าว เจออีกแล้ว"
"ใคร โจทย์นายหรือ"
"โจทย์นายมากกว่ามั้ง คุณสาไง"
ชายรองหันมามอง
สาลินคล้ายมาลำพังกับไนเจล ชายรองเย็นชาขึ้นมา ดวงตาหยัน เสียงศุภรดัง
"มากับบอสฝรั่งเขาอีกแล้ว"
สาลินมองดูไนเจล เห็นมีท่าทางเศร้ากับขัดใจระคนกัน จึงยื่นมือไปแตะมือให้กำลังใจ
"ใจเย็น ๆ นะคะ บอส"
"ผมไม่ได้เป็นอะไรหรอก แค่เจ็บกระดอง"
"คะ ? อะไรนะ"
"กระดองใจไงครับ"
ชายรองเดินช้า ๆ ผ่านมา มองดูมือสาลินที่แตะไนเจล สาลินเงยหน้าขึ้น ชายรองหยุดมองอย่างตำหนิ
"ทำตัวเหมือนหญิงรักสนุก"
"ฮึ ควงมากับหญิงรักสนุกคนไหนล่ะ"
สะใภ้จ้าว ตอนที่ 11 (ต่อ)
สาลินเชิดหน้าบึ้ง คุณชายกิตติราชนรินทร์โกรธแยกไป ศุภรเดินตามมาดึงไว้แล้วพากลับมา ศุภรยิ้มกับสาลิน
"หวัดดีครับ คุณสา"
สาลินเห็นศุภรยิ้มทัก ยกมือสวัสดี ศุภรรับไหว้
"สวัสดีค่ะ คุณศุภร"
"สวัสดีครับ คุณชายคิตตี้"
"สวัสดีครับ มิสเตอร์ไนเจล"
ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์หมั่นไส้สาลินเต็มที
"แล้วใจคอจะไม่ทักฉันซักนิดหรือ"
"ไม่จำเป็นนี่ ฉันไม่มีธุระอะไรกับคุณ"
"แต่ฉันมี"
"ธุระอะไรไม่ทราบ"
"ก็แค่อยากขอบคุณสำหรับผลไม้"
"คุณไปขอบใจพี่ศรีเถอะ เขาอุตส่าห์ขนไปตัวเป็นเกลียว"
ชายรองยิ้มสมใจ
"ยังไงก็ต้องขอบใจเธอ เห็นว่าเธอขึ้นมะม่วงให้จนตกลงมาจุกแอ้กไม่ใช่หรือ"
สาลินเบิกตากว้าง คุณชายสะใจ ศุภรอมยิ้มดูท่าทีเพื่อนอย่างเริ่มแน่ใจ
สาลินคิด " พี่ศรี! เรื่องนี้ไปเล่าทำไม" แล้วทำสุขุมตอบไปว่า "หมดธุระแล้วใช่ไหมคะ"
"อ้อ...ฉันคงต้องขอตัว ก่อนที่จะมีใครมาเข้าใจผิดอีก"
สาลินอยากจะพูดว่า "ต๊าย....กลัวยายคุณหญิงจะเข้าใจผิด" แต่กลับพูดน้ำเสียงเย็นชา "ฉันเองก็ไม่อยากให้ใครมาเข้าใจผิดเหมือนกัน แต่ถ้าคุณกลัวใครเข้าใจผิดจริง ก็ไม่น่าจะไปยุ่งกับใครอีก"
"เธอพูดถึงใคร"
" ต๊าย ทำไม่รู้" สาลินคิด แต่พูดไปว่า "ก็ใครเที่ยวไปควงใครต่อใครน่าจะรู้ดี"
คุณชายรองโกรธทั้ง ๆ ที่งง สาลินเชิด
"ฉันต้องคุยกับเธอส่วนตัวเสียแล้ว เชิญทางนี้"
ชายรองผายมือ
"ลินซี่" ไนเจลเรียก
"ไม่เป็นไรค่ะบอส"
สาลินลุกไปกับคุณชายรอง ไนเจลมองศุภร ศุภรแบมือยักไหล่ยิ้มแห้ง ๆ ไนเจลเข้าใจยิ้มแห้ง ๆ ตอบ แล้วทำหน้าสงสัย
"ไอ้หม่อมมันเป็นไรของมันวะ"
"ถามจริง ๆ น้า พ่อแม่ไม่มีปัญญาตั้งชื่อแล้วเหรอ ถึงชื่อหมู"
"หา....ชื่อหมู ใคร...ใครชื่อหมู"
"ก็คุณไง คุณชื่อสุกร มันแปลว่าหมูไม่ใช่เหรอ"
ศุภรเกาหัวไม่รู้จะอธิบายยังไง
"ภาษาทายง่าย ๆ ก็ม่ายรู้ โง่เนอะ" ไนเจลบอก
กิตติเดินนำมาอีกมุมหนึ่งของร้าน สาลินตาม
"ฉันไปเที่ยวควงใครต่อใครที่ไหนไม่ทราบ"
"ฉันไม่รู้หรอก ที่ฉันรู้ก็คือหญิงคนนั้นเป็นหญิงเสเพล คบผู้ชายไม่เลือกหน้า แล้วคุณก็ไปรับไปส่งแม่นั่นอยู่ตลอด"
จังหวะนี้ จิตริณีหน้าผ่องออกมาจากห้องน้ำ แอบฟังหลังเสาทันที
ชายรองพยายามนึก
"ผู้หญิงที่ฉันไปรับไปส่งก็เห็นมีแต่เธอคนเดียว ฉันไม่มีผู้หญิงเสเพลที่ไหน"
"อย่ามาโกหก....นี่คุณ ก่อนที่เรือนหอจะเสร็จ คุณควรกราบทูลเสด็จ ล้มเลิกการแต่งงานกับพี่ศรีได้แล้ว เพราะสิ่งที่คุณทำตอนนี้ คุณไม่ให้เกียรติพี่สาวฉันอย่างที่สุด"
"ฉันว่าคนที่ไม่ให้เกียรติพี่สาวเธอคือเธอต่างหาก"
"หา....ฉันยังไง"
"ได้ข่าวว่าเด็จป้าโปรดจะให้เธอเป็นคู่หมั้นคู่หมายกับเจ้าเล็ก แต่ดูซี เธอเที่ยวควงใครต่อใคร เดี๋ยวเศรษฐี เดี๋ยวยาจก เดี๋ยวไทย เดี๋ยวฝรั่ง"
"นี่คุณ"
สาลินเสียงแหลมจนไนเจลและศุภรเข้ามาสมทบ
"หญิงเสเพลตัวจริงน่าจะเป็นเธอมากกว่านะ"
สาลินแทบร้องกรี๊ด บริกรถือแก้วน้ำผ่านมาพอดี สาลินคว้าไว้ แล้วทำท่าจะสาดมาที่เป้ากางเกงของช้ารองอย่างตามเคย แต่เขาคว้ามือของสาลินไว้ทัน
"อย่านึกว่าคราวนี้ฉันจะยอมให้เธอทำเป้ากางเกงฉันเปียกอีก"
"ปล่อย"
ไนเจลเข้ามา
"ผมว่าค่อย ๆ พูดกันดีกว่านะ อย่ากัดกันเลย"
สาลินกระชากแก้วให้หลุดจากมือชายรอง แล้วน้ำทั้งแก้วก็สาดรดเป้าของไนเจลเข้าเต็ม ๆ
"บอสคะ ฉันขอโทษ โซ ซอรี่"
"โผมไม่น่าเข้ามายุ่งเลย ซวยจริง ๆ"
ศุภรบอก "ฮ่ะฮ่ะ บอส เป้าเปียกเลยแฮะ"
ชายรองยิ้มร่า อารมณ์ดีขึ้น
"ฉันขอตัว โทษนะครับบอส"
"ขอโทษนะครับบอส กระผมเฮียหมูไปก่อนนะครับ"
ชายรองหันกลับเดินไป ศุภรโค้งขอโทษนิดนึงแล้ววิ่งตาม ไนเจลทำตาปริบๆ
"ฮึ พวกพาลกระแชง"
"โอ มายก็อด เขาพูดเหมือนผมเป็นชู้กับคุณ"
"เป็นคนรักค่ะ"
"ใช่ เป็นคนรัก แต่เราไม่ใช่นะ"
"ช่างเขาเถอะค่ะ วันนี้อากาศร้อน อาการเขาเลยกำเริบ"
"พูดเหมือนเขาเป็นหมาเลยนะ แต่อาการแบบนี้ผมรู้จักดี เขากำลังหึงคุณจนหน้าเป็น
ดำแดง"
สาลินอ้าปากค้าง อึ้งไปพูดไม่ออก
"โอว์ หน้าดำหน้าแดงช่ายหมาย"
จิตริณีเข้ามาสมทบ ยังมองตามชายรองอยู่ ครุ่นคิดบางอย่าง
"จินนี่ เป้าผมเปียก ช่วยเป้าผมด้วย"
"ค่ะ ค่ะ เดี๋ยวจะเรียกบริกรมานะคะ เล่าให้ฟังหน่อยซีคะ เกิดเรื่องอะไรขึ้น"
จิตริณีทำเหมือนไม่รู้เรื่องอะไร สาลินอึ้งพูดไม่ออก
ในร้านผ้าไหม ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์ นั่งอยู่ที่โต๊ะของศุภร
กำลังพลิกดูใบเสร็จประดามีอย่างแรง หน้าบึ้ง ศุภรอยู่ที่ตู้เอกสาร มองดูอาการชายรองแล้วยิ้มในหน้า
"เบา ๆ หน่อย เดี๋ยวใบเสร็จขาด ไม่มีไว้ทำบัญชีโว้ย"
ชายรองมองหน้า ศุภรยักไหล่หันมาแล้วชะงักแล้วยิ้มเมื่อเห็นจิตริณีเข้ามา
"คุณจิตริณี มีอะไรให้รับใช้ครับ"
"สวัสดีค่ะคุณศุภร สวัสดีคุณชายกิตติ"
คุณชายรองลุกขึ้น งงนิดหน่อย ก้าวมาหาจิตริณี ศุภรขยับไปด้านข้าง
"ครับ คุณจิตริณี"
"ดิฉันจะบอกว่า ไม่อยากให้คุณกับสาลินต้องเข้าใจผิดกัน"
"เข้าใจผิด"
"เรื่องเป็นอย่างนี้ค่ะ เมื่ออาทิตย์ก่อน คุณหญิงเทพีเพ็ญแสงมาที่ห้องสมุด"
ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์งงงันไป ศุภรร้องฮ้า
แล้วห้องสมุดในมโนจิตริณีก็ถูกเล่าให้ทั้งสองฟัง
ม.ร.ว. เทพีเพ็ญแสงเผชิญหน้าสาลินที่เคาน์เตอร์ หญิงก้อยจ้องถลึงตา สาลินหน้าซีด กลัวตัวสั่นงันงก
"คุณหญิงเข้ามาด่าว่าคุณสาอย่างสาดเสียเทเสีย"
หญิงก้อยชี้นิ้วด่า เอานิ้วชี้จิ้มหน้าผากสาลินไปด้วย สาลินหน้าหงายเซไปอย่างอ่อนแอ
"เธอว่าคุณสาจะแย่งคุณชายไปจากเธอ"
ชายรองอ้าปากค้างในร้านผ้าไหม
"อะไรนะครับ"
"คุณสาตกใจมาก อับอายสายตาผู้คนทั้งห้องสมุด"
สาลินทรุดล้มตะแคง หญิงก้อยจ้องอย่างสมใจแล้วสะบัดไป สาลินยกมือขอร้องวิวอนตามหลัง คนทั้งห้องสมุด มี ไนเจล ลลิตา บราลี แว่น นำทีมก้าวมา มองสาลินอย่างตำหนิจงชัง ไนเจลชี้หน้าด่าสาลิน
สาลินร้องไห้ระล่ำระลัก
"จากนั้นคุณสาก็ถูกบอสตำหนิอย่างรุนแรง"
ชายรองหน้าเผือดลง จิตริณีวิงวอน
"นี่เป็นสาเหตุให้เธอหลบหน้าคุณ เพราะไม่อยากให้คุณหญิงก้อยมาเข้าใจผิดอีก"
"ให้ตายเถอะ นี่ผมไม่รู้เรื่องนี้เลย แล้วที่ว่าไม่อยากให้คนคนนั้นมาหึงหวง"
"คือคุณหญิงก้อยนี่แหละ"
ชายรองยิ้มออก
"เข้าใจแล้วครับ"
"เมื่อคุณทราบแล้ว อย่าผิดใจกับลินซี่อีกเลยนะคะ ดิฉันมาบอกเท่านี้ละค่ะ ขอตัว
ก่อนค่ะ บาย"
จิตริณีโบกมือลา เดินไป ชายรองร้องขอบคุณไล่หลัง ศุภรโบกมือตอบ กิตติยืนบึ้ง ศุภรขยับมาใกล้
"คุณทรามวัยกายสิทธิ์นี่ก็น่ารักดีแฮะ"
ชายรองยังอึ้ง
จิตริณีออกมาจากร้านผ้าไหม พลางยิ้มในหน้า
" ถ้าอยากให้คุณชายกับลินซี่แตกกันล่ะก็ ยากหน่อยนะอาร์นี่"
เมื่อจิตริณีพ้นไป สองหนุ่มตามออกมา ชายรองยิ้มออกมาได้เหมือนลุล่วงกับทุกสิ่ง
"เป็นไรวะ"
"เปล่า ไอ้ภร ฉันว่าฉันชักหิวข้าวแกงแถวร้านเสียโปแล้วว่ะ"
"อ้าว ไหนว่าร้อน คนเยอะ แมลงวันแยะ"
"ก็อร่อยดีนี่"
ศุภรยิ้มอย่างรู้ทัน
"หิวเมื่อไหร่บอกละกัน จะไปเป็นเพื่อน"
ศุภรกลับเข้าร้าน ชายรองยิ้มอยู่คนเดียว
สองสามวันต่อมา ในวงไพ่ ที่โถงชั้นบนตำหนักเล็ก หม่อมอำพันกรีดไพ่ขวับหน้าขมวดมุ่น เพราะต้องรอทุกหน้า คุณนาย คุณหญิง ท่านผู้หญิงชรา แทบทุกคนหน้าดำคร่ำเครียด ค้อนควักคุณนายผู้การตำรวจที่ได้อยู่คนเดียว คุณนายยิ้มแย้ม
ยายน้อม เจียม และบรรดาข้าหลวงยกถาดวางอาหารเข้ามาในห้อง
"อ้อ....มาแล้วหรือยะ กว่าจะยุรยาตร นวยนาดวาดกรมาได้ ฉันน่ะหิวจนตาลาย ทิ้งไพ่ผิดเสียจนจะจำนำผ้าซิ่นแล้ว"
น้อม เจียมสบตากัน อ่านสายตาได้ความว่าวันนี้เสียอีกแล้ว
คุณหญิงค้อน
"หม่อมน่ะแค่จำนำซิ่น แต่อิฉันคงล่อนจ้อนกลับบ้านเลยล่ะค่ะ"
ทุกคนค้อน คุณนายผู้การฯที่รอไพ่ก็เอาเงินมานับปึกใหญ่ คุณนายเห็นทุกคนมองมาอย่างหมั่นไส้ ก็ยิ้มย่ามใจ หันมาหายายน้อมที่อยู่ใกล้ พร้อมกับกระทำสิ่งต้องห้ามคือ สะกิดเอว
"ไหน ยายน้อม วันนี้มีอะไรกินบ้าง"
น้อมชะงักลืมตาโพลง
"มีตำ ตำ ตำ ตำ"
คุณนายตาเหลือกปาไพ่ทิ้ง ไพ่กระจายเต็มหน้ายายน้อม
"ผัวฉันมาเหรอ"
คุณหญิงโพล่ง "ตำรวจ !"
เจียมและนางข้าหลวงเด็กพยายามจะบอกว่าไม่ใช่
แต่คุณนายทั้งปวงร้องกรี๊ดประสานกันลุกพรวดขึ้น ไพ่กระจาย บางนางเตะสำรับ บ้างเตะกระโดน จานเม็ดก๋วยจี้กระจายว่อน นางนางโกยเงินเข้าตัก ยกชายผ้าพาเงินหนีไป หม่อมอำพันลุกขึ้นร้องกรี๊ด
"หยุดก่อนค่ะ"
บรรดาขาไพ่นิ่งชะงัก
"ตำอะไรยายน้อม"
ยายน้อมยิ้มโพล่งออกมาได้
"ตำส้ม เจ้าค่ะ"
"ตำส้ม หรือส้มตำค่ะ ไม่ใช่ตำรวจค่ะ"
บรรดาขาไพ่ร้องอุทาน โล่งอก แล้วลงนั่งเล่นกันต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หม่อมอำพันค้อนยายน้อมวงใหญ่
ระเบียงหลังบ้านราชดำริ สองพี่น้องนั่งอยู่บนตั่ง ที่พื้นอุ่นเรือน ยายพิศ เด็กลูกมือ ทำขนมกันอยู่ กำไลพาสาลินเข้ามา สาลินคลานเป็นแต่แกล้งทำกระโดกกระเดกแกล้งสร้อย สาลินไหว้ สอางค์ สร้อยและอุ่นเรือน สอางค์ยิ้มพริ้มเพรารับ สร้อยค้อนชนิดคอเคล็ด
"มาแล้วหรือยะ แม่โฉมเอก ทุกคนเขารอเราอยู่" สร้อยบอก
"มีเรื่องอะไรเหรอคะถึงให้หนูรีบมา"
"นี่....คราวก่อนที่หนูไปเข้าเฝ้าอีกครั้งน่ะ เสด็จยิ่งโปรดหนูมากขึ้นไปอีกรู้ไหม เสด็จก็ทรงดำริว่าจะประทานนัดเลี้ยงตอบแทนหนู" สอางค์บอก
"เลี้ยงอะไรกันคะ"
"เลี้ยงอาหารค่ำคืนนี้ลูก จัดโต๊ะอาหารเต็มยศแบบยุโรปสไตล์ ผู้หญิงใส่ชุดราตรี ผู้ชายใส่ทักซิโด้ หางแซวแซวเลยทีเดียว"
สอางค์พูดไป ดวงตาเป็นประกายเคลิ้มสู่ภวังค์ฝัน ยกมือกรายนิ้วไปด้วย เกิดประกายฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้งรอบตัว ทุกคนมองอย่างตระหนกมากกว่าทึ่ง
"ขนาดนั้นเชียวหรือคะ แหม....หนูก็อยากอยู่เหมือนกันนะคะ แต่ว่าคงไม่ได้ เพราะที่บ้านสวน..."
อุ่นเรือน พิศ รู้ว่าสาลินจะแต่งเรื่องอีก พากันโบกมือ ขยิบหูขยิบตา
"จุ๊ ๆ ยายสา"
สาลินหันมามอง ไม่รู้เรื่อง คิดต่อ สร้อยจ้องอุ่นเรือนและพิศตาเขียว อุ่นเรือน พิศหลบตา
" ใครเป็นอะไรอีกล่ะยะ"
"คราวนี้ทั้งคุณตา ทั้งคุณยายเลยค่ะ"
อุ่นเรือน พิศ ร้องโธ่ สร้อยยิ้มมีชัย
"อ้อ หรือยะ เป็นอะไร"
"เป็น เป็นโรคลมค่ะ"
"อ้อ คุณตา คุณยายเป็นโรคลม แต่ว่าหล่อน..เป็นโรคโกหกพกลม"
"หนูเปล่า"
สร้อยมองเลยไปข้างหลัง ยิ้มเยาะสะใจ
"เอ้า มีคนที่เขาจะจับโรคปั้นน้ำเป็นตัวของหล่อนได้คาหนังคาเขาแล้ว อยู่ข้างหลังหล่อนนี่ไง "
สาลินหันไป พบว่า ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์ยิ้มระรื่น ยืนฟังอยู่นานแล้วเดินเข้ามาในห้อง
"เมื่อเช้านี้ คุณป้ากับคุณแม่เธอไปที่บ้านสวน ไปกราบคุณตาคุณยาย"
"คุณรองให้นายยอดขับรถไปให้น่ะ" สอางค์บอก
สาลินมองหน้ากิตติแล้วหลบตาวูบ
เมื่อ 5 ชั่วโมงก่อนหน้านี้ อุ่นเรือนถือถาดของจากวังเดินตามตาผลและยายพิศเข้ามาในห้องรับแขก ตา ยายแต่งตัวเต็มยศยืนต้อนรับอยู่
สอางค์ สร้อย อุ่นเรือน ตามเข้ามารีบไหว้ตายาย
"สวัสดีครับ บ้านสวนของผมถือเป็นเกียรติเหลือเกินได้ต้อนรับคุณข้าหลวงใหญ่จากวังวุฒิเวสม์" ตาบอก
"เป็นเกียรติเหลือเกินค่ะ" ยายว่า
"ขอบคุณค่ะ น้ำพริกผัดเสวยและของคาวหวานจากวังค่ะ เสด็จทรงประทานขอบใจที่ทางนี้ส่งผลไม้แสนอร่อยไปให้"
คุณตาคุณยายรับมา วางไว้ที่โต๊ะ
"อุ๊ย....เป็นพระกรุณาเหลือเกินค่ะ"
สอางค์ยิ้ม สร้อยมองกวาดไปทั่วบ้านอย่างดูแคลนเล็ก ๆ
สอางค์เล่าจบ สร้อยทำหน้ามีชัย คุณชายรองอมยิ้ม สาลินหน้าเสีย
"นั่นแหละค่ะ คงดีใจจนโรคลมคงกำเริบ"
สร้อยตบตั่งปัง
"หล่อนไม่ต้องมาตะแบงแปลงความ ยังไงหล่อนก็ต้องอยู่ที่นี่"
สร้อย สอางค์ลุกขึ้น
"แม่สร้อย ไปดูชุดที่เตรียมให้ยายสาเถอะไป"
"ค่ะ"
สอางค์ยิ้มย่อง สร้อยยังหันมาเชิดใส่ สีหน้าสมใจได้แก้คืน ทั้งสองออกไป ชายรองขำแล้วตามออกไปอีกคน
สร้อยบอก
"ยายสา ต่อไปไม่ต้องเอาของป่าของสวนมาบ้านนี้อีกนะ ฉันถือว่าเป็นของแสลงไม่เป็นมงคล"
"หนูก็มาจากบ้านสวน ถือว่าเป็นของแสลงเหมือนกัน หนูลากลับนะคะ"
"ไม่ต้องมาทำหัวหมอ เลี่ยงบาลี ลงไปเดี๋ยวนี้"
สาลินนั่งก้มหน้างุดหมดสภาพ อุ่นเรือน กำไล พิศ ขยับมารุมล้อม สาลินทรุดลงไปอีก
อุ่นเรือนบอก
"โธ่ ยายสา แม่ก็ห้ามแล้วทำไมไม่รู้เรื่อง"
"อิฉันก็ขมิบ เอ๊ย ขยิบตา บอกใบ้แล้ว" พิศบอก
"โดนเข้าไปเต็มรักเลยนะคะ" กำไลว่า
สาลินเชิดหน้า
"ฮึ สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง นี่สองขาโด่เด่ มันต้องเซลงไปบ้าง"
"ว้าย นี่ภาษิตชาติไหนคะเนี่ย"
อุ่นเรือนเหนื่อยใจ กำไลหัวเราะคิกๆ ยายพิศหัวเราะน้ำหมากหก
สาลินมองออกไปเห็นชายรองกำลังเดินสำรวจสนามบ้านบ้านราชดำริอยู่
สาลินตามออกมา ชายรองยังชื่นชมความสงบร่มรื่นของบ้าน
"เดี๋ยวนี้คุณชายรอง ดูจะเพ่นพ่านไปหลายที่นะคะ เดี๋ยวก็ไปบ้านสวน วันนี้ก็มาบ้านราชดำริ"
"ไม่ดีเหรอ ฉันจะได้ทำความรู้จักประวัติความเป็นมาทั้งของเธอ เออ....ของพี่สาวเธอด้วยไง"
"ก็รู้จักดีอยู่แล้ว"
"เปล่าเลย อย่างเมื่อกี้ก็เพิ่งรู้ว่าเธอปั้นน้ำเป็นตัวเก่งขนาดไหน ขนาดถูกจับได้ยังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้"
สาลินหน้าเชิด
"ฉันทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เมื่อไหร่"
"นี่ไง....กำลังทำอยู่นี่"
สาลินเลิกทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ทันที
"นี่....อย่าบอกนะว่าเรื่องให้ฉันมาฝึกมารยาทผู้ดี เป็นความคิดของคุณ"
"เป็นพระดำริของเสด็จป้าต่างหาก เพียงแต่มีฉันคอยสนับสนุน"
"ฉันเคยบอกแล้วใช่ไหม อย่ามาใกล้ฉันอีก ฉันไม่อยากให้มีเรื่อง...." เธอลดเสียงลง "หึงหวง"
"แล้วบอกฉันได้หรือยังล่ะ ว่าใครกันที่หึงหวงเธอกับฉัน"
"อ้าว คุณพูดเองว่านายพลเด็กปั๊ม"
"ฉันเพิ่งรู้มาว่าไม่ใช่นายคนนั้น บอกฉันได้ไหม"
"คุณอย่ารู้เลย เดี๋ยวคุณจะไม่สบายใจเปล่า ๆ"
ชายรองมองสาลินด้วยความรู้สึกเอ็นดู
"เป็นห่วงฉันด้วยเหรอ"
สายตาชายรองยิ้มให้อย่างอบอุ่น สาลินหลบตาทันทีนึกถึงคำพูดของไนเจลที่ว่า เขาหึงตน ยิ่งขวย
เขินทำอะไรไม่ถูก
"ฉันเข้าบ้านดีกว่า เดี๋ยวจะโดนครหา"
"เธอไม่ต้องห่วงหรอกน่า เดี๋ยวฉันก็กลับแล้ว ที่จริงฉันควรจะกลับตั้งนานแล้ว แต่รออยู่เพื่อเจอเธอก่อน"
"อยู่เจอฉันทำไม"
"ก็จะถามให้แน่ใจว่าใครกันนะที่หึงเธอกับฉัน"
คุณชายโค้งให้เล็ก ๆ
"เมื่อไม่ได้คำตอบเพราะเธอไม่อยากให้ฉันไม่สบายใจ ฉันก็ขอขอบคุณเธอที่ยังเห็นแก่ฉันอยู่บ้าง ตอนนี้ฉันสบายใจมากเลยล่ะ ฉันคงกลับเสียที สวัสดีสาลิน พบกันอีกครั้งคืนนี้ที่วังวุฒิเวสม์"
ชายรองยิ้มละไม เดินกลับออกไปหน้าบ้าน สาลินมองตามตาปริบ ๆ ไม่แน่ใจเจตนาในคำพูดของ ชายรองสักเท่าไหร่ แต่ก็หวั่นไหวไม่ใช่น้อย
สาลินนั่งคุยกับแม่ ตาเบิกโพลง
"จริงเหรอคะแม่ คุณยายเล่นงานคุณป้าเสียอยู่หมัดเลยเหรอคะ"
"จริงซี แม่ละนั่งแทบไม่ติดพื้นเลย" อุ่นเรือนบอก
"งั้นสิ เมื่อกี้คุณป้าถึงได้สั่งว่าไม่ให้เอาของกินจากบ้านสวนมาที่นี้อีก บอกว่าเป็นของแสลง แล้วเรื่องมันเป็นยังไงค่ะแม่ เล่าเลย"
อุ่นเรือนเล่า
ของฝากจากวังเต็มโต๊ะ ตา ยาย สร้อย สอางค์ ดูมีมารยาทใส่กัน อุ่นเรือน พิณ ตาผล มองทั้งสอง
ฝ่ายใจคอไม่ดี สร้อยยิ้มกริ่ม
"แหม....ของจากในวังน่าทานทั้งนั้นเลยนะคะ" ยายบอก
"แต่ไม่รู้ว่าจะทานเป็นรึเปล่านะคะ เพราะคงคุ้นแต่ของสวน" สร้อยว่า
ยายหน้าตึงสบตาตา
"ไอ้ทานน่ะทานเป็นหรอกครับ..... เพราะที่บ้านก็ดัดแปลงของสวนให้ขึ้นภัตตาคาร ขึ้นเหลา ขึ้นห้างเหมือนกัน"
"ก็แค่ระดับเหลานะคะ เสิร์ฟอาแปะ อาม่า ทานไปคงถ่มถุยไปด้วย" สร้อยว่า
สอางค์สะดุ้งรีบหยิกสร้อย แต่สร้อยไม่สนกลับลอยหน้า อุ่นเรือนหน้าเสีย ยาย ตา ยายพิณ ตาผล มองหน้ากันอย่างสุดทน
"เอ....ไอ้ถ่มถุยน่ะ มันนิสัยไพร่ค่ะคุณสร้อย ถึงฉันจะเชื้อจีนแต่ไม่เคยทำนิสัยต่ำช้าแบบนั้น กรุณาอย่าเหมารวม" ยายบอก
"ใช่....แล้วของเหลาที่ว่าก็เป็นของสูงระดับฮ่องเต้ ถือว่าระดับชาววังเหมือนกัน"
"ไม่ทราบค่ะ เพราะเท่าที่เห็นส่วนใหญ่ ก็ล้งเล้งไม่มีมารยาทผู้ดีกันสักเท่าไหร่" สร้อยบอก
"ถ้าจะวัดความเป็นไพร่หรือผู้ดี ไม่น่าจะวัดกันที่อาหารนะคะ เพราะอาหารทั้งของสวนของวังมันก็มีคุณค่าในตัวทั้งนั้น แต่ไอ้ที่มันไร้ค่าจริง ๆ มันต้องวัดกันที่นิสัย สันดานหรือกำพืดของคนค่ะ"
"ประเภทที่เที่ยวดูถูกดูแคลนชาวบ้านเขาไปทั่ว ถือว่าตนนั่นเหนือกว่าคนอื่น นั่นแหละถือว่าเป็นไพร่ของแท้"
สะใภ้จ้าว ตอนที่ 11 (ต่อ)
สร้อยอ้าปากค้าง ยายพิณตบเข่าฉาด
"แหม....คุณยายพูดถูกใจ กวีเอกท่านถึงว่า ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์ มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต" พิณว่า
"แม้นพูดชั่วตัวตายทำลายมิตร จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจาฯ" ผลบอก
"ว้าย ให้บ่าวไพร่มาเสนอหน้าตีฝีปากแบบนี้ พี่สอางค์ กลับเถอะค่ะ" สร้อยบอก
"อ้าว.....คุณพี่คะ ไม่อยู่ทานกลางวันกันก่อน" อุ่นเรือนบอก
"ฉันไม่อยู่แล้ว"
สร้อยลุกพรวด สอางค์ลุกตามละล้าละลัง
"อยู่ก่อนซีคุณนาย วันนี้เรามีเมนูบ้านสวนหลายอย่าง เช่นอะไรนะยายพิณ" ตาบอก
"แกงบอนค่ะ สำหรับคนปากบอน ปากเน่าปากหนอน" พิณว่า
"มะระเอามายำ เรียกว่า มะ -ระยำ ครับ" ผลบอก
"มีปลาทอดทั้งปลาแรด ปลาตีน ปลาลิ้นหมาด้วยนะคะ " ยายบอก
สร้อยสะบัดออกทันที สอางค์รีบไหว้
"ดิฉันลาก่อนค่ะ"
"คุณสอางค์คะ ไหน ๆ ก็มาแล้ว ฉันก็ขอฝากไว้สักเรื่อง ที่น้องสาวคุณห้ามปรามแม่อุ่นเรือนไม่ให้ไปเยี่ยมลูกในวัง เพราะหาว่าลูกฉันจะไปทำเปิ่นเทิ่นมันเทศขายขี้หน้าเสด็จน่ะ ฉันว่ามันเกินไป ลูกฉันอบรมมาดีมีมารยาทพอ อาจจะดีกว่าน้องสาวคุณด้วยซ้ำไป" ยายบอก
"พรากลูกพรากแม่น่ะ มันบาปนะครับ" ตาบอก
"ค่ะ ค่ะ ดิฉันจะเตือนยายสร้อยให้ค่ะ"
สอางค์รีบออกไป อุ่นเรือนหน้าเสีย น้ำตาไหล
"แม่ พ่อ"
"อ้าว ร้องไห้เสียแล้ว ไม่ต้องไปกลัวนะลูก ถ้ามันรังแกลูกอีก กลับมาอยู่บ้านเราเลย"
"หนูไม่ได้กลัวค่ะ หนูจะขอบคุณพ่อแม่ต่างหาก"
"อ้าว"
"ขอบคุณตาผล ยายพิณด้วย คุณพี่สร้อยน่ะ สมควรแล้วค่ะ"
อุ่นเรือนหัวเราะสะใจทั้งน้ำตา ทุกคนโล่งอก ยายดึงอุ่นเรือนมากอดไว้
สาลินหัวเราะขำกลิ้ง
"สนุกจัง....หนูกลับบ้านจะขอยายชิมปลาลิ้นหมาเสียหน่อย ฮ่ะฮ่ะ"
อุ่นเรือนพลอยหัวเราะไปด้วย
"อย่ามาหัวเราะเป็นม้ามโนมัยอยู่เลย ได้เวลาไปฝึกดินเนอร์แล้วลูก ไปเลยไปข้างล่างได้แล้ว
เดี๋ยวคุณป้าจะรอนาน"
ที่โต๊ะอาหารจัดวางจานชาม จานแบ่ง จานผลไม้ ช้อน ส้อม มีด ใหญ่ เล็ก คาวหวาน เต็มอัตราศึก สาลินนุ่งผ้าซิ่นยาวกรอมเท้าสมมุติเป็นชุดราตรี
บนโต๊ะจัดจานชามอาหารไว้ 2 ที่ใกล้กัน สอางค์และสาลินเตรียมนั่ง กำไลกับพิศเอาอาหารมายืนรอ สร้อยยืนกระพือพัดคอยจับผิด
"เวลาเข้านั่งโต๊ะ เข้าทางด้านขวานะลูก จะได้ไม่ชนกัน" สอางค์บอก
สาลินงอนิ้วหัวแม่มือขวาเตือนตัวเอง ปากขมิบท่อง แล้วเข้าทางด้านขวาเก้าอี้นั่งลงพร้อมสอางค์
"คลี่ผ้าเช็ดมือ ปูลงบนตักลูก"
สาลินใช้สองมือคลี่ผ้าเช็ดมือ แล้วสะบัดพรึ่บ ผ้ากางออกคล้ายฝึกวิชากำลังภายในเกิดเสียงสนั่น สอางค์เอามือทาบอกร้องว้าย สร้อยถลามาหยิก
"สะบัดทำไมยะ จะปัดรังควานหรือ"
สร้อยคีบนิ้วบนต้นแขนสาลิน เตรียมบิด สาลินยกมือห้าม พูดเรียบๆ สร้อยชะงัก สอางค์ถลึงตาใส่สร้อย
ตรงหน้าสอางค์และสาลิน มีจานสเต็ก สอางค์วางท่างดงามใช้มีดส้อมอย่างคล่องแคล่ว เพราะมีดคม แต่เจ้ากรรมสาลินได้มีดทื่อ จึงเดือเอาเป็นเอาตาย
"ห้ามเท้าแขนหรือวางศอกบนโต๊ะนะลูก"
"ค่ะ"
"หล่อนจะอะไรขนาดนั้น" สร้อยว่า
"ใช้มีดหั่นเนื้อทีละคำ แล้วใช้ส้อมจิ้มเข้าปาก คว่ำส้อมนะลูกอย่าหงาย ไม่งาม"
สอางค์คว่ำส้อมนำสเต็กเข้าปาก เคี้ยวแช่มช้าและปรายตามามองสาลิน แล้วเอามือทาบอกอีก
"ว้าย"
สาลินยังคงหั่น เนื้อในจานถูกหั่นเป็นชั้นพอคำราว 15 ชิ้น เมื่อเสร็จก็เงยหน้ายิ้ม
"หั่นทีเดียวจะได้กินต่อเนื่อง ความอร่อยไม่ขาดตอนค่ะ"
"อ้อ หั่นเผื่อผีบ้านผีเรือน เจ้ากรรมนายเวรหรือยะ"
อุ่นเรือน กำไล ยายพิศ ยืนปิดปากหัวเราะ
สอางค์จิบไวน์งดงาม เอาผ้าเช็ดมือแกะปาก แล้ววางมีด ส้อมเฉียงจาน แล้วหยิบแก้วไวน์แช่มช้ามาจรดริมฝีปาก สอางค์ยิ้ม สร้อยพยักหน้า
ทันใดสาลินก็กระดกแก้วสูง ดื่มอั๊กๆ ระดับไวน์เหือดลงทุกที สอางค์ตาเหลือก สร้อยวิ๊ด
สาลินลดแก้วลง ยิ้มตาวาวพอใจรสชาติ
"ว้าย หล่อน นั่นไวน์นะยะ ไม่ใช่หล่อฮั่งก๊วย"
"จำได้หมดแล้วใช่ไหมลูก"
สาลินยิ้มหวานแล้วสั่นหัว "จำไม่ได้เลยค่ะ"
สอางค์ร้อง "หา !"
"หนูบอกแล้ว ว่าจับลิงมาใส่ชฎารำฉุยฉายสำมนักขายังง่ายกว่า" สร้อยบอก
"ทำไมไม่เลี้ยงน้ำพริกผักต้มล่ะคะ จะได้ใช้มือเปิบ"
สอางค์ลุกขึ้นกรายตัว
สอางค์ปรกติแล้วกำลังตักเค้กสีสวยคำสุดท้ายเข้าปาก แล้วเอาผ้าเช็ดปากแตะริมฝีปากอีก
"พอจบของหวานแล้ว ก็อาจมีชากาแฟ ผลไม้ แต่ว่าปรกติจะไปกินของพวกนี้ต่อใน
...ว้าย"
สอางค์หันมาเห็นสาลินหน้าแดงแจ๋ คอง่อกแง่ก ยิ้มคิกคักขำทุกอย่างในโลก
"ยายสา ลูก"
สอางค์คว้าไวน์มาดูเห็นหมดขวด
"คนเดียวกินเกือบหมดขวด เมาแล้วซียะ"
"ฮิฮิฮิ ไม่เมาค่ะ คุณป้า"
"ไม่ใช่หมดขวดค่ะ นั่นขวดที่สอง" กำไลบอก
"ตอนคุณปลอบคุณพี่ คุณสาให้เปิดขวดที่สองค่ะ"
สร้อย สอางค์ เอามือทาบอกร้องอีก สาลินจิบไวน์งดงาม ตาฉ่ำ
"สามจอกสี่จอกก็กรอกเข้า เมรีขี้เมานอนหลับไหล"
โดยไม่มีปี่มีขลุ่ย สาลินก็ฟุบลง หน้าจิ้มเค้กตรงหน้า แน่นิ่งวิสัญญีอยู่คาครีมสด
ทั้งสี่โพล่ง "แม่ช่วย / แม่มึง / แม่มึงหกตกแตก"
สร้อย สอางค์ ยายพิศ กำไล ร้องแม่พร้อมกัน ยายพิศมีมึงด้วย
อุ่นเรือนมาประคองลูก สาลินหลับในวงแขนแม่ หน้าแหงนเงย ครีมเต็มหน้า มีเชอรี่ติดหน้าผาก
ตำหนักเล็ก ตอนกลางคืน รถบรรดาขาไพ่จอดเรียงรายหลายคัน
ในห้องนอน ม.ร.ว. กิตติราชนรินทร์ยืนอยู่หน้าชุดทักซิโด้ที่แขวนไว้ แล้วเอาแปรงปัดๆ บคุณชายเล็กโผล่มา
"พี่รอง หม่อมจัดสโมสรตั้งแต่เช้า ยังไม่เลิกอีกเหรอครับ"
"ใช่ คงได้ หรือไม่ก็เสียจนไม่อยากเลิก"
"แน่ะ พี่รอง เล่นชุดใหญ่เชียว งานเลี้ยงสถานทูตไหนหรือฮะ"
"ไม่ใช่สถานทูตไหน ที่ตำหนักเสด็จป้านี่แหละ เด็จป้าทรงให้นายไปด้วย"
"โธ่ มาบอกอะไรตอนนี้ จะเตรียมตัวทันได้ยังไง"
มีเสียงเคาะประตู ชายรองอนุญาต เจียมถือไม้แขวนชุดทักซิโด้ พร้อมกางเกงมาในมือซ้ายขวา
"เจียมเตรียมชุดให้นายแล้ว"
"ผมปฏิเสธไม่ได้ซีนะนี่ มีแขกพิเศษที่ไหนมาหรือครับ"
ชายรองรู้ แต่ก็หน้านิ่งเหมือนเคย
"ก็คงพิเศษล่ะมั้ง ไม่งั้นเด็จป้าจะทรงเลี้ยงทำไม"
"ใครมารู้ไหม เจียม"
"ไม่ทราบค่ะ แต่คงสำคัญมาก ตำหนักโน้นเตรียมงานกันคึ่กคั่ก"
"คนสำคัญ ใครหว่า"
ชายรองนิ่ง ไม่ยอมบอก
สาลินนั่งตัวโยกโคลงไปมา เรอดังเอิ้กจากที่เมาเมื่อหัวค่ำ สาลินสวมชุดราตรียาว คล้ายเกาะอก
แต่มีสายเล็ก ๆ อวดคอไหล่งามระหง นั่งอยู่บนเตียง มาลา วรรณา คุกเข่ากับพื้น ปล้ำใส่รองเท้าส้นสูงปรี๊ด ปักเลื่อมระยิบระยับ ศรีจิตราสวมชุดราตรีสีอ่อนเครื่องประดับครบก้าวมาอย่างเอาใจช่วย
"ได้ไหมคะ"
มาลาบอก "เกือบแล้วค่ะ"
"ฮึบ"
สาลินตัวเอนกอดเสาเตียง รองเท้าเข้าจนได้ มาลา วรรณา เหน็ดเหนื่อย ปาดเหงื่อ
"ว้าย เหงื่อตกถึงกลีบ" มาลาบอก
"กีบ!" วรรณาบอก
สาลินอับอายแก้ตัว
"ตอนซื้อเดือนก่อนมันยังหลวมอยู่เลย"
"สาอ้วนขึ้นเหรอ แล้วชุดล่ะคับไหม" ศรีจิตราถาม
สาลินปฏิเสธยิ่งกว่าเดิม
"ไม่ได้อ้วน ไม่คับซักหน่อย"
สาลินลุกพรวดไปยืนหน้ากระจกบานยาว เช็กดูพุงก่อนอื่น เงาสะท้อนภาพสาวน้อยแสนสวย
สาลินเช็คพุงดูก็พบว่าแฟบดี จึงโล่งอกหันมาหา ศรีจิตรา มาลา วรรณา ทั้งสามมองอย่างชื่นชมประโลมใจ
"สา สาสวยยังกะนางซิน"
"ซินที่แปลว่านางบาปหรือเปล่าพี่ศรี"
"ฮื้อ ต้องนางซินเดอเรลล่าซีจ๊ะ"
"แล้วพี่ศรีเป็นใครล่ะ"
ศรีจิตรายิ้ม พูดเล่น ซึ่งนาน ๆ ทีปีละหนจึงทำ
"งั้น พี่รับบทแม่เลี้ยงใจร้ายเอง"
"วุ้ย งั้นพี่สองคน ก็เป็นลูกสาวแม่เลี้ยงซีคะ" มาลาบอก
วรรณาบอก
"ก็ได้ค่ะ แต่ว่าพี่สองคนน่ะ เท้าเล็กกว่าคุณสานะคะ"
ทั้งหมดหัวเราะ สาลินหุบยิ้ม ลองเดินดู ถลกชายกระโปรง ดูเท้าที่ถูกบีบอัดของตัว
"แหม ก็สาเป็นสาวชาวสวนนี่คะ ขืนเท้าเล็กเป็นผู้ดีก็คงตกท้องร่องตาย"
สอางค์ถือถาดของกินพวก ขนมน้ำชา คานาเป้เข้ามา แต่งชุดราตรีระยิบระยับ
"อุ้ย วันนี้คุณป้าใหญ่สวยเหมือนนางฟ้าเลยค่ะ"
"จ้า ก็วันนี้ป้าเป็นนางฟ้าแม่ทูนหัวให้หนูไงจ๊ะ เดี๋ยวจะเสกรถฟักทองให้หนูไปพบ
เจ้าชาย"
สาลินเป็นงง
"ค่า ให้คุณสาเจอเจ้าชายรูปหล่อ" มาลาบอก
"แต่ว่ามีเจ้าชายสององค์เลยนะคะ คืนนี้ ฮิฮิฮิ" วรรณาบอก
สาลินหน้าหงิก ศรีจิตรารีบเบี่ยงประเด็น
"แล้วนี่อะไรคะคุณป้า"
"ของกินลูก เอามาให้ยายสา"
"กินทำไมคะ อีกเดี๋ยวก็จะกินเลี้ยงอยู่แล้ว"
"ก็กินรองท้องไปก่อนซิลูก พอนั่งโต๊ะจะได้กินน้อย ๆ ดูแล้วงามสมเป็นหญิงผู้ดี"
สอางค์ให้เหตุผล สาลินยืดตัว สอางค์พูดต่อ
"หนูน่ะท้องยุ้งพุงกระสอบ ขืนปล่อยให้ฉลองเต็มคราบ ชุดต้องแตกแน่"
สาลินหุบยิ้ม
"แหม....คุณป้า"
มาลา วรรณาหัวเราะคิก สาลินค้อนขวับแล้วนั่งลงบนเตียงอย่างแรง แล้วคว้าขนมมากินหมับ ๆ เศษขนมร่วนกระจายเกลื่อน สอางค์และศรีจิตราต้องเข้ามาปูผ้า ปัดชุดกันวุ่น ร้อง “กินดีๆ”ลูก
ม.ร.ว.กิตติราชนรินทร์สวมทักซิโด้ ดูหล่อสมาร์ทสง่างาม ยืนอยู่กลางห้องโถง คุณชายเล็กเดินลงบันไดมาสวมทักซิโด้เช่นกัน แต่ดึงโน่นเกานี่อย่างรำคาญมาตลอด นมย้อยกับเจียมยืนมอง
"อุ้ย คุณเล็กของนม หล่อยังกะดาราฝรั่ง" นมย้อยบอก
บดินทร์ยักคิ้ว
"ผมเป็นยังไงบ้าง พี่รอง"
"ดูดี สมเป็นตัวเอกของงาน"
"หา....ผมน่ะหรือตัวเอกของงาน"
"ใช่ งานเลี้ยงคืนนี้คงไม่มี ถ้าไม่มีนาย"
"นี่ผมสำคัญขนาดนั้นเชียว น่า.....พี่รองบอกผมมาซะที ว่าเด็จป้าเชิญใครมา"
"ถ้าฉันบอกก็ไม่เซอร์ไพร์สซี"
"ผมเกลียดเซอร์ไพร์ส น่านม บอกผมหน่อย"
"แหม คุณเล็กก็ลองนึกดูซีคะ ว่าเด็จป้า คุณสอางค์ คุณศรีอยากให้คุณเล็กเจอตัวใครที่สุด"
บดินทร์คิดปราดไป หน้ายิ้มทะเล้นหุบ ตาเหลือก
"หา หมายความว่า"
คุณชายรองดูนาฬิกา
"ได้เวลา ไปได้แล้ว" ชายเล็กเหงื่อแตกหันรีหันขวา " นี่นายเป็นอะไร จะมาเบี้ยวไม่ได้นะ เด็จป้าทรงเล่นงานนายตายแน่"
"พี่รองไปก่อน โธ่ ผมตื่นเต้น เลยปวดท้องเลย"
"หา หนักหรือคะ"
"ไม่ใช่ ปวดฉี่ ขอไปฉี่ก่อน"
บดินทร์เดินเลี่ยงไปทางห้องเล็ก กิตติมองตามแล้วออกจากตึก นมย้อย เจียมเดินตาม
สาลินมองไปเห็นชาสยรองอยู่ในเงามืดสลัวเช่นกัน
"คุณ"
ชายรองก้าวมาสู่แสงสว่างจากหน้าต่างบานเดียวกับสาลิน สาลินอึ้งไป เมื่อเห็นเขาในชุดทักซิโด้ ดูหล่อเหลา เขาดูสาลิน ดวงตาเป็นประกายอย่างชมเชย ระคนแววประหลาดบางอย่างที่สาลินไม่เข้าใจ
สาลินรู้สึกหน้าร้อนวูบ รีบวางท่าเจ้าหญิงยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ทันใดเท้าสาลินก็สะดุด ตาเหลือก ชายรองร้องอุทานเบา
ดวงตาทั้งคู่สบตากัน เขาเห็นความเย็นนิ่งมีประกายบางอย่างเต้นอยู่ สาลินนั้นอับอายขายหน้า ได้กลิ่นน้ำหอมของเขาหอมจาง ๆ
เขาประคองเธอให้ยืนตรง แล้วมองอย่างชื่นชมระคนขบขัน สาลินทรงตัวได้ก็ทำเชิดกลบเกลื่อน
"นี่ คุณมองอะไร"
"ฉันไม่เคยเห็นเธอแต่งตัวแบบนี้มาก่อน"
สาลินเชิดหน้ายิ้มนิดๆ ไว้ตัวงดงาม ชายรองพูดต่อ
"แต่งตัวสวยขนาดนี้ นายเล็กตาค้างแน่ เดี๋ยวเธอก็คงได้เจอนายเล็กแล้วล่ะ"
สาลินแว๊ด
"นี่พูดดี ๆ นะ ฉันไม่ได้แต่งตัวมาให้ใครดู ฉันไม่ใช่วัตถุทางเพศ"
"งั้นหรือ แต่ฉันว่าคนเราก็เหมือนๆกันทุกคน ไม่ว่าผู้ดีหรือยาจก ผู้ชายก็ชอบมองผู้หญิงสวย" สาลินแอบยิ้มนิดนึง
ที่หน้าประตูห้องทรงพระสำราญ ศรีจิตราบิดลูกบิดประตูจะเข้ามา เสียงชายรองดังมา เลยชะงัก
" ผู้หญิงก็ชอบมองผู้ชายหล่อ"
สาลินยิ้มนิด ๆ ทำตัวเป็นเจ้าหญิงใหม่ กิตติมองแล้วพูดต่อ
"อย่างนายพลของเธอ ก็รูปหล่อ ไม่ใช่หรือ"
สาลินแว๊ด
"ไม่ใช่นายพลของฉัน"
ศรีจิตราลอบยิ้มกับตัวเอง ผลักประตูเข้าไป
"สา อ้าว คุณชายรอง"
ศรีจิตราไหว้ คุณชายรับไหว้
"สวัสดี ฉันกำลังคุยกับน้องสาวเธอ เรื่องความเสมอภาคทางเพศ"
สาลินเชิด
"แล้วคุณชายเล็กล่ะคะ"
ชายรองพูดไม่ออก สาลิน ศรีจิตรามองหน้ากันสงสัย
หน้าตำหนักเล็ก บรรดาคนรถจับกลุ่มนั่งเงียบ รถกระบะตำรวจแล่นมา มีรถผู้กำกับแล่นนำมาอีกคัน นมย้อย ชายโค น้อม เจียม ออกมาหน้าตึก
"เอ๊ะ รถใครมาคะ" นมย้อยว่า
รถทั้งสองแล่นมาจอด กลุ่มนายตำรวจเครื่องแบบสีกากี และผู้กำกับ พร้อมผู้ช่วย ลงมาจากรถทั้งหมดหกนาย
น้อม /เจียมร้อง "ว้าย ตำรวจ"
ม.ร.ว. ดิเรกราชวิทย์สั่ง"แม่น้อม เจียม ไปเตือนหม่อมเดี๋ยวนี้"
น้อม / เจียมรับคำ "ค่ะ ค่ะ"
ทั้งสองวิ่งเข้าตึก คุณชายโตทำใจดีสู้เสือ เข้าไปสวัสดีท่านผู้กำกับ นมย้อยทำอะไรไม่ถูก
"สวัสดีค่ะผู้กำกับ"
"สวัสดีครับ"
"มีเรื่องอะไรกันครับ"
ในห้องโถง อำพันประกาศก้อง
"ป๊อก 2 เด้ง"
คุณหญิงเสนาบอก "เอ๊ะ นี้ขนาดดิฉันเปลี่ยนที่นั่งแล้วนะ"
"แหม ขอดิฉันเถอะค่ะ ดวงตกมาร่วม 2 ปีแล้ว"
ยายน้อมกับเจียมโผล่พรวดมา
"หม่อมขา ตำรวจมาค่ะ ตำรวจ ตำรวจ ตำรวจ" น้อมว่า
ท่านผู้หญิงบอก "วุ้ย ยายน้อม อย่ามาอำกัน"
"ยายน้อม ไม่ตลกนะยะ เมื่อเช้าก็ทีนึงแล้ว"
"แต่ตำรวจมาจริง ๆ นะคะ เอารถกระบะมาด้วย" เจียมบอก
"ฮิฮิ.....มาก็ไม่กลัว คุณนายผู้กำกับอยู่ที่นี่ทั้งคน" คุณนายว่า
"ใช่ค่ะ ผัวดิฉัน จะมาจับเมียก็ให้มันรู้ไปซีคะ"
ทั้งหมดหัวเราะระรื่น ท่านผู้กำกับฯ พรวดเข้ามา ตามด้วยตำรวจ 5 นาย ผู้กำกับมองเมียนิ่งอย่างระอาใจปนแปลกใจเล็กน้อย เพราะคนที่โทร.ไปรายงานบอกว่า มีขโมยเข้าบ้าน
"ว้าย คุณผัว"
ตำรวจยศผู้น้อยพากันตะเบ๊ะพรึ่บให้คุณนาย อำพัน ท่านผู้หญิงชรา คุณหญิง คุณนาย ทั้งหลายถือไพ่ค้างอยู่อึดใจหนึ่ง
ผู้การสั่ง "ทุกคนอยู่ในความสงบ"
คุณนายทั้งหมดร้องกรี๊ดบ้าคลั่ง อำพันวิ่งนำฝ่าด่านตำรวจออกมาเป็นคนแรก ทั้งกลุ่มวิ่งตาม ตำรวจวิ่งไล่จับจ้าละหวั่น น้อม เจียม วิ่งตามไป วงไพ่ว่างเปล่า เหลือเพียงคุณนายผู้กำกับนั่งครึ่งเชิดครึ่งซีด ผู้การก้าวมาดูเมียอย่างปลงสังเวช
"ไง! คุณ"
"มาก็ดีค่ะ กำลังเสีย คุณช่วยไว้พอดี"
อำพันวิ่งมากลางโถง ตรงเข้ามาหาลูกชายและนมย้อย
"ตาโต ช่วยแม่ด้วย"
"ทางนี้ครับแม่"
"พาหม่อมไปหลบในครัวก่อนค่ะ"นมย้อยบอก
ชายโตดึงอำพันออกไปทางหลังตึก นมย้อยรับหน้าบรรดาขาไพ่ที่วิ่งกรูตามกันมา รวมทั้งน้อม เจียม ตำรวจเข้ามาขวางทางออก พร้อมเป่านกหวีดเสียงลั่น คุณนายร้องกรี๊ด
ชายโตพาอำพันหนีออกมาที่เรือนครัว หลังตำหนัก ชายเล็กวิ่งมาพอดี ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
"ตำรวจมาจากไหนครับพี่โต"
ชายโตหมั่นไส้
"มันคงมีเจ้าคนปากดีมันโทรไปแจ้งล่ะมั้ง"
บดินทร์อมยิ้ม
"นี่ จะเอายังไงกันดี แม่ไม่อยากขึ้นโรงพักนะ"
"งั้น หม่อมมาหลบหลังครัวกับผมดีกว่า" ชายเล็กบอก
"นายดูแลหม่อมนะ ฉันจะไปเจรจากับทางผู้กำกับเอง "
"ได้ครับพี่ มาทางนี้เลยครับ รับรองไม่มีใครตามเจอหม่อมแน่ ๆ"
บดินทร์พาอำพันหลบไปทางด้านหลัง เห็นกองถ่านสูงระดับเอว
"ว้าย ให้แม่มาหลบในกองถ่านนี่น่ะเหรอเจ้าเล็ก"
"ตรงนี้ล่ะครับ ตำรวจไม่กล้าเข้ามารื้อหรอก"
อำพันอิดเอื้อน ชายเล็กแอบขำ
เสด็จพระองค์หญิงทรงชุดราตรีงามระเหิดระหงยืนอยู่ที่กระจกเงาเหนือตู้เตี้ย วางรูปพระวงศ์ในกรอบเงิน ทรงหันมาอย่างขุ่นพระทัยนิด ๆ ชายรองยืนอยู่ใกล้ ๆ สอางค์ สาลิน ศรีจิตรายืนอยู่ที่โซฟา เสด็จทรงเดินมาประทับนั่งที่โซฟา โบกพระหัตถ์ให้ทุกคนนั่ง สอางค์ กิตติ สาลิน ศรีจิตรานั่งลงบนโซฟา
มาลา วรรณาเข้ามาคลานเข่ามาซุบซิบกับสอางค์ สอางค์หน้าเปลี่ยน
"นี่รอมาครึ่งค่อนชั่วโมงแล้ว เจ้าเล็กหายไปไหนกัน"
สอางค์บอก
"ง่า.... เกิดเรื่องไม่ดี ไม่งามขึ้นเพคะ"
"เรื่องอะไร"
"คือ ตำรวจบุกตำหนักเล็กเพคะ มีไอ้บ้าเอ้ย คนบ้าที่ไหนไม่ทราบเพคะ โทร.ไปแจ้งโรงพักว่ามีโจรขึ้นบ้านจับคนเป็นตัวประกัน"
ชายรองขมวดคิ้ว นึกรู้ทันทีว่า ”ไอ้บ้า” เป็นใคร
"หืมม์"
"ตำรวจเลยรีบมา บุกขึ้นไป เจอบ่อนไพ่ผ่อง 2 วง ก็เลยบ่อนแตกวิ่งกระะจัดพลัดพรายไปคนละทิศเพคะ"
"หรือว่า เจ้าเล็กติดร่างแหถูกตำรวจจับไปแล้ว แล้วนี่หม่อมเป็นไง"
สอางค์ไม่รู้ เป็นโอกาสให้มาลา วรรณาเสนอหน้า
"นายยอดบอกเห็นหม่อมมุดอยู่หลังกองถ่านที่เรือนครัวเพคะ" มาลาบอก
เสด็จทรงอึ้ง สาลิน ศรีจิตราอ้าปากค้าง ชายรองอายจนหน้าซีดลง แล้วทำเย็นชากลบความอาย
"นายเล็กคงไปตามหม่อมแม่น่ะพะยะค่ะ"
"เวรกรรม แล้วฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนนี่ วังเจ้าวังนายถูกจับบ่อน"
"โถ ก็เป็นแบบนี้ทุกวังแหละเพคะ" สอางค์บอก
วรรณาบอก "แต่ทางผู้กำกับไม่ได้จับหรอกเพคะ แค่ตักเตือนเท่านั้นเอง"
"ขืนจับ คุณนายผู้กำกับก็ต้องโดนคนแรกน่ะเพคะ" มาลาบอก
"แต่ฉันก็อดขายหน้าสาลินไม่ได้ ต้องมาเกิดเรื่องเอาวันนี้ด้วย"
เสด็จทอดพระเนตร สาลินเพ็ดทูลเรียบร้อย
"การพนันเป็นมรดกของมนุษยชาติเพคะ และเป็นความเสมอภาคของชนชั้นด้วยเพคะ ไม่ว่าหญิง ชาย ผู้ดีหรือยาจก"
ชายรองมองหน้าสาลิน ทั้งโกรธทั้งขบขัน
โต๊ะอาหารจัดอย่างหรูหรากว่าปรกติมากมาย กลางโต๊ะมีแจกันดอกไม้เป็นเซนเตอร์พีซ แล้วจัดดอกไม้เลื้อยไปตามความยาวของโต๊ะ วางจานกระเบื้องเนื้อบางราวเปลือกไข่ มีเชิงเทียนแก้วเจียระไน ชุดจานชามแก้วเจียระไน ถูกจัดวางไว้เต็มอัตราศึก มีมหาดเล็กมืออาชีพที่ยืมตัวมาจากวังอื่น 3 คน สวมเครื่องแบบครบครัน เชิญเสด็จ
สอางค์ ชายรอง สาลิน ศรีจิตรา เข้าประทับและนั่ง พลางเลื่อนเก้าอี้ให้สาลินนึกพลางรำพึงเบาๆ
"เข้านั่งทางด้านขวา"
เสียงสาลินเบา แต่กิตติได้ยินหันมามองหน้า สาลินทำพริ้มเพราเข้านั่งทางขวาเก้าอี้
กิตติลงนั่ง มหาดเล็กเลื่อนเก้าอี้ให้ กิตตินั่งข้างสาลิน
"นี่จัดกันขนาดนี้เชียว มิน่าเล่า มาจับฉันแต่งชุดราตรี"
ทุกคนมองหน้ากัน เพิ่งรู้ว่าสอางค์จัดการทุกอย่าง
"แหม องค์หญิง นานทีปีหนเพคะ แม่ศรีกับยายสาจะได้คุ้นเคยไว้"
ชายรองคลี่ผ้าเช็ดมือปูตัก สาลินมองแล้วทำตาม
"จริงซีนะ ต่อไป ศรีจิตรานอกจากจะออกงานแล้ว ยังต้องเป็นแม่งานเองด้วย จริงไหม ชายรอง"
เสด็จทรงเปรยแต่พระเนตรจับท่าที ชายรองยิ้มไม่ยอมรับคำ ศรีจิตราผืนยิ้ม
"จะมียายสานั่นแหละเพคะ ไม่รู้จะได้เป็นแม่งานกับเขาบ้างหรือเปล่า"
"ไง สาลิน อยากเป็นแม่งานกับเขาบ้างไหม"
"หม่อมฉัน ชอบปิดทองหลังพระเพคะ"
เสด็จทรงแย้มสรวล ชายรองยิ้มมากขึ้น ศรีจิตรามองอย่างรับรู้อะไรบางอย่าง เสด็จก็ทรงรู้สึก
มหาดเล็กรินเหล้าเชอรี่ จากนั้นก็เอาซุปมาเสิร์ฟ
"งั้นเรามาเริ่มทานกันเลยดีกว่า"
สาลินยิ้มพรายก้มลงมองดูช้อนบรรดามี แล้วเกิดอาการงุนงง และลืมไปแล้วว่าใช้ยังไง
ชายรองเหลือบดูเห็นอาการไม่มั่นใจของสาลิน เลยหยิบช้อนซุปให้ดู สาลินรีบคว้าบ้าง ท่องเบา ๆ
"จากข้างนอกสุด เข้ามาข้างใน"
ชายรองยิ้มมากขึ้น สาลินทำสงบเป็นเจ้าหญิง ศรีจิตรามองดูแล้วยิ้มนิดๆ
จานเมนคอร์สเป็นสเตกเนื้อ มีผักต้มคลุกเนยเคียงมา พวกมันฝรั่ง แครอท สปิแนช แต่ที่เกินมาจากที่ฝึกไว้คือ ถั่วลันเตา มหาดเล็กเสิร์ฟซ้อส สลัด ตามมา
สาลินยิ้มพรายก้มดู
จานเมนูคอร์ส สลัด ขนมปัง เนย ซ้อสที่มีในโถคล้ายเหยือกเล็กถึง 3 โถ อีกทั้งแก้วไวน์ แก้วน้ำ
ภาพนั้นเบลอซ้อนเพิ่มเป็นอีกเท่า สาลินตาเหลือกนั่งอึ้ง
ชายรองเหลือบดูแล้วกระแอมเบา ๆ เสด็จทรงคุยกับสอางค์และศรีจิตราอยู่ เขาหยิบมีดและส้อมเนื้อมา สาลินหยิบตาม เขาคว่ำส้อมจิ้มเนื้อเข้าปาก สาลินทำตาม
สาลินกินผักหมดไม่รู้จะกินถั่วยังไง มองชายรองอย่างวิงวอน
เขาสบตาแล้วเอามีดเขี่ยถั่วมาเอาส้อมจิ้มเข้าปาก สาลินร้องในใจ
" อ้อ ง่าย ๆ"
สาลินเอามีดเขี่ย เอาส้อมจิ้ม ทันใดถั่วก็กระเด็นแพร่ดไปในอากาศ สาลินอ้าปากค้าง ชายรองตกใจ ทั้งคู่มองตาม ถั่วนั้นเข้าไปปักผมสอางค์อย่างแนบเนียนราวเป็นเซ็ทมาแต่เบื้องแรก
"ว้าย"
สอางค์ตาเขียว หันมา
"อะไรหรือ สาลิน"
"เอ้อ"
"เกล้าซุ่มซ่ามไปโดนสาลินเข้าพะยะค่ะ ขอโทษด้วย" ชายรองแก้แทน
"ขอบคุณ เอ้ย ไม่เป็นไรมิได้ค่ะ"
สาลินทำเจ้าหญิงใหม่ ชายรองอ่อนใจ ศรีจิตรามอง สาลินยังมองเม็ดถั่วบนผมของสอางค์อยู่
จบตอนที่ 11