xs
xsm
sm
md
lg

"ชีววิถี" โต้กลับ สวทช. ยันปลูกพืช GMO เหลื่อมเวลาก็ยังปนเปื้อนพันธุกรรมอยู่ดี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


มูลนิธิชีววิถีตอบโต้ สวทช. กรณีเสนอปลูกพืชจีเอ็มโอเหลื่อมเวลา และการปลูกต้นไม้ใหญ่เป็นแนวกันชน ชี้เป็นคำแนะนำที่ล้มเหลว ยากนำไปปฏิบัติ ที่ผ่านมาเกสรข้าวโพดสามารถปลิวไปผสมข้ามได้ไกลถึง 4.5 กิโลเมตร

วันนี้ (9 ธ.ค.) จากกรณีที่สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เผยแพร่อินโฟกราฟฟิคระบุว่าการปลูกพืชจีเอ็มโอร่วมกับพืชอื่นเป็นไปได้ โดยเสนอให้มีการปลูกพืชเหลื่อมเวลา และการปลูกต้นไม้ใหญ่เป็นแนวกันชนนั้น มูลนิธิชีววิถีได้เผยแพร่คำอธิบายผ่านเพจ BIOTHAI ระบุว่า ข้อแนะนำดังกล่าวของ สวทช. หน่วยงานที่เป็นสถาบันทางวิทยาศาสตร์ของประเทศเป็นคำแนะนำที่ล้มเหลวยากที่จะปฏิบัติได้ เพราะเกษตรกรไทยมีพื้นที่เกษตรเฉลี่ยอยู่ที่ 15-20 ไร่เท่านั้น การปลูกพืชเหลื่อมเวลาทำได้ยากมากเพราะการปลูกพืชไร่เป็นการปลูกพืชที่อาศัยน้ำฝน เมื่อถึงฤดูเกษตรกรจะปลูกพืชพร้อมกัน ไม่สามารถจัดการให้เหลื่อมเวลาเพื่อป้องกันการปน

ข้อเสนอของนักวิทยาศาสตร์บางคนที่เสนอให้ทำแนวกันชนแบบต่างประเทศก็เป็นข้อเสนอที่ยิ่งกว่าล้มเหลว เพราะการทำแนวกันชนระหว่างแปลงที่ระยะ 200 เมตร ซึ่งเป็นคำแนะนำทั่วไปนั้น จะทำให้เกษตรกรไม่เหลือพื้นที่ปลูกพืชที่ต้องการปลูกได้เลย (พื้นที่ 15 ไร่มีขนาดประมาณ 155X155เมตร การเว้นระยะ 200 เมตรรอบพื้นที่เกษตรเป็นไปไม่ได้) ที่สำคัญงานศึกษาล่าสุดในยุโรปงานวิจัยล่าสุด โดย Frieder Hofmann และคณะซึ่งศึกษาประสบการณ์การปลูกจีเอ็มโอของยุโรป โดยใช้เวลายาวนานในการติดตามถึง 10 ปี (2001-2010) ศึกษาในพื้นที่ 216 แห่งในเยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ และเบลเยี่ยม พบว่าเกสรข้าวโพดสามารถปลิวไปผสมข้ามได้ไกลถึง 4.5 กิโลเมตร โดยในระยะห่างดังกล่าวยังมีโอกาสพบเกสรของข้าวโพดตั้งแต่หลายพันจนถึง 10,000 เกสร (ข้าวโพดหนึ่งต้นมีเกสรมากถึง 5-50 ล้านเกสร)

ผู้วิจัยได้เสนอให้การปลูกข้าวโพดจีเอ็มโอต้องมีระยะห่างจากแปลงข้าวโพดทั่วไปหรือพื้นที่ที่ไม่ต้องการให้เกสรจากพืชจีเอ็มโอมีผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตอื่น(เช่นแมลงที่ไม่ใช่เป็นศัตรูพืช)เป็นหลักกิโลเมตร แทนที่จะมีระยะห่างเพียง 200 เมตร ดังที่เป็นอยู่ในหลายประเทศ ข้อเสนอของนักวิทยาศาสตร์บางคนและอินโฟกราฟฟิคของ สวทช. จึงเป็นภาพสะท้อนความล้มเหลวของวิทยาศาสตร์ที่เหินห่างกับความเป็นจริง ไม่เข้าใจสภาพเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ประเภทนี้แหละที่ผลักดันหัวชนฝาให้ประเทศไทยปลูกพืชจีเอ็มโอ โดยไม่ได้มองมิติทางนิเวศเกษตร และเศรษฐกิจสังคมของประเทศตัวเอง.
กำลังโหลดความคิดเห็น