ย้อนรอยศาลทหารสระบุรีออกหมายจับ “บิ๊กหยอย” ฐานครอบครองอาวุธ พบเป็นกุนซือผมขาว กลุ่มเพื่อน “ทักษิณ” เตรียมทหารรุ่น 10 สนิทสนมและคอยกระซิบข่าว ด้านนายทหารเชื่อเป็นมือทำงานเอี่ยวชายชุดดำปี 53 และขอนแก่นโมเดล ถูกสั่งการสร้างสถานการณ์วุ่นหลังยึดอำนาจ
กรณีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สั่งติดตามความเคลื่อนไหวจัดตั้งองค์กรเสรีไทย และแกนนำคนสำคัญ โดยเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ที่ผ่านมา ศาลทหารจังหวัดสระบุรีได้อนุมัติหมายจับ “บิ๊กหยอย” พล.ท.มนัส เปาริก หรือ นายมนัส เปาริก อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 3 ในข้อกล่าวหาร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ที่ใช้เฉพาะในราชการสงครามที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง โดยฝ่าฝืนกฎหมาย และศาลทหารบกจังหวัดสระบุรีอนุมัติหมายจับ
โดยก่อนหน้านี้ คสช. มีคำสั่งให้ พล.ท.มนัส ไปรายงานตัวเมื่อวันที่ 23 พ.ค. และหลังจากนั้นเขาเป็นหนึ่งในผู้ที่ไปรายงานตัว และได้รับการปล่อยตัวในวันที่ 28 พ.ค.
จากเฟซบุ๊กของ นายสมชาย แสวงการ อดีต ส.ว. สรรหา ได้โพสต์ข้อความที่ระบุว่า ตื่นเต้นกับรายชื่อที่ถูกมองข้ามไปในการออกหมายจับที่ดูเหมือนจะมีชื่อที่ถูกมองข้าม คือชื่อของ นายมนัส เปาริก หรือ พล.ท.มนัส เปาริก เตรียมทหารรุ่น 10 อดีตผู้บัญชาการพลทหารม้า อดีตรองแม่ทัพภาคที่สาม โดยระบุว่าสำคัญยิ่งกว่าข่าวใด เฟซบุ๊กของอดีต ส.ว. สรรหา ยังโพสต์รูปภาพชายชุดดำประกอบ และตั้งข้อสังเกตว่าการออกหมายจับครั้งนี้ น่าจะถูกฝาถูกตัวกับปฏิบัติการชายชุดดำที่เกิดขึ้นวันที่ 10 เม.ย. 2553 โดยอาจจะเกี่ยวข้องกับเหตุปะทะที่เกิดขึ้นในวันนั้นบริเวณสี่แยกคอกวัว ที่ทำให้ทหาร ตำรวจ และประชาชนเสียชีวิต
ASTVผู้จัดการ รวบรวมความใกล้ชิดของ พล.ท.มนัส เปาริก กับคนเสื้อแดง และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พบว่า พล.ท.มนัส มีตำแหน่งทางราชการสูงสุดเป็นอดีตรองแม่ทัพภาคที่ 3 ขณะที่มีตำแหน่งข้าราชการการเมืองเป็นถึงที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ยุค นายประชา ประสพดี เป็นปรึกษา รมช.มหาดไทย ยุคนายฐานิสร์ เทียนทอง สมัยรัฐบาลก่อนกับคนเสื้อแดง และรัฐบาลพรรคเพื่อไทย
ข้อมูลในโลกออนไลน์ มีการเผยแพร่ว่า พล.ท.มนัส หรือ “กุนซือผมขาว” เป็นนายทหารม้า มือข่าวกรองของกลุ่มเตรียมทหาร 10 หรือกลุ่มเพื่อน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี (ตท.10) ในกลุ่มถูกวางตัวเป็นแม่ทัพในการต้านปฏิวัติ และเกาะติดความเคลื่อนไหวของอำมาตย์ เพราะในหมู่คนที่รู้จัก พล.ท.มนัส คนนี้รู้ดีถึงฉายา “มอสสาดแห่ง ตท.10” ที่คอยกระซิบบอกข่าวต่างๆ ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ตลอด ผลงานจากการต่อสู้เคียงข้างคนเสื้อแดง และทำหน้าที่ที่ปรึกษาด้านการทหารมาตลอดหลายปี ในงานการเมือง พล.ท.มนัส ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาและลงไปดูแลปัญหาชายแดน ยาเสพติด และกรมพัฒนาชุมชน หรือตามมาดูแลคนเสื้อแดง ในทุกพื้นที่ผสมทั้งงานราษฎร์ งานหลวง ขณะที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ช่วงเป็น รมว.กลาโหม ก็เคยของปรึกษาทางการทหารแบบลับๆ เช่นเดียวกับช่วง น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั่งควบ
พล.ท.มนัส เคยพูดผ่านสื่อหนึ่งถึงกรณีทหารมีการเคลื่อนไหวว่า “ตอนนี้ไม่มีใครในโลกยอมรับ แล้วคนเสื้อแดงก็ไม่ยอมอยู่เฉยๆ แน่ ออกมาต่อต้าน ไม่ใช่แค่คนเสื้อแดง แต่คนไทยส่วนใหญ่ก็ไม่เอาด้วยแน่”
“ผมไม่ได้เป็นคนฝึกกองกำลังคนเสื้อแดง แต่ทาง ศอฉ. เคยกล่าวหาผมว่าผมจะทำหน้าที่แทน เสธ.แดง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ตอนที่เขาถูกยิงตายไปแล้ว ผมไม่เกี่ยว คนเสื้อแดงเขาฝึกกันเอง”
“มีความพยายามจะใส่ร้ายหมู่บ้านเสื้อแดงในอีสานและเหนือกว่า 2 พันหมู่บ้าน ว่าต่อต้านสถาบัน และมีการฝึกชาวบ้านให้ต้านปฏิวัติ ไม่มีการฝึก พวกนี้เขามีประสบการณ์จากสี่แยกคอกวัวและราชประสงค์มาแล้ว”
“ไม่มีการปลูกฝังอุดมการณ์อะไร เป็นการรวมตัวของชาวบ้านที่คิดเหมือนกัน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงทั้งนั้น แต่ถ้ามีปฏิวัติทุกคนพร้อมใจกันไปต่อต้านแน่ ไม่ต้องฝึกอะไรมาหรอก ประชาชนมือเปล่านี่แหละ ดูซิ กองทัพจะสู้ประชาชนได้หรือเปล่า บทเรียนมีอยู่แล้ว”
ASTVผู้จัดการ ยังพบว่า กับฝ่ายตรงกันข้าม พล.ท.มนัส ในฐานะแกนนำเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 10 ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังเคยออกมาเปิดเผยแผนของกลุ่มล้มรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ถึงกลับมีการตั้งกลุ่มต่อต้านกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ที่มี พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ เสธ.อ้าย เลขาธิการราชตฤณมัยสมาคมฯ ในฐานะประธานองค์การ โดยระบุว่ามีเป้าหมายล้มรัฐบาล
ล่าสุด เฟซบุ๊ก “Sermsuk Kasitipradit” ของ นายเสริมสุข กษิติประดิษฐ์ บรรณาธิการข่าวการเมืองและความมั่นคง สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เผยแพร่ว่า พล.อ.วัธนชัย ฉายเหมือนวงศ์ อดีตรอง ผบ.ทบ. และแม่ทัพภาคที่ 3 ระบุว่า ไม่แปลกใจกับการที่ศาลจังหวัดทหารบกสระบุรี ออกหมายจับ พล.ท.มนัส หลังตำรวจพบหลักฐานพัวพันมีส่วนร่วมในการจัดหาอาวุธสงครามเพื่อใช้ในการก่อเหตุร้าย หลังยึดอาวุธได้จำนวนมาก ทั้งที่ขอนแก่น นครราชสีมา และที่พระนครศรีอยุธยา ในช่วงเดือนที่ผ่านมา และหลังการสอบสวนผู้ต้องหาได้ให้การซักถอดถึง พล.ท.มนัส ที่เคยมีความสนิทสนมอย่างมากกับ พ.ต.ท.ทักษิณ
พล.อ.วัธนชัย เห็นว่าข้อสงสัยที่มีต่อ พล.ท.มนัส มีเหตุผลรับฟังได้ เนื่องจาก พล.ท.มนัส เป็นเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 10 ของ พ.ต.ท.ทักษิณ และเชื่อว่าเป็นมือทำงานให้ตลอดช่วงที่ผ่านมา รวมถึงน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับกองกำลังชุดดำที่ออกมาเคลื่อนไหวในปี 2553 และยังเชื่อว่า พล.ท.มนัส น่าจะเป็นคนหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในขอนแก่นโมเดล การเตรียมการต่อสู้ของคนเสื่อแดงใช้อาวุธสงครามที่เตรียมเก็บไว้ก่อเหตุร้ายต่อต้าน คสช. แต่เพราะกองทัพล่วงรู้แผนล่วงหน้า จึงได้วางแผนตลบหลัง ด้วยการประกาศใช้กฎอัยการศึก ให้ทหารมีอำนาจเต็มเหนี่ยวในการปฏิบัติหน้าที่ตรวจค้น มีอำนาจเด็ดขาดเหนือเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้สามารถตรวจยึดอาวุธได้เป็นจำนวนมาก รวมถึงการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยที่น่าจะมีส่วนร่วมก่อเหตุร้าย เป็นการป้องปรามทำให้แผนขอนแก่นโมเดล ขยับเดินหน้าไม่ได้อย่างที่วางแผนไว้
พล.อ.วัธนชัย ยังเชื่อด้วยว่าแผนทั้งหมดน่าจะถูกสั่งการจากแดนไกล เพื่อสร้างสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวายหลังยึดอำนาจ
สอดคล้องกับคำสัมภาษณ์ของ พล.ท.มนัส เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2557 ระบุว่า “ถ้ากองทัพทำเมื่อไร กองทัพตายเมื่อนั้น จบเกม ไม่มีถอย เขาประกาศเอาไว้แล้วว่า จะไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงการปกครองที่มาจาก 2 รูปแบบ คือ การใช้กำลังทหาร และการให้อำนาจศาล หรือองค์กรอิสระ”
คำพูดบวกกับข้อกล่าวหาร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ที่ใช้เฉพาะในราชการสงครามที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง จึงนำมาสู่หมายจับและเชื่อมโยงไปถึงความรุนแรงในปี 2553 และคนแดนไกล