ASTV ผู้จัดการรายวัน - รอง ผบ.ตร.ด้านความมั่นคง ประสานอัยการสูงสุดขอตัว"จักรภพ" ผู้ร้ายข้ามแดน เร่งรวบรวมหลักฐานขอหมายจับเพิ่ม "พล.ท.มนัส" กรณีครอบครองอาวุธสงคราม ย้อนรอยศาลทหารสระบุรีออกหมายจับ "บิ๊กหยอย" ฐานครอบครองอาวุธ พบเป็นกุนซือผมขาว กลุ่มเพื่อน "ทักษิณ" เตรียมทหารรุ่น 10 สนิทสนมและคอยกระซิบข่าว ด้านนายทหารเชื่อเป็นมือทำงานเอี่ยวชายชุดดำปี 53 และขอนแก่นโมเดล ถูกสั่งการสร้างสถานการณ์วุ่นหลังยึดอำนาจ จนท.คุมตัว"จ่าโก" ค้นรังชี้จุดพบคลังแสงที่คลองหก จ.ปทุมธานี ด้านอัยการสูงสุด ตั้งคณะทำงานติดตามตัวผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบันฯ ยันขอตัวผู้ต้องหาตามหมายจับในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนได้ "จารุพงศ์"ไม่หยุดป่วน จ่อ ทำจดหมายเสรีไทยโต้คสช. แถ!"จักรภพ" พัวพันอาวุธสงคราม ยัดเยียดข้อหา
วานนี้ (1 ก.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.วรัญวัส การุณยธัช รอง ผบช.น. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบช.ศ ช่วยราชการ บช.น. กล่าวหลังการประชุมความมั่นคงว่า การชุมนุมที่แสดงออกทางการเมือง หรือแสดงสัญลักษณ์ต่อต้าน คสช. หน้าสถานทูตสหรัฐอเมริกาที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ได้ประเมินสถานการณ์แล้วว่า ไม่ใช่การต่อต้านคสช. หากการออกมาแสดงสัญลักษณ์ที่ไม่ขัดต่อ คสช. หรือกฎหมาย ทางเจ้าหน้าที่ก็จะไม่ดำเนินการ ส่วนหมายจับที่ออกไปแล้ว หัวหน้าคณะคสช.ได้เร่งรัดเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารทำการจับกุมบุคคลตามหมายจับทันที รวมทั้งบุคคลที่ขัดคำสั่ง หรือคดีอื่นๆ ที่มีการออกหมายจับทุกคดี โดยไม่เลือกปฏิบัติกับฝ่ายใด
กรณีนายจักรภพ เพ็ญแข มีหมายจับแรกในพื้นที่ สน.สามเสน เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 50 เหตุหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ พนักงานสอบสวนจึงออกหมายจับ และพนักงานอัยการมีความเห็นให้สั่งฟ้อง โดยจะส่งไปยังอัยการสูงสุด และต่อไปที่กองการต่างประเทศ เพื่อดำเนินการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะออกหมายจับนายจักรภพ กรณีเกี่ยวข้องกับอาวุธสงคราม ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นหน้าที่ของพนักงานสืบสวนในการดำเนินการ เพื่อขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนเช่นกัน
**จับ'มนัส'ไขปมชายชุดดำรับคำสั่งคนแดนไกล
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า สำหรับการออกหมายจับ พล.ท.มนัส เปาริก อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 3 กรณีมีความเชื่อมโยงกับชายชุดดำเมื่อปี 53 จะต้องสอบสวนและดำเนินการไปตามขั้นตอน
ผู้สื่อข่าวรายงาน กรณีที่คสช.สั่งติดตามการจัดตั้งองค์กรเสรีไทยและแกนนำคนสำคัญ และยิ่งศาลทหารจังหวัดสระบุรีได้อนุมัติหมายจับ "บิ๊กหยอย" พล.ท.มนัส เปาริก ในข้อกล่าวหาร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ที่ใช้เฉพาะในราชการสงครามที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง โดยฝ่าฝืนกฎหมาย และศาลทหารบกจังหวัดสระบุรีอนุมัติหมายจับ
อย่างไรก็ตาม จากการรวบรวมความใกล้ชิดของ พล.ท.มนัส เปาริก กับคนเสื้อแดงและ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พบว่า พล.ท.มนัส มีตำแหน่งทางราชการสูงสุดเป็นอดีตรองแม่ทัพภาคที่ 3 ขณะที่มีตำแหน่งข้าราชการการเมืองเป็นถึง ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ยุคนายประชา ประสพดี เป็นปรึกษา รมช.มหาดไทย ยุคนายฐานิสร์ เทียนทอง สมัยรัฐบาลก่อนกับคนเสื้อแดงและรัฐบาลพรรคเพื่อไทย
ข้อมูลในโลกออนไลน์ มีการเผยแพร่ว่า พล.ท.มนัส หรือ "กุนซือผมขาว" เป็นนายทหารม้า มือข่าวกรองของกลุ่มเตรียมทหาร 10 หรือกลุ่มเพื่อน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี (ตท.10) ในกลุ่มถูกวางตัว เป็นแม่ทัพในการต้านปฏิวัติและเกาะติดความเคลื่อนไหวของอำมาตย์ เพราะในหมู่คนที่รู้จัก พล.ท.มนัส คนนี้รู้ดีถึงฉายา "มอสสาดแห่ง ตท.10" ที่คอยกระซิบบอกข่าวต่างๆ ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ตลอด ผลงานจากการต่อสู้เคียงข้างคนเสื้อแดงและทำหน้าที่ที่ปรึกษาด้านการทหารมาตลอดหลายปี ในงานการเมือง พล.ท.มนัส ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาและลงไปดูแลปัญหาชายแดน ยาเสพติด และกรมพัฒนาชุมชน หรือตามมาดูแลคนเสื้อแดง ในทุกพื้นที่ผสมทั้งงานราษฎร์ งานหลวง ขณะที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ช่วงเป็น รมว.กลาโหม ก็เคยของปรึกษาทางการทหารแบบลับๆ เช่นเดียวกับช่วง น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั่งควบ
ล่าสุด เฟซบุ๊ก"Sermsuk Kasitipradit" ของนายเสริมสุข กษิติประดิษฐ์ บรรณาธิการข่าวการเมืองและความมั่นคง สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เผยแพร่ว่า พล.อ.วัธนชัย ฉายเหมือนวงศ์ อดีตรอง ผบ.ทบ. และแม่ทัพภาคที่ 3 ระบุว่า ไม่แปลกใจที่ศาลจังหวัดทหารบกสระบุรี ออกหมายจับ พล.ท.มนัส หลังตำรวจพบหลักฐานพัวพันมีส่วนร่วมในการจัดหาอาวุธสงครามเพื่อใช้ในการก่อเหตุร้าย หลังยึดอาวุธได้จำนวนมาก ทั้งที่ขอนแก่น นครราชสีมา และที่พระนครศรีอยุธยา ในช่วงเดือนที่ผ่านมา และหลังการสอบสวนผู้ต้องหาได้ให้การซักถอดถึง พล.ท.มนัส ที่เคยมีความสนิทสนมอย่างมากกับ พ.ต.ท.ทักษิณ
พล.อ.วัธนชัย เห็นว่าข้อสงสัยที่มีต่อ พล.ท.มนัส มีเหตุผลรับฟังได้ เนื่องจาก พล.ท.มนัส เป็นเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 10 ของ พ.ต.ท.ทักษิณ และเชื่อว่าเป็นมือทำงานให้ตลอดช่วงที่ผ่านมา รวมถึงน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับกองกำลังชุดดำที่ออกมาเคลื่อนไหวในปี 2553 และยังเชื่อว่า พล.ท.มนัส น่าจะเป็นคนหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในขอนแก่นโมเดล การเตรียมการต่อสู้ของคนเสื้อแดงใช้อาวุธสงครามที่เตรียมเก็บไว้ก่อเหตุร้ายต่อต้านคสช.
พล.อ.วัธนชัย ยังเชื่อด้วยว่าแผนทั้งหมดน่าจะถูกสั่งการจากแดนไกล เพื่อสร้างสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวายหลังยึดอำนาจ
สอดคล้องกับคำสัมภาษณ์ของ พล.ท.มนัส เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2557 ระบุว่า "ถ้ากองทัพทำเมื่อไร กองทัพตายเมื่อนั้น จบเกม ไม่มีถอย เขาประกาศเอาไว้แล้วว่า จะไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงการปกครองที่มาจาก 2 รูปแบบคือ การใช้กำลังทหาร และการให้อำนาจศาลหรือองค์กรอิสระ"
ทั้งนี้ ในวันเดียวกัน ศาลทหารกรุงเทพออกหมายจับ นายสมเจตน์ คงวัฒนะ หรือสม ในข้อหามีอาวุธสงคราม และฝ่าฝืนคำสั่งของคสช.ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จึงได้ออกหมายจับตามกฎหมายทันที
****อสส.ตั้งคณะทำงานขอตัวแก๊งหมิ่น
นายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด กล่าวถึงแนวทางการติดตามตัวผู้ต้องหาในคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ว่า ตนได้มอบหมายทางอัยการตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยมี นายวุฒิพงศ์ วิบูลย์วงศ์ รองอัยการสูงสุด เป็นหัวหน้าคณะทำงาน
ทั้งนี้ สำหรับฐานความผิดดังกล่าวเป็นความผิดที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร เมื่อคณะทำงานพิจารณาแล้วเสร็จ ก็จะส่งเรื่องมายังตนในฐานะอัยการสูงสุดที่เป็นผู้รับผิดชอบเพื่อพิจารณาสั่งคดี ถ้าหากอัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้องแล้ว ก็ขอศาลออกหมายจับ ซึ่งสามารถใช้ประสานขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนได้ แต่ทั้งนี้คงจะต้องศึกษาดูข้อกฎหมายหรือสนธิสัญญาของประเทศนั้นๆ ด้วยว่าจะสามารถส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนได้หรือไม่
****คุมตัว"จ่าโก" ชี้จุดยึดอาวุธสงครามเพิ่ม
ที่ กองปราบปราม พ.ท.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ พล.ม.2 รอ.พร้อมด้วยสารวัตรทหาร และพนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ ควบคุมตัว จ.ส.อ.ภคภูมิ โกศินานนท์ หรือจ่าโก ซึ่งเป็น 1 ใน 8 ผู้ต้องหาที่ถูกศาลทหารจังหวัดสระบุรี ออกหมายจับข้อหา ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุน โดยคุมตัวไปตรวจค้นที่ห้องเก็บของลานไนน์ ตรงข้ามมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี จ.ปทุมธานี จุดที่พบอาวุธสงคราม และในพื้นที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อชี้จุดและหาพยานหลักฐานประกอบสำนวนคดีเพิ่มเติม ทั้งนี้ หลังการตรวจค้นเสร็จสิ้นทางพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป.จะควบคุมตัวผู้ต้องหากลับมาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง ก่อนไปขออำนาจศาลทหาร ฝากขังในวันนี้ (2ก.ค.)
***'จารุพงศ์'หนีคดีจ่อทำจม.เสรีไทยโต้
วานนี้ (1 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการองค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก “จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ” โดยได้กล่าวถึง กรณีคสช.ที่ออกมายึดอำนาจ และกล่าวโจมตี การปิดกั้นข้อมูลข่าวสารต่อประชาชน พร้อมปลุกใจคนไทยให้ออกมาต่อสู้ โดยสันติ
นายจารุพงศ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า อาวุธที่ดีที่สุดของประชาชนมือเปล่าในห้วงเวลานี้ คือ ความจริงใจ ความรักในความยุติธรรม และความรักในศักดิ์ศรีของความเป็นคนของคนไทยทุกคน ส่วนในอนาคตอันใกล้นี้ องค์การเสรีไทยฯ จะดำเนินการผลิตจดหมายข่าวเสรีไทย ส่งต่อความจริงออกไปให้ความจริงทำหน้าที่ ในการต่อสู้กับคณะคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อพิทักษ์เสรีภาพและสิทธิมนุษยชนของชาวไทย
ส่วนกรณี นายจักรภพ เพ็ญแข สมาชิกผู้ร่วมก่อตั้งองค์การเสรีไทย ที่คสช.ระบุว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาวุธสงครามนั้น เห็นว่า เป็นการยัดเยียดข้อหาเนื่องจากไม่พบหลักฐานใด ๆ.
วานนี้ (1 ก.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.วรัญวัส การุณยธัช รอง ผบช.น. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบช.ศ ช่วยราชการ บช.น. กล่าวหลังการประชุมความมั่นคงว่า การชุมนุมที่แสดงออกทางการเมือง หรือแสดงสัญลักษณ์ต่อต้าน คสช. หน้าสถานทูตสหรัฐอเมริกาที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ได้ประเมินสถานการณ์แล้วว่า ไม่ใช่การต่อต้านคสช. หากการออกมาแสดงสัญลักษณ์ที่ไม่ขัดต่อ คสช. หรือกฎหมาย ทางเจ้าหน้าที่ก็จะไม่ดำเนินการ ส่วนหมายจับที่ออกไปแล้ว หัวหน้าคณะคสช.ได้เร่งรัดเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารทำการจับกุมบุคคลตามหมายจับทันที รวมทั้งบุคคลที่ขัดคำสั่ง หรือคดีอื่นๆ ที่มีการออกหมายจับทุกคดี โดยไม่เลือกปฏิบัติกับฝ่ายใด
กรณีนายจักรภพ เพ็ญแข มีหมายจับแรกในพื้นที่ สน.สามเสน เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 50 เหตุหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ พนักงานสอบสวนจึงออกหมายจับ และพนักงานอัยการมีความเห็นให้สั่งฟ้อง โดยจะส่งไปยังอัยการสูงสุด และต่อไปที่กองการต่างประเทศ เพื่อดำเนินการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะออกหมายจับนายจักรภพ กรณีเกี่ยวข้องกับอาวุธสงคราม ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นหน้าที่ของพนักงานสืบสวนในการดำเนินการ เพื่อขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนเช่นกัน
**จับ'มนัส'ไขปมชายชุดดำรับคำสั่งคนแดนไกล
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า สำหรับการออกหมายจับ พล.ท.มนัส เปาริก อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 3 กรณีมีความเชื่อมโยงกับชายชุดดำเมื่อปี 53 จะต้องสอบสวนและดำเนินการไปตามขั้นตอน
ผู้สื่อข่าวรายงาน กรณีที่คสช.สั่งติดตามการจัดตั้งองค์กรเสรีไทยและแกนนำคนสำคัญ และยิ่งศาลทหารจังหวัดสระบุรีได้อนุมัติหมายจับ "บิ๊กหยอย" พล.ท.มนัส เปาริก ในข้อกล่าวหาร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ที่ใช้เฉพาะในราชการสงครามที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง โดยฝ่าฝืนกฎหมาย และศาลทหารบกจังหวัดสระบุรีอนุมัติหมายจับ
อย่างไรก็ตาม จากการรวบรวมความใกล้ชิดของ พล.ท.มนัส เปาริก กับคนเสื้อแดงและ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พบว่า พล.ท.มนัส มีตำแหน่งทางราชการสูงสุดเป็นอดีตรองแม่ทัพภาคที่ 3 ขณะที่มีตำแหน่งข้าราชการการเมืองเป็นถึง ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ยุคนายประชา ประสพดี เป็นปรึกษา รมช.มหาดไทย ยุคนายฐานิสร์ เทียนทอง สมัยรัฐบาลก่อนกับคนเสื้อแดงและรัฐบาลพรรคเพื่อไทย
ข้อมูลในโลกออนไลน์ มีการเผยแพร่ว่า พล.ท.มนัส หรือ "กุนซือผมขาว" เป็นนายทหารม้า มือข่าวกรองของกลุ่มเตรียมทหาร 10 หรือกลุ่มเพื่อน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี (ตท.10) ในกลุ่มถูกวางตัว เป็นแม่ทัพในการต้านปฏิวัติและเกาะติดความเคลื่อนไหวของอำมาตย์ เพราะในหมู่คนที่รู้จัก พล.ท.มนัส คนนี้รู้ดีถึงฉายา "มอสสาดแห่ง ตท.10" ที่คอยกระซิบบอกข่าวต่างๆ ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ตลอด ผลงานจากการต่อสู้เคียงข้างคนเสื้อแดงและทำหน้าที่ที่ปรึกษาด้านการทหารมาตลอดหลายปี ในงานการเมือง พล.ท.มนัส ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาและลงไปดูแลปัญหาชายแดน ยาเสพติด และกรมพัฒนาชุมชน หรือตามมาดูแลคนเสื้อแดง ในทุกพื้นที่ผสมทั้งงานราษฎร์ งานหลวง ขณะที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ช่วงเป็น รมว.กลาโหม ก็เคยของปรึกษาทางการทหารแบบลับๆ เช่นเดียวกับช่วง น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั่งควบ
ล่าสุด เฟซบุ๊ก"Sermsuk Kasitipradit" ของนายเสริมสุข กษิติประดิษฐ์ บรรณาธิการข่าวการเมืองและความมั่นคง สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เผยแพร่ว่า พล.อ.วัธนชัย ฉายเหมือนวงศ์ อดีตรอง ผบ.ทบ. และแม่ทัพภาคที่ 3 ระบุว่า ไม่แปลกใจที่ศาลจังหวัดทหารบกสระบุรี ออกหมายจับ พล.ท.มนัส หลังตำรวจพบหลักฐานพัวพันมีส่วนร่วมในการจัดหาอาวุธสงครามเพื่อใช้ในการก่อเหตุร้าย หลังยึดอาวุธได้จำนวนมาก ทั้งที่ขอนแก่น นครราชสีมา และที่พระนครศรีอยุธยา ในช่วงเดือนที่ผ่านมา และหลังการสอบสวนผู้ต้องหาได้ให้การซักถอดถึง พล.ท.มนัส ที่เคยมีความสนิทสนมอย่างมากกับ พ.ต.ท.ทักษิณ
พล.อ.วัธนชัย เห็นว่าข้อสงสัยที่มีต่อ พล.ท.มนัส มีเหตุผลรับฟังได้ เนื่องจาก พล.ท.มนัส เป็นเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 10 ของ พ.ต.ท.ทักษิณ และเชื่อว่าเป็นมือทำงานให้ตลอดช่วงที่ผ่านมา รวมถึงน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับกองกำลังชุดดำที่ออกมาเคลื่อนไหวในปี 2553 และยังเชื่อว่า พล.ท.มนัส น่าจะเป็นคนหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในขอนแก่นโมเดล การเตรียมการต่อสู้ของคนเสื้อแดงใช้อาวุธสงครามที่เตรียมเก็บไว้ก่อเหตุร้ายต่อต้านคสช.
พล.อ.วัธนชัย ยังเชื่อด้วยว่าแผนทั้งหมดน่าจะถูกสั่งการจากแดนไกล เพื่อสร้างสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวายหลังยึดอำนาจ
สอดคล้องกับคำสัมภาษณ์ของ พล.ท.มนัส เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2557 ระบุว่า "ถ้ากองทัพทำเมื่อไร กองทัพตายเมื่อนั้น จบเกม ไม่มีถอย เขาประกาศเอาไว้แล้วว่า จะไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงการปกครองที่มาจาก 2 รูปแบบคือ การใช้กำลังทหาร และการให้อำนาจศาลหรือองค์กรอิสระ"
ทั้งนี้ ในวันเดียวกัน ศาลทหารกรุงเทพออกหมายจับ นายสมเจตน์ คงวัฒนะ หรือสม ในข้อหามีอาวุธสงคราม และฝ่าฝืนคำสั่งของคสช.ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จึงได้ออกหมายจับตามกฎหมายทันที
****อสส.ตั้งคณะทำงานขอตัวแก๊งหมิ่น
นายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด กล่าวถึงแนวทางการติดตามตัวผู้ต้องหาในคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ว่า ตนได้มอบหมายทางอัยการตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยมี นายวุฒิพงศ์ วิบูลย์วงศ์ รองอัยการสูงสุด เป็นหัวหน้าคณะทำงาน
ทั้งนี้ สำหรับฐานความผิดดังกล่าวเป็นความผิดที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร เมื่อคณะทำงานพิจารณาแล้วเสร็จ ก็จะส่งเรื่องมายังตนในฐานะอัยการสูงสุดที่เป็นผู้รับผิดชอบเพื่อพิจารณาสั่งคดี ถ้าหากอัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้องแล้ว ก็ขอศาลออกหมายจับ ซึ่งสามารถใช้ประสานขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนได้ แต่ทั้งนี้คงจะต้องศึกษาดูข้อกฎหมายหรือสนธิสัญญาของประเทศนั้นๆ ด้วยว่าจะสามารถส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนได้หรือไม่
****คุมตัว"จ่าโก" ชี้จุดยึดอาวุธสงครามเพิ่ม
ที่ กองปราบปราม พ.ท.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ พล.ม.2 รอ.พร้อมด้วยสารวัตรทหาร และพนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ ควบคุมตัว จ.ส.อ.ภคภูมิ โกศินานนท์ หรือจ่าโก ซึ่งเป็น 1 ใน 8 ผู้ต้องหาที่ถูกศาลทหารจังหวัดสระบุรี ออกหมายจับข้อหา ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุน โดยคุมตัวไปตรวจค้นที่ห้องเก็บของลานไนน์ ตรงข้ามมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี จ.ปทุมธานี จุดที่พบอาวุธสงคราม และในพื้นที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อชี้จุดและหาพยานหลักฐานประกอบสำนวนคดีเพิ่มเติม ทั้งนี้ หลังการตรวจค้นเสร็จสิ้นทางพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป.จะควบคุมตัวผู้ต้องหากลับมาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง ก่อนไปขออำนาจศาลทหาร ฝากขังในวันนี้ (2ก.ค.)
***'จารุพงศ์'หนีคดีจ่อทำจม.เสรีไทยโต้
วานนี้ (1 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการองค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก “จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ” โดยได้กล่าวถึง กรณีคสช.ที่ออกมายึดอำนาจ และกล่าวโจมตี การปิดกั้นข้อมูลข่าวสารต่อประชาชน พร้อมปลุกใจคนไทยให้ออกมาต่อสู้ โดยสันติ
นายจารุพงศ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า อาวุธที่ดีที่สุดของประชาชนมือเปล่าในห้วงเวลานี้ คือ ความจริงใจ ความรักในความยุติธรรม และความรักในศักดิ์ศรีของความเป็นคนของคนไทยทุกคน ส่วนในอนาคตอันใกล้นี้ องค์การเสรีไทยฯ จะดำเนินการผลิตจดหมายข่าวเสรีไทย ส่งต่อความจริงออกไปให้ความจริงทำหน้าที่ ในการต่อสู้กับคณะคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อพิทักษ์เสรีภาพและสิทธิมนุษยชนของชาวไทย
ส่วนกรณี นายจักรภพ เพ็ญแข สมาชิกผู้ร่วมก่อตั้งองค์การเสรีไทย ที่คสช.ระบุว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาวุธสงครามนั้น เห็นว่า เป็นการยัดเยียดข้อหาเนื่องจากไม่พบหลักฐานใด ๆ.