00 เรียกว่าเด้งล้างบางกันมาเป็นระลอก ล่าสุดก็มีการโยกย้ายข้าราชการตามมาอีกล็อต เป็นระดับบิ๊กที่ตกค้างมาตั้งแต่ชุดแรกๆ ซึ่งต้องทำต่อเนื่องอยู่แล้ว เพียงแต่ว่ากลุ่มนี้ไม่ถึงขั้นเร่งด่วนเหมือนกับชุดก่อนหน้านี้ที่ต้องรีบลงมือ เพื่อป้องกันสถานการณ์ฉุกเฉินตามมา รวบรัดตัดความล็อตนี้ระดับบิ๊กก็มี สมชัย ศิริวัฒนโชค พ้นจากปลัดกระทรวงคมนาคม และ โชติ ตราชู พ้นจากปลัดกระทรวงทรัพย์ฯไปนั่งเก้าอี้ที่ปรึกษานายกฯ และ สุทธิชัย สังขมณี พ้นจากอธิบดีกรมสรรพากร ไปเป็นผู้ตรวจกระทรวงการคลัง รวมทั้งมีการย้ายอธิบดีกรมจัดหางาน รวมทั้งหมด 14 ตำแหน่ง ซึ่งเชื่อว่าคนพวกนี้ย่อมทำใจมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว รู้กันดี เติบโตได้ดิบได้ดีพรวดพราดมาเพราะใคร "เจ๊ด." จัดให้หรือไม่ เมื่อฟ้าเปลี่ยนมันก็ต้องไปวันยังค่ำ
00 อย่างไรก็ดี การย้ายนอกฤดูแบบนี้ต้องบอกว่าเป็นกรณีพิเศษ เพียงแต่ว่าจะต้องมีการจัดลำดับความเร่งด่วน แต่ที่น่าจับตาก็คือบางตำแหน่งที่ยังเหนียวหนึบแบบไม่อยากเชื่อสายตาก็คือ ตำแหน่งเลขาฯปปส. ควบรอง ผบ.ตร.ของ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รู้ๆ กันอยู่ว่ารายนี้มันเด็ก "อำนาจแม้ว" คอยเป็นวอลเปเปอร์ให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แบบไม่ห่าง มาจนถึงวันนี้ยังอยู่รอดได้ แหมมันช่างมนุษย์พันธุ์พิเศษ สร้างอนาคตแบบไร้รอยต่อได้ดีจริงๆ พับผ่าสิ อีกรายก็เห็นจะเป็น ปลัดฯมหาดไทย วิบูลย์ สงวนพงศ์ รายหลังนี้ดูเหมือนจะเข้ากันใด้เป็นปี่เป็นขลุ่ยเนียนกันไปแล้ว
00 นี่ก็น่าสนใจว่าทำไมถึงได้เลือกปฏิบัติกันแบบคงเส้นคงวา สำหรับการเพิกถอนหนังสือเดินทางของบุคคลที่ถูกออกหมายจับ ไม่ว่าจะเป็น จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ จักรภพ เพ็ญแข สุนัย จุลพงศธร รวมทั้งพวกโดนคดีหมิ่นเบื้องสูงอีกบางคน ไม่อยากเอ่ยชื่อให้เป็นเสนียดปาก แม้ว่าคนพวกนี้มันต้องโดนอยู่แล้ว แต่คำถามก็คือแล้วที่ "หัวโจก" อย่าง ทักษิณ ชินวัตร ที่มีทั้งพฤติกรรมจวบจ้วงเบื้องสูง เป็นนักโทษหนีคุก ศาลพิพากษาตัดสินจำคุกคดีสิ้นสุดแล้ว มาจนถึงบัดนี้ทุกอย่างเงียบฉี่ ไม่ติดตาม ไม่ถอดยศ ริบเครื่องราชย์ฯ เมื่อถามก็มีแต่คนเลี่ยงที่จะตอบ ก็แบบนี้แหละ คือที่มาของปัญหาทั้งปวงในบ้านเมือง ที่ทุกอย่างเกี้ยเซี๊ยะกันได้ อาจจะอ้างว่าเพื่อความปรองดอง จึงทำเฉย ทั้งที่หากทำทุกอย่างไปตามกม. ไม่ต้องดูชื่อว่าเป็นใคร ผิดถูกว่ากันไป บ้านเมืองก็จะเป็นสุข บางทีอาจไม่ต้องมาร้องเพลง "คืนความสุข" ก็ได้นะพี่น้อง !!
00 เชื่อว่าในทางสากลคงเริ่มมีผลกระทบกลับมาพอสมควร ถึงกับมีคำสั่งให้ เร่งเคลียร์ถึงหลักฐานทางคดีของ จักรภพ เพ็ญแข ว่าเกี่ยวข้องกับอาวุธสงครามอย่างไร เพราะอย่าว่าแต่ต่างประเทศจะงงเลย คนไทยด้วยกันบอกตามตรงในตอนแรกที่ตำรวจตั้งข้อหากับเขาก็ยังรู้สึกงงๆ ไม่น้อยเหมือนกันว่ามันไปเกี่ยวข้องได้อย่างไร ถ้าเป็นเรื่องปากดี จาบจ้วงเบื้องสูง แบบนี้แหละชัดเจน หรือการคิดเพ้อฝันตั้งกลุ่มเสรีไทยฯหลุดโลก แบบนี้ก็โอเค ฟังขึ้น แต่เรื่อง "จับอาวุธสงคราม" นี่ "เจ๊กรี๊ดนะ" ดังนั้นถูกต้องแล้วที่ คสช.โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สั่งให้เคลียร์แจงให้ชัด เดี๋ยวถูกนำไปขยายผลบิดเบือน เพราะเวลานี้เริ่มมีการกระพือในต่างประเทศทำนองว่า "เจ๊ถูกยัดข้อหากลั่นแกล้ง" อะไรนั่นไปอีก !!
00 เริ่มปะติดปะต่อเป็นภาพจิ๊กซอร์ให้เห็นออกมาเรื่อยๆ ล่าสุดก็มีข่าวศาลทหารสระบุรีออกหมายจับ พล.ท.มนัส เปาริก อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 3 เตรียททหาร รุ่น10 ที่เป็นทั้งเพื่อนและลูกน้องคนสนิทของ ทักษิณ ชินวัตร ในข้อหาที่เกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธสงคราม รวมไปถึงอยู่เบื้องหลัง ขอนแก่นโมเดล และเชื่อมโยงไปถึงชายชุดดำตั้งแต่ปี 53 เอ๊ะ มันชักเข้าเค้าแฮะ !!
00 อย่างไรก็ดี การย้ายนอกฤดูแบบนี้ต้องบอกว่าเป็นกรณีพิเศษ เพียงแต่ว่าจะต้องมีการจัดลำดับความเร่งด่วน แต่ที่น่าจับตาก็คือบางตำแหน่งที่ยังเหนียวหนึบแบบไม่อยากเชื่อสายตาก็คือ ตำแหน่งเลขาฯปปส. ควบรอง ผบ.ตร.ของ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รู้ๆ กันอยู่ว่ารายนี้มันเด็ก "อำนาจแม้ว" คอยเป็นวอลเปเปอร์ให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แบบไม่ห่าง มาจนถึงวันนี้ยังอยู่รอดได้ แหมมันช่างมนุษย์พันธุ์พิเศษ สร้างอนาคตแบบไร้รอยต่อได้ดีจริงๆ พับผ่าสิ อีกรายก็เห็นจะเป็น ปลัดฯมหาดไทย วิบูลย์ สงวนพงศ์ รายหลังนี้ดูเหมือนจะเข้ากันใด้เป็นปี่เป็นขลุ่ยเนียนกันไปแล้ว
00 นี่ก็น่าสนใจว่าทำไมถึงได้เลือกปฏิบัติกันแบบคงเส้นคงวา สำหรับการเพิกถอนหนังสือเดินทางของบุคคลที่ถูกออกหมายจับ ไม่ว่าจะเป็น จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ จักรภพ เพ็ญแข สุนัย จุลพงศธร รวมทั้งพวกโดนคดีหมิ่นเบื้องสูงอีกบางคน ไม่อยากเอ่ยชื่อให้เป็นเสนียดปาก แม้ว่าคนพวกนี้มันต้องโดนอยู่แล้ว แต่คำถามก็คือแล้วที่ "หัวโจก" อย่าง ทักษิณ ชินวัตร ที่มีทั้งพฤติกรรมจวบจ้วงเบื้องสูง เป็นนักโทษหนีคุก ศาลพิพากษาตัดสินจำคุกคดีสิ้นสุดแล้ว มาจนถึงบัดนี้ทุกอย่างเงียบฉี่ ไม่ติดตาม ไม่ถอดยศ ริบเครื่องราชย์ฯ เมื่อถามก็มีแต่คนเลี่ยงที่จะตอบ ก็แบบนี้แหละ คือที่มาของปัญหาทั้งปวงในบ้านเมือง ที่ทุกอย่างเกี้ยเซี๊ยะกันได้ อาจจะอ้างว่าเพื่อความปรองดอง จึงทำเฉย ทั้งที่หากทำทุกอย่างไปตามกม. ไม่ต้องดูชื่อว่าเป็นใคร ผิดถูกว่ากันไป บ้านเมืองก็จะเป็นสุข บางทีอาจไม่ต้องมาร้องเพลง "คืนความสุข" ก็ได้นะพี่น้อง !!
00 เชื่อว่าในทางสากลคงเริ่มมีผลกระทบกลับมาพอสมควร ถึงกับมีคำสั่งให้ เร่งเคลียร์ถึงหลักฐานทางคดีของ จักรภพ เพ็ญแข ว่าเกี่ยวข้องกับอาวุธสงครามอย่างไร เพราะอย่าว่าแต่ต่างประเทศจะงงเลย คนไทยด้วยกันบอกตามตรงในตอนแรกที่ตำรวจตั้งข้อหากับเขาก็ยังรู้สึกงงๆ ไม่น้อยเหมือนกันว่ามันไปเกี่ยวข้องได้อย่างไร ถ้าเป็นเรื่องปากดี จาบจ้วงเบื้องสูง แบบนี้แหละชัดเจน หรือการคิดเพ้อฝันตั้งกลุ่มเสรีไทยฯหลุดโลก แบบนี้ก็โอเค ฟังขึ้น แต่เรื่อง "จับอาวุธสงคราม" นี่ "เจ๊กรี๊ดนะ" ดังนั้นถูกต้องแล้วที่ คสช.โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สั่งให้เคลียร์แจงให้ชัด เดี๋ยวถูกนำไปขยายผลบิดเบือน เพราะเวลานี้เริ่มมีการกระพือในต่างประเทศทำนองว่า "เจ๊ถูกยัดข้อหากลั่นแกล้ง" อะไรนั่นไปอีก !!
00 เริ่มปะติดปะต่อเป็นภาพจิ๊กซอร์ให้เห็นออกมาเรื่อยๆ ล่าสุดก็มีข่าวศาลทหารสระบุรีออกหมายจับ พล.ท.มนัส เปาริก อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 3 เตรียททหาร รุ่น10 ที่เป็นทั้งเพื่อนและลูกน้องคนสนิทของ ทักษิณ ชินวัตร ในข้อหาที่เกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธสงคราม รวมไปถึงอยู่เบื้องหลัง ขอนแก่นโมเดล และเชื่อมโยงไปถึงชายชุดดำตั้งแต่ปี 53 เอ๊ะ มันชักเข้าเค้าแฮะ !!