xs
xsm
sm
md
lg

ระเบิดพระราม 9 ปมการเมืองโยงกลุ่ม “แดงอีสาน” หัวรุนแรง

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

(แฟ้มภาพ)พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา รรท.ผบช.น.แถลงข่าวจับกุมอาวุธสงครามเชื่องโยงเหตุระเบิดที่แยกพระราม 9
มีผู้บงการอยู่ต่างประเทศคล้ายกับกลุ่ม “ขอนแก่นโมเดล” และ “บึ้มมีนบุรี” ที่มี “กษิ ดิฐธนรัชต์” เป็นหัวโจก...ซึ่งก็น่ากังวลว่า ถ้ายังมีกลุ่มหัวรุนแรงเหล่านี้อยู่ไม่วันใดวันหนึ่งกลุ่มเหล่านี้อาจกลับมาก่อเหตุรุนแรงอีกครั้ง!!!

“บึ้ม!” เสียงระเบิดดังสนั่นท้าทายบรรดาบุรุษลายพรางที่วางกำลังประจำตามจุดต่างๆ ทั่วพื้นที่เมืองหลวงส่งผลให้ค่ำคื่นในวันอังคารที่ 13 มิถุนายน ที่ทางคณะรักษาความสงบ (คสช.) ออกประกาศฉบับที่ 64 ยกเลิกใช้เคอร์ฟิวทุกพื้นที่ต้องกลายเป็นความหวาดหวั่นของใครหลายคน...

โดยเหตุการณ์ครั้งนั้นเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 19.30 น. เมื่อมีเสียงดังคล้ายระเบิดเกิดขึ้น 1 ครั้ง บริเวณแยกพระราม 9 ที่สวนหย่อมเเห่งหนึ่ง แรงจากระเบิดส่งผลให้รถยนต์ได้รับความเสียหาย 4 คันกระจกแตกละเอียดกระจัดกระจายเต็มพื้นเบื้องล่าง รวมถึงป้ายโฆษณาและป้อมตำรวจได้รับความเสียหาย เเต่โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดพิสูจน์หลักฐานเเละหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด เดินทางเข้าตรวจสอบพื้นที่เก็บเหตุโดยพบร่องรอยสะเก็ดระเบิด และหลักฐานสำคัญเป็นกระเดื่องของระเบิดชนิดอาร์จีดี5 ตกอยู่ ขณะที่ชุดสืบสวน สน.มักกะสัน เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุที่สามารถจับภาพกลุ่มผู้ต้องสงสัย กำลังขับขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาก่อเหตุขว้างระเบิดครั้งนี้...

คดีนี้นอกจากความน่าสนใจเรื่องกลุ่มที่อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุแล้วแต่สิ่งหนึ่งที่กลายเป็นไฮไลต์เล็กๆ คงจะเป็นการให้ข่าวของ 2 นายตำรวจใหญ่ ผู้กำลังขับเคี่ยวคั่วตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนที่ 10 อยู่นั้นเอง คือ

“บิ๊กเอก”พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ และ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง รอง ผบ.ตร. ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนไปคนละทิศทาง เล่นเอาหลายคนงงไปตามกัน

โดยเฉพาะ“บิ๊กเอก”" ที่ออกมาให้ข่าวในช่วงแรกว่าการก่อเหตุต้อนรับวันยกเลิกเคอร์ฟิวนี้ ไม่มีความเชื่อมโยงจากกับการเมืองแต่เป็นเพียงแค่ความขัดแย้งส่วนตัวเท่านั้น...

กระทั่งเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน ที่ผ่านมา เมื่อได้หลักฐานชัดเจนเเล้วศาลทหารได้อนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาที่ปรากฏในกล้องวงจรปิด จำนวน 4 ราย ประกอบด้วย“วิเชียร ทุมตะคุ” อายุ 46 ปี ชาว จ.สระแก้ว, “เจริญ พรมชาติ” อายุ 38 ปี ชาว จ.อุบลราชธานี,“นายไก่”และ“นายมด” ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง

โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุม“วิเชียร” หนึ่งในผู้ต้องหาได้แถวห้วยขวาง - ดินแดงหลังการข่าวพบเจ้าตัวแอบกบดานอยู่บ้านเพื่อนสนิท ล่าสุดเจ้าหน้าที่ทหารได้ควบคุมตัวไว้ 7 วันก่อนส่งตัวให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป

นอกจากนี้ จากการสอบสวน“วิเชียร” ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ร่วมก่อเหตุกับพวกทั้งสามคนโดยมีบุคคลที่ชื่อ “เจริญ” เป็นผู้ชักชวนและว่าจ้างส่วนเจ้าตัวทำหน้าที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ และมีนายมด นั่งซ้อนท้ายเป็นผู้ลงมือขว้างระเบิดไปยังจุดเกิดเหตุ ขณะที่ข้อมูลเชิงลึกพบว่าผู้ต้องหารายนี้ยังเป็นการ์ดของผู้ชุมนุมกลุ่มหนึ่งที่มีการเคลื่อนไหวและใช้ความรุนแรงช่วงปี 52

ขณะที่ “บิ๊กเอก” ออกมาให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ปมการก่อเหตุระเบิดครั้งนี้มีความเกี่ยวข้องกับการเมืองชัดเจน โดยพบว่าผู้ที่ก่อเหตุมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มทางการเมือง ส่วนจะเกี่ยวข้องกับฝ่ายใดนั้นต้องขอเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนหาพยานหลักฐานให้มีความชัดเจนมากขึ้นกว่านี้ก่อน ทั้งนี้ จากการสอบสวนพบว่า คนร้ายมีจุดประสงค์ในการก่อเหตุครั้งนี้เพื่อต้องการสร้างสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวายเท่านั้น

ทั้งนี้ ทางการข่าวยังพบว่าบุคคลที่ชื่อ “เจริญ” ผู้ต้องหาที่ถูกซัดทอดว่าเป็นคนว่าจ้างนั้นมีความเกี่ยวข้องกับแกนนำแดงหัวรุนแรงในพื้นที่ภาคอีสานที่มีการขนอาวุธเข้ามาตามแนวชายแดน และยังมีความเชื่อมโยงกับกลุ่ม“ขอนแก่นโมเดล” ซึ่งเตรียมก่อเหตุ“วินาศกรรม” ในพื้นที่ต่างๆ ตามคำสั่งของคนที่ต่างประเทศ แต่สุดท้ายถูกเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจเข้าทำการจับกุมตัวเสียก่อน

อย่างไรก็ตาม แม้คดีระเบิดพระราม 9 นี้ กลุ่มคนร้ายหวังจะสร้างสถานการณ์เท่านั้น โดยมีการขูดหมายเลขที่กระเดื่องออก แต่แว่วมาว่างานนี้อาจมีความเชื่อมโยงกับเหตุขว้างระเบิดใส่กลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ที่เวทีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิอีกด้วย

จากคดีนี้ทำให้หน่วยงานด้านการข่าวต้องจับตาเข้ม “กลุ่มเสื้อแดงหัวรุนแรง” โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสานและเหนือที่เริ่มมีการเคลื่อนไหวใต้ดินมากขึ้น ซึ่งกลุ่มเหล่านี้มีการแบ่งโครงสร้างอย่างมืออาชีพ มีทั้งทีมประกอบระเบิดและทีมลงมือก่อเหตุ

โดยมีผู้บงการอยู่ต่างประเทศคล้ายกับกลุ่ม“ขอนแก่นโมเดล” และ“บึ้มมีนบุรี” ที่มี“กษิ ดิฐธนรัชต์” เป็นหัวโจก...ซึ่งก็น่ากังวลว่าถ้ายังมีกลุ่มหัวรุนแรงเหล่านี้อยู่ไม่วันใดวันหนึ่งกลุ่มเหล่านี้อาจกลับมาก่อเหตุรุนแรงอีกครั้ง!!!

ทั้งนี้ เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา “บิ๊กอ๊อด” ได้มีหนังสือคำสั่งกำชับไปยังกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ให้ตำรวจนครบาลร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ทหาร ปูพรมกวาดล้างจับกุมอาวุธสงครามวัตถุระเบิด และยาเสพติด เพื่อป้องกันเหตุแทรกซ้อนต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นรวมไปถึงเป็นการแสดงศักยภาพการทำงานร่วมกันของ 2 หน่วยงานหลังการข่าวพบว่าอาจมีการเคลื่อนไหว และนำอาวุธสงครามจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล พร้อมกำชับเรื่องการตั้งด่านความมั่นคงตรวจตรารถยนต์ราคาแพงหรือรถที่มีทะเบียนประมูลมากกว่าปกติ เพราะอาจเป็นรถของกลุ่มผู้มีอิทธิพลซึ่งจะพกพาอาวุธเป็นประจำ...

สุดท้ายคงเป็นหน้าที่ของตำรวจยุค “บิ๊กกุ้ย” พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาการผู้นำสีกากี รวมถึง “บิ๊กเอก” และ “บิ๊กอ๊อด” สองแคนดิเดตว่าที่ “ผบ.ตร.คนที่ 10” จะได้โชว์ศักยภาพเต็มที่เพื่อต่อ “จิ๊กซอว์” เชื่อมโยงไปยังกลุ่มบงการที่อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดที่พระราม 9 ได้หรือไม่?

“ไม่ใช่มั่ว” แถลงข่าวรายวัน โชว์ออฟเอาใจเหล่าบิ๊กทหารเท่านั้นแต่ผลงานกลับไม่เป็นสับปะรดตามคำโว!!!


(แฟ้มภาพ)
(แฟ้มภาพ)
กำลังโหลดความคิดเห็น