ย้อนสำรวจแหล่งน้ำมันดิบในไทย หลังทหารลงหาข้อมูลลักลอบขุดเจาะน้ำมันที่เพชรบูรณ์ เชื่อเหนือ-อีสานแหล่งใหญ่ ไม่น้อยหน้าอ่าวไทย
จากกรณีมีการเสนอข่าว พ.ท.รัฐเขต แจ้งจำรัส นายทหารประจำกองบัญชาการกองทัพไทยและนักวิชาการอิสระเชี่ยวชาญด้านพลังงาน พร้อมเจ้าหน้าที่ทหารเริ่มปฏิบัติภารกิจตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ในฐานะหัวหน้า คสช. โดยได้ลงพื้นที่ตรวจสอบหลุมขุดเจาะน้ำมันดิบในจังหวัดเพชรบูรณ์ ภายหลังทราบมาว่า บริษัทต่างชาติ ได้ร่วมมือกับ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) แอบลักลอบขุดน้ำมันของประเทศไทย จากทั้งหมดเกือบ 6,000 หลุมขุดเจาะทั่วประเทศ
ทั้งนี้ พ.ท.รัฐเขต ตั้งคำถามว่า "ไหน ปตท.บอกว่าน้ำมันประเทศไทยเหลือน้อย แต่เฉพาะที่ อ.ศรีเทพ และ อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ มีบ่อน้ำมันมากถึง 95 หลุม"
ขณะที่ ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์ข้อมูลของ เสธ.น้ำเงิน ที่ระบุว่า โรงกลั่นน้ำมันของประเทศไทย ที่มีจำนวน 7 โรง แต่ละโรงต่อท่อตรงจากอ่าวไทย ซึ่งจะเห็นได้ว่า แหล่งน้ำมันดิบทั่วประเทศไทย ทั้งบนบกและในทะเล มีมากมายมหาศาลเทียบเท่าซาอุดิอาระเบีย
แหล่งหลุมแอบเจาะแถวนั้นยังมีอีกเพียบ เช่น พิจิตร กำแพงเพชร เท่าที่ทราบจากผู้รู้ น่าจะหลักร้อยหลุม และแถวอีสานก็มีแหล่งน้ำมันอีกเพียบ คิดดูว่าแถวอีสานบน เราเจอซากไดโนเสาร์ตั้งหลายแห่ง แผ่นดินนี้เคยอุดมสมบูรณ์มาก่อนและเก่าแก่ขนาดไหน
ภาคเหนือแถวเชียงแสน เชียงรายเคยเป็นปล่องภูเขาไฟมาก่อน แร่ธาตุพวกถ่านหินเพียบ ลำปางก็แม่เมาะ และคนเชียงใหม่ จะรู้ไหมว่ามีถ่านหินเพียบ ในจังหวัดตัวเอง ลองถามคน อ.เวียงแหง และ กฟผ.ดูซิ ว่าจริงหรือไม่ เต็มร่องเขาเพชรบูรณ์ มีหลักฐานว่าเคยอยู่ไต้ทะเลลึกมาก่อน ปัจจุบันมีเหมืองทองทำใหญ่โตมโหฬารมาก และขยายพื้นที่ไปเรื่อยๆ ขนาดบนยอดเขา ยังมีซากปะการังเป็นหิน พื้นที่ขนาดใหญ่หลายสิบไร่ มีแมงกระพรุนขนาดเล็กเท่าเหรียญห้าในแอ่งน้ำจืด และหลักฐานอื่นๆ อีกมากมาย ประเทศไทยเรามั่งคั่งด้วยทรัพยากร ถ้ารัฐบริหารจัดการดีๆ คืนประโยชน์นั้นกลับมาให้คนไทยส่วนรวม คนไทยจะสุขสบายกว่านี้อีกมาก ซึ่งคงจะได้เห็นในยุค คสช.นี้ เพราะมีการตั้งบอร์ดพลังงานแห่งชาติไปแล้ว
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าว “ASTVผู้จัดการออนไลน์” ได้สืบค้นข้อมูลประเด็นจำนวนบ่อน้ำมันจากทั้งหมดเกือบ 6,000 หลุมขุดเจาะทั่วประเทศนั้น พบว่าเรื่องนี้ ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี อดีตอนุกรรมาธิการเสริมสร้างธรรมาภิบาลด้านพลังงาน วุฒิสภา และนักวิชาการอิสระเคยได้ให้สัมภาษณ์ นิตยสาร WHO ฉบับวันที่ 1 กันยายน 2555 โดยระบุว่า "น้ำมันกับก๊าซเป็นเรื่องเดียวกัน รวมเรียกว่า ปิโตรเลียม ที่เกิดจากการย่อยสลายของซากพืชซากสัตว์ด้วยจุลินทรีย์ในที่ที่ไม่มีอากาศ (Anaerobic Digestion) ซากสิ่งมีชีวิตก็จะแตกตัวเป็นสารปิโตรเลียมเอง ดังนั้นปิโตรเลียมก็สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งบนบกและในทะเล
"ทุกวันนี้หลุมผลิตน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติมีมากถึง 2,768 หลุม แบบนี้บอกว่าไม่มีน้ำมันคงไม่ได้ บนบกมีทั่วประเทศ เช่น แหล่งน้ำมันสิริกิติ์เป็นแหล่งที่ใหญ่มาก ครอบคลุม จ.กำแพงเพชร สุโขทัย พิษณุโลก และนครสวรรค์ ขุดขึ้นมาปีละ 2,000 ล้านลิตร เพชรบูรณ์ปีละ 94 ล้านลิตร สุพรรณบุรีปีละ 90 ล้านลิตร เชียงใหม่ปีละ 60 ล้านลิตร ส่วนในทะเลแหล่งใหญ่ ๆ เช่น แหล่งบงกชสามารถขุดขึ้นมาปีละกว่า 1 หมื่นล้านลิตร เราอาจไม่ใช่ประเทศผลิตพลังงานอันดับหนึ่งหรือสองของโลกก็จริง แต่จากข้อมูลของกระทรวงพลังงานเอง ไทยจัดเป็นประเทศที่มีแหล่งพลังงานมากอย่างที่ปฏิเสธไม่ได้"
ม.ล.กรกสิวัฒน์ ได้อธิบายถึงเรื่องนี้เพิ่มเติมว่า ประเด็นที่ว่าประเทศไทยมีบ่อน้ำมันเกือบ 6,000 หลุมขุดเจาะทั่วประเทศนั้นแบ่งออกเป็นบ่อน้ำมัน 3 ประเภท คือ บ่อน้ำมันเพื่อการผลิต บ่อน้ำมันเพื่อการสำรวจ และบ่อน้ำมันเพื่อการพัฒนา ตัวเลข 2,768 หลุม เป็นหลุมผลิตน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติที่สามารถนำมาใช้ได้งานได้เพื่อแปรสภาพให้เป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปชนิดต่างๆ