แชร์สนั่นคลิปรายการข่าวดัง ทหาร-ตำรวจ ตรวจสอบบ่อน้ำมันที่เพชรบูรณ์ พบรุกล้ำพื้นที่ ส.ป.ก. ชัดเจน อนุญาตให้แค่สำรวจแต่ดอดผลิตน้ำมันดิบไม่ต่ำกว่า 5 ปี ขนใส่รถบรรทุกไม่ต่ำกว่าวันละ 3 เที่ยว กำลังการผลิตไม่ต่ำกว่า 1.2 พันบาร์เรล คิดรวมกันที่ผ่านมาสูบมาใช้ไม่ต่ำกว่า 3 ร้อยล้านลิตร รัฐเสียหายหมื่นล้าน จนท.รัฐ - นักการเมืองท้องถิ่นเอื้อนายทุน
วานนี้ (17 มิ.ย.) รายการประเด็นเด็ดเจ็ดสี ทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ได้เผยแพร่รายงานกรณีที่ทหารกองบัญชาการกองทัพไทย และตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้าตรวจสอบการลักลอบขุดเจาะน้ำมันดิบของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ต.บ่อรัง อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็น 1 ใน 6 จุดที่คาดว่าจะอยู่ในพื้นที่ป่าปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือ ส.ป.ก. ซึ่งใน จ.เพชรบูรณ์ มีบ่อน้ำมัน 95 บ่อ ในขณะที่ทั้งประเทศมีบ่อน้ำมันและก๊าซธรรมชาติรวม 6,200 บ่อ
จากการตรวจสอบด้วยเครื่องจีพีเอส พบว่าอยู่ในพื้นที่ป่า ส.ป.ก. จริง จึงมีคำสั่งให้หยุดเดินเครื่องจักรทุกตัว จากการตรวจสอบพบการขุดน้ำมันดิบมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ปี ปริมาณไม่ต่ำกว่า 1,200 บาร์เรลต่อบ่อ มีบริษัทขนส่งแห่งหนึ่งลำเลียงน้ำมันออกไม่ต่ำกว่าวันละ 3 เที่ยวต่อบ่อ ขัดแย้งกับเอกสารขออนุญาตกับ ส.ป.ก. เพื่อการขุดน้ำมันใช้สำรวจปิโตรเลียมเท่านั้น
พ.ท.รัฐเขต แจ้งจำรัส นายทหารประจำกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเป็นที่ชัดเจนว่าเป็นพื้นที่ สปก. มีเอกสารประกอบ และทาง ส.ป.ก. ยืนยันว่าเป็นที่ดินของ ส.ป.ก. เมื่อความผิดสำเร็จชัดเจนแล้ว เจ้าพนักงานสอบสวนก็จะพิจารณาต่อไป
นายวิวัฒน์ชัย กุลมาตย์ ที่ปรึกษาภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันแห่งชาติ เปิดเผยว่า การลักลอบขุดน้ำมันและนำออกจากบริเวณนี้มีให้เห็นทุกวัน และเนื่องจากที่ผ่านมาไม่จ่ายค่าภาคหลวง ทำให้สร้างความเสียหายต่อภาครัฐไม่ต่ำกว่าหมื่นล้านบาท โดยการเอื้อประโยชน์จากเจ้าหน้าที่รัฐ และนักการเมืองในพื้นที่ให้กับบริษัททุนต่างชาติ
“ส.ป.ก. ต้องร่วมรับผิดชอบ มีความผิดตามมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรมพลังงานก็มีความผิด เนื่องจากไม่ได้ติดตาม ทำให้รัฐเสียประโยชน์ในเรื่องน้ำมัน การที่ ส.ป.ก. ให้อนุญาตแค่สำรวจเท่านั้น เป็นการยืนยันว่าประเทศไทยมีน้ำมัน มีก๊าซธรรมชาติ ปตท. หยุดเลิกโฆษณาชวนเชื่อเสียทีว่าน้ำมันจะหมดจากประเทศ” นายวิวัฒนชัย กล่าว
ทั้งนี้ หลังรายการออกอากาศได้มีการแชร์คลิปรายการในโซเชียลมีเดีย ทำให้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์แก่ผู้ที่สนใจความเคลื่อนไหวเรื่องพลังงานอย่างกว้างขวาง
โดยบ่อน้ำมันที่สั่งปิดไปนั้น กำลังการผลิตปริมาณไม่ต่ำกว่า 1,200 บาร์เรลต่อบ่อ หากคำนวณตามมาตราตวงแล้ว 1 บาร์เรลคิดเป็น 35 แกลลอนอังกฤษ หรือ 159.11 ลิตร เท่ากับผลิตน้ำมันดิบได้ 190,932 ลิตรต่อวัน และหากนับรวมกันทั้งปี (โดยคิดจากจำนวนวัน 365 วัน) จะผลิตน้ำมันดิบได้มากถึง 69,690,180 ลิตรต่อบ่อ และเมื่อคำนวณ 5 ปี จะผลิตน้ำมันได้มากถึง 348,450,900 ลิตร
อนึ่ง เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทนงศักดิ์ กำแพงนิล พนักงานสอบสวน ผู้ชำนาญการพิเศษ กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะ ลงพื้นที่ตรวจสอบบ่อน้ำมันดิบของบริษัท อีโค โอเรียนท์ รีซอสเซส หรือ แพนโอเรี้ยน รีซอสเซส ประเทศไทย ในพื้นที่ ต.บ่อรัง อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ หลังได้รับแจ้งว่าบริษัทดังกล่าวนี้ ได้ลักลอบขุดเจาะน้ำมันในเขตพื้นที่ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือ ส.ป.ก. จำนวน 7 บ่อ ในพื้นที่ 7 แปลง
ผลการตรวจสอบพบว่า บ่อน้ำมันดิบในเขต ส.ป.ก. จำนวน 6 บ่อ บริษัท แพนโอเรี้ยนท์ หยุดดำเนินการแล้ว เหลืออีก 1 บ่อ ซึ่งตั้งอยู่หมู่ที่ 4 บ้านหนองบัวขาว ยังดำเนินการอยู่ โดยเจ้าหน้าที่บริษัทอ้างว่า อยู่นอกเขต ส.ป.ก. จากการตรวจสอบบ่อน้ำมันดังกล่าว พบว่าอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ฝั่งซ้ายแม่น้ำป่าสักโซน E ที่กรมป่าไม้ ได้มอบให้สำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดเพชรบูรณ์ จัดสรรให้เกษตรกร
อีกด้านหนึ่ง ย้อนกลับไปเมื่อปี 2556 ชาวบ้านใน ต.บ่อรัง ร้องเรียนไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อตรวจสอบการผลิตน้ำมันปิโตรเลียมของบริษัท อีโค โอเรียนท์ รีซอสเซส (ประเทศไทย) ซึ่งนางหทัยรัตน์ ทองใจสด นายก อบต.บ่อรัง ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่แหล่งขุดเจาะน้ำมันที่ตั้งอยู่ ได้กล่าวว่า ปัจจุบัน อบต. ได้รับการจัดสรรค่าภาคหลวงปิโตรเลียม ลดลงเหลือแค่ร้อยละ 10 จากยอดเงินในปี 2552 ได้รับการจัดสรรถึง 17 ล้านบาทเศษ
โดยเพียงได้รับแจ้งว่า กำลังการผลิตลดลงและการใช้พื้นที่บางส่วน ยังไม่ได้รับอนุญาตจากทาง สปก. จึงต้องหยุดการผลิตจากแหล่งนี้ไว้ก่อน ส่วนปริมาณการผลิตที่ผ่านมามีเท่าไรนั้น ทาง อบต. ไม่สามารถตรวจสอบได้ แต่ที่ยังค้านสายตาชาวบ้านก็คือ รถบรรทุกน้ำมัน ยังมีจำนวนไม่แตกต่างไปจากเดิม ยังทำให้ถนนทรุดพัง เพราะน้ำหนักรถบรรทุกเกินมาตรฐาน อบต. ไม่มีงบประมาณพอเพียงจะไปซ่อมแซม