xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวสูบน้ำมันเถื่อนบ่อเพชรบูรณ์ลามทุ่ง-อ่อนไหวถึง คสช.!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ผ่าประเด็นร้อน

เป็นเรื่องฮือฮาขึ้นมาทุกทีหากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับพลังงาน เรื่องน้ำมัน และแก๊ส ตัวอย่างที่เห็นกันล่าสุดก็คือ รายงาน “ประเด็นเด็ด 7 สี” ทางช่อง 7 ที่เสนอรายการการเข้าตรวจสอบการลักลอบขุดเจาะน้ำมันดิบที่บ่อน้ำมันในจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยกำลังทหารจากกองบัญชาการกองทัพไทย ร่วมกับตำรวจจากกองบังคับการกองปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเข้าตรวจสอบการลักลอบการขุดเจาะน้ำมันดิบของบริษัทเอกชนรายหนึ่ง ในตำบลบ่อรัง อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ 1 ใน 6 จุดที่คาดว่าอาจจะอยู่ในพื้นที่ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือ ส.ป.ก. รายงานดังกล่าวบอกว่า พื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์มีบ่อน้ำมัน 95 บ่อ ขณะที่ทั้งประเทศมีบ่อน้ำมันและก๊าซธรรมชาติกว่า 6,200 บ่อ

ในรายงานของประเด็นเด็ดฯ ยังสัมภาษณ์ผู้ที่ลงไปตรวจสอบในทำนองว่าได้มีการสั่งปิดบ่อน้ำมันที่อยู่ในพื้นที่ ส.ป.ก.และให้หยุดเดินเครื่องจักรทั้งหมด และยังอ้างว่าจากการตรวจสอบพบว่ามีการลักลอบขุดเจาะน้ำมันมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ปี มีปริมาณไม่ต่ำกว่า 1,200 บาร์เรลต่อบ่อ มีบริษัทขนส่งทำหน้าที่ลำเลียงน้ำมันออกไปไม่ต่ำกว่าวันละ 3 เที่ยว

ดังนั้น หากพิจารณาจากข้อมูลดังกล่าว กำลังการผลิตปริมาณไม่ต่ำกว่า 1,200 บาร์เรลต่อบ่อ หากคำนวณตามมาตราตวงแล้ว 1 บาร์เรลคิดเป็น 35 แกลลอนอังกฤษ หรือ 159.11 ลิตร เท่ากับผลิตน้ำมันดิบได้ 190,932 ลิตรต่อวัน และหากนับรวมกันทั้งปี (โดยคิดจากจำนวนวัน 365 วัน) จะผลิตน้ำมันดิบได้มากถึง 69,690,180 ลิตรต่อบ่อ และเมื่อคำนวณ 5 ปี จะผลิตน้ำมันได้มากถึง 348,450,900 ลิตร ขณะเดียวกันยังมีการระบุว่ามีการเลี่ยกเลี่ยงการจ่ายค่าภาคหลวง ทำให้รัฐสูญเสียรายได้จำนวนมหาศาล

อย่างไรก็ดี ในเวลาต่อมา กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน ได้ออกคำชี้แจงปฏิเสธรายงานข่าวดังกล่าวโดยย้ำว่าเป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง ซึ่งมีรายเอียดเป็นข้อมูลที่อ้างถึงพื้นที่การขุดเจาะของบริษัทเอกชน รวมไปถึงจำนวนฐานการผลิตจำนวน 6 ฐาน ซึ่งแต่ละฐานก็จะมีหลุม (บ่อ) จำนวนตั้งแต่ 1 หลุมจนถึง 4 หลุม

แม้ว่าทั้งรายงานข่าวดังกล่าว รวมถึงข้อมูลทั้งคนที่ลงไปในพื้นที่เพื่อตรวจสอบ รวมไปถึงฝ่ายกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ แต่ละฝ่ายยังต้องมีการตรวจสอบซ้ำไปอีก เนื่องจากยังไม่ชัวร์กันทั้งสองฝ่าย บางส่วนอาจไม่จริง หรือบางส่วนยังพูดความจริงไม่ครบถ้วน

แต่ประเด็นก็คือ พอพูดถึงเรื่องพลังงาน เรื่องราคาน้ำมัน ราคาแก๊สทีไรก็ต้องกลายเป็นเรื่องฮืออาได้รับความสนใจจากชาวบ้านอย่างล้นหลามทุกที คราวนี้ก็เช่นเดียวกัน มีการแชร์ ส่งต่อเป็นคลิปเผยแพร่กันในโลกออนไลน์กันอย่างรวดเร็ว กว้างขวาง พร้อมทั้งมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาอย่างเผ็ดร้อน และแน่นอนว่า ส่วนใหญ่จะตำหนิหน่วยงานของรัฐ ทั้งกระทรวงพลังงาน บริษัทน้ำมัน นักการเมืองที่รวมหัวกันหาประโยชน์บนความเดือดร้อนของชาวบ้าน และยังเชื่อว่า ราคาน้ำมันที่แพงจน “เกือบสองลิตรร้อย” นั้นมาจากความฉ้อฉลและบิดเบือนราคา ค้ากำไรจนเกินพอดี และแน่นอนอีกว่า ก็ต้องโยงมาที่บริษัท ปตท.อีก เพราะบริษัทเอกชนดังกล่าวที่ถูกตรวจสอบที่จังหวัดเพชรบูรณ์ดังกล่าวมีการขนส่งน้ำมันดิบมาที่โรงกลั่นน้ำมันบางจาก ซึ่ง ปตท.เป็นเจ้าของนั่นแหละ

แม้ว่าจะยังไม่ชัดเจนว่าจริงเท็จร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ในเมื่อมีการให้สัมปทานกันนับหลายพันแปลงทั่วประเทศ ประกอบกับมีผลประโยชน์มหาศาล เป็นข้อมูลลับที่รับรู้กันในวงจำกัด มีเพียงระดับ “ขาใหญ่” เท่านั้นที่เข้าถึง และเมื่อถึงกำหนดที่จะมีการเปิดประมูลการให้สัมปทานการขุดเจาะน้ำมันรอบใหม่ (รอบที่ 21) กันอีกแล้ว มันก็ยิ่งทำให้คนที่ติดตามเรื่องนี้มาตลอดส่งเสียงโวยวายว่าทำให้โปร่งใส รวมทั้งต้องมีการรื้อกฎระเบียบกันใหม่ เพื่อให้ผลประโยชน์ตกกับรัฐมากที่สุด ทั้งค่าภาคหลวง รวมถึงต้องทำให้บริษัทน้ำมันและรัฐต้องเปิดเผยข้อมูลจริงออกมา

เพราะเวลานี้ชาวบ้านแทบทุกคนมีความเชื่อว่าราคาน้ำมันของไทยมีราคาแพงกว่าเพื่อนบ้าน รวมถึงอีกหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศที่นำเข้าน้ำมัน ขณะที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันและแก๊สมีจำนวนไม่น้อย และที่สำคัญยังมีการส่งออกอีกด้วย แต่กลายเป็นว่าคนไทยต้องใช้น้ำมันราคาแพง ซึ่งความหมายก็คือ “แพงเกินจริง” จนสร้างความเดือดร้อนอย่างหนัก เพราะอย่างที่รู้กันว่าราคาพลังงานเป็น “ต้นทุนต้นทาง” ทุกเรื่อง

นอกจากนี้หากโยงมาที่ ปตท.ที่มีการแปรรูปหรือแบ่งขายในยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ให้กับพวกเอกชน ซึ่งก็คือพวกนักการเมือง และกลุ่มทุนทั้งในและต่างประเทศในสัดส่วนถึงร้อยละ 49 ได้ผลตอบแทนจากการแบ่งกำไรในแต่ละปีมหาศาล สิ่งนี้ต่างหากที่คนไทยรับไม่ได้ และสะสมความไม่พอใจมากขึ้นทุกวัน

ดังนั้นนาทีนี้หากจะสรุปว่าประเด็นเรื่องพลังงานเป็นเรื่องอ่อนไหว ก็ต้องบอกว่าใช่ สังเกตได้จากพอมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นทีไรเป็นต้องมีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง พิสูจน์ได้ในสังคมออนไลน์ และเชื่อว่าทางคณะรักาาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คงได้สดับรับรู้ถึงปฏิกิริยาจากสังคมได้เป็นอย่างดี อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นมาแล้วจากการสั่งตรึงราคาแก๊สหุงต้มภาคครัวเรือนในราคาเดิมออกไปก่อน จากเดิมตามกำหนดต้องมีการปรับขึ้นอีกกิโลกรัมละ 50 สตางค์ในเดือนนี้ เพื่อรอการปรับโครงสร้างพลังงานกันครั้งใหญ่ให้เสร็จสิ้นเสียก่อน

แน่นอนว่านี่คือความหวังของประชาชนที่ต้องการเห็นการปฏิรูปด้านพลังงานกันครั้งใหญ่ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม เป้าหมายไม่ใช่ลดราคาลงมา เพราะนั่นเท่ากับว่าเป็นโครงการประชานิยมไม่ต่างจากระบอบทักษิณ ที่น่ารังเกียจ เนื่องจากหากทำแบบนั้นมันไม่ยั่งยืน ดังนั้นจึงหวังว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเข้าใจความรู้สึกแบบนี้ได้ดี และทีสำคัญมันเป็นเรื่อง “อ่อนไหว” นัก!!
 บ่อน้ำมันที่เพชรบูรณ์
กำลังโหลดความคิดเห็น